Professional Documents
Culture Documents
4.2 หลักการ
การระดับเป็นวิธีการหาค่าระดับผ่านการถ่ายค่าระดับจากจุดที่ทราบค่าไปยังจุดที่ต้องการทราบค่า โดย
หมายรวมถึงการหาผลต่างระดับระหว่างจุดใด ๆ ที่อยู่บนพื้นผิวโลก เหนือพื้นผิวโลก หรือใต้ พื้นผิวโลก ทั้งนี้
หลักการสาคัญของการระดับคือ การรังวัดระยะดิ่งระหว่างเส้นระดับ ณ จุดใด ๆ กับระดับอ้างอิง ซึ่งระดับ
อ้างอิงใช้ระดับทะเลปานกลาง (ร.ท.ก. หรือ Mean Sea Level [msl.])* หรือระดับอ้างอิงสมมติ (ร.ส.ม. ที่เป็น
การอ้างอิงกับพื้นหลักฐานการระดับที่สมมุติขึ้นมา [Assumed Datum]) ทุกจุดบนเส้นระดับแต่ละเส้นจะมีแรง
ดึงดูดของโลกเท่า ๆ กัน หรือมีความดันบรรยายกาศของโลกเท่า ๆ กัน การระดับใช้ประโยชน์ในการออกแบบ
ถนน ทางรถไฟ คลอง ท่อระบายน้าเสีย การประปา รวมทั้งใช้ในการกาหนดค่าระดับการก่อสร้างเพื่อให้มีค่า
ระดั บ เป็ น ไปตามแบบแปลนที่ อ อกแบบไว้ ใช้ ในการค านวณหาปริม าตรงานดิน หรือ วัส ดุ อื่ น ๆ ใช้ ในการ
ตรวจสอบการระบายน้าในพื้นที่ต่าง ๆ ใช้ในการทาแผนที่ รวมทั้งการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือก
โลก เป็นต้น
การหาค่าระดั บ ให้ กับ จุ ดใด ๆ หรื อผลต่างระดั บ ระหว่างหมุด ใด ๆ นั้น ในทางวิศวกรรมสามารถ
ดาเนินการผ่านการใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เช่น การใช้แถบวัดระยะวัดตามแนวดิ่ง การใช้กล้องระดับ การใช้
กล้ อ งวัด มุม ท างานระดั บ ตรี โกณมิติ การใช้ บ ารอมิ เตอร์ การใช้ ค่าระดับ ที่ ได้ จากกระบวนการส ารวจด้ ว ย
ภาพถ่าย และการใช้ระบบดาวเทียมนาหนพิภพ (Global Navigation Satellite System: GNSS โดยวิธีการนี้
จะเรียกกันติดปากในวงการวิศวกรรมว่า การสารวจด้วยระบบดาวเทียม GPS) เป็นต้น
สาหรับวิธีการใช้กล้องระดับ ได้มีการใช้กล้องระดับหลายชนิดเช่น
(1) กล้องระดับดัมปี (Dumpy Level)
(2) กล้องระดับทิลติ้ง (Tilting Level) ซึ่งจะนิยมเรียกกันว่า กล้องระดับเขาควาย
(3) กล้องระดับอัตโนมัติ (Automatic Level)
* ระดับทะเลปานกลาง* (ร.ท.ก.) เป็นค่าการเฉลี่ยของการวัดระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด (High Tide: HT) และลงต่ำสุด (Low Tide: LT) ของแต่ละวันในช่วงระยะเวลาที่
กำหนด แล้วนำค่ามาเฉลี่ยเป็นระดับทะเลปานกลาง สำหรับระยะเวลาที่ทำการรังวัดโดยทั่วไปจะต้องวัดเป็นเวลา 18.6 ปี ตามวัฏจักรของน้ำ ระดับน้ำทะเลปานกลางของ
แต่ละบริเวณทั่วโลกอาจจะมีความสูงไม่เท่ากัน ในประเทศไทยใช้เวลาในการวัด 5 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 2453 – 2458 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6) โดยใช้สถานีวัดระดับน้ำซึ่ง
สร้างขึ้นที่ถนนเกาะหลัก ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่วัดค่าสังเกตของระดับทะเลที่ขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยเพื่อใช้เป็นค่า
ระดับทะเลปานกลาง ซึ่งกำหนดให้มีค่า 0.000 เมตร
33
4.3 เครื่องมือ
(1) กล้องระดับอัตโนมัติ (Automatic Level) 1 ชุด
(2) สามขาแบบไม้ (Wooden Fixed Leg Tripod) 1 ชุด
(3) ไม้ระดับ (Leveling Staff) 1 คู่
(4) ฐานรองไม้ระดับ (Foot Plate) 1 คู่
(5) หมุดไม้ (Peg) 4-5 อัน
(6) แถบวัดระยะ (Tape) 1 อัน
(7) เข็มคะแนน (Pin) พร้อมห่วงคล้อง 1 ชุด 11 อัน
(8) ค้อน (Hammer) 1 อัน
(9) เครื่องคิดเลข (Calculator) 1 เครื่อง
4.4 วิธีการ
4.4.1 การวัดสอบค่าคลาดเคลื่อนแนวเล็งกล้องโดยวิธี 2 หมุด
(Calibration of Collimation Error Using Two Peg Test)
สิ่งสาคัญที่วิศวกรทุกคนต้องระลึกเสมอก่อนที่นากล้องระดับใด ๆ ไปใช้งาน ต้องมีการตรวจสอบสภาวะ
ของกล้องระดับว่ามีสภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะนาไปใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับสิ่งต่อไปนี้
(1) การตรวจสอบแกนหลอดระดับตั้งฉากกับแกนดิ่งหรือไม่ หรือตรวจสอบว่าลูกน้าฟองกลมอยู่ ตรง
กลางหรือไม่
(2) การตรวจสอบว่าสายใยราบอยู่ในระนาบที่ตั้งฉากกับเส้นดิ่งหรือไม่
(3) การตรวจสอบแนวเล็ งกล้ อ งว่าขนานกั บ แกนหลอดระดั บ หรือ อยู่ในแนวเส้ น ราบหรือ ไม่ ซึ่ ง
ตรวจสอบโดยวิธี 2 หมุด
การตรวจสอบกล้องโดยวิธี 2 หมุดดังกล่าวมีวิธีการอยู่หลายวิธีในที่นี้จะกล่าว 2 วิธีที่นิยมใช้ทั่วไป ซึ่ง
ได้แก่ (1) วิธี A X B X และ (2) วิธี A X X B
EN112401: SURVEYING LABORATORY
โดย ผศ.ประกอบ มณีเนตร และ รศ.ดร.ชาติชาย ไวยสุระสิงห์
34
โดยแต่ละวิธีการนั้นมีรายละเอียดซึ่งจะได้กล่าวต่อไปนี้
วิธีที่ 1 วิธี A X B X
(การตั้งกล้อง ณ ตาแหน่งจุดกึ่งกลางระหว่างหมุดทั้งสองและการตั้งกล้องใกล้อีก 1 หมุด)
มีหลักการดังแสดงในรูปที่ 4.1 ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
(1) ในการตั้งกล้องให้ได้ระดับจะต้องปรับลูกน้าฟองกลมให้อยู่ตรงกลาง ดัง แสดงในรูปที่ 4.2 โดยการ
หมุนสกรูปรับระดับฐานกล้อง (Foot Screw) (1) และ (2) ที่ฐานกล้องให้หมุนในทิศทางตรงกันข้าม ลูกน้าจะ
เคลื่อนที่ตามทิศทางที่แสดง หลังจากนั้นให้หมุน Foot Screw (3) ลูกน้าจะเคลื่อนที่ตามทิศทางที่แสดงมาอยู่
ตรงกลางพอดี หลั งจากนั้ นให้ ตรวจสอบโดยการหมุนกล้ องรอบแกนดิ่งไปในทิศทางต่าง ๆ แล้ วปรับ Foot
Screw หมายเลข (1) และ (2) ดังรูปที่ 4.2 (ก) แล้วจึงปรับ Foot Screw หมายเลข (3) ดังรูปที่ 4.2 (ข) อีก
ครั้งลูกน้าฟองกลมจะมาอยู่ตรงกลางพอดี กล้องที่สมบูรณ์ลูกน้าจะอยู่ตรงกลาง ส่วนกล้องที่ไม่สมบูรณ์ลูกน้าจะ
ไม่อยู่ตรงกลาง ซึ่งจะต้องมีการปรับแก้ลูกน้าฟองกลมโดยการปรับสกรู Foot Screw ทั้ง 3 อัน ที่อยู่ใต้หลอด
ระดับฟองกลม (วิศวกรแบบไทย ๆ นิยมเรียกว่า ฟองกลมอยูใ่ นตาไก่ ขณะที่ฝรั่งจะเรียกว่า Bull’s Eye)
ดังนั้นผลต่างระดับระหว่างหมุด A และ B
∆ℎ𝐴𝐵 = (a1 – d1e) – (b1 – d2e)
= (a1 – b1) – (d1 – d2)e (4.1)
เนื่องจาก d1 = d2
∴ ∆ℎ𝐴𝐵 = a1 – b1 (4.2)
รูปที่ 4.3 วิธีการวัดสอบกล้องระดับแบบ A X X B โดยที่ (ก) ตัง้ ใกล้จุด A และ (ข) ตัง้ ใกล้จุด B
4.5 ตัวอย่างการบันทึกข้อมูลและขั้นตอนการคานวณ
4.5.1 ตัวอย่างการคานวณในการวัดสอบแนวเล็งของกล้องโดยวิธี 2 หมุด วิธีที่ 1 วิธี A X B X ดังรูปที่ 4.7
โดยสามารถที่จะดาเนินการทั้งการแบบสามสายใยและการอ่านเฉพาะสายใยกลาง ดังแสดงในตารางที่ 4.1 และ
4.2 ตามลาดับ
EN112401: SURVEYING LABORATORY
โดย ผศ.ประกอบ มณีเนตร และ รศ.ดร.ชาติชาย ไวยสุระสิงห์
42
U 3.0440.351 1.5890.051
D C 2.6930.350 1.5380.050
L 2.343 1.488
2.693 1.538
เมื่อตั้งกล้อง D
ค่าอ่านไม้ระดับที่ A ต้องเท่ากับ 2.693 – (30 + 30 + 10) × (+ 0.000 117) ม.
= 2.693 – 0.008 = 2.685 ม.
ค่าอ่านไม้ระดับที่ B ต้องเท่ากับ 1.538 - 10 x (+0.000 117) ม.
= 1.538 – 0.001 = 1.537 ม.
∴ ผลต่างระดับ = 2.685 - 1.537 = 1.148 ม.
Checked
ดังนั้น เมื่อตั้งกล้องที่ D จะต้องปรับกล้องให้อ่านค่าไม้ระดับได้ที่ A และ B เท่ากับ 2.685 ม. และ 1.537 ม.
ตามลาดับ โดยการปรับ Tilting Screw แล้วใช้ Capstan Screw ปรับลูกน้าตัว U ให้บรรจบกันสาหรับกล้อง
ระดับ Tilting หรือโดยการปรับสายใยราบสาหรับกล้องระดับ Automatic หรือกล้องระดับ Electronics
จากตารางที่ 4.3 และ 4.4 รวมถึงรูปที่ 4.8 (ก) และ (ข) สามารถแสดงตัวอย่างการคานวณได้ดังต่อไปนี้
(a2 − b2 ) + (a1 −b1 )
∆hAB = 2
(2.880−1.725) + (2.641−1.500)
จาก (4.7) ∆hAB = 2
ม.
1.155 + 1.141
= 2
ม.
= 1.148 ม.
(a2 − b2 )− (a1 −b1 )
e = 2D
(2.880−1.725)− (2.641−1.500)
จาก (4.8) e = 2×60
ม.
1.155− 1.141
= 2×60
ม.
= +0.000117 เรเดียน
ค่า e เป็น + แสดงว่าเงยขึ้น
นั่นคือ เมื่อตั้งกล้องที่ D จะต้องอ่านค่าไม้ระดับที่จุด A ได้ดังนี้
ค่าอ่านไม้ระดับที่ A = 2.880 – 70 × 0.000117 ม.
= 2.880 – 0.008 ม.
= 2.872 ม.
= 198.048 – 1.958 ม.
= 196.090 ม.
ในทานองเดียวกันสามารถคานวณหาค่า H.I. และค่าระดับของจุดอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน
และได้ค่าระดับรังวัดที่ BM1 = 195.512 ม.
ค่าระดับถูกต้องที่ BM1 = 195.505 ม.
ค่าคลาดเคลื่อนบรรจบ = +0.007 ม.
= ∑ BS − ∑ FS Checked
(3) คานวณหาค่าแก้ค่าระดับที่จุดต่าง ๆ
(ภายใต้หลักการค่าแก้ จะมีเครื่องหมายตรงข้ามกับ ค่าคลาดเคลื่อน)
ค่าคลาดเคลื่อนบรรจบ = +0.007 ม.
ค่าแก้ทั้งหมด = - (+0.007) ม.
= - 0.007 ม.
−0.007 × 60
ค่าแก้ค่าระดับที่ TP1 = = - 0.001 ม.
292
−0.007 × 140
ค่าแก้ค่าระดับที่ TP2 = = - 0.003 ม.
292
−0.007 × 220
ค่าแก้ค่าระดับที่ TP3 = = - 0.005 ม.
292
−0.007 × 292
ค่าแก้ค่าระดับที่ BM1 = = - 0.007 ม.
292
(4) คานวณหาค่าระดับปรับแก้
ค่าระดับปรับแก้ที่จุด TP1 = 196.090 + (-0.001) = 196.089 ม.
ค่าระดับปรับแก้ที่จุด TP2 = 196.015 + (-0.003) = 195.012 ม.
ค่าระดับปรับแก้ที่จุด TP3 = 194.958 + (-0.005) = 194.923 ม.
ค่าระดับปรับแก้ที่จุด BM1 = 195.512 + (-0.007) = 195.505 ม.
(3) หาค่าระดับของจุดต่าง ๆ
ค่าระดับ TP1 = 195.505 + Rise
= 195.505 + 0.585 = 196.090 ม.
ค่าระดับ TP2 = 196.090 – Fall
= 196.090 – 1.075 = 195.015 ม.
ค่าระดับ TP3 = 195.015 – Fall
= 195.015 – 0.087 = 194.928 ม.
ค่าระดับ BM1 = 194.928 + Rise
= 194.928 + 0.584 = 195.512 ม.
นั่นคือ ค่าระดับรังวัด BM1 = 195.512 ม.
ค่าระดับถูกต้อง BM1 = 195.505 ม.
ค่าคลาดเคลื่อนบรรจบ = +0.007 ม.
Checked
(4) คานวนหาค่าแก้ไขระดับจุดต่าง ๆ เช่นเดียวกับหัวข้อ 4.5.3.2 (3)
(5) คานวนค่าระดับที่แก้ไปแล้ว เช่นเดียวกับหัวข้อ 4.5.3.2 (4)
หมายเหตุ
(1) ก่อนอ่านค่าไม้ระดับทุกครั้งจะต้องขจัดภาพเหลื่อม (Parallax) เสียก่อน
(2) อย่าลืมปรับลูกน้าตัว U ด้วย สาหรับกล้องระดับเขาควาย (Tilting Level)
(3) และอย่าลืมกดปุ่มตัวชดเชยแนวเล็ง (Compensator) ทั้งในกล้องระดับอัตโนมัติ (Automatic) และ
กล้องระดับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)
(4) ข้ อ ก าหนดงานถ่ า ยระดั บ ตามมาตรฐานของ The Federal Geodetic Control Committee (FGCC
Standard) ได้กาหนดให้งานระดับชั้นสามมีเกณฑ์ซึ่งสามารถอธิบายโดยสรุปได้ดังนี้
(4.1) ระยะตั้งกล้องระดับถึงไม้ระดับต้องไม่เกิน 90 เมตร
(4.2) ค่าต่างระยะส่องหลังและระยะส่องหน้า (BS_Distance – FS_Distance) ของการตั้งกล้องแต่ละครั้ง
ไม่เกิน 10 เมตร
(4.3) ค่าต่างของผลรวมระยะส่องหลังและผลรวมระยะส่องหน้า (∑BS_Distance - ∑FS_Distance) ของ
การทาระดับครั้งนั้น ๆ ต้องไม่เกิน 10 เมตร
(4.4) ค่าแย้งของค่าต่างระดับไปและกลับไม่เกิน ±12mm√K