Professional Documents
Culture Documents
17.2 ความตึงผิวและความหนืดของของเหลว
17.2 ความตึงผิวและความหนืดของของเหลว
2 ความตึงผิวและ
ความหนืดของของเหลว
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว
มีแรงลัพธ์จากผิวน้้าดันเข็มเย็บผ้าหรือใบมีดโกนขึ้นในแนวดิ่ง
ซึ่งแรงนี้เกิดจากโมเลกุลของน้้าที่บริเวณผิวหน้ายึดกันไว้มากพอจนรับ
น้้าหนักของเข็มหรือใบมีดโกนไว้ได้ เรียกว่า แรงดึงผิวของน้้า
2
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
ที่บริเวณผิวของของเหลวแรงดึงดูดระหว่าง
โมเลกุล (cohesive force) จะท้าให้โมเลกุลที่ผิว
ของเหลวถูกโมเลกุลข้างเคียงดึงดูด มีทิศทางเข้าหา
ของเหลวและทิศทางในแนวสัมผัสผิวของของเหลว
หลังจากเจาะฟิล์มน้้าสบู่ภายในห่วงด้ายขาดออก ห่วงด้ายจะเป็นรูปวงกลม
แสดงให้เห็นว่าแรงดึงผิวของฟิล์มน้้าสบู่ดึงห่วงด้ายในทิศตั้งฉากกับเส้นด้าย
สรุปได้ว่า แรงดึงผิวมีทิศตั้งฉากกับขอบผิวของเหลวที่สัมผัสกับวัตถุ
และอยู่ในแนวขนานกับผิวของเหลว
4
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การโค้งของผิวของเหลว
เมื่อเทของเหลวลงในภาชนะและของเหลวนั้นอยู่นิ่ง
สังเกตผิวของเหลวจะพบว่า ผิวของเหลวตรงบริเวณที่
สัมผัสผิวภาชนะมีลักษณะโค้ง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า
การโค้งของผิวของเหลว (meniscus effect)
เมื่อใส่น้าและปรอทลงในหลอดทดลองอย่างละหลอด
ขณะที่ของเหลวทั้งสองอยู่นิ่ง จะพบว่า ผิวน้้าและผิว
ปรอทในหลอดทดลองมีลักษณะการโค้งที่แตกต่างกัน
ปรากฏการณ์นี้เกิดจาก แรงระหว่างโมเลกุล
(intermolecular force)
5
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การโค้งของผิวของเหลว
แรงระหว่างโมเลกุล (intermolecular force) มีสองแบบ คือ
แรงเชื่อมแน่น (cohesive force) แรงยึดติด (adhesive force)
เป็นแรงระหว่างโมเลกุลชนิดเดียวกัน เป็นแรงระหว่างโมเลกุลต่างชนิดกัน
เมื่อเทน้้าและปรอทออกจากหลอดทดลอง ของเหลวใดจะมีโอกาสติดอยู่
ข้างแก้วมากกว่ากัน
7
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การซึมตามรูเล็ก
เมื่อจุ่มปลายข้างหนึ่งของหลอดรูเล็ก (capillary tube) ลงในของเหลวจะพบว่าระดับของเหลว
ในหลอดสูงหรือต่้ากว่าระดับของเหลวภายนอกหลอด ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า การซึมตามรูเล็ก
(capillary action) ซึ่งเกิดจากแรงเชื่อมแน่น และ แรงยึดติด
ระดับน้้าในหลอดสูงกว่าระดับน้้านอกหลอด ส่วนระดับปรอทในหลอดต่้ากว่าระดับปรอทภายนอกหลอด
8
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การซึมตามรูเล็ก
9
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การซึมตามรูเล็ก
ปรากฏการณ์การซึมตามรูเล็กที่พบเห็นในชีวิตประจ้าวัน
การซึมของน้้าเข้าไปในเนื้อผ้าผ่านช่องว่างระหว่างเส้นใยผ้า
การซึมของน้้าเข้าไปในเยื่อกระดาษผ่านรูเล็ก ๆ หรือช่องว่างระหว่างอนุภาคของเยื่อกระดาษ
การซึมของน้้าจากรากพืชขึ้นไปตามล้าต้นโดยอาศัยท่อไซเล็ม (xylem) หรือท่อส่งอาหารของพืช
การซึมของน้้าเกลือที่อยู่ใต้ดินขึ้นสู่ผิวดินในภาคอีสาน
10
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การหาความตึงผิว
ความตึงผิวของของเหลว γ หมายถึง อัตราส่วนของแรงดึงผิว F ต่อความยาว l ที่ตั้งฉาก
กับแรงตลอดแนวที่แรงกระท้า ดังสมการ
= F
l
γ เป็นความตึงผิว มีหน่วย นิวตันต่อเมตร (N/m)
11
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การหาความตึงผิว
กรณีที่ผิวของเหลวเป็นฟิล์มบาง เช่น ผิวของเหลวในขดลวดรูปตัวยูและมีลวดเบา xy ยาว d
เคลื่อนที่ได้คล่อง ผิวของเหลวจะดึงลวด xy ให้เคลื่อนที่ขึ้น เมื่อออกแรง T ดึงลวด xy ให้อยู่ในสมดุล
แสดงว่าแรงดึง T เท่ากับแรงดึงผิว F เมื่อพิจารณาฟิล์มของเหลวที่สัมผัสลวด xy จะประกอบด้วยผิว 2 ด้าน
ความยาวของผิวที่ท้าาให้เกิดแรงดึงผิวจึงเท่ากับ 2d
12
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
การหาความตึงผิว
จากสมการความตึงผิว ฟิล์มของเหลวมีความยาวผิว l ที่ตั้งฉากกับแรงดึงผิวตลอดแนวแรง
ที่กระท้ากับลวด xy เท่ากับ 2d ความตึงผิวของฟิล์มของเหลวมีค่าเท่ากับ
= F
2d
13
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
กิจกรรม 17.3 ความตึงผิวของของเหลว
จากการทดลองพบว่าขณะที่ห่วงวงกลมก้าลังจะ
หลุดออกจากผิวของเหลว ผิวของเหลวสัมผัสห่วงวงกลม
ขึ้นมาสองด้าน คือ ด้านนอกวงกลมและด้านในวงกลม
ความตึงผิวของของเหลวชนิดเดียวกันมีค่าเท่ากัน และ
ของเหลวต่างชนิดกันมีค่าต่างกัน
14
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
กิจกรรม 17.3 ความตึงผิวของของเหลว
ค้านวณหาแรงดึงผิว โดยใช้หลักโมเมนต์
Mทวน = Mตาม Fy = mgx
mgx
F=
y
ค้านวณหาความตึงผิว
l = 2 r
= F
2(2 r)
15
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
ความตึงผิวของของเหลวแต่ละชนิดมีค่าไม่เท่ากัน
ส้าหรับของเหลวชนิดหนึ่งค่าความตึงผิวจะเปลี่ยนไป เมื่อ
อุณหภูมิเปลี่ยนไป
เช่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นความตึงผิวของของเหลวจะลดลง
เพราะที่อุณหภูมิสูงขึ้นโมเลกุลของของเหลวจะเคลื่อนที่เร็ว
ขึ้น ท้าให้แรงระหว่างโมเลกุลมีค่าน้อยลง
16
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว (ต่อ)
17
17.2.2 ความหนืดของของเหลว
กิจกรรม 17.4 ความหนืดของของเหลว
เมื่อปล่อยให้ลูกเหล็กกลมเคลื่อนที่ใน
ของเหลว พบว่า อัตราเร็วเพิ่มขึ้นในช่วงแรก
ของการจม จนถึงระดับความลึกหนึ่ง ลูกเหล็ก
จะจมต่อไปด้วยอัตราเร็วสม่้าเสมอ
และลูกเหล็กกลมจมในของเหลวต่างชนิดกันที่มี
ความลึกเท่ากันจะใช้เวลาต่างกัน
18
17.2.2 ความหนืดของของเหลว (ต่อ)
การที่ลูกเหล็กกลมเคลื่อนที่ในของเหลวต่างชนิดกันที่ระดับความลึกเท่ากันจะใช้เวลาต่างกัน
เนื่องจากของเหลวมีสมบัติในการต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุผ่านของเหลวนั้นต่างกันหรือ
ต้านการไหลของของเหลวต่างกัน สมบัติการต้านดังกล่าว เรียกว่า ความหนืด (Viscosity)
เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ผ่านของเหลวที่มีความหนืดจะเกิดแรงต้านการเคลื่อนที่
เรียกว่า แรงหนืด (Viscous force) ของเหลวที่มีความหนืดมากกว่า จะมีแรงหนืดมากกว่า
ท้าให้วัตถุเคลื่อนที่ในของเหลวได้ช้ากว่าการเคลื่อนที่ผ่านของเหลวที่มีความหนืดน้อยกว่า
19
17.2.2 ความหนืดของของเหลว (ต่อ)
20
17.2.2 ความหนืดของของเหลว (ต่อ)
แรงลอยตัว หลักของอาร์คีมิดิส
แรงลอยตัว “ แรงลอยตัวจะมีคาเทากับ น้้าหนักของของเหลว
ซึ่งมีปริมาตรเทากับปริมาตรของวัตถุสวนจม ”
FB = mg m=ρV
m
FB = ρของเหลวVของเหลว g Vของเหลว = Vวัตถุส่วนที่จม
FB = ρของเหลวVวัตถุส่วนที่จม g
mg
21
17.2.2 ความหนืดของของเหลว (ต่อ)
3. ต้าแหน่งนี้วัตถุมีความเร็วสูงสุดและมีค่าคงที่ (vmax)
3 เขียนสมการได้ว่า FB+Fหนืด=mg
2 r2g
v= ( − ')
9 22
17.2.2 ความหนืดของของเหลว (ต่อ)
การผลิตน้้ามันหล่อลื่นให้เหมาะสมกับ
เครื่องจักรกลชนิดต่าง ๆ
23