IT 10

UN
GRAMMAR
 t per.
h + Pas
Wis
ใช้ในกรณีที่เราอยากจะแก้ไขสิ่งที่ได้ทำลงไปในอดีต
เป็นการแสดงความรู้สึกเสียใจ เสียดาย
Sentence structure:
S. + wish + S. + had + V.3
I wish I hadn’t lost money. ( I lost it already.)
I wish I hadn’t met him.
I wish I had studied harder in school.
 IF clause
If clause หรือ Conditional sentence (ประโยคเงื่อนไข) คือ ประโยคที่ผู้พูด
สมมติว่าถ้ามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น จะมีผลหรือเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้นตามมา

Conditional sentence ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1) If clause ส่วนที่เป็น“เงื่อนไข” ขึ้นต้นด้วย If
2) Main clause ส่วนที่เป็น“ผลมาจากเงื่อนไข” If clause
 IF clause
ประโยค If clause สามารถแบ่งได้ 2 แบบเช่นกัน
1) ถ้าหากส่วนที่เป็น If clause ขึ้นก่อน เมื่อจบประโยคจะต้องคั่นด้วย
(,) comma เสมอ แล้วค่อยตามด้วย Main clause เช่น
If I were you, I wouldn’t love him.
2) ถ้าหากส่วนของ Main clause ขึ้นก่อน จะต่อด้วย If clause เลยโดย
ไม่มี (,) comma คั่น เช่น
I wouldn't love him if I were you.
 ประเภทของ if clause
Third conditional
sentence

ใช้กับเหตุการณ์ที่ “ตรงข้ามกับความจริงในอดีต” ซึ่งไม่เป็นไปตามผู้พูดคาด

และรู้สึกเสียดายหรือเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป หรือไม่ได้ทำในอดีต
Examples:

If you had told me you were coming, I would have bought more food.
If my sister had studied hard, she would have passed the exam.
 ประเภทของ if clause
Zero conditional
sentence

ใช้กับเงื่อนไขที่ “เป็นจริงเสมอ” ใช้พูดถึงความจริงตามธรรมชาติ

หรือข้อเท็จจริงทั่วไป เช่น
Examples:
If you stand in the rain, you get wet.
I get tired if I work too much.
 ประเภทของ if clause

First conditional
sentence

อธิบายว่า ถ้าหากเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น อีกเหตุการณ์หนึ่ง

ก็ “มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น”
Examples:
If it does not rain, we will go to the park.
If she studies hard, she will pass the exam.
 ประเภทของ if clause
Second conditional
sentence

ใช้กับเหตุการณ์ที่ “ตรงข้ามกับความจริงในปัจจุบันและอนาคต”
หรือใช้สมมติสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน
Examples:
If I knew the answer, I would tell you.
If I were you, I would forget about him.
 ANK YOU
TH