You are on page 1of 44

เด็กและครอบครัวไทยในสามวิกฤต:

รายงานสถานการณ์เด็ก เยาวชน และครอบครัวปี 2022

เล่มผนวกที่ 2: สามความฝันของเด็กและเยาวชนไทย

วรดร เลิศรัตน์ และ เจณิตตา จันทวงษา

ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์)


โดยความร่วมมือระหว่าง
สานักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
กับ ศูนย์ความรูน้ โยบายสาธารณะเพือ่ การเปลีย่ นแปลง บริษทั ดิ วันโอวัน เปอร์เซ็นต์ จากัด

สิงหาคม 2022
(ฉบับร่างสาหรับนาเสนอในงานเสวนาสาธารณะ “เด็กและครอบครัวไทยในสามวิกฤต” ในวันที่ 22 สิงหาคม 2022)
สารบัญ

ความนา: สามความฝันของเด็กและเยาวชนไทย 3
To Be Free: ฝันทีจ่ ะเป็ นอิสระ 4
To Be Heard: ฝันทีจ่ ะถูกรับฟั ง 29
To Be Supported: ฝันทีจ่ ะได้รบั การสนับสนุน 34
ภาคผนวก: ผูไ้ ด้รบั รางวัลการประกวดเรื่องเล่าของ “เด็กสมัยนี้” 42

2
ความนา: สามความฝันของเด็กและเยาวชนไทย

ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) มีพนั ธกิจในการวิจยั และสื่อสารนโยบาย


สาธารณะด้านเด็ก เยาวชน ครอบครัว และการเรียนรู้ จุดมุ่งหมายหลักด้านหนึ่งคือการจัดการปั ญหาที่
เด็กและเยาวชนต้องเผชิญ สนับสนุนให้พวกเขาเติมเต็มความฝั นของตนได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทัง้
ผลักดันให้พวกเขามีสว่ นร่วมตลอดกระบวนการนโยบายอย่างมีความหมายแท้จริง
เราจะทาได้อย่างไร หากไม่เข้าใจว่าปั ญหาในชีวติ และความฝันของพวกเขาเป็ นอย่างไร หากไม่
เริม่ รับฟั งเสียงของพวกเขาด้วยตัวเอง?
คิด for คิดส์ ดาเนินโครงการประกวดเรื่องเล่าของ “เด็กสมัยนี้” ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน
2022 โดยเชิญชวนให้เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี ส่งเรื่องราวชีวติ และความฝั นของพวกเขาในปี น้ี
มาเล่าสู่กนั ฟั ง ให้เราเข้าใจพวกเขามากขึ้น – มิใช่เพียงเข้าใจจากตัวเลข สถิติ หรือเอกสารที่ ไม่อาจ
สะท้อนมุมมอง รอยยิม้ หยาดเหงื่อ และคราบน้ าตาในชีวติ พวกเขา แต่ได้เข้าใจผ่านปลายนิ้วที่จรดบน
แป้ นพิมพ์ ปลายปากกา ปลายพูก่ นั และเลนส์กล้องตามทีพ่ วกเขาสรรสร้างขึน้ มาด้วยตัวเอง
ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนทีเ่ ปิ ดรับผลงานประกวด คิด for คิดส์ ได้รบั ฟั งเรื่องเล่าถึง 513 เรื่อง
จากเด็กและเยาวชนอายุ 6-25 ปี ใน 70 จังหวัดทัวประเทศ
่ เราอยากถ่ายทอดความฝั นของพวกเขาสูผ่ มู้ ี
บทบาทในกระบวนการนโยบายเด็ก เยาวชน ครอบครัว และการเรียนรู้ ตลอดจนสาธารณชน จึงเป็ น
ที่มาในการจัดทาหนังสือรวบรวมเรื่องเล่าเล่มนี้ อันเป็ นส่วนหนึ่งของรายงานสถานการณ์เด็ก เยาวชน
และครอบครัวปี 2022: เด็กและครอบครัวไทยในสามวิกฤต
เรื่องเล่าเหล่านัน้ ฉายภาพความฝั นของเด็กและเยาวชนที่หลากหลาย ต่างคนต่างก็มคี วามฝั น
เฉพาะตัวทีม่ คี ุณค่าและน่าประทับใจ แต่ ผลงานส่วนใหญ่เล่าย้าถึง “สามความฝั น” ทีอ่ าจเรียกได้ว่าเป็ น
ความฝันแห่งยุคสมัยทีพ่ วกเขาจานวนมากมีร่วมกัน...
To be free – ฝันทีจ่ ะเป็ นอิสระ
To be heard – ฝันทีจ่ ะถูกรับฟั ง
To be supported – ฝันทีจ่ ะได้รบั การสนับสนุน
เรื่องเล่า 26 เรื่องที่คดั มาแสดงต่อจากนี้เป็ นเรื่องเล่าส่ว นหนึ่งที่ ช่วยฉายภาพให้เห็นจุด ร่ว ม-
จุดต่างในสามความฝั น แม้จะมิใช่ภาพสมบูรณ์ของความฝั นของเด็กและเยาวชนเกือบ 20 ล้านคน หรือ
ผูเ้ ล่าเรื่อง 513 คน แต่ คิด for คิดส์ หวังว่าภาพนัน้ จะสามารถทาหน้าทีเ่ สมือนภาพจากหน้าต่างบานแรก
ทีช่ วนให้สงั คมไทยเปิ ดหน้าต่างบานถัดๆ ไป เพือ่ เข้าใจความฝันของพวกเขามากขึน้

3
To Be Free: ฝันที่จะเป็ นอิ สระ

“มนุษย์เกิดมาเสรี แต่ในทุกทีล่ ว้ นอยู่ใต้พนั ธนาการ”


เด็กและเยาวชนมิใช่ขอ้ ยกเว้นของคากล่าวข้างต้น สวนทางกับความเข้าใจของใครหลายคนว่า
พวกเขา “สบายจะตาย” ไร้ภาระ ไร้บ่วงผูกมัด ไร้ปัญหาสาคัญทีต่ อ้ งคิดต้องเผชิญ สามารถมีความสุขกับ
จินตนาการและความฝันได้อย่างไร้ขดี จากัด
ทีจ่ ริง ชีวติ ของเด็กและเยาวชนต้องตกอยู่ใต้พนั ธนาการมากมายหลายหลาก ไม่ว่าจะเป็ น...
พันธนาการแห่งความยากจน ความเหลื่อมล้า และระเบียบเศรษฐกิจการเมืองที่ ปิดกัน้ โอกาส –
ไม่เว้นแม้กระทังโอกาสในการมี
่ คุณภาพชีวติ อย่างพืน้ ฐานทีส่ ุดเท่าทีม่ นุษย์พงึ มี;
พันธนาการแห่งความคาดหวังและการบังคับควบคุมจากคนรอบข้างและสังคม;
พันธนาการแห่งความรุนแรงทีท่ าร้าย-ทาลายพวกเขาทัง้ ทางกาย วาจา ใจ;
พันธนาการแห่งอดีตในชีวติ ของพวกเขาเอง;
พันธนาการอื่นเกินจะจาระไน ซึง่ แต่ละคนต้องประสบพบเจอแตกต่างกันไป
สังคม ครอบครัว โรงเรียน เพื่อน ชุมชน และรัฐ ซึ่งควรเป็ นอ้อมกอดอบอุ่นทีโ่ อบอุม้ ให้กาลังใจ
และสนับสนุน หลายครัง้ กลับเป็ นบ่วงโซ่ทผ่ี กู รัดมัดตรึง กักขังและทรมานพวกเขา
หนึ่งในความฝั นแห่งยุคสมัยที่เด็กและเยาวชนเล่าย้าอย่างก้องกังวาน จึงคือการเป็ นอิสระจาก
พันธนาการเหล่านี้ พวกเขาจานวนมากปรารถนาทีจ่ ะปลดปล่อยตัวเอง คนรอบข้าง-รุ่นราวคราวกัน หรือ
อย่างน้อยทีส่ ุดก็เด็กรุ่นถัดไป ให้ได้ใช้ชวี ติ เติบโต รวมถึงมีและเติมเต็มความฝันอย่างเป็ นสุข-สดใส-เสรี

4
อาเด๊ะโซเฟี ย อายุ 20 ปี จังหวัดปัตตานี :
Florence Shine

“สิง่ ทีอ่ ยากเห็น […] คือ การทีไ่ ด้เห็นสังคมไทยมีความเจริญรุ่งเรือง พร้อมการพัฒนาและเติบโต


อย่างมีคุณภาพ ทีม่ าพร้อมกับความสามารถ ความคิด ความมีอสิ ระและมีความเป็ นตัวของตัวเอง”

5
I.
เด็กและเยาวชนจานวนมากฝั นทีจ่ ะเป็ นอิสระจากความยากจนและความเหลื่อมล้า ซึ่งเหนี่ยวรัง้
พวกเขาและครอบครัวมิให้เข้าถึงแม้กระทังปั ่ จจัยพืน้ ฐานในการดารงชีวติ อย่างมีคุณภาพ กัดกินความสุข
ความฝั นอื่น และโอกาสในการพัฒนาตนเองเพือ่ เติมฝั นเหล่านัน้ อย่างทุกข์ระทม ความฝั นทีจ่ ะเป็ นอิสระ
นี้ถูกวาดหวังไว้หลายรูปแบบ บ้างก็เป็ นเรื่องธรรมดาในชีวติ ใครหลายคน แต่กลับยากและท้าทายสาหรับ
อีกหลายคน อย่างการมีเงินพอซื้ออาหารอร่อยหรือการมีงานทีร่ ายได้ดแี ละมันคง ่ บ้างก็เป็ นจินตนาการ
อันยิง่ ใหญ่ถงึ เศรษฐกิจ-สังคมใหม่ทไ่ี ม่ทง้ิ ใครไว้ขา้ งหลังและเปิ ดกว้างให้ทุกคนไล่ตามความฝันได้เต็มที่

ชลลดา อายุ 15 ปี จังหวัดกาญจนบุรี:


ชีวิตของหนู
“เด็กหญิงทีเ่ กิดและเติบโตบนพืน้ ทีห่ ่างไกลความเจริญ ทีบ่ า้ นไม่เคยได้ใช้ไฟฟ้ า น้าประปาก็ไม่มี
ครอบครัวเล็กๆ ทีอ่ าศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน แทบจะไม่ได้รบั รูค้ วามเคลื่อนไหวของโลกภายนอก
บ้านไม้บนแพคือทีอ่ ยู่อาศัยทีพ่ อ่ และแม่บรรจงสร้างมันเองกับมือ เพือ่ ให้เธอนอนได้และมีทไ่ี ว้หย่อนกาย
ลงพัก แม้ว่าเธอจะไม่มีเ อกสารยืนยันความเป็ นคนไทยได้ แต่เ ธอก็ส ามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้
เช่นเดียวกับคนไทยคนหนึ่ง เธอไม่ได้มคี วามสุขกับการเล่นสนุ กกับเพื่อ นวัยเดียวกัน แต่เธอมีความสุข
กับการได้ช่วยพ่อแม่ทางาน
พ่อคือกาลังหลัก ของครอบครัว […] ส่งเสียเลี้ยงดูฉันให้ดีท่สี ุดเท่าที่ต่างด้าวคนหนึ่งจะท าได้
หน้ า ที่ห ลัก ของแม่ ค ือ เลี้ย งดูน้ อ งๆ ที่อ ยู่ใ นวัย ต้อ งการความดูแ ลอย่ า งใกล้ชิด […] ฉัน ไม่ เ คยโทษ
โชคชะตาที่ท าให้ชีว ิต ต่ า งด้า วในบ้า นแพต้อ งใช้ชีว ิต สุ ด แสนทรมานแบบนี้ มัน คือ สิ่ง ที่พ วกเราทัง้
ครอบครัวยอมรับและจาเป็ นต้องสู้
อนิจจา! ฉันคงต้องเชื่อเรื่องฟ้ าดินแล้วครัง้ นี้ ชีวติ ทีว่ ่าลาบากอยู่แล้ว โชคชะตายังมาเล่นตลกกับ
ครอบครัวเรา นัน่ คือการสูญเสียเสาหลักของครอบครัว พ่อ ทีจ่ ากไปไม่มวี นั กลับ พวกเราแทบล้มทัง้ ยืน
ฉันยังไม่กล้านึกด้วยซ้าว่าจะต้องออกจากโรงเรียนไปทางานช่วยแม่ หรือจะสูเ้ รียนต่อ หนทางการหาเงิน
ของเด็กหญิง ม.ต้น แถมเป็ นต่างด้าว ใครกันจะกล้ารับเข้าทางาน ในหัวฉันผุดแนวทางในการต่อชีวติ
ของครอบครัวอย่างสับสน เมื่อผูห้ ญิงทีแ่ กร่งทีส่ ุดในชีวติ ท่านตัดสินใจให้ฉันเรียนต่อ ใจหนึ่งก็ดใี จ อีกใจ
ก็กงั วล กลัวท่านจะไม่ไหว ฉันมองดูความลาบากของแม่ แล้วเอามาเป็ นน้ ามันในการขับเคลื่อนตัวเองใน
การเล่าเรียน ฉันวางแผนไว้ในอนาคต ฉันอยากเป็ นเจ้าหน้าทีป่ ่ าไม้ตามแนวตะเข็บชายแดน ฉันมองว่า
อาชีพนี้เป็ นอาชีพที่จะทาให้ฉัน มีหน้าที่การงานที่มนคง ั ่ และอีกประเด็นหนึ่งที่สาคัญคือ การได้ทางาน
ใกล้ๆ บ้าน เพราะฉันอยากกลับมาดูแลแม่อย่างใกล้ชดิ
เรื่องราวที่ผ่านมาในชีวติ เป็ นประสบการณ์ท่หี ล่อหลอมความแข็งแกร่งให้เด็กคนหนึ่งมีความ
มันใจที
่ จ่ ะลงมือทาในสิง่ ต่างๆ อย่างมีความหวัง แม้ฉนั จะไม่ได้รบั สิทธิ และโอกาสอย่างเท่าเทียมคนไทย

6
ทัวไป
่ แต่ขณะเดียวกันการเป็ นต่างด้าวมันสอนให้ฉันพยายามมากกว่าคนอื่นเสมอ […] วิถีชีวติ และ
ยถากรรมของพ่ อ และแม่ ส อนให้ฉั น รู้คุ ณ ค่ า ของทุ ก สิ่ง ในโลกใบนี้ ไม่ ใ ช่ เ รื่อ งง่ า ยที่จ ะได้อ ะไรมา
ครอบครอง เราต้องพยายามเท่านัน้ จึงจะไปถึงฝันได้”

ศุทธิ นี อายุ 14 ปี จังหวัดสุพรรณบุรี:


Taste of Life
“ประกาศจากทางโทรทัศน์ว่า…มีผตู้ ดิ เชือ้ ด้วยโรคโคโรนา หรือ โควิด-19
นี่เเหละค่ะ จุดเปลีย่ นชีวติ รวมถึงความคิดของเด็กสาวคนนัน้
‘แม่จะออกจากทีท่ างานแล้วนะ’ เสียงของผูเ้ ป็ นมารดาบอกแก่ลูกสาวคนเล็กของเขา […]
ในหัวของเด็กคนนัน้ ไม่มอี ะไรมากหรอกค่ะ นอกจากฟั งและพยายามเข้าใจเรื่องนี้ ว่าเป็ นเพราะ
โรคระบาดนี้ ทาให้ทางบริษทั จะยกเลิกการจ้างพนักงาน รวมถึงอาการที่เกิดจากโรคประจาตัวของคน
เป็ นแม่ทท่ี าให้แม่ของเขาจานนจะต้องยอมออกแต่โดยดี และตามนโยบายของทางบริษทั นัน่ ก็คอื การให้
เงินชดเชยมา 100,000 บาท เพือ่ เริม่ ต้นชีวติ ใหม่ของพนักงานและครอบครัว […]
ชีวติ ใหม่ของครอบครัวสองแม่ลูกเริม่ ต้นขึน้ ด้วยการ ‘ขายของ’ […] จนกระทัง...

‘พีเ่ หลือเงินในบัญชีแค่ 40 บาท จะให้พท่ี ายังไง รออยู่เฉยๆ ก็อดตายพอดี ไอ้...มันก็ได้กนิ แต่ไข่
พีส่ งสารลูก’ เสียงของคนเป็ นแม่พูดตอบกับคนในสาย ทีต่ วั ลูกก็รบั รูว้ ่าแม่ของเขากาลังคุยโทรศัพท์กบั
น้าสาวของเขา
‘เป็ นไรอะ?’ เด็กสาวถามออกมา […]
สีหน้าของคนเป็ นแม่เริม่ เปลีย่ นไป จนลูกทีอ่ ยู่กบั แม่มาตลอดรับรูไ้ ด้ว่านี่ไม่น่าใช่เรื่องดีแน่
แม่ตดั สินใจเล่าให้กบั เด็กคนนัน้ ฟั งเกี่ยวกับเรื่องของการขายของ ว่าเราสองแม่ลูกไม่สามารถ
ขายของต่อได้แล้ว ด้วยเศรษฐกิจและร่างกายแม่ของเขาไม่ดขี น้ึ ในทุกวันๆ
‘เงินในบัญชีเหลือ 40 บาท? อะไรกัน จาก 100,000 เลยน่ะหรอ?’ เด็กในวัย 13 ทีไ่ ม่รอู้ ะไรเลย
มีคาถามพวกนี้ประดังเข้ามาในหัว ‘เอาล่ะ...ทนรอแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ’ […]
‘งานพาร์ทไทม์ทาได้ตอนอายุเท่าไหร่?’ […]
‘15 เลยอ่อ... เราเพิง่ 13 เองนะ’
เรื่องใหญ่ทท่ี าอะไรไม่ได้ นอกจากรอ รอให้เขาถึงเวลา รอให้เขาได้ทางานนัน้ เพื่อเอาเงินมาใช้
ในครอบครัวของเราสองแม่ลูก […] ทนรอหนูหน่อยนะ หนูจะช่วยแม่...

7
เงินประทังชีว ิต ของสองแม่ลู กในแต่ละวัน ก็มาจากน้ าสาวที่ค อยช่ว ยเหลือ อยู่ แต่จากความ
เกรงใจ เขาเองก็ไม่ได้อยากให้แม่ขอมาก เพราะคนเรามันก็มภี าระต่างกัน ไหนจะลูกของน้าอีกสองคน
คุณยายของเขาอีก ภาระอันมากมายทาให้เขาไม่อยากให้แม่ขออีกแล้ว
ได้งานรับจ้างมาใหม่ ในครัง้ นี้เขาคิดอยู่แค่อย่างเดียว ทายังไงก็ได้ ‘ให้ช่วยแม่ให้ได้มากที่สุด’
งานรับจ้าง ‘รับทาริบบิน้ พวงมาลัย’ ทีเ่ ป็ นสายริบบิน้ เวลาเราไปซือ้ กันในวันพระวันโกน
‘พักบ้างก็ได้ ทามาทัง้ วันเเล้ว นะ’ เสียงจากคนเป็ นแม่ดงั ขึ้น เพื่อเรียกให้ลูกสาวพักจากการ
ทางานนี้
‘หนูไหว’ เด็กสาวพูดพร้อมยิม้ ติดตลกให้
ถ้ามีค นมาถามจริง ๆ จังๆ ว่าเขาเหนื่อ ยไหม ตอบได้เ ต็มปากเลยล่ ะค่ ะ ว่าเขาเหนื่อ ยมาก
เหนื่อยมากๆ แต่เวลาเขาเห็นแม่เจ็บ แม่ไม่มเี งิน แม่เครียด เขาเจ็บกว่า และเหนื่อยกว่าหลายเท่าจาก
การทางาน เอาเถอะ สูห้ น่อยละกัน
‘เพือ่ แม่...’
การใช้ชวี ติ แบบนี้ยงั คงดาเนินมาเรื่อยๆ จนกระทังเด็
่ กสาวคนนี้ อายุ 15 ปี
อายุ 15 ปี ตามที่เขาเฝ้ ารอ เขาใกล้จะได้ไปทางานแล้ว ใกล้แล้วนะแม่... ชีวติ เด็กสาวที่ค ิด
อนาคตตัวเองได้ เปลีย่ นความคิดและชีวติ ตัวเองได้ ทัง้ หมดจากคนเป็ นแม่
ทัง้ อาชีพ ‘เภสัชกร’ เพราะแม่ของเขา ทีเ่ วลาไปหาหมอตามทีห่ มอนัดทีไร ได้ยากลับมาเป็ นกอง
กินวันหนึ่ง 4-5 เม็ด นี่แหละค่ะ อาชีพทีเ่ ด็กสาวอยากทา เพราะอยากเข้าใจในเรื่องยา และรักษาให้แม่
ของเขาหายหรือมีอาการทีด่ ขี น้ึ ได้
ทัง้ การทางาน ‘พาร์ทไทม์’ ทีอ่ ยากทาเพราะอยากเเบ่งเบาภาระของคนเป็ นแม่ และนาเงินมาใช้
ในครอบครัว
ผ่านมา 2-3 ปี ความฝั นของเขาก็คงที่ และมันคงขึ ่ น้ เขายังยืนยันในความฝั นในอนาคตของเขา
แต่มนั กลับมีอกี หนึ่งความฝัน ทีย่ งิ่ ใหญ่ และเขาก็อยากทามันมากๆ นันก็
่ คอื
‘การพาแม่ของเขาไปหาอะไรกินอร่อยๆ’
‘การพาแม่ของเขาไปเทีย่ ว ไปข้างนอก’
‘การทาให้แม่ของเขามีความสุข’
ความฝั นสูงสุดในชีวติ ของเขาคือ 3 อย่างนี้ท่เี ขาต้องทาให้ได้ เขาไม่เคยพูดว่าเขาเป็ นลูกที่ดี
เพราะเขาก็รู้ ว่าเขาก็มที าตัวแย่อยู่บ่อยๆ แต่สงิ่ ทีเ่ ขาไม่เคยเปลี่ยน และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนคือ ‘เขารัก
แม่มากๆ รักทีส่ ุด และไม่มวี นั ทีจ่ ะเปลีย่ น’ ”

8
magnitude99 อายุ 23 ปี กรุงเทพมหานคร:
เมืองแห่งฝัน(สลาย)
“ฉันเคยคิดว่าอยากจะมีชวี ติ อันเป็ นนิรนั ดร์...
ในวัยเด็ก ฉันเคยอยากเป็ นนัก บินอวกาศ พอผ่ านไปไม่นานอยากเป็ นนักวิทยาศาสตร์หญิง
สุดเจ๋งของโลก เติบโตอีกหน่ อยความหลงใหลในไดโนเสาร์ทาให้เริม่ สนใจอยากเรียนบรรพชีวนิ วิทยา
พอเข้ามัธยมศึกษากลับค้นพบว่าวิทยาศาสตร์อาหารก็เ ป็ นตัวเลือกที่ดี โตอีกนิดพอค้นพบว่าตัวเอง
มีปัญหาทางจิตใจก็นึกอยากจะเป็ นจิตแพทย์ ก่อนที่จะเขียนเรียงความส่งครูแล้วถูกชมว่าเขียนดีจงึ ได้
เบนสายมาสนใจการเป็ นนักเขียน เริม่ ทดลองเขียนเรื่องสัน้ ให้เพื่อนอ่าน เขียนนิยายในแบบที่ตวั เอง
อยากบันดาลให้เป็ น ก่อนที่ฝันจะเริม่ ใหญ่ข้นึ ตามวัยและแรงปรารถนา อยากดาน้ าที่เกรทแบริเออร์รฟี
อยากเที่ยวรอบโลก อยากเป็ นนักการเมือง อยากทาประโยชน์ให้สงั คม อยากเปิ ดร้านหนังสือเป็ นของ
ตัวเอง อยากเล่นดนตรีเปิ ดหมวก อยากอยู่ในคณะละครสัตว์ อยากเรียนทุกคณะที่อยากเรียน อยากมี
ชีวติ ยืนยาวเพือ่ ทาทุกสิง่ ทีอ่ ยากทา
อยาก อยาก อยาก.... […] ก่อนทีโ่ ลกแห่งความจริงจะฟาดหน้ากันอย่างจัง
ทีผ่ ่านมาฉันเป็ นคนที่ยดึ มันกั
่ บสิง่ ทีต่ วั เองอยากทามาโดยตลอด คิดเพียงแค่ว่าต่อให้ไม่ใช่คณะ
หัวกะทิในมุมมองของผู้ใหญ่ แต่หากฉันทาได้ดยี งั ไงก็ไม่มวี นั อดตาย จนกระทังเมื ่ ่อฉันเติบโตขึ้น เริม่
ออกมายืนด้วยขาของตัวเองมากขึน้ โลกความจริงก็มาเคาะกะโหลกเรียกสติให้ฉันลื มตาดูสภาพแท้จริง
ของตัวเองว่าความฝั นในประเทศนี้ทาให้อมิ่ ท้องไม่ได้ และทีส่ าคัญทีส่ ุด ชีวติ ของฉันไม่ได้มเี พียงตัวฉันที่
ต้องดูแล ภาระมากมายของครอบครัวทีต่ วั ฉันในอนาคตเองก็ตอ้ งช่วยดูแลด้วยเหมือนกัน ฉันเริม่ ค้นพบ
ว่าในสังคมที่ฉันอยู่ ‘เงินคือทุกสิง่ ’ เริม่ ระลึกถึงหลายสิง่ ทีเ่ คยสูญเสียไปในอดีตจากการไม่มเี งิน อานาจ
แห่งเงินตราช่างทรงอานุ ภาพขนาดซื้อชีวติ ทีด่ ไี ด้ ฉันจึงต้องจาใจเลือกสาขาในคณะทีม่ โี อกาสทาเงินให้
มากกว่าในอนาคตโดยโยนทิง้ สิง่ ทีอ่ ยากเรียนจริงๆ ไปอย่างไม่ใยดี
จนตอนนี้ท่ฉี ันถึงวัยทางาน ร่องรอยความโศกเศร้าทดท้อกับชีวติ ยังปรากฏอย่างเด่นชัดอยู่ทวั ่
แขนข้างซ้ายคอยย้าเตือนให้ฉันนึกถึงประสบการณ์อนั ขมขื่นว่าเคยเจ็บปวดกับสภาพชีวติ ทีม่ ขี นาดไหน
ฉันกลายเป็ นแค่หนึ่งในฟั นเฟื องที่ขบั เคลื่อนองค์กรที่หากฉันตายไปก็แค่หาคนใหม่มาทดแทน เป็ นแค่
ภาชนะใส่ความฝั นของ ‘คนอื่น’ เป็ นแค่ร่างเนื้อกลวงโบ๋ท่คี ดิ เพียงว่าต้องทางานหาเงิน แต่หาเงินเสร็จ
แล้วยังไงต่อ
อ๋อ ใช้หนี้ ใช้หนี้ ใช้หนี้
หนี้ท่ฉี ันไม่ได้ก่อ หนี้ท่ถี ูกล่ามโซ่คล้องขาไว้ด้วยคาว่า ‘กตัญญู’ หนี้ท่ถี ้าหากฉันตายไปคนใน
ครอบครัวก็คงขาดทีพ่ ง่ึ ในขณะทีต่ วั ฉันมีสงิ่ ทีอ่ ยากทามากมาย กลับ ต้องถูกพับเก็บไปก่อนเพราะความ
จาเป็ นอย่างอื่นทีส่ าคัญกว่า ขณะทีฉ่ นั กาลังทางานงกๆ โดยวางทิง้ สิง่ ทีอ่ ยากทาให้เป็ นเพียงแค่ความฝั น
คนอื่นๆ ทีไ่ ม่ตอ้ งมีภาระอะไรกลับได้ทาทุกอย่างโดยทีไ่ ม่ตอ้ งกังวล

9
ไม่ มีเ งิน เก็บ ไม่ มีค วามสุ ข ไม่ มีชีว ิต แบบที่อ ยากมี แต่ ฉัน ยัง คงเพ้อ หาชีว ิต ในอุ ด มคติและ
ตระหนักได้ในท้ายทีส่ ุดว่า ‘อุดมคติ’ ก็คอื ‘อุดมคติ’ เป็ นความคิดความฝั นอันเลื่อนลอยทีห่ ่างไกลกับตัว
ฉันในวันนี้
อันทีจ่ ริงฉันเป็ นคนชอบเรียนคนหนึ่งหากว่าเป็ นสิง่ ที่ฉันสนใจ ฉันมีแผนอยากเรียนต่อปริญญา
โทแต่ แ ผนนั ้น กลั บ พัง ล้ ม ไม่ เ ป็ นท่ า เพราะไม่ มี เ งิ น มากพอ ฉั น อยากอยู่ ค อนโดส่ ว นตั ว หรือ มี
อสังหาริมทรัพย์เป็ นของตัวเองเป็ นหลักเป็ นแหล่งเพราะตลอด 4 ปี ท่ผี ่านมาฉันย้ายที่อยู่มาแล้วไม่ต่ า
กว่า 5 ครัง้ แต่มนั ก็เป็ นเรื่องยากทีจ่ ะมีชายคาอยู่อาศัยทีถ่ าวรเพราะไม่มเี งินเหลือเก็บมากพอ ฉันจึงต้อง
ระหกระเหินเปลีย่ นทีอ่ ยู่ชวคราวไปเรื
ั่ ่อยๆ ฉันเคยคิดเอาไว้ว่าเมื่อเรียนจบมา ทางานจนมีเงินเดือนเป็ น
ของตัวเองชีวติ ความเป็ นอยู่กค็ งจะดีข้นึ แต่ไม่เลย มรสุมทีเ่ ข้ามาทาให้มเี งินกินเงินใช้แค่เพียงเดือนชน
เดือน เอาไปต่อยอดอะไรไม่ได้ เอาไปซื้อชีวติ ทีด่ กี ว่านี้ไม่ได้ เพราะแค่บริหารเงินให้ อมิ่ ท้องจนพ้นไปอีก
เดือนก็ยากพอแล้ว ตอกย้าฉันจนขึน้ ใจอีกครัง้ ว่าหากลาออกไปทาสิง่ ทีอ่ ยากทาจริงๆ ในเมืองนี้ฉันคงไส้
แห้งตาย
ความ ‘อยาก’ ถูกบดจนป่ นปี้ ได้แต่อจิ ฉาริษยาทุกคนที่ได้ทุกอย่างในสิง่ ที่ต้องการ ได้แต่น้อย
เนื้อต่าใจทีต่ ้องดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย ไม่ว่ าจะทางานหนักอย่างไรก็แทบไม่เห็นหนทางทีด่ ขี น้ึ ภาระ
บนบ่าช่างเป็ นโซ่ล่ามอันแข็งแกร่งทีก่ กั ขังฉันไว้บนโลกอันฟอนเฟะ ‘ความไม่ม’ี ได้รุมทึ้งกัดแทะจนแทบ
ไม่เหลืออะไรให้ฉันยินดี กัดกินไปแม้กระทังความ่ ‘อยาก’ ของตัวฉันในอดีต ฉันเกลียดชังสังคมเน่าๆ ที่
ฉันอยู่เพราะมันไม่เคยรองรับความฝันของใครเลยนอกจากคนรวย ฉันจะไปทางานทีอ่ ยากทาได้อย่างไร
ฉันจะไปเป็ นพนักงานร้านหนังสือได้อย่างไรในเมื่อเงินเดือนช่างน้อยนิดสวนทางกับเรีย่ วแรงทีท่ ุ่มลงไป
ขนาดนัน้ ฉันจะไปทางานมูลนิธหิ รือสังคมสงเคราะห์ยงั ไงถ้ารายได้ยงั เป็ นแค่เงินเดือนขัน้ ต่าในเมืองทีค่ ่า
ครองชีพสูงลิว่ แบบนี้ ฉันจะไปกล้าทาตามความฝั นในเมืองที่ยงั ด้อยค่าแรงงาน ดูถูกสายศิลปะ และยก
ยอแค่ไม่ก่อี าชีพแบบนี้ได้ยงั ไง ลาพังเศษเงินเก็บจากค่าแรงอันน้อยนิดยังไม่พอให้ก่อร่างสร้างตัวเลย
ด้วยซ้า
ตอนนี้ฉนั ไม่อยากมีชวี ติ อันเป็ นนิรนั ดร์ หากการได้หายใจจะเป็ นเรื่องทีท่ รมานถึงเพียงนี้
ฉันว่าเมืองนี้เป็ นเมืองแห่งความฝั นนะ ใช่ เมืองแห่งฝั น เพราะการจะทาให้มนั เป็ นจริงช่างเป็ น
เรื่องทีย่ ากเย็นแสนเข็ญฉันถึงได้มแี ต่ความฝันเยอะมากมายขนาดนี้
เพราะแบบนัน้ ฉันจึงทางาน ทางาน ทางาน เพื่อหาเงิน หาเงิน และหาเงิน วาดหวั งว่าเงินตราที่
มนุษย์อุปโลกน์ขน้ึ จะทาให้ฉนั ยังสามารถไขว่คว้าภาพฝั นอันเลือนรางทีต่ วั ฉันเคยมีไว้ได้อยู่
ก็เพราะฉันยังฝั นอยู่ ฉันจึงอยากให้มนั เป็ นจริงแม้ความเป็ นไปได้จะเป็ นเพียงหมอกจาง อยาก
ยืนหยัดอย่างภาคภูมใิ จในเส้นทางที่ฉันเต็มใจเลือก อยากที่จะแสดงให้อาจารย์ท่เี คยสบประมาทฉันได้
เห็นว่าเด็กเกเรทีเ่ คยไม่ตงั ้ ใจเรียนและเกรดรัง้ ท้ายอย่างฉันก็สามารถประสบความสาเร็จในรูปแบบชีวติ ที่
ฉันเลือกเองได้เหมือนกัน อยากให้เห็นว่าตัวฉันยังมีค่า อยากภูมใิ จในตัวเองทีส่ ุดท้ายได้เลือกทาในสิง่ ที่
หัวใจร้องขอแล้วผลออกมาดี และอยากมีความสุขในชีวติ ทีเ่ ต็มไปด้วยความฝัน แบบทีต่ วั ฉันอยากเป็ น”

10
II.
เด็กและเยาวชนจานวนมากถูกยัดเยียดความคาดหวังของครอบครัว โรงเรียน และสังคม ให้เอา
มาตัง้ เป็ น “ความฝั นของตนเอง” ถูกขีดเส้นทางในชีวติ และบังคับควบคุมจังหวะย่างก้าวเดินในเส้นทาง
นัน้ อย่างเคร่งครัดด้วยกฎเกณฑ์และการใช้อานาจสารพัด ราวกับเป็ นหุ่นเชิดของผู้ใหญ่ ความฝั นของ
พวกเขาหลายคนจึงคือการเป็ นอิสระจากความฝั นและเส้นทางที่ไม่ได้เลือกเหล่านี้ โดยหวังว่าจะได้รบั
การรับฟั ง พร้อมทัง้ มีสทิ ธิเลือกและเดินตามเส้นทางชีวติ ของตนเองมากขึน้

ชุติภทั ร อายุ 17 ปี จังหวัดนนทบุรี:


ความฝันที่จมดิ่ งกับโพลารอยด์ที่เป็ นจริ ง

11
“คงเป็ นเรื่องอยากทีเ่ ด็กทุกคนจะได้รบั อิสระทางความคิด อารมณ์ ความรัก หรือความฝัน ความ
คาดหวังเป็ นสิง่ ทีน่ ่ากลัวทีส่ ุด โดยเฉพาะกับครอบครัว
เฉกเช่นเดียวกับ ‘***’ ภาระหน้าทีอ่ นั หนักหน่วงทีไ่ ด้รบั ตัง้ แต่วยั เยาว์ บนบ่าแบกความคาดหวัง
มหาศาลเอาไว้จนหลังคดงอ ยามเธอทาได้ดี ครอบครัวจะเฉยชา ยามเธอทาได้แย่ ครอบครัวจะหันมาหา
และด่าทอ
การบัง คับ กดขี่เ ป็ น วิธีท่ีแ ย่ นัก ‘***’ ขาดอิส ระ เธอไม่ รู้ว่ า เธอชื่น ชอบอะไร ได้แ ต่ ท าตามที่
ครอบครัวสัง่
วันหนึ่งเธอเดินกลับบ้าน เห็นชายชรานัง่ ขายภาพวาดอยู่ ภาพนัน้ เหมือนมนุษย์ทม่ี ชี วี ติ มีอสิ ระ
และลมหายใจ ’***‘ กลับบ้านด้วยใจเต้นระรัว ลองวาดตามแบบ เธอตื่นเต้นทีไ่ ด้คน้ พบความสนุกเป็ นครัง้
แรก
แต่มนั ก็ตอ้ งจบลง เมื่อชีวติ ของเธอมีทางเลือกเดียวตัง้ แต่แรกอยู่แล้ว
‘***’ จึงเก็บความฝันไว้ในห้วงลึกของหัวใจ ทีจ่ ะได้สมหวังดังปรารถนา ในสักวัน”

ณัฐณิ ชา อายุ 16 ปี จังหวัดปทุมธานี :


แผนการหนี ออกจากบ้าน
“ช่วงรุ่งสาง พระอาทิตย์กาลังทะยานขึ้นสู่ฟ้า สายลมอ่อนๆ กระทบใบหน้าชวนให้รู้สกึ ดี ใน
ขณะเดียวกันก็คดั จมูก สงสัยว่าทีส่ ดู เข้าไปเมื่อครู่อาจไม่ใช่อากาศแต่เป็ นฝุ่นละอองเสียมากกว่า
ฝ่ าเท้าเหยียบอยู่บนบันไดจักรยานโดยไม่ได้ออกแรงปั น่ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยใจทีโ่ ปร่งโล่ง
สบาย จนกระทังใกล้
่ ถงึ ป้ อมยาม […]
พีย่ ามทักทายกลับโดยไม่คดิ อะไร ทีน่ ่ีเป็ นหมู่บา้ นในเขตปริมณฑล เด็กวัยรุ่นบางคนตื่นเช้าปั น่
จักรยานออกไปหาเพือ่ นหรือซือ้ ของ ในขณะทีบ่ างคนตื่นสาย ใช้เวลาทัง้ วันอยู่ในห้อง
แต่ฉันไม่ไ ด้อ อกไปหาเพื่อ นหรือ ซื้อ ของ สองข้อ นี้เ ป็ นค าโกหกเอาไว้อ้างกับพี่ยามต่างหาก
เด็กหญิงวัยประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี ปัน่ จักรยานออกนอกหมู่บา้ นคนเดียวตอนรุ่งสาง ไม่แปลกทีค่ นมอง
มาจะเป็ นห่วง ครัง้ แรกๆ พีย่ ามซักถามหลายประโยค ฉันตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางปกติ หลังจากปั น่
ออกไปสักพักก็กลับมา พอเป็ นเช่นนี้นานๆ เข้า พีย่ ามก็เลิกสนใจ
ส่วนเหตุผลจริงๆ ทีฉ่ นั ยอมลุกจากเตียงตัง้ แต่เช้าออกมาปั น่ จักรยานน่ะหรือ
ฉันแค่อยากปั น่ เท่านัน้ เอง

12
เมื่อ วานนี้ฉันทะเลาะกับแม่ ผลลัพธ์เ หมือนทุกๆ ครัง้ ที่ฉันจาต้อ งเป็ นฝ่ ายยอมแพ้ รู้ส ึกไม่ดี
แม้กระทังนอนแล้
่ วตื่นขึ้นมาอีกครัง้ ก็ขจัดอารมณ์ทางลบให้หายไปไม่ได้ ฉันจึงต้องออกจากบ้าน ทาตัว
ขบถอย่างไม่ใช่นิสยั
นาฬิกาของโทรศัพท์มอื ถือบอกเวลาเกือบหกโมงแล้ว ฉันปั น่ จักรยานผ่านวัดใกล้บา้ น ผ่านร้า น
ขายขนมและอาหารน่าทาน เสียดายทีต่ อนนี้ยงั ไม่ถงึ เวลาเปิ ดร้าน ถึงฉันอยากรอก็ทาไม่ได้
เพราะตอนนี้ถงึ เวลากลับบ้านแล้ว
เสียงเปิ ดประตูบา้ นไม่ค่อยดัง คนบนชัน้ สองยังไม่ต่นื แผนการหนีออกจากบ้านและกลับมาก่อน
จะมีใครรู้ตวั ประสบความสาเร็จอีกครัง้ ความรู้สกึ ลุ้นระทึกขณะปั น่ จักรยานกลับมา ความรู้สกึ อิ่มเอม
ลาพองใจหลังจากแผนการลุล่วง ฉันกลับขึน้ ห้องด้วยความเบิกบาน […]
โทรศัพท์มอื ถือส่งเสียงเตือนข้อความเข้า เป็ นเพื่อนในกลุ่มส่งข้อความมาบ่น 'เปิ ดเทอมคราวนี้
เรียน on-site'
'ไม่อยากไป' เพือ่ นอีกคนพิมพ์ตอบ
'ถ้าถึงตอบสอบไม่รอดแน่ เอาจริงๆ แค่ตอบคาถามยังตอบไม่ได้เลย'
กลุ่มสนทนามีสมาชิกอยู่สค่ี นรวมตัวฉันเอง บทสนทนาไหลไปอย่างรวดเร็ว เปลีย่ นหัวข้อสู่เรื่อง
การเรียน […]
ถึงตอนนี้ฉันเริม่ ร้อนรนขึน้ มาบ้าง ย้อนนึกดูว่าตัวเองไม่ได้แตะหนังสือเรียนมานานเท่าไหร่แล้ว
ครัง้ สุดท้ายคงเป็ นช่วงก่อนไปเที่ยวกับครอบครัว ฉันทวนเนื้อหาที่ครูสอนตอนภาคเรียนฤดูร้อนจนจบ
ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม
ปี ท่แี ล้วฉันยังมีไฟในการเรียน คิดว่าตัวเองจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝั น (แม่ฝัน) ให้ได้
ตัง้ เป้ าหมายจะเก็บเนื้อหาทุกวิชาให้ครบก่อนจบมัธยมปลายปี ทส่ี ่ี แต่หลังจากถูกขัดขวางด้วยปั จจัยทัง้
ภายในและภายนอก ฉัน ลดเป้ า หมายเหลือ เพีย งกลับ มาทบทวนบทเรีย นหลัง จากครูส อนจบ อย่ า
ผัดวันประกันพรุ่งเท่านัน้ พอ
ฉันคุยเรื่องนี้ตอนทะเลาะกับแม่ ร้องไห้น้ามูกไหล บอกกับแม่ว่าตัวเองรูส้ กึ กดดันเพียงใด […]
ประมาณหนึ่งทุ่ม ด้านนอกมืดสนิท แสงสีสม้ ทีฉ่ ันรักหายไปแล้ว อารมณ์เบื่อหน่ายเหงาซึมเข้า
มาแทนที่
แม่กลับถึงบ้าน ชีวติ ของพนักงานบริษทั ทัง้ น่ าเบื่อและเหนื่อยหน่ าย ต่อให้แม่กาลังยิ้มแย้ม แต่
ฉันจะพูดกับเธอเกินความจาเป็ นไม่ได้ ไม่อย่างนัน้ จะเผลอก้าวข้ามขีดความอดทนของอีกฝ่ าย กลายเป็ น
ทะเลาะกันอีก
ความจริงอีกข้อคือฉันผูกพันกับพ่อแม่ กระทังค
่ าต่อว่าเบาๆ ของพวกเขาก็ทาให้ฉนั รูส้ กึ แย่ได้

13
แม้เป็ นเช่นนี้แต่แม่กบั ฉันยังคงพูดจาไม่ดใี ส่กนั
ฉันร้องไห้เพราะแม่มานับครัง้ ไม่ถ้วน จนเรียนรูว้ ิธลี ดความเสียใจ รูว้ ธิ ที จ่ี ะไม่รสู้ กึ อะไรกับคาพูด
ของแม่ แต่ฉนั จดจาถ้อยคาเหล่านัน้ ไว้ มันไม่ได้อยู่ในรูปของคาพูด แต่เปลีย่ นเป็ นความรูส้ กึ ในใจ
บางครัง้ ฉันคิดว่าตัวเองเจ้าคิดเจ้าแค้น บางอย่างเป็ นเรื่องขีห้ มูราขีห้ มาแห้ง ลืมไปซะก็สน้ิ เรื่อง
แต่ต่อให้เป็ นเรื่องเล็กแค่ไหน แม่กไ็ ม่เคยขอโทษฉันเลย
ตลอดสิบหกปี ความรูส้ กึ ติดค้างอยู่ในใจแล้วจะให้ฉนั ปล่อยวางได้ยงั ไง
ฉันคาดหวังให้ชวี ติ ของตัวเองมีความสุขกว่านี้ มีบา้ นทีพ่ กั ผ่อนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่า
ออกมาจากห้องแล้วจะต้องทะเลาะกับแม่ ไม่ต้องระแวงว่าจะได้เงินไปกิ นข้าวไหมหากขัดแย้งกับคนใน
บ้าน
ต่อให้ผูกพัน แต่ฉันไม่อยากอยู่กบั พ่อแม่อกี แล้ว ฉันรอวันทีจ่ ะทางานหาเงินเอง ได้ออกไปจาก
บ้านทีน่ ่าอึดอัด โลดแล่นออกไปตามความต้องการ
ความรูส้ กึ เป็ นอิสระเหมือนกับการขีจ่ กั รยานออกไปบนถนนในตอนรุ่งสาง
แต่ฉนั ไม่ได้หวังเพียงอิสระชัวขณะ

ฉันปรารถนาอิสระตลอดชีวติ ”

เนตรนภัส อายุ 14 ปี กรุงเทพมหานคร:


นี่ หรือการศึกษาไทย

14
“สื่อถึงการศึกษาไทยที่ค่อนข้างล้าสมัย กฎระเบียบที่ขดั กับการใช้ชวี ติ เช่น ต้องตัดผมสัน้ ผม
ยาวเดีย๋ วบังเพื่อ น ห้ามทาสีผ มแต่งหน้ าทาเล็บเพราะเดีย๋ วจะทิ้งการเรีย น นักเรียนบางคนเป็ นเพศ
ทางเลือกแต่มคี รู (บางคน) มาแซะหรือด่าทอในสิง่ ทีเ่ ขาเป็ นทาให้เขาเสียความมันใจ่ หลักสูตรบางวิชา
ควรเป็ นวิชาทางเลือกแต่เอามาตัดเกรดนักเรียน”

พรนัชชา อายุ 17 ปี กรุงเทพมหานคร:


ชีวิตและความฝัน
“ ‘หัวขบถ ชอบเถียง ดื้อด้าน ไม่ฟังใคร’ คาเหล่านี้เป็ นคาที่บุคคลผูแ้ ทนตนเองว่าเป็ น ‘ผู้ใหญ่’
ใช้เรียกพวกฉันผูเ้ กิดหลังพวกเขา… เยาวชนผูเ้ ป็ นลูก เป็ นหลาน หรือเป็ นลูกศิษย์ของพวกเขาเหล่านัน้
พวกเขาเติมเต็มความเป็ นมนุษย์ให้กบั พวกฉันด้วยคาพูดเหล่านี้ ราวกับกาลังประกอบร่างหุ่นจาลองให้
สมบูรณ์ โดยทีไ่ ม่เคยรู้ ไม่เคยถาม และไม่เคยสนใจว่า พวกฉันเป็ นเช่นนัน้ จริงหรือไม่ หรือเพราะเหตุใด
พวกฉันถึงเป็ นอย่างทีพ่ วกเขากล่าวหากัน…
‘เมื่อไหร่จะเงียบ แล้วตัง้ ใจฟั ง และทาตามทีบ่ อกได้สกั ที’ ประโยคลักษณะนี้เป็ นคาพูดแสนคุน้ หู
ทีฉ่ ันได้ยนิ ทัง้ ที่บ้าน ทีโ่ รงเรียน และอีกหลายสถานที่ทฉ่ี ันได้ไปเยือน ซึ่งฉันเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่ฉันคน
เดียวที่ถูกกล่าวถึงด้วยถ้อยคาเช่นนี้ ยังมีเด็กไทยในยุคปั จจุบนั อีกหลายต่อหลายคนที่ถูกกล่าวถึงด้วย
ข้อความทานองนี้อยู่ ข้อความที่มุ่งหมายให้พวกฉันฟั ง เชื่อ และทาตามในสิง่ ที่ผเู้ คยมีประสบการณ์ม า
ก่อนเห็นว่าดี โดยทีพ่ วกฉันต้องไม่มขี อ้ โต้แย้งใดๆ บางสิง่ ทีพ่ วกเขาเหล่านัน้ ให้พวกฉันทาก็เป็ นสิง่ ที่ดี
เช่น ระเบียบวินัยพื้นฐาน การอยู่ร่วมกันในสังคม การรู้จกั หน้าที่ของตนเอง แต่บางสิง่ ที่ฉัน หรือเด็กๆ
คนอื่นมีแ นวทาง หรือ แนวคิดที่ดีก ว่า สะดวกกว่า แล้ว พยายามเสนอแนวความคิด นัน้ ออกไปกลับ
กลายเป็ นว่า พวกฉันคิดต่อต้าน ไร้สาระ พร้อมกับถูกตราหน้าว่า พวกหัวขบถ ไม่ฟังใคร […]
หลายครัง้ ทีฉ่ ันเคยได้ยนิ ข้อความทีว่ ่า ‘ค่าของคน อยู่ทผ่ี ลของงาน’ ฉันรูส้ กึ เห็นด้วยกับข้อความ
นี้ คุณค่าของมนุษย์จะสะท้อนได้ดจี ากความสามารถของคนคนนัน้ สิง่ นี้ทาให้ฉนั และเด็กๆ อีกหลายคน
มุ่งมันศึ
่ กษาหาความรู้ หาโอกาสแสดงความสามารถ เพือ่ ทีจ่ ะแสดงให้เห็นคุณค่าของตัวเรา แต่ขอ้ ความ
นี้มนั กลับเป็ นเพียงสิง่ ทีอ่ ยู่ในอุดมคติเพียงเท่านัน้ เพราะในความเป็ นจริงของสังคมไทย สังคมทีเ่ ต็มไป
ด้วยผูใ้ หญ่ผมู้ ากค่านิยม โดยเฉพาะค่านิยมทีช่ ่นื ชม และยึดติดเพียงรูปลักษณ์ภายนอก มากกว่าคุณค่า
และความสามารถของสิง่ นัน้ เพราะเหตุน้ีค่าของคนจึงไม่ได้อยู่ท่ผี ลของงาน ภาพเหล่านี้สะท้อ นผ่ าน
ประสบการณ์ของฉันทัง้ ในโรงเรียน และทีท่ างานพิเศษของฉัน… ฉันและเพือ่ นทีต่ งั ้ ใจเรียน มุ่งมันในการ ่
ทางาน แต่ในบางครัง้ อาจมีบุคลิกทีไ่ ม่เรียบร้อย อ่อนหวาน กลับถูกมองข้าม และตีตราจากผูใ้ หญ่ว่า เป็ น
คนไม่สุภาพ ไม่ได้เรื่อง ต่างจากเพื่อนทีเ่ รียบร้อยอ่อนหวาน ถึงแม้จะเรียนเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง หรือ
คุณภาพงานอาจจะดีบ้าง ไม่ดบี ้าง กลับได้รบั ความสนใจ คาชื่นชม และโอกาสดีๆ เสมอ มันทาให้ฉัน
เข้าใจได้ว่า ค่าของคน ไม่ได้อยู่ทผ่ี ลของงาน แต่อยู่ทค่ี วามชอบของใคร […] ซึ่งหากปล่อยให้เป็ นเช่นนี้
ต่อไป ประเทศของเราจะเดินไปทางไหนกัน […]

15
ฉันปรารถนาว่าในอนาคตหากฉันได้เป็ นผู้ใหญ่ ฉันจะรับฟั งความคิดเห็นของเด็ก และเยาวชน
ตอบคาถามของเขาเหล่านัน้ ด้วยเหตุผล และเป็ นกระบอกเสียงในการปฏิรูประบบการศึกษาไทยให้เห็น
คุณค่าของมนุษย์ทุกคนตามความสามารถของเขาเหล่านัน้ ทีส่ าคัญ คือ การเป็ นผูใ้ หญ่ทไ่ี ม่เอาค่านิยม
ของตน และสิง่ ทีต่ นเผชิญมาไปตัดสิน หรือบีบบังคับให้เยาวชนรุ่นต่อไปต้องเผชิญเมื่อตนเอง… ทัง้ หมด
นี้คอื สิง่ ทีฉ่ ันมีความปรารถนาทีจ่ ะบอกแก่ทุกคน และใฝ่ ฝันอีกทัง้ ต้องการให้มนั เกิดขึน้ ในอนาคตทีพ่ วก
ฉันจะรับหน้าทีเ่ ป็ นผูส้ ร้างหนทางของประเทศชาติของเราต่อไป”

16
III.
หลายครัง้ ความคาดหวังและการบังคับควบคุมจากคนรอบข้างถูกยัดเยียดมาสู่เด็กและเยาวชน
ผ่านการใช้ความรุนแรง หลายครัง้ พวกเขายังมักตกเป็ นเหยื่อของการถูกคุกคามสารพัดรูปแบบ ทาร้าย-
ทาลายพวกเขาทัง้ ทางกาย วาจา ใจ จึงไม่น่าแปลกทีเ่ ด็กและเยาวชนไม่น้อยจะรูส้ กึ ว่าบ้าน สังคม และ
โลกนี้มใิ ช่พน้ื ทีป่ ลอดภัย และฝันอยากเป็ นอิสระจากความรุนแรงและพืน้ ทีแ่ ห่งความรุนแรงเหล่านี้

กชกร อายุ 18 ปี จังหวัดศรีสะเกษ:


หุ่นเชิ ด
“ใบหน้าสะบัดหันตามแรงฟาดไม่เบามือ มีเสียงดังของการกระทบกันดังเข้ามาในโสตประสาท
พร้อมเสียงร้องไห้ของแม่ เอิงเอยกุมแก้มบวมช้าของตนไว้ ก่อนจะหันมามองผูเ้ ป็ นแม่ทร่ี อ้ งไห้กอดรัง้ พ่อ
ไม่ให้เข้ามาทาร้ายเธอ
‘ใจเย็นๆ ก่อนนะพี่ ฮือ อย่าทาลูกเลย’
พ่อจ้องเขม็งมาทีเ่ ธอพร้อมกับตะคอกเสียงดังใส่ดว้ ยความโมโห
‘นี่แกตัง้ ใจเรียนแล้วหรอ แกทาได้แค่น้หี รอ’
‘ขึน้ ห้องไปก่อนเอย ขึน้ ห้องลูก’
แม่เอ่ยเสียงสันพร้
่ อมกอดพ่อทีต่ งั ้ ท่าจะเดินเข้ามาตบเธออีกครัง้ เธอเก็บกระดาษทีพ่ ่อปาทิ้งขึ้น
มาแล้ววิง่ ขึน้ ห้องไป เอิงเอยอยากบอกกับพ่อว่าเธอพยายามแล้ว แต่กร็ วู้ ่ามันคงไม่พอสาหรับเขา จึงทา
ได้แค่กม้ หน้ากอดเข่าร้องไห้ตวั สันอยู
่ ่อย่างนัน้ […]
‘ฟั งอะไรอยู่หรือ’
เอิงเอยถามเมื่อเห็นว่าจีนกาลังเสียบหูฟังเพื่อฟั งอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเธอดูผ่อนคลายราว
กับ คนก าลัง ใช้เ วลาพัก ผ่ อ น จีน ยื่น หูฟั ง ให้เ ธอข้า งหนึ่ ง เธอจึง ขยับ เข้า ไปนัง่ ใกล้ๆ แล้ว ฟั ง ด้ว ยกัน
เสียงดนตรีประกอบกับเสียงขับร้องอันไพเราะดังขึ้น เอิงเอยยกยิ้มถูกใจ ดวงตาเป็ นประกายความสุข
แล้วเอ่ยขึน้
‘เจ๋งจัง เราไม่ได้ใช้เวลานังฟั
่ งเพลงมานานมากแล้ว’
‘ปกติอยู่ยงั ไงเนี่ยไม่ฟังเพลง’
‘ทาการบ้าน ติวหนังสือก็เหนื่อยจนหมดวันแล้ว’
‘ต่อไปนี้กแ็ บ่งเวลาให้ตวั เองพักบ้าง อะไรทีห่ นักไปก็ไม่ดหี รอก’

17
‘ได้เลย’
‘เอิงเอยเป็ นอะไร ร้องไห้ทาไม’
จีนเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอก้มหน้าซ่อนตาแดงๆ เอาไว้
‘เรา ฮึก เพิง่ โทรคุยกับพ่อ เราอยากลองเรียนเปี ยโน แต่พ่อบอกว่าเรียนจะไปทาอะไรได้ ทาไม
ฮึก ทาไมพ่อถึงไม่ให้ค่างานศิลปะเลย ดนตรีไม่เคยไร้สาระสักหน่อย เรา ฮึก เรามีความสุขมากที่ได้อยู่
กับดนตรี มันเป็ นเวลาเดียวทีเ่ ราจะมีความสุข แต่พอ่ ก็พงั มันไปหมดเลย ฮือ’
จีนกอดเธอทีร่ อ้ งไห้โฮเหมือนเด็กๆ เอาไว้แน่น คนตรงหน้าเจ็บปวดมากมายจากความคาดหวัง
และสิง่ ที่ผู้เป็ นพ่อคิดว่ามันดี แต่ไม่เคยดีสาหรับเธอ หลังจากที่รู้จกั กันมา ทาให้จนี รู้ว่าเอิงเอยใช้ชีวติ
ตามทีพ่ อ่ เห็นว่าดี เหมือนเป็ นแค่หุ่นเชิดเท่านัน้ […]
‘เอิงเอยจะไปไหน เอิงเอยตอบพ่อ’
คนเป็ นพ่อกระชากข้อมือเธอให้หยุดอยู่กบั ที่เมื่อเห็นว่าเธอหอบกระเป๋ าเสื้อผ้าจะเดินออกจาก
บ้านไป เอิงเอยทรุดตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน ปล่อยน้ าตาให้ไหลโดยไร้เสียงสะอืน้ เธอไม่เคยร้ องไห้ให้พอ่
เห็น ไม่ว่าจะถูกตีเจ็บแค่ไหนก็จะทาเพียงเงียบไว้
‘เอิงเอย เป็ นอะไรลูก’
เป็ นหนึ่งในไม่ก่คี รัง้ ทีพ่ ่อเรียกเธอแบบนี้ เอิงเอยก้มลงกราบทีเ่ ท้าของผู้เป็ นพ่อแล้วเอ่ยออกมา
เสียงสัน่
‘พ่อปล่อยหนูไปได้ไหม หนูขอชีวติ หนูคนื ได้ไหมคะ หนูเจ็บ หนูเจ็บไม่ไหวแล้ว’
เอิงเอยร้องไห้ตวั สันราวจะขาดใจอยู
่ ่ใต้เท้าของพ่อ อ้อนวอนให้พอ่ คืนอิสระ เธออยากจะต่อสูเ้ พื่อ
ความสุขของตนแม้เพียงนิด ต่อให้จากนี้จะถูกตีจนตาย แต่เธอก็อยากจะลองดู”

ชนาธิ ป อายุ 21 ปี จังหวัดเชียงใหม่:


เรื่องเล่าของ transgender
“ฉันชื่อ ‘เจด้า’ เด็กชายธรรมดาคนหนึ่งซึ่งเติบโตมาในครอบครัวทีอ่ บอุ่นและดูเพรียบพร้อมไป
แทบทุกอย่าง ในวัยเด็กฉันนัน้ ก็ดูเหมือนผู้ชายปกติ […] แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป […] ฉันต้องการที่จะ
เติบโตขึน้ เป็ นผูห้ ญิงอย่างสมบูรณ์แบบ ความปรารถนานี้ได้ฝังลึกเป็ นรากฐานอยู่ในใจฉันตลอดมาแม้ว่ า
มันจะยากลาบากมากแค่ไหนก็ตามเพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็ นสิง่ ทีเ่ ลวร้ายในสายตาของคนรอบข้างที่
มองมายังตัวเรา […]

18
ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดถึงครอบครัวของฉันที่เพรียบพร้อมและดูแลฉันอย่างดีมาตลอด […] แต่
แล้วเมื่อฉันเริม่ โตขึน้ ก็รสู้ กึ ได้ว่าในการดูแลของพวกเขามันก็เป็ น เหมือนกับการวางกรอบให้กบั ชีวติ ของ
ฉันมันจึงกลายเป็ นดาบสองคม […] ครอบครัวนัน้ ไม่เคยยอมรับในตัวตนของฉันที่เป็ นแบบนี้ ฉันมักจะ
โดนครอบครัวดูถูกและเหยียดหยามมาตลอดในเรื่องของ ‘เพศสภาพที่ไม่ตรงกับเพศกาเนิด ’ มันเป็ น
เหมือนกับการถูกบูลลีด่ ว้ ยวาจาจากสถาบันครอบครัว พวกเขามักจะพูดว่า ‘เสียชาติเกิด กะเทยไม่มงี าน
ทาในสังคมเพราะไม่มหี น่วยงานไหนอยากรับเข้าทางาน ไม่เป็ นทีย่ อมรับไม่มพี ้นื ที่ยนื ไม่มที างสมหวัง
ในความรัก เป็ นกะเทยทาได้แค่ขายตัวไม่ก็ไปเต้นกินรากิน อายคนอื่นที่มลี ูกเป็ นกะเทย’ ครอบครัว
ต้องการให้ฉนั เป็ นผูช้ ายและทาตามคาสังที ่ เ่ ขาวางไว้ทุกอย่างในแบบฉบับของผูช้ ายตามบรรทัดฐานของ
สังคม เมื่อฉันซึมซับคาดูถูกเหยียดหยามจากครอบครัวมันทาให้ฉนั เสียใจและกดดันตัวเองมากขึน้ […]
เมื่อฉันได้ก้าวเข้ามาในรัว้ มหาวิทยาลัย ฉันเรียนอยู่คณะนิตศิ าสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัด
เชียงใหม่ตามที่ครอบครัวสังไว้ ่ […] แต่มนั ก็ยงั มีด้านที่ดีคอื ฉันได้ออกมาอยู่หอพักและเป็ นอิสระจาก
ครอบครัวมากขึน้ […] ฉันเริม่ พบเจอกลุ่มบุคคลทีม่ คี วามหลากหลายทางเพศมากยิง่ ขึน้ ทาให้ฉนั มีเพือ่ น
มากมายทีเ่ ป็ นแบบฉัน เริม่ กล้าทีจ่ ะแสดงออก อีกทัง้ มีพน้ื ทีย่ นื บนสังคมกว้างมากยิง่ ขึ้น ฉันนัน้ ได้นิยาม
เพศสภาพของตัวเองคือบุคคลข้ามเพศ ฉันเริม่ ใช้ชวี ติ ในแบบฉบับของเพศหญิงมากยิง่ ขึน้ เช่น การไว้ผม
ยาวซึง่ เป็ นสิง่ ทีฉ่ นั ภูมใิ จมากทีส่ ุดเพราะตัวฉันมีคานิยามว่าผมยาวนัน้ คือสัญลักษณ์ของเพศหญิง […]
ชีวติ ของฉันดูเหมือนว่ามันจะเริม่ ไปในทิศทางทีด่ แี ละความฝั นก็ดเู ป็ นรูปเป็ นร่างมากขึน้ …แต่ไม่
เลย เมื่อตัวฉันได้ย่างเท้ากลับเข้ามาในบ้านช่วงวันหยุดฉันต้องเปลีย่ นบุคลิกเป็ นโลกใบที่สอง ฉันต้อง
ซ่อนตัวตนทีเ่ ป็ นหญิงไม่ให้ครอบครัวเห็น ไม่ว่าจะเป็ นเสือ้ ผ้านักศึกษาหญิง เครื่องสาอาง ฉันต้องมัดผม
และแต่งตัวให้เหมือนผู้ชายที่ปกติ คนในครอบครัวยังคงคิดว่าฉันเป็ นผู้ชายและยังคงวางกรอบการใช้
ชีวติ ในแบบฉบับของผู้ชายให้กบั ตัวฉันเสมอมา […] จนสุดท้ายแล้วสิง่ ที่แย่ทส่ี ุดในชีวติ มันก็มาถึง เมื่อ
ครอบครัวเริม่ รับไม่ได้ในสิง่ ที่ฉันเป็ นอย่างรุนแรง เขาเริม่ แสดงออกถึงการไม่ยอมรับความจริง ฉัน ถูก
ครอบครัวด่าทอด้วยคาหยาบคายและดูหมิน่ สารพัด จนถึงขัน้ ทาร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ฉันถูกตบตี ฉุด
กระชากจนฉันล้มลงไปกองอยู่กบั พืน้ พร้อมทัง้ มีบาดแผลไปทัวแขนขา ่
สุ ด ท้า ยแล้ว ฉั น ถู ก บีบ บัง คับ ให้ต้อ งกลับ มาใช้ชีว ิต ในแบบของผู้ช าย ฉั น ถู ก ตัด ผมออกให้
กลายเป็ นผูช้ ายเหมือนที่ครอบครัวต้องการ ฉันยังจามันได้ไม่ลมื ในตอนที่กรรไกรเริม่ ตัดเส้นผมของฉัน
ออกไปทีล่ ะช่อฉันได้แต่นงั ่ ร้องไห้ตลอดเวลาและไม่สามารถโต้เถียงและขัดขืนได้เลยในขณะทีค่ รอบครัว
ของฉันหัว เราะชอบใจและถ่ ายรูปฉันที่ถู กตัดผมเก็บไว้ด้ว ยความดีใ จ ฉันเจ็บปวดทัง้ บาดแผลตาม
ร่างกายและบาดแผลภายในจิต ในที่แ ม้กระทังในตอนนี ่ ้ ฉันก็ยงั ไม่เ คยลืม และไม่ เ คยหายจากความ
เจ็บปวดครัง้ นัน้ เลย หลังจากฉันถูกทาร้ายร่างกายและถูกตัดผมให้กลายเป็ นผู้ชายอีกครัง้ ฉันก็ต้องหนี
ออกจากบ้านเพราะ ‘บ้านไม่ใช่พน้ื ทีป่ ลอดภัย’ อีกต่อไปฉันจึงต้องออกมาอยู่หอพักจนกระทังถึ ่ งทุกวันนี้
ฉันก็ไม่เคยได้กลับบ้านอีกเลย […]

19
มาถึงจุดนี้ ชีวติ ของฉันดูแล้วก็คงจะไม่ได้สวยงามการทาตามความฝั นของตัวเองกลายเป็ นเรื่อง
ที่ยากเย็นเหลือเกิน ฉันยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ในครัง้ นัน้ ฉันรู้สกึ ว่าชีวติ มันช่างไร้ค่า ฉันเริม่
ซึมเศร้าและร้องไห้ทุกวันฉันคิดที่จะอยากหายไปจากโลกใบนี้ ฉันตัดพ้อตัวเองว่า ‘ฉันไม่น่าเกิดมาผิด
เพศเลย ถ้าฉันเกิดมาเป็ นผู้ชายชีวติ ของฉันก็คงไม่ต้องมาพบเจอกับเรื่องแบบนี้ ’ ชีวติ ของฉันในเวลานี้
ถึงแม้จะให้เวลาและกาลังใจจากผูอ้ ่นื เป็ นสิง่ เยียวยาร่างกายและจิตใจของฉันแต่มนั ก็ไม่ง่ายเลยเพราะฉัน
ต้องเริม่ ต้นสร้างความฝันทีจ่ ะเป็ นตัวของตัวเองอีกครัง้ มันเป็ นเหมือนการเริม่ ก่อปราสาททรายครัง้ ใหม่ท่ี
ในครัง้ นี้ฉันจะไม่ยอมให้ใครหรือสิง่ ใดมาทาลายมันลงไปอีกฉันจึงพยายามเข้มแข็งขึ้นและเริม่ ลุกขึ้นมา
เป็ นกระบอกเสียงให้กบั ตัวเองและผูอ้ ่นื […] ตัวของฉันซึ่งเป็ น transgender ที่ถูกบูลลี่ทงั ้ วาจาและการ
กระทาที่รุนแรง […] ไม่ต้องการให้คนอื่นๆ ต้องมาประสบพบเจอกับเหตุการณ์หรือปั ญหาเดียวกับฉัน
เมื่อฉันกล้าทีจ่ ะพูดกล้าทีจ่ ะแสดงออกเพือ่ เป็ นประโยชน์ให้แก่ผอู้ ่นื ฉันก็ยนิ ดีทจ่ี ะทา ฉันเริม่ ให้สมั ภาษณ์
กับทางสื่อต่างๆ ในปั ญหาดังกล่าว เริม่ รณรงค์จากเสียงเล็กๆ ของฉัน ฉันได้รบั โอกาสจากทางคณะ
นิตศิ าสตร์ในการจัดทาโครงการเล็กๆ ขึ้นมา ชื่อว่า Niti’s voice of awareness โดยฉันได้รบั หน้ าที่ใน
การเป็ นประธานโครงการซึ่งโครงการดังกล่าวเป็ นโครงการที่เกี่ยวข้องในด้านของการรณรงค์เพื่อ ยุติ
พฤติกรรม การบูลลี่ และ การคุกคามทางเพศ อันจะนามาสูก่ ารดูแลรักษาและฟื้ นฟูสุขภาพทางจิตของผู้
ทีถ่ ูกกระทา อีกทัง้ เป็ นการแสดงออกถึงการตักเตือนสาหรับผูท้ ไ่ี ด้กระทามันลงไป จากสิง่ ทีฉ่ ันได้ทามา
ทัง้ หมดนี้มนั ทาให้ฉันเป็ นคนที่แข็งแกร่งและรักตัวเองมากขึ้นเป็ นทวีคูณ ฉันไม่ต้องการที่จะร้องไห้อกี
ต่อไปฉันต้องการเป็ นแรงบันดาลใจและเป็ นแรงผลักดันทีจ่ ะทาให้ทงั ้ ตัวของฉันและคนอื่นเป็ นในสิง่ ทีค่ ุณ
อยากจะเป็ นและกล้าทีจ่ ะแสดงมันออกมาให้สงั คมได้รบั รูแ้ ละเป็ นทีย่ อมรับในสังคมปั จจุบนั และรวมไปถึง
สังคมสมัยใหม่ ดังนัน้ ฉันอยากจะเห็นสังคมในโลกอนาคตทีจ่ ะยอมรับความเป็ น ‘ตัวตน’ อันเป็ นเสรีภาพ
และเอกลักษณ์ทส่ี วยงามของบุคคลแต่ละคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

20
จิ ราพร อายุ 22 ปี กรุงเทพมหานคร:
ฉันในวัย 22 ปี

“ความฝั นเดียวทีเ่ หลืออยู่ในวัย 22 ปี กลับเป็ นการไปจากทีน่ ่ี ไม่ใช่จากประเทศนี้ แต่มนั คือจาก


โลกใบนี้ ความรูส้ กึ อิสระทีป่ ราศจากคาพูดใจร้ายต่างๆ นานา จะเป็ นอย่างไรนะ เป็ นสิง่ ทีฉ่ ันฝั นหาอย่าง
ปฏิเสธไม่ได้เลย ฉันในวัย 22 อยากบอกตัวเองในอดีตทัง้ ขอบคุณและขอโทษ ขอบคุณที่พยายามมาก
ขนาดนี้เพือ่ ทีจ่ ะมายืนอยู่ตรงนี้ และขอโทษทีฉ่ ันในตอนนี้อยากทอดทิง้ ตัวเองใจจะขาด”

21
IV.
การดิ้นรนเพื่อเป็ นอิสระจากความยากจนและความเหลื่อมล้า จากความคาดหวังและการบังคับ
ควบคุม จากความรุนแรง ตลอดจนจากปั ญหาอื่นทีถ่ าโถมเข้ามา บีบให้เด็กและเยาวชนหลายคนเคยเดิน
ในเส้นทางชีวติ ทีต่ ่อมาเห็นว่าผิดพลาด หนึ่งในความฝันของพวกเขาคือการเป็ นอิสระจากอดีตของตนเอง
เพือ่ เริม่ ต้นบทใหม่ในชีวติ และมุ่งหวังว่าสังคมก็จะไม่กกั ขังพวกเขาไว้ใต้พนั ธนาการแห่งอดีตเช่นกัน

เยาวชนไม่ประสงค์เปิ ดเผยตัวตน อายุ 19 ปี จังหวัดนครปฐม:


“ครอบครัวของฉันพักอาศัยอยู่ท่รี งั สิต พ่อแม่แยกทางกัน ฉันมีพน่ี ้อง 4 คน พักอาศัยอยู่กบั พ่อ
ตัง้ แต่เด็กพ่อของฉันขับมอเตอร์ไซค์รบั จ้างรายได้ประมาณวันละ 300 บาท ขณะทีพ่ อ่ ออกไปทางาน ฉัน
ช่วยพ่อทางานบ้าน ล้างจาน ถูบา้ น เช็ดโต๊ะอาหารและช่วยพีส่ าวคนโตเลี้ยงลูก ตอนเย็นเมื่อพ่อกลับมา
จากขับรถ ฉันมักจะขอเงินพ่อไปซื้อก๋วยเตีย๋ วที่ร้านหน้าปากซอยบ้านมากิน ชีวติ เป็ นแบบนี้เรื่อยมา
จนกระทังวั ่ นหนึ่งเพือ่ นโทรมาหาชวนฉันไปเทีย่ ว ฉันบอกกับพ่อว่า ‘หนูจะไปเทีย่ วกับเพือ่ นนะ’ พ่อบอก
ว่า ‘อย่าลืมกลับมากินข้าวนะลูก พ่อรอนะ’ และถามฉันว่าจะกลับกี่โมง ฉันบอกพ่อว่า ‘ยังไม่รเู้ ลย พ่อไม่
ต้องรอก็ได้ ขับวินเสร็จก็กลับเข้าบ้านเลย หนูอาจจะกลับดึก พ่อจะได้เอากับข้าวมาให้น้องกิน’ หลังจาก
นัน้ ฉันก็ไม่กลับไปให้พ่อเห็นหน้าอีกเลย เพราะฉันไปทางาน โดยการพาน้องๆ ทีร่ จู้ กั ไปขายบริการ ฉัน
กลัวพ่อรู้ และจะเสียใจว่าทาไมฉันถึงโกหก และทาอะไรแบบนี้ ตัง้ แต่วนั ทีฉ่ ันก้าวออกมาจากบ้าน ชีวติ
ของฉันก็เปลีย่ นไป […]
วันหนึ่งขณะที่ฉันเล่นเฟซบุ๊กอยู่ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดงั ขึ้นฉันมองดูเป็ นเบอร์โทรศัพท์ของพ่อ
ฉันจึง ตัดสายทิ้งไป ไม่กล้ารับสาย เพราะไม่รจู้ ะตอบคาถามพ่ออย่างไร ฉันยังคงดาเนินชีวติ ต่อไป โดย
ไม่สนใจครอบครัว
อยู่มาวันหนึ่งลูกค้าทักมาถามว่า ‘มีเด็กไหม’ ฉันก็จะตอบไปว่า ‘มี เอากี่คนจะได้ส่งไป’ ลูกค้า
ตอบว่า ‘เอา 1 คน’ เมื่อฉันตกลงกับลูกค้าเสร็จเรียบร้อย ฉันได้รบี อาบน้ าแต่งตัวเพื่อไปส่งเด็กตามนัด
หมาย เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ฉันและเด็กได้ไปถึงโรงแรม ฉันทักไปถามลูกค้าว่า ‘พีอ่ ยู่ ไหน หนู
มาถึงโรงแรมแล้วนะ อยู่หอ้ งเบอร์เท่าไหร่’ พอลูกค้าบอกมาฉันจึงรีบวิง่ ขึน้ ไปกับเด็ก พอไปถึงห้องลูกค้า
ลูกค้าถามว่า ‘ค่าตัวเท่าไหร่’ ฉันจึงบอกว่า ‘2,500 บาท เป็ นของน้อง 1,200 บาท’ ที่เหลือฉันเก็บเข้า
กระเป๋ าตัวเอง […]
หลังจากนัน้ ก็เข้าห้องทากิจธุระ พอเสร็จฉันก็อาบน้ าแต่งตัว ฉันได้ทกั ไปหาน้องว่า ‘น้องมารับพี่
หน่อยตรงหน้าโรงแรม’ น้องตอบมาว่า ‘พีต่ ารวจเต็มหน้าโรงแรมเลย อย่าเพิง่ ให้ลูกค้าเดินออกมานะ’ ฉัน
รู้สกึ งงๆ แล้วก็ตอบรับน้องแบบไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ ‘เออ เดีย๋ วพี่เดินไปแบบเหมือนไม่มอี ะไรเกิดขึ้น
โอเคนะ’ หลังจากวางสาย ฉันจึงเดินออกมาหน้าโรงแรม เวลาเพียงไม่ถงึ 5 นาที ตารวจก็เข้ามาล็อคตัว
ฉัน แล้วพูดว่า ‘ไปโรงพักกับพีก่ ่อน’ ระหว่างทางฉันได้หยิบโทรศัพท์ขน้ึ มาเพือ่ จะโทรหาพ่อ ให้พอ่ ได้รบั

22
รูก้ ่อน พอพ่อรับสาย ฉันได้พดู กับพ่อว่า ‘พ่อหนูโดนจับพ่อ’ พ่อถามเพียงว่าฉันอยู่ไหน ฉันทาได้เพียงแค่
แจ้งชื่อ สถานีตารวจทีจ่ บั ฉันแก่พอ่ พ่อตัดสายฉันไป คืนนัน้ ฉันนอนอยู่ทส่ี ถานีตารวจตามลาพัง
เช้าวันรุ่งขึน้ พ่อมาหาแต่เช้า พ่อมาถึงก็พูดกับฉันว่า ‘เป็ นไงบ้างลูก พ่อมีเงินไม่พอเลี้ยงดูแกใช่
ไหมแกเลยเป็ นแบบนี้’ พ่อตบหน้าฉัน ฉันได้แต่ร้องไห้แล้วพูดขึ้นว่า ‘อยากให้ทางบ้านสบาย อยากให้
ทางบ้านมีเงินใช้ หนูขอโทษนะพ่อ’ พ่อตอบกลับฉันว่า ‘เออ ไม่เป็ นไรเริม่ ต้นใหม่ได้เสมอพ่อจะรอแก
ออกมา กลับตัวกลับใจเป็ นคนดีนะพ่ออยากเห็น หนูเปลีย่ นตัวเองโดยทางานและเรียนไม่ใช่ทาสิง่ ที่มนั
ผิดกฎหมายอย่างนี้ ทาตัวดีๆ ละกันนะ เดีย๋ วว่างพ่อจะไปเยีย่ มนะ รอพ่อนะลูก พ่อรักแกนะ’
หลังจากนัน้ ฉันก็เข้าสู่กระบวนการยุตธิ รรม ศาลเยาวชนเด็กและครอบครัวตัดสินให้ฉันเข้ารับ
การฝึกอบรมทีศ่ ูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานีมกี าหนด 5 ปี โดยมีเงื่อนไขให้เรียนจบ
[…] ชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย จากวันนัน้ ถึงวันนี้ฉันก็อยู่ทน่ี ่ีเป็ นเวลา 4 ปี กว่าแล้ว เดือนสิงหาคมนี้กจ็ ะ
ครบกาหนดปล่อยตัว ฉันจะได้มอี สิ ระเหมือนคนอื่นเขาสักที ฉันอยากออกไปจากที่น่ีเร็วๆ ฉันเป็ นห่วง
พ่อ ไม่รวู้ ่าพ่อเป็ นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม เพราะตลอดเวลาทีฉ่ นั อยู่ทน่ี ่พี อ่ ไม่เคยมาเยีย่ มฉั นเลยสักครัง้
ความฝันของฉันคือ การทีไ่ ด้อยู่กบั ครอบครัว กับคนทีเ่ รารักและรักเรา ฉันจะไม่กระทาผิดและจะ
ไม่ไปยุ่งกับสิง่ ทีผ่ ดิ กฎหมาย จะทาตัวดี จะได้กลับไปอยู่กบั ครอบครัวทีอ่ บอุ่นและถ้าย้อนเวลากลับไปได้
ก็จะกลับไปขอโทษพ่อกับแม่ทเ่ี คยทาให้ท่านเสียน้าตา ฉันอยากเรียนรูท้ จ่ี ะอยู่กบั ปั จจุบนั ให้มากกว่าอดีต
และจะจาสิง่ ทีผ่ ดิ พลาดเป็ นบทเรียน ช่วยพ่อแม่ทางานและเก็บเงินเรียน ทาให้พอ่ แม่มคี วามสุขและสบาย
ใจมากขึ้น ฉันไม่อยากให้ความฝั นของฉันเป็ นแค่อากาศ ฉันจะทาความฝั นของฉันให้เป็ นจริงในสักวัน
หนึ่ง ฉันจะไม่มวี นั ทาร้ายชีวติ ตัวเองโดยการค้ามนุ ษย์อกี เป็ นอันขาด ฉันจะเปลี่ยนนักขายให้เป็ น นักสู้
และใช้ชวี ติ อยู่อย่างภาคภูมใิ นสังคม”

เยาวชนไม่ประสงค์เปิ ดเผยตัวตน อายุ 16 ปี จังหวัดนครปฐม:


“ฉันเติบโตมาในวงจรของยาเสพติดและครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ พ่อกับแม่แยกทางกันตัง้ แต่ฉัน
อายุได้ 3 เดือน แม่ได้พาฉันมาอยู่กบั ตาและยาย บ้านของฉันไม่ค่อยมีเงิน […เมื่อ] ฉันเข้าเรียนอนุบาล
1 ฉันเริม่ เห็นคนในบ้านทาสิง่ ผิดกฎหมาย ทุกคนในบ้านล้วนขายและเสพยาเสพติด […] ส่วนแม่ของฉัน
มีครอบครัวใหม่ มีน้องชายต่างพ่ออีก 1 คน […]
เวลาผ่านไปไม่นาน […] พ่อเลีย้ งกับลุง […ถูกจับ] ในคดีครอบครองเพือ่ จาหน่ายยาเสพติด ต้อง
ติดคุกคนละ 3 ปี แม่ไม่มเี งินประกันทาให้พ่อเลี้ยงกับลุงต้องติดคุก ตอนนัน้ น้องของฉันยังเล็กมากและ
ฉันกาลังเรียนอยู่ชนั ้ ป.5 ฉันเริม่ ส่งยาเสพติดแต่ไม่ได้สง่ ตลอด เพราะฉันขับรถไม่เป็ น ได้แต่ให้ลูกค้ามา
รับเอง เพราะทีบ่ า้ นฉันจะไม่ให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวาย วิธสี ่งยาของฉัน คือฉันจะแกล้งไปยืนเล่นเพื่อไม่ให้
คนสงสัยว่าฉันออกมาทาอะไร ยืนบริเวณทีค่ นไม่เยอะ พอได้เงินมาฉันก็จะนาเงินไปให้คนทีบ่ า้ น […]

23
แม่ของฉันต้องดิ้นรนหาเงินคนเดียว ต้องอดทน แม่เริม่ มีภาระมากขึ้นเพราะน้องของฉันเข้า
โรงเรียน ตาทางานรับจ้างรายได้ก็ไม่ค่อยมากนัก ยายก็ต้องออกจากงานทีส่ านักงานเขตเพราะขาไม่ดี
และไม่ค่อยแข็งแรง ยายมักจะเก็บของเก่าขายเวลาว่างหรือไม่มเี งิน แม่สอนฉันเสมอว่าให้ตงั ้ ใจเรียน
เรียนให้จบจะได้ไม่ลาบาก และเป็ นขีป้ ากคนอื่น ไม่ตอ้ งรีบมีแฟนเลีย้ งตัวเองให้รอดก่อน ดูคนในบ้านเป็ น
ตัวอย่าง แม่กเ็ รียนไม่จบ มีฉนั ตัง้ แต่อายุ 16 ปี พ่อก็ไม่เคยส่งเงินมาไม่เคยสนใจเลย
ไม่นานลุงกับพ่อเลี้ยงที่ก็ได้รบั การปล่อยตัว ฉันมีความสุขมากที่จะได้อยู่พร้อมหน้ากัน แต่พอ
กลับมาได้ไม่นาน พ่อเลี้ยงก็ถูกตามจับเรื่องยาที่เผาทิ้ง จนต้องหนีไปอยู่ท่อี ่นื ลุงอยู่ได้ไม่นานก็ถูกจับ
รอบที่ 2 ในคดีเดิม แม่ตงั ้ ท้องในช่วงที่พ่อเลี้ยงกับลุงไม่อยู่ แม่จะไปเยี่ยมลุงตลอด แต่ก็มเี งินไม่มาก
เพราะไม่มใี ครช่วยแม่หาเงิน […]
พอฉันเข้า ม.1 ฉันก็อยากส่งยา อยากมีเงินให้ครอบครัว ฉันขายของออนไลน์ รับของมาขาย
เพื่อที่จะได้มเี งินเก็บ เพราะฉันได้เงินไปโรงเรียนเพียงวันละ 50-60 บาท ทาให้ฉันต้องหาเงินเก็บไว้
เพราะจะได้ไม่ตอ้ งขอแม่เพิม่ เวลาทารายงาน
พอฉันขึน้ ม.2 ฉันเริม่ มีแฟน ติดเพื่อน ติดเกม แม่ได้พาแฟนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านได้ครึง่ ปี ตาก็
ป่ วยเดินไม่ได้นอนติดเตียงต้องไปโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ทาให้ฉันต้องหยุดเรียนและตามเรียนไม่ทนั ถ้า
ฉันไม่หยุดก็ไม่มใี ครช่วยดูแลตาเพราะโรงพยาบาลราชวิถไี กลจากที่บ้านมาก และต้องมีคนไปเฝ้ า ฉัน
เริม่ สูบบุหรี่ เข้าโรงเรียนสายพอ ม.3 ครูทโ่ี รงเรียนสงสัยว่าทาไมฉันถึงหลับในห้องเรียนก็เพราะตาของ
ฉันเรียกทัง้ คืน ทาให้ฉนั ไม่ได้นอนเลย บางวันก็ไม่ไปโรงเรียนเพราะไปไม่ไหว เรียนก็ไม่ทนั เพือ่ น […]
การไม่ค่อยได้ไปเรียนส่งผลให้ผลสอบออกมาฉันสอบไม่ผ่าน 3 วิชา แม่ถามฉันว่า ‘ทาไมถึงติด
ศูนย์เยอะจัง มึงอยากเรียนมัย้ ถ้าไม่อยากเรียนก็ออกไปแต่ถ้าจะเรียนก็ไปตามแก้ให้เสร็จ’ ฉันคิดว่าคง
แก้ไม่ทนั ฉันอยากออกไปเรียนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย […] ฉันเลยออกมาขาย
ของและเลี้ยงน้องไปด้วย ฉันยังคงส่งยาอยู่เหมือนเดิม เพื่อที่จะได้มเี งินกินอยู่ในแต่ละวัน ตาของฉัน
ยังคงเปลี่ยนโรงพยาบาลบ่อยๆ อยู่ตลอด พอลุงออกมารอบนี้ ลุงก็เลิกยุ่งกับยาเสพติดและมีแฟนใหม่
ส่วนแม่ได้กไ็ ด้ทะเลาะกับแฟนใหม่จนเลิกกัน และแม่กม็ แี ฟนใหม่อกี แต่ฉนั ไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไหร่
จนวันหนึ่งฉันกาลังนายาไอซ์ไ ปส่งปกติ […] ฉันขับรถไปถึงทีน่ ัดส่งยา แต่ไม่เจอคนทีส่ งยา
ั ่ ฉัน
โทรหาเขาหลายครัง้ ก็ไม่มคี นรับ จนกระทังมี่ รถมอเตอร์ไซค์ขบั มาตีค่กู บั ฉันแล้วสังให้
่ ฉันจอด ฉันตกใจ
มาก เขาเป็ นตารวจ เขาถามว่า ‘ยาอยู่ตรงไหนเอาออกมา’ ตอนแรกฉันจะไม่เอาออกมา แต่เขาบอกว่า
ถ้าไม่เอาออกมาเขาจะค้นตัว ฉันจึงเอาออกมาเพราะคิดว่ายังไงก็ไม่รอดอยู่ดี ฉันเอาออกมาดีกว่า ตารวจ
ถามฉันว่าฉันอายุเท่าไหร่ ฉันตอบว่า ‘อายุ 15 ค่ะ’ เขาตกใจมาก ว่าอายุแค่น้ีทาไมมาส่งยาแบบนี้ […]
ฉันจึงโทรไปหายายว่าฉันถูกจับ ตากับยายและลุงเลยนัง่ รถมาหาฉันทีส่ ถานีตารวจ ตารวจแจ้ งว่าถ้ายา
ไอซ์ 18 กรัม และอายุเกิน 18 ปี จะไปคุกใหญ่ตดิ ตลอดชีวติ พอตารวจส่งขึน้ ศาลวันนัน้ ฉันไม่รวู้ ่าจะได้
กลับไหม ฉันคิดถึงคนทีบ่ า้ นกินข้าวไม่ลง เพราะอยากกลับบ้าน

24
ลุงของฉันได้วางเรื่องประกันตัว ฉันจึงได้กลับมาใช้ชวี ติ ปกติ แต่ต้องไปรายงานตัวตามนัดทุก
ครัง้ มันเป็ นประสบการณ์ท่ที าให้ฉันไม่อยากยุ่งกับยาอีก พอตาของฉันเริม่ เดินได้ ฉันกับลุงก็เปิ ดร้าน
ขายไก่ ทีต่ ลาดตอนเช้า ส่วนแม่กไ็ ด้หนีเจ้าหนี้ไปกับน้องคนเล็กทีอ่ ายุได้เพียง 3 ขวบ หนีไปอยู่กบั ป้ าที่
นนทบุรี ฉันตัง้ ใจเก็บเงินและส่งเสียเลี้ยงครอบครัวเพื่อทีจ่ ะไม่ให้ ทุกคนต้องลาบาก ฉันทางานร้านเหล้า
กลางคืน ติดเพือ่ นไม่ค่อยกลับบ้าน จนวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ศาลเรียกตัวฉันเป็ นครัง้ สุดท้าย ฉันคิด
ว่ายังไงฉันก็ได้กลับบ้านแน่ นอนเพราะฉันเรียนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตามที่
ศาลสัง่ แต่พอไปถึงศาลสังให้่ จาเลยเข้ารับการฝึ กอบรมในระยะเวลาขัน้ ต่า 1 สูง ขัน้ สูง 2 ปี ค่าปรับ 2
เดือน น้ าตาฉันไหลออกมาทันทีทไ่ี ด้ยนิ คานัน้ ในวันทีไ่ ด้เข้ารับการฝึกอบรมทีศ่ ูนย์ฝึกฯ บ้านปรานี ฉัน
ได้เจอเพื่อน ได้ฝึกอาชีพทีฉ่ ันไม่เคยทา ได้เรียนรูป้ ระสบการณ์มากมาย และรูจ้ กั การวางแผนชีวติ มาก
ขึน้ ฉันมีความฝันทีฉ่ ันอยากเป็ นและอยากทา ฉันอยากเปิ ดร้านขายเสือ้ ผ้า และอยากเป็ นครู ฉันจะตัง้ ใจ
ทาให้มนั ไปถึงฝัน ฉันเชื่อมันในตนเองว่
่ าฉันทาได้”

เยาวชนไม่ประสงค์เปิ ดเผยตัวตน อายุ 17 ปี จังหวัดนครปฐม:


“ตอนทีฉ่ ันอายุ 6 ขวบ เท่าทีจ่ าได้ ฉันไม่เคยมีเพื่อนเลย และไม่อยากเล่ นกับใครเลย เพราะฉัน
อายทีต่ อ้ งถูกเพือ่ นล้อว่า แม่ของฉันเป็ นผูห้ ญิงขายบริการทางเพศ […] พ่อแยกทางกับแม่ตงั ้ แต่ฉนั ยังอยู่
ในท้อง พอลืมตาขึน้ มาฉันก็เจอกับแม่เลี้ยงแล้ว […] ฉันอยู่กบั ปู่ทห่ี มู่บา้ นหนึ่ง ส่วนแม่กบั พ่อเลีย้ งอยู่อกี
หมู่บา้ นหนึ่ง […] พีส่ าวแท้ๆ ของฉันชอบแอบพาฉันไปหาแม่ทบ่ี า้ นพ่อเลี้ยงบ่อยๆ โดยไม่ให้ป่ รู ู้ แต่พอ
ฉันไปถึงฉันก็ไม่เคยได้วงิ่ ไปหอมแก้มหรือกอดแม่อย่างที่คดิ สักครัง้ ทุกครัง้ ที่ไปถึงจะมีเสียงๆ หนึ่งดัง
ออกมาจากในบ้าน ‘กลับบ้านพ่อมึงไปเลย ไม่ตอ้ งมา กูอยู่แบบนี้ กูมคี วามสุขของกูอยู่แล้ว ไปเลย ไปอยู่
กับพ่อของมึง…ไป’ เมื่อสิน้ สุดเสียง น้าตาของฉันก็ไหลออกมาโดยไม่รตู้ วั ทุกครัง้ […] จนทุกวันนี้ฉนั ก็ยงั
จาได้ทุกคาพูดของแม่ในวันนัน้ และมักจะถามตัวเองเสมอว่า ‘แม่ไล่ฉันทาไม’ แต่มนั ก็ไม่ได้ทาให้ฉันรัก
แม่น้อยลงเลย […]
พอยุคสมัยเริม่ เปลี่ยนฉันและพี่สาวเริม่ โตขึ้น พี่สาวของฉันก็เริม่ ติดเที่ยว ไม่กลับบ้าน พอฉัน
รู้ตวั อีกที พี่สาวของฉันก็เดินตามรอยแม่ไปซะแล้ว พอฉันย่างเข้าสู่วยั รุ่น ช่วงวันหยุดพี่สาวมักจะชอบ
แอบมารับฉันที่บ้านและชวนฉันไปโน่ นไปนี่ และบอกฉันว่า ‘ถ้าไปแล้ว เดีย๋ วพาไปหาแม่’ ฉันก็เ ลย
ตัดสินใจไปกับพีส่ าว เพราะคิดถึงและอยากเจอหน้าแม่ ทุกครัง้ ทีไ่ ปฉันจะมีหน้าทีน่ งั ่ รอพีส่ าวทีห่ น้าห้อง
ในรีสอร์ท บางครัง้ ตัวฉันเองก็พลอยโดนไปด้วย โดนแขกลวนลามบ้าง อะไรบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยคิดทีจ่ ะ
บอกหรือเล่าให้พส่ี าวฟั งเลย เพราะกลัวจะไม่ได้เจอหน้าแม่ แต่..ความจริงฉันก็ไม่ได้เจอหรอก พี่สาวของ
ฉันโกหก […]
จนในที่สุ ด ปู่ก็จ ับ ได้ […] ฉัน กับ พี่ส าวถู ก ปู่ตบหน้ า กัน ไปคนละหลาย[ครัง้ …] มัน ช่ า งเป็ น
ความรูส้ กึ ทีท่ รมานทีส่ ุด และด้วยความโมโหของปู่ ปู่คว้าปื นมาเพือ่ จะยิงฉัน ด้วยความกลัวตายฉันได้แต่
วิง่ ทุรนทุราย แบกความเจ็บปวดอันแสนหนักหน่ วงของร่างกายหนีป่ ู พร้อมกับยกมือไหว้ท่เี ท้าของปู่

25
และพูดออกมาว่า ‘หนูจะไม่ทาแล้ว หนูขอโทษ ปู่อย่าทาหนูเลย’ ปู่จงึ ค่อยๆ คลายความโกรธลง หลังจาก
นัน้ ก็ไม่ค่อยพูดกับฉันและพีส่ าวสักเท่าไหร่ […] ต่อมาปู่เริม่ ติดผูห้ ญิง กลับบ้านดึก บางวันก็ไม่กลับเลย
วันไหนที่ป่ ูไม่กลับบ้าน ฉั นก็ไม่ได้กินข้าวและไม่มเี งินไปโรงเรียน จนในที่สุดพ่อของฉันได้รบั รู้เ รื่อ ง
ทัง้ หมดทีเ่ กิดขึน้ พ่อเลยย้ายฉันไปเรียนต่อทีต่ ่างจังหวัด ซึง่ เป็ นบ้านของแม่เลีย้ งนันเอง

ฉันใช้ชวี ติ อยู่ทน่ี นั ่ ได้ไม่นาน เรื่องทีไ่ ม่คาดฝั นก็เกิดขึ้น ฉันถูกพ่อของแม่เลี้ยงข่มขืน เวลาทีฉ่ ัน
เดิน ไปเข้า ห้อ งน้ า […] ฉั น ก็จ ะถู ก จับ ของสงวนเป็ นประจ า ซึ่ง มัน ท าให้ ฉั น ต้ อ งใช้ ชีว ิต อยู่ อ ย่ า ง
หวาดระแวง […] ฉันไม่กล้าออกจากห้อง ล็อคประตู บางทีกน็ อนร้องไห้และคิดน้อยใจโลกใบนี้ว่า ‘ทาไม
ถึงโหดร้ายกับฉันขนาดนี้’ เวลาอยู่ในห้องฉันจะนอนเล่นโทรศัพท์ ฟั งเพลงเศร้ า ทาร้ายตัวเอง แบบไม่
สนใจใคร ไม่ออกไปไหน ไม่เจอผู้คน ฉันคิดตลอดว่า การที่อยู่แบบนี้ ฉันมีความสุขมากๆ เลย ในวัน
สุ ดท้ายของการเรีย นภาคเรียนที่ 1 ก่ อ นปิ ดภาคเรีย น ใจหนึ่งก็ดีใ จที่ไ ม่ต้อ งมาเจอผู้ค นมากมายที่
โรงเรียน ส่วนใจหนึ่งก็นึกเสียใจและหวาดระแวงทีจ่ ะอยู่บา้ น
แต่นับว่าฉันยังโชคดีบ้าง เพราะพี่สาวติดต่อมาและบอกกับฉันว่าเดีย๋ วจะไปรับมาอยู่ด้วย ฉัน
รูส้ กึ ดีใจและตื่นเต้นมาก โดยทีไ่ ม่รเู้ ลยว่ากาลังจะมีภยั […] พอฉันได้กลับไปอยู่กบั พีส่ าว ช่วงแรกๆ มันก็
ดีไปหมดทุกอย่าง ได้เจอหน้าแม่ ได้อยู่กบั แม่ แต่แล้วเรื่องร้ายๆ ก็เข้ามาโดยทีฉ่ ันไม่ทนั ตัง้ ตัว ทุกเช้าตรู่
แม่จะขับรถออกไปซื้อกับข้าว […] และทิ้งให้ฉันนอนอยู่ในห้องคนเดียวทุกวัน แต่ในวันนัน้ กับมีมอื อัน
ใหญ่โตหยาบกร้านมาจับที่หน้าอกของฉัน พร้อมกับพยายาม ถอดเสือ้ ผ้าของฉัน ด้วยความที่ฉันตกใจ
ฉันร้องออกมาอย่างสุดเสียง แต่เสีย งอันดังของฉันมันไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลยและในวันนัน้ เสียงรถเครื่อง
ของแม่เหมือนเสียงสวรรค์ ‘แม่กลับมาแล้ว’ มันทาให้การกระทาของพ่อเลีย้ งหยุดลงทันที หลังจากวันนัน้
ฉันรูส้ กึ กระวนกระวายไปหมด คิดอะไรไม่ออกและไม่รจู้ ะทาอย่างไรต่อดี
ความรูส้ กึ ในวันนัน้ ยังไม่จบ แต่ค วามรูส้ กึ ในวันนี้แย่ยงิ่ กว่า ฉันอาบน้ าแต่งตัวเสร็จ แม่พาฉันไป
หาป้ าคนหนึ่ง และป้ าคนนัน้ กับแม่กค็ ุยกันแบบมีกจิ ธุระสาคัญโดยไม่อยากให้ใครรู้ แต่ฉันก็ไม่แปลกใจ
อะไรมากเพราะแม่อาจไปซื้อยาเสพติด มาเสพแบบปกติอย่างทีเ่ คยทา แต่กลับไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด จู่ๆ
แม่ก็เดินเข้ามาและนัง่ ลง ข้างๆ ฉัน แม่ร้องไห้และมีท่าทีแบบอิดโรย แล้วพูดว่า ‘แม่ตดิ หนี้เขาสองพัน
เขาทวงหนี้แล้วแม่ไม่เงินจ่ายเขา’ ฉันยังไม่ทนั ได้พูดอะไรต่อ แม่กบ็ อกให้ฉันเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง และ
บอกให้ฉันทาตามที่ผู้ชายในห้องบอก ตอนนัน้ ฉันไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็
เจอผู้ชายหนึ่งคนนัง่ อยู่ท่ปี ลายเตียง พร้อมทัง้ บอกฉันว่า ‘เข้าไปอาบน้ ารอเลย’ แต่พอฉันกาลังจะเดิน
กลับชายคนนัน้ ก็เข้ามาโอบข้างหลังฉันอย่างรวดเร็ว และพูดกับฉันว่า ‘เดีย๋ วให้เงินนะหนู ’ และฉันก็
พยายามไปส่องดูทห่ี น้าต่าง เพื่อดูว่าแม่ยงั อยู่ ไหม แต่สงิ่ ทีเ่ ห็นคือความว่างเปล่า ‘แม่ไปแล้ว’ ‘ทาไมแม่
ถึงทาอย่างนี้’ ฉันพูดเบาๆ ออกมา สุดท้ายฉันก็กลายเป็ นผู้หญิงขายบริการทางเพศ มันทุกข์ทรมาน
เหมือนตายทัง้ เป็ น แต่ ‘แม่รไู้ หมหนูไม่เคยโกรธ แม่เลยนะเพราะหนูสงสารแม่ แม่คงทาเพราะจาเป็ น’
แต่มนั ยังไม่หยุดเท่านี้ ฉันถูกกระทาซ้าแล้วซ้าเล่า ทัง้ คนนอกและคนในครอบครัว จนฉันกลัวที่
จะเจอผู้ชายทุกคน สุดท้ายฉันพยายามบอกกล่าวทุกอย่างเพื่อให้แม่รบั รู้ แต่มนั ไม่เป็ นผล หลายครัง้ ที่
ฉันคิดจะจบชีวติ ตัวเอง แต่โลกนี้มนั โหดร้าย มันทรมานฉัน มันไม่ให้ฉันไป สุดท้ายฉันท้องไม่พร้อม ฉัน

26
ถูกปู่ทาร้ายปางตายเมื่อฉันบอกความจริงทุกอย่าง ฉันเครียด ฉันกดดัน ฉันไม่มที างออก ฉันเลว ฉันฆ่า
ชีวติ ของคนๆ หนึ่ง […] คือ ลูกของฉันเอง โดยทีค่ ดิ ว่าตัวเองจะไปจากโลกใบนี้พร้อมลูก แต่โลกก็ไม่ยอม
ให้ฉนั ตาย โลกใบนี้เลือกทีจ่ ะให้ฉนั อยู่อย่างตายทัง้ เป็ น
ฉันถูกตราหน้าว่าเป็ นแม่ทฆ่ี ่าลูกตัวเอง กระบวนการยุตธิ รรมส่งฉันเข้ามาอยู่ทศ่ี ูนย์ฝึกและอบรม
เด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี ขอบคุณทีแ่ ห่งนี้ทใ่ี ห้โอกาสฉันมีทย่ี นื ในสังคม เห็นคุณค่าในตัวเอง และ
สนับสนุนในสิง่ ทีฉ่ ันชอบและถนัด ความฝั นของฉัน ฉันไม่ขออะไรมาก ขอแค่โลกใบนี้อย่าใจร้ายกับฉัน
จนเกินไป ขอให้ฉันได้มที ่ยี นื ในสังคม มองฉันเหมือนคนปกติ ให้โอกาสฉันมีพ้นื ที่สร้างคุณค่าให้กับ
ตนเองและสังคมก็พอ”

27
ธวัลรัตน์ อายุ 18 ปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี :
เพาะชา

28
To Be Heard: ฝันที่จะถูกรับฟัง

อีก หนึ่ ง ความต้อ งการของเด็ก และเยาวชนไทยคือ ‘การถู ก รับ ฟั ง ด้ว ยความเข้า ใจ’ ทัง้ จาก
ครอบครัวและผูใ้ หญ่ในสังคม ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ พวกเขาต่างต้องการคนทีเ่ ปิ ดใจรับฟั งและ
ไม่ประเมินค่าความรูส้ กึ หรือความเห็นเหล่านัน้ ว่าด้อยกว่า เพียงเพราะพวกเขาเป็ นเด็ก...
เด็กจานวนมากประสบกับความเครียดและปั ญหาสุขภาพจิต แม้ผู้ใหญ่จานวนไม่น้อยจะยังคง
เชื่อว่า “เป็ นเด็กจะไปเครียดอะไร” แต่การเรียนออนไลน์ ความกดดันจากความคาดหวังของครอบครัว
และการใช้ชวี ติ ท่ามกลางสภาพสังคมที่ย่าแย่ สิง่ เหล่านี้ทาให้เด็กคนหนึ่งเกิดความเครียดได้ท ั ง้ สิ้น และ
สิง่ ทีพ่ วกเขาต้องการคือ การรับฟั งอย่างไม่ตดั สินจากคนรอบตัว
ในขณะเดียวกัน เด็กรุ่นใหม่จานวนไม่น้อยก็กาลังส่งเสียงและจินตนาการถึงภาพสังคมไทยที่
พวกอยากเห็น ไม่ว่าจะเป็ นสังคมที่ทุ ก คนเท่ าเทีย มกัน ไม่ถู กกีดกันและเลือ กปฏิบัติเ พีย งเพราะมี
อัตลักษณ์ทแ่ี ตกต่าง สังคมทีย่ อมรับความเห็นต่างของผูค้ น และสังคมทีส่ นับสนุนให้เด็กทุกคนได้ทาตาม
ความฝั น แต่ภาพฝั นถึงสังคมไทยทีด่ กี ว่าเหล่านี้อาจไม่สามารถเป็ นจริงได้ หากสังคมไทยยังคงเพิกเฉย
และสกัดกัน้ ความฝันของพวกเขาต่อไป

29
กุลจิ รา อายุ 17 ปี จังหวัดระยอง:
เหนื่ อย
“ ‘แค่น้ีจะไปเหนื่อยอะไร โตไปเดีย๋ วจะเหนื่อยกว่านี้อกี ’ คาพูดทีฉ่ ันเชื่อว่ามีเด็กหลายคนเคยได้
ยินมัน ความจริงแล้วคาพูดเหล่านี้มนั เหมือนกับการบันทอนมากกว่
่ า เพราะในความคิดของฉันทุกคน
ล้วนมีความเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็ นวัยรุ่น วันทางาน วัยชรา หรือแม้กระทังวั่ ยเด็ก
ฉันเรียนตัง้ แปดโมงเช้าจนถึงห้าโมง กลับบ้านมาก็ต้องมาเรียนพิเศษเพิม่ และอ่านหนังสือ บาง
คนอาจจะคิดว่าสิง่ ทีฉ่ ันทาอยู่มนั คงไม่น่าจะเหนื่อยอะไร แต่การทีต่ อ้ งนังจดจ่
่ อใช้สมาธิกบั การเรียน ต้อง
ใช้สมองเพื่อประมวลผลสิง่ ทีค่ รูสอนนัน้ มันทาให้บางครัง้ ฉันรูส้ กึ เหนื่อยและไม่ เข้าใจว่าเราจะเรียนหนัก
ขนาดนี้ไปเพือ่ อะไร ทาไมเราต้องเรียนพิเศษหรืออ่านหนังสือเพิม่ จนมันสะสมเป็ นความเครียด
ฉันเคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ผใู้ หญ่ฟัง เขาตอบฉันมาว่า ‘แค่น้ีจะไปเหนื่อยอะไร โตไปเดีย๋ วจะเหนื่อย
กว่านี้อกี ’ มันทาให้ฉันยิง่ รูส้ กึ บันทอน
่ ความจริง ฉัน แค่อยากได้กาลังใจดีๆ จากพวกเขาก็เท่านัน้ แต่ใน
เรื่องร้ายก็ยงั มีเรื่องดีๆ ฉันได้เจอเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือฉัน และมีน้องหมาที่คอยอยู่เป็ นเพื่อนอ่าน
หนังสือตอนกลางคืน มันจึงช่วยให้ฉนั หายเหนื่อยบ้าง
ดังนัน้ ฉันอยากให้ผใู้ หญ่เข้าใจว่าการทีเ่ ราพูดคาเหล่านัน้ ออกไป ไม่ได้ช่วยทาให้สงิ่ นัน้ มันดีข้นึ
กลับกัน มันอาจจะแย่ลงเนื่องจากเด็กได้รบั ความกดดันเพิม่ ขึน้ มาอีก และสิง่ ทีเ่ ลวร้ายทีส่ ุดคือการทีเ่ ด็ก
เหล่านัน้ หมดความหวังทีจ่ ะอยู่ต่อบนโลกใบนี้”

ณัฐพงษ์ อายุ 16 ปี จังหวัดปทุมธานี :


From Dekchai To Nangsao
“ช่วงเวลา 16 ปี ทผ่ี ่านมา เธอมันใจมากขึ
่ น้ ว่าเธอเป็ นผูห้ ญิง เธอพร้อมทาทุกอย่างเพือ่ ให้เธอเป็ น
ผู้หญิงได้ดงใจหวั
ั่ ง สิง่ หนึ่งที่เรารู้คอื ตอนที่เธอได้แต่งตัวเป็ นผู้หญิง เธอโคตรมีความสุข ถึงแม้เธอจะ
ถอดวิก ถอดบรา ใส่กางเกง ในใจเธอก็ยงั เป็ นเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ […]
ความฝั นตอนนี้คอื ...อยากใช้นางสาวแทนคาว่านาย อยากให้ทรานส์เจนเดอร์ทุกคนได้รบั สิทธิน้ี
อยากให้มกี ฎหมายสมรสเท่าเทียม หนูมคี วามฝั นว่า อยากโตใช้ชวี ติ เป็ นนางสาวคนหนึ่ง ผมยาวกลาง
หลัง สวยไปทุกวันเลย แล้วก็ไม่ถูกเลือกปฏิบตั ิ เพียงเพราะว่าเราเป็ นทรานส์เจนเดอร์”

30
เยาวชนไม่ประสงค์เปิ ดเผยตัวตน อายุ 18 ปี กรุงเทพมหานคร:
ภูผาและยอดเขา
“ตัง้ แต่ผมเกิดมาจนถึงตอนนี้ จะบอกว่าชีวติ ผมลาบากก็ไม่ใช่ ผมเกิดมาในครอบครัวระดับกลาง
ค่อนสูง ถึงกระนัน้ อุปสรรคในชีวติ ก็มอี ยู่เรื่อย แม้อาจจะเทียบไม่ตดิ เลยแม้แต่น้อยกับคนจานวนมหาศาล
ที่มโี อกาสน้อยกว่าผมอันเป็ นเพราะปั ญหาเชิงโครงสร้างในประเทศ…ตัง้ แต่เกิดจนขึ้น ม.1 คือ พ.ศ.
2546 ถึง 2557 เป็ นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของการเมืองไทยที่สร้างผลกระทบจนเด็กประถมยังรู้สกึ ได้
โดยเฉพาะอย่างยิง่ พอเข้ามาเรียนใน กทม. ก็ยงิ่ ได้สมั ผัสกับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจกว่า
ทีเ่ คย
จนถึงช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้ครอบครัวตัวเองจะไม่ได้ยากจน แต่ดจู ากค่าเล่าเรียนของแต่
ละที่แล้ว ถ้าอยากได้การศึกษาที่ดีต้องจ่ายเงินจานวนมาก เท่ากับว่าถ้าจนก็ห้ามฉลาดก็ว่าได้ ผมจึง
เลือกสอบทุนการศึกษาทีต่ ่างๆ ปรากฏว่าตอบรับทุกทีโ่ ดยไม่ตอ้ งสอบ TCAS เพราะแฟ้ มสะสมผลงาน
มีค่ายสอวน. 1 และ 2 และคะแนนภาษาอังกฤษทีด่ มี าก จนทาให้สงสัยว่า ถ้าจนแล้วไม่สามารถ
เข้าถึงความรูไ้ ด้กห็ า้ มฉลาดขึน้ อีกแม้จะต้องการเล่าเรียน ในเมื่อระบบการศึ กษาลาเอียงให้กบั คนรวยได้
เข้าถึงโอกาสมากกว่า คนจนกลับต้องพยายามอย่างมากเพือ่ จะได้รบั โอกาสในชีวติ
ในช่วงเวลาเดียวกัน ผมเริม่ มีความตื่นตัวทางการเมือง ได้เห็นรุ่นพีใ่ นโรงเรียนโดนเรียกไปปรับ
ทัศนคติ ได้เข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองมากขึน้ ผ่านการพบปะผูค้ นทีม่ สี ว่ นร่วมทางการเมือง และการ
เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองเอง จนสุดท้ายมาเข้าใจว่าปั ญหาใดที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ ที่
เห็นมาตลอดชีวติ นันคื
่ อ ความเหลื่อมล้า ความไม่เท่ากันของคน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ด้านการศึกษา
ทาไมเด็กต้องแก่งแย่งกันสอบเข้าโรงเรียนดีไม่ก่โี รงเรียนเพื่อหนีจากโรงเรียนรัฐห่วยๆ ที่ไม่
พัฒนา ทาไมเด็กหลายคนจึงสามารถเรียนรู้ได้มากกว่าบางคน…สิง่ ที่อธิบายได้คอื ความเหลื่อมล้าใน
ระบบการศึกษาทีเ่ ด็กเป็ นแสนๆ ต้องมาแย่งกัดกินเนื้อชิน้ เล็กๆ ชิน้ เดียวเพือ่ ก้าวข้ามคนอื่นๆ ไปสูช่ วี ติ ที่
ดีกว่า ใครอดกินก็ต้องควานหาเศษอาหารประทังชีพ จบมาก็กลายเป็ นเพียงฟั นเฟื องในเครื่องจักร ยาก
ทีอ่ ะไหล่ชน้ิ นึงจะทาตามความฝั นของตัวเองได้ เป็ นเพราะระบบทีเ่ ห็นแก่เงินมากกว่าเห็นแก่อนาคตของ
ชาติ การเข้าใจปั ญหาเหล่านี้ตามมาด้วยความสนใจยิง่ ขึน้ ในการเมือง
...เมื่ออยู่บนยอดเขา เราจะเห็นรูปทรงของทางเดินปี นเขาและทิวเขา ในขณะทีต่ อนเรากาลังปี น
ขึน้ ไปเรากลับเห็นแต่ยอดเขา เหมือนกับการขวนขวายของเด็กหลายๆ คนทีม่ ยี อดเขาในใจ แต่กลับไม่รู้
รูปร่างทางไปเลยว่าต้องปี นขึน้ ทางไหน หรือจะมีทางขึน้ ต่อไปอีกหรือไม่กย็ งั ไม่รู้ ยอดเขาจึงเป็ นตัวแทน
ของความเข้าใจในปั ญหา และความฝั นที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งนัน้ การป่ าวประกาศให้ทุกคนรู้ถึง
ปั ญหาทีอ่ ยู่ในโครงสร้าง และช่วยกันถอนรากถอนโคนสร้างมันขึน้ มาใหม่ ความฝั นของผมจึงไม่ใช่อะไร
ทีเ่ ฉพาะเจาะจงมาก แต่คงเป็ นความฝันทีต่ อ้ งการให้เด็กสามารถปี นขึน้ ไปถึงฝัง่ ฝันของตัวเองได้ทุกคน”

31
อัศวุธ อายุ 19 ปี จังหวัดฉะเชิ งเทรา:
ขวดความฝัน
2
“ฉันฝันเห็นเมืองไทยใหญ่และยิง่ มีเสรีแท้จริงเจิมถิน่ ฐาน
อานาจเป็ นของปวงไทยไปชัวกาล ่ ใครประหารเสรีจงลีไ้ กล
ฉันฝันเห็นความงามของธรรมชาติ ถนน ตึก อากาศ สะอาดใส
เกิดรูส้ กึ ผ่อนคลายเมื่อหายใจ คนอยู่ได้สตั ว์อยู่ดที ุกชีวติ
ฉันฝันเห็นยามชาติวบิ ตั ริ า้ ย ทุกคนหมายสมัครสมานมันในจิ ่ ต
ล้วนเลือดเนื้อเชือ้ ไขไทยทุกทิศ ร่วมแรงมิตรนาชาติพฒ ั นา
ฉันฝันเห็นสัจธรรมความถูกต้อง ของผูค้ รองผูน้ าผูล้ ้าค่า
หากยังครองและนาด้วยต่าช้า ขอแสงหล้าสาดลบสยบเลือน
ฉันฝันเห็นการศึกษาประเทศนี้ นาชีวสี เู่ ป้ าหมายใฝ่ ขบั เคลื่อน
แทนถอยหลังลงคลองต้องตักเตือน ยิม้ ได้เยือนผูเ้ ยาว์ให้เรายล
3
ฉันเขียนฝันนี้ไว้ใส่กระดาษ ทีฉ่ ีกขาดด้วยรอยพับจนยับย่น
ม้วนใส่ในขวดแก้วแล้วลอยชล จวบนี้พน้ สิบปี ทผ่ี ่านมา
4
ฉันไม่เห็นเสรีของชีวติ เหมือนยังติดบ่วงทุกข์ในยุคบ้า
ฉันไม่เห็นสีทองของท้องฟ้ า ไม่เห็นนกนานาจะกล้าบิน
ฉันไม่เห็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ ดารดาษแต่โรคาชีวาสิน้
ฝุ่นพิษ ควัน ขยะ ไข้ ราคิน ทัวแดนดิ
่ นอากาศดีอยู่ทใ่ี ด
ฉันไม่เห็นกรวดทรายและชายฝัง่ คอยประทังและปะทะทะเลใหญ่
เมื่อคลื่นทุกข์โถมถังประดั
่ งไทย ก็สไู้ ปท้อไปเพราะไร้แรง
ฉันไม่เห็นแสงทองส่องประเทศ รัฐฯทุเรศยังคงอยู่ดเู หมือนแกล้ง
รัว้ ของชาติกลายเป็ นเหลือบน่าเคลือบแคลง หมายเปลีย่ นแปลงเป็ นประเทศเผด็จการ
ฉันไม่เห็นสายรุง้ พุง่ ลาพาด การศึกษาวิปลาสแล้วลูกหลาน
เป้ าหมายของเด็กไทยอันตรธาน ยิม้ ก็พานเลือนพร่าจากหน้าไป
5
เมื่อขวดแก้วลอยไกลถึงชายฝัง่ ทีท่ ย่ี งั มีคนยลมันได้
ฉันฝันว่าเขาจะอ่านมันเข้าใจ สืบความฝันฉันต่อไปให้เป็ นจริง”

32
ตะวัน อายุ 22 ปี จังหวัดนนทบุรี:
จดหมายเปิ ดผนึ ก
เขียน ณ ทีซ่ ง่ึ ห่างไกลจากใครเขา
หมู่บา้ นเล็กเล็กของเราใต้เงาป่ า
บนเทือกเขา ขอบประเทศ เขตลับตา
เลขไปรษณียไ์ ม่มจี ่าเขียนหน้าซอง
วันที่ 5 เดือน 4 ปี 2565
เรื่อง ขอความเมตตาผูเ้ กีย่ วข้อง
เรียน ท่านผูน้ า, แห่งเมืองอันเรืองรอง และพีน่ ้องคนไทย ด้วยใจเคารพ

บนผืนดินผืนใดในโลกนี้ ทุกพื้นที่ท่ดี นิ ฟ้ ามาบรรจบ ไม้ทุกต้นเท่าเทียมสุขเปี่ ยมครบ พื้นพิภพ


คือของเราเท่าเท่ากัน บรรพบุรุษของฉันท่านอาศัย บนเทือกเขาพงไพรใต้ฟ้าฝั น ท่านทัง้ หลายจึงขาน
นามมาตามกัน ว่าเผ่าพันธุ์ ‘ชาวเขา’…เรายินดี เราเรียกคุณ ‘ชาวเมือง’ ผูเ้ รืองรุด เพราะเปรียบดุจเทวดา
ทาหน้าที่ สร้างเมืองทองเมืองไทยให้มงมี ั ่ ก้าวตามโลกทันท่วงทีหลายปี มา ขณะชาวเมืองก้าวไกลไม่
หยุดนิ่ง กลับทอดทิ้งเราไว้ไม่เห็นค่า ราวคุณขีดเส้นคันกั ่ น้ ชีวา “ท่านคนเมือง…เราคนป่ า” อย่าร่วมทาง
แท้เราก็คนไทยมิใช่หรือ ใยแบ่งแยกว่าคือผูแ้ ตกต่าง ชีวติ เราสลดยิง่ ถูกทิ้งร้าง ความฝันทีพ่ รายพร่างก็ลางลา
จดหมายฉบับนี้…ทีท่ ่านอ่าน ก็เพียงเพื่อสื่อสาร…การเห็นคุณค่า เราและท่านต่างก็ยนื ใต้ผนื ฟ้ า
ได้โปรดอย่าลืมเลือนเพื่อนมนุ ษย์ เราไม่ได้หวังสิง่ ใดมากไปกว่า ข้อหนึ่งหวังเพียงการศึกษาเป็ นที่สุด
เพื่อชาวเขามีปัญญาเป็ นอาวุธ เป็ นหมายหมุดในชีวติ คิดก้าวไกล นานแสนนานครูอาสาจะมาครัง้ พวก
เรารอด้วยความหวังไม่หวันไหว่ คงไม่มใี ครอยากลาบากใจ ต้องอาศัยในถิ่นทุรกันดาร เราจึงหวังไม่
ลาเค็ญเป็ นข้อสอง ใช่เรียกร้องผูกขาดมาตรฐาน เพียงที่อยู่อาศัยไม่ทรมาน ถนนผ่านมันคงด ่ ารงตน
ศูนย์การแพทย์พร้อมจักรักษาโรค นับเป็ นโชคล้าเลิศก่อเกิดผล ห้าปั จจัยเพือ่ นิยามความเป็ นคน เพือ่ สุข
ล้นทุกด้าน…ลูกหลานเรา และข้อสามทีอ่ ยากจะฝากถึง อยากให้ท่านไม่คานึงถึงพงศ์เผ่า ไม่แบ่งแยกเชื้อ
ชาติผูกขาดเรา ต่างเทียมเท่าและเหมือนกันไร้ชนั ้ ชน ให้เกียรติกนั ในฐานะเพื่อนมนุ ษย์ เป็ นเพื่ อนร่วม
หมายหมุดจุดเริม่ ต้น ร่วมสร้างสรรค์สงิ่ ดีงามตามใจตน เพือ่ สันติสุขล้นบนปฐพี
ท้ายสุดไม่มเี รื่องใดจะใคร่ขอ แค่เพียงรอ ‘ความเป็ นคนบนศักดิ ์ศรี’ เราต่างยืนบนพื้นดินผืนนี้
หวังเพียงมี ‘ให้เกียรติกนั ’ เท่านัน้ เลย
จึงเรียนมาเพือ่ โปรดทราบภาพความฝั น
เขียนโดยกลันความในใจมาเปิ
่ ดเผยลงนามว่า ‘ผูถ้ ูกลืมและละเลย’
ป.ล. อ่านแล้วอย่านิ่งเฉย…เลยนะคุณ

33
To Be Supported: ฝันที่จะได้รบั การสนับสนุน

ท้ายที่สุด เด็กและเยาวชนไทยต้องการการสนับสนุ นที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเติบโตได้อย่าง


เต็มศักยภาพบนเส้นทางที่เลือกเอง ทุกวันนี้เด็กไทยแบกความคาดหวังของพ่อแม่และสังคมไว้เต็มบ่า
โดยที่พวกเขายังขาดแรงสนับสนุ นอยู่มาก ทัง้ ความเข้าใจจากครอบครัว สวัสดิการจากรัฐ ตลอดจน
โครงสร้างพืน้ ฐานต่างๆ ของสังคมทีล่ ว้ นส่งผลกระทบต่อการเติบโตและทาตามความฝัน
สาหรับแรงสนับสนุนจากครอบครัว พวกเขาต้องการความเข้าใจ ความเคารพในสิง่ ทีต่ นชื่นชอบ
และสนใจ ตลอดจนกาลังใจทีพ่ ร้อมมอบให้เมื่อพวกเขาเหน็ดเหนื่อยระหว่างเติบโต นอกจากนี้ เด็กและ
เยาวชนยังต้องการแรงสนับสนุนจากสังคม ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศรอบตัวพวกเขาให้มคี ุณภาพอย่าง
เสมอหน้า ทัง้ การศึกษาทีเ่ ข้าถึงได้อย่างทัวถึ
่ งและมีประสิทธิภาพ โอกาสในการได้เรียนรูแ้ ละทากิจกรรม
ทีส่ นใจ อากาศสะอาด และสังคมทีเ่ อือ้ ให้พวกเขาได้ใช้ชวี ติ อย่างมีคุณภาพ

34
กชพร อายุ 16 ปี กรุงเทพมหานคร:
ความต้องการที่แท้จริ ง
“ตัง้ แต่เด็กหนู ชอบวาดรูปมากเลยล่ะค่ะ เวลาที่หนู ได้ฟังเพลง หรือได้ดูการ์ตูนสักเรื่อง หนู ก็
มักจะชอบหยิบสมุดออกมา แล้วก็วาดมันลงไป ในตอนนัน้ ที่ได้วาด ในหัวของหนู ก็ไม่ได้คดิ อะไรเลย
นอกจากว่ามันมีความสุขทีไ่ ด้วาดมันออกมา
พอโตขึน้ หนูได้บอกคุณแม่ว่าหนูนนั ้ อยากเป็ นนักวาดการ์ตูนตอนทีห่ นูเรียนอยู่ชนั ้ ประถมปลาย
แต่แม่กลับปฏิเสธมัน…หนูรสู้ กึ เหมือนกับว่า…ความฝันของหนูมนั ไม่มที างเป็ นไปได้เลย
แต่มนั ก็มหี ลายอย่างที่คุณแม่กค็ อยส่งให้หนูเรียนอยู่นะคะ เช่น ให้หนูเรียนบัลเลต์ ให้ หนูเรียน
ไวโอลิน ให้หนูเรียนภาษาจีน ให้หนูเรียนภาษาอังกฤษ ทีส่ ุดท้ายแม่กลับให้หนูเลิกเรียนไปแบบไม่บอก
เหตุผล แต่หนูกเ็ รียนทุกอย่างตามทีแ่ ม่ให้เรียนจริงๆ ทัง้ เรียนไวโอลินมา 8 ปี เรียนภาษาจีนมาเกิน 10
ปี เพราะหนูเรียนตัง้ แต่ยงั เด็ก แต่พวกคุณเชื่อไหมล่ะคะว่าทุก อย่างทีห่ นูเรียนมานัน่ น่ะ...หนูทามันได้ไม่
ดีสกั อย่างเลยล่ะค่ะ
หนูแค่อยากได้รบั การสนับสนุ นจากคุณแม่ หนูไม่ได้อยากให้แม่ปล่อยให้หนูต้องออกมาหาทาง
เองบนเส้นทางทีเ่ ยอะแยะไปหมดจนทาให้หนูสบั สน
มันน่าสงสัยนะ ว่าทาไมสิง่ ทีห่ นูไม่ชอบ แม่กลับส่งเสียและสนับสนุนหนูอ ยู่ตลอดแม้ว่าแม่จะเห็น
ว่าหนูไม่ได้อยากจะทามันก็ตาม แต่พอเป็ นสิง่ ที่หนูชอบและอยากทา แม่กลับให้หนูไปหาทางเอง ทัง้ ที่
เรียนภาษาจีนนัน่ ทีเ่ รียนไวโอลินนัน่ ทุกสิง่ ถ้าแม่จะหามาให้หนูแม่กห็ าได้ทงั ้ หมด แต่แม่กลับไม่ช่วยหา
ในสิง่ ทีห่ นูตอ้ งการจะเรียนเพือ่ ทีจ่ ะได้เป็ น
หนูแค่อยากรู้ว่า…แม่พร้อมที่จะสนับสนุ นในสิง่ ที่หนูชอบหรือเปล่าก็เท่านัน้ เอง หนูแค่อยากมี
ความรู้สกึ เหมือนเด็กคนอื่นที่มพี ่อแม่คอยเติมเต็มและสนับสนุ นพวกเขาให้ถึงฝั ง่ ฝั น และเมื่อถึงเวลา
พวกเขาเหล่านัน้ ก็จะพร้อมทีจ่ ะทามันด้วยตัวเองโดยทีไ่ ม่ตอ้ งพึง่ พาพ่อแม่อกี
การที่แม่ปล่อยหนูแบบนัน้ …มันกลับทาให้หนูรู้สกึ โดดเดี่ยวทัง้ ที่ในอ้อมแขนของหนูยงั คงกอด
ความฝันเหล่านัน้ เอาไว้พร้อมกับหัวใจทีว่ ่างเปล่า รูส้ กึ เหมือนกับว่าหนูตอ้ งสูแ้ ละพยายามอยู่คนเดียว”

35
จิ ดาภา อายุ 11 ปี กรุงเทพมหานคร:
พลังความรักความฝันความอบอุ่น

“เป็ นรูปภาพของครอบครัวที่มคี ุณพ่อ คุณแม่ คอยสนับสนุ นความฝั นของลูกที่ช่นื ชอบการวาด


รูปมาก โดยการใช้แท็บเลตในการเรียนรูท้ จ่ี ะออกแบบรูปภาพวาดต่างๆ ขึน้ มา มีคุณพ่อ คุณแม่ คอยอยู่
เคียงข้าง คอยให้คาปรึกษา และเป็ นกาลังใจให้ เพื่อเติมพลังให้กบั ลูกได้ก้าวข้ามผ่านอุป สรรคต่างๆ
สามารถเดินตามความฝั นที่ตวั เองตัง้ ใจ เมื่อโตขึ้นมาอยากจะเป็ นนักออกแบบบ้าน ออกแบบห้องใน
รูปแบบของตัวเองให้กบั คุณพ่อคุณแม่ในอนาคต และสามารถทางานที่รกั พร้อมทัง้ ยังสร้างรายได้ให้กบั
ตัวเองได้อย่างภาคภูมใิ จ”

36
นิ ภาพร อายุ 18 ปี จังหวัดมหาสารคาม:
เยาวชนและความเหลื่อมลา้
“เด็กหลายๆ คนคงเคยได้ยนิ ผู้ใหญ่บอกว่า ‘ตัง้ ใจเรียน โตขึ้นให้ได้รบั ราชการ’ พอย้อนถามว่า
ทาไมต้องอาชีพข้าราชการคงจะหนีไม่พน้ คาตอบทีว่ ่าจะได้มสี วัสดิการทีด่ ี
พ่อแม่หลายๆ คนพยายามยัดเยียดความฝันให้ลูก จนบางครัง้ ลืมมองความฝันของลูกว่าต้องการ
อะไร ผูใ้ หญ่หลายๆ คนคิดว่า ‘เด็กคือผ้าขาว’ ทีพ่ อ่ แม่เป็ นจิตรกรทีส่ ามารถเติมแต่งสีสนั ตามใจตนเองได้
นันเป็
่ นเรื่องทีเ่ ข้าใจผิด เด็กคือผ้าหลากสีสนั ทีไ่ ม่มใี ครสามารถมาเปลีย่ นแปลงได้ต่างหาก ทว่า ผ้าแต่ละ
ผืนก็มจี ุดเด่นและความสามารถทีห่ ลากหลายแตกต่างกัน และผ้าสีเหล่านี้จะเปล่งประกายขึน้ เรื่อยๆ ผ่าน
การสนับสนุนของผูใ้ หญ่
แต่ครอบครัวของแต่ละคนก็มตี ้นทุนไม่เท่ากัน ความเหลื่อมล้าจึงปรากฏให้เห็นชัดขึ้นจากการ
ระบาดของโรคโควิด -19 ทัง้ ในแง่ของคุณภาพชีวติ เศรษฐกิจ รวมไปถึงการศึกษาอันเป็ นฐานรากที่
สาคัญ ของสังคม เพราะพ่อ แม่บ างคนอาจจะไม่ไ ด้ร่ า รวยมาก ใช้ชีว ิต มาอย่ างยากล าบาก บวกกับ
สวัสดิการจากรัฐที่ไม่ได้มมี ากนัก จึงทาให้พวกเขาต้องการให้ลูกเรียนในสิง่ ที่มนคง
ั ่ มีเกียรติเป็ นที่เชิด
หน้าชูตาในสังคม จบมาแล้วมีงานรองรับ เพื่อทีจ่ ะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินทอง จะได้ใช้ชวี ติ บัน้ ปลาย
อย่างสุขสบาย
นันจึ
่ งกลายเป็ นความกดดันของคนเป็ นลูก เมื่อเด็กเห็นพ่อแม่ลาบากจึงต่างมีความฝั นทีอ่ ยากให้
พ่อแม่สุขสบายจนลืมความฝั นทีแ่ ท้จริงของตนเอง บางคนพยายามยืนหยัดเพื่อความฝั นของตัวเองกลับ
ถูกมองว่าเป็ นคนดือ้ รัน้ หากมีความฝันในสิง่ ทีส่ งั คมมองว่าไม่มนคงก็
ั่ จะก็จะถูกลดความสาคัญลง
เด็กคืออนาคตของชาติ การทีผ่ ใู้ หญ่จะฝากความหวังไว้กบั เด็กรุ่นใหม่กค็ วรทีจ่ ะหาความสมดุล
ซึ่งกันและกัน มีพ้นื ที่ให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นและอธิบาย ปล่อยให้เขาได้ออกไปเรียนรู้ด้วยตนเอง
แลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุและผล ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ทุ กคนสามารถร่วมเดินทางไปด้วยกันได้ เด็ก
ควรมีสว่ นร่วมในการตัดสินใจด้วยหรือไม่กป็ ล่อยให้เขาได้ตดั สินใจในทุกๆ เรื่องในชีวติ ของเขาเอง เลือก
อนาคตของเขาเอง สิง่ ทีพ่ อ่ แม่ควรทาคือยอมรับลูกในแบบทีล่ ูกเป็ น ปล่อยให้เขาได้เลือกเดินไปในทางที่
เขาเลือกเดินและอวยพรให้เขาไปถึงฝัง่ ฝัน
การศึกษาถือเป็ นการจุดประกายแสงสว่าง เพื่อเป็ นตัวชี้ทางสู่ความฝั น การได้รบั โอกาสทาง
การศึกษาจึงเป็ นสิง่ สาคัญที่จะมีส่วนช่วยให้ผู้ทไ่ี ด้รบั โอกาสนัน้ มีความหวังและเห็นคุณค่าในตัวเองมาก
ขึ้น เด็กและเยาวชนควรได้รบั โอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาคและเท่าเทีย มกัน...ไม่ควรมีเด็กและ
เยาวชนคนไหนทีถ่ ูกตัดโอกาสทางการศึกษาเพียงเพราะไม่มเี งิน และไม่ควรมีเด็กและเยาวชนคนไหนที่
ต้องละทิง้ ความฝันของตัวเองเพราะต้องการเป็ นในแบบทีพ่ อ่ แม่วาดฝันไว้”

37
เยาวชนไม่ประสงค์เปิ ดเผยตัวตน อายุ 18 ปี กรุงเทพมหานคร:
ตัวฉัน
“ฉันแค่อยากเกิดมาแล้วได้สวัสดิการทีด่ ี ทีภ่ าครัฐต้องจัดหาให้ ให้แม่ฉันมีสทิ ธิลาคลอดได้โดยที่
ไม่ต้องมีใครมาคอยเขม่นหรือต่อว่าทีแ่ ม่ฉันลาคลอดแต่ยงั ได้เงินเดือนเหมือนกับคนอื่นๆ ทัง้ ๆ ทีน่ นั ่ คือ
สิทธิทแ่ี ม่ฉนั พึง่ ได้รบั อยู่แล้ว แต่ดเู หมือนฉันจะเกิดผิดประเทศไปหน่อย
ฉันแค่อยากได้ใส่ชุดอะไรไปเรียนก็เรียนได้ หรือทาผมอะไรไปเรียนก็ได้…ก่อนเปิ ดเทอมเป็ น
ช่วงทีฉ่ นั เห็นแม่นงนั
ั ่ บเงินอยู่เสมอ ฉันรู้ นันคื
่ อเงินทีแ่ ม่ตอ้ งเอาไว้ไปซือ้ ชุดนักเรียนให้ฉนั แต่มนั ไม่ได้จบ
แค่ชุดนักเรียน มันยังมีของจุกจิกอีกมากมายทีจ่ าเป็ นต้องซื้อ ภาครัฐให้เงิน อุดหนุนก็จริง แต่พูดกันตาม
ตรงเถอะ เงินจานวนนัน้ พอซื้อแค่เสือ้ กับกระโปรงก็หมดแล้ว แล้วทีเ่ หลือล่ะ ก็ต้องเป็ นเงินทีแ่ ม่ฉันหามา
เพื่อจ่ายอยู่ดี ฉันเองก็มเี สื้อผ้าที่ใส่ประจาวันอยู่แล้ว ถ้าฉันสามารถใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไปเรียนได้แม่ก็คง
ประหยัดเงินไปมากทีเดียว
เรื่องทรงผม ฉันอยากไว้ผมยาวไปเรียนได้ แต่น่าเศร้าเหลือเกินทีโ่ รงเรียนทีฉ่ นั เรียนอยู่นนั ้ บังคับ
ให้ตดั ผมสัน้ ฉันไม่เข้าใจ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยงั ไม่เข้าใจว่า ทาไมเราถึงไม่สามารถทาผมอย่างไรก็ได้ไป
เรียน ในเมื่อฉันเองรูส้ กึ มันใจในตั
่ วเองมากๆ ในตอนทีฉ่ ันนัน้ ผมยาว ฉันเองชอบผมของตัวเองมาก ฉัน
ได้ยนิ มาว่ารองปลัดกระทรวงศึกษาธิการเคยบอกไว้ว่า การไว้ผมยาวนัน้ มันบังเพื่อนข้างหลัง…ฉันมอง
ว่ามันตลกร้ายมากๆ ทีเ่ ราได้คนทีม่ ุมมองความคิดแบบนี้มาดูแลในเรื่องการศึกษาของเด็ก ฉันว่าตัวเขา
เองไม่พยายามทีจ่ ะเข้าใจเด็กนักเรียนเลยด้วยซ้า
ฉันแค่อยากได้เรียนโรงเรียนดีๆ ทีอ่ ยู่ใกล้บา้ น แต่มนั ก็ดูเป็ นเรื่องที่ยากอีกเช่นเคย ในหลายๆ
โรงเรียนรัฐไม่ได้รบั การจัดสรรงบประมาณทีเ่ พียงพอส่งผลให้โรงเรียนนัน้ ๆ ขาดคุณภาพไป ถ้าอยากที่
จะเรียนโรงเรียนดีๆ ก็ต้องกระเสือกกระสนไปเรียนโรงเรียนดังๆ ที่ไกลบ้าน ซึ่งก็เพิ่ มค่าใช้จ่ายในการ
เดินทางอีก แต่ฉันถามจริงๆ เลยนะ ทัง้ ๆ ทีก่ ร็ กู้ นั อยู่ว่าโรงเรียนมันสามารถสร้างเด็กได้ เด็กในวันนี้ ใน
วันหน้าพวกเขาก็คอื บุคลากรทีส่ าคัญของประเทศ แต่ทาไม ทาไมถึงไม่ลงทุนกับพวกเขา
ฉันอยากมีค่าครองชีพที่สมดุลกับรายได้ของตัวเอง ฉันแค่อยากซื้อหนังสือแล้วไม่รู้สกึ ว่าแพง
รายได้ทฉ่ี นั ได้รบั ต่อวันนัน้ มากกว่าค่าหนังสือเพียงนิดเดียว ฉันเลยต้องเก็บเงินตรงนัน้ ไว้ใช้จ่ายมากกว่า
ที่จะเอาไปซื้อหนังสือ มันทาให้ฉันรู้สกึ เศร้าใจ เพราะการอ่านหนังสือก็เหมือนเป็ นการเปิ ดโลก เปิ ดรับ
อะไรใหม่ๆ แต่คนทีท่ างานได้เงินเดือ นเท่าค่าแรงขัน้ ต่านัน้ คงไม่สามารถซื้อหนังสือมาอ่านได้ ฉันเองแค่
อยากตื่นเช้ามาทางานแล้วไม่ต้องเจอรถติด ไม่เจอกับผูน้ าที่บอกว่ารถติดคือเรื่องดี ฉันอยากมีทางเท้า
ดีๆ อยากเดินกลับบ้านตอนกลางคืนแล้วไม่ต้องหวาดระแวง หรือต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับฉันก็จะไม่มกี าร
พูดว่า ‘กล้องตรงนัน้ มันเสีย’
…ท้ายที่สุดฉันคงแค่อยากเป็ นคนรวย เพราะการเป็ นคนจนในประเทศที่แทบไม่มสี วัสดิการให้
นัน้ มันลาบากมากจริงๆ”

38
เยาวชนไม่ประสงค์เปิ ดเผยตัวตน อายุ 19 ปี กรุงเทพมหานคร:
Youthful Dream

“ในความคิดของฉันแล้ว สังคมในฝั นของ ‘เด็กสมัยนี้’ คงจะเป็ นการที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมี


ความสุขท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะในด้านเชือ้ ชาติ เพศ หรือศาสนา ใน
ภาพนี้ ฉันจึงอยากสื่อถึงสังคมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความแตกต่างหลากหลายและเสริมสร้างความ
เท่าเทียมกันระหว่างบุคคล อันเป็ นสังคมที่เยาวชนทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันทางการศึกษา และมี
โอกาสในการเลือกทากิจกรรมที่ตนสนใจ ทัง้ ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปะ นอกจากนี้

39
เยาวชนในสัง คมยัง ใส่ ใ จและร่ ว มกัน แก้ ไ ขปั ญ หาด้า นสิ่ง แวดล้อ ม แต่ ก็ย ัง มีก ารละเล่ น เพื่อ ความ
สนุกสนานแบบเด็กๆ ด้วย และการทีภ่ าพความฝั นของเยาวชนยังมีการต่อเติมอยู่ ก็เพราะว่าตราบใดที่
โลกใบนี้ยงั พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ความฝั นของเยาวชนเกี่ยวกับสังคมทีเ่ อื้อต่อทุกคนก็ยงั ถูกต่อเติมไปได้
เรื่อยๆ โดยไม่สน้ิ สุดนันเอง”

วรารัตน์ อายุ 17 ปี จังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์:


Land of Equal

“ดิฉันคือเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ ง ที่ต้องการคุณภาพชีวติ ที่ดีเหมือนเด็กที่อยู่ในเมืองทัง้ ในด้าน


การศึกษาทีเ่ ท่าเทียม การคมนาคม หรือสิง่ อานวยความสะดวกต่างๆ จากใจเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง การ
เดินทางไปที่ต่างๆ ในต่างจังหวัดเป็ นอะไรที่ยากลาบากมาก ถ้าไม่มรี ถส่วนตัวหรืออาศัยอยู่ในอาเภอ
เมือ ง อีก ทัง้ ปั ญ หาของน้ า ประปาที่ไ ม่ ส ะอาดไร้คุ ณ ภาพและปั ญ หาของการศึก ษา เช่ น บางพื้น ที่

40
การศึกษาไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงต้องหาทีเ่ รียนพิเศษเพิม่ เติม แต่สถาบันสอน
พิเศษนัน้ หายากมาก จะมีให้เรียนก็เฉพาะในรูปแบบออนไลน์ […]
อีกปั ญหาที่สาคัญคือ ถ้าเราต้องการโรงเรียนที่มคี ุณภาพ เราต้องห่างจากบ้านเพื่อไปเรียนที่
โรงเรียนประจาจังหวัด เด็กต่างจังหวัดอีกหลายคนก็ตอ้ งการคุณภาพชีวติ ทีด่ เี หมือนเด็กในเมือง ต้องการ
ความเท่าเทียมในด้านการศึกษา มีรถไฟฟ้ า รถโดยสารประจาทาง ต้องการความสะดวกสบายในการใช้
ชีวติ แต่ถา้ เรามองจากมุมของเด็กทีอ่ าศัยในเมือง เราจะรับรูไ้ ด้ว่าเด็กทีอ่ าศัยอยู่ในเมืองก็ไม่ได้มแี ค่ขอ้ ดี
พวกเขาก็ต้องการอากาศทีบ่ ริสุทธิ ์ เพิม่ พืน้ ทีส่ เี ขียว ค่าครองชีพทีร่ าคาแพงสวนทางกับค่าแรง หรือการ
คมนาคมที่ไม่ตดิ ขัด และปั ญหาของการศึกษา เช่น เราต้องกระตือรือร้นและต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เพราะมีการแข่งขันทีส่ งู มาก”

41
ภาคผนวก:
ผู้ได้รบั รางวัลการประกวดเรื่องเล่าของ “เด็กสมัยนี้ ”

ประเภทอายุไม่เกิ น 15 ปี
รางวัลชนะเลิ ศ แก้วมรกต มาตย์เทพ
รางวัลรองชนะเลิ ศอันดับที่หนึ่ ง ขวัญณรี ปรักมะวงศ์
รางวัลรองชนะเลิ ศอันดับที่สอง รัชชดาภรณ์ โฮ
รางวัลชมเชย คณิศร รสจันทร์
ณัฐชเนตร สินทอง
ปภาวี พลประสิทธิ ์
วรีรตั น์ นันทสุขเกษม
อธิตยา เอีย่ มเจริญ

ประเภทอายุ 16-25 ปี
รางวัลชนะเลิ ศ กฤษกร สุขสมโฉม
รางวัลรองชนะเลิ ศอันดับที่หนึ่ ง ตะวัน ผิวทองงาม
รางวัลรองชนะเลิ ศอันดับที่สอง ณัฐพงษ์ รักเขตวิทย์
รางวัลชมเชย ธนาภรณ์ พรหมภัทร์
ธีรร์ ชั ต์ ไชยคาภา
ปวริฐศ์ า เยีย่ มเมธากร
วรารัตน์ ว่องไวรุด
สาธิตา สกุลจุฑาทิพย์

สามารถเข้าดูผลงานของผูไ้ ด้รบั รางวัลได้ท่ี https://www.the101.world/stories-kids/

42

You might also like