Professional Documents
Culture Documents
แพทย์ จริยธรรม
แพทย์ จริยธรรม
แพทย์ก็เป็นคน
-มีอารมณ์ความรู้สึก มีครอบครัว มีคนที่เรารัก ให้ทำเท่าที่ทำได้ มีหน้าที่อะไรก็ทำไป อย่าโลกสวย อย่าเสียสละที่ไม่คุ้มค่า
แพทย์ไม่ใช่ศาล
-ห้ามตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นถูกผิด เรื่องที่ควร ไม่ควรของผู้อื่น
แพทย์ไม่เสือก
-คิดถึงจิตใจผู้อื่นก็พอ แต่อย่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถ้าไม่ใช่หน้าที่
แพทย์ต้องมีความน่าเชื่อถือ
-วางตัวให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ
แพทย์ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
-อย่าทนงว่าตนเองเก่ง หรือมีอะไรดีกว่าคนอื่น แต่ให้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ที่พร้อมรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ
แพทย์ห้ามมโน
-ทำได้แค่สันนิฐาน และหาข้อมูล หรือหาแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้เท่านั้น
6. สมมติท่านเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะบริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง ในการประชุมที่ผ่านมาสมาชิกส่วนใหญ่ของคณะบริหารได้ลงมติว่าอนุญาตให้พนักงานใน
บริษัทนั้น สามารถแต่งกายตามสบายมาทำงานได้ในทุกวันทำงาน แต่ท่านคิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ระบบของมาตรฐานการแต่งกายเสียไป ควรจะลดจำนวนวัน
ลงเป็นอาทิตย์ละหนึ่งวันจะเหมาะสมกว่า แต่ท่านจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร
ก. ลาออกจากคณะบริหาร
ข. ทำตามมติที่ประชุมเพราะมติคือเสียงส่วนใหญ่
ค. ชี้แจงให้สมาชิกทุกคนทราบถึงข้อเสีย และข้อดี โดยอ้างหลักเหตุผล
ง. ยืนคัดค้านมตินี้โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่มาค้ำประกัน
DO
- อ่าน + คิดให้เร็ว
ด้วยความที่ข้อสอบเป็นแนว speed test โจทย์ค่อนข้างยาว ช้อยส์ก็ยาว ทำให้มึนตึ้บมากๆ ก็ต้องรีบอ่าน รีบใช้ความคิด แต่ก็ต้องรอบคอบนะ "I have
สติ" Ok เนาะ
- ตอบแบบแพทย์
อย่าลืมว่าข้อสอบวัดจริยธรรมของใคร? ของแพทย์!! ต้องสวมบทเป็นแพทย์ ไม่ใช่เรา สังคม หรือแม่พระทั้งหลายนะ จำไว้ว่า **อย่าเอาตัวเอง สังคม
หรือความโลกสวยมายึดเป็ นบรรทัดฐาน**
"ต้องมองภาพให้ออก ใช้วิธีคิด และตัดสินใจแบบแพทย์เค้าทำกัน" แล้วจะรู้ได้ไงว่าแบบไหนคือความคิดของเด็กแพทย์?
รุ่นพี่ที่ได้คะแนนเยอะๆ เค้าพูดตรงกันเลยว่า "มันเอา Feeling มาตอบไม่ได้ ยูต้องใช้ Fact" เพราะมาตรฐานความคิด ความดี ความเชื่อของแต่ละคน
มันต่างกัน แต่สถานการณ์ที่ข้อสอบเลือกมาให้ตัดสินใจ เราอยู่ในกรอบของความเป็นแพทย์ไง แพทย์ก็ต้องคำนึงถึงสังคมส่วนรวม ทำความดีโดยที่ตัวเองไม่
ลำบาก คนอื่นก็ไม่เดือดร้อน คือทำยังไงก็ได้ให้ทุกฝ่ายสูญเสียผลประโยชน์น้อยที่สุด แล้วก็ไม่ขัดกับกฎหมายอะไรแบบนี้
อันนี้เป็นเฉลยด้านบนนะ
1. เฉลยข้อ ข.
กระจายใบความรู้ให้กับเพื่อน ๆ ให้ไปแบ่ง ๆ กันอ่าน เพื่อทำความเข้าใจกันเอง แม้ว่าการถ่ายเอกสารให้ทุกคนในกลุ่มนั้นจะเป็นการที่ให้สมาชิกทุกคน
เท่าเทียมกันแต่เป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เพราะใบชี้แจงการทำโครงงานนั้นเป็นเพียงแค่การบอกจุดประสงค์ หากเข้าใจแล้วไม่จำเป็นที่จะมาอ่านซ้ำ
การแบ่งวัตถุดิบที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง
2. เฉลยข้อ ข.
ให้บอกผู้ป่วยไปโรงพยาบาล แล้วแจ้งกรมสาธารณสุขว่ามีโรคเรื้อนระบาดในชุมชน เพื่อให้สมาชิกภายในชุมชนจะได้ระวังตัว
3. เฉลยข้อ ก.
ชะลอรถ แล้วให้คนที่เดินสวนออกมาก่อน แล้วจึงขับต่อไป แสดงให้เห็นถึงความเสียสละ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ส่งผลเสียต่อตนเองด้วยเช่นกัน
4. เฉลยข้อ ค.
พาแรงงานต่างด้าวไปลงทะเบียนกับกรมแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันแรงงานเถื่อน และให้ทางหน่วยงานคอยควบคุมดูแล แรงงานดังกล่าวนั้นเป็น
แรงงานต่างด้าว การที่จะรับผิดชอบโดยการพาไปตรวจสุขภาพแล้วจัดการด้วยตนเองนั้น อาจจะเป็นวิธีที่ดูดีแต่บางทีก็มีปัจจัยบางอย่างที่เราก็ไม่สามารถควบคุม
ได้ ฉะนั้นควรที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเป็นคนดูแลและควบคุมดีกว่า เพียงแต่เราต้องให้ความร่วมมือกับหน่วยเพื่อการสุขาภิบาลที่ดี
5. เฉลยข้อ ง.
บอกกรรมการว่ามีคนทุจริต เพราะไม่ควรเพิกเฉยต่อการกระทำความผิด
6. เฉลยข้อ ค.
เป็นวิถีของประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ก็ต้องรับฟังเสียงส่วนน้อยเช่นกัน แล้วนำวิธีต่าง ๆ มาปรับใช้
7. เฉลยข้อ ง.
การอ่อนน้อม การยอมรับความผิดในสถานการณ์ที่บังคับเพื่อเรื่องยุติไปในทางที่ดี
8. เฉลยข้อ ก.
พยายามจับกิ้งก่าตัวนั้นใส่กระสอบไว้ให้มิดชิด แล้วนำไปทิ้งบริเวณที่ไกลออกไปจากบริเวณชุมชน เพราะกิ้งก่าไม่ได้ทำอันตรายใคร ควรนำไปทิ้งจาก
แหล่งชุมชน
9. เฉลยข้อ ข.
เราควรคำนึงถึงความต้องการของคนไข้และญาติเป็นหลัก
10. เฉลยข้อ ข.
การเขียนประวัติการรักษาที่เป็นเท็จหรือไม่เขียนตามข้อเท็จจริงนั้นเป็นการผิดจรรยาบรรณแพทย์