Professional Documents
Culture Documents
ชัน
ใช้ภาษา๒
้ มัธยมศึกษาปี ที่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตอนที่
ตอน ๔
หลักการใช้
หน่วยการเรียน
รู้ที่
๑ ภาษา
การสร้างคำและ
ประโยค
ตัวชีว
้ ัด
• สร้างคำในภาษาไทย
• วิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน
• รวบรวมและอธิบายความหมายของคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย
การสร้างคำ+ ประโยคในภาษาไทย +
- คำมูล - ส่วนประกอบของประโยค
- คำประสม - ชนิดของประโยคแบ่งตามโครงสร
- คำซ้ำ การสร้างคำ - ชนิดของประโยคแบ่งตามเจตนา
- คำซ้อน และประโยค
- คำสมาส
+
คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
- ลักษณะของคำไทยแท้
- คำยืมในภาษาไทย
ความรู้พ้น
ื ฐานการฟั ง
ต่อไปเป็ นคำที่ ถูกต้อง และการดูส่ อื
ขึน
้ ต้นด้วย ม ครับ
นะครับ พร้อม มอมแ
แล้วเริ่มครับ... มม
“มีลักษณะ
เปื้ อนเปรอะ
สกปรก”
ความรู้พ้น
ื ฐานการฟั ง
ถูกต้อง และการดูส่ อื
ครับ แม่ทั
“ผูทำ
้ หน้าที่
ควบคุมกอง พ
ทหาร”
ความรู้พ้น
ื ฐานการฟั ง
ข้อต่อไปนะ และการดูส่ อื
ครับ...
เอ่อ
คำที่หมายถึง อะไร ไม่รู้ ...
“ทะเลใหญ่ อะ สิ
หรือ ห้วงน้ำ
หมดเวลาครั
ใหญ่ มี ๓ บ
เฉลย
พยางค์“
“มหรรณพ
ครับ”
การสร้างคำ
คำมู มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง เป็ นคำไทยแท้หรือคำยืมก็ได้
ล ๑ ๒ ๓ ๔ ๕
พยาง พยาง พยาง พยาง พยาง
ค์ ค์ ค์ ค์ ค์
แม กิน เมตต กษัต วิดีโ ออกซิเ นมัสการ คาร์บอนไดอ
ว ร้อ าบุปผริย์ อ แบตเจน มหัศจรร โรมัอกไซด์
นคาทอลิ
น า ตอรี่ ย์
โบกขรณี ก
ฮิปโปโปเตมั
เซ้ง เฮีย มะน กระ ปฏิบั พิสด ส
อัลตราไวโอเ
เก๋ง าวตะวัทะ ติ ศาสาร ลต
น นา อิเล็กทรอ
นิกส์
เทคโนโล
แอ เชิต ้ ซ่าห กำปั่ ซาลาเ ยี เ
คอนโดมิ
ร์ เว็บ ริ่มบุหลัน เย็ปา
นตา
นียม
น โฟ
คำ คำมู คำมู (คำมู คำใหม่ (คำ
ประสม ล ล
เกิดจากการนำคำมูลตัง้ แต่ ๒ คำขึน
ล) ประสม)
้ ไป มารวมกันแล้วเกิดความหมายใหม่
วิธี
สร้าง
คำซ้อนเหล่า
วิธี
นี ้ สร้าง
เกิดจากคำที่
มีความหมาย คำไทยซ้อนคำไทย คำภาษาต่างประเทศ คำภาษาต่างประเทศ
เหมือน ซ้อนคำไทย ซ้อนกัน
คล้าย หรือ - กั ก ขั ง (เหมื อ น
ต่างกัน - ลูก (คล้ายกั น) - งาม (เหมื อน - (เหมื อน
หลาน กั น) าม ลออ
- โง่ กั น) อน
(เหมื เหตุ กา
- เลิศ กั น)าย
(คล้
- ชั่วดี (ตรงข้
เขลา กั น) รณ์
เลอ กั น)าย
- พ่าย กั น) าม
(ตรงข้ - เท็จ (ตรง - (คล้
แพ้ กัน) จริง ข้ามกัน) ภูมิลำเ กัน)
นา
คำ
สมาส
เป็ นวิธีการสร้างคำในภาษาบาลีและสันสกฤต ที่ไทยรับมาดัดแปลงให้เข้า
กับไวยากรณ์ไทย โดยแบ่งเป็ นการสมาสแบบไทย และการสมาสแบบมี
สนธิ
การสมาส บาลี บาลี คำ
แบบไทย สันสกฤต
เกิดจากการนำภาษาบาลี ยงต่อกัน โดยมีสมาส
สันสกฤต
สันสกฤตมาเรี
การออกเสี
ตัวอย่างคำย งสระระหว่ า งคำ นิจศีล (ป. +
สมาส คำ + ส.)
จุลสาร (ป. + บาลี คำ วรรณคดี (ส.
+ สันสก + ป.)
ป.ส.)
คำบาลี ฤต อรรถรส (ส.
ราชโอรส สันสก
+
(ป.ส. + ป.) + ป.ส.)
ฤต
ราชบุตร
การสมาส บาลี บาลี คำสมาสแบบ
แบบมี สนธิ สันสกฤต
เกิดจากการนำภาษาบาลี สันสกฤต
สันสกฤตมาผสมกั น โดยใช้วิธี มีสนธิ
กลมกลืนหน่วยเสียง แบ่งได้ ๓ ประเภท
๑ สระ เป็ นการนำคำภาษาบาลีและสันสกฤตมารวมกัน โดย
. สนธิ คำหลังจะขึน้ ต้นด้วยสระ
วิธี
สร้าตังดสระท้ายของคำหน้า (ในที่นีค้ ือสระ
๑.
อะ ที่ไสม่ระหน้
๒. ใช้ ปรากฏรู ป)
าของ
คำหลัง
วิทย + อาลัย = วิทาลั
(ส.) (ป.ส.) ย ย
วิธี กรณีต้องเปลี่ยน
สร้าง รูปสระ
อะ,อา + อุ,อู = อิ,อี + สระอื่นที่ไม่ใช่ อิ,อี ต้อง
อุ/อู/โอ แปลง อิ,อี เป็ น ย
๑. ตัดสระท้ายของคำหน้า ๑. แปลงสระท้ายของคำ
(ในที่นีค
้ ือสระ อะ ที่ไม่ปรากฏรูป) หน้าเป็ นตัว ย
๒. ใช้สระหน้าของคำ
๒. ใช้สระหน้าของคำ หลัง
หลัง
๓. เปลี่ยนสระ อุ เป็ น
สระ อู
ราช + อุปโภค =รา อธิ + อาศัย = อัธาศั
(ป.ส.) (ป.ส.) ช (ป.ส.) (ส.) ย ย
๒ พยัญชน เป็ นการนำคำภาษาบาลีและสันสกฤตมารวมกัน โดยคำ
. ะสนธิ หลังจะขึน
้ ต้นด้วยพยัญชนะ
วิธี
สร้ าง าที่ลงท้ายด้วย ส ให้
คำหน้ คำหน้าเป็ นทุสฺ , นิสฺ ให้เปลี่ยน
เปลี ่ยน่ยน
๑. เปลี ส สเป็ของคำหน้
นสระ โอา ส
๑. เป็ น ่ยรน ส
เปลี
เป็ นสระโอ เป็ น ร
๒. นำคำหลังมา ๒. นำคำหลังมา
ต่อท้าย ต่อท้าย
ไม่นิยมใช้
พยั
เช่ นญ
ฆ ชนะบางตั
ฌ ญ ฎ ฏว ไม่ใช้ตัว
ฐฑฒณธภศ การันต์
ษฬ
ลักษณะของคำ
ไทยแท้
คำที่ยืมมาจากภาษา
บาลี-สันสกฤต
ประสมด้วย
มี มีตัวสะกด พยัญชนะ ใช้พยัญชนะ
มากกว่า ไม่ตรงตาม ฆฌญฎฏ ตัวเดียวกัน
๑ มาตรา ฒณธ ซ้อนกัน
เช่นพยางค์ เช่น ปรารถนา ภนศกษัษตริฤย์ฬ
เช่ เช่น เมตตา
วัฒนธรรม บรรพต มัธยมวรรณะ วิสัญญี อัคคี
ภิกษุ พิสดาร บุษกร อัธยาศัย กีฬา สักกะ สัจจะ
ไมตรี กรีฑา ทฤษฎี กาญจนา
สถาปนา วิทยุ
คำที่ยืมมาจาก
ภาษาเขมร
มักขึน
้ ต้นด้วย
คำว่า บัง มีเสียง มักสะกด ไม่มีรูป
บัญ อักษรนำ ด้วย วรรณยุกต์
บำ บรร จญส
เช่น บังอาจ เช่น ฉนวน เช่น เทอญ เช่น สำนวน
บัญชา บำบัด ขยำ สำเร็จ ตรวจ ดำรัส ชะงัด
บำเพ็ญ บรรทัด กำเนิด แผนก สรรเสริญ จังหวะ
บรรเทา ฉมวก อัญเชิญ อำนาจ ตำหนิ
บวงสรวง
โขลง
คำที่ยืมมาจาก
ภาษาชวา
มีมากกว่า ๑
พยางค์
ไม่มีเสียง ควบ
กล้ำ
ไม่มีรูป
วรรณยุกต์
เช่ แอหนัง กิดาหยัน ตุนาหงัน
น ยาหยี
อังกะลุง ดาหงั
บุหนรง บุหลัน ต้นห
ยง การะบุหนิง
คำที่ยืมมาจาก
ภาษาจีน
ใช้อักษรกลางเป็ น
พยัญชนะต้น
ประสมด้วยสระ
เสียงสัน
้
มักมีเสียงวรรณยุกต์ตรี
หรือจัตวา
เช่ ก๊ก กวยจั๊บ เก๊ก เจ๊ง ต๋ง
น ไต๋
เปาะเปีบ๊๊ ยะ
ะจ่าง แป๊ ะเจี
โป๊ ๊ ยะ ก๋วยเตี๋ยว
เจี๋ยน เอี๊ยม ตุ๋น
คำที่ยืมมาจาก
ภาษาอังกฤษ
ตัวชีว
้ ัด
• ใช้คำ
ราชาศัพท์
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ คำ
+ ราชาศั พ ท์ +
ความรู้พ้น
ื ฐานเกี่ยวกับ คำราชาศัพท์
คำราชาศัพท์ สำหรับ
ที่มาของคำ พระมหา
คำนาม
ราชาศัพท์ กษั ตริยย์ า
คำกริ
ประโยชน์ของคำ คำ
ราชาศัพท์ สรรพนาม
คำ
+
คำราชาศัพท์สำหรับพระสงฆ์ ราชาศัพท์ คำสุภาพสำหรับบุคคลทั่วไป +
คำนาม คำนาม
คำกริยา คำกริยา
คำสรรพนาม
ความรู้พ้น
ื ฐานเกี่ยวกับคำ
ราชาศัพท์
คำศัพท์ที่กำหนดขึน้ มาเพื่อ
ใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับ
บุคคลและกาลเทศะ
ที่มาของคำ
ราชาศัพท์
สมัยกรุงสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา
ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่๑ สมัยสมเด็จพระไตรโลกนาถ
ปรากฏในกฎมณเฑียรบาล ถือเป็ น
ตำราคำราชาศัพท์ฉบับแรก
ประโยชน์ของคำ
ราชาศัพท์
ทาง ทาง
ตรง อ้อม
ใช้ภาษาในการ อนุรักษ์มรดกทาง
สื่อสารได้ วัฒนธรรม
ถูกต้องกับระดับ ของชาติ
เสริมสร้าง
บุ คคล
รู้คำศัพท์
บุคลิกภาพที่ดี
มากขึน ้
แก่ตนเอง
คำราชาศัพท์สำหรับพระ
มหากษัตริย์
คำ
คำนามราชาศัพท์
นาม
คำนามสำคัญ คำนามทั่วไป
พระอัคร… พระบรมราช…พระบรมอรรคราช… พระ…
พระอัครมเหสี พระบรมราช พระบรมอรรคราชบุรุษ พระบาท
พระมหา… ชนนี
พระบรม… พระบรมมหาราช… พระที่นั่ง
พระมหาปราสาท
พระบรมฉายาลักษณ์
พระบรมมหาราชวัง …ต้น …หลวง
พระอัครราช…พระราช… พระบรมมหา… ช้างต้น
พระอัครราชฑูต พระราชดำรัส พระบรมมหาชนก เรือหลวง
คำ
คำกริยาที่ใช้ “ทรง”
กริ
กริยา ่เป็ นราชาศัพท์
ยาที
ทรง+คำกริยาทั่วไป
ทรง+คำนามทั ่วไป
สรวล ในตั ว เอง ประ ทรงยืน ทรงงาน
ประ พาส ทรงกราบ ทรงเรือใบ
ทับ เสด็จ ทรง+คำนามราชาศัพท์
สุบิน ทรงพระสรวล
คำกริยาที่ใช้ “เสด็จ” ทรงพระสุบิน
เสด็จ + คำ เสด็จ + คำกริยา ทรง+กริยาทั่วไป+คำนามทั่วไป
กริยจาทั
เสด็ ไป ่วไป ราชาศั
เสด็ พท์
จประพาส ทรงมีความห่วงใย
เสด็จขึน
้ เสด็จประทับ ทรงเรียกมหาดเล็ก
คำ
สรรพนา คำสรรพนามที่บุคคลทั่วไปใช้กับพระ
ม สรรพนามบุรุษ มหากษั ต ริ ย์ สรรพนามบุรุษ
ที่ ๑ ที่ ๒
ข้า ใต้ฝ่าละอองธุลี
พระพุทธเจ้า ใต้ ฝ่าละออง
พระบาท
ใต้ฝ่าพระบาท
พระบาท
เกล้ากระหม่อม/เกล้า ฝ่ า
มฉัน
กระหม่อม/ห พระบาท
ม่อมฉัน
คำราชาศัพท์สำหรับพระ
สงฆ์
คำ
นามเจดีย์ อุโบสถ
วิหาร ศาลาการเปรียญ
กุฏิ
สมภาร
โยม บาตร
๑
คำ บ
กริยา ๓ ณิ
โจทย์ อ ฑ
า บ
๑ รับของใส่บาตร ๒จ า พร ร ษ า
๒ อยู่ประจำที่วัดเป็ นเวลา า ต
๓ ๓ เดืให้
เชิญ อนแสดงธรรม ๕ ธ
น
๔ เทศนา
ทำความเคารพ ๔น ม ส ก า ร
๕ เชิญทั่วไป ม
๖ ถวายของพระภิกษุด้วย ๖ป ร ะ เ ค น
วิธียกส่งให้ ต
ลองเติมคำกริย์ าให้ถูกต้อง
คำ คำสรรพนามที่พระภิกษุใช้
สรรพนา
สรรพนาม
กับพระภิกษุ
สรรพนาม
ม บุรุษที่ ๑ พระมหา บุ รุ ษ
มหาบพิตรที ่ ๒
อาตมาภาพ กษัตริย์
พระ บพิตร
ราชวงศ์
เกล้ากระผม พระภิกษุที่ดำรง ท่าน
สมณศั กดิ ์ ูงกว่า
ส
กระผม, ผม พระภิกษุระดับ คุณ, เธอ
เดียวกัน
โยม ใช้กับ บิดา, มารดา,
อาตมา บุคคล ผู้อาวุโส
ทั่วไป คุณ, เธอ ใช้กับ บุคคลที่
มีอายุเท่ากัน
หรือน้อยกว่า
คำ คำสรรพนามที่บุคคลทั่วไป
สรรพนา
สรรพนาม
ใช้กับพระภิกษุ
สรรพนาม
ม บุรุษที่ ๑ สมเด็จพระ บุรุษที่ ๒
ข้าพระพุทธเจ้า ใต้ฝ่าพระบาท
สังฆราชเจ้า
เกล้ากระหม่อม (ที่เป็ นพระ
สมเด็ จพระ ฝ่ าพระบาท
ราชวงศ์
สั ง ฆราช )
สมเด็จพระราชา
พระคุณเจ้า
คณะ
กระผม,ดิฉัน (เช่ น สมเด็จพระ
พระราชาคณะ
พระคุณท่าน
้ พิวัเศษ,
(ขัน นรัต)ธรรม,
เทพ,
พระภิราช)
กษุ ท่า
ทั่วไป น
คำสุภาพสำหรับบุคคล
ทั่วไป
เป็ นคำที่ใช้ส่ อ
ื สารเพื่อให้เกิด
ความสุภาพ
ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่ใช้คำ
คำ
นาม สัตว์ ผักผลไม้ อาหาร
มัจ ปล ผล แตง เยื่อ กะปิ
ฉา า อุลิด โม
ผัก เคย
วา ลิง ผัก นารี กล้วย
นร ทอดยอ บุ้ง จำศีล บวชชี
วิฬ แม ผักรู้ ผัก ขนม ขนม
ด
าร์ ว นอน กระเฉด เส้น จีน
นก อีก ฟั ก ฟั กทอ ขนม ขนม
กา า เหลือง ง สอดไส้ ใส่ไส้
ลองเติมคำสามัญให้ถูกต้อง
คำ
กริยา
อย ต้องก เอา นำมา
าก าร มา
รู้ ทร ติด จำ
าบ คุก คุก
กิน รับ ตา เสียชีวิต
ประทา ย
คลอด คลอด ตาก ผึ่งแดด
น
ลูก บุตร แดด
ลองเติมคำสุภาพให้ถูกต้อง
สรุปบทเรียน
ประโยชน์ของคำ
ราชาศั
• ใช้ พท์
ภาษาในการสื
่ อสารได้ถูก คำราชาศัพท์สำหรับพระ
ต้องกับระดับบุคคล มหากษัตริย์
• รู้คำศัพท์มากขึน
้
• อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
ของชาติ
• เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีแก่ คำ คำราชาศัพท์
ความรู้พ้น ื ฐานเกี่ยวกับ สำหรับพระสงฆ์
ตนเอง
คำราชาศัพท์ ราชาศัพท์
ที่มาของคำ
ราชาศั
• สมั ยกรุงพ
สุโท์ขทัย ปรากฏในศิลา คำสุภาพสำหรับ
จารึกหลักที่ ๑ บุคคลทั่วไป
• สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยสมเด็จ การใช้คำราชาศัพท์เป็ นระเบียบแบบแผนการใช้ภาษาไทย
พระไตรโลกนาถ ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย
ปรากฏในกฎมณเฑียรบาลถือ แสดงถึงการยกย่องให้เกียรติบุคคลในแต่ระดับโดยการใช้
ตอน ๔
หลักการใช้
หน่วยการเรียน
รู้ที่
๓ ภาษา
การแต่งบทร้อยกรอง
ประเภทกลอน
ตัวชีว
้ ัด
• แต่งบทร้อยกรอง
+
ลักษณะของกลอน สรุปบทเรียน+
การแต่งบทร้อยกรอง
ประเภทกลอน
ประเภทของ
ลักษณะ
+ กลอนสุภาพ
+
บังคับของ การแต่งกลอนสุภาพ+
- กลอนบทละคร
กลอนสุภาพ
- คณะ - ลักษณะบังคับของกลอนสุภาพ - กลอนสักวา
- สัมผัส - ประเภทของกลอนสุภาพ - กลอนดอกสร้อย
- เสียงวรรณยุกต์ - กลอนนิราศ
ด้นกลอน
สอนสูตร
ปรุงแสนง่ายทันใจ
ไข่กระทะ
ดูไว้นะแล้วจะรู้ว่า
จริงไหม
แค่เปิ ดดูตู้เย็น
เหลืออะไร
หั่นลงไปทอดพร้อม
ไข่ก็ได้กิน
ปรุงแสนง่าย หั่นลงไป
ทันใจ แค่เปิ ดดู ทอดพร้อม
ไข่กระทะ ดู ตู้เย็น ไข่ก็ได้กิน
ไว้นะ เหลือ
แล้วจะรู้ว่า อะไร
จริงไหม
นักเรียนคิดอย่างไรกับการสื่อสาร
ในสถานการณ์นี ้
ลักษณะของ
กลอน
จุดต่าง ๆ ที่
ควรสังเกต
ปรุงแสนง่ายทันใจไข่กระทะ ดูไว้นะแล้วจะรู้ว่าจริงไหม
จำนวนบาท
คณะหรืแค่
อ เปิ ดดูตู้เย็นเหลืออะไร หั่นลงไปทอดพร้อมไข่ก็ได้กิน
จำนวนบท
เวลาซื้อก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วน โปรเย้ายวนชวนลองไปทัง้ สิน ้
ไม่ร้เู ขาปรุงอะไรใส่ให้กิน อย่าไปดูแค่บิลแล้วเบาใจ
จำนวนคำในวรรค
สัมผัสและเสียงวรรณยุกต์
การแต่ง
ลักษณะเฉพาะ
กลอนสุภาพ
คณะ กลอนสุ ภ
สัมผัส าพ เสียงวรรณยุกต์
๑ บท สัมผัส สัมผัส สังเกตที่คำ
ใน นอก สุดท้าย
๒ - สัมผัส - ระหว่าง ของแต่ละวรรค
บาท สระ วรรค ทุก จัตวา
๔ - สัมผัส - ระหว่าง เสียง (ไม่
วรรค
๑ วรรค = ๗, อักษร ท้าย บท
ที่ ๓- ท้าย
(ไม่ สามัญ/ต
สุด ๕ สุด สามัญ) รี)
๘, ๙ คำ
วรรค วรรค ท้าย ที่ ๓- ท้าย
สดับ
วรรค รับ
วรรค สุด ๕ สุด สามัญ/ตรี ทุก
ท้าย (ไม่ เสียง
รอง ส่ง สุด เอก/โท/จัต (ไม่
ประเภทของกลอนสุภาพ
(กลอนแปด)
แยกตามจุดประสงค์ของการนำ
ไปใช้
กลอนบท
ละคร กลอน
กลอนเสภา นิทาน
กลอนขับ กลอน กลอนเพลง
กลอน ร้อง อ่าน ยาว
สักวา กลอน
กลอนดอก นิราศ
สร้อย
กลอนขับ กลอนบท กลอน
ร้อง ละคร สักวา
แต่งสำหรับแสดงละคร เดิมแต่งเป็ นด้นสดโต้ตอบกัน
้ ต้นด้วย “มาจะกล่าวบทไป” ขึน
ขึน ้ ต้นด้วย “สักวา”
“เมื่อนัน ้ ” จบท้ายวรรคส่งด้วย “เอย”
้ ” และ “บัดนัน
กลอนดอก
สร้ อ ย
กลอนเสภา ใช้แสดงความรู้สึกหรือความคิดเห็นจบสัน ้
แต่งสำหรับขับเสภา แต่งเป็ น ๘ วรรคขึน ้ ต้นใช้ ๔ คำ
ขึน
้ ต้นด้วย “ครานัน
้ ” คำที ่ ๑ กั บ ๓ เป็ นคำเดี ย วกั น
คำที่ ๒ แทรกว่า “เอ๋ย” เช่น เด็กเอ๋ยเด็กน
จบท้ายวรรคส่งด้วย “เอย”
กลอน กลอนเพลง
ยาว
อ่าน แต่งเป็ นเชิงเกีย
้ วพาราสี หรือ
รำพันถึงความรัก
ไม่บังคับความยาว ขึน ้ ด้วยวรรค
วรรครับ
จบท้ายวรรคส่งด้วย “เอย”
กลอน กลอน
นิทาน นิราศ
แต่งเป็ นเรื่องแบบนิยาย ส่วนใหญ่เป็ นการเดินทาง
ขึน
้ ด้วยวรรคสดับหรือวรรครับ และรำพันถึงนางอันเป็ นที่รัก
จบท้ายวรรคส่งด้วย “เอย” ขึน
้ ด้วยวรรควรรครับ
จบท้ายวรรคส่งด้วย “เอย”
แต่งกลอนป้ อน
วรรณยุกต์
วรรคสดับ__ สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
คำสุดท้ายของแต่ละวรรค นักเรียนจะ
ใช้เสียงวรรณยุกต์ใด
สรุปบท การแต่งบทร้อยกรอง
ประเภทกลอน
สัเรี ยนกษณะของกลอน
งเกตลั สัมผัส ทุก จัตวา
ใน เสียง (ไม่
คณะ/
ท้าย ที่ ๓- ท้าย (ไม่ สามัญ/ต
บท
วรรค วรรค วรร สุด ๕ สุด สามัญ) รี)
สดับ รับ ค
วรรค วรรค บา ท้าย ที่ ๓- ท้าย
สามัญ/ตรี ทุก
รอง ส่ง ท สุดสัมผัส ๕ ท้สุาดย
(ไม่ เสียง
นอก สุด เอก/โท/จัต (ไม่
ประเภทของกลอนสุภาพ (กลอน ๘) วา) จัตวา)
กลอนขับ กลอนบทละคร กลอนสักวา กลอน กลอนนิทาน กลอนเพลง
ร้อง (ขึน
้ ด้วย เมื่อนัน
้ (ขึน
้ ด้วย สักวา จบ อ่าน (ขึน
้ ด้วยวรรค ยาว
บัดนัน้ ด้ วย เอย)
กลอนดอกสร้ อย สดับ/รับร)าศ
กลอนนิ (ขึน
้ ด้วย
มาจะกล่
กลอนเสภา าวบท (ขึน้ ด้วย __เอ๋ย__ ้ ด้วยวรรครับ)วรรครั
(ขึน (จบด้วบย)
ไป)
(ขึน
้ ด้วย ครา เช่น เด็กเอ๋ยเด็ก เอย ทุกแบบ)
นัน
้ ) น้อย จบด้วย เอย)