You are on page 1of 83

นิ ทานเวตาล

ผู้แปล : น.ม.ส.

ต้นเรื่อง
พระราชาทรงนามวิกรมาทิตย์ ครองราชย์อยูก ่ รุง อุชชยินี นับเวลาถึงบัดนี้ ได้
เกือบ ๒,๐๐๐ ปี พระองค์เป็ นกษัตริย์ทรงนามเลื่องลือ สามารถทั้งในทางศึกแลในทางปกครอง
ไพรูฟ้าประชาชนให้อยู่เย็นเป็ นสุข ทั้งเป็ นผ้่เอื้อเฟื้ อตูอการเรียนร้่ มีปราชญ์ ๙ คน เรียกวูา
เนาวรัตนกวีคือ กาลิทาส เป็ นต้น แตูงกลอนยอพระเกียรติปรากฏจนเวลานี้ วูา รัชกาลพระวิ
กรมาทิตย์เป็ นเวลาที่วิชารูุงเรือง

ประวัติของพระราชาองค์น้ี มีเรื่องจริงปะปนกับเรื่องซึ่งประดิษฐ์ขึ้น กลูาวตามความที่


เป็ นคำานำาเรื่องนี้ วูา เมื่อพระวิกรมาทิตย์ทรงครองราชสมบัติรูุงเรืองอยู่หลายปี จนพระชนมายุ
ได้ ๓๐ พรรษา จึงทรงพระดำาริวูา บ้านเมืองตูางประเทศที่ได้ทรงยินชื่อ แตูมิได้เคยเห็นนั้นมี
มาก สมควรจะเสด็จไปด่ให้เห็นเสียสักครั้งหนึ่ ง ราชประสงค์คือจะเที่ยวสอดร้่การในบ้านเมือง
เหลูานั้น หาชูองทางที่จะเอารวมเข้ามาเป็ นเมืองขึ้นด้วยกำาลังอาวุธหรือกำาลังปั ญญา ทรงคิด
ึ มอบราชการบ้านเมืองให้พระอนุชา ทรงนามพระ ภรรตฤราช ปกครองแทนพระองค์
ฉะนี้ จง
แล้วทรงเครื่องปลอมเป็ นโยคี มีพระราชโอรสองค์ท่ี ๒ ทรงนาม ธรรมธวัช ตามเสด็จ เที่ยว
เตร็ดเตรูไปในปู าแลเมืองตูางๆ
พระภรรตฤราชผ้่อนุชาซึ่งปกครองสมบัตแ ิ ลราชการเมืองแทนพระราชานั้นเป็ นบุรุษ
มีหฤทัยซึมเซาเป็ นปกติ เพราะได้เสียนางผ้่เป็ นชายาไปด้วยเหตุประหลาด มีเรื่องตามที่กลูาว
ตูอกันมาวูา วันหนึ่ งพระภรรตฤราชเสด็จออกลูาเนื้ อในปู า พบหญิงแมูหม้ายเข้าสู่กองเพลิงซึง ่
เผาศพพราหมณ์ผ้่สามี หญิงนั้นแสดงความมั่นใจปราศจากความสะทกสะท้าน ครั้นพระ
ภรรตฤราชเสด็จกลับถึงวัง จึงเลูาแกูนางผ้่เป็ นชายาแหูงพระองค์วูา นางพราหมณีมีความสัตย์
แลความกล้าฉันนั้น ๆ พระชายาท่ลตอบวูา เมื่อผัวสิ้นชีพไปแล้วหญิงดียูอมจะสิ้นชีวิตด้วยเพลิง
แหูงความทุกข์ หาต้องตายในกองเพลิงซึง ่ เผาสามีไมู พระภรรตฤราชทรงฟั งดังนั้นก็น่ิ งตรึก
ตรอง มิได้ตรัสประการใด ครั้นวันรูุงขึ้นเสด็จออกปู าลูาเนื้ ออีกครั้งหนึ่ ง ไมูช้าตรัสให้มหาดเล็ก
เชิญเครื่องทรงซึ่งขาดแลเปื้ อนเปรอะกลับไปท่ลพระชายาวูาเกิดเหตุวิบต ั ิในปู า พระภรรตฤราช
สิ้นพระชนม์เสียแล้ว พระชายาได้ยน ิ ดังนั้น ก็ล้มลงสิน้ ชีวต
ิ ด้วยเพลิงแหูงความทุกข์ พระ
ภรรตฤราชกลับจากปู าก็เสียพระหฤทัยหนักหนา มีอาการซึมเซากระเดียดไปข้างจะออกเป็ น
ฤาษีอยู่ร่ ำาไป แม้มีชายาองค์อ่ ืน ๆ จำานวนไมูนอ ้ ยก็ไมูทำาให้แชูมชื่นได้ (จนได้นางมาใหมูอีกองค์
หนึ่ ง)

เมื่อได้รับตำาแหนูงปกครองแทนองค์พระราชาแล้ว พระภรรตฤราชก็ปฎิบัติราชการ
โดยทางที่ชอบ แตูไมูสนุกในงานที่กระทำาจนกามเทพแผลงศรดอกไม้ทะลุหฤทัยอีกครั้งหนึ่ ง

นางนั้นมีหน้าเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ มีผมดังเมฆสีนิลโลหิตซึ่งอุ้มฝนห้อยอยู่บนฟ้ า
มีผิวซึ่งเย้ยดอกมะลิให้ได้อาย มีตาเหมือนเนื้ อทรายซึ่งระแวงภัย ริมฝี ปากเหมือนดอกทับทิม
คอเหมือนคอนกเขา มือเหมือนสีแหูงท้องสังข์ เอวเหมือนเอวเสือดาว บาทเหมือนดอกบัว
พร้อมด้วยลักษณะนางงามอยูางแขก ซึ่งไทยเราแตูงกาพย์กลอนก็พลอยเอาอยูางมาเห็นงาม
ไปด้วย พระชายาองค์ใหมูงามเชูนนี้ พระภรรตฤราชก็ลืมหลง แตูนางมิได้จงใจภักดีตูอพระ
สวามี กลับไปมีใจรักใครูกับอำามาตย์หนู ุมคนหนึ่ งชื่อมหิบาล มิช้าก็เกิดเหตุ

ในที่ใกล้พระราชวัง มีพราหมณ์คนหนึ่ งกับภริยาเป็ นคนจนยากแค้นแสนเข็ญไมูร้่จะ


ทำาอะไรก็ทำาตบะ คืออดข้าว แลทรมานตัวตูางๆ หน้าหนาวลงแชูน้ ำา หน้าร้อนนั่งผิงไฟรอบตัว
จนเทวดาเบ็ดเตล็ดพากันยำาเกรงทั่วไป ในที่สุดเทวท่ตลงมาจากสวรรค์ ยื่นผลไม้ให้ผลหนึ่ ง
บอกวูาเป็ นผลไม้อำามฤต ถ้ากินแล้วจะยืนชีวต
ิ อยู่ค้ ำาฟ้ า

ครั้นเทวท่ตอันตรธานไปแล้ว พราหมณ์ก็อ้าปากซึ่งฟั นหมดไปแล้ว เพื่อจะกัดแลกิน


ผลอำามฤต พอนางพราหมณีร้องห้ามวูา "ทูานเอย ทูานจงยั้งชั่งใจด่กูอน ความตายนั้นเป็ นทุกข์
ชั่วขณะเดียว ความมีชีวิตยากแค้นเชูนเรานี้ เป็ นทุกข์ยาวนาน ทูานอยากจะมีทุกข์เชูนนี้ จน
คำ้าฟ้ าหรือ ความยากจนนี้ เป็ นบาปที่เราทำาไว้ในหนหลัง ทูานจะยึดทุกข์คือชีวต
ิ ไปทำาไมเลูา ผล
ไม้น้ันทูานอยูากินเลย"

พราหมณ์ได้ยินภริยาท้วงดังนั้นก็ลงั เลในใจ นั่งนิ่ งปากอ้าตาเพูงอยู่สก


ั ครู่หนึ่ ง จึง
กลูาวแกูภริยาวูา "ข้าได้รับผลไม้น้ี ไว้จากเทวท่ตด้วยหมายจะกิน เมื่อเจ้าคัดค้านฉะนี้ ข้าก็สงสัย
ในใจ เจ้าผ้่มีปัญญาจะเห็นควรให้ข้าทำาอยูางไรตูอไปเลูา"
นางพราหมณีตอบวูา "ทูานกับข้าพเจ้าเวลานี้ ก็แกูแล้ว ความชรายูอมกีดกันความสุขซึ่งมีในใจ
หนู ุมแลสาว คนแกูจะอยู่ปรัมปราอีกช้านานก็หาประโยชน์มิได้ ถ้าการกินผลไม้น้ี กลับให้ความ
เป็ นหนู ุมแกูทูาน ข้าพเจ้าก็จะมิคัดค้านเลย"

พราหมณ์ได้ยินภริยากลูาวดังนั้น ก็สิ้นความลังเลในใจทิ้งผลไม้ลงยังพื้นดิน นาง


พราหมณีก็ยินดี แตูซูอนความอิ่มใจไว้มิแสดงให้สามีเห็น ความอิ่มใจนั้นเกิดแตูความเห็นแกู
ตนเองฝู ายเดียว คือนางพราหมณีเห็นวูา นางได้อยู่เป็ นสามีภริยากับพราหมณ์มาก็ช้านาน
จนถึงความชราเห็นปานฉะนี้ แล้ว ถ้าสามีกินผลอำามฤตยืนยงตูอไป สูวนนางเองมิพ้นความตาย
ได้ไซร้ ความเที่ยงธรรมจะมีก็หาไมู ครั้นสามีทิ้งผลไม้อำามฤตลงบนพื้นดินฉะนั้นแล้ว นางก็
กลูาวติเตียนความอายุยืนซำ้าเติมอีกจนสามีเห็นจริง กลับโกรธเทวดาวูานำาผลอำามฤตมาให้ด้วย
ความปองร้าย หยิบผลไม้น้ันจะโยนเข้ากองไฟ ภริยาห้ามไว้แล้วกลูาววูา"ทูานอยูาเพิ่งทำาเร็ว
ไปนัก ผลไม้น้ี มิใชูของหางูาย เมื่อได้มาแล้วก็ควรใช้ให้เป็ นประโยชน์ ทูานจงไปเฝ้ าพระภรรตฤ
ราช ถวายผลไม้น้ี เธอคงจะประทานรางวัลให้สมแกูราคาของ รางวัลนั้นแหละจะปลดทุกข์คือ
ความจนของเรา ทูานทำาตบะมาช้านานจนได้ผลเชูนนี้ แล้ว ทูานจงกระทำาตามคำาข้า เพื่อให้ผล
แหูงตบะนั้นเป็ นเครื่องนำามาซึ่งความสุขเถิด" พราหมณ์สามีได้ฟังภริยากลูาวดังนั้นก็เห็นด้วย
จึงนำาผลอำามฤตเข้าไปเฝ้ าพระภรรตฤราช ท่ลให้ทราบคุณแหูงผลไม้น้ัน แล้วท่ลวูา"พระองค์จง
รับผลไม้น้ี เป็ นของซึ่งข้าพเจ้าถวายเถิด พระองค์ทรงพระชนมายุยน ื นานจะได้เป็ นที่พง
ึ่ แกู
ประชาราษฎร์ท่ัวไป แลถ้าประทานรางวัลแกูข้าพเจ้าให้สมแกูคูาแหูงผลไม้น้ี ความเป็ นที่พึ่ง
ของพระองค์กย ็ ิ่งแผูกว้างทวีออกไป"

พระภรรตฤราชได้ฟังดังนั้นก็ทรงยินดี รับผลไม้จากพราหมณ์แล้วตรัสให้พราหมณ์
ตามเสด็จเข้าไปในคลังทอง อันเป็ นที่ซึ่งทองทรายกองอยู่หลายพ้อม แล้วตรัสให้พราหมณ์ขน
เอาไปเต็มแรงที่จะขนได้ พราหมณ์ก็เปลื้องผ้าออกหูอทองทราบแลบรรจุในที่ตูางๆ ซึ่งจะบรรจุ
ได้ รวมทั้งในปากอันพ่ดคลูองแลไมูมีฟันนั้นด้วย

ครั้นพราหมณ์ออกจากวังไปแล้ว พระภรรตฤราชก็เสด็จไปสู่ตำาหนักแหูงพระชายา
องค์ใหมู ประทานผลไม้แกูนางแล้วตรัสวูา "เจ้าจงกินผลไม้อำามฤตนี้ เถิด ความงามของเจ้าจะ
อยู่ให้ข้าชมไปชั่วกาลนาน" พระชายาซึ่งมีหน้าเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ มีผมดังเมฆสีนิลโลหิต
ซึ่งอุ้มฝนห้อยอยู่บนฟ้ า มีผิวซึ่งเย้ยดอกมะลิให้ได้อาย ฯลฯ ทรงรับผลไม้อำามฤตจากพระ
ภรรตฤราชแล้ววางพระหัตถ์บนอุระพระสวามี จุมพิตพระเนตรแลพระโอษฐ์ พลางท่ลวูา
"พระองค์จงเสวยผลไม้น้ี เถิด หรือมิฉะนั้นแบูงเสวยกับข้าพเจ้าองค์ละครึ่งผลเพื่อจะได้ยืน
ชนมายุไปด้วยกัน ความเป็ นสาวอยู่เสมอนั้น ถ้ามิได้มีชายผ้่เป็ นที่รักอยู่ด้วยแล้วประโยชน์อัน
ใดจะมีเลูา" พระภรรตฤราชทรงฟั งดังนั้น ก็แชูมชื่นในพระหฤทัย แตูตรัสแกูนางวูา ผลอำามฤต
นั้นต้องกินคนเดียวหมดผลจึงจะมีคุณดังกลูาว ถ้าแบูงกินคนละครึ่งก็ไมูมีประโยชน์เลย รับสั่ง
เทูานั้นแล้วก็เสด็จไปจากตำาหนักนาง ทิ้งผลอำามฤตไว้ให้นางเสวยตามสบาย

ฝู ายพระชายาผ้่มีหน้าเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ มีผมเหมือนเมฆสีนิลโลหิตซึ่งอุ้มฝน
ห้อยอยู่บนฟ้ าฯลฯ ครั้นพระสวามีเสด็จพ้นตำาหนักไปแล้ว นางก็ตรัสให้คนสนิ ทไปตามอำามาตย์
หนู ุมผ้่เป็ นที่พงึ่ พระหฤทัยไปที่ตำาหนัก แลประทานผลอำามฤตแกูอำามาตย์หนู ุมด้วยกิริยาแล
วาจาซึ่งสำาแดงเสนูหาอยูางน้อยเสมอกับที่ได้แสดงตูอพระภรรตฤราชผ้่สวามี อำามาตย์หนู ุมรับ
ผลอำามฤตด้วยกิริยาแลวาจาซึ่งสำาแดงเสนูหาไมูหยูอนกวูาที่นางสำาแดง แล้วกลับจากตำาหนัก
พระชายา พบนางสนมร่ปงามคนหนึ่ ง ซึง ่ เป็ นที่พิศวาสของอำามาตย์หนู ุม อำามาตย์หนู ุมก็ให้ผล
อำามฤตแกูนางนั้นด้วยกิริยาแลวาจาซึ่งสำาแดงเสนู หาไมูหยูอนกวูาที่ได้แสดงตูอพระชายา
ประมาณ ๕ นาทีซึ่งพ้นมาแล้ว

นางสนมร่ปงามได้รับผลไม้สำาคัญ ไมูทราบเรื่องแตูเดิมมา คิดจะหาความชอบตูอพระ


ภรรตฤราชโดยความฝั นวูาจะได้เป็ นใหญู จึงนำาผลไม้ไปถวาย ท่ลวูาเป็ นผลอำามฤตซึง ่ ถ้าเสวย
ให้หมดผลจะทรงพระชนม์ยืนยาวชั่วกัลปาวสาน พระภรรตฤราชทรงรับผลอำามฤตจากนาง
แล้วประทานทรัพย์เป็ นรางวัลมากมาย ครั้นนางออกจากที่เฝ้ าแล้ว ก็ทรงถือผลไม้ในพระหัตถ์
พิศพลางทรงรำาพึงวูา " มายาคือความมั่งคั่ง แลมายาคือความรักนี้ มีคุณดีท่ีไหนบ้าง ความ
ชื่นบานอันเกิดแตูมายาทั้งสองนี้ อยู่ได้ครู่เดียวก็กลับเป็ นความขมตลอดชาติ ศฤงคารนี้ เหมือน
เหล้าในถ้วยของนักเลงสุรา เมื่อจิบครั้งแรกมีรสดีเอิบอาบไปทั่วกาย ยิง ่ ดื่มบูอยเข้ายิ่งหยูอนรส
ในที่สุดเป็ นทุกข์อันหนัก ชีวต
ิ นี้ มิใชูอ่ ืนไกล คือความหมุนเวียนแหูงความชื่นบาน ซึง ่ เป็ นความ
หลงกับความเรูาร้อนซึ่งเป็ นความจริงเทูานั้น วันที่จะตื่นจากชีวต ิ ก็คือวันที่สิ้นสุดแหูงชีวต ิ นั้น
เอง ทางที่สองรองความตื่นจากชีวิตนี้ กค ็ ือความเป็ นดาบสไว้ศรัทธาในตบะเพื่อพระผ้่เป็ นเจ้าจะ
ได้ทรงกรุณาประทานในโลกหน้า ความสุขซึ่งไมูประทานในโลกนี้ " เราได้กลูาวมาในเบื้องต้น
วูา พระภรรตฤราชเป็ นผ้่มีหฤทัยซึมเซาชวนจะเป็ นฤษีอยู่เสมอ ๆ แล้ว ถ้อยคำาที่ทรงรำาพึงนี้
เป็ นคำาของคนที่ใกล้จะออกปู าเป็ นดาบส เราทูานฟั งด่ไมูเห็นได้ความเป็ นเรื่องเป็ นราวอะไร
เพราะเรายังหูางไกลจากความเป็ นดาบสมาก แลมิได้แสวงที่จะออกปู าเป็ นฤษีเลย

สูวนพระภรรตฤราชนั้นเมื่อทรงรำาพึงเชูนกลูาวนั้นแล้ว ก็ตกลงในหฤทัยวูาจะออกปู า
เป็ นโยคี แตูยง ั อยากจะสนทนากับพระชายาผ้่มีหน้าเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ฯลฯ อยู่ จึงเสด็จ
ไปตำาหนักนาง ซูอนผลอำามฤตไปด้วย ครั้นเสด็จจึงตรัสถามวูาผลอำามฤตที่ประทานนั้น นาง
เสวยแล้วหรือ นางท่ลตอบวูา "ไฉนพระองค์จึงตรัสถามเชูนนี้ ข้าพเจ้าได้รับประทานก็กินแล้ว
เป็ นแนู พระองค์ทรงเห็นข้าพเจ้าสวยน้อยไปกวูาเมื่อตะกี้น้ี หรือ" พระภรรตฤราชทรงหยิบผล
อำามฤตออกช่ให้นางด่แล้วมีดำารัสแกูราชบุรุษอำานวยวิธีตัดหัวนางอยูางละเอียด สูวนผลอำามฤต
นั้นมีรับสั่งให้ล้างจนสิ้นมลทินที่ติดจากมือคนตูาง ๆ แล้วก็เสวยหมดทั้งผลแล้วทิง
้ ราชสมบัติ
เข้าปู าเป็ นโยคี คนบางพวกกลูาววูาพระภรรตฤราชยังทรงโยคะอยู่ในแถบเขาหิมาลัย อันเป็ น
ที่กว้างยากที่ใครจะไปตามพบ คนบางพวกกลูาววูา เมื่อจำาเริญตบะยิ่งๆ ขึ้น ก็ได้เข้ารวมอยู่ใน
ภาวะแหูงพระผ้่เป็ นเจ้า อันเป็ นที่ประมวลคนดีท่ัวไป

สูวนราชสมบัติกรุงอุชชยินี ซึ่งวูางผ้่ปกครองนั้นก็ร้อนถึงพระอินทร์ตามเคย
พระอินทร์ตรัสให้อส่รตนหนึ่ งชื่อ ปั ถพีบาล ลงมาป้ องกันกรุงอุชชยินีมิให้มีภัยมาถึง ตูอเมื่อ
พระวิกรมาทิตย์กลับเข้ากรุงเมื่อใด จึงให้อส่รกลับไปที่อยู่ได้ ปั ถพีบาลรับเทวบัญชาดังนั้นก็มา
อยู่ประจำาการที่กรุงอุชชยินี เฝ้ ายามทั้งวันทั้งคืนมิให้ภัยมีมาได้ ฝายพระวิกรมาทิตย์ เมื่อเสด็จ
พาพระโอรสปลอมเป็ นโยคีเที่ยวเตร็ดเตรูตามเมืองแลปู าตูาง ๆ ประมาณปี หนึ่ งก็บง ั เกิดเบื่อ
หนู าย เพราะเสื้อผ้าเครื่องทรงไมูสบายควรแกูราช่ปโภค บางคราวก็หิว บางคราวก็ต้องตูอส้่
สัตว์ปูาที่นึกวูากษัตริย์ ๒ องค์คือเนื้ อ ๒ ก้อน อนึ่ งพระราชาทิ้งราชสมบัติไปนานก็คิดเป็ นหูวง
เกิดวิตกตูางๆ ทั้งได้ยินลือกันวูาพระภรรตฤราชทิ้งเมืองเข้าปู าเป็ นฤษีไปเสียแล้ว เหตุเหลูานี้
รวมกันทำาให้พระวิกรมาทิตย์พาพระโอรสหันพระพักตร์สน ู่ คร

สององค์ทรงดูวนดำาเนิ นหลายวัน ถึงประต่นครเวลาเที่ยงคืน พอจะเสด็จเข้าเมืองก็มี


ผ้่มีกายใหญูยืนขวางประต่ร้องถามด้วยเสียงดังสนั่นวูา "ใครมา จะไปไหน จงหยุดอยูก ่ ับที่แลบ
อกชื่อไปกูอน" พระวิกรมาทิตย์ทรงโกรธเป็ นกำาลัง ตรัสวูา "เราคือพระราชาวิกรมาทิตย์ จะ
กลับเข้าสู่นครของเรา เจ้าคือใครจึงกำาเริบมาห้ามฉะนี้ "

อส่รปั ถพีบาลตอบวูา "ข้าพเจ้าเป็ นผ้่ท่ีเทพยดาให้มารักษาเมืองนี้ ถ้าทูานคือพระวิกร


มาทิตย์จริง จงมาส้่ลองฤทธิด ์ ่กูอน" พระราชาตรัสวูา"ตกลง" เพราะไมูโปรดจะทำาอะไรยิ่งกวูา
รบ ครั้นทรงเหน็บผ้าทรงมั่นคงแล้ว ก็ตรงเข้าตูอส้่กับอส่ร อส่รนั้นกำาหมัดเทูาผลแตงโม
ลำาแขนแข็งราวตะบองเหล็ก ฟาดลงมาแตูละครั้งดังต้นไม้ใหญูซึ่งพายุพัดล้มฟาดลงมา สูวน
พระราชานั้นส่งเพียงสะดือยักษ์ ยักษ์ก้มลงฟาดกำาหมัดคราวไรก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง คนที่ไมู
กล้าหาญมั่นคง อาจแพ้เพราะเสียงนั้นอยูางเดียว ตูอส้่กน ั อยู่ครู่หนึ่ ง ยักษ์เหยียบพลาดล้มลง
พระราชบุตรเข้าชูวยนั่งทับอยู่บนท้องยักษ์ พระราชาขึ้นขี่อยู่บนคอ สองพระหัตถ์จิกลงไปใน
กระบอกตา ตรัสวูา"ถ้ายักษ์ไมูยอมแพ้จะควักดวงตาออกเสีย" ยักษ์ร้องท่ลวูา "พระองค์ได้ที
แล้ว นับวูาทำาให้ข้าพเจ้าล้มได้ ข้าพเจ้ายอมถวายชีวิตของพระองค์แก่พระองค์"

พระวิกรมาทิตย์ทรงสำารวลแลตรัสวูา "เจ้าจะเป็ นบ้าดอกกระมัง เจ้าอยู่ในอำานาจของ


ข้าแล้ว ข้าจะตัดลมหายใจของเจ้าเสียก็ได้ในบัดนี้ เจ้าจะกลับมาให้ชีวต
ิ ของข้าแกูข้าอยูางไรเลูา
เจ้าไมูต้องให้ชีวต
ิ ข้า ข้าก็มีชีวิตตูอไปได้"

ยักษ์ตอบวูา "พระองค์อยูากลูาวเยูอหยิ่งให้เกินไป พระองค์ต้ังอยูใ่ นความไมูร้่


พระองค์จะสิ้นชีวิตในเร็ววันนี้ เอง ถ้าข้าพเจ้าชูวยให้พระองค์พ้นภัยถึงแกูชีวิต ก็คือข้าพเจ้า
ถวายชีวิตแกูพระองค์ พระองค์จงฟั งเรื่องซึ่งข้าพเจ้าจะเลูาถวาย แล้วทรงตรึกตรองด่เถิด ถ้า
เชื่อข้าพเจ้าแลทำาตามคำาข้าพเจ้า พระองค์จะทรงชนมายุยืนยาวประกอบด้วยผาสุกสวัสดี เป็ น
ที่พึ่งของประชาราษฎร์ไปชั่วกาลนาน แลเมื่อถึงคราวดับพระชนม์ ก็จะดับด้วยความไมูกระสับ
กระสูาย"
พระราชาแลพระราชบุตรเสด็จลงจากตัวยักษ์ยืนอยูย ่ ังดิน ยักษ์ลก
ุ ขึ้นนั่งแล้วเลูาเรื่องดังตูอไปนี้
"ในกรุงอุชชยินีมีคนเกิดในวันเดือนปี เดียวกันแลฤกษ์เดียวกัน ๓ คน คนที่ ๑ คือ
พระองค์ผ้่ทรงนามพระวิกรมาทิตย์ คนที่ ๒ เป็ นบุตรคนค้านำ้ามัน คนที่ ๓ เป็ นโยคีฆูาคนที่ ๒
ตายเสียแล้ว โยคีน้ันฆูาคนทั้งหลายที่มีโอกาสฆูาได้เพื่อบ่ชานางทุรคา ครั้นฆูาบุตรคนค้านำ้ามัน
แล้ว โยคีก็ไปทำาตบะห้อยตัวเองเอาหัวลงอยู่บนต้นไม้ในปู าช้า มีความคิดจะฆูาพระองค์ผ้่เป็ น
พระราชา แลได้ฆูาแล้วซึ่งบุตรของตน" พระราชาตรัสถามวูา "โยคีเหตุไรจึงมีบุตร" ยักษ์ตอบ
วูา"ข้าพเจ้ากำาลังจะเลูาอยู่เดีย
๋ วนี้

ในเวลาซึ่งพระราชบิดาของพระองค์ยง ั ทรงพระชนม์ครองราชสมบัติอยู่น้ัน วันหนึ่ ง


เสด็จออกเที่ยวปู า ได้ทอดพระเนตรเห็นโยคีตนหนึ่ งนั่งทำาตบะอยู่ในปู า ฝ่งปลวกพากันมาทำารัง
เกาะอยู่รอบตัวโยคี สัตว์เลื้อยคลานตูางๆ พากันไตูตามกายแลหน้า หมารูาทำารังห้อยอยู่บนผม
แตูโยคีก็มิได้ร้่สึกตัว นั่งนิ่ งเหมือนคนไมูมีใจ ตูอพิจารณาละเอียดจึงเห็นได้วูามีชีวิต พระราชา
ทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็แปลกพระหฤทัย สักครู่หนึ่ งก็เสด็จคืนพระนคร ทรงม้านิ่ งตรึกตรอง
ตลอดทาง ครั้นถึงพระนครก็รับสั่งถึงโยคีน้ันรำ่าไป ยิง ่ ทรงนึ กถึงแลรับสั่งถึงก็ยง
ิ่ ใครูทรงทราบ
เรื่องแลทดลองตบะแหูงโยคีน้ัน ในที่สุดมีรับสั่งให้ปูาวร้องทั่วพระนครวูาถ้าผ้่ใดทำาให้โยคีเข้า
มาในพระนครได้โดยลำาพังความชักชวน จะประทานรางวัลมีจำานวน ๑๐๐ เหรียญสุวรรณ

"ยังมีนางเวศยาคนหนึ่ งชื่อ นางวสันตเสนา มีช่ ือเสียงชำานาญการร้องรำาทำาเพลงยิ่ง


กวูาสามารถสำารวมฤดี นางนั้นเข้าไปเฝ้ าพระราชบิดาของพระองค์ อาสาจะนำาโยคีเข้ามายัง
ท้องพระโรง แลจะให้แบกทารกมาด้วย พระราชาทรงฟั งก็สงสัยคำาที่นางกลูาววูาจะทำาได้แตู
ประทานใบพล่แกูนางใบหนึ่ งเป็ นสัญญา ตกลงให้ทำาตามอาสาแล้วประทานอนุญาตให้ออกจาก
ท้องพระโรงไป

"นางวสันตเสนาครั้นออกจากที่เฝ้ าแล้วก็ไปยังปู าเที่ยวหาโยคี พบนั่งหิวแลกระหาย


นำ้าอยู่แทบใกล้ต้นไม้ใหญู มีอาการเหมือนใกล้จะสิ้นชีวต ิ ด้วยความร้อนแลความหนาว นางจึง
ทำาอาหารนำ้าอยูางหนึ่ งซึ่งมีรสหวานแหลม คูอยยูองเข้าไปใกล้แล้วคูอยๆ ป้ ายอาหารนั้นที่ปาก
โยคี โยคีร้่สก
ึ ถึงความหวานก็เลียอาหารนั้นเข้าไป นางก็ป้ายเติมอีกเป็ นหลายครั้ง ครั้นวันที่
สามโยคีคูอยมีกำาลัง พอร้่สก ึ นิ้ วป้ ายที่ปากก็ลืมตาขึ้นด่ เห็นนางวสันตเสนาก็ถามวูา เจ้ามาที่น่ี
ทำาไม"

นางวสันตเสนาเตรียมตอบไว้แล้ว ครั้นโยคีถามดังนั้นก็ตอบวูา "ข้าพเจ้าเป็ นล่กสาว


เทวดา ได้กระทำาพรตอยู่ในสวรรค์ บัดนี้ ข้าพเจ้าลงมาพักอยู่ในปู านี้ เพื่อจะถือพรตตูอไป" "โยคี
เห็นนางร่ปรูางงาม ก็คิดวูาการทรงพรตอยู่ใกล้ ๆนางมีโฉมเชูนนี้ สำาราญกวูาอยู่คนเดียวมาก
จึงถามวูาที่อยู่ของนางอยู่ท่ีไหน นางวสันตเสนาก็ช้ีวูาอยู่ใกล้ ๆ นั้นเอง แล้วแกะดินปลวกให้
หลุดจากกายโยคี ชักชวนให้อาบนำ้าชำาระกาย แล้วพาไปที่กระทูอมซึ่งได้จัดให้มีผ้่มาสร้างขึ้น
เตรียมไว้ในปู านั้น ครั้นถึงกระทูอมได้เห็นของดี ๆ ตูาง ๆ ซึ่งควรแกูชาวนครล้วนเป็ นสิ่งซึง่ โยคี
ไมูเคยพบเห็น โยคีกพ ็ ิศวงยิ่งนัก นางวสันตเสนาก็อธิบายวูา นางถือพรตชนิ ดที่ต้องใช้ของดี
ที่สุดซึ่งจะหาได้ ต้องแตูงตัวให้สวย ต้องกินอาหารประกอบด้วยรสทั้ง ๖ ทั้งต้องบำารุงความ
รื่นเริงตูาง ๆ (ชะรอยจะทำานองเดียวกันกับชนหมูห ่ นึ่ งซึง
่ นับถือคำาสั่งสอนของวัลลภาจารย์ยังมี
อยู่ในอินเดียจนถึงทุกวันนี้ )

ครั้นไปถึงกระทูอม นางวสันตเสนาก็เลี้ยงด่โยคีเป็ นอันดี ฝู ายโยคีเมื่อได้ร้่รสทั้ง ๖ ก็


ชอบใจ ละพรตอยูางเกูามาถือพรตอยูางใหมู ถือการกินแลดื่มแทนการอด มิช้าก็ได้อยูก ่ ินกับ
นางวสันตเสนาตามวิธีคนธรรพ์วิวาหะ ครั้น ๑๐ เดือนลูวงแล้วไปก็มีบต ุ รคนหนึ่ ง ดังนี้ โยคีจงึ มี
บุตร
"ฝู ายนางวสันตเสนาครั้นมีบุตรแล้ว วันหนึ่ งจึงชักชวนโยคีผ้่สามีวูา ด่กรทูานผ้่ทรง
โยคะ เราได้ถือพรตมาในปู านี้ ช้านานแล้ว มาเราไปยังทูานำ้าอันเป็ นบุณยสถานตูางๆ เพื่อล้าง
กายให้หมดบาปเป็ นที่จำาเริญสุขตูอไป โยคีได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบจึงแบกทารกผ้่บุตรขึ้นบูาแล้ว
ออกเดินตามนางผ้่ภริยา นางก็นำาตรงเข้ากรุงอุชชยินี เข้ายังท้องพระโรงในเวลาที่พระราชา
ประทับอยู่ทูามกลางอำามาตย์มนตรี ทอดพระเนตรเห็นนางวสันตเสนานำาโยคีแบกทารกเข้ามา
ก็ทรงพระสรวลตรัสวูา "อโห หญิงเวศยาไปพาโยคีแบกทารกมาแล้ว" "พวกอำามาตย์มนตรี
พร้อมกันท่ลวูา พระองค์ตรัสถ่กแท้ หญิงคนนี้ เจียวรับจะไปพาโยคีมา นางรับจะทำาอันใดก็ทำา
อันนั้นสำาเร็จแล้วทุกประการ" "พระราชาได้ทรงฟั งก็ทรงพระสรวล ผ้่ท่ีเฝ้ าอยู่ก็หัวเราะขึ้น
พร้อมกัน ประหนึ่ งโยคีเป็ นเครื่องสนุกอยูางใหญู

ฝู ายโยคีเมื่อได้ยินพระราชาตรัสแลได้ยน ิ คนอื่นๆ พ่ดแล้วหัวเราะเกรียวกราวดังนั้น


ก็คิดวูาพวกนี้ เจียวแตูงนางไปลูอเราให้เสียผลแหูงตบะที่ได้บำาเพ็ญมา ครั้นร้่สก
ึ เชูนนั้นแล้วก็
แบกล่กขึ้นบูา สาปคนทั้งหลายที่อยู่ในที่น้ัน แล้วออกจากท้องพระโรงไป คำาที่โยคีสาปนั้นไมู
เป็ นผลสำาเร็จ เพราะเสียตบะเสียแล้ว"

"ครั้นโยคีกลับไปถึงปู าก็ฆูาบุตรของตนเสีย แล้วเริ่มทำาตบะใหมู มาดหมายจะแก้แค้น


พระราชบิดาแหูงพระองค์ บัดนี้ พระราชบิดาก็สิ้นพระชนม์ไปแล้ว โยคีต้ง ั หน้าจะทำาร้าย
พระองค์ตูอไป หวังจะเอาเลือดพระราชาแลพระราชบุตรเป็ นเครื่องบ่ชานางทุรคา เพื่อได้รับ
ความเป็ นใหญูในโลกเป็ นรางวัล" ปั ถพีบาลเลูาเรื่องจบแล้ว ก็ทล ่ พระวิกรมาทิตย์วูา "ข้าพเจ้า
ได้กลูาวสัญญาแล้ววูาจะชูวยชีวิตพระองค์ พระองค์จงฟั งข้าพเจ้าเถิด ตูอไปนี้ จงระวังพระองค์
อยูาเชื่อคำาผ้่มีสำานักในหมู่คนตาย แลทรงจำาใสูพระหฤทัยไว้วูา ผ้่ใดมูุงจะฆูาชีวต
ิ พระองค์
พระองค์อาจตัดหัวผ้่น้ันเสียกูอนได้โดยครองธรรม ตูอนั้นไปจะทรงครอบครองสกลโลกด้วย
ความสุข ปรากฏพระนามไปชั่วกาลนาน"

ปั ถพีบาลท่ลเทูานั้นแล้วก็อันตรธานไป พระวิกรมาทิตย์กับพระราชบุตรก็เสด็จเข้าไป
ในพระนคร ฝู ายชาวเมือง ครั้นพระราชาเสด็จคืนครองราชสมบัติกพ ็ ากันยินดี รื่นเริง ตูางแตูง
กายโอูอูาประกวดกัน บ้างก็ร้องรำาทำาเพลง บ้างก็ประโคมดนตรีกึกก้องไป เนาวรัตนกวีก็แตูง
กลอนยอพระเกียรติเชิดช่เป็ นเครื่องจำาเริญพระยศ พระราชาก็ทรงสำาราญ แวดล้อมด้วยพระ
ราชวงศ์ อำามาตย์มนตรีแลจตุรงคินีเสนา เหมือนหนึ่ งสุรเทพนิ กร แวดล้อมศักราเทวราชครอง
ราชัยอยู่ในกรุงอมราวดีจัดเป็ นทิพยนครฉะนั้น

ฝู ายพระวิกรมาทิตย์ ครั้นสงบความรื่นเริงในการเสด็จนครแล้ว ก็ทรงปกครองประ


ชาราฎร์โดยเยี่ยงอยูางประเสริฐ คนทำาผิดก็ลงราชทัณฑ์ตามโทษานุโทษ เป็ นต้นวูา อำามาตย์
คนหนึ่ งขึ้นชื่อวูารับสินบนก็โปรดให้ริบทรัพย์สมบัติของอำามาตย์น้ันไปขึ้นท้องพระคลังเสียสิ้น
คนชาติต่ ำาคนหนึ่ งมีกลิ่นเหล้าออกจากปากก็โปรดให้สก ั หน้าเป็ นเครื่องหมายโทษ ชูางทองคน
หนึ่ งประกอบการฉ้อโกง ก็โปรดให้เอามีดโกนขีดเนื้ อเป็ นรอยยาว ๆ เหมือนฉีกผ้า คนหนึ่ งเป็ น
คนปากร้าย พ่ดจาให้โทษ ก็โปรดให้เจาะที่กะโหลกหลังศีรษะแล้วเอาคีมจับลิ้นลากย้อนรอยไป
ออกทางชูองซึ่งเจาะนั้น คนฆูาคนตายสองสามคน ก็โปรดให้เอาขึ้นเผาทั้งเป็ นบนตารางเหล็ก
แลโปรดให้อ้อนวอนพระผ้่เป็ นเจ้าในขณะเดียวกันให้คนเหลูานั้นพ้นโทษซึ่งนู ากลัวจะได้รับใน
ปรโลก สูวนการรบแยูงเมืองของผ้่อ่ ืน ก็ได้ทรงทำาด้วยความสามารถ มิช้าก็มีอาณาจักรไปใน
สกลโลก

วันหนึ่ งพระวิกรมาทิตย์เสด็จออกวูาราชการเมือง มีพูอค้าคนหนึ่ งเข้าไปเฝ้ าในท้อง


พระโรง พูอค้าคนนี้ มาจากเมืองไกลขึ้นชื่อวูามั่งมีนัก ครั้นได้เข้าเฝ้ าก็นำาผลไม้ผลหนึ่ งถวาย
แล้วท่ลลาไป เมื่อพูอค้าไปแล้ว พระวิกรมาทิตย์ทรงดำาริวูา คนที่ยักษ์บอกให้เราระวังนั้นอาจ
เป็ นคนนี้ ก็ได้ ไมูควรเราจะกินผลไม้น้ี ทรงดำาริฉะนั้นแล้วก็ตรัสเรียกชาวคลังมารับผลไม้ไป
รักษาไว้ รูุงขึ้นพูอค้าก็เข้าไปเฝ้ าอีกแลถวายผลไม้อีกผลหนึ่ ง พระราชาก็ตรัสให้ชาวคลังรับผล
ไม้น้ันไปเก็บไว้อีก เป็ นดังนี้ ทุกวัน จนผลไม้มีอยู่ในคลังกองใหญู

วันหนึ่ งพระวิกรมาทิตย์เสด็จลงไปทอดพระเนตรม้า ณ โรงม้าต้น ประสบเวลาที่


พูอค้าไปเฝ้ า พูอค้าก็ถวายผลไม้ท่ีโรงม้า พระราชาทรงรับแล้วก็ทรงเดาะผลไม้น้ันเลูนแลทรง
นิ่ งตรึกตรองอยู่ เผอิญผลไม้ตกจากพระหัตถ์ กลิง ้ ไปใกล้ลิงซึ่งผ่กไว้ในโรงม้าต้น สำาหรับคอย
รับอุปัทวันตรายตูาง ๆ มิให้เกิดแกูม้า ลิงเห็นผลไม้กลิง ้ ไปใกล้ก็ฉวยเอาไปฉีกกิน ทับทิมเม็ด
ใหญูงามชูวงโชติกต ็ กจากผลไม้น้ัน พระราชาแลข้าราชการที่ตามเสด็จตูางก็พิศวง เพราะไมูมี
ใครเห็นทับทิมงามเชูนนี้ เลย พระวิกรมาทิตย์ทอดพระเนตรทับทิมอยู่สักครู่หนึ่ ง ก็ระแวงพระ
พระหฤทัย ตรัสถามพูอค้าวูา "เหตุไรเจ้าจึงให้ทรัพย์แกูเราดังเชูนทับทิมเม็ดนี้ " พูอค้าท่ลวูา "
คัมภีร์โบราณสอนวูา เมื่อจะไปเฝ้ าพระราชา ๑ ไปหาอุปัชฌาย์ ๑ ไปหาตุลาการ ๑ ไปหาหญิง
สาว ๑ ไปหาหญิงแกูผ้่มีล่กสาวซึ่งเราใครูได้ ๑ อยูาให้ไปมือเปลูา ข้าพเจ้าได้ถวายทับทิมเชูน
เดียวกันนี้ แกูพระองค์มามากแล้ว เหตุใดจึงรับสั่งแตูเม็ดนี้ เม็ดเดียวเลูา ผลไม้ท่ีข้าพเจ้าถวาย
ทุกๆ วันนั้น มีทับทิมอยูางเดียวกับเม็ดนี้ ซูอนอยู่ข้างในทุกผล"

พระราชาได้ฟังดังนั้นก็ตรัสเรียกนายคลังให้ไปขนผลไม้มาทั้งสิ้น ครั้นขนมาแล้วก็
ตรัสให้ผูาออกด่พบทับทิมผลละเม็ดขนาดใหญู แลนำ้างามเสมอกันทุก ๆ เม็ด พระวิกรมาทิตย์
ทอดพระเนตรเห็นก็ทรงโสมนัส จึงตรัสให้ตามพูอค้าพลอยเข้ามาแล้วตรัสวูา " มนุษย์เราเมื่อ
สิ้นชีวิตแล้ว จะพาสิ่งใดจากโลกนี้ ไปสู่โลกหน้าได้น้ันไมูมี ความทรงธรรมเป็ นคุณวิเศษยิ่งสิ่งอื่น
ในโลกนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าจงบอกแกูเราวูา ทับทิมเหลูานี้ เม็ดหนึ่ งๆ มีคูาเทูาไร"

พูอค้าพลอยท่ลตอบวูา "พระราชารับสั่งถ่กต้องทุกประการ ผ้่ใดมีธรรมในใจ ผ้่น้ัน


เป็ นเจ้าของสิ่งทั้งปวงในโลกธรรมยูอมจะเป็ นเพื่อนไปในที่ท้ังปวง มีประโยชน์ท้ังในโลกนี้ แล
โลกหน้า อันทับทิมเหลูานี้ ถ้าข้าพเจ้าท่ลวูา แตูละเม็ดมีราคาถึงสิบล้านเหรียญสุวรรณ
(๑๐,๐๐๐,๐๐๐) พระองค์ก็ยง ั ไมูทรงทราบราคาจริงของทับทิมเม็ดหนึ่ ง อันที่จริงราคาทับทิม
เหลูานี้ แตูละเม็ดอาจซื้อทวีปได้ทวีปหนึ่ ง จากจำานวน ๗ ทวีป ซึ่งรวมกันเป็ นโลกนี้ " พระราชา
ได้ฟังก็ทรงสำาราญพระหฤทัย ประทานรางวัลแกูพูอค้าพลอย แล้วตรัสให้พูอค้าผ้่ถวายทับทิม
ตามเสด็จคืนเข้าท้องพระโรง รับสั่งให้น่ังในที่อันควรแล้วตรัสวูา"ราชัยไอศวรรย์ของเรา
ทั้งหมดไมูมีราคาครึ่งคูอนราคาแหูงทับทิมนี้ เม็ดหนึ่ งๆ ทูานเป็ นคนหาประโยชน์ในการค้าขาย
เหตุไรทูานจึงให้ทับทิมแกูเราถึงเทูานี้ "

พูอค้าท่ลตอบวูา "ข้าแตูพระราชาผ้่ประเสริฐ คัมภีร์โบราณกลูาววูา ข้อความบาง


อยูางไมูควรกลูาวในที่ชุมนุมคือ การขอพร ๑ การรูายมนตร์ ๑ การวางยา ๑ การกลูาวคุณ
ความดี ๑ การในเรือน ๑ การกินอาหารที่ห้าม ๑ การกลูาวลบหลู่เพื่อนบ้าน ๑ ถ้าข้าพเจ้าได้
เฝ้ าเฉพาะพระองค์ ข้าพเจ้าจะท่ลความประสงค์ของข้าพเจ้า การอันใดในโลกนี้ ถ้าได้ยินถึง ๖ ห่
ก็สิ้นเป็ นความลับ ถ้าได้ยินเพียง ๔ ห่ บางทีจะไมูมีใครทราบตูอไป ถ้าได้ยินแตู ๒ ห่ แม้พระ
พรหมก็ไมูทราบได "้ (ตรงนี้ เราทูานสมัยนี้ ควรเห็นวูา ถ้า ๒ ห่น้ันเป็ นห่พระพรหม พระพรหมก็
อาจทราบได้บ้างกระมัง) พระวิกรมาทิตย์ทรงฟั งดังนั้น ก็รับสั่งให้พูอค้าเข้าไปเฝ้ าในที่ลับ แล้ว
ตรัสวูา "ทูานได้ให้ทับทิมแกูเรามากมายฉะนี้ เรายังมิได้ทำาอันใดตอบแทนทูานเลย แม้จะได้
เลี้ยงอาหารจนครั้งหนึ่ งก็หามิได้ ทูานจะประสงค์สง ิ่ ใดก็จงบอกเราเถิด"

พูอค้าท่ลตอบวูา "ข้าพเจ้ามิใชูพูอค้า ข้าพเจ้าเป็ นโยคีช่ ือ ศานติศีล ข้าพเจ้ากำาลังจะ


กระทำาพิธีอันหนึ่ งในปู าช้าริมฝั่ งแมูน้ ำาโคทาวรี เมื่อข้าพเจ้าทำาสำาเร็จแล้วจะได้ความเป็ นใหญูใน
โลก ข้าพเจ้าขอเชิญพระองค์และพระธรรมธวัชผ้่พระราชบุตรชูวยข้าพเจ้าในการนี้ เชิญเสด็จ
ไปที่ปูาช้าคืนหนึ่ ง และกระทำาการตามสั่งข้าพเจ้าทุกประการ ถ้าพระองค์โปรดข้าเจ้าเชูนนี้
การพิธีของข้าพเจ้าจะสำาเร็จ"

พระวิกรมาทิตย์ได้ยน
ิ กลูาวถึงปู าช้าก็สะด้ง
ุ พระหฤทัย ด้วยระลึกถึงคำาที่ยักษ์ท่ลไว้
แตูพระองค์เป็ นพระมหากษัตริย์ทรงราบวิธีซูอนความร้่สึกมิให้ปรากฏในกิริยาอาการ โยคี
ศานติศีลจะได้ทราบวูาทรงระแวงนั้นหามิได้ พระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่ งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ ง ทรง
ดำาริวูาได้ล่ันพระโอษฐ์แล้ว ถ้าไมูทำาตามจะเสียคำาไป จึงตรัสวูา "เราจะไปยังปู าช้าแลชูวยทูาน
ในพิธีท่ีกลูาวนั้น ทูานจงบอกกำาหนดวันแลเวลาเถิด" โยคีท่ลวูา "เชิญเสด็จไปที่ปูาช้าจำาเพาะ
แตูพระองค์กับพระราชบุตร มิให้มีคนตามเสด็จ แตูให้ทรงถืออาวุธไปด้วย กำาหนดวันจันทร์
แรม ๑๔ คำ่าเดือนนี้ " พระราชาทรงรับแมูนมั่นแล้ว โยคีก็ท่ลลาจากวังไปเตรียมการสำาหรับพิธี
ที่กลูาวนั้น

ฝู ายพระวิกรมาทิตย์ ครั้นโยคีท่ลลาไปแล้วก็เสด็จขึ้นข้างใน ทรงดำาริข้อความซึ่ง


ประทานคำามั่นแกโยคีไมูมีทางจะถอยได้ แตูการอันนี้ เป็ นเครื่องซึ่งอาจให้ได้อาย จึงมิได้รับสั่ง
แพรูงพรายแกูใคร แม้อำามาตย์ท่ีสนิ ทก็มิได้ตรัสให้ร้่เรื่อง

ครั้นถึงกำาหนดกลางคืนแรม ๑๔ คำ่า พระราชากับพระราชบุตรก็เตรียมพระองค์ ทรง


ผ้าโพกพันไปใต้คาง ทรงถือดาบอันเป็ นอาวุธคู่พระหัตถ์ สามารถส้่อริท้ังที่เป็ นมนุษย์แล
อมนุษย์

สององค์พากันเสด็จออกจากวังดำาเนิ นไปตามถนน บูายพระพักตร์สู่ปูาช้าซึ่งอยู่ริม


แมูน้ ำาโคทาวรี คืนนั้นมืดนัก พายุพัดฝนตกเยือกเย็น ผ้ค
่ นไมูมีเดินไปมาในถนน พระราชาแล
พระราชบุตรตั้งพระพักตร์รีบดำาเนิ นไปจนเห็นแสงไฟอยู่กลางปู าช้า ก็เสด็จตรงเข้าไปหาแสง
ไฟ เมื่อถึงขอบปู าช้า พระราชาหยุดชะงัก เพราะรังเกียจเหยียบพื้นดินโสโครกด้วยซากศพ ทรง
เหลียวด่พระราชบุตรเห็นมิได้ครั้นคร้ามเลย

สององค์ก็ทรงดำาเนิ นตรงเข้าไป สักครู่หนึ่ งถึงกลางปู าช้า พระราชาทอดพระเนตร


เห็นสิง่ ที่นูาเป็ นที่รังเกียจตูาง ๆ อยูล
่ ้อมกองไฟซึ่งได้เผาศพใหมู ๆ ภ่ตผีปิศาจปรากฏแกูตารอบ
ข้าง เสือคำารามอยู่ก็มี ช้างฟาดงวงอยู่ก็มี หมาในซึ่งขนเรืองๆ อยูใ่ นที่มืดก็กน ิ ซากศพซึ่ง
กระจัดกระจายเป็ นชิ้นเป็ นทูอน หมาจิง ้ จอกก็ตูอส้่กน
ั แยูงอาหาร คือเนื้ อแลกระด่กมนุษย์ หมีก็
ยืนเคี้ยวกินตับแหูงทารก ในที่ใกล้กองไฟเห็นร่ปผีน่ังยืนแลลอยอยู่เป็ นอันมาก ทั้งมีเสียงลมแล
ฝน เสียงสุนัขเหูาหอน เสียงนกเค้าแมวร้องแลเสียงกระแสนำ้าไหลกลบกันไป ในทูามกลางสิง ่
นู าเกลียดนู ากลัวเหลูานี้ โยคีศานติศีลนั่งอยู่ใกล้กองไฟ มีกะโหลกศีรษะวางอยู่บนเขูา มือถือ
กระด่กแข้งมือละทูอน เคาะกะโหลกเป็ นเพลงให้ภ่ตตูางๆ รำาแลโลดไปมาอยู่รอบข้าง

พระวิกรมาทิตย์ทรงความกล้าอยูางที่สด ุ ดังจะเห็นได้ในเวลาที่รบยักษ์น้ันแล้ว แตู


ความกล้านั้นประกอบด้วยความระมัดระวังพระองค์ ครั้นเห็นมนุษย์แวดล้อมด้วยผีดังนั้น ก็ซ้ ำา
คิดถึงยักษ์ เห็นเป็ นชูองอันดีท่ีจะทำาลายศัตร่ซึ่งมูุงร้ายตูอพระองค์ ทรงคิดวูาในขณะนั้น ถ้าตรง
เข้าไปฟั นด้วยพระแสงดาบอันคมกล้า ให้หัวโยคีขาดไป ก็จะทำาได้สำาเร็จประสงค์โดยงูาย แตู
ทรงรำาลึกวูาได้ทรงสัญญาเสียแล้ววูาจะมารับใช้โยคีในคืนวันนั้น จำาต้องปฏิบัติตามข้อสัญญา
แลระวังพระองค์คอยหาโอกาสในเวลาข้างหน้าตูอไป

พระราชาทรงดำาริฉะนี้ แล้ว จึงเสด็จทรงนำาพระราชบุตรเข้าไปทำากิริยาเคารพโยคี


เป็ นอันดี แล้วทรงนั่งลงบนพื้นดินตามคำาโยคีท่ลเชิญ สักครู่หนึ่ งพระราชาตรัสวูา "เรามาทั้งนี้
โดยสัญญาจะปฏิบัติคำาสั่งแหูงทูาน ทูานจะให้เราทำาอันใดจงวูาไปเถิด" โยคีท่ลตอบวูา "พระอง
ค์เสด็จมาถึงแล้ว ก็จงปฏิบัตต ิ ามประสงค์ข้อหนึ่ งของข้าพเจ้ากูอน คือในทิศใต้มีปูาช้าเชูน
เดียวกันนี้ อีกแหูงหนึ่ ง ในปู าช้านั้นมีตน
้ อโศก บนต้นอโศกนั้นมีศพแขวนอยู่ศพหนึ่ ง พระองค์จง
ไปพาศพนั้นมาให้ข้าพเจ้าโดยเร็ว"

พระราชาทรงฟั งดังนั้น ก็จับพระหัตถ์พระราชบุตรพากันเดินไปในทิศใต้ ทรงทราบใน


พระทัยวูาศานติศล ี กำาลังตั้งพิธีจะทำาร้ายพระองค์แลพระราชวงศ์ของพระองค์ จำาเป็ นพระราชา
ต้องคิดอุบายป้ องกันมิให้โยคีกระทำาการเป็ นภัยแกูพระองค์ได้ ทรงพระราชดำาริเชูนนี้ พลาง
ดำาเนิ นไป ได้ยน ิ เสียงดนตรีของโยคีแลเสียงภ่ตผีปิศาจตูางๆ เต้นรำาทำาเพลงอื้ออึงในปู าช้า ทาง
ที่เดินนั้นมืดถึงแกูจะเดินให้ตรงมิได้ ทั้งมีภ่ตตามล้อหลอกให้ตกใจ บ้างก็แกล้งขวางจะให้สะดุด
ล้ม บ้างก็เป็ นง่มาพันพระชงฆ์ บ้างก็ทำาแสงว่บวาบข้างๆ ทางเดิน บ้างก็ทำาเสียงดังลั่นใกล้ๆ
พระองค์ แม้คนที่กล้าก็นูาหวาดเสียว ไมูอาจดำาเนิ นตูอไปได้

แตูพระราชากับพระราชบุตรก็มิได้ถอย พากันทรงดำาเนิ นไปจนถึงปู าช้าซึ่งโยคีท่ลนั้น


สักครู่หนึ่ งเห็นต้นอโศกต้นใหญูลุกเป็ นไฟแดงไปทั้งต้น พระราชาไมูทรงยูอท้อก็เดินตรงเข้าไป
ประเดีย ๋ วได้ยินเสียงผีร้องบอกวูา "ฆูาเสีย ฆูาเสียทั้งสองคน จับตัวให้ได้ ชูวยกันจับตัวเผาในไฟ
บนต้นไม้ให้ไหม้เป็ นจุณไป ทำาให้ร้่สกึ พิษไฟแหูงบาดาล" พระราชาไมูทรงครั่นคร้าม ก็ตรง
เข้าไปถึงต้นไม้ แตูเปลวไฟบนต้นอโศกนั้นมิได้ร้อน เพราะเป็ นไฟที่ปิศาจสำาแดงหลอกเทูานั้น
เมื่อเข้าไปถึงโคนต้นไม้พระราชาก็หยุดพิศด่ศพซึ่งแขวนอยู่บนกิง ่ อโศก ศพนัน ้ ลืมตาโพลง
ลูกตาสีเขียวเรือง ๆ ผมสีน้ าตาล หน้าสีน้ าตาล ตัวผอมเห็นซีโ ่ ครงเป็ นซี่ ๆ ห้อยเอา
หัวลงมาท้านองค้างคาว แต่เป็ นค้างคาวตัวใหญ่ทีส ่ ุด เมื่อจับถูกตัวก็เย็นชืดเหนี ยว
ๆ เหมือนงู ปรากฏเหมือนหนึ่ งไม่มีชีวิต แต่หางซึง ่ เหมือนหางแพะนัน ้ กระดิกได้ พระ
วิกรมาทิตย์ทอดพระเนตรเห็นเชูนนี้ ก็ทรงคิดวูาศพนี้ คือศพล่กชายของพูอค้านำ้ามัน ซึ่งยักษ์ได้
ท่ลไว้วูาโยคีเอาไปแขวนไว้ท่ีต้นไม้ ครั้นเมื่อเห็นเป็ นเวตาลเชูนนี้ ก็ทรงพิศวง แตูทรงดำาริวูา
ชะรอยโยคีจะแกล้งเปลี่ยนศพล่กชายพูอค้านำ้ามันให้มีร่ปเป็ นเวตาลเพื่อจะลวงให้สนิ ทดอก
กระมัง ทรงคิดเชูนนี้ แล้ว พระราชาก็ทรงปี นขึ้นไปบนต้นไม้ ตรัสให้พระราชบุตรยืนหลีกให้หูาง
ออกไป แล้วทรงพระแสงดาบฟั นกิง ่ ไม้ซึ่งเวตาลห้อยอยู่น้ันขาดตกลงยังดินทั้งเวตาลด้วย

ฝู ายเวตาลเมื่อตกถึงพื้นดินก็กัดฟั นร้องเสียงเหมือนทารกซึ่งได้รับความเจ็บ พระ


ราชาตรัสวูา "อ้ายตัวนี้ มีชีวิต" แล้วเสด็จโจนลงจากต้นไม้ ตรัสถามเวตาลวูา "เอ็งนี้ อะไร" ตรัส
แทบจะยังไมูทันขาดคำา เวตาลหัวเราะด้วยเสียงอันดัง แล้วกลับขึ้นไปห้อยเกาะกิง ่ ไม้กิ่งอื่นอยู่
บนต้นไม้อยูางเกูา ห้อยพลางหัวเราะจนตัวแกวูงไปมา

ฝู ายพระราชาทรงคิดวูา เวตาลนี้ คงจะเป็ นบุตรพูอค้านำ้ามันเป็ นแนู จำาจะต้องปี นขึ้น


ไปตัดกิง่ ไม้ลงมาอีกครั้งหนึ่ ง จึงตรัสแกูพระราชบุตรวูา คราวหน้าเมื่อเวตาลตกลงมาถึงพื้นดิน
ก็ให้จับไว้ให้จงได้ ตรัสสั่งแล้วพระราชาทรงปี นขึ้นบนต้นไม้ ตัดกิ่งตกลงมาอีกกิง ่ หนึ่ งพร้อมกับ
เวตาล พระราชบุตรคอยอยู่ข้างลูางก็ตรงเข้าจับเวตาลไว้แนู น พระราชาเสด็จรีบลงจากต้นไม้
เข้าชูวยพระราชบุตรยึดแล้วตรัสถามวูา "เอ็งนี้ คือใคร" ทันใดนั้น เวตาลก็หัวเราะด้วยเสียงอัน
ดังแล้วลื่นหลุดลอยขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นไม้อยูางเกูา ห้อยพลางหัวเราะเย้ยอยู่บนกิง ่ ไม้อันส่ง

ฝู ายพระราชาเมื่อเวตาลหลุดไปได้ถง ึ สองครั้งเชูนนี้ ก็ทรงพิโรธ ตรัสสั่งพระราชบุตร


วูา เมื่อเวตาลตกลงมาถึงพื้นดินให้ฟันหัวให้ขาดออกไป แล้วทรงปี นขึ้นต้นไม้จับผมเวตาล
กระชากจนหลุดจากกิ่งไม้เกาะแล้วทิง ้ ลงมาถึงพื้นดิน พระราชบุตรคอยอยู่ข้างลูางก็ฟันด้วย
พระแสงดาบถ่กหัวเวตาลดาบบิ่นไป ปรากฏเหมือนหนึ่ งฟั นหิน พอพระราชาเสด็จลงจากต้นไม้
มาถึงดินตรัสถามวูา"เอ็งคือใคร" แทบจะยังไมูทันสุดสำาเนี ยง เวตาลก็หัวเราะไปเกาะอยู่บน
ต้นไม้อยูางเกูา พระวิกรมาทิตย์เสด็จปี นขึ้นไป แลลงหลายครั้งก็ไมูยูอท้อ ปรากฏความเพียร
เหมือนหนึ่ งวูาจะยอมปี นขึ้นปี นลงอยูจ่ นสิ้นยุค แตูไมูจำาเป็ นต้องเพียรนานถึงเทูานั้น เพราะ
เวตาลยอมให้จับในครั้งที่เจ็ด แลกลูาววูา แม้เทวดาก็ขืนใจคนหัวดื้อไมูได ้ ฝู ายพระราชาเมื่อ
จับเวตาลไว้แล้ว ก็ปลดผ้าผืนหนึ่ งออกจากพระองค์ผ่กเป็ นยูามจะใสูเวตาล เวตาลนิ่ งด่อยูค ่ รู่
หนึ่ งแล้วถามวูา "ทูานนี้ คือใคร ทูานจะทำาอะไร" พระราชาตรัสตอบวูา "เอ็งจงร้่วูาข้าคือพระวิ
กรมาทิตย์พระราชากรุงอุชชยินี ข้าจะจับตัวเอ็งไปให้คน ๆ หนึ่ ง ซึ่งเห็นสนุกในการเคาะ
กะโหลกหัวผีเป็ นเพลงให้ผฟ ี ั ง"

เวตาลท่ลตอบวูา "พระองค์ผ้่เป็ นราชา จงจำาภาษิตโบราณไว้วูา ลิน ้ คนนั้นตัดคอคน


เสียมากตูอมากแล้ว ข้าพเจ้าจะยอมตามพระหฤทัยพระองค์ แลตามเสด็จไปหาบุรุษที่ทำาดนตรี
ด้วยกะโหลกหัวผี พระองค์จะผ่กข้าพเจ้าสะพายหลังเหมือนยูามคนขอทานก็ตามพระประสงค์
แตูพระองค์จงฟั งคำาข้าพเจ้าใสูพระหฤทัยไปตลอดทาง คือข้าพเจ้าเป็ นผ้่ชูางพ่ด แลทางเดิน
ตั้งแตูท่ีน้ี ไปถึงปู าช้า ซึ่งเพื่อนของพระองค์น่ังทำาดนตรีอยู่น้ันกินเวลาชั่วโมงเศษ ในเวลาเดิน
ทางข้าพเจ้าจะเลูานิ ทานเลูน เพราะ ปราชญ์ผ้่มีความร้่ยูอมใช้เวลาของตนในเรื่องหนังสือมิใชู
ใช้เวลาในการนอนแลการขี้เกียจอยูางคนโงู
ในเวลาเล่านิ ทานนัน ้ ข้าพเจ้าจะตัง้ ปั ญหาถามพระองค์ แลพระองค์ต้อง
สัญญาข้อนี้ เสียก่อน ข้าพเจ้าจึงจะยอมไปด้วย คือเมื่อข้าพเจ้าตัง ้ ปั ญหาถ้าพระองค์
ตอบ จะเป็ นด้วยกรรมในปางก่อนบันดาลให้ตอบหรือด้วยแพ้ความฉลาดของ
ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าล่อให้ทรงแสดงความเย่อหยิง ่ ว่ามีความรู้ก็ตาม ถ้าตรัสตอบ
ปั ญหาข้าพเจ้าเมื่อใด ข้าพเจ้าจะกลับไปทีอ ่ ยู่ของข้าพเจ้า ต่อเมื่อพระองค์ไม่ตอบ
ปั ญหาเพราะได้สติหรือด้วยความโง่เขลาของพระองค์ก็ตาม ข้าพเจ้าจึงจะยอมไป
ด้วย ข้าพเจ้าขอทูลแนะน้ าเสียแต่ในบัดนี้ ว่า พระองค์จงสงบความหยิง ่ ในพระหฤทัย
ว่าเป็ นผู้มีความรู้ เมื่อเกิดมาเป็ นคนโง่แล้วก็จงยอมโง่เสียเถิด มิฉะนัน ้ พระองค์จะไม่
ได้ประโยชน์ซึง ่ นอกจากข้าพเจ้าแล้วไม่มีใครจะอ้านวยได้"

พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟั งดังนั้นก็คิดขัดเคืองในพระหฤทัย เพราะ พระราชาไมูเคยฟั ง


ใครด่หมิ่นวูาโงู แตูครั้นจะไมูยอมสัญญาตามคำาเวตาลก็จะไมูได้ตัวไปดังประสงค์ ทรงดำาริเชูน
นี้ แล้วมิได้ตรัสตอบประการใด ทรงจับเวตาลใสูลงในยูามยกขึ้นสะพาย แล้วตรัสให้พระ
ราชบุตรรีบตามให้ทัน พลางเสด็จออกรีบทรงดำาเนิ นไป ฝู ายเวตาลครั้นออกเดินได้สักครู่หนึ่ ง
ก็ท่ลถามปั ญหาสั้น ๆ กลูาวด้วยลมแลฝนแลโคลนในถนน พระราชามิได้ตรัสตอบประการใด
เวตาลจึงท่ลวูา "ข้าพเจ้าจะเล่านิ ทานซึง ่ เป็ นเรื่องจริงถวายในบัดนี้ พระองค์จงฟั งเถิด"

Introduction
นิ ทานเวตาลเรื่องที่ ๑
เรื่องที่ ๑

ในกรุงพาราณสีมีพระราชาทรงศักดิใ์ หญูครองราชย์สมบัติ ทรงนามพระ


ประตาปมุกุฏ มีราชบุตร ทรงนามวัชรมุกุฏ มีเรื่องดังตูอไปนี้

เช้าวันหนึ่ ง พระวัชรมุกุฏกับสหาย ชื่อพุทธิศริระ พากันขี่ม้าออกเที่ยวลูาเนื้ อในปู า


พุทธิ- ศริระเป็ นบุตรของประธาน คือหัวหน้าอำามาตย์ในพระนครนั้น ชายหนู ุมทั้งสองขี่ม้าไปใน
ปู า พบสระใหญูสระหนึ่ งมีกำาแพงล้อมรอบริมสระเป็ นที่รูมรื่นตลบด้วยกลิ่นดอกไม้ ฝ่งนกคือ
หงส์แลนกจากพรากเป็ นต้น ลงลอยอยู่ในสระ ในหมู่ดอกบัวอันช่ก้านขึ้นมาพ้นนำ้าเป็ นที่ชวนชม
แมลงภู่ท้ังหลายพากันรูอนอยู่เหนื อนำ้า แลกินรสดอกบัวในสระนั้น พระราชบุตรแลสหาย ไมู
เคยไปพบสระนั้นในปู าตูางก็พิศวงจึงลงจากหลังม้า ผ่กม้าไว้แทบใต้ต้นไม้ แล้วเดินเข้าไปริม
สระชำาระพระพักตร์และหัตถ์ แล้วก็เข้าไปในศาลพระมหาเทพซึ่งอยู่ใกล้ฝ่ ั งสระ ตูางคนกระทำา
การนอบน้อมแลสวดมนต์
สักครู่หนึ่ งมีหญิงสาวเป็ นอันมาก ห้อมล้อมด้วยทาสีพากันมาที่ริมสระฟากโน้น ครั้น
มาถึงก็ยืนสนทนาแลสำารวลกันอยู่ท่ีขอบสระ บางนางก็ลงอาบนำ้า แตูนางผ้่เป็ นหัวหน้าคือพระ
ราชบุตรีน้ันมิได้ลงสระนำ้า เสด็จเดินเที่ยวเลูนใต้รูมไม้กับนางอีกคนหนึ่ งหูางฝ่งนางออกไป
ฝู ายพระราชบุตรปลูอยให้พุทธิศริระนั่งสวดมนต์อยู่ในศาลพระมหาเทพคนเดียว
พระองค์เสด็จออกจากศาลเดินเดี่ยวไปในหมู่ไม้ มิช้าพระราชบุตรแลพระราชธิดาก็สบ
พระเนตรกัน นางสะด้ง ุ เหมือนหนึ่ งตกพระหฤทัย พระราชบุตรทรงใฝู ฝั นในทันทีท่ีทอด
พระเนตรเห็นนาง แลตรัสออกมาวูา "กามเทพเอย เหตุไรทูานจึงมารบกวนเราเชูนนี้ " พระราช
ธิดาได้ยิน ทรงยิ้มหยุดยืนด่กิริยาพระราชบุตร เพราะเธอตกประหมูามิร้่จะกลูาวแลทำาประการ
ใดได้ นางนิ่ งด่อยู่ครู่หนึ่ งก็ทำาการเหมือนพิโรธตรัสแกูหญิงสหายซึ่งแสร้งหันหลังเก็บดอกมะลิ
วูา เหตุไรจึงปลูอยให้ชายหนู ุมมายืนจ้องด่นางอยู่เชูนนี้ ฝู ายหญิงสหายเมื่อได้ยินดังนั้น ก็หน ั มา
กลูาวคำาเกรี้ยวกราดขับไลูให้พระราชบุตรไปเสียจากที่ แลให้พาความละลาบละล้วงไปเสียด้วย
มิฉะนั้นจะเรียกทหารมาจับตัวทิ้งลงไปในสระให้สมแกูโทษ ฝู ายพระราชบุตรยืนตกตะลึงด่นาง
มิได้ยินคำาที่หญิงสหายกลูาวขู่ นางทั้งสองเห็นดังนั้นก็พากันเดินหูางออกไป
ครั้นถึงขอบสระฟากข้างโน้น พระราชธิดาก็เหลียวด่วูาชายหนู ุมผ้่ตกประหมูายังนิ่ ง
อยู่กับที่หรือทำาอยูางไรตูอไป ครั้นเห็นพระราชบุตรยังยืนจ้องด่อยู่ นางก็ทรงยิ้มแล้วเสด็จลงไป
ที่ขอบสระ เก็บดอกบัวดอกหนึ่ งช่ขึ้นไหว้ฟ้าแล้วเอาเสียบเกศาแล้วทัดที่กรรณ แล้วกัดด้วยทนต์
แล้วทิ้งลงเหยียบด้วยบาท แล้วกลับหยิบขึ้นปั กที่อุระ ครั้นทำาเชูนนี้ แล้วนางก็เสด็จไปขึ้นยานก
ลับคืนสูน
่ ิ เวศน์แหูงนาง

ฝู ายพระราชบุตร ครั้นนางไปแล้วก็เรูาร้อนในพระหฤทัย เสด็จกลับไปยังศาลพระ


มหาเทพ พบพุทธิศริระเดินออกมาจากศาล พระราชบุตรก็รับสั่งวูา "สหายเอย ข้าได้เห็นนาง
หนึ่ งงามนัก จะเป็ น นางดนตรีของพระอินทร์ในสวรรค์ หรือจะเป็ นนางมาจากทะเลหรือธิดา
แหูงนาคราช หรือบุตรีพระราชาในแผูนดิน ก็หาทราบไมู" พุทธิศริระผ้่จะเป็ นอำามาตย์มีปัญญา
ในภายหน้าท่ลวูา "พระองค์จงกลูาวโฉมหน้านางให้ข้าพเจ้าฟั งเถิด" พระราชบุตรตรัสวูา
"พักตร์นางเหมือนพระจันทร์ยามเพ็ญ ผมเหมือนหมู่ผึ้งอันเกาะห้อยอยู่บนชูอดอกไม้ ปลายขนง
ยาวจรดถึงกรรณ โอษฐ์มีรสเหมือนจันทรามฤต เอวเหมือนเอวสิงห์ ทรงดำาเนิ นเหมือนราชหงส์
กลูาวเทียบเครื่องแตูงกายนางคือสีขาว กลูาวเทียบฤด่นางคือวสันตฤด่ กลูาวเทียบ ดอกไม้นาง
คือพุทธชาด กลูาวสำาเนี ยงนางคือนกกาเหวูา กลูาวความหอมนางคือชะมดเชียง กลูาวความ
งามนางคือพระศรี กลูาวความเป็ นนางคือความรัก ถ้าข้ามิได้นางมา ข้าจะไมูทรงชีวิตไปเป็ น
อันขาด ข้าได้ตกลงในใจเชูนนี้ แล้ว"
พุทธิศริระได้ฟังพระราชบุตรตรัสดังนั้น ก็มิได้ร้อนใจ เกรงจะปลงพระชนม์ลงในกลาง
ปู า เพราะเคยได้ยินพระราชบุตรตรัสอยูางเดียวกันทุกครั้งที่ได้เห็นนางงาม มิได้คิดวูาจะเป็ น
ไปลึกซึง ้ ยิ่งกวูาคราวกูอนๆ พุทธิศริระจึงท่ลวูา ถ้าไมูขึ้นม้าเดีย
๋ วนี้ คงจะคำ่าอยู่กลางปู าไมูกลับ
ถึงนครได้ในเวลาอันควร พุทธิศริระกลูาวดังนั้นแล้ว เจ้าแลข้าก็ชวนกันขึ้นม้าหันกลับเข้าเมือง
ในเวลาเดินทางอยู่ประมาณ ๓ ชั่วโมงนั้น ชายหนู ุมทั้งสองเกือบจะมิได้สนทนากัน
เลย พระวัชรมุกุฏนิ่ งนึ กถึงนางมิได้รับสั่งประการใด เมื่อพุทธิศริระท่ลอะไรก็ต้องท่ลดังๆถึงสาม
สี่ครั้ง จึงจะตรัสตอบคำาเดียวหรือสองคำาเป็ นอยูางมาก ฝู ายพุทธิศริระเมื่อเห็นพระราชบุตรนิ่ ง
อยู่ดังนั้น ก็มิได้ท่ลอันใดตูอไป คิดในใจวูาถ้าพระราชบุตรอยากได้ความเห็นแลความแนะนำาก็
ให้หารือมาเถิด
พุทธิศริระคิดดังนี้ เพราะดำาเนิ นความคิดตามวิธีของบิดาผ้่เป็ นอำามาตย์มีปัญญา ซึง ่
มิได้ให้ปัญญาแกูผ้่ใดที่มิได้ขอนั้นเป็ นอันขาด ถึงแม้ผ้่ท่ีขอปั ญญาบางทีก็ได้เห็นสิ่งตรงกันข้าม
อันผ้่ฉลาดไมูเรียกวูาปั ญญาเป็ นอันขาด

ฝู ายพุทธิศริระ เมื่อขี่ม้านิ่ งๆ เวลานั้นก็ตรึกตรองข้อความลึกลับอันหนึ่ ง ซึ่งขึ้นต้นไว้


แตูเวลาเช้าเพราะชายหนู ุมคนนี้ มีวิธีฝึกฝนปั ญญาให้คมกล้า คือเมื่อตื่นขึ้นเช้าก็คิดตั้งปั ญหา
ถามตัวเองข้อหนึ่ งซึ่งมีใจความลึกลับ แลตรึกตรองตอบปั ญหานั้นทุกขณะ ที่มีเวลาวูาง
ข้อความที่ลึกลับแลละเอียด ถ้าเกี่ยวกับปั ญหานั้นก็นำาเอามาตรึกตรองจนสิ้นเชิง แลเมื่อได้ทำา
เชูนนี้ มาสองสามปี ก็ควรเป็ นที่เชื่อได้วูา ชายหนู ุมคนนี้ มีปัญญารูุงโรจน์มาก
ครั้นกลับถึงวังในตอนคำ่า พระราชบุตรก็บรรทมกระสับกระสูายอยู่ตลอดคืน แลเป็ น
เชูนนั้นตลอดวันรูุง ครั้นวันที่สองถึงแกูประชวรมีอาการเป็ นไข้ การเขียนการอูานการกินการ
นอนก็งดหมด ราชการซึ่งพระราชบิดามอบเฉพาะพระองค์ก็งด การอื่นๆ ก็งด เพราะรับสั่งวูา
จะสิน
้ พระชนม์อยู่แล้ว ครั้นพระชนม์ยังไมูสิ้นก็ทรงเขียนร่ปนางงามผ้่เก็บดอกบัวมาทำาแปลกๆ
จนฝั งอยู่ในพระหฤทัย กลูาวกันวูาเขียนเหมือนอยูางที่สุด ครั้นเขียนแล้วก็บรรทมพิศด่ร่ป ด้วย
พระเนตรอันฉำ่ าด้วยนำ้า อีกครู่หนึ่ งลุกทะลึง ่ ขึ้นฉีกร่ปนั้นเสีย แล้วชกพระเศียรประหนึ่ งวูาพระ
เศียรได้กระทำาความผิดเป็ นข้อใหญู แล้วก็เขียนร่ปนางอีกร่ปหนึ่ งงามยิ่งกวูาร่ปกูอน

อีกวันสองวัน พระราชบุตรตรัสให้เรียกพุทธิศริระเข้าไปเฝ้ า พุทธิศริระทราบอยู่


หลายวันแล้ววูาคงจะเรียก ครั้นเข้าไปเฝ้ าถึงที่บรรทม เห็นพระราชบุตรพระพักตร์เผือดแลทรง
บูนวูาปวดพระเศียร พุทธิศริระทราบอยู่แล้ววูาจะรับสั่งเรื่องอะไร แตูยังไมูกล้ารับสั่งเพราะ
ราชบุตรแลสหายคนนี้ ได้สนทนาเรื่องผ้่หญิงหลายครั้งแล้ว พระราชบุตรตรัสครั้งไร พุทธิศริระ
ก็ยิ้มเย้ยแลกลูาวลบหลู่หญิงอยูางเรี่ยวแรงแลยังกลูาวติเตียนชายที่หลงรักหญิงอยูางเรี่ยวแรง
ยิง
่ ไปกวูาติเตียนหญิงเสียอีก เหตุดงั นี้ พระราชบุตรจึงอำ้าอึ้งยังไมูกลูาวเรื่องที่อยู่ในพระหฤทัย พุ
ทธิศริระร้่ทีแลอยากให้ตรัสออกมาจึงท่ลวูา
"โรคชนิ ดนี้ ต้องเสวยยาขมแลอดของแสลงให้จริง มิฉะนั้นโรคไมูบรรเทาได้"
พระราชบุตรได้ฟังพุทธิศริระสำาแดงความร้อนใจ ดังนั้นก็สิ้นความอำ้าอึ้ง พระหัตถ์จับมือพุทธิศริ
ระนำ้าพระเนตรตกตรัสวูา
"ชายใดเข้าเดินในทางแหูงความรักชายนั้นจะรอดชีวิตไปมิได้ หรือถ้ายังไมูสิ้นชีวิต
ชีวติ ก็มิใชูอ่ ืน คือความทุกข์ท่ียืดยาวออกไปนั้นเอง" พุทธิศริระท่ลวูา "พระองค์รับสั่งถ่กเป็ นแนู
แล้ว กวีโบราณยูอมกลูาววูา วิถีแหูงความรักนั้นไมูมีต้นแลไมูมีปลาย บุรุษพึงตรึกตรองให้
ถูองแท้แล้วจึงวางเท้าลงในวิถีน้ัน ผ้่มีปัญญาร้่สิ่งทั้งสามคือความใครู หญิงหนึ่ ง กระดานสกา
หนึ่ ง การดื่มนำ้าเมาหนึ่ ง อาจให้ผลแกูคนในทางที่ไมูอาจทำานายได้ เหตุดง ั นั้นวิธีท่ีจะปฏิบัตก
ิ าร
ทั้งสามสิง ่ นี้ ดีท่ีสด
ุ ก็คือไมูปฏิบัติเสียเลย กลูาวอีกนัยหนึ่ งก็คือเว้นให้ขาด แตูวิธีของโลกนี้ ถ้า
ไมูมีวัวตัวเมียก็ต้องรีดนมตัวผ้่แทน" คำาสอนของผ้่มีปัญญากลูาวเชูนนี้ จะแปลวูากระไรก็ตาม
พระราชบุตรยูอมจะทรงเห็นวูาเป็ นคำาสอนที่กลูาวช้าไปไมูทันกาลเสียแล้ว เธอนิ่ งอยู่ครู่หนึ่ งจึง
ตรัสวูา "ข้าได้ยูางเท้าเดินทางนั้นเสียแล้ว ที่สุดแหูงทางจะเป็ นความทุกข์หรือความสุขก็ตาม
บุญตามกรรม" ตรัสดังนั้นแล้วก็ทรงถอนใจใหญู ฝู ายพุทธิศริระเห็นพระราชบุตรมีอาการดัง
นั้น ก็คิดสงสารจึงท่ลถามวูา "นางนั้นคือนางซึ่งพบที่สระในปู านั้นหรือ" พระราชบุตรพยักพระ
พักตร์ พุทธิศริระท่ลถามวูา "เมื่อนางจะไปนั้นนางได้กลูาวอะไรแกูพระองค์หรือเปลูา หรือ
พระองค์ได้กลูาวอะไรแกูนางบ้าง" พระราชบุตรตรัสวูา "ไมูได้กลูาวอะไรแกูกันเลย" พุทธิศริ
ระกลูาววูา "ถ้าเชูนนั้นก็ยากที่สุดที่จะได้นางมา" พระราชบุตรตรัสวูา "ถ้าเชูนนั้นข้าก็ใกล้เวลา
ตาย แลชีวต ิ เป็ นความทุกข์ต้ง ั แตูบัดนี้ ไปจวบเวลาขาดลมหายใจ"
พุทธิศริระคิดขัดใจที่พระราชบุตรพ่ดนอกเรื่อง เพราะการกลูาวถึงความตายไมูใชู
ทางที่จะได้นางมาเป็ นอันขาด พุทธิศริระนิ่ งอยู่ครู่หนึ่ งจึงท่ลถามวูา "นางไมูได้ให้สัญญาอะไร
บ้างหรือ พระองค์จงเลูาให้ข้าพเจ้าฟั งให้ละเอียด คนไข้ท่ีบอกอาการโรคครึ่งๆ กลางๆ ไมูมี
ประโยชน์เลย" ครั้นพุทธิศริระท่ลดังนั้น พระราชบุตรก็ตรัสเลูาตั้งแตูต้นจนปลาย กลูาวโทษ
พระองค์เองที่ตกตะลึงแลสะทกสะท้านมิได้กลูาวอันใดแกูนาง ในที่สุดเลูาถึงกิริยาที่นางเก็บ
ดอกบัวมาทำาทูาตูางๆ พุทธิศริระได้ยินดังนั้น ก็น่ิ งตรองอยู่สักครู่หนึ่ งแล้วท่ลพระราชบุตร
สำาแดงคุณชั่วแหูงแหูงความสะทกสะเทิ้นในขณะที่อยู่ใกล้หญิง ถ้าพระราชบุตรจะเป็ นผ้่มีความ
สุขต้องสำาแดงพระองค์เป็ นคนกล้าในคราวหน้าที่พบนางจึงจะสำาเร็จประสงค์ พระราชบุตรตรัส
สัญญาวูาถ้าได้พบนางก็จะเป็ นคนกล้าตามคำาสอนนั้น แตูเมื่อไมูพบจะกล้าอยูางไรได้ พุทธิศริ
ระกลูาววูา "พระองค์จงสงบลงบ้างเถิด ข้าพเจ้าร้่ช่ ือนางแลที่อยู่ของนางแล้ว เมื่อนางเก็บ
ดอกบัวขึ้นช่ไหว้ไปในฟ้ านั้น คือนางสำาแดงความยินดีตูอเทวะที่ได้อำานวยให้นางได้พบพักตร์อัน
ประเสริฐของพระองค์"
พระราชบุตรได้ทรงฟั งก็ยิ้มออกมาได้ แลยิ้มครั้งแรกในเวลาหลายวัน พุทธิศริระท่ล
ตูอไปวูา "เมื่อนางยกดอกบัวขึ้นทัดห่น้ัน เป็ นที่หมายให้ทราบวูานางเป็ นชาวเมืองกรรณาฏกะ
แลเมื่อนางกัดดอกบัวด้วยทนต์น้ันนางทำาสัญญาณให้ทรงทราบวูานางเป็ นราชธิดาท้าวทันตวัต
พระองค์ยูอมทราบวูา ท้าวทันตวัตนี้ เป็ นอริใหญูของพระราชบิดาแหูงพระองค์ ไมูมีทูาทางจะ
ปรองดองกันได้เป็ นอันขาด" พระราชบุตรได้ยินดังนั้น ก็ครางด้วยความเศร้าพระหฤทัย พุทธิ
ศริระกลูาวตูอไปวูา "เมื่อนางเหยียบดอกบัวนั้น นางให้เครื่องหมายวูานางชื่อปั ทมาวดี แลเมื่อ
นางเอาดอกบัวปั กที่อุระนั้นเป็ นที่หมายวูา พระองค์สง ิ อยู่ในหฤทัยแหูงนาง" พระวัชรมุกุฏได้
ทรงฟั งดังนั้นก็ผุดลุกขึ้นด้วยความยินดี อาการไข้ก็เปลื้องปลดไปทันที ทรงกำาลัง
กระปรี้กระเปรูาเหมือนแตูกูอน ตรัสชมความรอบร้่ของพุทธิศริระ พลางรับสั่งอ้อนวอนให้ชูวย
ท่ลขออนุญาตพระราชบิดาไปยังนครอันเป็ นที่อยู่แหูงนางนั้น
ฝู ายพุทธิศริระโดยความภักดีตูอราชบุตร ก็เข้าไปท่ลพระราชาธิบดีวูา พระราชบุตร
ไมูใครูทรงสบาย ควรเสด็จเที่ยวในประเทศตูางๆ เพราะพระกายต้องการเปลี่ยนนำ้าพระหฤทัย
ต้องการเปลี่ยนที่อยู่ ครั้นพระราชบิดาประทานอนุญาตแล้ว พระวัชรมุกุฏก็หยุดพักอยู่ริมทาง
แล้วพุทธิศริระก็แตูงตัวเป็ นคนเดินทางขึ้นม้าไปหลายวัน ถึงนครกรรณาฏกะก็หยุดพักอยู่ริม
ทาง แล้วพุทธิศริระก็นำาพระราชบุตรออกเที่ยวถามหาหญิงผ้่มีปัญญาโดยอธิบายวูาต้องการจะ
ให้ด่เคราะห์ในอนาคต แลชี้แจงตูอพระราชบุตรอีกขั้นหนึ่ งวูาหญิงเอาใจใสูตูอกิจการในอนาคต
นั้น ยูอมจะเอื้อเฟื้ อตูอกิจการปั จจุบัน ด้วยเหตุดง ั นั้นควรสืบหาหญิงหมอด่เป็ นผ้่ชูวยให้สำาเร็จ
กิจอันประสงค์

พุทธิศริระเที่ยวถามอยู่ครู่หนึ่ ง มีผ้่ช้ีหญิงแกูผ้่หนึ่ งซึ่งนั่งปั่ นฝ้ ายอยูห


่ น้ากระทูอม พุ
ทธิศริระจึงเข้าไปหาหญิงแกูน้ัน กระทำาการเคารพเป็ นอันดีแล้วพ่ดวูา "ข้าพเจ้าเป็ นพูอค้ามา
จากเมืองไกลสองคนด้วยกัน สินค้าของเราตามมาข้างหลัง เราลูวงหน้ามากูอนเพื่อจะหาที่พัก
ถ้ามารดายอมให้เราพักในเรือนนี้ เราคงจะอยู่เป็ นสุขแลให้เงินแกูมารดาโดยอัตราอันส่ง" ฝู าย
หญิงแกูน้ันนอกจากเป็ นหมอด่ ยังเป็ นผ้่ร้่ลักษณะคนอีกด้วย ครั้นเห็นเค้าหน้าชายหนู ุมทั้งสอง
ก็ชอบ เพราะคิ้วกว้างแลปากมีลก ั ษณะวูาไมูตระหนี่ จึงตอบพุทธิศริระวูา "กระทูอมนี้ เหมือน
หนึ่ งเรือนของทูาน เชิญมาพักอยู่ให้สบายเถิด" พ่ดเทูานั้นแล้วก็พาชายหนู ุมทั้งสองเข้าไปใน
เรือน กลูาวติเตียนความรุงรังของตนเองแล้วเชิญให้ชายทั้งสองพักผูอนกายอยูใ่ นเรือนนั้น สัก
ครู่หนึ่ งหญิงแกูกลับมายังห้องซึ่งชายหนู ุมทั้งสองพัก พุทธิศริระจึงถามวูา "มารดาอยู่ท่ีน้ี มี
ความสุขอยู่หรือ ญาติวงศ์สหายอยูพ ่ ร้อมกันหรืออยูางไร แลมารดาหากินทางไหน" หญิงแกู
ตอบวูา "ล่กชายของข้าเป็ นคนใช้สนิ ทของท้าวทันตวัตผ้่เป็ นพระราชาของเรา ข้าเป็ นนางนม
ของนางปั ทมาวดีพระราชธิดาองค์ใหญู ครั้นข้าแกูชราก็มาอยู่ในเรือนนี้ ไมูต้องกังวลการหากิน
เพราะพระราชาประทานทุกอยูาง ข้าไปในวังเฝ้ าพระราชบุตรีวันละครั้ง นางเป็ นหญิงงาม
อยูางประหลาด เป็ นคนดีมีปัญญาหาเสมอมิได้"

พระวัชรมุกุฏพักอยู่ท่ีเรือนหญิงแกู อันเป็ นนางนมของพระราชธิดาหลายวัน แลกระ


ทำาให้นางนมเอื้อเฟื้ อรักใครูด้วยความไมูตระหนี่ ด้วยวาจาอูอนหวานและด้วยร่ปสมบัติของ
พระองค์ ครั้นคุ้นเคยแลร้่ใจกันมากขึ้น พระวัชรมุกุฏก็ตรัสถึงพระราชธิดา แลกลูาวแกูหญิง
นางนมวูา เมื่อไปเฝ้ านางปั ทมาวดีคราวหน้าขอให้ชูวยถือหนังสือไปถวายฉบับหนึ่ งจะได้หรือไมู
นางนมมีความยินดี เพราะเป็ นธุระของนางนมที่จะต้องยินดีตามแบบนิ ทานชนิ ดนี้ จึงกลูาวแกู
พระวัชรมุกุฏวูา "ล่กเอย ไมูจำาเป็ นจะต้องคอยถึงพรูุงนี้ เจ้าจงเขียนหนังสือเถิด มารดาจะถือไป
เดีย๋ วนี้ " พระวัชรมุกุฏพระองค์ส่ันด้วยความยินดี รีบเสด็จไปหาพุทธิศริระ ซึ่งนั่งอูานหนังสืออยู่
นอกเรือน แล้วรับสั่งบอกวูา นางนมรับแล้วที่จะถือหนังสือไปถวายพระราชธิดา ปั ญหายังมีแตู
เพียงวูาจะเขียนหนังสืออยูางไรจึงจะดี จะผ่กประโยคแลใช้ศัพท์ช้น ั ไหนจึงจะถ่กพระหฤทัยนาง
จะใช้ศพ ั ท์เรียกนางวูา "แก้วตาแหูงต่" จะเบาไป แลศัพท์ "โลหิตในตับแหูงข้า" จะหนักไปดอก
กระมัง อนึ่ งการแตูงหนังสือสำาคัญเชูนนั้นจะทำาให้แล้วเร็วทันในวันนั้นก็ยาก เป็ นเรื่องที่หนัก
พระหฤทัยอยู่ ฝู ายพุทธิศริระเมื่อได้ยินดังนั้นก็ท่ลวูา อยูาให้ทรงเดือดร้อนเลย จะทำาถวายให้
เสร็จ แล้วพุทธิศริระก็ไปหยิบเครื่องเขียนมานั่งเขียนอยู่ครู่หนึ่ ง ครั้นสำาเร็จแล้วก็พับหนังสือนั้น
ปิ ดผนึ ก เขียนร่ปดอกบัวลงบนหลังผนึ กดอกหนึ่ ง แล้วสูงถวายพระราชบุตร พระราชบุตรก็นำา
หนังสือนั้นไปสูงให้หญิงแกูนางนมถือไปถวายพระราชธิดา
นางนมได้รับหนังสือแล้วก็รีบเข้าวังไปที่ตำาหนักพระราชบุตรีตามเคย ฝู ายนางปั ทมา
วดีครั้นเห็นนางนมเข้าไปเฝ้ า ก็ตรัสเรียกให้น่ังแลสนทนาด้วย นางนมพ่ดถึงเรื่องอื่นๆ อยู่สก ั ครู่
จึงจึงท่ลวูา "เมื่อนางยังอยู่ในความเป็ นเด็กอูอน ข้าได้เลี้ยงด่นางมาด้วยความภักดี บัดนี้ เทพดา
ให้รางวัลแกูข้าด้วยประทานความงาม ความไมูมีโรค แลความดีแกูนางในเวลาที่ทรงจำาเริญ
เพียงนี้ หัวใจของข้าจะใครูเห็นความสุขของนางยิง ่ ๆ ขึ้นไปตราบชีวิตข้าหาไมู นางจงทรงอูาน
หนังสือนี้ ซึ่งมาจากชายหนู ุมงามที่สุด แลดีท่ีสุดซึง ่ ข้าได้เคยเห็นเป็ นขวัญตา"
พระราชธิดาทรงรับหนังสือไปทอดพระเนตรดอกบัวบนหลังผนึ ก แล้วทรงเปิ ดออก
อูานพบอินทรวิเชียรฉันท์ดังนี้
o ได้เห็นพระเพ็ญโฉม ดุจโสมสวูางหน
ราดเร้ากำาเดาดล จิตเดือดบูเหือดลง

o ศรทรงอนงค์แผลง พิษแสร้งจะเสียบองค์
ปั กในหฤทัยตรง อุระแค้นเพราะแสนคม

o วันพบประสบพักตร์ ศุภลักษณ์มโนรมย์
อิ่มใจจะใครูชม บูมิพริบกระหยิบตา

o เพ็ญโสมบูเพ็ญศรี ดุจนี้ ณ เวหา


แสงสูองบูผูองปรา กฎอยูางพระนางนวล
o งอนงามอรูามโรจน์ ฉวิโชติประชันชวน
แขูงขันพระจันทร์บวรณ์ ศศิแนูจะแพ้นาง

o ยามยลพิมลโฉม อุระโหมพระเพลิงพลาง
ร้อนรักตระหนักกลาง จิตข้าศิขาด่ร

o นางกลับและลับเนตร ก็เทวศทวีค่ณ
เรูาร้อนบูผูอนภ่ล พิษรักประจักษ์แด

o คิดไปก็ใจหาย เพราะกระตูายจะหมายแข
เวียนหวังระวังแล ศศิไซร้บูไยดี

o อ้านางสอางรัตน วรขัติยนารี
โปรดด้วยอำานวยชี วะบูตัดสลัดต่ฯ
พระราชธิดาทรงอูานหนังสือตลอดแล้วก็สำาแดงอาการพิโรธ ตรัสแกูนางนมด้วย
สำาเนี ยงอันขูุนแค้นวูา "นี่ แกเป็ นอะไรไปจึงบังอาจนำาหนังสือนี้ มาให้ คนโงูท่ีเขียนหนังสือนี้ แตูง
ฉันท์ไมูเป็ นก็แคูนจะแตูงกับเขาด้วย คนแตูงฉันท์เลวๆ เชูนนี้ ยังอาจมาแตูงถวายพระราชธิดา
อยากร้่วูาเรียนหนังสือมาแตูสำานักไหนจึงเลวถึงเทูานี้ " นางตรัสพลางทรงฉีกหนังสือตอนที่วูา
"ศศิไซร้บูไยดี" สูงให้นางนมแล้วตรัสวูา "แกจงนำาเอาคำาตอบนี้ ไปให้ชายที่แตูงฉันท์ไมูเป็ น แล
ตัวแกเองจงอยูาทำาเอื้อมอาจถือหนังสือเข้ามาเชูนนี้ อีกเป็ นอันขาด"
หญิงแกูนางนมได้ฟังพระราชธิดากริ้วถึงเพียงนั้นก็เสียใจรีบกลับไปบ้าน พบพระ
ราชบุตรตามทางก็เลูาให้ฟังทุกประการ พระราชบุตรได้ทรงฟั งแลอูานคำาตอบแล้วก็เสีย
พระหฤทัยยิง ่ นัก เมื่อทรงดำาเนิ นกลับนั้นทรงคิดถึงวิธีทำาลายชีวิตตนเองหลายอยูาง เชูน
กระโดดนำ้า ผ่กคอตนเองแขวน แทงอกตนเอง เป็ นต้น ยังไมูทนตกลงวูาอยูางไหนจะดีกพ ็ อถึงที่
พัก พบพุทธิศริระนั่งอยู่หน้าเรือน ก็ตรัสเลูาให้ฟังแลทรงสำาแดงความเสียใจยิ่งนัก
พุทธิศริระนิ่ งฟั งตลอดแล้วท่ลวูา "พระองค์อยูาเพูอตีตนเองกูอนไข้ จงทรงตรึกตรอง
ใจความที่นางตรัสให้ถูองแท้กูอน ตูอไปข้างหน้าเมื่อพระองค์ได้สมาคมกับหญิงมากๆ แล้ว จะ
ทรงทราบวูาเมื่อหญิงกลูาววูาไมูไยดีน้ันแปลวูายินดี เพราะฉะนั้นตามที่เราทำามาเพียงนี้ นับวูา
สำาเร็จดังหมาย อนึ่ งเมื่อนางทรงถามวูาพระองค์ทรงเรียนหนังสือจากสำานักไหนนั้น ถ้าจะแปล
เป็ นภาษาผ้่ชายแปลวูาทูานคือใคร"

พระวัชรมุกุฏได้ทรงฟั งดังนั้นก็ยินดี ครั้นวันรูุงขึ้นก็ทรงบอกนางนมวูา พระองค์เป็ น


ยุพราชกรุงพาราณสีให้นางนมเข้าไปท่ลพระราชธิดาเถิด ฝู ายนางนมได้ทราบดังนั้นก็ดีใจ แตู
กลูาววูาทราบมาแตูแรกแล้ว เช้าวันนั้นก็เข้าไปในวังเฝ้ าพระราชธิดาท่ลวูา
"พระยุพราชซึ่งนางได้ทำาให้มใี จใฝู ฝั นตั้งแตูวันที่ได้เห็นกันริมสระ เมื่อวันขึ้น ๕ คำ่า
เดือนกูอนนั้น เสด็จมาที่เรือนข้าพเจ้าแลให้ข้าพเจ้ามาท่ลวูาพระองค์เสด็จมาแล้ว นางทำากิริยา
เป็ นสัญญาณที่ริมสระอยูางไร ก็จงทำาตามสัญญาณนั้นเถิด พระราชบุตรองค์น้ี ทรงศักดิส ์ มควร
แกูนางแท้ นางจงฟั งคำาข้าพเจ้าเถิด"
นางปั ทมาวดีได้ทรงฟั งดังนั้นก็สำาแดงความโกรธยิ่งกวูาครั้งกูอน นางเสด็จลุกไปเอา
กระแจะจันทน์ละเลงบนพระหัตถ์ท้ังสองพระหัตถ์แล้วตบเข้าที่แก้มนางนมทั้งสองแก้ม ตรัสวูา
"แกจงรีบไปจากวังนี้ โดยเร็ว มิฉะนั้นจะต้องรับโทษยิง ่ กวูานี้ แกจำาไมูได้หรือวูาข้าห้ามไมูให้เอา
เรื่องนี้ มาพ่ดตูอไปเป็ นอันขาด" นางนมอกจากวังกลับไปท่ลพระวัชรมุกุฏ ตูางคนเสียใจที่ไป
หลงเชื่อพุทธิศริระ

ครั้นเลูาความให้พุทธิศริระฟั ง พุทธิศริระก็ท่ลพระราชบุตรวูา "พระองค์อยูาทรงตกใจ


การที่พระราชธิดาเอากระแจะจันทน์ทาแก้มนางนมด้วยนิ้ ว ๑๐ นิ้ วนั้น หมายความวูากลางคืน
ยังมีแสงพระจันทร์อยู่อีก ๑๐ คืน เมื่อพ้น ๑๐ คืนไปแล้ว นางจะออกมาพบพระองค์ในที่มืด
พระองค์จงหักความกระวนกระวายในพระหฤทัยคอยไปอีก ๑๐ วันเถิด"
พุทธศริระท่ลแปลกิริยาแหูงพระราชธิดาแล้ว ก็ท่ลตูอไปวูานางองค์น้ี เห็นจะฉลาด
เกินที่จะเป็ นความสุขแกูสามี เพราะฉะนั้นพระราชบุตรควรหยุดยั้งชั่งพระหฤทัยด่ แตูในขณะที่
ยังมีเวลาจะถอนพระองค์ได้ คำาตักเตือนอันนี้ พระวัชรมุกุฏไมูทรงฟั งเลย

ครั้นพ้นกำาหนด ๑๐ วันไปแล้ว ชายหนู ุมทั้งสองก็ให้นางนมเข้าไปเฝ้ าพระราชธิดา


คราวนี้ นางเอาหญ้าฝรั่นทานิ้ วพระหัตถ์ ๓ นิ้ วแล้วประไว้บนแก้มนางนม ครั้นนางนมกลับมา
เลูา พุทธิศริระก็อธิบายวูา นางขอผลัดอีก ๓ วัน เพราะยังประชวรพระโรคลำาดับเดือน วันที่ส่ี
เป็ นวันนัดให้เสด็จ ครั้นวันที่ส่น ี างนมเข้าไปเฝ้ าอีกครั้งหนึ่ ง คราวนี้ พระราชธิดากริ้วมาก เสด็จ
ทรงฉุดตัวนางนมไปที่ประต่ด้านตะวันตก ทรงผลักให้ออกประต่น้ัน แลตรัสวูาถ้ากลับเข้าไปอีก
จะตีด้วยแส้
ครั้นนางนมกลับไปเลูาให้พุทธิศริระฟั ง พุทธิศริระอธิบายวูา พระราชธิดาเชิญพระ
ราชบุตรให้เสด็จไปพรูง ุ นี้ เวลากลางคืน แลให้เข้าทางประต่ด้านตะวันตก ครั้นเวลากลางคืนวัน
รูุงขึ้น พุทธิศริระท่ลเตือนพระวัชรมุกุฏให้เตรียมพระองค์ พระวัชรมุกุฏไมูต้องให้มีใครเตือน
กำาลังแตูงพระองค์อยู่แล้ว แท้จริงแตูงพระองค์อยู่หลายชั่วโมงจึงเสร็จ ครั้นแล้วก็เสด็จออกมา
ถามพุทธิศริระวูา ใช้ได้หรือยัง พุทธิศริระท่ลตอบวูางามมาก แล้วท่ลเตือนอีกครั้งหนึ่ งวูา
สังเกตเห็นนางฉลาดเกินไป ถ้าจะได้เป็ นเมียเห็นจะไมูมีสุขอยูางเมียโงูๆ

ครั้นเวลาเที่ยงคืน ชายหนู ุมทั้งสองก็พากันออกเดินไปยังประต่ด้านตะวันตกแหูง


พระราชวัง ครั้นถึงประต่เห็นปิ ดงับแง พุทธิศริระก็ยูองเข้าไปด่เห็นนายประต่น่ังหลับอยู่ แล
เห็นหญิงคนหนึ่ งมีผ้าคลุมหัวยืนคอยอยู่ข้างใน พุทธิศริระก็ยูองกลับไปท่ลพระราชบุตร พระ
ราชบุตรก็เสด็จยูองเข้าประต่ไป พุทธิศริระคอยอยู่สักครู่หนึ่ งก็กลับไปที่พก
ั ฝู ายพระราชบุตร
ครั้นเข้าไปในประต่แล้ว หญิงที่ยืนคอยอยู่ก็จับพระหัตถ์แลทำาสัญญาณให้เดินเบาๆ แล้วนำาไป
ตามทางมืด บางแหูงจุดไฟริบหรี่ สักครู่หนึ่ งไปถึงบันไดศิลาก็พากันขึ้นไปบนตำาหนักพระราช
ธิดา พระวัชรมุกุฏเสด็จออกจากที่มืดเข้าไปที่สวูางก็มัวพระเนตรอยู่ครู่หนึ่ ง ประเดีย
๋ วทอด
พระเนตรด่รอบห้องเป็ นที่งดงามแตูงด้วยเครื่องบำารุงความสำาราญตูางๆ กลิน ่ ควันเผาเครื่อง
หอมแลกลิ่นดอกไม้หอมตลบไปทั้งห้อง ตะเกียงเงินซึ่งจุดด้วยนำ้ามันหอมก็สูงกลิ่นอันพึงส่ดดม
ข้างหนึ่ งมีดอกไม้กองรอบเตียงลาดผ้าขาวปั กด้วยเส้นทอง โรยด้วยดอกพุทธชาดซึ่งเก็บใหมูๆ
อีกข้างหนึ่ งมีภาชนะรองหีบหมากแลขวดนำ้าดอกไม้เทศ มีถาดรองเครื่องหอมตูางๆ แลภาชนะ
รองเครื่องหวานหลายอยูาง มีนางกำานัลคอยรับใช้ประจำาที่ บ้างก็มีหน้าที่อูานกาพย์กลอน บ้าง
ก็มีหน้าที่ฟ้อนรำาแลบรรเลงดนตรี รวมความวูาเครื่องสำาราญตาสำาราญใจมากอยูางมีอยู่ใน
ห้องนั้น
สักครู่หนึ่ งพระราชธิดาเสด็จเข้ามาเปลื้องผ้าคลุมพระพักตร์ออกสำาแดงพระองค์ให้
เห็น พระวัชรมุกุฏสะด้ง ุ ด้วยความยินดี นางเชิญพระราชกุมารให้น่ัง ทรงชโลมพระองค์ด้วย
กระแจะจันทน์ แลโปรยนำ้ากุหลาบถวาย แล้วทรงโบกพัดอันทำาด้วยขนนกย่งมีด้ามทอง พระ
วัชรมุกุฏตรัสแกูนางวูา
"พระหัตถ์อันอูอนของนางนี้ ไมูสมควรจะโบกพัด นางจงหยุดเสียเถิด ข้าได้เห็นนางก็
มีความเอิบอิ่มในใจ แม้ไมูต้องพัดก็เย็นพออยู่แล้ว นางจงประทานพัดให้ข้าเถิด" นางปั ทมาวดี
ยิ้มพลางท่ลวูา "พระองค์ทรงอุตสูาห์เข้ามาถึงที่น้ี เป็ นพระเดชพระคุณนักหนา สมควรข้าพเจ้า
จะปฏิบัติพระองค์ด้วยความกตัญญ่" ขณะนั้นนางกำานัลคนโปรดเข้ามารับพัดไปถวายอยู่งาน
ท่ลวูา " หน้าที่ปฏิบัติของข้าพเจ้า สองพระองค์จงทรงสำาราญเถิด"

เวตาลเลูามาถึงเพียงนี้ กห็ ยุดพักครู่หนึ่ ง แล้วเลูาตูอไปวูา "ครั้นเวลารูุงเช้า นาง


ปั ทมาวดีก็ซูอนพระราชกุมารไว้ในที่ลับ ครั้นกลางคืนก็ทรงสำาราญอยูางคืนกูอน พระราชกุมาร
มีความสุขจะหาเสมอมิได้ โลกใหญูกว้างก็ทรงลืมหมด คงเหลืออยู่แตูโลกในตำาหนักนางเทูานั้น
ฝู ายนางปั ทมาวดีเป็ นหญิงเฉลียวฉลาด เมื่อได้สามีท่ีปัญญาอูอนก็ยิ่งผ่กรักแนู นขึ้น ดังคำา
โบราณกลูาววูา คนตรงกันข้ามในเชิงปั ญญายูอมลูอใจกัน ในชั้นต้นนางตั้งแตูงให้พระสวามี
เป็ นคนปราดเปรื่องโดยอธิบายวูานำ้านิ่ งไหลลึก เมื่อพระราชกุมารไมูใครูตรัสก็นึกวูาคงจะมี
ความคิดรูง ุ โรจน์น่ิ งไว้ในพระหฤทัย คนมีคิ้วกว้างแลโค้งงามเชูนนี้ จะไมูฉลาดอยูางไรได้ คนมี
หนวดนู าด่เชูนนั้นคงจะต้องเป็ นผ้่มีใจโอบเอื้ออยู่เอง คนมีตาเชูนพระราชกุมารจะไมูเป็ นคนกล้า
นั้นไมูได้ นางปั ทมาวดีหลงคิดดังนี้ ในชั้นต้น
ครั้นตูอมาก็เห็นพระสามีฉลาดเฉลียวน้อยลง แตูความเสนูหาของนางมิได้ลดหยูอน
กลับจะมากขึ้น เป็ นต้นมาวูาเมื่อสอนให้ทรงทูองกาพย์กลอน เธอจำาไมูใครูได้ นางก็ทรงพระ
สรวลเห็นนู าเอ็นด่ เมื่อเธอพ่ดสันสกฤตผิดไวยากรณ์ก็เห็นนู ารัก เมื่อเธอสบถก็เห็นไพเราะ

ตูอๆ มานางก็สงสัยวูาจะมีใครอีกคนหนึ่ ง ซึ่งลูวงร้่กับพระสวามีในเรื่องลอบรักกับ


นางนี้ แตูนางก็มิได้ท่ลถามตรงๆ เป็ นแตูสง ั เกตวาจาที่ตรัสแลท่ลไลูเลียงอ้อมค้อม จนในที่สุด
วัชรมุกุฏทรงเลูาให้นางฟั งถึงพุทธิศริระผ้่มีปัญญา เริ่มแตูความเห็นทับถมหญิงทั้งหลายตลอด
จนแปลกิริยาตูางๆ ที่นางได้ทำาเป็ นเครื่องสัญญาณ ในที่สุดความเห็นของพุทธิศริระวูา นาง
ฉลาดเกินที่จะเป็ นเมีย ซึ่งเป็ นความสุขแกูผัวนั้นก็ตรัสเลูาด้วย
นางปั ทมาวดีทรงคิดในใจวูา "ถ้าเราไมูแก้แค้นชายคนนั้นได้ ขอให้เราเกิดเป็ นลาของ
คนทำาสวนในชาติหน้าเถิด" ทรงคิดดังนี้ แล้ว นางก็ตรัสชมความฉลาดของพุทธิศริระยกขึ้นไป
ถึงฟ้ า ตรัสวูาทรงร้่สก
ึ บุญคุณของชายผ้่น้ันที่ได้ชูวยให้นางถึงความสุข แลสำาแดงประสงค์จะ
ใครูพบพุทธิศริระสักครั้งหนึ่ ง

ฝู ายพระวัชรมุกุฏเสด็จซูอนอยู่ในนิ เวศน์นางประมาณเดือนหนึ่ งก็รำาลึกถึงโลก


ภายนอก เธอเสวยมากไป ไมูได้ออกขี่ม้าลูาเนื้ อบูอยๆ เหมือนแตูกูอนก็เกิดไมูสบาย พระพักตร์
และพระเนตรเหลือง มีอาการหาวดังซึ่งคนตับพิการมักจะเป็ น บางเวลาก็ปวดพระเศียรแล
เสวยอาหารไมูได้ จะซูอนอยู่ก็ไมูเป็ นสุข
วันหนึ่ งอยูพ
่ ระองค์เดียวทรงนึ กดังๆ วูา "เราได้ทิ้งเมืองมาก็นานแล้ว แลสหายซึ่งได้
ชูวย ให้เรา ได้รับความสุขเชูนนี้ ก็ไมูได้พบกันมาตั้งเดือน สหายของเราจะบูนอยูางไรบ้างแลจะ
อยู่เป็ นสุขหรือไรเรา ก็ไมูทราบได้เลย"
ขณะนั้นนางปั ทมาวดีเข้าไปถึง ได้ยินหางเสียงที่ตรัสก็เข้าใจตลอด นางเห็นเป็ นชูอง
อันดีท่ีจะสำาเร็จความคิด จึงตรัสหาความพระสามีวูา พระหฤทัยไมูย่ง ั ยืนอยากจะเปลี่ยนบูอยๆ
ครั้นเห็นพระสามีตรัสปฏิเสธ นางก็กลูาวซำ้าจนเธอจวนจะกริ้วอยู่แล้ว เธอจึงตรัสอ้างคัมภีร์
โบราณวูาภริยาที่ไมูมีล่ก สามีควรทิ้งไปหาใหมูในปี ที่แปด ภริยาที่มีล่กเกิดมาตายหมดในปี
ที่๑๐ ภริยาที่มีแตูลก ่ หญิงในปี ที่ ๑๑ แลภริยาซึ่งกลูาวดุดันสามีน้ัน สามีควรทิ้งไปหาใหมูทันที

นางได้ยน ิ พระสามีตรัสดังนั้นก็อธิบายวูาคำาที่นางกลูาวนั้น มิใชูกลูาวถึงความรัก


ระหวูางระหวูางสองพระองค์ นางกลูาวถึงข้อที่พระสามีลืมพุทธิศริระผ้่สหายนั้นดอก นางตรัส
วูา "พระองค์เสด็จอยู่ท่ีน่ี พระหฤทัยออกไปอยู่กับสหายเชูนนี้ จะมีสุขอยูางไรได้ พระองค์ทรง
ซูอนความในพระหฤทัยไว้ด้วยเหตุใด เกรงวูาถ้าข้าพเจ้าทราบข้าพเจ้าจะเดือดร้อนฉะนั้นหรือ
พระองค์จงเชื่อชายาของพระองค์วูาคงจะไมูมีประสงค์ให้พระองค์เลิกร้างจากสหายซึ่งมีคุณแกู
เราทั้งสองนั้นเป็ นอันขาด" นางปั ทมาวดีท่ลเชูนนั้นแล้วก็แนะนำาให้เสด็จออกไปหาพุทธิศริระใน
คืนวันนั้น เพื่อจะได้สิ้นหูวงถึงสหาย อนึ่ งนางจะฝากของออกไปแทนคุณพุทธิศริระบ้าง พระวัชร
มุกุฏทรงยินดีตรงเข้าสวมกอดนาง กลับทำาให้นางโกรธในใจ เพราะเห็นวูาถนัดทรงยินดีท่ีจะทิ้ง
นางไปหาสหาย นางเกรงจะซูอนความโกรธไว้ไมูได้ก็รีบหนี ไปจัดของที่จะฝากไปประทานพุทธิ
ศริระ
สักครู่หนึ่ งนางเสด็จกลับมาในห้องถือถุงบรรจุของกินมาสูงถวายท่ลวูา ขอให้
ประทานแกูพุทธิศริระวูาเป็ นของซึ่งนางทำาด้วยพระหัตถ์ ถึงแม้คนมีปัญญาก็คงจะชมรสซึ่งมีใน
ขนมนั้น

พระยุพราชเมื่อได้ล่ ำาลานาง สวมองค์แล้วสอดกรเลูา คำาลาคำาท้ายกลับเป็ นคำาต้น


หลายครั้ง แล้วก็เสด็จเล็ดลอดออกจากวัง ครั้นผูานพ้นประต่ซึ่งนายประต่น่ังหลับตามเคย ถึง
ถนนใหญูก็รีบทรงดำาเนิ นตรงไปบ้านหญิงนางนม เวลานั้นเป็ นเวลาเที่ยงคืนแม้ฉะนั้นพุทธิศริ
ระยังนั่งอยู่หน้าเรือน ครั้นพระยุพราชเสด็จไปถึงตูางก็แสดงความยินดี พระวัชรมุกุฏตรัสแสดง
ความร้อนพระหฤทัยที่เห็นพุทธฺศริระมีอาการซ่บซีด พุทธิศริระท่ลวูาไมูได้ยินขูาวเจ้าช้านานก็
ร้อนใจกินไมูได้ นอนไมูหลับ จึงมีอาการเชูนนี้
พระวัชรมุกุฏได้ทรงฟั งอธิบายถึงความสำาราญในวัง ซึ่งทรงคิดวูาไมูยิ่งหยูอนกวูา
ความสุขในสวรรค์ ทั้งยกนางปั ทมาวดีเชิดช่ขึ้นไปถึงฟ้ า เทียบกับนางเทพธิดา ซึง ่ เป็ นหมู่ชนที่
ไมูเคยทรงพบเห็นก็จริงอยู่ แตูคงจะไมูล้ ำาเลิศเกินนางปั ทมาวดีไปได้ ทั้งในความงามแลความ
เฉลียวฉลาดทุกประการ พุทธิศริระได้ยินรับสั่งยอพระเกียรตินางยืดยาวเชูนนั้น ก็โคลงศีรษะ
ยิ้มมิได้กลูาวประการใด พระยุพราชทรงเห็นดังนั้นก็ตรัสวูา "อยูางเกูาอีกแล้ว ความสำาราญ
ของทูานอยู่ในความลบหลู่ปัญญาของผ้่อ่ ืน ไมูเปลี่ยนแปลงบ้างเลย ทูานคงจะคิดอิจฉานางเสีย
แล้ว อิจฉาวูามีปัญญา แลอิจฉาวูานางรักข้า ทูานจงเชื่อข้าวูานางองค์น้ี ดีหาที่เปรียบมิได้ ถึงแม้
ทูานเกลียดผ้่หญิง เมื่อได้ทราบคำาสรรเสริญที่นางกลูาวถึงทูานทราบคำาสั่งที่นางสั่งมาถึง แล
ทราบรสแหูงของกินที่นางฝากมาประทานทูานจะเว้นชมนางไมูได้เป็ นแนู นี่ แนู ะทูานจงกิน
ขนมนี้ ซึง่ นางฝากมาให้ทูานโดยเฉพาะ เป็ นขนมซึ่งนางทำาด้วยพระหัตถ์นางเอง"
พุทธิศริระท่ลวูา "นางสั่งมาถึงข้าพเจ้าอยูางไรได้ อยูางไรนางจึงฝากของมาประทาน
นางไมูทรงทราบวูามีข้าพเจ้าอยู่ในโลกนี้ พระองค์ไปรับสั่งถึงข้าพเจ้าขึ้นแล้วกระมัง" พระวัชรมุ
กุฏตรัสตอบวูา "คืนหนึ่ งข้านั่งอยูค
่ นเดียวกำาลังคิดถึงทูานก็มีอาการซึมเซาไป นางเข้ามาพบก็
ถามวูาเหตุไรจึงเป็ นเชูนนั้น ข้าก็ตอบนางตามจริงแลเลูาให้ฟังถึงทูานแลความฉลาดของทูาน
นางได้ทราบก็อนุญาตให้ข้าออกมาหาทูาน แลสูงขนมนี้ มาให้ทูานกิน ทูานจงกินให้สมศรัทธา
ของนางผ้่ทำาแลข้าผ้่ถือมาเถิด"

พุทธิศริระท่ลวูา "พระองค์จงประทานอภัยแกูข้าพเจ้าแลทรงฟั งคำาที่ข้าพเจ้าท่ลนี้ เถิด


การที่รับสั่งบอกชื่อข้าพเจ้าแกูนางนั้นไมูดีเลย ผ้่ชายไมูควรทำาให้ผ้่หญิงร้่ได้วูาความลับซึ่งนาง
บอกแกูมือซ้ายแหูงชายนั้นทราบไปถึงมือขวา ถึงยิ่งทราบไปถึงคนอื่นด้วยยิ่งร้ายใหญู อีกอยูาง
หนึ่ งการที่ทรงสำาแดงให้นางทราบวูา ทรงพระเมตตาข้าพเจ้านั้นก็ไมูเป็ นทางดี เพราะ ผ้่หญิง
ยูอมจะเกลียดเพื่อนของชายที่รัก " พระยุพราชตรัสวูา "ข้าจะทำาอยูางไรได้ เมื่อข้ารักนางข้าก็
ไมูอยากปกปิ ดข้อความอะไร เมื่อนางถามก็บอกตรงๆ ทั้งนั้น" พุทธิศริระท่ลวูา "พระหฤทัยเชูน
นี้ เมื่อพระองค์จำาเริญพระชนม์ยิ่งขึ้นก็คงจะเปลี่ยน เพราะจะทรงทราบได้วูา ความรักระหวูาง
หญิงกับชายนั้น คือการเลูนซึ่งต้องใช้ปัญญาระหวูางคนสองคนที่มีเพศตูางกัน ฝู ายหนึ่ งเพียร
จะเอาเปรียบมากที่สุด อีกฝู ายหนึ่ งเพียรจะเสียเปรียบน้อยที่สุดที่จะเป็ นได้ คนทั้งสองตูอส้่กัน
บนกระดานสกาเชูนนี้ ฝู ายที่ปัญญาแหลมกวูาแลชำานาญกวูายูอมชนะเสมอ ความไมูพ่ดนั้น
เป็ นสิง ่ ที่หัดทำาได้ ถ้าพระองค์ทรงซ้อมอยู่สักปี หนึ่ งจะทรงเห็นวูา การเปิ ดความลับนั้นยากกวูา
การปิ ดไปเสียอีก ถ้าจะกลูาวถึงขนมที่นางประทานมานี้ ข้าพเจ้ายอมเอาชีวิตข้าพเจ้าเป็ นสิน
พนันกับชีวต ิ หมาวูาขนมนี้ ผสมด้วยยาพิษ" พระวัชรมุกุฏตรัสวูา "เป็ นไปไมูได้เป็ นอันขาด ไมูมี
ใครในโลกนี้ จะทำาอยูางที่ทูานวูา ถ้าคนไมูกลัวคนด้วยกันก็ต้องกลัวพระผ้่เป็ นเจ้าบ้าง" พุทธิศริ
ระกลูาววูา " ข้าพเจ้าเกิดมายังไมูเคยร้่เลยวูา ผ้่หญิงที่กำาลังรักกลัวพระผ้่เป็ นเจ้าหรือกลัวอะไร
บ้าง แตูข้อที่ข้าพเจ้ากลูาวนั้นทดลองได้งูายๆ (พ่ดพลางเรียกหมาที่นอนอยู่ข้างนั้น แล้วโยน
ขนมให้หนู อยหนึ่ งกลูาววูา) "เอ้า เอ็งไปหาญาติสามหัวของเอ็งซึ่งเป็ นผ้่รับใช้มัจจุราชนั้นเกิด"
หมาได้ยินก็ลุกขึ้นกินขนมที่พุทธิศริระโยนให้ ประเดีย ๋ วก็ล้มลงขาดใจตาย พระ
ยุพราชเห็นดังนั้นก็ทรงเสียใจเป็ นกำาลัง ตรัสวูา "นางชูางเป็ นเชูนนี้ ได้ ไมูคิดเลยวูาจะชั่วช้าถึง
ปานนี้ ข้าหลงรักนางนักหนา ไมูร้่เลยวูาใจคอหยาบคายมาก ข้าจะกล้าอยูก ่ ับนางไปอยูางไร
ได้" พุทธิศริระท่ลวูา "สิง ่ ใดเกิดแล้วสิ่งนั้นยูอมเกิดแล้ว จะแก้ให้กลับไมูเกิดนั้นไมูได้ ข้าพเจ้า
คิดเกรงมาแตูแรกแล้ววูา พระราชกุมารีทรงปั ญญาหลักแหลมนักคงจะทำาอะไรชนิ ดนี้ เป็ นแนู
เพราะคนเราไมูมีใครจะทำาอะไรผิด จะทำาอะไรโงูๆ จะทำาอะไรนอกคอกเหมือนหญิงสาวมี
ปั ญญา แม้จะทำาการที่มีโทษ ก็ทำาให้สนิ ทสนมไมูได้ ข้าพเจ้าขออยู่หูางไกลปั ญญาหญิง ขออยู่
กับความโงูเขลาจึงจะเป็ นสุข" ในตอนนี้ พระราชบุตรมิได้ทรงยกยูองความฉลาดเลย พุทธิศริ
ระจึงท่ลตูอไปวูา "ข้าพเจ้าก็ได้ท่ลกำาชับแล้วเพราะเกรงจะเป็ นเชูนนี้ แตูบัดนี้ เมื่อได้เห็นฤทธิ ์
นางแล้วก็เบาใจ นางคิดไมูสำาเร็จครั้งนี้ นับวูาสิ้นโอกาสที่จะทำาการเชูนเดียวกันอีก หรือถ้าทำาก็
ไมูใชูทำาในเร็ววันนี้ ข้าพเจ้าขอท่ลถามปั ญหาข้อหนึ่ ง คือถ้าไมูได้อยู่กับนางพระองค์จะมีความ
สุขได้หรือ" พระยุพราชทรงถอนใจใหญูตรัสวูา "ไมูได้เป็ นแนู "
พุทธิศริระท่ลวูา "ถ้าไมูได้ก็ต้องใช้ปัญญาด้วยมีความร้่วูาไมูได้น้ันเป็ นบรรทัด เราจะ
ต้องประชันหน้ากับนางในสนามรบ แลเอาชัยในเชิงอาวุธที่นางใช้เอง อาวุธนั้นคือความหลอก
ลูอ ตามธรรมดาข้าพเจ้าไมูเต็มใจจะทำากลกับหญิง แตูนางองค์น้ี เห็นจะเป็ นชายาดีของพระองค์
แท้จริง การวางยาพิษนี้ นางเพียรจะเอาชีวิตข้าพเจ้า มิใชูชีวต ิ พระองค์ จะวูานางประทุษร้ายตูอ
พระองค์ไมูได้ พระองค์เสด็จออกมาครั้งนี้ นางกำาหนดให้เสด็จกลับเมื่อไร" พระยุพราชตรัสวูา
"เมื่อข้าสิ้นหูวงทูานแล้วให้กลับเข้าไป" พุทธิศริระกลูาววูา "ถ้าอยูางนั้นนางคอยทูาเสด็จกลับ
พรูุงนี้ กลางคืน เพราะจะเสด็จกลับเข้าวังกูอนนั้นไมูได้ ข้าพเจ้าจะขอท่ลลาไปเข้าที่นอน เพื่อจะ
ได้ตรึกตรองหาทางที่จะทำาการให้สำาเร็จประสงค์" พุทธิศริระท่ลดังนั้นแล้วพระราชบุตรก็เข้าที่
บรรทม พุทธิศริระก็ไปนอน

กลางคืนวันรูุงขึ้นครั้นถึงเวลาเช้าพระวัชรมุกุฏก็เสด็จเข้าวัง พุทธิศริระไปสูงเสด็จ
ตามทาง ท่ลวูา "ความประสงค์ของเราคือจะพาตัวพระราชกุมารีไป พระองค์จงรับตรีศ่ล (คือ
สามงูาม) นี้ ไปซูอนในพระองค์ แลเมื่อพบนางจงสำาแดงเสนู หาให้มาก อยูาตรัสเลูาถึงการที่
เป็ นไปเมื่อคืนนี้ นางคอยฟั งไมูเห็นตรัสวูากระไรก็คงจะถามถึงข้าพเจ้า พระองค์จงตรัสบอก
นางวูาข้าพเจ้ากำาลังไมูสบาย ยังไมูได้กินขนมที่นางประทานออกมา ข้าพเจ้าเก็บขนมนั้นไว้วูา
จะกินคืนวันนี้ ในกลางคืนเมื่อนางบรรทมหลับ พระองค์จงลอบถอดเครื่องเพชรพลอยที่ประดับ
องค์นาง แล้วเอาตรีศ่ลนี่ แทงที่ชงฆ์ข้างซ้ายแหูงนางแล้วรีบเสด็จออกมาหาข้าพเจ้า ถ้านาง
บรรทมยังไมูหลับจงประทานผงนี้ ให้นางดม เมื่อดมผงนี้ แล้วอยูาวูาแตูคน ถึงช้างก็จะหลับ
เหมือนตายไปจนรูุงสวูาง แม้นแทงด้วยตรีศ่ลก็ไมูต่ ืน สูวนพระองค์เองนั้น อยูาลองดมยานี้ เป็ น
อันขาด"
พระวัชรมุกุฏทรงรับยาจากพุทธิศริระแล้ว ก็ทรงเล็ดลอดเข้าไปในวัง ในเวลาซึ่งนาย
ประต่น่ังหลับตามเคย ครั้นถึงตำาหนักพบนางนั่งคอยทูาอยู่ สององค์กส ็ ำาแดงยินดีตูอกันตาม
เยี่ยงอยูางหญิงชาย ฝู ายนางปั ทมาวดี แลด่พระเนตรแลสังเกตกิริยาพระสามี เห็นยิ้มแย้ม
แจูมใสดี นางก็หลอกผ้่ซึ่งหญิงฉลาดชอบหลอก (คือตัวเอง) วูา อุบายที่คิดไปนั้นสำาเร็จประสงค์
พระสามีไมูร้่กล แลตั้งแตูบัดนี้ นับวูาไมูมีใครอื่น ซึ่งพระสามีจะหูวงถึงตูอไป นางทรงนึ กรื่นรมย์
ในหฤทัยเชูนนี้ จนบรรทมหลับไป

ฝู ายพระวัชรมุกุฏ ครั้นนางหลับแล้วเกรงจะหลับยังไมูสนิ ทก็เอายาให้ดม แล้วถอด


เครื่องเพชรพลอยซึ่งประดับองค์นางจนหมด เอาตรีศ่ลแทงที่ชงฆ์ซ้ายแล้วรีบพาเครื่องประดับ
หนี ออกจากวังไปหาพุทธิศริระ พุทธิศริระตรวจด่ของเหลูานั้นแล้ว ก็ฉวยยูามห้อยบูาเชิญให้
ราชบุตรทรงดำาเนิ นตามไป จนถึงปู าช้าแหูงหนึ่ ง พุทธิศริระกับพระราชบุตรก็เปลี่ยนเครื่องแตูง
กาย พุทุธิศริระเองแตูงเป็ นโยคี พระราชบุตรแตูงเป็ นศิษย์ แล้วซูอนเสื้อผ้าซึ่งผลัดออกนั้น
สำาเร็จแล้ว พุทธิศริระผ้่เป็ นคร่จึงกลูาวแกูพระราชกุมารผ้่เป็ นศิษย์วูา
"ทูานจงไปในตลาดแลเที่ยวบอกขายเครื่องเพชรพลอยเหลูานี้ สำาแดงของให้คนเห็นมากๆ ด้วย
กัน แลถ้าใครจับกุมทูานจงพาตัวมาหาข้าพเจ้า"

ครั้นรูุงเช้าพระวัชรมุกุฏก็พาเครื่องประดับอันมีราคาเป็ นอันมากนั้นไปเที่ยวบอกขาย
ในตลาด ครั้นไปถึงร้านชูางทองร้านหนึ่ ง ยื่นของให้ดแ ่ ลบอกขายทั้งถามราคาของเหลูานั้นด้วย
ชูางทองนั่นเป็ นคนค้าขายโดยสุจริตตูอเมื่อจำาเป็ นจะสุจริต ครั้นเห็นคนหนู ุมไมูร้่จักราคาของ
นำาเอาของราคามากไปบอกขายเชูนนั้นก็กลูาววูาเป็ นของเลว และจะรับซื้อเป็ นราคาเพียงหนึ่ ง
ในพันแหูงราคาจริง ราคาที่ชูางทองจะรับพระวัชรมุกุฏไมูยอมขาย เพราะต้องการจะเที่ยวอวด
ของเหลูานั้นตูอไปอีก ครั้นจะสด็จ ออกจากร้าน ชูางทองก็เข้ากั้นประต่ไว้แล้วกลูาววูา ถ้าไมู
ยอมขายจะเรียกตำารวจจับ เพราะของเหลูานั้นชูางทองถ่กขโมยไปเมื่อ ๒ - ๓ วันนั้นเอง
ฝู ายพระราชกุมารเมื่อชูางทองกลูาวขู่ดังนั้นก็ไมูทรงหวาดหวั่นกลับทรงพระสรวล
ชูางทองลังเลในใจไมูกล้าเรียกตำารวจมาจริงๆ เพราะทราบวูาถ้าเรียกตำารวจมา สิง ่ ของเหลูา
นั้นจะเป็ นลาภแกูตำารวจ ยิง ่ กวูาเป็ นลาภแกูชูางทองหลายร้อยเทูา ชูางทองกำาลังตรึกตรองยัง
ไมูแนู ใจวูาจะทำาอยูางไรดี พอมีคนอีกคนหนึ่ งเข้ามาในร้าน คนที่มาใหมูน้ันเป็ นชูางทองหลวง
ครั้นเห็นเครื่องประดับเข้าก็จำาได้แลกลูาววูา "เครื่องประดับเพชรพลอยเหลูานี้ เป็ นของพระราช
ธิดา ข้าพเจ้าจำาได้ถนัด เพราะได้เป็ นผ้่ทำาเมื่อ ๒ - ๓ เดือนนี้ เอง (พ่ดเทูานั้น แล้วชูางทองหลวง
หันไปถามพระราชกุมารวูา) "เจ้าได้ของเหลูานี้ มาแตูไหน"

ในเวลาที่ไตูถามกันอยู่เชูนนี้ มีคนมายืนมุงด่เป็ นอันมาก จนขูาวทราบไปถึงผ้่


บังคับการตำารวจ ผ้่บังคับการตำารวจจึงให้ตามตัวพระราชกุมารแลชูางทองทั้งสองคนไปไตูสวน
ครั้นไปถึงพร้อมกันแลตรวจของกลางแล้ว ผ้่บง ั คับการตำารวจก็ถามพระราชกุมารวูา "เจ้าได้
ของเหลูานี้ มาแตูไหน จงให้การไปแตูความจริง" พระวัชรกุมารแสร้งทำาเป็ นกลัว ตรัสตอบวูา
"คร่ของข้าพเจ้ามอบของเหลูานี้ ให้ข้าพเจ้าไปเที่ยวขาย ในเวลานี้ คร่ของข้าพเจ้ากระทำาการ
บ่ชาอยู่ท่ีปูาช้านอกเมือง จะได้ของเหลูานี้ มาจากไหนข้าพเจ้าหาทราบไมู ข้าพเจ้าเป็ นผ้่ไมูมี
ความผิด ทูานจงปลูอยตัวข้าพเจ้าไปเถิด"

ผ้่บังคับการตำารวจได้ยินดังนั้น ก็ให้ไปตามพุทธิศริระมาจากปู าช้า แล้วพาคนทั้งสอง


ไปเฝ้ าท้าวทันตวัต ท่ลความให้ทรงทราบทุกประการ ท้าวทันตวัตทรงฟั งเรื่องตลอดแล้วก็ตรัส
ถามพุทธิศริระวูา ได้ของเหลูานั้นมาแตูไหน พุทธิศริระได้ยินรับสั่งถาม ก็คลี่หนังโครำาออกป่
เป็ นอาสนะ แล้วนั่งลงชักประคำาทูองมนต์อยู่เกือบชั่วโมงหนึ่ ง จึงท่ลตอบวูา
"ข้าพเจ้ากลูาวคำาสัตย์ ด้วยมีพระมหาเทพเป็ นพยานวูาของเหลูานี้ เป็ นสมบัติของ
ข้าพเจ้า คือเมื่อวันแรมสิบสี่ค่ ำากลางคืน ข้าพเจ้าไปที่ปูาช้าเผาศพเพื่อจะสวดมนต์เรียกแมูมด
ข้าพเจ้าสวดเรียกอยู่ช้านานจึงเรียกมาได้ ครั้นแมูมดมาแล้วก็ทำากิริยากำาเริบอุกอาจ ข้าพเจ้า
จึงต้องลงโทษแทงด้วยตรีศ่ลอันนี้ ถ่กตรงขาซ้าย ถึงกระนั้นแล้วยังดื้อดึงอยู่อีก ข้าพเจ้าจึงปลด
เอาของเหลูานี้ ออกไว้เสีย แล้วไลูให้ไปตามใจ แตูเชูนนั้นแล้วยังทำากิริยากำาเริบอยู่อีกช้านาน
ข้าพเจ้าไมูเคยเห็นแมูมดที่ด้ ือดึงเชูนนั้นเลย ของเหลูานี้ ข้าพเจ้าได้มาจากแมูมดนั้น โดย
ประการที่ท่ลมาเชูนนี้ "

ท้าวทันตวัตได้ทรงฟั งดังนั้นก็ทรงเฉลียวใจขึ้นมา จึงตรัสให้โยคีคอยอยู่ท่ีท้องพระโรง


แล้วเสด็จขึ้นข้างใน พบพระราชมารดาก็ท่ลวูา "พระแมูจงเสด็จไปยังที่อยู่แหูงนางปั ทมาวดี
พระราชธิดาของข้าพเจ้า แลตรวจด่ชงฆ์ซ้ายแหูงนางวูามีรอยอันใดบ้าง แลเป็ นรอยชนิ ดไหน
ข้าพเจ้าจะคอยฟั งอยู่ท่ีน้ี " พระราชมารดาเสด็จไปครู่หนึ่ ง ก็เสด็จกลับมาตรัสแกูท้าวทันตวัตผ้่
พระราชบุตรวูา "แมูได้ไปถึงห้องนางปั ทมาวดีแล้ว นางนอนอยู่ในที่บรรทม มีแผลสามรอยอยู่
ที่ชงฆ์ซ้าย มีอาการเหมือนหนึ่ งเจ็บปวดมาก แมูถามวูาได้แผลนั้นมาอยูางไร นางตอบวูาตะป่
ตำา แตูแมูไมูเคยเห็นตะป่สามแหลมเชูนนี้ นางคงจะได้ทุกข์มากเพราะแผลนั้น แมูจะรีบกลับไป
ด่แลรักษามิฉะนั้นอาจเป็ นเหตุให้เกิดความเศร้าโศกในวงศ์ญาติ"
พระราชมารดาตรัสดังนั้นแล้ว ก็เสด็จกลับไปยังที่อยู่แหูงพระราชธิดา ฝู ายท้าวทันต
วัตได้ทรงฟั งดังนั้นก็อ้ ำาอึ้งในพระหฤทัย ทรงคิดวูา " การในเรือนหนึ่ ง ความคิดในใจหนึ่ ง ความ
เสียหายหนึ่ ง ไมูควรจะบอกให้ใครทราบ เมื่อนางปั ทมาวดีเป็ นแมูมดเชูนนี้ นางก็มิใชูบต ุ รีของ
เรา จำาเราจะไปหารือโยคีด่" ตรัสเทูานั้นแล้วก็เสด็จออกไปที่ท้องพระโรง ตรัสให้ศิษย์ของโยคี
ถอยออกไป แล้วก็ตรัสถามโยคีวูา "ทูานผ้่ทรงความร้่จงบอกแกูข้าวูา หญิงที่เป็ นแมูมดนั้น
ธรรมศาสตร์บัญชีให้ลงโทษอยูางไร" พุทธิศริระผ้่เป็ นโยคีท่ลวูา "ข้าแตูพระมหาราชา
ธรรมศาสตร์กลูาววูา ถ้าพราหมณ์หรือวัวหรือหญิงหรือเด็ก หรือผ้่ท่ีอยู่ในปกครองของเรา
กระทำาความผิดอันนั้นทูานให้ลงโทษไลูเสียจากบ้านเมือง ถึงแม้จะควรอยูางยิง ่ ที่จะลงโทษ
ประหารชีวิต ก็ลงโทษถึงปานนั้นไมูได้เพราะพระลักษมีไมูโปรด"

พระราชาได้ทรงฟั งดังนั้นก็ประทานรางวัลแกูโยคีเป็ นอันมาก แล้วเสด็จขึ้นจากท้อง


พระโรง
ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็ตรัสให้ราชบุรุษซึ่งเป็ นที่ไว้พระหฤทัยจับนางปั ทมาวดีคุมตัวออกไปนอก
เมือง แลปลูอยทิ้งไว้กลางปู าซึ่งมากด้วยภ่ตผีปีศาจแลสิงห์เสือร้ายทั้งปวง
ฝู ายพุทธิศริระกับพระราชกุมารออกจากที่เฝ้ าก็รีบกลับไปปู าช้า ผลัดเครื่องแตูงกาย
ตามเดิมแล้วก็กลับไปเรือนหญิงนางนม ให้รางวัลแกูหญิงนั้นมากมายจนแกนั่งร้องไห้ด้วย
ความยินดี แล้วชายทั้งสองก็ขึ้นม้าออกตามพวกราชบุรุษที่พานางไปปลูอย ครั้นพบนางกลาง
ปู าก็ชวนไปกรุงพราณสี

เราทูานไมูต้องสงสัยวูาเมื่อการเป็ นเชูนนั้น นางจะยอมเที่ยวเตร็ดเตรูอยู่องค์เดียวใน


ปู าหรือจะยอมไปกับพระราชกุมาร เวตาลเลูามาถึงเพียงนี้ ก็ทล ่ พระวิกรมาทิตย์วูา "พระองค์
ทรงนิ่ งฟั งมาช้านานยังมิได้ตรัสอะไรเลย ที่ทรงนิ่ งฟั งเชูนนี้ ก็คงจะเป็ นด้วยเพลินเรื่องที่ข้าพเจ้า
เลูา แตูเมื่อข้าพเจ้าเลูามาจบเชูนนี้ แล้ว ถ้าพระองค์ไมูอธิบายปั ญหาที่ข้าพเจ้าจะถามเดีย ๋ วนี้
พระองค์คงจะตกนรกเป็ นแนู ปั ญหาของข้าพเจ้านั้นคือวูา ชายหนู ุมหนึ่ ง สหายของชายหนู ุม
หนึ่ ง หญิงสาวหนึ่ ง บิดาของหญิงสาวหนึ่ ง ทั้งสี่น้ี ควรจะติโทษใครมากที่สุด"

พระวิกรมาทิตย์ตรัสวูา "ท้าวทันตวัตเป็ นผ้่ท่ีควรได้รับความติเตียนมากกวูาคนอื่น"


เวตาลท่ลถามวูาเพราะเหตุไร พระวิกรมาทิตย์ตรัสวูา "พระวัชรมุกุฏนั้นอยู่ในเวลาที่ลูุมหลง
หญิง เหตุฉะนั้นเสมอกับคนบ้า จะให้รับผิดชอบความประพฤติของตนเองนั้นไมูได้ พุทธิศริระ
เป็ นข้ารับใช้เจ้า เมื่อทำาการให้สำาเร็จประสงค์เจ้าแล้วก็นับวูากระทำาการดีโดยหน้าที่ สูวนนาง
ปั ทมาวดีน้ันนางเป็ นหญิงสาว เพราะฉะนั้นอาจฆูาคนได้อยู่เสมอไมูนับวูาทำาอะไรแปลก
ประหลาด แตู ท้าวทันตวัตนัน ้ เป็ นเจ้าครองแผ่นดิน ชนมายุไม่นอ ้ ย ควรจะรอบรู้การ
งานทัง ้ ปวง ไม่ควรจะหลงเชื่ออุบายตื้นๆ ยังมิทันได้ตรึกตรองให้ละเอียดก็ให้น้าพระ
ราชธิดาไปปล่อยกลางป่ าเช่นนี้ ควรติเตียนเป็ นอันมาก "

เวตาลได้ยนิ รับสั่งก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง กลูาววูา "ข้าพเจ้าจะกลับไปที่ต้นอโศก


เดีย
๋ วนี้ ข้าพเจ้าเกิดมายังไมูเคยได้ยินพระราชาติเตียนพระราชางูายดายถึงเพียงนี้ " เวตาลพ่ด
เทูานั้นแล้วก็ออกจากยูาม หัวเราะก้องฟ้ า ลอยกลับไปเกาะห้อยหัวอยู่ยังต้นอโศกตามเดิม.

The Vampire's First Story


นิ ทานเวตาลเรื่องที่ ๒
เรื่องที่ ๒

ฝู ายพระวิกรมาทิตย์ ครั้นเวตาลหลุดลอยไปแล้วก็ยืนตะลึงนิ่ งอยู่ครู่หนึ่ ง จึง


หันพระพักตร์พาพระราชบุตรดำาเนิ นไปยังต้นอโศก ครั้นถึงก็ปีนขึ้นไปปลดเวตาลลง
มาบรรจุลงยูามแบกดำาเนิ นกลับมา เวตาลก็เลูาเรื่อง ซึ่งกลูาววูาเป็ นเรื่องจริงอีก
เรื่องหนึ่ งดังนี้

ในเมืองโภควดี มีพระราชกุมารองค์หนึ่ งซึ่งข้าพเจ้าจะกลูาวได้วูาทรงเกียรติคุณ แล


ทรงศักดิป
์ ระดุจดังพระราชบุตรแหูงพระองค์ซึ่งตามเสด็จอยู่ ณ บัดนี้ เวตาลท่ลดังนั้น ประสงค์
จะท่ลพระราชาทางอ้อมแตูพระราชามิได้รับสั่งประการใดเพราะไมูโปรดการยอ แต่ถ้าจ้าเป็ น
ใครจะต้องยอใครแล้ว พระวิกรมาทิตย์โปรดให้ยอพระองค์เอง ไม่ต้องให้ยอผ่านคน
อื่น พระหฤทัยในข้อนี้ เนาวรัตนกวีย่อมทราบ แลใช้เป็ นหลักในการยอพระเกียรติ
แลใช้การยอพระเกียรติเป็ นหลักแห่งความมัง่ คัง่ ของเจ้าบทเจ้ากลอนทัง ้ เก้านัน

เวตาลเลูาตูอไปวูา พระราชกุมารองค์น้ันทรงนาม พระรามเสน เป็ นพระราชบุตรของ


พระราชาธิบดี ซึ่งข้าพเจ้าจำาต้องกลูาววูาผิดกับพระองค์มาก เพราะพระราชาองค์น้ันโปรดเข้า
ปู าลูาเนื้ อ โปรดเลูนสกา โปรดบรรทมกลางวัน เสวยนำ้าจัณฑ์กลางคืน โปรดความสำาราญซึ่ง
เป็ นไปในทางกาม ประกอบด้วยคุณชั่วหลายอยูาง คุณดีหายากแตูเป็ นที่รักที่นับถือของพระ
ราชบุตรแลธิดา เพราะเธอทรงเอาใจใสูท่ีจะให้เป็ นเชูนนั้น เธอไมูวางลงเป็ นบัญญัติมาแตู
สวรรค์วูาจะมีเหตุอันควรก็ดี มิมีก็ดี ล่กจำาเป็ นต้องรักพูอให้เต็มความรักซึ่งมีในใจ มิฉะนั้นก็ต้อง
ตกนรก ไมูเหมือนพูอแมูบางคนซึ่งถือตัววูาทรงคุณธรรมอันดี แตูใช้ล่กวิ่งตามหลังประหนึ่ ง...
เวตาลพ่ดไมูทันขาดคำา พระวิกรมาทิตย์ทรงพิโรธเป็ นกำาลังก็เอื้อมพระหัตถ์ไปข้างหลัง
จับแขนเวตาลเต็มกำากระชากด้วยกำาลังแรง เวตาลร้องโอยๆ เหมือนหนึ่ งเจ็บปวดมาก แตูถ้าจะ
สังเกตก็เหมือนแกล้งร้องเป็ นเชิงเยาะเย้ย ไมูใชูร้องด้วยเจ็บ เพราะเมื่อพระราชาหยุดกระชาก
เวตาลก็กลูาวตูอไปด้วยสำาเนี ยงแจูมใสวูา

พูอทั้งหลายแบูงเป็ นสามประเภท แลถ้าจะกลูาวการจำาแนกประเภทแหูงแมูก็ฉน ั


เดียวกัน พ่อประเภททีห ่ นึ่ ง เป็ นคนชนิ ดทีก
่ ล่าวได้โดยอุปมาว่า มีอกกว้างสามศอก มี
ใจกว้างตามขนาดแห่งอก พ่อชนิ ดนี้เป็ นคนใจดี ชอบสนุก เอาใจลูก มักจะจน แต่ลูก
รักเหมือนเทวดา พ่อประเภททีส ่ องอกกว้างเพียงศอกคืบ มีใจแคบเข้ามาตามส่วน
แห่งอก พูอชนิ ดนี้ ถ้าได้ยินข้าพเจ้าพ่ดดังที่พระองค์ได้ยินอยู่เดีย
๋ วนี้ ก็คงคิดในใจวูาอ้ายตัวนี่ มัน
พ่ดถ่ก ก่จะจำาคำาของมันเป็ นคติ ลองด่วูาจะเป็ นผลอยูางไรบ้าง คิดดังนั้นแล้วก็กลับไปบ้าน
ปฏิบัติการเอาใจล่กเป็ นขนานใหญู แตูไมูช้าก็กลับเป็ นอยูางเกูาเพราะความเที่ยงในใจไมูมี พ่อ
ประเภททีส ่ ามเป็ นคนอกกว้างศอกเดียวไม่มีเศษ สมมุติเป็ นทีส ่ ุดแห่งความแคบ แล
ใจก็ได้ขนาดกับอก
พระองค์ผ้่เป็ นพระราชาธิบดีอันส่งสุด เป็ นตัวอยูางพูออกศอกเดียวคือประเภทที่สามนี้
เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงเรียนวิชาซึ่งมีผ้่ส่ง ั สอนถวาย เชูน ความร้่ท่ีวูาไม้เรียว
เป็ นต้นไม้ซึง ่ คนอาจปีนขึ้นไปได้ถึงสวรรค์เป็ นต้น ครั้นพระองค์ทรงชนมายุถง ึ มัชฌิมวัย ก็
ทรงใช้ความร้่ท่ีเรียนมาในเบื้องต้น ทรงปล่กไม้เรียวสำาหรับให้พระราชบุตรปี นขึ้นไปสู่ทิพยโลก
พระองค์จะสอนอะไรตนเองก็สอนไม่ได้ ก่อนทีห ่ นวดแห่งพระองค์งอกงามเป็ นช่อ
ครัน ้ เมื่องอกงามแล้วใครจะสอนอะไรพระองค์ก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าใครเพียรจะท้าให้
พระองค์เปลีย ่ นความเห็น พระองค์ก็กล่าวค้าทีก ่ วีโง่ๆ กล่าวไว้ว่า

o อะไรใหมูมิใชูความจริงแนู ความจริงแท้เกิดใหมูเกิดได้หรือ
อะไรใหมูไมูจริงทุกสิ่งคือ อะไรจริงใชูช่ ือวูาใหมูเอย ฯ

แต่พระองค์ก็เป็ นประโยชน์แก่โลกเหมือนสิง ่ อื่นๆ ในแผ่นดิน เมื่อทรง


ชนมายุก็อยู่เหมือนอูฐซึง ่ รับใช้การ เมื่อสิ้นชนมายุแล้ว เถ้าแลถ่านอัฐิแห่งพระองค์ก็
ประสมธาตุอย่างเดียวกับเถ้าแลถ่านอัฐิแห่งผู้มีปัญญา
พระราชาทรงจับยูามกระชาก เวตาลร้องเหมือนเจ็บ ครั้นพระราชาทรงหยุดกระชาก
มันก็หัวเราะแล้วท่ลตูอไปวูา ข้าพเจ้ากลูาวตรงไปตรงมามิได้อ้อมค้อม เพราะถ้าไมูพ่ดตรง จะ
ต้องพ่ดยืดยาวจึงจะได้ความเทูาที่พ่ดนี้ บัดนี้ จะท่ลเลูาเรื่องตูอไปวูา

ครั้นพระราชากรุงโภควดีเป็ นอากาศปนกับอากาศไปแล้ว พระรามเสนก็ได้รับราช


สมบัติเป็ นมรดกสืบไป พระรามเสนมีนกแก้วตัวหนึ่ ง ซึ่งได้รับเป็ นมรดกจากพระราชบิดา นก
แก้วตัวนี้ เป็ นมรดกมีคูายิ่งทรัพย์สินเงินทองทั้งหลาย มีช่ ือวูา จุรามัน พ่ดสันสกฤตคลูอง
ราวกับบัณฑิต ร้่ศาสตร์ท้ังหลาย แลมีความคิดราวกับเทวดา เว้นแตูถ้าเทวดาจะไมูมีความคิด
แล้วก็จนใจอยู่ นกจุรามันนี้ เป็ นที่ปรึกษาของพระราชาองค์ใหมูในกิจสูวนพระองค์แลราชการ
บ้านเมืองทั่วไป

วันหนึ่ งพระราชาตรัสแกูนกจุรามันวูา "เจ้ามีความร้่ทุกอยูาง เจ้าจงบอกแกูข้าวูาข้าจะ


หานางได้ท่ีไหนผ้่จะเป็ นคู่สมควรแกูข้าทุกประการ คัมภีร์ศาสตร์กลูาววูา ชายจะมีเมียไมูควร
เลือกหญิง ในสกุลซึ่งกลูาวตูอไปนี้ แม้สกุลจะมั่งคั่งด้วยโค ด้วยแพะ ด้วยแกะ ด้วยทองแลด้วย
ธัญญาหารก็ต้องห้าม ถ้าเป็ นสกุลซึ่งไมูกระทำาการบ่ชาตามบัญญัติ ในคัมภีรศาสตร์ หรือเป็ น
สกุลซึ่งไมูมีล่กชาย หรือเป็ นสกุลซึง่ ไมูมีใครเคยเรียนพระเวท หรือเป็ นสกุลซึ่งคนมีขนขึ้นมาก
ตามกาย หรือเป็ นสกุลซึ่งมีโรคติดตูอกันมาแตูปูแ ่ ลบิดา ชายจะเลือกภริยาควรเลือกนางซึ่งมี
กายไมูมีตำาหนิ ซึง ่ มีนามไพเราะ ซึ่งเดินงามเหมือนช้างอูอนอายุ ซึ่งมีฟันแลผมพอดีท้ังขนาดแล
ปริมาณ ซึ่งมีกายอันอูอนนู ุม คัมภีรศาสตร์กลูาวเชูนนี้ เจ้าจะเห็นนางที่ไหนสมควรแกูข้าบ้าง"

นกจุรามันท่ลตอบวูา "ข้าแตูพระราชา ในเมืองมคธมีพระราชาทรงนาม ท้าวมคเธ


ศวร มีพระราชธิดาทรงนาม จันทราวดี นางนี้ จะได้กับพระองค์เป็ นแนู นางประกอบด้วย
ความร้่แลงดงามนัก มีฉวีเหลืองแลนาสิกเหมือนดอกงา ชงฆ์เรียวเหมือนต้นกล้วย เนตรใหญู
เหมือนใบบัว คิ้วจดกรรณทั้งสองข้าง ริมพระโอษฐ์เหมือนใบมะมูวงอูอน พักตร์เหมือนจันทร์
เพ็ญ สำาเนี ยงเหมือนนกกาเหวูา กร ยาวถึงเขูา ศอเหมือนคอนกเขา เอวเหมือนเอวสิงห์ เกศา
ห้อยยาวถึงเอว ทนต์เหมือนเมล็ดแหูงผลทับทิม ดำาเนิ นเหมือนช้างเมามัน"
พระรามเสนได้ทรงฟั งนกจุรามันชมโฉมนางดังนั้นก็เป็ นที่พอพระราชหฤทัย เราทูาน
ทั้งหลายจะต้องคิดวูาพระรามเสนเป็ นแขก อาจเห็นงามในทางซึง ่ เราทูานเห็นนู าเกลียดเป็ น
ที่สุด อนึ่ งนกจุรามันเป็ นนกแขกแล้วมิหนำาซำ้าพ่ดสันสกฤตคลูองด้วย เหตุดง
ั นั้นความเปรียบ
ของนกคงจะผิดกับความเปรียบของทูานแลข้าพเจ้า ซึ่งไมูใชูนกแลพ่ดสันสกฤตไมูเป็ น

จะอยูางไรก็ตามคำาชมโฉมของนกนั้น กระทำาให้พระรามเสนคิดใครูจะได้นางเป็ นชายา


แตูยง ั ไมูแนู ในพระหฤทัยทีเดียว จึงตรัสเรียกพระราชคร่ไทวะจินตกะเข้าไปเฝ้ าตรัสถามวูา "ข้า
จะได้ใครเป็ นเมีย" พระราชคร่ตรวจตำาราแมูนยำาแล้วท่ลวูา "นางที่จะเป็ นพระราชชายาทรง
พระนาม นางจันทราวดี ไมูช้าคงจะได้มีการวิวาหะพระองค์กับนางองค์น้ัน" พระราชาได้ทรง
ฟั งก็ยินดี แม้ไมูเคยทรงเห็นนางก็เกิดรักแลใครูเป็ นกำาลัง จึงทรงจัดให้พราหมณ์คนหนึ่ งเป็ น
ท่ตไปเฝ้ าท้าวมคเธศวร ขอพระราชธิดา ทรงสัญญาแกูพราหมณ์น้ันวูา ถ้าจัดการสำาเร็จจะ
ประทานรางวัลให้สมกับความชอบ คำาที่ทรงสัญญานี้ เสมอกับทำาให้ปีกงอกบนหลังพราหมณ์ มี
คำากลูาววูาไมูเคยมีใครเดินทางเร็วเทูาพราหมณ์คนนั้น

ฝู ายพระราชธิดาท้าวมคเธศวรมีนกขุนทองตัวหนึ่ งพ่ดสันสกฤตคลูองไมูหยูอนกวูานก
แก้วของพระรามเสน นกขุนทองนั้นเป็ นนางนกชื่อโสมิกา มีความร้่อยู่ในใจหลายร้อยเลูมสมุด
จะหานกไหนทรงความร้่เชูนนั้นไมูมี ถ้าจะเว้นก็มีแตูนกแก้วของพระรามเสนกระมัง พระองค์
ทรงทราบวูาในกาลโบราณ คนมีความร้่ทำาสัตว์พ่ดได้แลเข้าใจภาษามนุษย์ แม้ภาษาสันสกฤต
ซึ่งใช้ไวยากรณ์ยากที่สุด นกก็พ่ดได้ไมูพลาดพลั้ง ดังนกชื่อจุรามัน แลนางนกชื่อโสมิกานี้ เป็ น
ตัวอยูาง
การทำาให้นกพ่ดได้น้ี กลูาวกันวูาเป็ นความคิดของนักปราชญ์คนหนึ่ งซึง ่ ผูาลิ้นนกออก
ให้เป็ นสองภาค แล้วเปลี่ยนร่ปสมองด้วยวิธีผ่กรัดหัวกะโหลกเบื้องหลัง จนหัวกะโหลกเบื้อง
หลังยื่นออกมา ทำาให้เกิดมันสมอง จนถึงร้่คิดแลพ่ดได้เป็ นภาษาคน การที่นักปราชญ์คิดทำาให้
นกร้่ประสาเชูนนี้ ก็มีคุณดีบ้าง แตูมีคุณชั่วมาก เหมือนความคิดนักปราชญ์ท้ังปวง คือเมื่อนกมี
ความคิดแลพ่ดได้แล้วก็คิดอยูางฉลาดแลพ่ดอยูางดี คำาที่กลูาวล้วนเป็ นคำาสัตย์ ครั้นมนุษย์พ่ด
เหลวไหล ปราศจากสัตย์ นกก็พ่ดติเตียนจนมนุษย์เบื่อความสัตย์เข้าเต็มที่ ก็ทิ้งวิชาทำาให้นก
พ่ดได้น้ันเสีย ความร้่จึงเสื่อมด้วยประการเชูนนี้ ในปั จจุบันถ้านกแก้วแลนกขุนทองยังพ่ดได้ ก็
พ่ดเหลวๆ เพราะความจำาอยูางเดียว ไมูใชูพ่ดด้วยร้่คด ิ อยูางแตูกูอน มนุษย์ไมูต้องเดือดร้อน
ด้วยความสัตย์แหูงนกอีกตูอไป

วันหนึ่ งนางจันทราวดีพระราชกุมารี ทรงนั่งตรัสกับนางนกในที่รโหฐาน ข้อความที่


ตรัสนั้นไมูเป็ นข้อความแปลก เพราะหญิงสาวในยุคทั้งหลายเมื่อพ่ดกับผ้่ท่ีไว้ใจสนิ ท จะเป็ น
เรื่องให้ชูวยพยากรณ์การภายหน้าก็ตาม ให้ทำานายฝั นก็ตาม จะหารือความในใจก็ตาม
ใจความที่พ่ดนั้นอยูาง เดียวกันหมด จะพ่ดเรื่องอื่นเป็ นไมูมี เรื่องที่พ่ดนั้น เรื่องที่พ่ดนั้นพระองค์
ควรทราบได้ด้วยไมูต้องถามวูาอะไร พระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่ งอยู่ เวตาลก็กลูาวตูอไปวูา
นางจันทราวดีตรัสวนเวียนสักครู่หนึ่ ง ก็ไปถึงปั ญหาซึ่งได้ตรัสถามแล้วในเดือนนั้น
ประมาณร้อยครั้งวูา ชายที่สมควรเป็ นสามีแหูงนางมีหรือไมู นางนกท่ลวูา "ข้าพเจ้ามีความ
ยินดีท่ีจะท่ลให้ทรงทราบได้ในวันนี้ อันที่จริงความมิดเมี้ยนในใจแหูงเราผ้่เป็ นหญิง..." นกท่ล
ยังไมูทันขาดคำา นางจันทราวดีชง ิ ตรัสวูา "เจ้าจงหยุดแสดงธรรมในทันที มิฉะนั้นเจ้าจะต้องกิน
ข้าวกับเกลือแทนข้าวกับไขู"

เวตาลกลูาวตูอไปวูา พระองค์ยูอมทราบวูานกขุนทองชอบกินข้าวกับไขู ไมูชอบข้าวกับ


เกลือ เมื่อนางจันทราวดีตรัสขู่ดังนั้นนกก็งดการสำาแดงปั ญญา ซึง่ อาจเป็ นประโยชน์แกูมนุษย์
ที่ได้สดับตูอๆ กันมา นกท่ลวูา "ข้าพเจ้าเห็นการภายหน้าได้ถนัด พระรามเสนพระราชาธิบดี
ครองกรุงโภควดี จะเป็ นพระราชสามีแหูงนาง นางจะเป็ นความสุขแกูพระรามเสน ดังซึ่ง
พระรามเสนจะเป็ นความสุขแกูนาง เธอเป็ นชายหนู ุมงดงาม มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ มีหฤทัย
เผื่อแผูแกูคนอื่น สนุกงูาย ไมูฉลาดเกิน แลไมูมีโอกาสจะเป็ นคนเจ็บได้เลย"
พระราชธิดาได้ฟังดังนั้น แม้ไมูเคยได้เห็นพระรามเสนก็บังเกิดความรักใครู กลูาวสั้นๆ
พระราชาหนู ุมและพระนารีสาวตูางก็เป็ นปฏิพัทธ์กันอยู่ไกลๆ แตูเพราะเหตุท่ีพระแลนางอยู่ใน
ตำาแหนูง ส่งสมควรกัน ความรักอยู่หูางๆ จึงสำาเร็จได้ดังประสงค์

เมื่อพราหมณ์ซึ่งพระรามเสนให้เป็ นท่ตไปกลูาวขอนางนั้น ไปถึงกรุงมคธ ท้าวมคเธศว


รก็ทรงรับรองเป็ นอันดี แลตรัสอวยพระราชธิดาแกูพระรามเสน ทรงแตูงให้พราหมณ์ในกรุง
มคธไปกรุงโภควดีเป็ นทางจำาเริญไมตรี แล้วตรัสให้เตรียม การมงคล ฝู ายพระรามเสนเมื่อทรง
ทราบขูาวดี ก็แชูมชื่นในพระหฤทัย ประทานรางวัลแกูพราหมณ์กรุงมคธเป็ นอันมาก ครั้นถึง
วันฤกษ์ดก ี ็ออกจากกรุงโภควดี แวดล้อมด้วยพหลแสนยากร รอนแรมไปในปู าจนถึงกรุงมคธ ก็
เข้าเฝ้ าท้าวมคเธศวร กระทำาการเคารพแลแสดงไมตรีอันดี
ครั้นถึงฤกษ์งามยามบุญ ท้าวมคเธศวรก็จัดการวิวาหะพระราชธิดา มีการเลี้ยงด่อยูาง
ใหญู มีการตกแตูงด้วยโคมไฟแลจุดดอกไม้เพลิง มีการสวดร้องตามซึ่งบัญญัติไว้ในพระเวท มี
การแหูแลการดนตรี มีเสียงดังเอ็ดไปทั้งพระนคร ครั้นพิธีวิวาหะสำาเร็จแล้ว นางจันทราวดีล้าง
ขมิ้นจากพระหัตถ์แทบจะยังไมูทันหายเหลือง พระรามเสนก็ท่ลลาท้าวมคเธศวรพานางกลับ
กรุงโภควดี

นางจันทราวดีจะจากพระราชบิดาแลบ้านเมืองไปก็มีความสร้อยเศร้าจึงต้องพาโสมิกา
คือนางนกขุนทองไปด้วย ไปตามทาง นางเลูาถึงนกแลความฉลาดของนกถวายพระสามี แลทั้ง
ท่ลวูานกเป็ นผ้่กลูาวพระนามพระราชาให้นางทราบกูอนที่ได้ยินทางอื่น
ฝู ายพระรามเสนได้ทรงฟั งก็เลูาถึงจุรามันนกแก้วของพระองค์ ทรงชี้แจงความฉลาด
แลความร้่ของนกนั้น รวมทั้งข้อที่พ่ดสันสกฤตคลูองนั้นด้วย
พระราชินีได้ฟังดังนั้นก็ท่ลพระราชาวูา "เมื่อนกสองตัวของเราวิเศษถึงปานนี้ ก็ควรจะ
เลี้ยงในกรงเดียวกันแลให้วิวาหะกันโดยคนธรรพ์ลักษณะ นกทั้งสองจะได้เป็ นสุข" พระราชินีได้
วิวาหะใหมูๆ ก็ใครูจะจัดการวิวาหะให้คู่อ่ ืนบ้าง ตามซึ่งมักจะเป็ นไปโดยมากในหมู่หญิงสาวซึ่ง
ได้ผัวใหมูๆ
พระราชาตรัสวูา นางตรัสถ่กแล้ว ถ้านกทั้งสองไมูมีคู่จะมีสุขอยูางไรได้ การที่ตรัส
อยูางนี้ เพราะพระองค์กำาลังเพลินในการมีคู่ ยูอมจะนึ กตามอารมณ์ของผ้่มีเมียใหมูวูานอกจาก
คนมีเมียแล้ว ไมูมีใครมีความสุขเป็ นอันขาด ความทุกข์จะเกิดแกูผ้่มีเมียนั้นไมูอาจมีได้ในโลก

ครั้นสององค์เสด็จถึงกรุงโภควดีแล้ว ก็ตรัสให้เจ้าพนักงานยกกรงใหญูมาตั้งจำาเพาะ
พระพักตร์ ทรงจับนกปลูอยเข้าไปในกรงทั้งสองตัว ฝู ายนกจุรามันเกาะอยู่บนคอนเอียงคอด่นก
ขุนทอง นางโสมิกานกขุนทองจับอยู่อีกคอนหนึ่ ง ยกหน้าช่ปากขึ้นไปบนฟ้ าโดยกิริยาด่หมิ่น
แล้วกระโดดไปเกาะคอนอื่นที่หูางออกไป
นกแก้วนิ่ งด่อยูค ่ รู่หนึ่ งก็พด
่ ภาษาสันสกฤตวูา "นางนกขุนทอง เจ้าคงจะกลูาวดอก
กระมังวูา เจ้าไมูอยากได้คู่" นางนกขุนทองตอบในภาษาเดียวกันวูา "ทูานเดาเห็นจะไมูผิด"
นกแก้ว "เพราะเหตุไรเจ้าจึงไมูอยากมีคู่" นกขุนทอง "เพราะใจของข้าเป็ นอยูางนั้น" นกแก้ว
"นี่ พ่ดอยูางผ้่หญิงทีเดียว ข้าจะขอยืมคำาพระราชาของข้ามากลูาววูา ที่อธิบายเชูนนี้ เป็ นปั ญญา
หญิง คือไมูใชูปัญญาแลไมูใชูอธิบายเลย เจ้าจะพ่ดให้แจูมแจ้งกวูานี้ สักหนู อยจะได้หรือไมู หรือ
รังเกียจที่จะพ่ดให้ผ้่อ่ ืนเข้าใจ"
นกขุนทองโกรธจนแทบจะลืมไวยากรณ์สันสกฤต ตอบวูา "ข้าไมูรังเกียจเลย ข้าจะบอก
ให้แจูมแจ้งที่สุด บางทีจะแจูมแจ้งเกินความพอใจของเจ้า พวกเจ้าซึ่งเป็ นเพศชายยูอมประกอบ
ขึ้นด้วยความบาป ความโกง ความลูอหลอก ความเห็นแกูตัว ความปราศจากธรรมในใจ คลูอง
ในการทำาลายพวกเราซึ่งมีเพศเป็ นหญิง เพื่อความสำาราญของพวกเจ้า"

พระราชาตรัสแกูพระราชินีวูา "นางนกตัวนี้ กล้าหาญ พ่ดจาไมูเกรงใจใครเลย" นก


แก้วท่ลพระราชาวูา "พระองค์จงถือวูาคำาที่นางนกกลูาวนั้นเหมือนหนึ่ งลมซึ่งเข้ากรรณนี้ ไป
ออกกรรณโน้นเถิด (แล้วเหลียวไปพ่ดกับนกขุนทองวูา) นางนกขุนทอง พวกเจ้านั้นถ้าไมูได้
ประกอบขึ้นด้วยความลูอหลอก แลความคดในใจแลความไมูร้่ ก็ประกอบขึ้นด้วยอันใดเลูา พวก
เจ้ามีปรารถนาอยู่อยูางเดียวแตูจะไมูให้มีชีวต
ิ เป็ นเครื่องสำาราญได้ในโลกนี้ เป็ นอันขาด"

พระราชินีท่ลพระราชาวูา "นกของพระองค์ตัวนี้ พ่ดจาก้าวร้าว ไมูยำาเกรงใครเลย" นก


ขุนทองท่ลพระราชินีวูา "คำาที่ข้าพเจ้ากลูาวนั้นอาจนำาพยานมาสำาแดงได้" นกแก้วท่ลพระราชา
วูา ข้าพเจ้าอาจนำานิ ทานมาเลูาให้ผ้่หญิงเห็นจริงได้"
พระราชาแลพระราชินีได้ทรงฟั งดังนั้น ก็ตกลงกันให้นกทั้งสองนำาหลักฐานมาสำาแดง
เป็ นพยานคำาที่กลูาว พระราชินีขอให้นกขุนทองแสดงกูอน พระราชายอมตกลง นางนกขุนทอง
กลูาวดังนี้
นิ ทานของนกขุนทอง

เมื่อกูอนที่ข้าพเจ้ามาเป็ นข้าพระองค์น้ัน ข้าพเจ้าเคยอยู่กับ นางรัตนาวดี ธิดาพูอค้าผ้่


มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ นางรัตนาวดีเป็ นหญิงนู ารักนู าชมทุกประการ (นกขุนทองกลูาวเทูานั้น
ก็ร้องไห้ พระราชินีทรงสงสารก็รับสั่งปลอบโยนเป็ นอันดี นกก็เลูาตูอไปวูา)

ใน เมืองอิลาบุรี มีพูอค้ามั่งมีคนหนึ่ ง ได้ความเดือดร้อนเพราะไมูมีบุตร พูอค้าจึงทำา


โยคะคืออดข้าวเป็ นต้น แลทั้งเที่ยวไปในบุณยสถานตูางๆ เพื่อจะขอล่ก เมื่ออยู่บ้านก็อูาน
ปุราณะแลให้ทานแกูพราหมณ์ ด้วยประสงค์อันนั้น
ตูอมาพระผ้่เป็ นเจ้าโปรดประทานให้มีบุตรชายมาเกิดคนหนึ่ ง พูอค้ายินดีก็มีงาน
สมโภชล่กชายใหญูโต ให้ทานแกูพราหมณ์ผ้่สวดกลอนยอ แลพราหมณ์อ่ ืนๆ เป็ นอันมาก ผ้่ท่ี
จนก็ได้รับเงินแจกแลเสื้อผ้า ผ้่ท่ห ี ิวก็ได้รับแจกอาหารแลของอื่นๆ เป็ นอันมาก
พูอค้าทำานุบำารุงเลี้ยงบุตรชายมาจนอายุได้ห้าขวบก็หาผ้่มาสอนให้อูานหนังสือ ครั้นโต
ขึ้นอีกก็สงู ให้ไปอยู่กับคร่ผ้่มีช่ ือวูามีความร้่แลสั่งสอนดี บุตรชายโตขึ้นมีร่ปสมบัติด่ไมูได้ เค้า
หน้าเหมือนลิง ขาเหมือนขานกกระเรียน หลังโกงเหมือนหลังอ่ฐ พระองค์คงจะทราบภาษิต
โบราณว่า ถ้าพบคนขาเขยกให้เชื่อใจได้ว่าพบความคด ๓๒ ข้อ ถ้าพบคนตาบอด
ข้างหนึ่ ง พบความคด ๘๐ ข้อ ถ้าพบคนหลังกุ้งให้สวดมนต์อ้อนวอนพระมเหศวรให้
คุ้มครองตน
บุตรชายพูอค้านั้น เมื่อไปเรียนหนังสือกับคร่ก็มิได้ไปถึงคร่ ไปเที่ยวแวะเลูนเบี้ยกับ
เพื่อนที่เป็ นพาลด้วยกัน ตูางคนมีใจชั่วและประพฤติทุจริตตูางๆ เมื่อพบผ้่หญิงก็เข้าเกี้ยว
ชักชวนในเชิงกาม และกระทำาการลามกจนบิดาเสียใจเป็ นโรคหนักอยู่หนู อยหนึ่ ง ก็ถง ึ แกูความ
ตาย

ครั้นบิดาสิน ้ ชีวิตแล้ว บุตรชายได้รับมรดกก็จูายทรัพย์เปลืองไปในการพนันแลบำารุง


ความชั่ว ไมูช้าทรัพย์มรดกซึ่งได้รับเป็ นอันมากนั้นก็สิ้นไปจนไมูมีอะไรเหลือ ครั้นทรัพย์ของตน
หมดก็ทำาลายทรัพย์เพื่อนบ้านจนในที่สุดเขาจับได้วูาเป็ นขโมย เผอิญหลบหลีกได้ไมูถก ่ ประหาร
ชีวต
ิ ตามอาญาเมือง จนในที่สุดกลูาวลบหลู่เทวดาวูาให้แตูโชคร้าย แล้วหนี ออกจากเมืองไป
เดินปู าอยู่พักหนึ่ ง ถึงเมืองซึ่งเป็ นที่อยู่แหูง เหมคุปต์ เศรษฐีผ้่บิดานางรัตนาวดี ได้ยินชื่อเหม
คุปต์ก็นึกขึ้นได้วูาเมื่อบิดาของตนยังมีชีวต ิ อยู่น้ัน ได้ทำาการค้าขายติดตูอ จึงเข้าไปหาเหมคุปต์
แจ้งความวูาตนเป็ นบุตรแหูงพูอค้าที่ได้เคยค้าขายติดตูอกัน บัดนี้ บิดาสิ้นชีวิตเสียแล้ว พ่ด
เทูานั้นก็ร้องไห้ร่ ำาไรไปเป็ นอันมาก

ฝู ายเหมคุปต์ ครั้นได้ยินแลเห็นชายหนู ุมแตูงกายทรุดโทรมดังนั้น ก็ประหลาดใจแลคิด


สงสาร จึงปลอบโยนซักถามวูาเหตุไฉนจึงเป็ นเชูนนี้ ชายหนู ุมหลังโกงเหมือนอ่ฐตอบวูา
ข้าพเจ้าจัดสินค้าบรรทุกเรือไปค้าขายในเมืองอื่น ครั้นขายของหมดแล้ว ข้าพเจ้าซื้อสินค้าเมือง
นั้น บรรทุกเรือจะกลับไปขายในเมืองของข้าพเจ้า แลูนใบไปในกลางทะเล ถ่กพายุใหญูเป็ น
อันตรายในทะเลทั้งเรือแลสินค้า ข้าพเจ้าเกาะกระดานลอยไปคนเดียว เผอิญยังไมูถึงเวลาสิ้น
ชีวติ จึงรอดขึ้นฝั่ งได้แลเดินทางมา จนถึงเมืองนี้ ข้าพเจ้าไมูมีหน้าจะกลับไปเมืองของตนได้
เพราะสิ้นทรัพย์แล้วก็ไมูมีใครนับถือ ผ้่ท่ีเป็ นศัตร่ก็มแ
ี ตูจะดูาวูาขูมขี่ตูางๆ บิดามารดาของ
ข้าพเจ้าก็สิ้นชีวต
ิ เสียนานแล้ว ข้าพเจ้าไมูร้่จะหันหน้าไปหาใคร ทั้งนี้ ก็เป็ นผลแหูงกรรมซึ่ง
กระทำาไว้แตูปางกูอน พ่ดเทูานั้นแล้วก็ร้องไห้ร่ ำาไรไป

ฝู ายเหมคุปต์เศรษฐีได้ยินชายหลังอ่ฐร้องไห้เลูาเรื่องให้ฟังดังนั้นก็เกิดสงสารเป็ นกำาลัง
จึงต้อนรับเลี้ยงด่ให้ชายหลังอ่ฐอาศัยอยู่ในบ้านของตน ชายชั่วเห็นทางจะได้ดีด้วยทำาดีก็ขืนใจ
ปฏิบัติเป็ นคนดี จนเหมคุปต์ไว้ใจให้มีสูวนในการค้าขาย ชายหนู ุมก็ยง ิ่ แสร้งทำาดีจนเหมคุปต์
ไว้ใจแลเอ็นด่ยิ่งขึ้น

วันหนึ่ งเหมคุปต์ตรึกตรองในใจวูา เรานี้ มีความร้อนใจมาหลายปี แล้วเพราะบกพรูองใน


ครอบครัว เพื่อนบ้านของเราก็ซุบซิบนิ นทาเรามาช้านาน บ้างก็พด ่ อ้อมค้อม บ้างก็พ่ดตรงๆ วูา
ธรรมดาคนมีล่กสาว เมื่อล่กอายุถึง ๗ ขวบ ๘ ขวบ พูอก็ต้องจัดการให้มีผัว เพราะธรรมศาสตร์
บัญญัติอยูางนั้น แตูบุตรสาวเหมคุปต์เศรษฐีน้ี พ้นอายุท่ีควรแตูงงานมาหลายปี จนบัดนี้ อายุถง ึ
๑๓ หรือ ๑๔ ปี นางเป็ นคนรูางใหญูร่ปอวบ ด่เหมือนหญิงอายุ ๓๐ ปี ที่มีผัวแล้ว แตูบด ิ าก็ยง
ั หา
จัดการให้มีผัวไมู บิดาจะกินแลนอนเป็ นสุขอยูางไร การที่ปลูอยให้เป็ นเชูนนี้ ยูอมเป็ นที่ครหา
เป็ นโทษโดยคดีโลกแลคดีธรรม แม้ญาติวงศ์ท่ีสน ิ้ ชีวิตไปแล้วยูอมได้ทุกข์เพราะเหตุท่ีญาติใน
มนุษยโลกปลูอยล่กสาวไว้มิให้มีผัวจนปู านนี้ ข้อติเตียนข้อนี้ ก็ทำาให้เราเดือดร้อนมาช้านานแล้ว
แตูเรามิร้่จะแก้ไขอยูางไรได้ บัดนี้ พระผ้่เป็ นเจ้าโปรดให้เราสิ้นทุกข์ จึงบันดาลให้ชายหนู ุมนี้ มา
ถึงบ้านเรา เขาก็เป็ นคนดี ปฏิบัติอยู่ในคลองธรรมเป็ นที่ชอบใจเรา จำาเราจะยกล่กสาวให้แกู
ชายหนู ุมนี้ ตามโอกาสที่พระผ้่เป็ นเจ้าประทานแกูเรา เราจะชักช้าตูอไปไมูควร เพราะสิ่งใดที่จะ
ทำาได้ในวันนี้ สิง
่ นั้นเป็ นดีท่ีสุด พรูุงนี้ จะเป็ นอยูางไรเราทราบไมูได้

เหมคุปต์ตรึกตรองตกลงใจดังนี้ แล้ว ก็ไปพ่ดกับภริยาวูา ความเกิด ๑ การวิวาหะ ๑


ความตาย ๑ ทั้ง ๓ อยูางนี้ ยูอมเป็ นไปแล้วแตูเทวดาจะบัญญัต ิ เราต้องการให้ล่กหญิงของเรา
ได้ผัวที่เกิดในสกุลดี เป็ นผ้่ม่ง
ั มี เป็ นผ้่มีร่ปงาม เป็ นคนฉลาด แลเป็ นผ้่มค
ี วามสัตย์ แตูเราจะหา
ชายหนู ุมเชูนนั้นไมูได้ เจ้ากลูาววูาถ้าเจ้าบูาวขาดคุณดีเหลูานี้ การวิวาหะก็จะไมูเป็ นผลดัง
ประสงค์ แตูถ้าจะไมูให้ล่กมีผัวไซร้ เราจะเอาเชือกผ่กคอล่กเราถูวงลงในค่น้ี ก็ไมูได้ เหตุดังนั้น
ถ้าเจ้าเห็นวูาบุตรพูอค้าซึ่งข้าได้รับเข้าไว้เป็ นสหายในการค้าขายของข้านี้ เป็ นคนดี ควรจะให้
ล่กสาวเราได้ เราจะรีบจัดการวิวาหะโดยเร็ว

ภริยาเหมคุปต์ได้ยินสามีพ่ดดังนั้นก็ดใี จ เพราะชายหนู ุมหลังอ่ฐได้ลูอลวงให้ลูุมหลงอยู่


แล้ว นางจึงตอบสามีวูา เมื่อพระผ้่เป็ นเจ้าชี้ทางให้เห็นชัดอยู่เชูนนี้ ถ้าเราไมูทำาตามก็คือขืนคำา
เทพยดา เรามิได้ไปเที่ยวแสวงหาที่ไหน เจ้าบูาวก็มีมาเอง เหตุดง ั นั้นเราไมูควรจะชักช้าไปเลย
ทูานจงรีบจัดการเถิด

สามีภริยาปรึกษากันเชูนนี้ แล้วก็เรียกบุตรสาวเข้าไปหา นางนั้นงามสมควรเป็ นที่รัก


ของคนธรรพ์ นางมีเกศายาวอันเป็ นสีมูวงอูอน เพราะแสงแหูงความเป็ นสาว เป็ นมันเหมือนปี ก
แมลงภู่ ขนงบริสุทธิแ ์ ลใสเหมือนโมรา แก้วประพาฬอันเกิดแตูทะเลนั้น เมื่อเทียบกับริมฝี ปาก
แหูงนาง แก้วประพาฬก็มีสีเผือดไป ทนต์ของนางเสมอกับไขูมุก ภาคตูางๆ ในกายนางล้วน
ประกอบขึ้นสำาหรับเป็ น ที่รักทั้งนั้น เมื่อใครได้เห็นเนตรแหูงนาง ก็ใครูจะเห็นอีก แลเห็นอยู่
เสมอไป ใครได้ยินเสียงนางก็ใครูจะได้ยินดนตรีน้ันอยู่เสมอ ความดีของนางเสมอกับความงาม
เป็ นที่รักของบิดามารดาแลญาติพ่ีนอ ้ งทั่วไป เพื่อนฝ่งของนางจะหาที่ตินางก็มิได้ ถ้าข้าพเจ้าจะ
เลูาคุณความดีของนางก็คงไมูมีเวลาสิ้นสุดได้ นกขุนทองเลูามาเพียงนี้ ก็ร้องไห้ร่ ำาไรอยู่ครู่หนึ่ ง
จึงเลูาตูอไป

เมื่อบิดามารดาเรียกนางรัตนาวดีมาบอกความประสงค์ให้ทราบ นางก็ตอบวูาแล้วแตู
บิดามารดา เพราะนางไมูใชูหญิงชนิ ดที่เกลียดอะไรไมูเกลียดเทูาชายที่พูอแมูบัญชาให้รัก อันที่
จริงข้าพเจ้าทราบวูานางจะด่ชายหนู ุมที่จะเป็ นเจ้าบูาวก็ด่ไมูได้เต็มตา เพราะความขี้ริ้วของชาย
นั้น แตูไมูช้าความชูางพ่ดของเจ้าบูาวก็ทำาให้นางเกิดความนิ ยมขึ้นทีละน้อย แลทั้งนางร้่สก ึ
คุณชายหนู ุมที่อุตสูาห์เอาใจใสูเอื้อเฟื้ อตูอบิดามารดา นับถือความประพฤติของชายหนู ุมซึ่ง
แสร้งทำาดี สงสารด้วยตกยาก จนในที่สุดก็ลืมความขี้ริ้วของชายนั้น
เมื่อกูอนการวิวาหะ นางได้สัญญาในใจไว้วูา เมื่อแตูงงานแล้ว แม้หน้าที่แหูงภริยาจะ
ไมูเป็ นที่ชอบใจเพียงไร นางก็จะอุตสูาห์ปฏิบัติให้ถก ่ ต้องตามหน้าที่ ครั้นแตูงงานแล้ว ความไมู
พอใจในหน้าที่น้ันหามีไมู นางกลับรักสามีเสียอีก สูวนความขี้ริ้วของสามีน้ันไมูเป็ นเหตุให้นาง
เกลียดชัง อันที่จริงกลับจะรักยิ่งขึ้นเพราะความขี้ริ้วนั้น

ความรักนี้ เป็ นของนู าพิศวงมาก เป็ นแสงฟ้ าฉายความสุขลงมายังแผูนดินอันมืดแลเต็ม


ไปด้วยความซึมเซา เป็ นมนตร์ซึ่งทำาให้เรารำาลึกถึงความมีชาติท่ีสง ่ กวูานี้ เป็ นความสุขในขณะ
นี้ แลเป็ นทางพาให้คิดถึงสุขในเบื้องหน้า ทำาให้ความขี้ริ้วกลับเป็ นความงาม ทำาให้ความโงู
กลายเป็ นความฉลาด ทำาให้ความแกูเป็ นความหนู ุม ทำาให้บาปเป็ นบุญ ทำาให้ความซึมเซาเป็ น
ความแชูมชื่น ทำาให้ใจแคบเป็ นใจกว้าง ความรักนี้ เป็ นโอสถอยูางเอก ชักให้ความตรงกันข้าม
มาเดินลงรอยเดียวกัน

นกขุนทองกลูาวดังนี้ พลางแลด่นกแก้ว นกแก้วกลูาววูา ถ้าเอาคำาโบราณมาพ่ดน้อย


กวูานี้ จะเป็ นการสำาแดงความคิดตนเองมากขึ้น การที่จำาเอาคำาเกูาๆ มากลูาวเชูนนี้ ไมูเป็ นไป
ตามทำานองผ้่มีปัญญาเลย นกขุนทองกลูาวตูอไปวูา คำาโบราณกลูาววูา เสือจะกลายเป็ นล่ก
แกะนั้นยังไมูเคยมี เหตุดงั นั้นถึงชายหนู ุมหลังอ่ฐจะได้แสร้งประพฤติเป็ นคนดีอยูค
่ ราวหนึ่ งก็หา
ดีได้จริงไมู

อยู่มาวันหนึ่ ง ชายหนู ุมรำาลึกในใจวูา ผ้่มีปัญญายูอมเอาตัวออกหูางจากความเหนี่ ยว


รั้งแหูงครอบครัว แลปลดตัวจากความรักล่กรักเมียแลรักบ้าน คิดดังนี้ ชายหนู ุมจึงกลูาวแกู
ภริยาวูา ข้าได้จากเมืองมาอยู่ในเมืองเจ้านี้ ก็หลายปี แล้ว ไมูได้ขูาวคราวญาติพ่ีนอ
้ งในเมืองข้า
เลย ใจข้าจึงเศร้า เจ้าจงกลูาวแกูแมูของเจ้า ขออนุญาตให้ข้ากลับไปบ้านเมือง แลถ้าเจ้าจะใครู
ไปด้วยก็ได้ นางรัตนาวดีได้ยินสามีวูาดังนั้น ก็รีบไปบอกมารดาตามคำาซึ่งสามีกลูาว มารดาได้
ทราบก็ไปแจ้งแกูเหมคุปต์ เหมคุปต์ตอบอนุญาต ให้บุตรเขยกลับบ้านเมืองได้ตามใจ แลถ้าบุตรี
จะยอมไปกับสามีก็อนุญาต ครั้นตกลงกันดังนี้ แล้ว เหมคุปต์เศรษฐีก็ให้ทรัพย์สน ิ แกูบุตรเขย
เป็ นอันมาก ทั้งให้แกูบต ุ รสาวอีกสูวนหนึ่ ง แลจัดทาสีให้ไปด้วยคนหนึ่ ง บุตรเขยแลบุตรสาวก็
ลาออกเดินทางเข้าปู าไป

ฝู ายชายหนู ุมหลังอ่ฐ พาภริยาเดินทางไปหลายวัน นิ่ งตรึกตรองไมูใครูจะตกลงในใจวูา


จะทำาวิธีใดจึงจะทิ้งภริยาเสียได้ การที่จะพาไปยังเมืองของตนนั้นไมูได้เป็ นอันขาด เพราะเมื่อไป
ถึงเมืองเข้า นางก็จะจับเท็จทั้งปวงได้ อนึ่ งชายหลังอ่ฐอยากได้นางเป็ นภริยาก็เพราะอยากได้
ทรัพย์สมบัติ ไมูอยากได้ตัวนางเอง ครั้นเมื่อพ้นตาพูอแมูมาเชูนนี้ กค ็ ิดหาทางจะทิ้งนางเสียแตู
ตรึกตรองอยู่หลายวัน จนไปถึงปู าเปลี่ยวก็หยุดพักแล้วบอกแกูนางวูาตำาบลนั้นโจรผ้่ร้ายชุกชุม
นางจงปลดเครื่องประดับกายทั้งปวงซึ่งมีคูาเป็ นอันมากออกให้สามีซูอนไว้ในไถ้ ครั้นนางทำา
ตามแล้วชายสามีกล ็ ูอทาสีไปหูางที่ซึ่งภริยานั่งคอยอยู่ แล้วเอามีดเชือดคอทาสี ทิ้งศพไว้เป็ น
อาหารสัตว์ในปู า แล้วกลับไปหาภริยา ลูอให้เดินไปใกล้เหว แล้วผลักตกลงไปในเหว เผอิญก้น
เหวนั้นมีกิ่งไม้แลใบไม้รองอยู่มากนางจึงไมูสิ้นชีวต ิ

ฝู ายชายหลังอ่ฐครั้นผลักภริยาลงเหวแล้วก็รวบรวมทรัพย์สมบัติท้ังปวงออกเดินทางไป
สู่เมืองของตน ไมูช้ามีชายอีกคนหนึ่ งเดินมาในปู าเปลี่ยว ได้ยน ิ เสียงคนร้องไห้ก็หยุดยืนฟั งแล
นึ กในใจวูา ปู านี้ เปลี่ยวนักหนา เหตุใดมีคนมาร้องไห้อยู่ในดงชัฏ ครั้นยืนฟั งอยูค ่ รู่หนึ่ งแล้วก็
เดินไปในทางซึ่งได้ยน ิ เสียงร้องไห้ ครั้นไปถึงเหวก็หยุดชะโงกด่เห็นผ้่หญิงร้องไห้อยู่กน ้ เหว
ชายนั้นก็ปลดผ้าโพกแลสายรัดตัวออกตูอกันเป็ นสายยาวหยูอนลงไปในเหว ร้องให้นางเอา
ปลายผ้าผ่กตัวเข้าแล้วฉุดขึ้นมาได้ แลถามนางวูาเกิดเหตุอยูางไรจึงเป็ นเชูนนี้

นางรัตนาวดีตอบวูา ข้าพเจ้าเป็ นบุตรีเหมคุปต์พูอค้าเศรษฐีใหญูในกรุงจันทปุระ


ข้าพเจ้าเดินทางมากับสามี พบโจรมีกำาลังชูวยกันฆูาทาสีของข้าพเจ้าเสียแล้วมัดสามีข้าพเจ้า
พาตัวไป แลเมื่อได้ปลดเครื่องประดับกายของข้าพเจ้าออกหมดแล้วก็ผลักข้าพเจ้าตกอยูใ่ นเหว
นี้ ข้าพเจ้าไมูทราบวูาสามีจะเป็ นตายประการใด แลสามีข้าพเจ้าก็ไมูทราบวูา ข้าพเจ้ายังอยู่
หรือสิ้นชีวติ แล้ว
ชายเดินปู าได้ฟังนางเลูาดังนั้นก็เชื่อแลพานางไปเมืองจันทปุระสูงยังบ้านบิดา เมื่อนาง
ไปถึงบ้านบิดาก็เลูาเรื่องอยูางเดียวกับที่เลูาให้ชายเดินทางฟั ง

เหมคุปต์เศรษฐีได้ยินเรื่องก็สงสารบุตรี จึงกลูาวปลอบโยนวูา "ล่กเอ๋ย เจ้าอยูาร้อนใจ


ไปเลย ผัวของเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่เป็ นแนู ธรรมดาโจรยูอมจะแยูงชิงทรัพย์สมบัติของผ้่อ่ ืน ไมู
แยูงชิงชีวต
ิ ผ้่ไมูมีทรัพย์เหลือ เหตุดง
ั นี้ เมื่อไรพระผ้่เป็ นเจ้าโปรด ผัวของเจ้าก็จะกลับมาเมื่อนั้น
จงตั้งใจคอยไปเถิด"
เหมคุปต์กลูาวปลอบบุตรีฉะนี้ พลางจัดเครื่องประดับกายอันหาคูามิได้ให้แกูบต ุ รีเป็ น
อันมาก ทั้งบอกกลูาวญาติพ่ีนอ้ งแลมิตรทั้งปวงให้มาเยี่ยม แลปลอบโยนชี้แจงแกูนางรัตนาวดี
โดยนัยเดียวกัน แตูนางก็มิได้วายเศร้า เพราะเรื่องในใจผิดกับเรื่องที่เลูาบอกแกูบิดาแล
ญาติมิตรทั้งนั้น

จะกลูาวถึงชายหลังอ่ฐ เมื่อผลักภริยาตกแหวแล้ว ก็รวบรวมของมีราคาทั้งหลายรีบไป


ยังเมืองของตน เพื่อนฝ่งทั้งปวงก็ชูวยกันต้อนรับเป็ นอันดี เพราะเหตุท่ีมีทรัพย์เป็ นอันมาก
เพื่อนนักเลงก็พากันมากลุ้มรุม ชวนเลูนชวนกินอยูางแตูกูอน การพนันแลการเสพย์เครื่อง
มึนเมาตูางๆ ก็กลับทำา ตามเดิม โทษทั้งหลายก็กลับเกิด ทรัพย์สินทั้งหลายก็เปลืองไป ในที่สด ุ
ก็หมดลงอีกครั้งหนึ่ ง ชนทั้งหลายที่เป็ นสหายในการทำาชั่วแลเป็ นมิตรในการชูวยกันกินกันเลูน
ตูางก็ชก
ั หูางออกไป

ในที่สุดเมื่อชายหลังอ่ฐสิ้นทรัพย์แนู แล้วก็ไมูมีใครคบค้าสมาคม เมื่อไปถึงบ้านผ้่ท่ีเคย


เป็ นมิตรเขาก็ปิดประต่เสีย หรือมิฉะนั้นขับไลูไมูให้เข้าเรือน ชายหลังอ่ฐสิ้นปั ญญาก็กระทำา
โจรกรรม จนเขาจับได้ก็ถ่กเฆี่ยนตีลงโทษเป็ นสาหัส ครั้นจะอยู่ในเมืองของตนตูอไปไมูได้ ก็หนี
ออกจากเมืองอีกครั้งหนึ่ ง เดินไปในปู า พลางคิดในใจวูา เราจะต้องกลับไปหาพูอตาเลูานิ ทาน
ให้ฟังวูา บัดนี้ นางรัตนาวดีคลอดบุตรเป็ นชายคนหนึ่ งแล้ว เราจึงไปหาพูอตาเพื่อจะบอกขูาวอัน
ควรยินดีน้ี ให้พูอตาทราบ เราอาจจะได้ทรัพย์สมบัติอีกเพราะการไปบอกขูาวนี้

ชายหลังอ่ฐคิดดังนั้นแล้ว ก็ต้ังหน้าเดินไปเมืองจันทปุระ ตรงไปบ้านเหมคุปต์เศรษฐี


ครั้นไปถึงประต่บ้านก็ตกใจเป็ นกำาลัง เพราะเห็นนางรัตนาวดีภริยาลงจากเรือนวิ่งออกมารับ
ในชั้นต้นคิดวูาผี เพราะนึ กวูานางคงจะตายอยูใ่ นเหวนั้นเอง เมื่อคิดดังนี้ ก็กลัวจึงหันหลังจะวิง

หนี ตูอนางตะโกนเรียก จึงหยุดยืนลังเลด้วยเข้าใจวูานางคงจะกลับไปเลูาเรื่องให้บิดาฟั งตลอด
เมื่อเหมคุปต์มาพบเข้าก็จะคงจับตัวลงโทษเป็ นแนู
ฝู ายรัตนาวดีเห็นสามียืนลังเล มีสีหน้าอันซีดด้วยความกลัวเชูนนั้น ก็กลูาวแกูสามีวูา
"ทูานอยูาสะดุ้งตกใจไปเลย ข้าพเจ้ามิได้เลูาความจริงแกูบิดาดอก ข้าพเจ้าได้เลูาวูาเราเดิน
ทางไปกลางปู า พบโจรหมู่หนึ่ งมีกำาลังมาก โจรฆูาทาสีของข้าพเจ้าเสีย แยูงเครื่องประดับจาก
กายข้าพเจ้าหมด แล้วผลักข้าพเจ้าตกลงในเหวแลทั้งมัดทูานพาตัวไป เมื่อทูานพบกับบิดา
ข้าพเจ้า ทูานจงเลูาเรื่องให้ตรงกัน เราทั้งสองก็จะกลับได้ความสุขเหมือนเดิม ทูานจงระงับ
ความร้อนใจเสียเถิด ข้าพเจ้าด่อาการแหูงทูานเห็นวูาทูานจะได้ทุกข์มานักหนา เสื้อผ้าแล
รูางกายจึงขะมุกขะมอมเหมือนเชูนที่เห็นอยู่น้ี ทูานจงตามข้าพเจ้าขึ้นมาบนเรือนแลผลัดเสื้อผ้า
โสมมนี้ สวมเสื้อผ้าที่ดีแลกินอาหารซึ่งประกอบด้วยรสทั้งหก ทูานจงถือวูาเหย้าเรือนแลสมบัติ
เหลูานี้ เป็ นทูาน แลตัวข้าพเจ้าคือทาสีผ้่จะปฏิบัติทูานให้ได้ความสุขทุกประการ"

ชายหลังอ่ฐได้ฟังภริยากลูาวดังนั้น แม้ตัวจะเป็ นผ้่มีใจบึกบึน ก็บง


ั เกิดใจอูอนแทบจะ
ร้องไห้ จึงตามภริยาขึ้นไปบนเรือน ครั้นถึงห้องนางก็ล้างเท้าให้ แลจัดให้อาบนำ้าชำาระกาย แตูง
เครื่องนู ุงหูมอยูางดีมีคูาแล้วนำาเอาอาหารมาให้กิน
ครั้นเหมคุปต์เศรษฐีและภริยากลับมาถึงบ้าน นางรัตนาวดีกพ ็ าสามีไปหาแลเลูานิ ทาน
ให้ฟังวูา ฝ่งโจรได้ปลูอยชายสามีกลับมาแล้ว เหมคุปต์แลภริยาได้ฟังก็ดีใจ จัดการให้บุตรเขย
อยู่กินมีตำาแหนูงในครอบครัวอยูางแตูกูอน

ชายหนู ุมหลังอ่ฐได้กินอยู่มีความสุข ก็พักอยูก ่ ับพูอตา ๒-๓ เดือน ระหวูางนั้นประพฤติ


ตัวเป็ นคนดี มีใจโอบอ้อมอารีตูอภริยา ผ้่ท่ีไมูร้่เรื่องไมูมีใครสงสัยวูาจะเป็ นคนชั่วร้าย แตูการก
ระทำาดีน้ันเป็ นการขืนนิ สัย จะทำาได้อยูางมากก็พักหนึ่ งเทูานั้น ไมูช้าก็คบกับโจรในเมืองนั้น นัด
หมายกันเข้า ปล้นบ้านเหมคุปต์เศรษฐี ครั้นถึงวันนัดเวลาเที่ยงคืน นางรัตนาวดีกำาลังหลับ
สนิ ท ชายหลังอ่ฐก็เอามีดแทงนางตาย แล้วเปิ ดประต่รับพวกโจรเข้าไปในเรือน ชูวยกันฆูาเหม
คุปต์แลภริยาตาย แล้วชูวยกันขนทรัพย์สมบัติล้วนแตูท่ีมีราคาออกจากเรือนไป

นางนกขุนทองเลูามาเพียงนี้ ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ครู่หนึ่ งจึงกลูาวตูอไปวูา


เมื่อชายหลังอ่ฐเดินผูานกรงข้าพเจ้า เวลาจะออกจากบ้านหนี ไปนั้น มันแลด่ข้าพเจ้าแล
หยุดยืนจับประต่กรง จะ เปิ ดจับข้าพเจ้าออกมาหักคอ เผอิญหมาเหูาขึ้นมันตกใจก็รีบหนี ไป
ข้าพเจ้าจึงรอดชีวิตอยู่ได้ นางนกขุนทองร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อีกครู่หนึ่ งจึงท่ลพระมเหสีวูา
เรื่องนี้ ข้าพเจ้ายินด้วยห่ ร้่ด้วยตามาเอง แลเป็ นเรื่องที่ทำาให้ข้าพเจ้าได้ความทุกข์ ในเวลายัง
อูอนอายุ จึงเป็ นเหตุให้ข้าพเจ้ารังเกียจชายทั้งหลาย จะขออยู่ไมูมีคู่ไปจนสิ้นชีวิต พระองค์จง
ทรงดำาริวูา นางรัตนาวดีไมูได้ทำาความผิดอะไรเลย ยังเป็ นได้ถึงเพียงนั้นเพราะผ้่ชายยูอมมี
นำ้าใจเป็ นโจรทั้งหมด แลผ้่หญิงซึ่งยอมเป็ นมิตรกับชายนั้นเสมอกับเอาง่เหูามาเลี้ยงไว้บนอก

นางนกขุนทองท่ลพระมเหสีเชูนนี้ แล้วก็หนั ไปพ่ดกับนกแก้ววูา นี่ แนู ะเจ้านกแก้ว ข้าได้


เลูาเรื่องเป็ นพยานคำาของข้าแล้ว ข้าไมูมีอะไรจะพ่ดอีก นอกจากจะกลูาววูาผ้่ชายทั้งปวงเป็ น
จำาพวกคดโกงลูอลวงผ้่อ่ ืน เห็นแกูตัวแลมีใจบาปหยาบร้ายหาที่สุดมิได้

นกแก้วท่ลพระราชาวูา พระองค์จงฟั งเถิด เมื่อหญิงกลูาววูาไมูมีอะไรจะพ่ดที่เป็ นข้อ


สำาคัญจะอยู่ในคำาแถมทั้งนั้น แลคำาแถมยูอมจะยาวกวูาคำาพ่ดที่พ่ดมาแล้วหลายสิบเทูา นางนก
ตัวนี้ ก็ได้พ่ดมาจนนู าจะเบื่อเต็มทีอยู่แล้ว แตูอยูางนั้นยังนับวูาพึง
่ จะขึ้นต้นเทูานั้น พระราชา
ตรัสวูาเจ้ามีเรื่องอะไรจะนำามากลูาวเป็ นพยานคำาติเตียนหญิง เจ้าก็จงเลูาไปเถิด นกแก้วกลูาว
วูา ข้าพเจ้าจะเลูาเรื่องซึ่งเกิดแตูเมื่อข้าพเจ้ายังอูอนอายุ แลทำาให้ข้าพเจ้าทำาความตกลงในใจวูา
จะอยู่ไมูมีคู่ไปตราบจนวันตาย

นิ ทานของนกแก้ว

เมื่อข้าพเจ้าเป็ นล่กนก ยังไมูทันได้ร่ ำาเรียนอันใดก็ติดกรงหับ แล้วมีผ้่นำาไปขายพูอค้า


เศรษฐีช่ ือ สาครทัต ซึ่งเป็ นพูอหม้าย มีล่กสาวคนหนึ่ งชื่อ นางชัยศิริ สาครทัตกระทำาการ
ค้าขายกว้างขวาง มีธุระอยู่ท่ีร้านตลอดวันแลครึ่งคืน ใช้เวลาในการก้มมองด่ตัวเลขในบัญชี แล
ดุดูาเสมียนรับใช้ ไมูมีเวลาด่แลบุตรสาว นางชัยศิริประพฤติตนตามอำาเภอใจแลอำาเภอใจของ
นางนั้นไมูมีอำาเภออันดีเลย

ชายทั้งปวงที่มีลก ่ สาว อาจกระทำาผิดเป็ นข้อใหญูได้สองทางคือ ระมัดระวังน้อยไปทาง


หนึ่ ง ระมัดระวังมากไปทางหนึ่ ง พ่อแม่บางจ้าพวกคอยจ้องมองดูลูกสาวมิให้คลาดตา
ไปเลย คอยสงสัยว่าลูกสาวมีความคิดชัว ่ ร้ายในใจอยู่เป็ นนิ ตย์ พ่อแม่ชนิ ดนี้ มักจะ
เขลา แลเพราะเขลาจึงแสดงความสงสัยให้ลูกเห็น เมื่อลูกเห็นว่าสงสัยว่าคิดชัว ่ ก็
เสมอกับยุ เพราะหญิงสาวย่อมมีมานะโดยความคิด ตื้นๆ ว่า เราจะท้าชัว ่ โดยเร็วให้
สมกับโทษทีเ่ ราได้รับอยู่แล้ว ในเวลานี้ เรายังไม่ได้ท้าชัว ่ อะไรเลย แต่ก็ได้รับโทษ
เสมอกับว่าได้ท้าชัว ่ มาช้านาน ความส้าราญแห่งการท้าชัว ่ นัน
้ เรายังไม่ได้รับ ได้รับ
แต่ทุกข์แห่งความท้าชัว ่ ไหนๆ ก็ได้รบ ั ทุกข์แล้ว เราจะทิ้งความส้าราญเสียท้าไมเล่า
เราต้องรีบท้าชัว ่ ทันที เพราะเราได้ทุกข์มานานแล้ว เมื่อคิดดังนี้ แล้วก็ประพฤติการ
เป็ นโทษต่างๆ ทีพ ่ ่อแม่ไม่อาจรู้เห็น เพราะพูอแมูน้ันถึงจะระมัดระวังอยูางไร ล่กสาวก็คง
หลบหลีกได้เสมอ พูอแมูจะนั่งจ้องอยู่วันยังคำ่าคืนยังรูุงไมูได้ ต้องมีเวลาหลับตาลงบ้าง
พ่อแม่อีกประเภทหนึ่ ง ท้าผิดในทางทีร ่ ะมัดระวังลูกสาวน้อยไป คือไม่
ระมัดระวังเสียเลย ปล่อยให้ลูกนัง ่ เล่นอยู่เปล่าๆ ไม่มีอะไรท้าเสมอกับฝึกหัดให้ข้ี
เกียจ แลเพาะพืชความชัว ่ ปล่อยให้คบกับคนซึง ่ มีความคิดบาป คือให้โอกาสให้
ปฏิบต ั ิเป็ นโทษ หญิงสาวซึง ่ บิดามารดาปล่อยตามอ้าเภอใจเช่นนี้ มักจะเดินเข้าสู่
บ่วงซึง ่ ผู้มีเจตนาชัว ่ วางดักไว้แลประพฤติตัวเป็ นโทษด้วยประการต่างๆ เพราะความ
ไม่ระมัดระวังตัวแล เพราะความล่อลวงของพวกมีเจตนาชัว ่ อันเป็ นชนจ้าพวกซึง ่ มี
ความเพียรยิง ่ กว่าผู้มีเจตนาดี ก็บิดามารดาซึ่งมีปัญญานั้นควรทำาอยูางไรเลูาจึงจะหลีกทาง
ทั้งสองนี้ ได้

ธรรมดาบิดามารดาผ้่มีปัญญายูอมเอาใจใสูสังเกตนิ สย
ั บุตรของตน แลดำาเนิ นการ
ระมัดระวังตามนิ สยั ซึ่งมีในตัวบุตร ถ้าล่กสาวมีนิสัยดีอยู่ในตัว บิดามารดาที่ฉลาดก็คงจะวางใจ
ปลูอยให้ดำาเนิ นความประพฤติตามใจในเขตอันควร ถ้าบุตรสาวมีนิสัยกล้าแข็ง บิดามารดาก็
คงจะแสดงกิริยาประหนึ่ งวูาไว้วางใจในบุตร แตูคงจะลอบระมัดระวังอยู่เสมอ

นกแก้วแสดงวิธีเลี้ยงล่กสาวถวายพระราชารามเสนเชูนนี้ ตูอไปอีกครู่หนึ่ งจึงเลูาถึง


นางศิริชัยวูา นางนั้นเป็ นคนส่ง คูอนข้างจะอ้วน ร่ปทรงดี ครอบงำานำ้าใจตนเองไมูใครูได้ นางมี
เนตรใหญูแลหลังตากว้าง มือมีร่ปอันดีแตูไมูเล็ก ฝู ามือมีไอร้อนแลเป็ นเหงื่ออยู่เสมอๆ เสียง
คูอนข้างแหลมแลบางทีฟังเหมือนเสียงผ้่ชาย ผมดำาเป็ นมันเหมือนขนนกกาเหวูา ผิวเหมือน
ดอกพุทธชาด ลักษณะเหลูานี้ เป็ นลักษณะซึ่งคนโดยมากมักจะแลด่ แตูนางจะเป็ นคนงามก็ไมู
เชิง ไมูงามก็ไมูเชิง กลูาวได้วูาอยู่ ในระหวูางคนสวยแลคนขี้ริ้วอันเป็ นความดีแกูตัวหญิง
เพราะความอยู่กลางๆ นี้ สำาคัญอยู่ หญิงที่งามนักอยูาวูาแตูใครแม้นางสีดายังถ่กทศกัณฐ์ลักพา
ไป

นกแก้วกลูาวตูอไปวูา แตูถง ึ กระนั้นข้าพเจ้าก็จำาต้องกลูาววูา หญิงงามมักจะมีธรรมใน


ใจมากกวูาหญิงขี้ริ้ว หญิงงามได้รับชักชวนจ่งใจไปในทางชั่วแตูมีความหยิ่งเป็ นเครื่องตูอส้่
ป้ องกันตัวได้ เพราะความหยิง ่ นั้นทำาให้หญิงงามสัญญาในใจตัวเองวูา จะได้รับชักโยงไปในทาง
เดียวกันบูอยๆ เพราะฉะนั้นถึงจะไมูยอมไป ในคราวนี้ ก็ไมูสิ้นโอกาสที่จะได้รับเชื้อเชิญตูอไป
กลูาวอีกนัยหนึ่ งหญิงงามไมูเดินทางชั่วเพราะมีความหยิ่งในใจวูา จะเดินเมื่อไหรูก็เดิน
ได้ สูวนหญิงขี้ริ้วนั้นจำาเป็ นต้องชักโยงคนอื่น ไมูใชูมีคนอื่นมาชักโยง เมื่อตนโยงแล้วตนก็ต้อง
ตามและเมื่อความโยงสำาเร็จด้วยความตาม ฉะนี้ ความหยิง ่ แลความมูุงหมายของหญิงขี้ริ้ว ก็
ยูอมสมหวังด้วยความตาม ไมูใชูด้วยตูอส้ค ่ วามชักโยง

เราทูานอูานถ้อยคำาของนกจุรามันมาเพียงนี้ ก็ต้องพิศวง วูานกแก้วพ่ดดังนั้น


หมายความวูาอยูางไร ถ้าตรึกตรองด่สัก ๕ นาที ก็คงจะเห็นพร้อมกันหมดวูา นกแก้ว
หมายความวูาอยูางไรเหลือที่จะร้่ได้ ที่เป็ นดังนี้ เห็นจะเป็ นเพราะเวลาผิดกันประมาณ ๒๐๐ ปี
อยูางหนึ่ ง เพราะจุรามันเป็ นนกทูานแลข้าพเจ้าเป็ นคนอยูางหนึ่ ง อีกอยูางหนึ่ งเพราะนกจุ
รามันเป็ นนกพ่ดสันสกฤตจึงเหลือที่ทูานแลข้าพเจ้าจะเข้าใจได้

นกจุรามันกลูาวตูอไปวูา ข้าพเจ้าได้กลูาวแล้ววูา หญิงขี้ริ้วมักมีใจเหี้ยมโหดกวูาหญิง


งาม เหตุดง ั นั้นเมื่อหมายอยูางไรก็ยูอมจะสมหมายบูอยกวูากัน ผ้่มีปัญญาในโลกธรรมกลูาว
ภาษิตที่เป็ นความจริงไว้วูา "ชายรักหญิงงาม บ่ชาหญิงขี้ริ้ว" แลเมื่อถามวูาเหตุใดจึงบ่ชาหญิงขี้
ริ้ว ก็มีคำาตอบวูา เพราะหญิงขี้ริ้วไมูชูวยแสดงทูาทางวูาคิดถึงตัวเองยิง ่ กวูาคิดถึงเรา
สูวนนางศิริชัยนั้น ก็ใช้ความงามซึ่งมีสูวนน้อยนั้นเป็ นเครื่องลูอให้ชายตามตอมได้มาก
แตูใช้ความไมูสงบเสงี่ยมเป็ นเครื่องลูอได้มากกวูา แลใช้ความมีทรัพย์ของบิดาเป็ นเครื่องลูอได้
มากที่สุด นางชัยศิริไมูมีความเขินขวยเสียเลย ไมูยอมให้มีชายตามน้อยกวูาคราวละครึ่งโหล
เป็ นอันขาด นางรื่นรมย์ในการรับแขกชายหนู ุมๆ เหลูานั้นติดตูอกันไปตามเวลานัด บางคราว
กำาหนดเวลาให้ส้ัน สำาหรับจะได้ไลูคนเกูา ให้มีท่ีวูางสำาหรับคนใหมู ถ้าชายคนไหนบังอาจแสดง
กิริยาวาจาหวงหึงหรือติเตียนวิธีของนางก็ตาม ชายนั้นจะถ่กเชิญให้ทราบประต่ทางออกโดย
เร็ว

ครั้นนางชัยศิริมีอายุ ๑๓ ปี มีชายหนู ุมคนหนึ่ งกลับจากเมืองไกล ชายหนู ุมคนนี้ เป็ นล่ก


พูอค้าซึ่งมีเคหสถานอยูใ่ นที่ใกล้ แลบิดาเป็ นเพื่อนกับสาครทัตบิดานางชัยศิริ ชายหนู ุมนั้นชื่อ
ศรีทต ั ไปค้าขายเมืองไกลหลายปี แลได้เคยรักนางชัยศิริมาแตูนางยังเป็ นเด็ก ครั้นกลับมาถึง
เมืองของตนก็เห็นสิ่งทั้งปวงเป็ นที่แชูมชื่นไปหมด ตั้งแตูลุงขี้เหนี ยวโทโสร้ายไปจนหมาแกูท่ีเหูา
อยู่ในลานบ้านก็เห็นนู ารัก คนที่จากบ้านเมืองไปช้านาน เมื่อแรกกลับมาถึง ใจคอมักเป็ นเชูนนี้

สูวนนางชัยศิริน้ัน ศรีทัตแลไมูเห็นวูาได้เปลี่ยนแปลงไปเป็ นอันมาก แลมิได้เปลี่ยนไป


ในทางที่ดีขึ้นเลย จม่กนางโตออกไปก็ไมูเห็น หลังตากว้างออกไปแลหนาขึ้นก็ไมูเห็น กิริยา
กระด้างขึ้นก็ไมูเห็น เสียงแข็งขึ้นกวูาแตูกูอนก็ไมูได้ยิน ไมูได้สังเกตวูานางชำานาญการติแลชม
เครื่องแตูงตัวชาย ไมูสังเกตวูานางชอบคนชำานาญเพลงดาบ แลชอบคนรบเกูงบนหลังม้าแล
ช้าง

ข้อความเหลูานี้ ศรีทัตไมูเห็น จึงไปกลูาวแกูบิดาของตน ในเรื่องที่จะใครูได้นางชัยศิริ


เป็ นภริยา ครั้นบิดาอนุญาตแล้วไมูทันได้กลูาวแกูสาครทัต ก็ตรงไปกลูาวแกูตัวนางทีเดียว แตู
นางชัยศิริเป็ นหญิงชนิ ดใหมู ที่ไมูต้องการความเห็นบิดาในเรื่องที่จะเลือกผัว ครั้นศรีทัตไป
กลูาวดังนั้น นางก็ทำาทีเหมือนหนึ่ งตกลง ทำาให้ชายหนู ุมคนนั้นยินดีโลดโผนอยู่หนู อยหนึ่ งแล้ว
ก็บอกให้ร้่วูา นางชอบใจศรีทัตในทางเป็ นเพื่อน แตูถ้าเป็ นผัวจะเกลียดที่สุด
นกจุรามันกลูาวตูอไปวูา ความร้่สึกซึ่งหญิงมีตูอชายนั้นมีสามอยูาง อยูางที่ ๑ คือความ
รัก อยูางที่ ๒ คือความเกลียด อยูางที่ ๓ คือความเฉยๆ ไมูรักไมูเกลียด ความร้่สึกประเภทที่ ๑
คือ ความรักนั้นอูอนที่สุดแลเคลื่อนงูายที่สุด หญิงอาจจะตกสูค ่ วามรักงูายเทูาตกจากความรัก
อธิบายวูาประเดีย ๋ วอยูางนั้น ประเดีย๋ วอยูางนี้ จะเอาแนู ไมูได้ สูวนความเกลียดนั้นเป็ นของคู่
กันกับความรัก ชายมีปัญญาอาจเปลี่ยนความเกลียดให้เป็ นความรักได้เสมอ แล ความรักซึ่ง
เกิดแตูความเกลียดนั้นมักจะอยู่ทนกวูาความรักล้วน สูวนความเฉยๆ คือความไมูเกลียดไมูรัก
นั้น ชายผ้่ชำานาญในลีลาศาสตร์ยูอมเปลี่ยนความเฉยๆ ให้เป็ นความเกลียดได้เสมอ แลเมื่อ
เปลี่ยนเป็ นความเกลียดแล้ว ก็อาจเปลี่ยนเป็ นความรักได้อีกชั้นหนึ่ ง ดังนี้ ประเภทความร้่สึกทั้ง
๓ ก็ลงรอยเดียวกัน

เวตาลเลูามาเพียงนี้ ก็ท่ลถามพระวิกรมาทิตย์วูา ตามที่ข้าพเจ้าเลูาถึงนกขุนทองแล


นกแก้วมาเชูนนี้ พระองค์ทรงเห็นวูานกตัวไหนกลูาวความจริงในสันดานมนุษย์ลึกซึง ้ กวูากัน
แตูอุบายของเวตาลที่จะทำาให้พระราชาตรัสตอบปั ญหานั้นไมูสำาเร็จ พระวิกรมาทิตย์ทรงร้่ทีก็
นิ่ ง รีบทรงดำาเนิ นไป เวตาลเห็นไมูสมประสงค์ก็เลูานิ ทานตูอไปวูา

ฝู ายศรีทัตเมื่อได้ทราบวูานางชัยศิริไมูยอมเป็ นภริยาก็เดือดร้อนในใจเป็ นกำาลัง


กำาหนดใจจะกระโดดนำ้าตาย จะกระโดดจากยอดเขาแลทำาอะไรตูางๆ ที่แปลกแลโงู รวมทั้งการ
ออกปู าเป็ นโยคีดว ้ ย ครั้นตรึกตรองอยู่ช้านานวูาจะทำาอยูางไหนจึงจะดีท่ีสุดก็เห็นวูาจะทำาสิง

โงูๆเหลูานั้นก็ล้วนแตูไมูดีท้ังนั้น เพราะการกระโดดนำ้าตายก็ดี การกระโดดจากยอดเขาก็ดี
การออกปู าเป็ นฤาษีก็ดี ไมูเป็ นวิธีท่ีจะได้นางชัยศิริมาเป็ นภริยาทั้งนั้น ครั้นมีเวลาตรึกตรอง
มากๆ เข้าก็ได้ความคิดซึ่งใครๆ เขาร้่กันมาช้านานแล้ววูา ขันติเป็ นธรรมะประเสริฐ จึงบังคับ
ตัวเองให้ต้ง ั อยู่ในขันติ ไมูช้านานก็สำาเร็จประสงค์ แตูความสำาเร็จประสงค์น้ันเป็ นโทษแกูศรีทัต
เป็ นอันมาก ดังจะเห็นได้ภายหลัง

ฝู ายนางชัยศิริเมื่อตกลงใจแนูนอนแล้ววูา จะไมูรับศรีทัตเป็ นสามี ก็ย่ังยืนในใจอยู่พก



หนึ่ งไมูส้่ช้าก็เปลี่ยนใจใหมูตามเคย ศรีทัตได้ทราบวูานางยินยอมก็ดีใจโลดโผน เรียกตัวเองวูา
บุรุษผ้่มีความสุขที่สุดในโลก แลทั้งกระทำาบ่ชาแก้สินบนเทวดาที่โปรดบันดาลให้นางเปลี่ยน
ใจมายอมเป็ นภริยาตน แลทั้งทำาอะไรที่แปลกอีกหลายอยูาง ซึ่งคนที่ไมูบ้าหรือไมูดีใจเหลือเกิน
คงไมูทำาเป็ นอันขาด ตูอมาไมูช้าศรีทัตแลนางชัยศิริกแ ็ ตูงงานกันตามธรรมเนี ยม

ฝู ายนางชัยศิริเมื่อได้ทำางานมงคลกับศรีทัตแล้วไมูช้าก็เบื่อจนเกลียดสามีเพราะเป็ น
นิ สยั ของนางที่จะเป็ นเชูนนั้น ครั้นเกลียดสามีเชูนนี้ แล้วก็หันไปใครูครวญหาชายหนู ุมเสเพลคน
หนึ่ งซึ่งไมูเคยรักนางเลย ศรีทัตผ้่สามียง ิ่ สำาแดงเสนูหาตูอนาง นางก็ยง ิ่ สำาแดงความขึ้งโกรธ
เมื่อสามีหยอกเย้าก็ทำาให้เกิดหมั่นไส้ เมื่อพ่ดล้อก็เห็นไมูขัน ครั้นหญิงสหายชูวยกันวูากลูาว
ทัดทานมิให้นางสำาแดงกิริยาเป็ นอริตูอสามี นางก็กลับแสดงกิริยาขูุนเคือง เมื่อสามีนำาเครื่อง
ประดับกายมาให้เป็ นของกำานัลนางก็ปัดเสีย หันหนี พลางกลูาววูาบ้า นางออกจากเรือนไป
เที่ยวอยู่ท่ีอ่ ืนวันยังคำ่า แล้วพ่ดแกูเพื่อนหญิงซึง่ อายุรูุน ราวคราวกันวูา ความเป็ นสาวของข้านี้
ผูานพ้นไปทุกๆ วัน ข้าไมูได้รับความสำาราญอันควรจะได้รับตามวัยของข้านี้ เลย ความสนุกใน
โลกนี้ มีอยูางไรข้าก็หาร้่รสไมู
ครั้นกลับไปถึงบ้าน นางก็ขึ้นไปแอบมองอยู่บนชูองหน้าตูาง เมื่อเห็นชายเสเพลซึ่งเป็ น
ที่ใฝู ฝั นเดินมาตามถนน นางก็เรียกหญิงสหายให้ไปเชื้อเชิญขึ้นมาบนเรือน ครั้นหญิงสหายไมู
ทำาตามด้วยความกลัวภัยจากศรีทัตผ้่สามี นางก็โกรธแลมีอาการกระสับกระสูาย บอกตัวเองวูา
ไมูร้่จะพ่ดวูากระไร ไมูร้่จะทำาอะไร ไมูร้่จะไปไหนจึงจะถ่กใจตัว จะกินก็ไมูได้ จะนอนก็ไมูหลับ
จะร้อนก็ไมูสบาย จะหนาวก็ไมูสบาย อะไรๆ ก็ไมูถ่กใจทั้งนั้น

นางชัยศิริกระสับกระสูายอยู่เชูนนี้ หลายวันจึงตกลงในใจวูาถ้าขืนอยู่หูางชายเสเพลซึง่
เป็ นที่รัก ก็ไมูมีความสุขได้เป็ นอันขาด คืนหนึ่ งครั้นสามีหลับสนิ ท นางก็ลก
ุ จากที่นอนยูองออก
จากเรือนเดินไปตามถนนมูุงหน้าไปยังเรือนชายเสเพล ขณะนั้นมีโจรคนหนึ่ งเดินมาตามทาง
เห็นนางชัยศิริเดินไปก็นึกในใจวูา หญิงคนนี้ ประดับกายด้วยเครื่องทองคำาแลเพชรพลอย จะ
เดินไปไหนในเวลาเที่ยงคืน จำาเราจะสะกดรอยไป เมื่อได้ทีจะได้แยูงเอาของเหลูานั้น คิดดังนี้
โจรก็เดินตามมิให้นางร้ต ่ ัว

ฝู ายนางชัยศิริครั้นไปถึงเรือนชายเสเพลก็ขึ้นบันไดไปพบชายเจ้าของเรือนนอนอยู่หน้า
ประต่ นางคิดวูาชายคนนั้นนอนหลับด้วยความเมา แตูอันที่จริงชายคนนั้นสิ้นชีวต ิ เสียแล้ว
เพราะได้ถ่กขโมยแทงกูอนที่นางไปถึงไมูส้่ช้านัก
ฝู ายนางชัยศิริเมื่อเห็นชายหนู ุมนอนอยู่ดังนั้น นางก็น่ังลงข้างตัว จับสั่นจะให้ต่ น
ื ก็ไมู
ตื่น นางเชื่อแนู วูาเป็ นโดยพิษความเมา นางก็เอามือช้อนศีรษะขึ้นกอดรัดสำาแดงเสนู หาตูางๆ
ขณะนั้น ปิ ศาจตนหนึ่ งนั่งอยู่บนต้นไม้หน้าบันไดเรือนชายหนู ุม ครั้นเห็นนางไปนั่งกอด
รัดสำาแดงเสนู หาตูอศพดังนั้น ปิ ศาจก็เห็นสนุก จึงโดดลงจากต้นไม้ตรงเข้าสิงในศพชายหนู ุม
ศพนั้นก็ต่ ืนขึ้นจากความตายเหมือนคนตื่นจากความหลับ แล้วกระหวัดรัดกายนางเหมือนหนึ่ ง
เสนู หา นางชัยศิริยินดีในความเล้าโลมของปิ ศาจก็ก้มหน้าเข้าไปหาหน้าศพ ปิ ศาจได้ทีกก ็ ัด
จม่กนางแหวูงไปทั้งชิน ้ แล้วออกจากศพกลับขึ้นไปนั่งหัวเราะอยู่บนต้นไม้ตามเดิม

ฝู ายนางชัยศิริเมื่อจม่กแหวูงไปเชูนนั้น ก็ตกใจเป็ นกำาลัง แตูไมูสิ้นสติ นางจึงนั่งตรึก


ตรองอยู่กับที่ครู่หนึ่ ง แล้วรีบออกเดินกลับไปบ้าน ครั้นถึงบ้านก็ตรงเข้าไปในห้องซึ่งสามีนอน
อยู่ ปิ ดประต่ห้องแล้วก็เอามือกุมจม่กร้องครวญคราง ได้ยินไปตลอดจนถึงเพื่อนบ้าน
ญาติพ่ีนอ ้ ง แลเพื่อนบ้านได้ยินเสียงโวยวาย คิดวูาเกิดเหตุใหญูโตก็พากันมาชูวยเป็ น
อันมาก ครั้นไปถึงเรือนศรีทัตแลภริยาก็เข้าไปถึงประต่ห้อง เสียงนางร้องอยู่ในห้อง แตูประต่
ห้องนั้นปิ ด คนทั้งหลายก็พังประต่เข้าไปเห็นนางชัยศิริเอามือกุมจม่กเลือดไหล ศรีทัตทำากิริยา
งูุมงูามไมูปรากฏวูาจะทำาอะไรแนู
ครั้นญาติแลเพื่อนบ้านไปถึงพร้อมกัน แลเห็นนางชัยศิริจม่กแหวูงดังนั้นก็กลูาวแกูศรี
ทัตวูา เจ้านี้ เป็ นคนชั่วร้ายนักหนา ไมูมียางอาย ไมูมีกรุณาแลไมูยำาเกรงกฎหมายบ้านเมืองเลย
เจ้ากัดจม่กนางเสียเชูนนี้ ด้วยเหตุไร

ฝู ายศรีทัตเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ร้่สก
ึ วูาถ่กกลภริยาจึงกลูาวแกูตนเองวูา บุรุษไมูควรวาง
ความเชื่อในคนซึ่งเปลี่ยนใจหนึ่ ง ง่ดำาหนึ่ ง ศัตร่ซึ่งถืออาวุธหนึ่ ง แลควรระวังภัยอันเกิดแตูความ
ประพฤติแหูงหญิง ในโลกนี้ ไมูมีอะไรซึ่งกวีปริยายไมูได้ ไมูมีอะไรซึ่งโยคีไมูร้่ ไมูมีคำาพลูามคำา
ใดซึ่งคนเมาไมูพ่ด ไมูมีเขตตรงไหนซึ่งเป็ นที่สุดแหูงมารยาหญิง เทวดานั้นมีความร้่มากก็จริง
อยู่ แตูไมูร้่ลักษณะชั่วแหูงม้า ไมูร้่ลักษณะแหูงอัสนี ในหมู่เมฆ ไมูร้่ความประพฤติแหูงหญิง ไมูร้่
โชคของชายในภายหน้า ก็เมื่อเทวดายังไมูร้่เชูนนี้ เราผ้่เป็ นคนจะร้่ได้อยูางไรเลูา
ศรีทัตกลูาวเชูนนี้ แล้วก็ร้องไห้แลสาบานตูอหน้าต้นแมงลัก(ตุลสิ) แลสิง ่ ซึ่งเป็ นที่นับถือ
ทั้งปวง วูามิได้ทำาผิดเชูนที่ถ่กกลูาวหานั้นเลย ถ้าพ่ดไมูจริงขอให้เสียโค แลข้าวสาลีแลทองจน
สิ้นไปเถิด คำาที่ศรีทัตกลูาวเชูนนี้ หามีใครเชื่อไมู

ฝู ายพูอค้าผ้่เป็ นบิดานางชัยศิริ ครั้นเห็นเหตุเกิดแกูล่กสาวดังนั้น ก็รีบไปฟ้ องตูอผ้่


บังคับการตำารวจ ผ้่บังคับการตำารวจก็ใช้คนไปจับศรีทัต สูงไปให้ตุลาการชำาระ ตุลาการก็ชำาระ
ไตูสวนเสร็จแล้วก็พาตัวโจทก์จำาเลยไปยังที่เฝ้ าพระราชา เผอิญเป็ นเวลาซึ่งพระราชามีพระราช
ประสงค์จะลงโทษแกูใครสักคนหนึ่ งให้เป็ นตัวอยูางแกูคนทำาผิดซึ่งเผอิญมีมากในเวลานั้น พระ
ราชาทรงทราบเรื่อง จึงตรัสให้นางชัยศิริท่ลให้การตามที่เกิดโดยสัตย์จริง นางก็ช้ีท่ีจม่กแหวูง
แล้วท่ลวูา ข้าแตูพระมหาราชา เรื่องสัตย์จริงปรากฏอยู่ในที่ซึ่งควรมีจม่กติดอยู่น้ี
พระราชาได้ฟังคำาให้การซึ่งทรงเห็นแจูมแจ้งดังนั้น ก็ตรัสให้จำาเลยให้การ จำาเลยท่ลวูา
จม่กนางจะขาดไปด้วยเหตุอันใดข้าพเจ้าไมูทราบเลย ข้าพเจ้านอนหลับอยู่ ตื่นขึ้นในเวลาเที่ยง
คืนก็เห็นนางเป็ นอยู่เชูนนี้ พระราชาได้ทรงฟั งก็ตรัสวูา ถ้าจำาเลยไมูรับเป็ นสัตย์จะตัดแขนขวา
เสีย ครั้นยังไมูรับก็ตรัสวูาจะตัดแขนซ้ายด้วย ครั้นศรีทัตไมูรับทั้งไมูขอประทานโทษ ก็ทรง
พิโรธเป็ นกำาลัง ตรัสถามศรีทัตวูา คนใจเหี้ยมโหดอยูางเจ้านี้ จะทำาอยูางไรจึงจะสมแกูโทษ ศรี
ทัตท่ลวูา พระองค์ทรงดำาริอยูางไร ก็โปรดอยูางนั้นเถิด พระราชายิ่งทรงกริ้ว ก็ตรัสให้พาศรี
ทัตไปเสียบไว้ท้ังเป็ น ราชบุรุษได้ฟังก็เข้าจับตัวศรีทัตจะพาไปลงโทษตามรับสั่ง

ฝู ายขโมยซึ่งทราบเหตุแตูตน ้ จนปลายนั้น ตามเข้าไปฟั งชำาระอยู่ด้วย ครั้นได้ยินคำา


ตัดสินลงโทษคนไมูมีความผิด ก็เกิดยุติธรรมขึ้นในใจ จึงวิ่งแหวกคนเข้าไปร้องท่ลพระราชาวูา
พระมหากษัตริย์จงทรงฟั งข้าพเจ้ากูอน พระองค์เป็ นพระราชาธิบดี มีหน้าที่ยกยูองคนดีแล
ลงโทษคนชั่ว อยูาเพิ่งประหารชีวิตชายคนนี้ พระราชาได้ทรงฟั งดังนั้น ก็ตรัสให้ขโมยเลูาเรื่อง
ถวายแตูตามสัตย์จริง ขโมยท่ลวูา ข้าพเจ้าเป็ นขโมย แลชายคนนี้ ไมูมีความผิด พระองค์จะ
ลงโทษคนผิดตัวอยูแ ่ ล้ว ขโมยก็เลูาเรื่องถวายแตูต้นจนปลายเว้นแตูข้อที่ตนไปแทงชายเสเพล
ตายนั้นหาได้ท่ลไมู

พระราชาได้ทรงฟั งตลอด ก็ตรัสสั่งราชบุรุษวูาเจ้าจงไปตรวจศพชายซึ่งเป็ นที่รักของ


หญิงนี้ ถ้าพบจม่กหญิงในปากคนตาย คำาของขโมยผ้่มาเป็ นพยานนี้ ก็เป็ นความจริง แลชายผ้่
ผัวนี้ ก็เป็ นคนไมูมีโทษ ราชบุรุษได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็ไปตรวจศพชายหนู ุมตามรับสั่ง ไมูช้าได้จม่ก
นางกลับมาท่ลวูา ได้ค้นจม่กพบในปากแหูงศพสมดังคำาซึง ่ ขโมยท่ล พระราชาทรงทราบดังนั้น
ก็ตรัสให้ศรีทัตพ้นโทษ แลรับสั่งให้เอาดินหม้อประสมนำ้ามันทาหน้านางชัยศิริ ทั้งโกนผมแลคิ้ว
จนเกลี้ยงแล้วให้เอาตัวขึ้นขี่ลาหันหน้าไปข้างหาง ให้จง ่ ลาเที่ยวประจานรอบพระนครแล้วให้ขับ
นางไปสู่ปูา เมื่อทรงตัดสินลงโทษดังนี้ แล้ว ก็ประทานหมากพล่แลสิง ่ อื่นๆ แกูศรีทัตแลขโมย
รวมทั้งพระราโชวาทยืดยาว ซึ่งคนทั้งสองไมูต้องการนั้นด้วย

นกจุรามันกลูาวตูอไปวูา หญิงประกอบขึ้นด้วยคุณชนิ ดที่ข้าพเจ้าเลูานิ ทานเป็ น


ตัวอยูางมานี้ คำาโบราณกลูาววูา ผ้าเปี ยกยูอมจะดับไฟ อาหารชั่วยูอมจะทำาลายกำาลัง ล่กชาย
ชั่วยูอมจะทำาลายสกุล แลเพื่อนที่โกรธยูอมจะทำาลายชีวิต แตูหญิงนั้นยูอมจะทำาทุกข์ให้แกูผ้่อ่ ืน
ทั้งในคราวรักแลคราวเกลียด จะทำาอะไรๆ ก็คงจะเป็ นไปในทางที่ทำาความเดือดร้อนให้แกูเรา
ทั้งนั้น อนึ่ ง ความงามของนกปรอดอยู่ในสำาเนี ยง ความงามของชายขี้ริ้วอยู่ในวิชา ความงาม
ของโยคีอยู่ในความไมูโกรธ ความงามของหญิงอยู่ในสัตย์ แตูหญิงมีความงามจะหาที่ไหนจึงจะ
พบได้เลูา อนึ่ งพระนารทเป็ นผ้่ฉลาดโดยมายาในหมู่ฤาษี หมาจิ้งจอกในหมู่สต ั ว์ กาในหมู่นก
ชูางตัดผมในหมูค ่ น หญิงในโลก นกแก้วกลูาวตูอไปวูา เรื่องที่ข้าพเจ้าท่ลมานี้ เป็ นเรื่องที่
ข้าพเจ้ายินด้วยห่ร้่ด้วยตามาเอง ในเวลานั้นข้าพเจ้ายังเป็ นนกอูอน แม้กระนั้นยังทำาให้ข้าพเจ้า
กำาหนดใจมาจนบัดนี้ วูา หญิงทั้งหลายเกิดมาสำาหรับทำาลายความสุขแหูงเราเทูานั้น

เวตาลเลูาตูอไปวูา เมื่อนกขุนทองแลนกแก้วเลูานิ ทานมาแล้วเชูนนี้ ก็เกิดทูุมเถียงกัน


เป็ นขนานใหญู นกขุนทองก็กลูาวติเตียนชายแลยกยอหญิง นกแก้วก็กลูาวยกยอชายแลติเตียน
หญิงอยูางร้ายแรงจนนางจันทราวดีพระมเหสีทรงพิโรธนกแก้วตรัสวูา ผ้่ท่ีด่หมิ่นหญิงมีแตูพวก
ที่สมาคมกับพวกตำ่าช้า หาความเที่ยงธรรมในใจมิได้ อนึ่ งนกจุรามันควรละอายคำาตนเองที่
กลูาวติเตียนหญิง เพราะแมูของนกจุรามันก็เป็ นนกตัวเมียเหมือนกัน

ฝู ายพระราชารามเสน เมื่อได้ยินนกขุนทองก็กริ้ว แลตรัสสำาแดงพิโรธจนนกขุนทอง


เกาะคอนร้องไห้ ประกาศวูาชีวิตไมูพึงสงวนเสียแล้ว เวตาลกลูาวตูอไปวูา พ่ดสั้นๆ เจ้าสององค์
แลนกสองตัวก็ทูุมเถียงคัดค้านขัดคอกัน หญิงจะชั่วกวูาชาย หรือชายจะชั่วกวูาหญิงก็ไมูตกลง
กันได้ ถ้าหากพระองค์เสด็จอยู่ในที่น้ันด้วย ปั ญหาก็คงจะได้รับคำาตัดสินที่ถ่กต้อง เพราะ
พระองค์ทรงปั ญญารอบร้่ อาจชี้แจงข้อความชนิ ดนี้ ให้แจูมแจ้งได้ อันที่จริงตามเรื่องที่ข้าพเจ้า
เลูาถวายเป็ นปั ญหาเชูนนี้ พระองค์คงจะได้ทรงดำาริแนู นอนในพระหฤทัยแล้ววูา ใครจะชั่วกวูา
ใคร ข้าพเจ้าเองตรึกตรองในใจมาช้านาน ก็ยง ั ไมูทราบได้แนู นอนจนบัดนี้
พระวิกรมาทิตย์ตรัสตอบวูา หญิงยูอมจะชั่วกวูาชายอยู่เอง ชายนั้นถึงจะชั่วปานใดก็ยง

ร้่ผิดร้่ถ่กอยู่บ้าง หญิงนั้นไมูร้่เสียเลยทีเดียว

เวตาลหัวเราะด้วยเสียงอันดังแล้วตอบวูา พระองค์ทรงเห็นเชูนนั้นเพราะเป็ น
ชายดอกกระมัง ข้าพเจ้ามีความยินดีท่ีได้ฟังดำาริแหูงพระองค์ เพราะพระดำาริน้ันเป็ น
เหตุให้ข้าพเจ้าจะได้กลับไปอยู่ต้นอโศกเดีย
๋ วนี้ เวตาลพ่ดเทูานั้น แล้วก็ลอยออกจาก
ยูามหัวเราะก้องฟ้ ากลับไปห้อยหัวอยู่ยังต้นอโศกตามเดิม
The Vampire's Seacond Story
นิ ทานเวตาลเรื่องที่ ๓
เรื่องที่ ๓

พระวิกรมาทิตย์ ครั้นเวตาลหลุดลอยไปแล้ว ได้สติก็เสด็จหันกลับพา


พระราชบุตรทรงดำาเนิ นกลับไปยังต้นอโศก ครั้นถึงก็เสด็จปี นขึ้นไปปลดเวตาล
ลงมาใสูลงในยูามอยูางเกูา เสด็จออกทรงดำาเนิ นไปได้หนู อยหนึ่ ง เวตาลก็เลูา
เรื่องซึ่งกลูาววูาเป็ นเรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่ งดังนี้

ในกาลกูอนมีเมืองงามชื่อ โศภาวดี พระราชาทรงนาม รูปเสน มีข้าใช้ใกล้ชิด


ชื่อ สุรเสน เป็ นผ้่มีกำาลังแลปั ญญา วูองไวชำานาญในการรบยิ่งนัก สุรเสนคนนี้ แตูเดิมก็
เป็ นทหารธรรมดาแตูด้วยความกล้าแลความฉลาด ปฏิบัตก ิ ารในหน้าที่หาผ้่เสมอมิได้ จึง
ได้เลื่อนตำาแหนู งขึ้นไปโดยลำาดับ ในที่สดุ เป็ นแมูทัพในกรุงโศภาวดี บ้านใกล้เมืองเคียง
พากันกลูาวเลื่องชื่อลือฤทธิท ์ ่ัวไป

ฝู ายสุรเสนเมื่อได้รับตำาแหนู งแมูทัพแล้ว ก็มิได้เว้นวูางการงานในหน้าที่


เหมือนอยูางข้าราชการบางจำาพวก ซึ่งเมื่อพระราชาทรงแตูงตั้งให้เป็ นใหญูแล้วก็ละเว้น
ราชการ เพื่อจะได้มีเวลาทำาพลีกรรม สนองคุณเทพยดาที่บันดาลให้ตนได้เป็ นใหญู
สุรเสนเห็นวูาการบันดาลให้ตนเป็ นใหญูน้ัน ถ้าจะจำาแนกออกเป็ นหุ้น พระ
ราชาคงจะถือหุ้นมากกวูาผ้่อ่ ืน แลการทำาพลีกรรมถวายพระราชา ก็คือการปฏิบัติ
ราชการที่ทรงมอบหมายให้เป็ นไปดังพระราชประสงค์ สูวนเทพยดานั้นหากจะมีหน ุ้ อยู่
บ้างก็เปรียบเหมือนหุ้นที่ไมูได้จดทะเบียน แตูการบวงสรวงอาจมีได้บ้างในเวลาที่วูาง
ราชการ

กลูาวการปฏิบัติหน้าที่ สุรเสนเป็ นผ้่กล้าใช้ความเห็นของตนแลแบบฉบับการ


สงครามซึง ่ บัณฑิตแลพราหมณ์ผู้มิได้เป็ นนักรบ บังอาจแต่งขึ้นไว้เป็ นต้าราใช้
สืบกันมาแต่โบราณนั้น สุรเสนแมูทัพนำามาใช้เป็ นหลักแตูท่ีเห็นใช้ได้ แลใช้ความคิดแล
ความชำานาญของตนเป็ นบรรทัดทางเดิน ร้่จก ั เลือกที่รบ ร้่จักใช้ทหาร ร้่จักรักษาลำาเลียง
ของตนในขณะที่ตัดลำาเลียงข้าศึก เมื่อเห็นธน่ท่ีทหารใช้อยู่น้ันใช้ได้ไมูวูองไวก็คิดเปลี่ยน
เสียใหมูกูอนที่จะต้องเปลี่ยนเพราะแพ้ เมื่อเห็นด้ามดาบจับไมูถนัด แม้ด้ามจะได้เคยใช้กัน
มาแล้วตั้งพันปี แลคนทั้งหลายคิดวูาเป็ นด้ามดีท่ีสุดเพราะอายุ สุรเสนแมูทัพก็กล้า
เปลี่ยนเสียไมูเกรงพวกไมูใชูนักรบคือบัณฑิตแลพราหมณ์ติเตียนวูาไมูถก ่ ต้องตามคัมภีร
ศาสตร ์ อนึ่ ง สุรเสนได้จัดทหารถือศรไฟขึ้นหมู่หนึ่ งซึ่งเมื่อใช้ตูอส้่ทพ
ั ช้างของข้าศึกก็มีชัย
รอบข้าง แม้พระอังคารผ้่เป็ นเจ้าแหูงการรบก็ต้องชมวูาดี

วันหนึ่ งสุรเสนแมูทัพนั่งวูาราชการอยู่หน้าจวน มีทนายเข้าไปบอกวูา มีชายถือ


อาวุธคนหนึ่ งมาจะขอเข้ารับราชการ แมูทพ ั ได้ทราบจึงพาตัวเข้าไปซักถามตาม
ธรรมเนี ยม
ชายผ้่น้ันแสดงตัววูา ชื่อ วีรพล เป็ นคนชำานาญอาวุธ มีช่ ือเสียงวูากล้าแล
ซื่อสัตย์ปรากฏทั่วไปในภารตวรรษ (คืออินเดีย) สุรเสนแมูทัพเคยได้ยินคนชมตัวเองดังนี้
นับครั้งไมูถ้วน มิได้เชื่อคำาที่กลูาว แตูอยากจะแสดงให้ชายถืออาวุธนั้นร้่ตัวละอายแกูใจ
วูาตนไมูร้่จักใช้อาวุธเลย จึงบอกวูาให้ชก ั ดาบออกสำาแดงความสามารถให้ปรากฏเถิด

ฝู ายวีรพลได้ยินดังนั้นก็นึกร้่ในใจแมูทัพ แตูมิได้หวาดหวั่น เอามือขวาชักดาบ


ออกแกวูงเหนื อศีรษะเหมือนจักรยนต์ซึ่งหมุน ๑,๒๐๐ รอบตูอนาที มือซ้ายยื่นเหยียดออก
ไป มือขวาหวดด้วยดาบเต็มกำาลัง ตัดเล็บนิ้ วก้อยแหูงมือซ้ายขาดตกอยู่กับพื้น การตัด
เล็บให้ขาดไปด้วยดาบซึ่งฟาดเต็มแรงนั้น ถ้านิ้ วพลอยติดไปด้วยก็นับวูางูายแลนับวูาตัด
เล็บสำาเร็จเหมือนกัน ถ้าตัดไปทั้งมือยิง ่ งูายหนักเข้า แลการตัดเล็บก็เป็ นอันได้ตัด แตูวีร
พลตัดเล็บครั้งนั้น มิได้ถก
่ นิ้ วแลเนื้ อเป็ นเหตุให้เลือดตกแม้แตูหยดหนึ่ งเลย

สุรเสนแมูทัพเห็นดังนั้นก็ชอบใจ จึงสนทนากับวีรพลถึงวิธียุทธ์ วีรพลชี้แจง


แสดงความเห็นมีหลักฐานมั่นคง ปรากฏวูามิใชูแตูรอบร้่ตำาราซึ่งบัณฑิตแลพราหมณ์ผ้่ไมู
เคยรบแตูงไว้เป็ นแบบฉบับการรบ ถึงแม้ข้อบกพรูองในตำาราโบราณเหลูานั้นก็ร้่ด้วย เมื่อ
เป็ นดังนั้นสุรเสนแมูทัพก็เห็นได้วูา วีรพลนั้นมิใชูคนสามัญเลยจึงพาเข้าเฝ้ าท้าวร่ปเสน
ท่ลให้ทราบทุกประการ

ท้าวร่ปเสนเป็ นพระราชาที่คิดมากตรัสน้อย ครั้นได้ยินแมูทัพท่ลตลอดแล้ว ก็


ตรัสถามวีรพลวูา "ข้าควรให้เบี้ยเลี้ยงแกูเจ้าวันละเทูาไหรู" วีรพลท่ลวูา "ถ้าประทานเบี้ย
เลี้ยงแกูข้าพเจ้าเป็ นทองคำาวันละ ๑,๐๐๐ ทีนาระ จึงจะพอเป็ นคูาใช้สอยของข้าพเจ้า"
ท้าวร่ปเสนตรัสถามวูา "เจ้ามีทหารมาด้วยกี่กองทัพ จึงต้องใช้ทองคำามากถึงวันละ
เทูานั้น" วีรพลท่ลวูา ข้าพเจ้าไมูมีกองทัพมาด้วย มีแตูครอบครัวของข้าพเจ้า ซึ่งมีจำานวน
คือ ที่หนึ่ งตัวข้าพเจ้า ที่สองภริยาของข้าพเจ้าคนหนึ่ ง ที่สามบุตรชายคนหนึ่ ง ที่ส่ีบุตร
หญิงคนหนึ่ ง ที่ห้าไมูมี"

คนทั้งหลายที่อยู่ในที่เฝ้ าได้ยินดังนั้น ตูางคนก็ยิ้มแลหัวเราะ พระราชาทรงนิ่ ง


อยู่ครู่หนึ่ ง แล้วตรัสให้วีรพลออกไปจากที่เฝ้ า

เวตาลกล่าวแก่พระวิกรมาทิตย์ต่อไปว่า "พระองค์คงได้ทรงสังเกต
แล้วว่า ในหมู่มนุษย์พวกพระองค์นัน ้ คนมากมักจะเชื่อราคาคนๆ เดียว ตาม
ประมาณทีค ่ นนัน
้ ก้าหนด ถ้าใครตัง้ ราคาตนเองสูง คนอื่นๆ คงจะพูดกันว่า
"คนนี้ คงจะมีคุณวิเศษอะไรสักอย่างหนึ่ งซึง่ ยังไม่ปรากฏแก่เรา เพราะเราเป็ นผู้
ไม่มีความรู้" ดังนี้ ถ้าพระองค์ทรงบอกแก่คนทัง ้ หลายว่า พระองค์มีความกล้า มี
ความฉลาด พระหฤทัยดี แลแม้จะตรัสว่าพระองค์รูปงาม ไม่ช้าก็จะมีผู้เชื่อว่า
จริง แลเมื่อมีคนเชื่อเสียแล้ว พระองค์จะกลับท้าอย่างไรให้ปวงชนทราบได้ว่า
พระองค์ไม่กล้า ไม่ฉลาด ไม่มีพระหฤทัยดี แลไม่ทรงรูปงามนัน ้ จะทรงท้าได้
ด้วยยากทีส ่ ุด อนึ่ ง..."

พระราชาเหลียวไปตรัสแกูพระราชบุตรวูา "อยูาฟั งมัน อยูาฟั งมัน (แล้วตรัส


แกูเวตาล) นี่ แนู ะ เจ้าตัวชูางพ่ด ถ้าคนพากันนับถือธรรมเลอะเทอะอยูางที่เจ้าวูานี้ ไปด้วย
กันหมด ความสงบเสงี่ยม ความปราศจากโอ้อวด ปราศจากความเห็นแกูตัวฝู ายเดียวแล
คุณความดีอ่ ืนๆ อีกมากมาย จะมิส่ญสิน ้ ไปหรือ"

เวตาลตอบวูา "ข้าพเจ้าไมูทราบ แลไมูใสูใจที่จะให้คุณเหลูานั้นคงมีไปในโลก


แตูข้าพเจ้าอาจกลูาวได้วูา ข้าพเจ้าได้เคยสิงซากศพมนุษย์มาช้านาน ได้เปลี่ยนจากศพนี้
ไปอยู่ศพโน้นบูอยๆ จนได้ความร้่สำาคัญข้อหนึ่ ง คือ ผ้่มีปัญญายูอมจะร้่จักตนเอง ไมูขูุน
ข้องในใจเกินไปในเวลาที่ตกอับ หรือรื่นรมย์เกินไปในเวลาที่ชะตาขึ้น เพราะร้่ตัววูาไมูได้
ประดิษฐ์ตัวขึ้นเองยิง่ กวูาได้ประดิษฐ์เสื้อผ้าที่ไปจ้างเขาทำามาให้ สูวนคนโงูน้ัน เมื่อเอาตัว
ไปเทียบกับคนโงูกวูาก็ยินดีเบิกบานจนเกินเหตุ หรือเมื่อเทียบตัวเองกับคนที่โงูหยูอน
กวูา ก็กระดากเดือดร้อนในใจ เพราะร้่วูาเขาโงูนอ ้ ยกวูาตัว ความกระดากนี้ เรียกวูา
ความปราศจากโอ้อวด ความสงบเสงี่ยม หรือจะเรียกวูาวูากระไรอีกก็ยังจะได้
สูวนตัวข้าพเจ้านั้น เมื่อได้เข้าสิงซากศพไมูวูาจะเป็ นศพชาย ศพหญิงหรือศพ
เด็ก ข้าพเจ้าคงจะร้่สก ึ วูาข้าพเจ้าควรถ่อมตัวเป็ นอันยิง ่ เพราะรู้ว่าเหย้าทีอ
่ าศัย
ของข้าพเจ้านัน ้ เป็ นทีส ่ ้านักของสัตวชาติทีจ ่ องหองที่สุด แลเจ้าของเดิมเพิง ่ ทิ้ง
เหย้าไปยังไม่ทันช้าเลย อนึ่ ง..."

พระราชาทรงพิโรธรับสั่งวูา "เอ็งอยากจะให้ข้าเอาตัวเอ็งฟาดลงกับพื้นดิน
หรือ" เวตาลบูนอุบอิบ เป็ นทำานองวูาการแสดงปั ญญาให้คนโงูฟังไมูมีประโยชน์แล้วเลูา
นิ ทานตูอไปวูา

ท้าวร่ปเสนได้ทรงฟั งคำาวีรพลท่ลดังนั้น ก็ทรงนิ่ งตรึกตรอง ตั้งปั ญหาถาม


พระองค์เองวูา เหตุใดชายคนนี้ จง ึ ตีราคาความรับใช้ของตนแพงเชูนที่กลูาว แล้วทรงพระ
ดำาริวูา การตีราคาส่งเชูนนี้ คงจะเป็ นด้วยมีคุณวิเศษความดีอยูางเอก ซึ่งอาจจะเห็นได้
ภายหลัง เมื่อทรงนึ กดังนั้นแล้วก็นึกตูอไปวูา ถ้าประทานคูาจ้างมากมายตามที่วีรพลท่ล
ไซร้ ความมีใจใหญูของพระองค์คงจะให้ผลประโยชน์แกูพระองค์ในวันหน้า

เมื่อทรงตรึกตรองเห็นเชูนนี้ จึงรับสั่งเรียกวีรพลกลับเข้าไปหน้าพระที่น่ังแล้ว
รับสั่งเรียกชาวคลังมาสั่งวูา จงจูายทองคำาให้แกูวีรพลวันละ ๑,๐๐๐ ทีนาระ แล้วตรัสให้
วีรพลอยู่รับราชการตูอไป

ฝู ายวีรพลนั้นมีคำาเลูากันวูา เมื่อได้รับพระราชทานสินจ้างมากถึงเพียงนั้นก็ได้
ใช้ทรัพย์ของตนในทางที่ดีท่ส ี ุด ในเวลาเช้าทุกวันได้เอาทรัพย์ท่ีได้ในวันกูอนมาแบูงออก
เป็ นสองสูวน
สูวนหนึ่ งแจกจูายให้แกูพราหมณ์แลปุโรหิต สูวนที่เหลือนั้นแบูงออกอีกเป็ น
สองภาค ภาคหนึ่ งแจกแกูไวราคี คือคนขอทานซึ่งประกาศตัววูานับถือพระวิษณุเป็ นเจ้า
แลสันยาสี (ผ้่นับถือพระศิวะเป็ นเจ้า) ซึ่งเป็ นผ้่มีกายอันชโลมด้วยเถ้าถูาน แลปกปิ ดกาย
ด้วยทูอนผ้าซึ่งจะมิดชิดก็ไมูมิดได้ แลพากันยื่นศีรษะซึ่งมูุนเหมือนเชือกแนู นกันเข้าไปรับ
แจกที่ประต่ สูวนทรัพย์ท่ียังเหลืออยู่จากที่แจกแล้วนั้น วีรพลให้มีผ้่จัดประกอบอาหารอัน
มีรส แลเมื่อได้เลี้ยงคนขัดสนอาหารทั้งหลายจนอิ่มหนำาสำาราญทั่วกันแล้ว วีรพลแลบุตร
ภริยาจึงกินแล้วแตูจะมีเหลือ

การจำาหนู ายทรัพย์ทุกๆ วันเชูนนี้ มีคำากลูาวสืบกันมาวูาเป็ นวิธีดีนัก แตูพวกที่


กลูาววูาดีน้ัน พราหมณ์แลปุโรหิตคงจะเป็ นผ้ก ่ ลูาวนำาหน้า ไวราคีแลสันยาสีเป็ นพวกที่
รองลงมา แลพวกยาจกที่ได้รับเลี้ยงทุกๆ วันก็คงจะกลูาวชมวิธีจำาหนู ายทรัพย์ชนิ ดนั้น
ด้วย ชนพวกอื่นๆ ที่พลอยชมวูาดีไปด้วยก็จะมีบ้างดอกกระมัง แตูท่ีจะเป็ นวิธีดีจริงหรือไมู
นั้นเป็ นข้อที่นูาพิศวง

ในเวลาคำ่าคืนวีรพลถืออาวุธเข้าไปยืนอยู่ใกล้แทูนที่บรรทมทุกคืน เมื่อใดพระ
ราชาตื่นบรรทมขึ้น ตรัสถามวูาใครอยู่ท่ีน่ัน วีรพลก็ท่ลตอบทันทีวูา "ข้าพเจ้าวีรพลอยู่น่ี
ถ้ามีโองการตรัสสั่งประการใด ข้าพเจ้าพร้อมที่จะปฏิบัติตามพระราชประสงค์"
ท้าวร่ปเสนตื่นบรรทมขึ้นแลตรัสถามครั้งใด ก็ได้ทรงยินวีรพลท่ลตอบเชูนนั้น
เสมอจนแทบจะเบื่อ บางคราวถึงทรงอยากให้มีเหตุอันใด ที่จะได้ทรงใช้วีรพลให้เห็น
ความสามารถ บางคืนท้าวร่ปเสนมีรับสั่งให้ทำาอะไรที่แปลกที่สุดเพื่อทดลองใจ เพราะ คำา
โบราณยูอมกลูาววูาจะลองใจข้าให้ใช้ท้งั ในทางที่ควรแกูเวลา แลไมูควรแกูเวลา ถ้าทำา
ตามโดยเต็มใจ จงทราบวูาเป็ นข้าที่ดี ถ้าโต้ตอบ จงไลูเสียโดยเร็ว การทดลองใจข้าด้วย
ประการที่กลูาวนี้ คงจะได้ร้่จริงเสมอกับการทดลองใจเมียด้วยความยากจนของผัว หรือ
ทดลองญาติแลเพื่อนด้วยขอให้ชูวยธุระ

โดยประการที่กลูาวมานี้ วีรพลอยู่ยามรักษาพระราชาคืนยังรูุง แลที่ทำาเชูนนั้น


ก็เพื่อสินจ้างที่ได้พระราชทาน แลนอกจากเวลาอยูย ่ ามนั้น จะดื่มแลกินก็ดี นั่งนอนเดิน
ยืนก็ดี จะได้ลืมหน้าที่เป็ นผ้่เฝ้ ารักษาพระราชานั้นหามิได้ การที่ทำาเชูนนั้นก็ชอบด้วย
ธรรมเนี ยม เพราะถ้าชายคนหนึ่ งขายชายอีกคนหนึ่ ง ชายคนที่สองเป็ นผ้ถ ่ ่กขาย แตูถ้า
ข้าเข้าไปรับใช้นายก็คือข้าขายตัวเอง แลเมื่อชายใดเป็ นข้าต้องอาศัยผ้่อ่ ืนแล้วความสุขจะ
มีกระไรได้ ธรรมดาคนจะมีปัญญาฉลาดเฉลียวแลมีความร้่ปานใดก็ตาม ถ้ามีนายแลอยู่
ตูอหน้านาย ก็ยูอมจะนิ่ งเหมือนคนใบ้ แลมีความสะทกสะท้านอยู่เป็ นปกติ ตูอเมื่ออยู่พ้น
หน้านายไปจึงจะคูอยผูอนกายได้บ้าง เหตุดง ั นั้นปราชญ์ผ้่มีปัญญายูอมกลูาววูา การรับ
ใช้ให้ถก่ ต้องทุกประการนั้น ยากยิ่งกวูาฝึ กฝนความร้่ในทางธรรม

คืนหนึ่ งพระราชาตื่นบรรทมขึ้น ได้ยินเสียงหญิงโหยไห้ครำ่าครวญอยู่ในปู าช้าที่


ใกล้พระราชวัง พระราชาตรัสถามวูาใครอยู่ยาม วีรพลท่ลตอบตามเคย จึงรับสั่งวูา "เจ้า
จงไปด่วูามีหญิงมาร้องไห้ครำ่าครวญอยู่ทำาไม เมื่อได้ความแล้วจงรีบกลับมาโดยเร็ว" วีร
พลได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็รีบไปทำาตาม

ฝู ายพระราชา ครั้นวีรพลไปแล้ว ก็ทรงเครื่องดำาคลุมพระองค์รีบตามวีรพลไป


เพื่อจะทอดพระเนตรความกล้าของชายผ้่น้ัน อีกครู่หนึ่ ง วีรพลไปถึงปู าช้าได้เห็นหญิงงาม
ผ้่หนึ่ งฉวีเหลืองอูอน ประดับกายด้วยเพชรพลอยตั้งแตูศีรษะถึงเท้า มือหนึ่ งถือเขา มือ
หนึ่ งถือสร้อยคอ ประเดีย ๋ วก็ยูางเท้าเต้นไปมา ประเดีย ๋ วก็โดด ประเดีย ๋ วก็วงิ่ ไปรอบๆ
ประเดีย ๋ วก็ทอดตัวลงพาดบนดิน เอามือตีศีรษะตนเอง ร้องไห้ครำ่าครวญ แตูจะหานำ้าตา
มิได้
วีรพลเห็นดังนั้น ไมูทราบวูานางคือนางฟ้ าผ้่เกิดจากเกษียรสมุทรแลเป็ นที่รัก
ของชาวฟ้ าทั่วไป จึงถามวูา "นางคือใคร มาตีตว ั ร้องไห้ครำ่าครวญเชูนนี้ เพราะทุกข์อันใด"
นางตอบวูา "ข้าคือราชลักษมี" วีรพลถามวูาเหตุใดนางจึงโศกฉะนี้ เลูา
นางจึงกลูาวชี้แจงให้วีรพลฟั งวูา ในพระราชวังแหูงพระราชานั้น มีผ้่กระทำา
การลามกอยูางที่กระทำากันเป็ นปกติในหมู่ชนซึ่งเป็ นศ่ทรมีวรรณะตำ่า เหตุฉะนั้นความ
เสื่อมจะมีมาสู่พระราชฐาน อันเป็ นที่ซึ่งนางเคยอยู่มา แลจะต้องละทิ้งไปในบัดนี้ อีก
ประมาณเดือนหนึ่ งพระราชาจะประชวรหนักถึงสิ้นพระชนม์ นางมีความเสียใจจึงร้องไห้
นางอยู่มาในราชสำานักได้นำาความสุขมาให้มาก เหตุดง ั นั้นจึงเสียใจหนัก ที่ทราบวูาคำา
ทำานายของนางจะไมูเป็ นไปจริงมิได้เลย

วีรพลถามวูา "ภัยที่นางกลูาวนี้ จะหาทางป้ องกันเพื่อรักษาชีวิตพระราชาไว้ให้


ยั่งยืนร้อยปี ไมูได้หรือ" นางตอบวูา "ทางป้ องกันมีอยู่ท่ีอาจทำาได้ คือ ตั้งแตูน้ี ไป ทาง
ตะวันออกไกลประมาณ ๓ โกรศ มีศาลพระเทวีศาลหนึ่ ง ถ้าทูานตัดศีรษะบุตรของทูาน
ด้วยมือทูานเอง นำาถวายเป็ นเครื่องบ่ชาพระเทวี พระราชาจะทรงพระชนมายุยน ื ยาวไป
ชั่วกาลนาน จะมีภัยอันใดมาพ้องพานนั้นหาไมู"
นางราชลักษมีกลูาวเชูนนั้นแล้วก็อันตรธานหายไป ฝู ายวีรพลเมื่อได้รับความร้่
เชูนนี้ แล้ว ก็มิได้กลูาวประการใด หันกลับรีบเดินไปสู่บ้านแหูงตน พระราชาก็ทรงพระ
ดำาเนิ นลอบตามไปมิให้วีรพลร้่ตว ั ได้ทอดพระเนตรกิริยาแลทรงฟั งคำาพ่ด ทราบแจ้งใน
พระหฤทัยทุกประการ

ฝู ายวีรพลเมื่อออกจากปู าช้าแล้วก็รีบเดินไปปลุกภริยาขึ้นเลูาความให้ฟังทุก
ประการ กลูาวความประพฤติระหวูางสามีกับภริยา ปราชญ์ผ้่เป็ นกวีโบราณแสดงไว้วูา
o นางใดฟั งสามี เชื่อถือดีด้วยวาจา
อีกทั้งกิริยา โอนอูอนรับเพราะนับถือ
o นางนั้นได้ช่ ือวูา ภริยาที่ดีคือ
เกียรติเ์ ฟื่ องเลื่องบรรลือ ได้ช่ ือวูาชายจริงฯ

ดังนี้ เมื่อนางได้ฟังถ้อยคำาสามีแล้วก็รีบปลุกล่กชายขึ้น ฝู ายล่กหญิงเมื่อได้ยิน


ปลุกพี่ชายก็พลอยตื่นขึ้นด้วย วีรพลก็พาเมียแลล่กเดินไปสู่ศาลพระเทวี
เมื่อเดินไปตามทางวีรพลกลูาวแกูเมียวูา "ถ้าเจ้ายินยอมให้ล่กชายของเจ้าโดย
เต็มใจ ข้าผ้่เป็ นสามีจะทำาลายชีวิตเด็กนั้นถวายเป็ นเครื่องบ่ชาพระเทวี เพื่อความยืน
พระชนม์แหูงพระราชาผ้่เป็ นเจ้าของเรา"
นางตอบวูา "พูอแลแมู บุตรแลธิดา พี่นอ ้ งแลวงศ์ญาติท้ังปวงในเวลานี้ นับวูา
ข้าพเจ้าไมูมีเสียแล้ว ข้าพเจ้ามีทูานผ้่เดียวเป็ นผ้่แทนพูอแมูลก ่ แลพี่นอ
้ ง คัมภีรศาสตร์
ยูอมกลูาววูา ภริยานั้นจะบริสุทธิด ์ ้วยทำาทานแกูนักบวช หรือด้วยกระทำาการบ่ชายัญก็
หาไมู นางใดปฏิบัตส ิ ามีด้วยดี นางนั้นได้ช่ ือวูาเป็ นผ้่ครองธรรม แม้สามีจะเป็ นผ้่งูอย
เปลี้ยเสียขา เป็ นผ้่เสียมือ หรือใบ้ ห่หนวก ตาบอดตาเดียว เป็ นกุดถังหรือหลังคูอม ภริยา
ก็จำาต้องปฏิบัติด้วยดีท้ง ั นั้น คำาโบราณกลูาวความจริงไว้วูา

O ใครมีบุตรวูางูายกายปราศจากไข้ มีหทัยเสาะหาวิชาขลัง
ทั้งมีเพื่อนฉลาดเฉลียวชูวยเหนี่ ยวรั้ง มีเมียฟั งถ้อยคำาประจำาใจ
ผ้่น้ันดีมีบุญอาจจุนคำ้า โลกให้จำาเริญสุขปลดทุกข์ได้
ชนทั้งหลายคลายร้อนหยูอนแยงภัย เพราะเขาให้ความสุขปราศจากทุกข์
เจียวฯ
O อนึ่ งบูาวเกียจคร้านการรับใช้ พระราชาเป็ นใหญูใจขี้เหนี ยว
อีกเพื่อนใจไมูจริงพิงข้างเดียว เมียเด็ดเดี่ยวไมูฟังคำาบังคับ
ทั้งสี่น้ี ปลดสุขพาทุกข์สู่ เหมือนศัตร่เข้ามาเวลาหลับ
จักป้ องกันฉันใดไมูระงับ เหลือจักรับจักรบจักหลบลี้ฯ"

นางกลูาวแกูสามีดังนี้ แล้ว ก็หน


ั ไปกลูาวแกูบต ุ รวูา "ล่กเอย ถ้าเรายอมสละหัว
ของเจ้าเป็ นเครื่องบ่ชาพระเทวี ชีวติ แหูงพระราชาจะรอดได้ แลบ้านเมืองจะดำารงสุข
สืบไป"
ล่กชายได้ฟังแมูกลูาวดังนั้น แม้ยงั อูอนอายุ ยังกลูาวตอบดังซึ่งเราทูานไมูนูาจะ
เชื่อวูาเด็กพ่ดได้ แตูพึงระลึกวูาในสมัยโน้น แม้แตูนกแก้วนกขุนทองยังพ่ดสันสกฤตได้
คลูองดีกวูาทูานแลข้าพเจ้าเหลือจะพรรณนา เด็กคนนั้นเป็ นคนแล้วมิหนำาซำ้ากลูาวกันวูา
เป็ นเด็กฉลาดนักด้วย เหตุดังนั้นการที่พ่ดเพียงเทูานี้ ไมูประหลาดอะไร ถ้าประหลาดก็
ประหลาดด้วยพ่ดน้อยไปเสียอีก

ล่กชายกลูาววูา "ข้าแตูนางผ้่เป็ นมารดา ข้าพเจ้าเห็นวูาเราจะรีบเรูงให้การอัน


นี้ เป็ นไปโดยเร็ว เพราะเหตุวูา ประการที่ ๑ ข้าพเจ้าผ้่บุตรจำาต้องเชื่อฟั งคำาสั่งของมารดา
ประการที่ ๒ ข้าพเจ้าจำาต้องยังความเจริญให้มีแกูพระราชาผ้่เป็ นเจ้าของข้าพเจ้า
ประการที่ ๓ ถ้าชีวต ิ แลรูางกายของข้าพเจ้าเป็ นประโยชน์แกูพระเทวี ก็ไมูมีทางใดที่
ข้าพเจ้าจะใช้ชีวต ิ แลรูางกายของข้าพเจ้าให้ดียิ่งไปได้"

เวตาลเลูามาถึงเพียงนี้ จึงกลูาวแกูพระราชาวิกรมาทิตย์วูาพระองค์จง
ประทานอภัยแกูข้าพเจ้า ที่ได้นำาเอาคำาพ่ดคนเหลูานั้นมากลูาวยืดยาว เด็กเล็กๆ ซึ่งกำาลัง
จะถ่กเชือดคอนั้น พ่ดจาราวกับอาจารย์ธรรมศาสตร์ ฟั งอยู่คูอนข้างจะแปลกสักหนู อย

เวตาลเลูาเรื่องตูอไปวูา เมื่อเด็กได้กลูาวแกูมารดาแล้วก็เหลียวไปกลูาวแกู
บิดาวูา "ข้าแตูทูานบิดา ผ้่ใดได้กระทำาการเป็ นคุณประโยชน์แกูนายของตน ชีวต ิ ของผ้่
นั้นนับวูาไมูเปลืองไปเปลูา แลเพราะเหตุท่ีได้ใช้ชว
ี ิตในทางที่เกิดประโยชน์ ผ้่น้ันก็คงจะ
ได้รับรางวัลในโลกหน้าๆ ตูอไป"

ฝู ายล่กหญิง เมื่อได้ยินบิดามารดาแลพี่ชายพ่ดกันมาเพียงนี้ กก
็ ลูาวสอดขึ้นบ้าง
วูา " ถ้ามารดาวางยาพิษให้ล่กหญิงกลืน ถ้าบิดาขายล่กชายของตน ถ้าพระราชายึดถือ
เอาหลักทรัพย์สมบัติท้ังปวงของประชาราษฎร์ไปเป็ นประโยชน์แกูพระองค์เอง ดังนี้ ใคร
จะได้อะไรเป็ นที่พึ่งพำานักเลูา "

ล่กหญิงพ่ดดังนี้ ไมูมีใครฟั ง คนทั้งสี่ก็พากันเดินไปจนถึงศาลพระเทวี พระราชา


ก็เสด็จด้อมตามไปจนตลอดทาง อีกครู่หนึ่ งไปถึงศาลพระเทวี เป็ นเรือนห้องเดียวมีชาลา
รอบ ข้างหน้ามีเรือนหลังใหญูซึ่งคนอาจเข้าไปนั่งได้หลายร้อยคน หน้าเทวร่ปนองไปด้วย
เลือดอันไหลจากสัตว์มีชีวต ิ ซึ่งมีผ้่ได้ฆูาเพื่อการบ่ชาในศาลนี้ เทวร่ปนั้นดำาใหญู มีกร ๑๐
กร หัตถ์ขวาหัตถ์หนึ่ งถือหอกแทงอส่รชื่อมหิษ หัตถ์ซ้ายหัตถ์หนึ่ งถือหางง่แลผมแหูงมหิษ
แลง่น้ันกัดหน้าอกอส่ร กรอื่นๆ ถืออาวุธตูางๆ เงื้องูาอยู่เหนื อพระเศียร แลที่ข้างบาทนั้นมี
สิงห์ยนื พิงอยู่ตัวหนึ่ ง

ฝู ายวีรพลเมื่อไปถึงศาล ก็พนมมือนมัสการแลกลูาวคำาวิงวอนพระเทวีวูา "ข้า


แตูพระเทวีเป็ นเจ้า ข้าพเจ้าจะประหารชีวิตล่กชายถวายเป็ นเครื่องบ่ชาพระองค์ ขอ
พระองค์จงอำานวยให้พระราชาทรงชนมายุยืนยาวไปจวบพันปี เถิด โอ้พระมารดา
พระองค์จงทำาลายศัตร่ของพระราชาเสียเถิด จงทรงฆูาแลทำาให้ศต ั ร่เหลูานั้นเป็ นเถ้าถูาน
ไปให้สิ้น หรือไลูมันไปเสียให้สิ้น พระองค์จงตัดมันทั้งหลายให้เป็ นทูอนแลเสวยเลือดมัน
พระองค์จงล้างแลทำาลายมันเสียด้วยวัชระ ด้วยโตมร ด้วยขรรค์ ด้วยจักร ด้วยบาศอัน
เป็ นอาวุธของพระองค์"

วีรพลกลูาวดังนั้นแล้ว ก็บอกให้ล่กชายคุกเขูาลงตรงหน้าเทวร่ปแล้วฟั นด้วย


ดาบถ่กคอขาด หัวกระเด็นไปกลิง ้ อยู่บนพื้นชาลาแล้วโยนดาบขว้างไปไกลตัว ฝู ายล่ก
หญิงเมื่อเห็นพี่ชายคอขาดกระเด็นไปดังนั้น ก็วิ่งเข้าไปฉวยเอาดาบเชือดคอตนเองสิ้นไป
ชีวต
ิ ลงไปอีกคนหนึ่ ง นางผ้่เป็ นมารดาเห็นล่กชายแลล่กหญิงสิน้ ชีวิตลงไปดังนั้น เหลือที่
จะสะกดใจไว้ได้ ก็วิ่งไปหยิบดาบฟั นคอตนเองตายลงไปอีกเป็ น ๓ ศพด้วยกัน

ฝู ายวีรพลเมื่อเห็นดังนั้น จึงกลูาวแกูตนวูา "ล่กเราก็ตายหมดแล้ว ก่จะอยู่รับ


ใช้พระราชาไปทำาไมเลูา เมื่อได้ทองคำาเป็ นรางวัลจากพระราชาก็ไมูมีล่กจะรับชูวงตูอไป
อีกแล้ว" คิดดังนี้ วีรพลก็เอาดาบฟั นคอตนเองล้มลงขาดใจตาย

ฝู ายท้าวร่ปเสนพระราชาทรงแอบด่ ทอดพระเนตรเห็นหัว ๔ หัว ขาดจากตัว ๔


ตัว กลิง
้ อยู่หน้าศาลดังนั้น ก็ทรงสลดพระหฤทัย ทรงคำานึ งวูา "พูอแมูล่กทั้ง ๔ นี้ ได้สละ
ชีวต
ิ ไปแล้วเพื่อประโยชน์แกูเรา โลกนี้ กว้างใหญูก็จริง แตูหาคนที่ซ่ ือสัตย์กล้าหาญถึง
เพียงนี้ หาไมูได้ ใครบ้างจะสละชีวต ิ เชูนนี้ เพื่อสนองคุณพระราชา แตูมิได้บอกกลูาวโอ้อวด
ให้ใครทราบเลย อำานาจแลความเป็ นพระราชาของเรานี้ ถ้าจะยั่งยืนอยู่ได้ด้วยต้อง
ทำาลายชีวต ิ คนถึงปานนี้ ก็สนิ้ ความสำาราญแลเป็ นบาป มิได้ผิดอะไรกับถ่กแชูง เราคงจะ
ครองราชัยไปก็หายุติธรรมมิได้"

พระราชาทรงดำาริเชูนนี้ แล้ว ก็ทรงหยิบดาบขึ้นจะประหารชีวิตพระองค์เอง แตู


เทวร่ปพระเทวีทรงยึดพระหัตถ์ไว้ รับสั่งห้ามมิให้พระราชาประหารพระองค์เอง แลให้
ทรงขอพรแล้วแตูพระประสงค์ ฝู ายท้าวร่ปเสนเมื่อพระเทวีตรัสให้ขอพรดังนั้น ก็ท่ลขอให้
ประทานคืนชีวต
ิ วีรพลแลล่กเมีย ในพริบตาเดียว พระเทวีก็ทรงได้น้ ำาอมฤตจากบาดล
ทรงพรมศพทั้งสี่ศพนั้น หัวกับตัวก็กลับมาติดกัน คืนชีวต
ิ ขึ้นมาทั้งสี่คน
ท้าวร่ปเสนก็ตรัสให้คนทั้งสี่เดินตามเสด็จกลับพระราชวัง อยู่มาไมูช้า ท้าวร่ป
เสนก็แบูงราชสมบัติประทานให้วีรพลครอบครองตามสมควร

เวตาลเลูามาเพียงนี้ กห
็ ยุดอยูค
่ รู่หนึ่ ง แล้วท่ลพระวิกรมาทิตย์วูา " ข้าซึ่งไมู
เสียดายชีวิตตนเอง ในการรักษาชีวิตเจ้านั้นเป็ นข้าที่มีความสุข แลเจ้าซึ่งอาจตัดรกราก
แหูงความใครูเป็ นใครูอยู่ แลความจำาเริญในราชสมบัติได้น้ันเป็ นเจ้าซึ่งมีความสุข ๓ เทูา
ด่กรพระราชา ข้าพเจ้าขอท่ลถามพระองค์สักข้อหนึ่ งวูา บรรดาคนทั้งห้านั้น
คนไหนจะโงูท่ีสุด"

พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟั งก็แสดงอาการพิโรธ เพราะความถ่กพระหฤทัยใน


เรื่องความซื่อตูอหน้าที่ ในเรื่องความรักกันในเหลูาบุตรแลสามีภรรยา ในเรื่องผ้่นอ ้ ยฟั ง
คำาผ้่ใหญู ในเรื่องคนมีใจใหญูแลใจมั่นคงเหลูานั้นกลับกระจัดกระจายไปหมดเพราะ
เวตาลกลับกลูาววูาเป็ นความโงูเสียแล้ว แลเพราะเหตุท่ก ี ริ้วดังนั้นจึงรับสั่งด้วยสำาเนี ยง
โกรธวูา

"อ้ายผี ถ้าคำาที่เอ็งกลูาววูาคนไหนโงูท่ีสุดนั้นหมายความวูา คนไหนมีน้ ำาใจควร


เป็ นที่นับถือที่สุด ก่จะตอบได้ทันทีวูาคือท้าวร่ปเสนผ้่เป็ นพระราชา"

เวตาลถามวูา "เหตุไรจึงทรงเห็นอยูางนั้น" พระวิกรมาทิตย์ตรัสวูา "เอ็งเป็ นผี


ปั ญญาตัน ไมูอาจเข้าใจได้ วีรพลนั้นมีหน้าที่จะสละชีวต ิ ของตนให้แกูเจ้า ซึง
่ มีกรุณาให้
ลาภถึงเพียงนั้น บุตรชายของวีรพลจะขืนคำาบิดานั้นไมูได้เป็ นอันขาด แลสูวนหญิงเมื่อ
ใครฆูากันที่ไหนให้เห็นเป็ นตัวอยูางก็ต้องฆูาตัวเองเป็ นธรรมดาตามนิ สัยผ้่หญิง แตูท้าว
ร่ปเสนนั้นทรงสละราชัยของพระองค์เพื่อประโยชน์แกูวีรพลผ้่เป็ นข้า แลไมูตีราคาชีวิต
ของพระองค์ แลราชสมบัติซึ่งเป็ นของชวนให้อยากมีชีวิต ยิง ่ กวูาราคาทูอนฟางทูอนหนึ่ ง
เลย เหตุดังนั้นก่จง
ึ เห็นวูาการที่พระราชาทรงกระทำานั้น เป็ นบุญแลควรสรรเสริญยิ่งกวูา
ผ้่อ่ ืน"

เวตาลหัวเราะตอบว่า "ดูกรพระราชา แม้พระองค์มีแขนแลขาอย่าง


หนุมาน พระองค์ก็จะต้องเบื่อปีนต้นไม้สูงโน้นบ้างดอกกระมัง" พูดเท่านัน
้ แล้ว
เวตาลก็ออกจากย่ามลอยหัวเราะก้องฟ้ าคืนไปห้อยอยู่ยังต้นอโศกตามเดิม
พระวิกรมาทิตย์กับพระราชบุตร ก็หันพระพักตร์ทรงด้าเนิ นกลับไปต้นอโศกอีก
ครัง
้ หนึ่ ง

The Vampire's Third Story


นิทานเวตาลเรื่องที่ ๔
เรื่องที่ ๔

พระวิกรมาทิตย์เสด็จไปถึงต้นอโศก ทรงปี นขึ้นไปปลดเวตาลลงมา


บรรจุยูาม แล้วทรงดำาเนิ นพาพระราชบุตรไปได้หนู อยหนึ่ ง เวตาลก็เลูานิ ทาน
ซึ่งกลูาววูาเป็ นเรื่องจริงเรื่องที่ ๔ ดังนี้

มีพูอค้าไมูสำาคัญคนหนึ่ งชื่อ หิรัณยทัตต์ มีบุตรีงามชื่อ นางมัทนเสนา


มีหน้าเหมือนพระจันทร์เพ็ญ ผมเหมือนเมฆ ตาเหมือนตาชะมด คิ้วเหมือนธน่ท่ีขึ้นสาย
แล้ว จม่กเหมือนปากนกแก้ว คอเหมือนคอนกเขา ฟั นเหมือนเมล็ดแหูงผลทับทิม ริม
ฝี ปากสีแดงเหมือนผลนำ้าเต้า เอวอูอนเหมือนเอวเสือ มือแลเท้าเหมือนดอกไม้อูอน ผิว
เหมือนมะลิ มีลักษณะเป็ นนางงามตามเคยมิให้ขาดได้โดยประเพณี ใชูแตูเพียงนั้น ยัง
งามขึ้นทุกวันๆ จนพระจันทร์แลเมฆ แลตาชะมด แลธน่ท่ีขึ้นสายพานแล้ว ฯลฯ จะแพ้
หมด

ครั้นนางมีอายุสมควรจะมีเรือน บิดามารดาหารือกันแลตรึกตรองถึงการวิวาห์
บุตรี ชนทั้งหลายในแวูนแคว้นแหูงพระราชาทรงนาม วีรวรกษัตริย์ ครอง กรุงมัทนบุรี
ตูางเลื่องลือกันไปวูา หิรัณยทัตต์มล ี ่กสาวงามจับใจเทวดา บุรุษ แลมุนีท้ังปวง ชายทั้ง
หลายที่ใครูได้ภริยางาม ตูางก็ไปหาชูางเขียนมาวาดร่ปตน แล้วสูงร่ปนั้นไปยังบ้าน
หิรัณยทัตต์ หิรัณยทัตต์ก็สงู ร่ปทั้งหมดให้บุตรีตรวจ ด่วูาจะชอบเจ้าของร่ปคนไหน แตูนา
งมัทนเสนาเป็ นคนเลือกโนู นเลือกนี่ แลเปลี่ยนใจงูายๆ เหมือนกับนางงามอื่นๆ มากด้วย
กัน ครั้นบิดาบอกให้เลือกสามีในหมู่คนที่สูงร่ปมานั้น นางก็ตอบวูาไมูชอบใจใครเลย แล
ขอให้บิดาเลือกคนอื่นที่มีร่ปดีมีคุณดี แล้วมิหนำาซำ้าให้มค
ี วามคิดดีอีกด้วย

เวตาลกลูาววูา พระองค์ทรงปั ญญาสามารถยูอมจะทรงทราบวูา ชายร่ปงาม


นั้นก็หายากอยู่แตูก็พอหาได้ ชายทรงคุณดีกห ็ าไมูงูาย แตูก็คงจะพอหาได้ สูวนชายร่ป
งามที่ทรงคุณดีน้ัน ถ้าจะมีในโลกก็คงจะนับให้ถว้ นได้ด้วยนิ้ วมือสิบนิ้ ว แตูท่ีจะหาเอา
ความคิดดีเข้ามาประสมอีกอยูางหนึ่ งนั้นถ้าจะหาเข็มในมหาสมุทรก็เห็นจะยากงูายปาน
กัน

วันหนึ่ งเมื่อเวลาลูวงไปแล้วช้านาน มีชายสี่คนมาจากสี่เมืองไปที่เรือนหิรัณย


ทัตต์ เพื่อจะขอบุตรีเป็ นภริยา หิรัณยทัตต์กลูาววูา ถ้าคนทั้งสี่มีคุณดีอยูางไรก็จงแสดงให้
ปรากฏเถิด ในสูวนร่ปนั้นก็เห็นได้อยู่แล้ววูาไมูเลวทราม แตูจะต้องการร้่วูามีวิชาอะไร
บ้าง

ชายคนที่ ๑ ตอบวูา "ข้าพเจ้ามีความร้่ในพระศาสตร์หาผ้่เสมอมิได้ สูวนร่ป


กายของข้าพเจ้านั้น ทูานเห็นอยู่แล้ววูายูอมเป็ นที่พึงใจสตรี"
ชายคนที่ ๒ กลูาววูา "ข้าพเจ้ามีความร้่ในการยิงธน่ไมูมีท่ีเปรียบ ข้าพเจ้าอาจ
แผลงศรไปฆูาสัตว์ท่ีข้าพเจ้าไมูเห็น แลหมายยิงได้ด้วยเสียงที่ได้ยน ิ เทูานั้น ความมีร่ป
งามของข้าพเจ้าทูานก็เห็นอยู่แล้ว"
ชายคนที่ ๓ กลูาววูา "ข้าพเจ้าร้่ภาษาสัตว์น้ ำาแลสัตว์บก ภาษานกแลภาษา
มฤค จะหาคนมีกำาลังเสมอข้าพเจ้าหามิได้ ความงามของข้าพเจ้ายูอมประจักษ์แกูตาทูาน
อยู่แล้ว"
ชายคนที่ ๔ กลูาววูา "ข้าพเจ้ามีวิธีทอผ้าชนิ ดหนึ่ ง ซึ่งจะแลกทับทิมได้ ๕ เม็ด
แลเมื่อได้ขายผ้าผืนหนึ่ งได้ทับทิมมาแล้ว ข้าพเจ้าแบูงทับทิมเม็ดหนึ่ งให้แกูพราหมณ์เป็ น
ทาน เม็ดที่ ๒ ถวายเป็ นเครื่องบ่ชาเทวดา เม็ดที่ ๓ ข้าพเจ้าเก็บไว้ประดับตัวเอง เม็ดที่ ๔
ให้ภริยาประดับกาย เม็ดที่ ๕ ข้าพเจ้าขายได้เงินตรามาแล้วจำาหนู ายในการเลี้ยงแขก
ความร้่ข้าพเจ้ามีเชูนกลูาวนี้ แลไมูมีผ้่อ่ ืนมีวิชาเชูนข้าพเจ้าเลย ความมีร่ปงามของ
ข้าพเจ้ายูอมแจ้งแกูตาทูานอยู่แล้ว"

ฝู ายหิรัณยทัตต์ เมื่อได้ฟังคำาชายทั้งสี่คน ก็น่ิ งตรึกตรองวูา "ปราชญ์ยูอมกลูาว


วูาสิง
่ ใดๆ ก็ดี ถ้ามากเกินไปก็ไมูดีเลย นางสีดามีความงามมากจนราวัณลักพาหนี ท้าว
มหาพลีให้ทานมากเกินไปจนกลับเป็ นท้าวแทตย์ท่ีจน ปราศจากความมั่งคั่ง ล่กสาวของ
เรางามเกินไป จะปลูอยให้ไมูมีสามีอยู่น้ันไมูได้ คนสี่คนนี้ จะยกนางให้แกูคนไหนดี"

หิรัณยทัตต์คิดยังไมูตกลงในใจ จึงไปหาล่กสาวเลูาความให้ฟังแล้วถามวูา นาง


จะเห็นควรให้บิดายกนางให้แกูชายคนไหน นางมิร้่วูาจะกลูาวประการใด ก็ก้มหน้านิ่ งอยู่

หิรัณยทัตต์จึงตรึกตรองตูอไปวูา "ชายที่ร้่ศาสตร์น้ันเป็ นพราหมณ์ ชายที่


แผลงศรไปถ่กสัตว์ท่ีได้ยินแตูเสียงนั้นเป็ นกษัตริย์ แลชายที่ร้่วิชาทอผ้านั้นเป็ นศ่ทร แตู
ชายที่เข้าใจภาษาสัตว์น้ันเป็ นคนวรรณะเดียวกับเรา ผ้่น้ันเราจะยกล่กสาวให้"
หิรัณยทัตต์ตริตรองในใจดังนี้ แล้ว ก็จัดการเตรียมวิวาห์บุตรี

ระหวูางนั้นเป็ นฤด่วสันต์ นางมัทนเสนาออกไปเดินชมดอกไม้อยู่ในสวน เผอิญ


เมื่อนางออกไปนั้นมีชายคนหนึ่ งชื่อโสมทัตต์ เป็ นบุตรของธรรมทัตต์ไปเที่ยวเดินเลูนใน
ปู าจะกลับบ้าน ก็ผูานสวนที่นางมัทนเสนาเดินลงไปเดินเที่ยวอยู่
โสมทัตต์เห็นนางก็งวยงงหลงใหลในร่ปนาง จึงกลูาวแกูเพื่อนวูา "เพื่อนเอ๋ย
ถ้าข้าได้นางคนนี้ ข้าจะมีความจำาเริญในชีวิตนี้ ถ้าไมูได้ ความเกิดมาแลอยู่ในโลกก็จะ
เปลืองเวลาเปลูา" เมื่อพ่ดดังนี้ แล้ว โสมทัตต์เกรงนางจะพ้นไปเสีย จึงเดินเข้าไปใกล้นาง
โดยมิได้ต้ังใจจะละลาบละล้วง
แตูเมื่อเข้าไปใกล้ตัวนางแล้วไซร้ โสมทัตต์กุมสติไว้ไมูม่ันเหลือที่จะอดกลั้นได้
ก็ตรงเข้าไปจับมือนางแล้วกลูาววูา "ข้ามีความรักนางเหลือที่จะทรงสติไว้ได้ ถ้านางไมู
รักข้า ข้าจะต้องทอดทิ้งชีวิตเสียในบัดนี้ "
นางมัทนเสนาตอบวูา "ขอทูานอยูาสละชีวิตเสียเลย เพราะการฆูาตัวตายเป็ น
อกุศล ข้าพเจ้าจะพลอยได้บาปถ่กลงโทษเพราะชูวยทำาให้เลือดตก จะได้ความเดือดร้อน
ทั้งโลกนี้ แลโลกหน้า"
โสมทัตต์ตอบวูา "คำากลูาวอูอนหวานของนางแทงหัวใจข้าทะลุเสียแล้ว แล
ความร้่สึกวูาจะต้องพ้นไปจากนางเผากายข้าให้ไหม้เป็ นจุณไป ความทรงจำาแลปั ญญา
เครื่องร้่ก็สลายไปด้วยทุกข์อันนี้ แลความรักเกินประมาณทำาให้ข้าไมูร้่สึกผิดแลชอบ แตู
ถ้านางจะให้สัญญาแกูข้าสักข้อหนึ่ ง ข้าคงจะมีชีวต ิ ตูอไปได้"
นางตอบวูา "กลียค ุ มาถึงเป็ นแนู เสียแล้ว แลตั้งแตูขึ้นต้นกลียุคมา ความเท็จ
เกิดในโลกมากขึ้น แลความจริงลดน้อยลงไป คนใช้ลิ้นกลูาววาจาที่เกลี้ยงเกลาแตูใช้ใจ
เป็ นที่เลี้ยงมายา ศาสนาสลายไป ความชั่วช้าทารุณเกิดมากขึ้น แลแผูนดินก็ให้พืชผล
น้อย พระราชาทรงเรียกคูาปรับจากราษฎร พราหมณ์ประพฤติไปในทางละโมบ บุตรไมู
ฟั งคำาแหูงบิดา พี่นอ ้ งไมูไว้ใจกันเอง ไมตรีสิ้นไปในหมู่มิตร ความจริงไมูมีในใจผ้่เป็ นนาย
บูาวเลิกการรับใช้ ชายทิง ้ เสียซึ่งคุณแหูงชาย แลหญิงก็สิ้นความอาย อีก ๕ วันตั้งแตูน้ี ไป
จะถึงวันวิวาห์ของข้าพเจ้า ถ้าทูานไมูฆูาตัวตาย ข้าพเจ้าสัญญาวูา ในวันนั้นข้าพเจ้าจะไป
หาทูานกูอนแล้วจึงจะกลับไปอยู่กับสามี"

เราทูานในสมัยนี้ เมื่อได้ยินคำานางมัทนเสนากลูาวยืดยาวถึงเหตุการณ์ท่ีเป็ น
ไปในกลียคุ ก็นูาจะพิศวงวูาเหตุใดจึงต้องจาระไนมากมายถึงเพียงนั้น อันที่จริงนาง
ต้องการจะกลูาวนิ ดเดียววูา นางต้องสละความอายด้วยกลัวจะพลอยได้บาปเพราะเป็ น
เหตุให้โสมทัตต์ฆูาตัวตาย

สูวนนางมัทนเสนาเมื่อได้กลูาวคำามั่นดังนั้น แลได้สบถเชิญพระคงคาเป็ น
พยานแล้วก็กลับบ้าน โสมทัตต์ก็แยกทางไป

ครั้นถึงกำาหนดการวิวาห์ หิรัณยทัตต์พูอค้าก็จูายเงินตราเป็ นอันมากในการ


เลี้ยงแลหาของให้เจ้าบูาว หนู ุมสาวทั้งคู่ถก
่ ทาขมิ้นทั่วตัว แลในคืนกูอนวิวาห์น้ันถ่กฟั ง
ดนตรีท่ีใช้เสียงมาก ทั้งถ่กชโลมด้วยนำ้ามันทั้งตัว ยังเจ้าบูาวจะถ่กโกนผมอีกเลูา แหูซึ่ง
พาเจ้าบูาวไปสูงบ้านเจ้าสาวนั้นครึกครื้นมากมาย ถนนสวูางไปด้วยคบเพลิงซึ่งคนถือช่
ไป แลดอกไม้เพลิงก็จุดตลอดทาง ช้าง อ่ฐ แลม้าซึ่งแตูงเครื่องอยูางงามก็เดินไปตาม
ระยะ แลกวูาจะแหูไปถึงบ้านเจ้าสาว ก็มีเด็กซนและชายหนู ุมชั่วตาย เพราะถ่กดอกไม้
เพลิงหรือถ่กช้างเหยียบ หรือเพราะเหตุอ่ ืนๆ ตั้ง ๕ คน ๖ คน เพราะแหูกลางคืนเชูนนั้น
ยูอมจะมีเหตุเสมอ

ครั้นเจ้าบูาวไปถึงบ้านเจ้าสาว ก็กระทำาการวิวาห์ตามที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์แล้ว
ก็มีการเลี้ยงอยูางฟู ุมเฟื อย จนแขกที่น่ังลงกินเลี้ยงนั้นไมูมีใครบูนวูากระไรสักคนเดียว
ครั้นเสร็จพีธีวิวาห์แล้ว สามีก็พานางมัทนเสนาผ้่ภริยาไปสู่เรือนแหูงตน เมื่อ
วันลูวงไปหลายวันแล้วภริยาแหูงน้องสุดท้อง แลภริยาแหูงพี่หัวปี ของเจ้าบูาวก็ชูวยกัน
ฉุดครูาพาเจ้าสาวไปสูงตัว แลให้น่ังอยู่บนที่นอนของเจ้าบูาวซึ่งแตูงด้วยดอกไม้สด
ครั้นผ้่สง
ู ตัวออกจากห้องไปแล้ว สามีก็เข้าเล้าโลมภริยา นางใช้มือทั้งสองผลัก
ตัวสามีไว้ให้หูาง แล้วเลูาเรื่องที่ได้สัญญาแกูโสมทัตต์ไว้ตามจริงทุกประการ

เจ้าบูาวได้ฟังดังนั้นก็ตอบวูา "สิง่ ทั้งหลายคนอาจร้่ได้ด้วยคำาพ่ด คำาพ่ดนั้นเป็ น


ฐานที่ต้ง
ั แหูงสิ่งทั้งหลาย แลสิง ่ ทั้งหลายยูอมออกจากคำาพ่ด เหตุดง ั นั้นผ้่ทำาคำาพ่ดให้เป็ น
เท็จ ก็ทำาให้สง
ิ่ ทั้งหลายเป็ นเท็จไปหมด ถ้าเจ้าอยากจะไปหาเขากูอน ก็จงไปเถิด"
เราทูานอูานคำาพ่ดของเจ้าบูาวนี้ ก็นูาจะเห็นแปลก แตูไมูจำาเป็ นจะต้องเพียร
เข้าใจคำาของเขาเลย

ฝู ายนางมัทนเสนา เมื่อได้รับอนุญาตจากสามีแล้วก็ลก
ุ ขึ้นรีบเดินไปสู่เรือนโสม
ทัตต์ ทั้งที่ยังแตูงกายเต็มยศอยู่ ครั้นเดินไปตามถนน กลางทางพบโจรคนหนึ่ ง โจรเห็น
นางแตูงกายด้วยเครื่องประดับอันมีคูาเดินมาคนเดียวดังนั้นก็ยินดี จึงตรงเข้าไปถามวูา
"นางเดินถนนมืดเชูนนี้ ในเวลาเที่ยงคืน แลแตูงกายด้วยผ้างดงามแลเครื่องเพชรพลอยมี
คูาเชูนนี้ เพื่อจะไปไหน"
นางตอบวูา "ข้าจะไปเรือนแหูงชายที่รัก" โจรถามวูา "ตามทางที่เดินมานี้ ใคร
เป็ นผ้่คุมครองรักษานาง" นางตอบวูา "ผ้่ปกครองของข้าคือกามเทพ คือเด็กหนู ุมงามซึ่ง
แผลงศรเพลิง ทำาให้เกิดแผลคือความรักขึ้นในใจแหูงชนทั้งหลายในสามโลก คือรติบดี ผ้่
มีนกกาเหวูาแลแมลงภู่แลลมโชยไปเป็ นเพื่อน"

นางกลูาวเชูนนั้นแล้วก็เลูาเรื่องตามจริงตลอด แล้วกลูาวสัญญาแกูโจรวูา
"ทูานอยูาทำาลายเพชรพลอยเครื่องประดับของข้าเลย ข้าให้สัญญาแกูทูานวูา เมื่อข้ากลับ
มา ข้าจะให้สิ่งของเหลูานี้ แกูทูานหมด"
โจรได้ฟังดังนั้นก็นึกในใจวูา การที่จะทำาลายเครื่องประดับของนางเสียในทันที
หาประโยชน์มิได้ เพราะนางได้สัญญาแล้ววูาจะให้ด้วยความเต็มใจ เหตุดังนั้นโจรจึงยอม
ให้นางไปตามอัชฌาสัยแล้วนั่งลงคอยแลคำานึ งในใจตามความคิดซึ่งด่ราวกับฉลาด แตู
เข้าใจยากวูาเกี่ยวข้องกับเรื่องอยูางไร
แตูคนผ้น ่ ้ันเป็ นโจร เราเทูาที่เป็ นสาธุชนจะเห็นแนวความคิดของเขาอยูางไร
ได้

โจรนั่งคำานึ งวูา "ก่เห็นประหลาดนักที่ทูานผ้่เลี้ยงก่มาแตูเมื่อก่ยังอยู่ในครรภ์


มารดานั้น เมื่อก่มีกำาเนิ ดแล้วแลได้รับความสำาราญเพราะของดีท้ังปวงอันมีอยู่ในโลก
บัดนี้ ทูานผ้่น้ันก็หาตามมาด่แลรักษาก่ไมู ก่ไมูร้่วูาผ้่น้ันยังจะหลับหรือตายเสียแล้ว แลก่
จะยอมกลืนยาพิษยิ่งกวูาที่จะยอมขอเงิน หรือขอความกรุณาอยูางอื่นจากชายผ้่ใด เพราะ
ของ ๖ อยูางนี้ เป็ นเครื่องชักจ่งให้ชายเป็ นคนตำ่าช้าคือ ไมตรีกับคนไมูมีสัตย์ ๑ หัวเราะ
ไมูมีเหตุ ๑ ทะเลาะกับผ้่หญิง ๑ รับใช้นายที่ไมูมีคุณดีพอควรเป็ นนาย ๑ ขี่ลา ๑ พ่ดภาษา
ซึ่งไมูใชูสน
ั สกฤต ๑ อนึ่ งสิง ่ ทั้ง ๕ นี้ เทวดาจารึกลงไว้ในโฉลกของเราในเวลาที่เราเกิด
คือ อายุ ๑ กรรม ๑ ทรัพย์ ๑ วิชาศาสตร์ ๑ เกียรติ ๑ ก่ในเวลานี้ ก็ประกอบการดีแล้ว แล
ธรรมดาคน ตราบใดมีธรรมอันดีอยู่เบื้องบน ตราบนัน ้ คนทัง
้ หลายยอมเป็ นข้า
ปฏิบต ั ิตามใจทุกประการ ต่อเมื่อความประพฤติธรรมหย่อนลงไป ชนทัง ้ ปวง
แม้แต่มิตรก็ย่อมจะคิดประทุษร้าย"

ในขณะที่โจรนั่งตรึกตรองเชูนนี้ อยู่ริมทางเดิน นางมัทนเสนารีบไปถึงเรือน


โสมทัตต์พูอค้าหนู ุม โสมทัตต์หลับอยู่ นางก็ปลุกให้ต่ ืนขึ้น โสมทัตต์ร้่สก
ึ ตัวเห็นนางก็
ตกใจโจนจากที่นอนมีอาการสั่นกลัวแลถามวูา "นางเป็ นเทพธิดา เป็ นนางสิทธา หรือ
เป็ นนางนาค ขอนางจงแจ้งแกูข้าโดยตรงวูานางเป็ นอะไร แลมาโดยประสงค์อันใด ข้าจะ
ปฏิบัติตามใจนางทุกประการ"

นางมัทนเสนาตอบวูา "ข้าพเจ้าเป็ นมนุษย์ ชื่อมัทนเสนา ธิดาหิรัณยทัตต์ผ้่เป็ น


พูอค้า ทูานจำาไมูได้หรือวูาเมื่อวานซืนเมื่อพบกันในสวน ทูานได้ถือมือข้าพเจ้าไว้แล้ว
กลูาววูา ถ้าข้าพเจ้าไมูให้คำามั่นแกูทูานวูา จะมาหาทูานกูอนจึงกลับไปอยู่กับสามีชอง
ข้าพเจ้า ทูานก็จะทำาตัวทูานเองให้ตายไป"

โสมทัตต์ถามวูา "นางได้บอกให้สามีทราบเรื่องนี้ หรือเปลูา" นางตอบวูา


"ข้าพเจ้าได้เลูาให้ฟังจนตลอด สามีของข้าพเจ้ารอบร้่เหตุการณ์ป็นอันดี ยอมให้ข้าพเจ้า
มา"
โสมทัตต์ได้ยน
ิ ดังนั้น ก็กลูาวด้วยเสียงซึ่งสูอนำ้าใจอันเหี่ยวแห้งวูา "การเรื่องนี้
จะเปรียบก็ เหมือนมุกดา ซึง ่ ไมูมีเรือนอันงาม เหมือนอาหารขาดฆี (ฆตำ ฆฤต เปรียง คือ
เนยที่ได้ละลายไฟแล้ว) เหมือนขับกลอนไมูมีเพลง ล้วนแตูแปลกธรรมดาทั้งนั้น อนึ่ ง
เสื้อผ้าที่ไมูสะอาด ยูอมทำาให้ความงามของผ้่แตูงเสื่อมไป อาหารชั่วทำาให้หยูอนกำาลัง
เมียทุศีลเป็ นเครื่องกวนผัวให้ตายจาก ล่กชายที่มีนิสัยตำ่าช้าเป็ นเครื่องทำาความฉิบหายให้
เกิดแกูสกุล อส่รที่โกรธยูอมจะฆูาชีวิตผ้่อ่ ืน แลหญิงไมูวูาเพราะรักหรือเกลียด ยูอมจะ
เป็ นเหตุแหูงความทุกข์เสมอ เพราะหญิงไมูพาความคิดที่อยู่ในใจมาสู่ลิ้น แม้สิ่งที่อยู่ท่ีลน ิ้
แล้วก็ไมูพ่ดออกมา แลเมื่อทำาอะไรคงจะไมูบอกใครเป็ นอันขาด พระผ้่เป็ นเจ้าทรงสร้าง
หญิงมาเป็ นสัตว์ประหลาดในโลก "

โสมทัตต์กลูาวดังนั้นแล้ว ก็กลูาวแกูนางตูอไปวูา "นางจงกลับไปบ้านเสียเถิด


นางเป็ นภริยาชายอื่น ข้าไมูมีจิตผ่กพันกับนาง" ฝู ายนางมัทนเสนาเมื่อโสมทัตต์กลูาวดัง
นั้น ก็รีบออกจากเรือนโสมทัตต์เดินทางคืนไปสู่เรือนสามี เมื่อพบโจรตามทางนางก็เลูา
เรื่องให้ฟัง แลยอมจะให้เครื่องแตูงกายแกูโจรตามสัญญาแตูโจรไมูรับ กลับชมใหญู แล้ว
เชิญให้นางกลับบ้าน

ครั้นไปถึงบ้านนางก็เลูาให้สามีฟังทุกประการ แตูเขาสิ้นรักนางเสียแล้ว แล
กลูาววูา " พระราชาก็ดี ผ้่เป็ นนายก็ดี ผ้่เป็ นภริยาก็ดี ผมของคนก็ดี เล็บก็ดี เมื่ออยู่ผิดที่
ไปแล้วก็ไมูนูาด่เลย อนึ่ งนกกาเหวูางามเพราะเสียง คนขี้ริ้วงามเพราะความร้่ โยคีงาม
เพราะไมูถือโทษผ้่อ่ ืน แลหญิงงามเพราะความบริสุทธิ ์ "

เวตาลเลูามาเพียงนี้ ก็เปลี่ยนเสียงกลับท่ลถามพระราชาในขณะที่ทรงฟั ง
เพลินอยูว
่ ูา "แลชายทั้ง ๓ คนนั้น คนไหนมีธรรมดีกวูาคนอื่น"

พระราชาไมูทันยั้งพระโอษฐ์ ตรัสตอบวูา "โจรดีกวูาคนอื่น" เวตาลถามวูา


"เพราะเหตุไรจึงทรงเห็นอยูางนั้น" พระราชาตรัสวูา "เพราะเหตุว่าชายผู้เป็ นผัวนัน ้
เมื่อเห็นเมียรักคนอื่นเสียแล้ว ถึงแม้ความรักนัน ้ ไม่เป็ นเหตุให้เสียความ
บริสุทธิก์ ็ย่อมจะสิ้นเสน่ หาอยู่เอง โสมทัตต์นัน้ ไม่กล้าท้าร้ายนาง เพราะกลัว
พระราชาจะลงโทษภายหลัง หาใช่เป็ นด้วยเหตุอ่ ืนไม่ ส่วนโจรนัน ้ โจรกรรมเป็ น
เครื่องหากิน เป็ นผู้ไม่กลัวกฎหมายอยู่แล้ว การทีโ ่ จรยอมให้นางไปโดยดีนัน ้
หาใช่เป็ นด้วยกลัวภัยอันใดไม่ เหตุดังนัน ้ โจรจึงดีกว่าคนอื่น "

เวตาลหัวเราะแล้วกลูาววูา "นิ ทานจบเพียงนี้ " แล้วก็ออกจากยูามลอยหัวเราะ


ไปในฟ้ ามืด พระราชาแลพระราชบุตรก็ยืนตะลึงจ้องพระเนตรกันอยู่ พระราชาตรัสแกู
พระราชบุตรวูา "คราวหน้าถ้าอ้ายตัวนั่นมันตั้งปั ญหาถามข้า ข้าอนุญาตให้เจ้าทำาละลาบ
ละล้วงตูอข้า คือให้จับแขนขาบีบให้ร้่ตัวกูอนที่ข้ามีเวลาตอบมันได้ ถ้าไมูเชูนนั้นเราทั้ง ๒
จะไมูมีเวลากระทำากิจอันนี้ ให้สำาเร็จได้"
พระราชบุตรรับค้าพระราชบิดา แต่ไม่นึกว่าวิธีป้องกันอย่างใหม่นัน ้ จะ
ได้ผลดังหวัง ครัน ้ สององค์ทรงด้าเนิ นกลับไปถึงต้นอโศก ได้ยินเสียงเวตาล
หัวเราะก้องอยู่บนต้นไม้ พระราชบิดาก็ทรงปีนขึ้นไปปลดลงมาตามเคย และ
มันก็เล่านิ ทานอีกเรื่องหนึ่ ง ซึง่ กล่าวว่าเป็ นเรื่องจริงตามเคยเหมือนกัน
The Vampire's Fourth Story
นิทานเวตาลเรื่องที่ ๕
เรื่องที่ ๕
เวตาลเริม
่ ด้วยส้าเนี ยงโอนอ่อนว่า ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐ
พระองค์ทรงปั ญญายิง ่ ล้นหาผู้เสมอมิได้ในสามภพก็จริง แต่หมาซึง ่ เป็ นสัตว์สี่
เท้ายังรู้พลาดแลล้มในเวลาเหยียบทีล ่ ่ ืนฉันใด ผ้เู ป็ นปราชญ์แม้ปัญญาจะทึบ
เพียงไร.... พระราชาทรงจับย่ามกระชาก เวตาลแกล้งร้องครวญครางเหมือน
หนึ่ งได้ความเจ็บปวด ครัน ้ หยุดร้องก็เล่าต่อไปด้วยส้าเนี ยงแจ่มใสว่า

ในเมืองชื่อ มาลยะ ตั้งอยู่แถบฝั่ งเหนื อแหูง ภารตะวรรษ (คืออินเดีย) มีกรุง


ชื่อ จันทร์อุทัย พระราชาทรงนาม รันธีระ เป็ นกษัตริย์คล้ายกับกษัตริย์อ่ ืนอีกหลายองค์
ซึ่งเป็ นคนครึ่งเทวดา
เมื่อยังหนู ุม พระองค์เป็ นชายชนิ ดที่เรียกสรรพรสิก เป็ นผ้ย่ ินดีในรสทั้งปวง
โปรดเสวยของมีโอชะแปลกๆ ทั้งชนิ ดที่ต้องเคี้ยวแลไมูต้องเคี้ยว ทั้งที่เป็ นอาหารแลไมู
เป็ นอาหาร ทั้งที่มีเยื่อและไมูมีเยื่อ สูวนของเสวยที่ไมูต้องเคี้ยวนั้น โปรดเสวยคราวหนึ่ งมี
ปริมาณมากๆ แลซำ้าถี่ด้วย อนึ่ งเธอโปรดฟั งดนตรีแลทอดพระเนตรนางระบำา ทรงหมก
ไหม้ใฝู ฝั นในกามคุณยิง ่ กวูาทรงแสวงความร้่ หรือทำาบุญตูอเทวดาหรือสนทนากับคน
ฉลาด ครั้นพระชนมายุพ้น ๓๐ ปี ไปแล้ว ก็กลับพระองค์เป็ นคนละคน ทรงละเว้นการ
คะนองยินดีในร่ปรสกลิน ่ เสียง ทรงประกอบราชกิจเป็ นอยูางดี ไมูช้านักก็ได้พระนามวูา
เป็ นพระราชาผ้่เลิศ จะหาพระมหากษัตริย์ดีเสมอนั้นยาก
การที่เป็ นดังนี้ ก็เป็ นที่นูาสรรเสริญเพราะพระราชาซึ่งเป็ นผ้่แทนพระพรหมอ
ยู่ในโลกนี้ โดยมากมักจะทรงยินดีในการกินแลดื่ม ทั้งทรงรื่นเริงในการระบำาบำาเรอ บ่ชา
กามเทพตลอดชีวิต

ในหมู่ข้าราชการของพระรันธีระ มีบุรุษผ้่หนึ่ งชื่อ คุณศังกร รับราชการใน


ตำาแหนูงธรรมาธิการของพระนคร
คุณศังกรนี้ เป็ นคนแปลกเหลูา เพราะเป็ นคนฉลาดด้วย ซื่อแลมียุติธรรมด้วย
การตัดสินคดียูอมทำาโดยระมัดระวัง ในเวลาที่กินข้าวเย็นแล้วเสมอกับที่ยง ั ไมูได้กิน ถ้ามี
ผ้่มาติดสินบน แม้สินบนนั้นจะทำาให้ความเจริญเกิดในครอบครัวก็ยง ั ไมูรับ ถ้าคนจนมา
ต้องคดี ก็มักจะได้รับสิ่งซึ่งคนจนไมูใครูได้รับ คือความกรุณา ถ้าคนมั่งมีมาเป็ นความก็ไมู
จำาเป็ นจะถ่กลงโทษเพราะมั่งมี เพื่อให้ปรากฏวูาธรรมมาธิการแลธรรมศาสตร์มิได้นับถือ
บุคคลผ้่ใดเลย เมื่อนั่งบนบัลลังก์วูาความ ก็มิได้ใช้วาจาทารุณดุดูาล่กความที่กลูาวตอบ
ไมูได้ แลไมูถือวูาผ้่ใดอุกอาจลูวงเกินในเวลาที่หาใครทำาเชูนนั้นไมู

ชนทั้งหลายในกรุงจันทร์อุทัย พากันรักแลนับถือคุณศังกร แตูความรักแล


ความนับถือนั้น จะได้เป็ นเครื่องป้ องกันมิให้โจรกรรมเกิดแทบทุกวันก็หามิได้ จน
ประชาชนในกรุงจันทร์อุทัยไมูร้่จะป้ องกันรักษาทรัพย์ของตนอยูางไร ในที่สุดพวกพูอค้า
ซึ่งถ่กโจรภัยยิ่งกวูาคนพวกอื่น พากันไปร้องทุกข์ตูอคุณศังกร กลูาววูา

"ข้าแตูทูานผ้่เป็ นเสาแหูงกฎหมาย พวกเราถ่กพวกโจรกระทำาการขูมเหงจน


สิ้นทรัพย์ไปเป็ นอันมาก เราจะอยู่ในกรุงนี้ ตูอไป ก็ไมูอาจอยู่ได้เสียแล้ว" คุณศังกรตอบวูา

"สิง
่ ใดเกิดแล้ว สิง
่ นั้นยูอมเกิดแล้ว เราจะแก้สง
ิ่ ที่เกิดแล้วให้กลับไมูเกิดนั้น
แก้ไมูได้ แตูในภายหน้าเราจะมิให้ทูานต้องรับความเดือดร้อนอันนี้ จะจัดการแก้ไขมิให้
พวกโจรเป็ นภัยแกูทูานอีกได้"

เมื่อได้กลูาวเชูนนี้ แล้ว คุณศังกรก็เรียกเจ้าหน้าที่ผ้่อยู่ใต้บง


ั คับมาสั่งให้เพิ่ม
จำานวนกันขึ้น แลให้ชว ู ยกันระวังรักษาการณ์ ชี้แจงวิธก ี ารให้แยกกันเฝ้ ารักษายามกลาง
คืน ให้เปิ ดทะเบียนจดชื่อแลตำาแหนูงที่พำานักของคนเข้าออกในกรุงนอกกรุง ให้จัดหาผ้่
ชำานาญการสะกดรอยเท้า จัดเป็ นหมู่เป็ นกอง แม้โจรจะสวมเกือกโจร (ซึ่งมักจะทำาด้วย
ด้วยทูอนแลเศษหนัง มีนิ้วอยู่ข้างส้นหรือมีวิธีลูอลวงอยูางอื่น) ก็อาจสะกดรอยตามไปจน
จับตัวได้
อนึ่ งคุณศังกรสั่งอนุญาตตูอกองตระเวนวูา ถ้าพบขโมยกำาลังกระทำา
The Vampire's Fifth Story
นิ ทานเวตาลเรื่องที่ ๖
เรื่องที่ ๖

ครัน้ พระวิกรมาทิตย์เสด็จกลับถึงต้นอโศก ทรงปีนขึ้นไปปลด


เวตาลลงมามัดลงย่ามตามเคย แลทรงพาพระราชบุตรออกเดินไปหน่ อยหนึ่ ง
เวตาลก็เล่าเรื่องทีก
่ ล่าวว่าเป็ นเรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่ งดังนี้

เหนื อฝั่ งอันงามแหูงแมูน้ ำายมุนา มีกรุงชื่อ ธรรมสถล ในกรุงธรรมสถลมี


พราหมณ์คนหนึ่ งชื่อ เกศวะ เป็ นคนมีบุญ ปกติเป็ นผ้่ทำาตบะแลบ่ชายัญ ณ ฝั่ งแมูน้ ำา
เทวร่ปที่ใช้บ่ชาก็ป้ั นเองด้วยดินเหนี ยว หาเที่ยวซื้อจากผ้่ทำาขายไมู
พราหมณ์ผ้่น้ี เป็ นผ้่มีความร้่เมื่ออายุมาก เมื่อยังเด็กเป็ นผ้่ไมูมีเพียรใน
ทางเลูาเรียน ใช้เวลาเมื่อยังเป็ นหนู ุมในการบ่ชากามเทพแลนางรตี มิใครูสรูางความ
มัวเมาในกาม เป็ นเหตุบิดามารดามีเรื่องร้อนใจบูอยๆ
วันหนึ่ งเกศวะกระทำาผิดให้เป็ นเครื่องขูุนใจบิดามารดาเป็ นข้อใหญู บิดา
มารดาจึงติเตียนกลูาวแสดงโทษแหูงความประพฤติของบุตรอยูางรุนแรง เกศวะแค้นใจก็
หลบหนี ออกจากหมู่บ้านของตนไปจนเข้าละแวกอื่น พบต้นไม้ใหญูก็ขึ้นไปซูอนตัวอยู่บน
ต้นไม้ใหญู แลใต้ต้นไม้น้ันมีเทวร่ป ปั ญจานน คือ ร่ปพระอิศวร ๕ พักตร์ คนทั้งหลายใน
ละแวกนั้นนับถือวูาศักดิส ์ ิทธิย
์ ิ่งนัก เทวร่ปนั้นมีผ้่เฝ้ าระวังรักษาเพื่อการหากินของเขา
แตูเวลานั้นเผอิญผ้่เฝ้ าไมูอยู่ เกศวะอยู่บนต้นไม้เห็นเทวร่ปตั้งอยู่ข้างลูางก็เกิดความคิด
ลามก จึงถูายปั สสาวะรดลงมาบนเทวร่ป แล้วลงจากต้นไม้ผลักเทวร่ปกลิง ้ ตกลงในสระ
ซึ่งอยู่ข้างหน้านั้น
รูุงเช้าผ้่เฝ้ าเทวร่ปไปถึงที่ต้นไม้ ไมูพบเทวร่ปซึ่งเคยเป็ นเครื่องหากินของ
ตนก็เดือดร้อน ตีโพยตีพายกลับไปบ้าน แลประกาศให้ฝง ่ ชนทราบ ไมูช้าชาวบ้านก็ออก
เกรียวกราวชูวยกันออกตามเทวร่ปที่หายแลโจษจันแซูไปในหมู่บ้าน ในขณะนั้นบิดา
มารดาของเกศวะเที่ยวตามหาบุตรที่หลบหายไป ครั้นไปถามหาคนหนู ุมซึ่งมีลก ั ษณะ
อยูางนั้น ๆ ก็มีคนกลูาววูาจำาได้วูา เมื่อวันกูอนมีคนหนู ุมเชูนที่วูาไปนั่งอยู่บนต้นไม้อัน
เป็ นที่สำานักของเทวร่ปปั ญจานน รูุงขึ้นก็ทราบกันวูาเทวร่ปหายไป
ตูอมาไมูนานเกศวะกลับเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านทั้งหลายพากันชี้เป็ น
นิ้ วเดียวกันวูา คนนี้ คงจะขโมยเทวร่ป เกศวะเห็นจะปฏิเสธไมูไหวก็รับเป็ นสัตย์แลชี้ให้ค้น
ในสระซึ่งทิ้งเทวร่ปลงไว้ ทั้งบอกคนเหลูานั้นวูาได้ถูายปั สสาวะรดเสียแล้ว คนทั้งหลายได้
ฟั งดังนั้นก็กลูาวเป็ นเสียงเดียวกันวูา เกศวะกระทำาบาปมีโทษใหญูหลวง มนุษย์ไมูจำาต้อง
ลงโทษ เพราะพระปั ญจานนคงจะลงโทษถึงสิ้นชีวต ิ ทันทีไมูต้องสงสัยเลย

เกศวะได้ทราบวูาพระผ้่เป็ นเจ้าจะลงโทษถึงดังนั้นก็ตกใจกลัวเป็ นกำาลัง


กลับเป็ นคนวูางูายสอนงูาย เชื่อถ้อยมารดาตั้งแตูน้ันมา แลพากเพียรเรียนร้่จนได้ช่ ือวูา
เป็ นผ้่มีวิชายิ่งยวดในชนบท มีคำากลูาววูาชะรอยจะเป็ นเพราะเกศวะกลับตัวได้ในทันที
พระปั ญจานนจึงไมูประหารชีวิต เพราะกรรมที่กระทำาบนต้นไม้ครั้งนั้น
ตั้งแตูเกศวะกลับตัวได้แล้ว ก็จำาเริญในวิชาสามารถทุกประการจนมีเหย้า
เรือนเป็ นหลักแหลูง ภายหลังมีบุตรชื่อ มธุมาลตี เป็ นหญิงงามนัก มีคำาถามวูาเทวดาได้
สิง
่ ใดมาจากไหน จึงปั้ นหน้าคนได้งามถึงเทูานั้น ได้แบูงเอาภาคอันงามที่สุดในพระจันทร์
มาหรือ จึงทำาให้มีรอยแหวูงซึง ่ คนอาจเห็นได้ในดวงเดือน นางมธุมาลตีมีตาเหมือน
นิ โลตบลซึ่งบานเต็มที่ มีแขนเหมือนก้านบัว มีผมยาวห้อยเหมือนความมืดแหูงกลางคืน

ครั้นนางงามผ้่มีอายุสมควรวิวาหะ มารดาบิดาแลพี่ชายก็ชูวยกันเป็ น
ทุกข์ด้วยการหาคู่ เพราะปราชญ์ยูอมกลูาววูา
"ลูกหญิงซึง่ มีอายุควรมีคู่ไม่มีคู่ ย่อมเป็ นเช่นก้อนอุบาทว์ห้อยอยู่
เหนื อหลังคาเรือน" แล "พระราชา ๑ หญิง ๑ ไม้เลื้อย ๑ ย่อมรักทีจ ่ ะดูแลสิง่ ที่
อยู่ใกล้" แล "ใครบ้างไม่เคยได้ทุกข์เพราะหญิง เหตุว่าหญิงนัน ้ ผ้ใู ดจะบังคับ
ให้อยู่ในถ้อยค้าก็บังคับไม่ได้ แม้จะบังคับด้วยให้ของทีช
่ อบใจ หรือบังคับด้วย
ความกรุณาหรือบังคับด้วยนิ ติธรรม หรือบังคับด้วยการลงโทษ ก็บังคับไม่ได้
ทัง
้ นัน
้ เพราะหญิงไม่รู้จักผิดแลชอบ"

วันหนึ่ งพราหมณ์เกศวะไปจากบ้าน เพื่อชูวยการแตูงงานบุตรของ


พราหมณ์ไปบ้านอุปัชฌาย์เพื่อการศึกษา
แลในระหวูางที่บิดาแลบุตรไมูอยู่บ้านนั้น มีชายคนหนึ่ งมาที่บ้านของ
พราหมณ์ นางพราหมณีภริยาเกศวะเข้าใจวูาชายคนนั้นเป็ นคนมีคุณดี เพราะเหตุมีร่ป
งามจึงบอกยกล่กสาวให้ ฝู ายพราหมณ์เกศวะนั้นไปพบพราหมณ์หนู ุมคนหนึ่ งเป็ นที่
ชอบใจ ก็บอกยกล่กสาวให้ แลสูวนบุตรชายนั้นไปพบชายเพื่อนเรียนคนหนึ่ งที่บ้าน
อุปัชฌาย์ ก็ยกน้องสาวให้เหมือนกัน

ตูอนั้นมาบิดาแลบุตรก็พาชายหนู ุมคนละคนมายังบ้านตน ครั้นถึงบ้าน


พบชายหนู ุมอีกคนหนึ่ งที่นางพราหมณียกล่กสาวให้ ชายหนู ุมทั้ง ๓ คน นั้นเสมอกันใน
วิชา ในคุณดี ในร่ป แลในอายุ จึงเกิดปั ญหายูง
ุ ยากขึ้นในทันที
ชายทั้งสามตูางคนร้องทุกข์ คนหนึ่ งวูามาถึงเรือนกูอน คนหนึ่ งวูาบิดา
นางเป็ นผ้่ยกให้ แลบิดายูอมเป็ นใหญูในครอบครัว อีกคนหนึ่ งร้องทุกข์วูากระไรไมูมีใคร
จำาได้ ปรากฏแตูวูาตัวเป็ นคนที่ควรได้นางเทูานั้น คนทั้งสามร้องขอความเป็ นธรรม แล
ความเป็ นธรรมตามความเห็นของชายหนู ุมคนหนึ่ งๆ ก็คือให้นางแกูตัวจึงเป็ นอันกลูาวได้
วูาธรรมะในเวลานั้นแยกได้เป็ นสามแพรูง เพราะชายหนู ุมสามคน

ฝู ายพราหมณ์เกศวะผ้่บิดาครั้นเกิดเหตุเชูนนี้ ก็รำาพึงวูา "เจ้าสาวคน


เดียว เจ้าหนู ุมสามคนเชูนนี้ จะทำาอยูางไรหนอ จะยกให้คนไหน จะไมูยกให้สองคนสองคน
ไหนจึงจะถ่กต้องตามธรรมนิ ยม เราผ้่บิดามารดาแลพี่ชายก็ให้คำาตกลงแกูเขาทั้งสาม
แล้วคนละคน เหตุประหลาดเผอิญเป็ นไปเชูนนี้ จะทำาอยูางไรดี"
พราหมณ์เกศวะอำ้าอึ้งอยู่ช้านาน ไมูตกลงในใจวูากระไร หารือกับภริยา
แลบุตรก็ไมูได้ประโยชน์เพราะคนทั้ง ๒ ก็ไมูร้่จะวูากระไรเหมือนกัน

สูวนชายหนู ุมทั้ง ๓ คนนั้น เมื่อบิดานางยังไมูตัดสินวูากระไรก็พากันนั่ง


นิ่ งด่เดือนเพ็ญ คือหน้าแหูงนางจนไมูกระพริบตา ด่ประหนึ่ งจะประพฤติตัวเป็ น จโกระ
คือนกซึง ่ กลูาวกันวูากินแสงจันทร์เป็ นอาหาร

พราหมณ์เกศวะตรึกตรองอยู่ช้านาน นึ กวูาเห็นชูองที่พอจะแก้ปัญหาได้
จึงกลูาวแกูชายทั้งสามวูา จะต้องตัดสินด้วยวิธีให้สำาแดงความร้่ประชันกัน ใครยกเอา
ภาษิตซึ่งกวีผ้่มีเกียรติแตูงไว้แตูโบราณมากลูาวให้ดกี วูาคนอื่น คนนั้นจะได้รับรางวัลคือ
ล่กสาวพราหมณ์

ชายหนู ุมคนที่ ๑ ได้ยินดังนั้นกลูาวภาษิตของกวีโบราณโดยที่ไมูต้องตรึก


ตรองวูา

O ชายหาญเห็นได้เมื่อ สงคราม นั้นเนอ


ความซื่อสูอถนัดยาม สูงหนี้
เห็นมิตรคิดเห็นความ จริงเมื่อ
ทุกข์แล เมียสัตย์ชัดชื่อชี้ เมื่อไข้ไร้สินฯ

ชายหนู ุมคนที่ ๒ ยกภาษิตขึ้นกลูาววูา

O หญิงใด
(๑) อยู่ในเหย้าแหูงพูอก็จริงอยู่แหลู แตูมิฟังบังคับ
(๒) มีกำาชับใจตัวมัวแตูเที่ยวรื่นเริงเชิงสนุกทุกเบื้อง
(๓) ปลดเปลื้องผ้าคลุมหน้าตูอหน้าชาย
(๔) หลับราวตายมิวายงูวง
(๕) ดื่มเหล้าลูวงลำาคอ
(๖) พอใจอยู่หากจากสามี
สตรีน้ันปราศจากธรรมนำาจิตชอบประกอบด้วยใจบาปหยาบยิ่ง จริงแลฯ

ชายหนู ุมคนที่ ๓ กลูาวภาษิตซึ่งอ้างวูาเป็ นของโบราณวูา

O ใครจะไว้ใจอะไรตามใจเถิด
แตูอยูาเกิดไว้ใจในสิ่งห้า
หนึ่ งอยูาไว้ใจทะเลทุกเวลา
สองสัตว์เขี้ยวเล็บงาอยูาวางใจ
สามผ้่ถืออาวุธสุดจักร้าย
สี่ผ้่หญิงทั้งหลายอยูากรายใกล้
ห้ามหากษัตริย์ทรงฉัตรชัย
ถ้าแม้นใครประมาทอาจตายเอย ฯ

พราหมณ์เกศวะได้ฟังดังชายหนู ุมสามคนทูองภาษิตซึ่งกลูาววูาเป็ นของ


โบราณก็จับใจแกทั้งหมด ไมูร้่วูาชอบภาษิตไหนมากกวูาอีกสองภาษิต ก็ทำาให้อ้ ำาอึ้งไปอีก
คราวนี้ ไมูใชูตรึกตรองวูาควรยกล่กสาวให้ชายคนไหน ตรึกตรองวูาควรยกให้ภาษิตบท
ไหน เป็ นเรื่องนึ กถึงคำาพ่ด ไมูใชูนึกถึงคน จึงลังเลไปอีกทางหนึ่ ง

ขณะนั้นมีง่พิษตัวหนึ่ งมาตัดปั ญหาที่มีในใจพราหมณ์เกศวะ พราหมณ์ยัง


ตรึกตรองรวนเรในใจ พอง่เลื้อยเข้ามากัดล่กสาวตาย คนทั้งหกก็ร้องไห้ตโี พยตีพาย
เพราะทุกข์สามัญ
ครั้นได้สติก็วง ิ่ ตามหมอแลแมูมดรวมทั้งคนฉลาดทั้งปวง ที่ประกาศตัววูา
เรียกพิษง่ออกจากกายผ้ถ ่ ่กกัดได้ คนเหลูานั้นเมื่อได้มาพบศพนางมธุมาลตี แล้วตูางคนก็
สั่นศีรษะ คนหนึ่ งกลูาววูา คนที่ถก ่ ง่กัด ๕ คำ่า ๖ คำ่า ๘ คำ่า ๙ คำ่า แล ๑๔ คำ่า นั้นไมูมีรอด
อีกคนหนึ่ งกลูาววูา คนที่ถก ่ ง่กัดวันเสาร์แลวันอังคารต้องตายเสมอ คนที่ ๓ กลูาววูา คน
ที่ถก
่ ง่กัดจะตายหรือไมูก็แล้วแตูวูาพระจันทร์สถิตราศีไหนในเวลาที่ถ่กกัด คนที่ ๔ กลูาว
วูาผ้่ใดถ่กง่กัดที่ตา ห่ ลิน
้ จม่ก ริมฝี ปากลูาง แก้ม คอ แลท้อง คนนั้นต้องตาย คนที่ ๕
กลูาววูา แม้พระพรหมก็ไมูอาจแก้นางนี้ ให้คืนชีวิตได้

ครั้นหมอทั้งหลายกลับไปหมดแล้ว พราหมณ์เกศวะก็จัดการเผาศพ
ล่กสาวแล้วกลับบ้าน ฝู ายชายหนู ุมสามคนนั้นกลูาวแกูกันวูา
"เราทั้ง ๓ คนหัวอกอันเดียวกัน ได้ทุกข์อยูางเดียวกัน ซึ่งเกิดเพราะเหตุ
เดียวกัน เราจะต้องเที่ยวไปหาความสุขที่อ่ ืน แลในการหาความสุขไมูมีทางใดดีกวูาทางที่
พระอินทร์ผ้่เป็ นเจ้าแหูงสวรรค์กลูาวไว้คือ

o ชายใดไมูเที่ยว เทียวไป
ทุกแคว้นแดนไพร มิอาจประสบพบสุข
o ชายใดอยู่เหย้า เนาทุกข์
ไมูด้นซนซุก ก็ช่ ือวูาชั่วมัวเมา

o จงจรเที่ยว เทียวบทไป
พงพนไพร ไศละลำาเนา
o ดั้นบถเดิน เพลินจิตเรา
แบูงทุกเบา เชาวนะไวฯ

o ชายหาญชาญเชี่ยว เทียวไพร
สองขาพาไป บูมัวบูเมาเขลาขลาด
o ขาเขาคือกิ่ง พฤกษชาติ
ชูอช่ด่ดาษ และดกด้วยดอกออกระดะ
o ไปู ช้าเป็ นผล ปนคละ
โต ๆ โอชะ รสาภิรสหมดมวล
o โทษหลายกลายแก้ แปรปรวน
เจือจุนคุณควร เพราะเหตุท่ีเที่ยวเทียวเดิน

o จงจรเที่ยว เทียวบทไป
พงพนไพร ไศละดำาเนิ น
o ดูุมบถดูวน ชวนจิตเพลิน
ใดบูมิเกิน เชิญบทจร ฯ
o เชิญคะนึ ง พระทินกร
ฤาหลับฤานอน ธเดินและด้นบนสวรรค์
o เธอมีความสุข ทุกวัน
หมื่นกัปแสนกัลป์ บูอูอนบูเปลี้ยเพลียองค์
o จงจรเที่ยว เทียวบทไป
ตั้งจิตใน ไพรพนพง
o ด่ทินกร จรจิรยง
แสนสุขทรง ทุกขะบูมี ฯ

ชายหนู ุมทั้งสามตกลงใจวูาจะออกเที่ยวด้นดั้นไปตามบุญตามกรรม ดังนี้


แล้วชายคนที่ ๑ ก็เก็บกระด่กแหูงนางรวมเข้าเป็ นหูอขึ้นห้อยบูา แล้วประพฤติตัว เป็ นไว
เศษิก ถือศีลเว้นบาปใหญูท้ัง ๘ อยูาง คือ กินกลางคืน ๑ ฆูาชีวิต ๑ กินผลไม้เกิดบนต้น
ยางหรือกินฟั กทอง หรือหนู อไม้ไผู ๑ กินนำ้าผึ้งหรือเนื้ อสัตว์ ๑ ลักทรัพย์ของผ้่อ่ ืน ๑ ขูมขืน
หญิงมีสามี ๑ กินดอกไม้หรือเนยเหลวหรือเนยแข็ง ๑ บ่ชาเทวดาในศาสนาอื่น ๑ สูวน
การปฏิบัติด้วยดี
ชายผ้่เป็ นไวเศษิกยูอมตั้งใจมั่นวูาการไมูทำาร้ายคนแลสัตว์อ่ ืนเป็ นทาง
เว้นที่ชอบ แม้ผ้่ทำาความผิดก็ไมูควรเอาชีวิต อนึ่ งศีลทั้ง ๕ คือไมูกลูาวเท็จ ไมูกินเนื้ อสัตว์
ไมูขโมย ไมูด่ ืมนำ้าเมา ไมูมีภริยา นั้นต้องถือมั่นเป็ นนิ ตย์ ทรัพย์ท้ังหลายจะมีไมูได้ เว้นแตู
ผ้าพันกาย ผ้าเช็ดปาก ภาชนะสำาหรับรับทานคืออาหาร แลแส้สำาหรับกวาดดิน ด้วยเกรง
จะเหยียบสิง ่ มีชีวิตเทูานั้น
อนึ่ งอาจารย์ไวเศษิกสอนให้ศิษย์ไมูไว้ใจในทางที่นอกลัทธิของตน ให้กลัว
ความทุกข์ในภพหน้า ให้รับทานจากผ้่อ่ ืนไมูเกินที่จะพอเป็ นอาหารชั่ววันเดียว ไมูกน ิ
อาหารที่เกี่ยวกับชีวต ิ สัตว์แลให้ทำาคุณตูอคนทั้งหลาย
ชายหนู ุมคนที่ ๑ เมื่อเป็ นไวเศษิกแล้วฉะนี้ ก็เพียรจะลืมความรักที่เคยมี
เพียรจะลืมนางที่หนี ตายไป กลูาวแกูตัวเองวูา
"ที่เราได้เคยนึ กวูา หญิงอาจให้ความสุขได้น้ันไมูใชูเหตุอ่ ืน เป็ นด้วยความ
ทะนงแลความนึ กถึงตัวเองฝู ายเดียว เราได้เคยคิดวูา ริมฝี ปากของนางเหมือนผลไม้สุก
อกเหมือนบัวต่ม พระจันทร์ยูอมจะซีดเพราะเพียรจะเอาอยูางแสงหน้าแหูงนาง ฯลฯ เชูน
นี้ ก็เพราะหลง บัดนี้ ใจเราออกหากจากโลกไปแล้ว ถ้าเราได้เห็นนางอีก เราก็คงจะกลูาว
วูานี่ หรือร่ปที่ชายหลงใหล สิง ่ นี้ ไมูใชูอ่ ืนไกลคือตะกร้าซึ่งมีหนังหุ้มภายนอก ข้างในคือ
กระด่กเลือดเนื้ อแลสิ่งโสโครกทั้งหลายเทูานั้น ธรรมดาคนหลงเมื่อเห็นสิ่งประกอบขึ้น
ด้วยของสกปรกก็เรียกวูาหน้า แลพิศชมด่ดดื่มราวกับคนขี้เมากินเหล้า เราไมูควรยินดี
ยินร้าย ในรูางกายอันเต็มไปด้วยเลือดแลเนื้ อ หน้าที่เราคือเข้าหาพระผ้่เป็ นเจ้า ผ้่เป็ นต้น
เหตุแหูงสังขาร เลิกเอาใจใสูในสิ่งทั้งหลาย ซึ่งเป็ นเหตุให้เกิดความสำาราญหรือเรูาร้อน"

ชายหนู ุมคนที่ ๒ นั้น กวาดเอาเถ้าถูานที่เผาศพนางรวมกันเป็ นหูอแล้วก็


ออกพาเข้าปู า ทำาตัวเป็ น วานปรัสถ์ ตามบัญญัติของพระมน่ แม้อายุยังไมูสมควรก็ทำา
จนได้
พระมน่บัญญัติไว้ในธรรมศาสตร์วูา เมื่อชายผ้่เป็ นพูอบ้าน ร้่สก ึ วูากล้าม
เนื้ อของตนอูอนเทิบทาบ ผมก็หงอก แลทั้งได้เห็นล่กแหูงล่กของตนก็ถง ึ เวลาที่ควรออก
ปู า ให้พาเอาไฟสำาหรับบ่ชา (อัคนี โหตร) ของตนกับเครื่องใช้ในการบ่ชาไฟไปด้วยกับตน
แลเมื่อถึงปู าที่สงัดแล้วก็ให้อยู่สำารวมอินทรีย์ในที่น้ัน ให้กน
ิ ของสะอาดซึ่งเป็ นอาหารฤาษี
คือม่ลผลาหารตูางๆ แลให้กระทำาการบ่ชาทั้ง ๕ คือ (๑) สอนพระเวท (บ่ชาพระเวท) (๒)
เซูนด้วยขนมแลนำ้า (บ่ชาบิดร) (๓) เผาของในไฟ (บ่ชาเทวดา) (๔) ให้อาหารเป็ นทาน
(บ่ชาสัตว์ท้ังหลาย) (๕) ต้อนรับแขก (บ่ชาคน) แลให้นูุงหนังหรือเปลือกไม้ ให้อาบนำ้า
เช้าเย็น ให้ผมแลหนวดเล็บงอกไมูมีกำาหนด ให้นอนกลิ้งเกลือกไปมาบนแผูนดิน หรือยืน
เขยูงบนนิ้ วหัวแมูเท้าตลอดวัน หน้าร้อนให้ผิงไฟ ๕ กอง คือไฟล้อมตัว ๔ กอง ไฟบนหัว
คือพระอาทิตย์กองหนึ่ ง หน้าฝนให้ตากฝน หน้าหนาวให้ใช้ผ้าเปี ยก แลทรมานตัวอยูา
งอื่นๆ อีกมาก

ชายหนู ุมคนที่ ๓ นั้นบวชเป็ นโยคีเที่ยวเรูรูอนไปในที่ตูางๆ แลปฏิบัติตน


ตามควรแกูโยคีทก ุ ประการ
วันหนึ่ งโยคีไปถึงบ้านแหูงหนึ่ ง ก็แวะเข้าไปเพื่อจะขออาหาร ชายเจ้าของ
บ้าน ครั้นเห็นโยคีกต ็ ้อนรับเป็ นอันดี แลเชิญให้รับเลี้ยงอาหารในบ้าน ครั้นเตรียมอาหาร
พร้อมเสร็จ เจ้าของบ้านก็เชิญโยคีไปยังที่กินอาหาร แลเมื่อได้ล้างมือล้างเท้าแล้ว ก็กลูาว
แกูโยคีวูา
"ธรรมดาเจ้าของบ้านจะขับให้แขกที่มาถึงในตอนเย็นไปพ้นบ้านนั้นทำาไมู
ได้ แขกมาถึงเพราะพระอาทิตย์ท่ีกลับจากทางเดินนั้นเป็ นผ้่ให้มา และแม้จะมาตามควร
แกูฤด่หรือมิควรก็ดี เจ้าของบ้านจะให้เข้าพักอยู่ในบ้านโดยที่มิเลี้ยงด่น้ันมิได้ ข้าพเจ้าไมู
อาจกินอาหารอันอรูอยได้กูอนที่ได้เชิญแขกให้กิน เพราะการเลี้ยงแขกให้อิ่มหนำาสำาราญ
นั้นยูอมนำาทรัพย์ นำาเกียรติ นำาความมีอายุยืนมาสู่เจ้าของบ้าน แลทั้งเตรียมที่ในสวรรค์
ไว้ให้ดว
้ ย"
เจ้าของบ้านกลูาวดังนี้ แล้ว ภริยาก็นำาอาหารมาเลี้ยง คือข้าวแลถั่วกับ
นำ้ามันแลเครื่องเทศตูางๆ ซึ่งผสมกันหุงในหม้อเหนื อไฟซึ่งใช้ฟืนอันสะอาด
ครั้นเลี้ยงอาหารได้ครึ่งหนึ่ งยังไมูสำาเร็จการกิน ภริยาเจ้าของบ้านจะยก
อาหารมาเพิ่มเติม ทารกผ้่เป็ นบุตรร้องไห้ด้วยเสียงอันดังแล้วเข้ายึดผ้ามารดาไว้ ไมูให้
ยกอาหารไปตั้ง มารดาจะห้ามก็ไมูหยุดยิง ่ ร้องแลยิ่งยึดผ้าดึงไว้ มารดาขัดใจก็วางเครื่อง
เลี้ยงลงแล้วจับตัวล่กโยนเข้าไปในกองไฟ ทารกก็ไหม้เป็ นจุณไป

ฝู ายโยคีเมื่อเห็นดังนั้นก็ลก
ุ ขึ้นจากที่น่ัง เจ้าของบ้านจึงถามวูา
"เหตุใดอาจารย์จึงไมูกินเลูา" โยคีตอบวูา "ข้าพเจ้าเป็ นแขกมารับเลี้ยง
ของทูาน แตูข้าพเจ้าไมูอาจกินอาหารได้ในที่เลี้ยงของคนที่ประพฤติราวกับรากษส คำา
โบราณยูอมกลูาววูา คนที่สำารวมความยินดียินร้ายไมูได้น้ัน มีชว ี ิตปู วยการเปลูา"
"แลพระราชาโง่ ๑ ผู้เย่อหยิง ่ เพราะมีทรัพย์มาก ๑ เด็กอ่อนแอ ๑
ทัง
้ สามนี้ ประสงค์สิ่งใดไม่อาจได้มาดังประสงค์" "
แล พระราชายูอมทำาลายศัตร่แม้เมื่อกำาลังหนี ช้างแม้เพียงกระทบ แลง่
แม้เพียงหายใจรด ก็ยูอมนำามาซึ่งความตาย คนใจบาปแม้กำาลังหัวเราะก็อาจทำาลายผ้่อ่ ืน
ได "้

ฝู ายเจ้าของบ้านเมื่อได้ยินดังนี้ ก็ยิ้ม แล้วลุกไปหยิบสมุดเลูมหนึ่ งมาจากที่


ซึ่งซูอนไว้คือบนขื่อ สมุดนั้นคือตำาราสังชีวนี วิทยา คือวิชาชุบคนตายให้คืนชีวิต
ครั้นหยิบหนังสือลงมาแล้ว ชายเจ้าของหนังสือก็กางตำาราออกทำาพิธีชุบ
ล่กให้คืนเป็ น ไมูช้าเด็กก็กลับมาร้องไห้เสียงดังอยู่อยูางเกูา
ชายผ้่เป็ นบิดาจึงกลูาววูา "บรรดาของมีคูาทั้งหลายจะหาสิง ่ ใดมีคูาเกิน
วิชานั้นหาได้ไมู ทรัพย์อ่ ืนๆ อาจถ่กขโมยลัก หรือลดน้อยลงไปด้วยการจับจูาย แตูวิชานั้น
ไมูมีความตายแลยิ่งจูายมากก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น วิชานี้ จะแบูงให้แกูใครให้เปลืองไปก็ไมูได้
แลขโมยจะลักก็ลักไมูได้"

ฝู ายโยคีเมื่อได้เห็นอัศจรรย์ดังนั้น ก็นึกในใจวูา "ถ้าเราได้สมุดเลูมนี้ เรา


ก็อาจชุบนางผ้่เป็ นที่รักของเราให้คืนชีวต ิ มาดังเกูา แล้วเราจะเลิกประพฤติอยูางไมูสบาย
ตูางๆ ดังซึ่งเราทำาอยู่เดีย
๋ วนี้ "
โยคีตรึกตรองดังนี้ แล้วก็กลับนั่งลงกินอาหารแลค้างอยู่ในเรือนนั้น ครั้น
เวลากลางคืนเมื่อได้เลี้ยงกันอีกมื้อหนึ่ งแล้ว ตูางคนก็ไปยังที่นอนของตน โยคีนอนแล้ว
ระวังตัวไมูยอมให้หลับ จนเวลาเที่ยงคืน เห็นวูาคนทั้งหลายคงจะหลับสนิ ทแนูแล้ว โยคีก็
ลุกขึ้นยูองเข้าไปในห้องนอนเจ้าของบ้าน ลักหยิบเอาสมุดตำาราสังชีวนี ลงมาจากขื่อได้
แล้วก็ลอบออกจากบ้านหนี ไปในเวลากลางคืน รีบเดินตรงไปยังปู าช้าที่เผาศพนางผ้่เป็ น
ที่รัก เผอิญพบชายหนู ุมอีกสองคนกลับมาอยู่ในที่เดียวกัน ตูางคนตูางเลูาความเป็ นไป
แหูงตนแลตนสู่กน ั ฟั งอยู่ ครั้นชายทั้งสองนั้นเห็นโยคีก็จำาได้จง
ึ ร้องทักขึ้นวูา
"ทูานเอย ทูานได้ไปเที่ยวในโลกแล้วได้ความร้่อันใดซึ่งจะเป็ นประโยชน์
แกูเราทั้งสามบ้างหรือเปลูา" ชายผ้่เป็ นโยคีตอบวูา
"ข้าพเจ้าได้เรียนวิชาชุบคนตายให้คืนชีวิตได้" ชายสองคนตอบวูา
"ถ้าทูานมีวิชาเชูนนั้น ทูานจงชุบนางผ้่เป็ นที่รักของเราให้คืนชีวิตมาเถิด"

ชายผ้่เป็ นโยคีก็จัดการตั้งพิธีชุบนาง เริ่มการรูายมนตร์ ซึ่งทำาให้ฟ้าแล


อากาศเต็มไปด้วยสิ่งซึง่ นู าหวาดเสียว คือภ่ตผีมีรูางกายเป็ นที่พึงแสยง สำาแดงอาการให้
เห็นปรากฏตูางๆ ทั้งตลบไปด้วยเสียงไมูพง ึ ฟั ง คือเสียงหมาหอน เสียงนกฮ่กแลสัตว์อ่ ืนๆ
ชายทั้งสามก็แทงตัวเองให้เลือดตกเป็ นเครื่องบ่ชานางจัณฑี แล้วกลูาวสรรเสริญวูา
"ข้าแตูพระแมูผ้่เป็ นเจ้าแหูงสากลโลก พระองค์เป็ นผ้ก ่ ระทำาความสำาเร็จ
ให้เกิดตามความประสงค์ของชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอถวายเลือดจากกายของข้าพเจ้าเป็ น
เครื่องบ่ชาพระองค์ ขอพระองค์จงโปรดอนุก่ลข้าพเจ้า"

ชายทั้งสามกลูาวอยูางข้างบนแล้วก็เชือดเนื้ อเผาไฟบ่ชาอีกชั้นหนึ่ ง แล้ว


กลูาววูา
"ข้าแตูพระเทวี ขอพระองค์จงโปรดให้นางผ้่เป็ นที่รักของข้าพเจ้าคืนชีวิต
มาเถิด ขอพระองค์จงโปรดกรุณาข้าพเจ้าตามสูวนแหูงความจงรัก ซึง ่ เป็ นเหตุให้ข้าพเจ้า
ถวายเนื้ อของตนเป็ นเครื่องบ่ชานั้นเถิด ข้าพเจ้าขอถวายนมัสการพระองค์ดว ้ ยความ
นับถือแท้จริง โอม"

เมื่อได้กลูาวสรรเสริญแลบ่ชานางจัณฑีด้วยเลือดแลเนื้ อของตนดังนั้น
แล้ว ชายทั้งสามก็ชูวยกันรวมเถ้าแลอัฐแ ิ หูงนางซึ่งชายคนที่ ๑ แลคนที่ ๒ ได้เก็บรักษาไว้
นั้นให้เป็ นกองเดียวกัน ชายคนที่ ๓ ผ้่เป็ นเจ้าของตำาราก็รูายมนตร์จนเกิดไอสีขาวขึ้นมา
จากดิน แล้วเกิดเป็ นร่ปลอยอยู่ แล้วเกิดความด่ด ด่ดเอาเถ้าแลอัฐิซึ่งกองอยู่น้ันเข้าไปใน
ร่ป อีกครู่หนึ่ งก็เกิดเป็ นนางมธุมาลตีชีวิตคืนมาอยูางเดิม แลนางขอให้ชายทั้งสามพาไป
สูงยังเรือนบิดา

ฝู ายชายทั้งสามเมื่อนางคืนชีวิตแล้ว ก็วิวาทแยูงชิงนาง ตูางคนกลูาววูา


ตนควรจะได้นางเป็ นภริยาโดยความชอบธรรม
ชายคนที่ ๑ กลูาววูานางคืนชีวต ิ มาได้ก็เพราะกระด่กที่เขาได้รักษาไว้
ชายคนที่ ๒ กลูาววูาเพราะเถ้าถูานตูางหาก ชายคนที่ ๓ หัวเราะเยาะคนทั้งสองวูากระ
ด่แลเถ้าถูาน ถ้าไมูได้ต้ังพิธีแลรูายมนตร์ตามตำาราจะมีชีวิตมาอยูางไรได้

ชายทั้งสามทูุมเถียงกัน ไมูมีใครยอมใคร จึงพากันไปหาบัณฑิตผ้่ปราด


เปรื่องให้ตัดสินก็ไมูมีใครตัดสินได้ สูวนพระราชานั้น ใครบ้างนึ กวูาจะได้ปัญญาจากพระ
ราชา ใครบ้างไปหาพระราชาในขณะที่ต้องการพบผ้่เฉลียวฉลาด สูวนตัวข้าพเจ้า
(เวตาล) นี้ พิศวงวูา พระองค์ผ้่ทรงนามวิกรมาทิตย์เป็ นพระราชาผ้่ประกอบด้วยปั ญญา
ยิง
่ มหากษัตริย์ท้ง
ั ปวง พระองค์จะตัดสินได้บ้างกระมังวูา นางนั้นควรเป็ นของชายคนไหน
โดยทางที่ชอบ

พระวิกรมาทิตย์กำาลังขูุนพระหฤทัยในข้อที่เวตาลกลูาวด่หมิ่นปั ญญาพระ
ราชาทั้งปวง ครั้นเวตาลท่ลให้ตัดสินก็ตรัสออกมาวูา
"เอ็งมันโงู ไมูร้่จักอะไร ชายคนที่ ๒ สิควรได้นางเป็ นภริยา"
เวตาลถามวูา "เพราะเหตุใดจึงทรงตัดสินอยูางนั้น"
ตรัสตอบวูา "เพราะเขาเป็ นผ้่เก็บเถ้าถูานไว้"
เวตาลกลูาววูา "ถ้าชายคนที่ ๑ ไมูได้เก็บกระด่กไว้บริบ่รณ์ นางจะคืน
ชีวต
ิ มาอยูางไรได้ และชายคนที่ ๓ ไมูได้เรียนวิชาสังชีวนี ร้่รูายมนตร์ แลตั้งพิธีถ่กต้อง
ตามตำารา การชุบนางก็ไมูอาจทำาได้ ชายคนที่ ๒ เก็บไว้แตูเถ้าถูาน จะได้เปรียบชาย ๒
คนอยูางไรไมูเห็นเหตุ แตูพระราชาปั ญญาลึกลำ้าเห็นจะทรงอธิบายได้ดอกกระมัง"

พระราชาทรงตวาดวูา "เอ็งโงูแล้วยังดื้อด้วย ชายคนที่ ๑ นั้นเก็บกระด่ก


ของนางรักษาไว้ จึงอยู่ในตำาแหนู งเสมอล่ก ไมูควรได้นางเป็ นภริยา ชายคนที่ ๓ ได้ชุบ
นางให้คน ื ชีวต
ิ คือให้ชว
ี ิตแกูนางจึงอยู่ในตำาแหนูงบิดา ไมูควรได้นางเป็ นภรรยา สูวนชาย
คนที่ ๒ นั้นเป็ นแตูเพียงเก็บเถ้าถูานไว้ จึงควรได้เป็ นผัวนาง คำาอธิบายเชูนนี้ จะทะลุ
ความโงูของเอ็งเข้าไป ทำาให้เอ็งเข้าใจได้หรือยัง"
เวตาลตอบวูา "ความโงูของข้าพเจ้าทะลุแล้ว แตูของพระองค์น้ันยัง จึง
เป็ นเหตุให้ข้าพเจ้าได้กลับไปแขวนตัวอยู่ยังต้นอโศกในบัดนี้ "

ครั้นเวตาลหัวเราะก้องฟ้ าลอยไปแล้ว พระวิกรมาทิตย์กับพระราชบุตรก็


เสด็จกลับไปยังต้นอโศก พระราชาทรงปี นขึ้นไปปลดเวตาลมาใสูยูามก็ทรงรำาพึงวูา
"ถ้าเรานั่งลงวางอ้ายตัวนี้ ไว้กับดินให้มันพ่ดไปจนสิ้นฤทธิข
์ องมัน บางทีจะ
สำาเร็จได้ เมื่อเราเดินพลาง คิดพลางนั้นคงจะเหนื่ อยเกินไปจนทำาให้เสียทีมันรำ่าไป"

ทรงคิดดังนี้ ก็เอาย่ามวางลงยังพื้นดิน ทรงนัง ่ ลงข้างๆ แล้วเอา


เชือกผูกย่ามล่ามกับผ้ารัดสะเอวแน่ นหนา รับสัง่ ให้พระราชบุตรท้าอย่าง
เดียวกัน เวตาลรู้ดังนัน
้ ก็ร้องทุกข์ว่า ผิดระเบียบสัญญา พระราชาทรงตอบว่า
สัญญาไม่ได้กล่าวว่าเดินหรือนัง ่ เวตาลสาบานว่าจะไม่อ้าปากพูดอะไรอีกจนค้า
เดียว แต่ไม่ช้าก็อดไม่ได้ เอ่ยเล่าเรื่องขึ้นอีกเรื่องหนึ่ งซึง
่ กล่าวว่าเป็ นเรื่องจริง
ตามเคย
The Vampire's Sixth Story
นิทานเวตาลเรื่องที่ ๗
เรื่องที่ ๗

เวตาลเลูาวูา ยังมีเมืองชื่อ กุสมาวดี พระราชาคือท้าว สุพิจาร มีพระราช


ธิดาทรงนามนาง จันทร์ประภา เป็ นนางงามยิ่งหญิงทั้งหลายและทรงชนมายุควรแกู
การวิวาหะ
วันหนึ่ งในวสันตฤด่ พระราชธิดาแวดล้อมด้วยบริวาร เที่ยวชมพระราช
อุทยาน ฤด่น้ันเป็ นฤด่ไม้เปลี่ยนใบแลผลิดอกงามไปทั้งสวน พระราชธิดาทรงเพลิดเพลิน
ชมพรรณไม้ แลสนุกในการเย้าหยอกของหมู่นางที่ตามเสด็จ บ้างก็เก็บดอกไม้ไลูซัดกัน
เป็ นพวกๆ บ้างก็วงิ่ แขูงกันตามทางอันราบรื่น บ้างก็ปีนต้นไม้เก็บดอกแลผล บางพวกก็
เพียรจับเพื่อนกันผลักลงสระ เป็ นเวลาที่ร่ ืนรมย์ท้ังพวก สูวนพระราชธิดานั้นทรงสนุกใน
การเลูนของนางทั้งหลาย แลทรงเข้าชูวยเก็บดอกไม้ซัด แลผลักคนลงสระมากกวูาคนอื่น
กล้าทำา เพราะนางเป็ นราชกุมารีไมูมีใครซัดดอกไม้ตอบหรือผลักลงสระได้

ในวันกูอนเจ้าหน้าที่เที่ยวไลูคนให้ออกไปพ้นราชอุทยาน เพราะข้างในจะ
เสด็จออกนั้น เผอิญมีชายหนู ุมคนหนึ่ งชื่อ มนัสวี เป็ นบุตรพราหมณ์ แลเป็ นผ้่มีร่ปรูาง
งดงามนัก เที่ยวเลูนในสวนแลมานอนหลับอยู่ในที่กำาบังใต้รูมไม้ เจ้าหน้าที่ไมูทันเห็นจึง
มิได้ปลุกให้ต่ น
ื แลไลูไปให้พน
้ กูอนที่พระราชธิดาเสด็จออกชมราชอุทยาน แม้ในเวลาที่
นางจันทร์ประภาแลบริวารมาเลูนอยู่แล้วนั้น มนัสวีพราหมณ์หนู ุมก็ยง ั หลับเป็ นสุขอยู่

ฝู ายนางจันทร์ประภาพระราชธิดาทรงวิ่งแลขว้างดอกไม้จนเหนื่ อยแล้วก็
หยุดเลูน เสด็จทรงดำาเนิ นไปองค์เดียวหูางนางตามเสด็จทั้งหลาย โดยหวังจะเสด็จไปพัก
ที่ตำาหนักในสวน ขณะนั้นมนัสวีนอนอยู่ใกล้ทางดำาเนิ น แลได้นอนหลับมานานจนใกล้จะ
ตื่นอยูแ
่ ล้ว ครั้นได้ยินเสียงนางทรงดำาเนิ นร้องเพลงผูานไปใกล้ๆ มนัสวีกต
็ ่ ืนแลลุกขึ้นนั่ง
ตาสบพระเนตรพระราชธิดาตูางก็เกิดเสนูหาขึ้นในทันใด

พระวิกรมาทิตย์ตรัสแกูเวตาลวูา
"ไมูจริง หญิงกับชายจะรักกันในนาทีแรกที่สบตากันนั้นไมูมีในโลก ข้าไมู
เชื่อเลยวูาพระกามเทพจะทรงทำาอยูางที่เอ็งวูา" พระราชา
ตรัสเชูนนี้ เพราะข้อที่ไมูทรงเชื่อนั้นได้เกิดแกูพระองค์เองหลายครั้งแล้ว แลไมูเป็ นผลดี
เลยจนครั้งเดียว เวตาลตอบวูา
"เสนู หาที่เกิดในทันทีท่ห
ี ญิงกับชายได้เห็นกันเป็ นครั้งแรกนั้นเป็ นของมี
แนูนอน จะปฏิเสธเสียอยูางไรได้" พระวิกรมาทิตย์ตรัสวูา
"ถ้าเชูนนั้นเอ็งจะอ้างหลักฐานได้ดอกกระมัง" เวตาลตอบวูา
"ข้าพเจ้าไมูจำาเป็ นต้องอ้างหลักฐาน เพราะมนุษย์ชายหญิงยูอมเป็ นอยูางนั้น
อยู่มากด้วยกันแล้ว ความโงูของมนุษย์ท้ังหลาย รวมทั้งของพระราชา...."
พระวิกรมาทิตย์ตรัสวูา "เอ็งจะเลูานิ ทานก็เลูาไป หรือไมูเลูาก็น่ิ งเสีย"

เวตาลเลูาตูอไปวูา เมื่อพระราชธิดาแลมนัสวีพราหมณ์หนู ุมได้สบตากันเป็ น


ครั้งแรก ดังนั้นก็มีผลแปลกที่สุด คือ มนัสวีทนความรักรุมรึงในใจที่เกิดในทันทีไมูได้ ก็
ล้มลงสลบไปกับที่ ฝู ายพระราชธิดาทรงเห็นดังนั้น พระชงฆ์ก็อูอนแลพระกายก็ส่ัน ทรง
ล้มสลบไปเหมือนกัน มิช้าพวกสาวใช้ตามไปพบพระราชบุตรีเป็ นดังนั้น ก็ตกใจชูวยกัน
เชิญพระองค์ไปทรงวอกลับคืนเข้าพระราชวัง

ฝู ายมนัสวีสลบแนู น่ิ งไมูร้่สึกตัวอยู่ช้านานจนมีพราหมณ์ผ้่มีวิชา ๒ คน ชื่อ


ศศี คนหนึ่ ง มูลเทวะ คนหนึ่ ง เดินเข้าไปในสวนหลวงพบพราหมณ์หนู ุมนอนสลบอยู่
พราหมณ์ม่ลเทวะจึงกลูาวแกูเพื่อนวูา
"ชายหนู ุมมานอนสลบอยูก ่ ับพื้นดินเชูนนี้ เพราะเหตุใด" พราหมณ์ศศีกลูาว
วูา
"คงจะเป็ นด้วยมีนางงามยิงศรคือตาจากธน่คือคิ้วถ่กชายหนู ุมคนนี้ ล้มลง
สลบไป" พราหมณ์ม่ลเทวะกลูาววูา
"เราควรจะแก้ไขให้ฟ้ ื นขึ้น" พราหมณ์ศศีถามวูา
"ประโยชน์อะไร" พราหมณ์ม่ลเทวะไมูฟังเพื่อนทัดทาน วิง ่ ไปที่สระนำ้าเอา
ปลายผ้าชุบนำ้ามารดพราหมณ์หนู ุม แลเช็ดหน้าให้ แล้วพยุงตัวให้น่ังขึ้น สักครู่หนึ่ ง
พราหมณ์ก็ได้สติคืนมา พราหมณ์ท้ัง ๒ สังเกตเห็นได้วูาเป็ นโรคใจยิ่งกวูาโรคกาย จึง
ถามวูาเหตุใดจึงมานอนสลบอยู่ในราชอุทยาน มนัสวีกลูาววูา
"บุรุษพึงเลูาความทุกข์ให้ฟังแตูเฉพาะผ้่ท่ีจะชูวยแก้ทกุ ข์ได้ การกลูาวทุกข์ให้
ผ้่ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วชูวยระงับทุกข์ไมูได้น้ันหาประโยชน์มิได้ ผ้่มีทุกข์ไมูได้ดีอะไรจากคำา
กลูาววูาสงสาร หรือวาจาเชูนกัน"

พราหมณ์ท้ังสองได้ฟังมนัสวีกลูาวดังนั้น ก็พ่ดจาประเล้าประโลมเอาใจจน
เห็นวูากรุณาจริง มนัสวีจง ึ เลูาวูา
"พระราชธิดาเสด็จมาในสวนนี้ เมื่อตอนบูายวันนี้ ข้าพเจ้าได้เห็นนางก็เกิด
ความรักรุมรึงขึ้นในใจทันที มิอาจทรงกายอยู่ได้ ก็ล้มสลบลงอยู่ดังที่ทูานมาพบนั้น ถ้า
ข้าพเจ้าไมูได้นางผ้่เป็ นพระราชธิดา ข้าพเจ้าก็คงตาย ถ้าได้จึงจะคงชีวิตตูอไปได้"
พราหมณ์ม่ลเทวะกลูาววูา
"เจ้าจงมากับเราเถิด ข้าจะพยายามด้วยอุบายที่ข้าสามารถจะทำาได้ทุก
ประการให้เจ้าได้นางดังประสงค์ แลถ้าข้าทำาไมูสำาเร็จ ข้าสัญญาจะให้เจ้าเป็ นผ้่มีทรัพย์
มากมาย ไมูต้องพึ่งใครในโลกอีกตูอไป" มนัสวีกลูาววูา
"พระผู้เป็ นเจ้าได้ทรงสร้างมณี ข้ึนในโลกนี้ เป็ นอันมาก โดยพระ
ประสงค์จะทรงอุปการะเหล่าชน แต่มุกดาคือสตรีนัน ้ เลิศยิง
่ มณี ทัง
้ หลาย บุรุษมี
ความใคร่ทรัพย์ก็เพื่อให้เป็ นประโยชน์แก่สตรี แลชายทีส ่ ละภริยาเสียแล้วแม้
จะมีสมบัติก็ใช้อะไรไม่ได้ ชายทีไ ่ ม่มีเมียสวยนัน ้ ดีกว่าดิรัจฉานทีต ่ รงไหน จะ
ต้่าช้าไปกว่าสัตว์เลวทรามเสียอีก ทรัพย์นัน ้ เป็ นผลของความอยู่ในธรรม ความ
สุขเป็ นผลของความมีทรัพย์ แลภริยาเป็ นผลของความมีสุข ชายไม่มีเมียจะมี
ความสุขอย่างไรได้" มนัสวีพ่ดเพ้อพรำ่าไปในทำานองนี้ ช้านาน เพราะความหลงรัก เรา
ทูานฟั งด่ก็นูาจะเห็นแปลก แตูอาจเป็ นอาการธรรมดาของโรครักก็เป็ นได้

พราหมณ์ม่ลเทวะกลูาววูา "สิง ่ ใดซึ่งเจ้าประสงค์ สิง


่ นั้นข้าจะทำาให้สำาเร็จได้
ด้วยความกรุณาของพระผ้่เป็ นเจ้า" มนัสวีกลูาววูา
"ข้าแตูทูานผ้่เป็ นบัณฑิต ขอทูานจงโปรดให้ข้าพเจ้าได้นางสมประสงค์เถิด"
พราหมณ์ม่ลเทวะรับสัญญาจะจัดการให้สมหมาย แล้วพามนัสวีกลับไปบ้าน
ของม่ลเทวะ เมื่อไปถึงบ้านแล้วก็รับรองเป็ นอันดี เชิญให้น่ังในที่อันควรแล้วม่ลเทวะก็ไป
หยิบล่กอมมาสองล่ก แล้วอธิบายที่ใช้แหูงล่กอมนั้นให้มนัสวีฟังวูา
"ในเรือนของเรานี้ มีวิชาลับซึ่งได้สง ู ตูอเป็ นมรดกกันมาหลายชั่วคน แลข้าใช้
วิชานี้ กระทำาประโยชน์ให้เกิดแกูมนุษย์ แตูการใช้ความร้่ของข้านี้ จะสำาเร็จประโยชน์กต ็ ูอ
เมื่อผ้่ซึ่งมาขอให้ชูวยนั้นมีใจบริสุทธิแ
์ ลตั้งใจจริงที่จะรับประโยชน์ ล่กอมล่กนี้ ถ้าเจ้าอม
เข้าในปาก เจ้าจะกลายเป็ นหญิงอายุ ๑๒ ปี ถ้าเอาออกจากปากจึงจะคืนร่ปเดิม ถ้าข้าให้
ล่กอมนี้ แกูเจ้า เจ้าต้องตั้งใจแนู นอนวูาจะเอาไปใช้แตูทางที่ดี มิฉะนั้นจะเกิดเหตุเป็ นทุกข์
แกูเจ้าอยูางใหญู เหตุฉะนั้นเจ้าจงตรึกตรองในใจให้ดีเสียกูอนจึงรับล่กอมนี้ ไปใช้ ถ้าไมู
แนูใจก็อยูารับไปเลย"

เวตาลเลูาตูอไปวูา เมื่อพราหมณ์ม่ลเทวะกลูาวเชูนนี้ ชายหนู ุมซึ่งกำาลังรัก


หญิงอยูางรุนแรงยูอมจะนึ กแนู ใจแลกลูาวรับรองทันทีวูา ตนเป็ นผ้่มีใจบริสุทธิแ ์ ลตั้งใจ
จริงที่สุดในโลก แลมนัสวีก็ได้กลูาวยืนยันเชูนนั้นในทันที ม่ลเทวะจึงสูงล่กอมล่กหนึ่ งให้
มนัสวีอมไว้ในปาก แตูกำาชับให้ระวังมิให้กลืนลูวงลำาคอเข้าไปเป็ นอันขาด สูวนล่กอมอีก
ล่กหนึ่ งนั้นม่ลเทวะอมเอง คนทั้งสองก็มีร่ปเปลี่ยนไป มนัสวีเป็ นหญิงสาวสวย ม่ลเทวะ
เป็ นพราหมณ์แกูอายุไมูต่ ำากวูา ๘๐ ปี
เมื่อแปลงตัวดังนี้ แล้ว คนทั้งสองก็เดินไปสูพ
่ ระราชวัง เข้าเฝ้ าท้าวสุพิจาร
พระราชา ตรงเข้าไปยังที่เสด็จออกโดยที่มิต้องมีผ้่ท่ลเบิกเพราะพราหมณ์ผ้่ใหญูมีเกียรติ
ที่จะทำาเชูนนั้นได้
ฝู ายพระราชาเมื่อทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์ผ้่มีอายุมากเข้าไปในท้องพระ
โรง ก็เสด็จลุกขึ้นต้อนรับเป็ นอันดี เชื้อเชิญให้พราหมณ์แลนางซึง ่ ปรากฏเหมือนหนึ่ ง
ล่กสาวนั่งในที่อันควร พราหมณ์ม่ลเทวะก็ทูองมนตร์แลถวายพระพรพระราชาวูา
"พระผ้่เป็ นเจ้าองค์ใด เมื่อทรงร่ปเป็ นคนคูอมได้ลูอลวงท้าวพลีผ้่เป็ นราชา
ทรงศักดิใ์ หญู เมื่อเป็ นนักรบผ้่แกล้วกล้าได้นำากองทัพลิงจองถนนข้ามสมุทร เมื่อเป็ น
โคบาลได้ยกเขาโควรรธน์ช่ไว้ในฝู าพระหัตถ์ เป็ นเครื่องป้ องกันคนเลี้ยงโคทั้งชายแล
หญิงให้พน ้ ภัย คือสายฟ้ าอันมาแตูสวรรค์ ขอพระผ้่เป็ นเจ้าองค์น้ัน จงคุ้มครองพระองค์ผ้่
เป็ นพระราชาให้ทรงสวัสดิม ์ ีสุขทุกทิวาราตรี"
ท้าวสุพิจารทรงฟั งเพลิน จนพราหมณ์หยุดพ่ดแล้วจึงรับสั่งถามวูา
"ทูานผ้่เป็ นอาจารย์มาจากสำานักใด" ม่ลเทวะท่ลวูา
"เมืองของข้าพเจ้าอยู่ฟากเหนื อแหูงแมูน้ ำาพระคงคา ข้าพเจ้าได้เที่ยวไปจาก
บ้านถึงประเทศที่ไกล แลได้พบนางคนนี้ สมควรเป็ นภริยาแหูงบุตรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงพา
นางกลับบ้าน แตูในเวลาที่ข้าพเจ้าไมูอยู่น้ัน ข้าวปลาอาหารไมูมีพอคนกิน คนในละแวก
บ้านของข้าพเจ้าอดอาหาร จะอยู่ไปในที่น้ันไมูได้ ภริยาแลบุตรข้าพเจ้าก็อพยพไปอยู่ท่ีอ่ ืน
ข้าพเจ้าไมูร้่วูาที่ไหน แตูข้าพเจ้ามีนางรูุนสาวคนนี้ เป็ นเครื่องหูวงอยู่ จะออกเที่ยวตาม
บุตรแลภริยาก็ไมูได้ แตูข้าพเจ้าได้ยินชนเลื่องลือเกียรติพระองค์ผ้่ทรงธรรม มีพระหฤทัย
ประกอบด้วยกรุณา ข้าพเจ้าจึงกลูาวแกูตว ั เองวูาจะพานางมาถวายฝากไว้ เพื่อได้ทรง
ด่แลมิให้ภัยตูางๆ มีมาถึงนางจนกวูาข้าพเจ้าจะกลับ ขอพระองค์จงโปรดรับนางไว้ตาม
ปรารถนาของข้าพเจ้าเถิด"

ท้าวสุพิจารได้ทรงฟั งดังนั้น ก็ทรงนั่งนิ่ งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ ง เพราะคำาที่


พราหมณ์กลูาวนั้นแม้เป็ นการยกยอถ่กต้องตามพระราชหฤทัยก็จริง แตูทรงเห็นภัยมีอยู่
ทั้งสองทาง ทางหนึ่ งถ้าทรงรับตามปรารถนาแหูงพราหมณ์ ก็คือรับฝากนางสาวซึ่งร่ป
แลเค้าหน้างดงาม พ่ดจาสำาเนี ยงไพเราะ แลทั้งมีตากระเดียดจะเป็ นนักเลงอยู่ด้วย การ
รับฝากนางชนิ ดนี้ ไว้ในเรือนนั้น เป็ นภัยอยูใ่ นตัวไมูต้องอธิบาย แตูถ้าไมูรับฝากก็มีภัยอีก
ทางหนึ่ ง คือจะถ่กพราหมณ์สาปให้พระองค์แลบ้านเมืองยูอยยับไปด้วยอำานาจความ
โกรธของพราหมณ์ พระราชาทรงเทียบภัยทั้ง ๒ ข้าง เห็นวูาภัยข้างถ่กสาปนั้นหนักกวูา
จึงรับสั่งแกูพราหมณ์วูา
"ข้าแตูทูานผ้่เกิดจากเศียรแหูงพระพรหม ข้าพเจ้าจะรับฝากนางรูุนสาวนี้ ไว้
ตามปรารถนาของทูาน"
พราหมณ์ม่ลเทวะได้ฟังดังนั้น ก็ถวายพระพรพระราชาด้วยถ้อยคำาอันดีแล้ว
รับพระราชทานพล่แลออกจากที่เฝ้ าไป (เป็ นธรรมเนี ยมเจ้าของบ้านต้องให้ใบพล่แล
เครื่องเทศให้แขกเคี้ยว เมื่อเวลาจะแนะให้ลากลับ)

ครั้นพราหมณ์แกูออกจากที่เฝ้ าไปแล้ว พระราชารับสั่งเรียกนางจันทร์


ประภาพระราชบุตรีเข้ามาเฝ้ า ตรัสวูา
"นางนี้ เป็ นคูห
่ มั้นกับพราหมณ์หนู ุมคนหนึ่ งแลพราหมณ์แกูผ้่เป็ นพูอผัวพา
มาฝาก ให้บิดาคุ้มครองรักษาไว้จนถึงเวลาที่พราหมณ์จะกลับมารับ เจ้าจงพานางเข้าไป
ข้างในให้อยู่ด้วยกันกับเจ้า เจ้าจงเอาใจใสูด่แลด้วยดี ไมูให้ไปพ้นจากตัวเจ้าทั้งกลางวัน
แลกลางคืน ทั้งเวลาหลับเวลาตื่นเวลากิน ทั้งเมื่ออยู่ในแลไปนอกพระราชวัง"
นางจันทร์ประภาพระราชธิดาได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็พานางซึ่งเป็ นสะใภ้
พราหมณ์ไปยังตำาหนักแหูงนาง ตำาหนักนั้นเดิมเป็ นที่สำาราญแลที่สนุก แตูบัดนี้ เป็ นที่ซึ่งมี
อาการเหี่ยวแห้งทำาให้เกิดหงอยเหงาในใจ หน้าตูางก็ชก ั มูานให้มืด แลสาวใช้ท่ีเดินไปมา
ก็ระวังฝี เท้ามิให้ดังประหนึ่ งวูา ความเดินดังจะทำาให้เกิดความปวดศีรษะแกูใครผ้่อยู่

ฝู ายพระราชธิดา เมื่อพาสะใภ้พราหมณ์ไปถึงตำาหนักแล้ว ก็ทรงเอาใจใสู


เป็ นอันดีแลตรัสกับนางมากกวูาที่เคยตรัสเป็ นปกติในหมู่น้ัน จะเป็ นด้วยนางสะใภ้
พราหมณ์เป็ นคนมีตาเป็ นนักเลง หรือจะเป็ นด้วยพระราชธิดาทรงร้่สึกด้วยไมูมีเหตุอะไร
ที่จะทราบได้ วูาการจะเป็ นไปดังซึ่งจะเป็ นไปก็ตาม พระองค์ (พระวิกรมาทิตย์) ยูอมจะ
ทรงทราบวูาอาจเป็ นได้ด้วยเหตุท้ัง ๒ อยูาง
แตูข้อที่จะเป็ นด้วยเหตุใดนั้นไมูส้่สำาคัญนัก เพราะนางสะใภ้พราหมณ์สังเกต
เห็นได้วูา พระราชธิดามีความเศร้าหฤทัยปรากฏอยู่ท่ีพระนลาฏ ครั้นเมื่อเข้าที่บรรทม
ด้วยกันแล้ว นางสะใภ้พราหมณ์จึงท่ลถามวูา เพราะเหตุใดพระราชธิดาจึงมีทุกข์ นาง
จันทร์ประภาจึงตรัสเลูาเรื่องนู าสงสารให้นางสะใภ้พราหมณ์ฟังวูา

"วันหนึ่ งในฤด่วสันต์ ข้ากับบริวารพากันไปเดินเลูนในอุทยาน ข้าได้พบ


พราหมณ์หนู ุมคนหนึ่ งร่ปรูางงดงามยิ่งนัก ครั้นตาเราทั้งสองสบกันเข้าก็ล้มลงสลบไป
แลข้าก็ล้มแนู น่ิ งไปเหมือนกัน ฝู ายนางทั้งหลายซึ่งเป็ นบริวารของข้า เมื่อเห็นข้าเป็ นดัง
นั้นก็พาข้าคืนเข้าพระราชวัง ทั้งที่ข้ายังไมูร้่สึกตัว เหตุดง
ั นั้นข้าไมูร้่วูาพราหมณ์หนู ุมคน
นั้นชื่อไร บ้านอยู่ท่ีไหน แตูความงามของเขาพิมพ์ไว้ในความทรงจำาของข้า แลข้าไมูมี
ปรารถนาจะดื่มแลกินเลย เหตุฉะนี้ ผิวพรรณแหูงข้าจึงเผือดซีดแลกายซ่บผอมไป"
พระราชธิดาตรัสดังนี้ แล้วก็ทรงถอนใจใหญู มีสำาเนี ยงซึ่งมนัสวีผ้่แปลงเป็ น
สะใภ้พราหมณ์ได้ยินไพเราะที่สุด แลพระราชธิดาทรงพยากรณ์ตามซึ่งหญิงผ้่อยู่ในความ
อั้นปั ญญาในเรื่องรัก มักจะพยากรณ์วูาคงจะสิน ้ พระชนม์ด้วยอาการฉับพลันในตอนต้น
เดือนหน้านั้นเอง นางสะใภ้พราหมณ์ได้ฟังดังนั้นก็แสร้งก้มหน้าท่ลถามด้วยกิริยาเอียง
อายวูา
"ข้าพเจ้าทำาให้พราหมณ์หนู ุมผ้่เป็ นที่รักของนางเข้ามาเฝ้ าได้ในบัดนี้ นางจะ
ประทานอะไรแกูข้าพเจ้าเป็ นรางวัล" พระราชธิดาตรัสตอบวูา
"ข้าจะยอมเป็ นทาสของนางรับใช้การอยูางตำ่าที่สุด แลจะยืนพนมมือคอย
ปฏิบัตินางผ้่มีคุณ"
นางสะใภ้พราหมณ์ได้ยินรับสั่งดังนั้น ก็คายล่กอมออกจากปากกลายเป็ น
มนัสวีพราหมณ์หนู ุมเข้าโลมพระราชธิดา นางจันทร์ประภาก็ทรงละอายหฤทัยยิง ่ นัก
"ข้าพเจ้าจะเลูาถวายพิสดารวูา..." พระวิกรมาทิตย์ตรัสตอบวูา
"เอ็งไมูต้องเลูาเรื่องตรงนั้นพิสดาร ข้าไมูอยากฟั งของเอ็ง"

เวตาลเลูาตูอไปวูา ฝู ายมนัสวีพราหมณ์หนู ุม เมื่อได้เข้าถึงพระองค์พระราช


ธิดาสมปรารถนา ดังนั้น ก็คำานึ งถึงลักษณะแหูงวิวาหะทั้งแปดอยูาง คือ

(๑) วิวาหะลักษณะพราหมณ์ คือบิดายกล่กสาวให้แกูพราหมณ์


(๒) วิวาหะโดยลักษณะเทวดา คือบิดายกล่กสาวให้แกูพราหมณ์ผ้่กระทำาพิธีบ่ชายัญ เป็ น
คูาจ้างในการกระทำาพิธีน้ัน
(๓) วิวาหะโดยลักษณะฤาษี คือบิดายกล่กสาวให้แกูชายซึ่งให้โคกระบือแกูบิดาคู่หนึ่ ง
หรือสองคู่
(๔) วิวาหะโดยลักษณะประชาบดี คือเมื่อบิดาแหูงหญิงยกบุตรีให้แกูชายแลกลูาวแกูคน
ทั้งสองวูา "เจ้าจงรูวมกันประพฤติธรรม"
(๕) วิวาหะโดยลักษณะอส่ร คือเมื่อชายได้ให้ทรัพย์แกูญาติแหูงหญิงจนเต็มที่ซึ่งจะให้ได้
แล้ว บิดาหญิงยกบุตรีให้เป็ นภริยา
(๖) วิวาหะโดยลักษณะรากษส คือชายแยูงหญิงได้ในการรบส้่กับผ้่ปกครองของหญิง
(๗) วิวาหะโดยลักษณะคนธรรพ์ คือเมื่อหญิงกับชายได้กน ั เองด้วยความเต็มใจทั้งสอง
ฝู าย
(๘) วิวาหะโดยลักษณะปิ ศาจ คือชายลอบรักหญิงเมื่อเวลาหลับหรือเมา หรือสลบไมูมีสติ
(มน่ธรรมศาสตร์ ๓:๒๐ แลตูอไป)

มนัสวีคำานึ งถึงลักษณะวิวาหะทั้งแปดนี้ เห็นวูาลักษณะคนธรรพ์เป็ นลักษณะ


ที่เหมาะกวูาอยูางอื่น เพราะพระราชธิดาเป็ นนางส่งศักดิ ์ มีพระชนมายุสมควรแกูการ
วิวาหะแล้ว แลมีอำานาจโดยธรรมเนี ยมที่จะร้องขอให้พระราชบิดาอำานวยการสยุมพร
เมื่อพระราชธิดาได้เลือกพระสามีตามแบบอยูางซึ่งพระราม พระอรชุน พระนลเป็ นต้น ได้
พระราชธิดาแหูงกษัตริย์ทรงนามเลื่องลือมาเป็ นชายา การที่มนัสวีพราหมณ์หนู ุมนึ กเอา
พระนามกษัตริย์ทรงมีเกียรติในโบราณกาลมาเข้าแถวกับตนเองเชูนนี้ ก็แสดงความ
กำาเริบใจมิใชูนอ
้ ย แตูความฮึกเหิมเชูนนั้น เป็ นอาการของผ้่ท่ีกำาลังจะได้ลก
่ สาวของพระ
ราชาเป็ นภริยา

เมื่อมนัสวีได้พระราชธิดาสมประสงค์แล้ว ก็อยู่ภายในพระราชวังประมาณ
ห้าเดือนเศษ เปลี่ยนแปลงกายเป็ นชายแลหญิงทุกวันทุกคืน จนทราบได้วูาไมูช้าก็จะได้
เป็ นพูอ...
เวตาลกลูาวตูอไปวูา ข้าพเจ้าก็ร้่นิสย
ั คนมากอยู่ แตูนิสัยของมนัสวีน้ันแปลก
กับนิ สัยคนอื่นในความร้่ของข้าพเจ้า คนอื่นๆ เมื่อได้เปลี่ยนจากเพศชายเป็ นเพศหญิง แล
เปลี่ยนจากเพศหญิงเป็ นเพศชายทุก ๒๔ ชั่วโมงแล้ว ก็คงจะเป็ นความเปลี่ยนที่มากพอใน
วันหนึ่ งๆ แตูมนัสวียังต้องการเปลี่ยนอิริยาบถให้ยง ิ่ กวูานั้นอีก ไมูพอใจในการที่ต้องแอบ
ซูอนอยู่ในตำาหนักทุกวันทุกคืน ต้องการจะเที่ยวเปลี่ยนที่ไปบ้าง จนถึงแกูกลูาวโทษพระ
ราชธิดาวูาไมูพาออกเที่ยวเปลี่ยนอากาศ
สูวนพระราชธิดานั้น เราทูานนู าจะคิดเห็นวูาเมื่อได้ล้มสลบอยู่กับที่ เพราะ
ความเสนูหาซึ่งเกิดในนาทีแรกที่ได้พบชาย แลเมื่อฟื้ นจากสลบแล้วยังได้บำาเพ็ญพระองค์
จะไปสู่ยมโลก เพราะรักยังไมูสำาเร็จดังได้กลูาวมาแล้วเชูนนี้ ครั้นเมื่อได้ชายที่รักมาสม
หมาย ก็นูาจะยังไมูเบื่อ ไมูน่ังหาว แลไมูแสดงพิโรธเล็กๆ น้อยๆ กูอนปี หนึ่ งจากวันที่ได้
ชายนั้นมาเป็ นสามี แตูการหาเป็ นเชูนนั้นไมู นางจันทร์ประภาพระราชธิดาทรงเบื่อ
มนัสวี แลเบื่อความไมูเห็นคนอื่นนอกจากมนัสวี เสมอกับมนัสวีเบื่อพระราชธิดา แล
ความไมูเห็นคนอื่นนอกจากพระราชธิดา จนนางใกล้จะชวนสามีออกเที่ยวอยู่แล้วหลาย
ครั้ง
แตูครั้นเมื่อสามีกลูาวชวนนางไปเที่ยวให้พ้นความอยู่ด้วยกันโดยจำาเพาะไป
บ้าง นางก็กลับทรงคิดขูุนเคืองวูา มนัสวีเบื่อความอยู่ด้วยกันสองตูอสอง จึงตรัสประชด
วูาคนมีคู่แล้ว ถ้าแม้นหมักหมมคลุกคลีกันอยู่สองตูอสองแลทะเลาะกันวันยังคำ่าๆ ก็เป็ นคู่
ที่โงูท่ีสุด มนัสวีแก้วูา เขาไมูได้คิดเบื่อนาง เขาไมูต้องการอะไรยิ่งกวูาที่จะพานางออก
แสดงให้ร้่กันทั่วโลกวูาเป็ นภริยาของเขา แตูนางก็ยง ั ไมูเป็ นที่พอหฤทัย ต้องการโต้ตอบ
กันอยู่อีกช้านาน ในที่สุดเป็ นอันตกลงวูาจะเลิกขังตัวเองและออกเที่ยวในที่ตูางๆ นางจึง
ไปเฝ้ าท่ลท้าวสุพิจารพระราชบิดาวูานางแลหญิงสะใภ้พราหมณ์ต้องการออกเที่ยวกินลม
แลไปในที่สำาราญตูางๆ เพื่อผาสุก
ท้าวสุพิจารทรงยินดีท่ีได้เห็นพระราชธิดามีอาการนำ้านวลขึ้น จึงตรัสอำานวย
วูา เสด็จเที่ยวเตรูไปในที่ใดที่สมควรแกูเกียรติยศ ก็แล้วแตูนางจะประสงค์ ดังนี้ พระราช
ธิดาแลมนัสวีผ้่สามี (ในร่ปหญิงสะใภ้พราหมณ์) ก็ออกเที่ยวในที่ตูางๆ ตามสำาราญ

วันหนึ่ ง ท้าวสุพิจารเสด็จไปเป็ นเกียรติยศแกูการแตูงงานที่บ้านมหา


อำามาตย์ ผ้่อยู่ในตำาแหนู งโกษาธิบดี พระราชธิดาแลหญิงสะใภ้พราหมณ์ก็ตามเสด็จด้วย
ฝู ายชายหนู ุมผ้่เป็ นบุตรโกษาธิบดี เมื่อได้เห็นหญิงสะใภ้พราหมณ์มีร่ปรูาง
แลหน้าตางดงาม ก็หลงรักในทันใด เป็ นครั้งที่สองในเรื่องนี้ ที่ชายรักหญิงในนาทีแรกที่
เห็นหน้า ชายหนู ุมจึงกลูาวแกูเพื่อนสนิ ทของตนตามเคยวูา
"ถ้าข้าได้นางนั้น ข้าจะมีสำาราญในโลก ถ้าไมูได้ข้าจะต้องสละชีวติ เสีย"
ฝู ายพระราชานั้นเมื่อได้ทรงสำาราญในการเลี้ยงแล้ว ก็เสด็จคืนเข้า
พระราชวังพร้อมด้วยพระราชธิดาแลผ้่อ่ ืนๆ ซึ่งตามเสด็จ

สูวนบุตรโกษาธิบดีน้ัน ครั้นนางสะใภ้พราหมณ์ตามเสด็จกลับเข้าพระราชวัง
แล้วก็เดือดร้อนกระวนกระวายเป็ นกำาลัง ตั้งแตูน้ันมาก็มีอาการซ่บซีดเพราะทิ้งข้าวทิ้ง
นำ้าแลหลับนอนไมูเป็ นปกติ เพื่อนสนิ ทร้่ความในใจเป็ นการลับไมูบอกให้ใครทราบ แตูไมู
นิ่ งอยู่ได้นาน เพราะอดไมูได้น้ันอยูางหนึ่ ง อีกอยูางหนึ่ งอธิบายวูา บุตรโกษาธิบดีปูวย
อาการหนัก ถ้าขืนนิ่ งเสียก็คงจะถึงชีวติ ดังนี้ ความลับนั้นก็ทราบถึงโกษาธิบดีในสองสาม
วันนั้นเอง โกษาธิบดีนึกหนักใจในการที่บุตรชายปู วยนั้นอยู่แล้ว ครั้นได้ทราบสมุฏฐาน
แหูงโรคก็รีบเข้าเฝ้ าพระราชา ท่ลวูา
"ข้าแตูพระมหาราชา บุตรชายของข้าพเจ้ารักหญิงสะใภ้พราหมณ์ คลั่งไคล้
มีอาการปู วยปางตาย ไมูกินไมูนอน เฝ้ าแตูพรำ่าเพ้อละเมอฝั น ขอพระองค์จงโปรดกรุณา
ประทานนางแกูบุตรข้าพเจ้าเพื่อให้คงชีวิตไปเถิด"
ท้าวสุพิจารได้ทรงฟั งดังนั้น ก็ทรงแสดงกิริยาพิโรธตรัสวูา
"เจ้าเป็ นบ้าไปเสียแล้วหรือจึงมากลูาวเชูนนี้ ข้าเป็ นพระราชาจะกระทำาอ
ยุติธรรมเชูนนั้นด้วยประการใด เจ้าเป็ นผ้่ใหญูยูอมจะทราบวูาเมื่อมีผ้่พาผ้่อยู่ในความ
ปกครองมาฝากให้อยู่ในอารักขาแหูงผ้่มิอาจให้อารักขาได้ ผ้่รับฝากจะยกผ้่อยู่ในความ
ฝากนั้นไปให้ผ้่อ่ ืนไมูได้เป็ นอันขาด เจ้าก็เป็ นอำามาตย์ผ้่ใหญูมีสติปัญญา เหตุไฉนจึงมาขอ
เชูนนี้ "

โกษาธิบดีทราบแจ้งอยู่ในใจวูา พระราชาทรงปกครองบ้านเมืองได้ด้วยเขา
เป็ นผ้่อุดหนุน ถ้าเขาไมูได้อยู่รับราชการเมื่อใด การบ้านเมืองก็จะทรุดโทรมไป แลพระ
ราชาก็จะต้องทรงรับความเดือดร้อน อนึ่ งโกษาธิบดีร้่จักพระหฤทัยพระราชาอยู่วูา มักจะ
โอนเอนไปได้เพื่อความสะดวกอันควรแกูร่ปการณ์ จึงนึ กในใจวูา "พระหฤทัยดังนี้ อีก
หนู อยก็คงเปลี่ยน" แตูมิได้กลูาวอะไร นั่งก้มหน้านิ่ งแสดงกิริยาเหมือนผ้่ท่ีสิ้นหวัง
ฝู ายท้าวสุพจ
ิ ารนั้น ประเดีย๋ วก็ตรัสกริ้ว ประเดีย
๋ วก็ตรัสปลอบ ติโทษบ้าง
ยกยอบ้าง เพื่อจะให้โกษาธิบดีเปิ ดปากท่ลขอคำาอันใดที่จะทำาให้ทรงเห็นความเป็ นไปในใจ
ของเขาได้ แตูเขาก็น่ิ งอึ้ง ไมูพ่ดจาอะไรเลย จนในที่สุดกราบถวายบังคมลาออกจากที่เฝ้ า
เดินนำ้าตาคลอออกไ ปจนถึงประต่วง ั จึงกลูาวแกูตนเอง แตูมีผ้่อ่ ืนได้ยินวูา "ตัวก่น้ี อดข้าว
เสียสัก ๑๐ วัน ก็คงได้ไปโลกหน้าสมหวัง"

ครั้นเมื่อโกษาธิบดีกลับไปถึงบ้านแล้ว ก็เรียกบูาวไพรูมาพร้อมกันเข้าไป
เยี่ยมล่กชายในห้อง พบล่กชายนอนอยู่บนเสื่อ หน้าตาซ่บซีดเพราะอดอาหาร บิดาจึงจับ
มือบุตรไว้ แล้วกระซิบดังพอให้ได้ยินกันทั่ววูา
"ล่กเอ๋ย พูอจะแก้ไขอะไรก็ไมูได้แล้ว จำาเป็ นจะต้องตายไปตามกัน"
ฝู ายพวกบูาวไพรูเมื่อได้ยินนายพ่ดดังนั้น ตูางคนก็หลีกออกไปจากห้องแล้ว
เลูาสู่เพื่อนกันฟั ง แลเพื่อนก็เลูาตูอๆ กันไปวูา โกษาธิบดีมีจำานงจะสละชีวต ิ เสียแล้ว แล
ตูางคนตูางก็เข้าไปด้อมมองคอยด่วูานายจะทำาจริงตามพ่ดหรือไมู แลถ้ายอมตายจะตาย
อยูางไร ตายที่ไหน แลตายเมื่อไร การที่บูาวไพรูได้ทราบความตั้งใจแหูงนายเชูนนี้ ถ้าจะ
กลูาววูาพากันเศร้าโศกเสียใจก็ไมูเชิง จะวูาไมูรักนายก็วูาไมูได้ เพราะนายเป็ นผ้่ใจดีมี
กรุณาตูอบูาวแตูถง ึ กระนั้นบูาวก็ใครูร้่ใครูเห็นลังเลครึ่งๆ กลางๆ ในใจไมูแนู วูาอยากให้
เหตุเกิดหรือไมู ที่เป็ นเชูนนี้ ก็เพราะความตื่นเต้นในใจตามธรรมดามนุษย์ซึ่งหาความ
ยั่งยืนมิได้

ตรงนี้ พระวิกรมาทิตย์ทรงแค้นเคืองในพระหฤทัย เพราะเหตุเวตาลกลูาวติ


เตียนธรรมดาแหูงมนุษย์ ทรงแสดงพิโรธให้เวตาลร้่สก ึ แตูมันทำาเป็ นไมูร้่สึก เลูาตูอไปวูา
เมื่อโกษาธิบดีได้อดข้าวอดนำ้าอยู่แล้วถึงสามวัน อำามาตย์ผ้่ใหญูก็ประชุม
ปรึกษากันวูา ถ้าพระราชาไมูยินยอมตามคำาร้องขอ ก็จะพากันไปถวายบังคมลาออกจาก
ราชการไปบวชเป็ นโยคี หรือไปทำาอะไรที่แปลกๆ ตูางๆ การที่เป็ นเชูนนี้ ก็เพราะโกษาธิ
บดีเป็ นหัวหน้าจ่งราชการให้ดำาเนิ นไปนั้นข้อหนึ่ ง อีกข้อหนึ่ งอำามาตย์เหลูานั้นเห็นวูา ก็
เมื่อผ้่ใหญูอยู่ในตำาแหนู งส่งถึงโกษาธิบดีแล้วท่ลขอเทูานี้ ยังไมูได้ ตูอไปข้างหน้าใครจะท่ล
อะไรได้เลูา เมื่อเป็ นเชูนนี้ จะทำาราชการไปทำาไม
เช้าวันรูุงขึ้นข้าราชการทั้งหลายก็พร้อมกันเข้าไปเฝ้ าท้าวสุพิจาร ท่ลวูาบุตร
ของโกษาธิบดีใกล้จะถึงตายอยู่แล้ว เพราะเหตุหัวใจเต็มแลท้องวูาง ถ้าบุตรตาย บิดาซึ่ง
ไมูได้กินแลดื่มมาถึงสามวันแล้ว ก็จะพลอยตายด้วย ถ้าโกษาธิบดีตาย ราชการบ้านเมือง
ก็จะเกิดยูงุ เหยิงเพราะเขาเป็ นนายคลังใหญูร้่บัญชีท้ังปวง แลมีคำากลูาวูาในเวลานี้ บัญชี
ของบ้านเมืองนั้นปลวกกินเสียครึ่งหนึ่ งแล้ว ที่ยง ั เหลืออีกครึ่งหนึ่ งก็ไมูเป็ นประโยชน์
เพราะกรดหมึกกัดกระดาษขาดไปมาก บัญชีหาติดตูอกันได้ความประการใดไมู เหตุดง ั
นั้นข้าราชการทั้งหลายจึงประชุมพรอ้มกัน ท่ลขอให้พระราชาประทานนางสะใภ้
พราหมณ์แกูบต ุ รโกษาธิบดีดังประสงค์ ความตั้งมั่นในพระหฤทัยของพระราชานั้นทนขูาว
ปลวกแลกรดหมึกไมูได้ จึงทรงคิดโอนเอนไปข้างจะยอม แตูยังมีพระประสงค์จะแสดง
ความมั่นคงในพระหฤทัยให้คนทั้งหลายเห็น จึงตรัสวูาโกษาธิบดีแลบุตรชายเป็ นคนมีคุณ
ดี เป็ นประโยชน์แกูราชการเพียงไรก็ทรงทราบอยู่แล้ว แลมีพระราชประสงค์จะชูวยบิดา
แลบุตรนั้นทุกทางที่จะทรงชูวยได้ปราศจากอสัตย์ แตูในเรื่องนี้ ได้ทรงรับสัญญาเสียแล้ว
วูาจะคุ้มครองนางที่พราหมณ์เฒูานำามาฝากไว้ พระองค์จะยอมสวรรคตเสียสิบสองครั้ง
ยิง
่ กวูาที่จะกระทำาการเป็ นที่เสียสัญญาหรือปฏิบัติหน้าที่ปราศจากความสัตย์ ทั้งทรง
แสดงธรรมะตูางๆ ซึ่งไมูส้่เกี่ยวแกูการขอแลการให้หญิงสะใภ้พราหมณ์อันเป็ นปั ญหาอยู่
ในเวลานั้น แตูข้าราชกรที่เฝ้ าอยู่ก็พากันตั้งใจฟั งคำาตรัส เพราะไมูมีใครร้่พระหฤทัยพระ
ราชาเทูาที่โกษาธิบดีร้่ จึงพากันเห็นจริงแลชมธรรมะที่ทรงแสดงให้ฟัง แลตูางคนก็น่ังนิ่ ง
อยู่

ฝู ายพระราชาทรงคอยอยู่ครู่หนึ่ งให้ธรรมะซึมซาบเข้าไปในใจผ้่ฟังแล้ว ก็
ตรัสเสียใหมูให้ผลแหูงคำาสอนที่มีในใจข้าราชการเหลูานั้นคูอยเบาบางลงไป โดยที่ตรัส
วูาธรรมะซึ่งทรงแสดงนั้น ได้ทรงรับเป็ นคำาสั่งสอนของพระราชบิดาแลพระราชมารดาซึ่ง
ทรงธรรมอยูางส่งทั้งสองพระองค์ แลเป็ นธรรมะซึ่งบุรุษพึงประพฤติแลเคารพโดยปกติ
แตูถ้าเกิดปั ญหาแปลกธรรมดาแลผิดปกติ การดำาเนิ นทางธรรมจะแผกเพี้ยนไปจากรอย
เดิมบ้าง ถ้ายังเป็ นธรรมอยู่ ก็อาจแผกเพี้ยนไปได้ เพราะการดำาเนิ นตามรอยแคบนั้น
ยูอมแสดงนำ้าใจแคบ พระองค์มีพระราชประสงค์ให้ชนทั้งหลายเห็นวูา พระองค์มิใชูพระ
ราชาที่มีพระหฤทัยแคบ จึงพระราชทานอนุญาตให้ข้าราชการทั้งหลายกลูาวชี้แจงให้ทรง
เห็นชอบวูาในการเรื่องนี้ เป็ นหน้าที่ของพระองค์ท่ีจะต้องเสียสัญญาที่ประทานไว้แกู
พราหมณ์เฒูา แลเป็ นหน้าที่ของพระองค์ท่ีจะต้องประทานเมียของคนอื่นให้แกูบต ุ รชาย
โกษาธิบดี
ฝู ายเหลูาอำามาตย์ท่ีเฝ้ าอยู่น้ัน เมื่อได้ยินพระราชารับสั่งข้างท้ายนี้ ก็ดีใจ จึง
ชูวยกันท่ลชี้แจงด้วยคำาตูางๆ กันซึ่งรวมอยู่ในชื่อวูานำ้าทูวมทูุง รวมความวูาพราหมณ์เฒูา
นั้นก็ส่ญหายไปช้านาน บัดนี้ คงจะตายแลมีผ้่เผาเสียแล้ว อนึ่ งหญิงสะใภ้แหูงพราหมณ์
นั้นก็เป็ นแตูได้หมั้นคูก
่ ันไว้กับบุตรพราหมณ์ หาได้มีวิวาหะไมู เขาทั้งหลายจึงเห็นสมควร
ที่จะประทานนางซึ่งผ้่นำามาฝากคงจะตายแล้วแกูบต ุ รโกษาธิบดี เพื่อให้ราชการบ้าน
เมืองยืนยงตูอไป สูวนพราหมณ์เฒูานั้นหากยังไมูตายจะกลับมาก็ควรประทานทรัพย์ให้
มากมายจนเป็ นที่พอใจ หรือถ้ายังไมูพอใจ ก็ประทานนางอื่นซึ่งงามกวูานี้ ให้พราหมณ์
เฒูาพาไปเป็ นภริยาบุตร กลูาวการสละ คนควรสละบุคคลเพื่อประโยชน์แกูครอบครัว
สละครอบครัวเพื่อประโยชน์แกูกรุง สละกรุงเพื่อประโยชน์แกูพระราชา

ท้าวสุพิจารเมื่อได้ฟังอำามาตย์ท้ังหลายกราบท่ลดังนั้น ก็ตรัสวูา ปั ญหานี้ มี


ข้อที่ควรคำานึ งทั้งสองฝู าย จะทรงตรึกตรองด่ให้รอบคอบในคืนนั้น รูุงขึ้นขึงจะตรัสให้
อำามาตย์ท้ังปวงทราบกระแสพระดำาริ ตรัสดังนี้ แล้วก็รับสั่งให้อำามาตย์ท้ังปวงออกจากที่
เฝ้ า

ฝู ายพวกอำามาตย์เมื่อได้ยินรับสั่งดังนั้น ก็นึกแนูใจวูาพระราชาคงจะเสด็จ
เข้าไปปรึกษาพระมเหสี แลนางข้างใน เขาทั้งหลายก็มค ี วามยินดี เพราะหวังได้วูานางทั้ง
ปวงคงจะต้องการให้มีวิวาหะเป็ นการใหญู แลสูวนนางสาวผ้่เป็ นสะใภ้พราหมณ์น้ัน เมื่อ
จะได้แตูงงานดีเชูนนี้ ก็คงไมูทิ้งโอกาสปั จจุบน
ั คอยหาโอกาสอนาคต
อำามาตย์ท้ังปวงออกจากเฝ้ าแล้วก็รีบไปเลูาความให้โกษาธิบดีทราบ แลโกษ
าธิบดีกับบุตรก็กินข้าวด้วยกันในคืนนั้นเป็ นครั้งแรกในเวลาหลายวัน

ฝู ายท้าวสุพจ
ิ ารเมื่อเสด็จคืนเข้าข้างในแล้ว ก็เสด็จตรงไปยังตำาหนักพระราช
ธิดา ตรัสแกูหญิงสะใภ้พราหมณ์วูา
"เจ้าจงไปอยูก ่ ับบุตรชายโกษาธิบดี"
เวตาลกลูาวตูอไปวูา นางจันทร์ประภากับมนัสวีในเวลากลางคืนทะเลาะกัน
แทบไมูเว้นคืน เพราะฉะนั้นในเวลากลางวัน นางจันทร์ประภาแลนางสะใภ้ พราหมณ์
เกือบจะไมูพ่ดกันซึง
่ ๆ หน้า ครั้นเมื่อคนทั้งสองได้ยินพระราชารับสั่งให้พรากกันดังนั้น
ตูางคนก็....

พระธรรมธวัชพระราชบุตรทรงฟั งเวตาลเพลิน ครั้นได้ยน ิ เวตาลพ่ดถึงเพียง


นี้ ยังไมูทันขาดคำาก็ทรงสอดถามขึ้นวูา
"ดีใจใชูหรือไมู" เวตาลตอบวูา
"หามิได้ ไมูใชูดีใจ เสียใจมาก พระราชบุตรยังอูอนปั ญญานัก"
พระวิกรมาทิตย์ตรัสกริ้วพระราชบุตร แลห้ามไมูให้ตรัสถึงเรื่องที่ไมูร้่ แล้ว
เวตาลก็เลูาตูอไปวูา นางจันทร์ประภา หญิงสะใภ้พราหมณ์

เมื่อได้ฟังท้าวสุพิจารตรัสดังนั้นก็หน้าซีดแลกันแสงวิงวอนพระราชาด้วย
ถ้อยคำาตูางๆ ให้ทรงถอนคำาสั่ง แตูพระราชาหายอมตามไมู นางสะใภ้พราหมณ์กลูาววูา
"ความทรงธรรมอันงามของหญิง ย่อมจะสลายไปด้วยรูปงามเหลือ
เกินนัก พราหมณ์รับใช้พระราชาย่อมท้าความเสื่อมให้แก่ศาสนาของตน นาง
โคถ้าไปกินหญ้าไกลถิน ่ นักก็เกิดความเสื่อมเสีย ทรัพย์ย่อมจะสูญเพราะ
เจ้าของไม่ประพฤติธรรม แลความเจริญย่อมจะสิ้นไปในเรื่องซึง ่ เจ้าของไม่ท้า
ตามค้ามัน ่ สัญญา"
นางสะใภ้พราหมณ์กลูาวเชูนนี้ ท้าวสุพิจารก็ทรงเห็นชอบทุกประการ มิได้
ตรัสคัดค้านข้อความที่กลูาวนั้นประการใด แตูก็ยง ั ทรงยืนคำาที่จะให้หญิงสะใภ้ พราหมณ์
ไปเป็ นภริยาแหูงบุตรโกษาธิบดีให้จงได้
นางจันทร์ประภากลูาววูา พระราชบิดาเป็ นพระราชาซึ่งทรงประพฤติเที่ยง
ธรรมอยู่เป็ นปกติ มาบัดนี้ มีพระประสงค์แผกเพี้ยนไปจากคลองธรรม คงจะเป็ นด้วยหวัง
ประโยชน์แกูพระองค์อยูางเดียว แลเมื่อใดความเห็นแกูประโยชน์ตนเข้าครอบงำาตน เมื่อ
นั้นขวาก็กลับเป็ นซ้าย ซ้ายก็กลายเป็ นขวา เหมือนเงาในกระจกคันฉูอง
ท้าวสุพิจารตรัสวูา ความเปรียบของนางนั้นถ่กต้องหาตำาหนิ มิได้ แตูก็ยง ั มี
พระประสงค์จะให้หญิงสะใภ้พราหมณ์ไปเป็ นภริยาแหูงบุตรโกษาธิบดีอยู่น่ันเอง ฝู ายนาง
สะใภ้พราหมณ์ เมื่อเห็นพระราชามิได้ลดหยูอนพระราชประสงค์เชูนนั้น ก็เพียรจะชัก
เวลาให้เยิ่นออกไป จึงท่ลวูา
"ข้าแตูพระมหาราชา ถ้าพระองค์ทรงกำาหนดในพระหฤทัยแนู นอนแล้ว วูา
จะให้ข้าพเจ้าเป็ นภริยาแหูงบุตรโกษาธิบดี พระองค์จงโปรดให้ชายหนู ุมนั้นสัญญาวูา จะ
ทำาการสิ่งหนึ่ งตามความประสงค์ของข้าพเจ้า ถ้าเขาไมูยอมทำา ข้าพเจ้าก็ไมูยอมไปอยู่กับ
เขาเป็ นอันขาด" พระราชาตรัสวูา
"เจ้าจะให้เขาทำาอะไรก็จงวูาไปเถิด" นางท่ลวูา
"ข้าพเจ้าอยู่ในตระก่ลพราหมณ์ เขาอยู่ในตระก่ลนักรบ ธรรมศาสตร์บัญญัติ
วูาเราทั้งสองจะวิวาหะกันไมูได้ เว้นแตูเขาจะได้เที่ยวยาตราแล้วตามบุณยสถานทุก
ตำาบล" พระราชาตรัสวูา
"เจ้าพ่ดถ่กต้อง เป็ นความจริงดังหนึ่ งพระเวท" แลทรงคิดยินดีท่ีมีชูองทางจะ
ยืดเวลาออกไปอีก แลในระหวูางเวลาที่ยืดออกไปนั้น พระองค์ยังจะสำาแดงความมั่นคงใน
สัญญาให้ยาวไปได้อีกหนู อยหนึ่ ง

คืนวันนั้น นางจันทร์ประภาแลมนัสวีระงับการทะเลาะประจำาคืน ตูางคน


ตูางแสดงความยินดีตูอกันที่ได้ทำาอุบายให้ภัยออกหูางไปได้โดยความนึ ก แตูมิได้หูาง
ออกไปโดยความจริงเลย
รูุงขึ้นเช้าท้าวสุพิจารเสด็จออกรับสั่งให้อำามาตย์ท้ังปวงเข้าไปในที่เฝ้ า รวม
ทั้งโกษาธิบดีแลบุตรชายด้วย แล้วรับสั่งบอกวูาหญิงสะใภ้พราหมณ์ได้กลูาวถ่กต้อง
เป็ นการสมควรยิง ่ นัก คนทั้งหลายได้ทราบก็เห็นชอบพร้อมกัน
แตูบุตรโกษาธิบดีท่ลขอวูาระหวูางที่ตัวเขาไปเที่ยวยาตราอยู่น้ัน ให้นางไป
อยู่คอยทูา ณ เรือนแหูงบิดาของเขา จนกวูาเขาจะกลับมา คำาที่ท่ลขอนี้ พระราชาไมูส้่จะ
โปรด เพราะไมูพอพระหฤทัยที่จะพรากหญิงสะใภ้พราหมณ์ไปจากพระราชธิดา แตูโกษ
าธิบดีแลบุตรชายทำาทีเหมือนจะกลับไปอดข้าวนำ้าใหมู พระราชาจึงจำาเป็ นจำาต้องตรัส
อำานวยตามประสงค์ หญิงสะใภ้พราหมณ์ก็ถก ่ ฉุดครูาพาไปยังบ้านโกษาธิบดี โกษาธิบดี
พานางไปมอบไว้กับภริยาของตนคนที่สาวแลสวยที่สุด แลกำาชับวูาให้อยู่ด้วยกันจงดีตูาง
คนตูางเอาใจกัน อยูาให้เกิดขูุนข้องหมองใจขึ้นได้

ฝู ายบุตรชายโกษาธิบดีน้ันก็ออกเที่ยวไปตามบุณยสถานตูางๆ ตามกำาหนด
ฝู ายหญิงสะใภ้พราหมณ์ ได้อยู่รูวมห้องกับภริยาสาวของโกษาธิบดี ทนเป็ นหญิงอยู่ไมูได้
ตลอดยี่สิบสี่ช่ัวโมง ก็กลายเป็ นมนัสวีในกลางคืน แตูก็ไมูทำาดังนั้นไปได้นาน เพราะ
บาปกรรมมาตามทันดังคำาซึ่งม่ลเทวะกลูาวไว้ คืนหนึ่ งเมื่อได้เป็ นมนัสวีพราหมณ์หนู ุมอยู่
ตลอดคืนแล้ว จะแปลงตัวเป็ นหญิงสะใภ้พราหมณ์ เอาล่กอมใสูปากโดยความเลินเลูอ
ล่กอมเลื่อนเลยเข้าคอไป มนัสวีจะแปลงตัวเป็ นหญิงก็แปลงไมูได้ จึงต้องรีบหนี โจนจาก
หน้าตูางห้องภริยาสาวของโกษาธิบดี ในเวลาที่ยง ั ไมูสวูาง แลเหตุด้วยความมืด มนัสวี
โจนพลาดขาแพลงล้มอยู่กับที่ลก ุ ไปไมูได้

ฝู ายพราหมณ์ม่ลเทวะนั้น เมื่อได้แปลงเป็ นพราหมณ์เฒูา พามนัสวีซึ่งปลอม


เป็ นหญิงสะใภ้ไปฝากพระราชาไว้แล้ว ออกจากที่เฝ้ าก็คน ื ร่ปเป็ นพราหมณ์ม่ล เทวะกลับ
ไปหาพราหมณ์ศศี เลูาความให้ฟังทุกประการ พราหมณ์ศศีได้ยินดังนั้นก็ทำาหน้าขูุน ใช้
คำาแข็งกลูาวแกูพราหมณ์ม่ลเทวะวูา ความมีใจดีแลใจอูอนพาให้ม่ลเทวะประกอบการเป็ น
บาปอยูางยิง ่ ม่ลเทวะเถียงวูา
"ข้าได้กำาชับชายหนู ุมนั้นแล้ววูาจะทำาการเป็ นที่เรียบร้อยไปได้ก็ด้วยความ
บริสุทธ์ เพราะฉะนั้นอันตรายอะไรจะมีเลูา" พราหมณ์ศศีกลูาววูา
"ทูานได้ให้อาวุธอันคมไปแกูคนโงู มันคงจะไปทำาอะไรเกิดเหตุขึ้นจงได้ แล
ข้าพเจ้าจะขอพนันกับทูานวูา ภายในหกเดือนนี้ ถ้าชายหนู ุมนั้นไมูไปทำาเลอะเทอะให้เกิด
เหตุขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าจะยอมยกคัมภีร์ท้ังหลายของข้าพเจ้าให้เป็ นทรัพย์ของทูาน แตูถ้า
ชายหนู ุมนั้นไปทำาให้เกิดความเป็ นเหตุเสื่อมเสีย ทูานต้องใช้วิชาของทูานให้ข้าพเจ้าได้
พระราชธิดาของท้าวสุพิจารมาเป็ นภริยา"

พราหมณ์ท้ังสองสัญญากันมั่นคงแล้ว ตูางคนก็กลูาวตกลงแกูกันวูา จะไมู


พ่ดถึงเรื่องนี้ ไปอีกจนใกล้กำาหนดหกเดือน ครั้นใกล้กำาหนดพราหมณ์ท้ังสองก็เที่ยวสืบ
ขูาวในที่ใกล้พระราชวัง แลสืบตูอไปจนถึงบ้านโกษาธิบดี ได้ทราบวูามนัสวีคือสะใภ้
พราหมณ์เฒูาหายไปจากบ้านโกษาธิบดีในเวลากลางคืน ไมูมีใครทราบรูองรอยวูาไป
ทางไหน พราหมณ์ม่ลเทวะสืบขูาวได้ความตูอออกไปอีกบ้าง ตรึกตรองเห็นแนู ชัดวูาแพ้
พนันเสียแล้ว จึงจัดการใช้หนี้ ให้แกูพราหมณ์ศศีผ้่เป็ นเพื่อนคือสูงล่กอมอีกล่กหนึ่ งให้แกู
พราหมณ์ศศีอม เขาก็กลายเป็ นพราหมณ์หนู ุมอ้วน ร่ปรูางสะสวย พราหมณ์ม่ลเทวะก็อม
ล่กอมอีกล่กหนึ่ ง กลายเป็ นพราหมณ์เฒูาถือไม้เท้า พาพราหมณ์หนู ุมเข้าเฝ้ าพระราชา

ฝู ายท้าวสุพจิ ารเสด็จออกอยู่ในท้องพระโรง ทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์


เฒูาเข้าไปก็จำาได้ ให้เกิดกระวนกระวายในพระหฤทัย แตูก็ทรงนบนอบรับสั่งให้พราหมณ์
นั่งเป็ นอันดี แลเมื่อทรงได้รับพรจากพราหมณ์แล้วก็รับสั่งถามทุกข์สุขตามธรรมเนี ยม ใน
ที่สุดเมื่อได้รับสั่งวกเวียนอยูค ่ รู่ใหญูแล้ว จึงตรัสถามพราหมณ์วูา ไปไหนมาจึงหายไปช้า
นาน พราหมณ์เฒูาท่ลวูา
"ข้าพเจ้าเที่ยวไปหลายแหูงเพื่อจะตามให้พบบุตร ครั้นเมื่อพบแล้วก็พากลับ
มาเฝ้ าในบัดนี้ ขอพระองค์จงโปรดประทานภริยาของเขาแกูเขา แลข้าพเจ้าจะท่ลลาพา
บุตรแลสะใภ้คืนไปสำานักของข้าพเจ้าตามเดิม"
ท้าวสุพิจารรับสั่งอ้อมแอ้มอยู่ช้านาน ตาจะปกปิ ดไว้ก็ไมูได้ จึงรับสั่งเลูาเรื่อง
ให้พราหมณ์เฒูาทราบทุกประการ พราหมณ์เฒูาแสดงอาการโกรธกลูาววูา
"พระองค์ทำาอะไรอยูางนี้ พระองค์ไมูอยู่ในคำาสัตย์สัญญาเอาภริยาแหูงบุตร
ของข้าพเจ้าไปยกให้วิวาหะกับชายอื่น พระองค์กระทำาแล้วตามพระหฤทัยประสงค์ แล
บัดนี้ จงฟั งคำาสาปของข้าพเจ้าเถิด"
ท้าวสุพิจารทรงตกประหมูาเดือดร้อน เกรงคำาสาปเป็ นกำาลัง จึงตรัสแกู
พราหมณ์วูา
"ทูานจงกรุณาแกูข้าพเจ้า อยูาโกรธ แลอยูาสาปเลย ทูานจะประสงค์อะไร
ข้าพเจ้าจะยอมตามทุกประการ" พราหมณ์เฒูากลูาววูา
"ถ้าพระองค์เกรงคำาสาปของข้าพเจ้าแลเต็มพระหฤทัยจะประทานสิ่งใดไม
วูาที่ข้าพเจ้าท่ลขอ ก็จงประทานนางจันทร์ประภาพระราชธิดาให้เป็ นภริยาบุตรข้าพเจ้า
ถ้าทรงยอมดังนี้ ข้าพเจ้าจะยกโทษถวาย สูวนตัวข้าพเจ้าเองนั้น ตั้งแตูน้ี ตูอไป สร้อย
มุกดาหรือง่เหูามีพิษก็ตาม ฟ่กอูอนนู ุมหรือหินแข็งที่สุดก็ตาม ใบหญ้าใบหนึ่ งหรือหญิง
งามที่สุดก็ตาม ข้าพเจ้าเห็นเหมือนกันทั้งนั้น ความประสงค์ของข้าพเจ้ามีอยู่แตูวูาจะหา
บุณยสถานสักแหูงหนึ่ ง ซึ่งข้าพเจ้าจะไปอยู่ภาวนาออกนามพระผ้่เป็ นเจ้าไปตราบเทูา
เวลาตาย"

ท้าวสุพิจารทรงฟั งดังนั้น เห็นพราหมณ์เป็ นคนอยู่ในศีลในสัตย์ยง


ิ่ ขึ้น ก็ยง
ิ่
กลัวคำาสาปทวีขึ้นกวูาเกูา จึงรับสั่งเรียกโหรเข้ามา คำานวณถวายฤกษ์วิวาหะพระราช
ธิดากับพราหมณ์อ้วนบุตรพราหมณ์เฒูา แล้วรับสั่งให้จด ั การไปตามประเพณี แตูหาได้
ประทานโอกาสให้พระราชธิดายินยอมหรือโต้แย้งการอันนี้ ไมู อันที่จริงถ้ารับสั่งถามพระ
ราชธิดา พระราชธิดาก็คงจะไมูขัด เพราะนางทรงทราบขูาววูานางสะใภ้พราหมณ์หายไป
จากเรือนโกษาธิบดี แลความในจะเป็ นอยูางไร พระราชธิดาก็คงจะทรงเดาได้
อนึ่ งนางจันทร์ประภาหยุดประชวรพระโรคลำาดับเดือนมาหลายเดือนแล้ว แลนางสงสัย
วูาพระราชบิดาคงจะไมูโปรดการวิวาหะแบบคนธรรพ์ กลูาวคือไมูโปรดให้พระราชบุตรีมี
วิวาหะโดยวิธีน้ัน สูวนพระองค์พระราชาเองนั้นอีกอยูางหนึ่ ง

ดังนี้ พราหมณ์อ้วน ก็ได้รับพระราชธิดาไปเป็ นภริยา พร้อมด้วยทรัพย์ซึ่ง


พระราชทานเป็ นสินสมรสเป็ นอันมาก ฝู ายมนัสวีน้ันเมื่อลุกขึ้นได้จากที่ซึ่งล้มอยู่ในเวลา
ที่โจนจากหน้าตูางนั้นแล้ว ก็เที่ยวเร้นซูอนตูอไป จนได้ทราบวูาพราหมณ์ศศีได้วิวาหะกับ
พระราชธิดา พาไปบ้านแล้ว มนัสวีกต ็ ามไปที่บ้านพราหมณ์ศศี กลูาวแกูเจ้าของบ้านวูา
"ทูานจงสูงภรรยาของข้าพเจ้าคืนให้ข้าพเจ้า" พราหมณ์ศศีเถียงวูานางเป็ น
ภริยาของเขาตูางหาก แลอ้างพยานคือโหรหลวงแลพราหมณ์ในพระราชสำานัก รวมทั้ง
พยานอีกหกคนนั้นด้วย
มนัสวีสาบานโดยวิธีรุนแรงที่สุดวูา นางเป็ นภริยาของเขาโดยวิวาหะตามที่
ชอบ แลกุมารในครรภ์นางก็คือบุตรของเขา เหตุฉะนั้นนางจะเป็ นภริยาของพราหมณ์ศศี
อยูางไรได้ อนึ่ งมนัสวีเพียรจะอ้างพราหมณ์ม่ลเทวะเป้ นพยาน แตูม่ลเทวะหลบหายไป
เสีย มนัสวีจึงอ้างนางจันทร์ประภาเอง แตูนางกลับกลูาวโดยอาการแค้นเคืองวูาตั้งแตู
เกิดมายังไมูเคยเห็นมนัสวีเลย

เวตาลกลูาวตูอไปวูา แตูถึงมนัสวีอ้างพยานไมูได้ดังนั้น คนก็ยง ั เห็นจริง


เพราะเรื่องของมนัสวีเป็ นเรื่องแปลกแลไมูนูาเชื่อ คนจึงพากันเชื่อ แม้ทุกวันนี้ ก็ยงั มีคน
หลายคนที่เห็นวูามนัสวีเป็ นผ้่ท่ีได้กระทำาวิวาหะกับพระราชธิดาโดยวิธีท่ีถ่กต้องตาม
ธรรมศาสตร์
พระวิกรมาทิตย์ไมูโปรดการลอบรัก ครั้นได้ยินเวตาลกลูาวดังนั้นก็ตรัสวูา
"ถ้าใครเชื่ออยูางเอ็งกลูาวคนนั้นก็เป็ นคนใจลามก เพราะไมูมีใครร้่เลยวูา
มนัสวีชายชั่วนั้นเป็ นพูอของกุมารในครรภ์ สูวนพราหมณ์ศศีได้แตูงงานตูอหน้าพยาน
โดยวิธีท่ีถ่กต้องตามกฎหมายแลยุติธรรม เหตุดง ั นั้นนางจึงต้องเป็ นภริยาของศศี แลบุตร
ที่เกิดมานั้นก็อาจกรวดนำ้าทำาบุญไปให้บรรพบุรุษได้ ตามคัมภีรศาสตร์ กฎหมายแล
ยุติธรรมเป็ นอยูางที่ข้าวูานี้ "

เวตาลกล่าวว่า "ยุติธรรมนัน
้ บางทีก็ไม่ยุติธรรม แลพระองค์จงรีบ
ก้าวพระบาทเถิด ลองดูว่าพระองค์จะกลับไปถึงต้นอโศกก่อนข้าพเจ้าได้บ้าง
หรือไม่" เวตาลกล่าวดังนัน
้ แล้วก็ออกจากย่ามลอยหัวเราะก้องฟ้ ากลับไป
The Vampire's Seventh Story
นิ ทานเวตาลเรื่องที่ ๘
เรื่องที่ ๘

เวตาลกล่าวว่า ข้าแต่พระราชาผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ข้าพเจ้ามีภักดี


ต่อพระองค์เพราะทรงพยายามมิได้ย่อหย่อนแลความมีพระเศียรดื้อเช่นนี้
บางทีก็ได้ผลสมหมาย จึงเป็ นคุณทีบ ่ ุคคลพึงอุดหนุนมิให้เสื่อมคลายไปได้
ข้าพเจ้ามีประสงค์จะฝึกฝนความเพียรของพระองค์ให้ทวียิง ่ ๆ ขึ้น จึงจะเล่า
นิ ทานเรื่องจริงถวายอีกเรื่องหนึ่ งเป็ นเครื่องบ้ารุงพระเศียรดื้อแลพระปั ญญา

ในแคว้น องคะ (องคราษฎร์) มีพระราชาองค์หนึ่ งทรงนาม พระยศเกตุ


ปรากฏพระร่ปประหนึ่ งพระอนงค์มาครององค์ เป็ นเครื่องเพลินตานางทั้งหลาย แล
นางงามทั้งหลายก็เป็ นเครื่องเพลินพระเนตรพระราชา เพราะเธอทรงหมกไหม้ใฝู ฝั นใน
กามารมณ์ พระเนตรคอยจะเพลินอยู่งูายๆ แลเพราะพระเนตรเพลินงูาย จำานวนนางข้าง
ในจึงไมูนอ
้ ยแลเพิ่มรำ่าไป

พระยศเกตุมีมุขมนตรีช่ ือ ทีรฆะทรรศิน เป็ นคนเฉลียวฉลาด รับราชการ


เป็ นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ไมูใชูเพราะพระราชหฤทัยเป็ นสิ่งที่ทรงไว้วางงูายๆ เป็ น
เพราะมุขมนตรีเป็ นคนมีปรีชาสามารถ เหมือนสารถีซึ่งเมื่อร้่ทางที่นายจะไปแล้ว ก็อาจ
ขับรถไปให้ถง ึ ที่ได้ดังประสงค์
กลูาวความสามารถปฏิบัติราชการ บุคคลพึงสมมติวูาข้าราชการทุกคนร้่
ปฏิบัติ มิฉะนั้นไมูเป็ นข้าราชการได้ แตูความสามารถนั้นยูอมจะตูางกันตามตัวคน แล
พระองค์คงจะทราบประเภทที่กลูาวแยกไว้กว้างๆ วูา

O ธรรมดาข้าราชการหลาย
อาจจำาหนู ายจำาแนกแยกเป็ นสอง
เสนามาตย์มนตรีมีเนื องนอง
อยู่ในสองประเภทสังเกตไว้
ประเภทหนึ่ งสามารถรับราชกิจ
เมื่อติดตูอกันอยู่กับผ้ใ่ หญู
ร้่วิธียูอหยูอนผูอนปรนไป
ความร้่ใจนายตนได้ผลดี
ประเภทสองสามารถรับราชกิจ
โดยชนิ ดวิชาสารถี
อาจขับรถชักม้าพาจรลี
ไมูถึงที่ได้ผลเพราะตนเองฯ

ทีรฆะทรรศินเป็ นข้าราชการชนิ ดสารถีทราบวิถีทางที่ตนจะต้องขับรถ คือ


พระราชประสงค์แหูงพระราชาจะให้บ้านเมืองจำาเริญสุข แลสามารถขับรถไปได้โดยวิถี
นั้น พระราชาจึงพระราชทานอำานาจให้ด่แลราชการบ้านเมืองได้อยูางกว้างขวาง

อยู่มาไมูช้าพระราชาทรงสำาราญในศฤงคารยิ่งๆ ขึ้น จึงทรงมอบให้ทีรฆะ


ทรรศินวูาราช การแทนพระองค์ทีเดียว พระองค์เองทรงรื่นรมย์อยู่ในหมู่นางสนม หา
เวลาเสด็จออกวูาราชการมิได้

ฝู ายทีรฆะทรรศินครั้นได้รับมอบให้วูาราชการแทนพระองค์พระราชา ก็
ปฏิบัติโดยทางที่ชอบ ได้ความเหน็ดเหนื่ อยทั้งกลางวันแลกลางคืน มิได้แสวงลาภยิ่งกวูา
ที่ได้รับพระราชทานอยู่แล้วโดยปกติ หรือแสวงอำานาจเกินที่จำาเป็ นจะต้องมีสำาหรับวูา
ราชการในตำาแหนู งส่ง แตูถึงกระนั้นก็ไมูพ้นคำาคนนิ นทา เพราะการนิ นทาเป็ นของ
เหลือทีม ่ นุษย์จะเว้นได้ คนบางคนเมื่อหันหน้าไปข้างขวา ก็ชมมือขวานิ นทามือ
ซ้าย เมื่อหันไปข้างซ้ายก็ย้ายไปนิ นทามือขวา มียุติธรรมในข้อที่นินทาหมดไมูเลือก
หน้า สุดแตูวูาอยู่ลับหลังแล้วเป็ นใช้ได้ พระองค์ผ้่เป็ นพระราชาได้ทรงฟั งคนทั้งหลาย
ยกยอพระองค์คือเจ้าบทเจ้ากลอนที่เรียกแก้วทั้งเก้านั้นเป็ นต้น แตูในขณะที่ถ่กยอมาก
นั้นถ้าทรงคิดวูาถ่กนิ นทาน้อย พระองค์กค ็ ิดผิดไกลทีเดียว

สูวนทีรฆะทรรศินผ้่เป็ นมุขมนตรีน้ัน ครั้นได้วูาราชการตูางพระองค์พระ


ราชาไมูนาน ก็มีคำากลูาวเลื่องลือกันวูา ทีรฆะทรรศินแกล้งชักชวนให้พระราชา หมกมูุน
ในกามคุณจนทรงละเลยราชการบ้านเมือง พอพระหฤทัยเป็ นพระราชาแตูช่ ือเพื่ออิ่มใน
ศฤงคาร (กาม) เป็ นเหตุให้ทีรฆะทรรศินมีอำานาจเสมอพระเจ้าแผูนดิน แลเหตุท่ี ทีรฆะ
ทรรศินชักพระราชาให้เป็ นไปดังนั้น ก็คือความประสงค์อำานาจนั้นเอง

ทีรฆะทรรศินได้ทราบคำาลือดังนี้ ก็เกิดความน้อยใจ ครั้นกลับไปถึงบ้านจึง


กลูาวแกูนาง เมธาวดี ผ้่ภริยาวูา
"ด่กรนางผ้่เป็ นเมียรักของข้า พระราชาทรงเพลินในทางบำารุงกาม ละเว้น
ราชการบ้านเมืองไมูทรงหันหาเลย ข้าเป็ นผ้่รับมอบให้ด่แลราชการตูางพระองค์ก็ปฏิบัติ
การโดยสุจริตไมูคิดแกูเหน็ดเหนื่ อย แตูบัดนี้ มีผ้่เป็ นอริของข้าจัดให้เกิดเลื่องลือทั่วไปวูา
ข้าได้รวบอำานาจพระราชาเข้าไว้ เพื่อประโยชน์ของตนเสียแล้ว การลือวูาชั่วนั้นถึงจะ
เป็ นการใสูไคล้ ก็ยังให้โทษแกูผ้่ลือได้ แม้คนมีเกียรติโดูงดังยังไมูพ้นโทษแหูงความลือ
เท็จ พระรามต้องสละนางสีดา เพราะความเลื่องลือวูาชั่วหรือมิใชู เมื่อการเป็ นเชูนนี้ ข้าจะ
ควรทำาประการใด"
นางเมธาวดีไมูได้ช่ ือวูาเมธาวดีเปลูาๆ ฉลาดจริง ๆ ด้วย ครั้นได้ยินสามีกลูาว
ดังนั้น ก็ตอบวูา
"ข้าแตูทูานผ้่มีใจสุจริต ทูานจงท่ลลาพระราชาไปเสียจากพระนคร อ้างเหตุ
วูาจะไปยังทูานำ้าอันเป็ นบุณยสถานตูาง ๆ เพื่ออาบนำ้าล้างบาป เมื่อทูานทูองเที่ยวไปตูาง
ประเทศเสียแล้ว คนทั้งหลายก็จะเห็นได้วูาทูานมิได้มูุงหมายจะหาอำานาจ คำาเลูาลือก็จะ
หมดไปเอง อนึ่ งเมื่อทูานไมูอยู่ พระราชาจำาต้องทรงด่แลราชการบ้านเมืองเอง เพราะ
ไมูมีใครอื่นจะเป็ นผ้่ตูางพระองค์ได้ เมื่อได้ทรงวูาราชการจนเต็มที่ ความหมกมูุนในกายก็
จำาต้องสรูาง เพราะเวลาไมูมีพอเสียแล้ว เมื่อทูานกลับมา พระราชาอาจเปลี่ยนเป็ นอยูาง
อื่น แลทูานจะคืนเข้ารับราชการตามตำาแหนูงเดิมได้ ปราศจากความนิ นทา"

ทีรฆะทรรศินได้ฟังนางเมธาวดีกลูาวดังนั้นก็เห็นชอบ จึงเข้าไปเฝ้ าพระราชา


ท่ลวูา
"ข้าแตูพระมหากษัตริย์ ข้าพจ้าขอท่ลลาไปตูางประเทศเพื่ออาบนำ้าตามทูา
บุญตูางๆ นำ้าใจข้าพเจ้าปลงในการอันนี้ แล้ว"
พระยศเกตุตรัสวูา "ทูานอยูาต้องไปจากพระนครเลย การทำาบุญทูานอาจ
ทำาได้ในเรือนของทูาน คือการทำาทานเป็ นต้น ซึ่งจะพาทูานไปสูส ่ วรรค์เมื่อพ้นโลกนี้ "
ทีรฆะทรรศินท่ลตอบวูา
"ความบริสุทธ์อันเกิดได้ด้วยการจูายทรัพย์น้ันบุคคลพึงแสวงด้วยวิธีทำาทาน
เป็ นต้น แตูการอาบนำ้าที่ทูาบุญนั้นให้ความบริสุทธิอ
์ ันมิร้่เสื่อมคลาย ผ้่มีปัญญาพึงไปสู่ทูา
บุญกูอนความชรามาเบียดเบียนตน มิฉะนั้นไมูร้่แนู ได้วูาจะไปถึงเพราะจะไว้ใจรูางกายไมู
ได้เสียแล้ว พระองค์จงโปรดประทานอนุญาตแกูข้าพเจ้าในบัดนี้ เถิด"

ทีรฆะทรรศินท่ลดังนั้น พระราชายังมิได้รับสั่งตอบประการใดเด็ดขาด
ปรากฏแตูวูาไมูเต็มพระหฤทัยให้ไป แลยังไมูได้ประทานอนุญาต พอเจ้าพนักงานห้อง
สรงเข้ามาท่ลวูา
"ข้าแตูพระราชา พระอาทิตย์กำาลังตกลง ณ กลางทะเลสาบแหูงฟ้ าอยู่แล้ว
เวลานี้ เป็ นโมงที่กำาหนดเวลาสรงแลโมงก็จะลูวงไป เชิญเสด็จเข้าที่สรงเถิด" เมื่อพระ
ราชาได้ทรงฟั งดังนั้นก็ลุกขึ้นเสด็จสู่ท่ีสรง ทีรฆะทรรศินก็ถวายบังคมแล้วลากลับบ้าน

ครั้นถึงบ้านก็ส่ังภริยาให้อยู่ด่การเหย้า แล้วลอบเดินทางออกจากพระนครไป
แม้แตูบูาวในเรือนก็มิให้ทราบ ครั้นพ้นพระนครไปแล้วก็เที่ยวไปตามทูานำ้าตูางๆ จนเข้า
แคว้น เปาณฑระ ถึงกรุง ๆ หนึ่ งซึ่งอยู่ใกล้ฝ่ ั งทะเล มีศาลพระศิวะเป็ นที่คนไปบ่ชามาก
ทีรฆะทรรศินไปถึงศาลนั้นก็เข้าไปบ่ชาแลนั่งพักอยู่

เผอิญพูอค้าคนหนึ่ งชื่อ นิ ธิทัตต์ ไปบ่ชาพระศิวะที่ศาลนั้น ครั้นเห็นทีรฆะ


ทรรศินนั่งพักอยู่ เห็นได้วูาอูอนเพลียเพราะความร้อนด้วยแสงพระอาทิตย์ กายก็มัวด้วย
ฝู ุนที่เกาะตามทางเดิน นิ ธิทัตต์พูอค้าเป็ นคนใจอารี ครั้นเห็นคนเดินทางมีอาการดังนั้น
ทั้งเห็นสวมสังวาลพราหมณ์ แลเป็ นผ้่มีลก ั ษณะดี เห็นได้วูาเป็ นพราหมณ์มีเกียรติ นิ ธิทัต
ต์จง ึ เชิญให้ไปบ้านของตน

ทีรฆะทรรศินรับเชิญออกจากศาลตามไปยังบ้านนิ ธิทัตต์ ครั้นไปถึงเจ้าของ


บ้านก็ต้อนรับเป็ นอันดี เชิญให้อาบนำ้าแลเลี้ยงอาหารอยูางดี เสร็จแล้วนิ ธิทัตต์ก็ถามวูา
"ทูานชื่อไร มาแตูไหน แลจะไปไหนตูอไป" ทีรฆะทรรศินตอบความวูา
"ข้าพเจ้าเป็ นพราหมณ์ช่ ือทีรฆะทรรศิน มาจากองคราษฎร์เที่ยวอาบนำ้าตาม
ทูาบุญ"

นิ ธิทัตต์พูอค้าเป็ นคนยินดีในการรับแขก แลเมื่อเห็นแขกลักษณะดีก็ยง ิ่


ชอบใจจึงกลูาววูา"
"ข้าพเจ้ากำาลังจะไปค้าขายที่เกาะชื่อ สุวรรณทวีป ทูานจงพักอยู่ท่ีบ้าน
ข้าพเจ้านี้ จนข้าพเจ้ากลับ มีเวลาพอที่ทูานจะผูอนกายให้สิ้นความเหน็ดเหนื่ อย แล้วทูาน
จึงเดินทางตูอไป" ทีรฆะทรรศินตอบวูา
"ถ้าทูานเต็มใจให้ข้าพเจ้าไปด้วย ข้าพเจ้าอยากจะไปสุวรรณทวีปกับทูานยิ่ง
กวูาที่จะคอยทูานอยู่ในเรือนนี้ แม้เรือนของทูานเป็ นที่อยู่สบาย ข้าพเจ้าก็ใครูจะเที่ยวด่ท่ี
ตูางๆ มากกวูาพักอยูก ่ ับที่"
นิ ธิทัตต์พูอค้าได้ยินดังนั้นก็ยอมตามประสงค์ ทีรฆะทรรศินก็พก ั อยู่ในเรือน
นั้นคืนหนึ่ ง รูุงขึ้นนิ ธิทัตต์ก็พาแขกไปลงเรือซึ่งบรรทุกด้วยสินค้าอันมีคูา แล้วออกแลูนใบ
ไปในทะเล

ทีรฆะทรรศินได้เห็นสมุทรซึ่งเป็ นที่นูากลัวแลนู าพิศวง มีคำาถามวูามุขมนตรี


ของพระราชาครองกรุงใหญู มีกิจอะไรเกี่ยวข้องกับการเดินเรือค้าขายทางทะเล ถ้าไมูมี
ไซร้การเดินทางครั้งนั้นก็ไมูใชูการที่ทีรฆะทรรศินพึงทำา แตูมีคำาตอบวูาแม้ผ้่เป็ นใหญูถ้า
ถ่กเอาความร้ายป้ ายชื่อ ก็อาจทำานอกทางถึงเชูนที่ทีรฆะทรรศินทำาครั้งนั้นได้

ครั้นไปถึงสุวรรณทวีป นิ ธิทัตต์ก็ทำาการค้าขายตามธรรมเนี ยม พักอยู่ท่ีเกาะ


นั้นจนเสร็จการจำาหนู ายสินค้า แลซื้อสินค้าบรรทุกเรือขากลับ ครั้นเสร็จกิจแล้วก็ออก
จากเกาะแลูนเรือกลับมาตามทาง

วันหนึ่ ง ทีรฆะทรรศินเห็นคลื่นล่กหนึ่ งเกิดขึ้นในทะเล แล้วมีตน


้ กัลปพฤกษ์
ผุดขึ้นมาจากนำ้า กิง
่ ก้านเป็ นทองทั้งต้น มีแก้วประพาฬประดับเป็ นชูอ ๆ ล่กแลดอกล้วน
แล้วด้วยมณีมีคูา ความงามที่เหลือจะพรรณนาได้ บนกิง ่ ๆ หนึ่ งมีอาสนะประดับด้วยแก้ว
บนอาสนะมีนางนั่งเอนพิงอยู่ นางนั้นงามเป็ นที่พิศวง ทีรฆะทรรศินตกตะลึงอยูค ่ รู่หนึ่ ง
นางก็หยิบพิณขึ้นดีดแลขับด้วยสำาเนี ยงไพเราะจับใจ

O อันปวงกรรมทำาไว้แตูปางหลัง เป็ นพืชยังปางนี้ ให้มีผล


หวูานพืชดีผลดีมแ ี กูตน หวูานพืชชั่วกลั้วผลที่ข้นแค้น
อันความจริงข้อนี้ มีมาแล้ว ไมูคลาดแคล้วเป็ นอื่นทุกหมื่นแสน
จะเปลี่ยนชั่วให้ดีมีมาแทน ถึงแม้นแมนแมูนไมูเปลี่ยนได้เอยฯ

เมื่อนางทิพย์ขับกลอนดังนั้นแล้ว ก็กลับจมลงในทะเลทั้งต้นไม้แลอาสนะอัน
งาม ทีรฆะทรรศินยืนตะลึงด่น้ ำาในทะเลเหมือนหนึ่ งวูามีอะไรที่พึงด่ยังผุดขึ้นมาเดูนอยู่
พลางรำาพึงวูา
"วันนี้ เราได้เห็นสิ่งนู าพิศวงนัก ใครบ้างคิดวูาจะได้เห็นต้นไม้ขึ้นจากทะเล มี
นางทิพย์น่ังขับกลอนอยู่บนต้นไม้น้ัน แล้วจมหายไปทันทีไมูมีอะไรเหลืออยู่เป็ นที่หมาย
ทะเลนี้ เป็ นคลังใหญูอยู่ตามเคย เป็ นที่อยู่แหูงสิง ่ ประเสริฐทั้งหลาย พระลักษมี พระจันทร์
ต้นปาริชาตแลของเลิศหลายอยูางได้ขึ้นมาจากทะเลนี้ "
ทีรฆะทรรศินยืนตรึกตรองอยู่เชูนนี้ ดว ้ ยได้เห็นของประหลาด แตูนายท้าย
แลล่กเรือทั้งหลายที่ได้เคยเดินทะเลทางนั้นไมูเห็นประหลาดเลย จึงกลูาวแกูทีรฆะทรรศิ
นวูา
"นางงามผุดขึ้นจากทะเลบนต้นไม้น้ันเสมอ แลกลับจมลงไปเชูนเดียวกันทุก
ครั้ง ทูานพึง่ เคยเห็นจึงพิศวง พวกเราเคยเห็นบูอยๆ"
ทีรฆะทรรศินได้ฟังคนประจำาเรือบอกดังนั้นก็ไมูหายพิศวง นิ่ งตรึกตรองอยู่
ตลอดเวลาที่เรือเดินทาง ครั้นถึงฝั่ งซึง ่ เป็ นทูาเรือของนิ ธิทัตต์พูอค้า นิ ธิทัตต์ขนสินค้าขึ้น
บก พาทีรฆะทรรศินกลับบ้านแลมีการเลี้ยงด่กันตามเคย

อยู่มาไมูช้าทีรฆะทรรศินก็ลานิ ธิทัตต์จะกลับเมืองแหูงตน ตูางคนอวยพรแล


แสดงความอาลัยแกูกันแล้ว ทีรฆะทรรศินก็ออกเดินทางบูายหน้าสู่แคว้นองคะ ครั้น
เข้าไปในกรุง กองคอยเหตุของพระราชาเห็นทีรฆะทรรศินมาแตูไกล ก็รีบเข้าไปเฝ้ าท่ลให้
พระมหากษัตริย์ทรงทราบ

พระยศเกตุได้รับความลำาบากในราชการเป็ นอันมาก ในเวลาที่มุขมนตรีไมู


อยู่ ครั้นได้ทราบวูาทีรฆะทรรศินกลับมาใกล้จะถึง ก็เสด็จออกไปรับถึงนอกพระนคร ทรง
แสดงความยินดีท่ีมุขมนตรีกลับมาถึง แล้วเสด็จคืนเข้ากรุง ตรัสให้ทีรฆะทรรศินซึ่งมี
รูางกายซ่บผอมแลเปื้ อนด้วยฝู ุนแลเปื อกตมตามเสด็จเข้าไปถึงพระราชวัง แล้วตรัสวูา
"เหตุไรทูานจึงกระทำาการปราศจากกรุณาแกูเราถึงเชูนนี้ ทูานทิ้งเราไปเรา
ก็ได้ความลำาบากตูางๆ แลตัวทูานเองก็ได้ความเดือดร้อนเพราะทรมานรูางกายจนเห็น
ได้ถึงปานฉะนี้ แตูการที่ทูานออกเที่ยวเดินทางเตร็ดเตรูไปเชูนนี้ ก็เป็ นด้วยเทพยดา
บัญญัติไว้ มนุษย์จะแก้ไขให้เป็ นไปอยูางอื่นนั้นไมูได้ ทูานจงเลูาให้เราฟั งวูาทูานได้ไปถึง
เมืองไหนบ้าง แลได้เห็นอะไรแปลกประหลาดในเมืองตูางๆ แลระหวูางเดินทาง"
ทีรฆะทรรศินได้ฟังรับสั่งถามดังนั้นก็ทล่ เลูาตลอดตั้งแตูออกจากพระนครไป
จนถึงแลกลับจากสุวรรณทวีป แลเลูาถึงนางทิพย์อันเป็ นมณีของโลกทั้งสาม ซึง ่ นั่งบนต้น
กัลปพฤกษ์ผุดขึ้นมาจากทะเลนั้นด้วย
ฝู ายพระราชา ครั้นได้ทรงยินทีรฆะทรรศินมุขมนตรีเลูาถึงนางทิพย์ก็มี
พระหฤทัยใครูทราบยิ่งขึ้น จึงตรัสไลูเลียงลักษณะความงามแหูงนาง แล้วบังเกิดความรัก
รุมรึงในพระหฤทัย ทรงพระดำาริวูาชีวิตแลราชัยปราศจากนางเป็ นสิง ่ ไมูมีคูาเสียแล้ว
ความสุขประการตูาง ๆ จะมีไมูได้ เว้นแตูนางจะเป็ นผ้่ยง ั ให้เกิด
เวตาลกลูาวตูอไปวูา ความรักเป็ นของมีอ้านาจยิง ่ ยวด แม้บุรุษผู้ทรง
ไว้ซึง
่ อ้านาจก็ไม่พ้นความข่มขีแ ่ ห่งความรักไปได้ ชายบางคนมียศมีเกียรติมี
ทรัพย์แลมีคุณความดีทุกประการ เป็ นผู้ทรงไว้ซึง ่ ความเป็ นไทยแก่ตน จะ
ประพฤติอย่างไรประพฤติได้ทีไ ่ ม่ผิดคลองธรรม จะท้าอะไรท้าได้ทีไ ่ ม่ผิด
กฎหมาย ชายเช่นนี้จะเลือกมิตรเลือกสหายก็เลือกได้ตามใจชอบ หรือเมื่อ
เลือกไม่ได้ดังนึ ก ก็คงจะเป็ นด้วยฝ่ายโน้นปราศจากลักษณะทีจ ่ ะเป็ นเพื่อน
สนิ ทกันได้ ไม่มีอันใดเป็ นเครื่องเสื่อมเสียความเป็ นไทยแก่ตน ชายทีม ่ ีอิสระ
เช่นนี้ เมื่อความรักเข้ามาครอบง้าก็กลายหมด ความเป็ นไทยแก่ตนก็เสื่อมถอย
เพราะหัวใจไปถูกมัดตรึงตราเสียแล้ว แม้คนทีไ ่ ม่กลัวเทวดา แลไม่เกรงเดช
พระอินทร์ เพราะไม่ได้ท้าอะไรทีพ ่ ระสวรรคบดีจะต้าหนิ โทษได้ก็กลับมากลัว
สตรีตัวนิ ดเดียวซึง ่ เป็ นทีร
่ ักของตน ไม่ใช่เพราะหญิงมีอ้านาจวาสนายิง ่ กว่า
เทวดาแลพระอินทร์ เป็ นเพราะตกเป็ นทาสแห่งความรัก หัวใจถูกล่ามโซ่ไว้
แน่นหนา ตัวเป็ นไทยใจเป็ นทาสเสียแล้ว คติแห่งความรักมีเช่นนี้

แม้พระยศเกตุเป็ นพระราชาทรงศักดิใ์ หญู เป็ นที่นิยมของนางทั้งหลาย


เพราะชาติเพราะทรัพย์ แลเพราะอำานาจ ก็ยังตกเป็ นทาสแหูงความรัก ไมูอาจหักห้าม
ความรุมรึงในพระหฤทัยได้ จึงรับสั่งให้ทีรฆะทรรศินเลื่อนเข้าไปใกล้พระองค์ แล้วตรัสวูา

"ข้าจำาเป็ นจะต้องไปให้เห็นนางองค์น้ันเพราะถ้าจะอยู่เชูนนี้ ตูอไปก็จะทรง


ชีวต
ิ ไว้ไมูได้ ข้าจะไปตามทางที่ทูานไป แลทูานอยูาคิดเลยที่จะห้ามข้าหรือคิดที่จะตามข้า
ไปด้วย ข้าจะปลอมตัวไปโดยลำาพัง แลทูานต้องอยู่รักษาราชการบ้านเมืองไว้ ความ
ประสงค์ของข้าดังกลูาวนี้ ทูานจะขัดขืนทัดทานนั้นไมูได้เป็ นอันขาด"

เมื่อพระราชารับสั่งแกูมุขมนตรีเด็ดขาดดังนี้ แล้วก็ตรัสให้ออกจากที่เฝ้ า
ทีรฆะทรรศินถวายบังคมลาไปบ้าน นำาความยินดีมาสู่บุตรภริยาแลญาติพ่ีนอ ้ งซึง
่ ตั้งใจ
คอยทูามาช้านาน แตูทีรฆะทรรศินก็มิได้แสดงอาการรื่นเริงในเวลามีการรื่นเริงในบ้าน
เพราะอำามาตย์ท่ีดีไมูอาจเพลิดเพลินใจได้ในเวลาที่จรรยาแหูงพระราชาของตนไมูเป็ นไป
ในทางที่ควร

เวตาลกลูาวตูอไปวูา ข้อที่กลูาววูาพระราชจรรยาไมูเป็ นไปในทางที่ควรนั้น


ไมูใชูติเตียนความรักหญิง ความรักหญิงเป็ นสิง ่ ที่บุคคลผ้่ไมูได้ถือพรตพรหมจรรย์พง

แสวงแลพึงสงวนไว้มิให้เสื่อมคลายไปได้ บุรุษควรมีความรักเป็ นเครื่องน้ าความมี
ภริยา ไม่ใช่มีภริยาเป็ นเครื่องน้ าความรัก เพราะวิธีท่ีสองนี้ มีทางแคล้วคลาดมาก
แลชายผ้่มีใจสะอาดยูอมจะอยากมอบหัวใจให้แกูภริยาตน เหตุฉะนั้นที่กลูาววูา พระราช
จรรยาของพระยศเกตุเป็ นไปในทางที่ไมูควรนั้น ก็เล็งความเพียงวูาทรงลูุมหลงนางมี
จำานวนมากอยูแ ่ ล้ว ยังจะแสวงตูอไปอีกเลูา

ครั้นกลางคืนวันรูุงขึ้น พระยศเกตุแตูงพระองค์เป็ นดาบส เสด็จออกเดินทาง


ไปพระองค์เดียว ตามทางที่ทีรฆะทรรศินได้ท่ลไว้ ได้พบฤษีองค์หนึ่ งชื่อ กุศนาภะ พระ
ยศเกตุก็เข้าไปทำาการเคารพ เลูาความประสงค์ท่ีเดินทางให้ฤษีทราบแลขอความร้่เพื่อ
สำาเร็จหมาย ฤษีกุศนาภะตอบวูา
"ทูานจงตั้งหน้าเดินทางไปด้วยความกล้า แลเมื่อทูานลงเรือเดินทะเลไปกับ
พูอค้าชื่อลักษมีทัตต์ ทูานจะได้เห็นนางแลได้นางสำาเร็จประสงค์"
คำาที่ฤษีกลูาวนี้ นำาความเบิกบานมาสู่หฤทัยพระราชาเป็ นอันมาก จึงทรง
นอบน้อมลาฤษี ออกเดินทางผูานแคว้นตูางๆ หลายแคว้น แลทั้งได้ข้ามแมูน้ ำาแลเขาเป็ น
อันมากจนถึงฝั่ งทะเล ได้พบลักษมีทัตต์พูอค้ากำาลังเตรียมการจะเดินทางไปค้าขายที่เกาะ
สุวรรณทวีป
พระยศเกตุซึ่งปลอมเป็ นดาบส ก็เสด็จเข้าไปหาลักษมีทัตต์พูอค้า ลักษมีทัตต์
ได้เห็นดาบสมีพระลักษณะเป็ นพระราชาคือรอยบาทมีกงจักรเป็ นต้น ก็กระทำาการเคารพ
รับรองเป็ นอันดี แล้วเชิญให้พระยศเกตุเสด็จลงเรือไปด้วย

ครั้นไปถึงกลางทะเล พระยศเกตุได้ทอดพระเนตรเห็นต้นกัลปพฤกษ์ผุดขึ้น
มามีนางนั่งอยู่บนกิ่ง เธอทอดพระเนตรด่นางเหมือนนกจะโกระเพูงแสงเดือน นางถือพิณ
ดีดและขับเพลง

O อันปวงกรรมทำาไว้แตูปางหลัง เป็ นพืชยังปางนี้ ให้มีผล


หวูานพืชดีผลดีมแ ี กูตน หวูานพืชชั่วกลั้วผลที่ข้นแค้น
อันความจริงข้อนี้ มีมาแล้ว ไมูคลาดแคล้วเป็ นอื่นทุกหมื่นแสน
จะเปลี่ยนชั่วให้ดีมีมาแทน ถึงแม้นแมนแมูนไมูเปลี่ยนได้เอย ฯ

พระราชาได้ฟังนางขับกลูาวคติแหูงกรรมดังนี้ ก็เกิดความรักกลัดกลุ้มใน
พระหฤทัยยิง ่ ขึ้น ทรงยืนตะลึงพิศด่นางอยูค ่ รู่หนึ่ งจึงตรัสบ่ชาทะเลวูา
"ข้าแตูพระสมุทรผ้่เป็ นคลังแหูงมณีท้ังหลาย ผ้่มีน้ ำาใจอันลึกบุคคลไมูอาจ
หยั่งได้ เพราะเมื่อพระองค์ซูอนนางนี้ ไว้ในทะเลก็คือซูอนนางลักษมีไว้มิให้พระวิษณุเห็น
ข้าพเจ้าขอเอาพระองค์เป็ นที่พึ่งเพื่อสำาเร็จประสงค์ของข้าพเจ้า"
พระราชาตรัสยังไมูทันขาดคำา ต้นกัลปพฤกษ์แลนางทิพย์ก็จมลงไปในทะเล
พระราชาก็ทรงโจนตามลงไปประหนึ่ งจะดับไฟราคะด้วยนำ้าในมหาสมุทร

ในทันใดนั้นได้ทอดพระเนตรเห็น แลเสด็จไปถึงเมือง ๆ หนึ่ งงามนัก มีแสง


ระยับจากเรือนซึ่งมีมณีเป็ นเสา ทองเป็ นผนัง หน้าตูางแลมูานล้วนแตูมุกดา มีสวนซึง
่ มี
สระอันงาม มีข้ันบันไดทำาด้วยมณีสีตูางๆ สำาหรับเดินลงสระ แลมีต้นกัลปพฤกษ์หลายต้น

พระราชาทรงเดินจากเรือนนี้ สู่เรือนโน้นในเมืองนั้นจนได้เที่ยวเกือบจะทั่ว
ทุกเรือน แตูเรือนเหลูานั้นแม้จะงดงามประกอบด้วยความมั่งคั่งทุกประการก็ปราศจาก
คนอยู่ แลพระราชาจะหานางซึง ่ เป็ นที่รักแหูงพระองค์ก็หาไมูพบ
ครั้นทรงเดินเที่ยวตูอไปอีกครู่หนึ่ ง พบวังส่งใหญูประดับด้วยมณีอันงาม พระ
ยศเกตุจึงเสด็จเปิ ดประต่เข้าไปเที่ยวทอดพระเนตรข้างในพบคน ๆ หนึ่ ง นอนอยู่บนเตียง
มีผ้าคลุมอยู่ตลอดตัว พระองค์ทรงเปิ ดผ้าขึ้นด่ก็เห็นนางผ้่เป็ นที่รัก พักตร์แหูงนางซึ่ง
เหมือนเพ็ญจันทร์น้ันมีเค้าเหมือนยิ้มในขณะที่ผ้าคลุมหลุดพ้นไปเหมือนความมืดหลบ
แสงพระจันทร์
พระราชาได้ทอดพระเนตรดังนั้น ก็มีพระหฤทัยเหมือนหนึ่ งคนที่ได้เดินผูาน
ทะเลทรายในฤด่ร้อนไปพบแมูน้ ำาซึ่งเป็ นที่ชูุมชื่น
ฝู ายนางนั้นเมื่อลืมเนตรขึ้นเห็นบุรุษงาม ประกอบด้วยลักษณะดีเข้าไปยืนอยู่
ข้างที่บรรทมดังนั้น ก็ลุกขึ้นด้วยอาการฉับไว แลแสดงเคารพเชื้อเชิญเป็ นอันดี พระพักตร์
นางก้มด่พ้ ืน เหมือนหนึ่ งให้เกียรติแกูพระบาทพระราชาด้วยเอาบัวคือพระเนตรลง
ปกคลุม แล้วนางตรัสถามวูา
"ทูานนามอะไร เป็ นอะไร แลมาในที่อันมาถึงได้ด้วยยากนี้ โดยประสงค์อะไร
อนึ่ งกายทูานมีลักษณะเครื่องหมายอยูางกษัตริย์ เหตุใดจึงแตูงเป็ นดาบส ขอทูานจง
ชี้แจงให้ข้าพเจ้าทราบ" พระราชาตรัสตอบวูา
"ข้าเป็ นพระราชาครององคราษฎร์ ทรงนามยศเกตุ ข้าได้ยินจากเพื่อนผ้่เป็ น
เชื่อถือวูา ถ้าใครเดินทางไปมาในทะเลนี้ ก็อาจได้เห็นนางผุดขึ้นจากทะเลบนต้น
กัลปพฤกษ์ ข้าจึงแตูงปลอมกายเชูนนี้ สละราชสมบัติเพื่อจะได้เห็นนาง แลได้ตามนางลง
มาในทะเล ขอนางจงบอกข้าวูานางเป็ นอะไร"
นางท่ลตอบด้วยความร้่สึกอาย ร้่สก ึ รัก แลร้ส
่ ึกยินดีวูา
"มีพระราชามีวาสนาองค์หนึ่ ง เป็ นใหญูในหมู่วิทยาธร ข้าพเจ้าเป็ นธิดาของ
พระราชาองค์น้ัน พระบิดาของข้าพเจ้าเสด็จไปจากกรุงนี้ พร้อมด้วยวิทยาธรทั้งหลาย ทิง ้
ข้าพเจ้าไว้ผ้่เดียว ด้วยเหตุไรข้าพเจ้าหาทราบไมู ข้าพเจ้าอยู่ผ้่เดียวก็มีความงูวงเหงา จึง
ผุดขึ้นในทะเลแลนั่งร้องเพลงเลูนบนต้นกัลปพฤกษ์"

พระราชาได้ทรงฟั งเพลิดเพลินสำาเนี ยงนาง ทั้งรุมรึงรักร่ปแลกิริยาทุก


ประการ จึงตรัสเชิญนางให้ยินยอมวิวาหะกับพระองค์ นางก็ตกลงตามพระประสงค์ แตู
ขอให้พระราชาประทานคำามั่นข้อหนึ่ งวูา เดือนละ ๔ วัน คือ วัน ๘ คำ่า แล ๑๔ คำ่า นางจะ
ไปไหนหรือทำาอะไร พระราชาจะห้ามปรามหรือแม้แตูทัดทานก็ไมูได้ ถ้าพระราชา
ประทานคำามั่นดังนี้ นางจึงจะยอมวิวาหะด้วย

เราทูานทั้งหลายเมื่อได้ทราบวูาการเป็ นเชูนนี้ ก็ไมูต้องสงสัยวูาพระราชาจะ


ประทานคำาสัญญาหรือไมู พระยศเกตุได้อยูก ่ ินกับนางวิทยาธรเป็ นสุขเหลือที่จะพรรณนา
จนวันหนึ่ งนางท่ลพระราชาวูา
"ข้าพเจ้ามีกิจจะต้องไปที่อ่ ืน พระองค์จะต้องคอยอยู่ท่ีน่ี เพราะวันนี้ เป็ นวัน
๑๔ คำ่า อนึ่ งในเวลาที่ทรงคอยอยู่พระองค์เดียวนั้น อยูาเสด็จเข้าไปในห้องนี้ เป็ นอันขาด
เพราะในห้องนี้ มีอูางแก้ว ซึ่งถ้าใครตกลงไปจะไปผุดขึ้นในโลกมนุษย์"

นางท่ลพระราชาเชูนนี้ แล้ว ก็ทล


่ ลาออกไปนอกกรุง พระราชาทรงพระแสง
ดาบด้อมตามนางไปมิให้ทันร้่ ครั้นออกนอกนครไปหนู อยหนึ่ ง พระราชาทอดพระเนตร
เห็นรากษสตัวหนึ่ ง กายใหญูร่ปรูางนู ากลัวเหมือนนรกซึ่งสำาแดงร่ปเป็ นสัตว์มีชีวต
ิ อ้า
ปากใหญูดำาเหมือนกลางคืน ครั้นเห็นนางก็ร้องด้วยเสียงอันดังแล้วตรงเข้าจับนางใสูปาก
กลืนเข้าไป
พระราชาเห็นดังนั้นก็พระองค์ส่ันด้วยเพลิงแหูงความโกรธ ชักพระแสงดาบ
ตรงเข้าฟั นรากษสคอขาดศีรษะตกจากตัว เลือดไหลนองไป เพลิงแหูงความโกรธของพระ
ราชาก็ดับด้วยเลือดแหูงอส่ร แตูเพลิงแหูงความทุกข์ท่ีไมูได้นางคืนนั้นหาดับไมู พระ
ราชาเสียพระหฤทัยสิ้นสติมิร้่จะทำาประการใด
พอนางออกจากกายรากษสไมูมีอันตรายประการใด ปรากฏความงามตาม
เคยเหมือนหนึ่ งแสงพระจันทร์ซึ่งสูองสวูางไปทั่ว พระราชาทอดพระเนตรเห็นนางคืนมา
ดังนั้นก็ทรงยินดีวง
ิ่ เข้าสวมกอดนาง พลางตรัสถามวูาการเป็ นเชูนนี้ เพราะเหตุไร เป็ น
ความฝั นหรือความเป็ นจริง

นางวิทยาธรได้ฟังรับสั่งถามดังนั้น ก็กลับระลึกความเดิมขึ้นมาได้ จึงเลูา


ถวายพระราชาวูา
"ข้าแตูพระสวามี การที่เกิดนี้ มิใชูมายาแลมิใชูความฝั น เป็ นเพราะคำาสาป
ของพระราชาผ้่เป็ นชนกแหูงข้าพเจ้า พระราชานั้นแตูกูอนก็ทรงครองสมบัติอยู่ในกรุงนี้
พระองค์มีบต ุ รหลายองค์แตูไมูทรงรักใครูเทูาข้าพเจ้า แลในเวลาเสวย ถ้าข้าพเจ้าไมูได้
อยู่เสวยด้วยก็ไมูเสวยเป็ นอันขาด สูวนข้าพเจ้านั้นนับถือพระศิวะด้วยความเลื่อมใสจริงๆ
เคยมา ณ ที่น้ี ทุกวัน ๘ คำ่า แล ๑๔ คำ่า วันหนึ่ งข้าพเจ้ามาบ่ชาพระเคารีเพลินไปตลอดวัน
พระบิดาของข้าพเจ้าไมูได้เสวยอาหาร ตั้งพระหฤทัยคอยข้าพเจ้าจนหิวโหย เกิดพิโรธ
เป็ นกำาลัง แม้ความรักข้าพเจ้าก็ไมูอาจป้ องกันไมูให้การเป็ นไปตามคติแหูงกรรมในปาง
กูอน ครั้นข้าพเจ้ากลับมาเฝ้ าในเวลาคำ่าก็ทรงสาปวูา
"เพราะเจ้าทำาให้ข้าอดอาหารตลอดวัน ตูอไปข้างหน้าเมื่อเจ้าออกไปนอก
กรุงเพื่อจะบ่ชาพระศิวะในวัน ๘ คำ่า แล ๑๔ คำ่า จงมีรากษสมาจับตัวเจ้ากลืนเข้าไปในท้อง
แตูให้เจ้ากลับออกมาได้ทางหัวใจรากษส อนึ่ งไมูให้เจ้าจำาเรื่องแลคำาสาปนี้ ได้ ไมูให้ความ
จำาเจ็บปวดที่ได้ถ่กกลืนเข้าไปในท้องรากษสนั้นได้ แลให้เจ้าอยู่ในกรุงนี้ ตูอไปคนเดียว "

เมื่อพระบิดาข้าพเจ้าสาปดังนี้ แล้ว ข้าพเจ้าก็คูอยอ้อนวอนจนเธอสงสารแล


สาปเพิ่มเติมวูา 'เมื่อใดพระราชาครององคราษฎร์ทรงนามพระยศเกตุได้มาเป็ นสามีของ
เจ้า เธอได้ทอดพระเนตรเห็นรากษสกลืนเจ้า แลเธอฆูารากษสตาย จนเจ้ากลับคืนออก
มาจากหัวใจรากษสแล้ว เมื่อนั้นให้สิ้นคำาสาปนี้ ให้เจ้าระลึกเรื่องแลคำาสาปของข้าได้ แล
ให้คืนความร้่วิทยาธรได้อยูางเกูา'
เมื่อพระบิดาข้าพเจ้าได้สาปข้าพเจ้าเชูนนี้ แล้วก็พาบริวารไปอยู่เขานิ ษธใน
โลกมนุษย์ ทิง้ ข้าพเจ้าไว้ในเมืองนี้ แลการก็เป็ นไปตามคำาสาปนั้นสิ้นแล้ว แลข้าพเจ้าก็
กลับระลึกเหตุการณ์ท้ังปวงได้ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะไปเฝ้ าพระบิดาที่เขานิ ษธในทันที
เพราะกฎของพวกวิทยาธรมีอยู่วูา ผ้่ใดถ่กสาป เมื่อสิ้นสาปแล้วต้องกลับคืนไปเข้าพวก
โดยเร็ว สูวนพระองค์น้ันจะเสด็จอยู่ท่ีน่ี ตูอไป หรือจะเสด็จคืนครองนครของพระองค์ก็แล้ว
แตูพระประสงค์"

เมื่อพระราชาทรงฟั งดังนี้ ก็เดือดร้อนในพระหฤทัยเป็ นกำาลัง เพราะทุกข์


วิโยคหญิงที่รักนั้น เป็ นทุกข์หนักเหลือหนัก นับประสาแตูใคร แม้พระมเหศวรเมื่อพราก
จากพระอุมา ยังทรงกระวนกระวายยวดยิง ่ ไหนเลยมนุษย์เดินดินจะหักห้ามความโศก
เสียได้
พระยศเกตุทรงรับทุกข์ใหญูหลวงเพราะนางจะต้องพรากไป แตูทรงเห็น
อุบายจะยืดความสุขออกไปได้ จึงตรัสแกูนางวูา
"ถ้าจำาเป็ นจะต้องพรากจากนางเพราะกรรมทำาไว้ ก็เหลือที่จะแก้ไขได้ แตูขอ
นางจงกรุณาแกูข้าผ้่สามี อยูาพึง ่ ไปในทันที หยุดอยู่ท่ีน่ี อีก ๗ วัน ใช้เวลานั้นทำาให้ความ
สุขยืดยาวออกไปบ้าง เมื่อครบ ๗ วันแล้ว นางจะไปเฝ้ าพระบิดาก็ตามปรารถนา ข้าก็จะ
คืนสู่นครของข้า"

พระราชาวิงวอนเชูนนี้ จนนางสงสารยอมให้ยืดความสุขออกไปดังพระ
ประสงค์ พระราชาก็ทรงสำาราญอยู่กับนางตลอด ๖ วัน ครั้นวันที่ ๗ เธอทรงชวนนาง
เข้าไปในห้องซึ่งมีอูางแก้วอันเป็ นประต่คน
ื สูโ่ ลกมนุษย์ เพื่อให้นางชี้ให้ทรงเห็น แล
อธิบายให้ทรงทราบวิธีท่ีจะเสด็จกลับคืนพระนคร
ครั้นพระองค์แลนางยืนชะโงกด่อยู่ดว ้ ยกันที่ปากอูางแล้ว พระราชาก็กอด
พระศอนางพาโจนลงในอูาง ในทันใดนั้นสององค์ก็เสด็จผุดขึ้นในสระแหูงพระราชอุทยาน
ในนครของพระยศเกตุ คนเฝ้ าสวนเห็นพระราชาเสด็จกลับมาก็มีความยินดีรีบสูงขูาวไป
ให้ทีรฆะทรรศินผ้่รักษาพระนครทราบ

ทีรฆะทรรศินกับหมู่เสนาอำามาตย์ ก็พากันรีบไปรับเสด็จ ณ พระราชอุทยาน


แล้วพากันแวดล้อมตามเสด็จเข้าพระราชวัง สูวนทีรฆะทรรศิน เมื่อได้เห็นพระราชาพา
นางทิพย์กลับมาด้วย ก็คิดประหลาดแลกลูาวแกูตนเองวูา
"พระราชาทำาอยูางไรหนอจึงพานางวิทยาธรมาได้ นางองค์น้ี เจียวที่เราได้
เห็นนั่งดีดพิณแลขับกลอนอยู่บนต้นกัลปพฤกษ์ซึ่งผุดขึ้นจากทะเล แล้วกลับจมลงไปเร็ว
ราวกับสายฟ้ า การทั้งหลายแม้จะแปลกเกินที่ปัญญามนุษย์จะเข้าใจได้ ก็อาจเกิดแลอาจ
เป็ นไปตามที่เทพยดาบัญญัติไว้ เหตุฉะนั้นแม้มนุษย์จะได้นางวิทยาธรมาเป็ นภริยา ก็ไมู
ควรผ้่อ่ ืนจะกระวนกระวายใจ แตูความกระวนกระวายใจนั้นเลูา ก็เกิดตามบัญญัติแหูง
เทพยดาฉันเดียวกัน จะแก้ไขด้วยอุบายประการใด เราก็สิ้นปั ญญาที่จะทราบได้เสียแล้ว
ความอัดอั้นตันปั ญญานี้ เลูา ก็เป็ นเพราะเทพยดาบัญญัติเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฯลฯ"

การที่ทีรฆะทรรศินซัดเทพยดาไปทุกอยูางไมูเห็นทูาทางวูาจะหยุดเพียงไหน
จนต้องกลูาว ฯลฯ เชูนนี้ ก็อาจจ่งเราทั้งหลายไปในทางที่เห็นได้วูา ทีรฆะทรรศินใกล้จะถึง
อะไร สูวนข้าราชการอื่นๆ ตลอดถึงราษฎรพลเมืองนั้นตูางก็ร่ ืนเริงเอิกเกริกแสดงความ
สบายใจที่พระราชาเสด็จกลับสู่กรุง แลทั้งได้พานางวิทยาธรมาด้วย

ฝู ายนางวิทยาธรครั้นมาถึงนครของพระราชาผ้่สามีแลพ้นกำาหนด ๗ วัน
แล้ว ก็คำานึ งจะกลับคืนสูพ
่ วก แตูครั้นจะเหาะก็เหาะไมูขึ้น เพราะลืมวิชานั้นเสียแล้ว เมื่อ
นางร้่สก
ึ วูานางเสื่อมความร้่ ก็เดือดร้อนหฤทัย แสดงอาการเศร้าโศก พระสวามีสังเกต
เห็นก็ตรัสถามวูา
"เหตุไรจึงเป็ นเชูนนั้น" นางท่ลตอบวูา
"เพราะข้าพเจ้ารักพระองค์ ยอมอยูก ่ ับพระองค์นานเกินควรไมูรีบกลับไปเข้า
หมู่วิทยาธรในทันทีท่ีสิ้นสาป จึงถ่กลงโทษคือลืมวิชาเหาะเสียแล้ว ข้าพเจ้าจะกลับไปยัง
ถิ่นทิพย์ก็กลับไมูได้"
พระราชาได้ทรงฟั งดังนั้นก็ทรงยินดีนัก ตรัสวูา
"ครั้งนี้ ข้าได้นางวิทยาธรไว้แนู แล้ว"

ฝู ายทีรฆะทรรศินเมื่อได้ทราบดังนั้น ก็ตรึกตรองตูอไปตามแนวความคิดที่
เริ่มแตูวันที่ไปรับเสด็จพระราชาที่พระราชอุทยาน ครั้นกลับไปบ้านก็นอนคำานึ งตูอไปอีก
จนดับชีวิตไปด้วยความเสียใจ

รูุงเช้ามีผ้่นำาความเข้าไปท่ล พระราชาก็ทรงเศร้าโศก แตูเมื่อไมูมีใครชูวย


แบูงเบาภาระปกครองราชการบ้านเมือง พระราชาก็ต้องทรงทำาเอง ทรงพระชนม์ยืนยาว
มีนางวิทยาธรเป็ นที่รักรูวมพระหฤทัย

เวตาลเลูามาดังนี้ แล้วก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ ง แล้วท่ลถามพระวิกรมาทิตย์วูา


"พระองค์ทรงทราบหรือไมูวูาทีรฆะทรรศินเสียใจตาย เพราะไมูได้นางมา
เป็ นเมียตัวเองดอกกระมัง ถ้าทรงคิดดังนั้น ก็คงจะเป็ นด้วยทรงเห็นวูาทีรฆะทรรศิน
เสียใจเพราะตัวเองเห็นนางกูอน ถ้าไมูนำาความมาเลูาถวายพระราชา แลถ้าตัวพากเพียร
เองก็อาจได้นางมาเป็ นเมีย"
พระวิกรมาทิตย์ไมูโปรดคำาที่เวตาลทายพระหฤทัยผิดๆ จึงตรัสวูา
"ข้าไมูได้คิดอยูางเอ็งวูา ทีรฆะทรรศินเป็ นคนดี ไมูใชูคนชนิ ดนั้น" เวตาลท่ล
วูา
"ถ้าเชูนนั้นคงจะเป็ นด้วยทรงเห็นวูาทีรฆะทรรศิน เสียใจที่พระราชาเสด็จ
กลับมารับความเป็ นใหญูในบ้านเมืองคืนไป ตัวทีรฆะทรรศินสิ้นอำานาจเสียแล้ว จึงเสียใจ
ถึงชีวต
ิ ธรรมดาคนเมื่อได้ชิมความมีอำานาจแล้ว ไหนเลยจะไมูเสียใจในเวลาที่ต้องลดตัว
ลงมา" พระวิกรมาทิตย์ตรัสตอบวูา
"ไมูใชูอยูางนั้นเป็ นอันขาด ข้าได้กลูาวแล้ววูาทีรฆะทรรศินเป็ นคนดี หาใชู
คนชนิ ดนั้นไมู เหตุท่ีทำาให้ทีรฆะทรรศินเสียใจจนตายนั้น ก็เพราะรำาลึกวูา แตูนางมนุษย์
พระราชายังลูุมหลงละทิ้งราชการบ้านเมืองเสียแล้ว ก็เมื่อได้นางวิทยาธรมาเชูนนี้ จะ
เป็ นอยูางไรตูอไปอีกเลูา ตัวทีรฆะทรรศินเองได้เหน็ดเหนื่ อยมามาก จนถึงกับเที่ยวเดิน
ทางตรากตรำาโดยหวังวูาพระราชาจะคืนดี การก็กลับตรงกันข้ามดังนี้ เป็ นที่นูาเสียใจนัก
ทีรฆะทรรศินคิดดังนี้ จง ึ ตายด้วยความเศร้าใจ"

เวตาลหัวเราะทูลว่า
"ถ้าพระองค์ต้องกลับไปต้นอโศกอีกหลายเทีย ่ ว ก็อย่าทรงเศร้า
โศกเสียพระชนม์เร็วนัก" ทูลเท่านัน
้ แล้วก็หลุดลอยกลับไปอยู่ต้นอโศกตาม
เดิม

The Vampire's Eighth Story


นิทานเวตาลเรื่องที่ ๙
เรื่องที่ ๙

เวตาลเล่าเรื่องซึง
่ ยืนยันว่าเป็ นเรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่ งว่า

กว้างแลไกลในประเทศอันงามซึ่งชนอารยะผ้่มีถิ่นเดิมในแผูนดินส่งทาง
ตะวันตกสาดกันมาตั้งภ่มิลำาเนา เป็ นปึ กแผูนอยู่น้ัน เกียรติแหูงนาง มุกดาวลี บุตร
พราหมณ์ หริทาส เลื่องลือทุกทิศ บัณฑิตแลกวีนับจำานวนร้อยพากันแตูงกาพย์กลอน
สำาแดงความรัก บ้างก็กลูาววูานางอยู่ในที่ใด ที่น้ันยูอมสวูางเหมือนแสงฉายในเดือนมืด
บ้างก็กลูาวสรรเสริญความงามแหูงนางแลแสดงทุกข์ท่ีเกิดเพราะความรัก

O อ้าอนงค์ทรงศักดิด ์ ้วย ศรดอก ไม้แฮ


จากแหลูงแผลงตรงตอก อกข้า
โปรูงปรุทลุเลูห์หอก ไลูห่ัน

O สาวสวรรค์ด้ันจากด้าว แดนสวรรค์ ใดฤา


อูาเอี่ยมองค์เอวอัน อูอนชอ้อน
เพ็ญพักตร์ลักษณ์ลาวัณย์ ราววาด
โอ้อกสทกทุกข์สท้อน ทูาวสท้านลาญหลง

O เดียวดอมกรอมทุกข์กลำ้า กรึงกมล หมูนแล


กองระกำาดำากล กูนเศร้า
เพลิงร้อนจะผูอนปรน พอปลด
ร้อนราคเราเรูาร้อน รูุมร้อนรอนทรวงฯ

O เปลูาเปลี่ยวเหี่ยวอกโอ้ โอ๋อก
หนาวจิตคืออุทก สทกสท้อน
คิดโฉมประโลมกก กอดอูุน
กายแมูเย็นยามร้อน อูุนเนื้ อยามหนาวฯ

O ใครูสมสมใครูได้ ทางใด แมูเอย


เจ็บจิตอาจิณใจ จักขวำ้า
โหยหวนอูวนอกไอ เป็ นเลือด แล้วแมู
แรงรักชักชอกชำ้า ใชูช้าลาตายฯ

บ้างก็แตูงคำาฉันท์ลำาดับครุลหุ ซึ่งตนเห็นไปเองวูาไพเราะ กลูาวชมแลเชิญ


นางให้ยน
ิ ยอมวิวาหะกับตน

O อ้าอุไรพธ่ พบ่พิบ่ลย์
เฉลาแชลูมแจรูมจร่ญ เจริญภาส
O ต่สวิงสวายเพราะสายสวาท รทวยบูปลด
ระทดบูปราศ บูปลิดโศก
O แสนจะเสียวจะสร้าน ณ วารวิโยค
จะข้าม ณ ห้วงบูลูวง ณ โอฆก็อกกรม
O ใครูเสนู หะนิ ตย์ สนิ ทสนม
จะแนบจะนิ ทร์จะชิด จะชม ณ เชิงรัก
O เชิญสมรสุมาลย์ สมานสมัค
ประสานประสงค์ประจงประจักษ์ ประจวบใจฯ

บ้างก็กลูาวลบหลู่ตนเองด้วยความขูุนแค้นที่ไมูสมหมาย แลกระเดียดไป
ข้างโลกจะแตกเพราะเหตุน้ัน

O โอ้อาตมะอกวิตกยิง
่ เพราะวหญิงวยาภา
ฉันใดจะได้สมรมา นิ ทระแนบพนอชม
O ใครูสมบูสมหทยะใครู ก็ไฉนจะได้สม
โหยหวยระทวยอุระระทม ทุกข์แทบถลูมลง
O ใจผ่กจะปล่กปิ ยะมนัส ทวิวัฒนาทรง
แคล้วคลาดเพราะมาดมนทนง นรต้อยจะสอยดาว
O ตำ่าชาติและปราศนรุปถัม ภกชำ้าอุรายาว
แร้นทรัพยะยับยศ ณ คราว ทุกขกว้างบูบางเบา
O แค้นใจบูใสูชลกะโหลก บูชโงกจะด่เงา
นำ้าหน้ากระลาศิรษเรา ฤจะหมายตะกายส่ง
O คางคกผงกมุขเผยอ จิตเหูอจะปี นย่ง
เป็ นหม่จะคู่อศวจ่ง จรได้ไฉนนา
O ตกทุกข์จะลุกสิกถ ็ ลำา ทุกข์ล้ ำาจะไตรตรา
หลีกหลูมก็ล้มจะคมนา คมเกลื่อนบูเหมือนใจ
O นำ้ารักประจักษ์จิตบูขาด กลบาศกระลึงไกร
โซูเหล็กก็ลูามหทยะไทย ดุจทาสบูอาจจร
O อ้าต่จะด่สกลภพ ก็สยบแสยงหยอน
มืดมนก็จะด้นยนะซอน ก็และเครื่องจะเคืองตา
O ปราศหวังก็ดง ั สุรยะดับ ระวีลับนิ ราภา
คิด ๆ ระอิดอุระระอา อุรุโลกจะแหลกฤาฯ

บ้างก็กลูาวลบหลู่พระจันทร์วูา

O เพ็ญพระจันทร์น้ันสวูางแตูข้างขึ้น
กระตูายมึนเมาเพ็ญจนเป็ นบ้า
อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา
นำ้าใจข้ามึนเมาทั้งขึ้นแรม
ได้ยลพักตร์รักเหลือไมูเบื่อรัก
อกจะหักเพราะอนงค์ศรทรงแหลม
ให้แค้นคิดจิตเจ็บที่เหน็บแนม
ไมูยิ้มแย้มเยื้อนให้ช่ ืนใจเอยฯ

บ้างก็กลูาววูานางมีผิวเหมือนดอกจำาปา มีผมเหมือนนางง่ มีบาทเหมือน


ทับทิม (เพราะย้อม) มีตาเหมือนตาเนื้ อตามเคย คิว ้ เหมือนธน่กง ู ตามอยูางคิ้วที่นิยมวูา
งาม เดินเหมือนหงส์ ฯลฯ
แลไมูมีใครลืมกลูาววูานางมีสำาเนี ยงไพเราะ เหมือนนกกาเหวูาแลทุกคน
กลูาววูาถ้านางอัจฉราลงมาเปรียบประชันความงาม นางอัจฉราจะได้อาย
แตูบัณฑิตแลกวีนับจำานวนร้อยซึ่งประชันกันแตูงกาพย์กลอนสรรเสริญความ
งามนางมุกดาวลีน้ัน จะจ่งใจให้นางรักผ้่แตูงผ้ใ่ ดผ้่หนึ่ งก็หามิได้ เพราะธรรมดาหญิง
ย่อมจะเคยได้ยินค้ายกยอความงามจนชินหู แม้จะยอด้วยกาพย์กลอนไพเราะก็ไมู
เป็ นของแปลก ถ้ายิ่งกาพย์กลอนเลวๆ อยูางที่กลูาวมาแล้วก็ยง ิ่ เบื่อหนักขึ้น แลพระองค์
ผ้่ทรงสติปัญญาสามารถยูอมจะทรงทราบวูา วิธียอหญิงงามต้องยอว่ามีวิชาปราด
เปรื่อง หรือยกคุณทีไ ่ ม่มีข้ึนกล่าวจึงจะเป็ นเครื่องจับใจนางสวย กลูาวตรงกันข้าม
ถ้านางเป็ นผ้่ท่ห
ี าความสวยยาก ถึงหากจะเป็ นคนมีเชาวน์ ก็อาจยอให้ต้องใจได้ด้วย
กลูาวถึงความงามอันสุขุมอันเป็ นของไมูหางูายเหมือนความงามซึ่งลูอตา ดังนี้ เป็ นต้น
ความยอนัน ้ เปรียบเหมือนหินกับเหล็ก ซึง ่ ท้าให้เพลิงแห่งความรักเกิดได้

สูวนนางมุกดาวลีน้ันเบื่อกาพย์กลอนจนเกลียดกวีไปทั้งหมด วันหนึ่ งจึงบอก


แกูบิดาวูา ถ้าจะหาผัวให้ต้องหาชายที่ร่ปรูางดี ไมูเคยแตูงกาพย์กลอนเป็ นอันขาด อนึ่ ง
ชายที่จะเป็ นสามีนางนั้น ต้องเป็ นคนเชาวน์ไวประกอบด้วยความร้่ ยิง
่ ร้่มากยิ่งดี ขอแตู
อยูาให้เป็ นความร้่ในเชิงกาพย์กลอนเทูานั้น
อยู่มาช้านานมีชายหนู ุมสี่คนมาจากสี่ทิศ ตูางคนประกอบคุณงามความดี
ของตนเสมอกัน ทั้งในเชิงปั ญญา ในกำาลัง แลในความร้่ คนทั้งสี่เข้าไปหา พราหมณ์หริ
ทาส แสดงประสงค์จะได้บต ุ รีพราหมณ์เป็ นภริยา หริทาสจึงนัดให้มาพร้อมกันในวันรูุงขึ้น
เพื่อจะได้ประกวดความดีกน ั ในการเจรจาแสดงความร้่

วันรูุงขึ้นชายทั้งสี่ก็มาตามนัด ชายคนหนึ่ งที่ช่ ือ มหาเสนี กลูาวแสดง


ปั ญญาวูา
"ชายใดมีจำานงหาความไมูเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ ชายนั้นเป็ นคนโงู เพราะ
ความเป็ นไปของโลกนั้นอูอนเหมือนต้นกล้วยแตกดับงูายเหมือนฟองทะเล"
"สิง
่ ทั้งหลายในที่ส่งไมูช้าจะลืม สิง
่ ทั้งหลายในที่ต่ ำาคงจะสลายไปทั้งสิน
้ "
"ญาติท่ีตายไปแล้วกินนำ้าตาของญาติท่ีคงมีชีวต ิ อยู่ด้วยความไมูเต็มใจ
เพราะฉะนั้น จักทำาบุญกรวดนำ้า จงอยูาให้ช้ ำาใจ อกด้วนอาด่รพูอเอย"

นางมุกดาวลีน่ังฟั งอยู่หลังฉากได้ยินมหาเสนี กลูาวก็วูา


"ชายคนนี้ พ่ดไมูมีมงคลเลย มิหนำาซำ้ากำาเริบเอากลอนเลว ๆ มากลูาวด้วย
คนเป็ นกวีใช้ไมูได้"

ชายคนที่สองกลูาววูา
"หญิงใดปฏิบัติชายผ้่ซง ึ่ บิดามารดายกให้ด้วยดี หญิงนั้นได้ช่ ือวูาเป็ นหญิงดี
แลคัมภีรศาสตร์กลูาววูา หญิงใดเป็ นโยคินีในเวลาสามียง ั อยู่ หญิงนั้นทำาให้สามีอายุส้ัน
แลจะตกในกองไฟภายหลัง"
คำาที่ชายคนที่สองกลูาวนี้ นางมุกดาวลีเห็นโงูท่ีสุด จึงนึ กในใจวูา นางวูาจะ
ไมูยอมคำานึ งถึงชายคนนั้นเป็ นอันขาด
ชายคนที่สามเป็ นตระก่ลนักรบชื่อ คุณากร กลูาววูา
"มารดาคุ้มครองบุตรเมื่อเป็ นทารก บิดาคุ้มครองเมื่อจำาเริญวัยใหญูขึ้น แตู
บุรุษซึ่งเป็ นชาตินักรบยูอมจะคุ้มครองรักษาสกุลของตนทุกเมื่อ ธรรมเนี ยมแหูงโลกแล
หลักที่ต้งั ของข้าพเจ้าเป็ นเชูนนี้ "
คนที่ประชุมฟั งอยู่น้ันเมื่อได้ยินคุณากรกลูาวดังนี้ ก็พากันสรรเสริญวูา เป็ น
คนกล้าควรเป็ นที่เคารพ

สูวนชายคนที่ส่ีเป็ นตระก่ลพราหมณ์ช่ ือ รัตนทัตต์ เมื่อได้ยินชายทั้งสามคน


กลูาวแสดงปั ญญาดังนั้น ก็น่ิ งอยู่มิได้พ่ดประการใดจนชายทั้งสามคิดวูาเป็ นเพราะเหตุโงู
เขลาเบาความร้่ แตูครั้นพราหมณ์ผ้่เป็ นบิดานางแลคนอื่นๆ ที่ประชุมฟั งกันอยู่น้ันกลูาว
คะยั้นคะยอให้พ่ด รัตนทัตต์กพ ็ ่ดสั้นๆ วูา
"ความนิ่ งนั้นดีกวูาความพ่ด"
ครั้นเมื่อเขาเตือนให้พ่ดอีกก็กลูาววูา
"คนฉลาดไม่ประกาศความมีอายุของตน ไม่ประกาศให้ใครทราบ
เมื่อถูกหลอก ทัง ้ ไม่ประกาศความมีทรัพย์หรือเสียทรัพย์ ไม่ประกาศความ
บกพร่องในครอบครัว ไม่ร่ายมนตร์ให้คนได้ยิน แลไม่ประกาศความรักภริยา
หรือวิธีประสมยา หรือหน้าทีป ่ ระพฤติธรรม หรือของให้ หรือค้ากล่าวโทษ หรือ
ความไม่มีสัตย์แห่งภริยาตน"
เมื่อชายคนที่ส่ีได้กลูาวดังนี้ แล้ว ก็เป็ นอันสิ้นการประลองปั ญญาในวันนั้น
พราหมณ์หริทาสเจ้าของบ้านแสดงความเสียใจตูอชายคนที่หนึ่ งแลที่สอง แลให้ของเล็ก
น้อย แล้วก็เอานำ้ามันหอมประพรมเสื้อผ้าชายสองคน แลรดนำ้าดอกไม้เทศที่ศีรษะแล้วก็
ให้พล่ เชิญให้กลับ สูวนชายคนที่สามที่ส่ีคือคุณากรแลรัตนทัตต์น้ันพราหมณ์หริทาสเชิญ
ให้มาใหมูในวันรูง ุ ขึ้น
ชายทั้งสองก็มาตามนัด ครั้นนั่งลงพร้อมกันแล้ว พราหมณ์หริทาสจึงถามวูา

"ทูานทั้งสองมีปัญญาดังที่แสดงโดยคำาพ่ดเมื่อวานนี้ บัดนี้ ทูานจงแสดงให้


เห็นวูา ปั ญญาของทูานมีผลเป็ นความร้่แลประโยชน์อะไรบ้าง" คุณากรกลูาววูา
"ข้าพเจ้าได้สร้างรถขึ้นไว้คันหนึ่ ง รถนั้นอาจพาข้าพเจ้าไปถึงไหนได้ทุกแหูง
ในพริบตาเดียว" รัตนทัตต์กลูาววูา
"ข้าพเจ้ามีความร้่ชุบคนตายให้ฟ้ ื นคืนเป็ นมาได้ แลอาจสอนเพื่อนของ
ข้าพเจ้าให้สามารถเชูนกัน"

เวตาลเลูามาเพียงนี้ กห
็ ยุดไว้ แล้วท่ลถามพระวิกรมาทิตย์วูา ชายหนู ุมมี
ความร้่ประเสริฐทั้งสองคนเชูนนี้ พระราชาจะทรงดำาริวูาพราหมณ์หริทาสควรจะเลือก
ชายคนไหนเป็ นเขย แตูพระวิกรมาทิตย์ไมูทรงตอบ เหตุไมูทรงทราบวูาจะตอบประการ
ใด หรือเหตุได้พระสติวูาเป็ นกลเวตาลลวงถาม ก็เป็ นได้ท้ังสองประการ
ครั้นพระวิกรมาทิตย์ไมูทรงตอบ จนเวตาลเห็นได้วูาจะลูอให้ตรัสตรงนี้ ไมู
สำาเร็จแล้ว ก็เลูาตูอไปวูา

เมื่อชายหนู ุมทั้งสองได้แสดงความร้่ให้ท่ีประชุมทราบดังนี้ แล้ว พราหมณ์หริ


ทาสยังลังเลในใจไมูแนู วูาจะเลือกคนไหนดี จึงเรียกให้นางมุกดาวลีออกมากลางที่ประชุม
ถามวูานางจะเลือกชายคนไหน นางมุกดาวลีก้มหน้านิ่ งไมูตอบวูากระไรด้วยวาจา แตู
ชายหางตาด่รัตนทัตต์
พราหมณ์หริทาสเห็นดังนั้น ก็กลูาวภาษิตมีความวูา มุกดาควรร้อยเป็ น
สร้อยกับมุกดาด้วยกัน แลยกล่กสาวให้แกูรัตนทัตต์ตามใจธิดาประสงค์ ฝู ายคุณากรชาติ
นักรบเห็นดังนั้นก็แค้นใจ มือจับหนวดบิดขึ้นไปจนถึงตาซึ่งแดงด้วยความโกรธ มือก็เวียน
ไปจับดาบรำ่าไป แตูคุณากรเป็ นคนเกิดในสกุลดีมียต ุ ิธรรมในใจ ถึงแม้จะขูุนเคืองใจถึงเชูน
นี้ ไมูช้าก็หายโกรธ

ฝู ายมหาเสนี คือชายคนหนึ่ งซึง ่ ถ่กคัดออกไปแตูวน


ั แรกนั้น ชะรอยจะเป็ น
ด้วยกวีดอกกระมัง จึงเป็ นคนไมูมีความอายเลย ครั้นเมื่อพราหมณ์หริทาสได้หมั้น
กำาหนดการวิวาหะนางมุกดาวลีแล้ว มหาเสนี ได้ทราบก็กระทำาการอุกอาจเข้าไปในที่
ประชุม พ่ดจาแสดงความโกรธ แลกลูาวภาษิตกาพย์กลอนที่ไมูเข้าเรื่องด้วยเสียงดังกลบ
ไปในเรือน ยกคุณชั่วแหูงหญิงทั้งหลายขึ้นกลูาววูา ในโลกนี้ หญิงเป็ นบูอเกิดแหูงความ
ทุกข์ เป็ นยาพิษอยูางแรง เป็ นที่อยู่แหูงความกระวนกระวาย เป็ นผ้ส ่ ังหารความกำาหนด
แนูในใจคน เป็ นผ้่กระทำาให้เกิดความมึนเมารัก แลเป็ นโจรปล้นคุณความดีท้ังหลายใน
โลก
เมื่อได้กลูาวประหัตประหารหญิงเชูนนี้ แล้ว ก็กลูาวตูอไปถึงบิดาแหูงนาง
เรียกหริทาสวูา "มหาพราหมณ์" ซึ่งรับโคแลทองคำาเป็ นสินจ้าง แลเป็ นคนบ่ชาลิง สูวน
พราหมณ์แลล่กแหูงพราหมณ์ท้ังหลายนั้นใช้ไมูได้หมด รวมทั้งรัตนทัตต์ดว ้ ย
ครั้นคนที่อยู่ในที่ประชุมนั้นชูวยกันห้ามปราม มหาเสนี กย ็ ิ่งแสดงความโกรธ
มากขึ้น จนพราหมณ์หริทาสตกใจกลัวสำาเนี ยงแลอาการมหาเสนี เป็ นกำาลัง ในที่สุดมหา
เสนี สาบานวูา แม้นางมุกดาวลีจะได้หมั้นแล้วก็ตาม ถ้าเขาไมูได้นางเป็ นภริยาเขาก็จะฆูา
ตัวตายแล้วเป็ นผีมากวนแลทำาร้ายคนในบ้านนั้นทั้งบ้าน

ฝู ายคุณากรเป็ นชาตินักรบมีใจกล้า ครั้นได้ยินมหาเสนี พ่ดดังนั้นก็แนะนำาวูา


ให้รีบฆูาตัวตายเสียเถิด และเมื่อเป็ นผีแล้วจะทำาอะไรก็แล้วแตูสมัคร แตูพราหมณ์หริทาส
ห้ามคุณากรไมูให้พ่ดแสดงนำ้าใจร้ายกาจ มหาเสนี ยิ่งโกรธใหญู เกิดความกล้าเพราะ
เกลียด เพราะรัก แลเพราะโกรธ ก็ชก ั เชือกบูวงออกจากอกวิง
่ ออกไปจากเรือนแล้วผ่กคอ
แขวนตัวตายอยูก ่ ับต้นไม้ข้างเรือนนั้น
ครั้นเวลาเที่ยงคืนผีมหาเสนี ก็ทำาจริงดังที่กลูาวไว้เมื่อยังมีชีวิต แสดงตัวเป็ น
รากษสมาที่เรือนพราหมณ์หริทาส ทำาให้พราหมณ์แลคนทั้งหลายตกใจเป็ นกำาลัง ครั้น
รากษสมาทำาอาการคุกคาม จนคนกลัวหลบซูอนไปหมดแล้ว ก็พานางมุกดาวลีเหาะหาย
ไปเสียจากเรือนแลบอกกลูาวไว้วูา ถ้าจะตามให้พบให้ไปตามบนยอดส่งที่สุดแหูงเขา
หิมาลัย

ฝู ายพราหมณ์หริทาสเมื่อเกิดเหตุดง ั นี้ กว
็ ิ่งไปเรือนรัตนทัตต์ ปลุกให้ต่ ืนขึ้น
แล้วพราหมณ์หริทาสก็ปากสั่นเลูาความให้ผ้่จะเป็ นบุตรเขยทราบทุกประการ รัตนทัตต์
พราหมณ์หนู ุมทราบเรื่องก็ตกใจเป็ นกำาลัง ออกวิ่งไปเรือนคุณากรนักรบแลวิงวอนให้ชว ู ย
คุณากรเป็ นคนใจดี แม้จะได้ขูุนเคืองด้วยเหตุแพ้รัตนทัตต์ในทางรักก็จริง แตูเมื่อผ้่ชนะมา
วานให้ชูวยก็ยอมชูวยจึงจัดรถซึง ่ พาเหาะได้ แล้งสองคนก็ขึ้นนั่งบนรถ แลบอกพราหมณ์
หริทาสให้นอนใจวูา จะได้ลก ่ สาวคืนมาในไมูช้า
คุณากรก็รูายมนตร์ให้รถลอยขึ้นในอากาศ รัตนทัตต์ก็รูายมนตร์ไลูผีมิให้มา
กีดกั้น ตตสวิตุรวเรณยำ ภโรค เทวสย ธีมหิ ธิโย โย นะ ปรโจทยาต รถก็พาลอยไปถึงยอด
ส่งสุดแหูงเขาหิมาลัย อันเป็ นที่ซึ่งผีมหาเสนี พานางไปทิ้งไว้น้ัน

ครั้นชายหนู ุมทั้งสองพานางมาสูงคืนตูอบิดาแล้ว พราหมณ์หริทาสเกรงจะ


เกิดเหตุอ่ ืนขึ้นอีก ก็รีบให้โหรหาฤกษ์ทำาการวิวาหะโดยเร็ว แลเมื่อฤกษ์ดก ี ็เอาขมิ้นทามือ
ล่กสาวตามธรรมเนี ยม การแตูงงานครั้งนั้นครึกครื้นนัก กวีใหญูนอ ้ ยซึ่งรักนางไมูสม
หมาย ได้ความทุกข์ถง ึ อกหักมีจำานวนสองโหลเศษ
ฝู ายรัตนทัตต์เจ้าบูาวเมื่อได้วิวาหะเสร็จตามพิธีแล้ว ก็ลาพราหมณ์หริทาส
พาภริยาจะกลับไปบ้านเดิม คุณากรนักรบมีความภักดีตูอนาง แลตูอรัตนทัตต์ผ้่เพื่อน ก็
สาบานวูาจะไมูทิ้งคนทั้งสองนั้นกูอนไปถึงบ้านเดิมแหูงเจ้าบูาว

นางแลชายหนู ุมทั้งสองก็ลาพราหมณ์หริทาสออกเดินทางไป แลทางเดินนั้น


ต้องข้ามยอดเขาวินธยะ อันเป็ นที่มากด้วยภัยประการตูางๆ เมื่อถึงหน้าผาแลด่ลงไปก็ลึก
นู ากลัว เมื่อถึงลำาธารนำ้าก็เชี่ยวไหลกระแทกหิน ยากที่จะข้ามได้ปราศจากอันตราย
ประเดีย๋ วก็เข้าปู ารกชัฏซึ่งมืดเหมือนมรณะ ยากที่จะหาทางเดินไปได้ ประเดีย๋ วสายฟ้ าก็
ฟาดสาดฝนลงมา จนหนาวเย็นสะท้านทั่วสรรพางค์กาย เมื่อยามร้อนก็ร้อนจนนกตก
ตายลงมาจากอากาศ รอบข้างก็ก้องด้วยเสียงสัตว์ร้ายตูางๆ ซึ่งมิใชูมิตรแหูงมนุษย์

เมื่อทางเดินลำาบากถึงเพียงนี้ เราทูานก็นูาสงสัยวูา เหตุใดคุณากรจึงไมูพา


บูาวสาวขึ้นรถเหาะไปสูง เหตุจะอยูางไรก็ตาม การเดินทางครั้งนั้นใช้เวลาเดินดินไมูใชู
เดินอากาศ แลคนทั้งสามก็ได้ความลำาบากดังกลูาวมาแล้ว แลจะปรากฏตูอไปในเรื่องนี้
แตูคนทั้งสามก็ทนเดินทางไปด้วยอานุภาพพระกามเทพ จนพ้นปู าใหญูไปถึงที่ราบแล้ว

คืนหนึ่ งนางมุกดาวลีฝันวูา นางเดินลุยไปในหนองนำ้าขูุนโสโครก นางอุ้มเด็ก


คนหนึ่ งซึ่งมีอาการเหมือนเจ็บ เด็กนั้นดิ้นแลร้องครวญคราง มีเด็กอื่นเป็ นอันมากได้ยิน
ร้องก็ร้องบ้าง เด็กเหลูานั้นร่ปรูางพิกล บางคนก็ปูองเหมือนคางคก บางคนก็ผอมยืด
นอนอยู่ตามขอบหนอง บางคนก็ลอยอยู่เหนื อนำ้า เด็กเหลูานั้นมีอาการเหมือนหนึ่ งระดม
กันร้องใสูเอานาง ประหนึ่ งวูานางเป็ นเหตุให้ร้องไห้ แลจะวูากลูาวปลอบโยนหรือขู่เกรี้ยว
กราดประการใด ก็ไมูน่ิ งทั้งนั้น ครั้นนางตื่นขึ้นก็เลูาความฝั นให้ชายทั้งสองฟั ง
รัตนทัตต์ผ้่สามีได้ฟังแล้วก็น่ิ งตรองอยู่ครู่หนึ่ ง จึงบอกภริยาแลเพื่อนวูา จะ
เกิดเหตุใหญูเป็ นภัยแกูคนทั้งสามในไมูช้า ครั้นรัตนทัตต์ทำานายดังนี้ แล้วก็หยิบด้ายออก
มาเส้นหนึ่ ง ตัดออกเป็ นสามทูอน แจกกันคนละทูอน แล้วอธิบายวูา ถ้าเกิดเหตุเป็ นภัย
แกูรูางกาย ให้เอาเชือกนั้นผ่กเข้าที่แผลๆ ก็จะหายไปในทันที
ครั้นแจกเชือกแล้วรัตนทัตต์ก็สอนมนตร์ให้ภริยาแลเพื่อนทูองจำาไว้ เป็ น
มนตร์ท่ีชุบคนตายให้คน ื ชีวต
ิ ได้ มนตร์น้ันเป็ นอยูางไรข้าพเจ้าไมูควรนำามากลูาวให้ทรง
ทราบ เวตาลเลูาตูอไปวูา

ตามที่รัตนทัตต์ทำานายฝั นไว้น้ันไมูช้าก็เกิดเหตุตามพยากรณ์คือ ในตอนเย็น


เมื่อคนทั้งสามเดินพ้นจากปู าออกทูุงก็มีคนพวกหนึ่ งเรียกวูา กิราตะ มีจำานวนเป็ นอัน
มากพากันเข้าทำาร้ายมาเบื้องต้น
มีกิราตะคนหนึ่ งรูางเล็กตัวดำาถือธน่แลศรทำาด้วยหวาย ยืนขวางทางทำา
กิริยาเป็ นสัญญาณให้คนทั้งสามวางอาวุธ ครั้นคนทั้งสามไมูหยุด กิราตะก็พ่ดเสียงโกรธ
ดังก้องไปเหมือนนกที่ตกใจกลัว ตาก็เหลือกไปเหลือกมาแลแดงด้วยความโกรธ มือถือ
อาวุธช่ขึ้นแกวูงอยู่บนศีรษะ ในทันใดนั้นพวกกิราตะก็หลั่งกันออกจากพูุมไม้ แลที่กำาบัง
หลังก้อนหิน ตูางคนตูางชูวยกันยิงมาดังหูาฝน การตูอส้่ซึ่งกำาลังไมูพอกันนั้นเป็ นไปไมูได้
นาน คุณากรนักรบถือดาบในมือขวาใช้แขนอันมีกำาลังไลูฟาดฟั นศัตร่ล้มตายลงหลายสิบ
คน แตูพวกกิราตะก็หนุนเนื่ องกันเข้ามาเหมือนหมู่แตนซึ่งมีผ้่ทำาลายรัง ไมูช้าคุณากรก็
ถ่กอาวุธสิ้นกำาลังล้มลง

ฝู ายรัตนทัตต์น้ันเมื่อศัตร่มีมากก็พานางหลบไปซูอนไว้ในโพรงไม้แหูงหนึ่ ง
แล้วกลับมาตูอส้่กับพวกชาวปู า ไมูช้าก็ถก ่ อาวุธสิ้นกำาลังลงเหมือนกัน ฝู ายพวกกิราตะ
นั้นครั้นชายทั้งสองล้มลงแล้ว ก็ชก ั มีดออกตัดศีรษะให้ขาดออกจากตัวทั้งสองศพ แล้ว
ปลดเอาของมีคูาทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในตัวชายสองคนนั้น เสร็จแล้วก็พากันกลับไป หาตาม
ไปทำาร้ายนางซึ่งซูอนอยู่ในโพรงไม้น้ันไมู

ฝู ายนางมุกดาวลีตกใจเพียงจะสิ้นชีวิต ครั้นสงบเสียงลงไป ก็ออกจากโพรง


ไม้เมียงมอง ไมูเห็นพวกโจรชาวปู า เห็นแตูศพสามีและเพื่อนกลิ้งอยูก ่ ลางดิน หัวตกอยู่
หูางตัวทั้งสองหัว นางก็น่ังลงร้องไห้ครวญครางอยู่ช้านานจนจวนคำ่า จึงคิดขึ้นได้ถง ึ วิชาที่
เรียนร้่จากสามีในวันนั้นเอง นางจึงหยิบเอาด้ายวิเศษออกมา ยกเอาหัวทั้งสองหัวมาวาง
ตูอกับตัวสองตัวแล้วเอาด้ายผ่กหัวกับตัวเข้าไว้ด้วยกัน
แตูเวลานั้นเป็ นเวลามืดเห็นไมูถนัด ทั้งเป็ นเวลาที่นางกำาลังตื่นตกใจไมูทัน
ได้พิจารณาละเอียด หัวแลตัวที่ตูอกันนั้นผิดสำารับกันไป นางไมูทันสังเกตก็น่ังลงรูา
ยมนตร์สำชีวนี ซึ่งสามีได้สอนไว้
พอรูายมนตร์จบชายสองคนก็มีชีวิตคืนมา ตูางคนตูางลืมตาแลลุกขึ้นนั่ง
ล่บคลำาตัวเองเหมือนหนึ่ งด่วูารูางกายยังอยูค ่ รบหรือไมู แตูเมื่อล่บพบรูางกายเต็มทั้งตัว
แล้วก็ไมูหายสงสัย ตูางคนเห็นวูาจะมีอะไรผิดสักแหูงหนึ่ ง จึงเอามือคลำาหน้าผากแล้วแล
ด่ลงไปตลอดถึงเท้า แล้วตูางลุกขึ้นยืนมองด่แขนแลขาของตน แลด่ผ้านูง ุ หูมซึ่งพวกโจร
เหลือทิ้งไว้ให้นอ ้ ยที่สุด
ฝู ายนางมุกดาวลี เมื่อเห็นชายทั้งสองทำากิริยาประหลาดดังนั้นก็นึกวูาเป็ น
ด้วยความยูุงในมันสมองของคน ซึง ่ เป็ นโรคถ่กตัดหัวหายขึ้นใหมูๆ นางจึงยืนด่อยูค ่ รู่หนึ่ ง
แล้ววิ่งเข้าไปกอดชายซึ่งนางคิดวูาเป็ นสามี แตูเขาไมูยอมให้นางเข้าชิดตัว กลับผลักเสีย
แล้วบอกวูานางเข้าใจผิด นางมุกดาวลีละอายในใจเป็ นกำาลัง ก็วง ิ่ เข้ากอดคอชายอีกคน
หนึ่ งซึ่งนึ กวูาเป็ นสามีของตนแนู แตูชายคนนั้นก็ผลักนางไว้ให้หูางแลบอกวูาเข้าใจผิด
เหมือนกัน
ในขณะนี้ นางร้่สก ึ ขึ้นมาวูาได้ตูอหัวผิดตัวเสียแล้ว ไมูร้่วูาจะทำาอยูางไร ก็น่ัง
ลงร้องไห้ราวกับอกจะแตกไปกับที่ หัวพราหมณ์รัตนทัตต์กลูาววูา
"นางนี้ เป็ นเมียของทูาน" หัวคุณากรนักรบกลูาววูา
"นางนี้ เป็ นเมียของทูานไมูใชูของข้า" ตัวรัตนทัตต์กับหัวคุณากรตอบวูา
"หามิได้นางเป็ นเมียของข้าตูางหาก" คุณากร-รัตนทัตต์กลูาววูา
"ถ้าเชูนนั้นข้าคือผ้่ใด" รัตนทัตต์-คุณากรกลับถามวูา
"ก็เจ้านึ กวูาข้าคือผ้่ใด" หัวพราหมณ์ตัวนักรบกลูาววูา
"นางต้องเป็ นเมียของข้า" หัวนักรบตัวพราหมณ์กลูาววูา
"เจ้าโกหก นางเป็ นเมียของข้าตูางหาก หัวทั้งสองพ่ดพร้อมกันวูา
"เจ้าพ่ดอยูางคนพาลฟั งไมูได้"

เวตาลกลูาวตูอไปวูา หัวสองหัวแลตัวสองตัวโต้เถียงกันไมูมีทางที่จะยินยอม
กันได้ ผ้่ท่ีจะตัดสินได้แนู นอนก็เห็นจะมีแตูพระพรหมพระองค์เดียว สูวนข้าพเจ้านั้น
นอกจากจะตัดหัวตูอเสียใหมูแล้ว ก็ไมูร้่จะวินิจฉัยอยูางไรได้ แลข้าพเจ้าเชื่อเป็ นแนู วูา แม้
พระองค์ผ้่เป็ นพระราชาอันประเสริฐ ก็ไมูทรงปั ญญาพอตัดสินได้วูา นางมุกดาวลีเป็ น
ภริยาของหัวแลตัวสำารับไหน อันที่จริงพวกข้าพเจ้าซึ่งเป็ นเวตาลด้วยกันกระซิบบอกตูอ ๆ
กันมาวูา เมื่อหัวแลตัวสองสำารับนั้นตายไปเฝ้ าธรรมราชา (คือพระยม) ปั ญหาอัน
เดียวกันก็เกิดขึ้นในยมโลก เพราะหัวทั้งสองตูางปฏิเสธบาปกรรมตูางๆ ซึ่งตัวได้ทำาไว้ใน
เมืองมนุษย์ แม้ธรรมราชาก็พิศวง ไมูร้่จะแจกคะแนนโทษอยูางไรได้ ตรงนี้ พระธรรม
ธวัชพระราชบุตรทรงนึ กขันข้อที่หัวตูอผิดตัวแลเผลอพระองค์ไมูทันนึ กถึงพระราชบิดาก็
ทรงพระสรวลขึ้นด้วยสำาเนี ยงอันดัง พระวิกรมาทิตย์พระราชบิดาทรงขัดเคืองพระ
ราชบุตรก็ตรัสวูา
"ความเห็นขันในขณะซึ่งไมูมีสิ่งใดขันนั้นเป็ นเหตุให้คนด่แคลน แลทรงอ้าง
ภาษิตซึ่งบิดามักจะชอบเอามากลูาวแกูบุตรวูา ความหัวเราะนั้นเป็ นเครื่องสูอนำ้าใจ
ปราศจากความคิด แล้วรับสั่งตูอไปวูา "คัมภีรศาสตร์แสดงวูา..."
เวตาลกลูาววูา
"ด่ไมูส้่จำาเป็ นที่พระองค์จะต้องทรงอธิบายให้แจูมแจ้งถึงเพียงนั้น คำาที่รับสั่ง
ก็คงเป็ นคำาของชัยเทวะหรือคนอื่นในหมู่กวีแก้วทั้งเก้า แตูคนเก้าคนนั้นร้่กาพย์กลอนของ
ตัวเอง ดีกวูาร้่คัมภีรศาสตร์เป็ นอันมาก"

พระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่ งชั่งพระหฤทัยวูา จะลงโทษเวตาลที่กลูาวค้านขึ้น


กลางคันดีหรือไมู อีกครู่หนึ่ งจึงรับสั่งแกูพระราชกุมารตูอไปวูา
"คัมภีรศาสตร์กลูาววูา แมูน้ ำาพระคงคาเป็ นใหญูในหมู่แมูน้ ำาทั้งปวง เขา
พระสุเมรุเป็ นใหญูกวูาเขาทั้งหลาย ต้นกัลปพฤกษ์เป็ นใหญูกวูาต้นไม้ท้ังปวง แลในภาค
แหูงมนุษย์น้ัน หัวเป็ นใหญูแลประเสริฐที่สุด กลูาวโดยความอันแสดงในคัมภีรศาสตร์เชูน
นี้ นางมุกดาวลีต้องเป็ นภริยาของชายสำารับซึ่งหัวเคยเป็ นสามีของนาง"
เวตาลหัวเราะแล้วท่ลตอบวูา
"ความเห็นของข้าพเจ้าไมูต้องกับคัมภีรศาสตร์ แลไมูตรงกับพระราชดำาริ
แหูงพระองค์ คือข้าพเจ้าเห็นวูานางมุกดาวลีเป็ นภริยาของชายสำารับที่กายเคยเป็ นผัว
นาง เพราะเหตุวูากายนั้นมีอุทร ซึ่งเป็ นที่อยู่แหูงวิญญาณอันมีความไมูร้่ดับเป็ นสภาพ
สูวนหัวนั้นเสมอกับหม้อกระด่กหม้อหนึ่ งซึ่งไมูมีอะไรอยู่ข้างในนอกจากมันสมองซึ่งเป็ น
เยื่อข้นเสมอกับมันสมองแหูงล่กวัวเทูานั้น"
พระวิกรมาทิตย์รับสั่งด้วยสำาเนี ยงพิโรธวูา
"เอ็งไมูนึกหรือวูา วิญญาณนั้นเมื่อเข้าไปในตัวมนุษย์แล้วก็มีสำานักอยูใ่ นมัน
สมอง แลพิจารณากายภายนอกเห็นได้จากสำานักนั้น" เวตาลตอบวูา
"วิญญาณจะมีสำานักอยู่ท่ีอุทรคนก็ตาม หรือที่มันสมองก็ตาม สำานักของ
ข้าพเจ้าอยู่ท่ีต้นอโศกเป็ นแนู "
พูดเท่านัน ้ แล้วเวตาลก็ออกจากย่ามหัวเราะก้องฟ้ าลอยไป พระวิกร
มาทิตย์กับพระราชบุตรก็เสด็จหันพระพักตร์คน ื ไปยังต้นอโศก ทรงปลดเวตาล
ลงมาใส่ย่าม แล้วก็รับสัง่ แก่เวตาลว่า ให้เล่าเรื่องจริงไปอีกเรื่องหนึ่ ง
The Vampire's Ninth Story
นิ ทานเวตาลเรื่องที่ ๑๐

เรื่องที่ ๑๐

เวตาลกล่าวว่าครัง้ นี้ ข้าพเจ้าให้เกิดเขม่นตาซ้าย หัวใจเต้นแรงแลตา


ก็มืดมัว เป็ นลางไม่ดีเสียแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็จะเล่าเรื่องจริงถวายอีกเรื่องหนึ่ ง แล
เพราะเหตุข้าพเจ้าเบื่อหน่ ายการถูกแบกสะพายไปมาเป็ นหลายเทีย ่ วแล้ว แม้
พระองค์ไม่ทรงเบื่อเป็ นผู้แบกก็จริง ข้าพเจ้าจะตัง ้ ปั ญหาทีอ
่ ยากทูลถามสักที ถ้า
ทรงตอบได้ พระปั ญญาก็มากยิง ่ กว่าทีข่ ้าพเจ้าคิดว่าจะมีในพระราชาพระองค์ใด

ในโบราณกาลเมืองใหญูเมืองหนึ่ งชื่อ กรุงธรรมปุระ พระราชาทรงนาม ท้าว


มหาพล มีมเหสีซึ่งแม้มีพระราชธิดาจำาเริญวัยใหญูแล้วก็ยังเป็ นสาวงดงามถ้าจะเปรียบ
กับพระราชบุตรีก็คล้ายพี่กับน้องยิ่งกวูาแมูกับล่ก ที่เป็ นเชูนนี้ ไมูใชูเพราะพระราชธิดามี
อาการแกูเกินอายุ ที่จริงเป็ นด้วยพระราชมารดาเป็ นสาวไมูร้่จักแกู แลความสาวของ
พระนางเป็ นเครื่องประหลาดของคนทั้งหลาย

เมื่อท้าวมหาพลจะสิน ้ บุญนั้น เกิดศึกขึ้นที่กรุงธรรมปุระ ข้าศึกมีกำาลังมากแล


ชำานาญการศึก ใช้ท้ง ั ทองคำาแลเหล็กเป็ นอาวุธ คือใช้ทองคำาซื้อนำ้าใจนายทหารแลไพรูพล
ของพระราชาให้เอาใจออกหูางจากพระองค์ แลใช้เหล็กเป็ นอาวุธฆูาฟั นคนที่ซ้ ือนำ้าใจไมูได้
ข้าศึกใช้ทองคำาบ้าง เหล็กบ้างเป็ นอาวุธดังนี้ จนในที่สุดรี้พลของท้าวมหาพลหรอรูอย
ยูอยยับไป

ท้าวมหาพลเห็นจะรักษาชีวต ิ พระองค์ไว้ไมูได้ด้วยวิธีรบ ก็คิดจะรักษาด้วยวิธี


หนี จึงพาพระมเหสีแลพระราชธิดาออกจากกรุงไปในเวลาเที่ยงคืนจำาเพาะสามพระองค์
พระราชาทรงพานางทั้งสองเล็ดรอดพ้นแนวทัพข้าศึกไปแล้วก็ต้ง ั พระพักตร์มูุงไปยังเมือง
ซึ่งเป็ นเมืองเดิมของพระมเหสี วันรูุงขึ้น

พระราชานำานางทั้งสองเดินไปจนเวลาสาย ถึงท้องทูุงเห็นหมู่บ้านหมูห่ นึ่ งแตู


ไกล ไมูทรงทราบวูาเป็ นหมู่บ้านโจร แตูทรงสงสัยไมูวางพระหฤทัยจึงตรัสให้พระมเหสี
แลพระราชธิดาหยุดนั่งกำาบังอยู่ในแนวไม้ พระองค์ทรงถืออาวุธเดินตรงเข้าไปสู่หมู่บ้าน
เพื่อจะหาอาหารเสวยแลสู่นางทั้งสององค์

ฝู ายพวก ภิลล์ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านนั้นประพฤติตัวเป็ นโจรอยู่โดยปกติ ครั้นเห็น


ชายคนเดียวแตูงตัวด้วยของมีคูาเดินเข้าไปเชูนนั้น ก็คุมกันออกมาจะเข้าชิงทรัพย์ใน
พระองค์พระราชา ท้าวมหาพลทรงเห็นดังนั้นก็ทรงพระแสงธน่ยิงพวกโจรล้มตายเป็ นอัน
มาก ฝู ายนายโจรได้ทราบวูาผ้่มีทรัพย์มาฆูาฟั นพวกตนลงไปเป็ นอันมากดังนั้นก็กระทำา
สัญญาณเรียกพลโจรออกมาทั้งหมดแล้วเข้าล้อมรบพระราชา ท้าวมหาพลองค์เดียวเหลือ
กำาลังจะตูอส้่ป้องกันอาวุธพวกโจรได้ ก็สิ้นพระชนม์ลงในที่น้ัน พวกภิลล์ก็ชูวยกัน
ปลดเปลื้องของมีคูาออกจากพระองค์ แล้วพากันคืนเข้าสู่บ้านแหูงตน

ฝู ายพระมเหสีและพระราชธิดาทรงแอบอยู่ในแนวไม้เห็นพวกโจรเข้ากลุ้มรุม
รบพระราชาก็ตกใจเป็ นกำาลังแตูไมูร้่จะทำาอยูางไรได้ ครั้นเห็นพวกภิลล์ทำาลายพระชนม์
พระราชาลงไปแล้ว สองนางพระองค์ส่ันพากันหนี หูางออกไปจากหมู่บ้านโจร ทางจะไป
ทางไหนหาทราบไมู ความมูุงมาดมีอยู่แตูวูาจะหนี ให้พ้นมือพวกภิลล์ซึ่งเป็ นคนชาติต่ ำาช้า
เทูานั้น นางทั้งสองทรงกำาลังน้อยแตูอำานาจความกลัวพาให้เสด็จไปเป็ นทางถึง ๔ โกรศ
อูอนเพลียพระกำาลัง ทรงดำาเนิ นตูอไปไมูได้ ก็หยุดนั่งพักอยู่ใต้รูมไม้ริมทาง

เผอิญมีพระราชาอีกพระองค์หนึ่ ง ทรงนาม ท้าวจันทรเสน เสด็จออกยิงสัตว์


ปู ากับพระราชบุตรจำาเพาะสองพระองค์ กษัตริย์ท้ังสองทรงม้าไปตามแนวปู า เห็นรอยเท้า
หญิงสองคนก็ทรงชักม้าหยุดด่ พระราชบิดาตรัสวูา
"รอยเท้าคนทำาไมมีอยู่ในปู าแถบนี้ " พระราชบุตรท่ลวูา
"รอยเท้าเหลูานี้ เป็ นรอยเท้าหญิงสองคน รอยเท้าชายคงจะโตกวูานี้ " พระ
ราชาตรัสวูา
"เจ้าของรอยเท้าเหลูานี้ เป็ นหญิงจริงอยูางเจ้าวูา แลนู าประหลาดที่มีหญิงมา
เดินอยู่ในปู า แตูถ้าจะพ่ดตามเรื่องในหนังสือ หญิงที่พระราชาพบในปู ามักจะงามกวูาหญิง
ที่จะหาได้ในกรุงเหมือนดอกไม้ปูาที่งามกวูาดอกไม้ในสวน มาเราจะตามนางทั้งสองนี้ ไป
ถ้าพบนางงามจริงดังวูา เจ้าจงเลือกเอาเป็ นเมียคนหนึ่ ง" พระราชบุตรท่ลตอบวูา
"รอยเท้านางทั้งสองนี้ มีขนาดไมูเทูากัน แม้เท้ามีขนาดยูอมทั้งสองนางก็ยง ั ก็
ยังใหญูกวูากันอยู่คนหนึ่ ง ข้าพเจ้าจะเลือกนางเท้าเล็กเป็ นภริยาข้าพเจ้า เพราะคงจะเป็ น
สาวน้อยตามขนาดแหูงเท้า สูวนนางเท้าเขื่องนั้นคงจะเป็ นสาวใหญู ขอพระองค์จงรับไว้
เป็ นราชชายา" ท้าวจันทรเสนตรัสวูา
"เหตุไฉนเจ้าจึงกลูาวดังนี้ พระราชมารดาของเจ้าสิ้นพระชนม์ไปไมูก่ีวัน เจ้า
จะอยากมีแมูเลี้ยงเร็วเทูานี้ เจียวหรือ" พระราชบุตรท่ลตอบวูา
"ขอพระองค์อยูารับสั่งเชูนนั้น เพราะบ้านของผ้่เป็ นใหญูในครอบครัวนั้น ถ้า
ไมูมีแมูเรือนก็เป็ นบ้านที่วูาง อนึ่ งพระองค์ยูอมจะทรงทราบคาถาซึ่งม่ลเทวะบัณฑิตแตูงไว้
มีความวูา 'ชายผ้่ไมูใชูคนโงูไมูยอมคืนสู่เรือนซึ่งไมูมีนางที่รักผ้่มีร่ปงามคอยรับรองใน
ขณะที่กลับถึงเรือนนั้น แม้เรียกวูาเรือนก็ไมูใชู อื่น คือคุกซึ่งไมูมีโซูเทูานั้นเอง' พระองค์
ยูอมทรงทราบได้ด้วยพระองค์เองวูา ความสุขแหูงพูอบ้านซึ่งอยู่โดดเดี่ยวนั้นมีไมูได้ใน
บ้าน แลมีไมูได้นอกบ้าน เพราะไมูมีหวังวูาจะได้ความสุข เมื่อกลับมาสู่เรือนแหูงตน"

ท้าวจันทรเสนทรงนิ่ งตรองอยู่ครู่หนึ่ ง แล้วตรัสตอบพระราชบุตรวูา


"ถ้านางเท้าเขื่องมีลักษณะเป็ นที่พึงใจ ข้าก็จะทำาตามคำาเจ้าวูา"

ครั้นกษัตริย์ท้ง
ั สององค์ทรงกระทำาสัญญาแบูงนางกันดังนี้ แล้ว ก็ทรงชักม้า
ตามรอยเท้านางเข้าไปในปู า สักครู่หนึ่ งเห็นสองนางนั่งพักอยูใ่ ต้รูมไม้ กษัตริยส
์ ององค์
เสด็จลงจากม้าเข้าไปถามนาง ทั้งสองนางก็เลูาเรื่องให้ทรงทราบทุกประการ พระราชา
กับพระราชบุตรก็เชิญนางทั้งสองขึ้นหลังม้าองค์ละองค์ นางพระบาทเขื่องคือพระราชธิดา
ขึ้นทรงม้ากับท้าวจันทรเสน นางพระบาทเล็กคือพระมเหสีขึ้นทรงม้ากับพระราชบุตร สี่
องค์ก็เสด็จเข้ากรุง

กลูาวสั้นๆ ท้าวจันทรเสนแลพระราชบุตรก็ทำาการวิวาหะทั้งสองพระองค์แตู
กลับคู่กันไป คือพระราชบิดาทรงวิวาหะกับพระราชบุตรี พระราชบุตรทรงวิวาหะกับพระ
มเหสี แลเพราะเหตุท่ค ี าดขนาดเท้าผิด ล่กกลับเป็ นเมียพูอ แมูกลับเป็ นเมียล่ก ล่กกลับ
เป็ นแมูเลี้ยงของผัวแมูตัวเอง แลแมูกลับเป็ นล่กสะใภ้ของผัวแหูงล่กตน แลตูอมาบุตรแล
ธิดาก็เกิดจากนางทั้งสอง แลบุตรแลธิดาแหูงนางทั้งสองก็ก็มีบุตรแลธิดาตูอ ๆ กันไป

เวตาลเลูามาเพียงนี้ ก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ ง แล้วกลูาวตูอไปวูาบัดนี้ ข้าพเจ้าจะตั้ง


ปั ญหาท่ลถามพระองค์วูา ล่กท้าวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพล แลล่กมเหสีท้าว
มหาพลที่เกิดกับพระราชบุตรท้าวจันทรเสนนั้นจะนับญาติกน ั อยูางไร พระวิกรมาทิตย์ได้
ทรงฟั งปั ญหาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเรื่องพูอกับล่ก แมูกับล่ก แลพี่กับน้องมาปนกันยูุง
แลมิหนำาซำ้ามีเรื่องแมูเลี้ยงกับแมูตัวแลล่กสะใภ้กับล่กตัวอีกเลูา พระราชาทรงตีปัญหายัง
ไมูทันแตก พอทรงนึ กขึ้นได้วูาการพาเวตาลไปสูงให้แกูโยคีน้ัน จะสำาเร็จได้ก็ด้วยไมูทรง
ตอบปั ญหา จึงเป็ นอันทรงนิ่ งเพราะจำาเป็ นแลเพราะสะดวก แลรีบสาวก้าวทรงดำาเนิ นเร็ว
ขึ้น ครั้นเวตาลท่ลเย้าให้ตอบปั ญหาด้วยวิธีกลูาววูาโงู จะรับสั่งอะไรไมูได้ก็ทรงกระแอม
เวตาลท่ลถามวูา
"รับสั่งตอบปั ญหาแล้วไมูใชูหรือ"
พระราชาไมูทรงตอบวูากระไร เวตาลก็น่ิ งอยู่ครู่หนึ่ งแล้วท่ลถามวูา
"บางทีพระองค์จะโปรดฟั งเรื่องสั้นๆ อีกสักเรื่องหนึ่ งกระมัง" ครั้งนี้ แม้แตู
กระแอมพระวิกรมาทิตย์ก็ไมูทรงกระแอม เวตาลจึงกลูาวอีกครั้งหนึ่ งวูา
"เมื่อพระองค์ทรงจนปั ญญาถึงเพียงนี้ แล้ว บางทีพระราชบุตรซึ่งทรงปั ญญา
เฉลียวฉลาดจะทรงแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง"
แตูพระธรรมธวัชพระราชบุตรนิ่ งสนิ ททีเดียว
ปลายเรื่อง
เมื่อพระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่ งอึ้งมิได้ออกพระโอษฐ์ตรัสประการใด ดัง
นัน
้ เวตาลก็แสดงวาจาอาการประหลาดใจเป็ นทีส ่ ุด กล่าวชมว่าทรงตัง้ มัน

พระหฤทัยดีนัก พระปั ญญาราวกับเทวดาแลมนุษย์อ่ ืนทีม ่ ีปัญญา จะหามนุษย์
เสมอมิได้ แต่ถึงเวตาลจะเห็นแล้วว่าพระราชาตัง ้ พระหฤทัยจะไม่รับสัง่ ก็ยังไม่
ยอมสนิ ท ยังกล่าวยัว
่ โดยเพียรจะให้รับสัง่ ให้จงได้ เวตาลกล่าวว่า

"ข้าพเจ้าขอถวายพระพรให้ทรงรับความสำาราญ เป็ นผลแหูงการที่ทรงนิ่ ง


ครั้งนี้ พระองค์ได้ทรงเพียรมาหลายครั้งแล้วที่จะห้ามความชูางพ่ดในพระองค์ แตูก็ไมู
สำาเร็จ ข้าพเจ้าจะไมูท่ลถามวูาการที่ทรงระงับความชูางพ่ดนั้น เป็ นด้วยความถูอม
พระองค์ แลความสามารถกุมพระสติไว้ได้ หรือเป็ นด้วยความโงูแลไมูสามารถเทูานั้นเอง
การที่ข้าพเจ้าไมูท่ลถามวูา ไมูทรงตอบเพราะเหตุไรนั้น ก็เพราะข้าพเจ้า
ต้องการจะไว้พระพักตร์ แลพระองค์กค ็ งจะทรงทราบแล้ววูา ข้าพเจ้าสงสัยวูาไมูทรงตอบ
เพราะพระปั ญญาทึบ ไมูทรงทราบวูาจะตอบวูากระไร หาใชูเป็ นด้วยมีพระปั ญญาจะตอบ
ได้ถก่ ต้อง แตูไมูทรงตอบเพราะกุมพระสติไว้ได้ไมู การที่ไมูทรงตอบปั ญหาครั้งนี้ ก็กลูาว
ได้วูาเป็ นด้วยทรงเชื่อคำาแนะนำาของข้าพเจ้า แลข้าพเจ้ามีความปลื้มที่ทรงเชื่อคำาสั่งสอน
ของเวตาลจึงไมูท่ลซักถามวูา ทรงเชื่อเพราะความฉลาดกุมสติไว้ได้ หรือเป็ นเพราะโงูไมูร้่
จะตอบวูากระไร แลความไมูตอบก็เป็ นความเชื่อคำาสั่งสอนของข้าพเจ้าไปในตัว"

พระวิกรมาทิตย์ทรงกัดริมพระโอษฐ์เพื่อจะห้ามพระองค์เองมิให้ตรัส แลก็
ห้ามไว้ได้ เวตาลกลูาวตูอไปวูา
"เมื่อพระองค์ทรงร้่สึกความทึบแหูงพระปั ญญา แลได้รับทุกข์คืออัดอั้นตัน
พระหฤทัยถึงเพียงนี้ แล้ว ข้าพเจ้าก็เกิดสงสาร จึงยอมระงับความมูุงหมายซึง ่ มีมาแตูใน
เบื้องต้นวูา จะทำาให้ทรงดำาเนิ นทวนไปทวนมาจนสิน ้ พระชนม์ลงในระหวูางทางเพื่อ
ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสสละศพที่สง ิ อยู่เดีย
๋ วนี้ เข้าสิงศพพระราชาลองด่วูามีรสชาติเป็ น
อยูางไรบ้าง อนึ่ งข้าพเจ้าได้ถวายสัญญาไว้แตูในชั้นเดิมวูาจะถวายประโยชน์อยูางหนึ่ งซึ่ง
ไมูมีใครอื่นจะถวายได้ แตูกูอนที่จะถวายนั้น ข้าพเจ้าขอท่ลถามวูา พระองค์จะทรงขยับ
ยูามให้ข้าพเจ้าหายใจสะดวกขึ้นอีกหนู อยจะได้หรือไมู"
พระธรรมธวัชพระราชบุตรได้ยินเวตาลท่ลถามดังนั้น ก็จับแขนเสื้อทรงพระ
ราชบิดากระตุกเพื่อจะเตือนให้ร้่พระองค์ มิให้ตรัสตอบเวตาล แตูพระราชบิดาร้่สึก
พระองค์อยู่แล้ว แม้ใครจะเอาม้ามาลากหลายคูก ่ ็ไมูฉุดให้พระวาจาออกจากพระโอษฐ์ได้
ฝู ายเวตาลเมื่อเห็นพระราชาทรงนิ่ งอยู่ดง ั นั้นก็กลูาวตูอไปวูา
"ข้าแตูพระองค์ผ้่เป็ นใหญูในหมู่นักรบ พระองค์จงรำาลึกถึงคำาซึ่งอส่รปั ถพี
บาลได้ท่ลไว้วูา ผ้่ใดมูง ุ จะฆูาชีวต
ิ พระองค์ๆ อาจตัดหัวผ้น ่ ้ันเสียกูอนได้โดยคลองธรรม แล
ในการข้างหน้าซึ่งจะเป็ นไปตั้งแตูบัดนี้ พระองค์พึงปฏิบต ั ิตามคำาที่อส่รกลูาวนั้น สูวน
พูอค้าพลอยซึ่งถวายทับทิมแกูพระองค์เป็ นอันมาก แลโยคีช่ ือศานติศีลซึง ่ กระทำาพิธีอยู่ท่ี
ปู าช้าริมฝั่ งแมูน้ ำาโคทาวรีน้ัน คือคน ๆ เดียวกัน แลมิใชูใครอื่น คือโยคีซึ่งพระราชบิดา
แหูงพระองค์ได้กระทำาเหตุให้โกรธ แลมาดหมายจะแก้แค้นเป็ นเวรกันอยู่จนบัดนี้ สูวน
ข้าพเจ้าผ้่เป็ นล่กพูอค้านำ้ามันนั้น โยคีกลัววูาจะกระทำาการกีดกั้นความเป็ นใหญูในโลกของ
เขา จึงฆูาข้าพเจ้าเสียด้วยอำานาจตบะแลพาศพข้าพเจ้ามาแขวนห้อยหัวไว้ท่ต ี ้นอโศกเป็ น
เครื่องลูอลวงพระองค์"

"โยคีน้ันเป็ นผ้่ใช้ให้พระองค์มาปลดข้าพเจ้าแบกไปให้แกูเขา แลเมื่อ


พระองค์ทรงทิ้งข้าพเจ้าลงที่เท้าเขาในคืนวันนี้ เขาจะสรรเสริญความกล้าแลความเพียร
ของพระองค์ขึ้นไปจนถึงฟ้ า ข้าพเจ้าขอท่ลให้ร้่พระองค์แลระวังพระองค์จงหนัก เพราะโยคี
คงพาพระองค์ไปที่หน้าเทวร่ปนางทุรคา แลเมื่อเขาได้บ่ชาแล้ว เขาจะเชิญให้พระองค์
เคารพเทวร่ปโดยอัษฎางคประณต"
ตรงนี้ เวตาลท่ลกระซิบคูอยๆ ประหนึ่ งเกรงวูาจะมีผ้่ได้ยินแลนำาคำาที่กลูาว
นั้นไปบอกโยคีศานติศล ี ครั้นท่ลเสร็จแล้ว เวตาลก็ออกจากศพ ทำาให้ยูามซึ่งพระราชา
ทรงแบกนั้นเบาเข้าเป็ นอันมาก แตูเมื่อได้ออกจากยูามแล้วยังลอยกลูาวสรรเสริญพระ
ราชาแลพระราชบุตรอยู่อีก คำาสรรเสริญนั้นเป็ นไปในทางที่ชมวูารู้สึกความโง่แลลด
หย่อนราชมานะอันเป็ นคุณความดีซึง ่ ถ้ามีในตัวใครผู้นัน
้ ย่อมมีความสุขในโลก

ครั้นเวตาลไปพ้นแล้ว พระวิกรมาทิตย์ก็รีบทรงดำาเนิ นไปถึงปู าช้า พบโยคี


กำาลังนั่งเคาะกะโหลกหัวผีกลูาวไมูหยุดปากวูา
"โห กาลี โห ทุรคา โห เทวี"
รอบตัวโยคีน้ัน มากไปด้วยร่ปกายอันนู าเกลียดนู ากลัว คือผีอส่รทั้งหลาย
สำาแดงร่ปตูางๆ กัน บ้างก็เป็ นนาค บ้างก็เป็ นภ่ต บ้างก็เป็ นร่ปแพะใหญูซึ่งผีแหูงผ้ฆ่ ูา
พราหมณ์ได้เข้าสิงอยู่ บ้างก็เป็ นหนอนใหญูซึ่งผีแหูงพราหมณ์กินเหล้าเป็ นผ้่สิง บ้างก็เป็ น
ร่ปคนหน้าเป็ นม้าแลอ่ฐแลลิง บ้างก็เป็ นร่ปคนขาข้างเดียว ห่ข้างเดียวแลเป็ นผีด่ดเลือด
เพราะเมื่อยังไมูตายได้ขโมยของวัด บ้างก็มีร่ปเป็ นแร้งแลเป็ นผีเลว ๆ เพราะเคยเป็ นช้ก ่ ับ
เมียอุปัชฌาย์ หรือได้เมียเป็ นคนตำ่าชาติ หรือเป็ นผีทำาบาปอื่นตูาง ๆ บ้างก็เป็ นร่ปสัตว์อัน
นู าเกลียดแลนู ากลัว กัดกินทูอนแหูงศพมนุษย์ แลทำาเสียงกึกก้องไปทั้งปู าช้า

ครั้นพระวิกรมาทิตย์เสด็จเข้าไปใกล้จะถึงตัวโยคี โยคีกย ็ กแขนขึ้นเป็ น


สัญญาณเสียงทั้งหลายก็หยุดนิ่ งหมด พระราชาก็ทรงทิ้งยูามศพลงตรงหน้าโยคี โยคีก็
แสดงความยินดี แลกลูาวสรรเสริญความมั่นคงของพระราชาเป็ นอันมาก แล้วโยคีกห ็ ยิบ
เอาศพซึ่งเป็ นศพเด็กออกมาจากยูาม แล้วหันหน้าไปทางทิศใต้ รูายมนตร์อยู่ครู่หนึ่ ง ศพ
นั้นก็มีอาการเหมือนเป็ น แล้วโยคีกถ ็ วายของเป็ นเครื่องบ่ชาพระเทวี คือ พล่ ดอกไม้ ไม้
จันทน์ ข้าว ล่กไม้ แลเนื้ อมนุษย์ซึ่งไมูเคยถ่กคมเหล็ก

แล้วเอาเชื้อเพลิงใสูลงในกะโหลกหัวผี จุดไฟเปู าจนลุกเป็ นเปลวใช้


แทนโคมสูองทาง นำาพระราชาแลพระราชบุตรไปยังเทวรูปนาง
กาลีเป็ นรูปหญิงด้าคอขาดจากตัวครึง ่ หนึ่ ง ลิ้นแลบออกมา
จากปากซึง ่ อ้ากว้าง ตาแดงเหมือนคนเมา คิ้วแดง แลผม
ซึง
่ เป็ นเส้นหยาบนัน ้ ห้อยคลุมไปจนถึงเท้า เสื้อผ้าทีค ่ ลุม
นัน้ คือหนังช้างแห้ง สะเอวรัดด้วยมาลัยร้อยด้วยมือแห่ง
ยักษ์ซึง ่ นางฆ่าตายในขณะรบ มีศพสองศพห้อยเป็ นกุณฑล
ทีห ่ ูสองข้าง แลสร้อยคอนัน ้ เป็ นโซ่กะโหลกหัวคน มือทัง ้ สี่
ถือดาบ บาศ ตรี แลคทา เท้าหนึ่ งเหยียบอกพระศิวะผู้สามี
อีกเท้าหนึ่ งเหยียบน่ อง หน้าเทวร่ปอันนู ากลัวนี้ มีเครื่องใช้ใน
การบ่ชาตูางๆ คือตะเกียง หม้อ แลภาชนะอื่นๆ กับสังข์แลฆ้อง
เป็ นต้น ของเหลูานี้ มีกลิ่นเลือดทั้งนั้น

ครั้นโยคีพาพระราชาแลพระราชบุตรไปถึงหน้าเทวร่ปแล้ว ก็ก้มลงวาง
กะโหลกศีรษะที่ถือเป็ นโคมนำาทางมานั้นลงกับพื้น แล้วหยิบดาบมาถือแอบหลังไว้ แลท่ล
พะราชาวูา
"ข้าแตูพระราชา พระองค์ได้ทรงกระทำาตามสัญญาแล้วโดยทางที่ชอบทุก
ประการ แลเพราะเหตุท่พ ี ระองค์เสด็จมาในที่น้ี พิธีของข้าพเจ้าจะเป็ นอันสำาเร็จดังหมาย
พระอาทิตย์ก็จะขับรถข้ามเขาเบื้องตะวันออกอยู่แล้ว เชิญพระองค์ทรงเคารพพระผ้่เป็ น
เจ้าโดยอัษฎางคประณต แลพระเกียรติของพระองค์จะรูุงเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป สิธิท้ังแปด แล
นิ ธิท้ังเก้า จะได้เป็ นของพระองค์ แลความจำาเริญจะมียืนยาวไปชั่วกาลนาน"
พระวิกรมาทิตย์ทรงฟั งดังนั้น รำาลึกได้ถง
ึ คำาเวตาล จึงรับสั่งแกูโยคีโดย
อาการเคารพวูา
"ข้าพเจ้าพระราชาไมูเคยกระทำาอัษฎางคประณต ขอทูานผ้่เป็ นอาจารย์จง
ทำาให้ข้าพเจ้าด่กูอน แล้วข้าพเจ้าจะทำาตาม"

โยคีผ้่ฉลาดขุดหลุมไว้ลูอพระราชา ก็ตกหลุมที่ตัวเองทำาไว้ ครั้นโยคีก้มตัว


ลงกระทำาอัษฎางคประณต พระวิกรมาทิตย์ก็ชก ั พระแสงดาบออก ฟาดถ่กศีรษะโยคีขาด
กระเด็นไป ขณะนั้นเทวร่ปควำ่าลงมา หากพระธรรมธวัชพระราชบุตรจับพระกรพระราช
บิดาเหนี่ ยวพระองค์กระชากไปโดยแรง พระราชาจึงหลีกพ้นเทวร่ปรอดชีวิตไปได้ ใน
ทันใดนั้นมีเสียงกลูาวในอากาศวูา
"บุรุษพึงฆูาคนซึ่งตั้งใจจะฆูาตนได้โดยคลองธรรม"
แลมีเสียงดนตรีแลคำาอวยชัยมาจากในฟ้ า ทั้งดอกไม้ทิพย์กต ็ กกลูนเกลื่อน
ไป พระอินทร์แวดล้อมด้วยเทพบริวารก็เสด็จมาเฉพาะพระพักตร์พระวิกรมาทิตย์ แลตรัส
ให้ขอพรๆ หนึ่ ง พระวิกรมาทิตย์ท่ลวูา
"ข้าแตูพระจอมสวรรค์ขอพระองค์จงประทานพรให้เรื่องของข้าพเจ้านี้
ปรากฏไปในโลกชั่วกาลนาน" พระอินทร์ตรัสวูา
"เราให้พรแกูทูานดังขอ แลตราบใดพระอาทิตย์แลพระจันทร์ยังสูองอยู่ใน
ฟ้ า แลฟ้ ายังครอบดิน ตราบนั้นเรื่องนี้ ปรากฏไปในโลก"

ครั้นพระอินทร์เสด็จหายไปแล้ว พระวิกรมาทิตย์ทรงยกศพทั้งสองทิ้งเข้าไป
ในกองไฟ ก็เกิดมีพีระสองตน พระวิกรมาทิตย์ตรัสวูา
"เมื่อข้าเรียกเจ้าจงมาทันที"
แล้วก็พาพระราชบุตรคืนเข้าพระราชวัง ทรงปกครองบ้านเมืองเป็ นสุข
ชัว
่ กาลนาน จนเมื่อพระองค์ซึง ่ มีความตายเป็ นสภาพเสด็จสู่ปรโลกแล้ว พระ
เกียรติซึง
่ มิรู้ดับยังปรากฏตราบเท่าทุกวันน้ี
The Vampire's Tenth Story

You might also like