Professional Documents
Culture Documents
ลิลิตะเลงพ่าย
ลิลิตะเลงพ่าย
การอ่านและพิจารณาวรรณคดีเรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย
โดย
เสนอ
อ.พนมศักดิ์ มนูญปรัชญาภรณ์
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนสาธิตนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน
รายวิชาภาษาไทยและวัฒนธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
1
คำนำ
ผู้จัดทำ
2
สารบัญ
เรื่อง หน้า
เนื้อเรื่อง 4
โครงเรื่อง 4
ตัวละคร 5-6
ฉากท้องเรื่อง 6
บทเจรจาหรือรำพึงรำพัน 6-7
แก่นเรื่อง 7
การสรรคำ 7-9
การเรียบเรียงคำ 9-11
การใช้โวหาร 11-12
คุณค่าด้านอารมณ์ 12-13
คุณค่าด้านคุณธรรม 13
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ 13-14
บรรณานุกรม 15
3
แนวทางในการพิจารณาเนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีและวรรณกรรม
4
1.3 ตัวละคร
- ฝ่ายไทย
1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์คือคนที่ประกาศเอกราชกลังจากที่เสียไปให้กับพม่ามาถึง 15 ปี
รวมทั้งพระองค์ยังทรงขยายอาณาจักรให้กว้างใหญ่ อีกทั้งยังทำสงครามกับพม่า จนพม่าเกรงกลัวไม่กล้าที่จะมารบกับ
ไทยอีกเลยเป็นเวลากว่าร้อยปี พระองค์ทรงเสด็จสววรคตในขณะที่ทำศึกสงครามกับกรุงอังวะ แต่เกิดอาการประชวร
พระองค์ประชวรได้เพียง 3 วัน ก็ทรงเสด็จสวรรคต
2. สมเด็จพระเอกาทศรถ ตลอดรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรทรงออกศึกร่วมกับสมเด็จเอกาทศรถ
3. พระมหาธรรมราชา ขุนพิเรนทรเทพ ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา แล้วได้รับโปรด
เกล้าให้ไปครองเมืองพิษณุโลก สำเร็จราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ มีศักดิ์เทียบเท่าพระมหาอุปราช
4. สมเด็จพระวันรัต ในคราวที่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพ ท่านเป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้พระยา
เกียรติ์ และพระยารามที่พระเจ้าหงสาวดีส่งมาให้ลอบกำจัดพระนเรศวร พระมหาเถรคันฉ่องทราบก่อน จึงนำความ
กราบทูลพระนเรศวร และเกลี้ยกล่อมให้ พระยาเกียรติ์ และพระยาราม รับสารภาพและเข้าร่วมกับพระนเรศวร
วีรกรรมอีกครั้งหนึ่งของท่านคือ การขอพระราชทานอภัยโทษ บรรดาแม่ทัพนายกองที่ตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวร
ไม่ทัน ต้องโทษประหารชีวิต สมเด็จพระวันรัตได้ขอบิณฑบาต พระราชทานอภัยโทษบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย
5. พระยาศรีไสยณรงค์ พระองค์เป็นแม่ทัพกองหน้าของพระนเรศวร มีกำลังพล 5 หมื่น ยกไปตั้งที่หนอง
ส่าหร่าย แต่ไม่สามารถต้านทางกองทัพของฝ่ายพม่าได้ จึงมีพระราชโองการในการให้ถอยทัพเพื่อจะไปโอบล้อมจนได้
รับชัยชนะ
6. พระราชฤทธานนท์ ปลัดทัพหน้าที่สมเด็จพระนเรศวรแต่งตั้งขึ้นเพื่อให้ไปรบเป็นเพื่อนกับพระยาศรีไสย
ณรงค์
7. เจ้าพระยาคลัง ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการต่างประเทศ ถูกอาญาประหารชีวิตเช่นเดียวกับเจ้าพระยา
คลัง แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แล้วรับสั่งให้นำทัพ 5 หมื่นคน ไปตีถวายเป็นการไถ่โทษ
8. เจ้าพระยาจักรี ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการพลเรือน และดูแลหัวเมืองทางภาคกลางและภาคเหนือ ถูก
อาญาประหารชีวิตในคราวที่สมเด็จพระนเรศวรกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา แต่พระวันรัตมาขอพระราชทาน
อภัยโทษ สมเด็จพระนเรศวรพระราชทานอภัยโทษ แล้วรับสั่งให้นำทัพ ๕ หมื่นคน ไปตีเมืองตะนาวศรี และมริด
เป็นการไถ่โทษ
9. เจ้ารามราฆพ กลางช้างของพระนเรศวร หนึ่งในสี่ทหารที่ตามเสด็จทันในการทำยุทธหัตถี และไม่โดน
อาญาประหารชีวิต แถมยังได้รับการปูนบำเหน็จจากสมเด็จพระนเรศวร เพื่อตอบแทนความกล้าหาญ
5
10. นายมหานุภาพ ควาญช้างของสมเด็จพระนเรศวร ถูกทหารพม่ายิงเสียชีวิตในช่วงที่กระทำยุทธหัตถี
และได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เป็นการตอบแทนความชอบ
11. หลวงมหาวิชัย พราหมณ์ผู้ที่ทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรจะยกทัพออกรบ และ
กระทำยุทธหัตถีจนได้รับชัยชนะ
- ฝ่ายพม่า
1. พระเจ้าหงสาวดี ดำรงตำแหน่งอุปราชในสมัยบุเรงนอง ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากบุเรงนอง
2. พระมหาอุปราช เป็นเพื่อนเล่นกันกับพระนเรศวรในสมัยที่พระองค์ประทับอยู่ที่กรุงหงสาวดี ทรงทำงาน
สนองพระราชบิดาหลายครั้ง โดยเฉพาะราชการสงคราม และได้ถวายงานครั้งสุดท้ายในการยกทัพ ๕ แสนมาตีไทย
และสิ้นพระชนม์ในการทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
3. พระยาจิดตอง แม่กองการทำสะพานเชือกข้ามแม่น้ำกระเพิน
4. สมิงอะคร้าน สมิงป่อง สมิงซายม่วน กองลาดตระเวที่พระมหาอุปราชส่งให้มาเพื่อมาหาข่าวที่กองทัพ
ไทย ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาทำศึกสงครามที่ไทย
5. เจ้าเมืองมล่วน ควาญช้างของพระมหาอุปราช ผู้ที่สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้กลับไปแจ้งข่าวการแพ้
สงคราม และการสิ้นพระชนม์ของพระมหาอุปราชาแก่พระเจ้าหงสาวดี
6. มางจาชโร พี่เลี้ยงของพระมหาอุปราชา ผู้ที่ชนช้างกับพระเอกาทศรถ และถูกพระเอกาทศรถฟันด้วย
พระแสงของ้าวคอขาด
1.4 ฉากท้องเรื่อง
ลิลิตตะเลงพ่ายมีฉากท้องเรื่องอยู่ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงหงสาวดีในสมัยอยุธยา
1.5 บทเจรจาหรือรำพึงรำพัน
พระมหาอุปราชารำพึงถึงนาง
มาเดียวเปลี่ยวอกอ้า อายสู
สถิตอยู่เอ้องค์ดู ละห้อย
พิศโพ้นพฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา
พลางคะนึงนุชน้อย แน่งเนื้อนวลสงวน
6
สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤ
เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้
สละสละสมร เสมอชื่อ ไม้นา
นึกระกำนามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม
สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
ถอดคำประพันธ์
พระองค์ได้ออกเดินทางมาเพียงคนเดียวจึงรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจและน่าเศร้า เมื่อท่านชมต้นไม้และ
ดอกไม้ที่พบเห็นระหว่างทางก็รู้สึกเบิกบานพระทัยขึ้น แต่ก็ไม่ยังคงคิดถึงนางสนมทั้งหลายอยู่
ท่านเห็นต้นสลัดไดทรงดำริว่าเหตุใดต้องจากน้องมานอนป่า มาเพื่อทำสงครามกับข้าศึก เห็นต้นสละที่ต้อง
สละน้องมาเหมือนชื่อต้นไม้ เห็นต้นระกำที่ชื่อต้นไม้เหมือนอกพี่แท้ๆ
ต้นสายหยุดเมื่อสายก็หมดกลิ่น แต่ใจของพระมหาอุปราชาก็ไม่คลายรักนาง กี่วันกี่คืนที่จากนางก็มีแต่
ความทุกข์คิดถึงน้องทุกค่ำเช้า ไม่รู้ว่าจะหยุดรักนางได้อย่างไร
1.6 แก่นเรื่อง
ผู้ประพันธ์เรื่องลิลิตตะเลงพ่ายต้องการสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นถึงความกล้าหาญและความเสียสละของ
บรรพบุรุษไทย และเป็นการสร้างกำลังใจให้คนไทยมีความรักและปกป้องแผ่นดินไทย。
การพิจารณาการใช้ภาษาในวรรณคดีและวรรณกรรม
ในวรรณคดีต่างๆนั้น กวีและถ้อยคำต่างๆที่ใช้จะต้องมีความประณีตและอ่อนช้อยเหมาะสมมานำเสนอต่อ
ผู้อ่าน รวมถึงการใช้ภาษาที่พลิกแพลงไปมาเพื่อสร้างอรรถรสให้ในการอ่าน ทั้งที่ทั้งนั้นภาษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมา
เป็นประเด็นในการวิเคราะห์วรรณคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
2.1 การสรรคำ
ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดีมรดกล้ำค่าของคนไทยที่ทุกคนควรจะศึกษา เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ
ในวีรกรรมของนักรบ, กษัตริย์ไทยและภูมิใจในภาษาไทยที่กวีใช้ในการถ่ายทอดอารมณ์, ความรู้สึกและเรื่องราว
7
ได้อย่างมีคุณค่าทางดานวรรณศิลป์ ด้วยการใช้ถ้อยคำได้อย่างไพเราะ ดังนี้
สัมผัสพยัญชนะ เสร็จ - เสา - สั่ง - สนม,คม - คำ,ลา - ล่วง,จ้า - จับ,ท่าน - ไท,เผด็จ - ดัส,เสี้ยน -
สยาม - สิ้น
2.2 มีการใช้สัมผัสพยัญชนะเดียวกันเกือบทั้งวรรค เช่น
กระเต็นกระตั้วตื่น แตกคน
ยูงย่องยอดยูงยล โยกย้าย
นกเปล้านกปลีปน ปลอมแปลก กันนา
8
คล่ำคล่ำคลิ้งโคลงคล้าย คู่เคล้าคลอเคลีย
วรรคที่ 1 เต็น - ตั้ว - ตื่น
วรรคที่ 3 ยูง - ย่อง - ยอด - ยูง - ยล
วรรคที่ 4 โยก - ย้าย
วรรคที่ 5 เปล้า - ปลี - ปน
วรรคที่ 6 ปลอม - แปลก
วรรคที่ 7 คล่ำ - คลิ้ง - โคลง - คล้าย
วรรคที่ 8 คู่ - เคล้า - คลอ - เคลีย
2.8 การเรียบเรียงคำ
ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นประเภทโคลงสุภาพ โดยมีการใช้ภาษาโบราณ และมีการพรรณนาถึงเรื่องราวต่างๆ
1) เรียงข้อความที่บรรจุสารสำคัญไว้ท้ายสุด
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชิวาตม์สุดสิ้น สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
3) เรียบเรียงประโยคให้เนื้อหาเข้มข้นขึ้นไปตามลำดับดุจขั้นบันไดจนถึงขั้นสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
พระทรงแสงดาบแก้ว กับกร
โจมประจักฟันฟอน เฟื่องน้ำ
10
ต่างฤทธิ์ต่างรบรอบ ราญชีพ กันแฮ
สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำ ท่งท้องชลธี
2.9 การใช้โวหาร
พลอยพล้าเพลียกถ้าท่าน ในรณ
บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้อน
พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ
ขาดด้าว โดยขวา
- การใช้โวหารโดยการเปรียบเทียบ
ว่าสมเด็จพระนเรศวรมีฤทธิ์เหมือนพระรามยามต่อสู้กับทศกัณฐ์ ข้าศึกศัตรูที่พ่ายแพ้ไปเหมือนพล
ยักษ์ สมเด็จพระนเรศวรก็เหมือนองค์พระนารายณ์อวตารลงมา
บุญเจ้าจอมภพขึ้น แผ่นสยาม
แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล้ว
พระฤทธิ์ดั่งฤทธิ์ราม รอนราพณ์ แลฤ
ราญอริราชแผ้ว แผกแพ้ทุกภาย
ไพรินทรนาศเพี้ยง พลมาร
พระดั่งองค์อวตาร แต่กี้
แสนเศิกห่อนหาญราญ รอฤทธิ์ พระฤ
11
ดาลตระดกเดชลี้ ประลาตหล้าแหล่งสถาน
เสร็จเสวยศวรรเยศอ้าง ไอยศูรย์ สรวงฤ
เย็นพระยศปูนเดือน เด่นฟ้า
เกษมสุขส่องสมบูรณ์ บานทวีป
สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้า แหล่งล้วนสรรเสริญ ฯลฯ
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า อำนาจแห่งพระนเรศวรมหาราชกษัตริย์ไทย แค่ศัตรูได้ยินเพียงชื่อ ก็พากันเกรงกลัว เมื่อมีใครมา
ทำศึกสงครามก็ต้องพ่ายแพ้กลับไปข้าศึกล้มตายไปเหมือนทหารยักษ์ พระองค์เปรียบเสทือนดั่งพระรามอวตารลงมาปราบศัตรู
ต่อให้มีศัตรูเป็นแสน ก็ไม่มีผู้มดสามารถต่อสู้ฤทธ์อำนาจของพระองค์ได้ ต่างก็พากันตกใจแล้วก็หนีกลับไปยังประเทศของตน
พระบารมีของพระองค์ที่มีทำให้บ้านเมืองไทยมีแต่ความสงบ อุดมสมบูรณ์ ไม่มีทุกข์ภัยมาเยือน จนเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ
การพิจารณาประโยชน์หรือคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรม ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่แต่งขึ้นมาเพื่อให้อ่านแบบนิทานทั่วไป หาก สิ่งนี้
แฝงไปด้วยคุณธรรมในหลายๆด้านที่สอนใจมากมายและยังสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของผู้เขียน ดังนั้น วรรณกรรม
ต่างมีบทบาทความสำคัญ ซึ่งคุณค่าเหล่านี้สามารถเห็นได้ตาม ดังนี้
3.1 คุณค่าด้านอารมณ์
1. สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้นและสะเทือนใจ
พระผาดผายสู่ห้อง หาอนุชนวลน้อง
หนุ่มเหน้าพระสนม ปวงประนมนบเกล้า
งามเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้า อยู่ถ้าทูลสนอง
กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรสแคล้ว
คลาดเคล้าคลาสมร จำใจจรจากสร้อย
อยู่แม่อย่าละห้อย ห่อนช้าคืนสม แม่แล
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า พระมหาอุปราชาเสด็จไปลานางสนมซึ่งร่ำไห้คร่ำครวญ และขอตามเสด็จด้วย
แต่พระมหาอุปราชาได้ตรัสว่าหนทางลำบากนัก พระองค์จำใจจากเหล่าสนมไปในไม่ช้าก็คงจะได้กลับคืนมา
2. ใช้ถ้อยคำเกิดความเศร้าสะเทือนใจสงสารในชะตากรรมของตัวละคร
สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย
12
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด
3.2. คุณค่าด้านคุณธรรม
1.สอนให้รู้จักรอบคอบไม่ประมาท
จากเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย จะสามารถเห็นความรอบคอบและความไม่ประมาทในตัวของพระนเรศวรได้ชัดเจน
ซึ่งทำให้พระเองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมากที่สุด
2. สอนให้รู้จักการวางแผน
3.สอนให้รู้จักกตัญญู
ได้แสดงให้เห็นถึงความรักของพระมหาอุปราชาที่มีต่อพระบิดา และแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูและความ
ห่วงใยที่ท่านมีต่อพระบิดาในขณะที่กำลังออกรบอยู่
3.3 คุณค่าด้านวรรณศิลป์
14
บรรณานุกรม
15