You are on page 1of 56

1

ชุดกิจกรรมสะเต็ม สำหรับนักเรียน (ชุดที่ 1)


เรือสินค้ำล่องนำวำ
เนื้ อหำที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ควำมสัม พัน ธ์ ข องโมล มวล
จำนวนอนุภำค และปริมำตรของแก๊สที่ STP

จุดประสงค์ของกิจกรรม

1. อ ธิ บ ำ ย ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ ข อ ง โ ม ล ม ว ล จ ำ น ว น อ นุ ภ ำ ค
และปริมำตรของแก๊สที่ STP
2. อธิ บ ำยหลัก กำรทำงวิ ท ยำศำสตร์ เ กี่ ย วกับ ควำมหนำแน่ น กำรจม
และกำรลอย ทีน ่ ำมำใช้ในกำรออกแบบเรือบรรทุกสินค้ำ

วัสดุอุปกรณ์
รำยกำร จำนวนต่อกลุม

ที่
1 ตลับพลำสติก 1 อัน
2 ลูก ปัด พลำสติก ขนำดเล็ ก (รัศ มี 20 ลูก
2 – 5 cm.)
3 บีกเกอร์ 250 ml. 1 อัน
4 เครือ
่ งชั่งทศนิยม 1 อัน
5 เทอร์โมมิเตอร์ 1 อัน
6 ตำชั่งสปริง 1 อัน
7 บีกเกอร์ 50 ml. 1 อัน
8 ถ้วยยูเรก้ำ 1 อัน

วิธีดำเนินกิจกรรม
1. แบ่งกลุม
่ นักเรียน 4 – 6 คน ศึกษำสถำนกำรณ์ ทก
ี่ ำหนดให้ดงั ตัวอย่ำง

นักเรียนเป็ นวิศวกรบริษท
ั เดินเรือบรรทุกสินค้ำ
ต้องกำรขนส่งสินค้ำใส่ในตูค ้ อนเทนเนอร์ให้มี
จำนวนตูค ้ อนเทนเนอร์ตอ ่ รอบมำกทีส่ ุด เพือ
่ เป็ นกำรประหยัดค่ำใช้จำ่ ย

ก ำ ห น ด เ รื อ บ ร ร ทุ ก สิ น ค้ ำ แ ท น ด้ ว ย ต ลั บ พ ล ำ ส ติ ก
และตูค้ อนเทนเนอร์แทนด้วยเม็ดพลำสติก
2. วิเครำะห์สถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดโดยใช้ประเด็นคำถำมดังนี้
2

 จำกสถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้มีปญ ั หำหรือควำมต้องกำรในเรือ ่ งใด


 ควรมีควำมรูท ้ เี่ กีย่ วข้องเรือ ่ งใดบ้ำง
3. อภิป รำยถึงปัจ จัย ที่เ กี่ย วข้อ งกับ กำรบรรจุสิน ค้ำ ลงในตู้ค อนเทนเนอร์
เช่น ควำมหนำแน่ น ของน้ ำ ที่อุ ณ หภู มิต่ำ ง ๆ ควำมหนำแน่ น ของเรื อ
(ตลับพลำสติก) น้ำหนักของตูส ้ นิ ค้ำ (เม็ดพลำสติก)
4. นั ก เ รี ย น ค ำ น ว ณ จ ำ น ว น ตู้ สิ น ค้ ำ ( เ ม็ ด พ ล ำ ส ติ ก )
ที่จะบรรทุกลงในเรือให้มีจำนวนมำกที่ สุดโดยที่เรือไม่จม ภำยในเวลำ
20 นำที
5. เมื่ อ เวลำผ่ ำ นไป 20 นำที นั ก เรี ย นน ำมำท ดสอบหน้ ำชั้น เรี ย น
และบันทึกผลกำรทดสอบ
6. ในกรณี ที่เ รื อ บรรทุ ก สิ น ค้ำ ยัง สำมำรถบรรทุ ก ตู้ค อนเทนเนอร์ ไ ด้ อี ก
ให้นกั เรียนแต่ละกลุม ่ ปรับปรุงจำนวนตูค ้ อนเทนเนอร์ทีจ่ ะบรรทุกเพิม ่
7. เ มื่ อ เ ว ล ำ ผ่ ำ น ไ ป 10 น ำ ที
ให้แต่ละกลุม ่ นำเรือทีบ ่ รรทุกตูค ้ อนเทนเนอร์มำหน้ำชัน ้ เรียน
8. นัก เรี ย นแต่ล ะกลุ่ ม น ำเรื อ ที่บ รรทุ ก ตู้ค อนเทนเนอร์ ม ำหน้ ำ ชั้น เรี ย น
แล้วปล่อยลงในบีกเกอร์ทบ ี่ รรจุน้ำขนำด 250 ml.
9. กลุม ่ ทีเ่ รือลอยและมีจำนวนตูค ้ อนเทนเนอร์มำกทีส ่ ุดเป็ นกลุม
่ ทีช
่ นะ
10. ครูให้คะแนนพิเศษแก่กลุม ่ ทีช
่ นะลำดับที่ 1, 2, 3 ตำมลำดับ
11. ให้แต่ละกลุม ่ บันทึกน้ำหนักของตูค ้ อนเทนเนอร์ในกลุม ่ ตัวเองในใ
บบันทึกกิจกรรมที่ 1
12. ค รู น ำ อ ภิ ป ร ำ ย ว่ ำ
ห ำ ก มี บ ริ ษั ท สั่ ง แ อ ม โ ม เ นี ย เ พื่ อ ไ ป ใ ช้ ใ น ห น่ ว ย โ ม ล อ นุ ภ ำ ค
และปริมำตรที่ STP จะมีคำ่ เท่ำใดบ้ำง
3

ใบบันทึกกิจกรรมที่
1
1. ก ำ ร บ ร ร ทุ ก สิ น ค้ ำ ล ง ใ น เ รื อ มี ห ลั ก ก ำ ร อ ย่ ำ ง ไ ร
ทีจ่ ะบรรทุกสินค้ำให้ได้มำกทีส ่ ุด โดยทีเ่ รือไม่จม
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
...............
2. วำดภำพกำรออกแบบเรือบรรทุกสินค้ำ

3. ร ะ ห ว่ ำ ง ก ำ ร บ ร ร ทุ ก สิ น ค้ ำ ล ง ใ น เ รื อ พ บ ปั ญ ห ำ อ ะ ไ ร บ้ ำ ง
และมีวธิ ีกำรแก้ไขปัญหำอย่ำงไร
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
...............
4

4. ตำรำงบันทึกผล
ครัง้ ที่ อุณหภูมนิ ้ำ ควำมหนำแน่ นน้ำ น้ำหนักเรือ ปริมำตรเรือ น้ำหนักตูค
้ อนเทนเนอร
(ºc) (g/cm )
3
(g) (cm )
3
(g)
1
2
3

5. จ ำนวนตู้ ค อนเท นเนอร์ (เม็ ด พลำสติ ก ) ที่ บ รรทุ ก ลงในเรื อ สิ น ค้ ำ


(ตลับพลำสติก) ................................. อัน รวมน้ำหนักตูค
้ อนเทนเนอร์
................................. กรัม
6. ว ำ ด ภ ำ พ พ ร้ อ ม อ ธิ บ ำ ย ก ำ ร ป รั บ ป รุ ง
กำรบรรทุกสินค้ำลงในเรือตัง้ แต่เริม ่ ต้นจนกระทั่งสุดท้ำย

7. ถ้ำจะนำเรือบรรทุกสินค้ำทีน ่ กั เรียนออกแบบไว้ไปใช้ในกำรบรรทุกสินค้ำจ
ริง นักเรียนควรมีกำรปรับปรุงตรงส่วนใดบ้ำง เพรำะเหตุใด
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
................................................................................................
...............
8. ห ำ ก บ ริ ษั ท สั่ ง สิ น ค้ ำ คื อ แ อ ม โ ม เ นี ย ใ น ห น่ ว ย mol, อ นุ ภ ำ ค
ดั ง นั้ น ใ ห้ นั ก เ รี ย น น ำ น้ ำ ห นั ก สิ น ค้ ำ เ ป ลี่ ย น เ ป็ น ห น่ ว ย mol
ปริมำตรและอนุภำคได้ดงั นี้
น้ำหนักสินค้ำ (แอมโมเนีย) ทีเ่ รือสินค้ำของกลุม ่ นักเรียนบรรทุกได้เท่ำกับ
................................. กิโลกรัม
ซึง่ มีคำ่ เท่ำกับ .............................................. โมล
............................................... อนุภำค
............................................... ปริมำตรที่ STP
5

ใบควำมรูท
้ ี่ 1 เรือ
่ ง กำรขนส่งสินค้ำทำงเรือ

ภำพที่ 1 แสดงเรือบรรทุกสินค้ำ ทีม


่ ำ
www.shutterstock.com
6

ก ำ ร ข น ส่ ง สิ น ค้ ำ ท ำ ง ท ะ เ ล เ ป็ น ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ที่ ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง
ร ะ บ บ ก ำ ร ค้ ำ ร ะ ห ว่ ำ ง ป ร ะ เ ท ศ
เ พ ร ำ ะ เ ป็ น เ พี ย ง ก ำ ร ข น ส่ ง ช นิ ด เ ดี ย ว ที่ ข น สิ น ค้ ำ ไ ด้ ค ร ำ ว ล ะ ม ำ ก ๆ
แ ล ะ ค่ ำ ร ะ ว ำ ง มี ร ำ ค ำ ถู ก ก ว่ ำ ก ำ ร ข น ส่ ง ใ น รู ป แ บ บ อื่ น ๆ
จ ำ ก ร ำ ย ง ำ น ข อ ง โ ค ร ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ แ ผ น ห ลั ก ก ำ ร พ ำ ณิ ช ย น ำ วี
ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก ำ ร ส่ ง เ ส ริ ม ก ำ ร พ ำ ณิ ช ย น ำ วี ก ร ะ ท ร ว ง ค ม น ำ ค ม
ก ำ ร ข น ส่ ง ด้ ว ย ร ะ บ บ ตู้ ค อ น เ ท น เ น อ ร์ ก ำ ร ข น ส่ ง ท ำ ง ท ะ เ ล
จัดเป็ นกำรขนส่งทีม ่ ีควำมสำคัญทีส ่ ุดและใช้มำกทีส ่ ุด เนื่องจำกมีตน ้ ทุนกำรขน
ส่ง ที่ต่ ำ และสำมำรถขนส่ง สิน ค้ำ ได้ค รำวละมำก ๆ โดยรู ป แบบกำรขนส่ง
ทำงทะเลในปั จ จุ บ น ั ส่ ว นใหญ่ เ ป็ นกำรขนส่ ง ด้ ว ยระบบตู้ ค อนเทนเนอร์
(Container Box) โดยสินค้ำทีจ่ ะขนส่ง จะต้องมีกำรนำมำบรรจุตู้ (Stuffing)
แ ล ะ มี ก ำ ร ข น ย้ ำ ย ตู้ ขึ้ น ไ ว้ บ น เ รื อ Container Ship
ส ำ ห รั บ ใ ช้ ใ น ก ำ ร ข น ส่ ง สิ น ค้ ำ ด้ ว ย ตู้ ค อ น เ ท น เ น อ ร์ ทั้ ง นี้
ท่ำเรือทีจ่ ะมำรองรับเรือประเภทนี้ จะต้องมีกำรออกแบบ ทีเ่ รียกว่ำ Terminal
Design เพื่ อ ให้ มี ควำมเหมำะสม ทั้ง ในเชิ ง วิ ศ วกรรมและสิ่ ง แวดล้ อ ม
คุ ณ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ตู้ ค อ น เ ท น เ น อ ร์ ( Container Box)
อ ำ จ ท ำ ด้ ว ย เ ห ล็ ก ห รื อ อ ลู มิ เ นี ย ม
มีโครงสร้ำงภำยนอกทีแ ่ ข็งแรงสำมำรถวำงเรียงซ้อนกันได้ไม่น้อยกว่ำ 10 ชัน ้
โ ด ย จ ะ มี ยึ ด ห รื อ Slot เ พื่ อ ใ ห้ แ ต่ ล ะ ตู้ จ ะ มี ก ำ ร ยึ ด ติ ด กั น
เ มื่ อ ปิ ด ตู้ แ ล้ ว จ ะ มี ที่ ล็ อ ก ตู้ ซึ่ ง ใ ช้ ใ น ก ำ ร ค ล้ อ ง ซี ล ( Seal)
ซึ่ ง ไ ด้ มี ก ำ ร พั ฒ น ำ ไ ป ถึ ง Electronic Seal
ซึ่ ง สำมำรถเข้ ำ ไปตรวจสอบทำงอิ เ ล็ ก ทรอนิ ค ส์ (Electronic Tracking)
หำต ำแหน่ งของกำร เคลื่ อ นย้ ำ ยตู้ สิ น ค้ ำ และภำยในตู้ ค อนเทนเนอร์
จะมีพื้นทีส ่ ำหรับใช้ในกำรวำง และบรรจุสน ิ ค้ำ
เรือบรรทุกตูค ้ อนเทนเนอร์ (Container Vessel)
เป็ นเรือทีอ ่ อกแบบมำสำหรับใช้ในกำรบรรทุกตูส ้ น
ิ ค้ำโดยเฉพำะ
ในปัจจุบน ั เรือบรรทุกโดยเฉลีย่ จะเป็ นประมำณ 2,700 TEU
แต่เรือทีม ่ ีขนำดใหญ่ทอ ี่ ยูใ่ นชัน
้ ทีเ่ รียกว่ำ SX Class หรือทีเ่ รียกว่ำ Super
Post Panamaxx จะมีควำมยำวโดยเฉลีย่ 320x330 เมตร กินน้ำลึก
ประมำณ 13-14 เมตร มีควำมกว้ำงวำงคอนเทนเนอร์ได้ 20-22 แถว
ซึง่ สำมำรถบรรทุกตูส ้ น
ิ ค้ำได้สูงสุดถึง 8,000 TEU ทัง้ นี้
โดยขนำดเรือทีใ่ หญ่ขน ึ้ มำกนี้จะมีผลทำให้ตน ้ ทุนโดยรวมจะลดลง
เนื่องจำกลดต้นทุนแปรผัน ทีเ่ รียกว่ำ Variable Cost ไม่วำ่ จะเป็ นค่ำน้ำมัน
หรือค่ำใช้จำ่ ยทีเ่ กีย่ วกับแรงงำน อย่ำงไรก็ดี จะต้องมีกำรบริหำรกำรจัดกำร
ในกำรทีจ่ ะหำสินค้ำได้อย่ำงมีประสิทธิภำพด้วย
7

อ้ำงอิง
http://www.marinerthai.net/sara/viewsara1006.php

ใบควำมรูท
้ ี่ 2 เรือ
่ ง ควำมหนำแน่ นของวัตถุ
และควำมหนำแน่ นของน้ำทีอ ่ ุณหภูมต
ิ ำ่ งๆ
ตอนที่ 1 กำรหำควำมหนำแน่ นของวัตถุ
ควำมหนำแน่ นของวัตถุหนึ่งคือ
อัตรำส่วนของมวลวัตถุนน ้ ั ต่อหนึ่งหน่ วยปริมำตร
กำรหำควำมหนำแน่ นนำมำใช้ในธรณีวท ิ ยำ
และวิทยำศำสตร์กำยภำพเพือ ่ ระบุคณ
ุ สมบัตข ิ องหิน แร่
โลหะและใช้ในกำรคำนวณหำแรงลอยตัวของวัตถุในของเหลวทีใ่ ห้มำเพือ ่ จะไ
ด้รวู ้ ำ่ วัตถุนน
้ ั สำมำรถลอยในของเหลวนัน ้ ได้หรือไม่ วิธีหำควำมหนำแน่ น
ให้ทำตำมขัน ้ ตอนดังต่อไปนี้
1 หำมวลของวัตถุ. มวลของวัตถุก็คอ ื ปริมำณเนื้อของสสำรในวัตถุนน ้ั
เรำสำมำรถหำมวลได้จำกกำรชั่งนำหนักวัตถุดว้ ยตำชั่งหรือตำชั่งสปริง

ภำพที่ 2 แสดงกำรชั่งมวลของวัตถุ
 ถ้ำวัตถุอยูใ่ นภำชนะขณะทีก ่ ำลังชั่งน้ำหนักอย่ำงเช่น ของเหลวหรือผงต่ำงๆ
ในกระบอกตวง
ต้องชั่งน้ำหนักภำชนะเปล่ำก่อนและค่อยนำมำลบออกจำกน้ำหนักของภำชนะที่
มีวตั ถุอยูใ่ นนัน้ ก็จะได้มวลของวัตถุนน ้ ั ออกมำ
2 หำปริมำตรของวัตถุ. ปริมำตรของวัตถุคอ ื ขนำดของวัตถุนน ้ั
เรำสำมำรถหำปริมำตรได้หลำยวิธี ขึน ้ อยูก ่ บั ว่ำวัตถุนน ้ ั เป็ นวัตถุอะไร
 ถ้ำวัตถุนน้ ั เป็ นของแข็งทีม
่ ีรูปทรงธรรมดำ ให้วดั ควำมยำว ควำมกว้ำง
ควำมสูง (ควำมยำวและเส้นผ่ำนศูนย์กลำง ถ้ำวัตถุนน ้ ั เป็ นทรงกระบอก)
และคำนวณหำปริมำตรตำมรูปร่ำงของวัตถุ
ลองอ่ำนวิธีกำรหำปริมำตรของปริซม ึ สีเ่ หลีย่ มมุมฉำก ทรงกระบอก พีระมิด แ
ละอืน ่ ๆ ดู
8

 ถ้ำวัตถุนน ้ ั เป็ นของแข็งรูปร่ำงไม่เป็ นรูปทรงอย่ำงเช่น หินขรุขระ


เรำสำมำรถหำปริมำตรของวัตถุแบบนี้โดยกำรหย่อนวัตถุลงในน้ำและวัดปริมำ
ตรน้ำทีว่ ตั ถุนน ้ ั แทนที่ (ใช้หลักของอำร์คม
ิ ด
ิ ส
ี ) ดังรูป

ภำพที่ 3
กำรหำปริมำตรของวัตถุทม ี่ ีรูปทรงไม่แน่ นอน
 ถ้ำต้องหำปริมำตรของเหลวหรือผงต่ำงๆ
ให้นำของเหลวหรือผงนัน ้ มำใส่ในกระบอกตวง และดูขด ี ทีส
่ ำรนัน ้ ไปถึง
้ ขึน
(ถ้ำเป็ นของเหลว ดูขด ่ ยูจ่ ุดต่ำสุดของส่วนโค้งซึง่ ของเหลวนัน
ี ทีอ ้ ไปถึง)
้ ขึน

ภำพที่ 4 กำรหำปริมำตรของของเหลว
3
นำมวลมำหำรกับปริมำตร. ค่ำนี้เป็ นค่ำควำมหนำแน่ นของวัตถุนน้ ั และในหน่ ว
ยของมวลต่อหนึ่งหน่ วยปริมำตร เช่น วัตถุมวล 20 กรัมและมีปริมำตร 5
ลูกบำศก์เซนติเมตร จึงมีควำมหนำแน่ น 4 กรัมต่อลูกบำศก์เซนติเมตร
9

ภำพที่ 5 แสดงกำรหำค่ำควำมหนำแน่ นของวัตถุ


อ้ำงอิง https://th.wikihow.com/Find-
Density-Step-3-Version-3.jpg

ตอนที่ 2 กำรหำควำมหนำแน่ นของน้ำทีอ่ ุณหภูมต


ิ ำ่ งๆ
ควำมหนำแน่ นของน้ำ
ภำยใต้ควำมกดอำกำศ ณ ระดับน้ำทะเลปำนกลำง
น้ำจะเปลีย่ นสถำนะเป็ นของแข็งเมือ ่ มีอุณหภูมิ 0°C
แต่น้ำมีควำมหนำแน่ นสูงสุดทีอ ่ ุณหภูมิ 4°C เมือ ่ อยูใ่ นสถำนะของเหลว
ตำมเส้นกรำฟทีแ ่ สดงในภำพที่ 7 เมือ ่ น้ำเปลีย่ นสถำนะเป็ นของแข็ง
น้ำจะมีปริมำตรเพิม ้ ถึงร้อยละ 9 เรำจะเห็นได้วำ่
่ ขึน
เมือ
่ ใส่น้ำเต็มแก้วแล้วนำไปแช่หอ ้ งแข็ง น้ำแข็งจะล้นออกนอกแก้ว
หรือไม่ก็ดน ั ให้แก้วแตก ในทำนองเดียวกันเมือ ่ น้ำในซอกหินแข็งตัว
มันจะขยำยตัวทำให้หน ิ แตกได้
10

ภำพที่ 6 ควำมหนำแน่ นของน้ำ ณ อุณหภูมต


ิ ำ่ งๆ

ตำรำงที1
่ ควำมหนำแน่ นของน้ำทีอ
่ ุณหภูมิ ต่ำงๆ
11

อ้ำงอิง
www.engineeringtoolbox.com/water-density-specific-weight-d
สสำรโดยทั่วไปจะมีควำมหนำแน่ นมำกขึน ้ เมือ ่ เปลีย่ นสถำนะเป็ นของแข็
ง แต่น้ำมีควำมหนำแน่ นน้อยลงเมือ ่ เปลีย่ นสถำนะเป็ นของแข็ง
น้ำแข็งจึงลอยอยูบ ่ นน้ำ หำกน้ำแข็งมีควำมหนำแน่ นกว่ำน้ำแล้ว
เมือ
่ อำกำศเย็นตัวลง น้ำในมหำสมุทรแข็งตัวและจมตัวลงสูก ่ น
้ มหำสมุทร
หำกเป็ นเช่นนี้แล้ว
สัตว์ทอี่ ำศัยอยูบ
่ ริเวณพื้นมหำสมุทรจะไม่สำมำรถมีชีวต ิ รอดได้เลย
กำรทีน่ ้ำมีคณุ สมบัตแ ิ ตกต่ำงจำกสสำรอืน ่
กลับเป็ นผลดีทเี่ อื้ออำนวยต่อสิง่ มีชีวต ิ บนโลก เมือ ่ น้ำในมหำสมุทรเย็นตัวลง
น้ำแข็งจะลอยตัวบนผิวมหำสมุทร ทำหน้ำทีเ่ ป็ นฉนวนป้ องกัน
มิให้น้ำทะเลทีอ ่ ยูเ่ บื้องล่ำงสูญเสียควำมร้อน จนกลำยเป็ นน้ำแข็งไปหมด
เหตุนี้เองช่วยให้สงิ่ มีชีวต ิ จึงสำมำรถดำรงชีวต ิ อยูไ่ ด้ในท้องทะเลและมหำสมุทร
12

อ้ำงอิง
http://portal.edu.chula.ac.th/lesa_cd/assets/document/lesa/prop
erties_water
13

ใบควำมรูท
้ ี่ 3 ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโมล กับอนุภำค มวล
และปริมำตรแก๊สที่ STP

. โมล (Mole)
กำรบอกปริมำณในสิง่ ของจะมีหน่ วยต่ำงๆ - หน่ วยมวล เป็ น
กรัม, กิโลกรัม
- หน่ วยปริมำตร เป็ น ลิตร,
ลูกบำศก์เซนติเมตร
- หน่ วยแสดงจำนวน เป็ น โหล,
กุรุส
ในทำงเคมี กำรกำหนดหน่ วยแสดงปริมำณสำรต้องเป็ นหน่ วยใหญ่
ทีใ่ ช้แทนอนุภำคจำนวนมำก เพือ ่ ให้อยูใ่ นระดับทีส
่ ำมำรถชั่ง ตวง วัดได้
นักเคมีจงึ กำหนดหน่ วยทีใ่ ช้บอกจำนวนอนุภำคขึน ้ โดยใช้ชือ่ ว่ำ โมล
1 โมล กับ จำนวนอนุภำค
พิจำรณำ
1 4 12
H He C
ธำตุ 1 อะตอม (g) 1.66 x 10-24 4 x 1.66 x 10-24
12 x 1.66 x 10-24
มวลอะตอมสัมพัทธ์ 1 4
12

𝟏×𝟏𝟎𝟐𝟒
ธำตุ 𝟏.𝟔𝟔
อะตอม มวล 1g 4 g
12 g

6.02 x 1023
อะตอม
1 โมล
ดังนัน
้ จะได้วำ่ ธำตุตำ่ งๆ ทีม
่ ีมวลเท่ำกับมวลอะตอม
จะมีจำนวนอะตอมเท่ำกับ 6.02 x 1023 อะตอมเท่ำกัน
จึงได้กำหนดนิยำมของโมล ทีเ่ กีย่ วข้องกับจำนวนอะตอมไว้ดงั นี้
“โมล คือ หน่ วยทีใ่ ช้แทนปริมำณของธำตุ 6.02 x 1023 อะตอม”
14

้ ธำตุใด ๆ 1 โมล จึงมี 6.02 x 1023 อะตอม


ดังนัน
และเพือ
่ ให้ใช้ได้อย่ำงกว้ำงขวำง ทัง้ กับอะตอม โมเลกุล ไอออน
จึงใช้จำนวนอนุภำคแทนจำนวนอะตอม โดยนิยำมสำร 1 โมล ดังนี้
่ ีจำนวนอนุภำค 6.02 x 1023
“สำรใด ๆ 1 โมล คือ ปริมำณของสำรทีม
อนุภำค”

สำร 1 โมล มีจำนวนอนุภำคเท่ำกับ 6.02 x


1023 อนุภำค

สูตรคำนวณ จำนวนโมล (n) =


จำนวนอนุภำคของสำร (𝐍)
𝟔.𝟎𝟐×𝟏𝟎𝟐𝟑
*** หมำยเหตุ ตัวเลข 6.02 x 1023 เรียกว่ำ เลขอโวกำโดร (NA)
ซึง่ เป็ นค่ำคงที่

ประเภทของโมล แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท


โดยพิจำรณำจำกสูตรของสำรหรืออนุภำค ดังนี้
1) โมลโมเลกุล ถ้ำอนุภำคเป็ นสำรประกอบ เช่น H2O 1 โมล
จะหมำยถึง 1 โมลโมเลกุล
2) โมลอะตอม ถ้ำอนุภำคเป็ นธำตุเดีย่ ว เช่น ธำตุทองแดง 1 โมล
จะหมำยถึง 1 โมลอะตอม
3) โมลไอออน ถ้ำอนุภำคเป็ นไอออน เช่น Cl- 1 โมล
จะหมำยถึง 1 โมลไอออน
ตัวอย่ำงที่ 1
Na 1 โมล มี 6.02 x 1023 อะตอม
Na+ 1 โมล มี 6.02 x 1023 ไอออน
C6H12O6 1 โมล มี 6.02 x 1023 โมเลกุล
ตัวอย่ำงที่ 2
H2O 1 โมเลกุล มี H 2 อะตอม , O 1 อะตอม
H2O 1 โมลโมเลกุล มี H2O 6.02 x 1023 โมเลกุล
มี H 2 x 6.02 x 1023 อะตอม
( หรือกล่ำวได้วำ่ มี H 2 โมลอะตอม )
มี O 1 x 6.02 x 1023 อะตอม
( หรือกล่ำวได้วำ่ มี O 1 โมลอะตอม )
15

2 มวลต่อโมลของสำร
พิจำรณำ ตำรำงแสดงมวลต่อโมลของธำตุบำงชนิด
ธำตุ มวลอะตอม มวลต่อโมล (g/mol)
ลิเทียม (Li) 6.94 6.94 x 1.66 x 10-24 x 6.02 x 1023 =
6.94
เหล็ก (Fe) 55.85 55.85 x 1.66 x 10-24 x 6.02 x 1023 =
55.85
ทองคำ (Au) 196.97 196.97 x 1.66 x 10-24 x 6.02 x 1023 =
196.7
โพแทสเซียม 39.10 39.10 x 1.66 x 10-24 x 6.02 x 1023 =
(K) 39.10
จะได้วำ่

สำร 1 โมล มีมวลเท่ำกับ มวลอะตอม หรือ มวลโมเลกุล หรือ


มวลไอออน (กรัม)
สูตรคำนวณ
มวลต่อโมลของสำร = มวลอะตอม หรือ มวลโมเลกุล หรือ
มวลไอออน (กรัม/โมล)
สูตรคำนวณ
มวล (𝒈)
จำนวนโมล (n) = 𝒈
มวลต่อโมล( )
𝒎𝒐𝒍

ตัวอย่ำงที่ 3
ธำตุออกซิเจน 1 โมล มวล 16 กรัม

ดังนัน
้ มวลต่อโมลของ ธำตุออกซิเจน 16 กรัม / โมล
ตัวอย่ำงที่ 4 (จำก หนังสือเรียน สสวท. เคมีเล่ม 2 หน้ำ 14 )
น้ำตำลทรำย ( C12 H22 O11 ) มีมวลต่อโมลเท่ำใด
มวลโมเลกุลของ C12 H22 O11 ) = (12 x มวลอะตอมของ C ) + (22 x
มวลอะตอมของ H ) +
(11 x มวลอะตอมของ O )
= (12 x 12.01 ) + (22 x 1.01 ) + (11 x
16.00 ) = 342.34
16

ดังนัน
้ มวลต่อโมลของ น้ำตำลทรำย 342.34 กรัม / โมล
3 ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงโมล มวล และปริมำตรแก๊สที่ STP
ป ริ ม ำ ต ร ข อ ง แ ก๊ ส จ ะ ขึ้ น อ ยู่ กั บ อุ ณ ห ภู มิ แ ล ะ ค ว ำ ม ดั น
กำรบอกปริ ม ำตรของแก๊ ส จะต้อ งระบุ ควำมดัน และอุ ณ หภู มิ ด้ว ย ดัง นั้น
ในกำรศึก ษำปริม ำตรแก๊ส นัก วิ ท ยำศำสตร์ ไ ด้ก ำหนดภำวะมำตรฐำนขึ้ น
ที่เรียกว่ำ อุณหภูมิและควำมดันมำตรฐำน (Standard Temperature and
Pressure) ซึ่ ง เรี ย ก ย่ อ ๆ ว่ ำ STP ภำวะนี้ แก๊ ส จะมี อุ ณ หภู มิ เ ท่ ำ กับ 0
องศำเซลเซียส และ ควำมดัน 1 บรรยำกำศ (หรือ 1 atm)
จำกกำรทดลองหำปริ ม ำตรต่ อ โมลของแก๊ ส บำงชนิ ด ที่ STP พบว่ ำ
ได้ผลกำรทดลองตำมตำรำงที่ 2
ตำรำงที่ 2 กำรทดลองหำปริมำตรต่อโมลของแก๊สบำงชนิดที่ STP
มวลของแก๊ มวลต่อโมลของแ ปริมำตรต่อโมลของแ
แก๊ส ส1L ก๊ส ก๊ส
(g) (g/mol) (L)
ออกซิเจน 1.43 32.0 22.4
ไนโตรเจน 1.25 28.0 22.4
คำร์ บ อนมอนอกไ 1.24 28.0 22.5
ซด์ 1.97 44.0 22.3
คำร์บอนไดออกไซ
ด์
เฉลีย่ 22.4

 ชวนคิด จงแสดงวิธีคำนวณหำปริมำตรต่อโมลของแก๊สออกซิเจน และ


แก๊สไนโตรเจน
ตัวอย่ำงที่ 5 แก๊ส ออกซิเจน 1.43 กรัม เท่ำกับ 1 L ที่ STP
แก๊ส ออกซิเจน 32 กรัม เท่ำกับ 22.4 L ที่ STP
1 โมล
17

ตัวอย่ำงที่ 6 แก๊ส ไนโตรเจน 1.25 กรัม เท่ำกับ 1 L ที่ STP


แก๊ส ไนโตรเจน 28 กรัม เท่ำกับ 22.4 L ที่ STP
1 โมล

ดังนัน
้ สรุปได้วำ่
แก๊สใดๆ 1 โมล มีปริมำตร
22.4 L ที่ STP
สูตรคำนวณ
จำนวนโมล (n) =
ปริมำตรแก๊สที่ 𝐒𝐓𝐏(𝑳)
𝟐𝟐.𝟒
*** หมำยเหตุ 1 ลิตร = 1000 ml = 1000 cm3 = 1 dm3

ชุดกิจกรรมสะเต็ม สำหรับนักเรียน (ชุดที่ 2)


18

หอถังสูงทรงพลัง
เนื้อหำทีเ่ กีย่ วข้อง
1.
กำรเตรียมสำรละลำยทีม ่ ีควำมเข้มข้นในหน่ วยโมลำริตแี ละปริมำตรตำมที่
กำหนดจำกสำรบริสุทธิ ์
2.
กำรเตรียมสำรละลำยทีม ่ ีควำมเข้มข้นในหน่ วยโมลำริตแี ละปริมำตรตำมที่
กำหนดด้วยวิธีกำรเจือจำงจำกสำรละลำยเข้มข้น

จุดประสงค์ของกิจกรรม

1.
อธิบำยวิธีกำรและเตรียมสำรละลำยทีม ่ ีควำมเข้มข้นในหน่ วยโมลำริตแี ละปริ
มำตรตำมที่
กำหนดจำกสำรบริสุทธิ ์
2.
อธิบำยวิธีกำรและเตรียมสำรละลำยทีม ่ ีควำมเข้มข้นในหน่ วยโมลำริตแี ละปริ
มำตรตำมทีก ่ ำหนด
ด้วยวิธีกำรเจือจำงจำกสำรละลำยเข้มข้น
3. เลือกใช้วสั ดุในกำรสร้ำงถังเก็บน้ำประปำอย่ำงเหมำะสมพร้อมทัง้ อธิบำย
เหตุผลสนับสนุน
4. ออกแบบและสร้ำงถังเก็บน้ำประปำอย่ำงเหมำะสม

วัสดุอุปกรณ์ และสำรเคมี
วัสดุอุปกรณ์
ที่ รำยกำร จำนวนต่อกลุม ่
1 กระดำษ A4 5 แผ่น
2 สก็อตเทปใส 1 ม้วนเล็ก
3 กรรไกร 1 อัน
4 บีกเกอร์ 250 ml. 1 อัน
5 บีกเกอร์ 100 ml. 1 อัน
6 ขวดวัดปริมำตร 250 ml. 1 ขวด
7 ขวดวัดปริมำตร 100 ml. 1 ขวด
8 ปิ เปตต์ 1 อัน
9 เครือ่ งชั่ง 1 เครือ
่ ง
10 แท่งแก้วคน 1 อัน
11 กรวยกรอง 1 อัน
19

12 ดินน้ำมัน 2 ก้อน
13 ไม้บรรทัด 1 อัน
14 ไม้จม
ิ้ ฟัน 1 ห่อ
สำรเคมี
ที่ รำยกำร จำนวนต่อกลุม

1 NaCl 450 g 1 กระปุก

วิธีดำเนินกิจกรรม
1.แ บ่ ง ก ลุ่ ม นั ก เ รี ย น 4 – 6 ค น
ศึกษำสถำนกำรณ์ ทก
ี่ ำหนดให้ดงั ตัวอย่ำง

ในสภำวะปัจจุบน ั รัฐบำลให้ควำมสำคัญกับกำรจัดหำแหล่งน้ำเพือ ่ กำรอุปโภคบ


ริ โ ภ ค ใ ห้ เ พี ย ง พ อ แ ล ะ ทั่ ว ถึ ง จึ ง ไ ด้ ข ย ำ ย ร ะ บ บ ป ร ะ ป ำ ห มู่ บ้ ำ น ขึ้ น
ซึ่ ง ขั้ น ต อ น ที่ มี ค ว ำ ม ส ำ คั ญ ขั้ น ต อ น ห นึ่ ง คื อ ก ำ ร ส ร้ ำ ง ห อ ถั ง สู ง
เพือ่ เพิม่ แรงดันน้ำทำให้สง่ น้ำไปได้ไกลและให้บริกำรแก่ประชำชนอย่ำงทั่วถึง
ให้ น กั เรี ย นออกแบบสร้ำ งหอถัง สู ง เก็ บ น้ ำ ที่มี ค วำมสู ง ไม่ ต่ ำ กว่ ำ 45 cm.
เ พื่ อ รั บ น้ ำ ห นั ก บี ก เ ก อ ร์ ใ ห้ ไ ด้ ม ำ ก ที่ สุ ด
โดยคำนึงถึงค่ำใช้จำ่ ยในกำรก่อสร้ำงและควำมปลอดภัยมำกทีส ่ ุด

2. วิเครำะห์สถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้ โดยใช้ประเด็นคำถำมดังนี้


 จำกสถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้มีปญ ั หำหรือควำมต้องกำรเรือ
่ งใด
 ควรมีควำมรูท ้ เี่ กีย่ วข้องเรือ ่ งใดบ้ำง
3. ศึกษำรูปหอถังสูงเพือ ่ เก็บน้ำในระบบประปำหมูบ ่ ำ้ น
4. อ อ ก แ บ บ ห อ ถั ง สู ง ต ำ ม เ งื่ อ น ไ ข ที่ ก ำ ห น ด
พร้อมทัง้ เลือกวัสดุอุปกรณ์ ทต ี่ อ้ งใช้ในกำรสร้ำงหอถังสูงตำมทีไ่ ด้ออกแบ
บ ไ ว้ ซึ่ ง ส ำ ม ำ ร ถ ใ ช้ ส ก็ อ ต เ ท ป เ พื่ อ เ พิ่ ม ค ว ำ ม แ ข็ ง แ ร ง
โดยให้จดบันทึกรำยกำรอุปกรณ์ ทใี่ ช้พร้อมทัง้ คำนวณค่ำใช้จำ่ ยในใบบัน
ทึกกิจกรรมที่ 2 โดยรำคำวัสดุอุปกรณ์ ดงั นี้
ที่ วัสดุ อุปกรณ์ รำคำ/หน่ วย
1 กระดำษ A4 50 บ ำ ท /
แผ่น
2 สก๊อตเทป 5 บำท / cm.
3 ดินน้ำมัน 20 บ ำ ท /
ก้อน
4 ไม้จม
ิ้ ฟัน 1 บำท / อัน
20

5. ร่ำงภำพหอถังสูงพร้อมบอกแนวคิดในกำรสร้ำงหอถังสูง
6. ลงมือสร้ำงหอถังสูง ตำมทีไ่ ด้ออกแบบไว้
7. น ำ บี ก เ ก อ ร์ 2 5 0 ml ว ำ ง บ น ย อ ด ห อ ถั ง สู ง ค่ อ ย ๆ
ริ น น้ ำ ใ ส่ บี ก เ ก อ ร์ ใ ห้ ไ ด้ ม ำ ก ที่ สุ ด ก ลุ่ ม ที่ มี ป ริ ม ำ ณ น้ ำ ม ำ ก ที่ สุ ด
และมีคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรก่อสร้ำงน้อยทีส ่ ุดเป็ นผูช
้ นะ
8. บันทึกปริมำตรน้ำในบีกเกอร์ เพือ ่ ใช้เป็ นปริมำตรของสำรละลำยเข้มข้น
9. ให้แต่ละกลุม ่ ส่งตัวแทนมำรับฉลำกควำมเข้มข้นของสำรละลำยโซเดียม
ค ล อ ไ ร ด์ ( ต อ น ที่ 1 )
เ พื่ อ น ำ ไ ป เ ต รี ย ม ส ำ ร ล ะ ล ำ ย ใ ห้ มี ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ดั ง ก ล่ ำ ว
โ ด ย ใ ช้ ป ริ ม ำ ต ร ส ำ ร ล ะ ล ำ ย เ ข้ ม ข้ น ต ำ ม ข้ อ 7
โดยให้ประมำณค่ำทีไ่ ด้ตำมหลักคณิตศำสตร์เป็ น 100 ml หรือ 250 ml
10. นักเรียนทำกำรเตรียมสำรละลำยจำกสำรบริสุทธิต ์ ำมใบบันทึกกิจก
รรมที่ 2
11. กลุ่ ม ที่ เ ตรี ย มสำรละลำยตำมฉลำกในข้ อ 9 เรี ย บร้ อ ยแล้ ว
ส่ ง ตัว แทนมำรับ ฉลำกเพื่ อ เตรี ย มสำรละลำยเจื อ จำง (ตอนที่ 2)
จ ำ ก ส ำ ร ล ะ ล ำ ย เ ข้ ม ข้ น ใ น ต อ น ที่ 1
แล้วบันทึกลงในข้อมูลใบบันทึกกิจกรรมที่ 2
21

ใบบันทึกกิจกรรมที่
2

1. จ ำ ก กิ จ ก ร ร ม วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ส ถ ำ น ก ำ ร ณ์
สรุปเป็ นปัญหำหรือควำมต้องกำรได้ดงั นี้
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________
2. บัน ทึก แนวคิด ในกำรสร้ำ งอนุ ส ำวรี ย์ เ ป็ นภำพและระบุ ร ำยละเอี ย ด เช่น
รูปร่ำงอนุสำวรีย์ กำรยึดติดอนุสำวรีย์ เป็ นต้น

3. เพรำะเหตุใดนักเรียนจึงออกแบบให้หอถังสูงมีรูปร่ำงดังกล่ำว
22

________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________

4. บันทึกค่ำใช้จำ่ ยในกำรก่อสร้ำงหอถังสูง
ที่ วัสดุ – อุปกรณ์ รำคำ/หน่ วย จำนวน รำคำ (บำท)
1
2
3
4
5

5. ปริมำตรน้ำในบีกเกอร์ทห ื ______ cm3


ี่ อถังสูงสำมำรถรับน้ำหนักได้คอ
ซึง่ มีคำ่ ใกล้เคียงกับ
_____________________ (100 หรือ 250 cm3)

6. ค ว ำ ม เ ข็ ม ข้ น ข อ ง ส ำ ร ล ะ ล ำ ย โ ซ เ ดี ย ม ค ล อ ไ ร ด์ ต อ น ที่ 1 เ ท่ ำ กั บ
___________ mol/dm3 ซึ่ ง มี วิ ธี ก ำ ร เ ต รี ย ม
ดังนี้
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
23

________________________________________________
________________________________________

5. ควำมเข้มข้นของสำรละลำยโซเดียมคลอไรด์ตอนที่ 2 เท่ำกับ _______


mol/dm3 ซึง่ มีวธิ ีกำรเตรียมดังนี้
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________

6. นัก เรี ย นได้บู ร ณำกำรควำมรู ้ท ำงวิท ยำศำสตร์ คณิ ต ศำสตร์ เทคโนโลยี


และวิศวกรรมในกำรออกแบบสร้ำงอนุสำวรีย์อย่ำงไร
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________________
24

ใบควำมรูท
้ ี่ 4 หอถังสูง (ในระบบประปำหมูบ
่ ำ้ น)
โ ค ร ง ก ำ ร จั ด ห ำ น้ ำ ส ะ อ ำ ด ด้ ว ย ร ะ บ บ ป ร ะ ป ำ ห มู่ บ้ ำ น
ได้เริม
่ ดำเนินกำรมำตัง้ แต่ระยะของแผนพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำ
ติ ฉ บั บ ที่ 2 (พ . ศ . 2510 – 2514)
รัฐ บำลได้ จ ัด สรรงบประมำณให้ ท ำกำรก่ อ สร้ ำ งระบบประปำหมู่ บ้ ำ น
โดยหน่ วยงำนหลัก จะมี 2 หน่ วยงำนคือ กองประปำภูมิภำค กรมโยธำธิ กำร
ก ร ะ ท ร ว ง ม ห ำ ด ไ ท ย โ ด ย ร ะ บ บ บ ริ ห ำ ร จั ด ก ำ ร ผ ลิ ต ป ร ะ ป ำ
และกำรบำรุงรักษำมีขน ้ ั ตอนดังนี้
25

ภำพที่ 7 แสดงหอถังสูงในกำรผลิต ประปำหมูบ


่ ำ้ น
อ้ำงอิง http://project-
wre.eng.chula.ac.th/thai_waterplan/sites/default/km_wp/manage

ใบควำมรูท
้ ี่ 5 เรือ
่ ง
กำรเตรียมสำรละลำยทีม ่ ีควำมเข้มข้นในหน่ วยโมลำริตแ
ี ละ
่ ำหนดจำกสำรบริสุทธิ ์
ปริมำตรตำมทีก
กำรเตรียมสำรละลำย
ในกำรเตรียมสำรละลำยเพือ่ ให้ได้ควำมเข้มข้นตำมทีต
่ อ
้ งกำรสำมำรถเตรียมไ
ด้จำกวิธีตำ่ งๆ ดังนี้
1. กำรเตรียมสำรละลำยโดยกำรละลำยตัวละลำยบริสุทธิใ์ นตัวทำละลำย
มีขน้ ั ตอนคือ
1) คำนวณหำปริมำณสำรทีต ่ อ
้ งกำร
2) ชั่งสำรตำมทีค
่ ำนวณได้ (กรณีทส ี่ ำรเป็ นของแข็ง)
ถ้ำเป็ นของเหลวอำจใช้วธิ ีกำรตวง
3)
นำสำรทีไ่ ด้เทลงในขวดปรับปริมำตรทีม ่ ีขนำดเท่ำกับปริมำตรทีต ่ อ
้ งกำรเตรียม
จำกนัน ้ เติมน้ำกลั่นในจำนวนทีพ ่ อจะให้สำรละลำยละลำยหมด
แล้วจึงปรับปริมำตรจนกระทั่งของเหลวอยูต ่ รงกับขีดบอกปริมำตร
ปิ ดจุกและเขย่ำจะได้สำรละลำยตำมควำมเข้มข้นและปริมำตรตำมทีต ่ อ
้ งกำร
4) เก็บสำรละลำยทีไ่ ด้ใส่ขวดทีเ่ หมำะสม
ปิ ดฝำขวดและปิ ดฉลำกชือ ่ สำร สูตรของสำร ควำมเข้มข้น
วันทีเ่ ตรียมสำรละลำย
กำรคำนวณ ในกำรคำนวณสำมำรถคำนวณได้ 2 วิธีคอ ื
1) ใช้กำรเทียบสัดส่วน 2) ใช้สูตรคำนวณ

g CV เมือ่ n = จำนวนโมลของตัวถูกละลำย
n= = (mol)
M 1000
g = มวลของตัวถูกละลำย (กรัม)
M= มวลโมเลกุลของตัวถูกละลำย
(g/mol)
 ข้อควรรูเ้ กีย
่ วกันสำรละลำย V = ปริมำตรของสำรละลำย (cm3)
กร C = ควำมเข้มข้นของสำรละลำย
จำนวน ควำมเข้
ณี ที่ แผนภำพ/ค ำอธิ
บ ำย
(mol/l) ปริมำตร
โมล มข้น
26

1
+ เท่ำเดิม
่ ขึ้
เพิม ่ ขึ้
เพิม
(เปลีย่ นแปลงน้อ
- น น
ยมำก)
ใส่ตวั ถูกละลำยละลำยลงในของเหลวหรื
อสำรละลำยเดิม
2 แบ่งสำรละลำยออก
มำ
เท่ำเดิ
ลดลง ลดลง

- ตักแบ่งสำรละลำยออก
3 เติมน้ำลงในสำรละ
ลำย
เท่ำเดิ
เพิม ้
่ ขึน ลดลง

- เติมน้ำ / เจือจำงสำรละลำย
ตัวอย่ำงที่ 1 ถ้ำต้องกำรสำรละลำยโพแทสเซียมไอโอไดด์ (KI) เข้มข้น 0.2
โมล/ลิตร จำนวน 100 cm3
จะต้องใช้ KI กีก
่ รัม
วิธีทำ จำกสูตร โมลสำรบริสุทธิ ์ = โมลของสำรละลำย
w CV
=
M 1000

w = มวลของ KI กรัม
M = มวลโมเลกุลของ KI = 166
V = ปริมำตรของสำรละลำย = 200 cm3
C = ควำมเข้มข้นของสำรละลำยเป็ น 0.2 mol/dm3
w 0.2 x 100
 =
166 1000
w = 3.32 กรัม
ดังนัน
้ จะต้องใช้ KI 3.32 กรัม
ตอบ
27

ตัวอย่ำงที่ 2 ถ้ำมีกลูโคส (C6H12O6) 3.06 กรัม


ต้องกำรเตรียมสำรละลำยเข้มข้น 0.2 โมล/ลิตร จะเตรียม
สำรละลำยได้กี่ cm3
วิธีทำ จำกสูตร โมลสำรบริสุทธิ ์ = โมลของสำรละลำย
w CV
=
M 1000

w = มวลของ C6H12O6 3.06 กรัม


M = มวลโมเลกุลของ C6H12O6 = 180
V = ปริมำตรของสำรละลำย= ? cm3
C = ควำมเข้มข้นของสำรละลำยเป็ น 0.1 mol/dm3
3.60 0.2xV
 =
180 1000
V = 100 cm3 ดังนัน
้ จะเตรียมสำรละลำยได้
100 cm3 ตอบ
28

ใบควำมรูท
้ ี่ 6 เรือ
่ ง
กำรเตรียมสำรละลำยทีม ่ ีควำมเข้มข้นในหน่ วยโมลำริตแ
ี ละ

ปริมำตรตำมทีก
่ ำหนดด้วยวิธก
ี ำรเจือจำงจำกสำรละลำยเข้มข้น

กำรเตรียมสำรละลำยโดยกำรนำสำรละลำยเดิมมำเจือจำงลง
กำรเตรียมสำรละลำยโดยวิธีนี้มีลำดับกำรเตรียมดังนี้
1) คำนวณหำปริมำตรสำรละลำยเดิมทีใ่ ช้
2) ใช้ปิเปตต์ดด ู สำรละลำยเดิมทีไ่ ด้จำกกำรคำนวณในข้อที่ 1)
3) เติมน้ำกลั่นจนมีปริมำตรครบตำมทีต ่ อ
้ งกำร ปิ ดจุก เขย่ำ
จะได้สำรละลำยใหม่ทม ี่ ีควำมเข้มข้นและปริมำตรตำมทีต ่ อ
้ งกำร
กำรคำนวณ ทำได้ 2 วิธี คือ
1) ใช้วธิ ีเทียบ
คำนวณหำจำนวนโมลของตัวถูกละลำยในสำรละลำยทีจ่ ะเตรียมแล้วใช้จำนวน
โมลทีไ่ ด้คำนวณหำปริมำตรของสำรละลำยเดิม และปริมำตรของน้ำทีต ่ อ
้ งเติม
2) กำรใช้สต
ู ร
C1V1 = C2V2 ปริมำตรของน้ำทีเ่ ติม = V2 – V1
C1 =
เมือ่
ควำมเข้มข้นของสำรละลำยก่อนเจือจำง
(mol/l)
C2 =
ควำมเข้มข้นของสำรละลำยก่อนเจือจำง
(mol/l)
ตัวอย่ำงที่ 1 ถ้ำนำสำรละลำย
V1 = HCl 1.0 โมล/ลิตร มำ 20 cm3
แล้วเติมนำจนมีปริมำตรเป็ น
ปริมำตรของสำรละลำยก่ 300 (cm3)
อนเจอจำง cm3
V2 = มข้นกีโ่ มล/ลิตร
จะได้ สำรละลำยเข้
ปริมำตรของสำรละลำยหลังเจือจำง (cm3)
วิธีทำ จำกสูตร โมลก่อนเจือจำง = โมลหลังเจือจำง
C1 V1 = C 2 V2
C1 = 1.0 โมล/ลิตร C2 = ? โมล/ลิตร
V1 = 20 cm3 V2 = 300 cm3
แทนค่ำจะได้ 20 x 1.0 = 300 x C2
29

C2 = 0.067 โมล/ลิตร
จะได้สำรละลำยเข้มข้น 0.067 โมล/ลิตร
ตอบ

ตัวอย่ำงที่ 2 ถ้ำต้องกำรเตรียมสำรละลำยกรด H2SO4 เข้มข้น 0.2 โมล/ลิตร


จำนวน 250 cm3 จำก
สำรละลำย กรด H2SO4 เข้มข้น 0.5 โมล/ลิตร
จะต้องใช้สำรละลำยกรด H2SO4 0.5 โมล/ลิตร
จำนวนกี่ cm3
วิธีทำ จำกสูตร C1 V1 = C2 V 2
C1 = 0.2 โมล/ลิตร C2 = 0.5 โมล/ลิตร
V1 = 250 cm3 V2 = ? cm3
แทนค่ำจะได้ 250 x 0.2 = V2 x 0.5
V2 = 100 cm3
ต้องใช้สำรละลำย 0.5 โมล/ลิตร จำนวน 100 cm3
ตอบ
30

ชุดกิจกรรมสะเต็ม สำหรับนักเรียน (ชุดที่ 3)


ไอศกรีมหลอดสมุนไพร
เนื้อหำทีเ่ กีย่ วข้อง สมบัตค
ิ อลลิเกทีฟของสำรละลำย

ควำมเข้มข้นของสำรละลำยในหน่ วยร้อยละโดยมวล

จุดประสงค์ของกิจกรรม

1. อธิบำยควำมแตกต่ำงระหว่ำงจุดเดือดและจุดเยือกแข็งของสำรละลำยกับ
สำรบริสุทธิ ์
2. คำนวณจุดเดือดและจุดเยือกแข็งของสำรละลำย
3. อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ท ำ ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด ส มุ น ไ พ ร
ภำยใต้วสั ดุอุปกรณ์ และเวลำทีต
่ ่ำทีส
่ ุด
4. ใ ช้ ค ว ำ ม รู ้
ทักษะและกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ในกำรคำนวณหำอัตรำส่วนระหว่ำ
งพื้นทีผ
่ วิ และ
ปริมำตร

วัสดุอุปกรณ์ และสำรเคมี
วัสดุอุปกรณ์
ที่ รำยกำร จำนวนต่อ ที่ รำยกำร จำนวนต่อ
กลุม
่ กลุม

1 ถังพลำสติกขนำดเล็ก 2 ถัง 7 ผ้ำเช็ดโต๊ะ 1 ผืน
2 ถุงซิปล็อคขนำดเล็ก 1 ถุง 8 ถุงมือผ้ำ 2 คู่
3 แก้วน้ำขนำดเล็ก รูปท 4-5 ใบ 9 เทอร์มอมิเตอร์ 2 อัน
รงต่ำงๆ
31

( ช่ ว ง อุ ณ ห ภู มิ -
10ºC-100ºC)
4 ถ ำ ด พ ล ำ ส ติ ก 1 ใบ 1 ถังพลำสติก 1 ถัง
(สำหรับรอง) 0
5 ช้อน 1 คัน 1 ไม้เสียบลูกชิ้นขนำ 5 ไม้
1 ดใหญ่
6 เครือ
่ งชั่ง 1 เครือ
่ ง

สำรเคมี
ที่ รำยกำร จำนวนต่อกลุม ่
1 เกลือ 500 กรัม
2 กลูโคส 500 กรัม
3 น้ำตำลทรำย 500 กรัม
4 น้ำแข็งบดหรือน้ำแข็งแบบหลอดเล็ก 1000 กรัม
5 ผงเครือ
่ งดืม
่ สมุนไพร จำนวนตำมทีน่ กั เรียนต้องกำร
6 น้ำเปล่ำ 1 ลิตร

วิธีดำเนินกิจกรรม
1. แ บ่ ง ก ลุ่ ม นั ก เ รี ย น ก ลุ่ ม ล ะ 4 – 6 ค น
ศึกษำรำยละเอียดของสถำนกำรณ์ ทก
ี่ ำหนดให้

“ ใ น ชุ ม ช น ข อ ง นั ก เ รี ย น
มีกำรขำยไอศกรีมหลอดทีบ ่ รรจุใส่ถงั โลหะทรงกระบอกและสภำพอำกำ
ศ ใ น ชุ ม ช น ข อ ง นั ก เ รี ย น มี ฤ ดู ร้ อ น ที่ ย ำ ว น ำ น
แ ล ะ มี นั ก ท่ อ ง เ ที่ ย ว ม ำ ท่ อ ง เ ที่ ย ว ใ น ชุ ม ช น เ ป็ น ป ร ะ จ ำ
จึ ง คิ ด ที่ จ ะจ ำหน่ ำยไอศกรี ม หลอดสมุ น ไพรโดยใช้ ว ัส ดุ อุ ป กรณ์
ส ำ ร เ ค มี ที่ ห ำ ไ ด้ ง่ ำ ย
ส ำ ม ำ ร ถ ผ ลิ ต ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด ส มุ น ไ พ ร ไ ด้ อ ย่ ำ ง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ ำ พ
ภำยใต้เวลำและอุปกรณ์ ทจี่ ำกัด”

2. วิเครำะห์สถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้ โดยใช้ประเด็นคำถำมดังนี้


 จำกสถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้มีปญ
ั หำหรือควำมต้องกำรเรือ ่ งใด
3. ร่วมกันศึกษำและอภิปรำยในประเด็น ต่อไปนี้
3. 1 ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด คื อ อ ะ ไ ร มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น อ ย่ ำ ง ไ ร
ท ำ ใ ห้ นั ก เ รี ย น ศึ ก ษ ำ เ พิ่ ม เ ติ ม ใ น ใ บ ค ว ำ ม รู ้ ที่ 1 เ รื่ อ ง
32

ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด
และเปิ ดโอกำสให้นกั เรียนสืบค้นข้อมูลเพิม ่ เติมจำกอินเตอร์เน็ต
3.2 ควำมรูท ้ ำงวิทยำศำสตร์ดำ้ นใดบ้ำงทีเ่ กีย่ วข้องกับกำรทำไอศกรีม
หลอด
3.3 หำกนักเรียนต้องกำรทำไอศกรีมหลอดสมุนไพรต้องใช้ควำมรูใ้ ด
บ้ำง
3.4 ใ ห้ นั ก เ รี ย น ช่ ว ย กั น ร ะ ด ม ค ว ำ ม คิ ด ว่ ำ
ปั จ จัย ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกับ กำรผลิ ต ไอศกรี ม หลอดสมุ น ไพรมี อ ะไรบ้ ำ ง
แล้วบันทึกในใบบันทึกกิจกรรมที่ 3 ข้อ 1
3.5 เพรำะเหตุใดไอศกรีมหลอดจึงต้องเติมเกลือลงไปในน้ำแข็ง ทีบ ่ รร
จุ ใ น ถั ง แ ล ะ ป ริ ม ำ ณ เ ก ลื อ สู ง จ ะ ส่ ง ผ ล อ ย่ ำ ง ไ ร
ให้นก ั เรียนศึกษำใบควำมรูท ้ ี่ 2 เรื่องสมบัติคอลลิเกทีฟของสำรละลำย
แ ล้ ว บั น ทึ ก ล ง ใ น ใ บ บั น ทึ ก กิ จ ก ร ร ม ที่ 3 ข้ อ 2
และบันทึกปริมำณเกลือทัง้ หมดทีเ่ ติมลงในน้ำแข็งในใบบันทึกกิจกรรม
ที่ 3 ข้อ 7
3.6 เ พ ร ำ ะ เ ห ตุ ใ ด ก ำ ร ท ำ ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด จึ ง ต้ อ ง เ ข ย่ ำ
ให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรำยแล้วทำกำรแช่เครือ ่ งดืม
่ สมุนไพรทีอ ่ ุณหภูมิ
ต่ำกว่ำจุดเยือกแข็งแบบเขย่ำและไม่เขย่ำภำชนะเป็ นเวลำ 5 – 10 นำที
จำกนัน ้ บันทึกผลกำรทดลองลงใบใบบันทึกกิจกรรมที่ 3 ข้อ 3
4. ออกแบบและทำไอศกรีมหลอดสมุนไพรตำมแนวคิดทีไ่ ด้ออกแบบไว้ในใบ
บัน ทึก กิจ กรรมที่ 3 ข้อ 4 โดยมี เ งื่อ นไขคื อ ภำยในระยะเวลำ 15 นำที
ใ ห้ ท ำ ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด ต ำ ม รู ป ท ร ง ที่ นั ก เ รี ย น เ ลื อ ก 5 รู ป ท ร ง
(รูปทรงของไอศกรีมหลอดทีน ่ กั เรียนสำมำรถเลือกคือ ถุงซิปล็อคขนำดเล็ก
แ ก้ ว น้ ำ ข น ำ ด เ ล็ ก รู ป ท ร ง ต่ ำ ง ๆ )
แล้ววัดจำนวนไอศกรีมหลอดสมุนไพรทีแ ่ ข็งตัว จำกจำนวนไอศกรีมหลอด
ทั้ง หมด 5 แท่ ง กลุ่ ม ที่มี จ ำนวนไอศกรี ม หลอดที่แ ข็ ง ตัว อย่ ำ งสมบู ร ณ์
และเติมเกลือน้อยทีส ่ ุดเป็ นผูช
้ นะ
5. บั น ทึ ก พื้ น ที่ ผิ ว แ ล ะ ป ริ ม ำ ต ร
และคำนวณอัตรำส่วนระหว่ำงพื้นทีผ ่ วิ และปริมำตรของไอศกรีมหลอดสมุ
นไพร รูปทรงทีก ่ ลุม
่ ของนักเรียนเลือกในใบบันทึกกิจกรรมที่ 3 ข้อ 5
6. ค ำ น ว ณ ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง ตัว ล ะ ล ำ ย ต่ ำ ง ๆ ใ น เ ค รื่ อ ง ดื่ ม ส มุ น ไพร
พร้อมทัง้ อภิปรำยผลของควำมเข้มข้นเครือ ่ งดืม
่ สมุนไพรทีม ่ ีตอ
่ กำรแข็งตัว
ของไอศกรีมหลอด แล้วบันทึกในใบบันทึกกิจกรรมที่ 3 ข้อ 6
7. เมือ่ เติมกลูโคสและซูโครสปริม ำณเท่ำกับเกลือทีเ่ ติมจะมีจุดเยือกแข็งเท่ำกั
น ห รื อ ไ ม่ แ ล ะ จุ ด เ ยื อ ก แ ข็ ง ข อ ง ส ำ ร ล ะ ล ำ ย ก ลู โ ค ส
33

และสำรละลำยซู โ ครสเป็ นเท่ ำ ใดบ้ ำ ง แตกต่ ำ งจำกสำรบริ สุ ท ธิ ์ (น้ ำ )


อย่ำงไรบ้ำง ให้นกั เรียนบันทึกในใบบันทึกกิจกรรมที่ 3 ข้อ 7
8. เ มื่ อ สิ้ น สุ ด กิ จ ก ร ร ม ใ ห้ นั บ จ ำ น ว น ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด ที่ แ ข็ ง ตั ว
ส ำ ม ำ ร ถ ดึ ง อ อ ก ม ำ จ ำ ก แ บ บ พิ ม พ์ ไ ด้ อ ย่ ำ ง ส ม บู ร ณ์
34

ใบบันทึกกิจกรรมที่
3
1. ปัจจัยทีเ่ กีย่ วข้องกับกำรผลิตไอศกรีมหลอดสมุนไพร
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________
2. เพรำะเหตุใดกำรทำไอศกรีมหลอดจึงต้องเติมเกลือลงไปในน้ำแข็ง
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________
3. เ พ ร ำ ะ เ ห ตุ ใ ด ก ำ ร ท ำ ไ อ ศ ก รี ม ห ล อ ด จึ ง ต้ อ ง เ ข ย่ ำ
ผลจำกกำรแช่เครือ ่ งดืม
่ ทีอ
่ ุณหภูมต
ิ ่ำกว่ำจุดเยือกแข็งแบบเขย่ำถังน้ำแข็งแ
ตกต่ำงกันอย่ำงไร
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________________
4. ออกแบบวัสดุอุปกรณ์ และวิธีกำรทำไอศกรีมหลอดสมุนไพร

5. พื้นที่ผิวของไอศกรีมหลอดสมุนไพร รูปทรงที่กลุ่มของนักเรียนเลือก คือ


_______________________
วิธีทำ
35

________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________
เท่ำกับ _________________________ ตำรำงเซนติเมตร

ปริมำตรของไอศกรีมหลอดสมุนไพรรูปทรงที่กลุ่มของนักเรียนเลือก คือ
_______________________
วิธีทำ
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________
เท่ำกับ ___________________ ลูกบำศก์เซนติเมตร
ดังนั้นอัตรำส่วนระหว่ำงพื้นที่ผิวต่อปริมำตรไอศกรีมหลอดสมุนไพร คือ
______ : ______

6. สมุนไพรทีก ่ ลุ่มนักเรียนเลือกเพือ ่ นำมำทำไอศกรีมหลอดสมุนไพร ได้แก่


_______________________ เ พ ร ำ ะ
________________________________________________
_______________________
ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง ตั ว ล ะ ล ำ ย ต่ ำ ง ๆ ใ น เ ค รื่ อ ง ดื่ ม ส มุ น ไ พ ร คื อ
__________________________________
________________________________________________
____________________________
________________________________________________
____________________________
________________________________________________
____________________________
36

มี วิ ธี ค ำ น ว ณ ดั ง นี้
________________________________________________
_______________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________

ควำมเข้มข้นของเครือ
่ งดืม
่ สมุนไพรมีผลต่อกำรแข็งตัวของไอศกรีมหลอด
อย่ำงไร
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________

7. ปริมำณเกลือทีเ่ ติม ________ กรัม ปริมำณน้ำแข็ง ________ กรัม


7.1 จุดเยือกแข็งของสำรละลำยกลูโคสเมือ
่ เติมกลูโคสเท่ำกับเกลือเท่ำกั
บ ____________ ºC
ซึง่ มีวธิ ีกำรคำนวณดังนี้
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
___________________________________________

7.2 จุดเยือกแข็งของสำรละลำยซูโครสเมือ
่ เติมซูโครส (น้ำตำลทรำย)
เท่ำกับเกลือเท่ำกับ ________ ºC
37

ซึง่ มีวธิ ีกำรคำนวณดังนี้


______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
___________________________________________
- จ ำ ก ข้ อ 7 . 1 แ ล ะ 7 . 2 ถ้ ำ มี ค่ ำ ไ ม่ เ ท่ ำ กั น
เพรำะเหตุใดเมือ ่ เติมกลูโคสและซูโครสจำนวนเท่ำกับเกลือทีเ่ ติมลงไปใ
นถังน้ำแข็งจึงมีคำ่ ไม่เท่ำกัน
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
______________________________________________
___________________________________________

8. จ ำนวนไอศกรี ม หลอดสมุ น ไพรที่ แ ข็ ง ตัว ภำยใน 15 นำที มี จ ำนวน


_________ แท่ง
38

ใบควำมรูท
้ ี่ 7 เรือ
่ ง ไอศกรีมหลอด

ทีม
่ ำ www.pantipmarket.com/mall/klongthom/

ไอศกรีมหลอด หรือไอศกรีมแท่งก็เกิดขึน ้ ในสมัยรัชกำลที่ 7


โดยใช้น้ำหวำนใส่หลอดสังกะสีและเขย่ำให้แข็ง และมีกำ้ นไม้เสียบ
โดยจะใส่ถงั ขับไปขำยตำมถนน สั่นกระดิง่ เป็ นสัญญำณเพือ ่ เรียกลูกค้ำ
นอกจำกนี้ยงั มีจุดขำยทีก ่ ำรลุน
้ ไอศกรีมฟรีจำกไม้เสียบทีห ่ ำกมีสีแดงป้ ำยอยูก ่ ็จ
ะได้กน ิ ฟรีอีกหนึ่งแท่งด้วย
ซึง่ ไอศกรีมแบบหลอดก็มีกำรพัฒนำจนมำเป็ นไอศกรีมโบรำณทีม ่ ีสว่ นผสมขอ
งนมโดยมีลกั ษณะเป็ นแท่งสีเ่ หลีย่ ม อำจทำนเป็ นแท่ง
หรือตัดใส่ถว้ ยรับประทำนก็ได้
จำกนัน ้ มำก็เป็ นยุคของไอศกรีมแบบวัฒนธรรมตะวันตกแท้ ๆ จนถึงปัจจุบน ั
1. อุปกรณ์ ทใี่ ช้ทำไอศกรีมหลอด
1) เกลือ
เกลือ เป็ นสำรประกอบไอออนิก ประกอบด้วย
cation(ไอออนทีม ่ ีประจุบวก) และ anion(ไอออนทีม ่ ีประจุลบ)
เกลือมีควำมเป็ นกลำงทำงไฟฟ้ ำ
ไอออนทีป ่ ระกอบเป็ นเกลือเป็ นได้ทง้ ั สำรอนินทรีย์หรือสำรอินทรีย์
เกลือจะเกิดขึน ้ ได้เมือ่ กรดและเบสทำปฏิกริ ยิ ำด้วยกัน เช่น
39

เกลือโซเดียมคลอไรด์
2) น้ำหวำน
เครือ
่ งดืม
่ ใด ๆ ทีใ่ สน้ำตำล อธิบำยได้ดว้ ยชือ ่ “ลูกกวำด” (liquid
candy) กำรกินน้ำหวำนทำให้น้ำหนักขึน ้ เป็ นโรคอ้วน
และเกีย่ วพันกับควำมเสีย่ งทำงสุขภำพ ดัง้ นัน ้ ควรบริโภคแต่น้อย
3) น้ำแข็ง
น้ำแข็ง
่ เรียกของสภำวะของแข็งของน้ำซึ่งมักอยูใ่ นรูปของผลึกของน้ำ
เป็ นชือ
ซึง่ โดยปกติจะมีลกั ษณะใสหรือมีสีฟ้ำขำวใสปนอยูด ่ ว้ ย
้ อยูก
ขึน ่ บั กำรมีสงิ่ เจือปนในน้ำแข็งนัน ้
โดยสภำวะปกติน้ำแข็งจะเกิดขึน ้ เมือ
่ น้ำในรูปของเหลวมีอุณหภูมต ิ ่ำกว่ำ 0
องศำเซลเซียส (32 องศำฟำเรนไฮต์ หรือ 273.15 เคลวิน) ทีค ่ วำมดันปกติ
และสำมำรถแข็งตัวจำกสถำนะก๊ำซโดยไม่ผำ่ นสถำนะของเหลวเลยก็ได้
4) ถังทำไอศกรีมหลอด
ทำจำกสเตนเลส สเตนเลสบำงเกรดสำมำรถทนควำมร้อนหรือควำมเย็น
รวมถึงกำรเปลีย่ นอุณหภูมโิ ดยฉับพลันได้ดี
และด้วยคุณสมบัตพ ิ เิ ศษในกำรทนไฟ
5) ไม้เสียบลูกชิน ้

ทำจำกไม้ไผ่ ไม้ไผ่ เป็ นไม้ทข ึ้ ง่ำยและเติบโตเร็ว


ี่ น
้ ได้ดใี นทุกสภำวะอำกำศดำรงอยูไ่ ด้ในพื้นดินทุกชนิด ทีส
ขึน ่ ำคัญคือ
ไผ่เป็ นพันธุ์ไม้ทอ
ี่ ำนวยประโยชน์หลำยประกำร
ทัง้ ประโยชน์ทำงตรงและทำงอ้อม
และเป็ นพืชทีล่ ำต้นกิง่ มีลกั ษณะแปลกสวยงำม

2. วิธีทำไอศกรีมหลอด
อัตรำส่วนน้ำแข็ง ต่อ เกลือ 5:1 เปิ ดเครือ ่ ง แล้วใส่น้ำแข็ง
ประมำณครึง่ หนึ่งของถังภำยนอก (โดยให้คด ิ เป็ น 5 ส่วน) แล้วใส่เกลือ
(คิดเป็ น 1 ส่วนเมือ
่ เทียบกับน้ำแข็งทีใ่ ส่ไปก่อนแล้ว)
แล้วจึงใส่น้ำแข็งและเกลือสลับกันจนเต็ม จนสุดท้ำยปิ ดท้ำยด้วยเกลือ
แล้วนำท่อนไม้ หรืออะไรทีเ่ ป็ นท่อน กระทุง้ ลงไปทีน ่ ้ำแข็งจนสุดถัง
(ไม่ควรแรงจนเกินไป
และต้องระวังไม่ให้กระแทกถูกถังด้ำนในและด้ำนนอก) กระทุง้ จนรอบ
เพือ
่ ค่อยๆ ให้เกลือและน้ำแข็งเข้ำกัน
(เพรำะนำแข็งกับเกลือจะบีบรัดตัวกันเองคือ
เกลือจะออกร้อนๆเวลำถูกน้ำแล้วไปผสมกับควำมเย็นก็จะเกิดกำรหักเหของอุ
ณหภูมใิ ห้ต่ำลงเป็ นอุณหภูมท ิ ต
ี่ ่ำสุดหรือติดลบประมำณ-3-4องศำเลยทีเดียว)
40

อ้ำงอิง itimlord405.wordpress.com

ใบควำมรูท
้ ี่ 8 เรือ
่ ง สมบัตค
ิ อลลิเกทีฟของสำรละลำย

สมบัตบ
ิ ำงประกำรของสำรละลำย (สมบัตค
ิ อลิเกทีฟ)
สมบัตค ิ อลลิเกทีฟ (Colligative property) มำจำกภำษำละติน
Colligatvs แปลว่ำ รวบรวม
ส ม บั ติ ค อ ล ลิ เ ก ที ฟ ห ม ำ ย ถึ ง
สมบัตท ิ ำงกำยภำพของสำรละลำยทีข ่ ึ้นอยู่กบ
ั จำนวนอนุ ภำคของตัวถูกละลำย
โ ด ย ไ ม่ ขึ้ น อ ยู่ กั บ ช นิ ด ข อ ง ตั ว ถู ก ล ะ ล ำ ย ห ม ำ ย ค ว ำ ม ว่ ำ
ถ้ำสำรละลำยนัน ้ มีควำมเข้มข้นของตัวถูกละลำยเท่ำกันจะต้องมีสมบัติ คอลลิเก
ทีฟ เท่ำ กัน สมบัติค อลลิเ กทีฟ ได้แ ก่ ควำมดันไอที่ลดลง (vapor pressure
lowering) จุดเดือดทีเ่ พิม ้ (boiling point elevation) จุดเยือกแข็งทีล่ ดลง
่ ขึน
41

( freezing point depression) แ ล ะ ค ว ำ ม ดั น อ อ ส โ ม ซิ ส ( osmotic


pressure)
ชนิด ควำมเข้มข้น จุดเยือกแข็ง จุดเดือด
(mol/kg) (0C) (0C)
น้ำ - 0 100
น้ำเชือ
่ ม 1 -1.86 100.51
สำรละลำยยูเรีย 1 -1.86 100.51
สำรละลำยกลูโคส 1 -1.86 100.51
น้ำเชือ่ ม 2 -3.72 101.02
สำรละลำยยูเรีย 2 -3.72 101.02
สำรละลำยกลูโคส 2 -3.72 101.02
จำกตำรำงสรุปได้วำ่
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

ลักษณะสำคัญของสำรละลำยทีม
่ ีคอลิเกทีฟ
1 .
สำรละลำยต้องประกอบด้วยตัวถูกละลำยทีไ่ ม่แตกตัวเป็ นไอออนในตัวทำละลำ
ย และตัวถูกละลำยต้องเป็ นสำรทีร่ ะเหยยำก
2. สมบัติ ค อลลิ เ กที ฟ ของสำรละลำยขึ้ น อยู่ ก บ
ั ชนิ ด ของตัว ท ำละลำย
แ ต่ ไ ม่ ขึ้ น อ ยู่ กั บ ช นิ ด ข อ ง ตั ว ถู ก ล ะ ล ำ ย ก ล่ ำ ว คื อ
42

ส ำ ร ล ะ ล ำ ย ที่ มี ตั ว ท ำ ล ะ ล ำ ย เ ห มื อ น กั น แ ต่ ตั ว ถู ก ล ะ ล ำ ย ต่ ำ ง กั น
ถ้ำ ควำมเข้ม ข้นที่เ ป็ น mol/kg เท่ำกัน จุด เดือ ด จุด เยือ กแข็ ง จะเท่ำกันด้วย
และถ้ ำ สำรประกอบที่ มี ต วั ถู ก ละลำยเหมื อ นกัน แต่ ต วั ท ำละลำยต่ ำ งกัน
ถ้ำควำมเข้มข้นทีเ่ ป็ น mol/kg เท่ำกัน จุดเดือด จุดเยือกแข็งจะต่ำงกันเสมอ
3 . ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง ส ำ ร ล ะ ล ำ ย คิ ด เ ป็ น mol/kg
โดยเฉพำะตัวถูกละลำยต้องคิดเป็ นโมล ถ้ำสำรละลำยมีควำมเข้มข้นมำกขึ้น
้ ส่วนจุดเยือกแข็งจะยิง่ ลดลง
จุดเดือดจะยิง่ สูงขึน
4 . ส ำ ร ล ะ ล ำ ย ที่ ตั ว ถู ก ล ะ ล ำ ย
แ ล ะ ตั ว ท ำ ล ะ ล ำ ย เ ห มื อ น กั น มี ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น ต่ ำ ง กั น จุ ด เ ดื อ ด
จุ ด เยื อ ก แข็ ง ก็ ต่ ำ งกัน ก ล่ ำวคื อ สำรละลำย ที่ มี ค วำมเข้ ม ข้ น มำกกว่ ำ
จ ะ มี จุ ด เ ดื อ ด สู ง ก ว่ ำ แ ต่ จุ ด ห ล อ ม เ ห ล ว ล ด ล ง
แ ล ะ ถ้ ำ ส ำ ร ล ะ ล ำ ย ที่ มี ค ว ำ ม เ ข้ ม ข้ น น้ อ ย ล ง ก็ จ ะ มี จุ ด เ ดื อ ด ล ด ล ง
แต่จุดเยือกแข็งสูงขึน ้
*** สมบัติ ค อลลิ เ กที ฟ ของสำรละลำยไม่ ขึ้ น อยู่ ก ับ ชนิ ด ของตัว ถู ก ละลำย
ถ้ำตัวถูกละลำยนัน
้ ๆ ระเหยยำกและไม่แตกตัวเป็ นไอออนเหมือนกัน
* * * ก ร ณี ที่ ตั ว ถู ก ล ะ ล ำ ย ร ะ เ ห ย ย ำ ก แ ต่ แ ต ก ตั ว เ ป็ น ไ อ อ อ น ไ ด้
ท ำให้จ ำนวนอนุ ภ ำคในสำรละลำยมำกขึ้น เป็ นผลให้ส ำรละลำยยิ่งมีจุดเยือกแข็ งลดลง
แ ล ะ ยิ่ ง มี จุ ดเดื อด สู ง มำ ก ขึ้ น แ ต่ ส ำ ร ล ะ ล ำ ยจะ ไม่ มี ส มบัติ ค อลลิ เ ก ที ฟ ที่ แ ท้ จ ริ ง
เ พ ร ำ ะ ไ อ อ อ น บ ว ก แ ล ะ ไ อ อ อ น ล บ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ไ ม่ เ ป็ น อิ ส ร ะ เ ต็ ม ที่
แต่มแี รงดึงดูดทำงไฟฟ้ ำระหว่ำงกันและกัน
ข้อสังเกต
1. ตัวถูกละลำยยิง่ แตกตัวเป็ นไอออนได้มำก
สำรละลำยจะยิง่ มีจด ุ เดือดสูงขึน้ มำก และมีจุดเยือกแข็งต่ำลงมำก เช่น สำรละลำย
Na3PO4 ทีม ่ ค
ี วำมเข้มข้นเท่ำกับสำรละลำย NaCl สำรละลำย Na3PO4
จะมีจด ุ เดือดสูงกว่ำ และมีจุดเยือกแข็งต่ำกว่ำ
2. สำรละลำยทีแ ่ ตกตัวเป็ นไอออนได้เท่ำกัน เช่น สำรละลำย NaCl และ
สำรละลำย KCl จะมีจด ุ เดือด และจุดเยือกแข็งไม่เท่ำกัน
3. กรณี ทต ี่ วั ถูกละลำยแตกตัวได้ กำรเพิม ้ ของจุดเดือด
่ ขึน
และกำรลดลงของจุดเยือกแข็ง
จะไม่เป็ นสัดส่วนกับจำนวนโมลของไอออนทีเ่ กิดขึน ้ เช่น สำรละลำย NaCl 1
mol/kg มี Na และ Cl รวม 2 mol/kg ควรมีจุดเยือกแข็งลดลง 3.72 0C
+ -

(มำจำก 1.86 x 2 = 3.720C) แต่มจี ุดเยือกแข็งลดลงเพียง 3.37 0C


ควรมีจุดเดือดเพิม ่ ขึน ้ 1.02 0C (มำจำก 0.51 x 2 = 1.020C)
แต่มจี ดุ เดือดเพิม ่ ขึน ้ เพียง 0.97 0C
หมำยเหตุ
1. สำรชนิดเดียวกัน จุดเยือกแข็ง มีคำ่ เท่ำกับจุดหลอมเหลว
2. จุดเยือกแข็ง เป็ นจุดทีอ่ ณ ุ หภูมข
ิ องของเหลวเป็ นสถำนะเป็ นของแข็ง
43

3. จุดหลอมเหลว
เป็ นจุดทีอ่ ณ
ุ หภูมข
ิ องของแข็งเปลีย่ นสถำนะเป็ นของเหลว

ยูเรีย 1 mol กลูโคส 2 mol น้ำตำลทรำย 3 mol

เปรียบเที ยบจุดเดือด จุดเยืนอ้ำ กแข็


น้ำ 100 ์ 100
100 งของสำรบริสุทนธิ้ำแ ละสำรละลำย
cm3 cm3 cm3
------------ น้ำตำลทรำย ------------ 115
------- ------- 0
C สำระล
------------ กลูโคส ------------ 110 ำย
จุดเดือ
ด ------- ------- 0
C
------------ ยูเรีย ------------ 105
------- ------- 0
C
------------------------------------------- 100
---------------------- 0
C สำรบริสท

ธิ ์
------------------------------------------- 0 0C
----------------------
------------ ยูเรีย ------------ -2 0C
จุดหลอมเ
หลว ------- ------- สำระล
------------ กลูโคส ------------ -4 0C ำย
------- -------
------------ น้ำตำลทรำย ------------ -6 0C
------- -------

กรำฟแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิ ณ จุดเดือดหรือหลอมเหลวของสำร
กับควำมเข้มข้นของสำรละลำย

Tb (จุดเดือด)

อุณหภูมิ

Tf
(จุดเยือกแข็ง)

สำรบริสุ สำรละลำ
ทธิ ์ ย
44

ชุดกิจกรรมสะเต็ม สำหรับนักเรียน (ชุดที่ 4)


 สนุกกับ S’Mores
เนื้อหำทีเ่ กีย่ วข้อง สำรกำหนดปริมำณ

จุดประสงค์ของกิจกรรม

1. ร ะ บุ ส ำ ร ก ำ ห น ด ป ริ ม ำ ณ
แ ล ะ ค ำ น ว ณ ป ริ ม ำ ณ ส ำ ร ใ น ป ฏิ กิ ริ ย ำ เ ค มี ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ส ำ ร
กำหนดปริมำณ
2. อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ท ำ ข น ม ส ม อ ร์ ( S’Mores) ภ ำ ย ใ ต้ ว ัส ดุ อุ ป ก ร ณ์
และเวลำทีก ่ ำหนด
3. ใ ช้ ค ว ำ ม รู ้ ทั ก ษ ะ
แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก ำ ร ท ำ ง ค ณิ ต ศ ำ ส ต ร์ ใ น ก ำ ร ก ำ ห น ด ร ำ ค ำ ข ำ ย
คำนวณต้นทุน กำไร ในกำรทำขนมสมอร์

วัสดุอุปกรณ์ และสำรเคมี
วัสดุอุปกรณ์
ที่ รำยกำร จำนวนต่อกลุม

1 กระดำษ A4 1 แผ่น
2 ปกพลำสติก A4 1 แผ่น
3 ไม้จม
ิ้ ลูกชิน
้ 10 ไม้
4 เตำไฟฟ้ ำหรือตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด
45

5 กระดำษทิชชู่ 1 ม้วน
6 จำนกระเบื้อง 1 อัน

สำรเคมี
ที่ รำยกำร จำนวนต่อกลุม

1 ขนมปังแครกเกอร์ 1 ห่อ
2 มำร์ชเมลโล 1 ห่อ
3 ช็อกโกแลต (ช่องตำรำง) 1 แท่ง

วิธีดำเนินกิจกรรม
1. แ บ่ ง ก ลุ่ ม นั ก เ รี ย น 5 – 7 ค น
ศึกษำรำยละเอียดเงือ่ นไขของสถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้
(เหมือนคูม ่ ือกิจกรรมชุดที่ 4 หน้ำ 4)
2. ร่วมกันศึกษำและอภิปรำยในประเด็น ต่อไปนี้
2 . 1 ข น ม ส ม อ ร์ ( S’Mores) คื อ อ ะ ไ ร มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น อ ย่ ำ ง ไ ร
โดยให้ น ัก เรี ย นศึ ก ษำเพิ่ ม เติ ม ในใบควำมรู ้ที่ 1 ขนมสมอร์ ( S’Mores)
และเปิ ดโอกำสให้นกั เรียนสืบค้นข้อมูลเพิม ่ เติมจำกอินเตอร์เน็ต
2.2 มีวธิ ีกำรใดทีจ่ ะทำขนมสมอร์
โดยใช้เครือ ่ งมือและอุปกรณ์ ทห ี่ ำได้งำ่ ย
2.3 ศึกษำใบควำมรูท ้ ี่ 2 เรือ
่ งสำรกำหนดปริมำณ
เพือ
่ พิจำรณำเลือกวิธีกำร
2.4 ออกแบบและทำขนมสมอร์ (S’Mores)
ตำมแนวคิดทีเ่ ลือกไว้ในใบบันทึกกิจกรรมที่ 4
2.5 บันทึกจำนวนส่วนประกอบต่ำง ๆ ในขนมสมอร์ (S’Mores)
และค่ำใช้จำ่ ยในกำรผลิตขนมสมอร์
รวมทัง้ ปัญหำและอุปสรรคในกำรทำขนมสมอร์ไว้ในใบบันทึกกิจกรรมที่ 4
2.6 ถ้ำนักเรียนต้องกำรขำยให้ได้กำไร 20%
จะขำยขนมสมอร์ชน ิ้ ละกีบ
่ ำท
แสดงแนวคิดในกำรตัง้ รำคำขนมสมอร์ในใบบันทึกกิจกรรมที่ 4
46

ใบบันทึกกิจกรรมที่
4

1. จำกสถำนกำรณ์ ทก ี่ ำหนดให้คอ
ื อะไร และมีเงือ่ นไขอย่ำงไร
________________________________________________
_______________k________________________________
________________________________________________
________________________________________________
_____________________________________
2. จำกใบควำมรูเ้ รื่องขนมสมอร์ (S’Mores) สรุปได้ว่ำขนมสมอร์คืออะไร
มีลกั ษณะเป็ นอย่ำงไร
________________________________________________
________________________________________________
47

________________________________________________
________________________________________________
____________________________________
3. วิธีกำรทีใ่ นกลุม
่ นักเรียนเลือกทีจ่ ะทำขนมสมอร์ มีขน
้ ั ตอนดังนี้
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________________
4. วำดภำพขนมสมอร์พร้อมทัง้ ระบุสว่ นประกอบและจำนวนส่วนประกอบขอ
ง ข น ม ส ม อ ร์ บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ ข น ม ส ม อ ร์
พร้อมทัง้ ระบุวสั ดุทใี่ ช้ทำกล่องและจำนวนขนมทีบ่ รรจุ

5. จงเขี ย นสมกำรแสดงสำรตั้ง ต้ น และผลิ ต ภัณ ฑ์ ใ นกำรท ำขนมสมอร์


พร้อมทัง้ แสดงจำนวนสำรตัง้ ต้นแต่ละชนิด
สำรตัง้ ต้น ผลิตภัณฑ์
_____________ + ____________ + ________ +
_______ ________________
มี _____________ + ____________ + ________ +
_______ ________________
ใช้ _____________ + ____________ + ________ +
_______ ________________
เหลือ _____________ + ____________ + ________ +
_______ ________________
48

6. บันทึกจำนวนและปริมำณสำรแต่ละชนิดทีใ่ ช้
รำยกำรสำร จำนวนทัง้ จำนวนทีใ่ ช้ สำรทีห
่ จำนวนทีใ่ ช้ท ้ ั จำนวนทีเ่
ตัง้ ต้น หมด ต่อชิน
้ มด งหมด หลือ
1.
2.
3.
4.
5.

5.1 ส่วนประกอบของขนมสมอร์ (S’Mores) ใน 1 อัน ประกอบด้วย


________________________
5.2 จำนวนขนมสมอร์ (S’Mores) ทีผ
่ ลิตได้ ________ อัน
5 . 3 ส ำ ร ตั้ ง ต้ น ที่ เ ห ลื อ คื อ
________________________________________________
_______
5 . 4 ส ำ ร ก ำ ห น ด ป ริ ม ำ ณ คื อ
________________________________________________
_____

ต้ น ทุ น ก ำ ร ท ำ ข น ม ส ม อ ร์ ___________ บ ำ ท ท ำ ข น ม ส ม อ ร์ ไ ด้
__________ อัน
ต้ อ ง ก ำ ร ข ำ ย ใ ห้ ไ ด้ ก ำ ไ ร 20% จ ะ ข ำ ย ข น ม ส ม อ ร์ อั น ล ะ กี่ บ ำ ท
แสดงแนวคิดในกำรตัง้ รำคำขนมสมอร์
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____

7. ขนมสมอร์ของแต่ละกลุม
่ มีลกั ษณะเหมือนหรือแตกต่ำงกันอย่ำงไร
49

________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________________

8. ปัญหำ/อุปสรรคในกำรทำขนมสมอร์พร้อมบรรจุภณ
ั ฑ์
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
____________________________________________

9. แนวทำงกำรปรับปรุงพัฒนำ แก้ไขผลิตภัณฑ์
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________________________
________________________________

10. ช็อกโกแลตทำจำกเมล็ดของต้น __________________________


___________________________
ใ น เ ม ล็ ด ข อ ง พื ช ดั ง ก ล่ ำ ว มี ส ำ ร เ ค มี ชื่ อ
__________________________ซึ่ ง มี โ ครงส ร้ ำ งคล้ ำ ย คำเฟอี น
50

มี ส ร ร พ คุ ณ ช่ ว ย ล ด ค ว ำ ม ดัน โ ล หิ ต แ ล ะ ก ร ะ ตุ้ น หั ว ใ จ ส ำ ร นั้ น คื อ


_______________________________
มี สู ต ร เ ค มี
_______________________________________________
จ ะ ไ ด้ ร้ อ ย ล ะ โ ด ย ม ว ล ข อ ง ธ ำ ตุ ใ ด สู ง สุ ด แ ล ะ มี ค่ ำ เ ท่ ำ ไ ร
______________________________________

ใบควำมรูท ่ ง ขนมสมอร์ (S'mores )


้ ี่ 9 เรือ
S'mores ขออีกอัน

S’mores คือขนมของว่ำทีเ่ ด็กๆ อเมริกำทำทำนกัน เวลำออก


แคมป์ ช่วงซัมเมอร์ มีสว่ นประกอบง่ำยๆ คือ ขนมปังแครกเกอร์
มำร์ชแมลโลว์ และช็อคโกแลต ทีบ ่ อกว่ำเป็ นของทีม
่ กั ทำทำน
ในแคมป์ก็คอ ื ช่วงกิจกรรมก่อกองไฟ เพรำะ S’mores ต้องเอำ
51

มำร์ชมลโลว์ไปย่ำงไฟซะก่อนนั่นเอง และชื่อ S’mores นี้


เป็ นคำย่อมำจำก sume more ทีแ่ ปลว่ำ เอำอีก

อ้ำงอิง https://www.dek-
d.com/teentrends/34718/

ใบควำมรูท
้ ี่ 10 เรือ
่ ง
สำรกำหนดปริมำณ
สำรกำหนดปริมำณ โดยทัว่ ๆ ไป กำรคำนวณจำกสมกำรทีม ่ ส
ี มกำรเพียง 1 สมกำร
้ ไป มีหลักเกณฑ์ดงั นี้
แต่กำหนดสำรตัง้ ต้นให้ตง้ ั แต่ 2 ชนิดขึน
1. ต้องคำนวณก่อนว่ำสำรใดใช้หมด
52

2. นำสำรทีใ่ ช้หมดไปคำนวณสิง่ ทีต


่ อ
้ งกำร
โดยกำรเทียบอัตรำส่วนของโมลในทำนองเดียวกับกำรคำนวณจำกสมกำรทั่วๆ ไป

ตัวอย่ำงที่ 1 กำรผลิตรถยนต์ ซึง่ มีสว่ นประกอบของ 1 ตัวถัง จะมี 4 ล้อ


ดังสมกำร

1 ตัวถัง + 4 ล้อ 1 คัน

ถ้ำโรงงำนหนึ่งมีตวั ถัง 50 ตัวถัง และ 160 ล้อ จะผลิตรถยนต์ได้กค


ี่ น

ถ้ำคิดจำนวนตัวถังเป็ นฐำนในกำรตอบ จะต้องคิดว่ำผลิตได้ 50 คัน
อย่ำงไรก็ตำมถ้ำพิจำรณำทีล่ อ
้ เป็ นฐำนในกำรตอบ จะพบว่ำจะสำมำรถผลิตได้
40 คัน เพรำะว่ำ รถ 1 คัน มี 4 ล้อ จะเท่ำกับ 160 /4 = 40 ดังนัน

ั จะมีตวั ถังทีเ่ กิน 10 อัน ซึง่ ไม่สำมำรถมีลอ
บริษท ้ มำเติมให้ครบได้
ดังนัน
้ จะสำมำรถผลิตได้มำกทีส
่ ุด 40 คัน เพรำะฉะนัน
้ สำรกำหนดปริมำณ คือ
ล้อรถ และสำรตัง้ ต้นทีย่ งั คงเหลือ คือ ตัวถัง คำนวณทีละขัน
้ ตอนได้ดงั นี้
ขัน
้ ที่ 1 เขียนสมกำร

1 ตัวถัง + 4 ล้อ 1 คัน


50 ตัวถัง 160 ล้อ กีค
่ น

ขัน
้ ที่ 2 จะต้องรูค
้ วำมสัมพันธ์ของตัวถังกับล้อ

A . ต้องหำว่ำจะใช้ตวั ถังเท่ำไรเมือ
่ มีลอ
้ อยู่ 160 ล้อ กีต
่ วั ถังทีต
่ อ
้ งใช้ = 40
ตัวถัง
B . ต้องหำว่ำจะใช้ลอ
้ เท่ำไรจะได้ 50 ตัวถัง กีล่ อ
้ ทีต
่ อ
้ งใช้ = 200 ล้อ
แต่โรงงำนมีลอ
้ แค่ 160 ล้อ ดังนัน
้ ล้อรถ
จะเป็ นตัวกำหนดจำนวนรถทีส
่ ำมำรถผลิตได้
ขัน
้ ที่ 3
เรำจะใช้จำนวนของล้อมำคำนวณหำจำนวนรถยนต์ทจี่ ะสำมำรถผลิตได้
53

จำนวนคัน = 40 คัน

ตัวอย่ำงที่ 2 ถ้ำนักเรียนต้องกำรทีจ่ ะเตรียมแจกันพร้อมดอกไม้


โดยแต่ละแจกันมีดอกไม้ 3 ดอก ถ้ำมีดอกไม้อยู่ 8 ดอก มีแจกัน 10 ใบ
ดังนัน
้ นักเรียนคิดว่ำแจกันหรือดอกไม้ควรทีจ่ ะเป็ นตัวกำหนดปริมำณ

ขัน
้ ที่ 1 เขียนสมกำร 1 แจกัน + 3 ดอกไม้ 1
แจกันดอกไม้
10 แจกัน 8
ดอกไม้ กีแ
่ จกันดอกไม้
ขัน
้ ที่ 2 จะต้องรูค
้ วำมสัมพันธ์ของแจกันกับดอกไม้
A . ต้องหำว่ำจะใช้ดอกไม้เท่ำไรเมือ
่ มีแจกันอยู่ 10 ใบ
ดอกไม้กีด
่ อกทีต
่ อ
้ งใช้ ดังนัน
้ = 30 ดอก
B . ต้องหำว่ำจะใช้แจกันเท่ำไร จะได้แจกัน 2 ใบ ดอกไม้ทีต
่ อ
้ งใช้ 6 ดอก
ดังนัน
้ จะเหลือดอกไม้ 2 ดอก
เป็ นตัวกำหนดจำนวนแจกันดอกไม้ทีส
่ ำมำรถผลิตได้
ขัน
้ ที่ 3
เรำจะใช้จำนวนของดอกไม้มำคำนวณหำจำนวนแจกันดอกไม้ทจี่ ะสำมำรถผลิ
ตได้

จำนวนแจกัน = 2 แจกันดอกไม้

ตัวอย่ำงที่ 3 เมือ
่ เผำ Zn กับผงกำมะถัน จะได้ ZnS ดังนี้
Zn + S  ZnS
ถ้ำนำ Zn มำ 6.0 กรัม ทำปฏิกริ ยิ ำกับ S 3.25 กรัม
หลังจำกเกิดปฏิกริ ยิ ำสมบูรณ์ จะได้ ZnS กีก
่ รัม
วิธีทำ ขัน
้ แรกพิจำรณำว่ำ Zn หรือ S ใช้หมดไป
หลังจำกนัน ้ จึงนำสำรตัง้ ต้นทีใ่ ช้หมดไปคำนวณหำ ZnS
54

คำนวณหำสำรทีใ่ ช้หมดไป
ใช้ Zn 65.4 กรัม ( 1โมล) ต้องใช้ S = 32 กรัม (1
โมล)
ถ้ำใช้ Zn 6.0 กรัม ต้องใช้ S = 32 x6.0
กรัม
65.4

= 2.94 กรัม
จำกสมกำร เมือ
่ ใช้ Zn 6.0 g ต้องใช้ S 2.94 g
จำกโจทย์ มี Zn 6.0 g แต่มี S 3.25 g
เพรำะฉะนัน
้ เหลือ S แต่ Zn ใช้หมด นำไปคำนวณหำ ZnS
คำนวณหำ ZnS จำกสมกำร ใช้ Zn 65.4 กรัม(1 โมล) ได้ ZnS =
97.4 กรัม ( 1 โมล)
ถ้ำใช้ Zn 6.0 กรัม ได้ ZnS = 97.4x6.0 กรัม
65.4
= 8.94 กรัม ตอบ
ใบควำมรูท้ ี่ 11 เรือ
่ ง
สูตรเคมี
สูตรเคมี (Chemical formula) หมำยถึง
กลุม ้ เพือ
่ ทีเ่ ขียนขึน ่ แสดงองค์ประกอบของสำรเคมี แบ่งเป็ น 3 ประเภท คือ
1. สูตรโมเลกุล (Molecualar formula) คือ
กลุม
่ สัญลักษณ์ ทเี่ ขียนแทน 1 โมเลกุลของธำตุหรือสำรประกอบ
ว่ำประกอบด้วยธำตุอะไรบ้ำง อย่ำงละกีอ ่ ะตอม เช่น
สำร สูตรโมเลกุล ควำมหมำย
คลอ Cl 1 โมเลกุลของแก๊สคลอรีน ประกอบด้วย Cl 2
2
รีน H2 อะตอม
น้ำ O 1 โมเลกุลของน้ำ ประกอบด้วย H 2 อะตอม O 1
เบน C 6 อะตอม
ซีน H6 1 โมเลกุ
2. สูตรอย่ำงง่ำยหรื อสูตรเอมพิ ิ ลั ล(Simple
รค ของเบนซีน ประกอบด้
formula orวEmpirical
ย C 6 อะตอม H
้ เพื6อ
formula) คือสูตรเคมีทเี่ ขียนขึน ่ อะตอม
แสดงว่ำ 1 โมเลกุลของสำร
ประกอบด้วยธำตุใดบ้ำง
และอัตรำส่วนอย่ำงต่ำโดยอะตอมของธำตุในสูตรเป็ นเท่ำไร เช่น

สำร สูตรเอมพิรค
ิ ั ควำมหมำย

55

น้ำ H2 น้ำประกอบด้วย H และ O


เบน O ในอัตรำส่วนโดยอะตอม คือ H : O = 2 : 1
ซีน C เบนซีนประกอบด้้ วย C และ H
H ในอัตรำส้่ วนโดยอะตอม ค้ื อ C : H = 1 : 1
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสูตรโมเลกุลและสูตรเอมพิรค
ิ ลั

สูตรโมเลกุล สูตรเอมพิรค
ิ ลั
C3H6 C
C6H1 H2
O
2 6 CH
H2O O
2

จำกตัวอย่ำงจะเห็นว่ำ H2ำนวนเต็ ม ไปหำรสูตรโมเลกุล


ถ้ำนำตัวเลขจ
จะได้สูตรอย่ำงง่ำย และถ้ำนำตัวเลข O
จำนวนเต็ ม ไปคูณสูตรอย่ำงง่ำย
จะได้สต
ู รโมเลกุล ดังนัน
้ ถ้ำให้ n = เลขจำนวนเต็มใดๆ
จะได้ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสูตร โมเลกุลและสูตรอย่ำงง่ำยคือ

(สูตรเอมพิรค
ิ ัล) n =
สูตรโมเลกุล
3. สูตรโครงสร้ำง (Structural formula) คือ
สูตรเคมีทบี่ อกให้เรำทรำบว่ำ 1 โมเลกุลของสำรนัน
้ ประกอบ ด้วยธำตุใดบ้ำง
อย่ำงละกีอ
่ ะตอม และอะตอมของธำตุแต่ละตัวมีตำแหน่ งอย่ำงไร เช่น
สำร สูตรโครงสร้ำง คำอธิบำย
น้ำ (H2O) O 1 โมเลกุลของน้ำ มี H = 2 อะตอม O = 1
H H อะตอม
โดยมีตำแหน่ งของ H และ O ตำมสูตร
มีเทน H 1 โมเลกุลของ มีเทน มี C = 1 อะตอม
(CH4) C H H = 4 อะตอม
H H โดยมีตำแหน่ งของ H และ C ตำมสูตร

ตำรำงเปรียบเทียบสูตรโมเลกุล
สูตรเอมพิรค
ิ ลั และสูตรโครงสร้ำง
สำร สูตรโมเลกุล สูตรเอมพิรค
ิ ลั สูตรโครงสร้ำง
56

แก๊สไฮโดรเจน H2 - H-H
แก๊สคำร์บอนไดออกไซ CO2 CO2
ด์
แก๊สแอมโมเนี ย NH3 NH3

เอทำนอล [ดึงดูดความสนใจของผู ้อ่านข


C2 H6 O

งคุณด ้วยคาอ ้างอิงทียอดเยี ่
ยม
[ดึงดูดความสนใจของผู ้อ่านของ ากเอกสาร

คุณด ้วยคาอ ้างอิงทียอดเยียมจา ่ ้ นี
่ เพื
้ อเน้
่ นจุดสาค
หรือใช ้พืนที
กรดแลกติก กเอกสาร ่ ้องการวางกล่องข ้อความ
C3 H6 O3 เมือต
้ ่ ้ ่ H
หรือใช CH้พื2นที
O นี เพือเน้นจุดสาคัญ
ส่วนใดก็ตามของหน้านี ้

เมือต ้องการวางกล่องข ้อความที ่
ก็เพียงแค่ลากกล่องข ้อความน
เบนซีน C6H6 H6 Hต6ามของหน้านี ้
ส่วนใดก็ มา]
ก็เพียงแค่ลากกล่องข ้อความนั้น
มา]

You might also like