Professional Documents
Culture Documents
Patient profile .
วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ผู้ป่วยหญิงไทยคู่ อายุ 33 ปี น้า้ หนัก 55 กิโลกรัม ส่วนสูง 155 เซนติเมตร มาพบเภสัชกร
ที่ร้านยา Boots
CC : ถ่ายเหลวเป็นน้้าประมาณ 3 ครัง้ ไม่มอี าการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มอี าการอ่อนเพลีย
HPI : 1 วัน PTA ถ่ายเหลว 5 ครั้ง ไม่มมี ูกเลือด ไม่มอี าการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มไี ข้ คาดว่าน่าจะเกิดจากการ
รับประทานปลาหมึกย่าง ซึ่งซือ้ จากร้านขายอาหารข้างทาง ทานยาธาตุน้าขาวแต่อาการไม่ดีขน้ึ
SH : อาชีพพนักงานออฟฟิศ
PMH : ปฏิเสธการมีโรคประจ้าตัว
All : ปฏิเสธการแพ้ยาและอาหาร
Med PTA : ยาธาตุน้าขาว
Medical problem list : Acute diarrhea with DRP (wrong drug)
MED : 1. Activated Charcoal 260 mg (CA-R-BON®) 2 cap. q 6 hr #1แผง/10 แคปซูล
2. OREDA R.O. (16.5 g.) #1 ซอง
SOAP Note
Subjective data :
ผู้ป่วยหญิงไทยคู่ อายุ 33 ปี น้า้ หนัก 55 กิโลกรัม ส่วนสูง 155 เซนติเมตร มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้้าประมาณ 3
ครัง้ ไม่มอี าการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มอี าการอ่อนเพลีย
1 วัน PTA ถ่ายเหลว 5 ครั้ง ไม่มมี ูกเลือด ไม่มอี าการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มไี ข้ คาดว่าน่าจะเกิดจากการรับประทาน
ปลาหมึกย่าง ซึง่ ซื้อจากร้านขายอาหารข้างทาง ทานยาธาตุน้าขาวแต่อาการไม่ดขี นึ้
ปฏิเสธการมีโรคประจ้าตัว แพ้ยาและอาหาร
Objective data: -
SOAP Note : นางสาวอภิสรา เขียวประแดง รหัสนิสติ 55060646 1
Assessment:
ผู้ป่วยมาด้วยอาการถ่ายเหลว ไม่มมี ูกเลือด ไม่มอี าการคลื่นไส้ อาเจียน สามารถวินิจฉัยได้ว่า ผู้ป่วยเกิดภาวะ
อุจจาระร่วงเฉียบพลัน
ค้านิยาม(1) อุจจาระร่วงเฉียบลัน คือ ภาวะที่มกี ารถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้้าตัง้ แต่ 3 ครัง้ ขึน้ ไปภายใน 24
ชั่วโมง หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งหรือมากกว่า โดยอาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและเป็นไม่นานเกิน 2 สัปดาห์
ผู้ป่วยอุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีอาการอุจจาระเป็นอาการเด่น ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้้า สีเหลืองหรือ
สีเขียวอ่อน ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเป็นน้้าขุ่นคล้ายน้้าซาวข้าว ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการแสดงของการขาดน้้าและเกลือแร่
ในระดับน้อยถึงปานกลาง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง(1)
สาเหตุ: ส่วนใหญ่มกั เกิดจากเชือ้ แบคทีเรียที่สร้างสารพิษในล้าไส้ (Enterotoxin induced diarrhea) เช่น Vibrio cholera,
Escherichia coli เป็นต้น หรืออาจเกิดจากเชือ้ อื่นๆ เช่น Salmonella spp., Aeromonas spp., Campylobacter jejuni,
Clostidium difficile เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยง 1. รับประทานอาหารทะเล
2. รับประทานอาหารที่ไม่สะอาด
การประเมินความรุนแรงของภาวะขาดนา้ และเกลือแร่(1)
การประเมินการรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ และ/หรือก้าลังจะได้รบั
ตามแนวทางการดูแลรักษาผู้ปว่ ย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันในผู้ใหญ่ แนะน้าการรักษาในกลุ่มผู้ป่วยอุจจาระร่วง
เป็นน้้าที่ไม่มอี าการแสดงของการขาดน้้า ท้าโดยการทดแทนสารน้้า สามารถท้าได้ด้วยการให้ ORS โดยทั่วไปไม่มคี วาม
จ้าเป็นต้องใช้ยาปฏิชวี นะ ยกเว้นในผู้ป่วยสูงอายุหรือมีภูมิคมุ้ กันบกพร่อง และพิจารณาให้ยาต้านอุจจาระร่วง(Anti-diarrhea
drugs) ต้องค้านึงถึงประสิทธิผลและผลแทรกซ้อนของยาต้านอุจจาระร่วงแต่ละชนิด(1,2)
1. ยาลดการเคลื่อนไหวของล้าไส้ (Antiperistaltics) ได้แก่ loperamide, diphenoxylate, codeine, tincture
opium ยาในกลุ่มนีส้ ามารถท้าให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระน้อยครัง้ ลง และมีปริมาณอุจจาระลดลงด้วย แต่บางชนิดอาจมีการเสพ
ติดถ้าใช้ตดิ ต่อกันเป็นเวลานาน
2. ยาต้านฤทธิ์ Cholinergic (Anticholinergic) ได้แก่ Hyoscine, Hyoscyamine, Dicyclomine เป็นต้น ยา กลุ่มนี้
ไม่ค่อยได้ผลในการลดปริมาณอุจจาระหรือท้าให้ถา่ ยน้อยลง แต่มผี ลท้าให้อาการปวดท้องลดลงได้ดกี ว่า
3. ยาออกฤทธิ์ดดู ซับสารพิษ (Adsorbents) มีหลักการท้างาน คือ ดูดซับ enterotoxin ที่สร้างจากแบคทีเรีย
ยากลุ่มนี้คอ่ นข้างปลอดภัยเพราะไม่ดูดซึมเข้าสูร่ ่างกายและมีประสิทธิภาพดีเมื่อให้ภายใน 24-48 ชั่วโมง
4. Probiotics เช่น Lactobacillus acidophilus, Saccharomyces boulardii ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยการไปแบ่งตัวเพิ่ม
จ้านวนในล้าไส้ ยับยัง้ การเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เยื่อบุผนังล้าไส้ แต่กลไกการออกฤทธิ์อาจจะค่อนข้างช้า จึงไม่ค่อยได้
ประโยชน์ในผู้ป่วยอุจจาระร่วงเฉียบพลัน
5. ยาสมุนไพร มียาสมุนไพรหลายชนิดที่มีบันทึกในเอกสารทางการแพทย์โบราณว่าสามารถรักษาโรคอุจจาระ
ร่วงได้ เช่น ฟ้าทะลายโจร เมล็ดหรือเปลือกทับทิม เปลือกมังคุด แต่ไม่มหี ลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ดเี พียงพอที่จะยืนยันผล
ของยาต่างๆ เหล่านั้น
ดังนัน้ จึงให้ยาออกฤทธิ์ดูดซับสารพิษ (Adsorbents) ส้าหรับต้านอุจจาระร่วงร่วมกับการให้ ORS เพื่อชดเชยการ
สูญเสียน้้าจึงเหมาะสมส้าหรับผูป้ ่วยรายนี้
สรุป
จากแนวทางการรักษา เมื่อพิจารณา หลัก IESAC พบว่า ยาที่เหมาะสมที่จะจ่ายให้แก่ผู้ป่วยคือ Smecta® ตัวยา
ส้าคัญคือ Dioctahedral smectite 3 g เป็นยาที่ออกฤทธิ์ดูดซับสารพิษ ส้าหรับต้านอาเจียน หลักการท้างานคือ ดูดซับ
enterotoxin ที่สร้างจากแบคทีเรีย ค่อนข้างปลอดภัยเพราะไม่ดดู ซึมเข้าสูร่ ่างกายและมีประสิทธิภาพสูง มีงานวิจัยสนับสนุน
แนะน้าให้ผู้ป่วยรับประทานครั้งละ 1 ซอง โดยละลายน้้าครึ่งแก้ว วันละ 3 ครัง้ ผู้ป่วยหยุดรับประทานยาเมื่ออาการดีขึน้
และผู้ป่วยได้รับ ORS ส้าหรับชดเชยการสูญเสียน้้า 1 ซอง โดยผสมกับน้้า 250 ml จิบเรื่อยๆจนหมด ภายใน 3 – 4 ชั่วโมง
Plan:
เป้าหมายการรักษา : รักษาการติดเชื้อ ลดจ้านวนครัง้ ถ่ายเหลว ไม่มอี าการขาดน้้า
แผนการรักษา : 1. Smecta® (Dioctahedral smectite 3 g) รับประทานครั้งละ 1 ซอง โดยละลายน้้าครึ่งแก้ว วัน
ละ 3 ครัง้ จ้านวน 2 ซอง
2. OREDA R.O. (16.5 g) #1 ซอง
หมายเหตุ เนื่องจากผู้ป่วยเข้ามาซือ้ ยา ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งใกล้กับเวลาเลิกงาน ผูป้ ่วยแจ้งว่าที่บ้านมี ORS อยู่
แล้ว เภสัชกรจึงจ่าย ORS ให้เพียง 1 ซอง ส้าหรับรับประทานทันทีเพื่อบรรเทาอาการเบือ้ งต้น
การตรวจติดตามประสิทธิภาพ : มีอาการถ่ายเหลวน้อยลง ไม่มอี าการขาดน้้าและเกลือแร่ อย่างน้อยช่วง 3 วัน
แรกของการรักษา
การตรวจติดตามความปลอดภัย : อาการท้องผูก
เอกสารอ้างอิง
Patient profile .
วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ผู้ป่วยชายชาวต่างชาติคู่ อายุ 42 ปี ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้้าหนัก 68 กิโลกรัม มาพบ
เภสัชกรที่ร้านยา Boots
CC : ปวดหูซ้าย มีอาการมาประมาณ 2 วัน
HPI : ผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดหู สังเกตเห็นว่ามีของเหลวสีเหลืองไหลออกจากหูจากการใช้ไม้ส้าลี และมีไข้
เล็กน้อย
2 วัน PTA ไปเที่ยวทะเลและลงว่ายน้้าที่จังหวัดกระบี่
SH : ดื่มเบียร์สัปดาห์ละ 2-3 ครัง้
PMH : ปฏิเสธการมีโรคประจ้าตัว
All : ปฏิเสธการแพ้ยาและอาหาร
Med PTA : ไม่ได้ใช้ยาใดมาก่อน
Medical problem list: Otitis externa
MED : 1. Ciprofloxacin (CILOXAN®) 0.3% 1-2 drop as. bid 7 days #1btt.
2. Paracetamol (Tylenol®) 500 mg 2 tablets q 4-6 hr #1 แผง/10 เม็ด
SOAP Note
Subjective data :
ผู้ป่วยชายชาวต่างชาติคู่ อายุ 42 ปี ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้้าหนัก 68 กิโลกรัม มาขอซื้อยาด้วยอาการปวดหู
ข้างซ้าย มีอาการมา 2 วัน สังเกตเห็นว่ามีของเหลวสีเหลืองไหลออกจากหูจากการใช้ไม้ส้าลี และมีไข้เล็กน้อย
2 วันที่แล้ว ไปเที่ยวทะเลและลงว่ายน้้าที่จังหวัดกระบี่กับครอบครัว
ผู้ป่วยไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนและไม่มอี าการอื่นที่แสดงอื่นที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
ปฏิเสธการมีโรคประจ้าตัว แพ้ยาและอาหาร
Assessment :
ผู้ป่วยรายนี้ มาด้วยอาการปวดหู สังเกตเห็นว่ามีของเหลวสีเหลืองไหลออกจากหูจากการใช้ไม้ส้าลี และมีไข้
เล็กน้อย สามารถวินจิ ฉัยว่าผู้ปว่ ยอาจเกิดภาวะหูชั้นนอกอักเสบ (Otitis externa) หรือภาวะหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน
(Acute otitis media) ซึ่งสามารถแยกอาการเพื่อวินิจฉัยโรคได้ดังนี้(2,3)
ภาวะหูชั้นนอกอักเสบ (Otitis externa) เป็นการอักเสบของรูหู เกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง มักเกิดที่หูขา้ งเดียว อาการ
ส้าคัญคือ อาการคัน รูส้ ึกตึงในรูหู ปวดหู กดเจ็บที่ติ่งหูและเจ็บเวลาดึงหู เมื่อการอักเสบเป็นมากจนรูหูบวมตีบแคบจะรู้สึกหู
อื้อ มักพบมีน้าเหลืองหรือหนองไหลซึมและมีไข้ร่วมด้วย ส่วนภาวะหูชนั้ กลางอักเสบเฉียบพลัน (Acute otitis media) เป็นการ
อักเสบของหูชั้นกลาง เกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เกิดในเด็กอายุต่้ากว่า 2 ปีและมักจะเกิดร่วมกับการติดเชื้อในระบบ
ทางเดินหายใจส่วนบน ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดหู หูอ้ือ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เมือ่ มีหนองไหลจากชองหูแล้ว
อาการปวดมักจะลดลง เมื่อจับหรือแตะบริเวณใบหูหรือรูหจู ะไมมีอาการปวด ถ้ามีการทะลุของแก้วหูอาจมีของเหลวเป็น
หนองหรือเลือดออกมาที่ช่องหูชนั้ นอก
เนื่องด้วยผู้ป่วยมีอาการปวดหูซ้ายข้างเดียว มีของเหลวสีเหลืองไหลออกจากหูและมีไข้เล็กน้อย มีอาการมา
ประมาณ 2 วัน ไม่มอี าการของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน สามารถวินจิ ฉัยได้วา่ ผู้ป่วยเกิดภาวะหูชนั้ นอก
อักเสบ (Otitis externa)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุ(6) : หูชั้นนอกอักเสบ (Otitis externa) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อที่เป็นสาเหตุ คือ Pseudomonas aeruginosa
(20-60%), Staphylococcus aureus (10%-70%) และเชื้อ gram-negative organisms อื่น นอกจาก P. aeruginosa (2-3%)
การเลือกใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียที่เหมาะสมควรเลือกใช้ยาหยอดหูที่สามารถคลุมเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ (gram-
negative organisms) ได้ ยาหยอดหูที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาต้านเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Quinolone, ยาที่มสี ่วนผสมของ polymyxin B,
neomycin และ hydrocortisone เนื่องจาก polymyxin B คลุมเชื้อ P. aeruginosa ไดดี ขณะที่ neomycin ครอบคลุมเชื้อ S.
aureus สวนยา Steroid ที่ผสมอยู่จะช่วยให้รูหูยุบบวม และลดอาการปวดให้หายเร็วขึน้ พบว่า neomycin ที่ผสมในยาหยอด
หูอาจก่อให้เกิดการแพ้ยาได้ และท้าให้เกิด allergic contact dermatitis หากพบการแพเกิดขึ้นควรเปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่นแทน
สารกลุม่ low-pH antiseptic ก็สามารถใช้ได้ เนื่องจากสภาวะเป็นกรดจะยับยัง้ การเจริญเติบโตของเชื้อ(6)
Plan:
เป้าหมายการรักษา : รักษาการติดเชื้อ บรรเทาอาการปวดหูและลดไข้
แผนการรักษา :
1. Ciprofloxacin (CILOXAN®) 0.3% จ้านวน 1 ขวด หยอดหูซ้ายครัง้ ละ1-2หยด วันละ 2 ครัง้ เช้า-เย็น ระยะเวลา
7 วัน
2. Paracetamol (Tylenol®) 500 mg จ้านวน 1 แผง/10 เม็ด รับประทานครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง