Professional Documents
Culture Documents
แบบทดสอบก่อนเรียน
ชุดการเรียนรายบุคคล ชุดที่ 1 พระไตรปิ ฎก
คาชี้แจง
1. แบบทดสอบมีท้ งั หมด 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน ใช้เวลา 5 นาที
2. ให้นกั เรี ยนเลือกคาตอบที่ถูกที่สุด แล้วทาเครื่ องหมาย x ลงในช่อง ก ข ค และ ง
ให้ตรงกับข้อที่นกั เรี ยนเลือกตอบ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ข้ อใดอธิบายความหมายของพระไตรปิ ฎกได้ ชัดเจนทีส่ ุ ด
ก. หลักธรรมคาสอนของพระพุทธศาสนาที่มีการสังคายนาแล้ว
ข. คัมภีร์ที่รวบรวมคาสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็ นหมวดหมู่
ค. เป็ นหนังสื อรวมพระธรรมวินยั ไว้เป็ นหมวดหมู่
ง. คัมภีร์ของพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
2. พระไตรปิ ฎกฉบับภาษาไทยได้ รับการจัดพิมพ์ครั้งแรกในสมัยพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ ใด
ก. รัชกาลที่ 3
ข. รัชกาลที่ 4
ค. รัชกาลที่ 5
ง. รัชกาลที่ 6
3. การศึกษาภาษาบาลีจนมีความเข้ าใจแตกฉาน มีผลดีในเรื่องใดมากทีส่ ุ ด
ก. สอบเรี ยนต่อในโรงเรี ยนปริ ยตั ิธรรมได้
ข. เป็ นการรักษาหรื ออนุรักษ์วฒั นธรรมทางด้านภาษา
ค. สามารถฟังพระสงฆ์สวดมนต์แล้วเข้าใจความหมาย
ง. เข้าใจคาสอนของพระพุทธศาสนาในพระไตรปิ ฎก ฉบับภาษาบาลี
4. วิธีการเผยแพร่ พระไตรปิ ฎกทีป่ ระสบความสาเร็จมากทีส่ ุ ด คือข้ อใด
ก. การเทศนาสัง่ สอนหรื อการบอกธรรม
ข. การพิมพ์หนังสื อพระไตรปิ ฎกจานวนมาก
ค. การจารึ กข้อความบนแผ่นศิลา และตามผนังโบสถ์
ง. การใช้เทคนิคในการอธิบายความรู้ในพระไตรปิ ฎกของพระสงฆ์
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 2
กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
ชุดการเรียนรายบุคคล เล่มที่ 1 พระไตรปิ ฎก
ชื่อ – สกุล...........................................................................ชั้น................เลขที่..........
ข้อที่ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนนที่ได้....................คะแนน
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 5
ใบความรู้ที่ 1 พระไตรปิ ฎก
รวมแล้ วหมายความว่ า เป็ นที่รวบรวมคาสั่ งสอนของพระพุทธเจ้ าไว้ เป็ นหวดหมู่ ไม่ ให้ กระจัด
กระจาย คล้ายกระจาดหรือตะกร้ าอันเป็ นภาชนะใส่ ของนั่นเอง
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 6
พระมหากัสสปเกีย่ วข้ องกับพระไตรปิ ฎกอย่ างไร พระมหากัส สป เป็ นผูบ้ วชเมื่ อสู งอายุ
ท่า นพยายามปฏิ บ ตั ิ ตนอย่า งเคร่ ง ครั ด
พระศาสดาทรงสรรเสริ ญว่าเป็ นตัวอย่างในการเข้าสู่ สกุลชักกายและใจห่ าง ประพฤติตนเป็ นคนใหม่
ไม่คะนองกาย วาจา ใจ ในตระกูล และยังทรงสรรเสริ ญความสามารถในการเข้าฌานสมาบัติ ท่านเป็ น
พระผูใ้ หญ่ แม้ไม่ใคร่ สั่งสอนใครมาก แต่ทาตัวเป็ นแบบอย่าง เมื่อพระศาสดาปริ นิพพานแล้ว ท่านได้
เป็ นหัวหน้าชักชวนพระสงฆ์ให้ทาสังคายนา คือ ร้อยกรอง หรื อจัดระเบียบพระธรรมวินยั ในการทา
สังคายนาครั้งที่ 1 ซึ่ งท่านชักชวนให้ทาขึ้นนั้น ท่านเองเป็ นผูถ้ ามทั้งพระวินยั และพระธรรม พระอุบาลี
เป็ นผูต้ อบเกี่ยวกับพระวินยั พระอานท์เป็ นผูต้ อบเกี่ยวกับพระธรรม
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 11
พระสาริบุตรแนะนาให้ ร้อยกรองพระธรรมวินัย
ในสมัยเดียวกันนั้น และปรารภเรื่ องเดียวกัน คือเรื่ องสาวกของนิ ครนถนาฏบุตรแตกกัน ภายหลัง
ที่อาจารย์สิ้นชีวติ ค่าวันหนึ่ง เมื่อพระผูม้ ีพระภาคทรงแสดงธรรมจบแล้ว เห็นว่าภิกษุท้ งั หลายยังใคร่ จะ
ฟั งต่อไปอี ก จึงมอบหมายให้พระสาริ บุตรแสดงธรรมแทน ซึ่ งท่านได้แนะนาให้รวบรวมร้ อยกรอง
พระธรรมวินยั โดยแสดงการจัดหมวดหมู่ธรรมะเป็ นข้อ ๆ ตั้งแต่ขอ้ 1 -10 ว่ามีธรรมอะไรบ้างอยู่ใน
หมวด 1 จนถึงหมวด 10 ซึ่ งพระผูม้ ีพระภาคได้ทรงรับรองว่าข้อคิดและธรรมะที่แสดงนี้ ถูกต้อง (สังคีติ
สู ตร พระสุ ตตันตปิ ฎก เล่มที่ 11 หน้า 222 - 287) หลักฐานในพระไตรปิ ฎกตอนนี้ มิได้แสดงว่าพระสาริ
บุ ต รเสนอขึ้ น ก่ อ น หรื อ พระพุ ท ธเจ้า ตรั ส แก่ พ ระจุ น ทะก่ อ น แต่ ร วมความแล้ ว ก็ ต้อ งถื อ ว่ า ทั้ง
พระพุทธเจ้าและพระสาริ บุตรได้เห็นความสาคัญของการรวบรวม พระพุทธวจนะร้อยกรองให้เป็ น
หมวดเป็ นหมู่มาแล้ว ตั้งแต่ยงั ไม่ทาสังคายนาครั้งที่ 1
พระจุนทะเถระผู้ปรารถนาดี
เมื่อกล่าวถึงเรื่ องความเป็ นมาแห่ งพระไตรปิ ฎก และกล่าวถึงการที่พระพุทธเจ้าทรงแนะให้ ทา
สังคายนาก็ดี ถ้าไม่กล่าวถึ งพระจุ นทะเถระ ก็ดูเหมือนจะมองไม่เห็ นความริ เริ่ ม เอาใจใส่ และความ
ปรารถนาดี ของท่าน ในเมื่อรู ้เห็นเหตุการณ์ที่สาวกของนิ ครนถนาฏบุตรแตกกัน เพราะจากข้อความที่
ปรากฏในพระไตรปิ ฎก ท่ า นได้เ ข้า พบพระอานนท์ถึ ง 2 ครั้ ง ครั้ งแรกพระอานนท์ ช วนเข้า เฝ้ า
พระพุทธเจ้าด้วยกัน พระพุทธเจ้าก็ตรั สแนะให้ทาสังคายนาดังกล่ าวแล้วข้างต้น ครั้ งหลังเมื่อสาวก
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 12
กิจกรรมที่ 1 พระไตรปิ ฎก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาชี้แจง ให้นกั เรี ยนเติมข้อความลงในแผนผังให้สมบูรณ์ (20 คะแนน)
พระไตรปิ ฎก
............
............ ..........
..........
............
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 14
ใบความรู้ที่ 2 การสังคายนา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะนักเรี ยนที่น่ารักทุกคน
หลังจากที่พวกเราได้ศึกษาเกี่ยวกับประวัติและความเป็ นมาของ
“พระไตรปิ ฎก” แล้วเรามาศึกษาดูซิวา่ เมื่อพระพุทธเจ้า
ปริ นิพพานแล้ว จะมีการเก็บรวบรวมหลักธรรมคาสอนของ
พระองค์โดยวิธีการใด หาคาตอบได้จากเรื่ องการสังคายนาได้เลย
ค่ะ
สังคายนา คือการรวบรวมคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้ แล้วทรงจาไว้เป็ นแบบแผนอันเดียวกัน
คื อรวบรวมไว้เป็ นหลัก และทรงจาถ่ ายทอดสื บมาเป็ นอย่างเดี ยวกัน การสังคายนานั้นต้องให้รู้ว่า
เป็ นการที่จะรักษาคาสอนเดิมเอาไว้ให้แม่นยาที่สุด ไม่ใช่วา่ พระภิกษุที่สังคายนามีสิทธิ์ เอาความคิดเห็น
ของตนใส่ ลงไป การสังคายนา ก็คือ การมาทบทวนซักซ้อมตรวจสอบคัมภีร์ให้ตรงตามของเดิม และ
ซักซ้อมตรวจสอบคนที่ไปทรงจา หรื อไปนับถื ออะไรต่างๆ ที่อาจจะผิดเพี้ยนไป ให้มาทบทวนตัวเอง
ให้มาซักซ้อมกับที่ประชุ ม ให้มาปรับความเห็น ความเชื่ อ การปฏิบตั ิของตน ให้ตรงตามพระไตรปิ ฎก
ที่รักษากันมาอย่างแม่นยา
วิธีการสังคายนา ที่เรี ยกว่าวิธีการร้อยกรองหรื อรวบรวมพระธรรมวินยั หรื อประมวลคาสั่งสอน
ของพระพุทธเจ้า ก็คือ นาเอาคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาแสดงในที่ประชุ ม แล้วก็มีการซักถามกัน
จนกระทัง่ ที่ประชุ มลงมติวา่ เป็ นอย่างนั้นแน่ นอน เมื่อได้มติร่วมกันแล้วในเรื่ องใด ก็ให้สวดพร้ อมกัน
การสวดพร้อมกันนั้น แสดงถึงการลงมติร่วมกันด้วย และเป็ นการทรงจากันไว้อย่างนั้นเป็ นแบบแผน
ต่อไปด้วยหมายความว่า ตั้งแต่น้ นั ไป คาสอนตรงนั้นก็จะทรงจาไว้อย่างนั้น เมื่ อจบเรื่ องหนึ่ งก็สวด
พร้อมกันครั้งหนึ่ ง อย่างนี้ เรื่ อย การสวดพร้อมกันนั้นเรี ยกว่า สังคายนา เพราะคาว่า “สังคายนา” หรื อ
เรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า “สังคีติ” แปลว่า สวดพร้อมกันคายนา หรื อคีติ (เทียบกับคีต ในคาว่าสังคีต) แปลว่า
การสวด ส แปลว่าพร้ อมกันก็คือสวดพร้ อมกัน ที่ ผ่า นมาในพุ ทธศาสนามี การสั งคายนามี มาทั้งสิ้ น
11 ครั้งดังนี้
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 15
การสั งคายนาครั้งที่ 1
มูลเหตุ
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปริ นิพพานได้ 7 วัน พระมหากัสสปเถระอยูท่ ี่เมืองปาวา ยังไม่ทราบว่า
พระพุทธองค์เสด็จปริ นิพพาน จึงพาพระสงฆ์จานวน 500 รู ป เดินทางออกจากเมืองปาวาด้วยประสงค์
จะไปเฝ้ าพระพุทธองค์ที่เมืองกุสินารา ในระหว่างเดิ นทางนั้นเอง ก็ได้ทราบข่าวการเสด็จปริ นิพพาน
ของพระพุทธองค์จากอาชี วก (นักบวชนิกายหนึ่ ง) คนหนึ่ ง ซึ่ งเดินทางมาจากเมืองกุสิ นารา พระสงฆ์
ทั้ง มวลซึ่ งมี พระมหากัส สปเถระเป็ นหัวหน้า เมื่ อได้ท ราบข่ าวนั้นแล้ว ผูท้ ี่ เป็ นพระอรหันต์ต่างก็ มี
ความสลดใจ ผูท้ ี่เป็ นปุถุชนอยู่ก็เศร้ าโศกเสี ยใจ ร้ องไห้คร่ าครวญ ราพึงราพันกันไปต่าง ๆ นานา แต่
พระภิกษุสุภทั ทะมิได้เป็ นเช่นนั้น และได้ห้ามพระภิกษุเหล่านั้นมิให้เสี ยใจ มิให้ร้องไห้ โดยกล่าวชี้ นา
ว่า ที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จปริ นิพพานนั้นเป็ นการดี แล้ว ต่อนี้ ไปจะทาอะไรได้ตามใจ ไม่มีใครคอยมา
ชี้ ว่า ผิด นี่ ถู ก นี่ ควรนี่ ไม่ ค วรนี่ ต่ อไปอี ก พระมหากัส สปเถระได้ฟั ง ค ากล่ า วจ้วงจาบเช่ น นั้นแล้ว
เกิ ดความสลดใจ ภายหลังจากการถวายพระเพลิ งพระพุทธสรี ระเสร็ จสิ้ นแล้ว ได้มีการประชุ มสงฆ์
พระมหากัสสปเถระซึ่ งเป็ นผูม้ ีอายุพรรษามากกว่าพระสงฆ์ทุกรู ป ได้รับเลื อกให้เป็ นประธานสงฆ์ มี
ฐานะเป็ นสังฆปริ ณายก (ผูน้ าคณะสงฆ์) บริ หารการคณะสงฆ์ตามพระธรรมวินยั ท่านจึงได้นาเรื่ องที่
ภิกษุสุภทั ทะกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินยั นั้นเสนอต่อที่ประชุ มสงฆ์ ชวนให้ทาการสังคายนาพระธรรม
วินัย และได้รับ ความเห็ นชอบจากที่ ป ระชุ ม ต่ อจากนั้นมา 3 เดื อน ก็ ไ ด้มี การประชุ ม ทาสั ง คายนา
ครั้งที่ 1
สถานที่ ถ้ าสัตบรรณคูหา ข้างเขาเวภารบรรพต ใกล้กรุ งราชคฤห์ ชมพูทวีป
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้าอชาตศัตรู
การจัดการ พระมหากัส สปเถระได้รั บ เลื อ กเป็ นประธาน และเป็ นผู้ซัก ถามพระธรรมวิ นัย
พระอุ บ าลี เ ถระเป็ นผู้ต อบข้อ ซัก ถามทางพระวิ นัย พระอานนท์เ ถระเป็ นผู้ต อบ
ข้อซักถามทางพระธรรม มีพระอรหันต์เข้าประชุ มเป็ นสังคีติการกสงฆ์ (สงฆ์ผเู้ ป็ น
คณะกรรมการทาสังคายนา) จานวน 500 รู ป
ระยะเวลา 7 เดือน จึงสาเร็ จ
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 16
สั งคายนาครั้งที่ 2
มูลเหตุ
พระยสะกากัณฑกบุตรได้ปรารภถึ งข้อปฏิ บตั ิ ย่อหย่อน 10 ประการ ของพวกภิกษุวชั ชี บุตร
เช่น ถือว่าเก็บเกลือไว้ในเขนง(เขาสัตว์) เพื่อเอาไว้ฉนั ได้ ตะวันชายเกินเที่ยงไปแล้ว 2 นิ้วฉันอาหารได้
รับเงินทองไว้ใช้ได้ เป็ นต้น พระยสะกากัณฑกบุตรเห็นว่า ข้อปฏิบตั ิยอ่ หย่อนดังกล่าวนี้ ขดั กับพระวินยั
พุทธบัญญัติ จึ งได้ชักชวนพระเถระผูใ้ หญ่ ประชุ ม พิจารณาวินิจฉัย ทาการสังคายนาพระธรรมวินัย
เพื่อความมัน่ คงพระพุทธศาสนาสื บไป
สถานที่ วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ชมพูทวีป
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้ากาลาโศกราช
การจัดการ พระมหาเถระชื่อยสะกากัณฑกบุตรเป็ นประธาน พระเรวตเถระเป็ นผูซ้ กั ถาม
พระธรรมวินยั พระสัพพกามีเถระเป็ นผูต้ อบข้อซักถาม มีพระอรหันต์เข้าประชุม
เป็ นสังคีติการกสงฆ์จานวน 700 รู ป
ระยะเวลา 8 เดือน จึงสาเร็ จ
สั งคายนาครั้งที่ 3
มูลเหตุ
พวกเดียรถี ยห์ รื อพวกนักบวชในศาสนาอื่นมาปลอมบวชในพระพุทธศาสนา ด้วยเห็นแก่ลาภ
สั ก การะ และเพื่ อ บ่ อ นท าลายพระพุ ท ธศาสนา ได้ แ สดงลัท ธิ แ ละความเห็ น ของตนว่ า "เป็ น
พระพุทธศาสนา เป็ นคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" พระโมคคัลลี บุตรติ สสเถระได้ขอความอุ ปถัมภ์
จากพระเจ้าอโศกมหาราชให้มีการสอบสวน สะสาง กาจัดพวกเดียรถียป์ ลอมบวชประมาณ 60,000 รู ป
แล้วให้สละสมณเพศออกจากพระพุทธศาสนาได้สาเร็ จ
สถานที่ อโศการาม กรุ งปาตลีบุตร ชมพูทวีป
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้าอโศกมหาราช
การจัดการ พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเป็ นประธาน พระอรหันต์เข้าประชุมเป็ นสังคีติการกสงฆ์
จานวน 1,000 รู ป
ระยะเวลา 9 เดือน จึงสาเร็ จ
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 17
การสั งคายนาครั้งที่ 4
มูลเหตุ
พระมหิ นทเถระประสงค์จะให้ พ ระพุ ท ธศาสนาได้ห ยัง่ รากมั่นคงในลัง กาทวี ป เป็ นการ
วางรากฐานให้พระสงฆ์ชาวลังกาท่องจาพระพุทธวจนะตามระบบการศึกษาพระปริ ยตั ิธรรมในเวลานั้น
สถานที่ ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ในลังกาทวีป
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้าเทวานัมปิ ยติสสะ กษัตริ ยแ์ ห่งลังกาทวีป
การจัดการ พระมหิ นทเถระเป็ นประธาน พระอริ ฏฐเถระเป็ นผูส้ วดทบทวนหรื อตอบข้อซักถาม
ด้านพระวินัย มีพระเถระรู ปอื่นๆสวดทบทวนพระธรรม มีพระอรหันต์เข้าประชุ ม
เป็ นจานวน 38 รู ป พระเถระผูจ้ ดจาพระไตรปิ ฎกอีกจานวน 962 รู ป
ระยะเวลา 10 เดือน จึงสาเร็ จ
การสั งคายนาครั้งที่ 5
มูลเหตุ
คณะสงฆ์ชาวลังกาและทางราชการบ้านเมืองเห็นว่า พระธรรมวินยั หรื อพระพุทธ-วจนะที่ได้
สังคายนาไว้น้ นั มีความสาคัญมาก นับเป็ นรากแก้วของพระพุทธศาสนา หากจะพิทกั ษ์รักษาธรรมวินยั
ให้ดารงอยู่สืบไปด้วยวิธีการท่องจาดังที่ เคยถื อปฏิ บตั ิกนั มา ก็อาจมี ขอ้ วิปริ ตผิดพลาดได้ง่าย เพราะ
ความจาของผูบ้ วชเรี ยนเสื่ อมถอยลง การสังคายนาครั้งนี้ จึงได้ตกลงจารึ กพระธรรมวินยั หรื อพระพุทธ
วจนะ เป็ นภาษามคธอักษรบาลี ลงในใบลาน พร้ อมทั้งคาอธิ บายพระไตรปิ ฎกที่เรี ยกว่า อรรถกถา ซึ่ ง
เดิ มเป็ นภาษามคธอักษรบาลี นับเป็ นครั้งแรกที่ได้มีการจารึ กพระธรรมวินยั เป็ นภาษามคธอักษรบาลี
ไว้เป็ นลายลักษณ์อกั ษร พระไตรปิ ฎกลายลักษณ์อกั ษร มีข้ ึนเป็ นฉบับแรกในพระพุทธศาสนา นับเป็ น
การสังคายนาครั้งที่ 2 ในลังกาทวีป
สถานที่ อาโลกเลนสถาน ณ มตเลชนบท ในลังกาทวีป
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้าวัฏฏคามณี อภัย
การจัดการ พระรักขิตมหาเถระเป็ นประธานและเป็ นผูซ้ กั ถามพระธรรมวินยั พระติสสเถระเป็ น
ผูต้ อบข้อซักถาม มีพระสงฆ์ผูเ้ ป็ นองค์พระอรหันต์ และพระสงฆ์ปุถุชนเข้าประชุ ม
เป็ นสังคีติการกสงฆ์ จานวนกว่า 1,000 รู ป
ระยะเวลา 1 ปี จึงสาเร็ จ
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 19
การสั งคายนาครั้งที่ 6
มูลเหตุ
พระพุทธโฆสเถระ (หรื อที่ไทยเรานิยมเรี ยกว่า พระพุทธโฆษาจารย์) ซึ่ งเป็ นพระมหาเถระชาว
ชมพูทวีป ผูเ้ ปรื่ องปราดมีความรู้ แตกฉานในพระไตรปิ ฎก และนับเป็ นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา
และภาษาบาลี เห็ นว่าคัมภีร์อรรถกถาแห่ งพระไตรปิ ฎกนั้นมีสมบูรณ์ บริ บูรณ์ เป็ นภาษาสิ งหล อยูใ่ น
ลังกาทวีป ท่านจึงเดินทางไปลังกาทวีป ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้ามหานามเพื่อแปลและเรี ยบเรี ยง
คัมภีร์อรรถกถาจากภาษาสิ งหลเป็ นภาษามคธ เพื่อจะได้เป็ นตันติภาษา (ภาษาที่มีแบบแผน) สอดคล้อง
กับคัมภีร์พระไตรปิ ฎก นับเป็ นการสังคายนาครั้งที่ 3 ในลังกาทวีป
สถานที่ โลหปราสาท เมืองอนุราธปุระ ในลังกาทวีป
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้ามหานาม
การจัดการ พระพุทธโฆสเถระเป็ นประธาน มีการแปลและเรี ยบเรี ยงคัมภีร์อรรถกถาจากภาษา
สิ งหล เป็ นภาษามคธอักษรบาลี
ระยะเวลา 1 ปี จึงสาเร็ จ
การสั งคายนาครั้งที่ 7
มูลเหตุ
ทางการคณะสงฆ์อนั มี พ ระมหากัส สปเถระเป็ นประธาน และทางราชการบ้า นเมื อ งอัน มี
พระเจ้าปรักกมพาหุ เป็ นประมุข เห็นว่าคัมภีร์พระไตรปิ ฎก ซึ่ งเรี ยกว่าปาลิน้ นั เป็ นภาษามคธอักษรบาลี
คัมภีร์อธิ บายพระไตรปิ ฎกซึ่ งเรี ยกว่าอรรถกถา ก็ได้แปลและเรี ยบเรี ยงเป็ นภาษามคธ อันเป็ นตันติภาษา
สอดคล้องกับคัมภีร์พระไตรปิ ฎกแล้ว ส่ วนคัมภีร์อธิ บายอรรถกถาซึ่ งเรี ยกว่า ฎี กา และคัมภีร์อธิ บาย
ฎีกาซึ่ งเรี ยกว่า อนุฎีกา ยังมิได้แปลและเรี ยบเรี ยงเป็ นภาษามคธ ยังเป็ นภาษาสิ งหลบ้าง เป็ นภาษาสิ งหล
ปะปนกับภาษามคธบ้าง ควรจะได้แปลและเรี ยบเรี ยงเป็ นภาษามคธให้หมดสิ้ น จึงได้แปลและเรี ยบเรี ยง
คัมภีร์ดงั กล่าวเป็ นภาษามคธ เป็ นตันติภาษา (ภาษาที่มีแบบแผน) เช่นเดียวกับคัมภีร์พระไตรปิ ฎกและ
คัมภีร์อรรถกถา นับเป็ นการสังคายนาครั้งที่ 4 ในลังกาทวีป
สถานที่ ลังกาทวีป (เข้าใจว่าที่โลหปราสาท เมืองอนุราธปุระ)
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้าปรักกมพาหุ
การจัดการ พระมหากัสสปเถระเป็ นประธาน พร้อมด้วยกรรมการเฉพาะกิจสงฆ์ กว่า 1,000 รู ป
ระยะเวลา 1 ปี จึงสาเร็ จ
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 20
กล่ า วกั น ว่ า เมื่ อ การสั ง คายนาครั้ งนี้ แล้ ว ไม่ น าน พระเจ้ า อนุ รุ ทมหาราช กษั ต ริ ย์
กรุ งอริ มทั ทนปุระ (พุกาม) แห่ งประเทศพม่า ได้เสด็จไปลังกาทวีป และทรงจาลองคัมภีร์พระไตรปิ ฎก
พร้อมทั้งคัมภีร์อรรถกถา ฎีกา อนุ ฎีกา นามาประดิษฐานไว้ศึกษาเล่าเรี ยนในประเทศพม่า ต่อแต่น้ นั มา
บรรดาประเทศที่ นับถื อพระพุทธศาสนา เช่ น ไทย เขมร ก็ได้ส่งพระสงฆ์และราชบัณฑิ ตไปจาลอง
คัมภีร์พระไตรปิ ฎก อรรถกถา ฎีกา และอนุฎีกา นามาประดิษฐานไว้ศึกษาเล่าเรี ยนในประเทศของตน
การสั งคายนาครั้งที่ 8
มูลเหตุ
พระธรรมทิ นมหาเถระผูเ้ ปรื่ อ งปราดแตกฉานในพระไตรปิ ฎก ได้พิ จารณาเห็ น ว่า คัม ภี ร์
พระไตรปิ ฎก อรรถกถา ฎีกา และอนุ ฎีกา ซึ่ งมีอยู่ในเวลานั้นมีขอ้ วิปลาสคลาดเคลื่อนอยูม่ าก ด้วยการ
จาลองหรื อคัดลอกกันต่อๆ มา เป็ นเวลาช้านาน จึงเข้าเฝ้ าถวายพระพรขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้า -ติ
โลกราช เมื่ อ ได้รั บ การอุ ป ถัม ภ์ แ ล้ ว พระธรรมทิ น มหาเถระก็ ไ ด้ เ ลื อ กพระสงฆ์ ผู ้เ ชี่ ย วชาญใน
พระไตรปิ ฎกประชุ ม กัน ท าสั ง คายนา โดยการตรวจช าระพระไตรปิ ฎก พร้ อ มทั้ง อรรถกถา ฎี ก า
อนุ ฎีกา จารึ กไว้ในใบลาน ด้วยอักษรธรรมของล้านนา นับเป็ นการสังคายนาครั้ งที่ 1 ในอาณาจักร
ล้านนาหรื อประเทศไทยในปัจจุบนั
สถานที่ วัดโพธาราม ณ เมืองนพิสิกร คือ เมืองเชียงใหม่ ประเทศไทย
องค์ อปุ ถัมภ์ พระเจ้าติโลกราช หรื อพระเจ้าศิริธรรมจักรวรรดิดิลกราช
การจัดการ พระธรรมทินมหาเถระเป็ นประธาน พร้อมด้วยการกสงฆ์
ระยะเวลา 1 ปี จึงสาเร็ จ
การสั งคายนาครั้งที่ 9
มูลเหตุ
พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธยอดฟ้ าจุ ฬ าโลกมหาราช พร้ อ มด้ว ยสมเด็ จ พระอนุ ช าธิ ร าช
กรมพระราชวังบวรมหาสุ รสี หนาท ทรงมีพระราชศรัทธา ปรารถนาจะทานุ บารุ งพระพุทธศาสนาให้
เจริ ญ มัน่ คงสื บ ไป ได้ท รงทราบจากพระสงฆ์อ ันมี ส มเด็ จ พระสั ง ฆราชฯเป็ นประธานว่า เวลานั้น
พระไตรปิ ฎกมีขอ้ วิปลาสคลาดเคลื่ อนมาก แม้พระสงฆ์จะมีความประสงค์จะทานุ บารุ งให้สมบูรณ์
ก็ไม่มีกาลังพอจะทาได้ พระองค์จึงได้ทรงอาราธนาสมเด็จพระสังฆราชพร้ อมด้วยพระสงฆ์ท้ งั ปวง
ให้รับภาระในเรื่ องนี้ ดังนั้น พระสงฆ์อนั มีสมเด็จพระสังฆราชฯเป็ นประธาน จึงได้เริ่ มทาการสังคายนา
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 21
การสั งคายนาครั้งที่ 10
มูลเหตุ
ในวโรกาสที่ พ ระบาทสมเด็ จพระจุ ล จอมเกล้า เจ้า อยู่หัวเสวยราชย์ไ ด้ 25 ปี ทรงปรารภจะ
บาเพ็ญพระมหากุศล ทรงเห็ นว่าพระไตรปิ ฎกที่เขียนไว้ในใบลานไม่มนั่ คง ทั้งจานวนก็มาก ยากที่จะ
รักษา และเป็ นตัวขอม ผูไ้ ม่รู้อ่านไม่เข้าใจ จึงมีพระราชศรัทธาให้พิมพ์พระไตรปิ ฎกเป็ นเล่มแบบฝรั่ง
ขึ้นใหม่ โปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิ รญาณวโรรส และพระเถรานุ เถระทั้งหลายช่ วยกัน
ชาระ โดยคัดลอกตัวขอมในคัมภีร์ใบลาน เป็ นตัวอักษรไทย แล้วชาระแก้ไขและพิมพ์เป็ นเล่มหนังสื อ
รวม 39 เล่ม เริ่ มชาระและพิมพ์ต้ งั แต่พ.ศ.2431 สาเร็ จเมื่อพ.ศ.2436 จานวน 1,000 ชุ ด นับเป็ นครั้งแรก
ในประเทศไทยที่มีการพิมพ์พระไตรปิ ฎกเป็ นเล่มด้วยอักษรไทย นับเป็ นการสังคายนาครั้งที่ 3 ที่ทาใน
ประเทศไทย
สถานที่ พระอุโบสถวัดพระศรี รัตนศาสดาราม กรุ งเทพมหานคร ประเทศไทย
องค์ อปุ ถัมภ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
การจัดการ สมเด็ จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิ รญาณวโรรส ครั้ งดารงพระยศกรมหมื่ น
วชิ รญาณวโรรส และสมเด็จพระสังฆราช (สาปุสฺสกาว) ครั้งยังเป็ นสมเด็จพระพุทธ-
โฆษาจารย์เป็ นประธาน มีพระสงฆ์เข้าประชุมเป็ นสังคีติการกสงฆ์ จานวน 110 รู ป
ระยะเวลา 6 ปี จึงสาเร็ จ
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 22
การสั งคายนาครั้งที่ 11
มูลเหตุ
ในปี พ.ศ.2530 เป็ นปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริ ญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบปี
นักษัตร สมเด็จพระสังฆราชทรงดาริ เห็นว่าพระไตรปิ ฎกอันเป็ นคัมภีร์สาคัญยิ่งในพระพุทธศาสนานั้น
มีขอ้ วิปลาสคลาดเคลื่ อนอยู่ อันเกิ ดจากความประมาทพลาดพลั้งในการคัดลอกและตีพิมพ์กนั ต่อๆมา
เห็นควรทาการสังคายนาพระธรรมวินยั ตรวจสอบชาระให้บริ สุทธิ์ บริ บูรณ์ และตีพิมพ์ข้ ึนเป็ นที่เฉลิ ม
พระเกี ยรติ ยศในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่ องในวันเฉลิ มพระชนมพรรษา ปี พ.ศ.2530 จึงได้
เจริ ญพรขอความอุปถัมภ์ไปยังรัฐบาลและถวายพระพรให้การสังคายนาครั้งนี้ อยูใ่ นพระบรมราชูปถัมภ์
เมื่อได้รับงบประมาณและพระบรมราชู ปถัมภ์แล้ว จึงได้ดาเนิ นการสังคายนา เริ่ มแต่ปีพ.ศ.2528 และ
เสร็ จสิ้ นลงเมื่อปี พ.ศ.2530 นับเป็ นการสังคายนาครั้งที่ 4 ที่ทาในประเทศไทย
สถานที่ พระตาหนักสมเด็จวัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์ กรุ งเทพมหานคร ประเทศไทย
องค์ อปุ ถัมภ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุ ลยเดช เป็ นองค์อุปถัมภ์ พร้ อมด้วยรั ฐบาล
อันมี พลเอกเปรม ติณสู ลานนท์ เป็ นนายกรัฐมนตรี
การจัดการ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริ ณายก (วาสนมหาเถระ) เป็ นประธาน
ระยะเวลา 2 ปี จึงสาเร็ จ
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 23
คุณค่ าและความสาคัญของพระไตรปิ ฎก
กิจกรรมที่ 2 การสังคายนา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาชี้แจง ให้นกั เรี ยนจับคู่เหตุการณ์สาคัญที่เป็ นจุดเด่นกับการทาสังคายนาในแต่ละครั้ง
แบบทดสอบหลังเรียน
ชุดการเรียนรายบุคคล เล่มที่ 1 พระไตรปิ ฎก
คาชี้แจง
1. แบบทดสอบมีท้ งั หมด 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน ใช้เวลา 5 นาที
2. ให้นกั เรี ยนเลือกคาตอบที่ถูกที่สุด แล้วทาเครื่ องหมาย x ลงในช่อง ก ข ค และ ง
ให้ตรงกับข้อที่นกั เรี ยนเลือกตอบ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. พระไตรปิ ฎกเป็ นบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทใี่ ห้ ข้อมูลต่ างๆ หลายด้ าน
ยกเว้นด้ านใด
ก. ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม
ข. การเมืองการปกครอง
ค. การทดลอง
ง. การศึกษา
2. หากต้ องการศึกษาเกีย่ วกับข้ อปฏิบัติทดี่ ีงามของพระสงฆ์ควรเลือกศึกษาพระไตรปิ ฎก
ในหมวดใด
ก. พระวินยั ปิ ฎก
ข. พระสุ ตตันตปิ ฎก
ค. พระอภิธรรมปิ ฎก
ง. พระไตรปิ ฎก
3. การสั งคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 1 เกิดขึน้ หลังจากที่พระพุทธเจ้ าปรินิพพานไปแล้ ว
นานเท่าใด
ก. 2 เดือน
ข. 3 เดือน
ค. 4 เดือน
ง. 5 เดือน
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 27
กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรียน
ชุดการเรียนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก
ชื่อ – สกุล...........................................................................ชั้น................เลขที่..........
ข้อที่ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนนที่ได้....................คะแนน
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 30
ภาคผนวก
เล่มที่ 1 : พระไตรปิ ฎก
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 31
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน
ชุดการเรียนรายบุคคล เล่มที่ 1 พระไตรปิ ฎก
เฉลยกิจกรรมที่ 1 พระไตรปิ ฎก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระไตรปิ ฎก
1. ธัมมสังคณี
1. ส่ วนที่ว่าด้ วยศีลของภิกษุ 1. ทีฆทิกาย
2. วิภังค์
2. ส่ วนที่ว่าด้ วยศีลของภิกษุณี 2. มัชฌิ มนิกาย
3. ธาตุกถา
3. ส่ วนที่ว่าด้ วยเรื่ องสาคัญ 3. สังยุตตนิกาย
4. บุคลคลบัญญัติ
7. ปั ฏฐาน
ชุดการเรี ยนรายบุคคล เล่ มที่ 1 พระไตรปิ ฎก 33
เฉลยกิจกรรมที่ 2 การสังคายนา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรณานุกรม
ออนไลน์
http://dhammawijja.blogspot.com/2016/02/blog-post_10.html
https://hilight.kapook.com/view/166943
http://oldisyounginbkk.com/site/newweb/sitedata/index.php/content.
http://thammaforcharity.weebly.com/.
http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/3336-005454.