You are on page 1of 37

เก็งข้อสอบ

วิทยาศาสตร์

การประเมินคุณภาพการศึกษา ขัน ้ พื้นฐาน เพื่อการ


ประกันคุณภาพผ้้เรียน หรือ National Test (NT)

้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 3
ชัน
ตามหลักส้ตรการศึกษาขัน
้ พื้นฐาน พ.ศ.
2544

คำาชีแ
้ จง

1) แบบเก็งข้อสอบฉบับนี้มีทัง้ หมด 3 ชุด เป็ นแบบเลือกตอบ 4


ตัวเลือก ข้อคำำถำมมีชุดละ 40 ข้อ รวม 120 ข้อ เป็ นแบบทดสอบที่ให้
นั กเรียนเลือกคำำตอบที่ถูกต้องที่สุด หรือเหมำะสมที่สุดเพียงข้อเดียว
เมื่อนั กเรียนเลือกคำำตอบได้แล้วให้ใช้ดินสอระบำย  มีหมำยเลขตรง
ข้อคำำตอบที่ต้องกำรลงในกระดำษคำำตอบ
2) นั กเรียนมีเวลำทำำข้อสอบ 90 นำที
3) ตัวอย่ำงคำำถำม และวิธีตอบ

ตัวอย่างคำาถาม
1. สำรที่ทำำลำยโอโซนในชัน
้ บรรยำกำศตรงกับข้อใด
1) คำร์บอนไดออกไซด์
2) คำร์บอนมอนอกไซด์
3) คลอโรฟลูออโรคำร์บอน
4) ไนโตรเจน
วิธต
ี อบ
สมมุตินักเรียนเลือกตัวเลือกที่ 3 เป็ นตัวเลือกที่ถูก ให้
นั กเรียนระบำยลงใน  ในกระดำษคำำตอบ ดังนี้

กระดาษคำาตอบ

1)    

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ชุดที่ 1

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนกำรดำำรงชีวิต
1. พิจำรณำสมกำรกำรสังเครำะห์ด้วยแสง

จำกสมกำร A B และ C คืออะไรตำมลำำดับ


1) นำ ้ ำ แร่ธำตุ นำ ้ ำตำล 2) แร่ธำตุ นำ ้ ำตำล ออกซิเจน
3) นำ ้ ำตำล แร่ธำตุ ออกซิเจน 4) นำ ้ ำ นำ ้ ำตำล ออกซิเจน
2. พิจำรณำวงจรชีวิตของผีเสื้อไหม กำรสำวไหมจะต้องทำำในระยะใด
1) A
2) B
3) C
4) ตัวเต็มวัย

3. วิทยำทดลองปลูกข้ำวโพดและบันทึกควำมสูงในเวลำ 6 สัปดำห์ ได้ผลตำม


ตำรำงต่อไปนี้

เวลำ 1 2 3 4 5 6
(สัปดำห์)
ควำมสูง 5 8 12 18 26 35
(ซม.)

กรำฟในข้อใดแสดงกำรเจริญเติบโตของข้ำวโพดได้ใกล้เคียงที่สุด
1)
2)
3)
4)

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 2

4. สิ่งที่เหมือนกันระหว่ำงเซลล์ประสำทและเซลล์เยื่อบุข้ำงแก้มคือข้อใด
1) ขนำดของเซลล์ 2) รูปร่ำงของเซลล์
3) หน้ ำที่ของเซลล์ 4) ส่วนประกอบของเซลล์
5. กำรปลูกพืชในบริเวณที่มีมลพิษทำงอำกำศมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่ำงไร
1) ลดรังสีอัลตรำไวโอเลต 2) เพิ่มปริมำณแก๊สออกซิเจน
3) เพิ่มปริมำณแก๊สไนโตรเจน 4) ลดปริมำณแก๊ส
คำร์บอนมอนอกไซด์
6. กำรใช้สำรฆ่ำวัชพืช ทำำให้พืชไม่สำมำรถลำำเลียงนำ ้ ำได้ จะส่งผลกระทบโดยตรง
ต่อพืชตำมข้อใด
1) คลอโรฟิ ลล์ในเซลล์พืชสลำย 2) เซลล์พืชขำดออกซิเจน
3) เซลล์คุมของพืชถูกทำำลำย 4) พืชสังเครำะห์แสงไม่ได้

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
7. จงพิจำรณำแผนภำพแสดงห่วงโซ่อำหำรที่กำำหนดให้ ถ้ำ B เกิดโรคตำย
หมดจะมีผลอย่ำงไร
ผู้
บริโภค
A ผู้
ผู้ผลิต
บริโภค
D
ผู้ B
บริโภค
C
1) A มีจำำนวนลดลง 2) C มีจำำนวนเพิ่มขึ้น
3) D มีจำำนวนเพิ่มขึ้น 4) A และ C มีจำำนวนเพิ่ม
ขึ้น

ใช้สายใยอาหารต่อไปนี้ ประกอบการตอบคำาถามข้อ 8-10

8. สิ่งมีชีวิตในข้อใดเป็ นผู้บริโภคลำำดับที่ 2
1) กระต่ำย กบ งู 2) เหยี่ยว งู กบ
3) กบ นก กระต่ำย 4) งู แมลง เหยี่ยว

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 3

9. ถ้ำกบและนกถูกทำำลำยจะมีผลต่อจำำนวนประชำกรของแมลงดังกรำฟในข้อใด
1) จำำนวนประชำกรแมลง (ตัว) 2) จำำนวนประชำกรแมลง (ตัว)

เวลำ (สัปดำห์) เวลำ (สัปดำห์)

3) จำำนวนประชำกรแมลง (ตัว) 4) จำำนวนประชำกรแมลง (ตัว)


เวลำ (สัปดำห์) เวลำ (สัปดำห์)

10. ถ้ำพืชในสำยใยอำหำรนี้ตำยหมด จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตชนิ ดใดใน


ระบบนิ เวศนี้
1) สิ่งมีชีวิตทุกชนิ ดในระบบนิ เวศ 2) สิ่งมีชีวิตที่กินพืชเป็ นอำหำร
3) เฉพำะแมลง กระต่ำย และกบ 4) ไม่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตใดใน
ระบบนิ เวศ
11. แหล่งที่อยู่และกลุ่มสิ่งมีชีวิต ในข้อใดไม่สัมพันธ์กัน
1) ป่ ำชำยเลน มีไม้โกงกำง ลิงแสม ปลำตีน 2) บริเวณจอมปลวก มี
เห็ดโคน กิง้ กือ และมดดำำ
3) อ่ำงบัว สำหร่ำย หอย ปลำหำงนกยูง 4) แนวปะกำรัง มีดอกไม้ทะเล
ปลำดุก ก้งุ ฝอย
12. “ต้นหม้อข้ำวหม้อแกงลิงมีกระเปำะดักจับแมลงเป็ นอำหำร” สิ่งมี
ชีวิตคู่ใดมีควำมสัมพันธ์กัน เช่นเดียวกับต้นหม้อข้ำวหม้อแกงลิงกับแมลง
1) เพลีย ้ อ่อนกับมดดำำ 2) ปลำฉลำมกับเหำฉลำม
3) ปลำหำงนกยูงกินลูกนำ ้ ำยุง 4) ดอกไม้ทะเลกับปลำ
กำร์ตูน
13. ปลวกจำำนวนมำกอำศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิ่งมีชีวิต
สองชนิ ดนี้เป็ นแบบใด
1) ภำวะพึ่งพำ 2) ภำวะปรสิต
3) ภำวะอิงอำศัย 4) กำรได้ประโยชน์ร่วมกัน

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 3 สำรและสมบัติของสำร
14. กำรเปลี่ยนแปลงข้อใดเป็ นกำรเปลี่ยนแปลงทำงกำยภำพ
1) กำรเดือดของนำ ้ ำ 2) กำรสุกของผลไม้
3) กำรเกิดสนิ มเหล็ก 4) กำรเผำไหม้ของขยะ
วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 4

15. กลุ่มสำรในข้อใดเป็ นสำรเนื้ อเดียวทัง้ หมด


1) คอนกรีต เหล็ก ทรำย 2) พริกป่ น เกลือแกง
ผงชูรส
3) นำ ้ ำอัดลม นำ ้ ำโคลน นำ ้ ำแป้ ง 4) ทิงเจอร์ไอโอดีน นำ ้ ำยำล้ำงจำน
นำ ้ ำส้มสำยชู
16. ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์ในกำรจำำแนกสถำนะของสำร
1) ขนำดของอนุภำค 2) กำรเคลื่อนที่ของอนุภำค
3) แรงยึดเหนี่ ยวระหว่ำงอนุภำค 4) โครงสร้ำงกำรจัดเรียง
อนุภำค
17. พิจำรณำกรำฟควำมสำมำรถในกำรละลำยของสำร ข้อใดสรุปถูกต้อง

1) สำร B สำมำรถละลำยได้ดี
ที่สุด
2) สำร A มีอัตรำกำรละลำย
เพิ่มขึ้นอย่ำงรวดเร็วมำกที่สด

3) โดยเฉลี่ยสำร C สำมำรถ
ละลำยได้พอ ๆ กันกับสำร D
4) เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นควำมสำมำรถในกำรละลำยของสำร
จะเพิ่มมำกขึ้น

18. ข้อใดไม่ถูกต้อง
1) ผงซักฟอกให้ฟองกับนำ ้ ำกระด้ำงได้ดีพอ ๆ กับนำ ้ ำอ่อน
2) ผงซักฟอกมีควำมเป็ นเบสมำกกว่ำสบู่ จึงละลำยไขมันได้ดีกว่ำสบู่
3) ถ้ำนำ ำนำ ้ ำบำดำลมำซักเสื้อผ้ำโดยใช้สบู่ จะเกิดตะกอนขำว ๆ ลอยอยู่บน
ผิวนำ ้ ำ
4) นำ ้ ำสบู่ให้ของผสมระหว่ำงนำ ้ ำกับนำ ้ ำมันเกิดกำรรวมตัวกันได้ดีกว่ำผง
ซักฟอก
19. นั กเรียนคนหนึ่ งบรรจุสำรละลำยกลูโคสและไข่ขำวลงในถุงเซลโลเฟนแล้ว
นำ ำไปแช่ในนำ ้ ำยำชนิ ดหนึ่ งพบว่ำ
ถุงเซลโลเฟนพองใหญ่ขึ้น ข้อใดอธิบำยปรำกฏกำรณ์ได้ถูกต้อง
1) ไข่ขำวไปปิ ดรูเยื่อเซลโลเฟน ทำำให้กลูโคสแพร่กระจำยออกมำไม่ได้ นำ ้ ำยำ
เข้ำได้ฝ่ำยเดียว
2) โมเลกุลของนำ ้ ำยำมีขนำดเล็กกว่ำโมเลกุลของกลูโคสและไข่ขำวนำ ้ ำยำจึง
แพร่กระจำยเข้ำไปในถุง
3) โมเลกุลของกลูโคสและไข่ขำวมีขนำดเล็กกว่ำรูของเยื่อเซลโลเฟนจึงแพร่
กระจำยออกมำแล้วนำ ้ ำยำแพร่
เข้ำแทนที่
4) นำ ้ ำในสำรละลำยของกลูโคสและไข่ขำวมีโมเลกุลเล็กกว่ำ
โมเลกุลของนำ ้ ำยำจึงแพร่กระจำยออกมำจนหมดแล้วนำ ้ ำยำจึงแพร่กระจำย
เข้ำไปแทนที่ นำ ้ ำยำมีปริมำณมำกกว่ำจึงทำำให้ถุงโตขึ้น
20. สำรทุกสำรในกลุ่มใดที่เปลี่ยนสีกระดำษลิตมัสจำกสีนำ้ำเงินเป็ นสีแดง
1) นำ ้ ำเชื่อม นำ ้ ำปลำ นำ ้ ำฝน
2) นำ ้ ำอัดลม นำ ้ ำมะนำว นำ ้ ำมะขำมเปี ยก
3) นำ ้ ำส้มสำยชู นำ ้ ำยำล้ำงห้องนำ ้ ำ นำ ้ ำเกลือ
4) นำ ้ ำยำล้ำงจำน นำ ้ ำสบู่ สำรละลำยผงซักฟอกวิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 5

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 4 แรงและกำรเคลื่อนที่
21. ข้อควำมใดกล่ำวถึงปริมำณเวกเตอร์ได้ถูกต้อง
1) ออมอยู่ทำงทิศเหนื อของโรงเรียน
2) แดนซื้อผลไม้ชัง่ แล้วมีมวลรวม 3 กิโลกรัม
3) นำ ้ ำยืนห่ำงเสำธงไปทำงทิศเหนื อเป็ นระยะ 30 เมตร
4) กิ่งใช้ไม้เทนนิ สตีลูกเทนนิ สด้วยแรงขนำด 120 นิ วตัน
22. แรงขนำด 15, 20 และ 60 นิ วตัน กระทำำต่อวัตถุในแนวรำบดังรูป จะได้
แรงลัพธ์ของแรงทัง้ สำมมีค่ำเท่ำไร
ซ้าย ขวา 1) 25 นิ วตัน ไปทำงขวำ
15 N 20 N 60 N
2) 50 นิ วตัน ไปทำงขวำ
3) 65 นิ วตัน ไป
ทำงขวำ
4) 75 นิ วตัน ไปทำง
ขวำ

23. เหตุกำรณ์ในข้อใดไม่ต้องกำรแรงเสียดทำน
1) วัตถุตกแบบเสรี 2) คนเดินไปตำมพื้น
3) กำรหยุดของรถเมื่อใช้ห้ำมมือ 4) กำรยกของจำกพื้นไป
วำงบนโต๊ะ
24. ข้อใดต่อไปนี้เป็ นกำรเพิ่มแรงเสียดทำน
1) กำรใช้พ้ืนเอียงขนของขึ้นที่สูง 2) กำรใช้รถเข็นในกำร
ขนของไปยังที่ต่ำง ๆ
3) กำรทำำผิวยำงรถยนต์ให้มีร่องเป็ นลวดลำย 4) กำรใช้ตลับ
ลูกปื นในระบบล้อและเพลำ
25. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับแรงเสียดทำน
1) แรงเสียดทำนขึ้นอยู่กับขนำดของพื้นที่ผิวสัมผัส 2) แรงเสียดทำน
ขึ้นอยู่กับชนิ ดของผิวสัมผัส
3) แรงเสียดทำนขึ้นอยู่กับแรงกดตำมแนวดิ่ง 4) แรงเสียดทำน
ขึ้นอยู่กับนำ ้ ำหนั กที่กดลงพื้น
26. ข้อใดแสดงกำรเคลื่อนที่ได้ถูกต้อง

แรงกิริยำ

1) แรงกิริยำ 1)

แรงกิริยำ
แรงปฏิกิริยำ
3) แรงปฏิกิริยำ 4) แรงปฏิกิริยำ

แรงกิริยำ แรงปฏิกิริยำ

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 6

27. กำรโยนลูกบอลให้กลิง้ ขึ้นพื้นเอียง ลูกบอลจะเคลื่อนที่ขึ้น ช้ำลง ช้ำลง แล้ว


หยุด จำกนั ้นจะเคลื่อนที่ลงตำม
พื้นเอียง ที่เป็ นเช่นนี้เพรำะเหตุใด
1) ลูกบอลมีมวลมำก 2) มีแรงต้ำนของอำกำศ
3) พื้นเอียงไม่มีแรงเสียดทำน 4) มีแรงดึงดูดของ
โลกกระทำำต่อลูกบอล

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 5 พลังงำน
28. ข้อใดหมำยถึง งำน (work)
1) แรง x ระยะทำงตัง้ ฉำกกับแนวแรง 2) แรง x ระยะทำงจำก
แนวแรงถึงวัตถุ
3) แรง x ระยะทำงขนำนกับพื้นรำบ 4) แรง x ระยะ
ทำงตำมแนวแรง
29. กำรเคลื่อนที่ของวัตถุข้อใดที่มีกำรเปลี่ยนรูปพลังงำนจลน์เป็ นพลังงำนศักย์
โน้ มถ่วง
1. ลูกบอลถูกโยนขึ้นจนถึงจุดสูงสุด
2. นั กกระโดดร่มดิ่งพสุธำถึงพื้นดิน
3. ลูกบิลเลียดกลิง้ ไปบนพื้นโต๊ะแล้วตกกระทบพื้นล่ำง
4. นั กกระโดดสูงถึงคำน
1) ข้อ ก และ ง 2) ข้อ ก, ค และ ง
3) ข้อ ข และ ง 4) ข้อ ข, ค และ ง
30. ไม้หรือพลำสติกบำงชนิ ดใช้เป็ นที่จับของภำชนะหุงต้มเพื่อป้ องกันควำมร้อน
จำกภำชนะถ่ำยโอนสู่มือ
ควำมร้อนจำกภำชนะหุงต้มถ่ำยโอนไปที่จบ
ั โดยวิธีใด
1) กำรนำ ำควำมร้อน 2) กำรพำควำมร้อน
3) กำรแผ่รังสีควำมร้อน 4) กำรนำ ำควำมร้อนและ
กำรแผ่รังสีควำมร้อน
31. กำรผลิตกระแสไฟฟ้ ำจำกเขื่อน อำศัยหลักกำรเปลี่ยนรูปพลังงำนอย่ำงไร
1) พลังงำนนำ ้ ำ  พลังำนกล  พลังงำนศักย์
2) พลังงำนนำ ้ ำ  พลังงำนศักย์  พลังงำนไฟฟ้ ำ
3) พลังงำนนำ ้ ำ  พลังำนกลพลังงำน ไฟฟ้ ำ
4) พลังงำนนำ ้ ำ  พลังงำนควำมร้อน  พลังงำนไฟฟ้ ำ
32. จำกรูปวงจรไฟฟ้ ำ A คือ ฟิ วส์ B และ C คือ หลอดไฟ ถ้ำสับสวิตซ์ S
ลงข้อใดถูกต้อง

1) ฟิ วส์ขำด 2) B และ C สว่ำงมำกขึ้น


3) B และ C สว่ำงน้ อยลง 4) B และ C สว่ำง
วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
เหมือนเดิม
3 หน้ ำ 7

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 6 กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของโลก
33. พิจำรณำแผนภำพดังต่อไปนี้

จำกทิศทำงของนำ ้ ำ ถ้ำจะซื้อที่ทำำสวนบริเวณใดไม่ควรจะเลือกซื้อ
1) บริเวณ ก ค และ จ 2) บริเวณ ข ง และ ฉ
3) บริเวณ ก ง และ จ 4) บริเวณ ข ค และ ฉ
34. ข้อใดแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิ ควำมดัน และควำมหนำแน่ นของ
อำกำศได้ถูกต้อง
1) อำกำศมีอุณหภูมิสูง ควำมดันอำกำศตำ่ำ ควำมหนำแน่ นของอำกำศตำ่ำ
2) อำกำศมีอุณหภูมิตำ่ำ ควำมดันอำกำศตำ่ำ ควำมหนำแน่ นของอำกำศสูง
3) อำกำศมีอุณหภูมิสูง ควำมดันอำกำศสูง ควำมหนำแน่ นของอำกำศสูง
4) อำกำศมีอุณหภูมิตำ่ำ ควำมดันอำกำศสูง ควำมหนำแน่ นของอำกำศตำ่ำ
35. สถำนกำรณ์ใดที่แสดงว่ำอำกำศมีควำมดัน
1) กำรหำยใจไม่ออกเมื่ออยู่ในที่สูง
2) กำรดูดของเหลวโดยใช้หลอดกำแฟ
3) เมื่อโยนของขึ้นไปในอำกำศจะตกลงสู่พ้ืนเสมอ
4) บรรยำกำศยังคงห่อหุ้มโลกไม่หลุดลอยออกไป
36. ปิ โตเลียมเป็ นเชื้อเพลิงธรรมชำติท่ีมักจะพบในบริเวณใด เพรำะเหตุใด
1) พบในหินบะซอลต์ เนื่ องจำกกำรสะสมทับถมของลำวำ
2) พบในหินตะกอน เนื่ องจำกมีกำรสะสมทับถมของซำกพืชซำกสัตว์
3) พบในทะเลหรือมหำสมุทร เนื่ องจำกเป็ นกำรสะสมทับถมของตะกอนแร่
ธำตุ
4) พบในหินแกรนิ ต เนื่ องจำกกำรหลอมละลำยของหินหนื ดทำำให้เกิดธำตุ
คำร์บอนสะสมทับถมอยู่จำำนวนมำก

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 7 ดำรำศำสตร์และอวกำศ
37. กำรเรียงลำำดับในข้อใดเป็ นกำรเรียงจำกระบบที่มีขนำดเล็กไปหำระบบที่มี
ขนำดใหญ่
1) ระบบโลกดวงจันทร์, กำแล็กซีทำงช้ำงเผือก, ระบบสุริยะ
2) ระบบโลกดวงจันทร์, ระบบสุริยะ, กำแล็กซีทำงช้ำงเผือก
3) กำแล็กซีทำงช้ำงเผือก, ระบบสุริยะ, ระบบโลกดวงจันทร์
4) กำแล็กซีทำงช้ำงเผือก, ระบบโลกดวงจันทร์, ระบบสุริยะ
วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 8 ค 8
38. ถ้ำขึ้นไปอย่บ
ู นดวงจันทร์ เวลำกลำงวันบนดวงจันทร์จะนำนเท่ำกับประมำณ
กี่วันบนโลก
1) 7 วัน 2) 15 วัน 3) 30 วัน 4)
365 วัน
39. วำงวัตถุห่ำงจำกเลนส์นูนเป็ นระยะ 2 เท่ำของควำมยำวโฟกัส กำรเขียน
ทำงเดินของแสงและกำรเกิดภำพ
ข้อใดถูกต้อง
1) 2)

3) 4)

40. กรำฟข้อใดแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมสูงและควำมดันของอำกำศได้
ถูกต้อง
1) 2)
3)
4)

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ชุดที่ 2

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนกำรดำำรงชีวิต
1. พิจำรณำกรำฟแสดงกำรเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต จำกกรำฟข้อใดสรุปได้ถูก
ต้อง
1) สิ่งมีชีวิตมีกำรเจริญเติบโตอย่ำงต่อเนื่ อง
ตลอดชีวิตตัง้ แต่เกิดจนตำย
2) สิ่งมีชีวิตมีกำรเจริญเติบโตอย่ำงสมำ่ำเสมอใน
ระยะแรกและคงที่ในระยะหลัง
3) สิ่งมีชีวิตมีกำรเจริญเติบโตอย่ำงรวดเร็วใน
ระยะแรกและลดลงในระยะหลัง
4) สิ่งมีชีวิตมีกำรเจริญเติบโตเพียงเล็กน้ อยในระยะแรกและเจริญเติบโตอย่ำง
รวดเร็วในระยะต่อมำส่วนระยะสุดท้ำยเจริญเติบโตอย่ำงช้ำ ๆ
2. ถ้ำต้องกำรทดสอบว่ำ “ก๊ำซ CO2 มีผลต่อกำรสังเครำะห์ด้วยแสงหรือไม่”
ต้องนำ ำใบผักบุ้งจำกกำรทดลองชุดใด
มำทดสอบ
1) 2)

3)
4)

3. กำรทดสอบสำรอำหำร 3 ชนิ ด ได้ผลดังตำรำง


สำร กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสำรทดสอบ
อำหำร ไอโอดีน ไบยูเร็ต เบเนดิกต์
A เปลี่ยนเป็ นสีนำ้ำเงิน ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง
แกมม่วง เปลี่ยนเป็ นสีม่วง ไม่เปลี่ยนแปลง
B ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง ได้ตะกอนสีแดงอิฐ
C ไม่เปลี่ยนแปลง

สำรอำหำร A B และ C น่ ำจะเป็ นสำรใดตำมลำำดับ


1) มันต้ม นมสด นำ ้ ำผึ้ง 2) นมสด ขนมปั ง นำ ้ ำ
เต้ำหู้
3) นำ ้ ำตำล เนย ไข่ต้ม วิทยำศำสตร์
4) ขนมปั ง นำ ้ ำชตำล
ัน
้ มัธยมศึ กษำปี
นำ ้ ำเต้ ำหู้ ท่ี
3 หน้ ำ 2
4. พิจำรณำกำรย่อยอำหำรโปรตีน ดังนี้
สำร A และ B เป็ นเอนไซม์ชนิ ดใดตำมลำำดับ
1) อะไมเลส เพปซิน 2) เพปซิน ทริปซิน
3) ทริปซิน เพปซิน 4) นำ ้ ำดี ไลเพส

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
5. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิ่งมีชีวิตในข้อใดที่เป็ นลักษณะเดียวกันทัง้ หมด
1) เหำกับควำย นกเอีย
้ งกับควำยหมัดกับสุนัข
2) พยำธิใบไม้ในตับ ไรในตัวไก่ กำฝำกกับต้นไม้ใหญ่
3) เหำฉลำมกับปลำฉลำม เหำบนหัวคน หนอนกับใบไม้
4) ดอกไม้กบ
ั แมลง ไวรัสตับอักเสบบี แบคทีเรียในลำำไส้คน
6. กรำฟแสดงกำรเปลี่ยนแปลงประชำกรของสิ่งมีชีวิต 3 ชนิ ด ในแหล่งเดียวกัน
จำกกรำฟให้นักเรียนบอก
ควำมสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
จำานวนประชากร 1) เสือกินเหยี่ยว
กระต่ำย 2) เสือกินกระต่ำย
3) กระต่ำย
กินหญ้ำ เสือ 4)
เหยี่ยวกินกระต่ำย
เหยี่ยว

เวลา
7. ผีเสื้อ คำงคก และไส้เดือน จัดเป็ นผู้บริโภคชนิ ดใดตำมลำำดับ
1) ผู้บริโภคพืช ผู้บริโภคพืชและสัตว์ ผู้บริโภคพืช
2) ผู้บริโภคพืช ผู้บริโภคสัตว์ ผ้บ
ู ริโภคพืชและสัตว์
3) ผู้บริโภคพืชและสัตว์ ผู้บริโภคพืช ผู้บริโภคสัตว์
4) ผู้บริโภคพืชและสัตว์ ผู้บริโภคพืชและสัตว์ ผ้บ
ู ริโภคพืชและสัตว์
8. ตู้ปลำที่จัดไว้สำำหรับเลีย
้ งปลำสวยงำมจัดเป็ นระบบนิ เวศหรือไม่ เพรำะเหตุใด
1) เป็ น เพรำะในตู้ปลำมีทัง้ พืชและสัตว์
2) เป็ นเพรำะสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตในตู้ปลำมีควำมสัมพันธ์กัน
3) ไม่เป็ น เพรำะไม่เป็ นไปตำมธรรมชำติ เป็ นเพียงกำรจำำลองแหล่งที่อยู่อำศัย
4) ไม่เป็ น เพรำะสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตมีควำมสัมพันธ์กันในระยะสัน
้ ๆ

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 3
9. แบคทีเรียชนิ ดหนึ่ งอำศัยอยู่ในลำำไส้ใหญ่ของคนและสำมำรถสังเครำะห์วิตำ
มินบี 12 ได้ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
แบคทีเรียและคนเป็ นแบบใด
1) ภำวะปรสิต 2) ภำวะพึ่งพำ
3) ภำวะอิงอำศัย 4) กำรได้ประโยชน์ร่วมกัน

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 3 สำรและสมบัติของสำร
10. พนิ ดำจำำแนกสำรออกเป็ น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 อำกำศ นำ ้ ำตำลทรำย นำ ้ ำส้มสำยชู
กลุ่มที่ 2นำ ้ ำกะทิ นำ ้ ำแป้ ง นำ ้ ำนม
เกณฑ์ท่ีพนิ ดำใช้ในกำรจำำแนกสำรคือข้อใด
1) สำรเนื้ อเดียว กับ สำรเนื้ อผสม 2) สำรเนื้ อเดียว กับ
สำรละลำย
3) สำรเนื้ อผสม กับ สำรละลำย 4) สำรบริสุทธิ ์ กับ สำรไม่บริสุทธิ ์
11. ถ้ำนำ ำนำ ้ ำไปต้มบนยอดเขำจนมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
อุณหภูมิกบั เวลำจะเป็ นไปตำมกรำฟ
ในข้อใด
1)
2)
3) 4)

12. พิจำรณำกรำฟแสดงปริมำณก๊ำซที่เกิดจำกกิจกรรมต่ำง ๆ ต่อไปนี้

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 4 ภ 4
จำกกรำฟ ก๊ำซ A B และ C คือ ก๊ำซอะไรตำมลำำดับ
1) คำร์บอนมอนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน
2) คำร์บอนมอนอกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน ซัลเฟอร์ไดออกไซน์
3) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คำร์บอนมอนอกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน
4) ออกไซด์ของไนโตรเจน คำร์บอนมอนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
13. เมื่อนำ ำสำรเนื้ อเดียวที่เป็ นผงสีขำว มำเผำบนปลำยแท่งถ่ำนไม้ พบว่ำมี
ของแข็งสีเงินเป็ นมันวำวเหลืออยู่ สำรเนื้ อเดียวที่นำำมำเผำนี้จัดเป็ นสำรประเภท
ใด
1) ธำตุ 2) ของผสม
3) คอลลอยด์ 4) สำรประกอบ
14. ดินนำ ้ ำมัน 2 ก้อน มีมวลเท่ำกัน นำ ำมำปั ้ นเป็ นรูปถ้วย แล้วนำ ำไปลอยนำ ้ ำ
ปรำกฏว่ำถ้วย A ลอยนำ ้ ำได้มำกกว่ำ
ถ้วย B จะสรุปได้อย่ำงไร
1) ถ้วย A มีพ้ืนที่น้อยกว่ำถ้วย B
2) ถ้วย A มีปริมำตรมำกกว่ำถ้วย B
3) ถ้วย A มีนำ้ำหนั กน้ อยกว่ำถ้วย B
4) ถ้วย A มีควำมหนำแน่ นมำกกว่ำถ้วย B

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 4 แรงและกำรเคลื่อนที่
15. ปล่อยก้อนหินทรงกลม 2 ก้อน มีนำ้ำหนั กไม่เท่ำกันให้ตกจำกที่สูงเท่ำกัน
ปรำกฎว่ำก้อนหินทรงกลมทัง้ สอง ตกถึงพื้นพร้อมกัน เป็ นเพรำะเหตุใด
1) ก้อนหินทรงกลมทัง้ สองมีมวลเท่ำกัน
2) แรงดึงดูดของโลก ดึงดูดก้อนหินทรงกลม ทัง้ สองมีค่ำเท่ำกัน
3) ควำมเร็วเริ่มต้นของก้อนหินทรงกลมทัง้ สองเป็ นศูนย์ และเมื่อเคลื่อนที่ก็
มีควำมเร็วเท่ำกันทุกๆ วินำที จนกระทัง่ ทัง้ สองตกกระทบพื้น
4) ควำมเร็วเริ่มต้นของก้อนหินทรงกลมทัง้ สองเท่ำกัน และมำกกว่ำศูนย์
ขณะเคลื่อนที่ควำมเร็วจะลดลงเท่ำกันทุกๆ วินำที จนกระทัง่ หยุดนิ่ งกับพื้น
16. เครื่องใช้ประเภทใดที่จัดเป็ นเครื่องกลผ่อนแรงประเภทเดียวกัน
1) รถเข็นทรำย, คีมคีบนำ ้ ำแข็ง, กรรไกรตัดผ้ำ
2) ชะแลง, ไม้กวำด, ตะปูควง
3) กรรไกรตัดผ้ำ, ชะแลง, พวงมำลัยรถยนต์
4) คีมคีบถ่ำน, เครื่องคัน
้ นำ ้ ำส้ม, รถจักรยำน

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 5 ภ 4
17. กำรจัดรอกแบบใดจะทำำให้ผ่อนแรงมำกที่สุด
1) 2)

3) 4)

18. ยำงรถบรรทุกมีลวดลำยมำกกว่ำรถทัว่ ไปเพื่อประโยชน์ส่ิงใด


1) ลดแรงเสียดยำงรถกับถนน 2) จะได้รีดนำ ้ ำออกเร็วในฤดูฝน
3) เพิ่มแรงกดบนถนนสะดวกต่อกำรบังคับรถ 4) เพิ่มแรงเสียด
ทำนให้มำกขึ้น
19. ข้อใดกล่ำวถูกต้องที่สุด
1) รอกเดี่ยวตำยตัวผ่อนแรงเป็ นครึ่งหนึ่ งของนำ ้ ำหนั กที่ยกขึ้น
2) รอกเดี่ยวเคลื่อนที่ไม่ช่วยผ่อนแรงแต่ช่วยอำำนวยควำมสะดวก
3) ถ้ำใช้รอกเดี่ยวเคลื่อนที่ยกวัตถุจะต้องออกแรงเป็ นสองเท่ำของนั กหนั ก
วัตถุ
4) รอกเดี่ยวตำยตัวไม่ช่วยผ่อนแรงแต่ช่วยอำำนวยควำมสะดวก
20. ในขณะที่เรำเดินถ้ำไม่มีแรงเสียดทำนระหว่ำงพื้นรองเท้ำกับพื้นจะเกิดปรำก
ฎกำรณ์ใด
1) ไม่มีกำรเคลื่อนที่ 2) กำรเคลื่อนที่ไปได้เร็ว
กว่ำปกติ
3) กำรเคลื่อนที่ไปได้ช้ำกว่ำปกติ 4) กำรเคลื่อนที่เป็ นไป
ตำมปกติ
ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 5 พลังงำน
21. เมื่อสำยไฟของเครื่องเป่ ำผมขำดแล้วเปลี่ยนสำยไฟใหม่ ปรำกฏว่ำ
หลังจำกใช้เครื่องเป่ ำผมแล้วสำยไฟร้อนผิดปกติเพรำะสำเหตุใด
1) สำยไฟสัน ้ กว่ำเดิม 2) สำยไฟมีขนำดเล็กกว่ำเดิม
3) สำยไฟมีขนำดใหญ่กว่ำเดิม 4) สำยไฟหมดอำยุกำรใช้งำน
22. นั กเรียนจะเลือกวิธีกำรทดลองข้อใด เพื่อแสดงว่ำเมื่อเชื้อเพลิงลุกไหม้จะ
ทำำให้เกิดแรงขับดัน
1) ใช้เข็มเจำะลูกโป่ ง ที่บรรจุนำ้ำมันจำำนวนหลำย ๆ รู
2) นำ ำกระป๋ องครอบตะเกียงแอลกอฮอล์ ที่ติดไฟ
3) ต้มนำ ้ ำในกระป๋ องจนเดือด แล้วปิ ดฝำให้แน่ นเอำนำ ้ ำเย็นรำด
4) บรรจุนำ้ำสองในสำมส่วนของหลอดทดลองอุดด้วยจุกยำงหลวมๆ แล้วใช้
วิทยำศำสตร์ชัน ้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
ไฟลนก้นหลอดทดลอง
3 หน้ ำ 6 ภ 4
23. เมื่อนำ ำแท่งแม่เหล็ก เคลื่อนเข้ำไปในขดลวด ซึ่งต่ออยู่กับเครื่องวัดกระแส
ไฟฟ้ ำ เข็มวัดจะกระดิกไปทำงหนึ่ ง
และเมื่อดึงแท่งแม่เหล็กออกเข็มของเครื่องวัดจะกระดิกไปทำงตรงข้ำม อำศัย
หลักกำรนี้มำทำำเครื่องใช้ชนิ ดใด
1) โทรศัพท์ 2) ไดนำโม
3) มอเตอร์ไฟฟ้ ำ 4) หม้อแปลงไฟฟ้ ำ
24. ข้อใดไม่ใช่กำรใช้พลังงำนจำกแสงอำทิตย์
1) ตำกผ้ำกลำงแดด 2) ติดแผงโซล่ำเซลล์กับ
สัญญำณไฟจรำจร
3) กำรใช้กังหันลมวิดนำ ้ ำ 4) พืชสังเครำะห์แสง
25. กำรเปลี่ยนสถำนะในข้อใดที่เป็ นกำรเปลี่ยนแปลงแบบคำยควำมร้อน
1) ของเหลวเปลี่ยนเป็ นไอ 2) ของแข็งเปลี่ยนเป็ นไอ

3) ของแข็งเปลี่ยนเป็ นของเหลว 4) ไอเปลี่ยนเป็ นของเหลว

26. ส่วนประกอบเซลล์ไฟฟ้ ำเคมีอย่ำงง่ำยได้แก่อะไรบ้ำง


1) แผ่นทองแดง แผ่นสังกะสี และกรดซัลฟิ วริกเจือจำง
2 ) แผ่นเหล็ก แผ่นทองแดง
3) แผ่นเหล็ก แผ่นสังกะสี และกรดซัลฟิ วริกเจือจำง
4) แผ่นตะกัว่ แผ่นสังกะสี และกรดซัลฟิ วริกเจือจำง
27. ข้อใดจัดอยู่ในกลุ่มพลังงำนทดแทน พลังงำนสะอำด หรือพลังงำนทำงเลือก
ใหม่
1) นำ ้ ำมัน และ ก๊ำซธรรมชำติ 2) แสงอำทิตย์ และ นำ ้ ำมันดิบ
3) ลม และ แสงอำทิตย์ 4) นิ วเคลียร์ และ ก๊ำซ
ธรรมชำติ
28. เซลล์ถ่ำน ที่ใช้กับนำฬิกำปลุก รถบังคับวิทยุ และมอเตอร์ มีหลักกำรใน
กำรเปลี่ยนรูปพลังงำนอย่ำงไร
1) พลังงำนควำมร้อน เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ 2) เปลี่ยนพลังงำนกล
เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ
3) เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นปฏิกิริยำเคมี 4) เปลี่ยนปฏิกริ ิยำเคมี
เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 6 กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของโลก
29. แนวโน้ มในอนำคต นำ ้ ำในทะเลหรือมหำสมุทรจะเพิ่มปริมำณมำกขึ้นเรื่อย ๆ
และจะมีผลต่อกำรเปลี่ยนแปลง
ของเปลือกโลก ท่ำนเห็นด้ำยหรือไม่เพรำะอะไร
1) เห็นด้วย เพรำะธำรนำ ้ ำแข็งที่ขัว้ โลกจะละลำยมำกขึ้น
2) เห็นด้วย เพรำะมนุษย์ จะขยำยพื้นที่ท่ีอยู่ติดกับฟื้ นนำ ้ ำมำกยิ่งขึ้น
3) ไม่เห็นด้วย เพรำะพื้นนำ ้ ำมีบริเวณที่กว้ำงใหญ่
4) ไม่เห็นด้วย เพรำะนำ ้ ำเหล่ำนั ้นจะเกิดกำรระเหยไปเองโดยธรรมชำติ

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 7 ภ 4
30. กำรเกิดสึนำมิทำงภำคใต้ของประเทศไทย สัมพันธ์กับสมมติฐำนใด
1) แผ่นเปลือกโลกมีกำรเคลื่อนที่อย่ำงรวดเร็ว
2) แผ่นยูเรเชียกำำลังเคลื่อนไปชนแผ่นอเมริกำ
3) ทุกบริเวณบนแผ่นเปลือกโลกจะต้องเกิดแผ่นดินไหว
4) แนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกมีกำรเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
31. ส่วนประกอบใดของบรรยำกำศที่มีอิทธิพลต่อสภำพลมฟ้ ำอำกำศมำกที่สุด
1) ไอนำ ้ ำ 2) ออกซิเจน
3) ไนโตรเจน 4) คำร์บอนไดออกไซด์
32. เมื่อกล่าวถึงบรรยากาศห่อหุ้มโลกของเราขุอความใดถูก
1. ถุาความดันบรรยากาศสูงขึ้น ความหนาแน่นของอากาศจะลดลง
2. อ้ณหภูมิของอากาศเป็ นปฏิภาคผกผันกับความสูงจากระดับน้้าทะเล
3. ลมหรือพาย้จะพัดจากบริเวณที่อากาศมีความหนาแน่นสูงไปยังบริเวณที่
มีความหนาแน่นต้่ากว่า
ข้อใดกล่าวถูกต้อง
1) ก, ข 2) ก, ค 3) ข, ค 4) ก, ข
และ ค
33. อำกำศบริเวณใดมีควำมดันตำ่ำสุด
1) บนยอดเขำสูง 2) ชำยทะเล
3) ที่รำบเชิงเขำ 4) ก้นมหำสมุทร
34. นำ ำนำ ้ ำอุณหภูมิ 60 องศำเซลเซียส ปริมำตร 100 ลูกบำศก์เซนติเมตร
และนำ ้ ำอุณหภูมิ 40 องศำเซลเซียส
ปริมำตร 100 ลูกบำศก์เซนติเมตร มำผสมกันตัง้ ทิง้ ไว้ในห้องซึ่งมีอุณหภูมิ 30
องศำเซลเซียส บันทึกอุณหภูมิ
ผสมของนำ ้ ำ ณ ช่วงเวลำทุก 2 นำที ได้ผลดังตำรำง
เวลำ (นำที) 0 2 4 6 8 10 12
อุณหภูมิของนำ ้ ำ 50 45 38 32 30 30 30
ที่ผสม
(องศำ
เซลเซียส)
ขณะเกิดสมดุลควำมร้อนนำ ้ ำมีอุณหภูมิเป็ นเท่ำใด
1) 30 องศำเซลเซียส 2) 32 องศำเซลเซียส
3) 45 องศำเซลเซียส 4) 50 องศำเซลเซียส
35. ในฤดูหนำวเรำมักจะเห็นคนใช้ผ้ำพันคอที่ทำำด้วยไหมพรมมำพันคอเพื่อให้
เกิดควำมอบอุ่นเนื่ องจำก
1) ผ้ำพันคอป้ องกันกำรนำ ำควำมร้อนจำกภำยนอก
2) ผ้ำพันคอป้ องกันกำรแผ่รังสิอินฟรำเรดจำกตัวเรำได้
3) ผ้ำพันคอกับเก็บอำกำศไว้ จึงป้ องกันกำรพำควำมร้อนออกไป
4) ผ้ำพันคอมีช่องระบำยควำมร้อนมำก จึงช่วยระบำยควำมร้อนจำกร่ำงกำย
ได้ดี

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 8 ภ 4
ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 7 ดำรำศำสตร์และอวกำศ
36. ข้อควำมต่อไปนี้ข้อใดถูก
1) ดำวพุธเป็ นดำวเครำะห์วงใน และมีขนำดเล็กกว่ำโลก
2) ดำวศุกร์เป็ นดำวเครำะห์วงในที่มองเห็นจำกพื้นโลกมีสีแดง
3) โลกเป็ นดำวเครำะห์วงในที่มีดวงจันทร์ 1 ดวง
4) ดำวอังคำรเป็ นดำวเครำะห์ท่ีมีขนำดใหญ่ท่ีสุด
37. ข้อใดต่อไปนี้กล่ำวไม่ถูกต้อง
1 ระบบสุริยะเป็ นส่วนหนึ่ งของกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก
2 ดำวเครำะห์วงในคือ ดำวเครำะห์ท่ีอยู่ใกล้ดวงอำทิตย์มำกกว่ำโลก
3 ดำวเครำะห์วงนอก คือ ดำวเครำะห์ท่ีอยู่ถัดจำกโลกเข้ำมำยังดวงอำทิตย์
4 ด ำวเครำะห์ ดำวเครำะห์น้อย ดำวหำง และอุกำบำต โคจรรอบดวงอำทิตย์
38. ข้อควำมใดไม่ถูกต้อง
1) เอกภพเป็ นบริเวณที่กว้ำงใหญ่ไพศำลไม่มีขอบเขต
2) เอกภพประกอบด้วยกำแล็กซีเป็ นจำำนวนมำก
3) เทห์วัตถุทุกชนิ ดที่อยู่ในอวกำศล้วนอยู่ในเอกภพ
4) เอกภพประกอบด้วยดวงอำทิตย์ ดำวเครำะห์ และดำวหำงเท่ำนั ้น
39. มนุษย์อวกำศเมื่อชัง่ นำ ้ ำหนั กบนดวงจันทร์หนั ก 12 กิโลกรัม นำ ้ ำหนั ก
ที่แท้จริงเมื่ออยู่บนผิวโลกเท่ำไร
1) 60 กิโลกรัม 2) 70 กิโลกรัม 3) 72 กิโลกรัม
4) 76 กิโลกรัม
40. ข้อใดเกี่ยวข้องกับกำรเกิดฤดูกำล
1) กำรหมุนรอบตัวเองของโลก
2) กำรโคจรรอบดวงอำทิตย์โดยทำำมุมตัง้ ฉำกกับเส้นตัง้ ฉำกระนำบวงโคจรของ
โลก
3) กำรที่แกนของโลกเอียงทำำมุม 23 2 กับเส้นตัง้ ฉำกระนำบวงโคจรของ
1 0

โลก
4) ตำำแหน่ งดวงอำทิตย์บนเส้นขอบฟ้ ำมีควำมสูงแตกต่ำงกันไป

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ชุดที่ 3
ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนกำรดำำรงชีวิต
1. จำกข้อมูลสิ่งมีชีวิต 4 ชนิ ดในตำรำงต่อไปนี้
ชนิ ด เซลล์ สร้างอาหาร ผนั งเซลล์
1 เซลล์เดียว ได้ ไม่มี

2 เซลล์เดียว ได้ มี

3 หลำยเซลล์ ได้ มี

4 หลำยเซลล์ ไม่ได้ มี

สิ่งมีชีวิตชนิ ดใดคือพืช
1) ชนิ ด 1 2) ชนิ ด 2 3) ชนิ ด 3 4) ชนิ ด 4
2. จำกภำพส่วนประกอบใดที่พบเฉพำะในเซลล์พืช
4 1 1) หมำยเลข 1
2 2) หมำยเลข 2
3 3) หมำยเลข 3
4) หมำยเลข 4

3. กระบวนกำรออสโมซิสในชีวิตประจำำวันได้แก่ข้อใด
1) กำรแช่ผักผลไม้ในนำ ้ ำ 2) กำรได้กลิ่นหอมของดอกไม้
3) กำรฟ้ ุงกระจำยของสำรฆ่ำแมลง 4) กำรเกิดหยดนำ ้ ำ
บริเวณปลำยเส้นใบ
4. ในกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง ข้อควำมใดถูกต้อง
1) กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสงของพืชเกิดขึ้นที่บริเวณใบเท่ำนั ้น
2) แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นจำกกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง
3) แก๊สออกซิเจนเป็ นวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง
4) สำรอินทรีย์ในพืชมำจำกนำ ้ ำตำลที่เกิดจำกกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง
5. จำกกำรทดลอง ย่อยไขมันด้วยของเหลวจำกตับอ่อนได้
ข้อมูลดังตำรำง
หลอดทดลอง ผลการทดลอง
หลอดที่ 1 ของเหลวจำกตับอ่อน+นำ ้ ำดี มีกรดไขมันปริมำณมำก

+ไขมัน
หลอดที่ 2 ของเหลวจำกตับอ่อน+นำ ้ ำ มีกรดไขมันปริมำณเล็ก
น้ อย
่ +ไขมัน
กลัน
หลอดที่ 3 นำ ้ ำกลัน
่ +นำ ้ ำดี+ไขมัน ไม่มีกรดไขมัน

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 2
กำรทดลองนี้อธิบำยได้ว่ำอย่ำงไร
1) ของเหลวจำกตับอ่อนสำมำรถทำำงำนได้ดีในนำ ้ ำกลัน

2) ของเหลวจำกตับอ่อนประกอบด้วยเอนไซม์
3) นำ ้ ำดีทำำให้กำรทำำงำนของของเหลวจำกตับอ่อนดีขึ้น
4) นำ ้ ำดีสำมำรถเปลี่ยนไขมันไปเป็ นกรดไขมันได้
6. ขัน
้ กำรปฏิสนธิในพืชดอกเป็ นไปตำมลำำดับในข้อใด
1. นิ วเคลียสของเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ผสมกับนิ วเคลียสของเซลล์ไข่ในออวุล
2. ละอองเรณูงอกหลอดเรณูแทงลงไปถึงรังไข่
3. ละอองเรณูตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย
1) ก ข ค
2) ข ค ก
3) ค ก ข
4) ค ข ก

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
7. กิจกรรมใดส่งผลกระทบต่อคุณภำพของดินในสวนผลไม้
เป็ นอย่ำงมำก
1) กำรใช้สำรสกัดจำกพืชเพื่อกำำจัดแมลง
2) กำรใช้ปุ๋ยวิทยำศำสตร์และ สำร ฆ่ำวัชพืช
3) กำรถมแหล่งนำ ้ ำเพื่อเพิ่มพื้นที่เพำะปลูก
4) กำรปลูกทุเรียน เงำะและลองกองปะปนกัน
8. กิจกรรมใดเป็ นกำรบำำบัดนำ ้ ำเสียในชุมชนด้วยวิธีกำรทำง
ชีวภำพ
1) เติมสำรอนิ นทรีย์ลงในนำ ้ ำ
2) ทำำให้เกิดกำรตกตะกอน
3) ใช้กังหันตีนำ้ำในบ่อบำำบัด
4) ปลูกผักตบชวำในบ่อบำำบัด
9. ถ้ำโรงไฟฟ้ ำแห่งหนึ่ งมีกำรระบำยควำมร้อนด้วยนำ ้ ำที่ส่ง
ผลให้อุณหภูมิของนำ ้ ำทะเลบริเวณนั ้นสูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่ำงไร
1) ปริมำณสำรแขวนลอยเพิ่มขึ้น
2) ทิศทำงของกระแสนำ ้ ำเปลี่ยนไป
3) ปริมำณออกซิเจนที่ละลำยในนำ ้ ำลดลง
4) ปริมำณคำร์บอนไดออกไซด์ท่ีละลำยในนำ ้ ำลดลง

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 3
10. แก๊สเรือนกระจกที่เป็ นสำเหตุสำำคัญทำำให้เกิดภำวะโลกร้อนคือแก๊สอะไร
1) แก๊สออกซิเจน 2) แก๊สไนโตรเจน
3) แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ 4) แก๊สโอโซน
11. “ต้นหัวใจสีม่วงมีโครงสร้ำงของดอกสำมำรถดักจับแมลงเป็ นอำหำร” สิ่งมี
ชีวิตคู่ใดมีควำมสัมพันธ์กัน
เช่นเดียวกับต้นหัวใจสีมว่ งกับแมลง
1) กล้วยไม้กับต้นไม้ใหญ่ 2) นกเอีย
้ งกับควำย
3) ปลำหำงนกยูงกินไรแดง 4) กำฝำกกับต้นมะม่วง
12. แผนภำพแสดงห่วงโซ่อำหำรของสิ่งมีชีวิต 4 ชนิ ด เป็ นดังนี้
ผู้ผลิต  ผู้บริโภคลำำดับที่ 1  ผู้บริโภคลำำดับที่ 2 
ผู้บริโภคลำำดับที่ 3
ถ้ำ “ พลังงำนในสำรอำหำรถูกถ่ำยทอดจำกผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคลำำดับต่อ
ไปเพียง 10%” และผู้ผลิตในห่วงโซ่
อำหำรนี้ได้รับพลังงำนจำกกระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสงเป็ น 10,000 กิโล
แคลอรี ผู้บริโภคลำำดับที่ 3 จะ
ได้รับพลังงำนจำกกำรกินอำหำรเป็ นเท่ำใด
1) 10 กิโลแคลอรี 2) 100 กิโลแคลอรี
3) 1,000 กิโลแคลอรี 4) 10,000 กิโลแคลอรี

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 3 สำรและสมบัติของสำร
13. เมื่อกล่ำวถึงสสำรข้อใดกล่ำวผิด
1) สมบัติของสำรจำำแนกได้เป็ น 2 ประเภท คือ สมบัติทำงกำยภำพ และ
สมบัติทำงเคมี
2) ควำมหนำแน่ นและจุดเดือดจัดเป็ นสมบัติทำงกำยภำพ
3) สำรประเภทคอลลอยด์ สำมำรถกรองผ่ำนกระดำษกรองได้แต่ไม่ผ่ำนเซล
โลเฟน
4) สำรเนื้ อเดียวต้องประกอบด้วยสำรเพียงชนิ ดเดียวเท่ำนั ้น
14. เมื่อกรองของเหลวชนิ ดหนึ่ งด้วยกระดำษกรองพบว่ำมีอนุภำพของแข็ง
เหลืออยู่ ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1) สำรนั ้นเป็ นคอลลอยด์ 2) สำรนั ้นเป็ นสำรแขวนลอย
3) สำรนั ้นเป็ นสำรละลำย 4) สำรนั ้นอำจเป็ นสำรละลำยหรือ
คอลลอยด์
15. ข้อใดเรียงลำำดับขนำดอนุภำคของสำรจำกขนำดใหญ่ไปเล็กได้ถูกต้อง
1) คอลลอยด์ สำรแขวนลอย สำรละลำย
2) สำรละลำย สำรแขวนลอย คอลลอยด์
3) สำรแขวนลอย สำรละลำย คอลลอยด์
4) สำรแขวนลอย คอลลอยด์ สำรละลำย
16. นำ ำสำร A มำหำจุดเดือด พบว่ำจุดเดือดไม่คงที่ ข้อใดสรุปถูกต้อง
1) เป็ นสำรเนื้ อเดียว 2 ) เป็ นสำรละลำย
3) เป็ นสำรบริสุทธิ ์ 4) เป็ นสำรประกอบ
วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 4 ภ 4
17. ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้อง
1) คอลลอยด์บำงชนิ ดเป็ นสำรบริสุทธิ ์
2) นำ ้ ำสบ่จู ัดเป็ นอิมัลซิฟำยเออร์ช่วยให้ไขมันและสิ่งสกปรกรวมตัวกับนำ ้ ำได้
3) จุดเดือดของสำรบริสุทธิค์ งที่
4) นำ ้ ำโคลนจัดเป็ นสำรแขวนลอย
18. กำรจะเลือกวิธีใดในกำรแยกสำรเนื้ อผสมนั ้นขึ้นอยู่กับสิ่งใดเป็ นสำำคัญ
1) อุณหภูมิของสำรเนื้ อผสมนั ้น 2) สมบัติของสำรเนื้ อผสมนั ้น
3) สมบัติของสำรที่เป็ นส่วนประกอบ 4) ปริมำณของสำรที่เป็ นส่วน
ประกอบ
19. ข้อควำมใดกล่ำวถึงกำรทำำโครมำโทกรำฟี ได้ถูกต้อง
1) ใช้ตรวจชนิ ดของสำรที่เป็ นองค์ประกอบในกำรละลำยได้
2) ใช้หลักกำรละลำย และกำรดูดซึม
3) ใช้แยกสำรที่มจี ำำนวนน้ อย
4) ถูกทัง้ 1 , 2 และ 3
20. ถ้ำมีผงตะไบเหล็กปนอย่ก ู ับผงถ่ำนและเกลือแกง กำรแยกตำมข้อใดมีขัน

ตอนเรียงลำำดับเหมำะสมที่สุด
1) ดูดด้วยอำำนำจแม่เหล็ก ละลำยนำ ้ ำ กรองด้วยกระดำษกรอง
2) ดูดด้วยอำำนำจแม่เหล็ก กรองด้วยกระดำษกรอง ละลำยนำ ้ ำ
3) ละลำยนำ ้ ำ กรองด้วยกระดำษกรอง ดูดด้วยอำำนำจแม่เหล็ก
4) ละลำยนำ ้ ำ ดูดด้วยอำำนำจแม่เหล็ก กรองด้วยกระดำษกรอง
21. กำรทำำเกลือสมุทรอำศัยหลักกำรทำงวิทยำศำสตร์ข้อใดบ้ำง
1) กำรตกผลึก 2) กำรกลัน

3) กำรระเหย 4) ถูกเฉพำะ 1 และ 3
22. สำรเนื้ อผสมในข้อใดที่สำมำรถแยกได้ โดยอำศัยสมบัติกำรระเหิด
1) นำ ้ ำตำลทรำยปนพริกขีห
้ นู 2) เกลือแกงปนพิมเสน
3) ผงชูรสปนเกลือแกง 4) ลูกเหม็นปนกำรบูร

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 4 แรงและกำรเคลื่อนที่
23. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่วิธีลดแรงเสียดทำน
1) กำรใช้ตลับลูกปื นระหว่ำงล้อและเพลำของรถ
2) กำรทำำให้ยำงรถยนต์มีลวดลำย
3) กำรทำจำระบีท่ีโซ่รถจักรยำน
4) กำรเติมนำ ้ ำมันหล่อลื่นในรถยนต์

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 5
24. เครื่องมือที่ใช้หลักกำรของโมเมนต์ในกำรทำำงำนคือข้อใด
1) รถเข็น คีมผ่ำหมำก ที่หัน
่ อ้อย ที่เปิ ดขวดนำ ้ ำอัดลม
2) จักรยำน หลอดดูดกำแฟ วงเวียน ไม้หนี บ
3) ครก ที่ตัดเล็บ ที่เปิ ดกระป๋ อง ไขควง
4) คีบตัดเหล็ก หลอดดูด สิ่ว ตะไบ
25. ปริมำณเวกเตอร์มีควำมหมำยตรงตำมข้อใด
1) เป็ นปริมำณที่มีขนำดเท่ำกัน
2) เป็ นปริมำณที่มีทัง้ ขนำดและทิศทำง
3) เป็ นปริมำณที่มีทิศทำงแน่ นอน
4) เป็ นปริมำณที่มีขนำดใหญ่
ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 5 พลังงำน
26. ไฟฟ้ ำเกิดขึ้นได้อย่ำงไร
1) ไฟฟ้ ำเกิดจำกกำรทำำงำนของเครื่องยนต์
2) ไฟฟ้ ำเกิดจำกกำรเคลื่อนที่ของกระแสไฟ
3) ไฟฟ้ ำเกิดจำกกำรเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน
4) ไฟฟ้ ำเกิดจำกวัตถุ 2 ชนิ ดมำประทะกัน
27. อุปกรณ์ไฟฟ้ ำในข้อใด ใช้หลักกำรเปลี่ยนรูปพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนกล
ทัง้ หมด
1) เครื่องดูดฝ่ ุน และ เครื่องที่ปิ้งขนมปั ง
2) หลอดไฟฟ้ ำ และ เครื่องปรับอำกำศ
3) หม้อหุงข้ำวไฟฟ้ ำ และเครื่องบดอำหำร
4) เครื่องซักผ้ำ และเครื่องดูดฝ่ ุน
28. ข้อใดไม่ใช่หลักกำรทำำงำนของหลอดเรืองแสง
1) กระแสไฟฟ้ ำเข้ำไปในไส้หลอด ทำำให้หลอดร้อนแดง และปล่อย
อิเล็กตรอนออกมำ
2) อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ด้วยควำมเร็วสูงไปชนไอปรอททำำให้เกิดรังสี
UV
3) รังสี UV ไปกระทบสำรเรืองแสง สำรเรืองแสงจะเปล่งแสงออกมำ
4) เมื่อหลอดเริ่มทำำงำนแล้ว ควำมต้ำนทำนภำยในหลอดจะสูง ทำำให้
กระแสไฟฟ้ ำจะไหลจำกไส้หลอด
ข้ำงหนึ่ งไปยังไส้หลอดอีกข้ำงหนึ่ งได้โดยตรง
29. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ สตำร์ทเตอร์ และแบลลัสต์
1) หลอดเรืองแสงจะทำำงำนได้เมื่อต่อกับแบลลัสต์และสตำร์ทเตอร์
2) สตำร์ทเตอร์ จะต่ออนุกรมกับหลอดเรืองแสง
3) แบลลัสต์ จะต่ออนุกรมกับหลอดเรืองแสง
4) สตำร์ทเตอร์ ทำำหน้ ำที่เป็ นสวิตช์อัตโนมัติ
วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 6
30. หลอดเรืองแสงกับหลอดไฟฟ้ ำที่ใช้พลังงำนไฟฟ้ ำเท่ำกัน ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1) หลอดเรืองแสงประหยัดพลังงำนไฟฟ้ ำมำกกว่ำ 4 เท่ำ
2) หลอดไฟฟ้ ำใช้ไฟฟ้ ำมำกกว่ำหลอดเรืองแสง 4 เท่ำ
3) หลอดไฟฟ้ ำให้แสงสว่ำงมำกกว่ำหลอดเรืองแสง 4 เท่ำ
4) หลอดเรืองแสงให้แสงสว่ำงมำกกว่ำหลอดไฟฟ้ ำ 4 เท่ำ

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 6 กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของโลก
31. หินงอก และหินย้อย เกิดจำกกำรระเหยของสำรละลำย
1) แคลเซียมคำร์บอเนต 2) แคลเซียมไฮโดรเจน
คำร์บอเนต
3) แคลเซียมไนเตรต 4) แคลเซียมคลอไรด์
32. ภูมป
ิ ระเทศลักษณะใดที่มีควำมหนำแน่ นของอำกำศมำกที่สุด
1) ยอดเขำสูง
2) ที่รำบชำยทะเล
3) หุบเหวลึกบริเวณภูเขำ
4) ป่ ำดิบชื้นบริเวณเชิงเขำ
33. เปลือกโลกที่รองรับแผ่นดินของประเทศไทยมีกำรเปลี่ยนแปลงมำกที่สด ุ
จำก
1) กระแสนำ ้ ำ และกิจกรรมของมนุษย์ 2) ปฏิกริ ิยำเคมี
และกระแสนำ ้ ำ
3) ผลกระทบจำกแผ่นดินไหวของบริเวณใกล้เคียง 4) นำ ้ ำท่วม
34. กำรเกิดของสิ่งต่อไปนี้ ร่องบนหินดำน กำรหลุดของหิน หินรูปหลังแกะ
หุบเขำลอย เกิดจำก
1) กำรกร่อนโดยกระแสนำ ้ ำ 2) กำรกร่อนโดยกระแส
ลม
3) กำรกร่อนโดยกำรเคลื่อนที่ของธำรนำ ้ ำแข็ง 3) กำรกร่อนโดย
ปฏิกริ ิยำเคมี
35. กำรทับถมของตะกอนแม่นำ้ำลำำธำรไหลลงสู่ทะเลหรือทะเลสำบทำำให้เกิด
1) ตะกอนรูปพัด 2) หำดยื่น
3) ที่รำบนำ ้ ำท่วมถึง 4) ดินดอนสำมเหลี่ยม

ข้อสอบสาระการเรียนร้้ท่ี 7 ดำรำศำสตร์และอวกำศ
36. เพรำะเหตุใดเรำจึงมองเห็นดวงอำทิตย์ขึ้นทำงทิศตะวันออกและตกทำงทิศ
ตะวันตก
1) เพรำะกำรหมุนรอบตัวเองของโลกจำกทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก
2) เพรำะกำรหมุนรอบตัวเองของโลกจำกทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก
3) เพรำะกำรโคจรรอบดวงอำทิตย์ของโลกจำกทิศตะวันตกไปทิศตะวัน
ออก
4) เพรำะกำรโคจรรอบดวงอำทิตย์ของโลกจำกทิศตะวันออกไปทิศตะวัน
ตก

วิทยำศำสตร์ชัน
้ มัธยมศึกษำปี ท่ี
3 หน้ ำ 7 7
37. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเวลำที่ดำวเครำะห์โคจรรอบดวงอำทิตย์ 1 รอบ
ดำวเครำะห์ เวลำ (เวลำโลก)
พุธ 88 วัน
ศุกร์
โลก 225 วัน
อังคำร 365.24 วัน
687 วัน
ถ้ำมีปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติท่ีทำำให้โลกโคจรรอบดวงอำทิตย์ช้ำกว่ำเดิม
คือ 1 รอบใช้เวลำ ประมำณ 450 วัน
และโลกยังคงอยู่ในระบบสุริยะ ตำำแหน่ งของโลกในระบบสุริยะน่ ำจะเป็ น
อย่ำงไร
1) จะขยับใกล้ดำวศุกร์มำกขึ้น
2) จะขยับใกล้ดำวอังคำรมำกขึ้น
3) จะไปอย่รู ะหว่ำงดำวพุธและศุกร์
4) จะอยู่ห่ำงจำกดวงอำทิตย์มำกกว่ำดำวอังคำร
38. สถำนี อวกำศนำนำชำติจด
ั เป็ นดำวเทียมหรือยำนอวกำศ เพรำะเหตุใด
1) จัดเป็ นดำวเทียม เพรำะโคจรรอบโลก แต่ไม่มีมนุษย์ขับคุม
2) จัดเป็ นดำวเทียม เพรำะโคจรรอบโลก และมีมนุษย์ขับคุม
3) จัดเป็ นยำนอวกำศ เพรำะโคจรรอบโลก และมีมนุษย์ขับคุม
4) จัดเป็ นยำนอวกำศ เพรำะไม่โคจรรอบโลก และมีมนุษย์ขับคุม
39. เทคโนโลยีอวกำศชนิ ดใดที่มนุษย์ใช้ในกำรศึกษำวัตถุท้องฟ้ ำในระยะแรก
สุดและปั จจุบันยังคงใช้อยู่
1) กล้องโทรทรรศน์ท่ีใช้คลื่นวิทยุ
2) กล้องโทรทรรศน์ท่ีใช้รังสีแกมมำ
3) กล้องโทรทรรศน์ท่ีใช้รังสีอินฟรำเรด
4) กล้องโทรทรรศน์ท่ีใช้คลื่นแสงที่ตำมองเห็น
40. ภำพจำกกล้องโทรทรรศน์ในตำำแหน่ งใดจะถ่ำยภำพวัตถุท้องฟ้ ำได้ชัดเจน
ที่สุด
1) บนภูเขำสูง
2) บนดวงจันทร์
3) เกำะกลำงทะเล
4) บริเวณใกล้ขัว้ โลกใต้

You might also like