Professional Documents
Culture Documents
User Interface
ใน AutoCAD 2011 ได้ มีการปรับเปลีย่ นในส่วนหน้ าตาของโปรแกรมการใช้ งาน เพื่อให้ งานออกแบบของ
ทุกคนได้ ง่ายและคล่องตัวมากขึ ้น
สําหรับพื ้นที่การเขียนแบบของ AutoCAD 2011 หรือ Drawing Windows ได้ เปลี่ยนสีพื ้นหลังของ
Model Space ให้ เป็ นสี Dark Gray โดยคุณสามารถเข้ าถึงการปรับแต่งสีของ Drawing Windows ได้ อย่าง
ง่ายดายผ่านแท็ป Display ของหน้ าต่าง Options
บนหน้ าจอ Drawing Windows จะแสดงผลของ Gridlines เป็ นเส้ นตรงในแนวตังและแนวนอนเป็ ้ น
ตารางที่ไม่มีจดุ สิ ้นสุด เมื่อมีการเปิ ดโหมดของกริด (Grid) คุณจะเห็นเส้นสีแดงและสีเขียวที่ตอ่ จากไอคอนของ
UCS บนแกน X และ Y ของจุด Origin ของโปรแกรม
1 2
4
6
5
7
11
12
10 9 8
10. Command Line ไว้ สําหรับพิมพ์คําสัง่ ต่างๆ หือพิมพ์คา่ ที่เป็ นตัวเลขของชิ ้นงานต่างๆ
Navigation
ใน AutoCAD 2011 ได้ เพิ่มแถบ Navigation รูปแบบใหม่ โดยเพิ่มเครื่องมือต่างๆ เข้ าไปด้ วย เช่น
Autodesk Steering Wheels, View Cube และ Show Motion ซึ่งมีคําสัง่ Well, Zoom, Pan และ Orbit ที่
สามารถควบคุมการแสดงผลของ Navigation ผ่านหน้ าต่าง CUI ในส่วนของ Property อีกด้ วย
The Ribbon
ในส่วนของ Ribbon ได้ เพิ่ม Pull-down เมนูใหม่ไว้ ด้านล่างของแถบรายการ ที่ทําให้ คณ
ุ ปรับย่อ Ribbon
ให้ เป็ นแบบ Panel Buttons, Tabs หรื อ Panel Titles ได้ ง่ายขึ ้น
ส่วนที่แท็ปของ View ได้ เพิ่มพาแนล Visual Styles เพื่อให้ ง่ายต่อการเข้ าไปกําหนดรูปแบบของ Visual
Styles, Visual Styles Manager และการควบคุม Visual Styles ต่างๆ ส่วนพาแนล Windows ได้ เพิ่ม User
Interface และ Toolbar Controls เข้ าไป เพื่อเปิ ดให้ คณ ุ เข้ าไปปรับแต่งในส่วนของผู้ใช้ งาน และได้ เพิ่ม
Autodesk View Cube, Show Motion และ Navigation Bar ซึ่งในส่วนของ Text Windows และ Status Bar
Controls ได้ ถกู ลบออกไปจากพาแนล Windows เพื่อเพิ่มความสะดวกบน Status Bar
มีการเพิ่มฟั งก์ชนั่ Customize Ribbon เข้ าไปบนหน้ าต่างของ Customize User Interface โดยเพิ่ม
พาแนล Fold ทําให้ คณ ุ สามารถปรับขนาดของ AutoCAD Windows หรือลบพาแนลจากแท็ปต่างๆ ได้ พาแนล
Fold สามารถปรับขนาดในแนวนอนให้ เต็มพื ้นที่ได้ และในส่วนคุณสมบัตอิ นื่ ๆ เปิ ดให้ กําหนดขนาดของปุ่ มเป็ น
แบบ Maximum หรื อ Minimum ได้
Visual Styles
AutoCAD 2011 ได้ เพิ่มรูปแบบของ Visual Styles เข้ าไปอีก 5 รุปแบบ ดังนี ้
- Shaded
- Shaded with Edges
- Shades of Gray
- Sketchy
- X-Ray
Object Visibility
ใน AutoCAD 2011 ได้ เพิ่มเครื่ องมือใหม่ที่ช่วยให้ คณ ุ ควบคุมการซ่อนวัตถุ (Object Visibility) จาก
Layer Visibility ซึ่งเครื่ องมือ Object Visibility สามารถเรียกใช้ งานได้ จากเมนูคลิกเมาส์ขวา เมื่อมีการเลือกวัตถุ
นันๆ
้ หรือจะเลือกแบบ Well เมื่อไม่มีวตั ถุให้ เลือกก็ได้ และเมื่อคุณใช้ เครื่องมือ Isolate Objects วัตถุที่ถกู เลือก
จะปรากฏอยู่บนหน้ าจอ ส่วนวัตถุอนื่ ๆ จะถูกซ่อนทังหมด ้ แต่ถ้าคุณใช้ เครื่องมือ Hide Objects วัตถุที่ถกู เลือกจะ
หายไป
คุณสามารถใช้ งานเครื่ องมือ Isolate Objects และ Hide Objects ควบคูก่ นั ไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน
การแสดงผลของวัตถุ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเลือกใช้ เครื่องมือ Isolate Objects เพื่อเลืกวัตถุบนพื ้นที่เขียน
แบบ ถ้ าคุณต้ องการแก้ ไขให้ ใช้ เครื่องมือ Hide Objects เพื่อซ่อนวัตถุอื่นเพิ่มเข้ าไปด้ วย ซึ่งคุณสามารถคืน
คุณสมบัตกิ ารซ่อนวัตถุได้ อย่างรวดเร็ว โดยใช้ เครื่องมือ End Objects Isolation
Parametric Constraint
ฟั งก์ชนั่ 2D Parametric ใน AutoCAD 2011 ช่วยในการเพิ่ม Macro เพื่อเข้ าถึงตัวเลือกของคําสัง่
GEOMCONSTRAINT และ DIMCONSTRAINT
วัตถุจะแสดงผลเมื่อคุณวางเมาส์เหนืออคอนของ Constraint หรื อเมื่อคุณเลือกพารามิเตอร์ใน
Parameters Manager รองรับการตังค่ ้ าของ Visual Effects บนแท็ป Selection ของหน้ าต่าง Options เพื่อกัน
ข้ อผิดพลาดของการเพิ่มฟั งก์ชนั่ ของ Geometric และ Dimension Constraint ช่วยในการสร้ างและแก้ ไข
Parametric Constraint Geometry ได้ รวดเร็วมากขึ ้น
Geometric Constraint
ใน AutoCAD 2011 ทําให้ การเพิ่ม Geometric Constraint ให้ กบั เส้ นหรือวัตถุ 2D ของ AutoCAD ง่าย
ขึ ้น โดยโปรแกรมสามารถวินิจฉัย Geometric Constraint เหมือนกับคุณสามารถสร้ างหรื อแก้ ไขวัตถุเอง ปุ่ มของ
Constraint ที่อยู่บนแถบสถานะจะทํางานคล้ ายกับปุ่ มของ Objects Snaps คือเมื่อเปิ ดโหมดของ Constraint
เส้ นที่เขียนขึ ้นมาจะถูกบังคับความสัมพันธ์โดยอัตโนมัติ ถ้ าปิ ดโหมดของ Constraint วัตถุที่เขียนขึ ้นมาจะเป็ น
เส้ นปกติไม่ถกู บังคับความสัมพันธ์ ซึ่งคุณสามารถกําหนดค่าต่างๆ ได้จากแท็ป Geometric ของหน้ าต่าง
Constraint Setting
การสั่งงานผ่ านเมาส์
คลิก (Click) หากไม่ได้ ระบุเพิ่มเติม หมายถึง ให้ กดปุ่ มซ้ ายของเมาส์หนึ่งครัง้ แล้ วปล่อย ส่วน
การกําหนดให้ คลิกด้ วยปุ่ มขวาของเมาส์จะใช้ คําสัง่ ว่า คลิกขวา
ดับเบิลคลิก (Double Click) ให้ กดปุ่ มซ้ ายของเมาส์แล้ วปล่อย โดยกระทําเร็วๆ ติดกันสองครัง้
แดร็ก (Drag) หากไม่ได้ ระบุเพิ่มเติม หมายถึง ให้ กดปุ่ มซ้ ายของเมาส์ค้างไว้ แล้ วเลื่อนตัวชี ้
ของเมาส์ ส่วนการกําหนดให้ แดร็กด้ วยปุ่ มขวาของเมาส์จะใช้ คําว่า แดร็กขวา
ฟั งก์ ช่ นั ที่ควรรู้บนคีย์บอร์ ด
เป็ นฟั งก์ชนั่ ที่ใช้ ครู่ ่วมกับ Status Bar และฟั งก์ชนั่ อื่นๆ เพื่อเปิ ด-ปิ ดโหมดการทํางานต่างๆ ให้ เป็ นไปด้ วย
ความรวดเร็ว โดยมีสาระสําคัญดังนี ้
1. Ctrl+C ใช้ ในการ Cancle คําสัง่
2. Space Bar ใช้ แทน Enter และ Right Click เพื่อทําซํ ้า หรือเข้ าคําสัง่ นันๆ
้
เรียบเรียงโดย อ.สนธยา สุวรรณโชติ
Sheet Code : PT-CAD-AT3-02-I Page : 2 of 3 Pages
CD-15-00
Thai-German Institute Module name : CAD Part 1 - 2D Information Sheet
สถาบันไทย-เยอรมัน Revision :
Unit name : Introduction
3. Undo ใช้ ย้อนกลับการทํางานที่ผา่ นมา (ย้ อนไปได้ เรื่ อยๆ หรื อต้ องตังค่
้ า)
4. Redo ใช้ หลังจากการย้ อนกลับหลัง (แต่ใช้ ได้ หนเดียว)
5. R Redraw ใช้ ในการวาดใหม่
6. Regen ใช้ ในการวาด และคํานวณใหม่
7. Esc ใช้ ในการ Cancle คําสัง่
8. F1 ติดต่อกับ Help? ของโปรแกรม
9. F2 เปลี่ยนเป็ นโหมด Text
10. F3 แสดงการเปิ ด – ปิ ดโหมด Osnap
11. F4 แสดงการเปิ ด – ปิ ดโหมด Tablet
12. F5 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด ISO Plane
13. F6 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด Coordinate
14. F7 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด Grid
15. F8 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด Ortho
16. F9 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด Snap
17. F10 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด Polar
18. F11 แสดงการเปิ ด - ปิ ดโหมด Object Snap tracking
ขนาดของกระดาษเขียนแบบมาตรฐาน
โปรแกรมได้ กําหนดขนาดพื ้นที่ของกระดาษขนาดต่างๆ เป็ นมาตรฐานในหน่วยมิลลิเมตรดังนี ้
Size ยาว x กว้ าง
A0 1189 x 841
A1 841 x 594
A2 594 x 420
A3 420 x 297
A4 297 x 210
Start > Programs > Autodesk > AutoCAD 2011 > AutoCAD 2011 หรือ
ดับเบิลคลิกที่ AutoCAD 2011 Shortcut บน Window Screen
Menu Browser เป็ นปุ่ มที่รวมเอาคําสัง่ ของเมนูหลักในโปรแกรม AutoCAD 2011 ไว้ ในปุ่ มเดียว เพื่อ
สะดวกในการใช้ งาน โดยมีคําสัง่ ที่รวมไว้ ในปุ่ มมีดงั นี ้
4. Save As : ใช้ สําหรับบันทึกไฟล์แบบงานที่เขียนไว้ ในรูปแบบไฟล์ DWG เวอร์ชนั่ ตํ่า บันทึกไว้ เป็ นไฟล์
Template (DWT) บันทึกเป็ นไฟล์ Drawing Standard (DWS) หรือบันทึกไฟล์เป็ นรูปแบบอื่นๆ เช่น DXF
5. Export : ใช้ สําหรับแปลงไฟล์ที่เขียนบน AutoCAD 2011 เป็ นไฟล์รูปแบบอื่นได้ หลายรูปแบบ เช่น
DWF, DWFx, 3D DWF, PDF, DGN และ FBX
6. Print : ใช้ สําหรับพิมพ์แบบงานที่เขียนเสร็จเรียบร้ อยแล้ ว โดยสามารถเข้ าไปกําหนดขนาดของกระดาษ
ที่ต้องการพิมพ์ เครื่ องพิมพ์หรื อพล็อตเตอร์ ที่ต้องการใช้ งานได้ จากส่วนนี ้
7. Publish : ใช้ สําหรับส่งไฟล์ชิ ้นงาน 3D Solid ขึ ้นรูปบน 3D Print Service
8. Send : ใช้ สําหรับส่งไฟล์แบบงานที่เขียนเรียบร้ อยแล้ วในรูปแบบของ Email พร้ อมแนบไฟล์ AutoCAD
ไปด้ วย และ e Transmit
9. Drawing Utility : ใช้ สําหรับกําหนดคุณสมบัตใิ ห้ ไฟล์งานที่เปิ ดอยู่ หน่วยของแบบงาน และอืน่ ๆ
รวมถึงเปิ ดหาในส่วนของไฟล์งานที่ถกู กู้ขึ ้นมาได้ ในกรณีที่โปรแกรมปิ ดโดยไม่มีการบันทึก
10. Close : ใช้ สําหรับปิ ดไฟล์แบบงานที่เปิ ดอยู่
11. Option : ใช้ สําหรับเข้ าไปกําหนดรายละเอียดต่างๆ ในการใช้ งานของโปรแกรม
12. Exit AutoCAD : ใช้ สําหรับปิ ดโปรแกรม AutoCAD
F10 (Polar)
สําหรับควบคุมการเปิ ดหรือปิ ด Polar Tracking เพื่อหาจุดปลายของเส้ นให้ อยูใ่ นแนวกับเส้น
หรือจุดที่ต้องการ
F11 (Otrack)
สําหรับควบคุมการเปิ ดหรือปิ ด Object Snap Tracking สําหรับหาตําแหน่งอ้ างอิงแบบตังฉาก้
คําสั่งการเขียนเส้ น (Drawing)
Mtext MT เขียนตัวอักษรในกรอบที่กําหนด
Polyline PL เขียนเส้ นตรงหรือเส้ นโค้งแบบต่อเนื่อง
Arc A เขียนเส้ นโค้ งรูปแบบต่างๆ
Construction, Xline XL เขียนเส้ นตรงแบบความยาวของเส้นไม่สิ ้นสุด
Undo U ย้ อนกลับไปการกระทําที่ผา่ นมาทีละขัน้
การกําหนดขอบเขตงานเขียนแบบ
การกําหนดขอบเขตงานเขียนแบบ ให้ เป็ นขนาดกระดาษมาตรฐาน A4 (12x9 หรือ 297x210) โดยใช้
คําสัง่ Drawing Limits ประกอบด้ วย 2 ขันตอน
้ ดังนี ้
1. Format > Drawing Limits
Reset Model space limits :
Specify lower left corner or [ON/OFF] <0.0000,0.0000>: 0,0 ป้อนค่ าพิกัดมุมล่ างซ้าย กด Enter
Specify upper right corner <420.0000,297.0000>: 297,210 ป้อนค่ าพิกัดมุมบนขวา กด Enter
2. เมื่อกําหนด Drawing Limits แล้ วให้ ใช้ คําสัง่ Zoom All เพื่อปรับขนาดจอภาพให้ เหมาะสมกับ
ขอบเขต Drawing Limits โดยใช้ คําสัง่ View > Zoom > All
จึงจะได้ ขอบเขตงานเขียนแบบที่ต้องการ
การกําหนดหน่ วยและทศนิยม
การกําหนด Units ที่ใช้ ในการเขียนแบบ และความละเอียดของทศนิยมที่ต้องการ โดยคําสัง่ Units มี
วิธีใช้ ดังนี ้
1. ระบบพิกัดแบบ Absolute Coordinate (X,Y) เป็ นระบบพิกดั ที่วดั ระยะจากจุด Origin การบอก
ตําแหน่งแบบนี ้อ้ างอิงจากค่าที่อา่ นได้ จากแกน x และแกน y โดยตรง จากรูป แสดงให้ เห็นการ
เขียนเส้ นตรงโดยที่เราไม่ทราบความยาวของเส้นตรงแต่ละช่วงแต่เราทราบตําแหน่งอ้ างอิงจุดคอร์
ดิเนทแต่ละจุดบนพื ้นที่วาดภาพการป้อนค่าคอร์ออร์ดิเนทซึ่งอ้ างอิงตําแหน่งของจุดบนพื ้นที่วาดภาพ
โดยตรงแบบนี ้เรียกว่า Absolute Coordinate โดยทัว่ ไปจะใช้ วิธีการแบบนี ้ในการกําหนดตําแหน่ง
ของจุดเริ่ มต้ นในการเขียนเส้ นเท่านัน้
ไดอะล็อกบ็อกซ์ Drafting Settings ที่มีฟังก์ชนั่ Object Snap โดยมีตวั เลือกย่อยอยูท่ งหมด ั้ 13 ตัว ดัง
ในรูปของไอคอน ถ้ าต้ องการที่จะเลือกทังหมด้ ให้ คลิกที่ Select All หรือลบทังหมดที
้ ่เลือกไว้ ให้ คลิกที่ Clear All
แต่เราไม่จําเป็ นที่จะต้ องเลือกทุกตัว เพราะจะเกิดความสับสนของ Cursor ที่อาจจะกระโดดจับตําแหน่งที่เราไม่
ต้ องการก็ได้ ทําให้ กลายเป็ นเรื่ องยากใน การทํางาน โดยที่ในการเขียนงานทัว่ ไปจะใช้ 4 ตัวหลักๆ ได้ แก่
Endpoint, Midpoint, Center และ Intersection เมื่อเลือกเสร็จจึงคลิกปุ่ ม OK
ทังนี
้ ้เราสามารถเปิ ด-ปิ ดโหมด Osnap ได้ ที่คีย์บอร์ดฟั งก์ชนั่ F3 และที่ Status Bar คลิกในโหมด Osnap
ก็จะแสดงสถานะเป็ น ON หรื อ OFF ทันที
Snap From
ต้ องใช้ ร่วมกับออฟเจ็คสแน๊ ปโหมดอื่น ๆ เพื่อกําหนดระยะห่างหรือระยะออฟเซต (Offset) จากจุดที่
ต้ องการกําหนดตําแหน่ง ตัวอย่าง เช่น การกําหนดตําแหน่งของจุดเริ่มต้ นในการเขียนเส้ นให้ ห่างจากจุดกึ่งกลาง
เส้ นขึ ้นไปในแนวดิ่งตามระยะที่กําหนด
Endpoint
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดปลายของเส้ นโค้ ง (Arc) เส้ นตรง (Line) เส้ นคูข่ นาน
(Multiline) จุดปลายเซ็กเมนต์ของโพลีไลน์ (Polyline) เมือ่ เรียกใช้ จะปรากฏเครื่องหมาย บนปลายเส้น
Midpoint
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดกึ่งกลางของเส้ นโค้ ง (Arc) เส้ นตรง (Line) เส้ นคูข่ นาน
(Multiline) เชกเมนต์ของโพลีไลน์ (Poly line) เมื่อเรียกใช้ จะปรากฏเครื่องหมาย บนจุดกึ่งกลางเส้น
Intersection
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดตัดระหว่างเส้ นโค้ ง (Arc) เส้ นตรง (Line) เส้ นคูข่ นาน
(Multiline) วงกลม (Circle) หรื อวงรี (Ellipse) จะปรากฏเครื่องหมาย X บนจุดตัดระหว่างเส้ น ถ้ าเลื่อน
เคอร์เซอร์ไปบนเส้นที่ไม่ใช่จดุ ตัดจะปรากฏเครื่ องหมาย X แทน ซึ่งสามารถใช้ กบั เส้นที่ไม่ตดั กันจริง
Apparent intersection
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดตัดระหว่างเส้ นโค้ ง (Arc) เส้ นตรง (Line) เส้ นคูข่ นาน
(Multilane) วงกลม (Crick) วงรี (Ellipse) ซึ่งอาจตัดกันจริงหรือ ไม่ตดั กันจริงก็ได้เมื่อเรียกใช้ จะปรากฏ
เครื่องหมาย บนเส้นและจะปรากฏเครื่องหมาย X บนจุดตัดระหว่างเส้ น
Extension
ช่วยให้ เราสามารถหาตําแหน่งของจุดที่ตอ่ ออกไปจากเส้นตรงหรือเส้ นโค้ งตามระยะที่เราเลื่อนเมาส์
Center
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดศูนย์กลางของวงกลม (Circle) เส้ นโค้ ง (Arc) วงรี (Ellipse)
เมื่อเรียกใช้ จะปรากฏเครื่ องหมาย ณ จุดศูนย์กลางของวงกลม เส้ นโค้ ง หรือวงรี
Quadrant
ใช้ บงั คับให้ เคอร์ เซอร์ กระโดดเข้ าไปหาจุด 0, 90, 180, 270 องศาของวงกลม (Circle) เส้ นโค้ ง (Arc)
วงรี (Ellipse) เมื่อเรี ยกใช้ จะปรากฏเครื่ องหมาย บนจุด 0, 90, 180, 270 องศาของวงกลมเส้ นโค้ ง
และวงรี
Tangent
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดเส้ นสัมผัสของวงกลม (Circle) เส้ นโค้ ง (Arc) วงรี (Ellipse)
เมื่อเรียกใช้ จะปรากฏเครื่ องหมาย บนจุดสัมผัส
Perpendicular
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดที่ตงฉากกั
ั้ บเส้ นตรง (Line) วงกลม (Circle) เส้ นโค้ ง (Arc)
วงรี (Ellipse) เส้ นคูข่ นาน (Multi line) โฟลีไลน์ (Poly line) เมื่อเรี ยกใช้ จะปรากฏเครื่ องหมาย บนจุด
ตังฉาก
้
Parallel
ใช้ โหมดนี ้ช่วยในการเขียนเส้ นขนานกับเส้ นตรงใด ๆ เมื่อเรียกใช้ โหมดนี ้และเลื่อนไปบนเส้นตรงใด ๆ จะ
ปรากฏเครื่องหมาย บนเส้ นตรงนันหลั
้ งจากที่เลื่อนเมาท์ออกไปจะปรากฏเครื่องหมาย + บนเส้ นดังกล่าว
หากเลื่อนเคอร์ เซอร์ ให้ อยูใ่ นแนวที่จะปรากฏเส้นขนาน จะปรากฏเวคเตอร์เส้นประขนานกับเส้ นตรงดังกล่าวซึง่
เราสามารถเขียนเส้นขนานได้ ตามต้ องการ
Insertion
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดสอดแทรกของตัวอักษร (Text) บล็อค (Block) เมื่อเรียกใช้
จะปรากฏเครื่ องหมาย บนจุดสอดแทรก
Node
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุด (Point) เมื่อเรียกใช้ จะปรากฏเครื่องหมาย บนจุดใด ๆ
Nearest
ใช้ บงั คับให้ เคอร์เซอร์กระโดดเข้ าไปหาจุดที่อยูใ่ กล้ ที่สดุ ของเส้ นโค้ ง (Arc) เส้ นตรง (Line) เส้ นคูข่ นาน
(Multi line) โพลีไลน์ (Polyline) เมื่อเรี ยกใช้ จะปรากฏเครื่องหมาย บนจุดที่ใกล้ ที่สดุ ของเส้ น
None
ใช้ สําหรับระงับโหมดการใช้ ออฟเจกท์สแน๊ ปอัตโนมัติไว้ ชวั่ คราว
Object Snap Modes ใช้ เพื่อช่วยให้ เราสามารถกําหนดจุด Snap บนวัตถุตา่ งๆ ได้ อย่างรวดเร็ว เช่น
การกําหนดจุด Endpoint ของเส้ นตรงหรื อส่วนโค้ง จุด Center ของวงกลม เป็ นต้ น ขันตอนการกํ
้ าหนด Object
Modes แบบอัตโนมัติ มีดงั นี ้
คําสั่ง Line
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ในการเขียนเส้ นตรง 1 เส้ น หรือหลายเส้ นต่อเนื่องกันไป โดยการบอกพิกดั จุดเริ่มต้ นและ
จุดปลายของเส้ นตรงแต่ละเส้ น โดยระบบพิกดั X,Y หรือ Polar ในกรณีที่ป้อนค่าจุดพิกดั ผิดและกด Enter แล้ วให้
ใช้ คําสัง่ Undo เพื่อยกเลิกพิกดั นันๆ ้ ถ้ าต้ องการลากเส้ นเชื่อมจุดปลายของเส้นตรงสุดท้ ายกับจุดเริ่มต้ นของ
เส้ นตรงเส้ นที่ 1 ทําได้ โดยใช้ คําสัง่ Close หรื อพิมพ์อกั ษรตัว C แทนการป้อนพิกดั ของจุดปลายเริ่มต้ นนันได้้
ขันตอนการใช้
้ คําสัง่ Line มีดงั นี ้
Menu Browser > Draw > Comstruction Line หรื อ Command : XLine
คําสั่ง Polyline
คําสัง่ Polyline หรื อ Pline เป็ นการเขียนเส้นตรง หรือส่วนโค้ งอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความหนาเส้ นได้
วัตถุที่เขียนขึ ้นโดยคําสัง่ Polyline จะมีคณ ุ สมบัตเิ ป็ นวัตถุเดียว เช่นรูปสีเ่ หลี่ยมที่เขียนโดยคําสัง่ Pline หรือ
Rectangle จะมีคณ ุ สมบัติเป็ น 1 วัตถุ แต่ถ้าเขียนจากคําสัง่ Line ประกอบด้ วย 4 วัตถุ หรือ 4 เส้ น ขันตอนการ้
ใช้ คําสัง่ Polylline มีดงั นี ้
การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ Polyline
คําสัง่ Modify Polyline เป็ นการเปลีย่ นแปลงและแก้ ไขคุณสมบัติตา่ งๆ ของ Polyline เช่น ความหนา
(width) การเชื่อมต่อของเส้ นหรือวัตถุหลายๆ วัตถุให้ เป็ นวัตถุเดียวหรื อเป็ น Polyline มีขนตอนดั
ั้ งนี ้
คําสั่ง Polygon
ใช้ สําหรับเขียนรูปหลายเหลีย่ มด้ านเท่า ตังแต่
้ 3 ไปจนถึง 1,024 ด้ าน ซึ่งแบ่งออกเป็ น 2 แบบ คือ
Inscribed Polygon และ แบบ Circumscribed Polygon มีรูปแบบดังนี ้
คําสั่ง Rectangle
เป็ นคําสัง่ ใช้ ในการเขียนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ าหรือสี่เหลี่ยมจัตรุ ัส ให้ ได้ ขนาดตามต้ องการ โดยกําหนดจุด
เป็ นมุมในแนวทแยงตรงข้ าม มีขนตอนการใช้
ั้ คําสัง่ ดังนี ้
คําสั่ง Arc
ใช้ สําหรับเขียนเส้ นโค้ งซึ่ง Arc เป็ นส่วนหนึ่งของเส้นรอบวงของวงกลม โดยมีตวั เลือกต่างๆ ที่มคี วาม
เหมาะสมกับการเขียนส่วนโค้ งลงบนจุดที่แตกต่างกันออกไป มีวิธีการดังต่อไปนี ้
P2 P3
P1
คําสั่ง Circle
ใช้ สําหรับเขียนรูปวงกลม โดยจะมีตวั เลือกต่างๆ ที่มคี วามเหมาะสมกับการเขียนวงกลมลงบนจุดที่
แตกต่างกันออกไป โดยสามารถเรียกใช้ งานคําสัง่ ได้จาก
ตัวเลือกสําหรับการสร้ างวงกลม
Center , Radius ใช้ สร้ างวงกลมโดยกําหนดจุดศูนย์กลาง และกําหนดค่ารัศมีของวงกลม
Center , Diameter ใช้ สร้ างวงกลมโดยกําหนดจุดศูนย์กลาง และกําหนดค่าของเส้ นผ่านศูนย์กลาง
ของวงกลม
2 Points ใช้ สร้ างวงกลมโดยกําหนดจุด 2 จุด
3 Points ใช้ สร้ างวงกลมโดยกําหนดจุด 3 จุด
Tan, Tan, Radius ใช้ สร้ างวงกลมโดยกําหนดให้ เส้นรอบวงสัมผัสกับเส้ น 2 จุด และกําหนดค่า
รัศมีของวงกลม
Tan, Tan, Tan ใช้ สร้ างวงกลมโดยกําหนดให้ เส้นรอบวงสัมผัสกับเส้ นทัง้ 3 จุด
คําสั่ง Ellipse
เป็ นคําสัง่ สําหรับเขียนวงรี วงรี จะมีแนวแกนอยู่ 2 แกน คือ แกนยาว (Major axis) และแกนสัน้
(Minor axis) จุดแนวแกนทังสองตั ้ ดกันเรียกว่าจุดศูนย์กลางของวงรี (Ellipse Center) มีวิธีการดังนี ้
1. ขันตอนแรกการเขี
้ ยนวงรี เมื่อรู้พิกดั จุดศูนย์กลางและรัศมี ของแกนทังสอง
้ มีดงั นี ้
2. ขันตอนการเขี
้ ยนวงรี เมื่อทราบความยาวของแกนที่ 1 และรัศมีของแกนที่ 2 มีดงั นี ้
คําสั่ง Spline
เป็ นคําสัง่ ในการเขียนเส้ นโค้ งสไปลน์ (Spline Curve) ที่เส้ นโค้ งจะปรับเรียบผ่านจุดหลาย ๆ จุด ที่เป็ น
เส้ นโค้ งที่เรียกว่า NURBS (Non unit form Rational B-Spline Curve) โดยการกําหนดค่า Tolerance มี
ประโยชน์ในการเขียนเส้นคอนทัวร์ (Contour line) ของพื ้นที่, เส้ นร่างในการเขียนชิ ้นส่วนที่มีรูปร่างไม่แน่นอน
มีวิธีการดังนี ้
คําสั่ง Point
ใช้ สําหรับเขียนจุดบนพื ้นที่วาดภาพ เป็ นคําสัง่ สําหรับตัวมาร์กเกอร์ (Marker) เพื่อกําหนดระยะ หรือ
ขอบเขต เช่น จุดศูนย์กลาง จุดมุมมองของ Perspective เป็ นต้ น โดยที่เรียกคําสัง่ ได้ จากไอคอน หรื อ
Command: Point หรื อเมนู Draw > Point
คําสั่ง Divide
คําสัง่ Divide เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ สําหรับแบ่งวัตถุออกเป็ นส่วนๆ ที่เท่ากัน โดยเขียนจุดหรือ Point บนวัตถุนนั ้
มีขนตอนการใช้
ั้ คําสัง่ ดังนี ้
Menu Browser > Format > Point Style จะได้ Point Style dialog box คลิกเลือกรูปแบบจุดที่ต้องการ แล้ ว
คลิกปุ่ ม OK
คําสั่ง Measure
สําหรับการแบ่งวัตถุให้ มีระยะห่างตามที่กําหนด ทําได้ โดยใช้ คําสัง่ Measure ดังนี ้
ข้ อควรระวัง:
ในการเลือกวัตถุ ตําแหน่งพิกดั ที่คลิกจะมีความสําคัญ เช่น ถ้ าคลิกเลือกใกล้ปลายข้ างใดของ line หรือ
arc โปรแกรมจะเริ่มวัดระยะจากปลายข้ างนัน้
คําสั่ง Boundary
ใช้ สร้ างรูปวาดที่เป็ นขอบเขตจากรูปวาดที่มีอยู่แล้ ว โดยเลือกเมนูคําสัง่
คําสั่ง Helix
เป็ นคําสัง่ Helix เป็ นการสร้ างรูปเกลียว ซึ่งสามารถกําหนดจํานวนเกลียว เส้ นผ่าศูนย์กลาง หรือด้ านที่
จะหมุนเกลียว ว่าจะให้ หมุนตามเข็มหรื อทวนเข็มนาฬิกาก็ได้ สามารถเรียกคําสัง่ ได้ ที่เมนู
ทางเลือกย่ อยของคําสั่ง
Axis endpoint เมื่อคุณพิมพ์ตวั A ลงไปในทางเลือกย่อย รูปแบบของเกลียวจะเปลี่ยนไป จากเดิมเรา
จะเห็นเกลียวจากด้ านบน แต่คําสัง่ จะเปลี่ยนให้ เห็นเกลียวในด้ านข้ างแทน
Turns สามารถกําหนดได้ วา่ จะให้ มเี กลียวทังหมดกี
้ ่ชนั ้ จากรูปตัวอย่างด้ านบน จะมีเกลียว
ซ้ อนกันทังหมด
้ 3 ชันด้
้ วยกัน
Axis endpoint
Turns
10 ชิ ้น 20 ชิ ้น
turn Height
tWist
คําสั่ง Multiline
คําสัง่ Multiline เป็ นการสร้ างเส้นคูห่ รือการเขียนเส้ นตรงให้ ขนานกันไปตลอด โดยที่กําหนดจํานวนเส้น
รูปแบบของเส้ น สี มีประโยชน์มากในการเขียนเส้ นคู่ เช่น ผนังอาคาร เสา คาน เป็ นต้ น โดยที่สามารถเรียกคําสัง่
ได้ จากเมนู Menu Browser > Draw > Multiline หรือ Command : Mline
คําสั่ง Wipeout
เป็ นคําสัง่ สร้ างกรอบหลายเหลีย่ มโดยใช้ เส้ นตรง ซึ่งคุณสามารถคลิกเลือกจุดวางให้ กบั มุมต่างๆ ของรูป
ไปอย่างไม่มีที่สิ ้นสุด โดยเรี ยกคําสัง่ ได้ ที่เมนู
การทําสําเนาวัตถุ
ดังที่ยกตัวอย่างไปแล้ ว คือการยืดเส้นให้ ไปบรรจบกับอีกเส้ นหนึ่ง ซึ่งเป็ นการทําได้ เพียง 1 เส้ น แต่ถ้า
ต้ องการให้ เพิ่มอีกหลายๆ เส้ น ให้ ทําดังนี ้
Command :
** STRETCH **
Specify stretch point or [Base point/Copy/Undo/eXit] : พิมพ์ C
คําสั่ง Erase
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ สําหรับลบวัตถุ (Objects) ที่ไม่ต้องการออกไป ซึ่งสามารถที่จะเลือกลบทีละชิ ้นส่วน หรือ
เป็ นกลุม่ ก็ได้ โดยทําการ Pick หรื อลากเมาส์ครอบ หรือเพียงให้ โดนบางส่วนของวัตถุก็จะเกิดเส้นประแล้ ว จึงลบ
ด้ วยการคลิกเมาส์ขวา หรือกดแป้น Enter มีวิธีการดังนี ้
คําสั่ง Copy
คําสัง่ Copy เป็ นการคัดลอกวัตถุ ช่วยในการสร้ างรูปซํ ้าจากกลุม่ หรือหนึง่ รูปวาดอีกหนึ่งชุดหรือมากกว่า
ได้ อย่างรวดเร็ว ตังแต่
้ AutoCAD 2004 จนถึง AutoCAD 2009 คําสัง่ Copy ทํางานต่างไปจากรีลีสก่อนๆ คือจะ
ทํางานแบบ Multiple โดยทันที คือ ทําซํ ้าไปยังหลายๆ ตําแหน่ง ในลักษณะที่ทกุ ๆ อย่างเหมือนกับภาพต้ นแบบ
ทุกประการ มีขนตอนการทํ
ั้ างานดังนี ้
คําสั่ง Mirror
คําสัง่ Mirror เป็ นคําสัง่ เพื่อใช้ สําหรับคัดลอกวัตถุอีกแบบหนึ่ง ที่ใช้ หลักการของกระจกเพื่อสะท้ อนสร้ าง
วัตถุซํ ้า สําหรับเขียนแบบภาพที่มีลกั ษณะสามาตรกัน โดยการวาดภาพเพียงครึ่งเดียว แล้ วใช้ คําสัง่ Mirror ก็จะ
ได้ ภาพส่วนที่เหลือ ซึ่งจะมีลกั ษณะเช่นเดียวกับภาพที่จากการส่องกระจกเงา มีวิธีการดังนี ้
คําสั่ง Offset
เป็ นการสร้ างวัตถุให้ ขนานกับวัตถุชิ ้นเดิม โดยกําหนดให้ มรี ะยะ distance และทิศทาง หรือพิกดั ที่
กําหนด โดยมีขนตอนการทํ
ั้ างาน ดังนี ้
ทางเลือกย่ อยที่เหลือ
Erase เลือกเพื่อต้ องการลบชิ ้นงานต้ นแบบออกไป ให้ ปรากฏเฉพาะชิ ้นงานที่กําลังจะทําใหม่เท่านัน้
เมื่อเลือกตัวเลือกนี ้แล้ ว จะมีคําถามว่าต้ องการลบชิ ้นงานต้ นแบบหรือไม่ ถ้ าลบพิมพ์ Y (Yes) ถ้ าไม่ลบ
พิมพ์ N (No) และถ้ าพิมพ์ Y ไปแล้ ว ทุกๆ ครัง้ ที่คณ
ุ ใช้ คําสัง่ Offset โปรแกรมก็จะลบชิ ้นงานต้ นแบบ
เสมอ คุณต้ องกลับมาใช้ Erase ใหม่อีกครัง้ เพื่อตังค่้ าให้ เป็ น No ในกรณีที่ไม่ต้องการลบชิ ้นงานต้นแบบ
อีกต่อไป
คําสั่ง Array
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ในการคัดลอกวัตถุให้ เขียนซํ ้ากันเป็ นชุดอย่างเป็ นระเบียบ ซึ่งมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ แบบ
คัดลอกซํ ้า ๆ กันรอบจุดศูนย์กลางที่กําหนด (Polar) และแบบคัดลอกซํ ้า ๆ กันในแนวตัง้ และแนวนอนเป็ น
สี่เหลี่ยม (Rectangular)
3. คลิกเลือกปุ่ ม Select objects ไดอะล็อกบ็อกซ์นี ้จะปิ ดลงชัว่ คราว และมีพรอมต์ Select objects :
บนบรรทัดคําสัง่ ให้ เลือกรูปวาดที่จะทําซํ ้า เมื่อเลือกครบแล้ วให้ กด Enter จะกลับมาแสดง
ไดอะล็อกบ็อกซ์อีกครัง้
4. พิมพ์จํานวนแถวใน Rows (สังเกตทิศทางจากเครื่องหมายหน้ าคํา Rows จะอยู่แนวนอน ให้ นบั
ต้ นฉบับเองด้ วย) ในที่นี ้พิมพ์ 3 แล้ วกดคีย์ Tab เพื่อไปยังช่องกรอกถัดไป
5. พิมพ์จํานวนคอลัมน์ใน Columns (สังเกตทิศทางจากเครื่องหมายหน้ าคํา Columns จะอยู่แนวตัง้
นับต้ นฉบับเองด้ วย) ในที่นี ้พิมพ์ 4 แล้ วกดคีย์ Tab
6. กําหนดระยะห่างของแถวใน Row offset มีการคิดเครื่องหมายด้ วย กล่าวคือค่าลบจะห่างไปทาง
- Y หรือลงล่าง ค่าบวกจะห่างไปทาง + Y หรื อขึ ้นบน ในที่นี ้พิมพ์ 30 แล้ วกดคีย์ Tab
7. กําหนดระยะห่างของคอลัมน์ใน columns offset มีการคิดเครื่องหมายด้ วย กล่าวคือค่าลบจะห่าง
ไปทาง -X หรือไปทางซ้ าย ค่าบวกจะห่างไปทาง +X หรือทางขวา ในที่นี ้พิมพ์ 40 แล้ วกดคีย์ Tab
8. เท็กซ์บ็อกซ์ Angle of array ใช้ ระบุมมุ ของแนวที่จะวาดรูปซํ ้านี ้ ในที่นี ้คงค่า 0 เดิมไว้
9. สังเกตช่องภาพตัวอย่าง จะเป็ นตัวบอกทิศทางและจํานวนรูปวาดคร่าวๆ ที่จะทําซํ ้าขึ ้นได้ ถ้ าทิศทาง
หรือจํานวนทําซํ ้าผิด ให้ กลับไปแก้ ไขค่าใหม่ (โดยเฉพาะการกรอกค่า Row offset และ columns
offset ที่คิดเครื่ องหมายด้ วย)
10. คลิกปุ่ ม Preview < ไดอะล็อกบ็อกซ์จะถูกซ่อน และแสดงผลบนพื ้นที่วาดรูป
11. จะได้ ผลลัพธ์เป็ นดังรูปข้ างล่างนี ้
ต้ นฉบับ
ต้ นฉบับ
รูปแบบของ Method
ในตัวอย่างของ Polar Array ที่ได้ ทําไปนัน้ เราจะเห็นในไดอะล็อกบ็อกซ์วา่ มีช่อง Popup List ที่ชื่อว่า
Method อยู่ ซึ่งจะมีอยู่ 3 ทางเลือก โดยที่โปรแกรมจะตังไว้
้ ให้ ที่ตวั แรก ดังจะอธิบายดังนี ้
คําสั่ง Move
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ สําหรับเคลื่อนย้ ายชิ ้นงาน หรือวัตถุจากจุดหนึ่งไปยังพิกดั ที่กําหนด ซึ่งเราสามารถที่จะ
เคลื่อนย้ ายชิ ้นงานเพียงส่วนเดียว หรื อหลายส่วนเป็ นกลุม่ ก็ได้ โดยมีขนตอนดั ั้ งนี ้
คําสั่ง Rotate
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ในการหมุนวัตถุที่ต้องการ โดยสามารถที่จะกําหนดองศาการหมุน และแกนที่จะหมุนได้ ซึง่
คุณสามารถพิมพ์ C (Copy) ให้ เพิ่มชิ ้นงานหมุนตามองศาที่เรากําหนด แต่ชิ ้นงานเดิมยังคงอยูใ่ นมุมเดิม โดย
เรียกคําสัง่ จากไอคอน หรือที่ Command และที่ Menu Browser Modify > Rotate
1. การหมุนโดยอิสระ
Menu Browser > Modify > rotate
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
Select objects: เลือกวัตถุท่ จี ะทําการหมุน
Select objects: กดปุ่ ม Enter
Specify base point: กําหนดจุดหมุนที่จดุ A เพื่ออ้ างอิงในการหมุน
Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0> : คลิกที่จุด B เพื่อวางรู ป (Enter)
2. การหมุนโดยการกําหนดองศา
Menu Browser > Modify > rotate
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
Select objects: เลือกวัตถุท่ จี ะทําการหมุน
Select objects: กดปุ่ ม Enter
Specify base point: กําหนดจุดหมุนที่จดุ A เพื่ออ้ างอิงในการหมุน
Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0> : พิมพ์ 60 องศา
คลิกเลือกวัตถุและป้อนค่ามุมที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ได้
3. การหมุนโดยการกําหนดองศาใหม่
หมายความว่าการหมุนในหัวข้ อนี ้ จะเหมาะกับการแก้ ไขการหมุนครัง้ ก่อนที่ได้ หมุนไปแล้ ว โดยทราบว่า
หมุนไปแล้ วกี่องศา ในที่นี ้สมมุติวา่ หมุนไปก่อนแล้ ว 45 องศา แล้ วจึงป้อนค่ามุมใหม่อกี รอบ ดังตัวอย่าง
ต้ องการเปลี่ยนให้ หมุนใหม่เป็ น 20 องศา
Menu Browser > Modify > rotate
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
Select objects: เลือกวัตถุท่ จี ะทําการหมุน
Select objects: กดปุ่ ม Enter
Specify base point: กําหนดจุดหมุนที่จดุ A เพื่ออ้ างอิงในการหมุน
Specify rotation angle or [Copy/Reference] <45> : พิมพ์ R (พิมพ์ Reference เพื่อกําหนดมุม
ใหม่ )
4. การหมุนโดยทําสําเนาเพิ่ม
Menu Browser > Modify > rotate
Current positive angle in UCS: ANGDIR=counterclockwise ANGBASE=0
Select objects: เลือกวัตถุท่ จี ะทําการหมุน
Select objects: กดปุ่ ม Enter
Specify base point: กําหนดจุดหมุนที่จดุ A เพื่ออ้ างอิงในการหมุน
Specify rotation angle or [Copy/Reference] <0> : คลิกจุด C เพื่อทําสําเนาเพิ่ม (Enter 2 ครัง้ )
ชิ ้นงานใหม่
ชิ ้นงานเดิม
คําสั่ง Scale
คําสัง่ Scale จะเป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ในการย่อ / ขยายรูปวัตถุให้ เป็ นไปตามความต้ องการโดยให้ คา่ Scale
Factor เป็ นตัวกําหนดซึ่งต้ องป้อนค่าเป็ นบวก (และไม่เป็ นศูนย์) ถ้ าค่า Scale Factor มีคา่ มากกว่า 1 แสดงว่า
วัตถุนนจะขยายขึ
ั้ ้น แต่ถ้าป้อนค่าที่ตํ่ากว่า 1 (0.9 ลงไป) วัตถุก็จะย่อลงไป โดยเรียกคําสัง่ ได้ จากไอคอน หรือ
Command : Scale และเมนู Menu Browser Modify > Scale
คําสั่ง Stretch
ใช้ ในการยืดวัตถุหรือหดวัตถุตามที่กําหนดจะมีผลโดยตรงกับปลายของวัตถุเท่านันในการเลื
้ อกวัตถุเรา
จะต้ องเลือกวัตถุในโหมด Crossing เท่านัน้ มีรูปแบบดังนี ้
คลิกเลือกตามตําแหน่ง ผลลัพธ์ที่ได้
คําสั่ง Lengthen
ใช้ สําหรับเพิ่มหรือลดความยาวของเส้ นตรง Line, Pline หรือเส้ นโค้ ง Arc โดยไม่ต้องมีเส้ นขอบเขต
Boundary มาช่วยในการต่อเส้ น เราสามารถกําหนดความยาวที่เพิ่มขึ ้นหรือลดลง (Delta) เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ ้น
หรือลดลง (Percent) ความยาวจริงของเส้น (Total) หรือใช้ เมาท์ลากเส้นให้ ยาวขึ ้นได้ (Dynamic)
คําสั่ง Trim
ใช้ สําหรับตัดเส้ นตรงเส้ นโพลีไลน์เส้ นโค้ งวงกลม วงรี และอื่น ๆ เป็ นต้ น การใช้ คําสัง่ นี ้จะใช้ กบั เส้นตังแต่
้
สองเส้ นขึ ้นไป โดยที่โปรแกรมกําหนดมาให้ คําสัง่ นี ้จะใช้ ได้ กบั เส้ นที่ตดั กันหรือทับกันอยู่จริง อย่างไรก็ตามเรา
สามารถกําหนดตัวเลือกของคําสัง่ นี ้ให้ ใช้ กบั เส้นที่ไม่ตดั กันอยู่จริง ๆ ก็ได้
ในกรณีตดั เส้ นด้ วยคําสัง่ Trim จะมีเส้ นอยู่ 2 ประเภท คือ เส้ นที่ใช้ เป็ นขอบเขตในการตัดซึ่งเราเรียกว่า
"Cutting edge" และเส้ นที่ถกู ตัดเฉือนเราเรียกว่า "Object to trim" ดังนันก่ ้ อนที่เราจะทําการตัดเส้ น เราจะต้ อง
สามารถที่จะแยกเส้ นทังสอง ้ ประเภทนี ้ให้ ได้ ก่อนเมื่อเราแยกเส้นทัง้ 2 ประเภทนี ้ได้ แล้ ว เราก็สามารถที่จะใช้
คําสัง่ Trim ได้ อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีรูปแบบดังนี ้
ต้ องการตัดลายในกรอบสี่เหลี่ยมนี ้
... และลองใช้ คําสัง่ Move เคลื่อนย้ ายกรอบสีเ่ หลีย่ ม จะเห็นได้ วา่ คุณสมบัติของการใช้ คําสัง่ Trim จะติด
ไปกับกรอบนี ้ด้ วย ก็คือกรอบเลื่อนไปตรงไหน ลายตัดตรงนันก็ ้ จะหายไปด้ วย
คําสั่ง Extend
Extend เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ สําหรับการต่อเส้ นให้ พ่งุ เข้ าชนเป้าหมายที่เราเลือกไว้ ได้ อย่างพอดี ให้ มีความยาว
ยืดออกไปยังขอบเขตที่กําหนด (Boundary Edge) มีขนตอนดั ั้ งนี ้
ในกรณีที่ขอบเขตไม่ครอบคลุมไปถึงวัตถุที่จะถูกยืด เราสามารถยืดวัตถุนนไปยั
ั ้ งขอบเขตเสมือนได้
โดยมีขนตอนดั
ั้ งนี ้
เลือกจุดบนเส้ นเพื่อตัดเส้ น
คําสั่ง Break
ใช้ ตดั เส้ นออก ซึ่งอาจให้ ผลเป็ นสองส่วน หรื อเพียงส่วนเดียวก็ได้ โดยเป็ นการตัดแบบจุดเดียวหรือสอง
จุดบนเส้ นหนึ่งๆ รูปวาดที่นํามาตัดด้ วยคําสัง่ นี ้คือ line , arc , polyline , spline , xline , circle เมื่อคลิกคําสัง่
Break จะมีพรอมต์ดงั นี ้
ในพรอมต์นี ้ถ้ าป้อนจุด จะเป็ นการป้อนค่าให้ พรอมต์ Specify second break point : และ AutoCAD
จะใช้ จดุ จากตําแหน่งที่เลือกวัตถุในพรอมต์ Select object : เป็ นจุดแรกที่จะใช้ ตดั ร่วมกับจุดที่สองนี ้ แต่ถ้า
พิมพ์ F กด Enter เพื่อใช้ ตวั เลือก First point จะมีพรอมต์ Specify first break point : ให้ กําหนดจุดแรกก่อน
และมีพรอมต์ Specify second break point : ให้ กําหนดจุดที่สอง และ AutoCAD จะใช้ จดุ ทังสองนี ้ ้ในการตัด
วัตถุ
คําสั่ง Join
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ตอ่ เส้ น 2 เส้ นเป็ นเส้ นเดียวกัน แต่มีข้อแม้ อยูว่ า่ เส้ นที่จะมาต่อกันได้ นนั ้ จะต้ องมีปลายเส้ น
ที่อยู่ในระนาบเดียวกัน สามารถต่อเส้ น Line หรือ Arc ก็ได้ เช่นกัน สามารถเรียกคําสัง่ ได้ จากไอคอน และที่เมนู
Modify > Join
Menu Browser > Modify > join
join Select source object : เลือกเส้ น A
Select lines to join to source : 1 found
Select lines to join to source : เลือกเส้ น B
1 line joined to source
คําสั่ง Chamfer
ใช้ สําหรับสร้ างมุมตัดระหว่างเส้ นตรงสองเส้ น โดยเราสามารถกําหนดระยะทางของมุมตัดที่ 1
(Distance 1) และระยะทางของมุมตัดที่ 2 (Distance 2) ได้ ตามต้ องการ มีรูปแบบดังนี ้
ในการสร้ างมุมตัดตรง จุดตัดที่ 9 เราใช้ ตวั เลือก Angle แล้ วกําหนดความยาวของเส้ นแรก (chamfer length on
the first line) เท่ากับ 20 หน่วยและกําหนดมุมจากเส้นแรก (chamfer angle from the first line) เท่ากับ 45
องศาแล้ ว คลิกตรงจุดที่ 5 ในบรรทัด Select first line และจุดที่ 6 ในบรรทัด Select second line ตามลําดับ
หมายเหตุ ในการกําหนดว่าเส้ นใดจะใช้ ระยะทาง Dist1 หรือ Dist2 นัน้ จะพิจารณาว่าเส้ นที่ถกู เมาส์คลิกก่อน
จะใช้ ระยะทาง Dist1 เส้ นที่ถกู เมาส์คลิกที่สองจะใช้ ระยะทาง Dist2
คําสั่ง Fillet
ใช้ สําหรับสร้ างมุมมนขึ ้นระหว่างเส้นตรง เส้นโค้ ง วงกลม หรือวงรี โดยเราสามารถกําหนดรัศมี (Radius)
ของมุมมนได้ ตามต้ องการ มีรูปแบบดังนี ้
Polyline ในกรณีที่เรามีวตั ถุที่สร้ างจากเส้ นโพลีไลน์แบบต่อเนื่อง หากใช้ ตวั เลือกนี ้แล้ วคลิกลงบนเส้ น
โพลีไลน์จะเกิดมุมมนขึ ้นบนทุกมุมของวัตถุโดยอัตโนมัติด้วยการคลิกเพียงครัง้ เดียว
Radius ใช้ ตวั เลือกนี ้เมื่อต้ องการกําหนดรัศมีมมุ มน (Fillet Radius) ใหม่
Trim ใช้ ตวั เลือกนี ้ในการกําหนดโหมดการตัดเส้ น (Trim) โหมดนี ้เป็ นลักษณะเดียวกันกับ
คําสัง่ Chamfer
Trim mode โปรแกรมจะตัดเส้ นที่มมุ ทิ ้งไป
No trim mode โปรแกรมจะไม่มีการตัดเส้ นเดิมทิ ้งไป
คําสั่ง Explode
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ สําหรับแตกกลุม่ ของวัตถุ เช่น Block, Polyline, Dimension ที่รวมกันเสมือนเป็ นวัตถุชนั ้
เดียวกัน ซึ่งไม่สามารถจะแก้ ไขได้ จึงต้ องแยกกันให้ กลายเป็ นวัตถุพื ้นฐาน เช่น เส้ นตรง เส้ นโค้ง เป็ นต้ น มีรูปแบบ
ดังนี ้
คําสั่ง Align
คําสัง่ Align ใช้ เลื่อนตําแหน่งรูปวาดพร้ อมกับการหมุนหรือเปลี่ยนทิศทางของรูปวาด ราวกับเป็ นการรวม
คําสัง่ Move และ Rotate เข้ าไว้ ด้วยกัน โดยอาศัยการกําหนดชุดของจุดจับคูก่ นั ระหว่างจุดตําแหน่งเดิมกับจุด
ของตําแหน่งใหม่ พร้ อมกันนันยั ้ งสามารถปรับขนาดตามสัดส่วนของระยะจากจุดที่เลือกด้ วย
Menu Browser > Modify > 3D Operation > Align
Select objects : คลิกเลือกวัตถุท่ ตี ้ องการจนครบ แล้ วกด Enter
Specify first source point : เลือกจุดแรกของต้ นฉบับ
Specify first destination point : เลือกจุดแรกของปลายทาง
Specify second source point : เลือกจุดที่สองของต้ นฉบับ
Specify second destination point : เลือกจุดที่สองของปลายทาง
Specify third source point or <continue> : เลือกจุดที่สามของปลายทาง หรือ กด Enter
Scale objects based on alignment points? [Yes / No] <N> : เข้ าสเกลปรับขนาดโดยอิงกับจุด
จัดทิศทางหรือไม่
สังเกตลําดับการเลือกจุด จะกระทําทีละคู่ คือคูแ่ รกจับคูร่ ะหว่างจุดต้นทางกับปลายทาง ต่อมาคูท่ ี่สอง
และคูท่ ี่สาม (ถ้ ามี) ในลําดับคูท่ ี่สามหากไม่ต้องการป้อนค่านี ้ ให้ กด Enter ผ่าน จะมายังพรอมต์ Scale objects
based on alignment points? [Yes / No] <N> : หากต้องการให้ ปรับขนาดโดยเข้ าสเกลตามสัดส่วนของระยะ
จากจุดที่เลือกให้ ตอบ Y ส่วน N จะไม่มีการปรับและจากนันมี ้ การย้ ายตําแหน่งรูปวาดที่เลือกไปยังจุดใหม่ที่
กําหนด โดยมีการหมุนตามแนวของจุดใหม่ด้วย ดูรูปด้ านล่าง
บทที่ 6 การควบคุมการแสดงภาพ
ในการเขียนแบบด้ วย AutoCAD นันเราจํ
้ าเป็ นที่จะต้ องเปลี่ยนมุมมองอยู่เสมอ เพราะว่าจอภาพ
มอนิเตอร์มีขนาดใหญ่ไม่เพียงพอที่จะแสดงรายละเอียดของแบบงานทังแผ่ ้ นในเวลาเดียวกันได้ ดังนันในขณะที
้ ่
เราเขียนแบบงานด้ วย AutoCAD อยู่นนเราจะมองเห็
ั้ นเพียงเฉพาะพื ้นที่สว่ นเล็ก ๆ ของแบบงานเท่านัน้ จึงจําเป็ น
ที่จะต้ องมีการย่อขยายและเคลื่อนที่ย้ายมุมมองให้ ไปอยู่ในตําแหน่งที่ต้องการอยูเ่ สมอ ๆ ดังนันเราจึ
้ งต้ องรู้คําสัง่
ที่เกี่ยวข้ องกับการควบคุมการแสดงผลบนจอภาพเสียก่อน เพื่อที่จะทําให้ เราเขียนแบบงานได้ รวดเร็วยิ่งขึ ้น ซึ่งมี
รายละเอียดคําสัง่ ดังต่อไปนี ้
การจัดการมุมมอง
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ดมู มุ มองส่วนต่างๆ ภายในชิ ้นงาน โดยเราแยกออกเป็ น 3 ลักษณะ
1. การขยายภาพเข้ าไป หรือดูในมุมกว้ าง (Zoom)
2. การเลื่อนขยับภาพไปทิศทางที่ต้องการ (Pan)
3. การคลิกเมาส์หรือกดเมาส์ค้างตรงบริเวณตัวสัญลักษณ์ (รูปกล่องสี่เหลีย่ ม) เพื่อดูมมุ มองในแต่ละ
ส่วนในชิ ้นงานที่ต้องการ (Viewcube) ซึ่งเหมาะกับชิ ้นงานที่เป็ นรูป 3 มิติ (3D)
คําสั่ง Pan
ใช้ สําหรับเลื่อนจอภาพไปยังตําแหน่งและทิศทางที่กําหนดเพื่อให้ มองเห็นส่วนของชิ ้นงานที่อยู่นอก
ขอบเขตของพื ้นที่วาดภาพแบบเคลื่อนไหวเมื่อเรียกคําสัง่ นี ้จะปรากฏข้ อความ Press ESC or ENTER to exit, or
right-click to display shortcut menu, และเคอร์เซอร์จะเปลี่ยนเป็ นรูป กดเมาส์ซ้ายแล้ วเลื่อนไปมา จะ
สังเกตเห็นภาพที่เขียนเคลื่อนไปมาเช่นกัน เปรี ยบเสมือนการเลื่อนกระดาษเขียนแบบไปมาโดยที่ตําแหน่งของ
ภาพที่เขียนกับกระดาษไม่เปลีย่ นแปลง
คําสั่ง Zoom
การ Zoom ภาพเป็ นการเปลี่ยนขนาดของมุมมอง โดยวัตถุไม่ได้ เปลี่ยนแปลงขนาด (ระยะความยาว)
คําสัง่ Zoom ใน AutoCAD มีวิธีการเรี ยกใช้ งาน และประกอบด้ วยคําสัง่ ต่อไปนี ้
4. คําสั่ง Zoom Previous เป็ นการ Zoom ย้ อนกลับไปที่ Zoom ครัง้ ก่อน สามารถ Zoom ย้ อนกลับไป
ได้ ไม่เกิน10 ครัง้ เรี ยกใช้ คําสัง่ ได้ ดงั นี ้
หมายเหตุ
nX เมื่ออยู่ใน mode เขียนแบบปกติ ( model space ) หรือ Model Tab
nXP เมื่ออยู่ใน mode paper space หรือ Layout Tab
7. คําสั่ง Zoom Object เป็ นการขยายรูปแบบเต็มหน้ าจอ Drawing โดยให้ เลือกชิ ้นงานก่อน เช่น ถ้ ามี
ชุดโต๊ ะเก้ าอี ้รับประทานอาหาร แล้ วต้ องการขยายที่เก้ าอี ้ เมื่อคุณใช้ คําสัง่ นี ้แล้ ว โปรแกรมจะให้ คลิกเลือกชิ ้นงาน
ให้ คณ
ุ คลิกเลือกที่เก้ าอี ้รูปของเก้ าอี ้ก็จะถูกขยายขึ ้นมาเต็มหน้ าจอทันที
Zoom IN เป็ นการขยายรูปทีม่ ีอตั ราส่วนที่แน่นอน ใช้ ขยายภาพครัง้ ละ 1 เท่า โดยที่จดุ ศูนย์กลาง
ของการขยายภาพจะอยู่ที่หน้ าจอ Drawing เสมอ ไม่วา่ รูปชิ ้นงานจะอยู่สว่ นใดของหน้ าจอ การขยายภาพแบบนี ้
จะไม่มีผลต่อการเลื่อนภาพมาอยู่จดุ ศูนย์กลางหน้ าจอ
โดยเรี ยกคําสัง่ จากไอคอน และที่เมนู View > Zoom > IN แต่คําสัง่ นี ้จะไม่มีทาง Command Line
Zoom OUT เป็ นการย่อรูปที่มีอตั ราส่วนที่แน่นอน ใช้ ย่อภาพครัง้ ละ 1 เท่า โดยที่จดุ ศูนย์กลางของ
การขยายภาพจะอยู่ที่หน้ าจอ Drawing เสมอ ไม่วา่ รูปชิ ้นงานจะอยู่สว่ นใดของหน้ าจอ การย่อภาพแบบ
นี ้จะไม่มีผลต่อการเลื่อนภาพมาอยู่จดุ ศูนย์กลางหน้ าจอ
โดยเรี ยกคําสัง่ จากไอคอน และที่เมนู View > Zoom > OUT แต่คําสัง่ นี ้จะไม่มที าง Command Line
เรียบเรียงโดย อ.สนธยา สุวรรณโชติ
Sheet Code : PT-CAD-AT3-06-I Page : 6 of 10 Pages
CD-15-00
Thai-German Institute Module name : CAD Part 1 - 2D Information Sheet
สถาบันไทย-เยอรมัน Revision :
Unit name : Display Control
8. คําสั่ง Zoom Realtime เป็ นการย่อ-ขยาย โดยกดปุ่ มซ้ ายของ mouse ค้ างไว้ แล้ วเลื่อน Cursor ขึ ้น
หรื อลง
การบันทึกวิว
เราสามารถบันทึกวิวในขณะหนึ่งๆ ไว้ เป็ นชื่อวิว ต่อมาเมื่อย้ ายไปวิวอื่นและต้ องการกลับคืนมาที่วิวที่ได้
บันทึกไว้ ก็สามารถเรียกใช้ ชื่อวิวนันๆ ้ เพื่อให้ กลับไปแสดงส่วนภาพตามที่ได้ บนั ทึกไว้ ทําได้ โดยใช้ คําสัง่ View
และ -View ในที่นี ้จะขอกล่าวถึง -View คําสัง่ นี ้มีผลบันทึกกับไฟล์งานแบบด้ วย ทําให้ การใช้ งานครัง้ ถัดไป ก็
ยังคงมีชื่อวิวที่ได้ บนั ทึกไว้ ให้ ใช้ ได้ อีก ซึง่ จะมีขนตอนดั
ั้ งนี ้
1. ลองเปิ ดไฟล์แบบงานมา 1 งาน แล้ วให้ ใช้ Zoom Window เลือกบริเวณที่ต้องการจะ Zoom บน
Model Space
2. บันทึกวิวชื่อ View 1 เพื่อใช้ เรี ยกในภายหลังด้ วยคําสัง่ -View บนบรรทัดคําสัง่ ดังนี ้
Command : -View
Enter an option [ ? /Categorize/LAyer state/Orthographic/Delete/Restore/ Save/Ucs/ Window ] : s
Enter view name to save : View 1
Command : -View
Enter an option [ ? / Categorize / LAyer state / Orthographic / Delete / Restore / Save / Ucs /
Window ] : r
Enter view name to save : View 1
คําสั่ง Redraw
ใช้ คําสัง่ นี ้สําหรับล้ างหรื อลบส่วนที่ไม่ต้องการบนจอภาพเช่นเครื่องหมายกากบาท (x) หรือ Blip ที่เกิด
จากการกําหนดตําแหน่ง คําสัง่ นี ้จะล้ างจอภาพในทุก ๆ วิวพอร์ท
คําสั่ง Regen
ใช้ คําสัง่ นี ้สําหรับล้ างจอภาพและวัตถุตา่ งๆบนพื ้นที่วาดภาพใหม่เพื่อให้ สามารถมองเห็นรูปร่าง
Objects ต่าง ๆ ได้ ชดั เจนเหมือนจริ งยิ่งขึ ้น
คําสั่ง VIEWRES
ใช้ สําหรับควบคุมความละเอียดในการแสดงผลของส่วนโค้ งและวงกลมบนจอภาพ ถ้ ากําหนดค่า
เปอร์เซ็นต์การย่อหรือขยายให้ เหมาะสมจะทําให้ การวาดภาพใหม่ทําได้ เร็วขึ ้น หากกําหนดค่า VIEWRES ตํ่า
วงกลมและส่วนโค้ งจะปรากฏเป็ นสันเหลี่ยมให้ เห็นบนจอภาพ แต่จะให้ การวาดภาพใหม่เร็วยิ่งขึ ้น
Command: viewres
Do you want fast zooms? [Yes/No] <Y>: { ถ้ าตอบ N โปรแกรมจะคํานวณภาพใหม่ (Regen)
เมื่อใช้ คําสัง่ ZOOM, PAN และคําสัง่ VIEW ถ้ าตอบ Y โปรแกรมวาดภาพใหม่ (Redraw)
เมื่อใช้ คําสัง่ ZOOM, PAN และคําสัง่ VIEW }
Enter circle zoom percent (1-20000) <1000>: { ค่า Zoom percent นี ้จะทําให้ Circles, Arcs,
Ellipses และ Spline ใช้ เส้ นตรงสันๆ
้ หลายเส้ นมาต่อกัน ถ้ ากําหนด Zoom percent มีคา่ มาก
จะทําให้ สว่ นโค้ งหรือวงกลมราบเรียบยิ่งขึ ้น }
ถ้ ากําหนดให้ มี Fast Zoom จะทําให้ ความเร็วในการ Zoom Pan เร็วขึ ้นเนื่องจากไม่มีการ Regeneration
ไม่ควรตัง้ % ของการ Zoom สูงมากเกินความจําเป็ น การแสดงผลจะช้ าลงโดยไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ กับภาพที่
ปรากฏบนจอภาพ
เปิ ด ปิ ด
บทที่ 7 คําสั่งช่วยควบคุมคุณสมบัติของวัตถุ
หลักการเบือ้ งต้ นสําหรับการเขียนแบบของ AutoCAD
การเขียนแบบโดยโปรแกรม AutoCAD ภาพที่ได้ ประกอบด้ วยสภาพแวดล้ อม ดังนี ้คือ Layer, Color
และ Linetype แบบที่เขียนสําหรับใช้ งาน จะประกอบด้ วยรายละเอียดต่างๆ เช่น แบบของอาคาร ประกอบด้ วย
เสา ผนัง เฟอร์ นิเจอร์ และเส้ นบอกขนาด ดังนัน้ ในการออกแบบและเขียนแบบ ควรแบ่งสิ่งต่างๆ ออกเป็ นกลุม่
ให้ แต่ละกลุม่ อยู่บน Layer เดียวกัน เช่น เขียนเสาและผนังอยู่บน Layer ที่ชื่อ Walls เฟอร์ นิเจอร์ อยู่ใน Layer ชื่อ
Furni ส่วนเส้ นบอกขนาดและข้ อความ อยู่บน Layer ชื่อ Dimen เป็ นต้ น
ในการแบ่งกลุม่ ของวัตถุให้ เขียนบน Layer ที่แตกต่างกัน ทําให้ เราสามารถกําหนดสี และสภาพแวด
ล้ อมอื่น ๆ สําหรับแต่ละ Layer ให้ ตา่ งกันได้
คําสั่ง Layer
เลเยอร์ (Layer) เปรี ยบเสมือนกับแผ่นใสหลายๆ แผ่น ซึ่งวางซ้ อนกันอยูบ่ นพื ้นที่วาดภาพของ AutoCAD
เราสามารถเลือกที่จะเขียนวัตถุลงบนแผ่นใสแผ่นใดก็ได้ ไม่วา่ เราจะเขียนลงบนแผ่นใสแผ่นใด เราสามารถที่จะ
มองเห็นวัตถุตา่ งๆ ที่อยู่ในแผ่นใสได้ พร้ อมๆ กัน โดยทัว่ ไปเรามักเขียนวัตถุที่อยู่ในกลุม่ เดียวกันในแผ่นใสแผ่น
เดียวกันเสมอ เพื่อสะดวกในการเปลีย่ นแปลงแก้ ไข หากเราไม่ต้องการให้ วตั ถุที่ถกู เขียนไว้ ในแผ่นใสแผ่นใด
ปรากฏบนพื ้นที่วาดภาพ เราสามารถดึงแผ่นใสนันออกไปซึ้ ่งจะช่วยลดความซับซ้ อนของวัตถุที่ปรากฏบนจอภาพ
อย่างมาก ซึ่งใน AutoCAD เราเรียกแผ่นใสนี ้ว่าเลเยอร์ (Layer)
ในการเขียนแบบทางเครื่ องกลนันมี ้ การใช้ เส้ นหลายรูปแบบอาทิเช่น เส้นเต็ม (Continuous) เส้ นประ
(Hidden) เส้ นศูนย์กลาง (Center) เส้ นลายตัด (Hatch) เส้ นบอกขนาด (Dimension) เส้ นระนาบตัด (Cutting
Line) ตัวอักษร (Text) และอื่นๆ เป็ นต้น ดังนันในการควบคุ
้ มการแสดงผลและการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัตใิ ดๆ
ของเส้ นรูปแบบต่าง ๆ เราจึงควรที่จะสร้ างเลเยอร์ ขึ ้นตามรูปแบบของเส้ นนัน้ ๆ
Current Layer แสดงชื่อเลเยอร์ ใช้ งาน ซึง่ ในที่นี ้เลเยอร์ 0 (ศูนย์) เป็ นเลเยอร์ใช้ งาน
Name จะปรากฏชื่อเลเยอร์ทงหมดที ั้ ่มีอยู่ในไฟล์แบบงานใช้ งาน
On แสดงสถานะปิ ด/เปิ ดของเลเยอร์ ดวงไฟสีเหลืองแทนสถานะเปิ ดดวงไฟสีเทาแทนสถานะปิ ด
หากเราคลิกให้ ดวงไฟปิ ด วัตถุที่อยู่ในเลเยอร์นี ้ที่จะถูกปิ ดจะไม่ปรากฏบนพื ้นที่วาดภาพและ
เครื่ องพิมพ์แต่วตั ถุที่ถกู ปิ ดอยู่นี ้ยังคงคํานวณบนพื ้นที่วาดภาพเมื่อมีการใช้ คําสัง่ Regen
Freeze แสดงการแช่แข็ง/ละลายเลเยอร์ ไอคอนดวงอาทิตย์มสี ีเหลืองเป็ นสถานะละลาย ไอคอนมีสีเทา
เป็ นสถานะแช่แข็ง วัตถุตา่ งๆ ที่อยูใ่ นเลเยอร์ที่ถกู แช่แข็งจะไม่ปรากฏบนจอภาพ และ
เครื่ องพิมพ์และยังไม่มีผลในการคํานวณอีกด้ วยเมื่อใช้ คําสัง่ Regen
Lock แสดงการล็อค/ปลดล็อคเลเยอร์ วัตถุตา่ งๆ ที่อยู่ในเลเยอร์ ที่ถกู ล็อคสามารถมองเห็นได้ บน
จอภาพ แต่ไม่สามารถแก้ ไขปรับแต่งวัตถุใดๆ ที่อยู่ในเลเยอร์นี ้ได้
การกําหนดรูปแบบของคําสั่ง Linetype
โปรแกรม AutoCAD มีชนิดของเส้ นให้ เลือกใช้ หลายรูปแบบ แต่สําหรับแบบเริ่มต้ น (Default
Drawing) ซึ่งโปรแกรมได้ กําหนดสภาพแวดล้ อมของงานเขียนแบบเริ่มต้ น ให้ มี Layer เป็ น Layer 0 และ
Linetype เป็ นเส้ นต่อเนื่อง (Continuous) การเพิ่มรูปแบบของเส้ น มีขนตอนดั
ั้ งนี ้
- ที่ Linetypes Manager dialog box คลิกปุ่ ม Load ได้ Load or Reload Linetypes Dialog box
เลือก Linetype ที่ต้องการ คลิกปุ่ ม OK
- ในกรณีที่ต้องการเลือก Linetypes ทุกชนิด ให้ คลิก Mouseปุ่ มขวา แล้ วคลิกเลือก
Select all และคลิก
- เลือก Clear all เพื่อยกเลิกการเลือก Linetypes ทังหมด
้
Show all linetype แสดงรูปแบบเส้ นที่โหลดเข้ ามาใช้ งานทังหมดบนไดอะล็
้ อค
Show all used linetype แสดงรูปแบบเส้ นที่มีวตั ถุใช้ งานอยูท่ งหมดบนไดอะล็
ั้ อค
Show all Xrefdependent linetype แสดงรูปแบบเส้ นที่อ้างอิงจากภายนอก (External reference) เข้ ามา
ใช้ งานทังหมด
้
Invert filter ใช้ เช็คบอกซ์นี ้สําหรับสลับเปลี่ยนให้ แสดงรูปแบบเส้นในทางตรงกัน
ข้ ามกับฟิ วเตอร์ใช้ งาน
Load… คลิกบนปุ่ มนี ้เพื่อโหลดรูปแบบเส้ นอืน่ ๆ เข้ ามาใช้ งาน
Current คลิกบนชื่อรูปแบบเส้ นแล้ วคลิกบนปุ่ มนี ้เพื่อกําหนดรูปแบบเส้ นใช้ งาน
Delete ลบรูปแบบเส้ นที่ยงั ไม่ได้ ใช้ งานทิ ้งไป
Show details เมื่อคลิกปุ่ มนี ้จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ขยายเพิ่มขึ ้นดังรูป
คําสั่ง Lineweight
ใช้ คําสัง่ นี ้สําหรับกําหนดความหนาของเส้น (Lineweight) ใช้ งานให้ กบั วัตถุโดยปกติรูปแบบความหนา
เส้ นใช้ งานจะปรากฏบนแถบการควบคุมความหนาเส้น (Lineweight Control) ดังรูป
เลือกวัตถุวงกลมเพื่อเปลี่ยนคุณสมบัติ ผลลัพธ์ที่ได้
คลิกเลือกคุณสมบัติท่ ี
ต้ องการให้ มีการทํา
สําเนาจากวัตถุต้นแบบ
คําสั่ง Area
คําสัง่ Area เป็ นคําสัง่ ที่ช่วยหาพื ้นที่ภายในที่เป็ นรูปปิ ด ไม่วา่ จะเป็ น Rectangle, Polygon, Circle หรือ
Ellipse และรูปที่ไม่เป็ นทรงเรขาคณิตก็สามารถคํานวณได้ อีกทังยั ้ งคํานวณเส้ นกรอบรอบรูป และพื ้นที่ที่มีสว่ น
ตัดภายในได้ โดยเรียกคําสัง่ ได้ จากไอคอน หรื อที่ Command : Area และที่ Menu Browser > Tools > Inquiry
> Area
1. หาพื ้นที่รูปสีเ่ หลีย่ ม
2. หาพื ้นที่รูปที่ไม่ใช่ทรงเรขาคณิต
3. หาพื ้นที่ภายในวงกลม
4. หาพื ้นที่ภายในครึ่งวงกลม จะต้ องทําการ join วัตถุให้ เป็ น Object เดียวกันก่อน
5. หาพื ้นที่จากแผ่นเหล็กที่เจาะรู โดยการพิมพ์ A (Add) เพื่อบวกพื ้นที่เก็บไว้
พิมพ์ S (Subtract) เพื่อเลือกวัตถุที่จะให้ ลบออกจากพื ้นที่
หลักที่มีอยู่
คําสั่ง Distance
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ในการหาความยาวของวัตถุ ทังยั
้ งบอกค่าองศาได้ อีกด้ วย โดยสามารถเรียกคําสัง่ ได้ จาก
ไอคอน หรือที่ Command : DIST และที่ Menu Browser > Tools > Inquiry > Distance
คําสั่ง Filter
เป็ นคําสัง่ ที่ใช้ ในการเลือกวัตถุ ทําได้ ทงการทํ
ั้ าสําเนาวัตถุ (Copy), ทําการเคลื่อนย้ าย (Move) หรือการ
ลบวัตถุเป็ นต้ น เหมาะกับการทํางานที่ชิ ้นงานมีความซับซ้ อน หรือทับกันไปทับกันมา เลือกวัตถุได้ ทกุ ชนิดไม่วา่
จะเป็ น เส้นตรง, เส้ นโค้ ง, วงกลม, ตัวหนังสือ ฯลฯ โดยเราต้ องทําการเลือกฟั งก์ชนั่ ที่ต้องการจะทํากับวัตถุชิ ้นนันๆ
้
เราจึงพิมพ์ ‘Filter ลงไป ทําให้ ไม่ต้องเสียเวลา pick เส้ นที่ไม่ต้องการออกไป
รายชื่อจะปรากฏในช่ อง List
เมื่อ Apply แล้ วก็จะกลับมาที่หน้ าจอ Drawing ให้ คลิกเมาส์ลากกรอบจากจุด A ไปยังจุด B แล้ วคลิก
เมาส์ขวา 2 ครัง้
B
เมื่อคลิกขวาแล้ ว จะเห็นว่าวงกลม
พร้ อมที่จะถูกย้ ายออกไป
จะเห็นว่าวงกลมได้ ย้ายออกไปแล้ ว
คลิกจุดอ้ างอิงเพื่อย้ ายวงกลมออกไป
2. ลบเส้ นตรงออกจากภาพ
Command : Erase
Select objects: ‘filter
จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ แล้ วคลิกเลือกวัตถุ Line
รายชื่อจะปรากฏในช่ อง List
B
เส้ นตรงทัง้ หมดจะถูกเลือก แล้ วคลิกเมาส์ ขวา 2 ครัง้
คําสั่ง List
List คือคําสัง่ สําหรับการเลือกดูคณุ สมบัติของวัตถุชิ ้นนัน้ คล้ ายกับคําสัง่ Properties แต่คําสัง่ List เป็ น
เพียงการบอกถึงคุณสมบัติ แต่จะแก้ ไขเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ ในนันไม่ ้ ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากคําสัง่ Properties ใน
จุดนี ้ โดยรวม จะกล่าวถึงชื่อของวัตถุ สเกลของทัง้ 3 แกน หรือมุมหมุนกี่องศา เป็ นต้ น โดยเรียกคําสัง่ จาก
Command : List และที่ Menu Browser > Tools > Inquiry > List
เมื่อมีวตั ถุแล้ วเราต้ องการทราบถึงคุณสมบัตติ า่ งๆ ให้ ใช้ คาํ สัง่ List แล้ วจังเอาเคอร์ เซอร์ ไปคลิกที่วตั ถุที่
ต้ องการทราบรายละเอียด แล้ วกดแป้น Enter จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ของ List ขึ ้นมา
คําสั่ง ID Point
เป็ นคําสัง่ ที่ต้องการให้ แสดงค่าจุด Coordinate ของตําแหน่งต่างๆ รวมทังจุ
้ ดวางของวัตถุนนั ้ โดยใช้
ร่วมกับ Osnap เพื่อความแม่นยํายิ่งขึ ้น โดยเรียกคําสัง่ ได้ จากไอคอน หรือที่ Command : ID และที่
Menu Browser > Tool > Inquiry > ID Point
คําสั่ง Option
เป็ นคําสัง่ ที่ช่วยปรับแต่งคุณสมบัติการทํางานของ AutoCAD เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน และ
สามารถปรับตามความต้ องการของผู้ใช้ งาน โดยคําสัง่ จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ให้ ปรับแต่งค่าต่างๆ
เรียกคําสัง่ ได้ จากเมนู Tools > Options โดยในไดอะล็อกบ็อกซ์จะมี Topic ทังหมด
้ 10 หัวข้ อดังต่อไปนี ้
Files
เป็ นการแสดงแฟ้มข้ อมูลของ
AutoCAD ทังระบบการทํ
้ างาน และตัวช่วย
สนับสนุนต่างๆ โดยคลิกที่เครื่องหมายบวก
หน้ าหัวข้ อที่ต้องการจะปรากฏ Root
Directory ของชุดหัวข้ อนันๆ
้
Display
เป็ นชุดควบคุมการแสดงผลของ
หน้ าจอ Drawing โดยมีชดุ หัวข้ อย่อยดังนี ้
1. Window Elements เป็ นตัว
ควบคุมการเปิ ด-ปิ ดของช่อง Scroll Bars
และชุดของ Screen Menu ที่เป็ นชนิด
เดียวกับ Menu Bars แต่เมื่อเปิ ดการใช้ งาน
แล้ วจะอยู่ทางด้ านขวาของหน้ าจอรวมทัง้
การกําหนดคุณสมบัติของสีและฟอนต์ที่ใช้
แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์ในส่วนของการ
ปรับแต่งสีของหน้ าจอ และฟอนต์ของ Command
Line
System
เป็ นตัวควบคุมการระบบแสดงผลที่
เกี่ยวกับโหมด 3 มิติ (3D Graphic) โดยการ
คลิกที่ Performance Settings ก็จะเป็ นการ
ปรับแต่งค่าต่างๆ ของโหมด 3 มิติ รวมทัง้
การเปิ ด-และปิ ด Startup Dialog
User Preferences
เป็ นชุดการแสดงผลของการติดต่อ
กับโปรแกรม เช่น การคลิกเมาส์ขวาเพื่อ
แสดงไดอะล็อกบ็อกซ์เลือกให้ ย้อนคําสัง่ เดิม
ที่ทําเมื่อครู่(Right-click Customization)
รวมทังการกํ
้ าหนดขนาดสเกลว่าให้ ใช้ หน่วย
มาตราใดในการวัดของ AutoCAD Design
Center ในการอินเสิร์ตภาพเข้ ามาในหน้ าจอ
และยังมีการปรับแต่งขนาดของนํ ้าหนักเส้ น
ที่ Lineweight Settings
Drafting
เป็ นชุดการควบคุม Object Snap
Settings ว่าต้ องการให้ ตวั มาร์เกอร์
(Marker) เป็ นเช่นไร และเลือกสีของ
Osnap, ขนาดของเคอร์ เซอร์ Osnap รวมทัง้
การเลือกรูปแบบของ Auto Track และการ
ปรับขนาดของเคอร์เซอร์
3D Modeling
เป็ นชุดการควบคุมการทํางานใน
โหมด 3 มิติ ไม่วา่ จะเป็ นการปรับค่า
เคอร์เซอร์, ตัวไอคอน USC หรือจะเป็ นการ
แสดงผลของชิ ้นงาน 3 มิติ รวมทังการตั
้ งค่
้ า
กําหนดจํานวนเส้ นเมซ (Mesh) สําหรับ
พื ้นผิวการทํางานในระบบดังกล่าว
Selection
เป็ นชุดที่ควบคุม Pickbox และ
Grip ปรับได้ ทงขนาด
ั้ และสีที่ต้องการ ทังนี
้ ้
การปรับขนาด และสีที่ต้องการนัน้ ต้ อง
ขึ ้นกับขนาดของหน้ าจอ Drawing การ
ทํางาน และขนาดความกว้ างของ Monitor
Profiles
เป็ นตัวควบคุมลักษณะการทํางานที่
ได้ กําหนดไว้ เช่น การตังรู้ ปแบบของการ
ปรับแต่งหน้ าจอต่างๆ เก็บไว้ ได้ หลายแบบ
เพื่อเหมาะสมกับการทํางานในแบบต่างๆ
ทังนี
้ ้จะเพิ่มเข้ าไปให้ คลิกที่ Add to List และ
ตังชื
้ ่อเอาไว้ เพื่อเก็บไว้ ใช้ งาน
คําสั่ง Hatch
ในการเขียนแบบบางครัง้ จะมีการระบายพื ้นที่ด้วยเส้นขวาง หรือเส้ นลวดลายแบบต่างๆ เพื่อทําให้ เห็น
ความแตกต่างที่เด่นชัดจากส่วนอื่น หรื อเพื่อที่จะแสดงชนิดของวัสดุที่ใช้ งาน เช่น เหล็ก ไม้ อิฐ ฯลฯ ซึ่งการเขียน
เส้ นขวาง (Cross Hatching) และเส้ นลวดลาย (Pattern Filling) นี ้เราจะเรียกว่าการ Hatching ซึ่งเรียกสันๆ ้ ว่า
การ Hatch
เส้ น Hatch อาจจะเป็ นเส้ นต่อเนื่อง หรือเป็ นจุดและขีดก็ได้ โดยจะถูกจัดลงในพื ้นที่ขอบเขตอย่าง
เหมาะสม โดยโปรแกรมจะทําการเขียน Hatch ลงในกรอบของเส้ น
แต่ถ้าสมมุติวา่ ในพื ้นที่ของเส้ นขอบเขตมีสิ่งอื่นเข้ ามาเกี่ยวข้ อง เช่น เส้ นตรง เส้ นโค้ ง หรือวงกลมที่มี
ขอบเขตที่ปิดหรือไม่ปิดก็ได้ ผลของการ Hatch จะขึ ้นตรงกับลักษณะ 3 ประการคือ
1. Normal
2. Outer
3. Ignore
2. แบบ Outer เป็ นแบบที่ Hatch เฉพาะในเส้นขอบเขตนอกไปจนถึง Entity ซึ่งจะได้ ลกั ษณะ
การ Hatch แบบ Outmost
ภายในกรอบของ Options
Associative เมื่อคลิกเครื่ องหมายถูกหน้ าช่องนี ้ เมื่อคุณมีการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตด้ วย
คําสัง่ Stretch ลายตัดจะปรับตามขอบเขตที่ถกู เพิ่มหรือลดลง
Create separate hatches ลายตัดจะแยกอยู่คนละขอบเขต ไม่รวมเป็ นกลุม่ เดียวกันสําหรับการ
เลือกขอบเขตหลายขอบเขต
Draw order: สําหรับแสดงผลของลายตัด
Do not assign ไม่มีการกําหนดค่าใดๆ
Send to back กําหนดให้ ลายตัดอยู่ด้านหลัง
Send to front กําหนดให้ ลายตัดอยู่ด้านหน้ า
Send behind boundary กําหนดให้ อยูห่ ลังขอบเขตของลายตัด
Send in front of boundary กําหนดให้ อยู่ด้านหน้ าขอบเขตของลายตัด
คําสั่ง Gradient
เป็ นคําสัง่ สําหรับเขียนลายตัดสี โดยสามารถกําหนดแสง สี เงา ที่มีให้ เลือกมากถึง 9 แบบ ส่วนการใช้
งานต่างๆ ก็เหมือนกับคําสัง่ Hatch
การแก้ ไข Hatch/Gradient
ในกรณีที่ต้องการแก้ ไข Hatch สามารถทําได้ โดยใช้ คําสัง่
Menu Browser > Modify > Hatch
Select associative hatch object: คลิกเลือกลายภาพตัดที่ต้องการแก้ ไข
- ได้ Hatch Edit dialog box คลิกที่ Quick Tab ทําการเปลี่ยนรูปแบบที่ช่อง Pattern เปลี่ยนค่าสเกล
ที่ช่อง Scale, หรื อ Angle ใหม่ตามต้ องการ
- เลือก Preview เพื่อดูการเขียนลายภาพตัดบนพื ้นที่ หากเป็ นไปตามที่ต้องการ คลิกปุ่ ม OK หรือ
กลับไปเปลีย่ นค่าตัวเลือกอีกครัง้
คําสั่ง Text
การเขียนตัวอักษรใน AutoCAD นันเราสามารถเขี
้ ยนได้ โดยมีคําสัง่ อยู่ 3 คําสัง่ คือ MTEXT, DTEXT
และคําสัง่ TEXT ซึ่งในคําสัง่ MTEXT นัน้ จะมีลกั ษณะการใช้ งานที่คอ่ นข้ างเหมือนกับเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ในวินโดว์
ค่อนข้ างมาก คือมีความสะดวกในการเขียนตัวอักษรทีละหลายๆ บรรทัด การกําหนดรูปแบบขนาดสี ระยะห่าง
ระหว่างบรรทัด เขียนเศษส่วนและสามารถใช้ ภาษาไทยได้คอ่ นข้ างมีประสิทธิภาพ ส่วนคําสัง่ DTEXT และ TEXT
ก็มีรูปแบบการใช้ งานเหมือนกันส่วนใหญ่ใช้ กบั การเขียนข้อความบรรทัดเดียวหรือสองสามบรรทัดผู้ใช้ สามารถ
มองเห็นรูปแบบตัวอักษรได้ในขณะที่กําลังพิมพ์ข้อความ และสามารถพิมพ์ได้ คราวละหลายๆ บรรทัด ใช้ งานได้
ทังภาษาอั
้ งกฤษและภาษาไทย แต่ยงั มีข้อจํากัดอยู่ที่วา่ หากผู้ใช้ ต้องการที่จะเปลีย่ นรูปแบบของตัวอักษร จะต้ อง
ออกจากคําสัง่ ก่อน แล้ วจึงใช้ คําสัง่ Format > Text Style เพื่อกําหนดรูปแบบตัวอักษรใหม่แล้ วจึงกลับมาใช้
คําสัง่ DTEXT หรื อ TEXT อีกครัง้ แต่ในคําสัง่ TEXT จะไม่คอ่ ยนิยมใช้ เท่าไรนักเพราะไม่มีชื่อคําสัง่ ในเมนูบาร์
- ได้ Text Style dialog box ที่กรอบ Style Name คลิกปุ่ ม New เพื่อตังชื ้ ่อ Text Style
- คลิกที่ List box ของ Font Name เลือกชนิด Fonts ที่ต้องการ
- การกําหนดความสูงของตัวอักษร ให้ ใช้ คา่ โปรแกรมกําหนดให้ ซึง่ จะมีคา่ เท่ากับ 0 (ศูนย์ )
- เมื่อกําหนดค่าต่างๆ เรียบร้ อยแล้ ว คลิกปุ่ ม Apply
- ถ้ าต้ องการตัง้ Style ใหม่อีกครัง้ ให้ คลิกปุ่ ม New เพื่อตังชื
้ ่อ Style และ Font อีกแล้ วคลิกปุ่ ม Apply
เมื่อกําหนด Text Style เสร็จแล้ ว คลิกปุ่ ม OK
B
ลากเมาส์เป็ นกรอบสีเ่ หลี่ยมคล้ ายการสร้ าง Rectangle
ผลลัพธ์ที่ได้
ผลลัพธ์ที่ได้
ผลลัพธ์ที่ได้
4. Non-Breaking Space เป็ นการเว้ นช่องไฟตัวหนังสือ ลองพิมพ์ “1“ เว้ นวรรค “23“ โดยที่
พอพิมพ์ “1“ เสร็จให้ คลิกเลือกที่ Non-Breaking Space แล้ วพิมพ์ “23“ ต่อได้ เลย
ผลลัพธ์ที่ได้
เลือกรูปแบบอักษร
เลือกตัวอักษรพิเศษ
พิมพ์ตวั อักษร
ขันตอนการทํ
้ าภาพหรื อวัตถุให้ เป็ น Block ประกอบด้ วย 2 ขันตอน
้ ดังนี ้
1. Menu Browser > Draw > Block > Make
- ที่ Block Definition dialog box ตังชื ้ ่อ Block ที่ช่อง Name
- คลิกปุ่ ม Select objects เพื่อเลือกวัตถุที่ต้องการทําเป็ น Block
- คลิกปุ่ ม Pick Point เพื่อกําหนดตําแหน่งอ้ างอิง สําหรับการวาง Block
- คลิกปุ่ ม OK
1. เลือกเมนู Menu Browser > Format > Table Style … เพื่อเปิ ดไดอะล็อกบ็อกซ์ Table Style ดัง
รูป
ในที่นี ้ขอให้ ลองคลิกที่ New เพื่อสร้ างสไตล์ตารางข้ อความตัวใหม่ขึ ้น ซึ่งจะได้ เห็นถึงรายละเอียดค่าต่างๆ ที่ทกุ
กรณีทงการแก้
ั้ ไขและสร้ างใหม่ ค่าเหล่านี ้ก็จะมีความหมายตรงกัน
3. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Create New Table Style ให้ พิมพ์ชื่อใหม่ใน New Style Name เช่น Copy of
Standard แล้ วคลิก Continue สังเกตว่าในที่นี ้เราปล่อยค่า Standard ใน Start With ไว้ ตามเดิม ซึง่ หมายความ
ว่า เราจะใช้ รูปแบบเริ่มต้ นจากสไตล์ชื่อ Standard ที่มีอยู่แล้ ว และค่อยทําการปรับค่าแก้ ไขในรายละเอียดต่อไป
ภาพตัวอย่ าง
สไตล์ ข้อความ
ความสงข้ อความ
สีข้อความ
สีระบายในเซลล์
วิธีจดั เรี ยงในเซลล์
ทิศทางลําดับข้ อมูล
วิธีจดั เรี ยงในเซลล์
ระยะเว้ นขอบแนวตัง้
6. เมื่อต้ องการใช้ รายการที่สร้ างใหม่นี ้เป็ นสไตล์ของตารางข้ อความตัวปั จจุบนั ให้ คลิกเลือกชื่อสไตล์
จากหมวด Styles สังเกตภาพตัวอย่างว่าถูกต้ องตรงหรือไม่ ถ้ าใช่หรือถูกต้ องก็คลิก Set Current แล้ วคลิก
Close
บทที่ 9 คําสั่งสําหรับการกําหนดขนาด
หลักการของการบอกขนาด
การบอกขนาด (Dimension) คือ การแสดงค่าที่ได้ จากการวัดระยะรูปภาพ หรือวัตถุ เป็ นรูปแบบของ
ระยะทาง มุมระหว่างวัตถุ หรื อค่าตามพิกดั X-Y โปรแกรม AutoCAD 2009 แบ่งการบอกขนาดเป็ นขันมู
้ ลฐานได้
เป็ น 5 ประเภท คือ
1. Linear Dimension ประกอบด้ วยการบอกขนาดตามแนว Horizontal, Vertical, Aligned,
Rotated, Baseline และ Continued
2. Radial Dimension ได้ แก่การบอกขนาดของ Radius
3. Angular Dimension เป็ นการบอกขนาดของมุม (Angular) ที่วตั ถุทํามุมซึ่งกันและกัน
4. Diameter Dimension ได้ แก่การบอกขนาดของ Diameter
5. Ordinate Dimension การบอกขนาดแบบให้ ตวั เลข
ประเภทของเส้ นบอกขนาด
• เส้ นบอกขนาดเชิงเส้นในแนวแกน X และแกน Y (Linear Dimension)
• เส้ นบอกขนาดเชิงเส้ นทํามุมเอียง (Aligned Dimension)
• เส้ นบอกขนาดสําหรับเส้ นโค้ ง (Arc Length)
• เส้ นบอกขนาดออร์ดิเนท (Ordinate Dimension)
• เส้ นบอกขนาดรัศมี (Radius Dimension)
• เส้ นบอกขนาดของรัศมี เส้ นโค้ ง และวงกลมแบบลากขนาดไปข้ างนอก (Jogged)
• เส้ นบอกขนาดเส้ นผ่าศูนย์กลาง (Diameter Dimension)
• เส้ นบอกขนาดเชิงมุม (Angular Dimension)
• เส้ นบอกขนาดอย่างรวดเร็ว (Quick Dimension)
• เส้ นบอกขนาดระดับชัน้ (Baseline Dimension)
• เส้ นบอกขนาดต่อเนื่อง (Continue Dimension)
• เส้ นบอกขนาดที่มีตวั หนังสือกํากับ หรือ ชี ้นํา (Quick Leaders)
• ใช้ บอกระยะค่าความคลาดเคลื่อนและพิกดั ความเผื่อ (Tolerance)
• เส้ นระบุจดุ ศูนย์กลางวงกลม และเส้ นโค้ ง (Center Mark)
• ใช้ แก้ ไขเส้ นบอกขนาด และตัวหนังสือ (Dimension Edit)
• ใช้ ย้ายตําแหน่งของตัวหนังสือ (Dimension Text Edit)
Menu Browser > Dimension > Style หรื อ Format > Dimension Style
ปุ่ ม New
ใช้ สร้ างสไตล์เส้นบอกขนาดตัวใหม่ขึ ้นเอง โดยจะมีไดอะล็อกบ็อกซ์ Create New Dimension Style ดัง
รูป
ปุ่ ม Modify
ปุ่ มนี ้ใช้ ปรับเปลี่ยนค่ากําหนดประจําตัวที่ใช้ ในการเขียนเส้นบอกขนาด โดยจะแสดงไดอะล็อกบ็อกซ์
Modify Dimension Style ดังรูป โดยแยกหมวดหมูเ่ ป็ นแท็บต่างๆ ดังมีรายละเอียดดังนี ้
DIMCLRD
DIMLWD
DIMDLE
DIMDLI
DIMSD1
DIMSD2
DIMEXE
DIMEXO
DIMLWE
แท็บ Lines
ใช้ กําหนดคุณสมบัติของส่วนประกอบ Dimension Line
หมวด Dimension Line
DIMCLRD เลือกสีให้ กบั เส้ นบอกขนาด
DIMLWD Extension Lines
DIMCLRE เลือกสีให้ กบั เส้ นต่อ
DIMLWE เลือกนํ ้าหนักเส้ นให้ กบั เส้ นต่อ
DIMEXE ปรับความยาวของเส้ นต่อที่เลยเกินเส้ นบอกขนาดไป
DIMEXO ปรับระยะห่างของเส้ นต่อ จากวัตถุที่ทําการวัดขนาด
DIMSE1 สัง่ ให้ มเี ส้ นต่อด้ านขวาของตัวหนังสือหรื อไม่
DIMSE2 สัง่ ให้ มเี ส้ นต่อด้ านซ้ ายของตัวหนังสือหรื อไม่
DIMBLK1
DIMBLK2
DIMLDRB
DIMASZ
DIMCEN
หมวด Arrowheads
DIMBLK1 เลือกรูปแบบหัวลูกศรด้ านขวา
DIMBLK2 เลือกรูปแบบหัวลูกศรด้ านซ้ าย
DIMLDRB เลือกหัวลูกศรของเส้ นบอกขนาด (ไม่จําเป็ นต้ องปรับ)
DIMASZ ขนาดของหัวลูกศร
DIMCEN ตังขนาดของ
้ Center Mark
DIMTXSTY
DIMCLRT
DIMTXT
DIMTFAC
DIMGAP
DIMTAD
DIMJUST
DIMTOH
DIMGAP DIMTIH
แท็บ Text
DIMATFIT
DIMTIX
DIMSOXD
DIMTMOVE DIMSCALE
DIMUPT
DIMTOFL
แท็บ Fit
DIMLUNIT
DIMDEC
DIMFRAC
DIMDSEP
DIMRND
DIMPOST
DIMLFAC
DIMAUNIT
DIMZIN
DIMADEC
DIMAZIN
DIMALT
DIMALTU
DIMALTD
DIMALTF
DIMALTRND
DIMAPOST
DIMALTZ
DIMAPOST
หมวด Placement
DIMAPOST เลือกการวางตัวเลขต่อจากระยะที่วดั ได้ ทงต่
ั ้ อท้ าย และวางไว้ ข้างล่าง
DIMTOL
DIMTDEC
DIMTP
DIMTM
DIMTFAC
DIMTOLJ
DIMALTTD
DIMALLZ
DIMTZIN
แท็บ Tolerances
ตัวเลือกในคําสั่ง QDIM
Continuous เลือกเส้นบอกขนาดแบบต่อเนื่อง
Staggered เลือกเส้นบอกขนาดแบบซ้ อน
Baseline เลือกเส้ นบอกขนาดแบบระดับชัน้
Ordinate เลือกเส้นบอกขนาดแบบออร์ ดิเนท
Radius เลือกเส้ นบอกขนาดแบบรัศมี
Diameter เลือกเส้นบอกขนาดแบบเส้นผ่าศูนย์กลาง
เรียบเรียงโดย อ.สนธยา สุวรรณโชติ
Sheet Code : PT-CAD-AT3-09-I Page : 13 of 30 Pages
CD-15-00
Thai-German Institute Module name : CAD Part 1 - 2D Information Sheet
สถาบันไทย-เยอรมัน Revision :
Unit name : Dimensioning
การบอกขนาดแบบ Linear
ใช้ สําหรับเขียนเส้ นบอกขนาดแบบเชิงเส้ น (Linear dimension) ซึ่งเป็ นเส้ นบอกขนาดตามแนว
Horizontal และ Vertical มีวิธีการดังนี ้
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Aligned
ใช้ สําหรับการวัดระยะทางด้ านแนวเฉียง หรื อเอียงของชิ ้นงานนันๆ้ (Aligned dimension) โดยที่เราไม่
สามารถที่จะใช้ Linear ในการวัดได้ เพราะจะทําให้ คา่ ที่ได้ มีความคลาดเคลื่อนนัน่ เอง โดยที่ Aligned นันมี
้
ทางเลือกย่อยทังหมด
้ 3 รายการ ได้ แก่ Mtext, Text และ Angle ซึ่งเป็ นเส้นบอกขนาดที่ขนานไปกับวัตถุ มีวิธีการ
ดังนี ้
ก่อน หลัง
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Ordinate
ใช้ สําหรับเขียนเส้ นบอกขนาดที่อ้างอิงจากจุดกําเนิดของระบบคอร์ดิเนท X และ Y ซึ่งจะต้ องอาศัยคําสัง่
UCS เข้ ามาช่วย เพื่อที่จะย้ ายจุดกําเนิด 0,0 ชัว่ คราวไปไว้ ยงั ตําแหน่งที่ต้องการ
ก่อน หลัง
Menu Browser > Dimension > Radius หรือ Dimension > Diameter
Select arc or circle: คลิกเลือกวงกลมหรือส่ วนโค้ งที่ต้องการ
Dimension text = 6
Specify dimension line location or [Mtext/Text/Angle]: คลิกกําหนดตําแหน่ งที่ต้องการวาง
Dimension Line
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Jogged
เป็ นคําสัง่ ที่บอกขนาดรัศมี และเส้นผ่าศูนย์กลางให้ กบั เส้นโค้ งวงกลม และวงรี สามารถลากเส้ นบอก
ขนาดออกไปบอกภายนอกวัตถุได้ ซึ่งเป็ นคําสัง่ ใหม่ที่เพิ่มขึ ้นมาในเวอร์ชนั่ ล่าสุดนี ้
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Angular
เป็ นการบอกขนาดมุมของงวัตถุ มีขนตอนดั
ั้ งนี ้
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Baseline
การบอกขนาดงานแบบซ้ อนกันเป็ นระดับชัน้ อาจจําเป็ นต้ องบอกขนาดจากจุด Base Point ตาม แกน X
และ แกน Y เรียกการบอกขนาดแบบนี ้ว่า Baseline Dimensioning มีขนตอนการใช้
ั้ คําสัง่ 2 ขันตอนดั
้ งนี ้
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Continue
การบอกขนาดแบบ Continue จะเป็ นแบบต่อเนื่องกัน ต้ องเขียนบอกขนาดแบบ Linear โดยการเลือก
First Extension และ Second Extension ก่อน มีขนตอนการใช้
ั้ คําสัง่ 2 ขันตอนดั
้ งนี ้
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Multileader
ใช้ สําหรับเขียนเส้ นชี ้นํา (Leader Line) เพื่อใช้ เป็ นคําอธิบายชิ ้นงาน มีวิธีการดังนี ้
ก่อน หลัง
การบอกขนาดแบบ Tolerance
ใช้ สําหรับเขียนสัญลักษณ์พิกดั ความเผื่อ (Tolerance) ซึ่งเป็ นค่าสูงสุดหรือค่าตํ่าสุดภายในขอบเขตที่
กําหนด ที่จะยอมให้ ผลิตชิ ้นงานได้ ดังรูปตัวอย่าง
คําสั่ง Dimedit
คําสัง่ Dimedit ใช้ แก้ ไขข้ อความ มุมหมุนข้ อความ และเส้นขอบเขต ดูรูปด้ านล่าง และรันได้ จากทูลบาร์
Dimension Edit (หรื อเมนู Dimension > Oblique ตัวเลือกเดียว) มีพรอมต์ดงั นี ้
เมื่อใช้ ตวั เลือก New ซึ่งใช้ เพื่อแก้ ไขข้ อความ จะมีไดอะล็อกบ็อกซ์ Multiline Text Editor ให้ พิมพ์แก้ ไขข้ อความ
ได้ เครื่องหมาย <> ในส่วนเอดิเตอร์เป็ นส่วนแทนค่าถึงค่าวัด หากลบส่วนนี ้ออกไป ก็จะไม่มีคา่ วัดจากคําสัง่ เส้ น
บอกขนาดเองอีก และเมื่อคลิก OK แล้ วจะมีพรอมต์ Select objects : ให้ เลือกวัตถุที่ต้องการจะแก้ ไข
คําสั่ง Dimtedit
คําสัง่ Dimtedit ใช้ แก้ ไขตําแหน่งของข้ อความในเส้ นบอกขนาด สามารถรันได้ จากทูล Dimension Text
Edit (หรือเมนู Dimension > Text Edit > ที่รายการ Home, Angle, Left, Center หรือ Right) มีพรอมต์ดงั นี ้
Command: dimtedit
Select Dimension : ให้ เลือกเส้ นบอกขนาด
Specify new location for dimension text or [Left/Right/Center/Home/Angle]: กําหนดตําแหน่ ง
ใหม่ สําหรั บข้ อความของเส้ นบอกขนาดหรือ ตัวเลือก
11
12
10
การเรียกใช้ DesignCenter ออกมาใช้ งาน Tool > DesignCenter เราก็จะได้ ไดอะล็อกบ็อกซ์เกิดขึ ้นดัง
รูป ซึ่งเราสามารถที่จะใช้ DesignCenter สําหรับช่วยในงานต่อไปนี ้
เราสามารถที่ จะนํ าบล็อก (Block) รู ปแบบเส้ นบอกขนาด (Dimension style) เลเยอร์ (Layer)
เลอาท์ (Layout) รูปแบบเส้ น (Linetype) รูปแบบตัวอักษร (Text style) เอกซ์เรฟ (Xref) จาก
ไฟล์แบบงานใดเข้ าไปในแบบงานใช้ งานได้ โดยง่าย ด้ วยการคลิกและลากมาวางหรือใช้ Copy
และ Paste ได้ ตามต้ องการ
ถ้ ามีการเปิ ดไฟล์แบบงานหลาย ๆ ไฟล์พร้ อม ๆ กัน เรายังสามารถที่ จะคัดลอกวัตถุจากไฟล์หนึ่งไป
ไปวางบนพื ้นที่วาดภาพได้
เราสามารถใช้ DesignCenter สําหรับดูรูปบิ ทแม็ป (Preview) ในฟอร์ มแมตต่าง ๆ อาทิ เช่น
Note
ในการสอดแทรกไฟล์แบบงาน .dwg หรือไฟล์รูปบิทแม็ป (Bitmap) ในฟอร์มแมตต่าง ๆ สามารถทํา
ตามขันตอนการใช้
้ DesignCenter ในการคัดลอกบล็อกได้ เช่นเดียวกันแต่เราจะต้ องเลือกโฟลเตอร์ ซึ่งบรรจุไฟล์
แบบงานหรือไฟล์รูปบิทแม็ปบนช่องหน้ าต่าง Tree View เสียก่อน เพื่อให้ รายชื่อไฟล์ (ไม่ใช่สว่ นประกอบย่อย
ของไฟล์) มาปรากฏในช่องหน้ าต่าง Palette แล้ วจึงคลิกบนชื่อไฟล์ที่ต้องการในหน้ าต่าง Palette เราจะ
มองเห็นรูปตัวอย่างของไฟล์นนในช่
ั ้ องหน้ าต่าง Preview จากนันจึ
้ งคลิกและลากบนชื่อไฟล์ในช่องหน้ าต่าง
Palette ไปวางลงบนพื ้นที่วาดภาพ นอกจากจะใช้ ขนตอนดั
ั้ งกล่าวนี ้ในการคัดลอกบล็อกหรือสอดแทรกไฟล์
แบบงานหรือสอดแทรกไฟล์รูปบิทแม็ปเข้ าไปยังไฟล์แบบงานใช้ งานแล้ วเรายังสามารถใช้ ขนตอนดั
ั้ งกล่าวนี ้ใน
การคัดลอกรูปแบบเส้ นบอกขนาด (Dimstyles) เลเยอร์ (Layers) เลเอาท์ (Layouts) รูปแบบเส้ น (Linetypes)
รูปแบบตัวอักษร (Textstyles) หรือเอกซ์เรฟ (Xrefs) จากไฟล์แบบงานใด ๆ เข้ ามายังไฟล์แบบงานใช้ งาน โดย
การคลิกและลากมาวางได้ เช่นเดียวกัน
1
2
1. เปิ ดทูลแพลเล็ตขึ ้น โดยคลิกทูล Tool Palettes จากทูลบาร์ Standard หรือกดคีย์ Ctrl+3 (เลข 3
ต้ องไม่ใช่จากคีย์สว่ น Numeric Pad)
2. คลิกเลือกแท็บต่างๆ ที่มีมาให้ อยู่แล้ ว ดังรูป
ขอบเขตกระดาษ
(Layout)
พื ้นที่ที่สามารถพิมพ์ได้
(Printable area)
การสอดแทรกไตเติล้ บล็อก
ในการสร้ าง Layout ใหม่ เราสามารถที่จะสอดแทรกตารางรายการแบบหรื อไตเติ ้ลบล็อกเข้ ามาพร้ อมกัน
กับเลเอาท์ใหม่ โดยใช้ คําสัง่ Insert > Layout > Layout from Template หรือคลิกขวาบนแถบ Layout ใดๆ
แล้ วเลือกคําสัง่ From template... จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Select File ขึ ้นมาบนจอภาพแสดงโฟลเดอร์
Template และรายชื่อไฟล์ .dwt ให้ เราเลือกดังรูปซ้ าย เมื่อเลือกไฟล์ .dwt แล้ วจะปรากฏไดอะล็อก
บ็อกซ์ Insert Layout(s) โดยใช้ ชื่อบล็อกในไฟล์ต้นแบบเป็ นชื่อของ Layout ดังรูป
พื ้นที่ที่สามารถพิมพ์ได้ (Printable
area)
จากรูปเป็ นหน้ ากระดาษของแถบเลเอาท์ ISO A4 Title Block ที่ถกู สร้ างขึ ้นด้ วยคําสัง่ Insert > Layout
> Layout from Template สังเกตว่าวิวพอร์ทที่โปรแกรมสร้ างมาให้ ไม่ได้ เป็ นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ า แต่มีรูปร่างตาม
พื ้นที่วา่ งที่เป็ นเส้ นประเล็กของไตเติ ้ลบล็อก วัตถุตา่ ง ๆ ที่อยู่ในโมเดลสเปสจะปรากฏภายในขอบเขตของ
เส้ นประเล็กนี ้ สังเกตอีกอย่างหนึง่ ว่าไตเติ ้ลบล็อกมีสว่ นที่ยื่นออกไปนอกขอบเขตของเส้ นประใหญ่ ซึง่ แทน
ขอบเขตที่เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ หากทําการพิมพ์แบบงานส่วนที่ยื่นออกไปนอกขอบเขตของเส้ นประใหญ่
จะไม่ปรากฏบนเครื่ องพิมพ์ อย่างไรก็ตามเราสามารถที่จะลดขนาดความกว้ างกับความยาวของกรอบไตเติ ้ล
บล็อคให้ อยู่ภายในขอบเขตที่เครื่ องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ อย่างที่กล่าวมาแล้ วว่าขอบเขตเส้นประใหญ่แทนพื ้นที่
ที่เครื่องพิมพ์สามารถพิมพ์ได้ ดังนันขนาดของเส้
้ นประใหญ่จะเปลี่ยนไปตามขนาดกระดาษของเครื่องพิมพ์แต่ละ
ยี่ห้อที่ถกู เลือกในคําสัง่ Page Setup
1. เรี ยกไตเติ ้ลบล็อก ISOA4 – Color Dependent Plot Style.dwt ออกมาใช้ งานโดยคลิกขวาบนแถบ Model
หรือ Layout1 แล้ วเลือกที่คําสัง่ From Template… จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Select File ขึ ้นมาบนจอภาพ
จากนันก็
้ หาเลือกไฟล์ ISO A4 Color Dependent Plot Style.dwt แล้ วคลิกบนปุ่ ม Open จะปรากฏ
ไดอะล็อกบ็อกซ์ Insert Layout(s) ขึ ้นมาบนจอภาพ คลิกบนปุ่ ม OK จะปรากฏแถบ Layout ใหม่ ISO A4
Title Block (portriat)
2. คลิกบนแถบ Layout ISO A4 Title Block (portriat) จะปรากฏไตเติ ้ลบล็อกดังรูป (ขวา) จะเห็นว่าชิ ้นงาน
ของเรามีขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับขนาดกระดาษ
3. ดับเบิ ้ลคลิกบนที่วา่ งในวิวพอร์ ทเส้ นกรอบของวิวพอร์ทจะเปลี่ยนเป็ นเส้ นหนาทึบดังรูปที่ (ขวา) ซึ่งจะบอกให้
เราทราบว่าตอนนี ้เราอยู่ใน Model space
4. ใช้ คําสัง่ View > Zoom > Extents ชิ ้นงานก็จะปรากฏเต็มขนาดของวิวพอร์ทพอดีจะปรากฏดังรูปที่
(ซ้ าย)
การคอนฟิ กพล็อตเตอร์
ขันตอนแรกของการจั
้ ดเตรียมเพื่อพิมพ์แบบ เริ่มจากต้ องคอนฟิ กเครื่องพิมพ์ที่จะใช้ เสียก่อน ซึ่งเป็ นการ
กําหนดค่าเริ่ มต้ นที่จะใช้ วา่ เป็ นอย่างไร โดยกระทําเพียงครัง้ เดียวตอนติดตังใหม่
้ แล้ วค่อยปรับแต่งเสริมในสไตล์
ของการพล็อต (plot styles) และการจัดหน้ ากระดาษ (page setup) ต่อไป
Plotter Managers
ตังแต่
้ AutoCAD 2000 เป็ นต้ นมา ใช้ Plotter Manager ช่วยจัดการคอนฟิ กเครื่องพิมพ์ ทังที ้ ่เป็ น
Windows System Printers และไม่ใช่ก็ตาม และยังใช้ เพื่อคอนฟิ ก AutoCAD ให้ ใช้ เครื่องพิมพ์ได้ ทงแบบั้
โลคอลและแบบเน็ตเวิร์กก็ได้ โดยมีไฟล์คอนฟิ กมีนามสกุลเป็ น .pc3 เพื่อเก็บบันทึกข้ อมูลเกี่ยวกับการคอนฟิ ก
เลือกสื่อและอุปกรณ์ที่ใช้ พิมพ์ ส่วนในรี ลีสก่อนๆ นันจะใช้
้ .pcp และ .pc2 ทังนี
้ ้ไฟล์ .pc3 ก็คล้ ายๆ กับไฟล์ใน
รีลีสก่อนๆ เพียงแต่ไม่ได้ เก็บบันทึกข้ อมูลเกี่ยวกับค่ากําหนดของปากกา (pen settings) ไว้ เท่านัน้
ซึ่งเกี่ยวกับค่ากําหนดของปากกา (pen settings) ถูกจัดเก็บแยกจากไฟล์ .pc3 โดยบันทึกไว้ กบั สไตล์
การพล็อต (plot styles) แทน
สําหรับขันตอนการคอนฟิ
้ กเครื่ องพิมพ์ตวั ใหม่ กระทําได้ ดงั นี ้
3. ขันตอนแรกของวิ
้ ซาร์ ดจะแจ้ งข้ อ
ความให้ ทราบเกี่ยวกับรายละเอียด
ของวิซาร์ดนี ้ อ่านทําความเข้ าใจ
แล้ วคลิก Next
4. ขันตอน
้ Begin ของวิซาร์ ดให้ เลือก
ว่าจะใช้ พล็อตเตอร์ แบบใด ใช้
ไดรเวอร์ Heidi, Network Plotter
Server หรื อ System Printer ในที่นี ้
ให้ เลือก System Printer ซึ่ง
หมายถึงว่าจะใช้ เครื่ องพิมพ์ที่ได้
คอนฟิ กไว้ ในระบบปฏิบตั กิ าร
Windows อยู่แล้ ว จากนันคลิ
้ ก Next
6. ขันตอน
้ Import PcP or Pc2
หากต้ องการใช้ ข้อมูลจากไฟล์คอน
ฟิ กในรี ลีสก่อนให้ คลิกปุ่ ม Import
File… เพื่อเลือกไฟล์ PCP หรือ
PC2 ในที่นี ้ให้ คลิก Next
7. ขันตอน
้ Plotter Name ให้ พิมพ์ชื่อที่
จะใช้ อ้างอิง ตอนเลือกกําหนดใช้
เครื่องพิมพ์นี ้ในไดอะล็อกบ็อกซ์การ
พิมพ์ตา่ งๆ ใน AutoCAD ต่อไป
แล้ วคลิก Next
8. ขันตอน
้ Finish สุดท้ ายนี ้เราสามารถ
คลิกที่ปมุ่ Edit Plotter Configuration
เพื่อเข้ าแก้ ไขค่าปรับแต่งต่างๆ สําหรับ
เครื่ องพิมพ์ที่เลือกไว้ นี ้ได้ อีก รวมถึงปุ่ ม
Calibrate Plotter ที่ใช้ ปรับชดเชย
ขนาดการพิมพ์ให้ ถกู ต้ อง
แต่ในที่นี ้ให้ คลิก Finish เพื่อจบออก
ไปก่อน
ผลการกําหนดใช้ ตวั เลือก Use color dependent plot style และ Use named plot style จะถูกบันทึกที่ตวั แปร
ระบบ PSTYLEMODE ที่คา่ เป็ น 1 และ 0 ตามลําดับ ผลการเปลี่ยนแปลงตัวเลือกนี ้ขอยํ ้าว่าจะมีผลเฉพาะกับ
ไฟล์ที่จะเริ่มใหม่ถดั ใหม่ ค่ากําหนดนี ้จะถูกบันทึกกับไฟล์แบบด้ วย เมื่อกําหนดไว้ เป็ นแบบอิงกับสีไปแล้ ว
การเปลี่ยนประเภทเป็ นอิงกับชื่อต้ องใช้ ยลู ิตี ้
หมวด Printer/Plotter
กําหนดเครื่ องพิมพ์ที่ต้องการจากรายการ Name ดังกล่าวไปแล้ วในข้ างต้ นที่เราได้ บนั ทึกการคอนฟิ กไว้
ในไฟล์ .pcp3 และยังสามารถกําหนดรายละเอียดของเครื่องพิมพ์ที่เลือกจากปุ่ ม Properties
เช็กบ็อกซ์ Plot to file ใช้ กําหนดให้ พิมพ์ลงบนไฟล์ (แทนการพิมพ์ออกกระดาษ)
Scale ดร็ อปดาวน์ ลิสต์นี ้ใช้ กําหนดตัวเลขสเกลของความเร็ ว ปกติบนแท็บเลเอาท์ จะถูกกํ าหนดไว้ ที่
1 : 1 แต่จะใช้ การปรับขนาดสเกลของวิวพอร์ตแทน
หากในดร็ อปดาวน์ ลิสต์ไม่มีคา ่ สเกลที่ต้องการให้ กําหนดจากบ็อกซ์ NN mm = MM unit
Scale lineweight เช็กบ็อกซ์ ที่ให้ ผลเข้ าสเกลกับนํ ้าหนักเส้ น
ปุ่ ม Preview
ใช้ แสดงภาพตัวอย่าง ผลลัพธ์ในการพิมพ์จะเป็ นอย่างไร โดยแสดงภาพครบทุกส่วน (full) ของรูปวาด
จริงบนพื ้นกระดาษ ซึ่งหากตรงความต้ องการแล้ ว ก็ให้ คลิกขวาเลือกรายการ Plot จากเมนูชอร์ตคัด หรือคลิก
Close preview window เพื่อออกจากภาพตัวอย่างนี ้กลับไปที่ไดอะล็อกบ็อกซ์ หรื อจะเลือก Pan, Zoom,
Zoom Window หรื อ Zoom Original เพื่อดูสว่ นต่างๆ ของภาพตัวอย่างก็ได้
Name
การให้ ขนาดสเกลมาตรฐานโดยการพล็อต
หัวข้ อนี ้ค่อนข้ างที่จะสําคัญเพราะนอกเหนือจากที่เราใช้ แบบแปลนในการสื่อสารความหมายให้ เข้ าใจ
แล้ ว การสร้ างความถูกต้ องของชิ ้นงานถือได้ วา่ เป็ นหัวใจของการเขียนแบบ ถึงแม้ วา่ รูปร่างของชิ ้นงานอาจจะ
ใกล้ เคียงกับของจริ งก็ตาม แต่ก็มิอาจที่จะวัดหรือให้ ขนาดที่ถกู ต้ องได้ อย่างแท้ จริง เราควรให้ ความสําคัญกับเรื่อง
นี ้มากๆ
จุดที่สําคัญของการกําหนดสเกลมาตรฐานให้ มีขนาดเท่าใดนัน้ จะขึ ้นอยูก่ บั หน่วย (Units) ของการ
พล็อตที่เรากําหนด เช่น
Plotted MM = Units
ดังนัน้ Drawing แปลนแผ่นนี ้จะมีสเกลมาตรฐานเท่ากับ 1 : 100 นัน่ เอง ตัวอย่างอีกตัวอย่างเพื่อให้ เข้ าใจยิ่งขึ ้น
ถ้ าสมมุติเรากําหนดให้ เท่ากับ 100 = 1 ก็จะแสดงว่าเมื่อเราเขียนเส้ นตรงที่มีความยาว 1 เมตรบนจอภาพ (ให้ 1
หน่วย = 1 เมตร) เราก็จะได้ ความยาวที่ถกู เขียนบนกระดาษมีความยาว 100 มิลลิเมตร และถ้ านํามาเทียบสเกล
เข้ าด้ วยกันก็จะได้
ระยะบนกระดาษ : ระยะจริง = 100 มิลลิเมตร : 1 เมตร
= 10 เซนติเมตร : 100 เซนติเมตร
= 1 : 10
การสร้ างสเกลมาตรฐาน
การสร้ างสเกลมาตรฐานจะต้ องเป็ นสิ่งที่ได้ รับการพิจารณาเป็ นอันดับแรกก่อนที่จะสร้ างชิ ้นงานเพื่อส่ง
เครื่องพล็อต และการมีสเกลมาตรฐานนี ้ จะต้ องเป็ นขนาดสเกลที่นิยมใช้ กนั มากที่สดุ เพราะจะได้ ไม่เสียเวลาใน
การปรับเปลีย่ นสเกลอีกภายหลัง การกําหนดสเกลมาตรฐานนี ้จะขึ ้นกับตัวแปร 2 ตัวนัน่ ก็คือ
1. การกําหนดให้ Drawing Units มีขนาดเป็ นเท่าไร
2. การกําหนดยูนิตของการพล็อตบนไดอะล็อกบ็อกซ์
ทังสองจะต้
้ องสัมพันธ์กนั เสมอซึง่ Drawing Units ก็คือระยะความยาวบนจอภาพนัน่ เอง ดังนันค่ ้ า
ตัวเลขโคออร์ ดิเนตจะเป็ นตัวแทนของระยะต่างๆ ของชิ ้นงาน เช่น ต้ องการระยะชิ ้นงาน 1 เมตรก็ลากเส้ นบน
จอภาพไป 1 หน่วย
การกําหนดให้ Drawing Units มีขนาดความยาวเท่าใดนัน้ ก็จะขึ ้นกับลักษณะงานที่หน่วยงานนันๆ ้
ทํางานอยู่ เช่น ในการออกแบบชิ ้นส่วนเครื่ องจักร ความละเอียดของชิ ้นงานจะต้ องมีหน่วยเป็ นมิลลิเมตรหรือ
มากกว่านี ้ ก็อาจจะกําหนดให้ Drawing Units เท่ากับ 1 มิลลิเมตร
หลักในการเขียนภาพชิ ้นงานบน AutoCAD เราจะยึดถือหลักในลักษณะ Full Scale หรือเขียนแบบ 1 : 1
ตามที่ได้ กําหนดไว้ ใน Drawing Units ซึ่งเราจะไม่สนใจว่าจะมีขนาดใหญ่ หรือเล็กสักเพียงใด โดยจะเขียนลงไป
ในหน้ าจอแบบเป็ นตามระยะจริ งของชิ ้นงาน (โดยที่เรามีเครื่องมือก็คือคําสัง่ Zoom ช่วยในการทํางานอยู่แล้ ว)
แต่การกําหนดให้ มีสเกลขนาดเท่าไรก็จะขึ ้นอยู่ที่การตังค่
้ าในการพล็อตเท่านัน้