Professional Documents
Culture Documents
Vector
Vector
25 Jan 2021
สารบัญ
ปริมาณเวกเตอร์....................................................................................................................................................................... 1
เวกเตอร์ในระบบพิกดั ฉาก ....................................................................................................................................................... 8
เวกเตอร์หนึง่ หน่วย ................................................................................................................................................................ 13
ผลคูณเชิงสเกลาร์.................................................................................................................................................................. 17
ผลคูณเชิงเวกเตอร์ ................................................................................................................................................................ 29
พืน้ ที่และปริมาตร .................................................................................................................................................................. 32
เวกเตอร์ 1
ปริมาณเวกเตอร์
เราสามารถแทนปริมาณแบบเวกเตอร์ดว้ ยลูกศร
เช่น เวกเตอร์ 2 หน่วย ไปทางทิศใต้ จะแทนได้ดว้ ยรูป 2
ใต้
หรือจะใช้วิธีบอกเป็ นองศาแบบ 3 หลัก ก็ได้ วิธีนจี ้ ะเริม่ วัดจากทิศ 12 นาฬิกา (ทิศเหนือ) แบบตามเข็ม
45°
300°
ทิศ 045° ทิศ 090° ทิศ 300°
2 เวกเตอร์
เวลาทีเ่ ราพูดว่า เวกเตอร์ 2 เวกเตอร์ “ขนานกัน” เราจะรวมทัง้ กรณี “ทิศเดียวกัน” กับกรณี “ทิศตรงข้ามกัน”
𝑢̅ 𝑣̅
𝑣̅
𝑢̅
ทิศเดียวกัน ทิศตรงข้ามกัน
3𝑢̅
เวกเตอร์ 3𝑢̅ จะหมายถึงเวกเตอร์ในทิศเดียวกัน ที่มีขนาดเป็ น 3 เท่าของ 𝑢̅ 𝑢̅
1
1 𝑢̅
เวกเตอร์ 2
𝑢̅ จะหมายถึงเวกเตอร์ในทิศเดียวกัน ที่มีขนาดเป็ นครึง่ หนึง่ ของ 𝑢̅ 𝑢̅
2
𝑢̅
เวกเตอร์ −2𝑢̅ จะหมายถึงเวกเตอร์ที่ขนาดเป็ น 2 เท่าของ 𝑢̅ และมีทิศตรงข้ามกับ 𝑢̅
−2𝑢̅
จะเห็นว่า 𝑢̅ กับ 𝑎𝑢̅ จะขนานกันเสมอ (𝑎 จะเป็ นตัวเลขบวกหรือลบอะไรก็ได้)
หรือพูดอีกแบบได้วา่ 𝑢̅ จะขนานกับ 𝑣̅ ก็เมื่อสามารถเขียน 𝑣̅ = 𝑎𝑢̅ ได้น่นั เอง
H G
J E
I F
L C D
K
A B
D E
A B
ดังนัน้ ⃗⃗⃗⃗⃗
AC = ⃗⃗⃗⃗⃗
AB + ⃗⃗⃗⃗⃗
BC = 𝑣̅ + 𝑢̅ และ ⃗⃗⃗⃗⃗
BD = ⃗⃗⃗⃗⃗
BA + ⃗⃗⃗⃗⃗
AD = −𝑣̅ + 𝑢̅
𝑤 𝑤
และจะได้ ⃗⃗⃗⃗⃗
AE = (𝑤+𝑥) ⃗⃗⃗⃗⃗
AC = (𝑤+𝑥) (𝑣̅ + 𝑢̅)
𝑧 𝑧
⃗⃗⃗⃗⃗
BE = (𝑦+𝑧) ⃗⃗⃗⃗⃗
BD = (𝑦+𝑧) (−𝑣̅ + 𝑢̅)
จะได้วา่ 𝑤=𝑥 และ 𝑧=𝑦 นั่นคือ เส้นทแยงมุมทัง้ สอง แบ่งครึง่ ซึง่ กันและกันนั่นเอง #
แบบฝึ กหัด C
1. จากรูป กาหนดให้ AB ⃗⃗⃗⃗⃗ = 𝑢̅ และ AC⃗⃗⃗⃗⃗ = 𝑣̅
3 2
จงเขียนเวกเตอร์ตอ่ ไปนี ้ ในรูปของ 𝑢̅ และ 𝑣̅ D E
1 1
A 2 2 B
F
1. ⃗⃗⃗⃗⃗
AF 2. ⃗⃗⃗⃗⃗
AD
3. ⃗⃗⃗⃗⃗
DC 4. ⃗⃗⃗⃗⃗
CA
5. ⃗⃗⃗⃗
BF 6. ⃗⃗⃗⃗⃗
BC
เวกเตอร์ 5
7. ⃗⃗⃗⃗⃗
BE 8. ⃗⃗⃗⃗
CE
9. ⃗⃗⃗⃗
CF 10. ⃗⃗⃗⃗⃗
FD
11. ⃗⃗⃗⃗⃗
AE 12. ⃗⃗⃗⃗⃗
DE
D 1 F 3 C
2. จากรูป กาหนดให้ ⃗⃗⃗⃗⃗และ
AB = 𝑢̅ ⃗⃗⃗⃗⃗
AD = 𝑣̅
2 1
H E
จงเขียนเวกเตอร์ตอ่ ไปนี ้ ในรูปของ 𝑢̅ และ 𝑣̅ 1
A 2 G 2 B
1. ⃗⃗⃗⃗⃗
BC 2. ⃗⃗⃗⃗⃗
AC
3. ⃗⃗⃗⃗⃗
DB 4. ⃗⃗⃗⃗⃗
AF
5. ⃗⃗⃗⃗
GF 6. ⃗⃗⃗⃗⃗
HG
7. ⃗⃗⃗⃗⃗
AH 8. ⃗⃗⃗⃗⃗
HE
1
4. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ มที่มี D เป็ นจุดบนด้าน AC และ F เป็ นจุดบนด้าน BC ถ้า ⃗⃗⃗⃗⃗
AD = 4 ⃗⃗⃗⃗⃗
AC ,
1 𝑎
⃗⃗⃗⃗ BC และ ⃗⃗⃗⃗⃗
BF = 3 ⃗⃗⃗⃗⃗ ⃗⃗⃗⃗⃗ + 𝑏BC
DF = 𝑎AB ⃗⃗⃗⃗⃗ แล้ว มีคา่ เท่าใด [PAT 1 (ต.ค. 52)/2-12]
𝑏
1
5. กาหนดให้ ABCD เป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มด้านขนาน M เป็ นจุดบนด้าน AD ซึง่ ⃗⃗⃗⃗⃗⃗
AM = 5 ⃗⃗⃗⃗⃗AD
1
และ N เป็ นจุดบนเส้นทแยงมุม AC ซึง่ ⃗⃗⃗⃗⃗ AC ถ้า MN
AN = 6 ⃗⃗⃗⃗⃗ ⃗⃗⃗⃗⃗ + bAD
⃗⃗⃗⃗⃗⃗ = 𝑎AB ⃗⃗⃗⃗⃗ แล้ว 𝑎 + 𝑏 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 52)/24]
เวกเตอร์ 7
7. จากรูป 𝑎 + 𝑏⃗ + 𝑐 = ⃗0 Y
𝑏⃗
𝑐
X
110° 125°
เวกเตอร์ในระบบพิกดั ฉาก
𝑥 −𝑥 เอาจุดปลายตัง้
เวกเตอร์ที่ชจี ้ าก (𝑥1 , 𝑦1 ) ไปยัง (𝑥2 , 𝑦2 ) คือ [𝑦2 − 𝑦1 ]
2 1 ลบด้วยจุดเริม่
4−1 3
เช่น เวกเตอร์จาก (1, 3) ไปยัง (4, 9) [คือ
9−3
] = [ ]
6
−1 − 1 −2
เวกเตอร์จาก (1, −2) ไปยัง (−1, 0) คือ [
0 − (−2)
]=[ ]
2
เป็ นต้น
𝑥2 − 𝑥1
เวกเตอร์ที่ชจี ้ าก (𝑥1 , 𝑦1 , 𝑧1 ) ไปยัง (𝑥2 , 𝑦2 , 𝑧2 ) คือ [𝑦2 − 𝑦1 ]
𝑧2 − 𝑧1
5−0 5
เช่น เวกเตอร์จาก (0, 2, 5) ไปยัง (5, 4, 2) คือ
[ 4 − 2] = [ 2 ]
2−5 −3
0−1 −1
เวกเตอร์จาก (1, −2, 0) ไปยัง (0, 2, −3) คือ [2 − (−2)] = [ 4 ]
−3 − 0 −3
เวกเตอร์ศนู ย์
เวกเตอร์ศนู ย์ แทนได้ดว้ ยสัญลักษณ์ 0̅ คือ เวกเตอร์ที่มขี นาดเป็ นศูนย์
0
ในระบบพิกดั ฉาก เวกเตอร์ศนู ย์ จะเขียนแทนได้เป็ น [00] (หรือ [0] ในพิกดั ฉากแบบ 3 มิติ)
0
การเท่ากัน
เวกเตอร์สองเวกเตอร์ จะเท่ากัน เมื่อ ขนาดเท่ากัน และ ชีไ้ ปทางทิศเดียวกัน
ในระบบพิกดั ฉาก เวกเตอร์สองเวกเตอร์ จะเท่ากัน เมื่อ ระยะของแต่ละแกน เท่ากันหมดทุกแกน
𝑥 𝑥
กล่าวคือ [𝑦1 ] = [𝑦2 ] ก็ตอ่ เมื่อ 𝑥1 = 𝑥2 และ 𝑦1 = 𝑦2
1 2
𝑥1 𝑥2
[ 1 ] = [𝑦2 ] ก็ตอ่ เมื่อ 𝑥1 = 𝑥2 และ 𝑦1 = 𝑦2 และ 𝑧1 = 𝑧2
𝑦
z1 z2
เช่น ถ้า [2𝑥] = [𝑦 + 1] เราจะสามารถสรุปได้วา่ 2 = 𝑦 + 1 และ 𝑥 = 3
3
𝑎 2
ถ้า [𝑎 + 𝑏] = [ 𝑐 ] เราจะสามารถสรุปได้วา่ 𝑎 = 2 , 𝑎 + 𝑏 = 𝑐 , −3 = 𝑎 + 𝑐 เป็ นต้น
−3 𝑎+𝑐
ขนาดของเวกเตอร์
ในระบบพิกดั ฉาก เราหาขนาดของเวกเตอร์ได้จากสูตรพีทากอรัส
𝑎 3 4 5
ขนาดของ [𝑏 ] จะเท่ากับ √𝑎2 + 𝑏2 5 12 13
𝑎 7 24 25
ขนาดของ [𝑏 ] จะเท่ากับ √𝑎2 + 𝑏2 + 𝑐 2 8 15 17
𝑐 9 40 41
3
เช่น ขนาดของ [ ] คือ √32 + 42 = 5
4
−5
ขนาดของ [ ] คือ √(−5)2 + 122 = 13
12
1
ขนาดของ [−1] คือ √12 + (−1)2 + 22 = √6
2
10 เวกเตอร์
คูณเวกเตอร์ดว้ ยตัวเลข
𝑎𝑢̅ คือเวกเตอร์ในทิศเดิม ที่ยาวเป็ น 𝑎 เท่าของ 𝑢̅ (ถ้า 𝑎 เป็ นลบ จะเปลีย่ นเป็ นทิศตรงข้าม)
ในระบบพิกดั ฉาก ให้กระจายตัวเลขที่มาคูณ เข้าไปคูณระยะแต่ละแกนได้เลย (ไม่วา่ 𝑎 เป็ นบวกหรือลบก็ทาเหมือนกัน)
−1 −2 2 −6
เช่น 2×[ ]=[ ]
3 6
[ ] × (−3) = [ ]
−1 3
−1 2
(−2) × [−2] = [4]
−3 6
การขนานกัน
𝑢̅ กับ 𝑣̅ จะขนานกัน เมื่อสามารถเขียน 𝑢̅ = 𝑘𝑣̅ ได้ เมื่อ 𝑘 เป็ นตัวเลขซักตัว
โดย ถ้า 𝑘 > 0 → ขนานแบบ “ทิศเดียวกัน”
ถ้า 𝑘 < 0 → ขนานแบบ “ทิศตรงข้าม”
2 4 2 4
เช่น [ ] กับ [ ] ขนานแบบทิศเดียวกัน เพราะ 2 × [ ] = [ ] และ 2 เป็ นบวก
3 6 3 6
−2 1 −2 1
[ ] กับ [ ] ขนานแบบทิศตรงข้าม เพราะ [ ] = −2 × [ ] และ −2 เป็ นลบ
−4 2 −4 2
−1 3 −1 3
[ 2 ] กับ [−6] ขนานแบบทิศตรงข้าม เพราะ −3 × [ 2 ] = [−6] และ −3 เป็ นลบ
−3 9 −3 9
−1 2
[ 1 ] กับ [−2] ไม่ขนานกัน เพราะหาตัวมาคูณไห้เท่ากันไม่ได้ (X กับ Y ต้องคูณ −2 แต่ Z คูณ −2 จะไม่เท่า)
−2 −4
−1 2 −1 2
[ 1 ] กับ [−2] ขนานแบบทิศตรงข้าม เพราะ −2 × [ 1 ] = [−2] และ −2 เป็ นลบ
0 0 0 0
0 0 5 0 0 5
[ ] กับ [ ] ขนานแบบทิศเดียวกัน เพราะ 3 × [ ] = [ ] และ 3 เป็ นบวก
3 5 3 5
0 1
[ ] กับ [ ] ไม่ขนานกัน เพราะหาตัวมาคูณให้เท่ากันไม่ได้ (แกน X จะไม่มีอะไรมาคูณแล้วเท่าได้)
3 6
การบวกลบเวกเตอร์
เวกเตอร์ในระบบพิกดั ฉาก สามารถนามาบวกลบกันได้ โดยให้เอาระยะแต่ละแกนมาบวกลบกันได้เลย
1 5 6 1 5 −4
เช่น [ ]+[ ]=[ ]
2 5
[ ]−[ ]=[ ]
2 −1
3 3
1 0 1 −1 −5 4
[−2] + [−1] = [−3] [ 0 ] − [ 2 ] = [−2]
2 −3 −1 2 −3 5
ตัวอย่าง ให้จดุ A(0, −1, 1) , B(1, 1, 1) และ C(3, 5, −1) เป็ นจุดในปริภมู ิสามมิติ จงหา ⃗⃗⃗⃗⃗ − 2AC
3BA ⃗⃗⃗⃗⃗
วิธีทา หาเวกเตอร์ BA
⃗⃗⃗⃗⃗ และ CA
⃗⃗⃗⃗⃗ ในระบบพิกด
ั ฉากก่อน โดยใช้สตู ร จุดปลายลบจุดต้น
0−1 −1 3−0 3
จะได้ BA = [−1 − 1] = [−2] และ AC = [5 − (−1)] = [ 6 ]
⃗⃗⃗⃗⃗ ⃗⃗⃗⃗⃗
1−1 0 −1 − 1 −2
−1 3 −3 6 −9
ดังนัน้ 3BA ⃗⃗⃗⃗⃗ − 2AC
⃗⃗⃗⃗⃗ = 3 [−2] − 2 [ 6 ] = [−6] − [ 12 ] = [−18] #
0 −2 0 −4 4
1 −3
ตัวอย่าง ให้ 𝑢̅ = [−2 ] และ 𝑣̅ = [ ] ข้อใดต่อไปนีผ้ ิด
6
1) 4𝑢̅ + 𝑣̅ = 𝑢̅ 2) 𝑢̅ + 𝑣̅ ขนานกับ 𝑢̅ − 𝑣̅
3) |𝑢̅| + |𝑣̅ | < |𝑢̅ + 𝑣̅ | 4) ไม่มีขอ้ ผิด
1 −3 4 −3 1
วิธีทา 1) 4𝑢̅ + 𝑣̅ = 4 × [
−2
] + [ ] = [ ] + [ ] = [ ] = 𝑢̅ จริง
6 −8 6 −2
−2 4
2) 𝑢̅ + 𝑣̅ = [ ] และ 𝑢̅ − 𝑣̅ = [ ]
4 −8
จะเห็นว่าเอา −2 คูณแล้วเท่า ดังนัน้ 𝑢̅ + 𝑣̅ ขนานกับ 𝑢̅ − 𝑣̅ จริง
3) |𝑢̅| = √12 + (−2)2 = √5 และ |𝑣̅ | = √(−3)2 + (6)2 = √45 = 3√5
ดังนัน้
|𝑢̅| + |𝑣̅ | = √5 + 3√5 = 4√5
และจากข้อ 2) 𝑢̅ + 𝑣̅ = [−2
4
] ดังนัน
้ |𝑢̅ + 𝑣̅ | = √(−2)2 + (4)2 = √20 = 2√5
จะเห็นว่า 4√5 > 2√5 ดังนัน้ ข้อ 3 ผิด #
แบบฝึ กหัด
1. จงหาเวกเตอร์ที่ลากระหว่างจุดต่อไปนี ้
1. จาก (1, 3) ไปยัง (3, 9) 2. จาก (1, −1) ไปยัง (−1, 1)
3. จาก (2, −1, 0) ไปยัง (0, −2, 3) 4. จาก (0, 3, 0) ไปยัง (−1, 3, 1)
𝑎 −4
𝑎 6
3. [ ] ขนานกับ [ ]
3 −9
4. [−1] มีทิศตรงข้ามกับ [ 4𝑎 ]
2 𝑎𝑏
3. จงหาขนาดของเวกเตอร์ตอ่ ไปนี ้
3
−3
1. [ ]
4
2. [−4]
0
2 −4
3 1
3. 2∙[
−4
]−[ ]
4
4. 3∙[ 2 ] + 2∙[−3]
−3 5
3 2
4. กาหนดให้จดุ A, B และ C(3, 1) เป็ นจุดบนเส้นตรงเดียวกัน ถ้า AB = 5 AC และ ⃗⃗⃗⃗⃗
BC = [ ] แล้ว จงหา
−4
พิกดั ของ A
เวกเตอร์ 13
เวกเตอร์หนึง่ หน่วย
1
ตัวอย่าง จงหาเวกเตอร์ในทิศเดียวกันกับ [−1 ] ที่มีความยาวเท่ากับ 3 หน่วย
1
วิธีทา ความยาวของ [−1 ] คือ √12 + (−1)2 = √2
1 3 1
ดังนัน้ เวกเตอร์ในทิศเดียวกันกับ [−1 ] ที่ยาว 3 หน่วย คือ 2 ∙ [ ]
√ −1
1 1
ทาให้สว่ นไม่ติดรูท โดยคูณ √√22 ได้เป็ น √32 ∙ √√22 ∙ [−1 3√2
] = 2 ∙[ ]
−1
#
1 𝑖̅ Y
𝑖̅
ในระบบพิกดั ฉากสามมิติ 𝑖̅ สามารถเขียนได้เป็ น [0] X
0 X
14 เวกเตอร์
𝑎
[ ] สามารถเขียนในรู ป 𝑖̅ , 𝑗̅ ได้เป็ น 𝑎𝑖̅ + 𝑏𝑗̅
𝑏
𝑎
[𝑏] สามารถเขียนในรู ป 𝑖̅ , 𝑗̅ และ 𝑘̅ ได้เป็ น 𝑎𝑖̅ + 𝑏𝑗̅ + 𝑐𝑘̅
𝑐
1
ตัวอย่าง ให้ 𝑢̅ = [−1] , 𝑣̅ = 2𝑗̅ − 𝑘̅ จงหาเวกเตอร์ที่ยาวเท่ากับ 𝑣̅ และมีทิศตรงข้ามกับ 𝑢̅ − 𝑣̅
0
1
วิธีทา เพื่อความสะดวก จะเปลีย่ น [−1] ให้อยูใ่ นรู ป 𝑖̅ , 𝑗̅ , 𝑘̅ ได้เป็ น (1)𝑖̅ + (−1)𝑗̅ + (0)𝑘̅ = 𝑖̅ − 𝑗̅
0
ดังนัน้ 𝑢̅ − 𝑣̅ = (𝑖̅ − 𝑗̅) − (2𝑗̅ − 𝑘̅ )
= 𝑖̅ − 𝑗̅ − 2𝑗̅ + 𝑘̅ = 𝑖̅ − 3𝑗̅ + 𝑘̅
แบบฝึ กหัด
1. จงเขียนเวกเตอร์ในรูปของ 𝑖̅ , 𝑗̅ , 𝑘̅ ทีส่ อดคล้องกับเงื่อนไขต่อไปนี ้
1. จาก (0, −1) ไปยัง (5, 0) 2. จาก (−1, 3, 1) ไปยัง (0, 0, 0)
1 3
3. จาก (0, 1, −1) ไปยัง (−2, 1, 1) 4. จาก (√2, − 2) ไปยัง (0, 2)
1
7. เวกเตอร์ที่ยาว 2 หน่วย ในทิศเดียวกับ [−1] 8. เวกเตอร์ที่ยาว √5 หน่วย และขนานกับ [12]
2
4. กาหนดให้ 𝑢̅ = 3𝑖̅ + 4𝑗̅ ถ้า 𝑤̅ = 𝑎𝑖̅ + 𝑏𝑗̅ โดยที่ 𝑤̅ มีทิศเดียวกันกับ 𝑢̅ และ |𝑤̅| =10 แล้ว 𝑎 + 𝑏 เท่ากับเท่าใด
[A-NET 49/2-4]
5. กาหนดให้ A(𝑎, 𝑏) , B(4, −6) และ C(1, −4) เป็ นจุดยอดของรูปสามเหลีย่ ม ABC ถ้า P เป็ นจุดบนด้าน AB
ซึง่ อยูห่ า่ งจากจุด A เท่ากับ 35 ของระยะระหว่าง A และ B และเวกเตอร์ CP
⃗⃗⃗⃗ = 𝑖̅ + 2𝑗̅ แล้ว 𝑎 + 𝑏 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 54)/36]
เวกเตอร์ 17
ผลคูณเชิงสเกลาร์
𝑥 𝑥
ในระบบพิกดั ฉากสองมิติ [𝑦1 ] ∙ [𝑦2 ] = 𝑥1 𝑥2 + 𝑦1 𝑦2
1 2
𝑥1 𝑥2
ในระบบพิกดั ฉากสามมิติ [𝑦1 ] ∙ [𝑦2 ] = 𝑥1 𝑥2 + 𝑦1 𝑦2 + 𝑧1 𝑧2
𝑧1 𝑧2
2 4 −1 3
เช่น [ ] ∙ [ ] = (2)(4) + (3)(5) = 23
3 5
[ ] ∙ [ ] = (−1)(3) + (0)(−2) = −3
0 −2
1 3
[−2] ∙ [1] = (1)(3) + (−2)(1) + (−1)(2) = −1
−1 2
−2 0
[ 3 ] ∙ [0] = (−2)(0) + (3)(0) + (5)(0) = 0
5 0
(𝑖 + 2𝑗) ∙ (−𝑖 − 𝑗) = (1)(−1) + (2)(−1) = −3
(2𝑖 − 𝑗 − 𝑘) ∙ (𝑖 + 𝑗 + 𝑘) = (2)(1) + (−1)(1) + (−1)(1) = 0
การดอท มีสมบัติการสลับที่ 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ = 𝑣̅ ∙ 𝑢̅
และยังสามารถกระจายในการบวกลบเวกเตอร์ได้ 𝑢̅ ∙ (𝑣̅ ± 𝑤
̅) = (𝑢̅ ∙ 𝑣̅ ) ± (𝑢̅ ∙ 𝑤
̅)
สิง่ ที่ตอ้ งระวังก็คือ ดอท จะใช้กบั เวกเตอร์ 2 เวกเตอร์ และได้ผลลัพธ์เป็ นตัวเลข
ดังนัน้ เราไม่สามารถนาเวกเตอร์ 3 เวกเตอร์มาดอทกันได้
(เพราะพอดอทสองตัวแรก จะผลลัพธ์เป็ นตัวเลข ซึง่ เอาไปดอทต่อไม่ได้)
จะมีก็แต่ (𝑢̅ ∙ 𝑣̅ )𝑤̅ ซึง่ หมายถึง เอาตัวเลขที่ได้จาก 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ ไปคูณ 𝑤̅ (คูณแบบตัวเลขคูณเวกเตอร์)
ในกรณีที่ 𝑢̅ กับ 𝑣̅ ตัง้ ฉากกัน จะได้ 𝜃 = 90° 𝑢̅ กับ 𝑣̅ ตัง้ ฉากกัน ก็ตอ่ เมื่อ 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ = 0
ดังนัน้ 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ = |𝑢̅||𝑣̅ | cos 90° = |𝑢̅||𝑣̅ |(0) = 0
ตัวอย่าง สีเ่ หลีย่ มด้านขนาน ABCD มี AB = 5 , BC = 2 และมุม A = 60° จงหา ⃗⃗⃗⃗⃗ DC ∙ ⃗⃗⃗⃗⃗
CB
วิธีทา D 𝑢̅ C ข้อนีใ้ ห้มาเป็ นรูป ซึง่ จะวาดรูปได้ดงั รูป
𝑣̅ ถ้ามาเป็ นรูปแบบนี ้ ต้องหาผลดอทด้วยสูตร 𝑢̅ ∙ 𝑣̅ = |𝑢̅||𝑣̅ | cos 𝜃
60°
A B โดยมุม 𝜃 ที่ใช้ในสูตร ต้องเป็ นมุมที่เกิดจากการเอาจุดตัง้ ต้นของ DC
⃗⃗⃗⃗⃗ กับ CB
⃗⃗⃗⃗⃗ มาต่อกัน
𝑢̅
𝑣̅ 120°
จะเห็นว่า ถ้าเอาจุดตัง้ ต้นของ DC ⃗⃗⃗⃗⃗ กับ CB
⃗⃗⃗⃗⃗ มาต่อกัน จะได้มม
ุ ระหว่างเวกเตอร์คือ 120°
ดังนัน้ ⃗⃗⃗⃗⃗
DC ∙ ⃗⃗⃗⃗⃗ ⃗⃗⃗⃗⃗ | cos 120° = 5 × 2 × (− 1) = −5
⃗⃗⃗⃗⃗ ||CB
CB = |DC #
2
1 2
ตัวอย่าง [−2] กับ [ 2 ] ตัง้ ฉากกันหรือไม่
−1 −2
วิธีทา จากความรูเ้ รือ่ งการดอท เวกเตอร์ 2 เวกเตอร์ จะตัง้ ฉากกันเมื่อ ดอทกันได้ 0
1 2
เนื่องจาก [−2] ∙ [ 2 ] = (1)(2) + (−2)(2) + (−1)(−2) = 2 − 4 + 2 = 0
−1 −2
ดังนัน้ เวกเตอร์ทงั้ สอง ตัง้ ฉากกัน #
𝑢̅ + 𝑣̅
𝑣̅
𝑣̅ 𝑢̅ − 𝑣̅
𝑢̅
𝑢̅
ตัวอย่าง กาหนดให้ |𝑢̅| = 3 , |𝑣̅ | = 1 และ 𝑢̅ ทามุม 60° กับ 𝑣̅ จงหา |2𝑢̅ − 𝑣̅ |
วิธีทา จากสูตร จะได้ |2𝑢̅ − 𝑣̅ |2 = |2𝑢̅|2 + |𝑣̅ |2 − 2(2𝑢̅ ∙ 𝑣̅ )
= |2𝑢̅|2 + |𝑣̅ |2 − 2(2|𝑢̅||𝑣̅ | cos 𝜃) เนื่องจาก |𝑢̅| = 3
= 6 2 2
+ 1 − 2(2 ∙ 3 ∙ 1 ∙ cos 60°) ดังนัน้ |2𝑢̅| = 6
= 31
|2𝑢̅ − 𝑣̅ | = √31 #
แบบฝึ กหัด
1. จงหาผลดอทของเวกเตอร์ตอ่ ไปนี ้
−3 2
1. [ ]∙[ ]
5 3
2. (2𝑖̅ − 𝑗̅ + 𝑘̅) ∙ (𝑖̅ − 2𝑗̅ − 3𝑘̅)
1
3. (2𝑖̅ − 3𝑗̅) ∙ (2𝑗̅ + 𝑖̅) 4. [−2] ∙ (𝑖̅ − 𝑘̅ )
2
5. กาหนดให้ 𝑢̅ และ 𝑣̅ เป็ นเวกเตอร์ใดๆ โดยที่ |𝑢̅| = 1 , |𝑣̅ | = 3 และ 𝑢̅ ทามุม 60° กับ 𝑣̅
|𝑢
̅+𝑣̅|
ค่าของ |2𝑢̅−𝑣̅|
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 54)/15]
7. กาหนดให้ 𝑢̅ และ 𝑣̅ เป็ นเวกเตอร์ทมี่ ีขนาดหนึง่ หน่วย ถ้าเวกเตอร์ 𝑢̅ + 2𝑣̅ ตัง้ ฉากกับเวกเตอร์ 2𝑢̅ + 𝑣̅ แล้ว
𝑢̅ ∙ 𝑣̅ เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 52)/25]
22 เวกเตอร์
10. กาหนดให้ 𝑢̅ และ 𝑣̅ เป็ นเวกเตอร์ใดๆ ซึง่ ไม่ใช่เวกเตอร์ศนู ย์ ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้อง [PAT 1 (มี.ค. 55)/14]
1. |𝑢̅ − 𝑣̅ |2 < |𝑢̅|2 − |𝑣̅ |2
2. ถ้า 𝑢̅ ตัง้ ฉากกับ 𝑣̅ แล้ว |𝑢̅ − 𝑣̅ |2 = |𝑢̅|2 + |𝑣̅ |2
เวกเตอร์ 23
11. กาหนดให้ 𝑎̅ และ 𝑏̅ เป็ นเวกเตอร์ใดๆ ที่ไม่เป็ นเวกเตอร์ศนู ย์ ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง [PAT 1 (ต.ค. 58)/27]
1. ถ้า 𝑎̅ ขนานกับ 𝑏̅ แล้ว |𝑎̅ − 𝑏̅| = |𝑎̅| − |𝑏̅|
2 2
2. ถ้า |𝑎̅ + 𝑏̅| = |𝑎̅|2 + |𝑏̅| แล้ว 𝑎̅ ตัง้ ฉากกับ 𝑏̅
3. ถ้าเวกเตอร์ 𝑎̅ + 𝑏̅ ตัง้ ฉากกับเวกเตอร์ 𝑎̅ − 𝑏̅ แล้ว |𝑎̅| = |𝑏̅|
12. กาหนดให้ 𝑢̅ และ 𝑣̅ เป็ นเวกเตอร์ที่ไม่เท่ากับเวกเตอร์ศนู ย์ซงึ่ 𝑢̅ ตัง้ ฉากกับ 𝑣̅ และ 𝑢̅ + 𝑣̅ ตัง้ ฉากกับ 𝑢̅ − 𝑣̅
ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นจริง [PAT 1 (ต.ค. 52)/1-13]
1. |𝑢̅| = |𝑣̅ |
2. 𝑢̅ + 2𝑣̅ ตัง้ ฉากกับ 2𝑢̅ − 𝑣̅
18. กาหนดให้ 𝐴𝐵𝐶 เป็ นรูปสามเหลีย่ ม โดยทีด่ า้ น 𝐴𝐵 ยาว 5 หน่วย ด้าน 𝐵𝐶 ยาว 12 หน่วย และมุม 𝐴𝐵̂𝐶 เท่ากับ
60° ถ้าเวกเตอร์ 𝑢̅ = ̅̅̅̅
𝐴𝐵 เวกเตอร์ 𝑣̅ = ̅̅̅̅
𝐵𝐶 และเวกเตอร์ 𝑤 𝐶𝐴 แล้ว (2𝑢̅ − 𝑣̅ ) ∙ 𝑤
̅ = ̅̅̅̅ ̅ เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (พ.ย. 57)/12]
19. กาหนดให้ จุด A(−1, 1), B(2, 5) และ C(2, −3) เป็ นจุดยอดของรูปสามเหลีย่ ม ABC ให้ L เป็ นเส้นตรงที่ผา่ น
จุด A และจุด B ลากส่วนเส้นตรง CD
̅̅̅̅ ตัง้ ฉากกับเส้นตรง L ที่จด
ุ D แล้วเวกเตอร์ AD
⃗⃗⃗⃗⃗ เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 55)/12]
26 เวกเตอร์
20. กาหนดให้ 𝑢̅ = 2𝑖̅ − 5𝑗̅ และ 𝑣̅ = 𝑖̅ + 2𝑗̅ ให้ 𝑤̅ เป็ นเวกเตอร์ โดยที่ 𝑢̅ ∙ 𝑤̅ = −11 และ 𝑣̅ ∙ 𝑤̅ = 8
ถ้า 𝜃 เป็ นมุมแหลมที่เวกเตอร์ 𝑤̅ ทามุมกับเวกเตอร์ 5𝑖̅ + 𝑗̅ แล้ว tan 𝜃 + sin 2𝜃 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (ก.ค. 53)/32]
21. ให้ 𝐴, 𝐵 และ 𝐶 เป็ นเวกเตอร์ ซึง่ |𝐴| = 3, |𝐵| = 2 และ |𝐶| = 1
ถ้า 𝐴 + 𝐵 + 4𝐶 = 0 แล้ว 𝐴 ∙ 𝐵 + 𝐵 ∙ 𝐶 + 𝐶 ∙ 𝐴 มีคา่ เท่ากับเท่าใด [A-NET 51/1-14]
22. กาหนดให้ 𝑎̅, 𝑏̅ และ 𝑐̅ เป็ นเวกเตอร์ ซึง่ 𝑎̅ + 𝑏̅ + 𝑐̅ = 0̅ , |𝑎̅ + 𝑏̅| = 5 , |𝑏̅ + 𝑐̅| = 3 และ |𝑏̅| = √10
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง [PAT 1 (เม.ย. 57)/14]
1. ถ้าเวกเตอร์ 𝑎̅ ทามุม 𝜃 กับเวกเตอร์ 𝑏̅ เมื่อ 0 ≤ 𝜃 ≤ 𝜋 แล้ว tan 𝜃 = 3
2. 𝑎̅ ∙ 𝑐̅ = −12
เวกเตอร์ 27
23. ให้ 𝑢̅, 𝑣̅ และ 𝑤̅ เป็ นเวกเตอร์ กาหนดโดย 𝑢̅ = 𝑖̅ + 2𝑗̅ + 3𝑘̅ , 𝑣̅ = 2𝑖̅ − 𝑑𝑗̅ + 𝑘̅ , 𝑤̅ = 𝑎𝑖̅ + 𝑏𝑗̅ + 𝑐𝑘̅
เมื่อ 𝑎, 𝑏, 𝑐 และ 𝑑 เป็ นจานวนจริง ถ้า 𝑢̅ ∙ 𝑤̅ = 2 , 𝑢̅ ∙ (𝑣̅ + 𝑤̅) = 3 , 𝑣̅ + 𝑤̅ = 𝑖̅ + 𝑞𝑗̅ + 𝑟𝑘̅
เมื่อ 𝑞, 𝑟 เป็ นจานวนจริง และ 𝑤̅ ขนานกับ − 23 𝑖̅ + 12 𝑗̅ + 13 𝑘̅ แล้วค่าของ 𝑎 + 4𝑏 + 2𝑐 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 53)/33]
25. กาหนดให้ P(−8, 5), Q(−15, −19), R(1, −7) เป็ นจุดบนระนาบ ถ้า 𝑣̅ = 𝑎𝑖̅ + 𝑏𝑗̅ (𝑎, 𝑏 เป็ นจานวนจริง)
เป็ นเวกเตอร์ซงึ่ มีทิศทางขนานกับเส้นตรงซึง่ แบ่งครึง่ มุม QP̂R แล้ว 𝑎𝑏 มีคา่ เท่ากับเท่าใด [A-NET 50/1-11]
26. กาหนดให้ 𝐴 และ 𝐵⃗ เป็ นเวกเตอร์ในระนาบ โดยที่ 𝐴 = 16𝑖̅ + 𝑎𝑗̅ และ ⃗ = 8𝑖̅ + 𝑏𝑗̅
𝐵 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ น
จานวนจริง ถ้า |𝐴| = |𝐵⃗| และเวกเตอร์ 𝐵⃗ ทามุม 60° กับเวกเตอร์ 𝐴
แล้วค่าของ (𝑎 + 𝑏)2 เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (ต.ค. 58)/16]
เวกเตอร์ 29
ผลคูณเชิงเวกเตอร์
ในหัวข้อนี ้ เราจะเรียนวิธีคณ
ู เวกเตอร์อีกแบบ เรียกว่า “ผลคูณเชิงเวกเตอร์” หรือ เรียกสัน้ ๆว่า “ครอส”
ซึง่ คราวนี ้ เวกเตอร์ ครอส เวกเตอร์ จะได้ผลลัพธ์เป็ นเวกเตอร์
โดย การครอส ทาได้กบั เวกเตอร์ “แบบสามมิติเท่านัน้ ”
2 3 (−1)(−1) − (1)(2) −1
เช่น [−1] × [ 2 ] = [ (1)(3) − (2)(−1) ] = [ 5 ]
1 −1 (2)(2) − (−1)(3) 7
−1 2 (2)(1) − (−3)(−1) −1
̅ ̅
(−𝑖̅ + 2𝑗̅ − 3𝑘 ) × (2𝑖̅ − 𝑗̅ + 𝑘 ) = [ 2 ] × [−1] = [(−3)(2) − (−1)(1)] = [−5]
−3 1 (−1)(−1) − (2)(2) −3
= −𝑖̅ − 5𝑗̅ − 3𝑘̅
หมายเหตุ: จะเห็นว่าสูตรการครอสเวกเตอร์ จะคล้ายๆการหา det ในเรือ่ งเมทริกซ์
𝑥1 𝑥2 𝑖̅ 𝑗̅ 𝑘̅
บางคนนิยมท่องว่า [𝑦1 ] × [𝑦2 ] = det [𝑥1 𝑦1 𝑧1 ]
𝑧1 𝑧2 𝑥2 𝑦2 𝑧2
เนื่องจากการครอส เกี่ยวกับการลบ ดังนัน้ ถ้าสลับที่ตวั ครอส ผลลัพธ์จะเป็ นลบของเดิม กล่าวคือ 𝑢̅ × 𝑣̅ = −(𝑣̅ × 𝑢̅)
แต่ยงั คงสามารถกระจายครอสในการบวกลบเวกเตอร์ได้เหมือนดอท กล่าวคือ 𝑢̅ × (𝑣̅ ± 𝑤̅) = (𝑢̅ × 𝑣̅ ) ± (𝑢̅ × 𝑤̅)
เช่น 𝑖̅ × 𝑗̅ = 𝑘̅ 𝑗̅ × 𝑖̅ = −𝑘̅ 𝑘̅
𝑗̅ × 𝑘̅ = 𝑖̅ 𝑘̅ × 𝑗̅ = −𝑖̅ 𝑗̅
𝑘̅ × 𝑖̅ = 𝑗̅ 𝑖̅ × 𝑘̅ = −𝑗̅ 𝑖̅
30 เวกเตอร์
ในกรณีที่ 𝑢̅ กับ 𝑣̅ ขนานกัน จะได้ 𝜃 = 0° หรือ 180° ซึง่ sin 0° = sin 180° = 0 เอาไปคูณกับอะไรก็ได้ 0
0
ดังนัน้ ถ้า 𝑢̅ กับ 𝑣̅ ขนานกัน จะได้ 𝑢̅ × 𝑣̅ = เวกเตอร์ที่มีขนาดเป็ น 0 = [0] = 0̅
0
และในกรณีที่เอา 𝑢̅ มาครอสกับตัวมันเอง จะได้ 𝜃 = 0° ด้วย → ดังนัน้ จะได้ 𝑢̅ × 𝑢̅ = 0̅ เสมอ
ตัวอย่าง ให้ 𝑢̅ = 2𝑖̅ + 𝑗̅ + 𝑘̅ และ 𝑣̅ = −𝑖̅ + 2𝑗̅ + 𝑘̅ ถ้าให้ 𝜃 เป็ นมุมระหว่าง 𝑢̅ และ 𝑣̅ จงหา sin 𝜃
วิธีทา ข้อนีจ้ ะใช้สตู ร ขนาดของ 𝑢̅ × 𝑣̅ เท่ากับ |𝑢̅||𝑣̅ | sin 𝜃 เพื่อโยงไปหา sin 𝜃
2 −1 (1)(1) − (1)(2) −1
เนื่องจาก 𝑢̅ × 𝑣̅ = [1] × [ 2 ] = [(1)(−1) − (2)(1)] = [−3]
1 1 (2)(2) − (1)(−1) 5
แทนในสูตร |𝑢̅ × 𝑣̅ | = |𝑢̅||𝑣̅ | sin 𝜃
√(−1)2 + (−3)2 + 52 = √22 + 12 + 12 ∙ √(−1)2 + 22 + 12 ∙ sin 𝜃
√35 = √6 ∙ √6 ∙ sin 𝜃
ดังนัน้ sin 𝜃 = √√35
6∙√6
√35
= 6 #
แบบฝึ กหัด
1. จงหาผลครอสต่อไปนี ้
2 1 1 −2
1. [ 1 ] × [3] 2. [ 2 ]×[ 1 ]
−1 0 −1 −2
4. ให้ 𝑢̅ = 𝑎𝑖̅ + 𝑏𝑗̅ + 2𝑘̅ และ 𝑣̅ = 2𝑎𝑖̅ − 3𝑏𝑗̅ โดยที่ 𝑎, 𝑏 เป็ นจานวนเต็มบวก และ 𝜃 เป็ นมุมระหว่าง 𝑢̅ และ 𝑣̅
ถ้า |𝑢̅| = 3 และ cos 𝜃 = 13 แล้ว 𝑢̅ × 𝑣̅ มีคา่ เท่ากับเท่าใด [A-NET 50/1-10]
32 เวกเตอร์
พืน้ ที่และปริมาตร
ตัวอย่าง จงหาพืน้ ที่สเี่ หลีย่ มด้านขนาน ABCD ซึง่ มีพิกดั A(2, 3) , B(−1, 2) , C(1, −1)
วิธีทา จากสูตร จะได้ พืน้ ที่สเี่ หลีย่ มด้านขนาน ABCD = |BA
⃗⃗⃗⃗⃗ × BC
⃗⃗⃗⃗⃗ |
A(2, 3)
B(−1, 2)
3
⃗⃗⃗⃗⃗ = [2 − (−1)] = [3] เติม 0 ให้เป็ นสามมิติได้เป็ น [1]
BA
3−2 1
0
C(1, −1) 1 − (−1) 2
2
⃗⃗⃗⃗⃗
BC = [ ] = [ ] เติม 0 ให้เป็ นสามมิติได้เป็ น [−3]
(−1) − 2 −3
0
3 2 (1)(0) − (0)(−3) 0
จะได้ ⃗⃗⃗⃗⃗
BA × ⃗⃗⃗⃗⃗
BC = [1] × [−3] = [ (0)(2) − (3)(0) ] = [ 0 ]
0 0 (3)(−3) − (1)(2) −11
ดังนัน้ พืน้ ที่สเี่ หลีย่ มด้านขนาน ABCD = |BA ⃗⃗⃗⃗⃗ × BC
⃗⃗⃗⃗⃗ | = √0 + 02 + (−11)2 = 11
2 #
เวกเตอร์ 33
𝑢̅ , 𝑣̅ และ 𝑤
̅ อยูบ
่ นระนาบเดียวกัน ก็ตอ่ เมื่อ 𝑢̅ ∙ (𝑣̅ × 𝑤
̅) = 0
แบบฝึ กหัด
1. จงหาพืน้ ที่ของสีเ่ หลีย่ มด้านขนานที่เกิดจากเวกเตอร์ตอ่ ไปนี ้
1 2
1. [−1] และ [1] 2. 𝑖̅ + 𝑗̅ และ 𝑖̅ − 𝑗̅
2 −1
34 เวกเตอร์
4. กาหนดให้ A(1, 0, −2) , B(0, −1, 0) , C(2, 1, −1) จงหาพืน้ ทีส่ เี่ หลีย่ มด้านขนานที่เกิดจาก ⃗⃗⃗⃗⃗
AB และ ⃗⃗⃗⃗⃗
AC
เวกเตอร์ 35
1 2 3
6. ถ้ารูปทรงสีเ่ หลีย่ มหน้าขนานที่เกิดจาก [−1] , [ 𝑥 ] และ [2] มีปริมาตรเท่ากับ 3 แล้ว จงหาค่า 𝑥
2 −1 −1
8. กาหนดให้ 𝑢̅ = 𝑖̅ + 3𝑘̅
𝑣̅ = 2𝑗̅ + 𝑥𝑘̅ เมื่อ 𝑥 เป็ นจานวนจริง
และ ̅ = −3𝑖̅ + 𝑗̅ − 𝑘̅
𝑤
ถ้า 𝑢̅, 𝑣̅ และ 𝑤̅ อยูบ่ นระนาบเดียวกัน แล้ว 𝑥 มีคา่ เท่ากับเท่าใด [A-NET 49/1-13]
9. กาหนดทรงสีเ่ หลีย่ มหน้าขนาน มีจดุ ยอดอยูท่ ี่จดุ O(0, 0, 0), A(1, 5, 7), B(2𝑎, − 𝑏, − 1) และ
C(𝑎, 3𝑏, 2) โดยที่ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนเต็ม ถ้า OA ⃗⃗⃗⃗⃗ ตัง้ ฉากกับฐานที่ประกอบด้วย 𝑂B
⃗⃗⃗⃗⃗ และ OC
⃗⃗⃗⃗⃗
และ 𝜃 เป็ นมุมระหว่าง 𝑂B⃗⃗⃗⃗⃗ และ OC
⃗⃗⃗⃗⃗ แล้ว ข้อใดต่อไปนีถ้ กู [A-NET 51/1-15]
1. sin 𝜃 = 3√57
2. |𝑂B
⃗⃗⃗⃗⃗ | |𝑂C
⃗⃗⃗⃗⃗ | = √21
ปริมาณเวกเตอร์
1 1 3
1. 1. 2
𝑢̅ 2. 4
𝑣̅ 3. 4
𝑣̅ 4. −𝑣̅
1 1 2
5. − 2 𝑢̅ 6. −𝑢̅ + 𝑣̅ 7. 3
(−𝑢̅ + 𝑣̅ ) 8. 3
(𝑢̅ − 𝑣̅ )
1 1 1 2 1 2 1
9. −𝑣̅ + 𝑢̅
2
10. − 𝑢̅ + 𝑣̅
2 4
11. 3
𝑢̅ + 𝑣̅
3
12. 3
𝑢̅ + 𝑣̅
12
1
2. 1. 𝑣̅ 2. 𝑢̅ + 𝑣̅ 3. −𝑣̅ + 𝑢̅ 4. 𝑣̅ + 4 𝑢̅
1 1 1 3 1 5
5. 𝑣̅ − 4
𝑢̅ 6. − 2 𝑣̅ + 8 𝑢̅ 7. 8
𝑢̅ + 2 𝑣̅ 8. 8
𝑢̅
2
3. 1 4. 9 5. 15
6. 93
7. 4
เวกเตอร์ในระบบพิกดั ฉาก
−2 −1
2 −2
1. 1. [ ]
6
2. [ ]
2
3. [−1] 4. [0]
3 1
2. 1. 𝑎 = −1 , 𝑏 = 1 2. 𝑎 = 0 , 𝑏 = −1 , 𝑐 = 2 3. 𝑎 = −2
4. 𝑎 = 1 , 𝑏 = −8
3. 1. 5 2. 5 3. 13 4. √5
4. (−2, 11)
เวกเตอร์หนึง่ หน่วย
ผลคูณเชิงสเกลาร์
1. 1. 9 2. 1 3. −4 4. −1
2. 2, 3, 4
3. 1. 9
𝑥 −2
ตัง้ ฉากกัน แสดงว่า ดอทกัน ได้ 0 → จะได้ [ ]∙[ ] = 0
6 3
(𝑥)(−2) + (6)(3) = 0
−2𝑥 = −18
𝑥 = 9
2. 1,3
4. 1. √19 2. √7 3. 2√13 4. 6
13 4
5. √
7
6. √10 7. −
5
8. 4√2
9. 3 10. 2 11. 2, 3 12. 1, 2
38 เวกเตอร์
ผลคูณเชิงเวกเตอร์
3 −3
1. 1. [−1] 2. [4] 3. 2𝑗̅ + 2𝑘̅ 4. 0̅
5 5
√11
2. 6
3. 8 4. 6𝑖̅ + 8𝑗̅ − 10𝑘̅
พืน้ ที่และปริมาตร
1. 1. √35 2. 2
2. 1. 1 2. 2
√14 8
3. 1 4. 3√2 5. 2
6. 2,7
7. 1, 2 8. 16 9. 4
เครดิต
ขอบคุณ คุณ POaty Destiny
และ คุณ Gunta Serikijcharoen
และ คุณ Pawarit Karusuporn ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารครับ