You are on page 1of 4

เฉลย แบบทดสอบ โรงเรี ยนสิ ริภจั จ์ การแพทย์แผนไทย

“คัมภีร์ มหาโชตรัต” อ.ประสิ ทธิ์ คงทรัพย์

จงเลือกคำตอบที่ถูกต้ องเพียงเดียวเท่ านั้น


1. ในคัมภีร์มหาโชตรัตกล่าวถึง ว่าหญิงมีความแตกต่างจากชาย 4 ประการ ข้อใดไม่ใช่ความแตกต่าง
ตามคัมภีร์ที่กล่าวไว้
1. ถันประโยธร 2. ต่อมโลหิ ตระดู 3. ที่ประเวณี 4. ไม่มีขอ้ ใดที่ไม่ใช่ความแตกต่าง
2. ผูใ้ ดเคยมีระดูมา หากลมกองใดเคยกำเริ บ ลมกองนั้นก็จะกำเริ บทุกเดือน เรี ยก “ระดู หรื อ โลหิ ต”
ที่มาเป็ นประจำ ดังกล่าวข้างต้นว่าอย่างไร
1. โลหิ ตทุจริ ตโทษ 2. โลหิ ตประจำเดือน 3. โลหิ ตปกติโทษ 4. ไม่มีขอ้ ใดถูก
3. ลักษณะและอาการ “ร้อนผิวเนื้ อ และผิวหนัง และแดงดังผลตำลึงสุ ก บางทีผดุ ดังยอดหัด ฟกดังไข้
รากสาด” เป็ นลักษณะและอาการของโลหิ ตระดูใด
1. มังสังชาตัง 2. อัฏฐิชาตัง 3. ปิ ตตังชาตัง 4. นหารู ชาตัง
4. “ดุจไข้จบั สะบัดร้อนหนาว, ปวดศีรษะมาก” เป็ นลักษณะ และอาการของโลหิ ตระดูใด
1. มังสังชาตัง 2. ปิ ตตังชาตัง 3. นหารู ชาตัง 4. หทยังชาตัง
5. “หทยังชาตัง” มีลกั ษณะและอาการอย่างไร
1. ดุจไข้จบั / สะบัดร้อน-หนาว / ปวดศีรษะมาก
2. ไข้ / คลัง่ ไคล้ / ละเมอ-เพ้อพก / เจรจาด้วยผี / นอนสะดุง้ หวาดหวัน่
3. คลัง่ เพ้อ / เจรจาด้วยผี / นอนสะดุง้ หวาดผวา / ขึ้งโกรธ
4. เมื่อยขบไปทุกข้อดังจะขาดจากกัน, เจ็บบั้นเอว สันหลังมาก บิดเกียจคร้านบ่อยๆ
6. ข้อใดกล่าวถึง โลหิ ตทุจริ ตโทษได้ถูกต้อง
1. มีลกั ษณะและอาการแปลกไปจากปกติเวลาที่มีระดูมา
2. ลมกองอื่นที่ไม่ใช่ลมกองเดิมพัด ทำให้โลหิ ตระดูแตกต่างไป
3. ลมกองเดิมไม่พดั เหมือนเช่นทุกเดือน 4. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา
7. ข้อใดเป็ นสาเหตุที่ทำให้หญิงที่มีระดูมาแล้วกับแห้งไป
1. มีโทสะเป็ นนิจ 2. มีโมหะเป็ นนิจ 3. มีกามราคะจัด 4. ถูกทุกข้อ
8. ข้อใดเป็ นสาเหตุที่ทำให้หญิงที่มีระดูมาแล้วกับแห้งไป
1. กลั้นอุจจาระ-ปัสสาวะ 2. ต้องที่ร้อน-เย็นมากเกินไป
3. ออกกำลังมากเกินไป 4. กินอาหารมากเกินไป

9. “เม็ดเท่าถัว่ เขียว เมื่อสุ กแตกเป็ นบุพโพโลหิ ตออกมา” แล้วเลื่อนเข้าหากัน บานดังดอกบุก มิรู้กว็ า่ เป็ นฝี
ที่ลำไส้ หรื อฝี ในลำคอ ขนาดเท่าเม็ดข้าวโพดที่ทวารเบา ตั้งเป็ นกองๆ ละ 9-10 เม็ด เมื่อสุ กแตก
ออกเป็ นบุพโพโลหิ ตระคนกัน เป็ นลักษณะและอาการของโรคใด
1. เตโชธาตุแตก 2. ริ ดสี ดวงมหากาฬ 3. ฝี ทรวงอก 4. ฝี มะเร็ งทรวงอก
10. ข้อใดไม่ใช่ตำแหน่งที่เกิดของริ ดสี ดวงมหากาฬ
1. คอ 2. อก 3. ลำไส้ 4. นาภี
11. โลหิ ตทุจริ ตโทษใดที่มีลกั ษณะ และอาการดังนี้ ” โลหิ ตเดินไม่สะดวก แล้วตั้งขึ้นเป็ นลิ่มเป็ นก้อน
แดกขึ้นแดกลง, บางทีคลัง่ , ขบฟัน, ตาเหลือกตาช้อน, ขอบตาเขียว, ริ มฝี ปากเขียว เล็บมือเล็บเท้าเขียว
สมมุติวา่ เป็ นปี ศาจเข้าสิ ง
1. โลหิ ตระดูร้าง 2. โลหิ ตต้องพิฆาต 3. โลหิ ตตกหมกช้ำ 4. โลหิ ตคลอดบุตร
12. ข้อใดหมายถึง โลหิ ตเน่า
1. “โลหิ ตมาไม่ปกติ บางทีดำและเหม็นเน่า บางทีดุจน้ำชานหมาก บางทีดุจน้ำคาวปลา บางทีดุจ
น้ำซาวข้าว เจ็บปวดไปต่างๆ”
2. ดุจไข้จบั สะบัดร้อนหนาว ปวดศีรษะมาก
3. เมื่อยขบกระดูกดังจะขาดจากกัน
4. เกิดจากโลหิ ตระดูร้าง โลหิ ตคลอดบุตรเจือเน่าอยู่
13. โลหิ ตทุจริ ตโทษใดที่มีสาเหตุเกิดจากแพทย์ใช้ยาประคบ, ยาผาย หรื อยาขับโลหิ ตไม่ถึงกำลังโรค
1. โลหิ ตเน่า 2. โลหิ ตตกหมกช้ำ 3. โลหิ ตระดูร้าง 4. โลหิ ตคลอดบุตร
14. “ฝี ในมดลูก ฝี ยอดคว่ำ ฝี เอ็น ฝี อคั นีสนั ต์ ฝี ปลวก และมานโลหิ ต” อาจมีสาเหตุเกิดจาก โลหิ ตทุจริ ต
โทษอะไร
1. โลหิ ตเน่า 2. โลหิ ตตกหมกช้ำ 3. โลหิ ตระดูร้าง 4. โลหิ ตคลอด
บุตร 15. “โลหิ ตแห้งกรัง” หมายถึงข้อใด
1. โลหิ ตระดูร้าง 2. โลหิ ตคลอดบุตร 3. โลหิ ตตกหมกช้ำ 4. โลหิ ตต้องพิฆาต
16. “โลหิ ตเน่า” มิให้โทษอย่างไร
1. กระทำให้เป็ นฝี เส้น ฝี เอ็น ฝี ปลวก
2. มีพิษจับหัวใจ แล่นออกผิวเนื้ อผุดเป็ นวงสี ขาว เขียว ดำ แดง คันมาก
3. ร้อนช่องคลอดดังถูกพริ ก ระดูเป็ นฟองสี เหลืองดุจน้ำฝาง
4. ขบฟัน ตาเหลือกตาช้อน ดุจปี ศาจเข้าสิ ง

17. “เมื่อระดูจะมากระทำให้ ท้องขึ้นท้องพองให้เสี ยดเป็ นกำลัง ตัวร้อนจับเป็ นเวลา คลื่นเหี ยนอาเจียนแต่


ลมเปล่า ระดูมาไม่สะดวก มีสีน ้ำดอกคำอันจาง ให้ปวดเป็ นกำลัง” เป็ นลักษณะอาการของโรคใด
1. โลหิ ตเกิดแต่กองเตโชธาตุ 2. โลหิ ตเกิดแต่กองวาโยธาตุ
3. โลหิ ตเกิดแต่กองปถวีธาตุ 4. โลหิ ตเกิดแต่กองอาโปธาตุ
18. “เมื่อระดูจะมาให้เมื่อยทุกข้อทุกลำ ระดูเดินหยดย้อยไม่ได้สะดวก บางทีเป็ นเมือก บางทีเป็ นปะระเม
หะระคนออกมากับโลหิ ต เหนียวดุจยางมะตูม ให้ร้อนให้แสบจุกเสี ยด ท้องขึ้นเป็ นกำลัง ระดูน้ นั มีสี
แดง ขาว เหลือง ระคนกัน มีกลิ่นคาวยิง่ นัก ทำให้ปวดอุทรเป็ นกำลัง” เป็ นลักษณะอาการของโรคใด
1. โลหิ ตเกิดแต่กองวาโยธาตุ 2. โลหิ ตเกิดแต่กองปถวีธาตุ
3. โลหิ ตเกิดแต่กองอาโปธาตุ 4. โลหิ ตเกิดแต่กองเตโชธาตุ
19. “เมื่อระดูจะมา กระทำให้ตึงไปทัว่ ทั้งตัว แล้วจึงระดูจะมา ให้ร้อนช่องคลอดดังถูกพริ ก โลหิ ตออกมา
นั้นเป็ นฟองสี เหลืองดุจน้ำฝางดังเอาน้ำมะนาวบีบใส่ ” ลักษณะอาการนี้ เป็ นโรคใด
1. โลหิ ตระดูอนั เกิดแต่กองเตโชธาตุ 2. โลหิ ตเกิดแต่กองอาโปธาตุ
3. โลหิ ตเกิดแต่กองปถวีธาตุ 4. โลหิ ตเกิดแต่กองวาโยธาตุ
20. “ให้หอบ จุกแดก ขัดปัสสาวะ ให้ปวดถ่วงเป็ นกำลัง โลหิ ตเสี ยมีสีดำ เหม็นดุจซากศพตายซาก” เป็ น
ลักษณะอาการของโรคใด
1. วิเสสโลหิ ตเกิดเพราะโลหิ ตเดินไม่สะดวก
2. วิเสสโลหิ ตเกิดเพราะโลหิ ตมิได้มาตามปกติ
3. วิเสสโลหิ ตเกิดเพราะระดูทะลวง 4. ไม่มีขอ้ ใดถูก
21. “ให้สะบัดร้อน-หนาว ให้หิวโหยแต่หาแรงมิได้ ให้นอนมิหลับ ระดูมีสีดุจน้ำดอกคำอันจาง
ดอกอัญชัญ มีกลิ่นดุจน้ำมันงา เป็ นลักษณะอาการของโรคใด
1. วิเสสโลหิ ตอันเกิดเพราะระดูทะลวง
2. วิเสสโลหิ ตเกิดเพราะโลหิ ตคลอดบุตร
3. วิเสสโลหิ ตเกิดเพราะโลหิ ตเดินไม่สะดวก
4. วิเสสโลหิ ตเกิดเพราะโลหิ ตมิได้มาตามปกติ
22. “ยาชื่อ เกสราทิคุณ” เป็ นยาที่ใช้รักษาโรคใด
1. นหารู ชาตัง 2. หทยังชาตัง 3. อัฏฐิชาตัง 4. มังสังชาตัง
23. ปิ ตตังชาตัง ใช้ยาตำรับใดรักษา
1. เกสราทิคุณ 2. อุดมโอสถ (น้อย) 3. ปทุมเกสรา 4. เทพรังสิ ต
24. “ยาจักรพรรดิ” ใช้รักษาโรคใด
1. นหารู ชาตัง 2. อัฏฐิชาตัง 3. โลหิ ตระดูร้าง 4. โลหิ ตคลอดบุตร
25. “ยามหิ ศรนิมิตร” เป็ นยาที่ใช้รักษาโรคใด
1. มังสังชาตัง 2. โลหิ ตคลอดบุตร 3. หทยังชาตัง 4. นหารู ชาตัง
26. “ยาเทพรังสิ ต” ใช้รักษาโรคใด
1. มังสังชาตัง 2. หทยังชาตัง 3. อัฏฐิชาตัง 4. ปิ ตตังชาตัง
27. “ยาจิตเกสร และยาขจรทิพรส” เป็ นยารักษาโรคอะไร
1. อัฏฐิชาตัง 2. ปิ ตตังชาตัง 3. นหารู ชาตัง 4. หทยังชาตัง
28. อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิด “โลหิ ตทุจริ ตโทษ”
1. ชาติโทษ 2. กามราคะไม่จดั 3. มีเพศสัมพันธ์นอ้ ยเกินไป 4. ไม่มีขอ้ ใดกล่าวถูก
29. สตรี มีโลหิ ตปกติโทษ คือสัตว์ที่จะมาในท้องมารดาได้เพราะอะไร
1. โลหิ ตระดูมีมาทุกเดือน 2. โลหิ ตระดูบริ บูรณ์
3. มารดาท้องครบ 10 เดือน 4. มารดาไม่บริ โภคอาหารเผ็ดร้อน
30. ว่าด้วยริ ดสี ดวงมหากาฬ 4 จำพวกว่าเกิดที่ใดบ้าง
1. เกิดที่ลิ้น 2. เกิดที่กระเพาะอาหาร
3. เกิดที่ตบั 4. ผิดทุกข้อ

You might also like