Professional Documents
Culture Documents
แนวทางการเขียนตอบกม.ปค.ข้อ 2
แนวทางการเขียนตอบกม.ปค.ข้อ 2
แนวทางการเขียนตอบข้อเขียนกฎหมายปกครองข้อ 2
ไม่จำเป็นต้องจำ แค่ให้รู้แนวทางในการเขียนเฉยๆ
ตัวอย่างกรณีที่อยู่ในอำนาจศาลปกครองพิจารณาโดยภาพรวม
1.ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง
การที่ ... (ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งฯ ในคำถาม แล้วอธิบายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตามบทนิยามมาตรา 5 พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติฯ 2539 หรือไม่) เป็น .. (บุคคล-คณะบุคคล-นิติบุคคล-เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) ซึ่งใช้อำนาจหรือ
ได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครองของรัฐในการดำเนินการตามกฎหมายมีคำสั่ง ... (มีคำสั่งในในคำถาม) เป็น
การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ
เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหน้าที่ของ ... (ระบุชื่อผู้ฟ้องในคำถาม)
จึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามพ.ร.บ. วิธีปฏิบัติฯ 2539 มาตรา 5 .... (ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งฯ ในคำถาม)
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครองตาม พ.ร.บ. จัดตั้งฯ 2542 มาตรา 3 การที่ ......
(ระบุชื่อผู้ฟ้องในคำถาม) ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่ง ... (คำสั่งในคำถาม) เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงาน
ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในการออกคำสั่งทางปกครองตามพ.ร.บ.
จัดตั้งฯ 2542 มาตรา 9 (1) อยู่ในอำนาจศาลปกครองพิจารณาพิพากษาตามมาตรา 9 ดังนั้น ...... (ระบุชื่อผู้
ฟ้องในคำถาม) ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากคำสั่งทางปกครองดังกล่าว มีอำนาจฟ้อง
ขอให้เพิกถอนคำสั่ง ...... (คำสั่งในคำถาม)ต่อศาลปกครองได้ตามพ.ร.บ. จัดตั้งฯ 2542 มาตรา 9 (1) , 42
ประกอบมาตรา 72 (1)
2.ฟ้องขอให้ชดใช้เงิน (กรณีหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่รัฐกระทำละเมิด)
... (ระบุชื่อหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกฟ้อง) เป็น ....(อธิบายว่าเป็นหน่วยทางปกครองประเภท
ใดหรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ เช่น ระบุว่าเป็นหน่วยงานทีไ่ ด้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือ
ให้ดำเนินกิจการทางปกครอง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของหน่วยงาน
ทางปกครองฯ) ตามพ.ร.บ. จัดตั้งฯ 2542 มาตรา 3 กรณีที่ ...(ระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องร้อง)
เป็นการกระทำละเมิดของ ... (ระบุชื่อหน่วยงานปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกฟ้อง) อันเป็นคดีพิพาท
เกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่
ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตามมาตรา 9 (3) จึงเป็นคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาล
ปกครอง ... (ระบุชื่อผู้ฟ้องคดี) ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำของละเมิดของหน่วยงานทาง
ปกครอง (หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ) มีอำนาจฟ้อง .... (ระบุชื่อหน่วยงานของรัฐที่ถูกฟ้อง) ให้ใช้เงินเกี่ยวกับการ
กระทำละเมิดดังกล่าวต่อศาลปกครองได้ตามพ.ร.บ. จัดตั้งฯ 2542 มาตรา 9 (3) , 42 ประกอบมาตรา 72 (3)
Collected by Trakarnsak
ตัวอย่างกรณีที่ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครองพิจารณาโดยภาพรวม
1.กรณีฟ้องอันเนือ่ งมาจากการกระทำโดยไม่ชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ
แม้ .... (ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยของรัฐที่ถูกฟ้องในคำถาม) จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเป็น
หน่วยงานทางปกครองตามมาตรา 3 พ.ร.บ. จัดตั้งฯ แต่การที่ ... (ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยของรัฐที่
ถูกฟ้องในคำถาม) ..... (ระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุฟ้องร้องในคำถาม) เหตุแห่งการฟ้องร้องคดีนี้ มิใช่เป็นคดี
พิพาทที่เกิดจากหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือละเลย
ต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล้าช้าเกินสมควร หรือการกระทำ
ละเมิดหรือมีความรับผิดอย่างอื่นอันเกิด จากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือ
คำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล้าช้าเกิน
สมควร หรือเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองตามมาตรา 9 (1) (2) (3) (4) จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณา
Collected by Trakarnsak
ตัวอย่างโจทย์ การเขียนไม่ค่อยละเอียดดูเป็นตัวอย่างคร่าวๆ
ข้อ 1 นายมานะ ได้รับบาดเจ็บจากการใช้สะพานลอยข้ามถนนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ เนื่องจากตรงจุด
ขึ้นลงสะพานลอยดังกล่าวอันเป็นจุดห้ามขายหรือจำหน่ายสินค้า มีพ่อค้าแม่ค้าตั้งวางหาบเร่แผงลอยเป็น
จำนวนมาก ทำให้เหลือทางเดินแคบมากจนเป็นเหตุให้นายมานะก้าวพลาดได้รับบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าหักต้อง
เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งนายมานะเห็นว่าการที่พ่อค้าแม่ค้าตั้งหาบเร่แผงลอยในจุด
ดังกล่าวซึ่งเป็นจุดห้ามขายนั้น เนื่องมาจากกรละเลยต่อหน้าที่ของเทศบาลฯตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้อง
ปฏิบัติซึ่งไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างกวดขันและเคร่งครัดตามกฎหมาย นายมานะจึงมาปรึกษาท่านเพื่อจะฟ้อง
เทศบาลฯ เป็นคดีต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้เทศบาลฯ ยกเลิกหรีอห้ามการตั้งวางหาบเร่แผง
ลอยขายสินค้าดขวางทางในจุดดังกล่าว รวมทั้งขอให้เทศบาลฯ ชดใช้ค่าเสียหายในการบาดจ็บซึ่งต้อง
รักษาพยาบาลเป็นจำนวนเงินสองหมื่นบาทให้แก่ตนด้วย ดังนี้ท่านจะให้คำปรึกษาแก่นายมานะในกรณี
ดังกล่าวนี้อย่างไร
วินิจฉัย ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9 ศาลปกครองมี
อำนาจพิจารณาพิพากษา หรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้
2) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมาย
กำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของ
รัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
มาตรา 42 ผู้ใดได้รับความเดือนร้อนเสียหาย จากการกระทำ หรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทาง
ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
มาตรา 72 ในการพิพากษาคดีปกครองมีอำนาจกำหนดคำบังคับอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(2) สั่งให้หัวหน้าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามหน้าที่ภายในเวลาที่ศาล
ปกครองกำหนด
(3) สั่งให้ใช้เงิน
กรณีดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าเทศบาลฯ ได้ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ(ตาม
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ มาตรา 9(2) เพราะจุดขึ้นลงสะพานลอยที่เกิดเหตุดังกล่าว เป็นจุดที่ห้ามมิให้ผู้ใด
ขายหรือจำหน่ายสินค้า และกรณีมิใช่จุดที่ทางเทศบาลฯประกาศกำหนดให้เป็นจุดผ่อนผัน ดังนั้นการที่มีผู้นำ
หาบเร่แผงลอยมาตั้งจึงเป็นการลักลอบกระทำ โดยที่ทางเทศบาลมิได้อนุญาตหรือผ่อนผันให้ดำเนินการขาย
Collected by Trakarnsak
ตัวอย่างการเขียนจากฎีกา
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 (และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนถึง
ฉบับที่ 9 พ.ศ.2560) มาตรา 42 วรรคแรก กำหนดว่า ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะ
เดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของหน่วยงานทาง
ปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง หรือกรณีอื่นใดที่อยู่ในเขตอำนาจ
ศาลปกครองตามมาตรา 9 และแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้น ต้องมี
คำบังคับตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 72 ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
การฟ้องคดีหน่วยงานทางปกครอง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
และมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา หรือ
หน่วยงานอื่นของรัฐ ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครอง หรือให้ดำเนิน
กิจการทางปกครอง หรือจะใช้สิทธิทางศาลปกครองเพื่อฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐได้นั้น มิได้หมายความว่า ผู้ที่
ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหาย กรณียื่นเรื่องร้องเรียนการดำเนินการ
จัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐจะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย ที่จะเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล
ปกครองเสมอไป ดังปรากฏใน คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 43/2559 ที่นำมาเป็นกรณีศึกษา ดังนี้
คดีนี้ผู้ฟ้องยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบล ธ. กรณีผู้ฟ้องขอให้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล
ธ.ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน 3 โครงการ เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการจัดจ้างไม่โปร่งใสและส่อ
ไปในทางทุจริต กล่าวคือ การกำหนดระยะเวลาในการขายเอกสารประกวดราคา ไม่เป็นไปตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(ปัจจุบันหน่วยงานของรัฐทุกแห่งใช้ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ
ภาครัฐ พ.ศ. 2560)[1] มีข้อสงสัยว่าไม่มีการขุดลอกคลองจริง รวมทั้งการจัดทำก็เป็นไปในลักษณะเร่งรีบจน
ผิดสังเกต โดยขอให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ธ.สอบสวนหาผู้กระทำผิด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล
ธ. ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบว่า ทั้ง 3 โครงการได้ปฏิบัติตามหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ด่วนมาก ที่
0808.2/ว 1994 ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 และประกาศกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เรื่องหลักเกณฑ์
การจัดซื้อจัดจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์ (ฉบับที่ 2) ข้อ 5 และข้อ 10 ซึ่งเป็นการปฏิบัติโดย
ถูกต้องตามระเบียบทุกประการ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่านายกองค์การบริหารส่วนตำบล ธ.ชี้แจงไม่ตรงประเด็น จึงมี
หนังสือแจ้งให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ธ. ตรวจสอบว่าโครงการขุดลอกคลองสาธารณะประโยชน์ทั้ง 2
โครงการ เป็นการดำเนินการซ้ำซ้อนกับโครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ซึ่งการดำเนินการใน
ช่วงเวลาเดียวกัน และการประมาณราคาค่าก่อสร้างในโครงการจ้างเหมาขุดลอกสิ่งปฏิกูลท่อระบายน้ำ คสล.
ไม่ถูกต้องเนื่องจากมีการเพิ่มค่า Factor F ให้กับผู้รับจ้างทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่งานก่อสร้างอาคาร งานทาง งานท่อ
Collected by Trakarnsak
ฟ้องต่อศาลโดยขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นการละเลยต่อหน้าที่หรือเป็นเจ้าพนักงาน
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบล ธ.และ
ประชาชน และให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าวภายใน 30 วัน และแจ้งผลให้
ผู้ฟ้องคดีทราบ
กรณีจึงรับฟังได้ว่า ผู้ฟ้องคดีประสงค์จะฟ้องต่อศาลว่าผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ไม่ยกเลิกการ
ประกวดราคาจ้างขุดลอกคลองและขุดลอกสิ่งปฏิกูลท่อระบายน้ำตามที่ผู้ฟ้องคดีสงสัยว่าการดำเนินการส่อไป
ในทางทุจริต และไม่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงาน
ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
ล่าช้าเกินสมควรตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง พ.ศ.2542 ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะมีสิทธิฟ้องคดี
ต่อศาลปกครองได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำหรือการงดเว้นการ
กระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยตรงหรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทาง
ปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยตรงหรืออย่างมีนัยสำคัญ การที่ผู้ฟ้องคดีเพียงแต่เห็นว่า โครงการขุดลอก
คลองและท่อระบายน้ำของผู้ถูกฟ้องคดีน่าจะไม่โปร่งใสและส่อไปในทางทุจริต จึงแจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีตรวจสอบ
และให้ยกเลกการประกวดราคา ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีได้ตรวจสอบและแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบแล้วว่าโครงการดังกล่าว
ได้ดำเนินการโดยชอบถูกต้องแล้ว แต่ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยกับคำชี้แจงของผู้ถูกฟ้องคดี จึงนำกรณีดังกล่าวมา
ฟ้องต่อศาล
จึงเห็นได้ว่า แม้ผู้ฟ้องคดีจะอ้างว่าเป็นราษฎรที่มีภูมิลำเนาอยู่ในตำบล ธ. แต่ก็ยังไม่อาจถือได้ว่าผู้
ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรงหรืออย่างมีนัยสำคัญในกรณีดังกล่าวที่จะเป็นผู้มีสิทธิ
ฟ้องคดีนี้ต่อศาลได้ เนื่องจากหากโครงการดังกล่าวดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่โปร่งใสหรือมีการทุจริตจริง ผู้
ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงย่อมได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล ธ.ผู้เป็นเจ้าของเงินงบประมาณโครงการ
ดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นเพียงประชาชนที่ประสงค์จะให้มีการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ
ที่ตนเห็นว่าอาจจะมีการทุจริต จึงมีสิทธิที่จะร้องขอให้หน่วยงานของรัฐผู้มีหน้าที่ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวให้
ดำเนินการตรวจสอบได้เท่านั้น ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองตามมาตรา 42[4]
วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ นั้น
ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยเหตุผล
จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น
Collected by Trakarnsak