Professional Documents
Culture Documents
บทความเชิงวิชาการ ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
บทความเชิงวิชาการ ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ความสำคัญและผลกระทบของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มนุษย์เรามีความสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด ทัง้ ใน
ฐานะที่เป็ นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และในขณะเดียวกันทรัพยากรธรรมชาตินน
ั ้ ก็เป็ น
ประโยชน์ต่อมนุษย์และ มีความสำคัญต่อมนุษย์มากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะโดยทางตรง
หรือทางอ้อม และเป็ นสิ่งที่เกิดขึน
้ เอง ดังนัน
้ ทรัพยากรธรรมชาติจึงมีความสำคัญต่อ
มนุษย์ในด้านต่าง ๆ ดังนี ้
1. การดำรงชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติเป็ นต้นกำเนิดของปั จจัย 4 ในการดำรงชีวิตของ
มนุษย์พบว่า มนุษย์จะต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อสนองความต้องการทางด้าน
ปั จจัยสี่ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
2. การตัง้ ถิ่นฐานและการประกอบอาชีพ ทรัพยากรธรรมชาติเป็ นปั จจัยพื้นฐานในการ
ตัง้ ถิ่นฐานและประกอบอาชีพของมนุษย์ เช่น แถบลุ่มแม่น้ำหรือชายฝั่ งทะเลที่อุดม
สมบูรณ์ด้วยพืชและสัตว์ จะมีประชาชนเข้าไปตัง้ ถิ่นฐานและประกอบอาชีพทางการ
เกษตรกรรมประมง เป็ นต้น
3. การพัฒนาทางเศรษฐกิจ จำเป็ นต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพราะมีความสำคัญต่อ
เศรษฐกิจของประเทศทัง้ ทางตรง เช่น ทรัพยากรพลังงาน ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ หรือ
โดยทางอ้อม เช่น เป็ นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ นำรายได้จากการท่องเที่ยว
เข้าสู่ประเทศ
4. มีความสำคัญด้านวิชาการ ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์และความก้าวหน้า
ทางเทคโนโลยี การประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเป็ น
ปั จจัยที่สำคัญในการผลิต หรือเป็ นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม
5. มีความสำคัญต่อการรักษาสมดุล ของระบบนิเวศการหมุนเวียน ของแร่ธาตุและ
สารอาหารในระบบนิเวศ เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติเป็ นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทัง้
ระบบนิเวศบนบก ระบบนิเวศทางน้ำ
ดังนัน
้ บริการต่างๆ ที่มนุษย์เราได้รับจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงช่วย
ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้ และสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีขน
ึ ้ แต่จะต้องอยู่ภายใต้
เงื่อนไขของการรู้จักใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาดและมีการ
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็ นระบบอย่างเหมาะสม ต้องคำนึงถึงขีด
ความสามารถในการรองรับ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เพราะหากใช้
ประโยชน์ที่มากเกินขนาด และขาดความระมัดระวังในการใช้ จะก่อให้เกิดความ
เสื่อมโทรมของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็ นปั ญหาสิ่งแวดล้อมที่ย้อนกลับมา
ส่งผลกระทบต่อชีวิต และความเป็ นอยู่ของมนุษย์ในที่สุด
กิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่
1. กิจกรรมทางด้านอุตสาหกรรม โดยไม่มีการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มีการนำใช้
ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย และก่อให้เกิดมลพิษ ต่อสิ่งแวดล้อม
2. กิจกรรมทางการเกษตร เช่นมีการใช้ยาฆ่าแมลงส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสิ่ง
แวดล้อมและสุขภาพอนามัยของมนุษย์ เนื่องจากมีการสะสมสารพิษ ไว้ในร่างกายของ
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดอันตราย ในระยะยาวและคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่แย่
ลง
3. กิจกรรมการบริโภคของมนุษย์ ส่งผลให้ มีการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ ่มเฟื อย ขาดการ
คำนึงถือสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดปั ญหา สิ่งแวดล้อมตามมา
ปั ญหาและสาเหตุความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใน
ประเทศไทย
สาเหตุของปั ญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย
ในหลายทศวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมไปมาก ส่งผลให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อมอย่างกว้างขวาง และยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพและวิถีการดำรงชีวิตของ
ประชาชนเป็ นวงกว้างและรุนแรงขึน
้ ตามลำดับ
สภาพปั ญหาที่เกิดขึน
้ ในประเทศไทย ได้แก่ ปั ญหาความเสื่อมโทรมของ
ทรัพยากรธรรมชาติทงั ้ ในด้านปริมาณที่ลดน้อยลงจนใกล้ ภาวะขาดแคลน และด้าน
คุณภาพ เช่น ดินเสื่อมสภาพ แม่น้ำเน่าเสีย เป็ นต้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการ
เพิ่มขึน
้ ของจำนวนประชากร ทำให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มสูงขึน
้ จนเกิดสภาพ
เสื่อมโทรมและลดลงอย่างรวดเร็ว และการพัฒนาที่ผ่านมาได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
โดยเฉพาะที่ดิน ป่ าไม้ แหล่งน้ำทรัพยากรชายฝั่ งทะเล ทรัพยากรธรณี ในอัตราที่สูงและ
เป็ นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ จนมีผลทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี ้ เกิดการร่อย
หรอและเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว รวมทัง้ เริ่มส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของ
ประชาชนในชนบท ที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรเป็ นหลักในการยังชีพ
ปั ญหาวิกฤตการณ์ทรัพยากรดินในประเทศไทย
ปั ญหาการพังทลายของดินและการสูญเสียหน้าดินโดยธรรมชาติ เช่น การชะล้าง การ
กัดเซาะของน้ำและลม ปั ญหาดินเค็มซึ่งเกิดจากโครงสร้างทางธรณีวิทยา และ ปั ญหา
จากการกระทำของมนุษย์เช่น การชะล้างพังทลายของดิน เกิดจากการลักลอบตัดไม้
ทำลายป่ า ทำให้ดินขาดต้นไม้ยึดเกาะหน้าดิน เมื่อฝนตกจึงเกิดการชะล้างพังทลาย
ปั ญหาดินเสื่อมคุณภาพ เกิดจากการปลูกพืชซ้ำซากและการใช้ดินไม่ถูกวิธี ใช้ปุ๋ยเคมี
หรือสารเคมีมากเกินไป ตลอดจนการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ก่อให้เกิด
การสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทัง้ ปั ญหาการขยายตัวของเมืองที่รุกล้ำเข้าไป
ในพื้นที่เกษตรกรรม และการนำมาใช้เป็ นที่อยู่อาศัย ที่ตงั ้ โรงงานอุตสาหกรรม และการ
ขาดการจัดการที่ดี ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดการสูญเสียทาง
เศรษฐกิจ
วิกฤตการณ์ทรัพยากรธรณี ในประเทศไทย
การนำทรัพยากรธรณีทงั ้ ในรูปแร่ธาตุ พลังงาน มาใช้ประโยชน์ ได้ก่อให้เกิดผลกระทบ
ต่อสภาพแวดล้อมเป็ นอย่างมากโดยเฉพาะการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำลำธารการทำ
เหมืองแร่ทงั ้ บนบกและในทะเล ได้ก่อให้เกิดปั ญหาน้ำเสียและดินตะกอน ปั ญหาเรื่อง
ฝุ ่นและอากาศเป็ นพิษ และปั ญหาดินเสีย สาเหตุประการสำคัญก็คือ การใช้เทคโนโลยี
ที่ไม่เหมาะสมการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องในการ
ควบคุม ป้ องกันและแก้ไขปั ญหา
วิกฤตการณ์ทรัพยากรน้ำในประเทศไทย
ปั ญหาน้ำกร่อย เกิดจากน้ำทะเลหนุนขึน
้ ตามแม่น้ำลำคลองในช่วงฤดูแล้ง ตลอดจน
การทำนากุ้ง และปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำลำคลอง เกิดปั ญหาปริมาณเกลือปะปนอยู่ในน้ำ
เกินระดับพอดี ปั ญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำเพื่อ
กิจกรรมต่างๆ ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ต่อการจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาแหล่ง
น้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำที่เก็บกักได้มจำ
ี นวนจำกัด แต่ความต้องการใช้น้ำมีปริมาณเพิ่ม
ขึน
้ ตลอดเวลา ทัง้ ในด้านเกษตรกรรมอุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค เป็ นผลให้มี
น้ำไม่พอกับความต้องการ การบริหารการจัดการยังไม่มีระบบที่ชัดเจนต่อเนื่องและ
ประสานสอดคล้องกัน
สาเหตุที่มนุษย์ทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมมีหลายสาเหตุดังนี ้
1. การเพิ่มของประชากรโลก เป็ นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความเจริญทางด้านการ
แพทย์ ช่วยลดอัตราการตาย โดยการเพิ่มประชากรนี ้ ก่อให้เกิดการบริโภคทรัพยากร
มากขึน
้ มีของเสียมากขึน
้
2. พฤติกรรมการบริโภค อันเนื่องมาจาก ต้องการให้คุณภาพชีวิตดีขน
ึ ้ มีความ
สุขสบายขึน
้ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติสน
ิ ้ เปลือง มีขยะและของเสียมากขึน
้ ส่งผลก
ระทบต่อ สิ่งแวดล้อมและตัวมนุษย์เอง
3. ความโลภของมนุษย์ โดยนำทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมาใช้เพื่อให้ตนเอง
มีความร่ำรวย ขาดสติยงั ้ คิด ถึงสิ่งแวดล้อม เป็ นผลส่งให้เกิดปั ญหา สิ่งแวดล้อม ที่มา
กระทบต่อมนุษย์เองในที่สุด
4. ความไม่ร้ทำ
ู ให้มนุษย์ ขาดการรู้เท่าทันบนรากฐานแห่งความจริงใน
สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้มนุษย์ขาดสติในการใช้
ทรัพยากรธรรมชาติ มีพฤติกรรมการบริโภค อันเป็ นการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยขาด
การคาดการณ์
แนวคิดเกี่ยวกับปั ญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แนวทางการมองแบบ นิเวศวิทยาการเมือง(Political Ecology) ที่มองประเด็นปั ญหา
สภาพแวดล้อม ว่าไม่ได้เกิดจากปั ญหาระบบนิเวศพังทลาย แต่เกิดจากโครงสร้าง
ทางการเมือง ความไม่เป็ นธรรม และความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ก่อให้เกิดปั ญหาแย่งชิง
ทรัพยากรและนำไปสู่การทำลายธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในที่สุด ดังนัน
้ เราจึงต้อง
มอง “กายภาพทัง้ หมดของโลกธรรมชาติ” เสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนิเวศวิทยา
ของมนุษย์ (Holistic ecology) ทัง้ นีแ
้ นวคิดนิเวศวิทยาเชิงระบบ มีรายละเอียด
ดังนี ้
Holistic ecology มีข้อสรุปที่สำคัญ คือ วิกฤตการณ์ทางสิ่งแวดล้อมของสังคมไม่ได้
เกิดมาจากปั จจัยตัวเดียว หากแต่เป็ นผลผลิตร่วมกันของระบบความสัมพันธ์ทงั ้ หมดที่
เกี่ยวข้องกับประชากรทรัพยากร เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และ
การเมือง สาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ทางสิ่งแวดล้อมมีดังนี ้
ปั ญหาประชากร : การมีประชากรมากเกินสร้างแรงกดดันให้แก่ระบบทรัพยากรใน
ชนบท รวมไปถึงสร้างความตึงเครียดให้แก่การใช้ทรัพยากรทั่วไป และก่อให้เกิดการ
ขยายตัวของมลภาวะหลายรูปแบบ
วิกฤตการณ์ของสังคมเมือง:วิกฤตการณ์ในชนบทผลักดันให้ผู้คนเป็ นจำนวนมากต้อง
อพยพเข้ามาในเมืองใหญ่ ซึ่งก่อให้เกิดปั ญหาสังคมเมือง
ความล้มเหลวในการจัดการเกี่ยวกับการควบคุมมลภาวะ : รัฐ และระบบราชการไม่
ประสิทธิภาพในการใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปั ญหาสิ่งแวดล้อมประเภทต่างๆ
ลัทธิบริโภค : แบบแผนการบริโภคที่ได้รับอิทธิพลมาจากอุดมการณ์ทุนนิยม เร้าให้มี
การบริโภคมากขึน
้ ๆ ซึ่งเป็ นการเผาผลาญทรัพยากรอย่างไร้เหตุผล เพื่อส่งเสริมธุรกิจ
ทุนนิยมที่มุ่งแสวงหากำไร
ลัทธิบูชาเทคโนโลยี : ความหลงใหลในไฮเทคทำให้การละเลยเทคโนโลยีแบบสายกลาง
การใช้เทคโนโลยีเป็ นไปเพื่อการแสวงหากำไรมากกว่าที่จะคำนึงผลกระทบต่อ
วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
การละเลยความคิดแบบนิเวศ : การไม่คำนึงถึงกฎพื้นฐานของนิเวศวิทยาก่อให้เกิด
การกระทำหลายอย่างมีผลกระทบทำลายระบบนิเวศ รวมไปถึงความหลากหลายทาง
นิเวศของป่ าเขา แม่น้ำ ชีวิตสัตว์ป่า
วิกฤตการณ์ของการจัดการทางเศรษฐกิจ : ยุทธศาสตร์ที่เน้นเรื่องความเจริญเติบโตส่ง
เสริมการใช้ทรัพยากรและการทำลายล้างธรรมชาติอย่างกว้างขวางในระยะสัน
้ จนก่อ
ให้เกิดวิกฤตการณ์ของโลกธรรมชาติในระยะยาว
พฤติกรรมของปั จเจกชนที่เน้นผลประโยชน์ส่วนตน : ทัศนคติที่ต้องการพิชิตธรรมชาติ
และจริยธรรมทุนนิยม ส่งเสริมให้ปัจเจกชนมุ่งแสวงหาอรรถประโยชน์สูงสุดเพื่อตัวเอง
โดยไม่คำนึงถึงสังคมส่วนรวม ไม่คำนึงถึงอนาคต ไม่คำนึงถึงชนรุ่นหลัง
เป็ นเพียงปั จจัยบางประการเท่านัน
้ ที่มีส่วนก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางสิ่งแวดล้อม แต่สิ่ง
สำคัญ คือ ปั จจัยเหล่านีล
้ ้วนแต่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างระบบใหญ่ของสังคมมนุษย์ ดัง
นัน
้ การเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขปั ญหาทางสิ่งแวดล้อม จึงต้องมุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลง
ระบบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม รวมทัง้ ระหว่างสังคมกับธรรมชาติ
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงเช่นว่านีจ
้ ะเกิดขึน
้ ได้ก็ต่อเมื่อผู้คนเป็ นจำนวน
มากขึน
้ มีจิตสำนึกทางนิเวศแบบมหภาคและเริ่มมองเห็นความจำเป็ นของการ
เปลี่ยนแปลง รวมทัง้ พร้อมที่จะเข้าร่วมเคลื่อนไหวในระดับชาติได้อย่างต่อเนื่อง
แนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
การเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็ว (Exponential) ทำให้มีการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้
สนองความต้องการในการดำรงชีวิตมากขึน
้ ทัง้ ทางด้านปริมาณและคุณภาพ ซึ่งบางครัง้
เกินความจำเป็ น จนทำให้ระบบนิเวศต่าง ๆ เสียสมดุล ทรัพยากรธรรมชาติบางอย่าง
เสื่อมโทรม จึงมีความจำเป็ นอย่างยิ่งที่จะต้องหาวิธีการ ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างเหมาะสมและมีเหตุผล ทัง้ นีร้ วมไปถึงการควบคุมขนาดประชากรโลกให้มีความ
เหมาะสมกับทรัพยากรของโลก ขณะเดียวกันก็ต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย
บทสรุป
มนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิด
ทัง้ นีเ้ พราะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็ นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้มนุษย์ได้รับ
ปั จจัยสี่ ซึ่งได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย แต่ขณะเดียวกัน
การกระทำของมนุษย์เองได้ส่งผลกระทบต่อสภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อม ยิ่งไปกว่านัน
้ มนุษย์ยังได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างฟุ ่มเฟื อย
และไม่มีแผนการจัดการ จึงมีผลทำให้เกิดปั ญหาความเสื่อมโทรมและการขาดแคลน
ทรัพยากรธรรมชาติรวมทัง้ ก่อให้เกิดปั ญหาสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยซึ่งเป็ นประเทศ
กำลังพัฒนาได้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเร่งรัดการพัฒนา
เศรษฐกิจของประเทศโดยขาดความระมัดระวังและคำนึงถึงการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เพียงพอมาโดยตลอด ทำให้ปัญหาความ
เสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและการแพร่กระจายของปั ญหามลพิษ จนเห็นได้
อย่างชัดเจนในปั จจุบัน อาทิเช่น พื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุก ทำลาย จนมีสัดส่วนไม่เหมาะสม
กับการรักษาสภาพความสมดุลของระบบธรรมชาติหรือระบบนิเวศ หรือภาวะอากาศ
เสียในเขต กรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจากควันพิษรถยนต์ การเกิดปฏิบัติการเรือน
กระจก (โลกร้อน) เป็ นต้น
คุณค่าที่ได้รับ
1.ทำให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติที่มีผลต่อมนุษย์เราทัง้ ด้านดีเเละด้านลบ
2.ทำให้ร้ค
ู ุณค่าเเละจัดสรรสิ่งที่จำเป็ นต้องใช้ในการดำรงชีวิตในเเต่ละวันอย่างคุ้มค่า
3.ทำให้ร้ถ
ู ึงปั ญหาเเละวิธีที่จะรับมือกับปั ญหา
บทความทางวิชาการ
เรื่อง สาระน่ารู้เกี่ยวกับไข่
สรุป
1.ทำให้ได้ร้ถ
ู ึงประโยชน์เเละโทษของไข่
2.ทำให้ได้ร้ว
ู ่าในไข่มีสาร โปรตีน เเคลเซียมชนิดใดบ้าง
3.ทำให้ร้ถ
ู ึงวิธีการรับที่ถูกต้องว่าควรจะทานเท่าไหร่ถึงจะพอดี
บทความทางวิชาการเรื่องหมากเม่าผลไม้พ้น
ื บ้านสะท้านสู่สากล
บทนำ
วงศ์ STILAGINACEAE
ชื่ออื่น : เม่าเสีย
้ น มัดเซ มะเม่า หมากเม่า
นิเวศวิทยาและการแพร่กระจาย : พบแพร่กระจายอยู่ทั่วไปในภาคตะวัน
ออกเฉียงเหนือตอนบน เช่น สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร และ
หนองคาย มีความทนแล้งได้ดี
จากเดิมเม่าหลวงเป็ นเพียงผลไม้พ้น
ื บ้าน ที่ร้จ
ู ักและบริโภคกันเฉพาะใน
ท้องถิ่นเท่านัน
้ แต่ในปั จจุบันเม่าหลวงกลายเป็ นที่ร้จ
ู ักกันอย่างแพร่หลาย มีผู้บริโภค
เม่าหลวงในรูปผลสดและในลักษณะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการแปรรูปมากขึน
้ ทัง้ นีเ้ นื่องจาก
เม่าหลวงมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีความปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง เพราะ
เป็ นพืชที่เกิดเองตามธรรมชาติโดยใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตค่อนข้างน้อย อาจ
กล่าวได้ว่า การให้ความรู้ดา้ นคุณค่าทางโภชนาการและการนำผลเม่าหลวงที่มีอยู่ใน
ธรรมชาติมาแปรรูปเป็ นผลิตภัณฑ์ ถือว่าเป็ นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (value added) ให้
กับไม้ผลท้อง ถิ่นชนิดนีอ
้ ีกทางหนึ่ง ทำให้มีอุปสงค์มากขึน
้ ส่งผลให้ราคาของเม่าหลวง
สูงขึน
้ จากเดิมที่เคยปล่อยทิง้ ขว้างหรือจำหน่ายเพื่อกินผลสดราคาประมาณกิโลกรัมละ
10-15 บาท แต่ในปั จจุบันราคากลับเพิ่มสูงขึน
้ ถึงกิโลกรัมละ 25-45 บาท ซึ่งในอนาคต
มีแนวโน้มที่จะใช้เม่าหลวงเป็ นแหล่งวัตถุดิบ เพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรมอาหารมากยิ่ง
ขึน
้ สามารถจำแนกประโยชน์จากเม่าหลวงได้ดังนี ้ (อร่าม คุ้มกลาง และวินัย แสงแก้ว,
2543: 40-49)
2. สรรพคุณทางสมุนไพร พบว่าถ้าหากรับประทานผลเม่าหลวงในปริมาณเหมาะสม จะ
มีสรรพคุณเป็ นยาระบายและบำรุงสายตา นอกจากนัน
้ ยังสามารถใช้ใบสด นำมาอังไฟ
เพื่อใช้ประคบแก้อาการฟกช้ำดำเขียวได้อีกด้วย
แท้ (pure juice) น้ำเม่าเข้มข้น (squash) น้ำเม่าพร้อมดื่ม เป็ นต้น 2) สุราแช่ ได้แก่
ไวน์เม่า 3) อื่นๆ เช่น แยมเม่า เม่ากวน Topping เม่า (ลักษณะคล้ายคาราเมลใช้ราด
ไอศกรีม) เป็ นต้น
4. สีสกัดจากเม่า น้ำคัน
้ ที่ได้จากผลเม่าหลวงสุกจะให้สีม่วงเข้ม ซึ่งเกิดจากเม็ดสีในกลุ่ม
สาร xanthophylls จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า สีที่ได้จะมีคุณสมบัติคงทนต่อการ
เปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ดี โดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง ไม่ว่าจะเป็ นการต้มหรือ
นึ่ง จึงเหมาะที่จะนำมาทำสีผสมอาหาร ซึ่งเป็ นสีที่ได้จากธรรมชาติและปลอดภัยต่อผู้
บริโภค
5. ประโยชน์อ่ น
ื ๆ จากต้นเม่า เช่น ปลูกเป็ นไม้ให้ร่มเงา ไม้ประดับ และหากต้นเม่า
มีอายุมากกว่าสิบปี สามารถนำเนื้อไม้มาใช้ทำที่อยู่อาศัยและเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย
1.การเพาะเมล็ด
2.การขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง
3.การขยายพันธุ์แบบเสียบยอด
คุณค่าทางโภชนาการ
คุณค่าทางอาหาร ของ ผลเม่า
สำหรับการนวดประคบเพื่อผ่อนคลายและรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
การแปรรูป
สรุป
หมากเม่าเป็ นผลไม้ที่ได้จากไม้ยืนต้นสูงใหญ่ของไทย มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ผ่านการ
คัดสรรโดยวิวัฒนาการธรรมชาติมานับล้านปี สายพันธุ์บริสุทธิผ์ ุดผ่องอุดมตามเทือกเขา
ภูพาน จังหวัดสกลนคร ซึ่งให้ผลโต คุณภาพสูงกว่าแหล่งอื่นๆเป็ นผลไม้อุดมด้วยคุณค่า
ทางอาหารแร่ธาตุและวิตามินเช่น โปรตีน เยื่อใยคาร์โบไฮเดรท แคลเซี่ยม เหล็ก
วิตามิน บี ๑ บี ๒ วิตามินซี ปริมาณสูงเป็ นผลไม้ที่มีวิตามินอี มีคุณค่าสูง เป็ นสารต้าน
อนุมูลอิสระ ช่วยให้อายุยืนสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงจากมะเร็งเป็ นผลไม้ที่มีสีม่วง
แดง อันมีส่วนประกอบของสารแอโทไซยานินและสารต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราเสี่ยง
ของการเกิดโรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตันในสมอง จากการยับยัง้ โลหิตจับตัวเป็ นก้อน ดัง
นัน
้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมาสนับสนุน ส่งเสริมให้ความสำคัญของหมากเม่าผลไม้
พื้นบ้าน ให้กลายเป็ นผลไม้ระดับสากล
คุณค่าที่ได้รับ
1.หมากเม่าสามารถนำมาในทำประโยชน์ได้หลายอย่าง
2.ทำให้ร้ถ
ู ึงคุณค่าของหมากเม่า
3.หมากเส่าสามารถต้านไวรัสต่างๆได้