You are on page 1of 10

24 การถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจ : วิเคราะห์ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่

The Balance of Power between the Great Powers: Neo-Realism Theory Analysis

การถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจ : วิเคราะห์ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่
The Balance of Power between the Great Powers: Neo-Realism Theory
Analysis

บทความวิชาการ
บรรจง ไชยลังกา
กองบัญชาการกองทัพบก
E-mail: bon_chance_c21@hotmail.co.th

บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของบทความนี้ เพื่อศึกษาถึงการถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจตามมุมมองของทฤษฎี
สัจนิยมใหม่ โดยเก็บข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ และอินเทอร์เน็ต ของสถาบันการศึกษา หน่วยงานทางวิชาการ และผูเ้ ชีย่ วชาญ
ทางยุทธศาสตร์
ผลการศึกษาพบว่าโครงสร้างของระบบระหว่างประเทศ ขึน้ อยูก่ บั บทบาทระหว่างประเทศของประเทศมหาอ�ำนาจ
เป็นหลัก และพฤติกรรมระหว่างประเทศของประเทศมหาอ�ำนาจขึ้นอยู่กับผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศมหาอ�ำนาจ
และลักษณะของขัว้ อ�ำนาจ เมือ่ ผลประโยชน์ของประเทศมหาอ�ำนาจเปลีย่ นแปลง พฤติกรรมระหว่างประเทศของประเทศ
มหาอ�ำนาจก็จะเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลให้ระบบดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปด้วย

ค�ำส�ำคัญ : ระบบระหว่างประเทศ, บทบาทระหว่างประเทศของมหาอ�ำนาจ, พฤติกรรมระหว่างประเทศ, ผลประโยชน์


แห่งชาติดุลอ�ำนาจ

Abstract
The purposes of this article were to investigate the balance of power between the great
powersaccording to neo-realism theory. Data was collected from documents and internets of educational
& research institutions and strategic experts.
The findings of this study were as follow: Patterns of international system are based on the great
powers' international roles. Behaviors of the great powers depend on their interests and the international
power polar. When the interests of the great powers change, their international behavior will change,
consequently, the international balance of power system will change.

 บรรจง ไชยลังกา
วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 25
NATIONAL DEFENCE STUDIES INSTITUTE JOURNAL

Keywords: International System, the Great Powers' ผู ้ เขี ย นจะศึ ก ษาถึ ง การเปลี่ ย นแปลงดุ ล อ� ำ นาจ
International Roles, International Behavior, National ระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจตามทฤษฎีสจั นิยมใหม่โดยการ
Interests, Balance of Power วิเคราะห์ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นจนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น
๔ ตอน ได้แก่
บทน�ำ ตอนที่ ๑ ระบบดุลอ�ำนาจในยุคสงครามเย็นตอนต้น
ตามทฤษฎี สั จ นิ ย มใหม่ (Neo-Realism) ของ (ค.ศ. ๑๙๔๗ – ๑๙๗๐)
Kenneth N. Waltz นั้น รัฐต่าง ๆ มีปฏิสัมพันธ์กันอยู่ ตอนที่ ๒ ระบบดุ ล อ� ำ นาจในยุ ค สงครามเย็ น
ภายใต้โครงสร้างของระบบระหว่างประเทศ โดยประเทศ ตอนปลาย (ค.ศ. ๑๙๗๐ – ๑๙๙๑)
มหาอ�ำนาจมีบทบาทมากทีส่ ดุ ท�ำให้แนวคิดเรือ่ งขัว้ อ�ำนาจ ตอนที่ ๓ ระบบดุลอ�ำนาจในยุคหลังสงครามเย็น
และผลประโยชน์ของประเทศมหาอ�ำนาจ เป็นพื้นฐาน ตอนต้น (ค.ศ. ๑๙๙๒ – ๒๐๐๘)
ส�ำคัญในการวิเคราะห์ระบบระหว่างประเทศทฤษฎีสจั นิยม ตอนที่ ๔ ระบบดุลอ�ำนาจในยุคหลังสงครามเย็น
ใหม่มีองค์ประกอบส�ำคัญ ๓ ประการ (ศิริสุดา, ๒๕๕๗: ตอนปลาย (ค.ศ. ๒๐๐๙ – ปัจจุบัน)
๓๓-๕๔) ได้แก่ หลักการจัดระเบียบ (Ordering Principles)
โดยในระบบระหว่ า งประเทศมี ก ารจั ด ระเบี ย บแบบ ตอนที่ ๑ ระบบดุลอ�ำนาจในยุคสงครามเย็นตอนต้น
อนาธิปไตย (Anarchy) แต่ละรัฐเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน (ค.ศ. ๑๙๔๗ – ๑๙๗๐)
ไม่มีอ�ำนาจศูนย์กลาง แต่ละรัฐต้องช่วยตัวเอง (Self-help) สงครามเย็ น (วิ กิ พี เ ดี ย ) เกิ ด ขึ้ น ในช่ ว งหลั ง
องค์ประกอบนี้มีลักษณะคงที่, การแบ่งงานกันท�ำ (Differ- สงครามโลกครั้ ง ที่ ๒ เพราะเมื่ อ สงครามโลกสิ้ น สุ ด ลง
entiation of Functions) โดยในระบบระหว่างประเทศ ได้ท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอ�ำนาจทางการเมืองระหว่าง
ไม่มีการแบ่งหน้าที่ระหว่างหน่วยในระบบ แต่ละรัฐต้อง ประเทศ โดย อังกฤษ ฝรัง่ เศส เยอรมนี อิตาลี หมดอ�ำนาจลง
ท�ำทุกเรื่องด้วยตนเอง องค์ประกอบนี้ก็มีลักษณะคงที่อีก สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตขึน้ มาเป็นมหาอ�ำนาจแทน
เช่นกัน และการกระจายขีดความสามารถ (Distribution of อีกทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตขาดจุดมุ่งหมาย
Capabilities) ระหว่างรัฐในระบบไม่เท่ากัน เพราะแต่ละรัฐ ที่จะด�ำเนินการร่วมกันอีกต่อไป ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น
มีทรัพยากรไม่เท่ากัน แต่ละรัฐจึงท�ำหน้าที่ได้แตกต่างกัน หลังจากทั้งสองประเทศมีมุมมองต่ออนาคตของประเทศ
และน�ำไปสู่แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ (Pattern ในยุโรปตะวันออก และประเทศเยอรมนีแตกต่างกัน และ
of behavior) องค์ประกอบนี้ไม่คงที่ เพราะขีดความ ท�ำให้เกิดความขัดแย้งทางอุดมการณ์อย่างชัดเจน เพราะ
สามารถของรัฐมีการเปลี่ยนแปลงได้และสามารถส่งผล ประเทศทั้งสองได้เคยตกลงกันไว้ที่เมืองยัลตา (Yalta)
ต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบระหว่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๔๕ ว่า “เมื่อสิ้นสงครามแล้ว
อันเป็นตัวแปรต้นหรือเป็นสาเหตุ (Independent Variable จะมีการสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยใน
หรือ Cause) ทีม่ ตี อ่ ตัวแปรตาม (Dependent Variable หรือ ประเทศเหล่านั้น” แต่เมื่อสงครามยุติลง สหภาพโซเวียต
Effect) ได้แก่ พฤติกรรมของรัฐที่เกี่ยวข้องในการถ่วงดุล ได้ใช้ความได้เปรียบของตนในฐานะที่มีก�ำลังกองทัพอยู่
อ�ำนาจ (Balance of power) ในประเทศเหล่านั้น โดยการสถาปนาประชาธิปไตยตาม
แบบของตนขึ้นที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยของประชาชน”

ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๙


Vol. 7 No. 3 September - December ๒016
26 การถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจ : วิเคราะห์ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่
The Balance of Power between the Great Powers: Neo-Realism Theory Analysis

สหรัฐอเมริกาจึงท�ำการคัดค้าน เพราะประชาธิปไตยตาม การแทรกซึมบ่อนท�ำลาย การประณาม การแข่งขันกันสร้าง


ความหมายของสหรัฐอเมริกา หมายถึง “เสรีประชาธิปไตย ก�ำลังอาวุธ และแสวงหาอิทธิพลในประเทศเล็ก
ที่จะเปลี่ยนรัฐบาลได้โดยวิธีการเลือกตั้งที่เสรี” แต่สหภาพ ค.ศ. ๑๙๔๗ – ๑๙๕๐ เป็นช่วงแรกของสงครามเย็น
โซเวียตได้ยืนกรานที่จะไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ ส หภาพโซเวี ย ตให้ ก� ำ เนิ ด ค่ า ยตะวั น ออก โดยในปี
ส่ ว นในประเด็ น ที่ เ กี่ ย วกั บ ประเทศเยอรมนี ก็ เช่ น กั น ค.ศ. ๑๙๔๙ กองก�ำลังคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การน�ำของ
สหภาพโซเวียตไม่ยอมปฏิบัติการตามการเรียกร้องของ เหมา เจ๋อ ตุง สามารถล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยภายใต้
สหรัฐอเมริกาที่ให้มีการรวมเยอรมนี และสถาปนาระบอบ การปกครองของพรรคก๊กมินตั๋งได้ และสหภาพโซเวียตได้
เสรีประชาธิปไตยในประเทศนี้ตามที่ได้เคยตกลงกันไว้ ท�ำสัญญาเป็นพันธมิตรกับสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงมีจนี
สงครามเย็ น ได้ ลุ ก ลามและแผ่ ข ยายจนสร้ า ง เข้าร่วมเป็นผู้น�ำด้วย ท�ำให้เกิดความหวาดระแวงในเวที
ความตึงเครียดไปทั่วโลก ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างก็ยึดถืออุดมการณ์ การเมืองระหว่างประเทศเพราะอุดมการณ์คอมมิวนิสต์
ของตนเป็นแนวทางในการด�ำเนินนโยบายต่างประเทศ มีเป้าหมายมุ่งท�ำลายล้างทุนนิยมของอุดมการณ์ของกลุ่ม
และเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางด้าน เสรีประชาธิปไตย ส่วนสหรัฐอเมริกาคิดเกี่ยวกับทฤษฎี
ผลประโยชน์และเขตอิทธิพล เพือ่ ครองความเป็นผูน้ ำ� ของโลก โดมิโน ลัทธิทรูแมน แผนการมาร์แชลล์ และการระวังภัย
และทัง้ ๒ ฝ่าย ไม่ทำ� สงครามกันโดยตรง แต่จะพยายามสร้าง จากลัทธิคอมมิวนิสต์ ในช่วง ค.ศ. ๑๙๕๐ – ๑๙๗๕ เป็น
แสนยานุภาพทางการทหารของตนไว้ขม่ ขูฝ่ า่ ยตรงข้าม และ ช่วงของวิกฤตการณ์ทเี่ กิดการขัดแย้งและการเผชิญหน้ากัน
สนับสนุนให้ประเทศพันธมิตรของตนเข้าท�ำสงครามแทน รุนแรงที่สุดในสงครามเย็น ทั้งสงครามเกาหลี (ค.ศ. ๑๙๕๐
หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสงครามตัวแทน (Proxy War) – ๑๙๕๓) สงครามเวียดนาม (ค.ศ. ๑๙๕๗ – ๑๙๗๕)
เหตุที่เรียกสงครามเย็น เนื่องจากเป็นการต่อสู้กันระหว่าง การสร้างก�ำแพงเบอร์ลิน (ค.ศ.๑๙๖๑) และวิกฤตการณ์
มหาอ�ำนาจ โดยใช้จิตวิทยา ไม่ได้น�ำพาไปสู่การต่อสู้ด้วย ขีปนาวุธทีค่ วิ บา (ค.ศ. ๑๙๖๒) สามารถแสดงเป็นโครงสร้าง
ก� ำ ลั ง ทหารโดยตรง แต่ ใ ช้ วิ ธี ก ารโฆษณาชวนเชื่ อ ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่ได้ตามภาพที่ ๑

 บรรจง ไชยลังกา
วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 27
NATIONAL DEFENCE STUDIES INSTITUTE JOURNAL ๕

หลักการจัดระเบียบ แบบอนาธิปไตย การช่วยเหลือตัวเอง


(Ordering Principles) (Anarchy) (Self-help)

การแบ่งงานกันทํา
(Differentiation of Functions) แต่ละรัฐต้องทําทุกเรื่องด้วยตนเอง

การกระจายขีดความสามารถ
(Distribution of Capabilities) แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ
 พลังอํานาจของค่ายเสรีนิยมที่นําโดย (Pattern of behavior)
สหรัฐอเมริกา (Independent Variable หรือ Cause)
 พลังอํานาจของค่ายคอมมิวนิสต์ที่นําโดยสหภาพ  ระบบ ๒ ขั้วอํานาจระดับโลก
โซเวียตและจีน

พฤติกรรมการถ่วงดุลอํานาจ (Balance of power) (Dependent Variable หรือ Effect)


 นโยบายต่างประเทศของฝ่ายสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรได้แก่ การต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิ
คอมมิวนิสต์
 เหตุการณ์สําคัญ (Focusing Events) ได้แก่ สงครามเกาหลี, สงครามเวียดนาม, การสร้างกําแพงเบอร์ลิน,
และวิกฤตการณ์คิวบา
ภาพที่ ๑ โครงสร้างระบบระหว่างประเทศยุคสงครามตอนเย็น ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่ (Neo realism)
ที่มา : บรรจง
ภาพทีไชยลั งกา ประยุ
่ ๑ โครงสร้ กต์มาจากทฤษฎี
างระบบระหว่ สัจนิยมใหม่
างประเทศยุ คสงครามเย็น ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่ (Neo-Realism)
ที่มา: บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่

ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๙


Vol. 7 No. 3 September - December ๒016
28 การถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจ : วิเคราะห์ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่
The Balance of Power between the Great Powers: Neo-Realism Theory Analysis

ตอนที่ ๒ ยุคสงครามเย็นตอนปลาย (ค.ศ. ๑๙๗๑ – การเปลีย่ นแปลงนโยบายต่างประเทศของจีน ท�ำให้


๑๙๙๑) ระบบ ๒ ขั้วอ�ำนาจเริ่มไม่สมดุล น�ำไปสู่เหตุการณ์ส�ำคัญ
ตอนปลายยุคสงครามเย็น จีนขัดแย้งกับสหภาพ ได้ แ ก่ เวี ย ดนามยึ ด ครองกั ม พู ช า(๑๙๗๘ - ๑๙๘๙)
โซเวียตอย่างรุนแรง โดยในปี ค.ศ. ๑๙๖๙ ได้เกิดการปะทะ (วิกิพีเดีย) ซึ่งถือเป็นบริวารของจีน โดยสหภาพโซเวียต
ทางทหารระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียตที่เกาะเจินเป่า ให้การสนับสนุนเต็มที่ เพื่อปิดล้อมจีนจากด้านเอเชียตะวัน
(Zhenbao Island) ซึ่งจีนเสียหายมากจีนจึงรู้ตัวว่า จีน ออกเฉียงใต้ จีนจึงต้องท�ำสงครามสัง่ สอนเวียดนาม (๑๙๗๙)
ไม่สามารถจะต้านทานสหภาพโซเวียตได้ตามล�ำพัง ประกอบ (วิกิพีเดีย) ต่อมาสหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน
กั บ สหภาพโซเวี ย ตได้ บุ ก เข้ า ยึ ด ครองเชโกสโลวาเกี ย (๑๙๗๙-๑๙๘๙) (วิกิพีเดีย) เพื่อปิดล้อมจีนจากด้านตะวัน
ซึ่ ง เป็ น คอมมิ ว นิ ส ต์ ด ้ ว ยกั น เพราะไม่ ด� ำ เนิ น แนวทาง ตกเฉียงใต้
คอมมิวนิสต์ตามแบบสหภาพโซเวียต จีนจึงตระหนักว่า เหตุ ก ารณ์ ที่ เ ป็ น สั ญ ลั ก ษณ์ ข องการสิ้ น สุ ด ของ
สหภาพโซเวี ย ตเป็ น ภั ย คุ ก คามต่ อ ความมั่ น คงของจี น ที่ สงครามเย็น ได้แก่ การท�ำลายก�ำแพงเบอร์ลินในปี ค.ศ.
น่ากลัวที่สุด ๑๙๘๙ และการรวมประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. ๑๙๙๐
สถานการณ์ดังกล่าว ท�ำให้จีนต้องสถาปนาความ และรัฐต่าง ๆ ในสหภาพโซเวียตต่างแยกตัวเป็นประเทศ
สัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. ๑๙๗๑ – อิสระ มีผลท�ำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี ค.ศ.
๑๙๗๒ (Wikipedia) เพื่อถ่วงดุลกับสหภาพโซเวียตและ ๑๙๙๑ และอ�ำนาจระหว่างประเทศส่วนใหญ่ได้กระจาย
ในปี ค.ศ. ๑๙๗๘ เมื่ อ เติ้ ง เสี่ ย วผิ ง ได้ ขึ้ น สู ่ อ� ำ นาจ ไปสู่สหรัฐอเมริกา ท�ำให้ระบบดุลแห่งอ�ำนาจ (balance
จึงเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านความมั่นคงของจีน โดยการ of power) ของโลก กลายเป็ น ระบบขั้ ว อ� ำ นาจเดี ย ว
ยุตกิ ารสนับสนุนการปฏิวตั แิ ละการต่อสูท้ างชนชัน้ แก่พรรค (unipolarity) ทีน่ ำ� โดยสหรัฐอเมริกาหรือทีเ่ รียกว่า American
คอมมิวนิสต์ในประเทศต่าง ๆ โดยถือว่า การปฏิวัติเป็น hegemony (จิตติภทั ร, ๒๕๕๓: ๑-๓๑) ดังแสดงในภาพที่ ๒
กิจการทางการเมืองภายในของแต่ละประเทศ และจีนพร้อม
ทีจ่ ะอยูร่ ว่ มอย่างสันติกบั ประเทศทีม่ กี ารปกครองทีแ่ ตกต่าง
กับจีน เพื่อถ่วงดุลอ�ำนาจกับสหภาพโซเวียต

 บรรจง ไชยลังกา
วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 29
NATIONAL DEFENCE STUDIES INSTITUTE JOURNAL

การกระจายขีดความสามารถ (Distribution of Capabilities)


 พลังอํานาจของค่ายเสรีนิยมที่นําโดยสหรัฐอเมริกามีจีนเป็นแนวร่วมเพิ่มขึ้น
 พลังอํานาจของค่ายคอมมิวนิสต์ลดลง เหลือสหภาพโซเวียตเป็นผู้นําเพียงประเทศเดียว

แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ(pattern of behavior)
 ระบบ ๒ ขั้วอํานาจระดับโลกใหม่ (เริ่มไม่สมดุล)

พฤติกรรมการถ่วงดุลอํานาจ (Balance of power)


 นโยบายต่างประเทศของฝ่ายสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรโดยมีจีนเป็นแนวร่วมได้แก่ การต่อต้านการแผ่
ขยายอิทธิพลของสหภาพโซเวียต
 เหตุการณ์สําคัญ (Focusing Events)
 ขั้นยัน ได้แก่ เวียดตนามยึดครองกัมพูชา (๑๙๗๘ - ๑๙๘๙), จีนทําสงครามสั่งสอนเวียดตนาม (๑๙๗๙),
สหภาพโซเวียตดยึดครองอัฟกานิสถาน (๑๙๗๙ - ๑๙๘๙)
 ขั้นการสิ้นสุดสงครามเย็น ได้แก่ การทําลายกําแพงเบอร์ลิน (๑๙๘๙), การรวมประเทศเยอรมนี (๑๙๙๐),
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต (๑๙๙๑)

ภาพที่ ๒ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบระหว่างประเทศตอนปลายยุคสงครามเย็น
ภาพที่ ๒ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบระหว่างประเทศตอนปลายยุคสงครามเย็น
ที่มา : บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่
ที่มา: บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่
ตอนที่ ๓ ยุคหลังสงครามเย็นตอนต้น (ค.ศ.๑๙๙๒ – ๒๐๐๘)
เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ครองอํานาจหนึ่งเดียวของโลก ได้ขยายผลจากการล่ม
ตอนที่ ๓ ยุคหลังสงครามเย็
สลายของสหภาพโซเวี นตอนต้
ยต โดยการรุ กเข้นาไปจั
(ค.ศ. ๑๙๙๒
ดระเบี – โรปตะวั
ยบในยุ นออกและทําสงครามในตะวั
ล่มสลายของสหภาพโซเวี นออกกลาง
ยต โดยการรุ ดังแสดง
กเข้าไปจัดระเบี ยบใน
๒๐๐๘)่ ๓ เพื่อครองความเป็นเจ้าในระดับโลก และเพื่อยึดครองแหล่
ในภาพที งพลันงออกและท�
ยุโรปตะวั งานในตะวัำนสงครามในตะวั
ออกกลาง (Kraemer,
นออกกลาง๒๐๐๖)
ดังแสดง
เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกากลายเป็น ในภาพที่ ๓ เพื่อครองความเป็นเจ้าในระดับโลก และเพื่อ
ผู ้ ค รองอ� ำ นาจหนึ่ ง เดี ย วของโลก ได้ ข ยายผลจากการ ยึดครองแหล่งพลังงานในตะวันออกกลาง (Kraemer, 2006)

ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๙


Vol. 7 No. 3 September - December ๒016
ตอนที่ ๓ ยุคหลังสงครามเย็นตอนต้น (ค.ศ.๑๙๙๒ – ๒๐๐๘)
เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ครองอํานาจหนึ่งเดียวของโลก ได้ขยายผลจากการล่ม
30 การถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจ : วิเคราะห์ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่
สลายของสหภาพโซเวียต โดยการรุกเข้าไปจัดระเบียบในยุโรปตะวันออกและทําสงครามในตะวันออกกลาง ดังแสดง
The Balance of Power between the Great Powers: Neo-Realism Theory Analysis
ในภาพที่ ๓ เพื่อครองความเป็นเจ้าในระดับโลก และเพื่อยึดครองแหล่งพลังงานในตะวันออกกลาง (Kraemer, ๒๐๐๖)
การกระจายขีดความสามารถ (Distribution of Capabilities)
 เมื่อจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐอเมริกา ทําให้ดุลอํานาจเปรียบเทียบ (Relative gain)
เปลี่ยนแปลงไป จนนําไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.๑๙๙๑ และพลังอํานาจระหว่างประเทศ
ส่วนใหญ่ ได้กระจายไปสู่สหรัฐอเมริกา

แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ (Pattern of behavior)


 ระบบดุลแห่งอํานาจ (Balance of power) โลกได้เปลี่ยนไปเป็นแบบขั้วอํานาจเดียว (Unipolarity) ทีน่ ําโดย
สหรัฐอเมริกา หรือ American hegemony

พฤติกรรมการถ่วงดุลอํานาจ (Balance of power) (ค.ศ.๑๙๙๒-๑๙๙๙)


 สหรัฐอเมริกา ขยายผลจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เพื่อครองความเป็นเจ้าระดับโลก โดยการใช้กําลัง
รบตามแบบรุกเข้าไปจัดระเบียบในยุโรปตะวันออก และเข้าทําสงครามเพื่อยึดครองแหล่งทรัพยากรพลังงานใน
ตะวันออกกลาง
ภาพที่ ๓ โครงสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายยุคหลังสงครามเย็นตอนต้น
ภาพที่ ๓ โครงสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายยุคหลังสงครามเย็นตอนต้น
ที่มา: บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่
ที่มา : บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่
ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหา ตอนที่ ๔ ยุคหลังสงครามเย็นตอนปลาย (ค.ศ. ๒๐๐๙ –
ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งเกินขอบเขตความสามารถที่จะทําได้
ระหว่ า งประเทศ ซึ่ ง เกิ น ขอบเขตความสามารถที่ จ ะ ปัจจุบัน)
(Imperial overstretch) จากการทําสงครามในอัฟกานิสถานและอิรักของประธานาธิบดีบุชทําให้เกิดช่องว่างระหว่าง
ท�ำได้ (Imperial overstretch) จากการท�ำสงครามใน การเสื่ อ มถอยลงของพลั ง อ� ำ นาจสหรั ฐ อเมริ ก า
เป้าหมายทางยุทธศาสตร์กับทรัพยากรที่มีอยู่ (หัสไชยญ์, ๒๕๕๕: ๘๒ – ๘๙) ทําให้พลังอํานาจในระบบระหว่าง
อั ฟ กานิ ส ถานและอิ รั ก ของประธานาธิ บ ดี บุ ช ท� ำ ให้ เ กิ ด ท�ำให้มหาอ�ำนาจรองลงมา เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย และญีป่ นุ่
ประเทศของสหรัฐอเมริกาเสื่อมถอยลง
ช่องว่างระหว่างเป้าหมายทางยุทธศาสตร์กับทรัพยากรที่มี ผงาดขึ้นมาพร้อมที่จะท้าทาย และระบบระหว่างประเทศ
ตอนที่ ๔ ยุคหลังสงครามเย็นตอนปลาย (ค.ศ.๒๐๐๙ – ปัจจุบัน)
อยู่ (หัสไชยญ์, ๒๕๕๕: ๘๒ – ๘๙) ท�ำให้พลังอ�ำนาจในระบบ กลายเป็นระบบหลายขั้วอ�ำนาจ ดังแสดงในภาพที่ ๔ ๙
ระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเสื่อมถอยลง

การกระจายขีดความสามารถ (Distribution of Capabilities)


 พลังอํานาจสหรัฐอเมริกาเสื่อมถอยลง
 พลังอํานาจของประเทศมหาอํานาจอื่นๆเพิ่มขึ้น

แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ (pattern of behavior)


 เปลี่ยนจากระบบขั้วอํานาจเดียว เป็นระบบหลายขั้วอํานาจ

ภาพที่ ๔ โครงสร้างระบบระหว่างประเทศ หลังยุคสงครามเย็นตอนปลาย


ภาพที่ ๔ โครงสร้างระบบระหว่างประเทศ ยุคหลังหลังสงครามเย็นตอนปลาย
ที่มา: บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่
ที่มา : บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่
 บรรจงสํไชยลั
าหรับงภูกามิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น เมื่อพลังอํานาจสหรัฐอเมริกาเสื่อมถอยลง แต่พลังอํานาจของจีนสูงขึ้น จึง
ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบระหว่างประเทศภายในภูมิภาคไปเป็นระบบ ๒ ขั้วอํานาจ ระหว่างจีนกับ
สหรัฐอเมริกา และได้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลประโยชน์แห่งชาติของทั้งสองฝ่าย โดยจีนมีความต้องการขยายความ
แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ (pattern of behavior)
 เปลี่ยนจากระบบขั้วอํานาจเดียว เป็นระบบหลายขั้วอํานาจ
วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 31
NATIONAL DEFENCE STUDIES INSTITUTE JOURNAL

ภาพที่ ๔ โครงสร้างระบบระหว่างประเทศ ยุคหลังหลังสงครามเย็นตอนปลาย


ที่มา : บรรจง ส�ำหรับภูไชยลั
มิภาคเอเชี งกา ประยุ
ย-แปซิกฟต์มิกาจากทฤษฎี
นั้น เมื่อพลังสอ�ัจำนินาจ
ยมใหม่ ประเทศเพื่อนบ้านบริเวณพื้นที่ทะเลจีนใต้และทะเลจีน
สหรัฐอเมริ สํากหรัาเสืบภู่อมมถอยลง
ิภาคเอเชีแต่ ย-แปซิ
พลังฟอ�ำิกนาจของจี
นั้น เมื่อพลันสูงอํงขึานาจสหรั
้น ตะวัฐอเมริ
นออกกาเสื ่อมถอยลง
ในขณะที ่สหรัแต่ พลังกอําค้
ฐอเมริ านาจของจี
นพบแหล่นงสูพลังขึง้นงานจึง
จึทํงาท�ให้ำเให้
กิดเ กิการเปลี
ด การเปลี ่ยนแปลงโครงสร้
่ ย นแปลงโครงสร้ างระบบระหว่
า งระบบระหว่างประเทศภายในภู มิภาคไปเป็
า ง ด้วยเทคโนโลยี นระบบFracturing
Hydraulic ๒ ขั้วอํานาจ ระหว่างจี
(Ladislaw, นกับ
Leed,
สหรัฐอเมริกา และได้
ประเทศภายในภู มิภาคเป็ เกิดนการเปลี
ระบบ ๒่ยขันแปลงผลประโยชน์
้วอ�ำนาจ ระหว่างจีน แห่ง&ชาติ ของทั้งสองฝ่
Walton, 2015)ายจึโดยจี นมีความต้
งเกิดการเปลี องการขยายความ
่ยนแปลงผลประโยชน์
กัเจริ ญด้าฐนเศรษฐกิ
บสหรั อเมริกา และได้ จไปยัเงกิภูดมการเปลี
ิภาคอื่น่ยของประเทศ
นแปลงผลประโยชน์ จึงใช้ยุทธศาสตร์ “One
ส�ำคัญแห่ งชาติbelt,
จากพลัone road”นด้(Godement,
งงานมาเป็ านเศรษฐกิจเป็๒๐๑๕) นหลัก
และต้
แห่ งชาติ องการสร้
ของทัง้ สองฝ่างความมั าย โดยจี ่นคงด้
นมีคาวามต้
นพลังองาน โดยการคุกคามประเทศเพื
งการขยายความ โดยอาศัยพื่อ้นนบ้ านบริ
ที่เอเชี เวณพืฟ้นิกทีเป็่ทนะเลจี
ย-แปซิ พื้นทีน่ฟใต้ื้นแฟูละทะเลจี
เศรษฐกิจน
ตะวัญนด้ออก
เจริ ในขณะที
านเศรษฐกิ ่สหรังฐภูอเมริ
จไปยั มิภาคอืกาค้่นนของประเทศ
พบแหล่งพลังจึงานด้ งใช้ วยเทคโนโลยี
ของตนด้ วHydraulic
ยข้ อ ตกลงหุFracturing
้ น ส่ ว นเศรษฐกิ (Ladislaw,
จ เอเชี ย -แปซิ Leed,ฟ ิ ก&
ยุWalton,
ทธศาสตร์๒๐๑๕) “One belt, จึงเกิดoneการเปลี
road” ่ยนแปลงผลประโยชน์
(Godement, 2015)สําคัญและการปรั แห่งชาติจากพลั
บ ก� ำงลังานมาเป็ นด้านเศรษฐกิ
ง ทหารในเอเชี ย ใหม่จเป็ เพืน่ อหลั
ถ่ วกงดุโดย

อาศัยอพืงการสร้
และต้ ้นที่เอเชีายงความมั
-แปซิฟน่ ิกคงด้เป็นาพืนพลั
้นที่ฟงงาน
ื้นฟูเโดยการคุ
ศรษฐกิจของตนด้
กคาม วยข้ อตกลงหุ
อ�ำนาจกั บจีน้นส่ดัวงแสดงในภาพที
นเศรษฐกิจเอเชี ่ ๕ย-แปซิฟิก และการปรับ
กําลังทหารในเอเชียใหม่ เพื่อถ่วงดุลอํานาจกับจีน ดังแสดงในภาพที่ ๕
การกระจายขีดความสามารถในภูมิภาค (Regional Distribution of Capabilities)
 พลังอํานาจสหรัฐอเมริกาเสื่อมถอยลงแต่การพึ่งพาพลังงานจากภายนอกลดลง ทําให้ผลประโยชน์แห่งชาติของ
สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงจากความมั่นคงด้านพลังงาน ไปเป็นความมั่นคงด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก
 พลังอํานาจของจีนเพิ่มขึ้นแต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทําให้จีนต้องพึ่งพาพลังงานจากภายนอกเพิ่มขึ้น จน
กลายเป็นความมั่นคงของชาติที่สําคัญยิ่งของจีน

แบบแผนของระบบระหว่างประเทศ (Pattern of behavior)


 เปลี่ยนเป็นระบบ ๒ขั้วอํานาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
 พฤติกรรมของจีน ได้แก่ ใช้ยุทธศาสตร์ “one belt, One road” และขยายอํานาจทางทะเล รุกเข้ายึด
ครองพื้นที่ในบริเวณทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ เพือ่ รักษาความมั่นคงด้านพลังงานของตน และเพื่อ
ครองความเป็นเจ้าในภูมิภาค
 พฤติกรรมของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ใช้ยุทธศาสตร์ “Rebalance to Asia” เพื่อถ่วงดุลอํานาจทหารทาง
ทะเลกับจีน และโน้มน้าวให้ประเทศที่กังวลต่อพฤติกรรมของจีน ให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก TPP ตาม
ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ภาพที่ ๕ โครงสร้างระบบระหว่างประเทศภายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังยุคหลังสงครามเย็นตอนปลาย


ที่มา : บรรจง ไชยลังกา ประยุกต์มาจากทฤษฎีสัจนิยมใหม่

ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๙


Vol. 7 No. 3 September - December ๒016
32 การถ่วงดุลอ�ำนาจระหว่างประเทศมหาอ�ำนาจ : วิเคราะห์ตามทฤษฎีสัจนิยมใหม่
The Balance of Power between the Great Powers: Neo-Realism Theory Analysis

สรุป สหภาพโซเวียตล่มสลายในที่สุด และสิ้นสุดยุคสงครามเย็น


โครงสร้างของระบบระหว่างประเทศ ขึ้นอยู่กับ หลังยุคสงครามเย็นตอนต้น สหรัฐอเมริกาได้ขยาย
บทบาทของประเทศมหาอ�ำนาจเป็นหลัก และพฤติกรรม ผลแห่งความส�ำเร็จในยุโรปตะวันออก และเข้ายึดครอง
ระหว่างประเทศของประเทศมหาอ�ำนาจ ขึน้ อยูก่ บั ลักษณะ แหล่งน�้ำมันในตะวันออกกลาง แต่เนื่องจากเป็นการท�ำ
ของขั้วอ�ำนาจและผลประโยชน์ของประเทศมหาอ�ำนาจ สงครามที่ขาดความชอบธรรม ท�ำให้ไม่ได้รับการสนับสนุน
ที่เป็นอยู่ จากนานาชาติ ต้องท�ำสงครามที่ยืดเยื้อนานนับสิบปี และ
ในยุ ค สงครามตอนต้ น จี น และสหภาพโซเวี ย ต ต้องประสบกับวิกฤตการณ์ด้านการเงินในปี ๒๐๐๘ จน
มีผลประโยชน์ในด้านอุดมการณ์รว่ มกัน จึงเป็นผูน้ ำ� ร่วมกัน ท�ำให้พลังอ�ำนาจของสหรัฐอเมริกาเสื่อมถอยลง ในขณะที่
ในการแผ่ขยายอิทธิพลของค่ายคอมมิวนิสต์ จีนผงาดขึ้นมาทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร
ในปลายยุคสงครามเย็น จีนและสหภาพโซเวียต ยุคหลังสงครามเย็นตอนปลาย กลายเป็นยุคหลาย
มีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน ทั้งด้านเขตแดนและแนวทาง ขั้วอ�ำนาจ และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นระบบ ๒
คอมมิวนิสต์ ท�ำให้จีนหันมาร่วมมือกับฝ่ายเสรีนิยมที่น�ำ ขั้วอ�ำนาจ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และทั้งสองฝ่าย
โดยสหรัฐอเมริกาเพื่อถ่วงดุลกับสหภาพโซเวียต ส่งผลให้ ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมระหว่างประเทศ อันเนื่องมาจาก
ดุลอ�ำนาจของระบบขั้วอ�ำนาจเปลี่ยนแปลงไป และท�ำให้ การเปลี่ยนแปลงผลประโยชน์แห่งชาติ

บรรณานุกรม

จิตติภัทร พูนข�ำ. (๒๕๕๓). พินิจทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแนวสัจนิยมใหม่ (Neorealism): ว่าด้วยความ


เป็นเจ้าของสหรัฐอเมริกากับดุลแห่งอ�ำนาจในยุคหลังสงครามเย็น. วารสารสังคมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๔๑(๑), ๑-๓๑.
วิกิพีเดีย. สงครามกัมพูชา–เวียดนาม. สืบค้นเมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/สงคราม
กัมพูชา-เวียดนาม
วิกิพีเดีย. สงครามจีน-เวียดนาม. สืบค้นเมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/สงครามจีน-
เวียดนาม
วิกพิ เี ดีย. สหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน. สืบค้นเมือ่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/
สงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน
วิกิพีเดีย. สงครามเย็น. สืบค้นเมื่อ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘, จาก http://th.wikipedia.org/wiki/สงครามเย็น
ศิ ริ สุ ด า แสนอิ ว . (๒๕๕๗). การวิ เ คราะห์ ท ฤษฎี สั จ นิ ย มใหม่ ข อง เคนเน็ ธ วอลซ์ ผ่ า นวิ ธี วิ ท ยาการพิ จ ารณา
แบบย้อนกลับของแนวคิด
สัจนิยมทางวิทยาศาสตร์, วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, ๕(๒), ๒๒-๕๔.
หัสไชยญ์ มั่งคั่ง. ยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอ�ำนาจกับความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ภาคพื้นฐานทาง
ทฤษฎี, นาวิกาธิปัตย์สาร, ๘๓, ๘๒-๘๙.

 บรรจง ไชยลังกา
วารสารสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 33
NATIONAL DEFENCE STUDIES INSTITUTE JOURNAL

Godement, François. (2015). Introduction. In China analysis “ONE BELT, ONE ROAD”: CHINA'S GREAT LEAP
OUTWARD, European Council on foreign relations, June 2015. สืบค้นเมื่อ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙, จาก
http://www.ecfr.eu/page/-/China_analysis_belt_road.pdf
Kraemer, D. Thomas. (2006). Addiction to oil: Strategic implications of American oil policy, The Strategic
Studies Institute. สืบค้นเมื่อ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘, จาก http://www.strategicstudiesinstitute.army.mil/
pdffiles/PUB705.pdf
Ladislaw, Sarah O., Leed, Maren, & Walton, Molly A. (2014). New Energy, New Geopolitics: Balancing
stability and leverage. A report of the CSIS Energy and National Security Program and the
Harold Brown Chair in Defense Policy Studies. สืบค้นเมื่อ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘ จาก http://csis.org/files/
publication/140409_Ladislaw_NewEnergyNewGeopolitics_WEB.pdf
Wikipedia.Ping-pong diplomacy. สืบค้นเมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙, จาก https://en.wikipedia.org/wiki/
Ping-pong_diplomacy

ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๙


Vol. 7 No. 3 September - December ๒016

You might also like