Professional Documents
Culture Documents
ปาฎิหาริย์แห่งการดำรงชีวิต
ปาฎิหาริย์แห่งการดำรงชีวิต
อัตลักษณ์วถ
ิ ี
มรรคาแห่งมัชฌิมา
ทัศนียภาพแห่งสุญญตา
ตถาตภาพแห่งความเป็ นเช่นนัน
้ เอง
เอกายนมัคโค – วิถแ
ี ห่งจิตหนึง่
พุทธปรัชญา
จิตเดิมคือธรรมประทีป
แก่นสาระแห่งคําสอนอันลํ้าลึก
ธรรมชาติทแ
ี่ ท ้แห่งคําสอนอันลํ้าลึก
กระแสแห่งปั จจยาการ
เอกภาพแห่งทวิลักษณ์
มายาแห่งเงาจันทร์ในนํ้ า
สายนํ้ าแห่งกาลเวลา
นํ้ าอมฤตแห่งญาณทัศนะ
ประทีปแห่งสัมมาญาณทัศนะ
วิหารแห่งอนันตภาพ (อนันตภาวะ)
(๑)
กระจกเงาแห่งเอกภาพ
รากฐานของการดํารงชีวต
ิ
สัจจะทีอ
่ ยูเ่ หนือถ ้อยคํา
สรรพสิง่ คือจิตสังขาร
พระคัมภีรล
์ ับอันศักดิส ิ ธิ์
์ ท
ความหมายแห่งชีวต
ิ นิรันดร์
วิถธ
ี รรมชาติแห่งความเป็ นเอง
มนุษย์คอ
ื ศักยภาพแห่งพุทธะ
หนทางทีไ่ ร ้กาลเวลา
ทางสายใหม่
สายใยแห่งชีวต
ิ
มรรควิถแ
ี ห่งความเร ้นลับ
กับดักแห่งถ ้อยคํา
จิตวิญญาณสากล
ความมืดบอดแห่งสังสารวัฏ
สายธารแห่งมายา
สาระแห่งชีวต
ิ
องค์รวมแห่งเอกภาพ
(๒)
สังสารวัฏแห่งสัมภเวสี
พระสัทธรรมอันสมบูรณ์
จิตศาสนา
หลุมพรางแห่งภาพมายา
ภาพมายาของสายรุ ้ง
ขุมทรัพย์มหัศจรรย์
กุญแจไขความลับของชีวต
ิ
ฟองอากาศในนํ้ า
ชีวต
ิ ดั่งอาทิตย์อส
ั ดง
อาณาจักรชีวต
ิ นิรันดร
สัจจะอันติมะคือตัวชีวต
ิ
ชีวต
ิ ทีส
่ มบูรณ์
มายาลวงแห่งโลกธรรม
พุทธทัศนะ
อริยทรัพย์แห่งอนันตภาวะ
ธรรมชาติแห่งความเป็ นพุทธะ
พระนิพฺพาน
วิถน
ี กบิน
(๓)
ปาฏิหาริยแ
์ ห่งการดํารงชีวต
ิ
เพชรมณีอน
ั ลํ้าค่า
เงาสะท ้อนของดวงจันทร์ในนํ้ า
รหัสยนัยแห่งชีวต
ิ
สารัตถะทีเ่ ป็ นศิลปะของชีวต
ิ
เคล็ดลับของการฝึ กภาวนา
สายใยแห่งชีวต
ิ
เอกภาพคือความหลากหลาย
ความงามของชีวต
ิ
วัชพืชของจิต
ความเข ้าใจทีแ
่ ท ้จริง
(๔)
อ ัตล ักษณ์วถ
ิ ี
• ความเห็นของแต่ละบุคคล เกิดจากเหตุปัจจัยอันสับสนของ
อวิชชา มันเป็ นความเห็นทีผ ่ ด
ิ พลาดไปจากความจริงแท ้ของ
สรรพสิง่ แต่สจ ั จะหรือความจริงอันลํ้าลึกยากทีจ ่ ะตระหนักรู ้ ซึง่
เป็ นอนันตภาวะนัน ้ พ ้นไปจากการคิดด ้วยเหตุผล ถึงการเริม
่ ต ้น
และการสิน ้ สุดของมัน ไม่อาจรู ้ได ้ด ้วยปั ญญาระดับสามัญสํานึก
แต่จะหยัง่ รู ้ได ้ด ้วยจิตเหนือสํานึกจากประสบการณ์ตรงต่อสัจจะ
ทีม
่ าจากการฝึ กฝนบําเพ็ญภาวนา บนวิถข ี องสัมมาอริยมรรค
เท่านัน
้
1
เป็ นสาเหตุแห่งทุกข์ทงั ้ มวล บรรลุถงึ ความทีย
่ งิ่ กว่าสุขอันเป็ นนิ
รันดร์
มรรคาแห่งม ัชฌิมา
2
ชําเลืองดูจติ ใจของเราไปด ้วย อย่างต่อเนือ
่ ง และประกอบไปด ้วย
ความเพียรพยายามอย่างถูกต ้อง (สัมมาวายามะ) เพือ ่ ให ้เกิดการ
่ ้นบึง้ แห่งจิตใจและความสมบูรณ์ตอ
หยัง่ รากลึกลงสูก ่
ประสบการณ์ตรงต่อความจริงแท ้
• ด ้วยความเคยชินต่อการดําเนินชีวต ิ ด ้วยจิตสามัญสํานึกของปุถช ุ น
มันจึงยากนักหนาทีจ ่ ะค ้นพบ “หนทาง” ทีจ ่ ะเปิ ดเผยถึงจิต
ประภัสสรตามทีม ่ น
ั เป็ นตามธรมชาติของมันอย่างไม่พก ั -ไม่เพียร
จึงต ้องอาศัยการบําเพ็ญเพียรอันยาวนานจนกว่าจะบรรลุถงึ ความ
เป็ นไปเอง ทีป
่ ราศจากความพยามใดๆ ตลอดเวลา ความเป็ น
อิสระจากการกําหนดหมายใดๆ จะหยัง่ ลงสูใ่ นภายในอย่างค่อย
เป็ นค่อยไป
ท ัศนียภาพแห่งสุญญตา
• เมือ
่ ปฏิบต ั ภิ าวนาจนสามารถตระหนักชัดถึงความน่าสะพรึงกลัว
ของสังสารวัฏ แล ้วเข ้าถึงสภาพทีย ่ งิ่ กว่าสุขแห่งการลดละปล่อย
วาง ก็จะทําให ้เราเกิดความมัน ่ ใจ เกิดแรงบันดาลใจทีจ ่ ะมุง่ มัน
่
ปฏิบต ั ภ
ิ าวนา เพือ ่ ตระหนักรู ้ความจริงให ้สมบูรณ์ อันเป็ น
อริยทรัพย์ของอริยบุคคล โลกียทรัพย์ทงั ้ มวลก็หมดความหมาย
ลงอย่างสิน ้ เชิง
• ผู ้ทีส
่ มบูรณ์อยูด
่ ้วยความอิสระเสรีแห่งปั ญญาญาณ ไปพ ้นการ
กําหนดหมายทัง้ ปวง ย่อมไปพ ้นมิจฉาทิฏฐิของความสุดโต่งทัง้
สอง ภาระทีร่ ้อยรัดผูกพัน ย่อมลดละปล่อยวางอย่างสิน ้ เชิงด ้วย
ตัวของมันเอง
3
• เมือ
่ ศรัทธาและแรงบันดาลใจเกิดขึน้ ความมุง่ มัน
่ พากเพียรย่อม
งอกงามขึน ้ ในภายใน โลกียทรัพย์และการครอบครองสิง่ ทัง้ ปวงก็
ไร ้ความหมาย
• ผู ้ทีเ่ ฝ้ ารักษาโพธิจต
ิ กงล ้อแห่งธรรมจักรษุ ยอ
่ มดําเนินไปในจิต
วิญญาณของเรา โลกภายนอกและธรรมชาติของจิตประภัสสร
ร่วมเป็ นเอกภาพเดียวกันอันเป็ นทัศนียภาพแห่งความอิสระหลุด
พ ้น
• ปุถช ุ นทีม
่ ด
ื บอดอยูด่ ้วยอวิชชานัน ้ มีมากมายนัก โลกของเราจึงมี
แต่ความขัดแย ้ง ความรุนแรง ผู ้ปฏิบต ั ธิ รรมทีเ่ ข ้าถึงธรรมมีจํานวน
เพียงน ้อยนิดจึงยากทีจ ่ ะทําให ้สังคมหมดความขัดแย ้ง ความทุกข์
หรือความสุข ย่อมเกิดจากการกระทําของตัวเราเองแต่ละคน ตาม
เหตุตามปั จจัยของการมองโลก ผู ้ทีป ่ ฏิบต ั ภิ าวนาทีเ่ ข ้าถึงปั ญญา
ญาณ ก็จะตระหนักชัดต่อธรรมชาติทแ ี่ ท ้อันสว่างไสวแห่งจิต
ประภัสสร ทัศนียภาพแห่งสุญญตาก็จะเผยตัวของมันเอง
แสดงออกร่วมกับกิจกรรมต่างๆในชีวต ิ ประจําวัน ปั ญหา ความ
ขัดแย ้ง ความรุนแรง ความทุกข์โศกก็จะสิน ้ สุดลง เข ้าถึงความที่
ยิง่ กว่าสุข “นิพฺพานํ ปรมํ สุขขํ” นิพพานก็ปรากฏอยูต ่ อ
่ หน ้า แล ้ว
เรายังต ้องการอะไรอีก
4
่ นนเอง
ตถาตภาพแห่งความเป็นเชน ั้
• ผู ้ทีส
่ ามารถสังเกตุเรียนรู ้ธรรมชาติทแ
ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสรของ
ตนเองได ้อย่างปราศจากนิวรณ์ทงั ้ ห ้ารบกวน และสามารถดํารง
มัน
่ อยูด ่ ้วยความสมบูรณ์แห่งญาณทัศนะ จนหยัง่ รู ้ถึงสัจจะที่
แท ้จริงของรูปลักษณ์สภาวะทัง้ ปวงได ้ ความยึดติดในโลกธรรม
ทัง้ แปดประการย่อมสิน ้ สุดลง
• เมือ
่ ปราศจากราคะ โทสะ โมหะย่อมอยูเ่ หนือสังสารวัฏ และพระ
นิพพานซึง่ ไม่สามารถเข ้าถึงได ้ด ้วยการคิดแบบตรรกะหรือด ้วย
ความต ้องการใดๆ ไม่มใี ครเลยทีบ ่ รรลุธรรมได ้ โดยไม่ปฏิบต
ั ิ
ภาวนา
5
• สัมมาปฏิปทาและการประกอบกรรมทีเ่ ป็ นสัมมาช่างอัศจรรย์จริง
ถ ้าไม่สามารถอยูเ่ หนือจิตสามัญสํานึกและความคิดปรุงแต่งด ้วย
อวิชชาทีฟ ่ งุ้ ซ่านอยูใ่ นภายในได ้ จะมีประโยชน์อะไรจากการเฝ้ า
สังเกตุเรียนรู ้จิตใจ
• ถ ้าไม่ได ้ปฏิบต ั ต
ิ ามคําสอนของพระพุทธองค์ การบําเพ็ญภาวนา
ย่อมล ้มเหลว แต่ถ ้าเพียรเพ่งพิจารณาอย่างมีธัมมวิจัย และสงบ
สงัดอยูผ ่ ู ้เดียว ย่อมตระหนักชัดต่อสุญญตภาวะของสรรพสิง่ ลํ้า
ลึกยิง่ ขึน
้
6
• เราจะต ้องปฏิบตั ภิ าวนาอย่างต่อเนือ่ งตลอดเวลา เพือ ่ สัง่ สมความ
ศรัทธาในพระบรมธรรมให ้มัน ่ คง ผู ้ทีป
่ ราศจากการศึกษาพุทธ
ธรรมย่อมไม่อาจบรรลุถงึ ความอิสระ หลุดจากความยึดถือทัง้ ปวง
ได ้ การดําเนินชีวติ เหมือนกับคนตาบอดทีม ่ องไม่เห็น”หนทาง”
• ผู ้ปราศจากประสบการณ์ตรงต่อสัจจะในสมาธิภาวนา ย่อมไม่ม ี
โอกาสได ้ตระหนักชัดพระสัทธรรม เราจึงควรเรียนรู ้ในเบือ ้ งต ้น
ก่อนว่าจะปฏิบต ั เิ พือ
่ อะไรและปฏิบตั อ
ิ ย่างไร นีค่ อ
ื ประเด็นที่
สําคัญยิง่ ทีจ
่ ะทําให ้เราบรรลุเป้ าหมายได ้เร็วขึน
้
• ในเส ้นทางสูค
่ วามหลุดพ ้น เราจะตระหนักชัดถึงความเป็ นสุญญ
ตาของสรรพสิง่ อย่างแจ่มแจ ้ง ดุจสายรุ ้งทีว่ า่ งเปล่าเพราะ
ปราศจากการกําหนดหมายใดๆ จึงสามารถปลดปล่อยตนเองจาก
อิทธิพลของ ตัณหา ราคะ อรติ อันทุกข์ทรมานทัง้ ปวงได ้
พุทธปร ัชญา
7
• การเข ้าถึงธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสร ทําให ้อุปทานในเบ็ญจ
ขันธ์สนิ้ สุดลง กรรมทัง้ สามเป็ นเอกภาวะกับปั ญญาณแห่งพุทธะ
ทําให ้เป็ นอิสระจากความมืดบอดทัง้ ปวง เบิกบานแจ่มใสอิม ่ เอิบ
อยูก
่ บ
ั การกระทําทีส ่ อดคล ้องกับมรรควิถแ ี ห่งพระสัทธรรม จึงเกิด
แรงบันดาลใจทีจ ่ ะมุง่ มัน่ เพือ
่ ไปให ้ถึงเป้ าหมายของชีวต ิ คือการ
ดํารงอยูใ่ นสัมมาอริยมรรคอันสมบูรณ์
• เมือ
่ บรมธรรมและสมมุตส ั จะรวมลงเป็ นเอกภาพเดียวกัน จึง
ิ จ
สามารถระงับยับยัง้ ความยุง่ ยากสับสนของตัณหา ราคะ อรติ ทัง้
ปวง โดยทีร่ ป
ู ลักษณ์ของปรากฏการณ์ทงั ้ หลายทัง้ มวลรวม เป็ น
เอกภาพเดียวกับบรมธรรม หรือสุญญตาธรรม จิตใจจึงสะอาด
สงบ สว่าง จึงผาสุกอยูเ่ สมอ เพราะไม่ตกลงสูก ่ บ
ั ดักของ
มิจฉาทิฏฐิใดๆ
จิตเดิมคือธรรมประทีป
8
จากความเข ้าใจทีแ
่ ท ้จริง จากประสบการณ์ตรงต่อสัจจะ ขณะ
ปฏิบต
ั ภ
ิ าวนาบนวิถแี ห่งสุญญตาธรรม
• เมือ
่ ปฏิบต
ั ภ
ิ าวนาในอาณาจักรแห่งสุญญตาธรรม สงบระงับอยูใ่ น
อมตะภาวะ ย่อมอิสระเสรี โดยไม่ต ้องพัก ไม่ต ้องเพียร เป็ น
อาณาจักรทีไ่ ปพ ้นจิตสามัญสํานึก อันสว่างไสวอยูด ่ ้วยปั ญญา
ญาณ ปราศจากความคิดทีฟ ่ งุ้ ซ่าน ย่อมเข ้าถึงสภาพทีย ่ งิ่ กว่าสุข
9
แก่นสาระแห่งคําสอนอ ันลํา้ ลึก
• พระสัทธรรมเป็ นโอสถขนานเอกสําหรับรักษาโรคทางจิตใจของ
มนุษย์ การศึกษาธรรมะโดยไม่ยอมละทิง้ โลกธรรม ย่อมนํ าความ
ทุกข์ทัง้ ปวงมาให ้ พระสัทธรรมคงช่วยเหลืออะไรไม่ได ้ หากเรา
ยังไม่เป็ นอิสระจากเงือ
่ นไขแห่งโลกธรรมทัง้ แปด เราจะต ้องเปี่ ยม
อยูด
่ ้วยความเพียร มีธัมมวิจย ั มีขน
ั ติ และบําเพ็ญภาวนาอย่าง
ต่อเนือ่ ง จึงจะเกิดผลสําเร็จตามมา
10
• ในห ้วงเวหาอันกว ้างใหญ่ไพศาล นกก็ต ้องเรียนรู ้ทีจ ่ ะโผบินอยูใ่ น
อากาศ ถ ้าประมาท ทนงตนก็อาจตกหุบเหวได ้ ในมหาสมุทรอัน
กว ้างใหญ่ไพศาล ปลาก็ต ้องเรียนรู ้ทีว่ า่ ยไปในสายนํ้ า ถ ้าประมาท
ทะนงตนอาจหลงเข ้าไปติดข่ายอวนได ้ มนุษย์กต ็ ้องดํารงตนอยู่
อย่างไม่ประมาท ไม่เช่นนัน้ ก็อาจตกอบายภูมไิ ด ้
ธรรมชาติทแ
ี่ ท้แห่งจิตประภ ัสสร
12
กระแสแห่งปัจจยาการ
• เส ้นทางดําเนินชีวต
ิ ทีผ
่ ด
ิ พลาดมากมายจากความสําคัญผิด
่
นํ าไปสูควาล ้มเหลวแห่งชีวต ิ เป็ นชีวต
ิ ทีเ่ ปลืองเปล่าไร ้สาระ
เพราะขาดการเรียนรู ้ตนเอง ขาดความเข ้าใจตนเองอย่างแท ้จริง
เราจึงเวียนว่าย ตาย-เกิด อยูใ่ นสังสารวัฏ อันไม่มท ี ส ิ้ สุด
ี่ น
• ทัศนียภาพทีม ่ หัศจรรย์และความทีส ่ ด
ุ นัน
้ คือ สภาวะทีไ่ ร ้ตัวตนที่
จะเห็น ทีจ่ ะได ้ยิน ทีจ่ ะรับรู ้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ นีค ่ อ
ื
ธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งสัจจะอันติมะ อันเป็ นแก่สาระอันสว่างไสว
แห่งดวงจิตประภัสสร นีค ่ อ
ื ขุมทรัพย์อน ั ประมาณค่ามิได ้ และทํา
ให ้พ ้นไปจากรูปลักษณ์ทงั ้ ปวงแห่งสุญญตาธรรม นีค ่ อ
ื นํ้ าอมฤต
แห่งโพธิญาณ
13
ชัดถึงสัจจะแห่งการกระทําใดๆ ทีป ่ ราศจากตัวตนเป็ นผู ้กระทํา
กําลังเดินตามวิถม
ี รรคอันสูงสุดแล ้ว
• ผู ้ทีต
่ ระหนักชัดถึง ตถาตภาพแห่งความเป็ นเช่นนัน ้ เองของสรรพ
สิง่ อันปราศจากทวิภาวะ นับได ้ว่าได ้เข ้าใกล ้การจบกิจแห่งการ
ประพฤติพรหมจรรย์แล ้ว
เอกภาพแห่งทวิล ักษณ์
• ผู ้ทีต
่ งั ้ ความปรารถนาสูก ่ ารหลุดพ ้นจากความยึดมัน ่ ทัง้ ปวง แต่ยงั
หมกมุน ่ อยูก
่ บ
ั การแสวงหาโลกียธรรมอันเป็ นเครือ่ งจองจํากักขัง
ตนเอง จะถูกพันธนาการด ้วยอุปาทานในอัตตาตัวตน และ
อุปาทานในตัวตนของสรรพสิง่ อย่างหลีกเลีย ่ งไม่ได ้ และจะตก
จมสูก ่ ้นบึง้ แห่งสังสารวัฏและเวียนว่ายอยูใ่ นภพทัง้ สามอันมืดบอด
ด ้วยเมฆหมอกแห่งอวิชชาตลอดกาลนาน
• จากการทีไ่ ด ้ปฏิบต
ั ภ
ิ าวนาตามคําสอนของพระพุทธองค์ ในหลัก
ของไตรสิกขา หรือ ทางสายกลาง ทําให ้ได ้รับประสบการณ์แห่ง
ความตระหนักชัดในภายใน ทําให ้เข ้าถึงเอกสภาวะของสรรพสิง่
มายาแห่งเงาจ ันทร์ในนํา้
• ผู ้ทีไ่ ม่สามารถปฏิบต
ั จ
ิ นบรรลุถงึ การตระหนักชัดต่อสภาพอมตะที่
ล ้วงพ ้นกาลเวลา จะไม่สามารถหยุดการกําหนดหมายและการ
15
แบ่งแยก ออกเป็ นคูๆ่ ได ้ ถ ้าไม่ได ้ตระหนักชัดถึงความเป็ น
เอกภาพของสรรพสิง่ จะรู ้ได ้อย่างไรว่าสรรพสิง่ คือ สุญญตา
16
• ้ สุดลง เพราะตระหนักชัดว่าจิต
สังสารวัฏอันน่าสะพึงกลัวสิน
ประภัสสรและบรมธรรมเป็ นเอกภาพเดียวกัน จึงไม่ปรารถนาสิง่
ใดๆ ในโลกอีก เหมือนกับแสงอาทิตย์ทข ี่ จัดความมืดลงได ้ฉั นใด
ตัณหา ราคะ ย่อมสูญสิน้ ไป เมือ่ ปั ญญาญาณ แผ่ขยายคลอบ
คลุมทุกสิง่
สายธารแห่งกาลเวลา
17
จากจิตใจ จงหยัง่ รู ้ความลํ้าลึกแห่งจิตประภัสสรอยูเ่ สมอ แล ้วจะ
กลายเป็ นพุทธะ “จิตตํ รกฺเขถ เมธาวี” (ปราชญ์ยอ ่ มรักษาจิตของ
ตน)
• การตระหนักชัดต่อธรรมชาติอน ั ประภัสสรแห่งดวงจิตของตนเอง
ได ้ และดํารงอยูใ่ นวิถท ี างแห่งคําสอนของพระพุทธองค์อย่าง
ต่อเนือ่ ง เพือ่ ทําให ้ตัวของเราเป็ นหนึง่ เดียวกับพระสัทธรรม
บําเพ็ญภาวนาอยูเ่ หนือขอบเขตแห่งความหมายของถ ้อยคํา ด ้วย
การคอยเฝ้ าตรวจตราความคิดและตรวจสอบดวงจิตอยูเ่ สมอใน
ทุกอิรย ิ าบถในทุกขณะ เพือ ่ น
่ เข ้าสูด ิ แดนอันมหัศจรรย์แห่งสัมมา
ญาณทัศนะและสัมมาวิมต ุ ิ ด ้วยประสบการณ์ของความตระหนัก
ชัดทีบ่ งั เกิดขึน
้ ในภายในของตนเองนีเ่ อง จึงหลุดพ ้นจากทุกข์ทงั ้
ปวง
• เมือ
่ ภาพมายาของชีวต ิ ถูกตระหนักชัด จิตปะภัสสรย่อมเผยตัว
่ ้นบึง้ แห่งจิตเดิมแท ้
ของมันเอง ทําให ้การหยัง่ รู ้ลํ้าลึกลงสูก
ความคิดและการกระทําย่อมประสานกลมกลืนสอดคล ้องไปกับ
19
สัทธรรมอย่างเป็ นไปเองตามวิถข
ี องธรรมชาติ สัมผัสถึงความ
ผาสุกนิรันดร์
ั
ประทีปแห่งสมมาญาณท ัศนะ
• เมือ
่ บรรลุถงึ ประทีปแห่งญาณทัสนะทีต ่ ระหนักชัดต่อประมัตถ
สัจจะของปรากฏการณ์ทงั ้ ปวง คือ สุญญตา จิตย่อมแจ่มแจ ้ง
สดใสดุจท ้องฟ้ าทีป ่ ราศจากเมฆหมอก เมือ ่ ขบวนความคิดทีอ ่ ยูใ่ น
กรอบของตรรกะ-เหตุผล ถูกขจัดออกไป สัมมาญาณทัศนะที่
แทรกซึมอยูท ่ กุ หนทุกแห่ง ก็เผยตัวของมันเอง แสดงออกร่วมกับ
กิจกรรมต่างๆในชีวต ิ ประจําวันของเรา จึงตระหนักชัดว่าชีวต
ิ โดย
ตัวของมันก็คอ ื สัจธรรม (THE ULTIMATE TRUTH IS LIFE)
วิหารแห่งอน ันตภาพ
21
• เมือ
่ การกระทํากิจกรรมทัง้ ปวงปราศจากการกําหนดหมายต่อการ
ได ้มาหรือเสียไป จิตใจก็เรียบง่าย ปรกติ สันติ สงบเย็น ด ้วยพลัง
ของศีล สมาธิ ปั ญญา ทีเ่ ปี่ ยมสมบูรณ์ของการดํารงอยูอ่ ย่างมี
ชีวติ ชีวา
• ปั ญญาญาณและประสบการณ์ตรงต่อสัจจะ ความอันไพศาลสว่าง
ไสวในภายใน อันเป็ นอมตะ ย่อมเป็ นนิมติ หมายแห่งการปฏิบต
ั ิ
ภาวนาด ้วยอริยมรรคมีองค์แปด อันเป็ นแก่นสาระของการดําเนิน
ชีวติ อันน่าพิศวง
22
• เรือนกายคือวิหารแห่งอนันตภาพของพระสัทธรรม อันเป็ นทีซ ่ งึ่
พุทธะทัง้ หลายสถิตอยู่ ทําให ้ญาณทัศนะในภายในแห่งพุทธะ
แสดงออกร่วมกับกิจกรรมต่างๆในชีวต ิ ประจําวัน นีค
่ อ
ื การดําเนิน
ชีวติ ของพุทธะทัง้ ปวง
กระจกเงาแห่งเอกภาพ
• เราจะต ้องเอาชนะธรรมชาติในภายในอันเกิดจากอวิชชาของ
ตนเองให ้ได ้ การสูญเสียจิตวิญญาณไปเป็ นเรือ ่ งยากนักหนาทีจ ่ ะ
นํ ากลับคืนมา จงพากเพียรคอยเฝ้ าตรวจตราจิตใจของตนเองให ้
ได ้ในทุกขณะ คําสอนทีเ่ ป็ นถ ้อยคําความรู ้นัน
้ สามารถเรียนรู ้และ
จดจําเอาไว ้ได ้ถ ้าพยายาม แต่สญ ุ ญตภาวะนัน ้ เป็ นทีร่ ู ้ได ้เฉพาะตน
และเป็ นสิง่ ทีย
่ ากยิง่ นักทีจ
่ ะบรรลุถงึ
รากฐานของการดํารงชวี ต
ิ
25
ลํ้าลึก ทําให ้เราตกล่วงลงสูก่ บ
ั ดักหลุมพรางของการแบ่งแยก
กําหนดหมาย ความวิมต ุ ห
ิ ลุดพ ้นจึงไม่อาจเกิดขึน
้ ได ้
ั
สจจะที
อ ่ ยูเ่ หนือถ้อยคํา
• เราไม่อาจตระหนักชัดต่อสุญญตะภาวะอันเป็ นแก่นสาระแห่ง
ธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของจิตประภัสสรได ้ เพราะยังถูกปิ ดกัน
้ อยูด
่ ้วยการ
รับรู ้อย่างแบ่งแยก อันนํ าไปสูก ่ ารเปรียบเทียบลงความเห็นที่
ขัดแย ้งกันเป็ นคูๆ่ ทีเ่ กิดจากการปรุงแต่งของอวิชชา พลังแห่ง
อวิชชาย่อมผลักใสให ้หมุนเวียนอยูใ่ นวัฏฏะสงสารตามวิถข ี องมัน
ความคิดทีห ่ ลั่งไหลเป็ นอุปสรรคอย่างยิง่ ต่อความก ้าวหน ้าของจิต
วิญญาณ จงพากเพียรบําเพ็ญภาวนาอยูบ ่ นสัมมาอริยมรรค
ไม่เช่นนัน ้ เราจะไม่สามารถปลดปล่อยตนเองให ้เป็ นอิสระจากภพ
ทัง้ สามแห่งสังสารวัฏได ้เลย
26
• ผู ้ทีม
่ ไิ ด ้เฝ้ าสังเกตุเรียนรู ้พฤติกรรมแห่งดวงจิตของตนเอง และ
ไม่ได ้กระทําอย่างใส่ใจ ย่อมหลงเข ้าสูป ่ ระสบการณ์ทผ ี่ ด
ิ พลาด
แม ้จะมีความเพียรมาก แต่มไิ ด ้ปฏิบต ั ภ
ิ าวนาตามมรรควิถแ ี ห่ง
สัมมาอริยมรรค ย่อมไม่อาจกําจัดกิเลส ตัณหา อุปทานได ้ การ
สํารวมอินทรียอ ์ ยูใ่ นทีอ
่ น
ั สงัด ย่อมแน่ใจได ้ว่า สัมมาอริยมรรคจัก
เจริญงอกงาม
สรรพสิง่ คือจิตสังขาร
• ผู ้ทีส
่ ามารถสละโลกธรรมได ้แล ้ว ย่อมมีอส
ิ ระเสรีอย่างแท ้จริงและ
ปราศจากความวิตกกังวลใดๆ โดยเฉพาะผู ้ทีต ่ ระหนักชัดความ
เป็ นมายาของสรรพสิง่ ย่อมหลุดพ ้นจากอุปทานทัง้ ปวง
พระค ัมภีรล ั ส
์ ับอ ันศกดิ ิ ธิ์
์ ท
28
• ผู ้คนมากมายไม่มเี วลาบําเพ็ญภาวนาเนือ่ งด ้วยกิจกรรมทางโลก
ปล่อยเวลาให ้สูญเปล่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ได ้ปฏิบต ั ต
ิ ามคํา
สอนทีเ่ ปี่ ยมไปด ้วยสาระของพระพุทธองค์ ชีวต ิ จึงพบแต่ความ
ทุกข์โศก และปั ญหาต่างๆมากมาย แต่ถ ้าเราปฏิบต ั ต
ิ ามคําสอน
อันลึกซึง้ ของพระพุทธองค์ ย่อมเกิดศรัทธาและปั ญญาอันมัน ่ คง
ไม่ช ้าก็จะบรรลุถงึ การปล่อยวาง ทัศนียภาพใหม่อน ั งดงามก็จะ
เปิ ดเผยตัวมันเอง
29
ธรรมชาติแห่งมายาลวงของสรรพสิง่ คือ
ความจริง ดุจหลงว่าความฝั นคือความจริง
ความหมายแห่งชวี ต
ิ นิร ันดร์
30
• บรรดาความฝั นโดยอาศัยสามัญสํานึกทีห ่ น
่ ยัง่ รากลึกลงสูส ั ดาน
และความหยัง่ รู ้ในความไม่กําหนดหมายส่งใดๆ ก็ไม่ใช่สองสิง่ ที่
แยกจากกัน ขันธ์ห ้าทีป ่ ระกอบด ้วยความยึดถือ กับความบริสท ุ ธิ์
แห่งพุทธะ ก็เป็ นเอกภาพเดียวกันในมรรคาแห่งความสมบูรณ์ นัย
อัตตาตัวตนของการปรุงแต่งแห่งอวิชชา ถูกสะท ้อนออกมาจาก
สัจธรรมทีแ
่ ท ้อันไม่ผันแปร
• เมือ
่ สงบสงัดอยูใ่ นสัมมาสมาธิ ตระหนักชัดในความเปลีย ่ นแปลง
แห่งความเป็ นเอกภาพขององค์รวม ประสบการณ์ทงั ้ ปวงนํ าไปสู่
เอกภาพแห่งพระสัทธรรม นั่นคือบ ้านทีแ ่ ท ้จริงของเรา บรรลุถงึ
ความหมายทีแ ่ ท ้จริงของชีวต
ิ นิรันดร
วิถธ
ี รรมชาติแห่งความเป็นเอง
• อย่ายึดติดอยูก่ บ
ั ความรู ้และตรรกะ เหตุผล ตลอดจนการคาดหวัง
ใดๆ เลิกเกีย
่ วข ้องกับการกระทําทีไ่ ร ้สาระ สงบอยูใ่ นธรรมชาติท ี่
แท ้แห่งจิตเดิมทีป่ ราศจากการปรุงแต่ง ปราศจากการกําหนด
หมาย แยกแยะคุณค่าของบรรดาสรรพสิง่ ขณะนัน ้ เราได ้บรรลุ
สุญญตภาวะอันเป็ นธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสรทีเ่ ป็ น
เอกภาพเดียวกับบรมธรรมแล ้ว
• ู่ วามวิมต
การประพฤติพรหมจรรย์สค ุ ิ หลุดพ ้นต ้องปฏิบต
ั ดิ ้วย
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในชีวต ิ ประจําวัน ไม่เช่นนัน
้ ปั ญญา
32
ญาณทีต ่ ระหนักชัดต่อเอกภาพของสรรพสิง่ อันเป็ นวิถข
ี อง
ั ว์จะสูญสลายไป
โพธิสต
มนุษย์คอ ั
ื ศกยภาพแห่
งพุทธะ
• นักปฏิบต ั ท
ิ ย
ี่ งั ไม่ได ้สละอุทศ ิ ตนอย่างจริงจัง ย่อมไม่อาจหวังผล
ในการบําเพ็ญเพียรได ้ โดยเฉพาะผู ้ทีย ่ งั ไม่สามารถค ้นพบ
“หนทาง” ทีจ ่ ะไปสูเ่ ป้ าหมายแห่งการลดละปล่อยวางความยึดถือ
ทัง้ ปวง เมล็ดพันธ์แห่งความทุกข์โศกย่อไม่มวี ันทีจ ่ ะดับสูญไปได ้
เลย บุคคลเช่นนีจ ้ ก
ั ท่องเทีย่ วไปในสังสารวัฏอันหาทีส ิ้ สุดมิได ้
่ น
33
• การบําเพ็ญบารมีทงั ้ สิบโดยเฉพาะปั ญญาบารมี คือ ขัน ้ ตอน
สุดท ้ายทีท่ ําให ้ดํารงอยูใ่ นพระสัทธรรมอันเป็ นอริยทรัพย์ทท ี่ ําให ้
เกิดปิ ตป
ิ ราโมทย์ มันเป็ นเพชรมณีอน ั มีคา่ ยิง่ มันเป็ นศักยภาพ
สูงสุดของความเป็ นมนุษย์ ผู ้ทีส ่ ามารถอุทศ ิ ตนอย่างแท ้จริง ย่อม
ดําเนินไปสูค ่ วามสําเร็จและจบกิจแห่งพรหมจรรย์ด ้วยปั ญญา
ญาณในอัตภาพนีเ้ อง
หนทางทีไ่ ร้กาลเวลา
• ความคิดถึงทีห
่ ลั่งไหลทีเ่ กิดจากอวิชชา เหมือนภาพสะท ้อนของ
ดวงจันทร์ในนํ้ า เหมือนความฝั น เหมือนสายรุ ้งทีเ่ ป็ นเพียงมายา
แต่อย่าพยายามทีจ ่ ะหยุดมันด ้วยการบังคับ ควบคุม เพราะว่า
เมือ
่ ใดก็ตามทีญ่ าณทัศนะในภายในปรากฏออกมา ขบวนการ
34
ความคิดทีห่ ลั่งไหลทัง้ ปวงมันจะสูญสลายไปเอง เช่นเดียวกับ
ความมืดทีต
่ ้องแสงอาทิตย์
• ปั ญญาญาณ การปฏิบต ั ภ
ิ าวนา ประสบการณ์ตรงต่อสัจจะ การ
กระทําและการประจักษ์ แจ ้งความจริง เป็ นแก่นสาระของนัก
ปฏิบต ั ท
ิ จ
ี่ ะต ้องนํ ามาเป็ นมรรควิถใี นการกระทํากิจกรรมต่างใน
ชีวติ ประจําวัน ดังนัน ้ การปฏิบตั ภ
ิ าวนากับการดําเนินชีวต
ิ ใน
ชีวต ิ ประจําวันจึงไม่ใช่สองสิง่ ทีแ ่ ยกจากกัน นีค
่ อ
ื การดํารงอยู่
อย่างแท ้จริง
ทางสายใหม่
35
• ด ้วยการปฏิบต ั ต
ิ ามคําสอนของพระพุทธงค์ในหลักของไตรสิกขา
ทีล ึ ซึง้ ความรู ้แจ ้งตระหนักชัดก็งอกงามขึน
่ ก ้ และหยัง่ ลงสูก ่ น
ั บึง้
แห่งจิตใจ อัตตาตัวตนย่อมถูกปลดปล่อยเมือ ่ ดําเนินชีวต ิ อยูบ่ น
สัมมาอริยมรรค มหัศจรรย์จริงหนอในคําสอนทีล ่ ํ้าลึกอันหาสิง่ ใด
มาเปรียบได ้ ปฏิเวธธรรมอยูแ ่ ค่เอือ
้ ม
• ปุถช
ุ นในโลกดําเนินชีวต
ิ อยูใ่ นสังสารวัฏต่างพากันกําหนดหมาย
่ องสรรพสิง่ โดยมิได ้ตระหนักชัดต่อธรรมชาติท ี่
ในการดํารงอยูข
แท ้ของตนเอง ด ้วยการนํ าคําสอนของพระพุทธองค์ไปสูม ่ รรควิถ ี
ในการบําเพ็ญภาวนาร่วมกับการกระทํากิจกรรมในชีวต ิ ประจําวัน
36
ทําให ้ตระหนักชัดในความเป็ นเอกภาพของสรรพสิง่ และดํารงอยู่
ร่วมกับมันอย่างผาสุกยิง่
สายใยแห่งชวี ต
ิ
• ่ ปราศจากความยึดถือในขันธ์ห ้า ดวงจิตจึงพัฒนาสู่
เมือ
สัมมาสมาธิ เข ้าถึงสัมมาอริยมรรค ตระหนักชัดว่าร่างกายเราคือ
วิหารแห่งพุทธะ ช่างน่าอัศจรรย์จริงทีไ่ ด ้หยัง่ รู ้ว่า ธรรมชาติทแ
ี่ ท ้
แห่งดวงจิตนัน
้ ประภัสสรและเปี่ ยมด ้วยศรัทธา ทําให ้ไปพ ้น
สังสารวัฏอันทุกข์ทรมาน
37
ปราศจากการดํารงอยูแ
่ ละไม่ดํารงอยู่ นีค
่ อ
ื การดํารงอยูอ
่ ย่าง
พุทธะ
มรรควิถแ
ี ห่งความเร้นล ับ
38
• ก่อนทีป่ ระทีปแห่งปั ญญาญาณจะบังเกิดขึน ้ ในภายใน ก่อนทีเ่ รา
จะตระหนักชัดต่อธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของตนเองและของปรากฏการณ์
ทัง้ ปวง ก่อนทีป่ ระสบการณ์แห่งผัสสะของทวารทัง้ หกจะกลับ
กลายมาเป็ นกัลยาณมิตร และก่อนทีค ่ วามคิดปรุงแต่งทีเ่ กิดจาก
อวิชชาจะสิน ้ สุดลง จงหลีกเลีย ่ งการกระทําทีเ่ กิดจากเจตนา และ
การกําหนดหมายแยกแยะคุณค่าเสีย ไม่เช่นนัน ้ เราจะสูญเสีย
มรรควิถไี ป
• ร่างกายของเราทุกคนคือกายแห่งพุทธะ อย่าด่วนสรุปว่ามันคือ
ความจริง หรือ ไม่จริง จงสังเกตุเรียนรู ้กระแสคลืน ่ ของขบวน
ความคิดทีส ู สลายไปในสุญญตา และไม่ควรสรุปว่า มันเป็ นสิง่ ที่
่ ญ
มีอยูจ
่ ริง หรือ ไม่มอ
ี ยูจ
่ ริง แล ้วเราจะบรรลุถงึ ความดับไม่เหลือ
แห่งสุญญตา
• สัมมาปฏิปทาและดินแดนอันบริสท ุ ธิแ
์ ห่งพุทธภูม ิ ก็เป็ นเพียงวิถ ี
แห่งการปรากฏตามธรรมชาติของสัมมาญาณทัศนะ ไม่ควรสรุปว่า
มันเป็ นสิง่ ทีไ่ ม่มต
ี วั ตนหรือมีตัวตน ไม่เช่นนัน ้ เราจะพลาดจากแก่น
สาระ อันเป็ น “หนทาง” สูส ่ จ
ั ธรรมสุดท ้าย (ULTIMATE TRUTH)
39
ไป นีค
่ อ
ื ความเร ้นลับของการปฏิบต
ั ภ
ิ าวนาเพือ
่ ความวิมต
ุ ห
ิ ลุดพ ้น
จากความยึดถือทัง้ ปวงในพุทธศาสนา
ก ับด ักแห่งถ้อยคํา
• อุปาทานยึดติดผูกพันย่อมสิน ้ สุดลงเมือ
่ ได ้ตระหนักชัดว่า สรรพ
สิง่ คือสุญญตา ซึง่ ไม่อาจกําหนดหมาย แบ่งแยกคุณค่า เป็ นสิง่
นัน้ – สิง่ นี้ ดี – เลวได ้ สัมมาญาณทัศนะซึง่ อยูเ่ หนือกาลเวลา
และเหนืออิทธิพลของสุขและทุกขเวทนา ย่อมแผ่ขยาย
ครอบคลุมทุกสิง่ อย่างไม่มข ี อบเขตอันจํากัด
40
ธรรม อันเป็ นอมตะและเป็ นประสบการณ์อน
ั มหัศจรรย์ยงิ่ ในการ
ขจัดอวิชชาสังขาร
จิตวิญญาณสากล
• ในการปฏิบต ั เิ พือ
่ การอุทศิ ด ้วยกายนัน ้ คือการสํารวมระวังไม่
กําหนดหมาย แบ่งแยกคุณค่าของสรรพสิง่ ให ้แตกต่างกันออกไป
การปฏิบต ั ด
ิ ้วยการอุทศ ิ ตนด ้วยวจีกรรมนัน ้ คือ การหยุดพูดมาก
ลงให ้น ้อยทีส ่ ดุ และการอุทศ ิ ตนด ้วยมโนกรรมนัน ้ คือการเห็นแจ ้ง
ตระหนักชัดต่อธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งความปราศจากการดํารงอยู่
และไม่ดํารงอยู่
ั
ความมืดบอดแห่งสงสารว ัฏ
42
• ่ งั ไม่ประจักษ์ แจ ้งความจริงของสรรพสิง่ ย่อมเวียนว่ายอยูใ่ น
ผู ้ทีย
ความมืดแห่งสังสารวัฏ ดุจคนตาบอด จึงไม่สามารถปล่อยความ
ยึดติดทัง้ ปวงได ้ เพราะปราศจากโพธิญาณในภายใน จึงยึดติดอยู่
กับโลกธรรมทัง้ แปดประการ อันเป็ นเหยือ ่ ล่อแห่งสังสารวัฏอัน
ทุกข์ทรมาน ตลอดกาลนาน
43
• นักปฏิบต ั ถ
ิ ้ายังไม่ตระหนักชัดต่อธรรมชาติอน ั ประภัสสรของจิต
ตนเอง การเข ้าถึงเอกสภาวะของสรรพสิง่ และการหยัง่ รู ้ว่าสรรพ
สิง่ คือสุญญตาย่อมล ้มเหลว ย่อมไม่อาจหลุดพ ้นจากคุกตะราง
แห่งสังสารวัฏได ้ การดํารงจิตอยูเ่ หนือโลกจึงไม่ใช่เป็ นเพียง
ั มาญาณทัศนะเป็ น
ปรัชญา แต่เป็ นศาสนาทีเ่ ข ้าถึงได ้ ถ ้ามีสม
พืน ้ ฐานของจิตใจ เราจะตระหนักชัดว่า เราคือสรรพสิง่ ทีเ่ ป็ น
เอกภาพด ้วยสายใยแห่งชีวต ิ เดียวกัน
สายธารแห่งมายา
สาระแห่งชวี ต
ิ
• นักปฏิบต ั จ
ิ ะต ้องตระหนักชัดว่า เรือนกายอันเป็ นมายาดุจสายรุ ้ง
แห่งพุทธะนัน ้ คือ สุญญตาทีย ่ งั มีวถ ิ แ
ี ห่งการปรากฏออกมาตาม
เหตุปัจจัย มันสําคัญยิง่ ทีจ่ ะต ้องรู ้ว่ามรรคาแห่งสัมภเวสี มิได ้ดํารง
อยูจ
่ ริง มายาภาพเหล่านัน ้ เป็ นเพียงอวิชชา สังขารตามเหตุปัจจัย
แห่งดวงจิตเท่านัน ้ เอง ประสบการณ์ตรงต่อความจริงของตนเองก็
จะเผยตัวเองออกมา แล ้วบําเพ็ญภาวนาไปบนวิถข ี องความจริง
อย่างต่อเนือ ่ ง เพือ่ ความสว่างไสวแห่งสัมมาญาณทัศนะ
45
• คําสอนทัง้ ปวงในพุทธศาสนา ล ้วนมุง่ สูส ่ จ
ั ธรรมทีป
่ ราศจากอัตตา
้ เพือ
ตัวตนทัง้ สิน ่ ความอิสระเสรีจากอิทธิพลทีค ่ รอบงําจิตใจของ
อวิชชา และควรปฏิบต ั ใิ ห ้ต่อเนือ
่ งในทุกอิรยิ าบถ – ทุกขณะ ของ
การดําเนินชีวต ิ ในชีวติ ประจําวัน ปั ญญาญาณแห่งความผาสุก จะ
ปรากฏเป็ นพืน ้ ฐานจิตใจของเรา
• แม ้จะมีคําสอนเรือ ่ งความวิมต ุ ห
ิ ลุดพ ้นมากมาย แต่ก็มค ี นเพียง
น ้อยนิดทีส่ ามารถตระหนักชัดถึงธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสร
ของตนเอง น ้อยคนนักทีด ่ ํารงมัน่ อยูบ
่ นวิถข
ี องสัมมาปฏิบต ั ไิ ด ้
น ้อยคนนักทีม ่ งุ่ มัน
่ จริงจัง จริงใจต่อการปฏิบต ั ภ
ิ าวนาบนสัมมา
อริยมรรค จงก ้าวเดินตามรอยบาทพระศาสดา ถ ้ามุง่ หวังทีจ ่ ะ
แสวงหาแก่นสาระของชีวต ิ อย่างแท ้จริง
46
องค์รวมแห่งเอกภาพ
ั
สงสารว ั
ัฏแห่งสมภเวส ี
• ผู ้ทีต
่ ระหนักชัดในธรรมชาติแห่งมายาและความปราศจากตัวตน
ของสิง่ ทัง้ ปวงแล ้ว ไม่สมควรทีจ ่ ะเปิ ดเผยประสบการณ์แห่งการ
ประจักษ์ แจ ้งความจริง อันเป็ นผลมาจากการปฏิบต ั ภิ าวนาแก่ผู ้ใด
แม ้แต่ผู ้ทีเ่ ข ้าใจอย่างลึกซึง้ ทางพุทธศาสนาแล ้วก็ตาม เพราะจะ
ทําให ้พลังแห่งสัมมาสมาธิ – สัมมาญาณทัศนะ เสือ ่ มคลายลง
• ในช่วงเวลาทีจ ่ ต
ิ ใจเศร ้าหมองของความมืดมัวแห่งอวิชชา
ครอบงําทําให ้บดบังสัทธรรม จงอย่าท ้อถอยในการปรารภความ
เพียรเพือ ่ ปลุกเร ้าให ้สัมมาญาณทัศนะเจริญขึน
้ ปลุกเร ้าให ้จิตใจ
ตืน
่ อยูเ่ สมอ แล ้วเราจะเป็ นอิสระจากสังสารวัฏและความเศร ้า
48
หมองทัง้ ปวง เมือ
่ ปรารถนาพระนิพฺพาน จงละวางโลกธรรมทัง้
มวล
• เป็ นเรือ
่ งยากทีจ่ ะพบกับความสุขทีแ ่ ท ้จริงในสังสารวัฏ มีแต่จะ
เพิม่ ความทุกข์ทรมานมากขึน ้ ถ ้าเราพยายามทีจ ่ ะหนีมน
ั ความ
เป็ นอิสระจากความทุกข์ทรมานทัง้ ปวงนัน ้ เราจะต ้องเรียนรู ้มัน
เข ้าใจมันอย่างถ่องแท ้จากประสบการณ์ตรง แล ้วความทุกข์โศกก็
จะสูญสลายไป ความสุขทีแ ่ ท ้จริงก็จะเผยตัวออกมาให ้เราได ้
สัมผัส นีค ่ อ
ื ความลับของปฏิบต ั ภ
ิ าวนา
ั
พระสทธรรมอ ันสมบูรณ์
• ผู ้ทีก
่ ําลังเดินทางไปสูค่ วามชราและความตาย หากละเลยต่อพระ
สัทธรรม จะถูกบดบังด ้วยวิบากกรรม มันจําเป็ นอย่างยิง่ ทีจ ่ ะต ้อง
รีบบําเพ็ญเพียรเพือ ่ เข ้าถึงสัจธรรม โลกียธรรมทัง้ ปวงย่อม
ช่วยเหลืออะไรไม่ได ้ เมือ ่ วาระสุดท ้ายมาถึงพระสัทธรรมเท่านัน ้ ที่
จะช่วยเราได ้ เราจะต ้องเดินทางอย่างโดดเดีย ่ วแต่ผู ้เดียว
• การดําเนินชีวต
ิ ของนักปฏิบตั ธิ รรม ถ ้ายังเต็มไปด ้วยความ
ปรารถนาต่อโลกียธรรม ก็เป็ นดั่งหุ ้มห่อสิง่ ปฏิกล
ู ไว ้ด ้วยสิง่ ที่
สวยงามภายนอก แต่เน่าเปื่ อยอยูภ ่ ายใน จงสํารวมกาย วาจา ใจ
จากสิง่ รบกวนทัง้ ปวงโดย ปราศจากความคิดทีห ่ ลั่งไหล
50
อย่างไม่พก ั ไม่เพียร สัทธรรมอันสมบูรณ์จะเผยตัวมันเองใหเรา
ได ้สัมผัส
จิตศาสนา
51
• ผู ้ทีล
่ ะเลยต่อโอกาสในการปฏิบต ั ธิ รรมย่อมสูญเสียจิตวิญญาณที่
บริสท ุ ธิ์ ไม่เหมือนกับสูญเสียสิง่ ทีม ่ ค
ี า่ ทีส
่ ด
ุ ของชีวต
ิ ไป ดังนัน
้ เรา
จึงต ้องปลูกฝั งศรัทธาต่อการบําเพ็ญภาวนาลงในจิตใจ เพือ ่
ยกระดับจิตวิญญาณสูก ่ ระแสสายธารแห่งธรรม แสงสว่างอัน
ไพสาลแห่งสุญญตาจักเจิดจ ้าในดวงใจ ตลอดกาลนิรันดร
หลุมพรางแห่งภาพมายา
52
• ด ้วยความมืดบอดแห่งอวิชชา สรรพชีวต ิ พากันเวียนว่ายอยูใ่ น
สังสารวัฏ พากันติดกับดักอยูใ่ นหลุมพรางของภาพมายาและ
ความคิดทีห ่ ลั่งไหล จนทําให ้หมดโอกาสทีจ ่ ะพัฒนา
สติสมั ปชัญญะ หากเราขาดศรัทธาและแรงบันดาลใจทีจ ่ ะ
แสวงหา ”หนทาง” สูส ่ จ
ั ธรรม เราจะไปพ ้นการเวียนเกิด เวียนตาย
ในสังสารวัฏไม่ได ้เลย
• สัจจะโดยตัวของมันเองก็คอ ื ชีวต
ิ หากเราเข ้าใจชีวต ิ อย่างแท ้จริง
เราก็จะเข ้าถึงสัจจะ ดังนัน ้ จึงจําเป็ นอย่างยิง่ ทีเ่ ราจะต ้องเรียนรู ้
ตนเองด ้วยจิตใจทีเ่ ป็ นอิสระ เรียนรู ้จากประสบการณ์ตรงต่อความ
จริงของตัวเราในแต่ละขณะ ร่วมกับกิจการงานในชีวต ิ ประจําวัน
ของเรา ความเข ้าใจทีแ ่ ท ้จริงต่อสัจจะก็จะเกิดขึน ้ ปล่อยวาง
ความสําคัญผิดทัง้ ปวงทีเ่ รายึดถือไว ้ เราก็จะดํารงอยูอ ่ ย่างเป็ น
อิสระจากเครือ ่ งร ้อยรัดทัง้ ปวง เข ้าถึงความเป็ นพุทธะและความที่
ยิง่ กว่าสุขในอัตภาพนีเ้ อง
• ปุถช
ุ นพากันดําเนินชีวต ิ อยูใ่ นภพภูมท ิ งั ้ หกแห่งสังสารวัฏอันทุกข์
ทรมาน และสัง่ สมอกุศลกรรมให ้เพิม ่ พูนมากขึน ้ พากันหลงลืม
เมล็ดพันธุแ ์ ห่งศานติ ทีจ ่ ะทําให ้เป็ นอิสระเสรีอย่างสิน ้ เชิง ประตู
แห่งความวิมต ุ ห
ิ ลุดพ ้นจึงถูกปิ ดตาย ช่างน่าเวทนาจริงๆ ด ้วยการ
ดํารงอยูใ่ นสุญญตวิหารของความรัก ความเมตตา แห่งโพธิจต ิ
และถือเอาพระรัตนตรัยเป็ นทีพ ่ งึ่ เราย่อมไปพ ้นภพภูมท ิ งั ้ หก
ภาพมายาของสายรุง้
53
• เพียงเฝ้ าสํารวมอินทรีย ์ ปฏิบต
ั ภ
ิ าวนาบนสัมมาอริยมรรค ด ้วย
ความเป็ นทัง้ หมดของกาย วาจา ใจ เราก็จะกลายเป็ นพุทธสาวก
่ ท ้จริง การไม่กําหนดหมายแยกแยะคุณค่าของสิง่ ใดๆ ตามคติ
ทีแ
ทวิลกั ษณ์แล ้วกระทํากิจกรรม ก็จะเป็ นการแสดงออกของพุทธ
ภาวะอันมหัศจรรย์
• การตืน ่ ขึน
้ ของประทีปแห่งปั ญญาญาณย่อมขจัดตัณหา อุปาทาน
อันเป็ นเหตุแห่งปั ญหาทัง้ ปวงลงอย่างสิน ้ เชิง บรรลุถงึ อาณาจักร
แห่งเอกสภาวะ ทําให ้เพิม ่ พลังปั ญญาญาณทีต ่ ระหนักชัดถึง
ธรรมชาติทแ ี่ ท ้มัน
่ คงขึน้ แก่นสาระแห่งพระสัทธรรมซึง่ เป็ นความ
สงบเงียบแห่งจิตใจทีส ่ บื สานกันต่อมา ปรากฏตัวออกมา ทําให ้รู ้
แจ ้งตระหนักชัดต่ออริยสัจทัง้ สีป ่ ระการ
• ผู ้ทีเ่ กิดมาเพือ
่ ดําเนินชีวต
ิ อยูบ
่ นมรรคาอันมหัศจรรย์แห่งวิถอ ี นั เร ้น
ลับของทางสายกลาง อันเป็ นภารกิจทีส ่ ําคัญยิง่ ผู ้นัน
้ คือ พุทธะ
ด ้วยการดํารงกายและใจทีเ่ ป็ นเอกภาพกับสรรพสิง่ และพยายาม
ชําระล ้างจิตใจให ้ใสเหมือนกระจกเงา ทีส ่ ะท ้อนทุกสิง่ ทีอ ่ ยู่
ตรงหน ้ามันตามความเป็ นจริง ด ้วยการตระหนักรู ้ความสงบเสงีย ่ ม
ในภายใน และความเป็ นทัง้ หมดของชีวต ิ การกระทําทุกอย่างจึง
ออกมาจากความเป็ นทัง้ หมดหรือความสมบูรณ์ของชีวต ิ
55
• มันยากมากทีจ ่ ะพบบุคคลทีม ่ จ
ี ต
ิ ใจสงบจากการถูกรบกวนจากคติ
ทวินย ิ ม และสามารถแทรกตนเองอยูใ่ นความตระหนักชัดต่อเอก
สภาวะ การปฏิบต ั ทิ ไี่ ม่สามารถเพิม ่ พูนศักยภาพของจิตใจตามวิถ ี
ความเป็ นเองของธรรมชาติ ไม่อาจเรียกว่า สัมมาปฏิปทา มันยาก
มากทีจ ่ ะดํารงอยูบ ่ นวิถข ี องสัมมาอริยมรรคตลอดเวลา ยกเว ้นผู ้ที่
เปี่ ยมอยูด ่ ้วยศรัทธา วิรย ิ ะ ขันติ จริงจังต่อการบําเพ็ญภาวนา
เท่านัน ้
กุญแจไขความล ับของชวี ต
ิ
56
• ด ้วยการปฏิบตั ภิ าวนาบนมรรคาทีไ่ ม่พัก-ไม่เพียรอย่างพระพุทธ
องค์ จึงบรรลุถงึ อาณาจักรแห่งบรมธรรมอันเป็ นสภาวะทีส ่ มถะ
และวิปัสนา สูญสลายไปด ้วยตัวของมันเอง ด ้วยการดํารงชีวต ิ อยู่
อย่างเป็ นไปเองและประสานเป็ นหนึง่ เดียวกับธรรมชาติทเี่ ป็ น
อนันตภาวะทีป ่ ราศจากรูปแบบทัง้ ปวง
• ช่างผาสุกยิง่ นักในการดําเนินชีวต
ิ ทีเ่ ข ้าถึงความรู ้แจ ้งตระหนักชัด
ต่อปรมัตถสภาวะธรรม ทีแ ่ ทรกซึมอยูใ่ นอาณาจักรทีป ่ ราศจาก
การแบ่งแยก – แตกต่างแห่งจิตเหนือสํานึก จึงหลุดพ ้นจากความ
เศร ้าหมองทัง้ ปวง ความหวังและความกลัวอันเป็ นพืน ้ ฐานของ
จิตใจได ้สูญมลายไปด ้วยตัวของมันเอง ย่อมเข ้าถึงความวิมต ุ ิ
หลุดพ ้นอันสูงสุด
• มันเป็ นความลํ้าลึกและมหัศจรรย์แห่งมรรควิถอ ี น
ั เป็ นแก่นสาระ
ของการปฏิบต ั ภิ าวนา ทีส ื สานต่อๆกันมาด ้วยความสงบสันติใน
่ บ
ภายใน อันเป็ นกุญแจแห่งคําสอนทัง้ ปวง ทีส่ ามารถขจัดความ
เศร ้าโศก และความทุกข์ทรมานอันทนได ้ยากด ้วยการถ่ายถอน
ความยึดถือทัง้ มวลลงได ้
57
จากการู ้แจ ้งตระหนักชัดต่อความจริงของสรรพสิง่ จึงเป็ นอิสระ
จากเครือ
่ งร ้อยรัดและปั ญหาทัง้ ปวง
ฟองอากาศในนํา้
58
นอกจากพระสัทธรรมอันศักดิส ิ ธิเ์ ท่านัน
์ ท ้ แต่ก็มน
ี ้อยคนที่
ขวนขวายใฝ่ หาพระสัทธรรม
ชวี ต
ิ ดง่ ั อ ัสดง
• ผู ้ทีด
่ ําเนินชีวต
ิ ไปตามกงล ้อของกฏแห่งกรรม ย่อมพบกับ
ภยันตรายอันใหญ่หลวง สังสารวัฏเป็ นดั่งพิษร ้ายทีแ ่ ทรกซึมอยูใน
สายเลือด ถ ้าไม่ถา่ ยถอนมันย่อมแพร่กระจายไปทัว่ ร่างกาย ความ
ตายเปรียบเหมือนยามอาทิตย์จะอัสดง ไม่มผ ี ู ้ใดไปยับยัง้ มันได ้
ยกเว ้นพระสัทธรรมเท่านัน ้
59
• เมล็ดพืชทีง่ อกงามในดิน ย่อมเจริญตามวิถข ี องมัน การถือกําเนิด
ในอบายภูมท ิ งั ้ สี่ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน อันตํา่ ทราม ย่อม
่ วามทุกข์ทรมาน ถ ้าตกล่วงลงสูก
นํ าไปสูค ่ บั ดักหลุมพรางของมัน
แล ้ว ยากนักหนาทีจ ่ ะหลุดรอดออกมาได ้
• จงดํารงชีวต ิ อยูอ
่ ย่างไม่ประมาท คือมีสติสม ั ปชัญญะ ไม่ปล่อย
จิตใจอยูก ่ บั การปรุงแต่งของอวิชชาด ้วยความคิดทีห ่ ลั่งไหล จง
บําเพ็ญเพียรบนวิถข ี องไตรสิกขา (อธิศล ี อธิจต ิ อธิปัญญา) เพือ ่
ตระหนักชัดต่อความว่างอันไม่แตกต่างของสรรพสิง่ เฝ้ า
ตรวจสอบเรียนรู ้จิตใจของตนเองอยูต ่ ลอดเวลา โดยไม่
วิพากษ์ วจ ิ ารณ์ ไม่สรุป ไม่ลงความเห็นต่อการรับรู ้ทางประสาท
สัมผัส เราก็จะพบกับวิถข ี องธรรมชาติทแ ี่ ท ้อันลึกลํ้า เกิดความ
เข ้าใจโลก เข ้าใจชีวต ิ ตามความเป็ นจริง ตระหนักรู ้ความหมาย
ของชีวต ิ ทีแ ่ ท ้จริง ความเป็ นอิสระหลุดพ ้นก็จะเผยตัวออกมาเอง
ตามวิถค ี วามเป็ นเองของธรรมชาติ
อาณาจ ักรชวี ต
ิ นิร ันดร
60
• ด ้วยการขจัดความต ้องการทัง้ ปวงลงได ้ ทําให ้เข ้าสูก ่ ระแสของ
ทางสายกลาง และรู ้สึกผาสุกในความเงียบสงบอันลํ้าลึก
โดยเฉพาะจากความต ้องการทีจ ่ ะมีชอ ื่ เสียง จึงปราศจากมานะที่
จะอยูเ่ หนือหรือด ้อยกว่าผู ้ใด ด ้วยแก่นสาระแห่งจิตประภัสสรนีจ ้ งึ
ไม่มก ี ารกําหนดหมายใดๆ บรรลุถงึ ความเป็ นอิสระจากภาพลวงตา
ทัง้ ปวง เข ้าถึงดินแดนแห่งพุทธภูมอ ิ น
ั ผาสุกยิง่
• การแสวงหาความยินดีทางประสาทสัมผัสด ้วยการแสวงหาโลกีย
สุขทีต่ ามใจตัว ย่อมตกจมสูอ ่ ารมณ์ทไี่ ด ้สังขารปรุงแต่งมันขึน ้ มา
นํ าไปสูก่ ารกระทําทีเ่ รียกว่า กรรม ในสังสารวัฏ คือความทุกข์
ทรมาน แล ้วก็ดน ิ้ รนกระทําตามความรู ้สึกพอใจ – ไม่พอใจของ
ประสาทสัมผัสอีก วนเวียนอยูอ ้ วั่ กัปกัลป์ นีค
่ ย่างนีช ่ อ
ื ปั ญหาของ
มนุษย์ทข ี่ าดปั ญญาญาณในการดําเนินชีวต ิ
61
• ความปรารถนาต่อโลกียสุข เป็ นสาเหตุแห่งอกุศลกรรมทัง้ หลาย
ความปรารถนาชือ ่ เสียงก่อให ้เกิดการกระทําทีเ่ ป็ นมลทิน การ
กระทําทีเ่ ป็ นอกุศลกรรมทัง้ ปวงมีสาเหตุมาจากความต ้องการและ
ความโลภ ความโกรธทัง้ สิน ้ เมือ่ ปราศจากปั ญญาญาณทีจ ่ ะทําให ้
ตืน
่ รู ้ เบิกบาน ประสบการณ์แห่งสัมมาสมาธิยอ ่ มล ้มเหลว
ั
สจจะอ ันติมะคือต ัวชวี ต
ิ
• การไม่รู ้จักวิธก
ี ารของการปฏิบต ั ภ
ิ าวนาอย่างถูกต ้อง เพือ
่ ความ
สมบูรณ์ของพลังจิตและพลังปราณ การไม่รู ้จักกาลเวลาทีถ ่ ก
ู ต ้อง
เพือ่ เผชิญกับเงือ ่ นไขต่างๆ ย่อมออกนอกลูน ่ อกทาง แม ้จะรู ้จัก
วิธก
ี ารอย่างถูกต ้อง แต่ถ ้าขาดความเพียรอย่างแรงกล ้า ย่อม
เสียเวลาเปล่าในการศึกษาพุทธศาสนา
62
• รากเหง ้าของสังสารวัฏคือความยึดมัน ่ ถือมัน
่ ถ ้าละวางมันเสียได ้ก็
จะเข ้าถึงพระนิพฺพานอันเป็ นอมตะธรรม ดังนัน ้ ประเด็นสําคัญของ
การฝึ กฝนภาวนาคือการพัฒนาปั ญญาญาณ หรือ สัมมาทิฏฐิ ให ้
เกิดขึน้ เพือ
่ ทีม
่ น
ั จะได ้ละวางความยึดถือทัง้ ปวง หากปราศจาก
ความเข ้าใจในประเด็นนี้ ก็ยากทีจ ่ ะบรรลุถงึ เป้ าหมายของชีวต ิ ได ้
ชวี ต
ิ ทีส
่ มบูรณ์
มายาลวงแห่งโลกธรรม
• ผู ้ทีป
่ รารถนาจะปฏิบตั ภ
ิ าวนาอย่างแท ้จริง ควรถือเอา
มัชฌิมาปฏิปทา คือ การเรียนรู ้ตนเองเป็ นพืน ้ ฐานของการดําเนิน
ชีวต ิ และควรดําเนินชีวต ิ อยูด
่ ้วยจิตใจทีป
่ ระกอบด ้วยปั ญญาญาณ
ในการกระทํากิจกรรมทัง้ ปวง ในชีวต ิ ประจําวัน ความก ้าวหน ้าของ
จิตใจย่อมบังเกิดขึน้ อย่างแน่นอน
• การดํารงชีวต ิ อยูอ
่ ย่างพุทธะ เป็ นศิลปะอย่างยิง่ ประเด็นสําคัญยิง่
คือ การมุง่ มัน ่ อย่างแรงกล ้าทีจ่ ะทําให ้มันต่อเนือ ่ งดุจดังสายนํ้ า
ไหล นีค่ อื แก่นสาระของชีวต ิ ทีเ่ ราต ้องเข ้าถึงและนํ ามาใช ้ในการ
ดําเนินชีวต ิ ในชีวต ิ ประจําวัน ซึง่ เราจะต ้องปลูกฝั ง ศรัทธา วิรย ิ ะ
ขันติ ให ้มัน่ คง ความสําเร็จจึงจะเกิดขึน ้
พุทธท ัศนะ
66
เราก็พอเข ้าใจได ้ นัตถิกะทัศนะ จึงไม่ขด
ั กับสามัญสํานึกของเรา
เช่นเดียวกับอัตถิกทิฏฐิ
67
• หลักการทีส ่ ําคัญในพุทธศาสนาข ้อหนึง่ ในจํานวนสามข ้อคือ “การ
ทําจิตให ้ขาวรอบ” หรือการทําจิตให ้ว่างจากตัวตน คือเข ้าถึง
สุญญตานั่นเอง ดังนัน ้ สุญญตาทางจริยศาสตร์ ก็คอ ื หลักทีส่ อน
ให ้เราทําใจให ้เห็นว่า โลกคือความว่าง (สุญญตา) โดยธรรมชาติ
การปฏิบต ิ นตระหนักชัดว่าสรรพสิง่ คือสุญญตา คือรากฐานทางจ
ั จ
ริยศาสตร์นั่นเอง
• สุญญตาอันปราศจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ย่อมไม่สามารถอธิบาย
ได ้ด ้วยคําพูดและภาษา แก่นสาระแห่งธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของจิต
ประภัสสรนี้ ไม่สามารถถูกทําให ้แปดเปื้ อนหรือดับสูญได ้ ผู ้ที่
เข ้าถึงความแจ่มแจ ้งตระหนักชัดด ้วยตนเองเท่านัน้ จึงหยัง่ รู ้ว่ามัน
ได ้อธิบายตัวมันเองอย่างสมบูรณ์แล ้ว โดยปราศจากอักษรและ
ถ ้อยคํา มันคืออาณาจักรทีอ
่ ยูเ่ หนือตัวตน และการนึกคิดทัง้ ปวง
• การไม่รู ้จักธรรมชาติทแ
ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสรของตนเอง ย่อมทําให ้
การบําเพ็ญสมาธิภาวนา แม ้จะยาวนานมาหลายปี ก็สญ ู เปล่า แม ้
่ ตรงและตัง้ ใจจริง การปฏิบต
จะซือ ั ภ
ิ าวนานัน
้ ก็ไม่มค
ี วามหมาย
และล ้มเหลว
• เมือ
่ ตระหนักชัดต่อธรรมชาติทแ ี่ ท ้ แห่งจิตประภัสสรของตนเอง
จนมัน่ คงถาวร สัมมาทิฏฐิก็อบ
ุ ต
ั ข ิ น
ึ้ ในดวงใจ ก ้อนหิน ต ้นไม ้ และ
68
สรรพสิง่ ย่อมกลับกลายเป็ นเมล็ดพันธุแ
์ ห่งโพธิญาณ เส ้นทาง
ชีวต
ิ สายใหม่ โลกใหม่ อันเป็ นอมตะก็ปรากฏขึน ้
ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ
• เมือ่ ใดทีต
่ ระหนักชัดถึงพระพุทธองค์ วิญญาณอันทุกข์ทรมานใน
อบายภูมท ่ ะถูกปลดปล่อยทันที เราจึงควรน ้อมนํ าเอาพุทธานุ
ิ งั ้ สีจ
สติเป็ นทีพ่ งึ่ ในการดํารงอยู่ การกระทําอกุศลกรรมซํ้าแล ้วซํ้าเล่า
เป็ นนิมต
ิ หมายของการถูกครอบงําด ้วยกฏแห่งกรรมในสังสารวัฏ
ความเป็ นอิสระหลุดพ ้นจากเครือ ่ งผูกพันร ้อยรัดยิง่ ห่างไกล
• ผู ้ทีไ่ ม่มค
ี วามจริงจังพากเพียรปฏิบต
ั ด
ิ ้วยความอุตสาหะ อดทน
ไม่ควรคาดหวังต่อการประจักษ์ แจ ้งความจริง การปฏิบต ั ภ
ิ าวนาที่
ไม่เป็ นไปเพือ ่ การลดละอัตตาตัวตน ย่อมไม่อาจหยัง่ รู ้ ทัศนียภาพ
แห่งความเป็ นอิสระเสรีได ้ การถ่ายถอนอุปาทานก็บงั เกิดขึน ้
ไม่ได ้จึงไม่ควรหวังความสงบ สันติ จากการรับรู ้ทางประสาท
สัมผัสทัง้ หก
• ผู ้ทีย
่ งั ไม่สามารถตระหนักชัดในความเป็ นองค์รวมแห่งเอกภาพ
ของสรรพสิง่ ทีเ่ ป็ นสุญญตาได ้ ย่อมไม่สามารถถ่ายถอนรากเหง ้า
ของความต ้องการและความกลัวทีห ่ ยัง่ รากลึกทีก
่ ้นบึง้ แห่งจิตใจ
ได ้อย่างถอนรากถอนโคน
69
• ผู ้ทีย่ งั แปดเปื้ อนด ้วยมลทินแห่งอกุศลกรรม ย่อมไม่อาจเข ้าถึง
พระพุทธองค์ได ้ แต่ถ ้าขณะใดทีเ่ ราเข ้าถึงพระสัทธรรม ย่อม
สัมผัสถึงพุทธองค์ “โยธัมมัง ปั สสติ โสมังปั สสติ” (ผู ้ใดเห็นธรรม
ผู ้นัน
้ เห็นเรา ตถาคต)
• ความคิดปรุงแต่งทีห
่ ลั่งไหลเป็ นอุปสรรคขวางกัน้ ทําให ้ไม่
สามารถเข ้าถึงสุญญตภาวะได ้ ถ ้าอวิชชายังไม่ถกู ขจัดออกไป แม ้
จะพากเพียรอย่างหนักได ้ผลเพียงเล็กน ้อย
พระนิพฺพาน
วิถน
ี กบิน
71
• คนเราทุกคนมีธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งจิตพุทธะอยูแ ่ ล ้ว และเป็ น
ธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสรมาแต่เดิม ปั ญญาญาณก็เกิดจาก
ธรรมชาติทแ ี่ ท ้นี้ เมือ
่ เราปฏิบตั อิ ย่างถูกต ้อง เราก็จะประจักษ์ แจ ้ง
ความจริง เช่น พระพุทธองค์ พุทธะ ธรรมะ สังฆะ ก็คอ ื ธรรมชาติ
่ ท ้นี้ เราจึงควรเอาสิง่ นีเ้ ป็ นสรณะ
ทีแ
72
• ในทุกๆขณะ เราจะต ้องเทิดทูนหนทางอันเก่าแก่ (ทางสายกลาง)
้ ว ้ แล ้วเราจะไม่ตกลงสูร่ อยเกวียนแห่งทวิภาวะ และไม่วา่ เราจะ
นีไ
ไปทีใ่ ด ก็จะไม่ทงิ้ ร่อยรอยอะไรเหลือไว ้ในจิตใจ ดุจวิถน ี กบินที่
ไม่ทงิ้ ร่อรอยอะไรไว ้เลย เมือ ่ มันบินไปแล ้ว วิญญาณทัง้ หกก็จะไม่
ถูกล่ามไว ้ด ้วยความเคยชิน
์ ห่งการดํารงของชวี ต
ปาฏิหาริยแ ิ
• ในการปฏิบต ั ภ
ิ าวนา เราจะต ้องเรียนรู ้ตนเองอย่างต่อเนือ
่ งอย่าง
จริงใจและอดทนพอ สภาวะของความเป็ นหนึง่ จะปรากฏออกมา
จิตก็จะเปิ ดออกสูก่ ารประจักษ์ แจ ้งความจริงอย่างฉั บพลัน เมือ
่ เรา
่
กลับไปสูรากฐานแห่งการดํารงอยู่ ก็จะประจักษ์ แจ ้งใน
73
ความหมายทีแ ่ ท ้จริงของชีวต ่ สนใจแต่สงิ่ ที่
ิ แต่ถ ้าเรามัวหมกมุน
ปรากฏขึน ้ ภายนอก เราก็จะพลาดจากเนือ ้ หาสาระไป แล ้วก็ตกลง
สูร่ อยเกวียนแห่งทวิลก ั ษณ์ เช่นเดิม
• เมือ
่ เราปฏิบต
ั ถ
ิ ก
ู ต ้อง จิตจะเจริญก ้าวหน ้าขึน
้ จะรู ้สึกว่า จิตเดิม
แท ้ของเราแผ่ขยายกว ้างออกไป ใสกระจ่าง เบาสงบ มันเหมือน
กิจกรรมทางจิตทัง้ หมดพังทะลายและสิง่ ทีเ่ คลือบฉาบจิตใจอยู่
ได ้ถูกลอกออกไป สมมุตบ ิ ญ
ั ญัตท
ิ างโลกทัง้ หมด ทัง้ สิน ้ และของ
74
่ องเหตุผล ถูก-ผิด ดี-ชัว่ ได ้อันตรธานไปสิน
คูข ้ มีแต่ความว่าง
เปล่าอันไพศาลอยูแ ่ ทน
• เมือ
่ เราสัมผัสถึงประสบการณ์ตรงต่อสัจจะแห่งพุทธะ ด ้วยการ
ทุม
่ เทชีวติ จิตใจทัง้ หมดให ้แก่การปฏิบต ั ภ
ิ าวนา โดยไม่ยอ ่ ท ้อ
และไม่หวาดหวั่นต่อสิง่ ใด จนตระหนักชัดว่า เราทุกคนมีเพชรมณี
อันลํ้าค่าอยูแ
่ ล ้วทุกคน แต่มนั ถูกฝั งไว ้ภายใต ้ความวิตกกังวลแห่ง
จิตสามัญสํานึกอย่างโลกๆ เมือ ่ สิง่ บดบังสิน้ สุดลงด ้วยปั ญญา
ญาณ ความแวววาวของมันก็ได ้กลับคืนมาอีกครัง้ หนึง่
• ด ้วยการสํารวมระวังใส่ใจอยูก ่ บ
ั จิตประภัสสรของตนเองอยู่
ตลอดเวลาในทุกอริยบท และในทุกกิจกรรม ดุจไก่ทก ี่ ําลังฟั กไข่
ดุจแมวทีค ่ อยเฝ้ าจะจับหนู ขณะทีเ่ รายังไม่มญี าณอันแก่กล ้า เรา
จึงต ้องใช ้ความเพียรและความอดทนอย่างแรงกล ้าสูเ่ ป้ าหมายที่
แท ้จริงของชีวติ แน่นอนว่าสักวันหนึง่ ต ้องบรรลุจด ุ หมาย เมือ ่ จิต
แจ่มแจ ้งขึน้ ความเป็ นพุทธะย่อมอยูใ่ กล ้แค่เอือ
้ มนีเ้ อง
• เมือ
่ เข ้าถึงประสบการณ์ตรงต่อสัจจะ ความเชือ ่ มัน
่ จะเกิดขึน้ ด ้วย
ตัวมันเอง ชีวต ิ ใหม่หลังความตาย เส ้นทางดําเนินชีวต ิ ใหม่ทม ี่ ี
ชีวติ ชีวาจะเผยปรากฏให ้ได ้สัมผัส อุปสรรคทัง้ ปวงย่อมสิน้ สุดลง
75
เงาสะท้อนของดวงจ ันทร์ในนํา้
• เมือ
่ เราปฏิบต ั จ
ิ นจิตเรา สงบ เรียบ สันติ สภาวะจิตขณะนัน ้ เหมือน
เงาสะท ้อนของดวงจันทร์ทฝ ่ ว
ี่ ่ าเข ้าไปในความลึกของธารนํ้ าเชีย
ทีผ
่ วิ นํ้ า ในขณะทีด ่ วงจันทร์เองยังคงรักษารูปทรงอันสมบูรณ์ไว ้
มันเป็ นการยกจิตสูส ่ ภาพทางจิตวิญญาณระนาบใหม่ แห่งจิต
วิญญาณสากล
76
อายตนะ ไม่ใช่อะไรอืน ่ นอกจากสิง่ ทีไ่ หลออกมาจากธรรมชาติท ี่
แท ้ของเรา ซึง่ เป็ นธรรมชาติทป
ี่ ระภัสสรโดยตัวของมันเอง
• เมือ
่ เราตระหนักชัดว่า ความว่างเป็ นหนึง่ เดียวกับเราอยู่
ตลอดเวลา จักรวาลทัง้ จักรวาลก็ไม่ใช่อะไรอืน ่ นอกจากความว่าง
(สุญญตา) เท่านัน้ นั่งอยูก
่ ็ไม่กําหนดหมายว่านั่งอยู่ ทัง้ ไม่รู ้สึกว่า
มีตัวตนเรา – เขาด ้วย ไม่มอ ี ะไรนอกจากตระหนักชัดว่าสรรพสิง่
คือสุญญตา
• พุทธศาสนานัน ้ อยูบ
่ นพืน
้ ฐานธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของเรา บนจิต
ประภัสสรของเรา ซึง่ แสดงออกและประจักษ์ แจ ้งได ้ในการฝึ กฝน
ภาวนา พุทธศาสนาไม่ได ้ขึน ้ อยูก
่ บั คําสอนหนึง่ ใดโดยเฉพาะ
และไม่ได ้เอาคําสอนมาเป็ นตัวฝึ กฝน เราฝึ กฝนภาวนาก็เพือ ่ ให ้
ธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของเราปรากฏออกมา แสดงออกร่วมกับการฝึ กฝน
และร่วมกับกิจการงานต่างๆในชีวต ิ ประจําวันของเรา ด ้วยการ
อาศัยความเพียรและความอดทน แล ้วเราก็จะค ้นพบ วิถท ี างของ
เราเองทีละน ้อยๆ อย่างเป็ นไปเอง ตามวิถธ ี รรมชาติ
77
• ผลของการปฏิบต ั ภ
ิ าวนา คือประสบการณ์แห่งการตืน ่ ทีม ี วี ต
่ ช ิ ชีวา
ซึง่ พิสจ ู น์วา่ เป้ าหมายทีด ่ เู หมือนจะสุดเอือ้ ม สามารถจะเข ้าถึงได ้
ในชีวต ิ นีข ้ องเรา ยิง่ เราดืม่ ดํา่ ต่อการปฏิบต
ั ภิ าวนามากเท่าใด เรา
ก็ยงิ่ พบว่า เรากับสรรพสิง่ เป็ นเอกภาพเดียวกัน และพบว่า การ
ปฏิบต ั ภ ิ าวนานัน ้ เป็ นยอดแห่งการแสดงออกซึง่ ธรรมชาติทแ ี่ ท ้
ของเราทีส ่ มบูรณ์ทส ี่ ด
ุ
• ผู ้เริม
่ ศึกษาพุทธศาสนา จะต ้องมีศรัทธาพร ้อมทีจ ่ ะน ้อมรับและ
พร ้อมทีจ ่ ่ ามารถหยัง่ รู ้สรรพสิง่ ได ้
่ ะเปิ ดใจให ้กว ้าง ซึงเป็ นจิตทีส
ตามทีม ่ น
ั เป็ นจริง ในแวบหนึง่ ก็อาจหยัง่ รู ้ถึงธรรมชาติทแ ี่ ท ้ดัง้ เดิม
ของสรรพสิง่ ทัง้ ปวง แล ้วเราก็จะดํารงทัศนคติเช่นนีใ้ นการปฏิบต ั ิ
ภาวนาในชีวต ิ ประจําวัน
• การปฏิบต ั ภ
ิ าวนาในวิถข ี องทางสายกลางหรือไตรสิกขา จะทําให ้
เราได ้เห็นตัวตนทีแ ่ ท ้จริงของเรา และความวิเศษมหัศจรรย์ทเี่ รา
เห็นนัน
้ ก็เป็ นเพียงธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของเราและสรรพสิง่ นั่นเอง เมือ ่
เราได ้เรียนรู ้ทีจ
่ ะดํารงอยูต ่ ามธรรมชาติอย่างเป็ นอิสระได ้ การ
แบ่งแยกและความแตกต่างระหว่างเรากับสรรพสิง่ จะละลาย
หายไปในกระแสแห่งชีวต ิ อันลึกซึง้ เราจะมีชวี ต
ิ ชีวา รืน
่ เริงใน
ความเบ่งบานแห่งพุทธจิต อันเป็ นรหัสยนัยแห่งชีวต ิ
ิ ปะของชวี ต
สาร ัตถะทีเ่ ป็นศล ิ
78
• สิง่ หนึง่ ทีค่ นทั่วไปสนใจใฝ่ ศึกษาน ้อยทีส ่ ด ุ คือเรือ ่ งของชีวต ิ
ขณะทีค ่ วามรู ้ทุกสาขาโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ ได ้ขยายไปอย่าง
กว ้างไกล แต่ชวี ต ิ กลับเป็ นสิง่ ทีถ
่ ก
ู ละเลย ชีวต ิ จึงเป็ นเพียง
อุปกรณ์ในการใฝ่ หา วัตถุ ลาภ ยศ อํานาจ มาสนองความต ้องการ
ของตัวตน ซึง่ เข ้าใจว่ามีอยูจ ่ ริง ในทีส่ ดุ ก็คด ิ เอาว่า วัตถุ ลาภ ยศ
อํานาจเป็ นตัวชีวต ิ ไป จึงเป็ นทัศนะทีส ่ ดุ จะตืน ้ เขิน ความตืน ้ เขิน
ดังกล่าวจึงสกัดกัน ้ โอกาสทีจ ่ ะพัฒนาสูส ่ งิ่ สูงสุดทีช ่ วี ต
ิ พึงได ้รับ
• การอยูเ่ หนือประสบการณ์ทถ ี่ ก
ู ตีกรอบตามความคุ ้นเคยเดิมๆ
โดยนัยนี้ ย่อมทําให ้จิตใจเป็ นอิสระ เปิ ดกว ้างต่อการเรียนรู ้ และ
พร ้อมทีจ ่ ะพัฒนาอยูเ่ สมอ จิตทีเ่ ปิ ดกว ้างของผู ้เริม่ แสวงหาและ
่ ฝึ กฝนนีเ้ อง ทีเ่ ป็ นสิง่ สําคัญยิง่ สําหรับการเข ้าถึงรหัสยนัยแห่ง
เริม
ชีวต ิ ซึง่ ไปพ ้นการคาดคิดใดๆ ทัง้ สิน ้
• การทําใจให ้เปิ ดกว ้าง ละทิง้ ทุกสิง่ ทีเ่ คยรู ้มา และรับรู ้สิง่ ต่างๆตาม
ความเป็ นจริง ปล่อยให ้มันเป็ นไปเองตามธรรมชาติ หน ้าทีข ่ องผู ้
ทีป่ ฏิบต
ั ภ
ิ าวนา คือเพียงรู ้และดูอยูเ่ ฉยๆ อย่างปราศจากความ
พยายาม หรือกําหนดหมาย เพราะทัง้ ความรู ้แจ ้งและพุทธภาวะ
ล ้วนมีอยูแ่ ล ้วในธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของเราทุกคน ซึง่ จะแสดงออกเมือ ่
จิตของเราเปิ ดกว ้าง
• ในการปฏิบต ั ภ
ิ าวนา เราจะต ้องมีทัศนะทีถ ่ ก
ู ต ้อง คือมีความ
เชือ่ มัน
่ อย่างแรงกล ้าในธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของเราทีจ ่ ะต ้องแสดงออก
ร่วมกับการกระทําในทุกขณะ “มันช่างวิเศษเหลือเกินในขณะทีก ่ ้ม
ลงกราบพระพุทธรูป” หากเราปราถนาทีจ ่ ะแสดงออกธรรมชาติท ี่
แท ้ เราก็ต ้องดําเนินตามมรรควิถท ี เี่ ป็ นไปเองตามธรรมชาติในทุก
อิรย ิ าบถ อะไรก็ตามทีเ่ รากระทําล ้วนเป็ นการแสดงออกธรรมชาติ
ทีแ่ ท ้และความจริงใจ
80
• ชีวติ ของเราจําเป็ นอย่างยิง่ ทีจ
่ ะต ้องรักษาความสมดุลย์เอาไว ้
และมีสมาธิในชีวต ิ ประจําวันอันเป็ นธรรมดา ถ ้าจิตของเราสงบ
มัน
่ คงอยูเ่ สมอ เราจะรักษาตัวเองจากโลกทีส ั สนวุน
่ บ ่ วายได ้
• นอกจากจะมีทศ ั นะทีถ
่ ก
ู ต ้องแล ้ว เราจะต ้องมีการปฏิบต ั ทิ ถ
ี่ ก
ู ต ้อง
ด ้วย เพือ
่ ทีธ ่ รรมชาติทแ ี่ ท ้จริงของเราจะได ้แสดงออกโดยตรงใน
การฝึ กสมาธิภาวนา สําหรับชีวต ิ ของคนเราแล ้ว ไม่มก ี ารฝึ กฝน
ชนิดใดทีย ่ งิ่ ใหญ่ไปกว่าการฝึ กฝนชนิดนี้ ไม่มวี ถ ี วี ต
ิ ช ิ อืน่ ใดเลยที่
มหัศจรรย์และเป็ นศิลปะยิง่ ไปกว่านี้
สายใยแห่งชวี ต
ิ
81
• เป้ าหมายของการภาวนา คือ การตระหนักชัดถึงความจริงของ
ชีวติ และดํารงอยูอ
่ ย่างมีอสิ ระภาพทัง้ กายและจิตใจ ทุกสิง่ เป็ น
เพียงแวบหนึง่ ของประกายแสงฟ้ าแลบในโลกแห่งปรากฏการณ์
การดํารงอยูข ่ องแต่ละสิง่ เป็ นการแสดงออกซึง่ คุณภาพของสิง่
นัน
้ ๆ
82
เอกภาพคือความหลากหลาย
• ตราบใดทีเ่ รายังคิดตามความเคยชินเชิงอัตนิยมทีม ่ ต
ี ัวเองเป็ น
ศูนย์กลาง อยูก ั เหตุผลตรรกะ เราก็จะไม่สามารถซาบซึง้ กับสิง่
่ บ
ต่างๆตามความหมายทีแ ่ ท ้จริงได ้ กิจกรรมทีเ่ รากระทําอยูใ่ นความ
เป็ นทวิภาวะแห่งการแบ่งแยกเช่นนี้ จะทําให ้เราเข ้าไม่ถงึ
อิสระภาพอันสมบูรณ์ได ้
• ชีวติ ทีส
่ มบูรณ์ของเรานัน ้ เหมือนเหรียญหนึง่ ทีม่ ส
ี องด ้าน มีทงั ้
ความเป็ นเอกภาพ และความหลากหลาย แต่เราก็ไม่ได ้เน ้นทีด ่ ้าน
ใดโดยเฉพาะ เพราะความเป็ นเอกภาพก็มค ี ณ
ุ ค่าและความ
หลากหลายก็งดงาม แต่ความหลากหลายและความเป็ นเอกภาพ
้ เป็ นสิง่ เดียวกัน เราจึงควรค ้นให ้พบความจริงในแต่ละขณะใน
นัน
ชีวต ิ ประจําวันของเรา
83
พ ้นกาลเวลา นีค
่ อ
ื สถานทีอ
่ น
ั ศักดิส ิ ธิ์ ทีเ่ ปี่ ยมไปด ้วยอิสระภาพ
์ ท
เสรีภาพ และภราดรภาพ
• เราจะพบความหมายและคุณค่าของชีวต ิ ในกิจการงานใน
ชีวต ิ ประจําวันมากกว่าการนั่งนิง่ ๆ เหมือนกับ “เมฆมีไว ้เพือ ่ ดวง
จันทร์ สายลมมีไว ้สําหรับดอกไม ้” ถ ้าการปฏิบต ั ภ
ิ าวนาของเราทํา
ให ้เกิดความเข ้าใจทีถ
่ ก
ู ต ้อง ไม่วา่ จะทําอะไร กิจกรรมนัน ้ ก็จะ
ตัง้ อยูบ
่ นฐานของธรรมชาติทแ ี่ ท ้ ความสําเร็จก็จะเกิดขึน
้ ทีละน ้อย
ๆ
• การปฏิบต ิ ทีถ
่ ก
ู ต ้องนีเ้ อง คือวิถชี วี ต
ิ ทีแ
่ ท ้จริง ถ ้าเราไม่รู ้จัก
สภาวะดิมแท ้ของสรรพสิง่ เราย่อมไม่สามารถซาบซึง้ กับ
ผลสําเร็จของความมานะบากบัน ่ ของเราได ้ ในความพากเพียร
เราจะต ้องมีนัยบางอย่างทีเ่ ป็ นการค ้นพบธรรมชาติเดิมแท ้ของ
ความเพียรเป็ นพืน ้ ฐาน พุทธะย่อมเผยตัวของมันเอง
ความงามของชวี ต
ิ
ว ัชพืชของจิต
85
• การปฏิบต ั ท
ิ ถ
ี่ ก
ู ต ้องทําให ้เข ้าถึงประสบการณ์ตรงต่อสัจจะของ
สรรพสิง่ ความเข ้าใจทีแ ่ ท ้จริงเกิดจากประสบการณ์ตรงต่อสัจจะ
ทีต่ ระหนักชัดว่า สรรพสิง่ คือสุญญตา กล่าวโดยย่อ สรรพสิง่ ก็คอ ื
จิตเดิมแท ้ หรือ จิตประภัสสรทีเ่ ป็ นธรรมชาติทแ ี่ ท ้ของเรานั่นเอง
จึงทําให ้เราเข ้าใจตนเอง เข ้าใจชีวต ิ ชีวต
ิ ทีแ
่ ท ้จริงโดยตัวของมัน
เองก็คอ ื สัจธรรม จึงเข ้าใจสัจธรรม โดยตัวของมันเองทีแ ่ สดงออก
ร่วมกับกิจกรรมต่างๆในชีวต ิ ประจําวัน
86
ความเข้าใจชวี ต
ิ ทีแ
่ ท้จริง
87
ปราศจากอัตตาตัวตนเข ้ามาเกีย
่ วข ้อง ดังนัน้ ในทุกการกระทํา จึง
เป็ นการแสดงออกของธรรมชาติทแ ี่ ท ้แห่งจิตประภัสสรดัง้ เดิม
ของเราเอง
88
89