Professional Documents
Culture Documents
Blockchain
Blockchain
คือเทคโนโลยกีารจดัเก็บขอ้มูลแบบ
SHAREDDATABASE หรือที่รู้จักกัน ในชื่อ“
DISTRIBUTED LEDGER TECHNOLOGY (DLT)
” โดยเป็นรูปแบบการบันทึกข้อมูลที่รับประกันความปลอดภัย
ว่า ข้อมูลที่ถูกเก็บไปก่อนหน้านั้น ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลง
หรือแก้ไข ได้ซึ่งผู้ใช้งานทุกคนจะได้เห็นข้อมูลชุดเดียวกัน
ทั้งหมด โดยใชหลักการ CRYPTOGRAPHY และความ
สามารถของ DISTRIBUTED COMPUTING เพื่อ สร้าง
กลไกความน่าเชื่อถือ
แม้ว่า เทคโนโลยีบล็อกเซน จะรวมไปถึงการบันทึกธุรกรรม
ของสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นที่รู้จักกัน ดีเช่น บิตคอย
น์(BITCION)
จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า บิตคอย
น์(BITCION) และ
บล็อกกเชน (BLOCKCHAIN) คือเทคโนโลยีเดียวกันแต่
ในความเป็น
จริงแล้ว บิตคอยน์(BITCION) เป็นเพียงชื่อเรียกสกุลเงิน
อิเล็กทรอนิกส์
ที่สร้างซื้อขายผ่านระบบออนไลน์โดยมีบล็อกเชน
(BLOCKCHAIN)
เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ช่วยในการตรวจสอบการทาง
ธุรกรรมต่างๆ
ของ บิตคอยน์(BITCION) เพื่อ ให้เกิดความปลอดภัย
มากกว่า การทางธุรกรรมออนไลน์ปกติซ่ึงจะไดเ้รียนรู้ใน
หน่วยต่อไป
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีบล็อกเชน
(BLOCKCHAIN)
ประกอบด้วย 4องค์ประกอบดังนี้
1.BLOCK การจัดเก็บข้อมูลของเทคโนโลยีบล็อกเชน
(BLOCKCHAIN) จะถูกจัดเก็บในรูปแบบของ BLOCK โดย
แต่ละ BLOCK จะเชื่อมโยงเข้าหา BLOCK ก่อนหน้าด้วยค่า
HASH FUNCTING ของ BLOCK ก่อนหน้านี้เสมอและจะ
เรียงร้อยต่อกันเป็น CHAIN ทำให้ยากต่อการปลอมแปลง
2. CHAIN วิธีการจดจำข้อมูลทุกๆ ธุรกรรมของผู้มีส่วนเกี่ยว
ข้องทุกๆ ฝ่ายในระบบ และบันทึกข้อมูลพร้อมจัดทา เป็นสำเนา
แจกจ่ายให้กับทุกคนในระบบ โดยสำเนานั้นจะถูกกระจายส่งต่อให้
ทุกๆ NODE ในระบบเพื่อให้ทุกคนรับทราบว่ามีธุรกรรมอะไรเกิด
ขึ้นตั้งแต่เปิดระบบบล็อกเชน (BLOCKCHAIN)
3. การกำหนดข้อตกลงและความเห็นชอบร่วมกันระหว่างสมาชิก
ในเครือข่ายบล็อกเชน(BLOCKCHAIN) โดยสมาชิกต้อง
ยอมรับกฎระเบียบร่วมกัน ด้วยกลไกในการควบคุมความถูกต้อง
ข้อมูลในทุก NODE ผ่านอลักอริทีมต่างๆเพื่อให้ข้อมูลมีความ
ถูกต้องเที่ยงตรงและเป็นข้อมูลชุดเดียวกันรวมทั้งข้อมูลมีการ
จัดเก็บสอดคล้องและมีลำดับการจัดเก็บตรงกัน
องค์ประกอบของเทคโนโลยีบล็อกเชน
(BLOCKCHAIN)
4. การตรวจสอบความถูกต้องแบบทบทวนทั้งระบบและทุก
NODE ในระบบบล็อกเชน (BLOCKCHAIN) เพื่อให้แน่ใจว่าจะ
ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ว่าจะมาจากส่วนใดก็ตาม ซึ่งก็
คือส่วนหนึ่งของ CONSENSUS ที่เรียกว่า
PROOF-OF-WORK ซึ่งในหลักการแล้ว