Professional Documents
Culture Documents
14 Jun 2020
สารบัญ
ทบทวนความรูพ้ นื ้ ฐาน
การแบ่งขัน้ ตอน
ในแต่ละขัน้ ตอน งานจะ “ยังไม่เสร็จ” ขัน้ ตอนทุกขัน้ ต้องถูกทาจนครบเพื่อให้ได้แบบทีจ่ ะนับ 1 แบบ
แต่ละขัน้ ตอนมีลาดับก่อนหลัง คือต้องทาขัน้ ตอนนัน้ ต่อด้วยขัน้ ตอนนี ้ → ตัวเลขในแต่ละขัน้ ตอน เอามา คูณ กัน
กฎการคูณ : ถ้างานชิน้ หนึง่ แบ่งเป็ น 𝑘 ขัน้ ตอนย่อย โดย ขัน้ ตอนที่ 1 เลือกทาได้ 𝑛1 วิธี
ขัน้ ตอนที่ 2 เลือกทาได้ 𝑛2 วิธี
⋮
ขัน้ ตอนที่ 𝑘 เลือกทาได้ 𝑛𝑘 วิธี
เราจะมีวิธีทางานชิน้ นีไ้ ด้ทงั้ หมด 𝑛1 ∙ 𝑛2 ∙ … ∙ 𝑛𝑘 วิธี
แบบฝึ กหัด
1. นักเรียนกลุม่ หนึง่ มี 16 คน ซึง่ แต่ละคนเป็ นสมาชิกของชมรมวิชาการ หรือชมรมกีฬา หรือชมรมดนตรี อย่างน้อย 1
ชมรม และพบว่า มี 8 คน เป็ นสมาชิกของชมรมวิชาการ มี 10 คน เป็ นสมาชิกของชมรมกีฬา มี 10 คน เป็ น
สมาชิกของชมรมดนตรี มี 6 คน เป็ นสมาชิกของชมรมดนตรีและชมรมกีฬา มี 5 คน เป็ นสมาชิกของชมรม
วิชาการและชมรมกีฬา และมี 3 คน เป็ นสมาชิกของชมรมวิชาการและชมรมดนตรี ต้องการเลือกผูแ้ ทน 1 คนของ
แต่ละชมรมโดยที่แต่ละคนต้องเป็ นสมาชิกเพียงชมรมเดียวเท่านัน้ จานวนวิธีเลือกดังกล่าวมีทงั้ หมดเท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (ต.ค. 55)/44]
3. ให้ 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเซต โดยทีจ่ านวนสมาชิกของเซต 𝐴 และ 𝐵 เท่ากับ 4 และ 5 ตามลาดับ
และจานวนสมาชิกของเซต 𝐴 ∪ 𝐵 เท่ากับ 7
จงหาจานวนความสัมพันธ์ใน 𝐴 ∩ 𝐵 และจานวนความสัมพันธ์จาก 𝐴 − 𝐵 ไป 𝐵 − 𝐴 [PAT 1 (มี.ค. 56)/6]
การแบ่งกรณี
ในแต่ละกรณี งานจะ “เสร็จ” แต่ละกรณีจะมีความสมบูรณ์พอทีจ่ ะนับเป็ นแบบ 1 แบบ
เราจะเรียงลาดับกรณียงั ไงก็ได้ เพราะ กรณี 1 กรณี จะมีความสมบูรณ์ในตัวเอง → ตัวเลขในแต่ละกรณี เอามา บวก กัน
กฎการบวก : ถ้างานชิน้ หนึง่ แบ่งเป็ น 𝑘 กรณี โดย กรณีที่ 1 เลือกทาได้ 𝑛1 วิธี
กรณีที่ 2 เลือกทาได้ 𝑛2 วิธี
⋮
กรณีที่ 𝑘 เลือกทาได้ 𝑛𝑘 วิธี
เราจะมีวิธีทางานชิน้ นีไ้ ด้ทงั้ หมด 𝑛1 + 𝑛2 + ⋯ + 𝑛𝑘 วิธี
แบบฝึ กหัด
4. ต้องการเขียนจานวนที่มีหกหลัก ABCDEF โดยที่ A, B, C, D, E, F ∈ {1, 2, … , 9}
A + B = 14 และ C – D > D – E > E – F > 0 จะสร้างได้ทงั้ หมดกี่จานวน [PAT 1 (เม.ย. 57)/43]
ความน่าจะเป็ น 3
การเรียงของซา้
𝑛!
ของ 𝑛 สิง่ (ที่มีของซา้ อยูด่ ว้ ย) เอามาเรียงเป็ นแถวหน้ากระดาน จะเรียงได้ จานวนของซา้ !
แบบ
และในกรณีที่มีของซา้ หลายกลุม่ เช่น กลุม่ ที่ 1 มีของซา้ 𝑛1 ชิน้
กลุม่ ที่ 2 มีของซา้ 𝑛2 ชิน้
⋮
𝑛!
กลุม่ ที่ 𝑘 มีของซา้ 𝑛𝑘 ชิน้ จะเรียงได้ 𝑛1 !𝑛2 !…𝑛𝑘 !
แบบ
แบบฝึ กหัด
12. ให้ 𝑆 เป็ นเซตของพหุนาม 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 3 + 𝑏𝑥 2 + 𝑐𝑥 + 𝑑 โดยที่ 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 เป็ นสมาชิกในเซต {0, 1, 2, … }
ซึง่ มีสมบัติสอดคล้องกับ 2𝑎 + 𝑏 + 𝑐 + 𝑑 = 4 จานวนสมาชิกของเซต 𝑆 เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 55)/41]
6 ความน่าจะเป็ น
เรียงให้บางชิน้ ติดกัน
ให้มดั ของที่ตอ้ งการอยูต่ ิดกัน เป็ นของชิน้ ใหม่ 1 ชิน้ แล้วคานวณตามปกติ
จากนัน้ ให้คณู ด้วย (จานวนของที่อยูต่ ิดกัน)! (เพราะของที่อยูต่ ดิ กัน สามารถสลับที่กนั เองภายในกลุม่ ได้อีก)
แบบฝึ กหัด
13. จัดคน 8 คน ซึง่ มีสมชาย สมคิด และสมศรี รวมอยูด่ ว้ ย เข้านั่งเรียงกันเป็ นแถวตรง โดยที่สมศรีน่งั กลางติดกับสมชาย
และสมคิดเสมอ จานวนวิธีการจัดที่น่งั ดังกล่าวมีคา่ เท่ากับเท่าใด [A-NET 50/1-17]
นับแบบตรงข้าม
จานวนแบบโจทย์ที่ตอ้ งการ = จานวนแบบทัง้ หมด – จานวนแบบที่โจทย์ไม่ตอ้ งการ
แบบฝึ กหัด
14. กาหนดให้ 𝐴 = {1, 2, 3, 4, 5} 𝐵 = {𝑎, 𝑏}
ฟั งก์ชนั จาก 𝐴 ไปทั่วถึง 𝐵 มีจานวนทัง้ หมดกี่ฟังก์ชนั [A-NET 49/2-9]
15. จงหาจานวนวิธีทงั้ หมดในการจัด ชาย 3 คน และหญิง 3 คน ซึง่ มี นาย ก. และ นางสาว ข. รวมอยูด่ ว้ ย ให้ยืนเป็ น
แถวตรง 2 แถวๆละ 3 คน โดยที่ นาย ก. และ นางสาว ข. ไม่ได้ยืนติดกันในแถวเดียวกัน [PAT 1 (มี.ค. 55)/46]
ความน่าจะเป็ น 7
17. ต้องการสร้างจานวนสามหลัก โดยทีม่ ีตวั เลข 5 อย่างน้อย 1 หลัก แต่ไม่มีตวั เลข 7 ในหลักใดเลย มีจานวนวิธีสร้าง
จานวนสามหลักเท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 57)/16]
19. มีกระเบือ้ งสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั สีแดง สีขาว และสีเขียว เป็ นจานวนอย่างน้อยสีละ 5 แผ่น (แต่ละสีเหมือนกันและมีขนาด
เท่ากันทัง้ หมด) ต้องการนากระเบือ้ ง 7 แผ่นมาจัดเรียงเป็ นแถวตรง โดยมีกระเบือ้ งแต่ละสีอย่างน้อยหนึง่ แผ่น จะ
จัดเรียงกระเบือ้ งดังกล่าวได้ทงั้ หมดกี่วิธี [PAT 1 (มี.ค. 58)/43]
ความน่าจะเป็ น 9
การเรียงสับเปลีย่ น
𝑛!
P𝑛,𝑟 อ่านว่า 𝑛 พี 𝑟 มีคา่ เท่ากับ (𝑛−𝑟)!
7! 7! 6! 6!
เช่น P7,4 = (7−4)!
= 3!
= 7×6×5×4 P6,2 = (6−2)!
= 4!
= 6×5
9! 9! 3! 3!
P9,1 = (9−1)!
= 8!
= 9 P3,3 = (3−3)!
= 0!
= 3!
แบบฝึ กหัด
1. จงหาค่าในแต่ละข้อต่อไปนี ้
1. P8,2 = 2. P4,4 =
3. P7,0 = 4. P𝑛,1 =
เรียงของเป็ นวงกลม
แบบฝึ กหัด
1. นักเรียน 4 คน จะสามารถจับมือล้อมเป็ นวงกลมได้กี่แบบ
5. คุณลุง คุณป้า ลูกชาย และลูกสาว มาเยี่ยมครอบครัวเราซึง่ มี 4 คนคือ คุณพ่อ คุณแม่ ตัวฉัน และน้องชาย ในการ
จัดที่น่งั รอบโต๊ะอาหารกลมทีม่ ี 8 ที่น่งั โดยให้คณ
ุ ลุงนั่งติดกับคุณพ่อ คุณป้านั่งติดกับคุณแม่ ลูกชายของคุณลุงนั่ง
ติดกับน้องชายของฉัน และลูกสาวของคุณลุงนั่งติดกับฉัน จะมีจานวนวิธีจดั ได้เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 52)/36]
การจัดหมู่
𝑛!
(𝑛𝑟) อ่านว่า 𝑛 ซี 𝑟 มีคา่ เท่ากับ (𝑛−𝑟)!𝑟!
7! 7! 7×6×5 6! 6! 6×5
เช่น (74) = (7−4)!4!
= 3!4!
= 3×2×1
(62) = (6−2)!2!
= 4!2!
= 2×1
9! 9! 3! 3!
(19) = (9−1)!1!
= 8!1!
= 9 (33) = (3−3)!3!
= 0!1!
= 3!
40×39×38
เลือกไพ่ 3 ใบ จากกองไพ่ 40 ใบ จะเลือกได้ (40 3
) = 3!
แบบ
ความน่าจะเป็ น 13
สิง่ ที่มกั เป็ นปั ญหา คือ เรามักต้องคิดเอง ว่าโจทย์ตอ้ งการ “เรียง” หรือต้องการ “จัดหมู”่
โจทย์บางข้อจะไม่บอกอย่างชัดเจน ว่าต้องการให้ลาดับของสิง่ ของมีความสาคัญหรือไม่
ในกรณีนี ้ เราต้องใช้ความรูแ้ ละประสบการณ์ ตัดสินเอาเอง
ถ้าลาดับสาคัญ → คิดแบบ “เรียงสับเปลีย่ น”
ถ้าลาดับไม่สาคัญ → คิดแบบ “จัดหมู”่
วิธีทา ข้อนีท้ าได้ 2 วิธี คือใช้แรงลุยนับเอา กับใช้วิธีคานวณ เพื่อความเข้าใจทีด่ ี จะทาให้ดทู งั้ 2 วิธี
ลองลุยนับดู: สีเ่ หลีย่ มขนาด 1 × 1 นับได้ 6 รูป
สีเ่ หลีย่ มขนาด 1 × 2 นับได้ 4 รูป
สีเ่ หลีย่ มขนาด 1 × 3 นับได้ 2 รูป
4×3
เลือก 2 เส้น จากเส้นแนวตัง้ ทัง้ หมด 4 เส้น ได้ (42) = 2!
= 6 แบบ
ดังนัน้ สร้างสีเ่ หลีย่ มได้ 3×6 = 18 แบบ #
แบบฝึ กหัด
1. จงหาค่าในแต่ละข้อต่อไปนี ้
1. (43) = 2. (10
2
) =
3. (75) = 4. (87) =
9. ในเขตเลือกตัง้ หนึง่ มีผแู้ ทนราษฎรได้ 3 คน มีผสู้ มัคร 4 พรรค พรรคละ 3 คน วิธีที่จะได้ผเู้ เทนราษฎรที่มาจากต่าง
พรรคกันคือเท่าใด
12. ถังใบหนึง่ มีลกู บอลสีเขียว 8 ลูก สีนา้ เงิน 6 ลูก และสีขาว 4 ลูก ถ้าลูกบอลทุกลูกแตกต่างกันแล้ว จงหาจานวนแบบ
ในการตักลูกบอล 2 ลูกพร้อมกัน แล้วได้ลกู บอลสีเดียวกัน
13. สมชาย สมหญิง และเพื่อนอีก 5 คน แบ่งกลุม่ ทางาน โดยต้องใช้ 3 คนในการหาข้อมูล ต้องใช้ 2 คนในการทา
รายงาน และต้องใช้ 2 คนในการนาเสนอ จงหาจานวนวิธีจดั คนเพื่อทางาน โดยมีเงื่อนไขว่า สมชายและสมหญิง
ต้องได้หาข้อมูลด้วยกัน หรือ ได้นาเสนอด้วยกัน
22. มีขอ้ สอบปรนัย 20 ข้อ คะแนนเต็ม 50 คะแนน โดยกาหนดข้อ 1 - 10 ข้อละ 4 คะแนน และข้อ 11 - 20 ข้อละ 1
คะแนน ถ้าหากนักเรียนตอบข้อใดถูกต้อง จะได้คะแนนเต็มของข้อนัน้ แต่ถา้ ตอบผิดหรือไม่ตอบ จะได้คะแนน 0
คะแนน จะมีกี่วิธีที่นกั เรียนคนหนึง่ จะทาข้อสอบชุดนีไ้ ด้คะแนนรวม 45 คะแนน [PAT 1 (ก.ค. 53)/41]
23. จังหวัดแห่งหนึง่ มีอาเภอ 6 อาเภอ แต่ละอาเภอส่งผูแ้ ทนอาเภอละ 2 คนเป็ นชาย 1 คนและเป็ นหญิง 1 คน ถ้า
ต้องการคัดเลือกกรรมการ 4 คน เป็ นชาย 2 คน และหญิง 2 คน จากตัวแทนทัง้ 12 คน โดยในบรรดากรรมการ 4 คน
นีจ้ ะต้องเป็ นชายและหญิงอย่างน้อย 1 คู่ มาจากอาเภอเดียวกัน จะมีวธิ ีการคัดเลือกกี่วธิ ี
[PAT 1 (มี.ค. 56)/44]
24. นิยาม จานวนสามหลักลด คือ จานวน 𝐴𝐵𝐶 โดยที่ 𝐴, 𝐵, 𝐶 ∈ {0, 1, … , 9} และ 𝐴 > 𝐵 > 𝐶 จานวนวิธีสร้าง
จานวนสามหลักลด ที่มคี า่ มากกว่า 500 มีจานวนทัง้ หมดเท่ากับเท่าใด [PAT 1 (พ.ย. 57)/22]
18 ความน่าจะเป็ น
26. กาหนดให้ 𝒰 = {1, 2, 3, 4, 5} ให้ 𝑆 เป็ นเซตของคูอ่ นั ดับ (𝐴, 𝐵) ทัง้ หมด โดยที่จานวนสมาชิกของเซต 𝐴 ∩ 𝐵
เท่ากับ 2 เมื่อ 𝐴 และ 𝐵 เป็ นสับเซตของ 𝒰 จานวนสมาชิกของเซต 𝑆 เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (พ.ย. 57)/37]
การจัดหมูข่ องซา้
ซา้ สอง ต่างสอง: ตัวที่ซา้ สองได้ มี 4 ตัว คือ A, B, C, E ดังนัน้ เลือกตัวซา้ สองได้ 4 แบบ
5×4
อีก 2 ตัวที่เหลือ เลือกจาก 5 ตัวที่ไม่ซา้ กับตัวซา้ สองทีเ่ พิ่งเลือกไป ได้ (52) = 2!
= 10 แบบ
ดังนัน้ กรณีนี ้ ได้ 4 × 10 = 40 แบบ
6×5×4×3
ต่างหมด: เลือก 4 ตัว จาก A, B, C, D, E, F ได้ (64) = 4!
= 15 แบบ
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจารณาว่า จะสามารถจัดกลุม่ ตัวอักษร 3 ตัว จากตัวอักษรในแต่ละข้อได้กี่แบบ
1. A, A, A, B, C 2. A, A, B, B, C, D
3. A, A, A, B, B, C, D, D, E
การเรียงสับเปลีย่ นของซา้
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจารณาว่า จะสามารถเรียงตัวอักษร 3 ตัว จากตัวอักษรในแต่ละข้อได้กี่แบบ
1. A, A, A, B, C 2. A, A, B, B, C, D
3. A, A, A, B, B, C, D, D, E
3. บัตร 8 ใบ ได้แก่ 1 , 1 , 2 , 2 , 3 , 3 , 4 , 4
เลือกมา 4 ใบ เพื่อสร้างจานวนเต็ม 4 หลัก จะสร้างได้กี่จานวน [PAT 1 (ธ.ค. 54)/45]
24 ความน่าจะเป็ น
ทฤษฏีบททวินาม
ถ้าลองกระจายเองดู จะพบว่า
(𝑎 + 𝑏)4 = (𝑎 + 𝑏)2 ∙ (𝑎 + 𝑏)2
= (𝑎2 + 2𝑎𝑏 + 𝑏 2 )(𝑎2 + 2𝑎𝑏 + 𝑏 2 )
= 𝑎4 + 4𝑎3 𝑏 + 6𝑎2 𝑏 2 + 4𝑎𝑏 3 + 𝑏 4
ทฤษฏีบททวินาม คือ สูตรที่ใช้กระจาย (𝑎 + 𝑏)𝑛 เมื่อ 𝑛 เป็ นจานวนนับอะไรก็ได้ ซึง่ สูตร มีดงั นี ้
(𝑎 + 𝑏)𝑛 = (𝑛0)𝑎𝑛 + (𝑛1)𝑎𝑛−1 𝑏 + (𝑛2)𝑎𝑛−2 𝑏2 + (𝑛3)𝑎𝑛−3 𝑏3 + ⋯ + (𝑛−1
𝑛
)𝑎1 𝑏 𝑛−1 + (𝑛𝑛)𝑏 𝑛
แต่ปกติ โจทย์จะไม่ได้ให้กระจายหมดทุกตัว ดังนัน้ สิง่ ทีต่ อ้ งจาก็คอื สูตรสาหรับหาตัวทีต่ อ้ งการ ซึง่ จะพบว่า
(𝑛0)𝑎𝑛 คือ ตัวที่ 1
(𝑛1)𝑎𝑛−1 𝑏 คือ ตัวที่ 2
(𝑛2)𝑎𝑛−2 𝑏 2 คือ ตัวที่ 3 (𝑛𝑟)𝑎𝑛−𝑟 𝑏 𝑟 คือ ตัวที่ 𝑟 + 1
(𝑛3)𝑎𝑛−3 𝑏 3 คือ ตัวที่ 4
⋮
6
ตัวอย่าง จงหาสัมประสิทธิ์ของพจน์ที่มีตวั แปร 𝑥 3 ในการกระจาย (𝑥 2 + 𝑥2)
วิธีทา ข้อนีไ้ ม่บอกว่าให้หาพจน์ที่เท่าไหร่ วิธีทาก็ให้ติดค่า 𝑟 ไปก่อน
จากสูตร ตัวที่ 𝑟 + 1 คือ (𝑛𝑟)𝑎𝑛−𝑟 𝑏𝑟 = (6𝑟)(𝑥 2 )6−𝑟 (2𝑥 −1)𝑟
= (6𝑟)𝑥 12−2𝑟 2𝑟 𝑥 −𝑟
= 2𝑟 (6𝑟)𝑥 12−3𝑟
โจทย์ถามพจน์ที่มตี วั แปร 𝑥 3 ดังนัน้ เราจะแก้สมการ 12 − 3𝑟 = 3 เพื่อหา 𝑟 ที่ทาให้มี 𝑥 3 เป็ นตัวแปรในพจน์
12 − 3𝑟 = 3
−3𝑟 = 3 − 12
−9
𝑟= =3
−3
จะได้ 𝑟=3
จะได้สมั ประสิทธิ์คือ 23 (63) #
แบบฝึ กหัด
1. จงหาพจน์ที่กาหนด ของพหุนามต่อไปนี ้
1. พจน์ที่ 3 ของ (𝑥 + 2𝑦)8 2. พจน์ที่ 4 ของ (𝑥 − 2𝑦)6
1 10 1 2 8
3. 𝑥6 ใน (𝑥 + )
𝑥
4. 𝑥
ใน (𝑥 −
𝑥2
)
ความน่าจะเป็ น 27
6 6
5. พจน์ที่ไม่มี 𝑥 ใน (2𝑥 + 𝑥1) 6. พจน์ที่ไม่มี 𝑥 ใน (2𝑥 2 − 𝑥1)
1 1 55
3. ในการกระจาย (2(5) + 3(10) ) จานวนพจน์ทเี่ ป็ นจานวนเต็มเท่ากับเท่าใด [A-NET 49/1-3]
28 ความน่าจะเป็ น
จะเห็นว่า ถ้าเราให้ของ 5 ชิน้ เป็ น “ดาว” 5 ดวง ปั ญหานีค้ ือการเอา “เส้นคั่น” มาแบ่งดาว 5 ดวง เป็ น 3 ส่วนนั่นเอง
ด1 ด2 ด3
1 1 3
1 2 2
1 3 1
2 1 2
2 2 1
3 1 1
1 2 3 4
ในการแบ่งดาวเป็ น 3 ส่วน ต้องใช้เส้นคั่น 2 เส้น (= 3 − 1)
มีดาว 5 ดวง ดังนัน้ มีจดุ ให้เลือกวางเส้นคั่นได้ 4 ตาแหน่ง (= 5 − 1) ดังรูป
4×3
ดังนัน้ เลือก 2 ตาแหน่ง จาก 4 ตาแหน่งนี ้ เพื่อวางเส้นคั่น จะเลือกได้ (42) = 2!
= 6 แบบ
ด1 ด2 ด3 ด1 ด2 ด3
0 0 2 1 1 3
แบ่งของ 2 ชิน้ 0 1 1 1 2 2 แบ่งของ 5 ชิน้
ให้เด็ก 3 คน 0 2 0 1 3 1 ให้เด็ก 3 คน
1 0 1 2 1 2
อาจมีบางคนไม่ได้ 1 1 0 2 2 1 ได้อย่างน้อยคนละชิน้
2 0 0 3 1 1
แบบฝึ กหัด
1. ต้องการแจกลูกอมที่เหมือนกัน 10 เม็ด ให้เด็ก 8 คน โดยต้องได้รบั คนละ 1 เม็ด จะสามารถแจกได้กี่แบบ
ทบทวนความน่าจะเป็ น
ความน่าจะเป็ น
𝑛(𝐸)
ความน่าจะเป็ นของเหตุการณ์ 𝐸 หาได้จาก 𝑃(𝐸) = 𝑛(𝑆)
แบบฝึ กหัด
1. กล่องใบหนึง่ บรรจุลกู บอลขนาดเดียวกัน 7 ลูก เป็ นลูกบอลสีขาว 4 ลูก และเป็ นลูกบอลสีแดง 3 ลูก สุม่ หยิบลูกบอล
จากกล่องใบนีม้ า 6 ลูก นามาจัดเรียงเป็ นแถวตรง ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง [PAT 1 (มี.ค. 58)/9]
1. ความน่าจะเป็ นที่การจัดเรียงแถวตรงของลูกบอล โดยหัวแถวเป็ นลูกบอลสีขาว หรือ ท้ายแถวเป็ นลูกบอลสีแดง
เท่ากับ 11
42
2. ความน่าจะเป็ นที่การจัดเรียงแถวตรงของลูกบอล โดยหัวแถวเป็ นลูกบอลสีขาว มากกว่า ความน่าจะเป็ นที่ทา้ ย
แถวเป็ นลูกบอลสีแดง
2. ข้าวสารบรรจุถงุ แล้วกองหนึง่ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 4 ถุง ข้าวเสาไห้ 3 ถุง ข้าวขาวตาแห้ง 2 ถุง และข้าวบัส
มาตี 1 ถุง สุม่ หยิบข้าวจากกองนีม้ า 4 ถุง ความน่าจะเป็ นที่จะได้ขา้ วครบทุกชนิด เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 52)/37]
3. ถุงใบหนึง่ บรรจุลกู แก้วสีแดง 5 ลูก สีเขียว 4 ลูก และสีเหลือง 3 ลูก ถ้า หยิบลูกแก้วจากถุงทีละลูก 3 ครัง้ โดยไม่ใส่
คืน แล้วความน่าจะเป็ นทีจ่ ะหยิบได้ลกู แก้ว ลูกที่หนึง่ สอง และสาม เป็ นสีแดง สีเขียว และสีเหลือง ตามลาดับเท่ากับ
เท่าใด [PAT 1 (ต.ค. 52)/1-16]
32 ความน่าจะเป็ น
4. กล่องใบหนึง่ บรรจุเสือ้ ยืด 13 สีๆละ 4 ตัว โดยที่ เสือ้ ยืดในแต่ละสีมีขนาด S, M, L และ XL ตามลาดับ สุม่ หยิบเสือ้
จากกล่องมา 3 ตัวพร้อมๆกัน ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะได้เสือ้ ยืดมีสเี หมือนกัน 2 ตัว เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 53)/19]
8. กล่องใบหนึง่ มีบตั ร 10 ใบ แต่ละใบเขียนหมายเลข –4, –3, –2, …, 4, 5 ใบละ 1 หมายเลข ถ้าสุม่ หยิบบัตร 2 ใบ
พร้อมกันจากกล่องใบนี ้ ความน่าจะเป็ นที่จะได้บตั รที่มีหมายเลขบนบัตรทัง้ สองซึง่ มีผลคูณมากกว่าหรือเท่ากับ 0
เท่ากับเท่าใด [A-NET 49/1-21]
10. ในการโยนลูกเต๋า 2 ลูกหนึง่ ครัง้ ความน่าจะเป็ นที่จะได้แต้มรวมเป็ น 7 โดยที่มีลกู เต๋าลูกหนึง่ ขึน้ แต้มไม่นอ้ ยกว่า 4
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (ต.ค. 52)/1-18]
14. กาหนดให้ 𝐴 = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7} สุม่ หาสับเซตของ 𝐴 ที่มีสมาชิก 3 ตัว ความน่าจะเป็ นที่จะได้สบั เซต
{𝑎, 𝑏, 𝑐} ⊂ 𝐴 โดยที่ 𝑎<𝑏<𝑐 และ 𝑎, 𝑏, 𝑐 เป็ นลาดับเลขคณิต เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (มี.ค. 55)/21]
15. ให้ 𝑆 = {1, 2, 3, … , 15} และให้ 𝐴 เป็ นสับเซตของ 𝑆 โดยมีจานวนสมาชิกชองเซต 𝐴 เท่ากับ 4 ความน่าจะเป็ น
ที่จะได้เซต 𝐴 โดยที่สมาชิกในเซต 𝐴 จัดเรียงเป็ นลาดับเลขคณิต ซึง่ มีผลต่างร่วมเป็ นจานวนเต็มบวก เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (พ.ย. 57)/8]
36 ความน่าจะเป็ น
16. มีหนังสือที่แตกต่างกัน 5 เล่ม คือ หนังสือ ก หนังสือ ข หนังสือ ค หนังสือ ง และ หนังสือ จ สุม่ เลือกหนังสือเหล่านีม้ า
ครัง้ ละ 3 เล่ม ความน่าจะเป็ นที่จะได้หนังสือ ก หรือ หนังสือ ข เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 55)/43]
17. กล่องใบหนึง่ บรรจุหลอดไฟ 12 หลอด เป็ นหลอดชารุด 3 หลอด ถ้าหยิบหลอดไฟ จากกล่องมา 4 หลอด แล้ว ความ
น่าจะเป็ นทีจ่ ะได้หลอดชารุดไม่เกิน 1 หลอด เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (ต.ค. 52)/1-17]
18. กล่องใบหนึง่ มีหลอดไฟอยู่ 10 หลอด เป็ นหลอดดี 8 หลอด และหลอดเสีย 2 หลอด สุม่ หยิบหลอดไฟขึน้ มาครัง้ ละ 1
หลอด 3 ครัง้ โดยที่ในการหยิบแต่ละครัง้ ให้ใส่คืนหลอดไฟลงไปในกล่องก่อนที่จะหยิบครัง้ ต่อไป แล้ว ความน่าจะเป็ น
ที่จะได้หลอดเสีย 2 ครัง้ มีคา่ เท่ากับเท่าใด [A-NET 51/1-18]
ความน่าจะเป็ น 37
19. ในลิน้ ชักมีถงุ เท้าสีขาว 4 คู่ สีดา 3 คู่ และสีนา้ เงิน 2 คู่ แต่ไม่ได้จดั เรียงไว้เป็ นคูๆ่
ถ้าสุม่ หยิบถุงเท้ามา 2 ข้าง ความน่าจะเป็ นที่จะได้ถงุ เท้าสีเดียวกันเท่ากับเท่าใด [PAT 1 (ก.ค. 52)/39]
20. ถุงใบหนึง่ บรรจุลกู กวาดรสสตรอเบอรี่ 5 ลูก รสชอคโกแลต 4 ลูก รสกาแฟ และรสมินท์อย่างละ 2 ลูก หากสุม่ หยิบ
ลูกกวาดจากถุงใบนีม้ า 3 ลูก ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะหยิบได้ลกู กวาดต่างรสกันทัง้ หมด เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (ก.ค. 52)/37]
21. ในคนกลุม่ หนึง่ ประกอบด้วยชาย 6 คน และหญิงจานวนหนึง่ ความน่าจะเป็ นที่เลือกกรรมการ 2 คน เป็ นชายทัง้ สอง
เท่ากับ 18 ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะเลือกกรรมการ 5 คนเป็ นชายไม่นอ้ ยกว่า 3 คน เท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 57)/15]
38 ความน่าจะเป็ น
22. กาหนดให้ 𝑛 เป็ นจานวนนับ ในการสุม่ หยิบเลข 𝑛 จานวนพร้อมๆกันจากเซต {1, 2, … , 2𝑛} ถ้าความน่าจะเป็ นที่จะ
1
ได้เลขคูท่ งั้ หมดเท่ากับ 20 แล้ว ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะได้เลขคูเ่ พียง 1 จานวนเท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 52)/39]
25. มีถงุ ยังชีพที่แตกต่างกัน 5 ถุง ต้องการแจกให้ครอบครัวที่ถกู นา้ ท่วม 4 ครอบครัว ครอบครัวละไม่เกิน 2 ถุง ความ
น่าจะเป็ นทีค่ รอบครัวของสมชายซึง่ เป็ นหนึง่ ในสีค่ รอบครัวนัน้ ไม่ได้รบั ของแจกเลยเท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 54)/22*]
26. โยนเหรียญบาท(เที่ยงตรง)หนึง่ เหรียญ จานวน 10 ครัง้ ความน่าจะเป็ นที่ได้หวั อย่างน้อย 2 ครัง้ ติดกันเท่ากับเท่าใด
[PAT 1 (มี.ค. 54)/21]
40 ความน่าจะเป็ น
แผนภาพเวนน์ – ออยเลอร์
ในกรณีที่มีหลายเหตุการณ์ เราสมารถใช้แผนภาพเวนน์ – ออยเลอร์ ในเรือ่ งเซตมาช่วยได้
โดยความน่าจะเป็ นของทุกส่วนรวมกัน จะเท่ากับ 1 เสมอ
แบบผึกหัด
27. ในการสอบถามนักเรียน จานวน 100 คน ปรากฏว่า มี 50 คน ชอบวิชาคณิตศาสตร์ มี 40 คน ชอบวิชาฟิ สกิ ส์ มี
33 คน ชอบวิชาภาษาอังกฤษ มี 5 คน ชอบทัง้ สามวิชา มี 10 คน ชอบวิชาภาษาอังกฤษอย่างเดียว มี 12 คน ชอบ
วิชาฟิ สกิ ส์อย่างเดียว และ มี 20 คน ชอบวิชาคณิตศาสตร์และวิชาฟิ สกิ ส์
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง [PAT 1 (ต.ค. 53)/22]
1. ความน่าจะเป็ นที่นกั เรียนคนหนึง่ ไม่ชอบทัง้ สามวิชา เท่ากับ 0.15
2. ความน่าจะเป็ นที่นกั เรียนคนหนึง่ ชอบวิชาคณิตศาสตร์อย่างเดียว เท่ากับ 0.40
28. กาหนดให้ 𝑆 เป็ นแซมเปิ ลสเปซ และ 𝐴, 𝐵 เป็ นเหตุการณ์ใดๆใน 𝑆 ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง
[PAT 1 (มี.ค. 53)/20]
1. 𝑃(𝐴) = 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵) + 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵′ )
2. ถ้า 𝑃(𝐴) = 0.5 , 𝑃(𝐵) = 0.6 และ 𝑃(𝐴 ∪ 𝐵′ ) = 0.7 แล้ว 𝑃(𝐴 − 𝐵) = 0.4
30. กาหนด 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเหตุการณ์ใดๆ ในแซมเปิ ลสเปซ และกาหนดให้ 𝑃(𝐸) แทนความน่าจะเป็ นของเหตุการณ์ 𝐸
ถ้า 𝑃(𝐵) = 0.30 , 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵) = 0.06 และ 𝑃((𝐴 ∪ 𝐵) − (𝐴 ∩ 𝐵)) = 0.38
แล้วค่าของ 𝑃(𝐴 − 𝐵) เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (ต.ค. 55)/45]
32. กาหนดให้ 𝑃(𝐸) แทนความน่าจะเป็ นของเหตุการณ์ 𝐸 ถ้า 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเหตุการณ์ใดๆ ในแซมเปิ ลสเปซ
โดยที่ 𝑃(𝐴) = 12 , 𝑃(𝐵′ ) = 58 และ 𝑃(𝐴′ ∩ 𝐵′ ) = 14 ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง [PAT 1 (มี.ค. 56)/21]
1. 𝑃(𝐴′ ∪ 𝐵) = 58 2. 𝑃(𝐴 ∪ 𝐵′ ) = 34
42 ความน่าจะเป็ น
สมบัติของความน่าจะเป็ น
ตัวอย่าง มีลกู บอลสีแดง 3 ลูก สีเหลือง 5 ลูก สีเขียว 2 ลูก หยิบลูกบอลสองครัง้ โดยไม่ใส่คืน จงหาความน่าจะเป็ นที่จะ
หยิบได้สเี หลืองทัง้ สองครัง้
วิธีทา ให้ 𝐸1 เป็ นเหตุการณ์ที่หยิบครัง้ แรกได้สเี หลือง , 𝐸2 เป็ นเหตุการณ์ที่หยิบครัง้ ที่สองได้สเี หลือง
โจทย์ขอ้ นี ้ ต้องการหา 𝑃(𝐸1 ∩ 𝐸2 ) นั่นเอง ซึง่ จากสูตร จะเท่ากับ 𝑃(𝐸1 ) ∙ 𝑃(𝐸2 |𝐸1 )
5 5
𝑃(𝐸1 ) คือ ความน่าจะเป็ นที่หยิบครัง้ แรกได้สเี หลือง = =
3+5+2 10
𝑃(𝐸2 |𝐸1 ) คือ ความน่าจะเป็ นที่หยิบครัง้ ทีส ่ องได้สเี หลือง โดยมีเงื่อนไขว่าหยิบครัง้ แรกได้สเี หลือง
ถ้าหยิบครัง้ แรกได้สเี หลือง จะเหลือลูกบอลสีเหลือง 4 ลูก
จากลูกบอลทัง้ หมดทีเ่ หลือในถัง 3 + 4 + 2 = 9 ลูก ดังนัน้ จะได้ 𝑃(𝐸2 |𝐸1 ) = 49
5 4 2
ดังนัน้ 𝑃(𝐸1 ∩ 𝐸2 ) = 10 ∙9 = 9 #
ความน่าจะเป็ น 43
ดังนัน้ ถ้า 𝐸1 กับ 𝐸2 เป็ นอิสระต่อกัน จะได้วา่ 𝑃(𝐸1 ∩ 𝐸2 ) = 𝑃(𝐸1 ) ∙ 𝑃(𝐸2 |𝐸1 )
= 𝑃(𝐸1 ) ∙ 𝑃(𝐸2 )
จะได้สตู รคือ 𝑃(𝐸1 ∩ 𝐸2 ) = 𝑃(𝐸1 ) ∙ 𝑃(𝐸2 )
(เมื่อ 𝐸1 กับ 𝐸2 เป็ นอิสระต่อกัน)
ตัวอย่าง กาหนดให้ 𝑃(𝐸1 ) = 0.2 , 𝑃(𝐸2 ) = 0.6 โดยที่ 𝐸1 และ 𝐸2 เป็ นอิสระต่อกัน จงหา 𝑃(𝐸1′ ) , 𝑃(𝐸2′ ) ,
𝑃(𝐸1 ∩ 𝐸2 ) , 𝑃(𝐸1 ∪ 𝐸2 ) และ 𝑃(𝐸1 − 𝐸2 )
วิธีทา 𝑃(𝐸1′ ) = 1 − 𝑃(𝐸1 ) 𝑃(𝐸2′ ) = 1 − 𝑃(𝐸2 )
= 1 − 0.2 = 0.8 = 1 − 0.6 = 0.4
แบบฝึ กหัด
1. จงหาความน่าจะเป็ นที่จะตอบข้อสอบแบบ 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ แล้วผิดทุกข้อ
2. ถ้าความน่าจะเป็ นที่หนุ้ ขึน้ เท่ากับ 13 ความน่าจะเป็ นที่ฉนั สอบตกเท่ากับ 14 จงหาความน่าจะเป็ นที่หนุ้ ขึน้ และฉัน
สอบผ่าน
ความน่าจะเป็ น 45
ทบทวนความรูพ้ นื ้ ฐาน
1. 6 2. 6 3. 16, 64 4. 35
5. 4 6. 156 7. 44 8. 9
9. 106 10. 25 11. 4 12. 22
13. 1440 14. 30 15. 528 16. 22
17. 200 18. 42 19. 1806
การเรียงสับเปลีย่ น
1. 1. 56 2. 24 3. 1 4. 𝑛
2. 120
เรียงของเป็ นวงกลม
1. 6 2. 48 3. 72
4. 480
ต้องการแบบที่ ธงไทย ไม่อยูต่ ดิ กัน แต่แบบนีน้ บั ยาก
เราจะใช้วิธีนบั แบบตรงข้าม คือ นับแบบที่ ธงไทยอยูต่ ิดกันแทน แล้วเอาทัง้ หมด ตัง้ ลบ
นับแบบที่ ธงไทย อยูต่ ิดกัน เราจะเอาธงไทยสองธง มัดเป็ นธงใหม่ 1 ผืน
ก็จะกลายเป็ นว่า มีธง แค่ 6 ผืน เอามาเรียงเป็ นวงกลม จะเรียงได้ 5! วิธี
แต่ในมัดธงไทย จะได้วา่ ธงไทยยังสลับกันในมัดได้อกี 2! แบบ ดังนัน้ จานวนแบบที่ธงไทยอยูต่ ิดกัน จึงมี 5!2! แบบ
ต่อมา เราจะนับจานวนแบบทัง้ หมด มาตัง้ ลบ มีธง 7 ผืน เรียงเป็ นวงกลมได้ 6! แบบ
ดังนัน้ คาตอบคือ 6! - 5!2! = 480 แบบ
5. 96 6. 192
การจัดหมู่
1. 1. 4 2. 45 3. 21 4. 8
2. (52
4
) 3. (52
3
)(49
3
) 4. (52 )(39)(26)
13 13 13
5. 90
6. 54 7. 600
8. 288
โจทย์ให้วา่ มีกรรมการ 3 คน แต่ 2 คนต้องมาจากอาชีพเดียวกัน
แปลว่าในกรรมการทัง้ 3 คน จะมีแค่ 2 อาชีพ (อาชีพ A อยู่ 2 คน และ อาชีพ B อีก 1 คน)
ขัน้ ตอนที่ 1 เลือกว่า อาชีพ A คืออาชีพอะไรจาก 4 อาชีพ → เลือกได้ 4 แบบ
ขัน้ ตอนที่ 2 เลือก 2 คน จากอาชีพ A ที่มี 4 คน มาเป็ นกรรมการ → เลือกได้ (42) = 4×3
2
= 6 แบบ
46 ความน่าจะเป็ น
ขัน้ ตอนที่ 3 เลือกว่า อาชีพ B คืออาชีพอะไร จากอาชีพที่เหลือ 3 อาชีพ ที่ไม่ใช่อาชีพ A → เลือกได้ 3 แบบ
ขัน้ ตอนที่ 4.เลือก 1 คน จากอาชีพ B ที่มี 4 คน มาเป็ นกรรมการ → เลือกได้ 4 แบบ
ดังนัน้ จานวนแบบของคณะกรรมการ = 4 × 6 × 3 × 4 = 288 แบบ
9. 108
มีผแู้ ทน 3 คน ต้องมาจากต่างพรรค แสดงว่า จะมี 3 พรรคจาก 4 พรรค ที่ได้เป็ นผูแ้ ทน → (43)
พอได้วา่ 3 พรรคไหนจะได้เป็ นผูแ้ ทนแล้ว ก็มาเลือกในพรรค ว่าจะเอาคนไหน
แต่ละพรรค ต้องเลือก 1 คน จาก 3 คนในพรรค และต้องคูณ 3 ครัง้ เพราะมี 3 พรรค
ได้ = (43)(31)(31)(31) = 108
การจัดหมูข่ องซา้
1. 1. 4 2. 10 3. 23
2. 1. 11 2. 43
การเรียงสับเปลีย่ นของซา้
1. 1. 13 2. 42 3. 97
2. 1. 114 2. 476
3. 204
ทฤษฏีบททวินาม
1. 36 2. 28
ความน่าจะเป็ น 47
3. 15
ก่อนอื่น แจกให้ก่อนเลย คนละ 1 เล่ม จะเหลือสมุด 7 เล่ม
งานที่เหลือคือ ต้องแจกสมุดทีเ่ หลือ 7 เล่ม ให้ได้ “คนละ 1 เล่มเป็ นอย่างน้อย” (เพราะถ้ารวมกับ 1 เล่มที่ได้ไปแล้ว จะได้
“คนละ 2 เล่ม เป็ นอย่างน้อย” ตามเงื่อนไขของโจทย์)
ดังนัน้ คาตอบของข้อนี ้ จะเท่ากับ จานวนแบบในการแจกหนังสือ 7 เล่ม ให้คน 3 คน โดยได้คนละ 1 เล่มเป็ นอย่างน้อย
= (7−1
3−1
) = 15
4. (9+4−1
4−1
) = 220 5. (9+4−1
5−1
) = 495
ทบทวนความน่าจะเป็ น
4 1 72
1. 2 2. 35
3. 22
4. 425
4 9 1 5
5. 21
6. 11
7. 20
8. 9
1400 1 15 2
9. 6561
10. 6
11. 36
12. 9
1 9 2
13. 12
14. 35
15. 91
16. 0.9
42 12 49 58
17. 55
18. 125
19. 153
20. 143
22 9 8
21. 91
22. 20
23. 45
24. 0.2
55
25. 0.15 26. 64
27. - 28. 1
29. 0.2 30. 0.14 31. 0.8 32. 1, 2
สมบัติของความน่าจะเป็ น
3 10 1
1. (4) 2. 4
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Theerat Piyaanangul ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร