Professional Documents
Culture Documents
Real Ss
Real Ss
2 Sep 2019
สารบัญ
การสร้างเครือ่ งหมายใหม่
𝑥2 เมื่อ 𝑥 ≥ 𝑦
ตัวอย่าง กาหนดให้ 𝑥𝑦 = { จงหาค่าของ (1 5) (2 0)
𝑦 − 𝑥 เมื่อ 𝑥 < 𝑦
วิธีทา ข้อนี ้ 𝑥 𝑦 มีสองสูตร เราต้องเลือกใช้สตู ร ตามเงื่อนไขว่า 𝑥 ≥ 𝑦 หรือ 𝑥 < 𝑦
เช่น ถ้าจะหา 1 5 ต้องแทน 𝑥 = 1 และ 𝑦 = 5 จะเห็นว่า 𝑥 < 𝑦 ดังนัน้ ต้องใช้สตู ร 𝑦 − 𝑥
จะได้ 1 5 = 5 − 1 = 4
และ ถ้าจะหา 2 0 ต้องแทน 𝑥 = 2 และ 𝑦 = 0 จะเห็นว่า 𝑥 ≥ 𝑦 ดังนัน้ ต้องใช้สตู ร 𝑥 2
จะได้ 2 0 = 22 = 4
ดังนัน้ (1 5) (2 0) = 4 4
= 42 (ใช้สตู ร 𝑥 2 เพราะ 4 ≥ 4)
= 16 #
ตัวอย่าง สาหรับ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนเต็มบวกใดๆ กาหนดให้ 𝑎𝑏 เป็ นจานวนจริงทีม่ ีสมบัติดงั ต่อไปนี ้
1. 1 1 = 1
2. 𝑎 1 = ((𝑎 − 1) 1) + 1
3. 𝑎 𝑏 = (𝑎 (𝑏 − 1)) + 2
จงหาค่าของ (3 3)
วิธีทา 3 3 = (3 (3 − 1)) + 2 (ใช้ขอ้ 3.) = (2 1) +5
= (3 2) +2 = ((2 − 1) 1) + 1 + 5 (ใช้ขอ้ 2.)
= (3 (2 − 1)) + 2 + 2 (ใช้ขอ้ 3.) = (1 1) +6
= (3 1) +4 = 1 +6 (ใช้ขอ้ 1.)
= ((3 − 1) 1) +1 + 4 (ใช้ขอ้ 2.) = 7
ดังนัน้ 33 = 7 #
2 ระบบจานวนจริง
แบบฝึ กหัด
1. กาหนดให้ 𝑎 𝑏 = 𝑎𝑏 + 𝑏𝑎 จงเติมประโยคต่อไปนีใ้ ห้สมบูรณ์
1. 2 3 = 2. (3 −1) 1 =
3. 0 𝑎 = 4. 𝑎 12 =
ระบบจานวนจริง 3
3. 23 = 4. (1 2) 1 =
5. (3 2) (1 2) = 6. (𝑎 𝑎) 2𝑎 =
3. 21 4. 22
5. 42 6. 40 30
3. 𝑥0 = 0 4. 𝑥1 = 𝑥
5. 𝑥 + (𝑦 𝑧) = (𝑥 + 𝑦) (𝑥 + 𝑧) 6. 𝑥(𝑦 𝑧) = 𝑥𝑦 𝑥𝑧
11. สาหรับ 𝑥 และ 𝑦 เป็ นจานวนจริงบวกใดๆ กาหนดให้ 𝑥 ∗ 𝑦 เป็ นจานวนจริงบวก ที่มีสมบัติตอ่ ไปนี ้
(1) 𝑥 ∗ (𝑥𝑦) = (𝑥 ∗ 𝑥)𝑦
(2) 𝑥 ∗ (1 ∗ 𝑥) = 1 ∗ 𝑥
(3) 1 ∗ 1 = 1
ค่าของ 2 ∗ (5 ∗ (5 ∗ 6)) เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 56)/49]
8 ระบบจานวนจริง
ทบทวนพหุนาม
แบบฝึ กหัด
1. ให้ 𝑃(𝑥) = 𝑥 3 + 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 10 เมื่อ 𝑎, 𝑏 เป็ นจานวนเต็ม และ 𝑄(𝑥) = 𝑥 2 + 9
ถ้า 𝑄(𝑥) หาร 𝑃(𝑥) เหลือเศษ 1 แล้ว 𝑃(𝑎) + 𝑃(𝑏) มีคา่ เท่าใด [A-NET 51/2-2]
2. กาหนดให้ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนจริง และให้ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั พหุนาม โดยที่ 𝑓(𝑥) = 𝑥 4 + 2𝑥 3 − 𝑥 2 + 𝑎𝑥 + 𝑏
2
ถ้ามีฟังก์ชนั พหุนาม 𝑄(𝑥) โดยที่ 𝑓(𝑥) = (𝑄(𝑥)) แล้ว จงหา 𝑎 + 𝑏 [PAT 1 (ต.ค. 53)/19*]
ระบบจานวนจริง 9
การหารสังเคราะห์
2𝑥 2 + 3𝑥 + 6 ผลลัพธ์ ตัวตัง้
ตัวหาร 𝑥−2 2𝑥 3 − 𝑥 2 + 0𝑥 + 5 ตัวตัง้ ตัวหาร
2𝑥 3 − 4𝑥 2 2 2 −1 0 5
3𝑥 2 + 0𝑥 4 6 12
3𝑥 2 − 6𝑥 2 3 6 17
6𝑥 + 5
6𝑥 − 12 เศษ
ผลลัพธ์
17 เศษ
หารยาวธรรมดา หารสังเคราะห์
ถ้าตัวหารเป็ น 𝑥 − 3 ก็เขียน 3
หมายเหตุ: ตัวหารต้องอยูใ่ นรูป 𝑥 + ? หรือ 𝑥 − ? เท่านัน้ ถึงจะหารสังเคราะห์ได้
2 2 −1 0 5 2 2 −1 0 5
× 4 6
+ × 4 6 12 +
2 3 6 2 3 6 17
ผลหาร = 2𝑥 2 + 3𝑥 + 6 , เศษ = 17
10 ระบบจานวนจริง
ตัวอย่างการหารสังเคราะห์ เช่น
(𝑥 2 + 2𝑥 + 5) ÷ (𝑥 + 2) (2𝑥 5 + 3𝑥 4 − 4𝑥 3 + 10𝑥 2 − 9𝑥 + 8) ÷ (𝑥 + 3)
−2 1 2 5 −3 2 3 −4 10 −9 8
−2 0 −6 9 −15 15 −18
1 0 5 2 −3 5 −5 6 −10
(𝑥 4 + 2𝑥 2 − 3) ÷ (𝑥 − 1) 3
(2𝑥 2 + 𝑥 2 − 3) ÷ (𝑥 + )
2
1 1 0 2 0 −3 3
1 1 3 3 − 2 1 −3
2
1 1 3 3 0 −3 3
2 −2 0
ผลหาร = 𝑥 3 + 𝑥 2 + 3𝑥 + 31
ผลหาร = 2𝑥 − 2 , เศษ = 0 (หารลงตัว)
เศษ = 0 (หารลงตัว)
แบบฝึ กหัด
1. จงหาผลหารและเศษโดยใช้วธิ ีหารสังเคราะห์
1. (𝑥 3 + 3𝑥 2 + 3𝑥 + 2) ÷ (𝑥 + 1) 2. (−2𝑥 3 + 𝑥 2 + 10) ÷ (𝑥 − 2)
3. (3𝑥 2 + 2𝑥 − 5) ÷ (𝑥 − 1) 4. (𝑥 4 − 16) ÷ (𝑥 + 2)
ระบบจานวนจริง 11
ทฤษฎีเศษ
ในกรณีที่เรา “อยากรูแ้ ค่เศษ แต่ไม่อยากรูผ้ ลหาร” เรามีวิธีที่งา่ ยยิง่ กว่าหารสังเคราะห์อีก ซึง่ เรียกว่า “ทฤษฎีเศษ”
ถ้าอยากรูว้ า่ เศษเท่าไหร่ ให้เอา “ตัวเลขหลัง 𝑥 ของตัวหาร” มาเปลีย่ นเครือ่ งหมาย แทนลงไปในตัวตัง้ จะได้เศษทันทีเลย
เช่น ถ้าตัวหาร คือ 𝑥 + 2 ก็ให้เอา −2 แทนในตัวตัง้
ถ้าตัวหาร คือ 𝑥 − 3 ก็ให้เอา 3 แทนในตัวตัง้
หมายเหตุ : ทฤษฎีเศษ แบบเป็ นทางการ คือ “พหุนาม 𝑃(𝑥) หารด้วย 𝑥 − 𝑐 จะเหลือเศษเท่ากับ 𝑃(𝑐)”
ตัวตัง้ เปลี่ยนเครือ่ งหมาย แทน 𝑐 ลงในตัวตัง้
แบบฝึ กหัด
1. จงหาเศษจากการหารต่อไปนี ้
1. (𝑥 3 + 3𝑥 2 + 3𝑥 + 2) ÷ (𝑥 + 1) 2. (−2𝑥 3 + 𝑥 2 + 10) ÷ (𝑥 − 2)
3. (𝑥 4 − 16) ÷ (𝑥 + 2)
12 ระบบจานวนจริง
การแยกตัวประกอบด้วยทฤษฎีเศษ
เช่น 𝑥 3 + 2𝑥 2 − 3𝑥 + 3 𝑥 4 − 2𝑥 − 12
ตัวประกอบของ 3 1,3 ตัวประกอบของ −12 1,2,3,4,6,12
→ ± ตัวประกอบของ 1 = ± 1
→ ± ตัวประกอบของ 1 = ± 1
→ 1 , −1 , 3 , −3 → 1 , −1 , 2 , −2 , 3 , −3 , 4 , −4,
6 , −6 , 12 , −12
2𝑥 3 + 3𝑥 2 − 5𝑥 − 6
ตัวประกอบของ −6 1,2,3,6
→ ± ตัวประกอบของ 2 = ± 1,2
1 1 3 3
→ 1 , −1 , 2 , −2 , 3 , −3 , 6 , −6 , 2
, −2 , 2
, −2
จากทฤษฎีเศษ จะได้ 𝑥−𝑐 เป็ นตัวประกอบ (เศษเป็ นศูนย์ = หารลงตัว = เป็ นตัวประกอบ)
ตัวประกอบของ −6 1,2,3,6
แยก 2𝑥 3 + 9𝑥 2 + 7𝑥 − 6 ต่อด้วยทฤษฎีเศษ → จานวนที่ตอ้ งไล่แทน คือ ± ตัวประกอบของ 2 = ± 1,2
ซึง่ ได้แก่ 1 , −1 , 2 , −2 , 3 , −3 , 6 , −6 , 12 , − 12 , 32 , − 32
แต่ 1 กับ −1 เคยแทนแล้วไม่ได้ศนู ย์ ก็ไม่ตอ้ งเอามาแทนอีก
2: 2(2)3 + 9(2)2 + 7(2) − 6 = 60
3 2
−2: 2(−2) + 9(−2) + 7(−2) − 6 = 0 → 𝑐 = −2
−2 2 9 7 −6
2𝑥 3 + 9𝑥 2 + 7𝑥 − 6 = (𝑥 + 2)(2𝑥 2 + 5𝑥 − 3)
−4 −10 6
2 5 −3 0
แบบฝึ กหัด
1. จงแยกตัวประกอบพหุนามต่อไปนี ้
1. 𝑥 3 − 𝑥 2 − 8𝑥 + 12
2. 2𝑥 3 + 3𝑥 2 − 11𝑥 − 6
ระบบจานวนจริง 15
3. 𝑥 3 + 6𝑥 2 + 12𝑥 + 8
4. 𝑥 4 + 2𝑥 3 − 7𝑥 2 − 8𝑥 + 12
16 ระบบจานวนจริง
สมการดีกรีสงู
4𝑥 4 − 5𝑥 2 + 1 = 0 ผลบวกคาตอบ = − 04 = 0 (= −1 + 1 − 2 + 2)
1 1
ผลบวกสองคาตอบคูณกัน = + −5
4
= −
5
4
4𝑥 4 − 0𝑥 3 − 5𝑥 2 + 0𝑥 + 1 1 1 1 1 1 1
(= −1 ∙ 1 + −1 ∙ − + −1 ∙ + 1∙− + 1∙ + − ∙ )
2 2 2 2 2 2
0
(𝑥 + 1)(𝑥 − 1)(2𝑥 + 1)(2𝑥 − 1) ผลบวกสามคาตอบคูณกัน = −
4
= 0
เซตคาตอบ คือ { −1 , 1 , − 1 , 1 }
2 2
1 1 1 1
(= −1 ∙ 1 ∙ − 2 + −1 ∙ 1 ∙ 2 + −1 ∙ − 2 ∙ 2 + 1 ∙ − 2 ∙ 2)
1 1
1 1
ผลคูณคาตอบ = (−1)4 (4) = 4
1
(= −1 ∙ 1 ∙ − 2 ∙ 2)
1
ระบบจานวนจริง 17
ตัวอย่าง กาหนดให้ 𝑃(𝑥) เป็ นพหุนามดีกรี 3 โดยที่สมการ 𝑃(𝑥) = 0 มีเซตคาตอบคือ {1, 2, 3} ถ้า 𝑃(4) = 12
แล้ว จงหา 𝑃(0)
วิธีทา สมการที่มีคาตอบคือ 1, 2, 3 จะต้องมีสมการอยูใ่ นรูป 𝑎(𝑥 − 1)(𝑥 − 2)(𝑥 − 3) = 0
ดังนัน้ จะได้ 𝑃(𝑥) = 𝑎(𝑥 − 1)(𝑥 − 2)(𝑥 − 3)
𝑃(4) คือ ค่าที่ได้จากการแทน 𝑥 ด้วย 4 ซึง่ โจทย์บอกว่า 𝑃(4) = 12 ดังนัน
้
𝑎(4 − 1)(4 − 2)(4 − 3) = 12
𝑎( 3 )( 2 )( 1 ) = 12
𝑎 = 2
ดังนัน้ 𝑃(0) = 2(0 − 1)(0 − 2)(0 − 3) = −12 #
แบบฝึ กหัด
1. ถ้าสมการ 𝑥 3 − 𝑥 2 − 8𝑥 + 12 = 0 มีคาตอบ 3 คาตอบ คือ 𝑎 , 𝑏 และ 𝑐 แล้ว จงหาค่าของ
1. 𝑎 + 𝑏 + 𝑐 2. 𝑎𝑏 + 𝑏𝑐 + 𝑎𝑐
1 1 1
3. 𝑎𝑏𝑐 4. 𝑎
+𝑏+𝑐
18 ระบบจานวนจริง
6. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) เป็ นพหุนามดีกรี 3 โดยทีส่ มการ 𝑃(𝑥) = 0 มีราก 3 ราก คือ −1 , 1 , 2 ถ้า 𝑃(3) = 16
จงหาค่าของ 𝑃(0)
8. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) เป็ นพหุนามดีกรี 3 โดยที่ 𝑃(1) = 𝑃(2) = 𝑃(3) = 0 ถ้า 𝑃(0) = 6 แล้ว จงหาค่าของ
𝑃(−1)
9. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) เป็ นพหุนามดีกรี 3 โดยที่ 𝑃(1) = 𝑃(−2) = 𝑃(3) = 1 ถ้า 𝑃(0) = 4 แล้ว จงหาค่า
ของ 𝑃(−1)
10. กาหนดให้ 𝑃(𝑥) และ 𝑄(𝑥) เป็ นพหุนามดีกรี 2551 ซึง่ สอดคล้องกับ 𝑃(𝑛) = 𝑄(𝑛) สาหรับ
𝑛 = 1, 2, … , 2551 และ 𝑃(2552) = 𝑄(2552) + 1
ค่าของ 𝑃(0) − 𝑄(0) เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 52)/48]
ระบบจานวนจริง 21
ทบทวนอสมการ
การแก้อสมการดีกรีสงู ให้จดั ฝั่งหนึง่ เป็ น 0 อีกฝั่ง ให้แยกตัวประกอบ ให้อยูใ่ นรูป “คูณหรือหาร” ก็ได้
นาแต่ละวงเล็บไปเขียนบนเส้นจานวน เพื่อใส่ +, −, + แล้วเลือกช่วงคาตอบตามเครือ่ งหมายอสมการ
โดย → ไม่ตอ้ งสลับตรงจุดที่มาจาก (วงเล็บ)ยกกาลังคู่
→ ถ้า 𝑥 มีลบคูณอยู่ ให้จด ั เป็ น + โดยคูณ −1 ทัง้ สองข้าง แล้วกลับ > เป็ น <
แบบฝึ กหัด
1. กาหนดให้ 𝐼𝑛 = (0, 1) ∩ (12, 2) ∩ (23, 3) ∩ … ∩ (𝑛−1 𝑛
, 𝑛) เมื่อ 𝑛 เป็ นจานวนนับ
2551 2553
ค่าของ 𝑛 ที่นอ้ ยที่สดุ ที่ทาให้ 𝐼𝑛 ⊆ ( 2554, 2552 ] เท่ากับเท่าไร [PAT 1 (ต.ค. 52)/23]
4 2
5. กาหนดให้ 𝑆 เป็ นเซตคาตอบของอสมการ 𝑥 𝑥−13𝑥 +36
2 +5𝑥+6 ≥0
ถ้า 𝑎 เป็ นจานวนที่มคี า่ น้อยที่สดุ ในเซต 𝑆 ∩ (2, ∞) และ 𝑏 เป็ นจานวนลบที่มีคา่ มากที่สดุ ซึง่ 𝑏 ∉ 𝑆 แล้ว
𝑎2 − 𝑏 2 เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (ก.ค. 52)/7]
ระบบจานวนจริง 23
𝑥 𝑥+2
6. กาหนดให้ 𝑆 = {𝑥 | 𝑥2−3𝑥+2 ≥ 𝑥 2 −1} ช่วงในข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นสับเซตของ 𝑆 [PAT 1 (ต.ค. 52)/1-5]
1. (−∞, −3) 2. (−1, 0.5) 3. (−0.5, 2) 4. (1, ∞)
8. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริงบวก โดยที่ 𝑎 < 𝑏 ข้อใดถูกต้องบ้าง [PAT 1 (เม.ย. 57)/29]
1. 2𝑎+3𝑏+4𝑐
3𝑎+2𝑏+3𝑐
2𝑎+3𝑏
> 3𝑎+2𝑏 2. 3𝑎+2𝑏+𝑐
2𝑎+3𝑏+𝑐
>
3𝑎+2𝑏
2𝑎+3𝑏
ทบทวนค่าสัมบูรณ์
แบบฝึ กหัด
|1−𝑥|−2
1. ให้ 𝑅 แทนเซตของจานวนจริง ถ้า 𝐴 = {𝑥 ∈ 𝑅 | 𝑥+|𝑥|−3 > 1} แล้ว 𝐴 ∩ [0, 1) เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (ก.ค. 53)/4]
1. {𝑥 | 13 < 𝑥 < 23} 2. 1
{𝑥 | 3 < 𝑥 < 1}
3. {𝑥 | 23 < 𝑥 < 1} 4. 2
{𝑥 | 3 < 𝑥 < 2}
3
6. กาหนดให้ I แทนเซตของจานวนเต็ม
ให้ 𝐴 = { 𝑥 ∈ I | |2𝑥 + 7| ≤ 9} และ 𝐵 = { 𝑥 ∈ I | |𝑥 2 − 𝑥 − 1| > 1}
ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้าง [PAT 1 (ต.ค. 55)/4]
1. จานวนสมาชิกของเซต 𝐴 ∩ 𝐵 เท่ากับ 7
2. 𝐴 − 𝐵 เป็ นเซตว่าง
4𝑥 3𝑥
8. ให้ 𝐴 แทนเซตของจานวนจริง 𝑥 ทัง้ หมดที่สอดคล้องกับสมการ 4𝑥2−8𝑥+7 + 4𝑥 2 −10𝑥+7 = 1
และให้ 𝐵 แทนเซตของจานวนจริง 𝑥 ทัง้ หมดที่สอดคล้องกับอสมการ |𝑥 2 − 2𝑥| + 𝑥 2 > 4
ข้อใดถูกต้องบ้าง [PAT 1 (เม.ย. 57)/5]
1. 𝐴 ⊂ 𝐵
2. จานวนสมาชิกของเพาเวอร์เซตของเซต 𝐴 ∩ 𝐵 เท่ากับ 2
28 ระบบจานวนจริง
การแบ่งกรณีคา่ สัมบูรณ์
ในเรือ่ งนี ้ เราจะเรียนอีกหนึง่ วิธี ทีส่ ามารถแก้ สมการ / อสมการ ค่าสัมบูรณ์ ที่ซบั ซ้อนกว่าหัวข้อที่แล้วได้
โดยเราจะใช้สตู ร |𝑥| = { 𝑥 เมื่อ 𝑥 ≥ 0 มากาจัดเครือ่ งหมายค่าสัมบูรณ์
−𝑥 เมื่อ 𝑥 < 0 𝑥≥2
วิธีทา เนื่องจาก |𝑥 − 4| = {
𝑥−4 เมื่อ 𝑥−4≥0
ดังนัน้ เราจะแบ่งเป็ นกรณี 𝑥≥4 กับ กรณี 𝑥 < 4
−(𝑥 − 4) เมื่อ 𝑥−4<0
𝑥<4 กรณี 𝑥 < 4:
กรณี 𝑥 ≥ 4:
เปลี่ยน |𝑥 − 4| เป็ น −(𝑥 − 4)
เปลี่ยน |𝑥 − 4| เป็ น 𝑥 − 4
−(𝑥 − 4) ≤ 2𝑥 + 7
𝑥 − 4 ≤ 2𝑥 + 7
−𝑥 + 4 ≤ 2𝑥 + 7
−11 ≤ 𝑥
−3 ≤ 3𝑥
กรอง (∩) เหลือเฉพาะที่ 𝑥 ≥ 4 −1 ≤ 𝑥
𝑥 ≥ −11 กรอง (∩) เหลือเฉพาะที่ 𝑥 < 4
𝑥 ≥ 4
ตอบ 𝑥 ≥ −1
𝑥< 4
−11 4 ตอบ
เหลือคาตอบ คือ [4, ∞) −1 4
เซตคาตอบ คือ [−1, 4)
ตัวอย่าง จงแก้อสมการ |𝑥 − 2| + |𝑥 − 1| ≤ 𝑥 + 9
วิธีทา ข้อนี ้ มีคา่ สัมบูรณ์ 2 ก้อน 𝑥≥2 𝑥≥1
|𝑥 − 2| = {
𝑥−2 เมื่อ 𝑥 − 2 ≥ 0 𝑥−1 เมื่อ 𝑥 − 1 ≥ 0
|𝑥 − 1| = {
−(𝑥 − 2) เมื่อ 𝑥 − 2 < 0 −(𝑥 − 1) เมื่อ 𝑥 − 1 < 0
𝑥<2 𝑥<1
ระบบจานวนจริง 31
แบบฝึ กหัด
1. จงแก้สมการ / อสมการ ต่อไปนีด้ ว้ ยวิธีแบ่งกรณี
1. 2𝑥 + 5 < |𝑥 − 2|
2. |𝑥 + 3| = 𝑥 2 + 6𝑥 + 3
32 ระบบจานวนจริง
3. |𝑥 + 1| + |𝑥 − 1| > 4
4. |𝑥 + 2| + |𝑥 + 3| < 𝑥 + 1
สมบัติความบริบรู ณ์
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจารณาว่าเซตต่อไปนี ้ มีขอบเขตบนหรือไม่ ถ้ามี จงหาขอบเขตบนน้อยสุด
1. {1, 2, 3, … , 1000} 2. {−1, −2, −3, … , −1000}
1 2 3 99
5. (1, ∞) 6. { 2 , 3 , 4 , … , 100 }
1 2 3
7. {2,3,4,… } 8. R
การสร้างเครือ่ งหมายใหม่
1. 1. 12 2. −12 3. 0 4. 𝑎
2. 1. 3 2. 3 3. 2 4. 2
5. 2 6. 𝑎
3. 1. 1 2. 2 3. 2 4. 4
5. 8 6. 800
4. 1, 3, 6 5. - 6. - 7. 2
8. 2 9. 1, 2, 3 10. 208 11. 6
ทบทวนพหุนาม
1. 922 2. −1
การหารสังเคราะห์
ทฤษฎีเศษ
1. 1. 1 2. −2 3. 0
2. 2 3. −2, 2 4. 6
การแยกตัวประกอบด้วยทฤษฎีเศษ
สมการดีกรีสงู
2
1. 1. 1 2. −8 3. −12 4. 3
2. 1 3. 3.5 4 9 5. −2
6. 4 7. 41 8. 24 9. 5
10. −1
ทบทวนอสมการ
1. 852 2. 4 3. 24 4. 2
5. 5 6. 2 7. - 8. 2
38 ระบบจานวนจริง
9. 152
ทบทวนค่าสัมบูรณ์
1. 3 2. 17 3. 2 4. 2
5. 4 6. 1 7. 1 8. 2
9. 2 10. 4 11. 10 12. 2
13. 2
การแบ่งกรณีคา่ สัมบูรณ์
สมบัติความบริบรู ณ์
1. 1. 1000 2. −1 3. 5 4. 10
99
5. ไม่มี 6. 100 7. 1 8. ไม่มี
9. 1 10. ขอบเขตบนเป็ นอะไรก็ได้ แต่ไม่มขี อบเขตบนน้อยสุด
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Peera Modie
และ คุณ ช.ป. ชอ
และ คุณ Theerat Piyaanangul ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร