You are on page 1of 18

สมาคม ม.ปลาย (พ.ย.

54) 1

ข้ อสอบสมาคมคณิตศาสตร์ แห่งประเทศไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (พ.ย. 54)


วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา 9.00 - 12.00 น.

ตอนที่ 1 ข้ อ 1 - 15 เป็ นข้ อสอบแบบเลือกคาตอบ ข้ อละ 2 คะแนน


1. ถ้ า 𝑝, 𝑞 และ 𝑟 เป็ นประพจน์ใดๆ
ประพจน์ [(𝑞 ∨ 𝑟) ∧ (𝑝 ∨ 𝑟) ∧ (𝑞 ∨ ~𝑟)] ∨ [(𝑞 ∨ ~𝑝) ∧ (𝑝 ∨ ~𝑟) ∧ (𝑞 ∨ 𝑝)]
สมมูลกับประพจน์ในข้ อใดต่อไปนี ้
ก. 𝑝 ข. 𝑞 ค. 𝑟 ง. 𝑞∨𝑟

2. ให้ 𝒰 เป็ นเอกภพสัมพัทธ์ และ 𝐴, 𝐵, 𝐶 เป็ นสับเซตใดๆของ 𝒰 ซึง่ 𝐴 ∩ 𝐵 ⊂ 𝐶 และ 𝐴∩𝐶 ⊂𝐵


ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
ก. 𝐵 ∩ 𝐶 ⊂ 𝐴 ข. 𝐴 − 𝐵 = 𝐴 − 𝐶
ค. 𝐵 ∪ 𝐶 ⊂ 𝐴′ ง. 𝐵 − 𝐶 = 𝐵 − 𝐴

3. สับเซต 𝐴 ของ ℝ ในข้ อใดต่อไปนี ้ที่ทาให้ ประพจน์ ∀𝑥 ∈ 𝐴[𝑥 2 (𝑥 4 − 3𝑥 2 + 1) < 3] มีคา่ ความจริ งเป็ นจริ ง
ก. (−3, −2) ข. (−2, −1) ค. (−1, 0) ง. (1, 2)
2 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

4. กาหนดให้ 𝑓(𝑥) = √5 − 𝑥 2 และ 𝑔(𝑥) = √4 − 𝑥 โดเมนของ 𝑓 ∘ 𝑔 ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้


ก. (−∞, 4) ข. [−1, ∞) ค. [−1, 4] ง. (−√5, √5)

5. ให้ 𝑎 และ 𝑏 เป็ นจานวนเต็มซึง่ 𝑎 log 250 5 + log 𝑏250 = 3 ค่าของ 𝑎 + 2𝑏 ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
2
ก. 13 ข. 15 ค. 17 ง. 18

6. พิจารณาไฮเพอร์ โบลาที่มีแกนตามขวางอยูบ่ นเส้ นตรง 𝑦 = 5 สัมผัสเส้ นตรง 𝑥 = 4 และ 𝑥 = −4


และตัดแกน 𝑥 ที่จดุ (6, 0) และ (−6, 0) ข้ อใดต่อไปนี ้คือจุดตัดจุดหนึง่ ของไฮเพอร์ โบลากับเส้ นตรง 𝑥 = 8
ก. (8, 3 + √60) ข. (8, 5 + √50) ค. (8, 3 + √50) ง. (8, 5 + √60)
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 3

7. กาหนดให้ 𝐴 เป็ นเมทริ กซ์ขนาด 3×3 ใดๆ ซึง่ 𝐴3 = 0 และ 𝐴2 ≠ 0 จงพิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
1) 𝐴 ไม่มีอินเวอร์ สการคูณ
2) det(I − 𝐴) ≠ 0 โดยที่ I แทนเมทริ กซ์เอกลักษณ์ขนาด 3×3
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
ก. ข้ อ 1) และ 2) จริ ง ข. ข้ อ 1) จริ ง และ ข้ อ 2) ไม่จริ ง
ค. ข้ อ 1) ไม่จริ ง และ ข้ อ 2) จริ ง ง. ข้ อ 1) และ ข้ อ 2) ไม่จริ ง

8. กาหนดให้ 𝑢⃑ ≠ 0 , 𝑣 ≠ 0 , |𝑢⃑| = √2|𝑣| และ 𝑢


⃑ −𝑣 ตังฉากกั
้ บ 𝑢⃑ − 2𝑣
มุมระหว่าง 𝑢⃑ และ 𝑣 ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
3√2 3√3 √2 2√2
ก. arccos ( 5
) ข. arccos ( 5
) ค. arccos ( 3 ) ง. arccos ( 3
)

9. ในรูปสามเหลีย่ ม ABC รูปหนึง่ มุม A มีขนาดเป็ นสามเท่าของมุม B


ถ้ า 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นความยาวด้ านของรูปสามเหลีย่ มตรงข้ ามมุม A, B และ C ตามลาดับ
ค่าของ cos B ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
2𝑐 𝑐 2𝑐 𝑐
ก. 3𝑎−2𝑏 ข. 2(3𝑏−𝑎) ค. 4𝑏−𝑎 ง. 2(𝑎−𝑏)
4 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

10. กาหนดให้ 𝑤 และ 𝑧 เป็ นจานวนเชิงซ้ อนซึง่ สอดคล้ องกับเงื่อนไขทังสามข้


้ อต่อไปนี ้
(1) |𝑤| = |𝑧 + 𝑤|
2

(2) 1𝑧 + 𝑤1 = i
(3) |𝑧 − 𝑤| = 1
ค่าที่เป็ นไปได้ คา่ หนึง่ ของ |𝑧| ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
√2+1 √3+1 2−√2 2−√3
ก. √3
ข. 2
ค. √3
ง. √2

11. กาหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … เป็ นลาดับของจานวนจริ ง ซึง่ กาหนดโดย 𝑎1 = 0


25
และ 𝑎𝑛 − 𝑎𝑛−1 = 𝑛 − 1 ทุกจานวนเต็ม 𝑛≥2 ค่าของ  𝑎𝑛 ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
n 1

ก. 2400 ข. 2500 ค. 2600 ง. 2700

12. กาหนดให้ 𝐴, 𝐵, 𝐶 และ 𝐷 เป็ นเมทริ กซ์จตั รุ ัสขนาด 5×5 ซึง่ det 𝐴 = 2 , det 𝐵 = 3 , det 𝐶 = 4
และ adj(adj 𝐴𝐵) = 108𝐶𝐷 ค่าของ det 𝐷 ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
ก. 12 ข. 16 ค. 24 ง. 48
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 5

13. สาหรับจานวนเต็มบวก 𝑛 ใดๆ กาหนดให้ 𝐴(𝑛) เป็ นพื ้นที่ที่ปิดล้ อมด้ วยเส้ นโค้ ง 𝑦 = 𝑛𝑥 − 𝑥 2 แกน 𝑦
และเส้ นสัมผัสโค้ งนี ้ที่จดุ 𝑥 = 𝑛
จานวนเต็มบวก 𝑛 ที่น้อยที่สดุ ทีทาให้ 𝐴(𝑛) เป็ นกาลังสองสมบูรณ์ของจานวนเต็ม ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4

14. กาหนดให้ ผลบวกของกาลังสองของค่ามาตรฐานของเงินเดือนพนักงานบริษัทแห่งหนึง่ ในปี 2554 มีคา่ เท่ากับ 42


และผลบวกของเงินเดือนของพนักงานบริษัทแห่งนี ้ในปี 2554 มีคา่ เท่ากับ 1,000,000 บาท ในปี ถดั ไป (ปี 2555)
เงินเดือนพนักงานแต่ละคนเพิ่มขึ ้นจากเดิม 5% จงพิจารณาว่า ค่าเฉลีย่ เลขคณิตของเงินเดือนพนักงานบริษัทแห่งนี ้
ในปี 2555 ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้ (จานวนของพนักงานของบริษัทแห่งนี ้ในปี 2554 และปี 2555 มีคา่ เท่ากัน)
ก. 20,000 ข. 25,000 ค. 30,000 ง. 35,000

15. จัดคน 10 คน ซึง่ รวมสมศักดิ์ มนตรี สุภาพ ให้ นงั่ รอบโต๊ ะกลมในงานเลี ้ยงอย่างสุม่ ความน่าจะเป็ นที่สมศักดิ์และ
มนตรี นงั่ ติดกัน และสุภาพไม่นงั่ ติดกับสองคนนี ้ มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
ก. 19 ข. 29 ค. 16 ง. 13
6 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

ตอนที่ 2 ข้ อ 16 - 25 เป็ นข้ อสอบแบบเติมคาตอบ ข้ อละ 3 คะแนน


16. กาหนดให้ 𝑓 : ℝ → ℝ เป็ นฟั งก์ชนั ที่สอดคล้ องกับเงื่อนไข 𝑓(𝑓(𝑥)) = 5 − 𝑥 สาหรับทุกจานวนจริ ง 𝑥
จงหาค่าทีเ่ ป็ นไปได้ ทงหมดของ
ั้ 𝑓(0) + 𝑓(5)

17. กาหนดความสัมพันธ์ 𝑟 = { (𝑥, 𝑦 ∈ ℝ × ℝ) | 𝑥 ≠ 𝑦 และ 𝑥2 − 𝑥 = 𝑦2 − 𝑦 } จงหาโดเมนของ 𝑟

18. จงหาคูอ่ นั ดับของจานวนเต็มบวก (𝑥, 𝑦) ทังหมดที


้ ่สอดคล้ องกับสมการ 2𝑥 2 + 5𝑦 2 = 11(𝑥𝑦 − 11)
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 7

𝑎+𝑏
19. จงหาเซตของจานวนจริ ง 𝑥 ทังหมด
้ ที่ทาให้ อสมการ 2 log 𝑥 (
2
) ≤ log 𝑥 𝑎 + log 𝑥 𝑏
เป็ นจริ งสาหรับทุกจานวนจริงบวก 𝑎 และ 𝑏

20. กาหนดให้ สญ
ั ลักษณ์ ⌊𝑥⌋ หมายถึง จานวนเต็มทีม่ ากที่สดุ ซึง่ น้ อยกว่าหรื อเท่ากับ 𝑥
1084
(ตัวอย่างเช่น ⌊√2⌋ = 1) จงหาเลขสามหลักสุดท้ ายของ ⌊1028 +8⌋

n n 2
3𝑛𝑏𝑛 +𝑛
21. กาหนดให้ 𝑎𝑛 =  𝑘(𝑘 + 1)(𝑘 + 2) และ 𝑏𝑛 =  (2𝑘 − 1)2 จงหาค่าของ nlim
 𝑎
k 1 k 1 𝑛
8 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

22. นิยามลาดับ (𝑎𝑛 ) โดย 𝑎1 = 1และสาหรับจานวนเต็ม 𝑛 ≥ 1 ให้ 𝑎𝑛 และ 𝑎𝑛+1 เป็ นจานวนจริ งซึง่ ทาให้ สมการ
ในตัวแปร 𝑥 2 arcsin(𝑥 + 𝑎𝑛+1 ) = 2𝜋 − arccos(𝑥 + 𝑎𝑛 ) มีคาตอบที่เป็ นจานวนจริ ง

1
จงหาค่าของ  𝑎 𝑎
n 1 𝑛 𝑛+1

23. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏 เป็ นค่าคงตัวที่ทาให้ ฟังก์ชนั 𝑓(𝑥) = 𝑥 2 − 𝑎𝑥 − 𝑎𝑏 มีเส้ นสัมผัสที่จดุ 𝑥=𝑎+𝑏 เป็ น
เส้ นตรง 𝑦 = −𝑥 + 5 จงหาค่าของ 𝑎 ที่เป็ นไปได้ ทงหมดั้

24. กาหนดให้ 𝑧1 และ 𝑧2 เป็ นจานวนเชิงซ้ อนซึง่ |𝑧1 | = |𝑧2 | ถ้ า 𝑧1 − 𝑧2 = 𝑎 + i โดยที่ 𝑎 เป็ นจานวนจริ ง
จงหา Im (|𝑧𝑧1 ∙𝑧∙𝑧2|) (ตอบในรูปของ 𝑎)
1 2
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 9

25. กาหนดข้ อมูลสองชุดดังต่อไปนี ้ ข้ อมูลชุดแรก คือ 𝑥1 , 𝑥2 , … , 𝑥20


ข้ อมูลชุดที่สอง คือ 𝑦1 , 𝑦2 , … , 𝑦30
ถ้ าข้ อมูลชุดแรกและข้ อมูลชุดที่สองมีความแปรปรวนเป็ น 9 และ 16 ตามลาดับ และถ้ าผลต่างของค่าเฉลีย่ ของ
ข้ อมูลสองชุดนี ้มีคา่ เป็ น 10 แล้ ว จงหาความแปรปรวนของข้ อมูลผสม 𝑥1 , 𝑥2 , … , 𝑥20 , 𝑦1 , 𝑦2 , … , 𝑦30

ตอนที่ 3 ข้ อ 26 - 35 เป็ นข้ อสอบแบบเติมคาตอบ ข้ อละ 4 คะแนน


26. ให้ P เป็ นพาราโบลาที่มีจดุ โฟกัสที่จดุ (1, −2) และเส้ นตรง 𝑥 − 𝑦 = 0 เป็ นไดเรกตริ กซ์
กาหนดให้ A และ B เป็ นจุดปลายทังสองข้ ้ างของเลตัสเรคตรัมของพาราโบลา P
ถ้ ากาหนดให้ C มีพิกดั เป็ น (2554, 2554) แล้ ว จงหาพื ้นที่ของรูปสามเหลีย่ ม ABC

27. บนเครื่ องบินที่มี 60 แถว แต่ละแถวมี 6 ที่นงั่ ถ้ าต้ องการจัดผู้โดยสารนัง่ บนที่นงั่ โดยมีเงื่อนไขว่า
1) ในแต่ละแถวไม่จาเป็ นต้ องมีคนนัง่ ครงทุกที่นงั่
2) สาหรับสองแถวใดๆ ตาแหน่งทีม่ คี นนัง่ ต้ องต่างกันอย่างน้ อย 1 ตาแหน่งเสมอ
สามารถจัดผู้โดยสารนัง่ บนที่นงั่ ในเครื่ องบินลานี ้ได้ มากที่สดุ กี่คน
10 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

28. กาหนดให้ 𝑎, 𝑏, 𝑐 เป็ นจานวนเต็มเรี ยงติดกัน 3 จานวน (𝑎 < 𝑏 < 𝑐) ซึง่ มีสมบัตวิ า่
มีจานวนเฉพาะ 𝑝 ทีท่ าให้ 𝑎 , 𝑏 + 10 , 𝑐 + 𝑝 เป็ นสาดับเรขาคณิต จงหาค่า 𝑎 ที่เป็ นไปได้ ทงหมด
ั้

29. มีตะกร้ า 2 ใบ ตะกร้ าใบแรกมีลกู บอลสีขาว 2 ลูก สีดา 1 ลูก ตะกร้ าใบที่สองมีลกู บอลสีขาว 1 ลูก สีดา 2 ลูก สุม่
หยิบลูกบอล 1 ลูกจากตะกร้ าใบแรก แล้ วใส่ลงในตะกร้ าใบที่สอง จากนันสุ้ ม่ หยิบลูกบอล 1 ลูกจากตะกร้ าใบที่สอง
ใส่คืนกลับในตะกร้ าใบแรก จงหาความน่าจะเป็ นที่เมื่อหลังจากการสุม่ หยิบลูกบอลทังสองครั
้ ง้ แล้ ว จานวนลูกบอล
แต่ละสีในตะกร้ าทังสองใบมี
้ จานวนเท่าเดิม

30. กาหนดรูป ∆ABC และ ∆AEF เป็ นรูปสามเหลีย่ มในระนาบ 𝑥𝑦 โดยที่ B เป็ นจุดกึ่งกลางของด้ าน EF
ถ้ า |AB
̅̅̅̅| = |EF
̅̅̅̅| = 1 , |BC ̅̅̅̅| = √33 และ AB
̅̅̅̅| = 6 , |CA ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AE
⃑⃑⃑⃑⃑ + AC
⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AF
⃑⃑⃑⃑⃑ = 2
แล้ ว จงหาค่าของ cos 𝜃 โดยที่ 𝜃 เป็ นขนาดของมุมระหว่าง EF ⃑⃑⃑⃑ และ BC ⃑⃑⃑⃑⃑
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 11

8
31. กาหนดให้ 𝑎𝑛 = 1 +
𝑛2
สาหรับทุกจานวนเต็มบวก 𝑛
98
จงหาจานวนเต็มที่มากที่สดุ ที่มคี า่ ไม่เกิน  √𝑎2𝑛−1 + 𝑎2𝑛+1
n 1

32. กาหนดให้ 𝑥 ∈ (0, 𝜋2) ซึง่ ทาให้ sin 𝑥 = 0.10𝑎𝑏𝑐…


โดยที่ 𝑎, 𝑏, 𝑐, … เป็ นเลขโดด (นัน่ คือ 𝑎, 𝑏, 𝑐, … ∈ {0, 1, 2, …, 9})
ถ้ า cos 𝑥 = 0.𝑚𝑛𝑘… โดยที่ 𝑚, 𝑛, 𝑘 เป็ นเลขโดด จงหาสามสิง่ อันดับ (𝑚, 𝑛, 𝑘) ที่เป็ นไปได้ ทงหมด
ั้

1
33. กาหนดให้ 𝑤 เป็ นรากเชิงซ้ อนของสมการ 𝑧4 − 𝑧3 + 𝑧 + 1 = 0 จงหาค่าของ |𝑤 + 𝑤|
12 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

1 1 1
34. จงหาค่าของ cos2 10°
+ 2 + 2
sin 20° sin 40°

35. กาหนดให้ 𝑟 > 0 และ ℎ < 0 เป็ นค่าคงตัวซึง่ |ℎ| > 𝑟 พิจารณาวงกลม 𝑥2 + 𝑦2 = 𝑟2 และจุด P = (ℎ, 0)
จากจุด P ลากส่วนของเส้ นตรงไปตัดกัวงกลมทีจ่ ดุ A และ B ตามลาดับ
𝑦
B ถ้ าให้ จดุ H เป็ นจุดที่อยูบ่ นส่วนของเส้ นตรง PB
A
𝑥
ซึง่ ทาให้ |PH
̅̅̅̅| เป็ นค่าเฉลีย่ ฮาร์ มอนิกของ |PA
̅̅̅̅| และ |PB
̅̅̅̅|
P จงหาสมการทางเดินของจุด H เมื่อส่วนของเส้ นตรงข้ างต้ น
แปรเปลีย่ นไป (ตอบในรูปของ 𝑟 และ ℎ)
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 13

เฉลย
7
1. ข 8. ง 15. ค 22. 0.5 29. 12
2
2. ข 9. ง 16. 5 23. 3, −7 30. 3
3. ค 10. - 17. ℝ − {12} 24. −2𝑎
1+𝑎2
31. 141
4. ค 11. ค 18. (14, 27) 25. 37.2 32. 993, 994
5. ข 12. ง 19. (0, 1) 26. 4.5 33. 4
√8
6. ง 13. ค 20. 063 27. 189 34. 12
𝑟2
7. ก 14. ข 21. 16 28. 11, −121 35. 𝑥= ℎ
𝑟√ℎ 2 −𝑟 2
|𝑦| ≤ −

แนวคิด
1. ข
≡ [(𝑞 ∨ F) ∧ (𝑝 ∨ 𝑟)] ∨ [(𝑞 ∨ F) ∧ (𝑝 ∨ ~𝑟)] ≡ 𝑞 ∧ [(𝑝 ∨ 𝑟) ∨ (𝑝 ∨ ~𝑟)] ≡ 𝑞

2. ข
𝐴 ∩ 𝐵 ⊂ 𝐶 แปลว่า 𝐴 ∩ 𝐵 ∩ 𝐶 = 𝐴 ∩ 𝐵 𝐴
0
𝐵

𝐴 ∩ 𝐶 ⊂ 𝐵 แปลว่า 𝐴 ∩ 𝐶 ∩ 𝐵 = 𝐴 ∩ 𝐶 0

จะได้ 𝐴 ∩ 𝐵 = 𝐴 ∩ 𝐶 = 𝐴 ∩ 𝐵 ∩ 𝐶 วาดรูปได้ 𝐶

3. ค
𝑥 6 − 3𝑥 4 + 𝑥 2 − 3 < 0 → (𝑥 4 + 1)(𝑥 + √3)(𝑥 − √3) < 0 → (−√3, √3)

4. ค
4−𝑥≥0 และ 5 − (4 − 𝑥) ≥ 0 ได้ [−1, 4]

5. ข
5𝑎 2𝑏 = 2503 = 59 23 → 𝑎 = 9 , 𝑏 = 3

6. ง
𝑥2 (𝑦−5)2
(ℎ, 𝑘) = (0, 5) , 𝑎 = 4 → 42
− 𝑏2
=1 → ผ่าน (6, 0) ได้ 𝑏 = √20 → (8, 5 ± √60)

7. ก
det 𝐴3 = (det 𝐴)3 = 0 → det 𝐴 = 0 → 1) ถูก
det(I − 𝐴3 ) = det I ≠ 0 → det[(I − 𝐴)(I + 𝐴 + 𝐴2 )] ≠ 0 → 2) ถูก

8. ง
ตังฉากกั
้ น จะดอทกันได้ 0 ได้ ⃑ |2 − 3|𝑢
|𝑢 ⃑ ||𝑣 | cos 𝜃 + 2|𝑣 |2 = 0
2 2
ได้ cos 𝜃 = |𝑢⃑3|𝑢
| +2|𝑣
⃑ ||𝑣
⃑|
⃑|
=3
4
√2
=
2√2
3
14 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

9. ง
จากกฎของ sin : sin𝑎3𝐵 = sin𝑏 𝐵 → 3−4 sin
𝑎 𝑎 2
2 𝐵 = 𝑏 → 4 cos2 𝐵−1 = 𝑏 → 𝑎 = 𝑏(4 cos 𝐵 − 1)

จากรูปสามเหลีย่ ม : 𝑐 = 𝑏 cos 3𝐵 + 𝑎 cos 𝐵 = 𝑏(4 cos3 𝐵 − 3 cos 𝐵) + 𝑎 cos 𝐵


= [𝑏(4 cos2 𝐵 − 1 − 2) + 𝑎] cos 𝐵
= [𝑏(4 cos2 𝐵 − 1) − 2𝑏 + 𝑎] cos 𝐵
=[ 𝑎 − 2𝑏 + 𝑎] cos 𝐵
𝑐
ได้ cos 𝐵 = 2(𝑎−𝑏)

3 1
10. √ ±√
2 2
จาก (2) |𝑤 + 𝑧| = |𝑤𝑧i| = |𝑤||𝑧| จาก (1) ได้ |𝑤||𝑧| = |𝑤|2 ได้ |𝑤| = 0 หรื อ |𝑤| = |z|
จากสูตร |𝑧 + 𝑤|2 + |𝑧 − 𝑤|2 = 2|𝑧|2 + 2|𝑤|2
ถ้ า |𝑤| = 0 ได้ 0 + 1 = 2|𝑧|2 ได้ |𝑧| = ± √12
4±√12
ถ้ า |𝑤| = |z| ได้ |𝑧|4 + 1 = 4|𝑧|2 → |𝑧|4 − 4|𝑧|2 + 1 = 0 → |𝑧|2 =
2
= 2 ± √3
3 1
ได้ |𝑧| = √ ± √
2 2

11. ค
𝑛2 −𝑛
𝑎𝑛 = (𝑛 − 1) + 𝑎𝑛−1 = (𝑛 − 1) + (𝑛 − 2) + 𝑎𝑛−2 = … = (𝑛 − 1) + ⋯ + 0 = 2
𝑛2 −𝑛 1 (25)(26)(51) (25)(26)
∑ = ( − 2 ) = 2600
2 2 6

12. ง
(2∙3)16
(det 𝐴𝐵)16 = 1085 det 𝐶𝐷 → det 𝐷 = = 48
1085 ∙4

13. ค
𝑦−0
เส้ นโค้ ง ชัน 𝑦 ′ = 𝑛 − 2𝑥 → เส้ นสัมผัสที่ 𝑥 = 𝑛 มีสมการคือ 𝑥−𝑛
= 𝑛 − 2𝑛 → 𝑦 = −𝑛𝑥 + 𝑛2
3 𝑛3
พื ้นที่ = ∫0𝑛(−𝑛𝑥 + 𝑛2 ) − (𝑛𝑥 − 𝑥 2 ) 𝑑𝑥 = ∫0𝑛 𝑥 2 − 2𝑛𝑥 + 𝑛2 𝑑𝑥 = 𝑛3 − 𝑛 ∙ 𝑛2 + 𝑛2 ∙ 𝑛 = 3

14. ข
1,000,000 1,000,000 105
∑ 𝑧 2 = 42 = 𝑁 → 𝑥̅ =
42
→ ตอบ 42
× 100 = 25,000

15. ค
มัดสมศักดิ์กบั มนตรี ตอกไว้ สับในมัดได้ 2 แบบ สุภาพเลือกได้ 6 → 2∙6∙7!
9!
1
=6

16. 5
จาก 𝑓(𝑓(0)) = 5 แปลว่าถ้ าให้ 𝑓(0) = 𝑘 ได้ 𝑓(𝑘) = 5
จาก 𝑓(𝑓(𝑘)) = 5 − 𝑘 แปลว่า 𝑓(5) = 5 − 𝑘 จะได้ 𝑓(0) + 𝑓(5) = 𝑘 + 5 − 𝑘 = 5
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 15

1
17. ℝ−{ }
2
𝑥 2 − 𝑦 2 − 𝑥 + 𝑦 = 0 → (𝑥 − 𝑦)(𝑥 + 𝑦) − (𝑥 − 𝑦) = 0
1
แต่ 𝑥 ≠ 𝑦 เอา 𝑥 − 𝑦 หารตลอด ได้ 𝑥 + 𝑦 − 1 = 0 แต่ 𝑥 ≠ 𝑦 ดังนัน้ 𝑥+𝑥−1≠0 ได้ 𝑥≠2

18. (14, 27)


(2𝑥 − 𝑦)(𝑥 − 5𝑦) = −121 = 𝐴𝐵 ได้ 𝑦 = 𝐴−2𝐵
9
,𝑥=
5𝐴−𝐵
9
→ 𝐴 เป็ นบวก 𝐵 เป็ นลบ
แทน 𝐴𝐵 = (121)(−1) , (11)(−11) , (1)(−121) ได้ (1)(−121) อันเดียว

19. (0, 1)
𝑎 2 +2𝑎𝑏+𝑏2 𝑎 2 +2𝑎𝑏+𝑏2
log 𝑥 4
≤ log 𝑥 𝑎𝑏 ; เนื่องจาก 4
≥ 𝑎𝑏 (เพราะ 𝑎2 − 2𝑎𝑏 + 𝑏 2 ≥ 0)
ดังนัน้ 0<𝑥<1

20. 063
1084 1084 +83−83 (1028 +8)(1056 −8∙1028 +64)−83 83
⌊1028 +8⌋ = ⌊ 1028 +8
⌋ = ⌊
1028 +8
⌋ = ⌊1056 − 8 ∙ 1028 + 64 − 1028 +8⌋

21. 16
𝑛(𝑛+1) 2 𝑛4
𝑎𝑛 = ∑ 𝑘 3 + 3𝑘 2 + 2𝑘 → ตัวกาลังสูงสุด ได้ จาก ∑ 𝑘 3 = [ ] → ได้
2 4
𝑛(𝑛+1)(2𝑛+1)
𝑏𝑛 = ∑ 4𝑘 2 − 4𝑘 + 1 → ตัวกาลังสูงสุดของ 3𝑛𝑏𝑛 + 𝑛2 คือ 3𝑛 ∑ 4𝑘 2 = (12𝑛) ( 6
)= 4𝑛4
4
ได้ คาตอบ = 𝑛4𝑛4/4 = 16

22. 0.5
arccos ∈ [0, 𝜋] จะได้ 2𝜋 − arccos ∈ [𝜋, 2𝜋] จะได้ 2 arcsin(𝑥 + 𝑎𝑛+1 ) ต้ องอยูใ่ น [𝜋, 2𝜋]
แต่ arcsin ∈ [− 𝜋2, 𝜋2] แปลว่า arcsin (𝑥 + 𝑎𝑛+1) = 𝜋2 และ arccos (𝑥 + 𝑎𝑛 ) = 𝜋
จะได้ 𝑥 + 𝑎𝑛+1 = 1 และ 𝑥 + 𝑎𝑛 = −1 → 𝑎𝑛+1 = 2 + 𝑎𝑛

1 1 1 1 1 1 1 1 1
 𝑎 𝑎
= 1∙3 + 3∙5 + ⋯ = 2 (1 − 3 + 3 − 5 + ⋯ ) = 2
n 1 𝑛 𝑛+1

23. 3, −7
ถ้ า 𝑥 = 𝑎 + 𝑏 ได้ 𝑦 = (𝑎 + 𝑏)2 − 𝑎(𝑎 + 𝑏) − 𝑎𝑏 = 𝑎2 + 2𝑎𝑏 + 𝑏 2 − 𝑎2 − 𝑎𝑏 − 𝑎𝑏 = 𝑏 2
𝑦−𝑏 2
𝑓 ′ (𝑥) = 2𝑥 − 𝑎 ได้ ได้ เส้ นตรงคือ 𝑥−(𝑎+𝑏)
𝑓 ′ (𝑎 + 𝑏) = 𝑎 + 2𝑏 = 𝑎 + 2𝑏
จัดรูป ได้ 𝑦 = (𝑎 + 2𝑏)𝑥 − 𝑎2 − 3𝑎𝑏 − 𝑏2 ได้ 𝑎 + 2𝑏 = −1 และ −𝑎2 − 3𝑎𝑏 − 𝑏2 = 5
แทน 𝑎 = −2𝑏 − 1 ได้ −(−2𝑏 − 1)2 − 3(−2𝑏 − 1)𝑏 − 𝑏2 = 5 → 𝑏2 − 𝑏 − 6 = 0 → 𝑏 = −2, 3
𝑎 = 3, −7
−2𝑎
24. 1+𝑎 2

ให้ |𝑧1| = |𝑧2| = 𝑟 จะได้ 𝑧1 = 𝑟∠𝜃1 , 𝑧2 = 𝑟∠𝜃2


𝑧1 − 𝑧2 = 𝑟(cos 𝜃1 + i sin 𝜃1 ) − 𝑟(cos 𝜃2 + i sin 𝜃2 ) = 𝑎 + i
𝜃1 +𝜃2 𝜃 −𝜃
ได้ 𝑟(cos 𝜃1 − cos 𝜃2 ) = 𝑟 (−2 sin 2
sin 1 2 2 ) = 𝑎
16 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

𝜃1 +𝜃2 𝜃 −𝜃 𝜃1 +𝜃2
และ 𝑟(sin 𝜃1 − sin 𝜃2 ) = 𝑟 (2 cos
2
sin 1 2 ) = 1
2
จับสองสมการหารกัน ได้ − tan
2
=𝑎
𝑧 ∙𝑧2 𝑟 2 ∠(𝜃1 +𝜃2 ) −2𝑎 2 tan 𝐴
Im (|𝑧1 )= Im (
𝑟2
)= sin(𝜃1 + 𝜃2 ) =
1+𝑎2
(ใช้ สตู ร sin 2𝐴 =
1+tan2 𝐴
)
1 ∙𝑧2 |

25. 37.2
ให้ 𝑥̅ = 𝑘 ได้ 𝑦̅ = 𝑘 ± 10 ได้ คา่ เฉลีย่ รวม = 20𝑘+30(𝑘±10)
50
=𝑘±6
2 2
จากสูตรความแปรปรวน ได้ ∑20𝑥 − 𝑘 2 = 9 และ ∑30𝑦 − (𝑘 ± 10)2 = 16
ได้ ∑ 𝑥 2 = 20𝑘 2 + 180 , ∑ 𝑦 2 = 30(𝑘 ± 10)2 + 480 = 30𝑘 2 ± 600𝑘 +3480
ได้ ผลบวกกาลังสอง = 50𝑘 2 ± 600𝑘 + 3660
50𝑘 2 ±600𝑘+3660
ได้ 𝑣รวม = 50
− (𝑘 ± 6)2 = 𝑘 2 ± 12𝑘 + 73.2 − 𝑘 2 ∓ 12𝑘 + 36 = 37.2

26. 4.5
โฟกัส ห่าง ไดเรคตริ กซ์ = √1|1−(−2)|
2 +(−1)2 √
3
= 2 → 𝑐=2
3
√2
→ AB = 4𝑐 =
6
√2
= ฐาน
จุด C ห่างไดเรคตริ กซ์ = √12+(−1)2 = 0 ดังนัน้ จุด C อยูบ่ นไดเรคตริกซ์พอดี → จุด C ห่าง AB = 2𝑐 = √32 = สูง
2554−2554

ได้ พื ้นที่ = 12 × √62 × √32 = 4.5

27. 189
6 คน ได้ (66) = 1 แบบ ; 5 คน ได้ (65) = 6 แบบ ; 4 คน ได้ (64) = 15 แบบ ; 3 คน ได้ (63) = 20 แบบ ;
2 คน ได้ (62) = 15 แบบ ; 1 คน ได้ (61) = 6 แบบ → เกิน 60 ละ → ได้ 1+6+15+20+15+3 = 60
ได้ จานวนคน = 1(6)+6(5)+15(4)+20(3)+15(2)+3(1) = 189

28. 11, −121


ได้ (𝑎+1)+10
𝑎
(𝑎+2)+𝑝
= (𝑎+1)+10 จัดรู ป ได้ 121 = 𝑎(𝑝 − 20) ได้ 𝑎 = ±1, ±11, ±121
แทน แล้ วเอาเฉพาะที่ได้ 𝑝 เป็ นจานวนเฉพาะ ได้ (𝑎, 𝑝) = (11, 31), (−121, 19)
(ถ้ ายอมให้ จานวนลบเป็ นจานวนเฉพาะได้ จะมี (−1, −101) อีกตัว)
7
29. 12
𝑛(𝑆) : ครัง้ แรกเลือกได้ 3 แบบ ครัง้ สองมี 4 ลูกให้ เลือก ได้ 𝑛(𝑆) = 3 × 4
4+3
𝑛(𝐸) : กรณี ครัง้ แรก ได้ สขี าว → 2 × (1+1) = 4 ; กรณี ครัง้ แรก ได้ สดี า → 1 × (2+1) = 3 → ตอบ 12

30. 23
จาก EF ⃑⃑⃑⃑⃑ = |EF
⃑⃑⃑⃑ ∙ BC ⃑⃑⃑⃑⃑ | cos 𝜃 = 6 cos 𝜃
⃑⃑⃑⃑ ||BC
และจาก EF ⃑⃑⃑⃑⃑ = (AF
⃑⃑⃑⃑ ∙ BC ⃑⃑⃑⃑⃑ − AE⃑⃑⃑⃑⃑ ) ∙ (AC
⃑⃑⃑⃑⃑ − AB
⃑⃑⃑⃑⃑ ) ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AC
= AF ⃑⃑⃑⃑⃑ − AF
⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AB
⃑⃑⃑⃑⃑ − AE
⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AC
⃑⃑⃑⃑⃑ + AE
⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AB
⃑⃑⃑⃑⃑
E
⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
= (AF AC + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB) − (AF AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC) = 2 − (AF AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC)
0.5 B
จะได้ 6 cos 𝜃 = 2 − (AF ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC) …(1) 1 0.5
1
จาก ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ + ⃑⃑⃑⃑⃑
AB = 2 (AE AF) → 2 ⃑⃑⃑⃑⃑ AB ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB = ⃑⃑⃑⃑⃑AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB A F

→ 2 = ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB …(2)
√33

C
สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54) 17

1
จาก ⃑⃑⃑⃑⃑
AB =
2
⃑⃑⃑⃑⃑ +
(AE ⃑⃑⃑⃑⃑
AF) → 2 ⃑⃑⃑⃑⃑
AB ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC = ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC + ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC
2 2 2
⃑⃑⃑⃑⃑ | + |AC
→ |AB ⃑⃑⃑⃑⃑ | − |BC ⃑⃑⃑⃑⃑ | = AE ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AC⃑⃑⃑⃑⃑ + AF ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AC
⃑⃑⃑⃑⃑
→ 1 + 33 − 36 = −2 = AE ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AC ⃑⃑⃑⃑⃑ + AF ⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ AC⃑⃑⃑⃑⃑ (3)
⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑
(2) + (3) : 0 = AE ∙ AB + AF ∙ AB + AE ∙ AC + AF ∙ AC ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑ ⃑⃑⃑⃑⃑
⃑⃑⃑⃑⃑ ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
= (AE AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC) + ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC
= 2 + ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC
2
จะได้ ⃑⃑⃑⃑⃑
AF ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AB + ⃑⃑⃑⃑⃑
AE ∙ ⃑⃑⃑⃑⃑
AC = −2 แทนใน (1) ได้ cos 𝜃 = 3

31. 141
8 8 2[(2𝑛−1)2 (2𝑛+1)2 +4((2𝑛+1)2 +(2𝑛−1)2 )}
𝑎2𝑛−1 + 𝑎2𝑛+1 = 1 + (2𝑛−1)2 + 1 + (2𝑛+1)2 = ใช้ แรงลุย = (2𝑛−1)2 (2𝑛+1)2
2
2[16𝑛4 −8𝑛2 +1+4(8𝑛2 +2)} 2[16𝑛4 +24𝑛2 +9} 2(4𝑛2 +3)
= 2
(2𝑛−1) (2𝑛+1)2 = 2
(2𝑛−1) (2𝑛+1) 2 = (2𝑛−1)2 (2𝑛+1)2
2(4𝑛 2 +3) 4 2 2
ได้ √
√𝑎2𝑛−1 + 𝑎2𝑛+1 = 4𝑛2 −1 = √2 (1 + 4𝑛2 −1) = √2 (1 + 2𝑛−1 − 2𝑛+1)
98
2 2 2 2 2 2 2 2
ได้  √𝑎2𝑛−1 + 𝑎2𝑛+1 = √2 (98 + 1 − 3 + 3 − 5 + 5 − 6 + ⋯ + 195 − 197)
n 1
2 2.828
= (1.414) (100 − 197) = 141.4 – 197
→ 141

32. 993, 994


sin 𝑥 ∈ [0.10, 0.11) → sin2 𝑥 ∈ [0.01, 0.0121) → 1 − sin2 𝑥 ∈ (0.9879, 0.99]
cos 𝑥 = √1 − sin2 𝑥 → ถอดรูทแบบตังหาร
้ ได้ cos 𝑥 ∈ (0.993, 0995)

33. 4
√8
1 −(−1)±√(−1)2 −4(1)(2) 1±√7i
𝑧4 − 𝑧3 + 𝑧 + 1 = 0 𝑧−
𝑧
=
2(1)
=
2
1 1 1 1±2 7i−7 −6±2 7i −3±√7i
𝑧 2 − 𝑧 + 𝑧 + 𝑧2 = 0 𝑧 2 − 2 + 𝑧2 =

=

=
4 4 2
1 1
𝑧 2 + 𝑧2 − 𝑧 + 𝑧 = 0 2 1 −3±√7i
𝑧 + 2 + 𝑧2 = 2 + 4 = 2
5±√7i

1 2 1
(𝑧 − ) + 2 − 𝑧 + = 0 1 2 5±√7i √25+7
𝑧 𝑧 |𝑧 + 𝑧| = | 2 | = 2 = √8
1 2 1
(𝑧 − 𝑧) − (𝑧 − 𝑧) + 2 = 0 1
จะได้ 4
|𝑧 + 𝑧| = √8

34. 12
1 1 1 1 1 1
cos2 10°
+ sin2 20° + sin2 40° = sin2 80°
+ sin2 20° + sin2 40°
จะหาสมการกาลังสาม 𝑎𝑥 + 𝑏𝑥 + 𝑐𝑥 + 𝑑 = 0 ที่มีคาตอบคือ sin2120° , sin2140° , sin2180°
3 2

แล้ วใช้ สตู รผลบวกราก – 𝑏𝑎 ก็จะได้ คาตอบของข้ อนี ้


เนื่องจากต้ องการสมการกาลังสาม เราจะพยายามใช้ sin 3𝐴 = 3 sin 𝐴 − 4 sin3 𝐴
โดยเราจะจัดรูป sin2120° , sin2140° , sin2180° ให้ เป็ นรูปที่ sin 3𝐴 มีคา่ เท่ากัน
ถ้ าให้ 3𝐴 = 2𝑛𝜋 + 𝜃 จะได้ 𝐴 = 2𝜋 3
𝜃 2𝜋
𝑛 + 3 ดังนัน้ ต้ องให้ แต่ละมุมห่างกัน 3 = 120°
จะได้ sin2140° = sin21140° = sin2 120°+20°
1
และ sin2180° = sin21260° = sin2 240°+20°
1

ดังนัน้ เราจะสร้ างสมการกาลังสามที่มี sin2120° , sin21140° , sin21260° เป็ นคาตอบ


18 สมาคม ม.ปลาย (พ.ย. 54)

ให้ 𝑥 = sin12 𝜃 จะได้ sin 𝜃 = ±1√𝑥


1 4
จะได้ sin 3𝜃 = 3 sin 𝜃 − 4 sin3 𝜃 = sin 𝜃 (3 − 4 sin2 𝜃) =
±√𝑥
(3 − )
𝑥
√3 1 4 √3
ถ้ า 𝜃 = 20°, 140°, 260° จะได้ sin 3𝜃 = 2
เท่ากันหมด ดังนัน้ ±√𝑥
(3 − )
𝑥
=
2
ยกกาลังสอง ได้ 𝑥1 (9 − 24x − 16
x2
3
) = 4 คูณ 𝑥3
ตลอด แล้ วจัดรูปได้ 3𝑥 3 2
− 36𝑥 + 96𝑥 + 64 = 0
ได้ ผลบวกราก = − −363
= 12

𝑟2 𝑟√ℎ 2 −𝑟 2
35. 𝑥= ℎ
, |𝑦| ≤ − ℎ
′ ′ ′
𝑦 จากสามเหลีย่ มคล้ าย ให้ PA
PA
PH PB
= PH = PB = 𝑘

B จะได้ PA′ = 𝑘 ∙ PA , PH′ = 𝑘 ∙ PH , PB′ = 𝑘 ∙ PB


A H
จากค่าเฉลีย่ มฮาร์ มอนิก PH = 1 +2 1
𝑥 PA PB
P A′ H ′ B′ 2𝑘 2
คูณ 𝑘 สองข้ าง จะได้ 𝑘 ∙ PH = 1
+
1 = 1
+
1
PA PB 𝑘∙PA 𝑘∙PB
2
จะได้ PH ′ = 1
+
1
PA′ PB′
นัน่ คือ PH′ เป็ นค่าเฉลีย่ มฮาร์ มอนิก ของ PA′ กับ PB′ ด้ วย
เราจะหาค่าเฉลีย่ มฮาร์ มอนิก ของ PA′ กับ PB′ เพื่อให้ ได้ PH′ เพื่อให้ ได้ พกิ ดั 𝑥 ของ H′ เพื่อให้ ได้ พิกดั 𝑥 ของ H
𝑦−0
ให้ เส้ นตรง PB มีความชัน 𝑚 จะได้ สมการ PB คือ 𝑥−ℎ = 𝑚 ได้ 𝑦 = 𝑚(𝑥 − ℎ)
เราจะหาจุด A กับ B โดยการแก้ ระบบสมการ 𝑦 = 𝑚(𝑥 − ℎ) กับ 𝑥 2 + 𝑦 2 = 𝑟 2
แทน 𝑦 = 𝑚(𝑥 − ℎ) ในสมการวงกลม ได้ 𝑥 2 + 𝑚2𝑥 2 − 2𝑚2ℎ𝑥 + 𝑚2 ℎ2 = 𝑟 2
จัดรูปเป็ นสมการกาลังสองที่มี 𝑥 เป็ นตัวแปร ได้ (𝑚2 + 1)𝑥 2 − (2𝑚2 ℎ)𝑥 + (𝑚2 ℎ2 − 𝑟 2 ) = 0
2 2 2 2 2
จากสูตรผลบวกผลคูณราก จะได้ ผลบวกคาตอบ = − −2𝑚 ℎ
𝑚2 +1
2𝑚 ℎ 𝑚 ℎ −𝑟
= 𝑚2 +1 และผลคูณคาตอบ = 𝑚2 +1
2𝑚 ℎ 2 𝑚2 ℎ2 −𝑟 2
ดังนัน้ ถ้ าให้ พิกดั 𝑥 ของ A และ B คือ 𝑎 และ 𝑏 จะได้ 𝑎 + 𝑏 = 𝑚 2 +1 และ 𝑎𝑏 = 𝑚2 +1
และจากรูป จะได้ พิกดั 𝑥 ของ A′ และ B′ คือ 𝑎 และ 𝑏 ด้ วย
2 2(𝑎−ℎ)(𝑏−ℎ) 2(𝑎𝑏−(𝑎+𝑏)ℎ+ℎ 2 )
จะได้ PA′ = 𝑎 − ℎ และ PB′ = 𝑏 − ℎ ดังนัน้ PH ′ = 1
+
1 = 𝑏−ℎ+𝑎−ℎ
= 𝑎+𝑏−2ℎ
𝑎−ℎ 𝑏−ℎ
𝑚2 ℎ2 −𝑟2 2𝑚2 ℎ
2( −( 2 )ℎ+ℎ2 ) 2(𝑚2 ℎ2 −𝑟 2 −2𝑚2 ℎ2 +𝑚2 ℎ2 +ℎ2 ) 𝑟 2 −ℎ2
𝑚2 +1 𝑚 +1
= 2𝑚2 ℎ
= 2𝑚2 ℎ−2𝑚2 ℎ−2ℎ
= ℎ
− 2ℎ
𝑚2 +1
2 2 2
จะได้ พิกดั 𝑥 ของ H′ คือ 𝑟 −ℎ ℎ
+ ℎ = ℎ = พิกด
𝑟
ั 𝑥 ของ H ด้ วย
ถัดมา หาพิกดั 𝑦 ของ H เนื่องจาก H ต้ องอยูบ่ นเส้ น PB และเนื่องจาก PB ต้ องตัดวงกลม
ดังนัน้ จุด H จะมีพิกดั 𝑦 ได้ มากทีส่ ดุ เมื่อ PB สัมผัสวงกลม ดังรูป 𝑦
H
โดย จุด A , B , H จะเป็ นจุดเดียวกัน
𝑦 𝑟
จากรูป จะได้ PO = −ℎ , PH = √ℎ2 − 𝑟 2 𝑥
𝑦 PH √ℎ 2 −𝑟 2 P O
จากสามเหลีย่ มคล้ าย จะได้ 𝑟
= PO = −ℎ
2 2
จะได้ พิกดั 𝑦 มากสุด = − 𝑟√ℎℎ−𝑟
และเนื่องจาก จุด H จะมีพกิ ดั 𝑦 ได้ น้อยที่สดุ เมื่อ PB สัมผัสวงกลมทางด้ านล่าง
2 2 𝑟√ℎ 2 −𝑟 2 𝑟√ℎ 2 −𝑟 2
นัน่ คือ 𝑦 น้ อยสุด = − (− 𝑟√ℎℎ−𝑟 ) = ℎ
เขียนสันๆได้
้ เป็ น |𝑦| ≤ −

You might also like