Professional Documents
Culture Documents
.0123456789
2 คลังโจทย์
9. กำหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 }
จำนวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึง่ 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมำชิก 2 ตัว เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/20)]
1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96
10. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 𝑛 คน ผูห้ ญิง 𝑛 + 1 คน เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก ต้องกำรจัดคนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนว
ตรงเพียงหนึง่ แถว ถ้ำจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวแนวตรง โดยไม่มีผชู้ ำยสองคนใดยืนติดกัน เท่ำกับสองเท่ำ
ของจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนวตรงโดยผูช้ ำยยืนติดกันทัง้ หมด แล้วคนกลุม่ นีม้ ีทงั้ หมดกี่คน
[PAT 1 (ก.พ. 2561/38)]
12. กล่องใบหนึง่ มีลกู บอลขนำดเดียวกัน 3 สี สีละ 𝑛 ลูก เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก สุม่ หยิบลูกบอล 3 ลูกจำกกล่องนี ้
โดยหยิบทีละลูก แบบไม่ใส่กลับคืนลงในกล่อง ถ้ำควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ลกู บอลสีละลูก เท่ำกับ 25 แล้วควำมน่ำจะ
เป็ นที่จะได้ลกู บอล 3 ลูกโดยมีเพียง 2 สีเท่ำนัน้ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/11)]
2 4 7 8
1. 15 2. 15 3. 15 4. 15 5. 159
.0123456789
4 คลังโจทย์
13. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 10 คนและผูห้ ญิง 7 คน โดยมีนำย ก. และนำย ข. รวมอยูด่ ว้ ย จะมีกี่วิธีในกำรเลือก
คณะกรรมกำร 6 คน จำกคนกลุม่ นี ้ ประกอบด้วย ผูช้ ำยอย่ำงน้อย 2 คน และผูห้ ญิงอย่ำงน้อย 3 คน โดยมีเงื่อนไขว่ำ
นำย ก. และ นำย ข. จะเป็ นกรรมกำรพร้อมกันไม่ได้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/32)]
14. สุม่ หยิบจำนวนมำหนึง่ จำนวนจำกเซต {1, 2, 3, … , 999, 1000} จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จำนวนที่สมุ่ มำนีม้ ี
ผลบวกของเลขโดดทัง้ หมดเท่ำกับ 8 [สมำคม (พ.ย. 2562/6)]
.0123456789
6 คลังโจทย์
19. นาจุด 16 จุด มาจัดเรี ยงบนระนาบ โดยแบ่งออกเป็ น 4 แถว แต่ละแถวมี 4 จุด และระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ
ที่อยูต่ ิดกันในแถวเดียวกัน เท่ากับระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ ที่อยูต่ ิดกันในหลักเดียวกัน ความน่าจะเป็ น ที่เมื่อ
สุม่ เลือกจุด 3 จุดใดๆ มาจากระนาบนี ้แล้ วอยูใ่ นแนวเส้ นตรงเดียวกันเท่ากับเท่าใด [สมาคม (พ.ย. 2561/28)]
20. แมวน้ อยชื่อเหมียวยี ้ ตัดสินใจเดินเป็ นวงตำมจุดดังภำพ เริ่ มต้ นจำกจุด 𝑆 โดยแต่ละครัง้ มีควำม 𝑆
1
น่ำจะเป็ นเท่ำกับ 2 ที่จะย้ ำยไปยังจุดที่เชื่อมติดกันกับจุดเดิม เหมียวยี ้จะเดินไปเรื่ อยๆ จนกว่ำจะ
1 2
ผ่ำนครบทุกจุดแล้ วจึงหยุดเดิน จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จดุ หมำยเลข 3 จะถูกเดินผ่ำนเพียงครัง้
เดียวและเป็ นจุดก่อนจุดสุดท้ ำยของกำรเดินของเหมียวยี ้ [สมำคม (พ.ย. 2560/9)] 3
ก. 13 ข. 14 ค. 15 ง. ไม่มีข้อใดถูกต้ อง
.0123456789
คลังโจทย์ 7
22. กาหนดให้ สามี ภรรยา จานวน 4 คู่ มานัง่ รอบโต๊ ะกลม จงหาจานวนวิธีทงหมดในการจั
ั้ ดที่นงั่ โดยที่ผ้ ชู ายนัง่ สลับกับ
ผู้หญิง และ ไม่ให้ มีสามีภรรยาคูใ่ ดเลยนัง่ ติดกัน [สมาคม (พ.ย. 2559/20)]
23. มีลกู แก้วขนาดเดียวกัน 7 ลูก เป็ นลูกแก้วสีแดง 2 ลูก ลูกแก้วสีเขียว 2 ลูก และลูกแก้วสีขาว 3 ลูก ต้องการจัดเรียง
ลูกแก้วทัง้ 7 ลูกเป็ นแถวตรง โดยที่ลกู แก้วสองลูกใดๆ ทีเ่ รียงติดกัน มีสแี ตกต่างกัน จานวนวิธีจดั เรียงลูกแก้วดังกล่าว
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 2560/32)]
.0123456789
8 คลังโจทย์
.0123456789
คลังโจทย์ 1
ตอบ 3
จำนวนแบบทัง้ หมด → เลือก 5 ตัวจำกสมำชิก 10 ตัวใน 𝑆 จะเลือกได้ (10 5
) แบบ
8 มีคำ่ มำกเป็ นอันดับ 2 แสดงว่ำต้องมี 1 ตัวที่มำกกว่ำ 8 และอีก 3 ตัวที่เหลือต้องน้อยกว่ำ 8
มำกกว่ำ 8 มี 2 ตัว (คือ 9, 10) เลือก 1 ตัว จะเลือกได้ 2 แบบ
น้อยกว่ำ 8 มี 7 ตัว (คือ 1, 2, 3, … , 7) เลือก 3 ตัว จะเลือกได้ (73) แบบ
ตอบ 1
10×9
หำจำนวนแบบทัง้ หมด : มีคน 10 คน สุม่ มำ 2 คนพร้อมกัน จะได้จำนวนแบบทัง้ หมด = (10 2
) = 2 = 45 แบบ
60
หำจำนวนแบบที่สนใจ : มีกรุป๊ A อยู่ 60% จะคิดเป็ น 100 × 10 = 6 คน → มีคนที่ไม่ใช่กรุ ป
๊ A อยู่ 10 – 6 = 4 คน
สุม่ มำ 2 คน จะได้จำนวนแบบทีท่ งั้ สองคนไม่ใช่กรุป๊ A = (42) = 4×3
2
= 6 แบบ
6 2
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = 45 = 15
.0123456789
2 คลังโจทย์
.0123456789
คลังโจทย์ 3
ตอบ 5
ในกำรหยิบ 1 ลูก โจทย์ให้ 𝑃(ได้ สีน ้ำเงิน) = 2 𝑃(ได้ สีเดง) → แสดงว่ำต้ องมีลูกแก้ วสีน ้ำเงินเป็ น 2 เท่ำของสีแดง
แต่โจทย์กำหนดให้ มีสีแดง 4 ลูก ดังนั ้น จะมีลูกแก้ วสีน ้ำเงิน 8 ลูก รวมลูกแก้ วทั ้งหมด 4 + 8 = 12 ลูก
ถั ดมำ หยิบ 2 ลูก จะได้ จำนวนแบบทั ้งหมด 𝑛(𝑆) = (122) = 12 2∙ 11 = 66 แบบ
จำนวนแบบที่ได้ สีเหมือนกั น จะแบ่งเป็ น 2 กรณี
กรณี ได้ สีแดงเหมือนกั นทั ้ง 2 ลูก : มีสีแดง 4 ลูก ดังนั ้น จะได้ จำนวนแบบ = (42) = 4 2∙ 3 = 6 แบบ
กรณี ได้ สีน ้ำเงินเหมือนกันทั ้ง 2 ลูก : มีสีน ้ำเงิน 8 ลูก ดังนั ้น จะได้ จำนวนแบบ = (82) = 8 2∙ 7 = 28 แบบ
รวมสองกรณี จะได้ 𝑛(𝐸 ) = 6 + 28 = 34 แบบ
( )
จะได้ ควำมน่ำจะเป็ น = 𝑛𝑛 (𝐸𝑆) = 34 66
=
17
33
.0123456789
4 คลังโจทย์
9. กำหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 }
จำนวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึง่ 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมำชิก 2 ตัว เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/20)]
1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96
ตอบ 5
𝐶 ∩ 𝐵 มีสมำชิก 2 ตัว → แสดงว่ำ ต้องเลือก 2 ตัวจำก 4 ตัวใน 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 } มำไว้ใน 𝐶
→ เลือกได้ (42) แบบ
และเนื่องจำก 𝐶 ⊂ 𝐴 ดังนัน้ สมำชิกส่วนที่เหลือของ 𝐶 ต้องมำจำก 𝐴 เท่ำนัน้
ที่เหลือใน 𝐴 คือ 1, 2, 7, 8 มี 4 ตัว → แต่ละตัวเลือก เอำ หรือ ไม่เอำ ให้ 𝐶 ได้ตวั ละ 2 แบบ
→ เลือกได้ 24 แบบ
ดังนัน้ จำนวนแบบของ 𝐶 คือ (42) × 24 = 42∙ 3 × 16 = 96
10. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 𝑛 คน ผูห้ ญิง 𝑛 + 1 คน เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก ต้องกำรจัดคนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนว
ตรงเพียงหนึง่ แถว ถ้ำจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวแนวตรง โดยไม่มีผชู้ ำยสองคนใดยืนติดกัน เท่ำกับสองเท่ำ
ของจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนวตรงโดยผูช้ ำยยืนติดกันทัง้ หมด แล้วคนกลุม่ นีม้ ีทงั้ หมดกี่คน
[PAT 1 (ก.พ. 2561/38)]
ตอบ 7
ไม่มีชำยยืนติดกัน : เอำ หญิง 𝑛 + 1 คน มำเรียงก่อน จะเรียงได้ (𝑛 + 1)! แบบ
1 2 3 4 5
หญิง 𝑛 + 1 คน จะมีช่องว่ำงให้ ชำย ลงได้ 𝑛 + 2 ช่อง
ญ ญ ญ ญ
เรียงชำย 𝑛 คน ลงใน 𝑛 + 2 ช่อง จะเรียงได้ 𝑃𝑛+2,𝑛 = (𝑛+2)!2!
แบบ
รวมจำนวนแบบ = (𝑛 + 1)! (𝑛+2)! 2!
แบบ
ชำยยืนติดกันหมด : เอำ ชำย 𝑛 คน มัดรวมเป็ นคนใหม่ 1 คน
มี หญิง 𝑛 + 1 คน รวมแบบใหม่เป็ นคนทัง้ หมด 𝑛 + 2 คน → เรียงได้ (𝑛 + 2)! แบบ
ชำยทัง้ 𝑛 คนในมัด จะสลับที่กนั เองได้ 𝑛! แบบ
รวมจำนวนแบบ = (𝑛 + 2)! 𝑛! แบบ
โจทย์ให้ ไม่มีชำยยืนติดกัน = 2 × ชำยยืนติดกันหมด
(𝑛+2)!
(𝑛 + 1)! 2! = 2 (𝑛 + 2)! 𝑛!
𝑛+1 = 4
𝑛 = 3
ดังนัน้ เป็ นชำย 3 คน และเป็ นหญิง 3 + 1 = 4 คน → รวมเป็ นคนทัง้ หมด 3 + 4 = 7 คน
ตอบ 5
9∙8∙7
จำนวนแบบทังหมด
้ : มีสลำก 9 ใบ หยิบ 3 ใบ จะหยิบได้ (39) = 3∙2∙1 = 84 แบบ
จำนวนแบบที่สนใจ : ผลคูณจะเป็ นคู่ เมื่อมีอย่ำงน้ อย 1 ตัวเป็ นคู่ → นับยำก
จะนับแบบตรงข้ ำม (คือ แบบที่เป็ นคี่ทกุ ตัว) แล้ วหักออกจำกจำนวนแบบทังหมด
้ แทน
5∙4∙3
มีเลขคี่ 1, 3, 5, 7, 9 ทังหมด
้ 5 ไบ หยิบมำ 3 ใบจะหยิบได้ (53) =
3∙2∙1
= 10 แบบ
จะได้ จำนวนแบบที่สนใจ = 84 − 10 = 74 แบบ
.0123456789
ตอบ 5
9∙8∙7
จำนวนแบบทังหมด
้ : มีสลำก 9 ใบ หยิบ 3 ใบ จะหยิบได้ (39) = 3∙2∙1 = 84 แบบ
จำนวนแบบที่สนใจ : ผลคูณจะเป็ นคู่ เมื่อมีอย่ำงน้ อย 1 ตัวเป็ นคู่ → นับยำก คลังโจทย์ 5
จะนับแบบตรงข้ ำม (คือ แบบที่เป็ นคี่ทกุ ตัว) แล้ วหักออกจำกจำนวนแบบทังหมด
้ แทน
5∙4∙3
มีเลขคี่ 1, 3, 5, 7, 9 ทังหมด
้ 5 ไบ หยิบมำ 3 ใบจะหยิบได้ (53) =
3∙2∙1
= 10 แบบ
จะได้ จำนวนแบบที่สนใจ = 84 − 10 = 74 แบบ
จะได้ ควำมน่ำจะเป็ น = 7484
37
= 42
12. กล่องใบหนึง่ มีลกู บอลขนำดเดียวกัน 3 สี สีละ 𝑛 ลูก เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก สุม่ หยิบลูกบอล 3 ลูกจำกกล่องนี ้
โดยหยิบทีละลูก แบบไม่ใส่กลับคืนลงในกล่อง ถ้ำควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ลกู บอลสีละลูก เท่ำกับ 25 แล้วควำมน่ำจะ
เป็ นที่จะได้ลกู บอล 3 ลูกโดยมีเพียง 2 สีเท่ำนัน้ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/11)]
2 4 7 8
1. 15 2. 15 3. 15 4. 15 5. 159
ตอบ 5
หำควำมน่ำจะเป็ นที่หยิบได้สลี ะลูกในรูปของ 𝑛 แล้วจับมำเท่ำกับ 25 เพื่อแก้สมกำรหำ 𝑛
จำนวนแบบทัง้ หมด : มีลกู บอล 3𝑛 ลูก จะหยิบได้ (3𝑛)(3𝑛 − 1)( 3𝑛 − 2) แบบ
จำนวนแบบที่ได้สลี ะลูก : ลูกแรก หยิบลูกไหนก็ได้ → จะหยิบได้ 3𝑛 แบบ
ลูกที่สอง ต้องหยิบ 2 สีที่ไม่ซำ้ สีกบั ลูกแรก → จะหยิบได้ 2𝑛 แบบ
ลูกที่สำม ต้องหยิบสีสดุ ท้ำยที่ยงั ไม่ถกู หยิบ → จะหยิบได้ 𝑛 แบบ
จะได้จำนวนแบบ = (3𝑛)(2𝑛)(𝑛) แบบ
(3𝑛)(2𝑛)(𝑛) (2𝑛)(𝑛)
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = (3𝑛)(3𝑛−1)( 3𝑛−2)
= (3𝑛−1)( 3𝑛−2) ดังนัน ้ (3𝑛−1)(
(2𝑛)(𝑛)
3𝑛−2)
=
2
5
5𝑛2 = (3𝑛 − 1)(3𝑛 − 2)
0 = 4𝑛2 − 9𝑛 + 2
0 = (4𝑛 − 1)(𝑛 − 2)
1
𝑛 = , 2
4
แต่ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก → เหลือ 𝑛 = 2 ค่ำเดียว นั่นคือ มีลกู บอลสีละ 2 ลูก (มี 3 สี = 6 ลูก)
โจทย์ถำม ควำมน่ำจะเป็ นที่จะหยิบได้ 2 สี → จะคิดจำกเหตุกำรณ์ตรงข้ำม = 1 − 𝑃(ได้สเี ดียว) − 𝑃(ได้ 3 สี)
ได้สเี ดียวกันทัง้ 3 ลูก จะเป็ นไปไม่ได้ (เพรำะมีสล
ี ะ 2 ลูก) → 𝑃(ได้สเี ดียว) = 0
ได้ 3 สี คือได้สล ี ะลูก → โจทย์กำหนดให้เท่ำกับ 25
จะได้ควำมน่ำจะเป็ นที่จะหยิบได้ 2 สี = 1 − 0 − 25 = 35 = 159
หมำยเหตุ : ถ้ำไม่คดิ เหตุกำรณ์ตรงข้ำม → เลือกสีที่มี 2 ลูก ได้ 3 แบบ (ต้องใช้ทงั้ 2 ลูกจำกสีน)ี ้
→ เลือก 1 ลูก จำกทีเ่ หลือ 2 สี สีละ 2 ลูก ได้ 2 × 2 = 4 แบบ
→ สลับที่ลกู ทัง้ 3 ลูก ได้ 3! แบบ จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = (3)(4)(3!)
(6)(5)(4)
=
3
5
13. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 10 คนและผูห้ ญิง 7 คน โดยมีนำย ก. และนำย ข. รวมอยูด่ ว้ ย จะมีกี่วิธีในกำรเลือก
คณะกรรมกำร 6 คน จำกคนกลุม่ นี ้ ประกอบด้วย ผูช้ ำยอย่ำงน้อย 2 คน และผูห้ ญิงอย่ำงน้อย 3 คน โดยมีเงื่อนไขว่ำ
นำย ก. และ นำย ข. จะเป็ นกรรมกำรพร้อมกันไม่ได้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/32)]
ตอบ 5460
จะใช้วิธีนบั แบบตรงข้ำม โดยหำจำนวนแบบที่ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด
แล้วหักออกด้วยจำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ก็จะได้จำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. ไม่เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด → จะมีแค่ 2 ประเภท คือ ช 2 ญ 4 กับ ช 3 ญ 3
→ กรณี ช 2 ญ 4 เลือก ช 2 คนจำก 10 คน และ ญ 4 คนจำก 7 คน ได้ (10
2
)(74) แบบ
→ กรณี ช 3 ญ 3 ทำแบบเดียวกัน จะได้ (103
)(73) แบบ
.0123456789
ตอบ 5460
จะใช้วิธีนบั แบบตรงข้ำม โดยหำจำนวนแบบที่ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด
แล้งวโจทย์
6 คลั หักออกด้วยจำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ก็จะได้จำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. ไม่เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด → จะมีแค่ 2 ประเภท คือ ช 2 ญ 4 กับ ช 3 ญ 3
→ กรณี ช 2 ญ 4 เลือก ช 2 คนจำก 10 คน และ ญ 4 คนจำก 7 คน ได้ (10
2
)(74) แบบ
→ กรณี ช 3 ญ 3 ทำแบบเดียวกัน จะได้ (10 3
)(73) แบบ
→ รวมจำนวนแบบทัง้ หมด = (10 2
)(74) + (10
3
)(73) แบบ
ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 และ ก. ข. เป็ นกรรมกำร → กรณี ช 2 ญ 4 จะมี ช คือ ก. ข. ครบแล้ว เลือก ญ 4 คน ได้ (74) แบบ
→ กรณี ช 3 ญ 3 จะเหลือ ช 1 คนที่ตอ้ งเลือกจำก 8 คน (ที่ไม่รวม ก.ข.)
กับ ญ 3 คน ที่ตอ้ งเลือก จะได้ (81)(73) แบบ
→ รวมจำนวนแบบที่ตอ้ งหัก = (74) + (81)(73) แบบ
จะได้คำตอบ = [(10
2
)(74) + (10
3
)(73)] − [(74) + (81)(73)]
= (10
2
)(73) + (10
3
)(73) − (73) − (81)(73)
= (73) [ (10
2
) + (10
3
) − 1 − (81) ]
7∙6∙5 10∙9 10∙9∙8
= 3∙2
∙ [ 2 + 3∙2 − 1 − 8]
= 35 ∙ [ 45 + 120 − 1 − 8] = (35)(156) = 5460
14. สุม่ หยิบจำนวนมำหนึง่ จำนวนจำกเซต {1, 2, 3, … , 999, 1000} จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จำนวนที่สมุ่ มำนีม้ ี
ผลบวกของเลขโดดทัง้ หมดเท่ำกับ 8 [สมำคม (พ.ย. 2562/6)]
ตอบ 0.045
จะนับเฉพำะเลขที่ไม่เกิน 3 หลัก (1 – 999) เพรำะ 1000 มีผลบวกเลขโดดไม่เท่ำกับ 8
จำนวนแบบที่สนใจ จะเท่ำกับกำรแจกของเหมือนกัน 8 ชิน้ ให้คน 3 คน (แต่ละคนแทนแต่ละหลัก) โดยที่แต่ละคนอำจ
ไม่ได้ของ (มีบำงหลักเป็ น 0 ได้)
10 ∙ 9
ใช้ Stars & Bars จะได้จำนวนแบบ = (8+3−1 3−1
) = 2 = 45 แบบ
45
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = 1000 = 0.045
ตอบ 4
ไม่เป็ นลบ จะมีหลำยกรณี (ศูนย์ หรือ บวก) → จะคำนวณแบบตรงข้ำม (คือแบบที่เป็ นลบ) แล้วเอำ 1 ตัง้ ลบ
9∙8∙7∙6
หำ 𝑛(𝑆) : จำนวนแบบทัง้ หมด → เลือก 4 จำนวน จำก 9 จำนวน ได้ (49) = 4∙3∙2∙1 = 3 ∙ 7 ∙ 6 แบบ
หำ 𝑛(𝐸) : เป็ นจำนวนลบ → จะมี 2 กรณีดงั นี ้
กรณี เป็ นบวก 3 ตัว ลบ 1 ตัว เลือก 3 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (43) แบบ
เลือก 1 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (41) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (43)(41) = (4)(4) = 16 แบบ
กรณี เป็ นบวก 1 ตัว ลบ 3 ตัว เลือก 1 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (41) แบบ
เลือก 3 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (43) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (41)(43) = (4)(4) = 16 แบบ
รวมได้ 𝑛(𝐸) = 16 + 16 = 32 แบบ
.0123456789
ตอบ 4
ไม่เป็ นลบ จะมีหลำยกรณี (ศูนย์ หรือ บวก) → จะคำนวณแบบตรงข้ำม (คือแบบที่เป็ นลบ) แล้วเอำ 1 ตัง้ ลบ
9∙8∙7∙6
หำ 𝑛(𝑆) : จำนวนแบบทัง้ หมด → เลือก 4 จำนวน จำก 9 จำนวน ได้ (49) = 4∙3∙2∙1 แบบ
= 3 ∙ 7 ∙ 6คลั
งโจทย์ 7
หำ 𝑛(𝐸) : เป็ นจำนวนลบ → จะมี 2 กรณีดงั นี ้
กรณี เป็ นบวก 3 ตัว ลบ 1 ตัว เลือก 3 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (43) แบบ
เลือก 1 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (41) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (43)(41) = (4)(4) = 16 แบบ
กรณี เป็ นบวก 1 ตัว ลบ 3 ตัว เลือก 1 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (41) แบบ
เลือก 3 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (43) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (41)(43) = (4)(4) = 16 แบบ
รวมได้ 𝑛(𝐸) = 16 + 16 = 32 แบบ
32 16
ดังนัน้ ควำมน่ำจะเป็ นที่ ผลคูณของเลข 4 ตัวเป็ นลบ = 3∙7∙6 = 63
ดังนัน้ ควำมน่ำจะเป็ นที่ ผลคูณของเลข 4 ตัวไม่เป็ นลบ = 1 − 1663
47
= 63
.0123456789
8 คลังโจทย์
19. นาจุด 16 จุด มาจัดเรี ยงบนระนาบ โดยแบ่งออกเป็ น 4 แถว แต่ละแถวมี 4 จุด และระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ
ที่อยูต่ ิดกันในแถวเดียวกัน เท่ากับระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ ที่อยูต่ ิดกันในหลักเดียวกัน ความน่าจะเป็ น ที่เมื่อ
สุม่ เลือกจุด 3 จุดใดๆ มาจากระนาบนี ้แล้ วอยูใ่ นแนวเส้ นตรงเดียวกันเท่ากับเท่าใด [สมาคม (พ.ย. 2561/28)]
11
ตอบ 140
กรณี 3 จุด อยุใ่ นแนวนอน : เลือกแนวนอนได้ 4 แบบ
เลือก 3 จุด จาก 4 จุดที่อยูใ่ นแนวนอนเดียวกัน ได้ (43) แบบ
รวมได้ 4 (43) = 16 แบบ
กรณี 3 จุด อยูใ่ นแนวตัง้ : จะได้ จานวนแบบเท่ากับกรณีแรก = 16 แบบ
16+16+6+6 44 11
รวมทุกกรณี จะได้ ความน่าจะเป็ น =
(16
= 16∙15∙14 = 140
3) 3∙2
.0123456789
10 คลังโจทย์
20. แมวน้ อยชื่อเหมียวยี ้ ตัดสินใจเดินเป็ นวงตำมจุดดังภำพ เริ่ มต้ นจำกจุด 𝑆 โดยแต่ละครัง้ มีควำม 𝑆
1
น่ำจะเป็ นเท่ำกับ 2 ที่จะย้ ำยไปยังจุดที่เชื่อมติดกันกับจุดเดิม เหมียวยี ้จะเดินไปเรื่ อยๆ จนกว่ำจะ
1 2
ผ่ำนครบทุกจุดแล้ วจึงหยุดเดิน จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จดุ หมำยเลข 3 จะถูกเดินผ่ำนเพียงครัง้
เดียวและเป็ นจุดก่อนจุดสุดท้ ำยของกำรเดินของเหมียวยี ้ [สมำคม (พ.ย. 2560/9)] 3
ก. 13 ข. 14 ค. 15 ง. ไม่มีข้อใดถูกต้ อง
ตอบ ก
จะเห็นว่ำเดิน 3 ครัง้ ก็พอจะบอกได้ วำ่ มีทำงสำเร็จหรื อไม่ → จะดูกำรเดิน 3 ครัง้ ที่เป็ นไปได้ ทงหมด
ั้
แล้ วจึงค่อยๆ ไล่ย้อนขึ ้นมำเพื่อหำโอกำสที่เดินสำเร็จในกำรเดินครัง้ ก่อนหน้ ำ 𝑆
1 𝑝
จำกทังกรณี
้ 𝑆 → 1 → 3 (โอกำสสำเร็ จ = 2) และ 𝑆 → 1 → 𝑆 (โอกำสสำเร็ จ = 2)
ย้ อนกลับขึ ้นไปพิจำรณำเส้ นทำง 𝑆 → 1
จะเห็นว่ำ เส้ นทำง 𝑆 → 1 มีโอกำสที่จะเดินต่อไปที่ 3 (โอกำสสำเร็จ = 12) หรื อ 1 (โอกำสสำเร็ จ = 𝑝2) เท่ำๆ กัน
1 𝑝
+ 1+𝑝
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆→1 จะมีโอกำสสำเร็ จ = 2 2
2
= 4
.0123456789
คลังโจทย์ 11
22. กาหนดให้ สามี ภรรยา จานวน 4 คู่ มานัง่ รอบโต๊ ะกลม จงหาจานวนวิธีทงหมดในการจั
ั้ ดที่นงั่ โดยที่ผ้ ชู ายนัง่ สลับกับ
ผู้หญิง และ ไม่ให้ มีสามีภรรยาคูใ่ ดเลยนัง่ ติดกัน [สมาคม (พ.ย. 2559/20)]
ตอบ 12
ให้ สามี คือ H1 , H2 , H3 , H4 และ ภรรยา คือ W1 , W2 , W3 , W4 H1
เอา H1 ตอกไว้ ไม่ให้ วงหมุน H H
เนื่องจาก ชาย หญิง ต้ องนัง่ สลับกัน จึงเหลือที่นงั่ ให้ H2, H3, H4 แค่ 3 ที่
H
ดังนัน้ เลือกที่นงั่ ให้ H2, H3, H4 จะเลือกได้ 3! แบบ
ถัดมา W1 ต้ องไม่นงั่ ติดกับ H1 → เลือกได้ ซ้ ายล่าง หรื อไม่ก็ขวาล่าง ได้ 2 แบบ
เนื่องจาก W2, W3, W4 มีที่นงั่ ที่ไม่ติดกับสามีของตน 2 แบบเช่นกัน ดังนัน้ เมื่อ W1 ได้ ที่นงั่ แล้ ว W1 จะแย่งที่นงั่ 1 ที่
จาก 2 ที่ของ W อีกคนไป ทาให้ W คนนัน้ ไม่เหลือทางเลือกและต้ องถูกบังคับนัง่ ซึ่ง W คนนัน้ ก็จะไปแย่งที่นงั่ ของ W
คนอื่นต่อไปอีกเป็ นทอดๆ → เช่นกรณี W1 เลือกนัง่ ซ้ ายล่าง จะเป็ นดังนี ้
H1 H1 H1 H1
Wa Wa Wb Wa Wb
× ×
Hc Ha Hc Ha Hc Ha Hc Ha
×
W1 W1 W1 W1 Wc
Hb Hb Hb Hb
.0123456789
ถัดมา W1 ต้ องไม่นงั่ ติดกับ H1 → เลือกได้ ซ้ ายล่าง หรื อไม่ก็ขวาล่าง ได้ 2 แบบ
เนื่องจาก W2, W3, W4 มีที่นงั่ ที่ไม่ติดกับสามีของตน 2 แบบเช่นกัน ดังนัน้ เมื่อ W1 ได้ ที่นงั่ แล้ ว W1 จะแย่งที่นงั่ 1 ที่
จาก
12 คลั 2 ที่ของ W อีกคนไป ทาให้ W คนนัน้ ไม่เหลือทางเลือกและต้ องถูกบังคับนัง่ ซึ่ง W คนนัน้ ก็จะไปแย่งที่นงั่ ของ W
งโจทย์
คนอื่นต่อไปอีกเป็ นทอดๆ → เช่นกรณี W1 เลือกนัง่ ซ้ ายล่าง จะเป็ นดังนี ้
H1 H1 H1 H1
Wa Wa Wb Wa Wb
× ×
Hc Ha Hc Ha Hc Ha Hc Ha
×
W1 W1 W1 W1 Wc
Hb Hb Hb Hb
23. มีลกู แก้วขนาดเดียวกัน 7 ลูก เป็ นลูกแก้วสีแดง 2 ลูก ลูกแก้วสีเขียว 2 ลูก และลูกแก้วสีขาว 3 ลูก ต้องการจัดเรียง
ลูกแก้วทัง้ 7 ลูกเป็ นแถวตรง โดยที่ลกู แก้วสองลูกใดๆ ทีเ่ รียงติดกัน มีสแี ตกต่างกัน จานวนวิธีจดั เรียงลูกแก้วดังกล่าว
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 2560/32)]
ตอบ 38
ให้สแี ดงคือ R สีเขียวคือ G และสีขาวคือ W
จะเอา R กับ G (รวม 4 ลูก) มาเรียงกันก่อน แล้วค่อยเสียบ W ทัง้ สามลูกลงไป
จะเห็นว่าตอนเรียง R กับ G ทัง้ 4 ลูก ลูกสีเดียวกันจะยังติดกันได้อยู่ เพราะยังเอา W มาแทรกให้มนั แยกกันตอนหลังได้
ดังนัน้ การเสียบ W ตอนสุดท้าย จะขึน้ กับว่าตอนแรกมี R ติดกัน หรือ G ติดกัน ในรูปแบบไหน
→ จะแบ่งกรณี ตามการติดกันของ R และการติดกันของ G
กรณีติดกัน 2 คู่ : กรณีนี ้ จะมี 2 แบบ คือ R R G G กับ G G R R
จะเห็นว่าจาเป็ นต้องเสียบ W สองลูกลงไปแทรก ระหว่างคูท่ ตี่ ิดกันทัง้ 2 คู่ (เช่น R W R G W G)
W อีกลูกที่เหลือ ต้องไม่ติดกับ W สองลูกแรก จะเหลือช่อง __ R W R __ G W G __ ให้เสียบได้ 3 ช่อง
เลือก 1 ช่อง ให้ W ลูกที่เหลือ ได้ 3 แบบ → รวมจานวนแบบกรณีนี ้ จะได้ 2 × 3 = 6 แบบ
กรณีติดกัน 1 คู่ : กรณีนี ้ จะมี 2 แบบ คือ G R R G กับ R G G R
จะเห็นว่าจาเป็ นต้องเสียบ W หนึง่ ลูกลงไปแทรก ระหว่างคูท่ ตี่ ิดกัน (เช่น G R W R G)
W อีกสองลูกที่เหลือ ต้องไม่ติดกับ W ลูกแรก จะเหลือช่อง __ G __ R W R __ G __ ให้เสียบได้ 4 ช่อง
เลือก 2 ช่องจาก 4 ช่อง ให้ W สองลูกที่เหลือได้ (42) = 4×3
2
= 6 แบบ → รวมจานวนแบบ 2 × 6 = 12 แบบ
.0123456789
คลังโจทย์ 13
ตอบ 351
ให้ 𝑎 ∈ 𝐴 : กรณี 𝑓(𝑎) = 𝑎 จะทาให้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑎 ))
= 𝑓( 𝑎 )
= 𝑎 สอดคล้ องกับเงื่อนไข
กรณี 𝑓(𝑎) ≠ 𝑎 สมมติให้ 𝑓(𝑎) = 𝑏 เมื่อ 𝑏≠𝑎
จะเห็นว่า 𝑓(𝑏) = 𝑎 ไม่ได้ และ 𝑓(𝑏) = 𝑏 ไม่ได้
ไม่งนั ้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑏 )) ไม่งนั ้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑏 ))
= 𝑓( 𝑎 ) = 𝑓( 𝑏 )
= 𝑏 = 𝑏
นัน่ คือ จะย้ อนไปซ ้า 𝑎 หรื อ 𝑏 ไม่ได้ → ให้ 𝑓(𝑏) = 𝑐 เมื่อ 𝑐 ≠ 𝑎 และ 𝑐 ≠ 𝑏
𝑓(𝑏)
𝑎, 𝑏, 𝑐 ครบ 3 ตัวแล้ ว ดังนัน้ 𝑓(𝑐) ต้ องย้ อนกลับไปเป็ น 𝑎เพื่อให้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑏 ))
= 𝑓( 𝑐 )
= 𝑎
ดังนัน้ การจับคูใ่ น 𝑓 จะมีได้ แค่ 2 แบบ คือ “ไปที่ตวั เดิม” 𝑓(𝑎) = 𝑎 กับ “กลุม่ หมุน 3 ตัว” 𝑓(𝑎) = 𝑏
𝑓(𝑏) = 𝑐
→ จะแบ่งกรณีนบ ั 𝑓 ตามกลุม่ พวกนี ้ 𝑓(𝑐) = 𝑎
.0123456789