You are on page 1of 22

คลังโจทย์ 1

1. กำหนดให้ 𝑆 = { 1 , 2 , 3 , … , 9 , 10 } ถ้ำสุม่ หยิบสมำชิก 5 ตัวพร้อมกันจำก 𝑆 แล้ว ควำมน่ำจะเป็ นทีจ่ ะ


ได้เลข 8 เป็ นจำนวนที่มคี ำ่ มำกเป็ นอันดับที่ 2 ของสมำชิก 5 ตัวนัน้ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2563/23)]
1. 29 2. 13 5
3. 18 4. 218
5. 10
21

2. กำหนดให้ 𝑆 = {1, 2, 3, … , 8, 9} 𝒲 = { 𝐴 | 𝐴 ⊂ 𝑆 และ 𝐴 มีสมำชิก 4 ตัว }


ถ้ำสุม่ หยิบเซตหนึง่ เซตจำก 𝒲 แล้วควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้เซตที่ไม่มีเลข 9 เป็ นสมำชิก เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/8)]
1. 29 2. 13 3. 49 4. 12 5. 59

3. ในกลุม่ คน 10 คน มีอยู่ 60% ที่มีเลือดกรุป๊ A ถ้ำสุม่ มำ 2 คน พร้อมกันจำกกลุม่ แล้วควำมน่ำจะเป็ นที่ทงั้ สองคน


นีไ้ ม่มีเลือดกรุป๊ A ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2561/7)]
2 3 5 8
1. 15 2. 15 3. 15 4. 15 5. 10
15

4. กำหนดให้ 𝑆 เป็ นปริภมู ิตวั อย่ำง และ 𝑃(𝐸) แทนควำมน่ำจะเป็ นของเหตุกำรณ์ 𝐸


และ 𝐸′ แทนคอมพลีเมนต์ของเหตุกำรณ์ 𝐸 ถ้ำ 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเหตุกำรณ์ใน 𝑆 โดยที่ 𝑃(𝐴 ∪ 𝐵) = 0.8
และ 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵) = 0.4 แล้วค่ำของ 𝑃(𝐴′ ) + 𝑃(𝐵′ ) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2561/13)]
1. 0.4 2. 0.6 3. 0.8 4. 1.2 5. 1.6

.0123456789
2 คลังโจทย์

5. บริษัทแห่งหนึง่ มีพนักงำน 20 คน เป็ นผูช้ ำย 10 คน ฝ่ ำยบริหำรมีผชู้ ำย 3 คน ฝ่ ำยผลิตมี 8 คน และฝ่ ำยขำยมี 7 คน


โดยที่ฝ่ำยผลิตและฝ่ ำยขำยมีจำนวนผูห้ ญิงเท่ำกัน ถ้ำสุม่ พนักงำนมำ 4 คน ควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้พนักงำนฝ่ ำย
ผลิตผูช้ ำยจำนวน 3 คนและพนักงำนฝ่ ำยขำยผูห้ ญิง 1 คนเท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/26)]
1. 45 8
2. 969 8
3. 4845 4. 969 16 16
5. 4845

6. มีเลขโดด 5 ตัวคือ 1, 2, 3, 4 และ 5 นำเลขโดดเหล่ำนีม้ ำ 3 ตัวไม่ซำ้ กันและใช้เลขโดดทัง้ 3 ตัวนีเ้ พื่อสร้ำง


จำนวนนับสีห่ ลัก จะมีจำนวนนับสีห่ ลักที่ตอ้ งกำรทัง้ หมดกี่จำนวน [PAT 1 (ก.พ. 2563/27)]
1. 90 2. 120 3. 360 4. 600 5. 810

7. นำย ก. และนำงสำว ข. พร้ อมด้ วยเพื่อนผู้ชำยอีก 3 คน และเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน นัง่ รับประทำนอำหำรรอบโต๊ ะกลม


โดยที่ นำย ก. และนำงสำว ข. นัง่ ตรงข้ ำมกัน และมีเพื่อนผู้หญิง 2 คนนัง่ ติดกันกับ นำงสำว ข. จะมีจำนวนวิธีจดั ทีน่ งั่
รอบโต๊ ะกลมดังกล่ำวได้ เท่ำกับข้ อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (มี.ค. 2559/23)]
1. 30 วิธี 2. 72 วิธี 3. 96 วิธี
4. 120 วิธี 5. 144 วิธี

8. กล่องใบหนึ่งมีลูกแก้ วสีแดงเหมือนกั น 4 ลูก และมีลูกแก้ วสีน ้ำเงินเหมือนกั นจำนวนหนึ่ง สุ่มหยิบลูกแก้ ว 1 ลูกจำก


กล่อง ควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ ลูกแก้ วสีน ้ำเงินเป็ นสองเท่ำของควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ ลกู แก้ วสีแดง ถ้ ำสุ่มหยิบลูกแก้ ว
2 ลูกจำกกล่อง ควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ ลูกแก้ วเหมือนกั นทั ้งสองลูกตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (ต.ค. 2559/15)]
1. 49 2. 12 3. 335 4. 16
33
5. 17 33
คลังโจทย์ 3

9. กำหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 }
จำนวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึง่ 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมำชิก 2 ตัว เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/20)]
1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96

10. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 𝑛 คน ผูห้ ญิง 𝑛 + 1 คน เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก ต้องกำรจัดคนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนว
ตรงเพียงหนึง่ แถว ถ้ำจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวแนวตรง โดยไม่มีผชู้ ำยสองคนใดยืนติดกัน เท่ำกับสองเท่ำ
ของจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนวตรงโดยผูช้ ำยยืนติดกันทัง้ หมด แล้วคนกลุม่ นีม้ ีทงั้ หมดกี่คน
[PAT 1 (ก.พ. 2561/38)]

11. กล่องใบหนึง่ มีสลำก 9 ใบ ซึง่ เขียนหมำยเลข 1, 2, 3, … , 9 ถ้ ำสุม่ หยิบสลำก 3 ใบ พร้ อมกันจำกกล่องใบนี ้


แล้ วควำมน่ำจะเป็ นที่ผลคูณของหมำยเลขทัง้ 3 เป็ นจำนวนคู่ เท่ำกับข้ อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2562/23)]
1. 12 2. 23 3. 16
21
4. 33 42
5. 37 42

12. กล่องใบหนึง่ มีลกู บอลขนำดเดียวกัน 3 สี สีละ 𝑛 ลูก เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก สุม่ หยิบลูกบอล 3 ลูกจำกกล่องนี ้
โดยหยิบทีละลูก แบบไม่ใส่กลับคืนลงในกล่อง ถ้ำควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ลกู บอลสีละลูก เท่ำกับ 25 แล้วควำมน่ำจะ
เป็ นที่จะได้ลกู บอล 3 ลูกโดยมีเพียง 2 สีเท่ำนัน้ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/11)]
2 4 7 8
1. 15 2. 15 3. 15 4. 15 5. 159

.0123456789
4 คลังโจทย์

13. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 10 คนและผูห้ ญิง 7 คน โดยมีนำย ก. และนำย ข. รวมอยูด่ ว้ ย จะมีกี่วิธีในกำรเลือก
คณะกรรมกำร 6 คน จำกคนกลุม่ นี ้ ประกอบด้วย ผูช้ ำยอย่ำงน้อย 2 คน และผูห้ ญิงอย่ำงน้อย 3 คน โดยมีเงื่อนไขว่ำ
นำย ก. และ นำย ข. จะเป็ นกรรมกำรพร้อมกันไม่ได้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/32)]

14. สุม่ หยิบจำนวนมำหนึง่ จำนวนจำกเซต {1, 2, 3, … , 999, 1000} จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จำนวนที่สมุ่ มำนีม้ ี
ผลบวกของเลขโดดทัง้ หมดเท่ำกับ 8 [สมำคม (พ.ย. 2562/6)]

15. มีเลขโดด 9 จำนวน คือ −7 , −5 , −3 , −1 , 0 , 2 , 4 , 6 , 10 ถ้ำสุม่ เลขโดดนีม้ ำ 4 จำนวน


แล้วควำมน่ำจะเป็ นที่ผลคูณของเลขโดด 4 จำนวนนีไ้ ม่เป็ นจำนวนลบเท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2558/21)]
47 70
1. 126 2. 126 3. 41
63
47 56
4. 63
5. 63
คลังโจทย์ 5

16. มีหนังสือวิชำคณิ ตศำสตร์ต่ำงกั น 3 เล่ม หนังสือวิชำภำษำไทยต่ำงกั น 2 เล่ม และหนังสือภำษำอังกฤษเหมือนกัน


5 เล่ม ถ้ ำต้ องกำรจัดเรียงหนังสือ 5 เล่มวำงบนชั ้น โดยมีหนังสือแต่ละวิชำอย่ำงน้ อย 1 เล่ม และมีจำนวนหนังสือ
วิชำคณิ ตศำสตร์และหนังสือวิชำภำษำไทยรวมกันอย่ำงมำก 3 เล่ม จำนวนวิธีจัดเรี ยงหนังสือ 5 เล่มดังกล่ำวเท่ำกับ
ข้ อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ต.ค. 2559/29)]
1. 360 วิธี 2. 390 วิธี 3. 660 วิธี
4. 680 วิธี 5. 740 วิธี

17. มีชำยหญิงอยูจ่ ำนวนหนึง่ ถูกจัดให้ นงั่ ทำนอำหำรรอบโต๊ ะกลม โดยมีเงื่อนไขว่ำ


มีผ้ หู ญิง 3 คนที่มีผ้ ชู ำยนัง่ ทำงขวำมือถัดจำกตนเอง
มีผ้ ชู ำย 1 คนที่มีผ้ ชู ำยนัง่ ทำงซ้ ำยมือถัดจำกตนเอง
มีผ้ หู ญิง 3 คนที่มีผ้ หู ญิงนัง่ ทำงซ้ ำยมือถัดจำกตนเอง
จะมีวธิ ีในกำรจัดให้ ชำยหญิงกลุม่ นี ้นัง่ รอบโต๊ ะกลมโดยสอดคล้ องเงื่อนไขข้ ำงต้ นทังหมดกี
้ ่วิธี
[สมำคม (พ.ย. 2560/28)]

18. ถ้ าเขียนผลคูณ (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5 ในรูปของพหุนาม 𝑎0 + 𝑎1 𝑥 + 𝑎2 𝑥 2 + ⋯ + 𝑎11 𝑥11 แล้ วจงหาค่า


ของ 𝑎2 + 𝑎3 + ⋯ + 𝑎10 [สมาคม (พ.ย. 2561/22)]

.0123456789
6 คลังโจทย์

19. นาจุด 16 จุด มาจัดเรี ยงบนระนาบ โดยแบ่งออกเป็ น 4 แถว แต่ละแถวมี 4 จุด และระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ
ที่อยูต่ ิดกันในแถวเดียวกัน เท่ากับระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ ที่อยูต่ ิดกันในหลักเดียวกัน ความน่าจะเป็ น ที่เมื่อ
สุม่ เลือกจุด 3 จุดใดๆ มาจากระนาบนี ้แล้ วอยูใ่ นแนวเส้ นตรงเดียวกันเท่ากับเท่าใด [สมาคม (พ.ย. 2561/28)]

20. แมวน้ อยชื่อเหมียวยี ้ ตัดสินใจเดินเป็ นวงตำมจุดดังภำพ เริ่ มต้ นจำกจุด 𝑆 โดยแต่ละครัง้ มีควำม 𝑆
1
น่ำจะเป็ นเท่ำกับ 2 ที่จะย้ ำยไปยังจุดที่เชื่อมติดกันกับจุดเดิม เหมียวยี ้จะเดินไปเรื่ อยๆ จนกว่ำจะ
1 2
ผ่ำนครบทุกจุดแล้ วจึงหยุดเดิน จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จดุ หมำยเลข 3 จะถูกเดินผ่ำนเพียงครัง้
เดียวและเป็ นจุดก่อนจุดสุดท้ ำยของกำรเดินของเหมียวยี ้ [สมำคม (พ.ย. 2560/9)] 3

ก. 13 ข. 14 ค. 15 ง. ไม่มีข้อใดถูกต้ อง

21. ต้องกำรสร้ำงจำนวนห้ำหลัก จำกเลขโดด 1, 2, 3 โดยที่แต่ละหลักมีตวั เลขซำ้ กันได้ และจำนวนห้ำหลักประกอบด้วย


ตัวเลข 1 อย่ำงน้อย 1 หลัก ตัวเลข 2 อย่ำงน้อย 1 หลัก และตัวเลข 3 อย่ำงมำก 2 หลัก จะมีจำนวนห้ำหลัก
ดังกล่ำวได้ทงั้ หมดกี่จำนวน [PAT 1 (ต.ค. 2558/38)]

.0123456789
คลังโจทย์ 7

22. กาหนดให้ สามี ภรรยา จานวน 4 คู่ มานัง่ รอบโต๊ ะกลม จงหาจานวนวิธีทงหมดในการจั
ั้ ดที่นงั่ โดยที่ผ้ ชู ายนัง่ สลับกับ
ผู้หญิง และ ไม่ให้ มีสามีภรรยาคูใ่ ดเลยนัง่ ติดกัน [สมาคม (พ.ย. 2559/20)]

23. มีลกู แก้วขนาดเดียวกัน 7 ลูก เป็ นลูกแก้วสีแดง 2 ลูก ลูกแก้วสีเขียว 2 ลูก และลูกแก้วสีขาว 3 ลูก ต้องการจัดเรียง
ลูกแก้วทัง้ 7 ลูกเป็ นแถวตรง โดยที่ลกู แก้วสองลูกใดๆ ทีเ่ รียงติดกัน มีสแี ตกต่างกัน จานวนวิธีจดั เรียงลูกแก้วดังกล่าว
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 2560/32)]

24. เกมเดินหมุดทอดลูกเต๋ำ มีกติกำคือ ให้เดินหมุดไปทีละช่อง ตำมจำนวนที่ได้จำกกำรทอดลูกเต๋ำ 6 หน้ำหนึง่ ครึง่ โดย


เมื่อเริม่ ต้นเกม ให้หมุดอยูท่ ตี่ ำแหน่งหมำยเลข 0 และเกมจบลงเมื่อหมุดมำหยุดอยูท่ ี่ตำแหน่งหมำยเลข 7 หำก
ตำแหน่งรวมเกิน 7 ให้เดินหมุดย้อนกลับหลัง เช่น ถ้ำหมุดอยูท่ ตี่ ำแหน่งหมำยเลข 4 และทอดลูกเต๋ำได้ตวั เลข 5 เมื่อ
เดินเสร็จสิน้ หมุดจะมำอยูท่ ี่ตำแหน่งหมำยเลข 5
0 1 2 3 4 5 6 7

จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่เกมจะจบลงภำยใน 5 ตำ [สมำคม (พ.ย. 2562/19)]

.0123456789
8 คลังโจทย์

25. กาหนดให้ 𝐴 = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7}


จงหาจานวนฟั งก์ชนั 𝑓 : 𝐴 → 𝐴 ทังหมดซึ
้ ง่ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑛))) = 𝑛 ทุก 𝑛 ∈ 𝐴 [สมาคม (พ.ย. 2559/25)]

.0123456789
คลังโจทย์ 1

1. กำหนดให้ 𝑆 = { 1 , 2 , 3 , … , 9 , 10 } ถ้ำสุม่ หยิบสมำชิก 5 ตัวพร้อมกันจำก 𝑆 แล้ว ควำมน่ำจะเป็ นทีจ่ ะ


ได้เลข 8 เป็ นจำนวนที่มคี ำ่ มำกเป็ นอันดับที่ 2 ของสมำชิก 5 ตัวนัน้ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2563/23)]
1. 29 2. 13 5
3. 18 4. 218
5. 10
21

ตอบ 3
จำนวนแบบทัง้ หมด → เลือก 5 ตัวจำกสมำชิก 10 ตัวใน 𝑆 จะเลือกได้ (10 5
) แบบ
8 มีคำ่ มำกเป็ นอันดับ 2 แสดงว่ำต้องมี 1 ตัวที่มำกกว่ำ 8 และอีก 3 ตัวที่เหลือต้องน้อยกว่ำ 8
 มำกกว่ำ 8 มี 2 ตัว (คือ 9, 10) เลือก 1 ตัว จะเลือกได้ 2 แบบ
 น้อยกว่ำ 8 มี 7 ตัว (คือ 1, 2, 3, … , 7) เลือก 3 ตัว จะเลือกได้ (73) แบบ

ดังนัน้ จำนวนแบบที่ 8 มีคำ่ มำกเป็ นอันดับ 2 คือ 2 ∙ (73)


7∙6∙5
2 ∙ (73) 2∙ 2∙5 5
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น =
(10
= 3∙2∙1
10 ∙ 9 ∙ 8 ∙ 7 ∙ 6 = =
5)
2∙9∙2 18
5∙4∙3∙2∙1

2. กำหนดให้ 𝑆 = {1, 2, 3, … , 8, 9} 𝒲 = { 𝐴 | 𝐴 ⊂ 𝑆 และ 𝐴 มีสมำชิก 4 ตัว }


ถ้ำสุม่ หยิบเซตหนึง่ เซตจำก 𝒲 แล้วควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้เซตที่ไม่มีเลข 9 เป็ นสมำชิก เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/8)]
1. 29 2. 13 3. 49 4. 12 5. 59
ตอบ 5
𝑛(𝑆) = จำนวนแบบทัง้ หมด = จำนวนสับเซตของ 𝑆 ที่มีสมำชิก 4 ตัว
→ เลือก 4 ตัว จำกสมำชิกของ 𝑆 (ซึง่ มี 9 ตัว) จะเลือกได้ (49) แบบ
𝑛(𝐸) = จำนวนแบบที่โจทย์สนใจ = จำนวนสับเซตของ 𝑆 ที่มีสมำชิก 4 ตัว ที่ไม่มีเลข 9 เป็ นสมำชิก
→ เหลือให้เลือกแค่ 1, 2, 3, … , 8 (ทัง้ หมด 8 ตัว) เลือกมำ 4 ตัว จะเลือกได้ (84) แบบ
8∙7∙6∙5
𝑛(𝐸) (84) 5
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = 𝑛(𝑆)
=
(94)
= 4∙3∙2∙1
9∙8∙7∙6 = 9
4∙3∙2∙1

3. ในกลุม่ คน 10 คน มีอยู่ 60% ที่มีเลือดกรุป๊ A ถ้ำสุม่ มำ 2 คน พร้อมกันจำกกลุม่ แล้วควำมน่ำจะเป็ นที่ทงั้ สองคน


นีไ้ ม่มีเลือดกรุป๊ A ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (มี.ค. 2561/7)]
2 3 5 8
1. 15 2. 15 3. 15 4. 15 5. 10
15

ตอบ 1
10×9
หำจำนวนแบบทัง้ หมด : มีคน 10 คน สุม่ มำ 2 คนพร้อมกัน จะได้จำนวนแบบทัง้ หมด = (10 2
) = 2 = 45 แบบ
60
หำจำนวนแบบที่สนใจ : มีกรุป๊ A อยู่ 60% จะคิดเป็ น 100 × 10 = 6 คน → มีคนที่ไม่ใช่กรุ ป
๊ A อยู่ 10 – 6 = 4 คน
สุม่ มำ 2 คน จะได้จำนวนแบบทีท่ งั้ สองคนไม่ใช่กรุป๊ A = (42) = 4×3
2
= 6 แบบ
6 2
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = 45 = 15

.0123456789
2 คลังโจทย์

4. กำหนดให้ 𝑆 เป็ นปริภมู ิตวั อย่ำง และ 𝑃(𝐸) แทนควำมน่ำจะเป็ นของเหตุกำรณ์ 𝐸


และ 𝐸′ แทนคอมพลีเมนต์ของเหตุกำรณ์ 𝐸 ถ้ำ 𝐴 และ 𝐵 เป็ นเหตุกำรณ์ใน 𝑆 โดยที่ 𝑃(𝐴 ∪ 𝐵) = 0.8
และ 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵) = 0.4 แล้วค่ำของ 𝑃(𝐴′ ) + 𝑃(𝐵′ ) เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2561/13)]
1. 0.4 2. 0.6 3. 0.8 4. 1.2 5. 1.6
ตอบ 3
จำกสมบัติของควำมน่ำจะเป็ น จะได้ 𝑃(𝐴′ ) = 1 − 𝑃(𝐴)
𝑃(𝐵′ ) = 1 − 𝑃(𝐵)
ดังนัน้ 𝑃(𝐴′ ) + 𝑃(𝐵′ ) = 1 − 𝑃(𝐴) + 1 − 𝑃(𝐵)
= 2 − (𝑃(𝐴) + 𝑃(𝐵)) …(∗)
จำกสูตร Inclusive – Exclusive จะได้ 𝑃(𝐴 ∪ 𝐵) = 𝑃(𝐴) + 𝑃(𝐵) − 𝑃(𝐴 ∩ 𝐵)
0.8 = 𝑃(𝐴) + 𝑃(𝐵) − 0.4
1.2 = 𝑃(𝐴) + 𝑃(𝐵)
แทนใน (∗) จะได้ 𝑃(𝐴′ ) + 𝑃(𝐵′ ) = 2 − 1.2 = 0.8

5. บริษัทแห่งหนึง่ มีพนักงำน 20 คน เป็ นผูช้ ำย 10 คน ฝ่ ำยบริหำรมีผชู้ ำย 3 คน ฝ่ ำยผลิตมี 8 คน และฝ่ ำยขำยมี 7 คน


โดยที่ฝ่ำยผลิตและฝ่ ำยขำยมีจำนวนผูห้ ญิงเท่ำกัน ถ้ำสุม่ พนักงำนมำ 4 คน ควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้พนักงำนฝ่ ำย
ผลิตผูช้ ำยจำนวน 3 คนและพนักงำนฝ่ ำยขำยผูห้ ญิง 1 คนเท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2563/26)]
1. 45 8
2. 969 8
3. 4845 4. 969 16 16
5. 4845
ตอบ 5
สมมติให้ฝ่ำยผลิตและฝ่ ำยขำย มีผหู้ ญิง 𝑥 คนเท่ำกัน จะได้ฝ่ำยผลิตมีผชู้ ำย 8 − 𝑥 คน และฝ่ ำยขำยมีผชู้ ำย 7 − 𝑥 คน
รวมกับผูช้ ำยในฝ่ ำยบริหำร 3 คน จะได้ผชู้ ำยทัง้ หมด 3 + 8 − 𝑥 + 7 − 𝑥 = 10
8 = 2𝑥
4 = 𝑥
4!
ดังนัน้ ฝ่ ำยผลิตมีผชู้ ำย = 8 − 4 = 4 คน → เลือก 3 คน ได้ (43) = 3!1! = 4 แบบ
ได้ 4 × 4 = 16 แบบ
และ ฝ่ ำยขำยมีผหู้ ญิง = 𝑥 = 4 คน → เลือก 1 คน ได้ 4 แบบ
20 ∙ 19 ∙ 18 ∙ 17
จำนวนแบบทัง้ หมด = เลือก 4 คน จำก 20 คน จะเลือกได้ (20 4
) = 4!
= 4845 แบบ
16
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = 4845

6. มีเลขโดด 5 ตัวคือ 1, 2, 3, 4 และ 5 นำเลขโดดเหล่ำนีม้ ำ 3 ตัวไม่ซำ้ กันและใช้เลขโดดทัง้ 3 ตัวนีเ้ พื่อสร้ำง


จำนวนนับสีห่ ลัก จะมีจำนวนนับสีห่ ลักที่ตอ้ งกำรทัง้ หมดกี่จำนวน [PAT 1 (ก.พ. 2563/27)]
1. 90 2. 120 3. 360 4. 600 5. 810
ตอบ 3
เลือกเลขโดด 3 ตัว จำกเลขโดดที่มี 5 ตัว ได้ (53) = 5∙4∙3 3!
= 10 แบบ
ใช้เลขโดด 3 ตัว สร้ำงเลข 4 หลัก แสดงว่ำต้องมีเลขโดด 1 ตัวที่ใช้ 2 ครัง้
เลือกเลขโดด 1 ตัวที่ตอ้ งใช้ 2 ครัง้ จำกเลขโดด 3 ตัวที่มี เลือกได้ 3 แบบ
4!
เรียงหลักทัง้ 4 หลัก (ซึง่ จะมีหลักซำ้ 2 หลัก) → ใช้สตู รเรียงของซำ้ จะเรียงได้ 2!
= 12 แบบ
รวมจำนวนแบบทัง้ หมด = 10 × 3 × 12 = 360 แบบ

.0123456789
คลังโจทย์ 3

7. นำย ก. และนำงสำว ข. พร้ อมด้ วยเพื่อนผู้ชำยอีก 3 คน และเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน นัง่ รับประทำนอำหำรรอบโต๊ ะกลม


โดยที่ นำย ก. และนำงสำว ข. นัง่ ตรงข้ ำมกัน และมีเพื่อนผู้หญิง 2 คนนัง่ ติดกันกับ นำงสำว ข. จะมีจำนวนวิธีจดั ทีน่ งั่
รอบโต๊ ะกลมดังกล่ำวได้ เท่ำกับข้ อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (มี.ค. 2559/23)]
1. 30 วิธี 2. 72 วิธี 3. 96 วิธี
4. 120 วิธี 5. 144 วิธี
ตอบ 5
มีทงหมด
ั้ 2 + 3 + 3 = 8 คน เอำ นำย ก. ตอกไว้ หวั โต๊ ะไม่ให้ วงหมุน ก
1 2
ข. ต้ องนัง่ ตรงข้ ำม ก. จะวำดได้ ดงั รูป
3 4
ตำแหน่ง A กับ B ต้ องเป็ นหญิง → มีหญิง 3 คน ดังนัน้ A เลือกได้ 3 แบบ
A B
→ เหลือหญิง 2 คน เลือกให้ B ได้ 2 แบบ ข
ที่เหลือ หญิง 1 คน + ชำย 3 คน รวม เป็ น 4 คน เลือกนัง่ ใน 4 ที่นงั่ ที่เหลือ ได้ 4! แบบ
ดังนัน้ จำนวนวิธี = 3 × 2 × 4! = 144 แบบ

8. กล่องใบหนึ่งมีลูกแก้ วสีแดงเหมือนกั น 4 ลูก และมีลูกแก้ วสีน ้ำเงินเหมือนกั นจำนวนหนึ่ง สุ่มหยิบลูกแก้ ว 1 ลูกจำก


กล่อง ควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ ลูกแก้ วสีน ้ำเงินเป็ นสองเท่ำของควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ ลกู แก้ วสีแดง ถ้ ำสุ่มหยิบลูกแก้ ว
2 ลูกจำกกล่อง ควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ ลูกแก้ วเหมือนกั นทั ้งสองลูกตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
[PAT 1 (ต.ค. 2559/15)]
1. 49 2. 12 3. 335 4. 16
33
5. 17 33

ตอบ 5
ในกำรหยิบ 1 ลูก โจทย์ให้ 𝑃(ได้ สีน ้ำเงิน) = 2 𝑃(ได้ สีเดง) → แสดงว่ำต้ องมีลูกแก้ วสีน ้ำเงินเป็ น 2 เท่ำของสีแดง
แต่โจทย์กำหนดให้ มีสีแดง 4 ลูก ดังนั ้น จะมีลูกแก้ วสีน ้ำเงิน 8 ลูก รวมลูกแก้ วทั ้งหมด 4 + 8 = 12 ลูก
ถั ดมำ หยิบ 2 ลูก จะได้ จำนวนแบบทั ้งหมด 𝑛(𝑆) = (122) = 12 2∙ 11 = 66 แบบ
จำนวนแบบที่ได้ สีเหมือนกั น จะแบ่งเป็ น 2 กรณี
กรณี ได้ สีแดงเหมือนกั นทั ้ง 2 ลูก : มีสีแดง 4 ลูก ดังนั ้น จะได้ จำนวนแบบ = (42) = 4 2∙ 3 = 6 แบบ
กรณี ได้ สีน ้ำเงินเหมือนกันทั ้ง 2 ลูก : มีสีน ้ำเงิน 8 ลูก ดังนั ้น จะได้ จำนวนแบบ = (82) = 8 2∙ 7 = 28 แบบ
รวมสองกรณี จะได้ 𝑛(𝐸 ) = 6 + 28 = 34 แบบ
( )
จะได้ ควำมน่ำจะเป็ น = 𝑛𝑛 (𝐸𝑆) = 34 66
=
17
33

.0123456789
4 คลังโจทย์

9. กำหนดให้ 𝐴 = { 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 }
จำนวนสับเซต 𝐶 ของ 𝐴 ซึง่ 𝐶 ∩ 𝐵 มีสมำชิก 2 ตัว เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2559/20)]
1. 32 2. 48 3. 64 4. 80 5. 96
ตอบ 5
𝐶 ∩ 𝐵 มีสมำชิก 2 ตัว → แสดงว่ำ ต้องเลือก 2 ตัวจำก 4 ตัวใน 𝐵 = { 3, 4, 5, 6 } มำไว้ใน 𝐶
→ เลือกได้ (42) แบบ
และเนื่องจำก 𝐶 ⊂ 𝐴 ดังนัน้ สมำชิกส่วนที่เหลือของ 𝐶 ต้องมำจำก 𝐴 เท่ำนัน้
ที่เหลือใน 𝐴 คือ 1, 2, 7, 8 มี 4 ตัว → แต่ละตัวเลือก เอำ หรือ ไม่เอำ ให้ 𝐶 ได้ตวั ละ 2 แบบ
→ เลือกได้ 24 แบบ
ดังนัน้ จำนวนแบบของ 𝐶 คือ (42) × 24 = 42∙ 3 × 16 = 96

10. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 𝑛 คน ผูห้ ญิง 𝑛 + 1 คน เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก ต้องกำรจัดคนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนว
ตรงเพียงหนึง่ แถว ถ้ำจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวแนวตรง โดยไม่มีผชู้ ำยสองคนใดยืนติดกัน เท่ำกับสองเท่ำ
ของจำนวนวิธีจดั คนกลุม่ นีย้ ืนเรียงแถวเป็ นแนวตรงโดยผูช้ ำยยืนติดกันทัง้ หมด แล้วคนกลุม่ นีม้ ีทงั้ หมดกี่คน
[PAT 1 (ก.พ. 2561/38)]

ตอบ 7
ไม่มีชำยยืนติดกัน : เอำ หญิง 𝑛 + 1 คน มำเรียงก่อน จะเรียงได้ (𝑛 + 1)! แบบ
1 2 3 4 5
หญิง 𝑛 + 1 คน จะมีช่องว่ำงให้ ชำย ลงได้ 𝑛 + 2 ช่อง
ญ ญ ญ ญ
เรียงชำย 𝑛 คน ลงใน 𝑛 + 2 ช่อง จะเรียงได้ 𝑃𝑛+2,𝑛 = (𝑛+2)!2!
แบบ
รวมจำนวนแบบ = (𝑛 + 1)! (𝑛+2)! 2!
แบบ
ชำยยืนติดกันหมด : เอำ ชำย 𝑛 คน มัดรวมเป็ นคนใหม่ 1 คน
มี หญิง 𝑛 + 1 คน รวมแบบใหม่เป็ นคนทัง้ หมด 𝑛 + 2 คน → เรียงได้ (𝑛 + 2)! แบบ
ชำยทัง้ 𝑛 คนในมัด จะสลับที่กนั เองได้ 𝑛! แบบ
รวมจำนวนแบบ = (𝑛 + 2)! 𝑛! แบบ
โจทย์ให้ ไม่มีชำยยืนติดกัน = 2 × ชำยยืนติดกันหมด
(𝑛+2)!
(𝑛 + 1)! 2! = 2 (𝑛 + 2)! 𝑛!
𝑛+1 = 4
𝑛 = 3
ดังนัน้ เป็ นชำย 3 คน และเป็ นหญิง 3 + 1 = 4 คน → รวมเป็ นคนทัง้ หมด 3 + 4 = 7 คน

11. กล่องใบหนึง่ มีสลำก 9 ใบ ซึง่ เขียนหมำยเลข 1, 2, 3, … , 9 ถ้ ำสุม่ หยิบสลำก 3 ใบ พร้ อมกันจำกกล่องใบนี ้


แล้ วควำมน่ำจะเป็ นที่ผลคูณของหมำยเลขทัง้ 3 เป็ นจำนวนคู่ เท่ำกับข้ อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (มี.ค. 2562/23)]
1. 12 2. 23 3. 16
21
4. 33 42
5. 37 42

ตอบ 5
9∙8∙7
จำนวนแบบทังหมด
้ : มีสลำก 9 ใบ หยิบ 3 ใบ จะหยิบได้ (39) = 3∙2∙1 = 84 แบบ
จำนวนแบบที่สนใจ : ผลคูณจะเป็ นคู่ เมื่อมีอย่ำงน้ อย 1 ตัวเป็ นคู่ → นับยำก
จะนับแบบตรงข้ ำม (คือ แบบที่เป็ นคี่ทกุ ตัว) แล้ วหักออกจำกจำนวนแบบทังหมด
้ แทน
5∙4∙3
มีเลขคี่ 1, 3, 5, 7, 9 ทังหมด
้ 5 ไบ หยิบมำ 3 ใบจะหยิบได้ (53) =
3∙2∙1
= 10 แบบ
จะได้ จำนวนแบบที่สนใจ = 84 − 10 = 74 แบบ
.0123456789
ตอบ 5
9∙8∙7
จำนวนแบบทังหมด
้ : มีสลำก 9 ใบ หยิบ 3 ใบ จะหยิบได้ (39) = 3∙2∙1 = 84 แบบ
จำนวนแบบที่สนใจ : ผลคูณจะเป็ นคู่ เมื่อมีอย่ำงน้ อย 1 ตัวเป็ นคู่ → นับยำก คลังโจทย์ 5
จะนับแบบตรงข้ ำม (คือ แบบที่เป็ นคี่ทกุ ตัว) แล้ วหักออกจำกจำนวนแบบทังหมด
้ แทน
5∙4∙3
มีเลขคี่ 1, 3, 5, 7, 9 ทังหมด
้ 5 ไบ หยิบมำ 3 ใบจะหยิบได้ (53) =
3∙2∙1
= 10 แบบ
จะได้ จำนวนแบบที่สนใจ = 84 − 10 = 74 แบบ
จะได้ ควำมน่ำจะเป็ น = 7484
37
= 42

12. กล่องใบหนึง่ มีลกู บอลขนำดเดียวกัน 3 สี สีละ 𝑛 ลูก เมื่อ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก สุม่ หยิบลูกบอล 3 ลูกจำกกล่องนี ้
โดยหยิบทีละลูก แบบไม่ใส่กลับคืนลงในกล่อง ถ้ำควำมน่ำจะเป็ นที่จะได้ลกู บอลสีละลูก เท่ำกับ 25 แล้วควำมน่ำจะ
เป็ นที่จะได้ลกู บอล 3 ลูกโดยมีเพียง 2 สีเท่ำนัน้ เท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/11)]
2 4 7 8
1. 15 2. 15 3. 15 4. 15 5. 159
ตอบ 5
หำควำมน่ำจะเป็ นที่หยิบได้สลี ะลูกในรูปของ 𝑛 แล้วจับมำเท่ำกับ 25 เพื่อแก้สมกำรหำ 𝑛
จำนวนแบบทัง้ หมด : มีลกู บอล 3𝑛 ลูก จะหยิบได้ (3𝑛)(3𝑛 − 1)( 3𝑛 − 2) แบบ
จำนวนแบบที่ได้สลี ะลูก : ลูกแรก หยิบลูกไหนก็ได้ → จะหยิบได้ 3𝑛 แบบ
ลูกที่สอง ต้องหยิบ 2 สีที่ไม่ซำ้ สีกบั ลูกแรก → จะหยิบได้ 2𝑛 แบบ
ลูกที่สำม ต้องหยิบสีสดุ ท้ำยที่ยงั ไม่ถกู หยิบ → จะหยิบได้ 𝑛 แบบ
จะได้จำนวนแบบ = (3𝑛)(2𝑛)(𝑛) แบบ
(3𝑛)(2𝑛)(𝑛) (2𝑛)(𝑛)
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = (3𝑛)(3𝑛−1)( 3𝑛−2)
= (3𝑛−1)( 3𝑛−2) ดังนัน ้ (3𝑛−1)(
(2𝑛)(𝑛)
3𝑛−2)
=
2
5
5𝑛2 = (3𝑛 − 1)(3𝑛 − 2)
0 = 4𝑛2 − 9𝑛 + 2
0 = (4𝑛 − 1)(𝑛 − 2)
1
𝑛 = , 2
4

แต่ 𝑛 เป็ นจำนวนเต็มบวก → เหลือ 𝑛 = 2 ค่ำเดียว นั่นคือ มีลกู บอลสีละ 2 ลูก (มี 3 สี = 6 ลูก)
โจทย์ถำม ควำมน่ำจะเป็ นที่จะหยิบได้ 2 สี → จะคิดจำกเหตุกำรณ์ตรงข้ำม = 1 − 𝑃(ได้สเี ดียว) − 𝑃(ได้ 3 สี)
 ได้สเี ดียวกันทัง้ 3 ลูก จะเป็ นไปไม่ได้ (เพรำะมีสล
ี ะ 2 ลูก) → 𝑃(ได้สเี ดียว) = 0
 ได้ 3 สี คือได้สล ี ะลูก → โจทย์กำหนดให้เท่ำกับ 25
จะได้ควำมน่ำจะเป็ นที่จะหยิบได้ 2 สี = 1 − 0 − 25 = 35 = 159
หมำยเหตุ : ถ้ำไม่คดิ เหตุกำรณ์ตรงข้ำม → เลือกสีที่มี 2 ลูก ได้ 3 แบบ (ต้องใช้ทงั้ 2 ลูกจำกสีน)ี ้
→ เลือก 1 ลูก จำกทีเ่ หลือ 2 สี สีละ 2 ลูก ได้ 2 × 2 = 4 แบบ
→ สลับที่ลกู ทัง้ 3 ลูก ได้ 3! แบบ จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = (3)(4)(3!)
(6)(5)(4)
=
3
5

13. คนกลุม่ หนึง่ มีผชู้ ำย 10 คนและผูห้ ญิง 7 คน โดยมีนำย ก. และนำย ข. รวมอยูด่ ว้ ย จะมีกี่วิธีในกำรเลือก
คณะกรรมกำร 6 คน จำกคนกลุม่ นี ้ ประกอบด้วย ผูช้ ำยอย่ำงน้อย 2 คน และผูห้ ญิงอย่ำงน้อย 3 คน โดยมีเงื่อนไขว่ำ
นำย ก. และ นำย ข. จะเป็ นกรรมกำรพร้อมกันไม่ได้ [PAT 1 (ก.พ. 2562/32)]
ตอบ 5460
จะใช้วิธีนบั แบบตรงข้ำม โดยหำจำนวนแบบที่ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด
แล้วหักออกด้วยจำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ก็จะได้จำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. ไม่เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด → จะมีแค่ 2 ประเภท คือ ช 2 ญ 4 กับ ช 3 ญ 3
→ กรณี ช 2 ญ 4 เลือก ช 2 คนจำก 10 คน และ ญ 4 คนจำก 7 คน ได้ (10
2
)(74) แบบ
→ กรณี ช 3 ญ 3 ทำแบบเดียวกัน จะได้ (103
)(73) แบบ
.0123456789
ตอบ 5460
จะใช้วิธีนบั แบบตรงข้ำม โดยหำจำนวนแบบที่ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด
แล้งวโจทย์
6 คลั หักออกด้วยจำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ก็จะได้จำนวนแบบ ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ที่ ก. ข. ไม่เป็ นกรรมกำรพร้อมกัน
ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 ทัง้ หมด → จะมีแค่ 2 ประเภท คือ ช 2 ญ 4 กับ ช 3 ญ 3
→ กรณี ช 2 ญ 4 เลือก ช 2 คนจำก 10 คน และ ญ 4 คนจำก 7 คน ได้ (10
2
)(74) แบบ
→ กรณี ช 3 ญ 3 ทำแบบเดียวกัน จะได้ (10 3
)(73) แบบ
→ รวมจำนวนแบบทัง้ หมด = (10 2
)(74) + (10
3
)(73) แบบ
ช ≥ 2 และ ญ ≥ 3 และ ก. ข. เป็ นกรรมกำร → กรณี ช 2 ญ 4 จะมี ช คือ ก. ข. ครบแล้ว เลือก ญ 4 คน ได้ (74) แบบ
→ กรณี ช 3 ญ 3 จะเหลือ ช 1 คนที่ตอ้ งเลือกจำก 8 คน (ที่ไม่รวม ก.ข.)
กับ ญ 3 คน ที่ตอ้ งเลือก จะได้ (81)(73) แบบ
→ รวมจำนวนแบบที่ตอ้ งหัก = (74) + (81)(73) แบบ
จะได้คำตอบ = [(10
2
)(74) + (10
3
)(73)] − [(74) + (81)(73)]
= (10
2
)(73) + (10
3
)(73) − (73) − (81)(73)
= (73) [ (10
2
) + (10
3
) − 1 − (81) ]
7∙6∙5 10∙9 10∙9∙8
= 3∙2
∙ [ 2 + 3∙2 − 1 − 8]
= 35 ∙ [ 45 + 120 − 1 − 8] = (35)(156) = 5460

14. สุม่ หยิบจำนวนมำหนึง่ จำนวนจำกเซต {1, 2, 3, … , 999, 1000} จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จำนวนที่สมุ่ มำนีม้ ี
ผลบวกของเลขโดดทัง้ หมดเท่ำกับ 8 [สมำคม (พ.ย. 2562/6)]
ตอบ 0.045
จะนับเฉพำะเลขที่ไม่เกิน 3 หลัก (1 – 999) เพรำะ 1000 มีผลบวกเลขโดดไม่เท่ำกับ 8
จำนวนแบบที่สนใจ จะเท่ำกับกำรแจกของเหมือนกัน 8 ชิน้ ให้คน 3 คน (แต่ละคนแทนแต่ละหลัก) โดยที่แต่ละคนอำจ
ไม่ได้ของ (มีบำงหลักเป็ น 0 ได้)
10 ∙ 9
ใช้ Stars & Bars จะได้จำนวนแบบ = (8+3−1 3−1
) = 2 = 45 แบบ
45
จะได้ควำมน่ำจะเป็ น = 1000 = 0.045

15. มีเลขโดด 9 จำนวน คือ −7 , −5 , −3 , −1 , 0 , 2 , 4 , 6 , 10 ถ้ำสุม่ เลขโดดนีม้ ำ 4 จำนวน


แล้วควำมน่ำจะเป็ นที่ผลคูณของเลขโดด 4 จำนวนนีไ้ ม่เป็ นจำนวนลบเท่ำกับข้อใดต่อไปนี ้
[กสพท คณิต1 (ธ.ค. 2558/21)]
47 70
1. 126 2. 126 3. 41
63
47 56
4. 63
5. 63

ตอบ 4
ไม่เป็ นลบ จะมีหลำยกรณี (ศูนย์ หรือ บวก) → จะคำนวณแบบตรงข้ำม (คือแบบที่เป็ นลบ) แล้วเอำ 1 ตัง้ ลบ
9∙8∙7∙6
หำ 𝑛(𝑆) : จำนวนแบบทัง้ หมด → เลือก 4 จำนวน จำก 9 จำนวน ได้ (49) = 4∙3∙2∙1 = 3 ∙ 7 ∙ 6 แบบ
หำ 𝑛(𝐸) : เป็ นจำนวนลบ → จะมี 2 กรณีดงั นี ้
กรณี เป็ นบวก 3 ตัว ลบ 1 ตัว เลือก 3 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (43) แบบ
เลือก 1 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (41) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (43)(41) = (4)(4) = 16 แบบ
กรณี เป็ นบวก 1 ตัว ลบ 3 ตัว เลือก 1 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (41) แบบ
เลือก 3 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (43) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (41)(43) = (4)(4) = 16 แบบ
รวมได้ 𝑛(𝐸) = 16 + 16 = 32 แบบ
.0123456789
ตอบ 4
ไม่เป็ นลบ จะมีหลำยกรณี (ศูนย์ หรือ บวก) → จะคำนวณแบบตรงข้ำม (คือแบบที่เป็ นลบ) แล้วเอำ 1 ตัง้ ลบ
9∙8∙7∙6
หำ 𝑛(𝑆) : จำนวนแบบทัง้ หมด → เลือก 4 จำนวน จำก 9 จำนวน ได้ (49) = 4∙3∙2∙1 แบบ
= 3 ∙ 7 ∙ 6คลั
งโจทย์ 7
หำ 𝑛(𝐸) : เป็ นจำนวนลบ → จะมี 2 กรณีดงั นี ้
กรณี เป็ นบวก 3 ตัว ลบ 1 ตัว เลือก 3 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (43) แบบ
เลือก 1 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (41) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (43)(41) = (4)(4) = 16 แบบ
กรณี เป็ นบวก 1 ตัว ลบ 3 ตัว เลือก 1 ตัว จำกเลขบวก 4 ตัว ได้ (41) แบบ
เลือก 3 ตัว จำกเลขลบ 4 ตัว ได้ (43) แบบ
→ ได้จำนวนแบบ = (41)(43) = (4)(4) = 16 แบบ
รวมได้ 𝑛(𝐸) = 16 + 16 = 32 แบบ
32 16
ดังนัน้ ควำมน่ำจะเป็ นที่ ผลคูณของเลข 4 ตัวเป็ นลบ = 3∙7∙6 = 63
ดังนัน้ ควำมน่ำจะเป็ นที่ ผลคูณของเลข 4 ตัวไม่เป็ นลบ = 1 − 1663
47
= 63

16. มีหนังสือวิชำคณิ ตศำสตร์ต่ำงกั น 3 เล่ม หนังสือวิชำภำษำไทยต่ำงกั น 2 เล่ม และหนังสือภำษำอังกฤษเหมือนกัน


5 เล่ม ถ้ ำต้ องกำรจัดเรียงหนังสือ 5 เล่มวำงบนชั ้น โดยมีหนังสือแต่ละวิชำอย่ำงน้ อย 1 เล่ม และมีจำนวนหนังสือ
วิชำคณิ ตศำสตร์และหนังสือวิชำภำษำไทยรวมกันอย่ำงมำก 3 เล่ม จำนวนวิธีจัดเรี ยงหนังสือ 5 เล่มดังกล่ำวเท่ำกับ
ข้ อใดต่อไปนี ้ [PAT 1 (ต.ค. 2559/29)]
1. 360 วิธี 2. 390 วิธี 3. 660 วิธี
4. 680 วิธี 5. 740 วิธี
ตอบ 3
โจทย์ให้ คณิ ต + ไทย มีได้ อย่ำงมำก 3 เล่ม แต่ต้องมีวิชำละ 1 เล่มเป็ นอย่ำงน้ อย ดังนั ้น จะแบ่งได้ เป็ น 3 กรณี คือ
“คณิ ต 1 เล่ม ไทย 1 เล่ม” , “คณิ ต 2 เล่ม ไทย 1 เล่ม” และ “คณิ ต 1 เล่ม ไทย 2 เล่ม”
กรณี คณิ ต 1 เล่ม ไทย 1 เล่ม :
เลือกคณิ ต 1 เล่ม จำก 3 เล่ม และเลือกตำแหน่งวำงจำก 5 ตำแหน่ง → เลือกได้ 3 × 5 แบบ
เลือกไทย 1 เล่ม จำก 2 เล่ม และเลือกตำแหน่งวำงจำก 4 ตำแหน่งที่เหลือ → เลือกได้ 2 × 4 แบบ
ที่เหลือ 3 ตำแหน่ง เอำอังกฤษวำง (ไม่ต้องเลือกอังกฤษ เพรำะอังกฤษเหมือนกั นทุกเล่ม)
รวมจำนวนแบบ = 3 × 5 × 2 × 4 = 120 แบบ
กรณี คณิ ต 2 เล่ม ไทย 1 เล่ม :
เลือกคณิ ต 2 เล่ม จำก 3 เล่ม เล่มแรกเลือกวำงได้ 5 ตำแหน่ง
เล่มที่สองเลือกวำงได้ 4 ตำแหน่ง → รวมเลือกได้ (32) × 5 × 4 แบบ
เลือกไทย 1 เล่ม จำก 2 เล่ม และเลือกตำแหน่งวำงจำก 3 ตำแหน่งที่เหลือ → เลือกได้ 2 × 3 แบบ
รวมจำนวนแบบ = (32) × 5 × 4 × 2 × 3 = 360 แบบ
กรณี คณิ ต 1 เล่ม ไทย 2 เล่ม :
เลือกคณิ ต 1 เล่ม จำก 3 เล่ม และเลือกตำแหน่งวำงจำก 5 ตำแหน่ง → เลือกได้ 3 × 5 แบบ
เลือกไทย 2 เล่ม จำก 2 เล่ม เล่มแรกเลือกวำงได้ 4 ตำแหน่ง
เล่มที่สองเลือกวำงได้ 3 ตำแหน่ง → รวมเลือกได้ (22) × 4 × 3 แบบ
รวมจำนวนแบบ = 3 × 5 × (22) × 4 × 3 = 180 แบบ
รวมจำนวนแบบทั ้งหมด = 120 + 360 + 180 = 660 แบบ

.0123456789
8 คลังโจทย์

17. มีชำยหญิงอยูจ่ ำนวนหนึง่ ถูกจัดให้ นงั่ ทำนอำหำรรอบโต๊ ะกลม โดยมีเงื่อนไขว่ำ


มีผ้ หู ญิง 3 คนที่มีผ้ ชู ำยนัง่ ทำงขวำมือถัดจำกตนเอง
มีผ้ ชู ำย 1 คนที่มีผ้ ชู ำยนัง่ ทำงซ้ ำยมือถัดจำกตนเอง
มีผ้ หู ญิง 3 คนที่มีผ้ หู ญิงนัง่ ทำงซ้ ำยมือถัดจำกตนเอง
จะมีวธิ ีในกำรจัดให้ ชำยหญิงกลุม่ นี ้นัง่ รอบโต๊ ะกลมโดยสอดคล้ องเงื่อนไขข้ ำงต้ นทังหมดกี
้ ่วิธี
[สมำคม (พ.ย. 2560/28)]

ตอบ (52) 4! 6! (2)


“มีผ้ หู ญิง 3 คนที่มีผ้ ชู ำยนัง่ ทำงขวำมือถัดจำกตนเอง” → จะวำดได้ ดงั รูป ญ ช
ช ญ
โดยที่ (1), (2), (3) อำจไม่มีคนนัง่ หรื อมีคนนัง่ กี่คนก็ได้ แต่จะมี ช อยูท่ ำงขวำ ญ ไม่ได้ แล้ ว
(3) (1)
ดังนัน้ ใน (1), (2), (3) จะเป็ นไปได้ 2 แบบ คือ “มี ช อยูท่ ำงซ้ ำยสุด” หรื อไม่ก็ “ไม่มี ช” ญช
เงื่อนไขถัดมำ “มีผ้ ชู ำย 1 คนที่มผี ้ ชู ำยนัง่ ทำงซ้ ำยมือถัดจำกตนเอง” → จะมี ช นัง่ ติดกันได้ แค่คเู่ ดียว
เนื่องจำกทำงซ้ ำยของ (1), (2), (3) เป็ น ช ดังนัน้ ใน (1), (2), (3) จะ “มี ช อยูท่ ำงซ้ ำยสุด” ได้ แค่ครัง้ เดียว
ที่เหลือต้ อง “ไม่มี ช” (2)
ญ ช
เช่นถ้ ำ (1) มี ช อยูท่ ำงซ้ ำยสุด จะได้ ดงั รูป ช ญ
โดยที่ (A), (2), (3) ต้ อง “ไม่มี ช” (3) (A)
ญช ช
เงื่อนไขสุดท้ ำย “มีผ้ หู ญิง 3 คนที่มีผ้ หู ญิงนัง่ ทำงซ้ ำยมือถัดจำกตนเอง” → แสดงว่ำมี ญ นัง่ ติดกันได้ แค่ 3 คู่
จะเห็นว่ำทำงขวำของ (A), (2), (3) เป็ น ญ ดังนัน้ กำรเพิ่ม ญ เข้ ำไป 1 คน จะเกิดคู่ ญ ที่นงั่ ติดกันเพิ่มขึ ้น 1 คูเ่ สมอ
นัน่ คือ ต้ องเพิม่ ญ อีก 3 คน ถึงจะทำให้ เงื่อนไขสุดท้ ำยเป็ นจริงได้
ดังนัน้ คนนัง่ จะต้ องเป็ น ช 4 คน และ ญ 6 คน โดยมีเงื่อนไขทังหมดจะเป็ ้ นจริ งเมื่อ มี ช 2 คนนัง่ ติดกัน
เอำ ช 2 คน ตอกไม่ให้ วงหมุน และให้ ญ 6 คนมำนัง่ ก่อน ดังรูป ญ ชช ญ
เหลือ ช 2 คน ห้ ำมนัง่ ติดกัน → เลือก 2 ที่จำก 5 ที่ได้ (2) แบบ 5
ญ ญ
ช 4 คน ญ 6 คน สลับตำแหน่งกันเองได้ 4! 6! แบบ
ญ ญ
จะได้ จำนวนแบบทังหมด ้ = (52) 4! 6! แบบ

18. ถ้ าเขียนผลคูณ (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5 ในรูปของพหุนาม 𝑎0 + 𝑎1 𝑥 + 𝑎2 𝑥 2 + ⋯ + 𝑎11 𝑥11 แล้ วจงหาค่า


ของ 𝑎2 + 𝑎3 + ⋯ + 𝑎10 [สมาคม (พ.ย. 2561/22)]
ตอบ −3198
จาก (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5 = 𝑎0 + 𝑎1 𝑥 + 𝑎2 𝑥 2 + ⋯ + 𝑎11 𝑥 11 …(∗)
แทน 𝑥 = 1 ใน (∗) : (12 + 4)3 (1 − 2)5 = 𝑎0 + 𝑎1 + 𝑎2 + ⋯ + 𝑎11
−125 = 𝑎0 + 𝑎1 + 𝑎2 + ⋯ + 𝑎11 …(1)
แทน 𝑥 = 0 ใน (∗) : (02 + 4)3 (0 − 2)5 = 𝑎0
−2048 = 𝑎0 …(2)
𝑎11 คือ สปส ของ 𝑥 กาลังสูงที่สดุ ในการกระจาย (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5
แต่จะเห็นว่า 𝑥 กาลังสูงที่สดุ ของแต่ละวงเล็บที่มาคุณกัน ไม่มี สปส คูณอยู่ (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5
ดังนัน้ ถ้ ากระจายออกมาแล้ ว 𝑥 กาลังสูงที่สดุ ก็จะไม่มี สปส คูณอยูเ่ ช่นกัน → 𝑎11 = 1 …(3)

𝑎1 คือ สปส ของ 𝑥 กาลัง 1 ในการกระจาย (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5


แต่จะเห็นว่าในการกระจาย (𝑥 2 + 4)3 จะไม่มีพจน์ 𝑥 กาลัง 1 เลย (เพราะ 𝑥 2 + 4 เลขชี ้กาลังของ 𝑥 เริ่ มที่ 2)
ดังนัน้ 𝑥 กาลัง 1 จะเกิดจากพจน์ที่ไม่มี 𝑥 ของ (𝑥 2 + 4)3 คูณกับ พจน์ 𝑥 กาลัง 1 ของ (𝑥 − 2)5
= 43 ใช้ ทวินาม จะได้ = (54)𝑥1 (−2)4
.0123456789 5
−2048 = 𝑎0 …(2)
𝑎11 คือ สปส ของ 𝑥 กาลังสูงที่สดุ ในการกระจาย (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5
แต่จะเห็นว่า 𝑥 กาลังสูงที่สดุ ของแต่ละวงเล็บที่มาคุณกัน ไม่มี สปส คูณอยู่ (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5 คลังโจทย์ 9
ดังนัน้ ถ้ ากระจายออกมาแล้ ว 𝑥 กาลังสูงที่สดุ ก็จะไม่มี สปส คูณอยูเ่ ช่นกัน → 𝑎11 = 1 …(3)

𝑎1 คือ สปส ของ 𝑥 กาลัง 1 ในการกระจาย (𝑥 2 + 4)3 (𝑥 − 2)5


แต่จะเห็นว่าในการกระจาย (𝑥 2 + 4)3 จะไม่มีพจน์ 𝑥 กาลัง 1 เลย (เพราะ 𝑥 2 + 4 เลขชี ้กาลังของ 𝑥 เริ่ มที่ 2)
ดังนัน้ 𝑥 กาลัง 1 จะเกิดจากพจน์ที่ไม่มี 𝑥 ของ (𝑥 2 + 4)3 คูณกับ พจน์ 𝑥 กาลัง 1 ของ (𝑥 − 2)5
= 43 ใช้ ทวินาม จะได้ = (54)𝑥1 (−2)4
จะได้ 𝑎1 = 43 ∙ (54)(−2)4 = 5120 …(4)
เอา (1) มาหักออกด้ วย 𝑎0 , 𝑎11 และ 𝑎1 จาก (2), (3) และ (4)
จะเหลือ 𝑎2 + 𝑎3 + ⋯ + 𝑎10 = −125 − (−2048 + 1 + 5120) = −3198

19. นาจุด 16 จุด มาจัดเรี ยงบนระนาบ โดยแบ่งออกเป็ น 4 แถว แต่ละแถวมี 4 จุด และระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ
ที่อยูต่ ิดกันในแถวเดียวกัน เท่ากับระยะห่างระหว่างจุดสองจุดใดๆ ที่อยูต่ ิดกันในหลักเดียวกัน ความน่าจะเป็ น ที่เมื่อ
สุม่ เลือกจุด 3 จุดใดๆ มาจากระนาบนี ้แล้ วอยูใ่ นแนวเส้ นตรงเดียวกันเท่ากับเท่าใด [สมาคม (พ.ย. 2561/28)]
11
ตอบ 140
กรณี 3 จุด อยุใ่ นแนวนอน : เลือกแนวนอนได้ 4 แบบ
เลือก 3 จุด จาก 4 จุดที่อยูใ่ นแนวนอนเดียวกัน ได้ (43) แบบ
รวมได้ 4 (43) = 16 แบบ
กรณี 3 จุด อยูใ่ นแนวตัง้ : จะได้ จานวนแบบเท่ากับกรณีแรก = 16 แบบ

กรณี 3 จุด อยูใ่ นแนวเฉียงลง :


1 แบบ จะได้ 1 + 1 + (43) = 6 แบบ

1 แบบ (43) แบบ

กรณี 3 จุด อยูใ่ นแนวเฉียงขึ ้น จะได้ จานวนแบบเท่ากับกรณีเฉียงลง = 6 แบบ

16+16+6+6 44 11
รวมทุกกรณี จะได้ ความน่าจะเป็ น =
(16
= 16∙15∙14 = 140
3) 3∙2

.0123456789
10 คลังโจทย์

20. แมวน้ อยชื่อเหมียวยี ้ ตัดสินใจเดินเป็ นวงตำมจุดดังภำพ เริ่ มต้ นจำกจุด 𝑆 โดยแต่ละครัง้ มีควำม 𝑆
1
น่ำจะเป็ นเท่ำกับ 2 ที่จะย้ ำยไปยังจุดที่เชื่อมติดกันกับจุดเดิม เหมียวยี ้จะเดินไปเรื่ อยๆ จนกว่ำจะ
1 2
ผ่ำนครบทุกจุดแล้ วจึงหยุดเดิน จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่จดุ หมำยเลข 3 จะถูกเดินผ่ำนเพียงครัง้
เดียวและเป็ นจุดก่อนจุดสุดท้ ำยของกำรเดินของเหมียวยี ้ [สมำคม (พ.ย. 2560/9)] 3

ก. 13 ข. 14 ค. 15 ง. ไม่มีข้อใดถูกต้ อง
ตอบ ก
จะเห็นว่ำเดิน 3 ครัง้ ก็พอจะบอกได้ วำ่ มีทำงสำเร็จหรื อไม่ → จะดูกำรเดิน 3 ครัง้ ที่เป็ นไปได้ ทงหมด
ั้
แล้ วจึงค่อยๆ ไล่ย้อนขึ ้นมำเพื่อหำโอกำสที่เดินสำเร็จในกำรเดินครัง้ ก่อนหน้ ำ 𝑆

พิจำรณำ เส้ นทำง 𝑆 → 1 → 3 จะเห็นว่ำกำรเดินครัง้ ถัดไป มีโอกำสที่จะเดินต่อไปที่ 2 1 2



หรื อ 1 อย่ำงละ 12 เท่ำๆกัน 3 𝑆
𝑆 → 1 → 3 → 2 : ถ้ ำเดินแบบนี ้ ถือว่ำสำเร็ จ (โอกำสสำเร็ จ = 1)
2 1 2 1
𝑆 → 1 → 3 → 1 : ถ้ ำเดินแบบนี ้ ต่อให้ ครัง้ ต่อๆ ไปเดินยังไง ก็ ไม่สำเร็ จ
เพรำะผ่ำน 3 ไปแล้ วครัง้ หนึง่ แต่ยงั ไม่จบในจุดถัดไป (จะจบได้ ต้องเดินครบทุกเลข แต่ยงั ไม่
ผ่ำน 2) จึงไม่ที่ทำงที่จะผ่ำน 3 เพียงครัง้ เดียวก่อนจุดสุดท้ ำยได้ (โอกำสสำเร็ จ = 0)
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 → 3 มีโอกำสที่จะเดินต่อไปที่ 2 (โอกำสสำเร็ จ = 1) หรื อ 1 (โอกำสสำเร็ จ = 0) เท่ำๆ กัน
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 → 3 จะมีโอกำสสำเร็ จ = 1+0 2
= 2
1

พิจำรณำเส้ นทำง 𝑆→1→𝑆 จะเห็นว่ำกำรเดินครัง้ ถัดไป มีโอกำสที่จะเดินต่อไปที่ 2 หรื อ 1 อย่ำงละ 12 เท่ำๆกัน


𝑆 → 1 → 𝑆 → 2 : ถ้ ำเดินแบบนี ้ จะเดินผ่ำนเกือบทุกจุดแล้ ว ขำดแค่ 3 ดังนัน้ เมื่อไหร่ ก็ตำมทีเ่ ดินไปที่ 3 จะถือว่ำ
สิ ้นสุดกำรเดินทันที (3 คือจุดสุดท้ ำย) จึงไม่มีทำงผ่ำน 3 ก่อนจุดสุดท้ ำยได้ (โอกำสสำเร็ จ = 0)
𝑆 → 1 → 𝑆 → 1 : เดินแบบนี ้ จะยังบอกไม่ได้ วำ่ สำเร็ จหรื อไม่ → สมมติให้ โอกำสที่เดินแบบนี ้แล้ วสำเร็ จ = 𝑝
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 → 𝑆 มีโอกำสที่จะเดินต่อไปที่ 2 (โอกำสสำเร็ จ = 0) หรื อ 1 (โอกำสสำเร็ จ = 𝑝) เท่ำๆ กัน
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 → 𝑆 จะมีโอกำสสำเร็จ = 0+𝑝 2
= 2
𝑝

1 𝑝
จำกทังกรณี
้ 𝑆 → 1 → 3 (โอกำสสำเร็ จ = 2) และ 𝑆 → 1 → 𝑆 (โอกำสสำเร็ จ = 2)
ย้ อนกลับขึ ้นไปพิจำรณำเส้ นทำง 𝑆 → 1
จะเห็นว่ำ เส้ นทำง 𝑆 → 1 มีโอกำสที่จะเดินต่อไปที่ 3 (โอกำสสำเร็จ = 12) หรื อ 1 (โอกำสสำเร็ จ = 𝑝2) เท่ำๆ กัน
1 𝑝
+ 1+𝑝
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆→1 จะมีโอกำสสำเร็ จ = 2 2
2
= 4

แต่เส้ นทำง 𝑆 → 1 จะมีโอกำสสำเร็ จเหมือนกับเส้ นทำง 𝑆 → 1 → 𝑆 → 1 (เพรำะเดินมำอยูท่ ี่จดุ 1 เหมือนกัน และเคย


ผ่ำน 𝑆 กับ 1 สองจุดเหมือนกัน) แต่เรำเคยสมมติให้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 → 𝑆 → 1 มีโอกำสสำเร็ จ = 𝑝
ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 จะมีโอกำสสำเร็ จ = 𝑝 ด้ วย ทำให้ ได้ สมกำรคือ 1+𝑝
4
= 𝑝
1 + 𝑝 = 4𝑝
1
3
= 𝑝

เนื่องจำกจุด 1 กับ 2 มีควำมสมมำตรกัน ดังนัน้ เส้ นทำง 𝑆 → 1 กับ 𝑆 → 2 จะมีโอกำสสำเร็จเท่ำกัน คือ 13


ดังนัน้ จำกจุด 𝑆 ที่เป็ นจุดเริ่ มต้ น จะมีโอกำสเดินไปที่ 1 (โอกำสสำเร็ จ = 13) หรื อ 2 (โอกำสสำเร็ จ = 13) เท่ำๆ กัน
1 1
+ 1
ดังนัน้ จำกจุด 𝑆 จะมีโอกำสสำเร็ จ = 3 3
2
= 3

.0123456789
คลังโจทย์ 11

21. ต้องกำรสร้ำงจำนวนห้ำหลัก จำกเลขโดด 1, 2, 3 โดยที่แต่ละหลักมีตวั เลขซำ้ กันได้ และจำนวนห้ำหลักประกอบด้วย


ตัวเลข 1 อย่ำงน้อย 1 หลัก ตัวเลข 2 อย่ำงน้อย 1 หลัก และตัวเลข 3 อย่ำงมำก 2 หลัก จะมีจำนวนห้ำหลัก
ดังกล่ำวได้ทงั้ หมดกี่จำนวน [PAT 1 (ต.ค. 2558/38)]
ตอบ 160
เลข 3 จะใช้วิธีแบ่งกรณีนบั ส่วนเลข 1 กับเลข 2 จะใช้วิธีนบั แบบตรงข้ำม
ต้องมีเลข 3 อย่ำงมำก 2 หลัก → จะมีสำมกรณีคือ “ไม่มเี ลข 3 เลย” “มีเลข 3 หนึง่ หลัก” หรือ “มีเลข 3 สองหลัก”
กรณี ไม่มีเลข 3 เลย
มี 5 หลัก แต่ละหลักอำจเป็ นเลข 1 หรือ 2 ได้หลักละ 2 แบบ → จะได้จำนวนแบบทัง้ หมด = 25 = 32 แบบ
แต่โจทย์ตอ้ งกำรให้มเี ลข 1 อย่ำงน้อย 1 หลัก และเลข 2 อย่ำงน้อย 1 หลัก (คือต้องมีทงั้ เลข 1 และ เลข 2)
จะเห็นว่ำใน 32 แบบนี ้ จะมีแบบที่ใช้ไม่ได้อยู่ 2 แบบ คือ 1 ทัง้ หมด กับ 2 ทัง้ หมด (11111 กับ 22222)
ดังนัน้ จะเหลือจำนวนแบบที่ “มีทงั้ เลข 1 และ เลข 2” อยู่ = 32 − 2 = 30 แบบ
กรณี มีเลข 3 หนึง่ หลัก
ขัน้ ที่ 1: เลือกตำแหน่งให้เลข 3 → มี 5 หลัก จะเลือกได้ 5 แบบ
ขัน้ ที่ 2: ที่เหลือ 4 หลัก แต่ละหลักอำจเป็ นเลข 1 หรือ 2 ได้หลักละ 2 แบบ
จะได้จำนวนแบบทัง้ หมด = 24 = 16 แบบ
หักแบบที่ใช้ไม่ได้ 2 แบบ (คือ 1 ทัง้ หมด กับ 2 ทัง้ หมด) เหลือ = 16 − 2 = 14 แบบ
รวมจำนวนแบบ = 5 × 14 = 70 แบบ
กรณี มีเลข 3 สองหลัก
ขัน้ ที่ 1: เลือกตำแหน่งให้เลข 3 ทัง้ สองตัว → มี 5 หลัก จะเลือกได้ = (52) = 52 ∙∙ 41 = 10 แบบ
ขัน้ ที่ 2: ที่เหลือ 3 หลัก แต่ละหลักอำจเป็ นเลข 1 หรือ 2 ได้หลักละ 2 แบบ
จะได้จำนวนแบบทัง้ หมด = 23 = 8 แบบ
หักแบบที่ใช้ไม่ได้ 2 แบบ (คือ 1 ทัง้ หมด กับ 2 ทัง้ หมด) เหลือ = 8 − 2 = 6 แบบ
รวมจำนวนแบบ = 10 × 6 = 60 แบบ
รวมทุกกรณี จะได้จำนวนแบบ = 30 + 70 + 60 = 160 แบบ

22. กาหนดให้ สามี ภรรยา จานวน 4 คู่ มานัง่ รอบโต๊ ะกลม จงหาจานวนวิธีทงหมดในการจั
ั้ ดที่นงั่ โดยที่ผ้ ชู ายนัง่ สลับกับ
ผู้หญิง และ ไม่ให้ มีสามีภรรยาคูใ่ ดเลยนัง่ ติดกัน [สมาคม (พ.ย. 2559/20)]
ตอบ 12
ให้ สามี คือ H1 , H2 , H3 , H4 และ ภรรยา คือ W1 , W2 , W3 , W4 H1
เอา H1 ตอกไว้ ไม่ให้ วงหมุน H H
เนื่องจาก ชาย หญิง ต้ องนัง่ สลับกัน จึงเหลือที่นงั่ ให้ H2, H3, H4 แค่ 3 ที่
H
ดังนัน้ เลือกที่นงั่ ให้ H2, H3, H4 จะเลือกได้ 3! แบบ
ถัดมา W1 ต้ องไม่นงั่ ติดกับ H1 → เลือกได้ ซ้ ายล่าง หรื อไม่ก็ขวาล่าง ได้ 2 แบบ
เนื่องจาก W2, W3, W4 มีที่นงั่ ที่ไม่ติดกับสามีของตน 2 แบบเช่นกัน ดังนัน้ เมื่อ W1 ได้ ที่นงั่ แล้ ว W1 จะแย่งที่นงั่ 1 ที่
จาก 2 ที่ของ W อีกคนไป ทาให้ W คนนัน้ ไม่เหลือทางเลือกและต้ องถูกบังคับนัง่ ซึ่ง W คนนัน้ ก็จะไปแย่งที่นงั่ ของ W
คนอื่นต่อไปอีกเป็ นทอดๆ → เช่นกรณี W1 เลือกนัง่ ซ้ ายล่าง จะเป็ นดังนี ้
H1 H1 H1 H1
Wa Wa Wb Wa Wb
× ×
Hc Ha Hc Ha Hc Ha Hc Ha
×
W1 W1 W1 W1 Wc
Hb Hb Hb Hb
.0123456789
ถัดมา W1 ต้ องไม่นงั่ ติดกับ H1 → เลือกได้ ซ้ ายล่าง หรื อไม่ก็ขวาล่าง ได้ 2 แบบ
เนื่องจาก W2, W3, W4 มีที่นงั่ ที่ไม่ติดกับสามีของตน 2 แบบเช่นกัน ดังนัน้ เมื่อ W1 ได้ ที่นงั่ แล้ ว W1 จะแย่งที่นงั่ 1 ที่
จาก
12 คลั 2 ที่ของ W อีกคนไป ทาให้ W คนนัน้ ไม่เหลือทางเลือกและต้ องถูกบังคับนัง่ ซึ่ง W คนนัน้ ก็จะไปแย่งที่นงั่ ของ W
งโจทย์
คนอื่นต่อไปอีกเป็ นทอดๆ → เช่นกรณี W1 เลือกนัง่ ซ้ ายล่าง จะเป็ นดังนี ้
H1 H1 H1 H1
Wa Wa Wb Wa Wb
× ×
Hc Ha Hc Ha Hc Ha Hc Ha
×
W1 W1 W1 W1 Wc
Hb Hb Hb Hb

(กรณี W1 เลือกนัง่ ขวาล่าง ก็ทาแบบเดียวกัน แค่สลับซ้ ายขวา)


ดังนัน้ จะมี W1 แค่คนเดียว ที่มสี ทิ ธิเลือกที่นงั่ ได้ ได้ 2 แบบ → จะได้ จานวนแบบทังหมด
้ = 3! × 2 = 12 แบบ

23. มีลกู แก้วขนาดเดียวกัน 7 ลูก เป็ นลูกแก้วสีแดง 2 ลูก ลูกแก้วสีเขียว 2 ลูก และลูกแก้วสีขาว 3 ลูก ต้องการจัดเรียง
ลูกแก้วทัง้ 7 ลูกเป็ นแถวตรง โดยที่ลกู แก้วสองลูกใดๆ ทีเ่ รียงติดกัน มีสแี ตกต่างกัน จานวนวิธีจดั เรียงลูกแก้วดังกล่าว
เท่ากับเท่าใด [PAT 1 (มี.ค. 2560/32)]
ตอบ 38
ให้สแี ดงคือ R สีเขียวคือ G และสีขาวคือ W
จะเอา R กับ G (รวม 4 ลูก) มาเรียงกันก่อน แล้วค่อยเสียบ W ทัง้ สามลูกลงไป
จะเห็นว่าตอนเรียง R กับ G ทัง้ 4 ลูก ลูกสีเดียวกันจะยังติดกันได้อยู่ เพราะยังเอา W มาแทรกให้มนั แยกกันตอนหลังได้
ดังนัน้ การเสียบ W ตอนสุดท้าย จะขึน้ กับว่าตอนแรกมี R ติดกัน หรือ G ติดกัน ในรูปแบบไหน
→ จะแบ่งกรณี ตามการติดกันของ R และการติดกันของ G
กรณีติดกัน 2 คู่ : กรณีนี ้ จะมี 2 แบบ คือ R R G G กับ G G R R
จะเห็นว่าจาเป็ นต้องเสียบ W สองลูกลงไปแทรก ระหว่างคูท่ ตี่ ิดกันทัง้ 2 คู่ (เช่น R W R G W G)
W อีกลูกที่เหลือ ต้องไม่ติดกับ W สองลูกแรก จะเหลือช่อง __ R W R __ G W G __ ให้เสียบได้ 3 ช่อง
เลือก 1 ช่อง ให้ W ลูกที่เหลือ ได้ 3 แบบ → รวมจานวนแบบกรณีนี ้ จะได้ 2 × 3 = 6 แบบ
กรณีติดกัน 1 คู่ : กรณีนี ้ จะมี 2 แบบ คือ G R R G กับ R G G R
จะเห็นว่าจาเป็ นต้องเสียบ W หนึง่ ลูกลงไปแทรก ระหว่างคูท่ ตี่ ิดกัน (เช่น G R W R G)
W อีกสองลูกที่เหลือ ต้องไม่ติดกับ W ลูกแรก จะเหลือช่อง __ G __ R W R __ G __ ให้เสียบได้ 4 ช่อง
เลือก 2 ช่องจาก 4 ช่อง ให้ W สองลูกที่เหลือได้ (42) = 4×3
2
= 6 แบบ → รวมจานวนแบบ 2 × 6 = 12 แบบ

กรณีไม่ติดกันเลย : กรณีนี ้ จะมี 2 แบบ คือ R G R G และ G R G R


จะมีช่อง __ R __ G __ R __ G __ ให้เสียบ W ได้ 5 ช่อง
เลือก 3 ช่องจาก 5 ช่องให้ W ทัง้ สามลูกได้ (53) = 5×4×3
3×2
= 10 แบบ → รวมจานวนแบบ 2 × 10 = 20 แบบ
รวมทุกกรณี จะได้จานวนแบบทัง้ หมด = 6 + 12 + 20 = 38 แบบ

.0123456789
คลังโจทย์ 13

24. เกมเดินหมุดทอดลูกเต๋ำ มีกติกำคือ ให้เดินหมุดไปทีละช่อง ตำมจำนวนที่ได้จำกกำรทอดลูกเต๋ำ 6 หน้ำหนึง่ ครึง่ โดย


เมื่อเริม่ ต้นเกม ให้หมุดอยูท่ ตี่ ำแหน่งหมำยเลข 0 และเกมจบลงเมื่อหมุดมำหยุดอยูท่ ี่ตำแหน่งหมำยเลข 7 หำก
ตำแหน่งรวมเกิน 7 ให้เดินหมุดย้อนกลับหลัง เช่น ถ้ำหมุดอยูท่ ตี่ ำแหน่งหมำยเลข 4 และทอดลูกเต๋ำได้ตวั เลข 5 เมื่อ
เดินเสร็จสิน้ หมุดจะมำอยูท่ ี่ตำแหน่งหมำยเลข 5
0 1 2 3 4 5 6 7

จงหำควำมน่ำจะเป็ นที่เกมจะจบลงภำยใน 5 ตำ [สมำคม (พ.ย. 2562/19)]


671
ตอบ 1296
จะใช้วิธีหำควำมน่ำจะเป็ นของเหตุกำรณ์ตรงข้ำม คือ หำควำมน่ำจะเป็ นที่เกมจะไม่จบใน 5 ตำ แล้วเอำ 1 ตัง้ ลบ
𝑃(ไม่จบใน 5 ตำ) = 𝑃(ไม่จบในตำที่ 1 และ ไม่จบในตำที่ 2 และ … และ ไม่จบในตำที่ 5)
= 𝑃(ไม่จบในตำที่ 1) × 𝑃(ไม่จบในตำที่ 2 เมื่อตำที่ 1 ไม่จบ) × 𝑃(ไม่จบในตำที่ 3 เมื่อตำที่ 2 ไม่
จบ) × … × 𝑃(ไม่จบในตำที่ 5 เมือ่ ตำที่ 4 ไม่จบ)
ตำแรก ยังไงก็ไม่จบ เพรำะห่ำงจุดหมำย 7 ช่อง แต่แต้มลูกเต๋ำสูงสุดคือ 6 → 𝑃(ไม่จบในตำที่ 1) = 1
เมื่อตำแรกไม่จบ หมุดจะเดินไปหยุดที่ช่อง 1 ถึง 6 ช่องใดช่องหนึง่ ซึง่ ไม่วำ่ หยุดที่ช่องไหน จะมีแต้มลูกเต๋ำเพียงแบบเดียว
ที่จะทำให้จบเกมได้ในครัง้ ถัดไป (เช่น ถ้ำหยุดที่ช่อง 1 ต้องโยนได้แต้ม 6 ถ้ำหยุดที่ช่อง 2 ต้องโยนได้แต้ม 5 …)
นั่นคือ จะมีแต้มลูกเต๋ำ 5 แบบ ที่จะทำให้ไม่จบในตำที่ 2 → 𝑃(ไม่จบในตำที่ 2 เมื่อตำที่ 1 ไม่จบ) = 56
เมื่อตำที่สองไม่จบ หมุดจะเดินไปหยุดที่ช่อง 2 ถึง 6 ช่องใดช่องหนึง่ (เดินกลับได้อย่ำงมำก 5 ช่อง) แต่ไม่วำ่ อยูท่ ี่ช่องไหน
ก็จะมีแต้มลูกเต๋ำเพียงแบบเดียวที่จะทำให้จบเกมได้ในครัง้ ถัดไป (เช่น ถ้ำหยุดที่ช่อง 2 ต้องโยนได้แต้ม 5 ถ้ำหยุดในช่องที่
5
3 ต้องโยนได้แต้ม 6 …) → คิดแบบเดิม จะได้ 𝑃(ไม่จบในตำที่ 2 เมื่อตำที่ 1 ไม่จบ) = 6
จะเห็นว่ำ ควำมน่ำจะเป็ นที่จะเกมไม่จบในตำถัดไป เมื่อกำหนดให้ตำที่แล้วไม่จบ = 56 เสมอ
5 4 625 625 671
ดังนัน้ 𝑃(ไม่จบใน 5 ตำ) = 1 × ( ) =
6 1296
→ 𝑃(จบใน 5 ตำ) = 1 −
1296
=
1296

25. กาหนดให้ 𝐴 = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7}


จงหาจานวนฟั งก์ชนั 𝑓 : 𝐴 → 𝐴 ทังหมดซึ
้ ง่ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑛))) = 𝑛 ทุก 𝑛 ∈ 𝐴 [สมาคม (พ.ย. 2559/25)]

ตอบ 351
ให้ 𝑎 ∈ 𝐴 : กรณี 𝑓(𝑎) = 𝑎 จะทาให้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑎 ))
= 𝑓( 𝑎 )
= 𝑎 สอดคล้ องกับเงื่อนไข
กรณี 𝑓(𝑎) ≠ 𝑎 สมมติให้ 𝑓(𝑎) = 𝑏 เมื่อ 𝑏≠𝑎
จะเห็นว่า 𝑓(𝑏) = 𝑎 ไม่ได้ และ 𝑓(𝑏) = 𝑏 ไม่ได้
ไม่งนั ้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑏 )) ไม่งนั ้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑏 ))
= 𝑓( 𝑎 ) = 𝑓( 𝑏 )
= 𝑏 = 𝑏
นัน่ คือ จะย้ อนไปซ ้า 𝑎 หรื อ 𝑏 ไม่ได้ → ให้ 𝑓(𝑏) = 𝑐 เมื่อ 𝑐 ≠ 𝑎 และ 𝑐 ≠ 𝑏
𝑓(𝑏)
𝑎, 𝑏, 𝑐 ครบ 3 ตัวแล้ ว ดังนัน้ 𝑓(𝑐) ต้ องย้ อนกลับไปเป็ น 𝑎เพื่อให้ 𝑓(𝑓(𝑓(𝑎))) = 𝑓(𝑓( 𝑏 ))
= 𝑓( 𝑐 )
= 𝑎
ดังนัน้ การจับคูใ่ น 𝑓 จะมีได้ แค่ 2 แบบ คือ “ไปที่ตวั เดิม” 𝑓(𝑎) = 𝑎 กับ “กลุม่ หมุน 3 ตัว” 𝑓(𝑎) = 𝑏
𝑓(𝑏) = 𝑐
→ จะแบ่งกรณีนบ ั 𝑓 ตามกลุม่ พวกนี ้ 𝑓(𝑐) = 𝑎

กรณีที่ 𝑓 ไม่มี กลุม่ หมุน : แสดงว่า 𝑓(𝑎) = 𝑎 ทุก 𝑎 ∈ 𝐴 → มี 1 แบบ


.0123456789 ้ ่ 1 เลือก 3 ตัวทีจ่ ะใช้ ในกลุม่ หมุนได้ (73) = 7∙6∙5 = 35 วิธี
กรณีที่ 𝑓 มีกลุม่ หมุน 1 กลุม่ : ขันที
= 𝑓( 𝑐 )
= 𝑎
ดังนัน้ การจับคูใ่ น 𝑓 จะมีได้ แค่ 2 แบบ คือ “ไปที่ตวั เดิม” 𝑓(𝑎) = 𝑎 กับ “กลุม่ หมุน 3 ตัว” 𝑓(𝑎) = 𝑏
14 คลังโจทย์ 𝑓(𝑏) = 𝑐
→ จะแบ่งกรณีนบ ั 𝑓 ตามกลุม่ พวกนี ้ 𝑓(𝑐) = 𝑎

กรณีที่ 𝑓 ไม่มี กลุม่ หมุน : แสดงว่า 𝑓(𝑎) = 𝑎 ทุก 𝑎 ∈ 𝐴 → มี 1 แบบ


้ ่ 1 เลือก 3 ตัวทีจ่ ะใช้ ในกลุม่ หมุนได้ (73) = 7∙6∙5
กรณีที่ 𝑓 มีกลุม่ หมุน 1 กลุม่ : ขันที 3∙2
= 35 วิธี
ขันที
้ ่ 2 เรี ยง 3 ตัวในขันที
้ ่ 1 เป็ นวงกลม ได้ (3 − 1)! = 2 วิธี
(ที่เหลืออีก 4 ตัว ต้ องโยงไปที่ตวั เดิม เลือกไม่ได้ )
รวมจานวนแบบ = 35 × 2 = 70 แบบ
7∙6∙5 4∙3∙2
(7)(4) ∙
กรณีที่ 𝑓 มีกลุม่ หมุน 2 กลุม่ : ขันที
้ ่ 1 เลือกตัวทีจ่ ะใช้ ใน 2 กลุม่ หมุน จะได้ 32!3 = 3∙2 2! 3∙2 = 70 วิธี
ขันที
้ ่ 2 เรี ยงกลุม่ หมุนทัง้ 2 กลุม่ เป็ นวงกลม ได้ (3 − 1)! (3 − 1)! = 4 วิธี
(ที่เหลืออีก 1 ตัว ต้ องโยงไปที่ตวั เดิม เลือกไม่ได้ )
รวมจานวนแบบ = 70 × 4 = 280 แบบ
รวมทุกกรณี จะได้ จานวนฟั งก์ชนั 𝑓 คือ 1 + 70 + 280 = 351 ฟั งก์ชนั

.0123456789

You might also like