Professional Documents
Culture Documents
66) 1
29 May 2023
ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบที่ถกู ที่สดุ จานวน 25 ข้อ ข้อละ 3 คะแนน รวม 75 คะแนน
1. ให้ 𝑝(𝑥 ) = 𝑥 3 + (𝑘 − 1)𝑥 2 − 𝑘 3 เมื่อ 𝑘 เป็ นจานวนจริงลบ
ถ้าเศษเหลือจากการหาร 𝑝(𝑥 ) ด้วย 𝑥 − 3 เท่ากับ 18
แล้วเศษเหลือจากการหาร 𝑝(𝑥 ) ด้วย 2𝑥 + 1 เท่ากับเท่าใด
1. 3 2. 18 3. 22 4. 207 8
5. 209
8
2 log 625
5. ถ้า log 1 256 +
log 5
= 3𝑎 เมื่อ 𝑎 เป็ นจานวนจริง แล้วค่ าของ 𝑎 เท่ากับเท่าใด
4
33
1. log 3 2 2. log 3 4 3. log 3
4
4. log 3 10 5. log 3 12
6. รูปสี่เหลี่ยม ABCD มีมมุ A ขนาด 60 องศา ด้านประกอบมุม A ยาวเท่ากัน มุม C เป็ นมุมที่อยู่ตรงข้ามมุม A มี
ขนาด 120 องศา และด้านประกอบมุม C ยาว 30 และ 50 หน่วย ด้าน AB ยาวกี่หน่วย
1. 80 2. 70 3. 60 4. 50 5. 40
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 3
5 3
7. tan (arccos ( ) + arcsin ( ))
13 5
เท่ากับเท่าใด
63 7
1. −
16
2. −
40
3. 98 4. 32
25
5. 63
20
8. ให้ 𝐴 = { −1, 0 , 1 , 2 }
𝐵 เป็ นสับเซตของ 𝐴 โดยที่ 𝐵 ≠ ∅ และ 2 ∉ 𝐵
และ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั จาก 𝐴 ไปทั่วถึง 𝐵 โดยที่ 𝑓 (−1) = 1 และ 𝑓 (1) = −1
พิ จารณาข้อความต่ อไปนี ้
ก) ถ้า 𝑓(2) > 0 แล้ว 𝑓(2) = 1
ข) 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั เพิ่ ม
ค) 𝑓 มีฟังก์ชนั ผกผัน
จากข้อความ ก) ข) และ ค) ข้างต้น ข้อใดถูกต้อง
1. ข้อความ ก) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 2. ข้อความ ข) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้
3. ข้อความ ค) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 4. ข้อความ ก) และ ข) ถูกต้องเท่านัน้
5. ข้อความ ก) และ ค) ถูกต้องเท่านัน้
𝑥 −1]
9. ให้ 𝐴=[ และ 𝐵 = [−2 0] เมื่อ 𝑥 เป็ นจานวนจริง
0 3 𝑥 1
ถ้า det(𝐵 −1 𝐴) = −6 แล้วค่ าของ 𝑥 เท่ากับเท่าใด
1. −4 2. −1 3. 1 4. 4 5. 9
4 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66)
∞
10. ถ้า 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎𝑛 , … เป็ นลาดับอนันต์ โดยที่ 𝑎𝑛 = 1𝑛 − 𝑛+2
1
แล้ว Σ 𝑎𝑛 เท่ากับเท่าใด
𝑛=1
1. 0 2. 23 3. 1
3
4. 2
5. หาผลบวกไม่ได้ เพราะอนุกรมนีเ้ ป็ นอนุกรมลู่ออก
11. กาหนดแบบรูปของแผนภาพบันไดไม้ขีดไฟดังนี ้
12. โต้งกูเ้ งินจากวินเพื่ อการลงทุนจานวน 200,000 บาท โดยโต้งทาสัญญากับวินว่าจะชาระเงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้ ทัง้ หมด
ในอีก 2 ปี ข้างหน้า และวินกาหนดอัตราดอกเบีย้ 2% ต่ อปี โดยคิ ดดอกเบีย้ แบบทบต้นทุกปี เมื่อครบ 2 ปี ตาม
สัญญา โต้งขอเลื่อนเวลาชาระออกไปอีก 1 ปี โต้งและวินจึงได้ทาสัญญาฉบับใหม่ โดยกาหนดให้เงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้
ทัง้ หมดจาก 2 ปี ที่ผ่านมาเป็ นยอดเงินกูใ้ นสัญญาฉบับใหม่นี ้ และปรับอัตราดอกเบีย้ ใหม่เป็ น 3% ต่ อปี โดยคิ ด
ดอกเบีย้ แบบทบต้นทุก 6 เดื อน เมื่อครบกาหนด 1 ปี ตามสัญญาฉบับใหม่ โต้งจะต้องชาระเงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้
ทัง้ หมดกี่บาท
1. 200,000 (1.02)2 (1.015)2 2. 200,000 (1.02)2 (1.03)
3. 200,000 (1.02)2 (1.03)2 4. 200,000 [(1.02)2 + (1.015)2 ]
5. 200,000 [(1.02)2 + (1.03)2 ]
Z
16. กาหนดทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ABCDEFGH ในระบบพิ กดั ฉากสามมิติ
F(0,1,2)
ที่มี จุด B(1, 1, 0) จุด C(1, 2, 0) และจุด F(0, 1, 2) E
เมื่อลาก ̅̅ ̅̅ และ CE
AC ̅̅̅̅ จะได้ AĈ E = 𝜃 ดังรูป
G H
ค่ าของ sec 𝜃 เท่ากับเท่าใด
1 1
1. √10 2. 10
A D Y
3. √10 4. 10 0
𝜃
√5
5. √2 B(1,1,0) C(1,2,0)
X
2 2
17. ให้จดุ (𝑎, 𝑏) เป็ นจุดบนวงรี 𝑥2 + 𝑦3 = 1 ถ้าระยะห่างระหว่างจุด (𝑎, 𝑏) กับจุด (0, − 54) เท่ากับระยะระหว่าง
จุด (𝑎, 𝑏) กับเส้นตรง 𝑦 = − 34 แล้วค่ าของ 𝑏 เท่ากับเท่าใด
1. −3 2. − 32 3. − 34 4. 32 5. 3
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 7
20. ผลการสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่ อเข้าศึ กษาต่ อชัน้ มัธยมศึ กษาปี ที่ 4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนกั เรียนเข้าสอบ
ทัง้ หมด 200 คน แสดงด้วยตารางแจกแจงความถี่ของคะแนนของนักเรียนทัง้ หมด ดังนี ้
คะแนนสอบ (คะแนน) จานวนนั กเรียน (คน)
50 2
55 10
60 48
65 40
70 24
75 20
80 20
85 16
90 10
95 6
100 4
รวม 200
23. กาหนดกราฟของฟั งก์ชนั 𝑓 เป็ นพาราโบลาที่จดุ ยอดอยู่ที่จดุ (2, 4) และ ตัดแกน X ที่จดุ (0, 0) และ (4, 0)
และกราฟของฟั งก์ชนั 𝑔 และ ℎ เป็ นเส้นตรง ดังรูป
Y
ℎ 6
4
𝑓
𝑔
2
X
0 2 4 6
−2
−2
−4
ข้อใดถูกต้อง
2 4
1. 𝑓 ′ (𝑥 ) = ℎ(𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
2. 𝑓 ′ (𝑥 ) = ℎ(𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −3∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
3. 𝑓 ′ (𝑥 ) = ℎ(𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = 4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
4. 𝑓 ′ (𝑥 ) = 𝑔 (𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
5. 𝑓 ′ (𝑥 ) = 𝑔 (𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = 4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 11
พิ จารณาข้อความต่ อไปนี ้
ก) lim (𝑓 (𝑥 ) ∙ 𝑔 (𝑥 )) = 1
𝑥→1
ข) lim (𝑓 (𝑥 ) + 𝑔 (𝑥 )) = 0
𝑥→−1
ค) 𝑓 + 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั ต่ อเนื่องบนช่วง (2, 4]
จากข้อความ ก) ข) และ ค) ข้างต้น ข้อใดถูกต้อง
1. ข้อความ ก) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 2. ข้อความ ข) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้
3. ข้อความ ค) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 4. ข้อความ ก) และ ข) ถูกต้องเท่านัน้
5. ข้อความ ข) และ ค) ถูกต้องเท่านัน้
𝑧 0 0 𝑧
𝑧 −2 −1.5 −1 −0.5 0.5 1 1.5 2
พืน้ ที่ใต้เส้นโค้ง 0.02 0.07 0.16 0.31 0.69 0.84 0.93 0.98
ปกติมาตรฐาน
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 13
เฉลย
1. 4 7. 1 13. 5 19. 5 25. 3
2. 4 8. 1 14. 5 20. 1 26. 65
3. 4 9. 4 15. 2 21. 2 27. 480
4. 5 10. 4 16. 3 22. 3 28. 8.96
5. 2 11. 3 17. 2 23. 1 29. 0.75
6. 2 12. 1 18. 5 24. 5 30. 40
แนวคิ ด
1. ให้ 𝑝(𝑥 ) = 𝑥 3 + (𝑘 − 1)𝑥 2 − 𝑘 3 เมื่อ 𝑘 เป็ นจานวนจริงลบ
ถ้าเศษเหลือจากการหาร 𝑝(𝑥 ) ด้วย 𝑥 − 3 เท่ากับ 18
แล้วเศษเหลือจากการหาร 𝑝(𝑥 ) ด้วย 2𝑥 + 1 เท่ากับเท่าใด
207 209
1. 3 2. 18 3. 22 4. 8
5. 8
ตอบ 4
จากทฤษฎีเศษ 𝑝(𝑥 ) ด้วย 𝑥 − 3 จะเหลือเศษเท่ากับ 𝑝 (3) ดังนัน้
𝑝(3) = 18
33 + (𝑘 − 1)32 − 𝑘 3 = 18 𝑘 (9 − 𝑘 2 ) = 0
27 + 9𝑘 − 9 − 𝑘 3 = 18 𝑘 (3 − 𝑘 )(3 + 𝑘 ) = 0
9𝑘 − 𝑘3 = 0 𝑘 = 0 , 3 , −3 → โจทย์ให้ 𝑘 เป็ นลบ
6. รูปสี่เหลี่ยม ABCD มีมมุ A ขนาด 60 องศา ด้านประกอบมุม A ยาวเท่ากัน มุม C เป็ นมุมที่อยู่ตรงข้ามมุม A มี
ขนาด 120 องศา และด้านประกอบมุม C ยาว 30 และ 50 หน่วย ด้าน AB ยาวกี่หน่วย
1. 80 2. 70 3. 60 4. 50 5. 40
ตอบ 2
D
ด้านประกอบมุม A ยาวเท่ากัน → ให้ AB = 𝑥 = AD 50
ด้านประกอบมุม C ยาว 30 และ 50 หน่วย → ไม่รวู ้ ่าด้านไหน 30 หน่วย ด้านไหน 50 หน่วย 𝑥 C
120°
แต่ ไม่ว่าจะเป็ นแบบไหนก็ได้ AB ยาวเท่ากัน → สมมติ ให้ BC = 30 , CD = 50 ดังรูป 30
ใช้กฏของ cos ใน ∆BCD จะได้ BD = 30 + 50 − 2(30)(50) cos 120°
2 2 2
A
60°
𝑥
B
1
BD2 = 302 + 502 − 2(30)(50) (− )
2
= 900 + 2500 + 1500 = 4900
BD = 70
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 17
เนื่องจาก AB = AD ดังนัน้ ∆ABD เป็ น ∆ หน้าจั่ว และเนื่องจากมุม A = 60° จะได้มมุ ที่ฐาน = 180°−60°
2
= 60°
จะเห็นว่า ∆ABD มีมมุ ภายในทุกมุม = 60° ดังนัน้ ∆ABD เป็ น ∆ ด้านเท่า ซึ่งจะได้ AB = AD = BD = 70
5 3
7. tan (arccos ( ) + arcsin ( ))
13 5
เท่ากับเท่าใด
63 7
1. −
16
2. −
40
3. 98 4. 32
25
5. 63
20
ตอบ 1
5 5
ให้ 𝐴 = arccos (13 ) จะได้ cos 𝐴 =
13
และให้ 𝐵 = arcsin (35) จะได้ sin 𝐵 = 35
5
เนื่องจาก 13 และ 35 เป็ นบวก ดังนัน้ ทัง้ 𝐴 และ 𝐵 มีค่าระหว่าง 0° และ 90°
5
วาดมุม 𝐴 และ 𝐵 ในสามเหลี่ยมที่ cos 𝐴 = 13 และ sin 𝐵 = 35 พร้อมหาด้านที่เหลือด้วยพี ทากอรัสได้ดังรูป
5
3
13 = √132 − 52 = √169 − 25
𝐵
= √144
𝐴 = 12 = √52 − 32
5 = √25 − 9 = √16 = 4
5 3
ดังนัน้ tan (arccos ( ) + arcsin ( )) = tan(𝐴 + 𝐵 )
13 5
tan 𝐴 + tan 𝐵
=
1 − tan 𝐴 tan 𝐵 จากรู ปสามเหลี่ยม จะได้
12 3 12
= 5
+
4 tan 𝐴 =
5
และ tan 𝐵 = 34
12 3
1 − ( )( )
5 4
48 + 15
20 63 20 63
= 20 − 36 = × = −
20 −16 16
20
8. ให้ 𝐴 = { −1, 0 , 1 , 2 }
เป็ นสับเซตของ 𝐴 โดยที่ 𝐵 ≠ ∅ และ 2 ∉ 𝐵
𝐵
และ 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั จาก 𝐴 ไปทั่วถึง 𝐵 โดยที่ 𝑓 (−1) = 1 และ 𝑓 (1) = −1
พิ จารณาข้อความต่ อไปนี ้
ก) ถ้า 𝑓(2) > 0 แล้ว 𝑓(2) = 1
ข) 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั เพิ่ ม
ค) 𝑓 มีฟังก์ชนั ผกผัน
จากข้อความ ก) ข) และ ค) ข้างต้น ข้อใดถูกต้อง
1. ข้อความ ก) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 2. ข้อความ ข) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้
3. ข้อความ ค) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 4. ข้อความ ก) และ ข) ถูกต้องเท่านัน้
5. ข้อความ ก) และ ค) ถูกต้องเท่านัน้
ตอบ 1
ก) เนื่องจาก 𝑓 เป็ นฟั งก์ชนั ไปที่ 𝐵 และ 𝐵 ⊂ 𝐴 และ 2 ∉ 𝐵 ดังนัน้ 𝑓 (2) ต้องอยู่ใน { −1 , 0 , 1 } เท่านัน้
ซึ่งถ้า 𝑓 (2) > 0 แล้ว จะเหลือแค่ 𝑓 (2) = 1 ได้ตัวเดี ยวเท่านัน้ → ก) ถูก
𝑥 เพิ่ม
ข) จาก 𝑓( −1) = 1 และ 𝑓(1) = −1 จะเห็นว่า 𝑥 เพิ่ ม แต่ 𝑦 ลด ผิดเงื่อนไขของฟั งก์ชนั เพิ่ ม → ข) ผิด
𝑦 ลด
18 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66)
𝑥 −1]
9. ให้ 𝐴=[ และ 𝐵 = [−2 0] เมื่อ 𝑥 เป็ นจานวนจริง
0 3 𝑥 1
ถ้า det(𝐵 −1 𝐴) = −6 แล้วค่ าของ 𝑥 เท่ากับเท่าใด
1. −4 2. −1 3. 1 4. 4 5. 9
ตอบ 4
det(𝐵 −1 𝐴) = −6
det (𝐵 −1 ) ∙ det(𝐴 ) = −6
1
∙ det (𝐴) = −6
det (𝐵)
1
( −2 )(1 ) − (𝑥)(0 )
∙ ((𝑥 )(3) − (0)( −1)) = −6
1
− ∙ 3𝑥 = −6
2
𝑥 = 4
∞
10. ถ้า 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎𝑛 , … เป็ นลาดับอนันต์ โดยที่ 𝑎𝑛 = 1𝑛 − 𝑛+2
1
แล้ว Σ 𝑎𝑛 เท่ากับเท่าใด
𝑛=1
2
1. 0 2. 3 3. 1
3
4. 2
5. หาผลบวกไม่ได้ เพราะอนุกรมนีเ้ ป็ นอนุกรมลู่ออก
ตอบ 4
∞
Σ 𝑎𝑛 = 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 +…
𝑛=1
1 1 1 1 1 1 1 1 1 1
= ( − ) + ( − ) + ( − ) + ( − ) + ( − ) +…
1 3 2 4 3 5 4 6 5 7
11. กาหนดแบบรูปของแผนภาพบันไดไม้ขีดไฟดังนี ้
12. โต้งกูเ้ งินจากวินเพื่ อการลงทุนจานวน 200,000 บาท โดยโต้งทาสัญญากับวินว่าจะชาระเงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้ ทัง้ หมด
ในอีก 2 ปี ข้างหน้า และวินกาหนดอัตราดอกเบีย้ 2% ต่ อปี โดยคิ ดดอกเบีย้ แบบทบต้นทุกปี เมื่อครบ 2 ปี ตาม
สัญญา โต้งขอเลื่อนเวลาชาระออกไปอีก 1 ปี โต้งและวินจึงได้ทาสัญญาฉบับใหม่ โดยกาหนดให้เงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้
ทัง้ หมดจาก 2 ปี ที่ผ่านมาเป็ นยอดเงินกูใ้ นสัญญาฉบับใหม่นี ้ และปรับอัตราดอกเบีย้ ใหม่เป็ น 3% ต่ อปี โดยคิ ด
ดอกเบีย้ แบบทบต้นทุก 6 เดื อน เมื่อครบกาหนด 1 ปี ตามสัญญาฉบับใหม่ โต้งจะต้องชาระเงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้
ทัง้ หมดกี่บาท
1. 200,000 (1.02)2 (1.015)2 2. 200,000 (1.02)2 (1.03)
3. 200,000 (1.02)2 (1.03)2 4. 200,000 [(1.02)2 + (1.015)2 ]
5. 200,000 [(1.02)2 + (1.03)2 ]
ตอบ 1
ช่วง 2 ปี แรก ทบต้นทุกปี จะได้ 𝑛 = 2 ดอกเบีย้ 𝑟 = 2% และเงินต้น 𝑃 = 200,000 บาท
2 2
จะได้มลู ค่ ารวมเมื่อผ่านไป 2 ปี = 𝑃 (1 + 𝑟)𝑛 = 200,000(1 + 100 ) = 200,000(1.02)2 บาท
ช่วง 1 ปี หลัง ทบต้นทุก 6 เดื อน = ปี ละ 2 ครัง้ → คิ ดเป็ นจานวนงวด 𝑛 = 2 งวด
3%
→ ดอกเบีย้ 3% ต่ อปี คิ ดเป็ นดอกเบีย้ ต่ องวด 𝑟 = = 1.5%
2
→ เงินต้น 𝑃 = เงินหลังจบ 2 ปี แรก = 200,000(1.02)2 บาท
20 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66)
1.5 2
จะได้เงินรวมตอนสุดท้าย = 𝑃 (1 + 𝑟)𝑛 = 200,000(1.02)2 (1 +
100
)
= 200,000(1.02)2 (1.015 )2 บาท
13. ให้จานวนเชิงซ้อน 𝑢 = cos 𝜋3 + 𝑖 sin 𝜋3 และ 𝑣 เป็ นรากที่ 3 ของจานวนเชิงซ้อน cos 𝜋2 + 𝑖 sin 𝜋2
ถ้าส่วนจริงของ 𝑢𝑣 เป็ นจานวนจริงลบ แล้วส่วนจริงของ 𝑣 เท่ากับเท่าใด
1. cos 𝜋6 2. cos 5𝜋 6
3. cos 5𝜋
4
4. cos 4𝜋3
5. cos 3𝜋
2
ตอบ 5
หารากที่ 3 → เขี ยน cos 𝜋2 + 𝑖 sin 𝜋2 ในรูปเชิงขัว้ จะได้ 1 cis 𝜋2 = 1 cis 90°
จะได้รากที่ 3 รากแรกคื อ 3√1 cis 90° 3
= 1 cis 30°
ที่เหลืออีก 2 ราก จะได้จากการเพิ่ มมุมทีละ 360° 3
= 120° → จะได้รากที่เหลือคื อ 1 cis 150° และ 1 cis 270°
ดังนัน้ ค่ าที่เป็ นไปได้ของ 𝑣 คื อ 1 cis 30° , 1 cis 150° , 1 cis 270°
เขี ยน 𝑢 ในรูปเชิงขัว้ จะได้ 𝑢 = 1 cis 𝜋3 = 1 cis 60°
𝑢 1 cis 60° 1 cis 60° 1 cis 60°
จะได้ค่าที่เป็ นไปได้ของ 𝑣
คื อ 1 cis 30°
,
1 cis 150°
,
1 cis 270°
𝑟1 cis 𝜃1
=
𝑟1
cis(𝜃1 − 𝜃2 )
𝑟2 cis 𝜃2 𝑟2
= 1 cis 30° , 1 cis( −90°) , 1 cis(−210°)
แต่ ส่วนจริงของ 𝑣 เป็ นลบ แสดงว่า 𝑢𝑣 ต้องอยู่ในจตุภาคที่ 2 หรือ 3
𝑢
ส่วนจินตภาพ (+)
ซึ่งจะมีแค่ 1 cis(−210°) เท่านัน้ 2 1
1 cis 60° 𝑢
ส่วนจริง (−) ส่วนจริง (+)
ย้อนกลับหา 𝑣 จะได้ 1 cis(−210°) = 1 cis 270° = 𝑣
3 4
จะได้ 𝑣 = 1 cis 270° = cos 270° + 𝑖 sin 270° ส่วนจินตภาพ (−)
Z
16. กาหนดทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ABCDEFGH ในระบบพิ กดั ฉากสามมิติ
ที่มี จุด B(1, 1, 0) จุด C(1, 2, 0) และจุด F(0, 1, 2) F(0,1,2) E
เมื่อลาก ̅̅ ̅̅ และ ̅CE
AC ̅̅̅ จะได้ AĈ E = 𝜃 ดังรูป
G H
ค่ าของ sec 𝜃 เท่ากับเท่าใด
1 1
1. √10 2. 10
A D Y
3. √10 4. 10 0
𝜃
√5
5. √2 B(1,1,0) C(1,2,0)
X
ตอบ 3
𝜃 เป็ นมุมระหว่าง ⃑⃑⃑⃑⃑
CA และ ⃑⃑⃑⃑
CE → จะใช้สตู ร ⃑⃑⃑⃑⃑
CA ∙ ⃑⃑⃑⃑
CE = |⃑⃑⃑⃑⃑
CA| |⃑⃑⃑⃑
CE | cos 𝜃
22 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66)
หาพิ กดั A → ใช้ B(1, 1, 0) มาลดค่ าพิ กดั 𝑋 ให้เหลือ 0 จะได้พิกดั A(0, 1 ,0)
0−1 −1
จากพิ กดั C(1, 2, 0) จะได้ ⃑⃑⃑⃑⃑
CA = [ 1 − 2] = [−1] และ |⃑⃑⃑⃑⃑ CA| = √ (−1)2 + (−1) 2 + 0 = √2
0−0 0
หาพิ กดั E → ใช้ F(0, 1, 2) มาเพิ่ มค่ าพิ กดั 𝑌 ขึ น้ เท่ากับความยาว BC (= 1) จะได้พิกดั E(0, 2, 2)
0−1 −1
จากพิ กดั C(1, 2, 0) จะได้ CE
⃑⃑⃑⃑ = [2 − 2] = [ 0 ] และ |CE ⃑⃑⃑⃑ | = √(−1)2 + 02 + 22 = √5
2−0 2
−1 −1
และจะได้ ⃑⃑⃑⃑⃑
CA ∙ ⃑⃑⃑⃑
CE = [−1] ∙ [ 0 ] = (−1)(−1) + (−1)(0) + (0)(2) = 1
0 2
แทนใน ⃑⃑⃑⃑⃑
CA ∙ ⃑⃑⃑⃑
CE = |⃑⃑⃑⃑⃑
CA| |⃑⃑⃑⃑
CE | cos 𝜃
1 = √2 √5 cos 𝜃
1
= cos 𝜃
√10 sec เป็ นส่วนกลับของ cos
√10 = sec 𝜃
2 2
17. ให้จดุ (𝑎, 𝑏) เป็ นจุดบนวงรี 𝑥2 + 𝑦3 = 1 ถ้าระยะห่างระหว่างจุด (𝑎, 𝑏) กับจุด (0, − 54) เท่ากับระยะระหว่าง
จุด (𝑎, 𝑏) กับเส้นตรง 𝑦 = − 34 แล้วค่ าของ 𝑏 เท่ากับเท่าใด
1. −3 2. − 32 3. − 34 4. 32 5. 3
ตอบ 2
𝑥2 𝑦2 𝑎2 𝑏2
(𝑎, 𝑏) เป็ นจุดบนวงรี + =1 ต้องแทนในสมการวงรีแล้วเป็ นจริง ดังนัน้ + =1
2 3 2 3
2𝑏2
𝑎2 =2− …(∗)
3
2 2
จากสูตร จะได้ระยะจาก (𝑎, 𝑏) ถึง (0, − 54) คื อ √(𝑎 − 0)2 + (𝑏 − (− 5)) = √ 𝑎2 + (𝑏 + 5)
4 4
…(1)
3
𝑦=−
4
เป็ นเส้นตรงแนวนอน ดังนัน้ ระยะจากจุดใดๆ ไปยัง 𝑦 = − 34 หาได้จากผลต่ างของพิ กดั Y กับ − 34 ได้เลย
จะได้ระยะจาก (𝑎, 𝑏) ไปยัง 𝑦 = − 34 คื อ |𝑏 − (− 34)| = |𝑏 + 34| …(2)
5 2 3
โจทย์ให้ (1) = (2) : √ 𝑎2 + (𝑏 + )
4
= |𝑏 + |
4
5 2 3 2
เมื่อถูกยกกาลังสอง จะเอาค่าสัมบูรณ์ออกได้
2 (𝑏 + ) (𝑏 + )
𝑎 + =
จาก (∗) 4 4
2𝑏2 2 5𝑏 25 2 3𝑏 9
2− +𝑏 + + = 𝑏 + +
3 2 16 2 16
2𝑏2
− +𝑏 +3 = 0
3 คูณ −3 ตลอด
2
2𝑏 − 3𝑏 − 9 = 0
(2𝑏 + 3)(𝑏 − 3) = 0
3
𝑏=− , 3 = 0
2
𝑥2 𝑦2
แต่ วงรี 2 + 3 = 1 เป็ นวงรีแนวตัง้ ที่มีจดุ ยอดคื อ (0, ±√3)
3
ดังนัน้ 𝑏 จะมีค่าได้ตงั ้ แต่ −√3 ถึง √3 (ประมาณ −1.732 ถึง 1.732) จึงเหลือ 𝑏=−
2
เท่านัน้
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 23
20. ผลการสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่ อเข้าศึ กษาต่ อชัน้ มัธยมศึ กษาปี ที่ 4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนกั เรียนเข้าสอบ
ทัง้ หมด 200 คน แสดงด้วยตารางแจกแจงความถี่ของคะแนนของนักเรียนทัง้ หมด ดังนี ้
คะแนนสอบ (คะแนน) จานวนนั กเรียน (คน)
50 2
55 10
60 48
65 40
70 24
75 20
80 20
85 16
90 10
95 6
100 4
รวม 200
จะเห็นว่าคนที่ 100 (ซึ่งเป็ นคนสุดท้ายของชัน้ ) ได้ 65 คะแนน และคนที่ 101 (ซึ่งอยู่ในชัน้ ถัดไป) ได้ 70 คะแนน
ดังนัน้ คนที่ 100.5 ได้คะแนน = คนที่ 100 + 0.5(คนที่ 101 − คนที่ 100)
= 65 + 0.5( 70 − 65 ) = 67.5 → ข) ผิด
ค) ควอไทล์ที่ 1 อยู่ตาแหน่งที่ 14 (𝑁 + 1) = 14 (200 + 1) = 50.25
จะเห็นว่าความถี่สะสมเพิ่ มเป็ น 60 ซึ่งเกิน 50.25 ในชัน้ ที่ 3 ซึ่งตรงกับชัน้ 60 คะแนน → 𝑄1 = 60
ควอไทล์ที่ 3 อยู่ตาแหน่งที่ 34 (𝑁 + 1) = 34 (200 + 1) = 150.75
จะเห็นว่าความถี่สะสมเพิ่ มเป็ น 164 ซึ่งเกิน 150.75 ในชัน้ 80 คะแนน → 𝑄3 = 80
จะได้ 𝑄1 − 1.5(𝑄3 − 𝑄1 ) = 60 − 1.5(80 − 60) = 30
𝑄3 + 1.5( 𝑄3 − 𝑄1 ) = 80 + 1.5(80 − 60) = 110
ดังนัน้ ค่ านอกเกณฑ์ คื อข้อมูลที่นอ้ ยกว่า 30 คะแนน หรือมากกว่า 110 คะแนน
ดังนัน้ คะแนนต่ าสุด (= 50 คะแนน) จะไม่ใช่ค่านอกเกณฑ์ → ค) ผิด
พิ จารณาข้อความต่ อไปนี ้
ก) ค่ าเฉลี่ยเลขคณิตของอายุผปู้ ่ วยทัง้ หมดเท่ากับ 62.5 ปี
ข) พิ สยั ระหว่างควอไทล์ของอายุผปู้ ่ วยเพศชาย น้อยกว่า
พิ สยั ระหว่างควอไทล์ของอายุผปู้ ่ วยเพศหญิ ง
ค) ผูป้ ่ วยที่มีอายุนอ้ ยกว่า 65 ปี มีจานวนไม่เกิน 50 คน
จากข้อความ ก) ข) และ ค) ข้างต้น ข้อใดถูกต้อง
1. ข้อความ ก) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 2. ข้อความ ข) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้
3. ข้อความ ก) และ ข) ถูกต้องเท่านัน้ 4. ข้อความ ก) และ ค) ถูกต้องเท่านัน้
5. ข้อความ ข) และ ค) ถูกต้องเท่านัน้
ตอบ 2
40
ก) มีผชู้ าย = 100 × 120 = 48 คน และจะเหลือผูห้ ญิ ง = 120 − 48 = 72 คน
จาก ค่ าเฉลี่ยผูช้ าย = 70 ปี จะได้ผลรวมอายุผชู้ าย = 70 × 48 ปี
∑ 𝑥 = 𝑁 ∙ 𝑥̅
ค่ าเฉลี่ยผูห้ ญิ ง = 55 ปี จะได้ผลรวมอายุผหู้ ญิ ง = 55 × 72 ปี
ผลรวมอายุทั้งหมด (70 )(48 ) + (55 )(72 )
จะได้ค่าเฉลี่ยอายุทงั ้ หมด =
จานวนคนทั้งหมด
=
120
= 28 + 33 = 61 ปี → ก) ผิด
ข) พิ สยั ระหว่างควอไทล์ = 𝑄3 − 𝑄1
พิสัยระหว่าง
ซึ่งจะเท่ากับความสูงของกรอบสี่เหลี่ยมนั่นเอง ควอไทล์ชาย
จากแผนภาพ กรอบของผูช้ ายจะเตี ย้ กว่า
พิสัยระหว่าง
ดังนัน้ พิ สยั ระหว่างควอไทล์ ของชาย จะน้อยกว่า หญิ ง คอวไทล์หญิง
→ ข) ถูก
ค) 60 น้อยกว่า 65 ปี จะมี ผูช้ ายเกือบๆ 1 กล่อง และ ผูห้ ญิ ง 3 กล่องนิดๆ
50 หญิง แต่ ละกล่องในแผนภาพกล่อง จะมีข้อมูล 25%
3 กล่อง มีผห ู้ ญิ ง 72 คน → ผูห้ ญิ ง 3 กล่อง = 3 × 100 25
× 72 = 54 คน
40
30 ดังนัน้ น้อยกว่า 65 ปี แค่ ผหู้ ญิ งอย่างเดี ยวก็เกิน 54 คนแล้ว → ค) ผิด
23. กาหนดกราฟของฟั งก์ชนั 𝑓 เป็ นพาราโบลาที่จดุ ยอดอยู่ที่จดุ (2, 4) และ ตัดแกน X ที่จดุ (0, 0) และ (4, 0)
และกราฟของฟั งก์ชนั 𝑔 และ ℎ เป็ นเส้นตรง ดังรูป
Y
ℎ 6
4
𝑓
𝑔
2
X
0 4
−2 2 6
−2
−4
ข้อใดถูกต้อง
2 4
1. 𝑓 ′ (𝑥 ) = ℎ(𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
2. 𝑓 ′ (𝑥 ) = ℎ(𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −3∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
3. 𝑓 ′ (𝑥 ) = ℎ(𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = 4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
4. 𝑓 ′ (𝑥 ) = 𝑔 (𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
2 4
5. 𝑓 ′ (𝑥 ) = 𝑔 (𝑥 ) และ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = 4∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥
0 2
ตอบ 1
ดูตัวเลือกแล้ว คงต้องหา 𝑓 (𝑥 ) , 𝑔 (𝑥 ) , ℎ (𝑥 ) ก่อน
𝑔 เป็ นเส้นตรงที่มีระยะตัดแกน 𝑋 และ 𝑌 คื อ 2 และ 1 ℎ เป็ นเส้นตรงที่มีระยะตัดแกน 𝑋 และ 𝑌 คื อ 2 และ 4
𝑥 𝑦 𝑥 𝑦
จะมีสมการคื อ 2 + 1 = 1 จะมีสมการคื อ 2
+
4
= 1
𝑥
𝑦 = − +1 𝑦 𝑥
2 = − +1
4 2
𝑥
𝑔 (𝑥 ) = − + 1 𝑦 = −2𝑥 + 4
2
ℎ 𝑥 ) = −2𝑥 + 4
(
𝑓 เป็ นพาราโบลาคว่ าที่มีจดุ ยอด (ℎ, 𝑘) = (2, 4) จะมีรูปสมการคื อ 𝑦 = 𝑎(𝑥 − 2) 2 + 4 เมื่อ 𝑎 < 0
พาราโบลาผ่านจุด (0, 0) → แทนในสมการพาราโบลา จะได้ 0 = 𝑎 (0 − 2) 2 + 4
−4 = 4𝑎
−1 = 𝑎
จะได้สมการพาราโบลาคื อ 𝑦 = − (𝑥 − 2)2 + 4
= − (𝑥 2 − 4𝑥 + 4) + 4 ดังนัน้ 𝑓 (𝑥 ) = −𝑥 2 + 4𝑥
= −𝑥 2 + 4𝑥 𝑓 ′ (𝑥 ) = −2𝑥 + 4 = ℎ (𝑥 ) …(∗)
28 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66)
2
∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 จะหาจากการอินทิเกรตปกติ ก็ได้ หรือจะหาจากพื น้ ที่ ใต้โค้ง (ซึ่งบังเอิญเป็ นรูปสามเหลี่ยม) ก็ได้
0
2
1 1
พื น้ ที่สามเหลี่ยม =
2
× ฐาน × สูง =
2
×2×4 = 4 ดังนัน้ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = 4 ...(1)
0
4
∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥 จะหาจากการอินทิเกรตปกติ ก็ได้ หรือจะหาได้จากพื น้ ที่ระหว่าง 𝑔 กับแกน 𝑋 ตรงช่วง 𝑥 = 2 ถึง 4 ก็ได้
2
จากความสมมาตร พื น้ ที่ตรงช่วง 𝑥 = 2 ถึง 4 จะเท่ากับพื น้ ที่ตรงช่วง 𝑥 = 0 ถึง 2
ซึ่งหาได้จาก 12 × ฐาน × สูง = 12 × 2 × 1 = 1 2 4
4
แต่ พืน้ ที่ตรงช่วง 𝑥 = 2 ถึง 4 อยู่ใต้แกน 𝑋 จะมีค่าติ ดลบ ดังนัน้ ∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −1 …(2)
2
2 4
จาก (1) และ (2) จะได้ ∫ ℎ(𝑥 ) 𝑑𝑥 = −4 ∫ 𝑔(𝑥 ) 𝑑𝑥 ซึ่งเมื่อรวมกับ (∗) จะได้คาตอบคื อข้อ 1
0 2
พิ จารณาข้อความต่ อไปนี ้
ก) lim (𝑓 (𝑥 ) ∙ 𝑔 (𝑥 )) = 1
𝑥→1
ข) lim (𝑓 (𝑥 ) + 𝑔 (𝑥 )) = 0
𝑥→−1
ค) 𝑓 + 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั ต่ อเนื่องบนช่วง (2, 4]
จากข้อความ ก) ข) และ ค) ข้างต้น ข้อใดถูกต้อง
1. ข้อความ ก) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 2. ข้อความ ข) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้
3. ข้อความ ค) ถูกต้องเพี ยงข้อเดี ยวเท่านัน้ 4. ข้อความ ก) และ ข) ถูกต้องเท่านัน้
5. ข้อความ ข) และ ค) ถูกต้องเท่านัน้
ตอบ 5
ก) จากกราฟ 𝑓 เมื่อ 𝑥 มีค่าใกล้ๆ 1 จะได้ 𝑦 มีค่าประมาณ 4 ดังนัน้ lim 𝑓(𝑥 ) = 4
𝑥→1
จากกราฟ 𝑔 เมื่อ 𝑥 มีค่าใกล้ๆ 1 จะได้ 𝑦 มีค่าประมาณ 2 ดังนัน้ lim 𝑔(𝑥 ) = 2
𝑥→1
ดังนัน้ lim (𝑓 (𝑥 ) ∙ 𝑔(𝑥 )) = 4 ∙ 2 = 8 → ก) ผิด
𝑥→1
ข) เมื่อ 𝑥 มีค่าใกล้ๆ −1 กราฟของ 𝑓 และ 𝑔 มีค่า 𝑦 ทางซ้าย −1 กับทางขวา −1 ไม่เท่ากัน → ต้องแยกคิ ดซ้ายขวา
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (มี.ค. 66) 29
26. กาหนด 𝑈 แทนเอกภพสัมพัทธ์ และ 𝐴, 𝐵 เป็ นสับเซตของ 𝑈 โดยที่ 𝑛(𝑈) = 100 , 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 ) = 35
และ 𝑛 (𝐴′ ∩ 𝐵′) = 9 ถ้า 𝑛(𝐴) ≥ 61 แล้ว 𝑛(𝐵 ) ที่มากที่สดุ ที่เป็ นไปได้เท่ากับเท่าใด
ตอบ 65
จาก 𝑛(𝑈) = 100 แสดงว่าทัง้ หมดมี 100 ตัว
เนื่องจาก 𝐴′ ∩ 𝐵′ = (𝐴 ∪ 𝐵 )′ ดังนัน้ 𝐴′ ∩ 𝐵′ จะเป็ นส่วนตรงข้ามของ 𝐴 ∪ 𝐵
โจทย์ให้ 𝐴′ ∩ 𝐵′ มี 9 ตัว ดังนัน้ สมาชิกทีเหลือ 100 − 9 = 91 ตัว จะเป็ นของ 𝐴 ∪ 𝐵 นั่นคื อ 𝑛 (𝐴 ∪ 𝐵 ) = 91
จากสูตร Inclusive – Exclusive : 𝑛(𝐴 ∪ 𝐵 ) = 𝑛(𝐴) + 𝑛 (𝐵 ) − 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 ) โจทย์กาหนด
91 = 𝑛 (𝐴) + 𝑛 (𝐵 ) − 35
126 − 𝑛 (𝐵 ) = 𝑛 (𝐴)
โจทย์กาหนด
126 − 𝑛 (𝐵 ) ≥ 61
65 ≥ 𝑛 (𝐵 ) → จะได้ค่ามากสุดของ 𝑛(𝐵 ) คื อ 65
𝑧 0 0 𝑧
𝑧 −2 −1.5 −1 −0.5 0.5 1 1.5 2
พืน้ ที่ใต้เส้นโค้ง 0.02 0.07 0.16 0.31 0.69 0.84 0.93 0.98
ปกติมาตรฐาน
ตอบ 8.96
จากโจทย์ จะได้ 𝑃 (𝑋 < 8.86) = 0.31 และ 𝑃 (𝑋 > 8.90) = 0.31
จากสูตรความน่ าจะเป็ นกรณีตรงข้าม
𝑃 (𝑋 < 8.90) = 1 − 0.31
= 0.69
หา 𝑧 จากตาราง ที่ได้ความน่าจะเป็ นเท่ากัน จะได้ 𝑃(𝑍 < −0.5) = 0.31 และ 𝑃 (𝑍 < 0.5) = 0.69
ดังนัน้ 𝑧 = −0.5 ตรงกับ 𝑥 = 8.86 และ 𝑧 = 0.5 ตรงกับ 𝑥 = 8.90 → แทนในสูตร 𝑧 = 𝑥 −𝜎 𝜇
8.86 − 𝑎 8.90 − 𝑎
−0.5 = 0.5 =
𝑏 𝑏
−0.5𝑏 = 8.86 − 𝑎 …(1) 0.5𝑏 = 8.90 − 𝑎 …(2)
เครดิ ต
ขอบคุณ ข้อสอบ จาก อ. ปิ๋ ง GTRmath และคุณ อดิ ศักดิ ์ เอกตาแสง
ขอบคุณ เฉลยวิธีทา จากคุณ คณิต มงคลพิ ทกั ษ์สขุ (นวย) ผูเ้ ขี ยน Math E-book
ขอบคุณ คุณ Chonlakorn Chiewpanich ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร