Professional Documents
Culture Documents
61) 1
23 Apr 2021
ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบทีถ่ กู ที่สดุ จานวน 10 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน
1. ให้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริง
ถ้ากราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดแกน x ที่จดุ (−3, 0) , (0, 0) และ (2, 0) แล้ว 𝑓(−1) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −6 2. −1 3. 1 4. 4 5. 6
3. ให้ ⃗ = 𝑖 + 𝑗 + 𝑘⃗
𝑢 เวกเตอร์ 𝑣 ในข้อใดต่อไปนีส้ อดคล้องกับสมการ 𝑢 ⃗
⃗ ×𝑣 = 0
1. 𝑣 = 𝑖 + 𝑗 − 𝑘⃗ 2. 𝑣 = 𝑖 − 𝑗 + 𝑘⃗ 3. 𝑣 = −𝑖 − 𝑗 − 𝑘⃗
4. 𝑣 = −𝑖 + 𝑗 − 𝑘⃗ 5. 𝑣 = −𝑖 − 𝑗 + 𝑘⃗
2 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
𝜋
4. ถ้า arccos(9𝑥 2 ) + arcsin(6𝑥 − 1) = 2
แล้ว 𝑥 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 1
1. 0 2. 12
3. 8
4. 14 5. 1
3
2 1 4 3
5. ถ้า 𝐴=[
3 5
] และ 𝐵 = [−2 2
] แล้ว det(𝐴𝐵−1 ) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −98 2. 12 3. 1 4. 2 5. 98
1 1
6. log2 100
+
log5 100
มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 1 1 1 1
1. 100
2. 10 3. 5
4. 4
5. 2
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 3
6
9. สมการของเส้นสัมผัสเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑥+1
ที่จดุ (1, 3) ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. 𝑥 + 𝑦 = 4 2. 3𝑥 − 2𝑦 = −3 3. 3𝑥 + 2𝑦 = 9
4. 2𝑥 − 3𝑦 = −7 5. 2𝑥 + 3𝑦 = 11
4 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
𝜋
10. cos 𝑛 ( 3 + 𝑛𝜋) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
n0
1 2 2 + √3
1. 2
2. 3
3. 2 4. 1 + √3 5. 2
ตอนที่ 2 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบทีถ่ กู ที่สดุ จานวน 20 ข้อ ข้อละ 4 คะแนน รวม 80 คะแนน
11. จานวนเต็ม 𝑥 ที่สอดคล้องกับอสมการ |2𝑥 2 + 1| − |−𝑥 2 + 2𝑥 − 1| ≤ 15 มีทงั้ หมดกี่จานวน
1. 7 2. 9 3. 11 4. 13 5. 15
12. ให้ 𝑆 เป็ นเซตจานวนเต็มบวก 𝑛 โดยที่ 𝑛 < 100 และ 𝑛 มีตวั หารเป็ นจานวนเต็มบวก 12 จานวน
ถ้า 𝑛1 คือจานวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ใน 𝑆 ถ้า 𝑛2 คือจานวนเต็มที่มากที่สดุ ใน 𝑆
แล้ว 𝑛2 − 𝑛1 มีคา่ เท่ากับข้อใด
1. 12 2. 20 3. 36 4. 38 5. 40
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 5
2 2
14. ให้ 𝑟 และ 𝑠 เป็ นจานวนจริงบวก ถ้า 𝑃(2, 2) เป็ นจุดบนวงรีที่มีสมการเป็ น (𝑥+2)
𝑟2
(𝑦−2)
+ 2 = 1
𝑠
ซึง่ มีจดุ 𝐹1 และ 𝐹2 เป็ นโฟกัสของวงรี และ 𝑃𝐹1 + 𝑃𝐹2 = 12 แล้วระยะห่างระหว่าง 𝐹1 และ 𝐹2 ตรงกับ
ข้อใดต่อไปนี ้
1. 4 หน่วย 2. 5 หน่วย 3. 2√5 หน่วย
4. 5√2 หน่วย 5. 4√5 หน่วย
1 1
18. ให้ 𝑥 และ 𝑦 เป็ นจานวนเต็มบวก ทีส่ อดคล้องกับสมการ 6𝑥 = (12 ∙ 3𝑦 )𝑥+2
แล้ว 𝑥 + 𝑦 มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. 2 2. 3 3. 5 4. 6 5. 8
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 7
22. ให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั กาลังสอง โดยทีก่ ราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) มีจดุ ต่าสุดที่ (0, −9) และตัดแกน 𝑥 ที่จดุ (𝑥1, 0)
และ (𝑥2, 0) ถ้าพืน้ ที่ซงึ่ ปิ ดล้อมด้วยกราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) และแกน 𝑥 จาก 𝑥1 ถึง 𝑥2 เท่ากับ 18 ตารางหน่วย
แล้ว 𝑓(2) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −5 2. −3 3. 0 4. 3 5. 7
28. ถ้าสมการ 𝑦 = 𝑓(𝑥) มีกราฟเป็ นพาราโบลาซึง่ ผ่านจุด (0, 12) และ −(𝑥 − 1)2 + 1 ≤ 𝑓(𝑥) ≤ 1 สาหรับ
ทุกๆ จานวนจริง 𝑥 แล้วพาราโบลา 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่านจุดในข้อใดต่อไปนี ้
1. (−1, 0) 2. (−1, −1) 3. (−2, 0)
4. (−2, −2) 5. (3, −2)
29. ให้ 𝑆 = { −5 , −4 , −3 , −2 , −1 , 1 , 2 , 3 , 4 , 5 }
0 1
𝐴=[
−1 0
] และ 𝑀 = { [𝑎 𝑏 ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ 𝑆 }
𝑐 𝑑
ถ้าสุม่ หยิบ 1 เมทริกซ์จากเซต 𝑀 แล้วความน่าจะเป็ นที่จะได้เมทริกซ์ 𝐵 ซึง่ det(𝐴 + 𝐵) = det 𝐴 + det 𝐵
เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 3 1 1 11
1. 100 2. 100
3. 20
4. 10
5. 100
𝜋 𝜋
30. ถ้า 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎𝑛 เป็ นลาดับเลขคณิต ซึง่ มี 𝑎1 =
12
และ 𝑑=
3
65
แล้ว sin(𝑎𝑛 ) เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
n1
1 1
1. −√2 2. −
√2
3. 0 4. √2
5. √2
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 11
เฉลย
1. 5 7. 1 13. 3 19. 1 25. 3
2. 3 8. 4 14. 5 20. 1 26. 4
3. 3 9. 3 15. 1 21. 4 27. 4
4. 5 10. 2 16. 2 22. 5 28. 2
5. 2 11. 2 17. 5 23. 1 29. 4
6. 5 12. 3 18. 2 24. 4 30. 4
แนวคิด
1. ให้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เมื่อ 𝑎, 𝑏 และ 𝑐 เป็ นจานวนจริง
ถ้ากราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ตัดแกน x ที่จดุ (−3, 0) , (0, 0) และ (2, 0) แล้ว 𝑓(−1) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −6 2. −1 3. 1 4. 4 5. 6
ตอบ 5
ตัดแกน x ที่จดุ (−3, 0) , (0, 0) และ (2, 0) แสดงว่า 𝑓(−3) = 0 , 𝑓(0) = 0 และ 𝑓(2) = 0
จะได้วา่ −3 , 0 และ 2 เป็ นคาตอบของสมการ 𝑓(𝑥) = 0
เนื่องจาก 𝑓(𝑥) = 𝑥 3 + 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 เป็ นพหุนามดีกรี 3 → สร้างสมการจากคาตอบ −3 , 0 และ 2 จะได้
สมการคือ 𝑘(𝑥 + 3)(𝑥 − 0)(𝑥 − 2) = 0 เมื่อ 𝑘 เป็ นค่าคงที่อะไรก็ได้
จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑘(𝑥 + 3)(𝑥 − 0)(𝑥 − 2)
เนื่องจาก สปส ของ 𝑥 3 ใน 𝑓(𝑥) เท่ากับ 1 จึงสรุปได้วา่ 𝑘 = 1 ทาให้ได้วา่ 𝑓(𝑥) = (𝑥 + 3)(𝑥 − 0)(𝑥 − 2)
แทน 𝑥 = −1 จะได้ 𝑓(−1) = (−1 + 3)(−1 − 0)(−1 − 2) = 6
3. ให้ ⃗ = 𝑖 + 𝑗 + 𝑘⃗
𝑢 เวกเตอร์ 𝑣 ในข้อใดต่อไปนีส้ อดคล้องกับสมการ 𝑢 ⃗
⃗ ×𝑣 = 0
1. 𝑣 = 𝑖 + 𝑗 − 𝑘⃗ 2. 𝑣 = 𝑖 − 𝑗 + 𝑘⃗ 3. 𝑣 = −𝑖 − 𝑗 − 𝑘⃗
4. 𝑣 = −𝑖 + 𝑗 − 𝑘⃗ 5. 𝑣 = −𝑖 − 𝑗 + 𝑘⃗
ตอบ 3
𝑢
⃗ ×𝑣 จะเป็ น ⃗0 เมื่อ 𝑢⃗ กับ 𝑣 ขนานกัน ซึง่ จะขนานกันเมื่อ 𝑣 = 𝑘𝑢⃗ สาหรับ 𝑘 บางค่า
จะเห็นว่าข้อ 3. 𝑣 = −𝑖 − 𝑗 − 𝑘⃗ = −(𝑖 + 𝑗 + 𝑘⃗) = −𝑢⃗ → ขนาน → 𝑢⃗ × 𝑣 = ⃗0
ส่วนข้ออื่น จะเห็นว่า 𝑢⃗ กับ 𝑣 ไม่เป็ นสัดส่วนกัน จึงไม่ขนาน และ 𝑢⃗ × 𝑣 ≠ 0⃗
12 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
1 1
6. log2 100
+
log5 100
มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 1 1 1 1
1. 100
2. 10 3. 5
4. 4
5. 2
ตอบ 5
1 1
log2 100
+ log 100 = log100 2 + log100 5
5 1
log 𝑁 𝑀 =
= log100 (2 × 5) log𝑀 𝑁
= log100 10 log 𝑎 𝑀 + log 𝑎 𝑁 = log 𝑎 𝑀𝑁
= log102 10 𝑁
log (𝑎𝑏 ) (𝑀𝑁 ) = log 𝑎 𝑀
1 1 𝑏
= 2 log10 10 = 2
6 2
จะได้ความน่าจะเป็ น = 45 =
15
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 13
6
9. สมการของเส้นสัมผัสเส้นโค้ง 𝑦 = 𝑥+1 ที่จดุ (1, 3) ตรงกับข้อใดต่อไปนี ้
1. 𝑥 + 𝑦 = 4 2. 3𝑥 − 2𝑦 = −3 3. 3𝑥 + 2𝑦 = 9
4. 2𝑥 − 3𝑦 = −7 5. 2𝑥 + 3𝑦 = 11
ตอบ 3
หาความชันที่จดุ (1, 3) → ต้องหา 𝑦 ′ : 𝑦 = 𝑥+1 6
= 6(𝑥 + 1)−1
𝑑
𝑦′ = (−1)6(𝑥 + 1)−2 ∙ 𝑑𝑥 (𝑥 + 1)
= −6(𝑥 + 1)−2
6 3
ที่จดุ (1, 3) → แทน 𝑥 = 1 จะได้ 𝑦 ′ = −6(1 + 1)−2 = − 4 = − 2
3𝑥 + 2𝑦 = 9
𝜋
10. cos 𝑛 ( 3 + 𝑛𝜋) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
n0
1 2 2 + √3
1. 2
2. 3
3. 2 4. 1 + √3 5. 2
ตอบ 2
𝜋 𝜋 𝜋 𝜋 𝜋
cos 𝑛 (3 + 𝑛𝜋) = cos0 (3 ) + cos1 (3 + 𝜋) + cos2 (3 + 2𝜋) + cos 3 ( 3 + 3𝜋) + …
n0
1 1 2 1 3
= 1 + (− 2) + (2) + (− 2) +…
1 𝑎1 1 2
เป็ นอนุกรมอนันต์ ที่มี 𝑎1 = 1 และ 𝑟 = −2 → จะได้ผลบวก = 1−𝑟
=
1−(− )
1 = 3
2
14 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
12. ให้ 𝑆 เป็ นเซตจานวนเต็มบวก 𝑛 โดยที่ 𝑛 < 100 และ 𝑛 มีตวั หารเป็ นจานวนเต็มบวก 12 จานวน
ถ้า 𝑛1 คือจานวนเต็มที่นอ้ ยที่สดุ ใน 𝑆 ถ้า 𝑛2 คือจานวนเต็มที่มากที่สดุ ใน 𝑆
แล้ว 𝑛2 − 𝑛1 มีคา่ เท่ากับข้อใด
1. 12 2. 20 3. 36 4. 38 5. 40
ตอบ 3
จานวนตัวหารที่เป็ นบวกของ 𝑛 จะหาได้โดยการแยกตัวประกอบ แล้วเอา “เลขชีก้ าลัง + 1” มาคูณกัน
(เช่น 48 = 24 × 31 จะได้จานวนตัวหารที่เป็ นบวกของ 48 คือ (4 + 1)(1 + 1) = 10 จานวน)
ถ้า 𝑛 มีตวั หารที่เป็ นบวก 12 จานวน → ต้องดูวา่ 12 มาจากการคูณกันของ “เลขชีก้ าลัง + 1” ได้กี่แบบ
12 จะเขียนเป็ นผลคูณได้ 4 แบบ คือ 12 , 2×6 , 3×4 และ 2 × 2 × 3
11+1 (1+1)(5+1) (2+1)(3+1) (1+1)(1+1)(2+1)
ดังนัน้ 𝑛 ต้องอยูใ่ นรูป 𝑝11 , 𝑝1 𝑞5 , 𝑝2 𝑞3 หรือ 𝑝1 𝑞1 𝑟2 เมื่อ 𝑝, 𝑞, 𝑟 เป็ นจานวนเฉพาะ
หา 𝑛 ที่นอ้ ยที่สดุ → ต้องเลือกให้เลขชีก้ าลังน้อยๆ (ได้แก่ 𝑝1 𝑞1𝑟 2) และเลือกให้จานวนเฉพาะน้อยๆ ยกกาลังเยอะๆ
จะได้ 𝑛 ที่นอ้ ยที่สดุ คือ 𝑛1 = 31 5122 = 60
หา 𝑛 ที่มากที่สดุ → จะยากหน่อย เพราะต้องมากสุด แต่นอ้ ยกว่า 100
𝑝11 เกิน 100 แน่นอน
𝑝1 𝑞 5 จะน้อยกว่า 100 ได้แบบเดียว คือ 31 25 = 96
และจะเห็นว่า 97, 98, 99 แยกตัวประกอบแล้วไม่อยูใ่ นรูป 𝑝2 𝑞3 หรือ 𝑝1 𝑞1𝑟 2
ดังนัน้ จะได้ 𝑛 ที่มากที่สดุ คือ 𝑛2 = 96
จะได้ 𝑛2 − 𝑛1 = 96 − 60 = 36
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 15
2 2
14. ให้ 𝑟 และ 𝑠 เป็ นจานวนจริงบวก ถ้า 𝑃(2, 2) เป็ นจุดบนวงรีที่มีสมการเป็ น (𝑥+2)
𝑟2
(𝑦−2)
+ 𝑠2 = 1
ซึง่ มีจดุ 𝐹1 และ 𝐹2 เป็ นโฟกัสของวงรี และ 𝑃𝐹1 + 𝑃𝐹2 = 12 แล้วระยะห่างระหว่าง 𝐹1 และ 𝐹2 ตรงกับ
ข้อใดต่อไปนี ้
1. 4 หน่วย 2. 5 หน่วย 3. 2√5 หน่วย
4. 5√2 หน่วย 5. 4√5 หน่วย
ตอบ 5
2 (2−2)2
𝑃(2, 2) อยูบ ่ นวงรี → ต้องแทนในสมการวงรีแล้วเป็ นจริง (2+2)
𝑟2
+ 𝑠2
= 1
42
𝑟2
+ 0 = 1
4 = 𝑟
จาก 𝑃𝐹1 + 𝑃𝐹2 = 12 → จะได้ความยาวแกนเอก = 12
ถ้าเป็ นวงรีแนวนอน จะได้ความยาวแกนเอก = 2𝑟 = 2(4) = 8 ≠ 12 → ขัดแย้ง
ดังนัน้ ต้องเป็ นวงรีแนวตัง้ ซึง่ จะได้ความยาวแกนเอก = 2𝑠 และจะสรุปได้วา่ 2𝑠 = 12
𝑠 = 6
จะได้ระยะโฟกัส 𝑐 = √𝑠 2 − 𝑟 2 = √62 − 42 = √20 = 2√5
จะได้ระยะระหว่าง 𝐹1 และ 𝐹2 = 2𝑐 = 2(2√5) = 4√5
16 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
22. ให้ 𝑓(𝑥) เป็ นฟั งก์ชนั กาลังสอง โดยทีก่ ราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) มีจดุ ต่าสุดที่ (0, −9) และตัดแกน 𝑥 ที่จดุ (𝑥1, 0)
และ (𝑥2, 0) ถ้าพืน้ ที่ซงึ่ ปิ ดล้อมด้วยกราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) และแกน 𝑥 จาก 𝑥1 ถึง 𝑥2 เท่ากับ 18 ตารางหน่วย
แล้ว 𝑓(2) มีคา่ เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1. −5 2. −3 3. 0 4. 3 5. 7
ตอบ 5
จุดต่าสุดของฟังก์ชนั กาลังสอง คือจุดยอดของพาราโบลาหงายนั่นเอง → จะได้จดุ ยอดคือ (ℎ, 𝑘) = (0, −9)
จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘 = 𝑎(𝑥 − 0)2 − 9 = 𝑎𝑥 2 − 9
หาจุดตัดแกน 𝑥 ต้องแทน 𝑦 = 0 → 𝑎𝑥 2 − 9 = 0
9
𝑥2 = 𝑎
3 พาราโบลาหงาย → 𝑎 เป็ นบวก
𝑥 = ±
√𝑎
3
3
a
𝑎
หาพืน้ ที่ → (𝑎𝑥 2 − 9)𝑑𝑥
3
= (3 𝑥 3 − 9𝑥) |
√𝑎
3
−
a √𝑎
𝑎 3 3 3 𝑎 3 3 3
= [ ( ) − 9 ( )] − [ (− ) − 9 (− )]
3 √𝑎 √𝑎 3 √𝑎 √𝑎
9 27 9 27 36
= − + − = −
√𝑎 √𝑎 √𝑎 √𝑎 √𝑎
20 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
48
− 20
แทนในสูตร จะได้ มัธยฐาน = 49.5 + 2
8
∙ 10 = 54.5
28. ถ้าสมการ 𝑦 = 𝑓(𝑥) มีกราฟเป็ นพาราโบลาซึง่ ผ่านจุด (0, 12) และ −(𝑥 − 1)2 + 1 ≤ 𝑓(𝑥) ≤ 1 สาหรับ
ทุกๆ จานวนจริง 𝑥 แล้วพาราโบลา 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่านจุดในข้อใดต่อไปนี ้
1. (−1, 0) 2. (−1, −1) 3. (−2, 0)
4. (−2, −2) 5. (3, −2)
ตอบ 2
−(𝑥 − 1)2 + 1 ≤ 𝑓(𝑥) ≤ 1 แสดงว่ากราฟของ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ต้องอยูใ่ นช่วง 𝑦 = −(𝑥 − 1)2 + 1 และ 𝑦 = 1
คือ ต้องอยูใ่ นบริเวณทีแ่ รเงา ดังรูป พาราโบลาคว่า จุดยอด (1, 1)
จะเห็นว่า 𝑦 = −(𝑥 − 1)2 + 1 และ 𝑦 = 1 สัมผัสกันที่ (1, 1) พอดี
(1, 1)
𝑦=1 ดังนัน้ 𝑦 = 𝑓(𝑥) ต้องมีจดุ ยอด (ℎ, 𝑘) ที่ (1, 1) ตามเส้นประในรูปเท่านัน้
แทนในสูตร 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘 จะได้ 𝑓(𝑥) = 𝑎(𝑥 − 1)2 + 1
1
𝑦 = 𝑓(𝑥) 𝑦 = 𝑓(𝑥) ผ่านจุด (0, 2) → 1
= 𝑎(0 − 1)2 + 1
2
𝑦 = −(𝑥 − 1)2 + 1 1
−2 = 𝑎
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61) 23
1
จะได้ 𝑦 = − 2 (𝑥 − 1)2 + 1 → ดูวา่ ตัวเลือกไหนแทนแล้วจริง
1
แทน 𝑥 = −1 จะได้ 𝑦 = − 2 (−1 − 1)2 + 1 = −1 → 1. ผิด 2. ถูก → ตอบ 2
1 7
แทน 𝑥 = −2 จะได้ 𝑦 = − 2 (−2 − 1)2 + 1 = − 2 → 3. ผิด 4. ผิด
1
แทน 𝑥=3 จะได้ 𝑦 = − 2 (3 − 1)2 + 1 = −1 → 5. ผิด
29. ให้ 𝑆 = { −5 , −4 , −3 , −2 , −1 , 1 , 2 , 3 , 4 , 5 }
0 1
𝐴=[
−1 0
] และ 𝑀 = { [𝑎 𝑏 ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ 𝑆 }
𝑐 𝑑
ถ้าสุม่ หยิบ 1 เมทริกซ์จากเซต 𝑀 แล้วความน่าจะเป็ นที่จะได้เมทริกซ์ 𝐵 ซึง่ det(𝐴 + 𝐵) = det 𝐴 + det 𝐵
เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
1 3 1 1 11
1. 100 2. 100
3. 20
4. 10
5. 100
ตอบ 4
จานวนแบบทัง้ หมด : นับดูจะเห็นว่า 𝑆 มีสมาชิก 10 จานวน (ไม่มี 0) ดังนัน้ 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 เลือกได้ตวั ละ 10 แบบ
จะได้จานวนแบบทัง้ หมด = 104 แบบ
𝑎 𝑏
จานวนแบบที่สนใจ : ให้ 𝐵=[ ] จะได้ det( 𝐴 + 𝐵 ) = det 𝐴 + det 𝐵
𝑐 𝑑
0 1 𝑎 𝑏 0 1 𝑎 𝑏
det([ ]+[ ]) = det [ ] + det [ ]
−1 0 𝑐 𝑑 −1 0 𝑐 𝑑
𝑎 𝑏+1 0 1 𝑎 𝑏
det( [ ] ) = det [ ] + det [ ]
𝑐−1 𝑑 −1 0 𝑐 𝑑
𝑎𝑑 − (𝑏 + 1)(𝑐 − 1) = (0)(0) − (−1)(1) + 𝑎𝑑 − 𝑏𝑐
𝑎𝑑 − 𝑏𝑐 + 𝑏 − 𝑐 + 1 = 1 + 𝑎𝑑 − 𝑏𝑐
𝑏 = 𝑐
ดังนัน้ 𝑎, 𝑏, 𝑑 เป็ นอะไรก็ได้ (เลือกได้ตวั ละ 10 แบบ) แต่ 𝑐 ต้องเหมือนกับ 𝑏 (เลือกไม่ได้) → เลือกได้ 103 แบบ
103 1
จะได้ความน่าจะเป็ น = 104
= 10
𝜋 𝜋
30. ถ้า 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎𝑛 เป็ นลาดับเลขคณิต ซึง่ มี 𝑎1 = 12 และ 𝑑=3
65
แล้ว sin(𝑎𝑛 ) เท่ากับข้อใดต่อไปนี ้
n1
1 1
1. −√2 2. −
√2
3. 0 4. √2
5. √2
ตอบ 4
จาก sin(𝜋 + 𝜃) = − sin 𝜃
sin 𝜃 + sin(𝜋 + 𝜃) = 0 จะได้วา่ ถ้ามุมห่างกัน 𝜋 แล้ว ผลรวมค่า sin จะเป็ น 0
𝜋
โจทย์ให้ 𝑑 =
3
แปลว่า พจน์ถดั ไปเพิ่มทีละ 𝜋3 → ถ้าถัดไป 3 พจน์ จะเพิ่ม = 3𝑑 = 3 ∙ 𝜋3 = 𝜋
เช่น 𝑎4 อยูถ่ ดั จาก 𝑎1 ไป 3 พจน์ → ค่าเพิ่ม = 𝜋 → sin 𝑎1 + sin 𝑎4 = 0 …(1)
𝑎5 อยูถ่ ด
ั จาก 𝑎2 ไป 3 พจน์ → ค่าเพิ่ม = 𝜋 → sin 𝑎2 + sin 𝑎5 = 0 …(2)
𝑎6 อยูถ่ ดั จาก 𝑎3 ไป 3 พจน์ → ค่าเพิ่ม = 𝜋 → sin 𝑎3 + sin 𝑎6 = 0 …(3)
(1) + (2) + (3) จะได้ ผลบวก sin ของ 6 พจน์แรก = 0
ทาแบบเดียวกันกับ 6 พจน์ถดั ไป (𝑎7 คูก่ บั 𝑎10 , 𝑎8 คูก่ บั 𝑎11 , 𝑎9 คูก่ บั 𝑎12) ก็จะได้ผลบวก = 0 ด้วย
นั่นคือ 6 พจน์ ที่อยูต่ ิดกัน จะมีผลบวกค่า sin เป็ น 0 เสมอ
24 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ 1 (มี.ค. 61)
เครดิต
ขอบคุณ ข้อสอบ และเฉลยละเอียด จาก อ.ปิ๋ ง GTRmath
ขอบคุณ เฉลยละเอียดจาก คุณ คณิต มงคลพิทกั ษ์สขุ (นวย) ผูเ้ ขียน Math E-book
ขอบคุณ คุณ Chonlakorn Chiewpanich
และ คุณ คุณครูเบิรด์ จาก กวดวิชาคณิตศาสตร์ครูเบิรด์ ย่านบางแค 081-8285490
ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร