Professional Documents
Culture Documents
57) 1
11 Apr 2016
5⁄ 1⁄ 1⁄
2. ให้ 𝐴=2 6 , 𝐵=3 2 และ 𝐶=5 3 ข้ อใดต่อไปนี ้ถูก
1. 𝐴<𝐵<𝐶 2. 𝐵<𝐴<𝐶 3. 𝐵<𝐶<𝐴
4. 𝐶<𝐴<𝐵 5. 𝐶<𝐵<𝐴
1
4. ถ้ า 𝑎=
√5+2
√5−2
แล้ ว √𝑎 + − 2
𝑎
มีคา่ เท่ากับข้ อใด
1. 3 2. 4 3. √9 + 4√5
4. 3√2 5. 4√5
5. ส่วนที่แรเงาของแผนภาพในข้ อใดหมายถึง 𝐴 − (𝐵 − 𝐶)
𝐴 𝐵 𝐴 𝐵 𝐴 𝐵
1. 2. 3. 𝐶
𝐴 𝐵 𝐴 𝐵
4. 5.
𝐶
𝐶
𝑥
7. ถ้ า แล้ ว ผลบวกของสมาชิกทุกตัวใน 𝐴 มีคา่ เท่ากับข้ อใด
2 3
𝐴 = { 𝑥 | 9𝑥 = (1 + √8) }
1
1. −
2
2. 0 3. 12 4. 1 5. 32
𝑥−1
9. ผลบวกของรากทังหมดของสมการ
้ 𝑥+2
+𝑥 = 1 เท่ากับข้ อใด
1. −4 2. −3 3. −2 4. 1 5. 2
𝑦 𝑦
4. 5.
𝑥 𝑥
O-NET (ก.พ. 57) 5
15. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ มมุมฉากซึง่ มีมมุ B̂ = 90° และมี BD เป็ นเส้ นความสูงของรูปสามเหลีย่ ม
ถ้ ามุม Â = 60° และ AD ยาว 2 หน่วย แล้ ว CD จะยาวกี่หน่วย
1. 4 2. 4√3 3. 6 4. 6√3 5. 8
16. กาหนดให้ ABCD เป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้ าซึง่ มีพื ้นที่ 100 ตารางหน่วย ถ้ า tan(BÂC) = tan(90° − AĈD) แล้ ว
สีเ่ หลีย่ ม ABCD มีเส้ นรอบรูปยาวกี่หน่วย
1. 40 2. 50 3. 58 4. 104 5. 202
6 O-NET (ก.พ. 57)
17. ชายคนหนึง่ ยืนอยูร่ ะหว่างตึกสองหลัง ถ้ าชายคนนี ้มองยอดตึกทีห่ นึง่ ด้ วยมุมเงย 30° แล้ วหันหลังกลับ เขาจะมองเห็น
ยอดตึกที่สองด้ วยมุมเงย 60° สมมติวา่ ตึกที่สองสูงกว่าตึกที่หนึง่ 20√3 เมตร และตึกทังสองห่ ้ างกัน 100 เมตร
ชายคนนี ้จะยืนอยูห่ า่ งจากตึกที่หนึง่ กี่เมตร
1. 30√3 2. 40√2 3. 60 4. 62 5. 70
18. เมื่อวางบันไดยาว 4 เมตรพาดกับผนัง บันไดจะทามุม 30° กับพื ้น ถ้ าเลือ่ นปลายบนของบันไดให้ สงู ขึ ้นอีก 1 เมตร
ปลายล่างของบันไดจะเลือ่ นจากจุดเดิมเข้ าหาผนังเป็ นระยะทางกี่เมตร
1. 2√3 − √7 2. 2√3 − √5 3. 1
4. 2√5 − √3 5. 3√2 − √5
2−(−1)𝑛 𝑛
19. ถ้ า 𝑎𝑛 =
2𝑛+3
แล้ วข้ อใดถูก
1
1. 𝑎1 = 5 2. 𝑎2 = 47 3. 𝑎3 = − 9
1
4. 𝑎4 = 11
2
5. 𝑎5 = 13
7
25. ถ้ าอนุกรมเรขาคณิตมี 𝑎1 = 12 และ 𝑎10 = 256 แล้ ว ผลบวก 10 พจน์แรกของอนุกรมนี ้เท่ากับข้ อใด
1. 511.0 2. 511.5 3. 512.0 4. 512.5 5. 513.0
27. กนกมีถงุ เท้ าสีขาว 1 คู่ สีน ้าเงิน 2 คู่ และสีดา 3 คู่ เขาใส่ถงุ เท้ าไว้ ในลิ ้นชักโดยไม่ได้ จดั แยกเป็ นคู่ ถ้ าเขาสุม่ หยิบถุง
เท้ าจากลิ ้นชักมา 2 ข้ างแล้ ว ความน่าจะเป็ นที่จะได้ ถงุ เท้ าสีเดียวกันมีคา่ เท่ากับข้ อใด
1 1 1
1. 66 2. 22 3. 11 4. 16 5. 13
37. แม่ค้าขายก๋วยเตีย๋ วชามละ 25 บาท โดยมีคา่ เช่าร้ านวันละ 120 บาท และต้ นทุนค่าวัตถุดิบทังหมดคิ
้ ดเป็ นชามละ
18 บาท ถ้ าต้ องการให้ ได้ กาไรไม่ต่ากว่าวันละ 500 บาท เขาต้ องขายให้ ได้ อย่างน้ อยวันละกี่ชาม
38. ห้ องประชุมแห่งหนึง่ จัดที่นงั่ เป็ นแถวโดยนาโต๊ ะมาเรี ยงต่อกันเป็ นแถว แถวละ 5 ตัว หลังจากจัดแล้ วได้ ที่นงั่ ทังหมด
้
60 ที่นงั่ ถ้ าจานวนแถวน้ อยกว่าจานวนที่นงั่ ในแต่ละแถวอยู่ 4 ห้ องประชุมนี ้มีโต๊ ะทังหมดกี
้ ่ตวั
39. ข้ อมูลชุดที่หนึง่ มี 10 จานวน คือ 𝑥1 , 𝑥2 , 𝑥3 , … , 𝑥10 ซึง่ ข้ อมูลชุดนี ้มีสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.3 ถ้ าข้ อมูล
ชุดที่สองมี 10 จานวน คือ 3𝑥1 + 174 , 3𝑥2 + 174 , 3𝑥3 + 174 , … , 3𝑥10 + 174 แล้ วส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานของข้ อมูลชุดที่สองนี ้จะเท่ากับเท่าใด
40. ถ้ าแต่ละวันในเดือนสิงหาคม มีความน่าจะเป็ นที่จะมีฝนตกตอนเช้ าหรื อตอนเย็นเท่ากับ 0.86 ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะมี
ฝนตกตอนเย็นเท่ากับ 0.67 และความน่าจะเป็ นทีจ่ ะมีฝนตกทังตอนเช้
้ าและตอนเย็นเท่ากับ 0.35 แล้ ว ความน่าจะ
เป็ นที่จะมีฝนตกในตอนเช้ ามีคา่ เท่ากับเท่าใด
12 O-NET (ก.พ. 57)
เฉลย
1. 5 9. 3 17. 3 25. 2 33. 5
2. 5 10. 5 18. 1 26. 4 34. 4
3. 1 11. 3 19. 5 27. 5 35. 12
4. 2 12. 1 20. 5 28. 2 36. 3
5. 4 13. 2 21. 2 29. 2 37. 89
6. 4 14. 1 22. 5 30. 4 38. 30
7. 3 15. 3 23. 1 31. 3 39. 6.9
8. 4 16. 1 24. 3 32. 4 40. 0.54
แนวคิด
1. 5
ก. ถ้ า 𝑎 = 0 จะได้ 𝑎𝑏 = 𝑎𝑐 = 0 โดยที่ 𝑏 ไม่จาเป็ นต้ องเท่ากับ 𝑐 → ผิด
ข. จาก 𝑎|𝑏𝑐| < 0 จะได้ 𝑎 เป็ นลบ (เพราะค่าสัมบูรณ์เป็ นบวก) จะเห็นว่า 𝑐 เป็ นอะไรก็ได้ ดังนัน้ ถ้ าให้ 𝑎, 𝑏 เป็ นลบ และ
𝑐 เป็ นบวก จะทาให้ ประโยคนี ้ผิด → ผิด
ค. จาก 𝑎, 𝑏 > 0 จะยกกาลังสองทังสองข้
้ างได้ 𝑎2 + 2𝑎𝑏 + 𝑏2 ≥ 2𝑎𝑏 → ตัด 2𝑎𝑏 เหลือ 𝑎2 + 𝑏2 ≥ 0 ซึง่ เป็ น
จริ งเสมอ (เพราะผลกาลังสอง ≥ 0 เสมอ) → ถูก
2. 5
5⁄ 6
ค.ร.น. 6, 2, 3 = 6 → ยกกาลัง 6 ตลอด เพื่อกาจัดตัวส่วน จะได้ (2 6) = 25 = 32
1⁄ 6
(3 2) = 33 = 27
1⁄ 6
(5 3) = 52 = 25
เนื่องจาก 25 < 27 < 32 ดังนัน้ 𝐶 < 𝐵 < 𝐴
3. 1
ก. เนื่องจาก แต่ละคูข่ อง 𝑎 และ 𝑏 ถอดรูทไม่ลงตัวและไม่หกั ล้ างกันพอดี ดังนัน้ 𝑎 และ 𝑏 เป็ น อตรรก → ถูก
ข. 3(√18 − √12) < 2(√75 − √50) ค. 3√2 − 2√3 + 5√3 − 5√2 < 2
3(3√2 − 2√3) < 2(5√3 − 5√2) 3√3 < 2 + 2√2
2 2
9√2 − 6√3 < 10√3 − 10√2 (3√3) < (2 + 2√2)
19√2 < 16√3 27 < 4 + 8√2 + 8
2 2
(19√2) < (16√3) 15 < 8√2
15
361(2) < 256(3) < √2
8
722 < 768 → ถูก 1.8… < √2 → ผิด
4. 2
1 √5+2 √5−2 (5+4√5+4)+(5−4√5+4)
√𝑎 + − 2 = √
𝑎
+ − 2=√ 5−4
− 2 = √18 − 2 = √16 = 4
√5−2 √5+2
O-NET (ก.พ. 57) 13
5. 4
1. 2.
𝐵−𝐶 𝐴 − (𝐵 − 𝐶) 𝐵−𝐶 𝐴 − (𝐵 − 𝐶)
3. 4.
𝐵−𝐶 𝐴 − (𝐵 − 𝐶) 𝐵−𝐶 𝐴 − (𝐵 − 𝐶)
5.
𝐵−𝐶 𝐴 − (𝐵 − 𝐶)
6. 4
ก. มีแบบทีข่ ดั แย้ ง ข. มีแบบทีข่ ดั แย้ ง ค. ได้ แบบเดียว ซึง่ ไม่ขดั แย้ ง
ติดขัด ตาดี ประหยัด ยากจน
ฝนตก กินผัก
วันนี ้ ดา มี
7. 3
ฝั่งซ้ ายแทน 9 = 32 และฝั่งขวาแทน 3√8 = 2 จะได้ (32 )𝑥 = 3𝑥 ตัดฐาน 3 ทังสองฝั
้ ่ง จะเหลือ 2𝑥 2 = 𝑥
2
8. 4
2
เปลีย่ นเป็ นฐาน 4 จะได้ (43 )𝑘 = 42 ตัดฐาน 4 จะได้ 3𝑘 = 2 → 𝑘 = 3
2 1 1 1 17
ดังนัน้ 8𝑘 + 8−𝑘 = 82/3 + 8−2/3 = √8 + 3
3
2 = 22 + 2 2 = 4 + 4 = 4
√8
9. 3
คูณ 𝑥 + 2 ตลอด จะได้ 𝑥 − 1 + 𝑥(𝑥 + 2) = 𝑥 + 2
𝑥 2 + 2𝑥 − 3 = 0
(𝑥 − 1)(𝑥 + 3) = 0
𝑥 = 1, −3
จะได้ ผลบวกราก = 1 + (−3) = −2
10. 5
จะได้ |𝑥 + 1| > 1 จากสมบัติคา่ สัมบูรณ์ จะได้ 𝑥+1> 1 หรื อ 𝑥 + 1 < −1
𝑥 > 0 𝑥 < −2
จะได้ 𝐴 = (−∞, −2) ∪ (0, ∞) ซึง่ จะเห็นว่า ข้ อ 5 จะได้ [2, 3) ⊂ (0, ∞) ⊂ 𝐴
14 O-NET (ก.พ. 57)
11. 3
𝐴: จากสมบัติคา่ สัมบูรณ์ จะได้ −3 < 𝑥 − 2 < 3
−1 < 𝑥 < 5 → 𝐴 = (−1, 5)
𝐵: แยกได้ (𝑥 + 1)(𝑥 − 4) > 0 + − +
−1 4 → 𝐵 = (−∞, −1) ∪ (4, ∞)
จะได้ 𝐴 − 𝐵 = (−1, 4]
12. 1
จุด (0, 0.5) อยูใ่ นบริ เวณที่แรเงา ดังนัน้ ต้ องแทนในสมการกราฟแล้ วเป็ นจริง
จะได้ 𝑥 2 − 𝑦 = 02 − 0.5 = −0.5 → ตัดข้ อ 3, 4, 5 ทิ ้ง และจาก 𝑦 = 0.5 จะได้ ข้อ 1 เป็ นคาตอบ
13. 2
จะเป็ นฟั งก์ชนั ก็ตอ่ เมื่อ ลากเส้ นตรงไนแนวตังให้
้ ตดั กราฟเกิน 1 จุดไม่ได้
จะเห็นว่า ข้ อ 1, 3, 4 ลากเส้ นแนวตังให้ ้ ตดั เกิน 1 จุดได้ ดังรูป
ส่วนข้ อ 5 ถ้ าลากเส้ นแนวตังให้้ ทบั เส้ นกราฟพอดี ก็ตดั เกิน 1 จุดได้ เช่นกัน
จะเห็นว่ามีข้อ 2 เท่านันที ้ ่ลากเส้ นแนวตังให้
้ ตดั เกิน 1 จุดไม่ได้ จึงตอบข้ อ 2
14. 1
ก. เทียบกับรูป 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘 จะได้ 𝑎 = 1 > 0 เป็ นกราฟหงาย → ก. ถูก
ข. แก้ สมการ (𝑥 − 3)2 − 4 < 0
(𝑥 − 3)2 − 22 < 0 + − +
→ (1, 4] อยูใ่ นช่วงลบ → ข. ถูก
(𝑥 − 5)(𝑥 − 1) < 0 1 5
15. 3
AD AD 2
B จะได้ cos 60° = BA → BA = cos 60° = 1/2 = 4 จะได้ BD = BA sin 60° = 2√3
BA AD BD 4 2 2√3
∆BAD ~ ∆CBD → CB
= BD = CD → CB
= 2 3 = CD
√
60° (2√3)(2√3)
A 2 D C จากคูห่ ลัง จะได้ CD = 2
=6
16. 1
D C 90° − AĈD = AĈB แทนในสมการที่ให้ จะได้ tan(BÂC) = tan(AĈB)
𝑦 จะได้ 𝑦𝑥 = 𝑦𝑥 → 𝑥 = 𝑦 และจากพื ้นที่ = 100 จะได้ 𝑥 = 𝑦 = 10
17. 3
ให้ ชายคนนี ้ห่างตึกหนึง่ = 𝑥 → จะอยูห่ า่ งตึกสอง = 100 − 𝑥 ดังรูป
𝑏 ให้ ตกึ สูง 𝑎, 𝑏 จะได้ tan 30° = 𝑎𝑥 และ tan 60° = 100−𝑥
𝑏
19. 5
2−(−1) 3 2−2 2−(−3) 5 2−4 2 2−(−5) 7
𝑎1 = 5
=5 , 𝑎2 = 7
= 0 , 𝑎3 = 9
=9 , 𝑎4 = 11
= − 11 , 𝑎5 = 13
= 13
20. 5
1. ในลาดับเลขคณิต พจน์คทู่ ี่ติดกัน จะห่างกันเท่ากัน → |𝑎10 − 𝑎11 | = |𝑎11 − 𝑎10 |= |𝑎21 − 𝑎20 | → 1. ถูก
2. 𝑎9 น้ อยกว่า 𝑎11 อยู่ 2𝑑 แต่ 𝑎14 มากกว่า 𝑎12 อยู่ 2𝑑 ดังนัน้ 𝑎9 + 𝑎14 = 𝑎11 + 𝑎12 → 2. ถูก
3. 𝑎𝑎15−𝑎 12 3𝑑
= = 1 → 3. ถูก
7 −𝑎4 3𝑑
4. ลาดับของ 𝑏 คือ การเอาลาดับเลขคณิตมาลดทุกพจน์ลง 5 → แต่ละพจน์ที่ติดกัน จะยังห่างกันเท่าเดิม (เพราะทุกตัว
ลดลงเท่าๆกัน) → ลาดับ 𝑏 เป็ นลาดับเลขคณิต → 4. ถูก
5. ถ้ าลาดับ 𝑎 คือ 1, 2, 3, … จะได้ ลาดับ 𝑐 คือ 51 (1), 52 (2), 53 (3), … = 5, 50, 375, … → ไม่ใช่เรขา → 5. ผิด
21. 2
ลาดับเลขคณิต จะได้ 𝑎2 − 𝑎1 = 𝑎3 − 𝑎2 → 10𝑥 + 23 = 2𝑥 − 1 แก้ สมการ จะได้ 𝑥 = −3
แทน 𝑥 ในลาดับ จะได้ 26, 19, 12, … , −44 จะได้ 𝑎1 = 26 , 𝑑 = −7 , 𝑎𝑛 = −44
แทนสูตร 𝑎𝑛 = 𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑 จะได้ −44 = 26 + (𝑛 − 1)(−7) → 𝑛 = 11
22. 5
ก. จะได้ 𝑎1 = 49 , 𝑑 = 3 , 𝑎𝑛 = 211
แทนสูตร 𝑎𝑛 = 𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑 จะได้ 211 = 49 + (𝑛 − 1)(3) → 𝑛 = 55 → ก. ผิด
ข. ชันที
้ ่ 8 = 𝑎8 = 𝑎1 + 7𝑑 = 49 + 7(3) = 70 → ข. ถูก
ค. ผลรรวมซุง = 𝑆𝑛 = 𝑛2 (𝑎1 + 𝑎𝑛 ) = 55
2
(49 + 211) = 7150 → ค. ถูก
16 O-NET (ก.พ. 57)
23. 1
จะได้ 𝑎5 = 𝑎1 𝑟 4 = 12 …(1) และ 𝑎8 = 𝑎1 𝑟 7 = −
1
16
…(2) เอา (2) ÷ (1) จะได้ 𝑟3 = −
1
8
→ 𝑟=−
1
2
1
𝑎5
หา 𝑎4 โดยเอา 𝑎5 มาถอยหลังกลับโดยการหารด้ วย 𝑟 จะได้ 𝑎4 =
𝑟
= 2
−
1 = −1
2
24. 3
𝑎2 √6 9
𝑟=
𝑎1
=
√3
= √2 แทนในสูตร 𝑎𝑛 = 𝑎1 𝑟 𝑛−1 จะได้ 𝑎10 = 𝑎1 𝑟 9 = √3(√2) = 16√6
25. 2
1
จากสูตร 𝑎𝑛 = 𝑎1 𝑟 𝑛−1 จะได้ 𝑎10 = 𝑎1 𝑟 9 = 2 𝑟 9 = 256 แก้ สมการ จะได้ 𝑟=2
1
𝑎𝑛 𝑟−𝑎1 𝑎10 𝑟−𝑎1 256(2)−
จากสูตร 𝑆𝑛 =
𝑟−1
จะได้ 𝑆10 =
𝑟−1
=
2−1
2
= 511.5
26. 4
แปลว่าลูกต้ องยืนคนละฝั่งของโดราเอมอน
ลูกคนแรก เลือกได้ 4 ที่ , ลูกคนที่สอง ต้ องอยูอ่ กี ฝั่งของโดราเอมอน → เหลือ 2 ที่ , พ่อแม่ได้ 2 × 1 ที่ รวม 16 แบบ
27. 5
(12)(11)
มีถงุ เท้ า (1 + 2 + 3)(2) = 12 ข้ าง → จานวนแบบทังหมด ้ = (122
) = 2 = 66 แบบ
แบบที่ได้ สเี ดียวกัน = ขาวทังคู
้ ่ หรื อ น ้าเงินทังคู
้ ่ หรื อ ดาทังคู
้ ่ = (22) + (42) + (62) = 1 + 6 + 15 = 22 แบบ
จะได้ ความน่าจะเป็ น = 22 66
=3
1
28. 2
ขันตอนการส
้ ารวจ : กาหนดขอบเขตของการสารวจ → เลือกกลุม่ ตัวอย่าง (ไม่ใช่เลือกผู้เก็บข้ อมูล) → สร้ างแบบสารวจ
→ ประมวลผล และวิเคราะห์
29. 2
ข้ อ 5. ไม่นิยมนาค่ากลางหลายๆชนิดมาผสมกัน
ข้ อ 4. ความสูง เป็ นข้ อมูลเงินปริมาณ สามารถบวกลบคูณหารได้ จึงไม่ต้องใช้ ฐานนิยม
ข้ อ 3. ข้ อมูลมีจานวนมาก ค่ามากสุดกับน้ อยสุดไม่ตา่ งกันมาก ไม่นิยมใช้ มธั ยฐาน
ข้ อ 1. ไม่ระบุกรอบเวลา ทาให้ ข้อมูลไม่ชดั เจน และจะไม่มคี า่ กลางที่เหมาะสม
30. 4
7+8+9+10+11+15+17+21+22+22+30+32 204
𝑥̅ = 3+4+3+2
= 12 = 17
12+1 15+17
Med อยู่ ตัวที่
2
= 6.5 → 15 ระหว่าง
17 → Med = 2 = กับ 16
31. 3
70
มีข้อมูล 40 ตัว → 𝑃70 อยูต
่ วั ที่ 100 × 41 = 28.7 = ตัวที่ 28 + 0.7(ตัวที่ 29 – ตัวที่ 28)
= 87 + 0.7(88 – 87) = 87.7
O-NET (ก.พ. 57) 17
32. 4
จากพิสยั = 45 จะได้ 𝑦 − 5 = 45 ดังนัน้ 𝑦 = 45 + 5 = 50
จาก 𝑥̅ = 26.4 จะได้ 5+10+12+20+𝑥+26+30+42+47+𝑦
10
= 26.4
แทนค่า 𝑦 = 50 จะได้ 242+𝑥
10
= 26.4 แก้ สมการ จะได้ 𝑥 = 264 – 242 = 22
หา Q2 : มีข้อมูล 10 ตัว → Q2 อยูต่ วั ที่ 24 (10 + 1) = 5.5 = ระหว่าง 𝑥 กับ 26
จะได้ Q2 = 𝑥+26
2
22+26
= 2 = 24
33. 5
แจกแจงเซต จะได้ 𝑟 = {(1, 2), (2, 2), (2, 3), (3, 2), (3, 3)} → มีสมาชิก 5 ตัว
34. 4
|𝑥 + 1| = 𝑦 เป็ นตัววี หักที่ (−1, 0) |𝑥 + 1| = 𝑦
อสมการ |𝑥 + 1| ≤ 𝑦 มี 𝑦 อยูฝ่ ั่งมาก → แรเงาด้ านบน A B 𝑦=2
𝑦 = 2 เป็ นเส้ นแนวนอน ที่ตดั แกน 𝑦 ที่ 2
อสมการ y ≤ 2 มี 𝑦 อยูฝ่ ั่งน้ อย → แรเงาด้ านล่าง
C
จะได้ บริ เวณทีซ่ ้ อนทับกัน เป็ น ∆ABC ดังรูป
หาจุดตัดกราฟ A, B โดยแก้ ระบบสมการ แทน 𝑦 = 2 ในอีกสมการ จะได้ |𝑥 + 1| = 2
𝑥 + 1 = 2 , −2
𝑥 = 1, −3
จะได้ พิกดั A, B คือ (1, 2) และ (−3, 2) จะได้ AB ยาว 1 − (−3) = 4
ใช้ AB เป็ นฐาน จะได้ สงู =2 ดังนัน้ พื ้นที่ = 12 × 4 × 2 = 4
35. 12
ให้ 𝐴, 𝐵, 𝐶 เป็ นเซตของคนที่ชอบช็อกโกแลต, วานิลลา, สตรอเบอรี่ ตามลาดับ
มีทงหมด
ั้ 180 คน แต่ไม่ชอบทังสามรส
้ 5 คน → ชอบอย่างน้ อย 1 รส = 𝑛(𝐴 ∪ 𝐵 ∪ 𝐶) = 180 – 5 = 175 คน
ใช้ สตู ร 𝑛(𝐴 ∪ 𝐵 ∪ 𝐶) = 𝑛(𝐴) + 𝑛(𝐵) + 𝑛(𝐶) − 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵) − 𝑛(𝐵 ∩ 𝐶) − 𝑛(𝐴 ∩ 𝐶) + 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 ∩ 𝐶)
175 = 86 + 87 + 70 − 31 − 27 − 22 + 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 ∩ 𝐶)
แก้ สมการจะได้ 𝑛(𝐴 ∩ 𝐵 ∩ 𝐶) = 12
36. 3
𝑛 50
จากสูตร 𝑆𝑛 = 2 (2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑) จะได้ 3275 = 2
(2(−8) + (50 −1)𝑑)
131 = −16 + 49 𝑑
จะได้ 𝑑 = 147
49
=3
37. 89
ให้ 𝑛 = จานวนชาม → ขายได้ เงิน 25𝑛 และ ต้ นทุน = 18𝑛
จะได้ สมการคือ 25𝑛 − 120 − 18𝑛 ≥ 500 แก้ ได้ 𝑛 ≥ 620 7
= 88.5… → 89 ชาม
18 O-NET (ก.พ. 57)
38. 30
โจทย์ให้ จานวนแถวน้ อยกว่าจานวนที่นงั่ ในแต่ละแถวอยู่ 4 ดังนัน้ ถ้ าให้ มี 𝑥 แถว จะได้ แต่ละแถวมีที่นงั่ 𝑥 + 4 ที่นงั่
มีที่นงั่ ทังหมด
้ 60 ที่นงั่ จะได้ 𝑥(𝑥 + 4) = 60
𝑥 2 + 4𝑥 − 60 = 0
(𝑥 + 10)(𝑥 − 6) = 0
𝑥 ต้ องเป็ นเต็มบวก จะได้ 𝑥 = 6 นัน่ คือ มี 6 แถว จากแต่ละแถวมีโต๊ ะ 5 ตัว ดังนัน้ จะมีโต๊ ะทังหมด
้ 6(5) = 30 ตัว
39. 6.9
การ “บวก 174” จะไม่มีผลกับ 𝑠 แต่การ “คูณ 3” จะทาให้ 𝑠 เพิ่ม 3 เท่า → 𝑠 ชุดสอง = 3(2.3) = 6.9
40. 0.54
วงเย็น = 0.67 เช้ าหรือเย็น = 0.86
เหลือเย็นอย่างเดียว = 0.67 − 0.35 เหลือเช้ าอย่างเดียว = 0.86 – 0.35 – 0.3
เช้ าและเย็น = 0.35 = 0.32 = 0.19
เช้ า เย็น เช้ า เย็น เช้ า เย็น
0.35 0.35 0.32 0.19 0.35 0.32
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Punyateepo Surasen สาหรับข้ อสอบนะครับ