You are on page 1of 35

ลำดับอนันต์ และ

อนุกรมอนันต์

น.ส.ชนก นท์ ชายกล

ม. 612 +

13 Oct 2020
นั
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 1

ทบทวนลำดับเลขคณิต

ลำดับเลขคณิต คือ ลำดับที่เพิม่ หรือลดอย่ำงคงที่ โดยกำรบวก


เรำเรียกค่ำคงที่ ที่นำมำบวก ว่ำ “ผลต่ำงร่วม” ซึง่ แทนด้วยสัญลักษณ์ 𝑑
เช่น 5 , 8 , 11 , 14 → 𝑑 = 3 1,3,5,7 → 𝑑=2
5 , 3 , 1 , −1 → 𝑑 = −2 5,5,5,5 → 𝑑=0
3 5 1
1, 2
, 2, 2
→ 𝑑= 2

จะเห็นว่ำ ถ้ำเอำสองพจน์ที่อยูต่ ดิ กันในลำดับเลขคณิต มำลบกัน (พจน์ขวำ ลบ พจน์ซำ้ ย) จะได้ผลลัพธ์เท่ำกับ 𝑑 เสมอ


เช่น ลำดับเลขคณิต 5 , 8 , 11 , 14 , … จะเห็นว่ำ 8 − 5 = 11 − 8 = 14 − 11 = 3 = 𝑑

สูตรพจน์ท่วั ไปของลำดับเลขคณิต คือ 𝑎𝑛 = 𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑

แบบฝึ กหัด
1. กำหนดให้ 4 พจน์แรกของลำดับเลขคณิต คือ 2𝑎 + 1 , 2𝑏 − 1 , 3𝑏 − 𝑎 และ 𝑎 + 3𝑏 เมื่อ 𝑎 และ 𝑏 เป็ น
จำนวนจริง พจน์ที่ 1000 ของลำดับเลขคณิตนีเ้ ท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 54)/17]

2. จำนวนเต็มที่มีคำ่ ตัง้ แต่ 100 ถึง 999 ที่หำรด้วย 2 ลงตัว แต่หำรด้วย 3 ไม่ลงตัว มีจำนวนเท่ำกับเท่ำใด
[PAT 1 (ก.ค. 52)/36]
6 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

ลำดับพหุนำม

เรือ่ งนี ้ ไม่อยูใ่ นหลักสูตร แต่นกั เรียนส่วนใหญ่นิยมให้สอน จึงนำมำรวมในเอกสำรด้วย


ในกรณีที่สตู รของ 𝑎𝑛 สำมำรถเขียนเป็ นพหุนำมได้ จะมีสตู รกำรหำพจน์ท่วั ไปอยู่
วิธีนจี ้ ะได้สตู ร 𝑎𝑛 ที่ซบั ซ้อนไปนิด แต่รบั ประกันว่ำได้ชวั ร์ (ถ้ำ 𝑎𝑛 สำมำรถเขียนเป็ นพหุนำมได้)
1. หำผลต่ำงของแต่ละคูพ่ จน์ที่ตดิ กัน ไปเรือ่ ยๆ จนกว่ำจะได้ผลต่ำงของทุกคูเ่ ท่ำกัน
𝑎1 𝑎2 𝑎3 𝑎4 𝑎5 𝑎6
⋁ ⋁ ⋁ ⋁ ⋁
𝑑1 ? ? ? ?
⋁ ⋁ ⋁ ⋁
𝑑2 ? ? ?
⋁ ⋁ ⋁
𝑑3 𝑑3 𝑑3

2. นำตัวแรกของแต่ละแถว ไปแทนในสูตร

(𝑛−1) (𝑛−1)(𝑛−2) (𝑛−1)(𝑛−2)(𝑛−3)


𝑎𝑛 = 𝑎1 + (1)
𝑑1 + (1)(2)
𝑑2 + (1)(2)(3)
𝑑3

(𝑛−1)(𝑛−2)(𝑛−3)(𝑛−4)
ในกรณีที่ตอ้ งทำ 4 แถวถึงจะเท่ำ ก็บวก (1)(2)(3)(4)
𝑑4 หรือตัวอื่นๆ ต่อไปได้เรือ่ ยๆ

ตัวอย่ำง จงหำพจน์ท่วั ไปของลำดับ 5, 7, 12, 20, …


วิธีทำ หำผลต่ำงของแต่ละคูไ่ ปเรือ่ ยๆ จนกว่ำทุกตัวจะห่ำงกันคงที่

5 7
12 20 𝑎1 = 5
2 5 8 𝑑1 = 2
3 3 𝑑2 = 3

(𝑛−1) (𝑛−1)(𝑛−2)
แทนสูตร จะได้ 𝑎𝑛 = 5 + (1)
(2) + (1)(2)
(3)
2
3(𝑛 −3𝑛+2) 3𝑛2 −5𝑛+12
= 5 + 2𝑛 − 2 + 2
= 2
#

ตัวอย่ำง จงหำพจน์ที่ 10 ของลำดับ 1, 5, 12, 24, 43, 71, …


วิธีทำ หำผลต่ำงของแต่ละคูไ่ ปเรือ่ ยๆ จนกว่ำทุกตัวจะห่ำงกันคงที่

1 5 12 24 43 71 𝑎1 = 1
4 7
12 19 28 𝑑1 = 4
3 5 7 9 𝑑2 = 3
2 2 2 𝑑3 = 2

แทนสูตร จะได้ 𝑎𝑛 = 1 + (𝑛−1)


(1)
(𝑛−1)(𝑛−2)
(4) + (1)(2) (3) +
(𝑛−1)(𝑛−2)(𝑛−3)
(1)(2)(3)
(2)
(10−1) (10−1)(10−2) (10−1)(10−2)(10−3)
ดังนัน้ 𝑎10 = 1 + (1) (4) + (1)(2) (3) + (1)(2)(3)
(2)
(9)(8) (9)(8)(7)
= 1 + (9)(4) + (1)(2) (3) + (1)(2)(3) (2) = 1 + 36 + 108 + 168 = 313 #
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 7

แบบฝึ กหัด ② -
~

~
1. จงหำสูตรพจน์ท่วั ไปของลำดับต่อไปนี ้ ④ ·
- S
~
1. −6 , −3 , 2 , 9 , 18 , … 2. 2 , −1 , −6 , −13
· ~ -
~ +Th ⑨
② +2 +2 + 2 &1 = 2

On = An + BK+ d ) = -3
& x 2;- 12 = 2 A + 23 + C - @
1 -> &2 = - 2
-6 = At 3 + 2 - & &-8; 9 = 21 +

-3 = & A + 23 + -②
= Un = 2+
Chill <- 3) +
CH- 119H-
(112)
2) ( -2)
2 = 9A+38+-⑨ ->

:. A = 1 -

=2- 34 + 3 + ( &- 34 +23


0
3:
&-0; 3A+3 -
3=
Q : -
2

= - 3h+ 3 - 12 + 31 -
&x 3; 9 = PA+33 - ⑥

8 - 8; 7 = -<
an= :: Un = - 12 + 3 #

:. C = - >


+1 ~
·

+1 +20 + 2
~ ~ ~ ~
& + 2 2 &4 + >0
~ ↑ ~

2. จงหำ พจน์ที่ 8 ของลำดับ 1 , 3 , 13 , 37 , 81 , 151

&1 = =1 CHICH- 21 - 3)
On = 1 + ( =1) ( 2) + ( -ICH- 2) (ร
8) + (-
6
dr = 2 (1)2 (117)
da= 8
=1 + 24 - 2 + M - 34 + 23/4) + <n" - ontlin - 6 1
d 3= 6

=1t24E + #- 128***-**+In -G

dn = 43 - IR + 1 +1

&8 = 1873- 2989+(8) +1


=512- 128 + 8 + %

:: 98 = 393 #
ห้
8 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

ลิมิตของลำดับ

ในคณิตศำสตร์พนื ้ ฐำน เรำได้รูจ้ กั “ลำดับจำกัด” และ “ลำดับอนันต์” ไปแล้ว


ลำดับจำกัด คือ ลำดับที่มีจำนวนพจน์ เป็ นจำนวนจำกัด เช่น 3 , 5 , 7 , 9 , 11
ลำดับอนันต์ คือ ลำดับทีม่ ีพจน์ตอ่ ไปเรือ่ ยๆ ไม่สนิ ้ สุด เช่น 3 , 5 , 7 , 9 , 11 , …
จะเห็นว่ำ ลำดับอนันต์ จะมี “…” ต่อท้ำย เพื่อบอกว่ำมีพจน์ตอ่ ไปเรือ่ ยๆ
ในหัวข้อนี ้ เรำจะศึกษำกำรประมำณค่ำของ “ตัวสุดท้ำย” ในลำดับอนันต์

จะเห็นว่ำ ลำดับอนันต์ จะมีพจน์ต่อท้ำยไปเรือ่ ยๆ ดังนัน้ ลำดับอนันต์ จะไม่มีตวั สุดท้ำย


อย่ำงไรก็ตำม เรำสำมำรถ “ประมำณ” ตัวสุดท้ำยของลำดับอนันต์ “บำง” ลำดับได้
เช่น 12 , 13 , 14 , 15 , … ตัวสุดท้ำยจะมีคำ่ ประมำณ 0 เพรำะ ส่วนเพิ่มขึน้ เรือ่ ยๆ ในขณะที่เศษเป็ น 1 ตลอด
1
0.3 , 0.33 , 0.333 , … ตัวสุดท้ำยจะมีคำ่ ประมำณ 0.33333333333… ซึง่ จะเท่ำกับ 3
3, 3, 3, 3,… ตัวสุดท้ำยจะมีคำ่ ประมำณ 3

แต่อย่ำงไรก็ตำม ลำดับอนันต์สว่ นใหญ่ จะไม่สำมำรถหำค่ำประมำณของตัวสุดท้ำยได้


เช่น 1 , 3 , 5 , 7 , … ลำดับนี ้ เพิ่มขึน้ อย่ำงไม่มีขอบเขต จึงไม่สำมำรถประมำณตัวสุดท้ำยได้
−1 , −3 , −5 , −7 , … ลำดับนี ้ ลดลงอย่ำงไม่มีขอบเขต จึงไม่สำมำรถประมำณตัวสุดท้ำยได้
3 , −3 , 3 , −3 , … ลำดับนี ้ แกว่งไปแกว่งมำ ทำให้บอกไม่ได้ ว่ำตัวสุดท้ำยประมำณ 3 หรือ −3

“ลิมิตของลำดับ” แทนด้วยสัญลักษณ์ lim 𝑎𝑛 หมำยถึง ค่ำประมำณของพจน์สดุ ท้ำย ในลำดับอนันต์ {𝑎𝑛 }


0.5 0.33. 0.29 0.22. n 
1 1 1 1
เช่น ลำดับ 2
,
3
,
4
,
5
, … มีลมิ ิตของลำดับ คือ 0
ลำดับ 3, 3, 3, 3,… มีลมิ ิตของลำดับ คือ 3
ลำดับ 1, 3, 5, 7,… หำลิมิตของลำดับไม่ได้ เป็ นต้น

ในกรณีที่โจทยให้สตู รพจน์ท่วั ไปมำ กำรหำ lim 𝑎𝑛 จะทำได้โดยกำรแทน 𝑛 ด้วย ∞ ลงไป


n 

หลักในกำรคำนวณค่ำประมำณ เกี่ยวกับ ∞ จะมีดงั นี ้


∞+∞ → ∞ ∞−∞ → ไม่รู ้
∞+𝑘 → ∞ ∞−𝑘 → ∞ 𝑘 − ∞ → −∞

∞ เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่บวก


∞×∞ → ∞ ∞ × 𝑘 → {−∞ เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่ลบ
ไม่รู ้ เมื่อ 𝑘 ประมำณ 0

→ {∞ เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่บวก 𝑘
→ 0

→ ไม่รู ้
𝑘
−∞ เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่ลบ ∞ ∞

∞ เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่ และ 𝑘 > 1


∞ เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่บวก
1 เมื่อ 𝑘 = 1
∞𝑘 → { 0 เมื่อ 𝑘 เป็ นค่ำคงที่ลบ 𝑘∞ →
0 เมื่อ เป็ นค่ำคงที่ และ 0 < 𝑘 < 1
ไม่รู ้ เมื่อ 𝑘 ประมำณ 0
{ไม่รู ้ เมื่อ 𝑘 ประมำณ 0 หรือ 𝑘 ประมำณ 1
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 9

ถ้ำแทน 𝑛 ด้วย ∞ แล้วได้ผลเป็ น “ไม่รู”้ แปลว่ำเรำต้องจัดรูปเพิ่มก่อน แล้วค่อยแทนใหม่


ถ้ำแทนแล้ว คำนวณค่ำประมำณได้ ∞ หรือ −∞ หรือ แกว่งไปแกว่งมำ ให้ตอบว่ำ lim 𝑎𝑛 หำไม่ได้
n 
:
1
เช่น lim 2𝑛 = หำไม่ได้ lim 3𝑛+1 = 0
n  n 
1
lim 3𝑛 = หำไม่ได้ lim 2−5𝑛 = 0
n  n 

lim 4 = 4 lim 4𝑛2 + 1 = หำไม่ได้


n  n 

lim (−1)𝑛 = แกว่งระหว่ำง 1 กับ −1 = หำไม่ได้


n  Mumm &

-I 17,- 73ds - 1 , ... แก งไปแก ง -7,0.5, 8.33, 0.21 --- =

4𝑛+1
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ lim
=Im ) = =
n   𝑛−1 ·


วิธีทำ ถ้ำแทน 𝑛 ด้วย ∞ จะได้

ซึง่ ประมำณค่ำต่อไม่ได้
1 1
4𝑛+1 4𝑛+1 𝑛(4+ ) 4+
ข้อนี ้ เรำจะจัดรูป 𝑛−1
ก่อน โดยดึง 𝑛 จำกเศษและส่วนมำตัดกัน →
𝑛−1
= 𝑛
1 =
1−
𝑛
1
𝑛(1− ) 𝑛
𝑛
1 1
4+ 4+ 4+0
จำกนัน้ ค่อยแทน 𝑛 ด้วย ∞ ลงไปใหม่ จะได้ 1−
𝑛
1 =
1−

1 =
1−0
= 4 #
𝑛 ∞
muk = A ห อ: ออก = 0 ·ส


ในกรณีที่แทนแล้วได้ ∞
เรำจะมีวธิ ีจดั รูป โดยกำรดึง 𝑛𝑘 จำกทัง้ เศษและส่วนมำตัดกัน
2𝑛 2𝑛 2 2
เช่น lim
3𝑛+5
= lim 5 = lim =
n  n   𝑛(3+𝑛) n   3+0 3
3 4
𝑛2 −3𝑛+4 𝑛2 (1− + 2 ) 1−0+0 1
𝑛 𝑛
lim 2 = lim 5 = lim =
n   2𝑛 +5 n   𝑛2 (2+ 2 ) n   2+0 2
𝑛 เรำจะดึงให้ 𝑛𝑘 ตำม
1 3
2𝑛2 −𝑛+3 𝑛2 (2− + 2 )
𝑛 𝑛 2−0+0 พหุนำมที่ดีกรีนอ้ ยกว่ำ
lim 3 2 = lim 5 1 = lim = 0
n   4𝑛 −𝑛 +5𝑛−1 n   𝑛2 (4𝑛−1+𝑛−𝑛2 ) n   4𝑛−1+0−0 ระหว่ำงเศษกับส่วน
3
2𝑛5 +3 𝑛3 (2𝑛2 + 3 ) 2𝑛2 +0
lim 3
= lim 𝑛
2 2 = lim = หำไม่ได้
n   𝑛 +2𝑛−2 n   𝑛3 (1+𝑛2 −𝑛3 ) n   1+0−0

3
4𝑛+3 𝑛(4+ ) 4+0
𝑛
lim 2
= lim = lim = 4
n   √𝑛 +5𝑛−2 n   𝑛(√1+ 5 − 2 ) n   √1+0−0
𝑛 𝑛

สุดท้ำย ต้องรูจ้ กั คำศัพท์ 2 คำ าต


/
 ถ้ำ lim 𝑎𝑛 หำค่ำได้ จะเรียกสำดับนัน
้ ว่ำเป็ นลำดับ “คอนเวอร์เจนต์” (ลำดับลูเ่ ข้ำ)
n 
2-ไ
 ถ้ำ lim 𝑎𝑛 หำไม่ได้ จะเรียกสำดับนัน้ ว่ำเป็ นลำดับ “ไดเวอร์เจนต์” (ลำดับลูอ่ อก)
n 
1 1
เช่น 𝑎𝑛 =
3𝑛+1
เป็ นลำดับคอนเวอร์เจนต์ เพรำะ lim หำค่ำได้ เท่ำกับ 0
n   3𝑛+1
4𝑛+1 4𝑛+1
𝑎𝑛 =
𝑛
เป็ นลำดับคอนเวอร์เจนต์ เพรำะ lim
𝑛
หำค่ำได้ เท่ำกับ 4
n 

𝑎𝑛 = 3𝑛 เป็ นลำดับไดเวอร์เจนต์ เพรำะ lim 3𝑛 หำค่ำไม่ได้ เป็ นต้น


n 
มีค่
ลู่
ค่
ว่
ม่
มี
ว่
รื
10 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำลำดับต่อไปนี ้ เป็ นลำดับคอนเวอร์เจนต์ หรือ ไดเวอร์เจนต์ พร้อมทัง้ หำลิมิตของลำดับ ในกรณีที่ {𝑎𝑛 }
เป็ นลำดับคอนเวอร์เจนต์
1. 𝑎𝑛 = 𝑛 &
2. 𝑎𝑛 = 2𝑛 − 10
หา อไ ไ
หา ต ไม่ไ

1
3. 𝑎𝑛 = 𝑛 4. 𝑎𝑛 = 3𝑛
หา คค ไ
·

5. 𝑎𝑛 = (−2)𝑛 6. 𝑎𝑛 = (−1)2𝑛
หา ต่ไม
&

7. 𝑎𝑛 = ↓
(−1)𝑛
𝑛
8. 𝑎𝑛 =
3𝑛2 −2
2𝑛+1

·
-mY
=( หา าเมเด

2+2𝑛2 −3𝑛 3𝑛3 +2𝑛2 −3𝑛+5


9. 𝑎𝑛 =
𝑛2 −2𝑛+1−2𝑛3
10. 𝑎𝑛 =
2𝑛3 −3𝑛2 +4𝑛−1

=
=

=health) = G

𝑛+1 √3𝑛+2
11. 𝑎𝑛 =
√𝑛−2
12. 𝑎𝑛 =
√𝑛−2
ค่
่ำ
ค่
ม่
ม่

12 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

กำรหำลิมติ ในรูปเศษส่วน

หัวข้อนี ้ จะพูดถึงวิธีหำ lim 𝑎𝑛 แบบง่ำยๆ โดยใช้วิธีดๆู แล้วตอบ u22"


n 

วิธีคือ เรำจะพยำยำมเขียน 𝑎𝑛 ให้อยูใ่ นรูปเศษส่วน แล้วดูวำ่ ระหว่ำงเศษกับส่วน ใครชนะ


โดยเรำจะนำ “ตัวแรงสุดของเศษ” มำเทียบกับ “ตัวแรงสุดของส่วน” โดยใช้หลักดังนี ้
 พหุนำมดีกรีมำก ชนะ พหุนำมดีกรีนอ้ ย (ดีกรี = กำลังสูงสุดของ 𝑛 ในพหุนำม)
 เอกซ์โพเนนเชียลฐำนมำก ชนะ เอกซ์โพเนนเชียลฐำนน้อย
เอกซ์โพ → 𝑛 เป็ นเลขชีก้ ำลัง
 เอกซ์โพเนนเชียล ฐำน > 1 ชนะ พหุนำม
พพุนำม → 𝑛 เป็ นฐำน
เอกซ์โพเนนเชียล ฐำน < 1 แพ้ พหุนำม

2𝑛 +3𝑛 เอกซ์โพฐำน 3 2𝑛 −3𝑛 เอกซ์โพฐำน 3


เช่น 𝑛2 +3𝑛−5

พหุนำมดีกรี 2
→ เศษชนะ 3𝑛 +2∙5𝑛

เอกซ์โพฐำน 5
→ ส่วนชนะ
2𝑛 +𝑛2 เอกซ์โพฐำน 2 𝑛2 พหุนำมดีกรี 2
𝑛1000

พหุนำมดีกรี 1000
→ เศษชนะ (0.1)𝑛

เอกซ์โพฐำน < 1
→ เศษชนะ
𝑛
5∙2𝑛 +3𝑛 เอกซ์โพฐำน 3 23𝑛 −5𝑛 (23 ) เอกซ์โพฐำน 8
4∙3𝑛 +5

เอกซ์โพฐำน 3
→ เสมอ 8 (3𝑛 )−7𝑛
10

7𝑛

เอกซ์โพฐำน 7
→ เศษชนะ
3 3
2𝑛+1 พหุนำมดีกรี 1 (𝑛2 +1) (𝑛2 ) พหุนำมดีกรี 6
𝑛2 −5𝑛+2

พหุนำมดีกรี 2
→ ส่วนชนะ 4𝑛5 −1

4𝑛5

พหุนำมดีกรี 5
→ เศษชนะ
3𝑛2 +1 พหุนำมดีกรี 2 4𝑛3 +20𝑛2 −5𝑛+1 พหุนำมดีกรี 3
𝑛2 −1

พหุนำมดีกรี 2
→ เสมอ 𝑛2 −7𝑛3 +4𝑛−3

พหุนำมดีกรี 3
→ เสมอ
1 3
√𝑛−1 พหุนำมดีกรี √𝑛3 −1 พหุนำมดีกรี
3
√𝑛+1

พหุนำมดีกรี
2
1 → เศษชนะ 𝑛

พหุนำมดีกรี
2
1
→ เศษชนะ
3

เมื่อตัดสินได้แล้วว่ำใครชนะ ให้ตอบ lim 𝑎𝑛 ดังนี ้


n 

 ถ้ำ เศษชนะ → ตอบ หำไม่ได้ &

 ถ้ำ ส่วนชนะ → ตอบ 0 Con

สัมประสิทธิ์ตวั แรงสุดของเศษ
 ถ้ำ เสมอกัน → ตอบ สัมประสิทธิ์ตวั แรงสุดของส่วน (สัมประสิทธิ์ = ตัวเลขที่มำคูณ) con

2𝑛 +3𝑛 2𝑛 −3𝑛
เช่น lim
𝑛2 +3𝑛−5
= หำไม่ได้ lim 𝑛 𝑛
= 0
n  n   3 +2∙5

2𝑛 +5𝑛 23𝑛 −5𝑛


lim
3𝑛 −7𝑛
= 0 lim
810 (3𝑛 )−7𝑛+5
= หำไม่ได้
n  n 

5∙2𝑛 +3𝑛 1 2𝑛+1


lim 𝑛
= lim 2
= 0
n   4∙3 +5 4 n   𝑛 −5𝑛+2

3𝑛2 +1 3 4𝑛3 +20𝑛2 −5𝑛+1 4 4


lim = = 3 lim = = −
n  𝑛2 −1 1 n  𝑛2 −7𝑛3 +4𝑛−3 −7 7
2 2
(𝑛2 +1) (𝑛3 +1) 1
lim
𝑛3 −5
= หำไม่ได้ lim
2𝑛6 −5
=
2
n  n 
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 13

2
2𝑛 +𝑛2 (𝑛2 +1) +3𝑛4 4
lim
𝑛1000
= หำไม่ได้ lim
5𝑛4 −5
=
5
n  n 

𝑛2 −5𝑛−𝑛3 −3 2𝑛2 −5𝑛+4


lim
−𝑛2 +3
= หำไม่ได้ lim 3 2
= 0
n  n   3𝑛 +4𝑛 −2𝑛+5

𝑛2 −5𝑛−𝑛3 −3 1 (2𝑛+3)(3𝑛−2) 6
lim = − lim =
n  −𝑛2 +3𝑛3 −5 3 n  7𝑛2 −3 7

(𝑛)(𝑛2 −3𝑛+1)(3𝑛+1) 3 (𝑛−1)2 (2−𝑛2 )


lim (2𝑛−1)4
=
16
lim
7𝑛3 −3
= หำไม่ได้
n  n 

√𝑛 √𝑛−1
lim
𝑛 2 −1 = 0 lim 3 = หำไม่ได้
n  n   √𝑛+1
3
√𝑛+2 5−𝑛 1
lim = 0 lim 2 2
= −
n   √𝑛−5
2 n   √𝑛 +1+√4𝑛 −5 3

3 𝑛 3𝑛 √𝑛3 +2
lim ( ) = lim
2 𝑛 = หำไม่ได้ lim = หำไม่ได้
n  n  2 n   2𝑛−5

1 𝑛 (−1)𝑛 แกว่ง 1 กับ −1


lim (− ) = lim = = 0
n  2 n  2𝑛 เอกซ์โพฐำน 2

ในกรณีที่ 𝑎𝑛 ไม่ได้อยูใ่ นรูปเศษส่วน เรำจะมีวิธีทำให้เป็ นเศษส่วน โดยกำรคูณด้วยคอนตูเกต ทัง้ เศษและส่วน


โดยกำรคูณด้วยคอนจูเกต จะทำให้เข้ำสูตร (น + ล)( น − ล) = น2 − ล2 ได้

หมำยเหตุ : คอนจูเกต คือ ตัวที่เหมือนกัน ยกเว้นเครือ่ งหมำยตรงกลำง เปลีย่ นเป็ นตรงข้ำม


เช่น คอนจูเกต ของ √𝑛 + 2 คือ √𝑛 − 2
คอนจูเกต ของ 3√𝑛 − 2√𝑛 − 1 คือ 3√𝑛 + 2√𝑛 − 1 เป็ นต้น

ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ lim √𝑛 + 1 − √𝑛


n 

วิธีทำ เปลีย่ นรูปให้เป็ น เศษส่วน โดยกำรคูณด้วยคอนจูเกต = √𝑛 + 1 + √𝑛 ทัง้ เศษและส่วน ดังนี ้


(√𝑛+1−√𝑛)(√𝑛+1+√𝑛)
√𝑛 + 1 − √𝑛 = (√𝑛+1+√𝑛)
2 2
(√𝑛+1) −(√𝑛)
=
√𝑛+1+√𝑛
𝑛+1−𝑛
=
√𝑛+1+√𝑛

" nt ->
1
= ว น ขน
√𝑛+1+√𝑛

จะเห็นว่ำข้ำงล่ำงแรงกว่ำ ดังนัน้ lim √𝑛 + 1 − √𝑛 = 0 #


n 
ส่
14 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำลำดับต่อไปนี ้ เป็ นลำดับคอนเวอร์เจนต์ หรือ ไดเวอร์เจนต์ พร้อมทัง้ หำลิมิตของลำดับ ในกรณีที่ {𝑎𝑛 }
เป็ นลำดับคอนเวอร์เจนต์
1−3𝑛 2𝑛 +1
1. 𝑎𝑛 = 5∙3𝑛 +4 2. 𝑎𝑛 = 2−3𝑛

-(5) = = = :: com =

= ม)" =

2 𝑛 3𝑛
3. 𝑎𝑛 = ( )
3
4. 𝑎𝑛 =
0.9𝑛

-(5) " = 0 :: co =no #thanl


:. di

22𝑛+1 −3𝑛 2𝑛−1


5. 𝑎𝑛 = 4∙2𝑛 +5∙3𝑛 6. 𝑎𝑛 = 3𝑛2 −5𝑛+2
On =
22341. 2 - 3 = ". 2- 34 -
4 . 2" + 5.3 4 4 . 2 " + 3.
=0 : Col

อ (

4𝑛2 +3𝑛−2 3+2𝑛2 −𝑛


7. 𝑎𝑛 =
2𝑛2 +𝑛−1
8. 𝑎𝑛 =
2−3𝑛

-( า) = .: co =health - - #ni. di

4𝑛3 −1 3𝑛+𝑛2 +1−𝑛2


9. 𝑎𝑛 =
2𝑛−𝑛3
10. 𝑎𝑛 =
2−3𝑛2

=- 4 ::
&n
con
=( = - 5 :: com

2
1
11. 𝑎𝑛 = 2 − 𝑛 12. 𝑎𝑛 = 𝑛

. 12th = #In ~ม() =


2- n
·:: com

... di
เอา แค่ ว

3𝑛2 +2𝑛 (𝑛+2)(2𝑛−5)


13. 𝑎𝑛 = (𝑛+1)(𝑛−1) 14. 𝑎𝑛 = 3𝑛−(2𝑛+1)(2𝑛−1)

=im (*) = 3 : co =

#4)
/
( ==== 2
:- con

√5𝑛3 +2+√𝑛+2
15. 𝑎𝑛 = 5 16. 𝑎𝑛 =
2𝑛√𝑛+1
มื
ตั
ป้
ทั้
18 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

กำรหำผลบวกอนุกรมด้วยซิกมำ

ในคณิตศำสตร์พนื ้ ฐำน เรำได้รูจ้ กั สัญลักษณ์ ∑ ไปแล้ว


b
โดย สัญลักษณ์  จะหมำยถึงกำรนำก้อน มำบวกซำ้ ๆกัน หลำยๆก้อน
i a
โดยก้อนแรก ให้ 𝑖=𝑎 และ ก้อนถัดไป ให้เพิ่ม 𝑖 ขึน้ ทีละ 1 ไปเรือ่ ยๆ จนจบก้อนสุดท้ำยที่ 𝑖=𝑏
6
เช่น  𝑖 2 + 1 = (32 + 1) + (42 + 1) + (52 + 1) + (62 + 1)
i 3
= 10 + 17 + 26 + 37 = 80
4
 𝑖(𝑖 + 1) = (1)(1 + 1) + (2)(2 + 1) + (3)(3 + 1) + (4)(4 + 1)
i 1
= 2 + 6 + 12 + 20 = 40

และสมบัติที่สำคัญของ ∑ มีดงั นี ้
 ถ้ำหลัง ∑ เป็ นค่ำคงที่ ให้เอำค่ำคงทีค
่ ณ
ู จำนวนพจน์ที่นำมำบวกกันได้เลย
4 8
เช่น  7 = 7 × 4 = 28  5 = 5 × 8 = 40
i 1 +7 +7 + i 1
10 9
 −3 = −3 × 10 = −30  −2 = −2 × 7 = −14
i 1 i 3

 ดึง “ค่ำคงที่” ที่คณ


ู หรือหำรอยู่ ออกมำคูณหรือหำร นอก ∑ ได้
5 5 9 9
เช่น  4𝑖 = 4  𝑖  −2𝑖 2 = −2  𝑖 2
i 1 i 1 i 1 i 1
12 12 6 6
𝑖 1 3𝑖 3 3
 = 𝑖  − = − 4  𝑖3
i 9 3 3 i 9 i 1 4 i 1

 ∑ กระจำยในกำรบวกลบได้ แต่กระจำยในกำรคูณหำรไม่ได้
5 5 5
เช่น  2𝑖 − 𝑖 =  2𝑖 −  𝑖
i 3 i 3 i 3
4  4  4 
แต่  𝑖(𝑖 + 1) ≠   i   i  1
i 3  i 3  i 3 
4
ถ้ำจะกระจำย  𝑖(𝑖 + 1) เรำต้องเปลีย่ น 𝑖(𝑖 + 1) ให้อยูใ่ นรูปของกำรบวกลบก่อน
i 3
4 & 4
เช่น  𝑖(𝑖 + 1) =  𝑖2 + 𝑖
i 3 i 3
*5 & 5&
In
=  𝑖2 +  𝑖
i 3 i 3

&KK- 1) =
X= +

=
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 19

ในกำรหำผลบวกของอนุกรมด้วยซิกมำ เรำต้องท่องสูตรเพิ่ม 3 สูตร ดังนี ้

n 𝑛
1 1+2+3+…+𝑛 =  𝑖 =
2
( 𝑛 + 1)
i 1
n (𝑛)(𝑛+1)(2𝑛+1)
2 12 + 22 + 3 2 + … + 𝑛 2 =  𝑖2 =
i 1 6
n 𝑛 2
3 13 + 23 + 3 3 + … + 𝑛 3 =  𝑖3 = [2 (𝑛 + 1)]
i 1
S

:E
(5)(5+1)(2∙5+1) (5)(6)(11)
เช่น 12 + 22 + 32 + 42 + 52 =
6
=
6
= 55
1
12
&
i= 1
<
1 + 2 + 3 + … + 12 = (12 + 1) = 6 × 13 = 78
2
8 2
&3 <
13 + 23 + 33 + … + 83 = [2 (8 + 1)] = (4 × 9)2 = 1296
=1

จำกควำมรูท้ งั้ หมดที่กล่ำวมำ เรำจะสำมำรถหำผลบวกของอนุกรมบำงชนิดได้


โดยมีขนั้ ตอนง่ำยๆ คือ เขียน ∑ → กระจำย → ใช้สตู ร
เช่น ถ้ำต้องกำรหำค่ำของ 9 + 16 + 25 + … + 121 จะมีขนั้ ตอนกำรทำ ดังนี ้
1) เขียน ∑ : กำรเขียน ∑ ต้องรู ้ 2 อย่ำง คือ “สูตรพจน์ท่วั ไป” กับ “จำนวนพจน์”
โดยเรำต้องเอำสูตรพจน์ท่วั ไป มำเปลีย่ น 𝑛 เป็ น 𝑖 แล้วเติมจำนวนพจน์ไว้ขำ้ งบน ∑
ข้อนีไ้ ม่ใช้ทงั้ อนุกรมเลขคณิต หรืออนุกรมเรขำคณิต ต้องเดำสูตรพจน์ท่วั ไปเอง
จะเห็นว่ำ 9 + 16 + 25 + … + 121 = 32 + 42 + 52 + … + 112
จะได้สตู รพจน์ท่วั ไปคือ 𝑎𝑛 = (𝑛 + 2)2
หำจำนวนพจน์ที่บวกกัน โดยแก้สมกำร (𝑛 + 2)2 = 112
𝑛 = 9
% 9
- ~ 9
ดังนัน้
9 + 16 + 25 + … + 121 =  (𝑖 + 2)2 0+
18+
28 + ... + 58

ท i 1
↓ ี ↓ ↳ ↳
&2
ร 2 G 7ม

2) กระจำย : ขัน้ ตอนี ้ ต้องใช้สมบัตขิ อง ∑ กระจำยเข้ำไปให้ลกึ ที่สดุ ดังนี ้


กท 9 ต

9 9
 (𝑖 + 2)2 =  𝑖 2 + 4𝑖 + 4
i 1 i 1
9 9 9
=  𝑖 2 +  4𝑖 +  4
i 1 i 1 i 1
9 9
=  𝑖 2 + 4  𝑖 + 36
i 1 i 1

3) ใช้สตู ร : =
(9)(10)(19)
6
9
+ 4 ∙ 2 ∙ 10 + 36
= 285 + 180 + 36
= 501 #
มี
20 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

12
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ  𝑖(𝑖 + 2)
i 1
วิธีทำ ข้อนีใ้ จดี ทำเป็ นรูป ∑ มำให้แล้ว ที่เหลือก็แค่ เอำไปกระจำยกับแทนสูตร ดังนี ้
12 12
 𝑖(𝑖 + 2) =  𝑖 2 + 2𝑖
i 1 i 1
12 12
=  𝑖 2 +  2𝑖
i 1 i 1
12 12
=  𝑖2 + 2  𝑖
i 1 i 1
(12)(13)(25) 12
= 6
+ 2∙ 2
∙ 13
= 650 + 156
= 806
#

แบบฝึ กหัด
1. จงหำค่ำในแต่ละข้อต่อไปนี ้
13 +23 +33 +...+103
1. 1 + 2 + 3 + … + 20 2. 1+2+3+...+10

=ร Son
=- (121) =
=

210
Hom
= (POIK1 = 20 = s

3.
12 +22 +32 +...+𝑘 2 #
𝑘
K

=
h
#

=SK+1SIK+
· an = &1 + CH- 120
&n = 1 + ( - 11 2

=2K+3K+> +2 +2
~ ก Un = 7 + 21 - 2

6 +3 + 3 +... + 15 an = 21 - >

2. จงหำค่ำของ (1)(1) + (2)(3) + (3)(5) + … + (8)(15)


8
= In 11 21 - 1
=

=
· 24 - H
=1

=2. Son :M 2 -

=2 / (17)) -
/81
= ( %
PO

/3 · /

=12x13x17) - ( 419

=408- 36

=372
26 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

ทบทวนอนุกรมเลขคณิต

สูตรสำหรับหำผลบวกของอนุกรมเลขคณิต มี 2 สูตร ดังนี ้

𝑆𝑛 =
𝑛
2
(𝑎1 + 𝑎𝑛 ) (1) สูตรแรก จะใช้เมื่อเรำรูพ้ จน์สดุ ท้ำย
𝑆𝑛 =
𝑛
[2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑] (2) นอกนัน้ ใช้สตู รที่สอง
2

เมื่อ 𝑆𝑛 คือ ผลบวกของอนุกรม


𝑎1 คือพจน์แรก , 𝑎𝑛 คือพจน์สดุ ท้ำย
𝑛 คือจำนวนพจน์ที่นำมำบวก
𝑑 คือผลต่ำงร่วมในลำดับเลขคณิต

แบบฝึ กหัด
1. ถ้ำลำดับเลขคณิตชุดหนึง่ มีผลบวก 10 พจน์แรกเท่ำกับ 205 และผลบวกอีก 10 พจน์ถดั ไปเท่ำกับ 505 แล้ว
ผลบวก 55 พจน์แรกของลำดับเลขคณิตนีเ้ ท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ต.ค. 55)/36]

2. กำหนดให้ {𝑎𝑛 } เป็ นลำดับเลขคณิต โดยมีสมบัติ ดังนี ้


(ก) 𝑎15 − 𝑎13 = 3
(ข) ผลบวก 𝑚 พจน์แรกของลำดับเลขคณิตนี ้ เท่ำกับ 325 และ
(ค) ผลบวก 4𝑚 พจน์แรกของลำดับเลขคณิตนี ้ เท่ำกับ 4900
แล้วพจน์ 𝑎2𝑚 เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (ต.ค. 53)/17]
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 31

อนุกรมเรขำคณิตดัดแปลง อ กรมเลขค ต +อนกรมา รยา

หัวข้อนี ้ จะพูดถึงอนุกรมที่เกิดจำกกำรดัดแปลงอนุกรมเรขำคณิต เอำไปผสมกับอนุกรมอื่น


เช่น (3 ∙ 2) + (5 ∙ 22 ) + (7 ∙ 23 ) + … + (15 ∙ 27 )
เกิดจำกกำรผสมระหว่ำงอนุกรมเรขำคณิต 2 , 22 , 23 , … , 27 กับ อนุกรมเลขคณิต 3 , 5 , 7 , … , 15

อนุกรมประเภทนี ้ ไม่สำมำรถทำในขัน้ ตอนเดียวเหมือนที่ผำ่ นมำได้


แต่ตอ้ งใช้วิธี “หักกับตัวมันเอง” ให้กลำยเป็ นอนุกรมเรขำคณิตทีง่ ำ่ ยขึน้ ก่อน ดังนี ้
1. สมมติให้ผลบวกที่ตอ้ งกำรหำ เท่ำกับ 𝑥 → สมกำร (1)
2. คูณหรือหำรทัง้ สองข้ำง ด้วย อัตรำส่วนร่วม (𝑟) ของลำดับเรขำคณิต → สมกำร (2)
3. เขียน สมกำร (1) กับ (2) ให้เลขชีก้ ำลังของ 𝑟 ตรงกัน
นำสมกำร (1) กับ (2) มำลบกัน จะเกิดกำรหักกัน ได้เป็ นอนุกรมที่ง่ำยขึน้
-
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ (3 ∙ 2) + (5 ∙ 22 ) + (7 ∙ 23 ) + … + (21 ∙ 210 )
วิธีทำ อันดับแรก สมมติให้ผลบวกที่ตอ้ งกำรหำ เท่ำกับ 𝑥
23. 29
-2
(3 ∙ 2) + (5 ∙ 22 ) + (7 ∙ 23 ) + … + (19 ∙ 29 ) + (21 ∙ 210 ) = 𝑥 (1)
- ~
+ 2 +

ถัดมำ คูณทัง้ สองข้ำง ด้วย อัตรำส่วนร่วม (𝑟) ของลำดับเรขำคณิต จะเห็นว่ำข้อนี ้ 𝑟=2

(3 ∙ 22 ) + (5 ∙ 23 ) + (7 ∙ 24 ) + … + (19 ∙ 210 ) + (21 ∙ 211 ) = 2𝑥 (2)

จำกนัน้ เขียน (1) กับ (2) ให้เลขชีก้ ำลังตรงกัน แล้วเอำ (1) − (2) โดยลบเป็ นหลักๆ
(ตัวแรกกับตัวสุดท้ำย จะไม่มคี ลู่ บ ให้ชกั ลงมำ / เปลีย่ นเครือ่ งหมำย เหมือนตอนลบพหุนำมตำมปกติ)
𝑎 −𝑎 𝑟
จะเห็นว่ำผลลบ มีสว่ นที่เป็ นอนุกรมเรขำคณิต และสำมำรถใช้สตู ร 𝑆𝑛 = 11−𝑟𝑛 ต่อได้

(3 ∙ 2) + (5 ∙ 22 ) + (7 ∙ 23 ) + (9 ∙ 24 ) + … + (21 ∙ 210 ) = 𝑥 (1)


(3 ∙ 22 ) + (5 ∙ 23 ) + (7 ∙ 24 ) + … + (19 ∙ 210 ) + (21 ∙ 211 ) =

2𝑥 (2)

(3 ∙ 2) + (2 ∙ 22 ) + (2 ∙ 23 ) + (2 ∙ 24 ) + … + ( 2 ∙ 210 ) − (21 ∙ 211 ) = −𝑥

2∙22 −2∙210 ∙2
อนุกรมเรขำคณิต = 1−2
= 4088

6 + 4088 − 43008 = −𝑥
−38194 = −𝑥
38194 = 𝑥

ดังนัน้ (3 ∙ 2) + (5 ∙ 22 ) + (7 ∙ 23 ) + … + (15 ∙ 27 ) = 38914 #


นุ
ณิ
32 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

แบบฝึ กหัด
1. จงหำผลบวกของอนุกรมต่อไปนี ้
1. 1 ∙ 2 + 2 ∙ 22 + 3 ∙ 23 + … + 7 ∙ 27

// /
- +3023 + . . . . 7.2 -⑦
& ·
3
3.2 + ... + 7 . 29 -⑦

+

①- ②; - Sn = 12 +
0
102 + 102 + 102 + ... - > 028
&1- Our - 028
-Sn = 7
-ม

102- (10272 - 7 028


- Su =
-2

2- 236 -
- Sn = 1,795
~

-Sn = 254- 1792

1938 #
/Su = /1538 =

2. 1 ∙ 2 − 2 ∙ 22 + 3 ∙ 23 − … + 7 ∙ 27

=102 - 202 + 3.2 - 4.2 + 5.2 - 6.2 " + 7.2

=2- 8 + 24- 64 + 160 - 384 + 890

=626 #

3. 1 ∙ 1 + 3 ∙ 31 + 5 ∙ 32 + … + 11 ∙ 35

//-/
S
Sn = 101 + 303' + + ... + 7103 - ⑦
2013

3 Sn = 133 + 303+ 3033+ . . . . Blog -G

①- &; - 2 SH = 101 + 205 + 203 205 + ... - 11036


&1- anr_ 17. 36
-2Sn = 107 +
-U

-ISn = 1 +
203 -1203)( 3) - 17036
-3

-ISn = 1+ (203) - 12033) ( 3) - 8079


1 -3

-2Sn = 1+26- 8879

-2 Sn = - >290

Su = 3643
ทั้
34 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

อนุกรมเทเลสโคปิ ค

มีอนุกรมจำนวนมำก ที่ไม่ใช่อนุกรมเลขคณิต ไม่ใช่อนุกรมเรขำคณิต และใช้สมบัติของ ∑ ไม่ได้


ถ้ำจะหำผลบวกของอนุกรมแบบแปลกๆ เรำจะต้องใช้เทคนิคอื่นๆมำช่วย ตำมลักษณะของอนุกรม

ในหัวข้อนี ้ จะพูดถึงเทคนิคกำร “ส่อง” พจน์รอบข้ำงมำหักกัน (Telescope = กล้องส่อง)


หัวใจของเรือ่ งนี ้ คือ กำรจัดรูปแต่ละพจน์ในอนุกรม ให้เป็ น “ผลลบ”
โดยเมื่อแยกเป็ นผลลบได้แล้ว เรำจะหวังว่ำ พจน์คทู่ ี่อยูต่ ดิ กัน จะมีบำงตัวตัดกันได้

วิธีจดั รูปพจน์ให้เป็ นผลลบ จะมีอยู่ 2 วิธี คือ กำรใช้คอนจูเกต กับ กำรแตกเศษส่วน


คอนจูเกต คือ ตัวที่เหมือนกัน ยกเว้นเครือ่ งหมำยตรงกลำง เปลีย่ นเป็ นตรงข้ำม
เช่น คอนจูเกต ของ √𝑛 + 2 คือ √𝑛 − 2
คอนจูเกต ของ 3√𝑛 − 2√𝑛 − 1 คือ 3√𝑛 + 2√𝑛 − 1 เป็ นต้น
โดยกำรคูณด้วยคอนจูเกต จะทำให้เข้ำสูตร (น + ล)( น − ล) = น2 − ล2 ได้

99 1
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 
i 1 √𝑖+1+√𝑖
1 1 √𝑖+1−√𝑖
วิธีทำ ลองจัดรูปโดยกำรคูณด้วยคอนจูเกต จะได้ √𝑖+1+√𝑖
=
√𝑖+1+√𝑖

√𝑖+1−√𝑖
√𝑖+1−√𝑖
= (𝑖+1)−(𝑖)

= √𝑖 + 1 − √𝑖
เมื่อเขียนพจน์ในรูปผลลบได้แล้ว ให้กระจำย ∑ ด้วยควำมหวังว่ำจะมีบำงตัว ตัดกันได้
99 1 99
 =  (√𝑖 + 1 −
เห √𝑖 )
i 1 √𝑖+1+√𝑖 i 1 วหลังข องพ จ

= - & -
(√2 − √1) + (√3 − √2) + (√4 − √3) + (√5 −-
√4) + … +

&
วแร กพล

(√98 − √97) + (√99 − √98) + (√100 − √99)

จะเห็นว่ำ “ตัวหน้ำของพจน์หน้ำ” ตัดกับ “ตัวหลังของพจน์หลัง” ได้ทกุ คูพ่ จน์


สุดท้ำย จะตัดกันได้ “เกือบ” หมดทุกตัว สิง่ ที่ยำกก็คือ ต้องคิดให้รอบคอบว่ำ “เหลือตัวไหน”
เนื่องจำก “ตัวหน้ำของพจน์หน้ำ” ตัดกับ “ตัวหลังของพจน์หลัง”
ดังนัน้ จะเหลือ “ตัวหลังของพจน์หน้ำสุด” = −√1 กับ “ตัวหน้ำพจน์หลังสุด” = √100
99 1
ดังนัน้  = −√1 + √100 = −1 + 10 = 9 #
i 1 √𝑖+1+√𝑖
ตั
น์
น์
ลื
ตั
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 35

นอกจำกคอนจูเกต อีกวิธีที่แปลงรูปพจน์ให้เป็ นผลลบได้ คือ วิธี “แตกเศษส่วน”


วิธีนี ้ จะคล้ำยๆกับตอนที่เรำลบเศษส่วน เพียงแค่ครำวนีเ้ รำจะทำกลับ เพื่อแตกเศษส่วนให้กลำยเป็ นผลลบ
1 1 𝑏−𝑎 1 1 1 1
−𝑏 = = (𝑎 − 𝑏) (𝑏−𝑎)
𝑎 𝑎𝑏 𝑎𝑏
1 1 𝑐−𝑎 1 1 1 1
− 𝑏𝑐 = = ( − 𝑏𝑐) (𝑐−𝑎)
𝑎𝑏 𝑎𝑏𝑐 𝑎𝑏𝑐 𝑎𝑏
1 1 𝑑−𝑎 1 1 1 1
− 𝑏𝑐𝑑 = =( − 𝑏𝑐𝑑)(𝑑−𝑎)
𝑎𝑏𝑐 𝑎𝑏𝑐𝑑 𝑎𝑏𝑐𝑑 𝑎𝑏𝑐

1 1 1 1 1 1 1 1
เช่น (3)(5)
= (3 − 5) (2) (2)(6)
= (2 − 6) (4)
1 1 1 2 1 1 2
= ( − ) = ( − )( )
(2)(3) 2 3 (4)(7) 4 7 3
5 1 1 5 1 1 5
= ( − ) = (( − (3)(5)) (3)
(4)(9) 4 9 (2)(3)(5) 2)(3)

เมื่อนำควำมรูเ้ รือ่ งกำรแตกเศษส่วนไปใช้แปลงพจน์ให้เป็ นผลลบ เรำจะหำผลบวกของอนุกรมบำงข้อได้


20 20
เช่น 
1
=  ( −
1 1
) +- inline)
i 1 (𝑖)(𝑖+1) i 1 𝑖 𝑖+1
gr
1
"
1
/1 /
1
/1
= (1 − 2) + (2 − 3) + (3 − 4) + … + (19 −/
20
) + (20 − 21)
1 1 1 1 1

1 1 20
= − =
1 21 21

12 2 12 1 1 2 12 1 1
2
 =  ( − 3𝑖+2) (3) ↳
= (3)  ( − 3𝑖+2)
i 1 (3𝑖−1)(3𝑖+2) i 1 3𝑖−1 i 1 3𝑖−1
a 2 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1
= ( ) [( − ) + ( − ) + ( − ) + ⋯ + (32 − 35) + (35 − 38)]
3 2 5 5 8 8 11

= ( )[ −
2
3
1
2
1
38
] 2. sit-1 - sita) ( size - size
=
2 18
∙ =
6 22 ( site- size)
3 38 19

8 3 8 1 1 3
 =  ( − (2𝑖+3)(2𝑖+5)) (4)
i 1 (2𝑖+1)(2𝑖+3)(2𝑖+5) i 1 (2𝑖+1)(2𝑖+3)

8 1 1
3
= (4)  ((2𝑖+1)(2𝑖+3) − (2𝑖+3)(2𝑖+5))
i 1
3 1 1 1 1 1 1
= ( ) [( − 5∙7) + (5∙7 − 7∙9) + (7∙9 − 9∙11) + ⋯ +
4 3∙5
1 1 1 1
(15∙17 − 17∙19) + (17∙19 − 19∙21)]
3 1 1
= ( )[ − 19∙21]
4 3∙5
3 133−5 32
= ( )[ ] = 665
4 5∙19∙21
36 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

8 𝑖2 8 8
1 1 𝑖2 1 𝑖2 𝑖2
 =  (2𝑖−1 − 2𝑖+1) ( 2 ) = (2)  (2𝑖−1 − 2𝑖+1)
i 1 (2𝑖−1)(2𝑖+1) i 1 i 1
1 12 12 22 22 32 32 72 72 82 82
= (2) [( 1 − 3) + (3 − 5
)+(5 − 7
)+ ⋯ + (13 − 15) + (15 − 17)]
1 12 22 12 32 22 82 72 82
= (2) [ 1 + ( 3 − 3 ) + ( 5 − 5
) + ⋯ + (15
− 15) + (− 17)]
1 12 (2−1)(2+1) (3−2)(3+2) (8−7)(8+7) 82
= (2) [ 1 + 3
+ 5
+ ⋯+ 15
+ (− 17)]
1 82
= ( ) [1 + 1 + 1 + ⋯+ 1 + (− )]
2 17
1 64
= (2) [8 − 17]
32 68−32 36
= 4− = =
17 17 17

แบบฝึ กหัด
1. จงหำผลบวกของอนุกรมต่อไปนี ้
10
1 1 1 1 3
1. 3∙5
+ + +
5∙7 7∙9
⋯+
13∙15
2. 
4𝑖 2 −1
i 1
&
=3
-> (2) - 1
=

&i2- 1
=1

=3 1

1)
121- 17521+
=

=3 ( 103 "3.5" >+ ... 19.21)


2. สำหรับ 𝑛 = 1, 2, 3, … กำหนดให้ 𝑎𝑛 = 1 + =-
1
𝑛
1 1 1
− 𝑛2 และ 𝑏𝑛 = 1 − 𝑛 − 𝑛2
จงหำจำนวนเต็มบวก 𝑛 ที่ทำให้ 𝑎𝑏2𝑎𝑏3…𝑏
…𝑎𝑛
= 1331 [PAT 1 (ต.ค. 55)/49]
=

2 3 𝑛

1
3. กำหนดให้ {𝑎𝑛 } เป็ นลำดับของจำนวนจริงโดยที่ 𝑎𝑛 = 4+8+12+⋯+4𝑛 สำหรับ 𝑛 = 1, 2, 3, …
ผลบวกของอนุกรม 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + ⋯ เท่ำกับเท่ำใด [PAT 1 (มี.ค. 56)/18]
40 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

อนุกรมอนันต์

อนุกรมอนันต์ หมำยถึง กำรนำตัวเลขในลำดับอนันต์ มำบวกกัน ไปเรือ่ ยๆ อย่ำงไม่มีที่สนิ ้ สุด


เช่น 1 + 3 + 5 + 7 + … 1 + 4 + 9 + 16 + …
1 1 1 1
0.3 + 0.03 + 0.003 + … + + + + …
2 4 8 16
ในเรือ่ งนี ้ เรำจะได้เรียนวิธีประมำณค่ำผลบวกของอนุกรมอนันต์เหล่ำนี ้

อย่ำงไรก็ตำม ต้องรูก้ ่อนว่ำอนุกรมอนันต์ “ส่วนใหญ่” หำค่ำประมำณของผลบวกไม่ได้


เช่น 1 + 3 + 5 + 7 + … ผลบวกเพิ่มอย่ำงไม่มีขอบเขต จึงไม่สำมำรถประมำณค่ำผลบวกได้
1 1 1 1
10
+ + +…
10 10
ถึง 10 จะมีคำ่ น้อย แต่ถำ้ บวกอย่ำงไม่สนิ ้ สุด ผลบวกก็จะเพิ่มอย่ำงไม่มีขอบเขตได้
จึงไม่สำมำรถประมำณค่ำผลบวกได้
(−1) + (−2) + (−3) + … ผลบวก เป็ นค่ำติดลบอย่ำงไม่มขี อบเขต จึงไม่สำมำรถประมำณค่ำผลบวกได้
3 + (−3) + 3 + (−3) + … ผลบวกแกว่งไปมำระหว่ำง 3 กับ 0 จึงประมำณค่ำผลบวกไม่ได้
1 1 1 1 1 1 1
2
+3+4+5+6+7+… ผลบวกเพิ่มได้อย่ำงไม่มีขอบเขต เพรำะ จับกลุม่ 2
กี่กลุม่ ก็ได้ ดังนี ้
1 1 1 1 1 1 1
= 2
+ (3 + 4) + (5 + 6 + 7 + 8) + ⋯
1 1 1 1 1 1 1
> 2
+ (4 + 4) + (8 + 8 + 8 + 8) + ⋯
1 1 1 1 1
= 2
+ 2
+ 2
+ 2
+ 2
+ …
= มำกได้อย่ำงไม่มีขอบเขต

1
แต่ 0.3 + 0.03 + 0.003 + … ประมำณค่ำผลบวกได้ 0.333333… =
3
1
16
1
1 1 1 1
2
+ + +
4 8 16
+ … ประมำณค่ำผลบวกได้ 1 เพรำะ 1 8
2 1
4

คำศัพท์ทใี่ ช้ จะใช้คำว่ำ คอนเวอร์เจนต์ กับ ไดเวอร์เจนต์ คล้ำยๆกับในเรือ่ งลำดับอนันต์


 ถ้ำสำมำรถหำผลบวกของอนุกรมอนันต์ได้ จะเรียกว่ำ อนุกรม “คอนเวอร์เจนต์” (อนุกรมลูเ่ ข้ำ)
 ถ้ำไม่สำมำรถหำผลบวกของอนุกรมอนันต์ได้ จะเรียกว่ำ อนุกรม “ไดเวอร์เจนต์” (อนุกรมลูอ่ อก)

เรำจะเคยเจอคำว่ำ คอนเวอร์เจนต์ กับ ไดเวอร์เจนต์ ในเรือ่ งลำดับอนันต์มำแล้ว


ในเรือ่ งนี ้ เรำจะต้องสำมำรถบอกควำมสัมพันธ์ ระหว่ำง ลำดับ / อนุกรม ที่เป็ น คอนเวอร์เจนต์ / ไดเวอร์เจนต์ ได้
ในลำดับอนันต์ เรำจะสนใจ “ตัวที่ ∞” แต่ในเรือ่ งอนุกรมอนันต์ เรำจะสนใจ “ผลบวก ∞ ตัว”

คอนเวอร์เจนต์ ไดเวอร์เจนต์
ลำดับอนันต์ หำค่ำประมำณของ ตัวที่ ∞ ได้ ตัวที่ ∞ มีคำ่ มำกสุดๆ, ติดลบสุดๆ , หรือแกว่ง
อนุกรมอนันต์ หำค่ำประมำณของ ผลบวก ∞ ตัว ได้ ผลบวก ∞ ตัว มีคำ่ มำกสุดๆ, ติดลบสุดๆ , หรือแกว่ง
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 41

จำกควำมหมำยดังกล่ำว จะเห็นว่ำ “อนุกรม คอนเวอร์เจนต์ยำกกว่ำ ลำดับ”


เพรำะอนุกรมอนันต์ตอ้ งหำค่ำของ “ทุกตัวบวกกัน” ในขณะที่ลำดับอนันต์ หำค่ำของ “ตัวสุดท้ำย” ตัวเดียว
เนื่องจำก “อนุกรม คอนเวอร์เจนต์ยำกกว่ำ ลำดับ” ดังนัน้ ถ้ำเขียนแผนภำพ จะได้ดงั นี ้
 อนุกรม → คอนยำก → คอนช่องเดียว อนุกรมคอน อนุกรมได อนุกรมได
คอน ได
 ลำดับ → คอนง่ำย → คอน 2 ช่อง ลำดับคอน ลำดับคอน ลำดับได

จำกแผนภำพนี ้ จะทำให้เรำสรุปควำมสัมพันธ์ระหว่ำง ลำดับ / อนุกรม ที่เป็ น คอนเวอร์เจนต์ / ไดเวอร์เจนต์ ได้ดงั นี ้


 ลำดับไดเวอร์เจนต์ จะทำให้เกิด อนุกรมไดเวอร์เจนต์ เสมอ
 ลำดับคอนเวอร์เจนต์ จะทำให้เกิด อนุกรมคอนเวอร์เจนต์ หรือ ไดเวอร์เจนต์ ก็ได้
 อนุกรมคอนเวอร์เจนต์ ต้องมำจำก ลำดับคอนเวอร์เจนต์ เท่ำนัน ้
 อนุกรมไดเวอร์เจนต์ จะมำจำก ลำดับคอนเวอร์เจนต์ หรือ ไดเวอร์เจนต์ ก็ได้

ตัวอย่ำงของลำดับทีค่ อนเวอร์เจนต์ แต่ทำให้เกิดอนุกรมไดเวอร์เจนต์


เช่น ลำดับ 32 , 43 , 54 , 65 , … → คอนเวอร์เจนต์ มีลม ิ ติ ของลำดับ = 1
3 4 5 6
อนุกรม 2 + 3 + 4 + 5 + … → ไม่คอนเวอร์เจนต์ เพรำะทุกตัวทีม่ ำบวก เกิน 1 หมด
บวกไป ∞ ตัว จะมำกขึน้ ได้อย่ำงไม่มีขอบเขต
1 1 1 1
หรือ ลำดับ 2 , 3 , 4 , 5 , … → คอนเวอร์เจนต์ มีลม ิ ติ ของลำดับ = 0
อนุกรม 2 + 3 + 4 + 5 + … → ไม่คอนเวอร์เจนต์ เพรำะจับกลุม่ 12 กี่กลุม่ ก็ได้ ดังแสดงในหน้ำที่แล้ว
1 1 1 1

ในเรือ่ งนี ้ เรำนิยมใช้สญ


ั ลักษณ์ 𝑆∞ แทนผลบวกของอนุกรมอนันต์ 1. หา Sn

2. เท เ ค ตา

 n
นอกจำกนี ้ ยังมีสญ
ั ลักษณ์อีกหลำยแบบ ที่หมำยถึง 𝑆∞ ได้ เช่น  𝑎𝑖 , lim 𝑆𝑛 , lim  𝑎𝑖
i 1 n  n   i 1

ในกำรหำ 𝑆∞ เรำนิยมหำ 𝑆𝑛 แบบไม่อนันต์ที่ติดตัวแปร 𝑛 ออกมำก่อน โดยใช้ควำมรูท้ ี่เรียนมำในบทก่อนหน้ำ


แล้วค่อยแทน 𝑛 ด้วย ∞ (หรือพูดอีกแบบว่ำ “เทคลิมติ ให้ 𝑛 → ∞”)
1 1 1
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 2∙3 + + +⋯
3∙4 4∙5
วิธีทำ เรำต้องหำผลบวก 𝑛 ตัวแรก หรือ 𝑆𝑛 แบบไม่อนันต์ ออกมำก่อน แล้วค่อยเทคลิมิตให้ 𝑛 → ∞
1
เขียนพจน์ท่วั ไปของลำดับนี ้ ออกมำก่อน จะได้ 𝑎𝑛 = (𝑛+1)(𝑛+2)
1 1 1 1
ดังนัน้ 𝑆𝑛 = 2∙3 + 3∙4 + 4∙5 + ⋯ + (𝑛+1)(𝑛+2)
ข้อนี ้ เป็ นอนุกรม Telescopic ต้องแยกแต่ละพจน์เป็ นผลลบ แล้ว “ส่อง” ตัวข้ำงๆ มำหัก ดังนี ้
1 1 1 1
𝑆𝑛 = 2∙3
+ 3∙4 + 4∙5 + ⋯ + (𝑛+1)(𝑛+2)
1 1 1 1 1 1 1 1
= (2 − 3) + (3 − 4) + (4 − 5) + ⋯ + (𝑛+1 − 𝑛+2)
1 1
= 2
− 𝑛+2

1 1
เทคลิมิตให้ 𝑛 → ∞ จะได้ 𝑆∞ = 2 −0 = 2 #
ี ได

ส ตค่า ค งท

ลอ ตของ
ี่
ลิ
มั
มิ
42 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำอนุกรมต่อไปนี ้ เป็ นอนุกรมคอนเวอร์เจนต์ หรือ อนุกรมไดเวอร์เจนต์ พร้อมทัง้ หำผลบวกของอนุกรม ใน
กรณีที่เป็ นอนุกรมคอนเวอร์เจนต์
1. 1 + 2 + 3 + 4 + … 2. 10 + 7 + 3 + (−1) + (−4) + …
& ·

 7 
3.  10𝑖
4.  (−1)𝑖
i 1 i 1
:. di
Su= (
for ...
/

sn =#2011 - Gol
1 -
to = &

10

=K- for
10

= (1- 0) = >8 #
 1  1
5.  (2𝑖−1)(2𝑖+1)
6.  1 + 2𝑖
i 1 i 1

Su = ( 13 3. +57 + ... - bizites) pi-


:.

= -citi)
=11- 01
=

 1  1
7.  𝑖 2 +𝑖
#

8.  𝑖 2 −1 -> ; 1 = <1-11 +1
i 1 i 2

Sn = ( 12 + 2.3 + 5 + . . . . (+/ su=


/instant post ... "pliciti
=- Thi -..
=- 1 (1 - 03
/
+
=

=+ )-(+ )
=> +-
=* *
ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์ 45

อนุกรมเรขำคณิตอนันต์

จะเห็นว่ำบทนี ้ ไม่มีหวั ข้อ “อนุกรมเลขคณิตอนันต์”


เพรำะอนุกรมเลขคณิตอนันต์เกือบทัง้ หมด จะเป็ นอนุกรมไดเวอร์เจนต์ หำผลบวกไม่ได้ (ยกเว้น 0 + 0 + 0 + … )
เพรำะอนุกรมเลขคณิต จะเพิม่ หรือลดอย่ำงคงที่ไปเรือ่ ยๆ ทำให้ผลบวก เพิ่มหรือลดไปเรือ่ ยๆอย่ำงไม่มีขอบเขต
เช่น 1 + 3 + 5 + 7 + … → บวกไป ∞ ตัว จะได้ผลบวกมีคำ่ มำกได้อย่ำงไม่มีขอบเขต
20 + 19 + 18 + … → ตัวหลังๆ จะติดลบกันสุดๆ ดังนัน
้ ผลบวกมีคำ่ ติดลบได้อย่ำงไม่มขี อบเขต
1 1 1 1
+ + + … → อันนีเ้ ป็ นอนุกรมเลขคณิต ที่ 𝑎1 = และ 𝑑 = 0
100 100 100 100
1
ถึงแม้ 100 จะน้อย แต่บวกไป ∞ ตัว ก็จะยังได้ผลบวกมีคำ่ มำกสุดๆได้

สำหรับ อนุกรมเรขำคณิตอนันต์ จะมีบำงอันคอนเวอร์เจนต์ บำงอันไดเวอร์เจนต์


 |𝑟| < 1 → คอนเวอร์เจนต์ → หำผลบวกอนุกรมอนันต์ได้จำกสูตร
𝑎1
𝑆∞ =
1−𝑟
 |𝑟| ≥ 1 → ไดเวอร์เจนต์ → หำผลบวกอนุกรมอนันต์ไม่ได้
ดังนัน้ ถ้ำเจอโจทย์อนุกรมเรขำคณิตอนันต์ ก็อย่ำเพิง่ รีบใช้สตู ร แต่ให้เช็คให้แน่ใจว่ำ |𝑟| < 1 ก่อน จึงจะใช้สตู รได้
𝑎 𝑎
𝑎 𝑐 𝑎 𝑏 𝑎
ที่สำคัญ ตอนใช้สตู รนี ้ ต้องแม่นเรือ่ งเศษส่วนซ้อน กล่ำวคือ 𝑏
𝑐 = 𝑏
÷ 𝑑
, 𝑏 =𝑎÷ 𝑐
, 𝑏
𝑐
=𝑏÷𝑐
𝑑 𝑐

1 1
1 1 1 1 1 2
เช่น 2
+4+8+⋯ → |𝑟| = |2| < 1 → 𝑆∞ = 2
1−
1 = 2
1 = 2
×1 = 1
2 2

1 + (−2) + 4 + (−8) + … → |𝑟| = |−2| ≥ 1 → ไดเวอร์เจนต์ หำผลบวกไม่ได้

6 12 24 2 3 3 2 6
3− + − 3+ … → |𝑟| = |− | < 1 → 𝑆∞ = 2 = 7 = 3× =
5 52 5 5 1−(− ) 7 7
5 2


2 2 2 2 1
 (−3)𝑖 = + (−3)2 + (−3)3 + … → |𝑟| = |−3| < 1
i 1 −3
2 2
− 2 3 1
−3 3
→ 𝑆∞ = 1 = 4 = − × = −
1−( ) 3 4 2
−3 3

   
2𝑖 +3 2𝑖 3 1−(3∙2𝑖 ) 1 3∙2𝑖
 𝑖−1 =  𝑖−1 + 5𝑖−1  𝑖 =  𝑖 − (−3)𝑖
i 1 5 i 1 5 i 1 (−3) i 1 (−3)

<- 
2𝑖

3 3++ ⑤

1

3∙2𝑖
=  5𝑖−1 +  5𝑖−1
=  (−3) 𝑖 −  𝑖
i 1 (−3)
2+ 4+
5

i 1 i 1 i 1
=
2 3 1 3∙2
= 2 + 1
= −3
− −3
1−( ) 1−( ) 1 2
5 5 1−( ) 1−( )
−3 −3
3 4
= (2 ÷ 5) + (3 ÷ 5) 1 4 5
= (− ÷ ) − (−2 ÷ )
3 3 3
10 15 85
= + = 1 6 19
3 4 12 = −4 + 5 = 20
46 ลำดับอนันต์ และอนุกรมอนันต์

ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 12 + 24 + 38 + 164


+⋯
วิธีทำ ข้อนีเ้ ป็ นอนุกรมเรขำคณิตดัดแปลงอนันต์ โดยมีเศษเป็ นอนุกรมเลขคณิต แต่สว่ นเป็ นอนุกรมเรขำคณิต
เทคนิคกำรหำผลบวกของอนุกรมเรขำคณิตดัดแปลง ต้องนำอนุกรมมำ “หักกับตัวมันเอง”
1 2 3 4
ให้สงิ่ ที่ตอ้ งกำรหำ เท่ำกับ 𝑥 2
+ 4 + 8 + 16 + ⋯ = 𝑥 (1)

2 3 4
คูณสองข้ำงด้วย 2 1+2+4+8+⋯ = 2𝑥 (2)

1 1 1
(2) − (1) 1+2+4+8+⋯ = 𝑥

1 1
𝑆∞ = 1 = 1 = 2
1−
2 2
1 2 3 4
ดังนัน้
-

2
+ 4 + 8 + 16 + … = 2 #

#El
so:
แบบฝึ กหัด con
1. จงพิจำรณำว่ำอนุกรมต่อไปนี ้ เป็ นอนุกรมคอนเวอร์เจนต์ หรือ อนุกรมไดเวอร์เจนต์ พร้อมทัง้ หำผลบวกของอนุกรม ใน
กรณีที่เป็ นอนุกรมคอนเวอร์เจนต์
=

 2  1 𝑖
1. +Ett... 2.
2
  (− 2) -It - + - +....
+ 5
5
=

3𝑖
i 1 i 1


+

--- :So = = =

so" :
ระ
x 5

== 1
&
/ &

=A
=
=- 1 ↑
-2

  3 𝑖
-

3.  (−1)𝑖 4.  (2)
i 1 i 1
:. di :: di

 2𝑖 +3𝑖  2𝑖+1
5.  22𝑖
6.  3𝑖
i 1 i 1

=+ &
2
=+ =fl

:titlAfte
=

=. .)" + " ↑ =

*3 (
8; = .... "
+

+...) + ft+Get ... ) & / =


2
+
+

=E =3
&
5 &

Su =
=

-
+1
- & ↓
2
=( 1 ) x
/
5

=143 = 4 # = -
3 -
-

=* "
5

2 **E== =- 2 #

&-
= &

x =
ค 32102 หน้า 26

2.2 ดอกเบี้ย
2.2.1 ดอกเบี้ย
ดอกเบี้ย (interest) คือ เงินที่ได้รบั เพิม่ ขึ้นหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุน (ฝากหรือ
ให้ยมื เงิน) โดยการคานวณเป็ นอัตราร้อยละต่อปี ในที่น้ีเราจะศึกษาวิธกี ารคิดดอกเบี้ย 2 ประเภทคือ
ดอกเบี้ยเชิงเดีย่ ว และดอกเบี้ยทบต้น
การคิดดอกเบี้ยเชิงเดี่ยว ปกติจะเป็ นการคิดในการกู้เงินระยะสัน้ (สั น้ กว่า 1 ปี ) ถ้าเป็ นการกู้
ระยะยาว จะคิดดอกเบี้ยหลายครัง้ ดอกเบี้ยจะถูกทบรวมเข้ากับเงินต้น เป็ นเงินต้นของงวดต่อไปซึง่ เรา
เรียกว่า ดอกเบี้ยทบต้น แต่ในบางกรณีถงึ แม้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี เราอาจคิดแบบดอกเบี้ยเชิงเดี่ยวก็
ได้
2.2.2 ผังเวลา
ผังเวลา หรือ เส้นเวลา (time line) หมายถึง แผนผังหรือเส้นทีแ่ สดงให้เห็นถึงจังหวะเวลาที่เกิด
กระแสเงินสดขึ้น ว่ากระแสเงินสดต่าง ๆ ในอนาคตจะเกิดขึ้นเมื่อใด และจานวนเท่าใด ทาให้ง่ายและ
สะดวกต่อการหามูลค่าของเงินตามเวลาที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น ถ้ากาหนดให้เงินกู้ 100 บาท อัตรา
ดอกเบี้ย 5% เวลา 1 ปี ดอกเบี้ยคิดเป็ น 5 บาท เขียนเป็ นผังเวลาแสดงความสัมพันธ์ของจานวนเงินกับ
เวลาได้ดงั นี้

ปัจจุบนั 1 ปี

100 บาท 105 บาท

ในการคานวณเรื่องดอกเบี้ย ถ้ามีกระแสเงินสดหลายรายการและระยะเวลาต่าง ๆ กัน ควรมีการ


เขียนผังเวลาเพื่อช่วยให้การคานวณกระทาได้ดว้ ยความเข้าใจ และไม่ผดิ พลาด ในกรณีท่ยี งั ไม่ทราบ
จานวนเงิน ณ จุดเวลาต่าง ๆ เราอาจใช้สญ ั ลักษณ์แทนเงินไปก่อน เมื่อคานวณแล้วจึงนาค่ามาเทียบเพือ่
ตรวจสอบ ความถูกต้อง
ตัวอย่างที่ 5 พิจารณาช่วงเวลาเพื่อช่วยในการคานวณ
ค 32102 หน้า 26

2.2 ดอกเบี้ย
2.2.1 ดอกเบี้ย
ดอกเบี้ย (interest) คือ เงินที่ได้รบั เพิม่ ขึ้นหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุน (ฝากหรือ
ให้ยมื เงิน) โดยการคานวณเป็ นอัตราร้อยละต่อปี ในที่น้ีเราจะศึกษาวิธกี ารคิดดอกเบี้ย 2 ประเภทคือ
ดอกเบี้ยเชิงเดีย่ ว และดอกเบี้ยทบต้น
การคิดดอกเบี้ยเชิงเดี่ยว ปกติจะเป็ นการคิดในการกู้เงินระยะสัน้ (สั น้ กว่า 1 ปี ) ถ้าเป็ นการกู้
ระยะยาว จะคิดดอกเบี้ยหลายครัง้ ดอกเบี้ยจะถูกทบรวมเข้ากับเงินต้น เป็ นเงินต้นของงวดต่อไปซึง่ เรา
เรียกว่า ดอกเบี้ยทบต้น แต่ในบางกรณีถงึ แม้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี เราอาจคิดแบบดอกเบี้ยเชิงเดี่ยวก็
/
ได้
2.2.2 ผังเวลา
ผังเวลา หรือ เส้นเวลา (time line) หมายถึง แผนผังหรือเส้นทีแ่ สดงให้เห็นถึงจังหวะเวลาที่เกิด
กระแสเงินสดขึ้น ว่ากระแสเงินสดต่าง ๆ ในอนาคตจะเกิดขึ้นเมื่อใด และจานวนเท่าใด ทาให้ง่ายและ
สะดวกต่อการหามูลค่าของเงินตามเวลาที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น ถ้ากาหนดให้เงินกู้ 100 บาท อัตรา
ดอกเบี้ย 5% เวลา 1 ปี ดอกเบี้ยคิดเป็ น 5 บาท เขียนเป็ นผังเวลาแสดงความสัมพันธ์ของจานวนเงินกับ
เวลาได้ดงั นี้

ปัจจุบนั 1 ปี

100 บาท 105 บาท

ในการคานวณเรื่องดอกเบี้ย ถ้ามีกระแสเงินสดหลายรายการและระยะเวลาต่าง ๆ กัน ควรมีการ


เขียนผังเวลาเพื่อช่วยให้การคานวณกระทาได้ดว้ ยความเข้าใจ และไม่ผดิ พลาด ในกรณีท่ยี งั ไม่ทราบ
จานวนเงิน ณ จุดเวลาต่าง ๆ เราอาจใช้สญ ั ลักษณ์แทนเงินไปก่อน เมื่อคานวณแล้วจึงนาค่ามาเทียบเพือ่
ตรวจสอบ ความถูกต้อง
ตัวอย่างที่ 5 พิจารณาช่วงเวลาเพื่อช่วยในการคานวณ
ค 32102 หน้า 27

ตัวอย่างที่ 6 เงินต้นมีคา่ 20,000 บาท

ตัวอย่างที่ 7 เงินเมื่อสิน้ ปี ท่ี 4 มีคา่ 100,000 บาท

ตัวอย่างที่ 8 ฝากเงิน 1,000 บาท เมื่อครบ 1 ปี ฝากเงินอีก 1,500 บาท และ ฝากเงิน 2,000 บาทในปี
ถัดมา พิจารณาเงินรวมเมื่อครบปี ท่ี 3
0 1 2 3

1,000 1,500 2,000


1 ปี S3
2 ปี S2
3 ปี S1

ตัวอย่างที่ 9 กูเ้ งินโดยชาระ 2 งวด ยอดแรก ชาระ 55,000 บาท ในอีก 1 ปี ขา้ งหน้า ส่วนยอดที่ 2 ต้อง
ชาระ 120,000 บาท ในอีก 4 ปี ขา้ งหน้า พิจารณาจานวนเงินทัง้ หมดทีก่ ู้
0 1 2 3 4

55,000 120,000
P1
P2
ค 32102 หน้า 28

2.3 ดอกเบี้ยเชิ งเดี่ยว


ดอกเบี้ยเชิงเดีย่ ว (simple interest) เป็ นการคิดดอกเบี้ยเพียงครัง้ เดียวหลังจากครบกาหนดเวลา
ในการฝาก หรือการกูย้ มื ซึง่ โดยปกติดอกเบี้ยเชิงเดีย่ วจะเป็ นการคิดในการกูเ้ งินระยะสัน้ (สัน้ กว่า 1 ปี )
ดอกเบี้ยเชิงเดีย่ วนี้ยงั มีช่อื เรียกได้หลากหลายเช่น ดอกเบี้ยคงต้น ดอกเบี้ยอย่างง่าย
เมื่อกาหนดสัญลักษณ์ให้ P = เงินต้น เ นต

t = ระยะเวลาในการฝาก/กูเ้ งิน (หน่วยเป็ นปี )


%
ตร าดอกเ r = ดอกเบี้ยของเงินต้น 1 บาทในระยะเวลา 1 ปี

I = ดอกเบี้ย
ดังนัน้ ดอกเบี้ยเงินต้น P ใน 1 ปี มีค่าเท่ากับ Pr บาท
ดอกเบี้ยของเงินต้น P ใน t ปี มีค่าเท่ากับ I = Prt บาท
ดังนัน้ รวมเงินทัง้ หมดเท่ากับ S = P + Prt = P (1+rt) บาท

ตัวอย่างที ่ 10 ธนาคารแห่งหนึ่งรับฝากเงินโดยให้ดอกเบี้ย 5% ถ้าชายคนหนึ่งฝากเงิน 25,000 บาท


!อ#1

เป็ นระยะเวลา 9 เดือน จงหา


1) ดอกเบี้ยทีเ่ ขาได้รบั
2) ยอดเงินรวม
& I = Prt

== 2508 = 937.5 บาท


%

②S=
P+

=25000 + 937.3 = 23,937.5 ขา ท


อั
งิ
ว้
บี
ค 32102 หน้า 29

ตัวอย่างที่ 11 เงินต้น 4,000 บาท เวลา 6 เดือน ได้ดอกเบี้ย 600 บาท อัตราดอกเบี้ยเป็ นเท่าใด

เมม
=# "100
1

V = 38

:: ตร าดอกเ ย

ตัวอย่างที่ 12 ถ้าอัตราดอกเบีย้ 12% เงินต้นเท่าใด จึงจะได้ดอกเบี้ย 1,300 บาทในเวลา 8 เดือน


P

650

x = 1,6258 นา
·
=1,300
- ท

00

ตัวอย่างที่ 13 ถ้าอัตราดอกเบีย้ 7% จะต้องฝากเงิน 50,000 บาท นานเท่าใด จึงจะได้ดอกเบี้ย 1,400


บาท
+= r
=140
50000
x

"Goo

=5x12 =
หา า น 0.8x30 =24 4 ว

:ระยะเวลา อ 4 เ อน 27
คื
ดื
วั
อั
บี
ชั
ค 32102 หน้า 30

ตัวอย่างที่ 14 ลงทุนในธุรกิจอย่างหนึ่งเงินลงทุน 45,000 บาท ได้กาไร 1,200 บาทในเวลา 3 เดือน จง


#

หาอัตราผลตอบแทน
#

W = 1208 x 100
&5000
K
=

12

== 1 0.67%

ตัวอย่างที่ 15 สามีภรรยาคู่หนึ่ง ซื้อบ้านราคา 780,000 บาท โดยกูเ้ งินจากธนาคารอัตราดอกเบี้ย 9%


ต้องผ่อนส่งเดือนละ 6,220 บาท จงหาว่าในแต่ละเดือนนัน้ เขาจ่ายเป็ นค่าดอกเบี้ยเท่าใด
และเป็ นค่าเงินต้นเท่าใด
I = Pr

=780000+

=> 70,200 บาท

น +ดอก =
=780000 +7020

=85020

ระยะเวลา = 830288:6220

+= 136.688 เ อ

นแ ่ละเด ดอก กแ ล ะเ
780000 = 136.688 70208 = 136.688

=3700.426 =513.57 8
ต้
ต้
ดื
ตื
ต่
ต่
ค 32102 หน้า 32

แบบฝึ กหัดที่ 2.3


P
+

1. จงหาดอกเบี้ยของเงินต้น 7,500 บาท อัตราดอกเบี้ย 7% เวลา 4 เดือน


...........................................................................................................................................................
1 = prot
2S

...........................................................................................................................................................
=1300"
##
...........................................................................................................................................................
=175

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
D
p
2. จงหาดอกเบี้ยและเงินรวม(เงินต้นรวมกับดอกเบี้ย) ของเงินต้น 11,250 บาท อัตราดอกเบี้ย 12%
=

ระยะเวลา 7 เดือน
+

...........................................................................................................................................................
I = prt

=11258 " ว
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
I = 87.5
7

...........................................................................................................................................................
เ ินรวม =
P +I = 11250 +78 7.9 =12037. :

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
งิ
ค 32102 หน้า 33


3. สมชายกูเ้ งินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ 200,000 บาท อัตราดอกเบีย้ 14% ทุกๆ เดือน สมชายต้อง
จ่ายเงินคืนเงินต้น 2,000 บาท พร้อมทัง้ ดอกเบีย้ ของเงินต้นทีม่ อี ยู่ตอนต้นเดือน จงหาว่าในเดือน
แรกสมชายต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าใด
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

4. จากข้อ 3. จงเขียนตารางแสดงจานวนเงินทีส่ มชายต้องจ่ายเงินกู้ 5 เดือนแรก


...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ค 32102 หน้า 34

5. สมศรีกเู้ งินธนาคาร 400,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 12% ทุก ๆ เดือน สมศรีตอ้ งจ่ายเดือนละ 6,000
บาท เงินจานวนนี้ส่วนหนึ่งเป็ นดอกเบี้ยของเงินต้นทีม่ อี ยู่ตอนต้นเดือน และอีกส่วนหนึ่ งเป็ นการจ่าย
คืนเงินต้น จงหาว่าในเดือนแรกนัน้ สมศรีจ่ายดอกเบี้ยเท่าใด และจ่ายเงินต้นเท่าใด
...........................................................................................................................................................
+480000 =4800
...........................................................................................................................................................
44800
600
=74.7 เ อ

...........................................................................................................................................................
ดอก 48000 =642.6
74.7

...........................................................................................................................................................
ต 48000
74. T
=5354.8

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

6. สมหญิงกูเ้ งิน 1,500 บาท เวลา 2 เดือน ต้องจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ย 1,590 บาท จงหาอัตราดอกเบีย้
...........................................................................................................................................................
I =
prt

...........................................................................................................................................................
== 1590 15005 =
6.3

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ตื
ค 32102 หน้า 35

7. พ่อค้านาเงินไปลงทุน 40,000 บาท ได้ผลตอบแทนคืนทัง้ หมดเป็ นเงิน 43,700 บาท ในเวลา 6 เดือน
จงหาอัตราผลตอบแทน
...........................................................................................................................................................
=

...........................................................................................................................................................
=370 =0.2

&0000 <

...........................................................................................................................................................
#

12

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

8. สมชัยกูเ้ งินมา 30,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10 % เมื่อนาเงินไปคืนพร้อมดอกเบี้ย เขาต้องจ่ายเอก


เบี้ย 750 บาท จงหาว่า สมชัยกูไ้ ปนานเท่าใด
...........................................................................................................................................................
I = prt

...........................................................................................................................................................
+


...........................................................................................................................................................
+= 758 < 1
101 = 0.25

3088 8 x 15 = 3 เ อ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
ดื
ค 32102 หน้า 36

9. สมทรงกูเ้ งินมาจานวนหนึ่ง อัตราดอกเบี้ย 7% เวลา 8 เดือน ต้องเสียดอกเบี้ย 105 บาท สมทรงกู้


เงินมาเท่าใด
...........................................................................................................................................................
1 = Art

...........................................................................................................................................................
P= =

rt

...........................................................................................................................................................
=105 = 225

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

10. สมภพลงทุนพิมพ์หนังสือขาย ภายใน 15 เดือน เขาได้กาไร 26,000 บาท ซึง่ คิดเป็ นร้อยละ ได้
ร้อยละ 13 ต่อปี จงหาเงินลงทุน
...........................................................................................................................................................
1 = prt

...........................................................................................................................................................
P=
#
...........................................................................................................................................................
=26800 =
#
160808

...........................................................................................................................................................
108 72

...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

You might also like