Professional Documents
Culture Documents
14 Dec 2015
สารบัญ
ลำดับ ........................................................................................................................................................................................ 1
ลำดับเลขคณิต ......................................................................................................................................................................... 6
ตัวกลำงเลขคณิต .................................................................................................................................................................. 16
ลำดับเรขำคณิต..................................................................................................................................................................... 18
ตัวกลำงเรขำคณิต ................................................................................................................................................................. 27
อนุกรม ................................................................................................................................................................................... 30
สัญลักษณ์ซิกมำ.................................................................................................................................................................... 33
อนุกรมเลขคณิต .................................................................................................................................................................... 37
อนุกรมเรขำคณิต................................................................................................................................................................... 46
ลำดับ และอนุกรม 1
ลำดับ
ลำดับ คือ กำรนำสิง่ ต่ำงๆ (ซึง่ มักจะเป็ นตัวเลข) มำเรี ยงอย่ำงมีลำดับ เช่น 8 , 3 , 4 , 1 , 3 , 12
โดยเรำจะเรี ยกแต่ละตัวในลำดับว่ำ “พจน์”
เช่น ลำดับ 5 , 2 , 10 , 12 , 8 จะมี พจน์ที่ 1 คือ 5 , พจน์ที่ 2 คือ 2 , พจน์ที่ 4 คือ 12 เป็ นต้ น
บำงที เรำนิยมเขียนลำดับเป็ น เซตของคูล่ ำดับ (𝑥, 𝑦) โดยให้ 𝑥 แทน “ลำดับที่” และให้ 𝑦 แทน “พจน์”
เช่น ลำดับ 2 , 4 , 6 , 8 , … สำมำรถเขียนอีกแบบได้ เป็ น { (1, 2) , (2, 4) , (3, 6) , (4, 8) , … }
หรื อเขียนเป็ นแบบบอกเงื่อนไขได้ เป็ น { (𝑥, 𝑦) | 𝑥 ∈ I+ ∧ 𝑦 = 2𝑥}
ดังนัน้ บำงทีเรำอำจกล่ำวว่ำ “ลำดับ คือ ควำมสัมพันธ์ที่มีโดเมนเป็ นจำนวนเต็มบวก” ก็ได้
แบบฝึ กหัด
1. จงหำ 4 พจน์แรกของลำดับ ซึง่ มีสตู รพจน์ทวั่ ไปดังต่อไปนี ้
1. 𝑎𝑛 = 2𝑛 + 1 2. 𝑎𝑛 = 3𝑛 − 1
3. 𝑎𝑛 = 𝑛2 4. 𝑎𝑛 = (𝑛 + 1)2
5. 𝑎𝑛 = 2𝑛 6. 𝑎𝑛 = 10𝑛
6. ลำดับหนึง่ มีสตู รพจน์ทวั่ ไป คือ 𝑎𝑛 = 𝑛(𝑛 + 1) จงหำว่ำ ลำดับนี ้มีกี่พจน์ที่มคี ำ่ น้ อยกว่ำ 110
3. 1 , 4 , 9 , 16 , … 4. 4 , 9 , 16 , 25 , …
5. 2 , 4 , 8 , 16 , … 6. −1 , 1 , −1 , 1 , …
2−(−1)𝑛 𝑛
12. ถ้ ำ 𝑎𝑛 = 2𝑛+3
แล้ วข้ อใดถูก [O-NET 57/19]
1
1. 𝑎1 =
5
2. 𝑎2 = 47 3. 𝑎3 = −
1
9
4. 𝑎4 =
2
11
5. 𝑎5 =
7
13
ลำดับ และอนุกรม 5
ลำดับเลขคณิต
ตัวอย่ำง จงหำว่ำตังแต่
้ 100 ถึง 500 มีจำนวนที่หำรด้ วย 7 ลงตัว ทังหมดกี
้ ่จำนวน
วิธีทำ ตัวแรกตังแต่
้ 100 ขึ ้นไป ที่หำรด้ วย 7 ลงตัว คือ 105 ตัวถัดไปคือ 112 , 119 , 126 , …
และตัวสุดท้ ำยที่หำรด้ วย 7 ลงตัว คือ 497
คำตอบของข้ อนี ้ คือ “จำนวนพจน์” ในลำดับ 105 , 112 , 119 , 126 , … , 497
จะเห็นว่ำลำดับนี ้เป็ นลำดับเลขคณิต มี 𝑎1 = 105 และ 𝑑 = 7
ดังนัน้ จะได้ สตู รพจน์ทวั่ ไปของลำดับนี ้ คือ 𝑎𝑛 = 105 + (𝑛 − 1)(7)
= 105 + 7𝑛 − 7
= 98 + 7𝑛
8 ลำดับ และอนุกรม
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำ ลำดับในข้ อใดต่อไปนี ้ เป็ นลำดับเลขคณิต พร้ อมทังหำผลต่
้ ำงร่วม
1. 3 , 5 , 7 , 9 , … 2. 1 , 4 , 9 , 16 , …
3. 3 , 6 , 9 , 12 , … 4. 12 , 22 , 32 , 42 , …
5. 3 , 1 , −1 , −3 , … 6. −3 , 5 , −7 , 9 , …
1 2 4
7. 1, 2, 3, 2, 1, 2, 3, … 8. 3
, 3
, 1, 3
, …
9. 2 , 4 , 8 , 16 , … 10. 1, 1, 3, 3, 5, 5, …
5 3
6. จงหำสูตรพจน์ทวั่ ไปของลำดับเลขคณิต 3, 2
, 2, 2
,…
1 1 1
7. จงหำสูตรพจน์ทวั่ ไปของลำดับเลขคณิต 6
, 3
, 2
, …
10 ลำดับ และอนุกรม
8. จงหำพจน์ที่ 30 ของลำดับ 1 , 4 , 7 , 10 , …
9. จงหำว่ำลำดับ 2 , 6 , 10 , … , 42 มีกี่พจน์
19. นำย ก มีเงินในกระปุก 20 บำท และจะหยอดกระปุกวันละ 3 บำททุกๆวัน นำย ข มีเงินในธนำคำร 300 บำท และ
จะฝำกเพิ่มวันละ 20 บำททุกๆวัน ในวันที่ นำย ก มีเงินในกระปุก 44 บำท นำย ข จะมีเงินในธนำคำรเท่ำไร
3 1
21. กำหนดให้ 2
, 1, 2
, … เป็ นลำดับเลขคณิต ผลบวกของพจน์ที่ 40 และ พจน์ที่ 42 เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 53/20]
1 1 1
22. พจน์ที่ 31 ของลำดับเลขคณิต − 20 , −
30
, −
60
,… เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 51/13]
14 ลำดับ และอนุกรม
25. ถ้ ำพจน์ที่ 5 และ พจน์ที่ 10 ของลำดับเลขคณิตเป็ น 14 และ 29 ตำมลำดับ แล้ วพจน์ที่ 99 เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 56/20]
26. ถ้ ำ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … เป็ นลำดับเลขคณิต ซึง่ 𝑎30 − 𝑎10 = 30 แล้ ว ผลต่ำงร่ วมของลำดับเลขคณิตนี ้ มีคำ่ เท่ำกับ
เท่ำใด [O-NET 50/12]
ลำดับ และอนุกรม 15
28. ลำดับเลขคณิต −43, −34, −25, … มีพจน์ที่มีคำ่ น้ อยกว่ำ 300 อยูก่ ี่พจน์ [O-NET 54/31]
ตัวกลำงเลขคณิต
ตัวกลำงเลขคณิต “𝑘 จำนวน” ระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 คือ ตัวเลข 𝑘 ตัว ที่แทรกระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 แล้ วได้ ลำดับเลขคณิต
โดยแต่ละคูท่ ี่อยูต่ ิดกัน จะมีผลต่ำงร่วม 𝑑 = 𝑏−𝑎
𝑘+1
เช่น ถ้ ำจะหำตัวกลำงเลขคณิต 3 จำนวน ระหว่ำง 23 กับ 91 จะได้ แต่ละตัวต่ำงกัน 𝑑 = 91−23 3+1
= 17
ดังนัน้ ตัวกลำงเลขคณิต 3 จำนวน ระหว่ำง 23 กับ 91 คือ 40 , 57 , 74
ซึง่ จะเห็นว่ำ 23 , 40 , 57 , 74 , 91 เป็ นลำดับเลขคณิต ที่มผี ลต่ำงร่วม คือ 17
แบบฝึ กหัด
1. จงหำตัวกลำงเลขคณิต ระหว่ำง 12 และ 38
ลำดับเรขำคณิต
ในหัวข้ อที่แล้ ว เรำเรี ยนลำดับเลขคณิต ซึง่ เป็ นลำดับทีเ่ พิ่มหรื อลด อย่ำงคงที่ โดยกำร “บวก”
ในหัวข้ อนี ้ จะพูดถึง ลำดับเรขำคณิต ซึง่ เป็ นลำดับที่เพิม่ หรื อลด อย่ำงคงที่ โดยกำร “คูณ”
ตัวอย่ำงลำดับเรขำคณิต เช่น 2 , 6 , 18 , 54
3 , −6 , 12 , −24
5 5
10 , 5 , 2 , 4 , …
แต่ 1 , 4 , 9 , 16 ไม่ใช่ลำดับเรขำคณิต เพรำะคูณเพิ่มไม่คงที่
2592 = 𝑎1 𝑟 6 (2)
2592 𝑎1 𝑟 6
(2) ÷ (1) : 2
= 𝑎1 𝑟 2
1296 = 𝑟4
4
± √1296 = 𝑟
1296 =8×9×9×2
8 ) 1296
= 23 × 32 × 32 × 2
9 ) 162
= 24 × 34
9 ) 18 4 4
2 √1296 = √24 × 34
= 2×3 = 6
±6 = 𝑟
ตัวอย่ำง ลูกบอลตกจำกที่สงู 6400 เมตร เมื่อตกถึงพื ้น ลูกบอลจะกระดอนกลับขึ ้นไปได้ สงู เป็ นครึ่งหนึง่ ของควำมสูงทีต่ ก
ลงมำเสมอ ถ้ ำปล่อยให้ ลกู บอลกระดอนต่อไปเรื่ อยๆ จงหำว่ำหลังจำกกำรตกถึงพื ้นครัง้ ที่ 10 ลูกบอล จะ
กระดอนกลับขึ ้นไปได้ สงู เท่ำไหร่
วิธีทำ ในกำรกระดอนครัง้ แรก ลูกบอลจะขึ ้นไปได้ สงู 3200 เมตร
ในกำรกระดอนครัง้ ที่สอง ลูกบอลจะขึ ้นไปได้ สงู 1600 เมตร
ในกำรกระดอนครัง้ ที่สำม ลูกบอลจะขึ ้นไปได้ สงู 800 เมตร
จะเห็นว่ำ ควำมสูงของลูกบอลกระดอนกลับ เรี ยงกันเป็ นลำดับเรขำคณิต ที่มี 𝑎1 = 3200 และ 𝑟 = 12
1 𝑛−1
จะได้ สตู รพจน์ทวั่ ไปของลำดับนี ้ คือ 𝑎𝑛 = 3200∙ (2)
1 10−1 3200
ดังนัน้ ครัง้ ที่ 10 ลูกบอลจะกระดอนสูง = 3200∙ ( )
2
=
29
= 6.25 เมตร #
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำ ลำดับในข้ อใดต่อไปนี ้ เป็ นลำดับเรขำคณิต พร้ อมทังหำอั
้ ตรำส่วนร่วม
1. 2 , 4 , 6 , 8 , … 2. 1 , 4 , 16 , 64 , …
7. √1 , √2 , √3 , √4 , … 8. 1 , −1 , 1 , −1 , …
8 8
9. 24 , 8 , 3
, 9
, … 10. 3 , 3√3 , 9 , 9√3
2. จงหำสูตรพจน์ทวั่ ไปของลำดับต่อไปนี ้
1. 5 , 15 , 45 , … 2. 48 , 24 , 12 , …
1 1 1
3. 2 , 2√2 , 4 , 4√2 , … 4. 1 , −2, 4
, −8 , …
ลำดับ และอนุกรม 21
3. จงหำพจน์ที่ 7 ของลำดับ 2, 4, 8, …
1 1 1 1
5. กำหนดลำดับ , ,
27 9√3 9
, 3√3
, … จงหำค่ำของ 𝑎10
16. เลี ้ยงแบคทีเรี ยชนิดหนึง่ ไว้ 10 ตัว พบว่ำเมื่อให้ อำหำร แบคทีเรี ยจะเพิ่มจำนวนเป็ น 2 เท่ำ ทุกๆนำที (เช่น นำทีที่ 1
เพิ่มเป็ น 20 ตัว , นำทีที่ 2 เพิ่มเป็ น 40 ตัว , นำทีที่ 3 เพิ่มเป็ น 80 ตัว) จงหำสูตรสำหรับคำนวณจำนวนแบคทีเรี ย
เมื่อเวลำผ่ำนไป 𝑘 นำที พร้ อมทังหำจ ้ ำนวนแบคทีเรี ย เมื่อเวลำผ่ำนไป 5 นำที
17. ลูกเหม็นก้ อนหนึง่ หนัก 1000 กรัม พบว่ำลูกเหม็นจะระเหิดเล็กลง 10% ทุกๆ 1 นำที (เช่น นำทีที่ 1 เหลือ 900
กรัม , นำทีที่ 2 เหลือ 810 กรัม , นำทีที่ 3 เหลือ 729 กรัม เป็ นต้ น) จงหำสูตรสำหรับคำนวณน ้ำหนักของลูกเหม็น
หลังผ่ำนไป 𝑘 นำที
24 ลำดับ และอนุกรม
18. เลี ้ยงไวรัสชนิดหนึง่ ไว้ 1000 ตัว พบว่ำเมื่อให้ อำหำร ไวรัสจะเพิ่มจำนวนขึ ้น 10% ทุกๆนำที (เช่น นำทีที่ 1 เพิ่มเป็ น
1100 ตัว , นำทีที่ 2 เพิ่มเป็ น 1210 ตัว , นำทีที่ 3 เพิ่มเป็ น 1331 ตัว) จงหำสูตรสำหรับคำนวณจำนวนไวรัส เมื่อ
เวลำผ่ำนไป 𝑘 นำที
19. ฝำกเงิน 1000 บำท กับธนำคำรแห่งหนึง่ ซึง่ ให้ ดอกเบี ้ย 10% ต่อปี แบบทบต้ น จงหำสูตรสำหรับคำนวนจำนวนเงิน
ฝำกเมื่อเวลำผ่ำนไป 𝑘 ปี
20. ลำดับเรขำคณิตในข้ อใดต่อไปนี ้ มีอตั รำส่วนร่วมอยูใ่ นช่วง (0.3, 0.5) [O-NET 49/1-8]
1. 3, 54 , 25
48
, … 2. 2, 43 , 89 , …
3. 4, 3, 49 , … 4. 5, 4, 165
, …
1 1 1
24. พจน์ที่ 16 ของลำดับเรขำคณิต 625 , ,
125√5 125
,… เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 50/31]
ตัวกลำงเรขำคณิต
ตัวกลำงเรขำคณิต 𝑘 จำนวน ระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 คือ ตัวเลข 𝑘 จำนวน ที่แทรกระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 แล้ วได้ ลำดับเรขำคณิต
โดยลำดับเรขำคณิตดังกล่ำว จะมีอตั รำส่วนร่วมสอดคล้ องกับสมกำร 𝑟 𝑘+1 = 𝑏𝑎
สิง่ ที่ต้องระวังในกำรแก้ สมกำรหำ 𝑟 คือ ถ้ ำ 𝑘 + 1 เป็ นเลขคู่ จะหำ 𝑟 ได้ เฉพำะกรณีที่ 𝑏𝑎 ≥ 0 เท่ำนัน้
และ ถ้ ำ 𝑘 + 1 เป็ นเลขคู่ ค่ำ 𝑟 จะเป็ นได้ ทงบวกและลบ
ั้ (เพรำะ บวก หรื อ ลบ ยกกำลังคู่ ก็ได้ บวกเท่ำกัน)
แบบฝึ กหัด
1. จงหำตัวกลำงเรขำคณิตระหว่ำงจำนวนต่อไปนี ้
1. 4 และ 36 2. −5 และ −20
3. 15 และ 45 4. 𝑎 และ 𝑎5
อนุกรม
เรำนิยมใช้ สญ
ั ลักษณ์ 𝑆𝑛 แทน “ผลบวก 𝑛 ตัวแรก ของอนุกรม”
ดังนัน้ ในอนุกรมนี ้ จะได้ วำ่ 𝑆3 = 29 , 𝑆4 = 54 และ 𝑆1 = 4 เป็ นต้ น
ถ้ ำเรำรู้วำ่ 𝑆90 = 105 และ 𝑆93 = 120 เรำจะหำ 𝑎91 + 𝑎92 + 𝑎93 ได้
เพรำะ 𝑆90 = 𝑎1 + … + 𝑎90
𝑆93 = 𝑎1 + … + 𝑎90 + 𝑎91 + 𝑎92 + 𝑎93
ดังนัน้ 𝑎91 + 𝑎92 + 𝑎93 = 𝑆93 − 𝑆90 = 120 − 105 = 15
แบบฝึ กหัด
1. กำหนดลำดับ 2 , 5 , 8 , 11 จงหำ
1. 𝑆2 2. 𝑆4
2. กำหนดให้ 𝑎𝑛 = 𝑛2 + 1 จงหำ
1. 𝑆1 2. 𝑆3
𝑛(𝑛+1)
3. กำหนดให้ 𝑆𝑛 =
2
จงหำ
1. 𝑎1 2. 𝑎10
3. 𝑎15 4. 𝑎6 + 𝑎7 + 𝑎8
4. กำหนดให้ 𝑆𝑛 = 35 − 𝑛2 จงหำ
1. 𝑎4 2. 𝑎8
3. 𝑎6 + 𝑎7 4. 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3
32 ลำดับ และอนุกรม
(−1)𝑛+1 𝑛
5. ผลบวก 3 พจน์แรกของลำดับ 𝑎𝑛 = 𝑛+1
เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 56/25]
สัญลักษณ์ซิกมำ
6
เช่น 𝑖 2 + 1 = (32 + 1) + (42 + 1) + (52 + 1) + (62 + 1)
i 3
= 10 + 17 + 26 + 37 = 80
5
2𝑖 − 𝑖 = (23 − 3) + (24 − 4) + (25 − 5)
i 3
= 5 + 12 + 27 = 44
5
𝑖 = (1) + (2) + (3) + (4) + (5)
i 1
= 15
12
4𝑖 = (4 × 9) + (4 × 10) + (4 × 11) + (4 × 12)
i 9
= 36 + 40 + 44 + 48 = 168
4
𝑖(𝑖 + 1) = (1)(1 + 1) + (2)(2 + 1) + (3)(3 + 1) + (4)(4 + 1)
i 1
= 2 + 6 + 12 + 20 = 40
5
4 = (4) + (4) + (4) + (4) + (4)
i 1
= 20
8 ) 512 512 = 8 × 8 × 8
8 ) 64 = 23 × 23 × 23
8 = 29
29 = 2𝑛−1
9 = 𝑛−1
10 = 𝑛
10
ดังนัน้ 3 + 6 + 12 + … + 1536 = 3 ∙ 2𝑖−1 #
i 1
แบบฝึ กหัด
1. จงเขียนผลบวกในแต่ละข้ อต่อไปนี ้ ให้ อยูใ่ นรูปที่ไม่มี ∑
10 6
1. 3𝑖 2. −𝑖
i 1 i2
5 7
𝑖
3. 𝑖3 4.
𝑖+1
i 1 i 1
7 4
5. 6 6. 𝑖𝑖
i 3 i 1
ลำดับ และอนุกรม 35
4 10
7. −𝑖 ∙ 2𝑖 8. 1 + (−1)𝑖
i2 i 1
10 5
9. (−1)𝑖 ∙ 𝑖 10. 2𝑎𝑖 + 1
i 1 i 1
1 3 5 19 1 1 1 1
3. 2
+ + +…+
4 6 20
4. 2
+ + +…+
4 8 64
1 3 5 11
5. 2
+ 4 + 8 + … + 64 6. 1 + 2 + 4 + … + 64
36 ลำดับ และอนุกรม
9. 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + … + 𝑎10 10. 2 + 4 + 6 + … + 2𝑛
ลำดับ และอนุกรม 37
อนุกรมเลขคณิต
และจำกสมบัติดงั กล่ำว จะทำให้ ได้ สตู รสำหรับหำผลบวกของอนุกรมเลขคณิต ที่ต้องท่อง จะมี 2 สูตร ดังนี ้
𝑆𝑛 =
𝑛
2
(𝑎1 + 𝑎𝑛 ) (1) สูตรแรก จะใช้ เมื่อเรำรู้พจน์สดุ ท้ ำย
𝑆𝑛 =
𝑛
[2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑] (2) นอกนัน้ ใช้ สตู รที่สอง
2
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 2 + 6 + 10 + … + 38
วิธีทำ โจทย์ข้อนี ้เป็ นอนุกรมเลขคณิต และเนื่องจำกเรำรู้พจน์สดุ ท้ ำย 𝑎𝑛 = 38 ดังนัน้ เรำจะใช้ สตู รแรก
และจะได้ 𝑎1 = 2 , 𝑑 = 4 แต่จะเห็นว่ำสูตรแรกยังต้ องใช้ 𝑛 อีกตัว
𝑛 คือ จำนวนพจน์ในลำดับ ต้ องหำโดยแก้ สมกำรสูตรพจน์ทวั่ ไป ว่ำ 38 เป็ นพจน์ที่เท่ำไหร่
เนื่องจำก 𝑎1 = 2 , 𝑑 = 4 ดังนัน้ สูตรพจน์ทวั่ ไป คือ 𝑎𝑛 = 2 + (𝑛 − 1)(4)
= 2 + 4𝑛 − 4
= 4𝑛 − 2
หำ 𝑛 ได้ จำกกำรแก้ สมกำร 38 = 4𝑛 − 2
40 = 4𝑛
10 = 𝑛
𝑛
ดังนัน้ 2 + 6 + 10 + … + 38 = 2
(𝑎1 + 𝑎𝑛 )
10
= [2 + 38] = 200 #
2
38 ลำดับ และอนุกรม
แบบฝึ กหัด
1. จงหำค่ำของอนุกรมต่อไปนี ้
1. 2 + 4 + 6 + … + 80 2. 11 + 18 + 25 + … + 109
ลำดับ และอนุกรม 39
10
5. ผลบวก 8 พจน์แรก ของ 7+4+1+… 6. 3𝑖 − 1
i 1
16. วันที่ 3 ม.ค. นำย ก เริ่ มขีจ่ กั รยำนจำก กรุงเทพ ไป จันทบุรี โดยวันแรก ขี่ได้ 50 กิโลเมตร วันต่อมำเริ่ มเหนื่อย จึงขี่
ได้ น้อยลงทุกวัน วันละ 2 กิโลเมตร
1. จงหำระยะทำงที่ นำย ก จะเดินทำงได้ หลังสิ ้นวันที่ 10 ม.ค.
2. นำย ข เริ่ มขีจ่ กั รยำนพร้ อม นำย ก โดยวันแรก ขี่ได้ 10 กิโลเมตร และวันต่อมำเริ่ มฮึดสู้ จึงขี่ได้ มำกขึ ้นทุกวัน วัน
ละ 2 กิโลเมตร จงหำว่ำ นำย ข จะเดินทำงได้ มำกกว่ำ 200 กิโลเมตรได้ ในวันที่เท่ำไรของเดือน ม.ค.
4. นำย ค เริ่ มขีจ่ กั รยำนพร้ อมนำย ข แต่ขี่จำกจันทบุรี ไปกรุงเทพ โดยวันแรกขี่ได้ 20 กิโลเมตร วันต่อมำขี่ได้ มำก
ขึ ้นวันละ 3 กิโลเมตร ถ้ ำจันทบุรี อยูห่ ำ่ งจำกกรุงเทพ 255 กิโลเมตร จงหำว่ำ นำย ค จะเดินทำงมำพบกับนำย ข
ในวันที่เท่ำไรของเดือน ม.ค.
19. ในสวนป่ ำแห่งหนึง่ เจ้ ำของปลูกต้ นยูคำลิปตัสเป็ นแถวดังนี ้ แถวแรก 12 ต้ น แถวที่สอง 14 ต้ น แถวที่สำม 16 ต้ น
โดยปลูกเพิ่มเช่นนี ้ ตำมลำดับเลขคณิต ถ้ ำเจ้ ำของปลูกต้ นยูคำลิปตัสไว้ ทงหมด
ั้ 15 แถว จะมีต้นยูคำลิปตัสในสวน
ป่ ำนี ้ทังหมดกี
้ ่ต้น [O-NET 53/38]
44 ลำดับ และอนุกรม
21. เกษตรกรคนหนึง่ ซื ้อรถกระบะโดยผ่อนชำระเป็ นเวลำ 4 ปี ทำงผู้ขำยกำหนดให้ ผอ่ นชำระเดือนแรก 5,500 บำท และ
เดือนถัดๆไปให้ ผอ่ นชำระเพิ่มขึ ้นทุกเดือนๆละ 400 บำท จนครบกำหนด ถ้ ำ 𝑥 คือจำนวนเงินที่เขำต้ องชำระในเดือน
สุดท้ ำย และ 𝑦 คือจำนวนเงินที่เขำชำระไปใน 2 ปี แรก (หน่วย : บำท) แล้ ว จงหำค่ำ 𝑥 และ 𝑦 [O-NET 56/26]
50
23. (1 + (−1)𝑘 )𝑘 มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 49/1-10]
k 1
อนุกรมเรขำคณิต
𝑎1 −𝑎𝑛 𝑟
𝑆𝑛 =
1−𝑟
(1) สูตรแรก จะใช้ เมื่อเรำรู้พจน์สดุ ท้ ำย
𝑆𝑛 =
𝑎1 (1−𝑟 𝑛 )
(2) นอกนัน้ ใช้ สตู รที่สอง
1−𝑟
1023
ดังนัน้ จะได้ ผลบวก 10 พจน์แรก =
512
#
ลำดับ และอนุกรม 47
7
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 2 ∙ 3𝑖 − 3 ∙ 2𝑖
i 1
7
วิธีทำ 2 ∙ 3𝑖 − 3 ∙ 2𝑖 = (2 ∙ 31 − 3 ∙ 21 ) + (2 ∙ 32 − 3 ∙ 22 ) + … + (2 ∙ 37 − 3 ∙ 27 )
i 1
= (2 ∙ 31 + 2 ∙ 32 + … + 2 ∙ 37) − (3 ∙ 21 + 3 ∙ 22 + … + 3 ∙ 27 )
= (2)(31 + 32 + … + 37 ) − (3)(21 + 22 + … + 27 )
𝑎1 = 31 𝑎1 = 21
𝑎𝑛 = 37 𝑎𝑛 = 27
𝑟 =3 𝑟 =2
31 −(37 )(3) 21 −(27 )(2)
= (2) ( 1−3
) − (3) ( 1−2
)
3−6561 2−256
= (2) ( −2
) − (3) ( −1
)
= 6558 − 762
= 5796 #
แบบฝึ กหัด
1. จงหำผลบวกของอนุกรมต่อไปนี ้
1. 1 + 2 + 4 + … + 128 2. 2 + 6 + 18 + … + 486
10 5
2 𝑖−1
7. 5 ∙ 2𝑖−1 8. ( )
3
i 1 i 1
288
3. ลำดับชุดหนึง่ มี 𝑎𝑛 = 2𝑛
จงหำค่ำของ 𝑆5
8. นำย ก เริ่ มเก็บเงินวันที่ 5 ม.ค. เป็ นจำนวน 1 บำท วันถัดมำ จะเก็บเพิ่มเป็ น 3 เท่ำของวันแรก
1. เมื่อสิ ้นวันที่ 10 ม.ค. นำย ก จะมีเงินเก็บเท่ำไร
50 ลำดับ และอนุกรม
2. นำย ข เริ่ มเก็บเงินพร้ อม นำย ก โดยวันที่ 5 ม.ค. นำย ข เริ่ มเก็บ 5 บำท และวัดถัดมำ นำย ข จะเก็บเพิ่มเป็ น 2
เท่ำของวันแรก ถ้ ำ นำย ก ยังเก็บเงินแบบเก่ำ ในวันที่ นำย ก มีเงินเก็บ 1093 บำท นำย ข จะมีเงินเก็บเท่ำไร
1
11. ถ้ ำอนุกรมเรขำคณิตมี 𝑎1 = 2 และ 𝑎10 = 256 แล้ ว ผลบวก 10 พจน์แรกของอนุกรมนี ้เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 57/25]
ลำดับ และอนุกรม 51
15. ถ้ ำ 𝑎 เป็ นจำนวนจริ งลบ และ 𝑎20 + 2𝑎 − 3 = 0 แล้ ว 1 + 𝑎 + 𝑎2 + ⋯ + 𝑎19 มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 49/1-24]
52 ลำดับ และอนุกรม
ลำดับ
1. 1. 3, 5, 7, 9 2. 2, 5, 8, 11 3. 1, 4, 9, 16 4. 4, 9, 16, 25
5. 2, 4, 8, 16 6. 10, 100, 1000, 10000
2. 7 3. ไม่มี 4. 18 5. 47
6. 9 7. 17 8. 10 9. 15
10. 20
11. 1. 𝑎𝑛 = 𝑛 2. 𝑎𝑛 = 3 3. 𝑎𝑛 = 𝑛2 4. 𝑎𝑛 = (𝑛 + 1)2
5. 𝑎𝑛 = 2𝑛 6. 𝑎𝑛 = (−1)𝑛 7. 𝑎𝑛 = 10𝑛 8. 𝑎𝑛 = 10𝑛 − 1
12. 5 13. 20 14. 123
ลำดับเลขคณิต
ตัวกลำงเลขคณิต
1. 25 2. 3 3. 24 4. 7, 13
5. 20, 23, 26, 29 6. 7, 13, 19 7. −3, 2, 7, 12 8. 4, 28
ลำดับเรขำคณิต
1
1. 1. ไม่เป็ น 2. เป็ น (𝑟 = 4) 3. เป็ น (𝑟 = 10) 4. เป็ น (𝑟 = )
5
1
5. เป็ น (𝑟 = 10) 6. เป็ น (𝑟 = 1) 7. ไม่เป็ น 8. เป็ น (𝑟 = −1)
1 1 √2
9. เป็ น (𝑟 = )
3
10. เป็ น (𝑟 = √3) 11. เป็ น (𝑟 = − 3) 12. เป็ น (𝑟 = − 2
)
ลำดับ และอนุกรม 53
ตัวกลำงเรขำคณิต
3. ±5 , ±20
ให้ จำนวนคูน่ นคื
ั ้ อ 𝑎 และ 𝑏 จำกสูตรตัวกลำงเรขำคณิต จะได้ ±√𝑎𝑏 = ±10
𝑏
ยกกำลังสองทัง้ 2 ข้ ำง จะได้ 𝑎𝑏 = 100 …(1) และ จำนวนคูน่ ี ้หำรกันได้ 4 แสดงว่ำ 𝑎
= 4 …(2)
𝑏
(1) × (2) จะได้ 𝑎𝑏 × 𝑎 = 400 → 𝑏 2 = 400 → 𝑏 = ±20 แทนใน (1) จะได้ 𝑎 = ±5
อนุกรม
1. 1. 7 2. 26
2. 1. 2 2. 17
3. 1. 1 2. 10 3. 15 4. 21
4. 1. −7 2. −15 3. −24 4. 26
7
5. 12
6. 57
สัญลักษณ์ซิกมำ
อนุกรมเลขคณิต
อนุกรมเรขำคณิต
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Jam Geejee ที่ช่วยตรวจสอบควำมถูกต้ องของเอกสำร