Professional Documents
Culture Documents
Seq Fin
Seq Fin
1 Oct 2019
สารบัญ
ลำดับ ........................................................................................................................................................................................ 1
ลำดับเลขคณิต ......................................................................................................................................................................... 6
ตัวกลำงเลขคณิต .................................................................................................................................................................. 16
ลำดับเรขำคณิต..................................................................................................................................................................... 18
ตัวกลำงเรขำคณิต ................................................................................................................................................................. 28
ลำดับเวียนเกิด ...................................................................................................................................................................... 31
อนุกรม ................................................................................................................................................................................... 35
สัญลักษณ์ซิกมำ.................................................................................................................................................................... 38
อนุกรมเลขคณิต .................................................................................................................................................................... 43
อนุกรมเรขำคณิต................................................................................................................................................................... 53
ลำดับ และอนุกรม 1
ลำดับ
บำงที เรำนิยมเขียนลำดับเป็ น เซตของคูล่ ำดับ (𝑥, 𝑦) โดยให้ 𝑥 แทน “ลำดับที่” และให้ 𝑦 แทน “พจน์”
เช่น ลำดับ 2 , 4 , 6 , 8 , … สำมำรถเขียนอีกแบบได้เป็ น { (1, 2) , (2, 4) , (3, 6) , (4, 8) , … }
หรือเขียนเป็ นแบบบอกเงื่อนไขได้เป็ น { (𝑥, 𝑦) | 𝑥 ∈ I+ ∧ 𝑦 = 2𝑥}
ดังนัน้ บำงทีเรำอำจกล่ำวว่ำ “ลำดับ คือ ควำมสัมพันธ์ที่มีโดเมนเป็ นจำนวนเต็มบวก” ก็ได้
แบบฝึ กหัด
1. จงหำ 4 พจน์แรกของลำดับ ซึง่ มีสตู รพจน์ท่วั ไปดังต่อไปนี ้
1. 𝑎𝑛 = 2𝑛 + 1 2. 𝑎𝑛 = 3𝑛 − 1
3. 𝑎𝑛 = 𝑛2 4. 𝑎𝑛 = (𝑛 + 1)2
5. 𝑎𝑛 = 2𝑛 6. 𝑎𝑛 = 10𝑛
6. ลำดับหนึง่ มีสตู รพจน์ท่วั ไป คือ 𝑎𝑛 = 𝑛(𝑛 + 1) จงหำว่ำ ลำดับนีม้ ีกี่พจน์ที่มคี ำ่ น้อยกว่ำ 110
3. 1 , 4 , 9 , 16 , … 4. 4 , 9 , 16 , 25 , …
5. 2 , 4 , 8 , 16 , … 6. −1 , 1 , −1 , 1 , …
2𝑛 −1
12. ถ้ำ 𝑎𝑛 =
3𝑛−2
แล้วข้อใด ผิด [O-NET 58/22]
3
1. 𝑎1 = 1 2. 𝑎2 = 4 3. 𝑎3 = 1
7 31
4. 𝑎4 =
10
5. 𝑎5 =
13
ลำดับ และอนุกรม 5
2−(−1)𝑛 𝑛
13. ถ้ำ 𝑎𝑛 = 2𝑛+3
แล้วข้อใดถูก [O-NET 57/19]
1
1. 𝑎1 = 5 2. 𝑎2 = 47 3. 1
𝑎3 = − 9 4. 2
𝑎4 = 11 5. 7
𝑎5 = 13
4 8 16 32 64
15. พจน์ที่ 8 ของลำดับ 5
, 9
, 13
, 17
, 21
, … เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 59/20]
6 ลำดับ และอนุกรม
ลำดับเลขคณิต
ตัวอย่ำง จงหำว่ำตัง้ แต่ 100 ถึง 500 มีจำนวนที่หำรด้วย 7 ลงตัว ทัง้ หมดกี่จำนวน
วิธีทำ ตัวแรกตัง้ แต่ 100 ขึน้ ไป ที่หำรด้วย 7 ลงตัว คือ 105 ตัวถัดไปคือ 112 , 119 , 126 , …
และตัวสุดท้ำยที่หำรด้วย 7 ลงตัว คือ 497
คำตอบของข้อนี ้ คือ “จำนวนพจน์” ในลำดับ 105 , 112 , 119 , 126 , … , 497
จะเห็นว่ำลำดับนีเ้ ป็ นลำดับเลขคณิต มี 𝑎1 = 105 และ 𝑑 = 7
ดังนัน้ จะได้สตู รพจน์ท่วั ไปของลำดับนี ้ คือ 𝑎𝑛 = 105 + (𝑛 − 1)(7)
= 105 + 7𝑛 − 7
= 98 + 7𝑛
8 ลำดับ และอนุกรม
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำ ลำดับในข้อใดต่อไปนี ้ เป็ นลำดับเลขคณิต พร้อมทัง้ หำผลต่ำงร่วม
1. 3 , 5 , 7 , 9 , … 2. 1 , 4 , 9 , 16 , …
3. 3 , 6 , 9 , 12 , … 4. 12 , 22 , 32 , 42 , …
5. 3 , 1 , −1 , −3 , … 6. −3 , 5 , −7 , 9 , …
1 2 4
7. 1, 2, 3, 2, 1, 2, 3, … 8. 3
,
3
, 1,
3
, …
9. 2 , 4 , 8 , 16 , … 10. 1, 1, 3, 3, 5, 5, …
5 3
6. จงหำสูตรพจน์ท่วั ไปของลำดับเลขคณิต 3, 2
, 2, 2
,…
1 1 1
7. จงหำสูตรพจน์ท่วั ไปของลำดับเลขคณิต 6
,
3
,
2
, …
10 ลำดับ และอนุกรม
8. จงหำพจน์ที่ 30 ของลำดับ 1 , 4 , 7 , 10 , …
9. จงหำว่ำลำดับ 2 , 6 , 10 , … , 42 มีกี่พจน์
17. จงหำว่ำ ตัง้ แต่ 150 ถึง 450 มีจำนวนที่หลักหน่วยลงท้ำยด้วย 8 ทัง้ หมดกี่จำนวน
19. นำย ก มีเงินในกระปุก 20 บำท และจะหยอดกระปุกวันละ 3 บำททุกๆวัน นำย ข มีเงินในธนำคำร 300 บำท และ
จะฝำกเพิ่มวันละ 20 บำททุกๆวัน ในวันที่ นำย ก มีเงินในกระปุก 44 บำท นำย ข จะมีเงินในธนำคำรเท่ำไร
3 1
21. กำหนดให้ 2
, 1,
2
, … เป็ นลำดับเลขคณิต ผลบวกของพจน์ที่ 40 และ พจน์ที่ 42 เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 53/20]
1 1 1
22. พจน์ที่ 31 ของลำดับเลขคณิต − 20 , − 30 , − 60 , … เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 51/13]
14 ลำดับ และอนุกรม
25. ให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … เป็ นลำดับเลขคณิต ถ้ำ 𝑎4 = 5𝑎1 และ 𝑎10 = 39 แล้ว 𝑎1 เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 59/21]
27. ถ้ำ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … เป็ นลำดับเลขคณิต ซึง่ 𝑎30 − 𝑎10 = 30 แล้ว ผลต่ำงร่วมของลำดับเลขคณิตนี ้ มีคำ่ เท่ำกับ
เท่ำใด [O-NET 50/12]
29. ลำดับเลขคณิต −43, −34, −25, … มีพจน์ที่มีคำ่ น้อยกว่ำ 300 อยูก่ ี่พจน์ [O-NET 54/31]
ตัวกลำงเลขคณิต
ตัวกลำงเลขคณิต “𝑘 จำนวน” ระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 คือ ตัวเลข 𝑘 ตัว ที่แทรกระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 แล้วได้ลำดับเลขคณิต
โดยแต่ละคูท่ ี่อยูต่ ิดกัน จะมีผลต่ำงร่วม 𝑑 = 𝑏−𝑎
𝑘+1
เช่น ถ้ำจะหำตัวกลำงเลขคณิต 3 จำนวน ระหว่ำง 23 กับ 91 จะได้แต่ละตัวต่ำงกัน 𝑑 = 91−23 3+1
= 17
ดังนัน้ ตัวกลำงเลขคณิต 3 จำนวน ระหว่ำง 23 กับ 91 คือ 40 , 57 , 74
ซึง่ จะเห็นว่ำ 23 , 40 , 57 , 74 , 91 เป็ นลำดับเลขคณิต ที่มผี ลต่ำงร่วม คือ 17
แบบฝึ กหัด
1. จงหำตัวกลำงเลขคณิต ระหว่ำง 12 และ 38
ลำดับเรขำคณิต
2592 = 𝑎1 𝑟 6 (2)
2592 𝑎1 𝑟 6
(2) ÷ (1) : =
2 𝑎1 𝑟 2
1296 = 𝑟4
4
± √1296 = 𝑟
1296 =8×9×9×2
8 ) 1296
= 23 × 32 × 32 × 2
9 ) 162
= 24 × 34
9 ) 18 4 4
2 √1296 = √24 × 34
= 2×3 = 6
±6 = 𝑟
ตัวอย่ำง ลูกบอลตกจำกที่สงู 6400 เมตร เมื่อตกถึงพืน้ ลูกบอลจะกระดอนกลับขึน้ ไปได้สงู เป็ นครึง่ หนึง่ ของควำมสูงทีต่ ก
ลงมำเสมอ ถ้ำปล่อยให้ลกู บอลกระดอนต่อไปเรือ่ ยๆ จงหำว่ำหลังจำกกำรตกถึงพืน้ ครัง้ ที่ 10 ลูกบอล จะ
กระดอนกลับขึน้ ไปได้สงู เท่ำไหร่
วิธีทำ ในกำรกระดอนครัง้ แรก ลูกบอลจะขึน้ ไปได้สงู 3200 เมตร
ในกำรกระดอนครัง้ ที่สอง ลูกบอลจะขึน้ ไปได้สงู 1600 เมตร
ในกำรกระดอนครัง้ ที่สำม ลูกบอลจะขึน้ ไปได้สงู 800 เมตร
จะเห็นว่ำ ควำมสูงของลูกบอลกระดอนกลับ เรียงกันเป็ นลำดับเรขำคณิต ที่มี 𝑎1 = 3200 และ 𝑟 = 12
1 𝑛−1
จะได้สตู รพจน์ท่วั ไปของลำดับนี ้ คือ 𝑎𝑛 = 3200∙ (2)
1 10−1 3200
ดังนัน้ ครัง้ ที่ 10 ลูกบอลจะกระดอนสูง = 3200∙ (2) = 29
= 6.25 เมตร #
แบบฝึ กหัด
1. จงพิจำรณำว่ำ ลำดับในข้อใดต่อไปนี ้ เป็ นลำดับเรขำคณิต พร้อมทัง้ หำอัตรำส่วนร่วม
1. 2 , 4 , 6 , 8 , … 2. 1 , 4 , 16 , 64 , …
7. √1 , √2 , √3 , √4 , … 8. 1 , −1 , 1 , −1 , …
8 8
9. 24 , 8 , 3
, 9
, … 10. 3 , 3√3 , 9 , 9√3
2. จงหำสูตรพจน์ท่วั ไปของลำดับต่อไปนี ้
1. 5 , 15 , 45 , … 2. 48 , 24 , 12 , …
1 1 1
3. 2 , 2√2 , 4 , 4√2 , … 4. 1 , −2, 4
, −8 , …
ลำดับ และอนุกรม 21
3. จงหำพจน์ที่ 7 ของลำดับ 2, 4, 8, …
1 1 1 1
5. กำหนดลำดับ , ,
27 9√3 9
, 3√3
, … จงหำค่ำของ 𝑎10
16. เลีย้ งแบคทีเรียชนิดหนึง่ ไว้ 10 ตัว พบว่ำเมื่อให้อำหำร แบคทีเรียจะเพิ่มจำนวนเป็ น 2 เท่ำ ทุกๆนำที (เช่น นำทีที่ 1
เพิ่มเป็ น 20 ตัว , นำทีที่ 2 เพิ่มเป็ น 40 ตัว , นำทีที่ 3 เพิ่มเป็ น 80 ตัว) จงหำสูตรสำหรับคำนวณจำนวนแบคทีเรีย
เมื่อเวลำผ่ำนไป 𝑘 นำที พร้อมทัง้ หำจำนวนแบคทีเรีย เมื่อเวลำผ่ำนไป 5 นำที
17. ลูกเหม็นก้อนหนึง่ หนัก 1000 กรัม พบว่ำลูกเหม็นจะระเหิดเล็กลง 10% ทุกๆ 1 นำที (เช่น นำทีที่ 1 เหลือ 900
กรัม , นำทีที่ 2 เหลือ 810 กรัม , นำทีที่ 3 เหลือ 729 กรัม เป็ นต้น) จงหำสูตรสำหรับคำนวณนำ้ หนักของลูกเหม็น
หลังผ่ำนไป 𝑘 นำที
24 ลำดับ และอนุกรม
18. เลีย้ งไวรัสชนิดหนึง่ ไว้ 1000 ตัว พบว่ำเมื่อให้อำหำร ไวรัสจะเพิ่มจำนวนขึน้ 10% ทุกๆนำที (เช่น นำทีที่ 1 เพิ่มเป็ น
1100 ตัว , นำทีที่ 2 เพิ่มเป็ น 1210 ตัว , นำทีที่ 3 เพิ่มเป็ น 1331 ตัว) จงหำสูตรสำหรับคำนวณจำนวนไวรัส เมื่อ
เวลำผ่ำนไป 𝑘 นำที
19. ฝำกเงิน 1000 บำท กับธนำคำรแห่งหนึง่ ซึง่ ให้ดอกเบีย้ 10% ต่อปี แบบทบต้น จงหำสูตรสำหรับคำนวนจำนวนเงิน
ฝำกเมื่อเวลำผ่ำนไป 𝑘 ปี
1 1 1
24. พจน์ที่ 16 ของลำดับเรขำคณิต 625 , ,
125√5 125
,… เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 50/31]
, , , , …
รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4
32. กำหนดให้ 𝑎 , 𝑎𝑟 , 𝑎𝑟 2 , … , 𝑎𝑟 𝑛−1 เป็ นลำดับเรขำคณิตที่มี 𝑛 พจน์ ซึง่ ผลรวมของ 3 พจน์สดุ ท้ำยเป็ น 4 เท่ำ
ของผลรวมของ 3 พจน์แรก ถ้ำพจน์ที่ 3 คือ 22 แล้ว พจน์สดุ ท้ำยมีคำ่ เท่ำใด [O-NET 59/22]
33. บริษัทแห่งหนึง่ ซือ้ เครือ่ งจักรมำในรำคำ 𝐴 บำท คิดค่ำเสือ่ มรำคำคงที่ 15% ต่อปี กล่ำวคือ รำคำเครือ่ งจักรจะลดลง
15% ของมูลค่ำคงเหลือในแต่ละปี ทกุ ปี ถ้ำใช้เครือ่ งจักรผ่ำนไป 𝑡 ปี แล้ว มูลค่ำคงเหลือของเครือ่ งจักรนีเ้ ท่ำกับ
เท่ำใด [O-NET 59/23]
28 ลำดับ และอนุกรม
ตัวกลำงเรขำคณิต
ตัวกลำงเรขำคณิต 𝑘 จำนวน ระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 คือ ตัวเลข 𝑘 จำนวน ที่แทรกระหว่ำง 𝑎 กับ 𝑏 แล้วได้ลำดับเรขำคณิต
โดยลำดับเรขำคณิตดังกล่ำว จะมีอตั รำส่วนร่วมสอดคล้องกับสมกำร 𝑟 𝑘+1 = 𝑏𝑎
สิง่ ที่ตอ้ งระวังในกำรแก้สมกำรหำ 𝑟 คือ ถ้ำ 𝑘 + 1 เป็ นเลขคู่ จะหำ 𝑟 ได้เฉพำะกรณีที่ 𝑏𝑎 ≥ 0 เท่ำนัน้
และ ถ้ำ 𝑘 + 1 เป็ นเลขคู่ ค่ำ 𝑟 จะเป็ นได้ทงั้ บวกและลบ (เพรำะ บวก หรือ ลบ ยกกำลังคู่ ก็ได้บวกเท่ำกัน)
แบบฝึ กหัด
1. จงหำตัวกลำงเรขำคณิตระหว่ำงจำนวนต่อไปนี ้
1. 4 และ 36 2. −5 และ −20
3. 15 และ 45 4. 𝑎 และ 𝑎5
ลำดับเวียนเกิด
ตัวอย่ำง กำหนดให้ 𝑎𝑛 เป็ นพจน์ท่วั ไปของลำดับ ซึง่ มี 𝑎1 = 3 , 𝑎𝑛 = 2𝑎𝑛−1 เมื่อ 𝑛 ≥ 2 จงหำ 𝑎50 พร้อมทัง้ หำ
สูตรพจน์ท่วั ไปของ 𝑎𝑛 แบบไม่ตอ้ งใช้พจน์ก่อนหน้ำในกำรคำนวณ
วิธีทำ ข้อนี ้ จะใช้วิธี “ไล่จำก 𝑎1 ขึน้ มำ” หรือจะ “แตกจำก 𝑎𝑛 ลงไป” ก็ได้
ถ้ำจะไล่จำก 𝑎1 ขึน้ มำ เรำจะลองหำพจน์ตำ่ งๆ แล้วสังเกตลักษณะของตัวเลข ดังนี ้
𝑎1 = 3
𝑎2 = 2𝑎1 = (2)(3) = 21 ∙ 3
𝑎3 = 2𝑎2 = (2)(2 ∙ 3) = 22 ∙ 3
1
𝑎4 = 2𝑎3 = (2)(22 ∙ 3) = 23 ∙ 3
⋮
แบบฝึ กหัด
1. กำหนดให้ 𝑎𝑛 เป็ นพจน์ท่วั ไปของลำดับ ซึง่ มี 𝑎1 = 2 และ 𝑎𝑛 = −𝑎𝑛−1 สำหรับ 𝑛 = 2 , 3, 4, … จงหำค่ำ
ของ 𝑎20
2. กำหนดให้ 𝑎𝑛 เป็ นพจน์ท่วั ไปของลำดับ ซึง่ มี 𝑎1 = 3 และ 𝑎𝑛 = 3𝑎𝑛−1 เมื่อ 𝑛≥2 จงหำ 𝑎60 พร้อมทัง้ หำ
สูตรพจน์ท่วั ไปของ 𝑎𝑛 แบบไม่ตอ้ งอิงกับพจน์ก่อนหน้ำ
ลำดับ และอนุกรม 33
3. กำหนดให้ 𝑎𝑛 เป็ นพจน์ท่วั ไปของลำดับ ซึง่ มี 𝑎1 = 1 และ 𝑎𝑛 = −2𝑎𝑛−1 เมื่อ 𝑛≥2 จงหำ 𝑎35 พร้อมทัง้
หำสูตรพจน์ท่วั ไปของ 𝑎𝑛 แบบไม่ตอ้ งอิงกับพจน์ก่อนหน้ำ
𝑎𝑛−1
4. กำหนดให้ 𝑎𝑛 เป็ นพจน์ท่วั ไปของลำดับ ซึง่ มี 𝑎1 = 3 และ 𝑎𝑛 = 2
เมื่อ 𝑛≥2 จงหำ 𝑎50 สูตรพจน์
ทั่วไปของ 𝑎𝑛 แบบไม่ตอ้ งอิงกับพจน์ก่อนหน้ำ
อนุกรม
ถ้ำเรำรูว้ ำ่ 𝑆90 = 105 และ 𝑆93 = 120 เรำจะหำ 𝑎91 + 𝑎92 + 𝑎93 ได้
เพรำะ 𝑆90 = 𝑎1 + … + 𝑎90
𝑆93 = 𝑎1 + … + 𝑎90 + 𝑎91 + 𝑎92 + 𝑎93
ดังนัน้ 𝑎91 + 𝑎92 + 𝑎93 = 𝑆93 − 𝑆90 = 120 − 105 = 15
แบบฝึ กหัด
1. กำหนดลำดับ 2 , 5 , 8 , 11 จงหำ
1. 𝑆2 2. 𝑆4
2. กำหนดให้ 𝑎𝑛 = 𝑛2 + 1 จงหำ
1. 𝑆1 2. 𝑆3
𝑛(𝑛+1)
3. กำหนดให้ 𝑆𝑛 =
2
จงหำ
1. 𝑎1 2. 𝑎10
3. 𝑎15 4. 𝑎6 + 𝑎7 + 𝑎8
4. กำหนดให้ 𝑆𝑛 = 35 − 𝑛2 จงหำ
1. 𝑎4 2. 𝑎8
3. 𝑎6 + 𝑎7 4. 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3
ลำดับ และอนุกรม 37
(−1)𝑛+1 𝑛
5. ผลบวก 3 พจน์แรกของลำดับ 𝑎𝑛 = 𝑛+1
เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 56/25]
สัญลักษณ์ซิกมำ
หัวข้อนี ้ จะพูดถึงกำรใช้สญ
ั ลักษณ์ ∑ (อ่ำนว่ำ “ซิกมำ”) เพื่อเขียน “หลำยๆตัวบวกกัน” ให้อยูใ่ นรูปสัน้ ๆ
b
สัญลักษณ์ จะหมำยถึงกำรนำก้อน มำบวกซำ้ ๆกัน หลำยๆก้อน
i a
โดยก้อนแรก ให้ 𝑖=𝑎 และ ก้อนถัดไป ให้เพิ่ม 𝑖 ขึน้ ทีละ 1 ไปเรือ่ ยๆ จนจบก้อนสุดท้ำยที่ 𝑖=𝑏
6
เช่น 𝑖 2 + 1 = (32 + 1) + (42 + 1) + (52 + 1) + (62 + 1)
i 3
= 10 + 17 + 26 + 37 = 80
5
2𝑖 − 𝑖 = (23 − 3) + (24 − 4) + (25 − 5)
i 3
= 5 + 12 + 27 = 44
5
𝑖 = (1) + (2) + (3) + (4) + (5)
i 1
= 15
12
4𝑖 = (4 × 9) + (4 × 10) + (4 × 11) + (4 × 12)
i 9
= 36 + 40 + 44 + 48 = 168
4
𝑖(𝑖 + 1) = (1)(1 + 1) + (2)(2 + 1) + (3)(3 + 1) + (4)(4 + 1)
i 1
= 2 + 6 + 12 + 20 = 40
5
4 = (4) + (4) + (4) + (4) + (4)
i 1
= 20
8 ) 512 512 = 8 × 8 × 8
8 ) 64 = 23 × 23 × 23
8 = 29
29 = 2𝑛−1
9 = 𝑛−1
10 = 𝑛
10
ดังนัน้ 3 + 6 + 12 + … + 1536 = 3 ∙ 2𝑖−1 #
i 1
สมบัติที่สำคัญของ ∑ มีดงั นี ้
ถ้ำหลัง ∑ เป็ นค่ำคงที่ ให้เอำค่ำคงทีค
่ ณ
ู จำนวนพจน์ที่นำมำบวกกันได้เลย
4 8
เช่น 7 = 7 × 4 = 28 5 = 5 × 8 = 40
i 1 i 1
10 9
−3 = −3 × 10 = −30 −2 = −2 × 7 = −14
i 1 i 3
∑ กระจำยในกำรบวกลบได้ แต่กระจำยในกำรคูณหำรไม่ได้
5 5 5
เช่น 2𝑖 − 𝑖 = 2𝑖 − 𝑖
i 3 i 3 i 3
4 4 4
แต่ 𝑖(𝑖 + 1) ≠ i i 1
i 3 i 3 i 3
4
ถ้ำจะกระจำย 𝑖(𝑖 + 1) เรำต้องเปลีย่ น 𝑖(𝑖 + 1) ให้อยูใ่ นรูปของกำรบวกลบก่อน
i 3
4 4
เช่น 𝑖(𝑖 + 1) = 𝑖2 + 𝑖
i 3 i 3
4 4
= 𝑖2 + 𝑖
i3 i3
แบบฝึ กหัด
1. จงเขียนผลบวกในแต่ละข้อต่อไปนี ้ ให้อยูใ่ นรูปที่ไม่มี ∑
10 6
1. 3𝑖 2. −𝑖
i 1 i2
5 7
𝑖
3. 𝑖3 4.
𝑖+1
i 1 i 1
7 4
5. 6 6. 𝑖𝑖
i 3 i 1
4 10
7. −𝑖 ∙ 2𝑖 8. 1 + (−1)𝑖
i2 i 1
10 5
9. (−1)𝑖 ∙ 𝑖 10. 2𝑎𝑖 + 1
i 1 i 1
ลำดับ และอนุกรม 41
1 3 5 19 1 1 1 1
3. 2
+ 4 + 6 + … + 20 4. 2
+ 4 + 8 + … + 64
1 3 5 11
5. 2
+ 4 + 8 + … + 64 6. 1 + 2 + 4 + … + 64
9. 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 + … + 𝑎10 10. 2 + 4 + 6 + … + 2𝑛
5 5 5
3. ถ้ำ 𝑥𝑖 = −10 และ 𝑥𝑖2 = 135 แล้ว xi ( xi 1) ใกล้เคียงกับจำนวนเต็มใดมำกที่สดุ
i 1 i 1 i 1
[O-NET 59/5]
ลำดับ และอนุกรม 43
อนุกรมเลขคณิต
𝑆𝑛 =
𝑛
2
(𝑎1 + 𝑎𝑛 ) (1) สูตรแรก จะใช้เมื่อเรำรูพ้ จน์สดุ ท้ำย
𝑆𝑛 =
𝑛
[2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑] (2) นอกนัน้ ใช้สตู รที่สอง
2
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 2 + 6 + 10 + … + 38
วิธีทำ โจทย์ขอ้ นีเ้ ป็ นอนุกรมเลขคณิต และเนื่องจำกเรำรูพ้ จน์สดุ ท้ำย 𝑎𝑛 = 38 ดังนัน้ เรำจะใช้สตู รแรก
และจะได้ 𝑎1 = 2 , 𝑑 = 4 แต่จะเห็นว่ำสูตรแรกยังต้องใช้ 𝑛 อีกตัว
𝑛 คือ จำนวนพจน์ในลำดับ ต้องหำโดยแก้สมกำรสูตรพจน์ท่วั ไป ว่ำ 38 เป็ นพจน์ที่เท่ำไหร่
เนื่องจำก 𝑎1 = 2 , 𝑑 = 4 ดังนัน้ สูตรพจน์ท่วั ไป คือ 𝑎𝑛 = 2 + (𝑛 − 1)(4)
= 2 + 4𝑛 − 4
= 4𝑛 − 2
หำ 𝑛 ได้จำกกำรแก้สมกำร 38 = 4𝑛 − 2
40 = 4𝑛
10 = 𝑛
𝑛
ดังนัน้ 2 + 6 + 10 + … + 38 = 2
(𝑎1 + 𝑎𝑛 )
10
= [2 + 38] = 200 #
2
44 ลำดับ และอนุกรม
ตัวอย่ำง แท่งไม้กองหนึง่ ชัน้ บนสุดมีไม้ 5 แท่ง ชัน้ ถัดลงมำมีไม้เพิม่ ขึน้ ชัน้ ละ 2 แท่ง ถ้ำกองนีม้ ีแท่งไม้ทงั้ หมด 285 แท่ง
จงหำว่ำไม้กองนีม้ ีกี่ชนั้
วิธีทำ ไม้เพิ่มชัน้ ละ 2 แท่ง ดังนัน้ ชัน้ ที่สองมีไม้ 7 แท่ง , ชัน้ ที่สำมมี 9 แท่ง , ชัน้ ที่สมี่ ี 11 แท่ง , …
เนื่องจำกทัง้ กอง มี 285 แท่ง หมำยควำมว่ำ 5 + 7 + 9 + 11 + … = 285
จะเห็นว่ำเป็ นอนุกรมเลขคณิต ทีม่ ี 𝑎1 = 5 , 𝑑 = 2 , 𝑆𝑛 = 285
ข้อนี ้ ไม่รูพ้ จน์สดุ ท้ำย ดังนัน้ เรำจะใช้สตู รที่สอง 𝑆𝑛 = 𝑛 [2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑]
2
𝑛
285 = [2(5) + (𝑛 − 1)(2)]
2
𝑛
285 = [10 + 2𝑛 − 2]
2
𝑛
285 = [8 + 2𝑛]
2
2
285 = 4𝑛 + 𝑛
0 = 𝑛2 + 4𝑛 − 285
0 = (𝑛 − 15)(𝑛 + 19)
𝑛 = 15 , −19
แบบฝึ กหัด
1. จงหำค่ำของอนุกรมต่อไปนี ้
1. 2 + 4 + 6 + … + 80 2. 11 + 18 + 25 + … + 109
ลำดับ และอนุกรม 45
10
5. ผลบวก 8 พจน์แรก ของ 7+4+1+… 6. 3𝑖 − 1
i 1
15. นำย ก เริม่ เก็บเงินตัง้ แต่วนั ที่ 10 ก.ค. เพื่อซือ้ ของรำคำ 1900 บำท โดยวันแรก เก็บได้ 100 บำท วันต่อมำเก็บได้
มำกขึน้ วันละ 20 บำท จงหำว่ำนำย ก เก็บเงินได้ครบในวันทีเ่ ท่ำไรของเดือน ก.ค.
16. วันที่ 3 ม.ค. นำย ก เริม่ ขีจ่ กั รยำนจำก กรุงเทพ ไป จันทบุรี โดยวันแรก ขี่ได้ 50 กิโลเมตร วันต่อมำเริม่ เหนื่อย จึงขี่
ได้นอ้ ยลงทุกวัน วันละ 2 กิโลเมตร
1. จงหำระยะทำงที่ นำย ก จะเดินทำงได้ หลังสิน้ วันที่ 10 ม.ค.
2. นำย ข เริม่ ขีจ่ กั รยำนพร้อม นำย ก โดยวันแรก ขี่ได้ 10 กิโลเมตร และวันต่อมำเริม่ ฮึดสู้ จึงขี่ได้มำกขึน้ ทุกวัน วัน
ละ 2 กิโลเมตร จงหำว่ำ นำย ข จะเดินทำงได้มำกกว่ำ 200 กิโลเมตรได้ในวันที่เท่ำไรของเดือน ม.ค.
20. กำหนดให้
22. ในสวนป่ ำแห่งหนึง่ เจ้ำของปลูกต้นยูคำลิปตัสเป็ นแถวดังนี ้ แถวแรก 12 ต้น แถวที่สอง 14 ต้น แถวที่สำม 16 ต้น
โดยปลูกเพิ่มเช่นนี ้ ตำมลำดับเลขคณิต ถ้ำเจ้ำของปลูกต้นยูคำลิปตัสไว้ทงั้ หมด 15 แถว จะมีตน้ ยูคำลิปตัสในสวน
ป่ ำนีท้ งั้ หมดกี่ตน้ [O-NET 53/38]
23. ซุงกองหนึง่ วำงเรียงซ้อนกันเป็ นชัน้ ๆ โดยชัน้ บนจะมีจำนวนน้อยกว่ำชัน้ ล่ำงที่อยูต่ ิดกัน 3 ต้นเสมอ ถ้ำชัน้ บนสุดมี 49
ต้น และชัน้ ล่ำงสุดมี 211 ต้น แล้ว ข้อใดต่อไปนีถ้ กู ต้องบ้ำง [O-NET 57/22]
1. ซุงกองนีม้ ี 56 ชัน้ 2. ชัน้ ที่ 8 (นับจำกบนลงล่ำง) มีซุง 70 ต้น
3. ซุงกองนีม้ ีทงั้ หมด 7,150 ต้น
ลำดับ และอนุกรม 51
24. เกษตรกรคนหนึง่ ซือ้ รถกระบะโดยผ่อนชำระเป็ นเวลำ 4 ปี ทำงผูข้ ำยกำหนดให้ผอ่ นชำระเดือนแรก 5,500 บำท และ
เดือนถัดๆไปให้ผอ่ นชำระเพิ่มขึน้ ทุกเดือนๆละ 400 บำท จนครบกำหนด ถ้ำ 𝑥 คือจำนวนเงินที่เขำต้องชำระในเดือน
สุดท้ำย และ 𝑦 คือจำนวนเงินที่เขำชำระไปใน 2 ปี แรก (หน่วย : บำท) แล้ว จงหำค่ำ 𝑥 และ 𝑦 [O-NET 56/26]
25. เด็กชำยคนหนึง่ ต้องกำรออมเงินเพื่อซือ้ รถจักรยำนรำคำ 1,700 บำท โดยเก็บเงินเดือนละ 100 บำท และพ่อสัญญำ
ว่ำจะสมทบเงินให้ทกุ เดือน เริม่ เดือนแรกให้ 10 บำท เดือนที่สองให้ 20 บำท เดือนที่สำมให้ 30 บำท และสมทบเงิน
ให้มำกขึน้ ทุกเดือนๆละ 10 บำท เขำต้องออมเงินอย่ำงน้อยกี่เดือนจึงจะมีเงินมำกพอซือ้ รถจักรยำน
[O-NET 58/26]
50
27. (1 + (−1)𝑘 )𝑘 มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 49/1-10]
k 1
52 ลำดับ และอนุกรม
29. กำหนดให้ 𝑆 = {101, 102, 103, … , 999} ถ้ำ 𝑎 เท่ำกับผลบวกของจำนวนคี่ทงั้ หมดใน 𝑆 และ 𝑏 เท่ำกับผลบวก
ของจำนวนคูท่ งั้ หมดใน 𝑆 แล้ว 𝑏 − 𝑎 มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 50/32]
อนุกรมเรขำคณิต
𝑎1 −𝑎𝑛 𝑟
𝑆𝑛 = 1−𝑟
(1) สูตรแรก จะใช้เมื่อเรำรูพ้ จน์สดุ ท้ำย
𝑆𝑛 =
𝑎1 (1−𝑟 𝑛 )
(2) นอกนัน้ ใช้สตู รที่สอง
1−𝑟
1023
ดังนัน้ จะได้ผลบวก 10 พจน์แรก = 512
#
54 ลำดับ และอนุกรม
7
ตัวอย่ำง จงหำค่ำของ 2 ∙ 3𝑖 − 3 ∙ 2𝑖
i 1
7
วิธีทำ 2 ∙ 3𝑖 − 3 ∙ 2𝑖 = (2 ∙ 31 − 3 ∙ 21 ) + (2 ∙ 32 − 3 ∙ 22 ) + … + (2 ∙ 37 − 3 ∙ 27 )
i 1
= (2 ∙ 31 + 2 ∙ 32 + … + 2 ∙ 37) − (3 ∙ 21 + 3 ∙ 22 + … + 3 ∙ 27 )
= (2)(31 + 32 + … + 37 ) − (3)(21 + 22 + … + 27 )
𝑎1 = 31 𝑎1 = 21
𝑎𝑛 = 37 𝑎𝑛 = 27
𝑟 =3 𝑟 =2
31 −(37 )(3) 21 −(27 )(2)
= (2) ( 1−3
) − (3) ( 1−2
)
3−6561 2−256
= (2) ( −2
) − (3) ( −1
)
= 6558 − 762
= 5796 #
ตัวอย่ำง นำย ก กูเ้ งิน จำก นำย ข โดยทำสัญญำว่ำจะจ่ำยคืนในเดือนแรก 1 บำท และในเดือนถัดไป จะจ่ำยเพิ่มเป็ น
สองเท่ำของเดือนก่อนหน้ำ จนครบ 10 เดือน จงหำว่ำนำย ก จ่ำยเงินรวมทัง้ สิน้ กี่บำท
วิธีทำ จะได้เดือนที่สองจ่ำย 2 บำท , เดือนทีส่ ำมจ่ำย 4 บำท , เดือนที่สจี่ ่ำย 8 บำท , … จนครบ 10 เดือน
จะเห็นว่ำเป็ นอนุกรมเรขำคณิต ที่มี 𝑎1 = 1 , 𝑟 = 2 , 𝑛 = 10
𝑛)
เนื่องจำกไม่รูพ้ จน์สดุ ท้ำย ดังนัน้ ใช้สตู ร 𝑆𝑛 = 𝑎1(1−𝑟
1−𝑟
(1)(1−210 )
= 1−2
1−1024
= = 1023
−1
แบบฝึ กหัด
1. จงหำผลบวกของอนุกรมต่อไปนี ้
1. 1 + 2 + 4 + … + 128 2. 2 + 6 + 18 + … + 486
10 5 2 𝑖−1
7. 5 ∙ 2𝑖−1 8. ( )
3
i 1 i 1
288
3. ลำดับชุดหนึง่ มี 𝑎𝑛 =
2𝑛
จงหำค่ำของ 𝑆5
8. นำย ก เริม่ เก็บเงินวันที่ 5 ม.ค. เป็ นจำนวน 1 บำท วันถัดมำ จะเก็บเพิ่มเป็ น 3 เท่ำของวันแรก
1. เมื่อสิน้ วันที่ 10 ม.ค. นำย ก จะมีเงินเก็บเท่ำไร
ลำดับ และอนุกรม 57
2. นำย ข เริม่ เก็บเงินพร้อม นำย ก โดยวันที่ 5 ม.ค. นำย ข เริม่ เก็บ 5 บำท และวัดถัดมำ นำย ข จะเก็บเพิ่มเป็ น 2
เท่ำของวันแรก ถ้ำ นำย ก ยังเก็บเงินแบบเก่ำ ในวันที่ นำย ก มีเงินเก็บ 1093 บำท นำย ข จะมีเงินเก็บเท่ำไร
1
11. ถ้ำอนุกรมเรขำคณิตมี 𝑎1 = 2 และ 𝑎10 = 256 แล้ว ผลบวก 10 พจน์แรกของอนุกรมนีเ้ ท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 57/25]
58 ลำดับ และอนุกรม
12. กำหนดให้ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … เป็ นลำดับเรขำคณิต ถ้ำ 𝑎2 = 8 และ 𝑎5 = −64 แล้ว ผลบวกของ 10 พจน์แรกของ
ลำดับนีเ้ ท่ำกับเท่ำใด [O-NET 53/22]
1
13. ถ้ำ 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … เป็ นลำดับเรขำคณิตซึง่ มี 𝑎1 = 2 และ 𝑎4 = 4
แล้ว 𝑎1 + 𝑎1 + 𝑎1 + … + 𝑎1 เท่ำกับเท่ำใด [O-NET 58/37]
1 2 3 10
17. ถ้ำ 𝑎 เป็ นจำนวนจริงลบ และ 𝑎20 + 2𝑎 − 3 = 0 แล้ว 1 + 𝑎 + 𝑎2 + ⋯ + 𝑎19 มีคำ่ เท่ำกับเท่ำใด
[O-NET 49/1-24]
60 ลำดับ และอนุกรม
ลำดับ
1. 1. 3, 5, 7, 9 2. 2, 5, 8, 11 3. 1, 4, 9, 16 4. 4, 9, 16, 25
5. 2, 4, 8, 16 6. 10, 100, 1000, 10000
2. 7 3. ไม่มี 4. 18 5. 47
6. 9 7. 17 8. 10 9. 15
10. 20
11. 1. 𝑎𝑛 = 𝑛 2. 𝑎𝑛 = 3 3. 𝑎𝑛 = 𝑛2 4. 𝑎𝑛 = (𝑛 + 1)2
5. 𝑎𝑛 = 2𝑛 6. 𝑎𝑛 = (−1)𝑛 7. 𝑎𝑛 = 10𝑛 8. 𝑎𝑛 = 10𝑛 − 1
512
12. 4 13. 5 14. 20 15. 33
ลำดับเลขคณิต
ตัวกลำงเลขคณิต
1. 25 2. 3 3. 24 4. 7, 13
5. 20, 23, 26, 29 6. 7, 13, 19 7. −3, 2, 7, 12 8. 4, 28
ลำดับเรขำคณิต
1
1. 1. ไม่เป็ น 2. เป็ น (𝑟 = 4) 3. เป็ น (𝑟 = 10) 4. เป็ น (𝑟 = )
5
1
5. เป็ น (𝑟 = 10) 6. เป็ น (𝑟 = 1) 7. ไม่เป็ น 8. เป็ น (𝑟 = −1)
1 1 √2
9. เป็ น (𝑟 = )
3
10. เป็ น (𝑟 = √3) 11. เป็ น (𝑟 = − 3) 12. เป็ น (𝑟 = − 2
)
ลำดับ และอนุกรม 61
ตัวกลำงเรขำคณิต
3. ±5 , ±20
ให้จำนวนคูน่ นั้ คือ 𝑎 และ 𝑏 จำกสูตรตัวกลำงเรขำคณิต จะได้ ±√𝑎𝑏 = ±10
ยกกำลังสองทัง้ 2 ข้ำง จะได้ 𝑎𝑏 = 100 …(1) และ จำนวนคูน่ หี ้ ำรกันได้ 4 แสดงว่ำ 𝑏𝑎 = 4 …(2)
𝑏
(1) × (2) จะได้ 𝑎𝑏 × 𝑎 = 400 → 𝑏 2 = 400 → 𝑏 = ±20 แทนใน (1) จะได้ 𝑎 = ±5
ลำดับเวียนเกิด
อนุกรม
1. 1. 7 2. 26
2. 1. 2 2. 17
3. 1. 1 2. 10 3. 15 4. 21
4. 1. −7 2. −15 3. −24 4. 26
7
5. 12
6. 57
62 ลำดับ และอนุกรม
สัญลักษณ์ซิกมำ
อนุกรมเลขคณิต
อนุกรมเรขำคณิต
17. −2
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Jam Geejee
คุณครูเบิรด์ จำก กวดวิชำคณิตศำสตร์ครูเบิรด์ ย่ำนบำงแค 081-8285490
คุณ Theerat Piyaanangul ที่ช่วยตรวจสอบควำมถูกต้องของเอกสำรครับ