You are on page 1of 74

01420113

Laboratory in physics I
หลักการทดลองทางฟิสิกส์
Laboratory in physics I
การวัดและเครื่องวัด
การวัด คือ “การเปรียบเทียบขนาดของปริมาณหนึ่ง กับขนาดมาตรฐานของปริมาณนั้น”

ปริมาณที่ได้จากการวัด = ปริมาณที่มีเลขนัยสาคัญ

เครื่องวัด
สาหรับวัดความยาว สาหรับชั่งมวล
- ไม้บรรทัด - เครื่องชั่งแบบดิจิตอล
- ไม้เมตร - เครื่องชั่งแบบ Balance
- สายวัด
- เวอร์เนียร์แคลิเปอร์ สาหรับหาความหนาแน่นของของเหลว
- ไมโครมิเตอร์ - ไฮโดรมิเตอร์
- สเฟียรอมิเตอร์
สาหรับวัดอื่น ๆ
สาหรับวัดอุณหภูมิ - มัลติมิเตอร์ ใช้สาหรับหาค่าปริมาณทางไฟฟ้า เช่น
- เทอร์โมมิเตอร์ กระแสไฟฟ้า ความต่างศักด์ ฯลฯ
Page 3.
- ไม้โปรเจคเตอร์ ใช้วัดความยาวกับวัดมุมองศา
ตัวอย่าง เครื่ องมือวัด

Page 4.
 ไม้บรรทัด

1mm = 0.1 cm

ซม./cm

ค่าละเอียด S = 1cm/10 ช่อง


= 0.1 cm Page 5.
การบันทึกปริ มาณที่ได้จากการวัด : เลขนัยสาคัญ
𝑠 0.1 𝑐𝑚
ความไม่แน่นอนของการวัดไม้บรรทัด ∆ = ± = ±
2 2
∆ = ±0.05 𝑐𝑚

ค่าละเอียดของไม้บรรทัด
S = 0.1 cm
วัดความยาวของแท่งสี่เหลี่ยมมุมฉาก = ค่าละเอียดของเครื่องมือ(จุดทศนิยมตาแหน่งที่ 1) + ค่าประมาณ(จุดทศนิยมตาแหน่งที่ 2)
= 4.4 cm + 0.03 cm
= 4.43 cm
ผลการวัดความยาว เท่ากับ 4.43 ± 0.05 𝑐𝑚 Page 6.
การบวก/ลบเลขนัยสาคัญ

ตัวอย่างที่1 10.578 m
จงหาผลบวกของ จงหาผลลบของ
+3.21 m 10.578 m
+4.5 m -3.12 m
18.288 m 7.458 m

ตอบ 18.3 m ตอบ 7.46 m

7
การคูณ/หารเลขนัยสาคัญ
ตัวอย่างที่ 2 ตัวอย่างที่ 3
10.77 cm ระยะทาง
อัตราเร็วเฉลี่ย =
X3.55 cm เวลาที่เคลื่อนที่
38.2335 cm2 41.53 𝑚
= = 13.3109 𝑚/𝑠
3.12 𝑠
ตอบ 38.2 cm2
ตอบ 13.3 𝑚/𝑠

8
Note
1. ผลการวัดขนาดของวัตถุเดียวกัน ในหน่วยเล็กลงหรื อใหญ่ชึ ้น เลขนัยสาคัญไม่เปลี่ยนแปลง
Ex. ความยาว เท่ากับ 150.25 mm มีเลขนัยสาคัญ 5 ตัว
เปลี่ยนความยาวจาก mm เป็ น cm จะได้
ความยาว เท่ากับ 15.025 cm มีเลขนัยสาคัญ 5 ตัว ( หรื อ 150.25 × 10−1 cm)

2. การปั ดตัวเลข มากกว่า 5 ปั ดขึ ้น น้ อยกว่า 5 ปั ดทิ ้ง


หน้ าเลข 5 เป็ นเลขคี่ปัดขึ ้น
หน้ าเลข 5 เป็ นเลขคูป่ ั ดทิ ้ง

3. เปอร์ เซ็นต์ความคลาดเคลื่อน :𝐸𝑝


𝑋𝑒𝑥𝑝 − 𝑋𝑠𝑡𝑑
𝐸𝑝 = × 100%
𝑋𝑠𝑡𝑑
4. เปอร์ เซ็นต์ความแตกต่าง : 𝐷𝑃
𝑋𝑚1 − 𝑋𝑚2
𝐷𝑝 = × 100% Page 9.
𝑋𝑎𝑣𝑒
แกนY
1 ช่องเล็ก = 0.20 m/5 = 0.04 m
กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับระยะทาง แกนX
การเขียนกราฟ 1 ช่องเล็ก = 2.0 s/10 = 0.2 s

ระยะทาง (m)
∆𝑌
(X2,Y2)
1.00 M=slope=∆𝑋 (9.0,0.84)
𝑌2 − 𝑌1 0.84 − 0.28 0.56
= = = = 0.093 𝑚/𝑠
ระยะทาง เวลา 0.80 𝑋2 − 𝑋1 9.0 − 3.0 6.0 *
(m) (s) 0.60
∆𝑌
0.20 2.0 (X1,Y1)
0.40 (3.0,0.28)
0.34 4.0
0.49 6.0 0.20 *
0.78 8.0 ∆𝑋 เวลา (s)
0 2.0 4.0 6.0 8.0 10.0

แกน Y แกน X
Page 10.
การบันทึกปริ มาณที่ได้จากการวัด : เลขนัยสาคัญ
𝑠 0.1 𝑐𝑚
ความไม่แน่นอนของการวัดไม้บรรทัด ∆ = ± = ±
2 2
∆ = ±0.05 𝑐𝑚

ค่าละเอียดของไม้บรรทัด
S = 0.1 cm
วัดความยาวของแท่งสี่เหลี่ยมมุมฉาก = ค่าละเอียดของเครื่องมือ(จุดทศนิยมตาแหน่งที่ 1) + ค่าประมาณ(จุดทศนิยมตาแหน่งที่ 2)
= 4.4 cm + 0.03 cm
= 4.43 cm
ผลการวัดความยาว เท่ากับ 4.43 ± 0.05 𝑐𝑚 Page 11.
M1 หลักการวัด


ความไม่แน่นอนจากการอ่านค่าแบบสุม =± 𝑐𝑚 = ± 0.05 cm (∆ 1 ∆ 2 ∆
2

การคานวณหา
 ค่าเฉลี่ย ; 𝑥 กรณีข้อมูลในการวัด < 30 ข้อมูล ใช้
𝑁
𝑖=1 𝑥𝑖 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการบันทึก
𝑥 𝑥 = เมื่อ N = จานวนข้ อมูล
𝑁 ค่าความไม่แน่นอนของการวัด
 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ; di = 𝑥𝑖 − 𝑥
𝑥

𝑁 2
𝑖=1 𝑖
𝑥 = Page 12.
𝑁−1
การคานวณหา
ค่าเฉลี่ย ; 𝑥 เมื่อ N = จานวนข้ อมูล
𝑥 𝑥 di = 𝑥𝑖 − 𝑥
𝑁
𝑖=1 𝑥𝑖
=
𝑁

ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ; 𝑥

𝑁 2 กรณีข้อมูลในการวัด < 30 ข้อมูล ใช้


𝑖=1 𝑖 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการบันทึก
𝑥 =
𝑁−1 ค่าความไม่แน่นอนของการวัด

Page 13.
**เปลี่ยนจากเศษส่วนเป็ นจุดทศนิยม**
ตัวอย่าง การบันทึกผลการทดลอง M1 หลักการวัด กด Shift + mode กด 2 :LineIO
ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 การคานวณพืน ่ ละปริมาตรของวัตถุทรงสเี่ หลีย
้ ทีแ ่ มมุมฉาก
1.1
ค่าละเอียดทีส
่ ด
ุ S= 0.1 cm

ความไม่แน่นอนจากการอ่านค่าแบบสุม =± 𝑐𝑚 = ± 0.05 cm (∆ ∆ ∆𝑐
2
1.2
ครัง้ ที่ 1 ครัง้ ที่ 2 ครัง้ ที่ 3 ครัง้ ที่ 4 ครัง้ ที่ 5 ครัง้ ที่ 6 ค่าเฉลีย่ Sx
𝑥 , <x>
- - - - - -
ความหนา a (cm) a1 0.60 0.60 0.61 0.60 0.60 0.60 0.60 0.04 × 10−1
4.08E-03
- - - - - -
ความหนา b (cm) b1 3.79 3.79 3.80 3.80 3.80 3.79 3.80 0.01
- - - - - -
ความหนา c (cm) c1 4.80 4.81 4.82 4.82 4.82 4.80 4.81 0.01

c
a

b Page 14.
ตอนที่ 2 การคานวณพืน ้ ทีแ
่ ละปริมาตรของวัตถุทรงกระบอกกลวง
2.1
ค่าละเอียดทีส
่ ด
ุ S= 0.1 cm

ความไม่แน่นอนจากการอ่านค่าแบบสุม =± 𝑐𝑚 = ± 0.05 cm (∆ 1 ∆ 2 ∆
2
2.2
ครัง้ ที่ 1 ครัง้ ที่ 2 ครัง้ ที่ 3 ครัง้ ที่ 4 ครัง้ ที่ 5 ครัง้ ที่ 6 ค่าเฉลีย
่ Sx
- - - - - - 𝑥, <x> - -
ความหนา d1 (cm) d1,1 1.00 - 1.01 - 1.02 - 1.01 - 1.03 - 1.00 - 1.01 - 0.01 -
ความหนา d2 (cm) d2,1 2.00 - 2.01 - 2.02 - 2.00 - 2.01 - 2.00 - 2.01 - 0.01 -
ความหนา L (cm) L1 5.00 5.02 5.02 5.00 5.00 5.00 5.01 0.01

d2 d1

Page 15.
**เปลี่ยนจากเศษส่วนเป็ นจุดทศนิยม**
ตัวอย่าง การบันทึกผลการทดลอง M1 หลักการวัด กด Shift + mode กด 2 :LineIO
ตอนที่ 1 ตอนที่ 1 การคานวณพืน ่ ละปริมาตรของวัตถุทรงสเี่ หลีย
้ ทีแ ่ มมุมฉาก
1.1
ค่าละเอียดทีส
่ ด
ุ S= 0.1 cm

ความไม่แน่นอนจากการอ่านค่าแบบสุม =± 𝑐𝑚 = ± 0.05 cm (∆ ∆ ∆𝑐
2
c
1.2 a
ครัง้ ที่ 1 ครัง้ ที่ 2 ครัง้ ที่ 3 ครัง้ ที่ 4 ครัง้ ที่ 5 ครัง้ ที่ 6 ค่าเฉลีย่ Sx
𝑥 , <x> b
ความหนา a (cm) a1 0.60
- 0.60
- 0.61
- 0.60
- 0.60
- 0.60
- 0.60
- 4.08E-03
0.004
-
ความหนา b (cm) b1 3.79
- -
3.79 3.80
- -
3.80 3.80
- -
3.79 3.80
- -
0.01
ความหนา c (cm) c1 4.80- 4.81- 4.82- 4.82- 4.82- 4.80- 4.81- 0.01-

การวั
1.3 ดครัง้ เดียว a1, b1, c1 ปริมาตร = × 𝑐1 = 2.3 × 4.80 = 11 cm^3
พืน
้ ที่ = 1 × 1 = 0.60 × 3.79 = 2.3 cm^2 ∆ 2 ∆𝑐 2
ความไม่แน่นอน ∆ =
𝑐
∆𝑎 2 ∆ 2
0.2
ความไม่แน่นอน ∆ =
𝑎
∆ 2 0.0 2
0.0 2 0.0 2 = = 0.92792 cm^3
= = 0.19186 cm^2 𝑐
𝑎

2.3 0.60 3.79 11 2.27 4.80

± ∆ = 2.3 ± 0.2 cm^2 ตอบ ± ∆ = 11 ± 1 cm^3 ตอบ

Page 16.
ตัวอย่าง การบันทึกผลการทดลอง M1 หลักการวัด
ตอนที่ 1
การวั
1.3 ดครัง้ เดียว a1, b1, c1 ปริมาตร = × 𝑐1 = 2.3 × 4.80 = 11 cm^3
พืน
้ ที่ = 1 × 1 = 0.60 × 3.79 = 2.3 cm^2 ∆ 2 ∆𝑐 2
ความไม่แน่นอน ∆ =
𝑐
∆𝑎 2 ∆ 2
0.2
ความไม่แน่นอน ∆ =
𝑎
∆ 2 0.0 2
0.0 2 0.0 2 = = 0.92792 cm^3
= = 0.19186 cm^2 𝑐
𝑎

2.3 0.60 3.79 11 2.27


2.3 4.80

± ∆ = 2.3 ± 0.2 cm^2 ตอบ ± ∆ = 11 ± 1 cm^3 ตอบ

1.4 การวัดหลายครัง้ 𝑐 โดยสถิต ิ


ปริมาตร = ×𝑐 = 2.3 × 4.81 = 11 cm^3
พืน
้ ที่ = × = 0.60 × 3.80 = 2.3 cm^2
ความไม่แน่นอน ∆ =
∆ 2 2

ความไม่แน่นอน 2 2 𝑐
∆ =
𝑎 1.6E-02
0.02 0.01
0.004 4.08E-03 0.01 ∆ 2 2 0.07945 cm^3
2 2
= =
𝑐
= = 0.01584 cm^2
𝑎
11 2.3
2.28 4.81
2.3 0.60 3.80
± ∆ = 0.1 cm^3
11 ± 8E-02 ตอบ
± ∆ = 0.02 cm^2
2.3 ±1.6E-02 ตอบ

Page 17.
็ ต์ความแตกต่างของพืน
1.5 เปอร์เซน ้ ที่
2.3 2.3
𝑋𝑚1 − 𝑋𝑚2 −
𝐷𝑝 = × 100% = × 100% = 0%
𝑋𝑎𝑣𝑒
2.3

็ ต์ความแตกต่างของปริมาตร
เปอร์เซน
11 11
𝑋𝑚1 − 𝑋𝑚2 −
𝐷𝑝 = × 100% = × 100% = 0%
𝑋𝑎𝑣𝑒

11

Page 18.
ตอนที่ 2 การคานวณพืน ้ ทีแ
่ ละปริมาตรของวัตถุทรงกระบอกกลวง
2.1
ค่าละเอียดทีส
่ ด
ุ S= 0.1 cm
d2 d1

ความไม่แน่นอนจากการอ่านค่าแบบสุม =± 𝑐𝑚 = ± 0.05 cm (∆ 1 ∆ 2 ∆
2
2.2
ครัง้ ที่ 1 ครัง้ ที่ 2 ครัง้ ที่ 3 ครัง้ ที่ 4 ครัง้ ที่ 5 ครัง้ ที่ 6 ค่าเฉลีย่ Sx L
𝑥 , <x>
ความหนา d1 (cm) d1,1 1.00
- -
1.01 1.02
- 1.01
- 1.03
- 1.00
- 1.01
- -
0.01
ความหนา d2 (cm) d2,1 2.00- -
2.01 2.02- 2.00- -
2.01 2.00- -
2.01 0.01-
ความหนา L (cm) L1
-
5.00
-
5.02 5.02
- -
5.00
-
5.00 5.00
- 5.01
- 0.01
-

การวั
2.3 ดครัง้ เดียว d1, d2, L1

พืน
้ ที่ = 2
21 − 2
11 = 2.36 cm^2 ปริมาตร = × 1 = 2.36 × 5.00 = 11.8 cm^3
∆ 2 ∆ 2
2.00 1.00 ความไม่แน่นอน ∆ =

2 2 0.18
ความไม่แน่นอน ∆ =
2 21 ∆ 2
2
11 ∆ 1
2
∆ 2 0.0 2
= = 0.9 cm^3
2 2 2 2 0.18 cm^2
= 21 0.05 11 0.05 =
2

2.00 1.00 11.78 2.36 5.00

± ∆ = 2.36 ± 0.18 cm^2 ตอบ ± ∆ = 11.8 ± 0.9 cm^3 ตอบ

Page 19.
±
2.4 การวัดหลายครัง้ 1 2 โดยสถิต ิ

พืน
้ ที่ = 2
2 − 2
1 = 2.36 cm^2 ปริมาตร = × = 2.36 × 5.01 = 11.8 cm^3

ความไม่แน่นอน ∆ 2 2
2.01 1.01 ∆ =
0.03 0.01
ความไม่แน่นอน ∆ = 2
𝑑
2 2
𝑑
2
2 2
2 2 1 ∆ 0.2 cm^3
= =
0.01 0.01
11.81 2.36 5.01
2 2 2 2
= 2 𝑑 1 𝑑 = 0.03 cm^2
2
± ∆ = 11.8 ± 0.2 cm^3 ตอบ
2.01 1.01
± ∆ = 2.36 ± 0.03 cm^2 ตอบ

็ ต์ความแตกต่างของพืน
2.5 เปอร์เซน ้ ที่ ็ ต์ความแตกต่างของปริมาตร
เปอร์เซน
2.36 2.36 11.8 11.8
𝑋𝑚1 − 𝑋𝑚2 − 𝑋𝑚1 − 𝑋𝑚2 −
𝐷𝑝 = × 100% = × 100% = 0.00 % 𝐷𝑝 = × 100% = × 100% = 0.00 %
𝑋𝑎𝑣𝑒 𝑋𝑎𝑣𝑒
2.36 11.8

Page 20.
M-2
เครื่องมือวัดความยาวอย่างละเอียด
เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์

ระยะ 1 ช่อง บนสเกลหลัก (s) = 1 mm


จานวนช่องบนสเกลเวอร์เนียร์ (n) = 20 ช่อง
𝑠
ค่าละเอียดของสเฟียรอมิเตอร์ =
𝑛
1
= = 0.05 mm
20

https://th.wikipedia.org/
11.65 𝑚𝑚
ตอนที่ 1 การใช้เวอร์เนียร์
ระยะ 1 ช่อง บนสเกลหลัก (s) = 1 mm จานวนช่องบนสเกลเวอร์เนียร์ (n) = 20 ช่อง
𝑠 1
ค่าละเอียดของสเฟียรอมิเตอร์ = = = 0.05 mm
𝑛 20

ค่าที่วดั ได้(mm)
ทรงกระบอกกลวง
ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ค่าเฉลี่ย(mm)
เส้นผ่านศูนย์กลางภายใน
เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก
ความหนาของทรงกระบอกกลวง
ความหนาของแผ่นแก้ว
แสดงการคานวณ
𝑑 นอก −𝑑ใน
ความหนาเฉลี่ยของทรงกระบอกกลวง =
2

ความหนา
ใน

นอก
ไมโครมิเตอร์

ระยะ 1 ช่อง บนสเกลหลัก (s) = 0.5 mm


จานวนช่องบนสเกลสกรู (n) = 50 ช่อง
ระยะ 1 พิตซ์ของสกรู (p) = 0.5 mm
𝑃
ค่าละเอียดของสเฟียรอมิเตอร์ =
𝑛
0.
= = 0.01 mm
0
5.130 𝑚𝑚

12.5 0.160 = 12.660 𝑚𝑚 3.5 0.060 = 3.560 𝑚𝑚


10

5
เกิน (ลบ) : −0.030 𝑚𝑚
0

0 ขาด (บวก) : 0.020 𝑚𝑚


45
ตอนที่ 2 การไมโครมิเตอร์
ระยะ 1 ช่อง บนสเกลหลัก (s) = 0.5 mm จานวนช่องบนสเกลสกรู (n) = 50 ช่อง
𝑃 0.
ระยะ 1 พิตซ์ของสกรู (p) = 0.5 mm ค่าละเอียดของสเฟียรอมิเตอร์ = = = 0.01 mm
𝑛 0

ค่าที่วดั ได้(mm) ค่าเฉลี่ย(mm)


ทรงกระบอกกลวง ค่าเฉลี่ย(mm)
ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 (แก้ขดี ศูนย์แล้ว)
ความหนาของกระดาษ 3 แผ่นซ้อนกัน
ความหนาของกระดาษ 1 แผ่น
ความหนาของแผ่นแก้ว
สเฟียรอมิเตอร์
เครื่องมือวัดรัศมีความโค้งของ
วัตถุทรงกลมหรือวัตถุที่มีพื้นผิว
โค้ง

ระยะ 1 ช่อง บนสเกลหลัก (s) = 1 mm


จานวนช่องบนสเกลวงกลม (n) = 100 ช่อง
ระยะ 1 พิตซ์ของสกรู (p) = 1 mm
𝑃
ค่าละเอียดของสเฟียรอมิเตอร์ =
𝑛
1
= = 0.01 mm
100
Ex.1
สเกลหลัก = 3 mm
สเกลเวอร์เนีย = 0.145 mm
ดังนั้น ค่าที่อ่านได้ เท่ากับ 3.145 mm
การบันทึกข้อมูลการวัด
Ex 2
สเกลหลัก = -1 mm
สเกลเวอร์เนีย = 0.190 − 1 mm
= −0.810 mm

ดังนั้น ค่าที่อ่านได้ เท่ากับ −1.810 mm


สเกลหลัก = ______
3 mm
สเกลวงกลม = _______
0.14𝟐 mm

ดังนั้นค่าที่อ่านได้ เท่ากับ ______


3.142 mm
d

***วัดโดยใช้เวอร์เนียร์
คานวณหารัศมีความโค้ง E
และจุดขา L ลงไปในใบบันทึกผล

2
𝑅=
6 2
เมื่อ R คือ รัศมีความโค้งของกระจก (เมตร) F G
L คือ ค่าเฉลี่ยของระยะห่างระหว่างขา D ทั้งสามขา (เมตร)
d คือ ค่าที่อ่านได้สเฟียโรมิเตอร์ (เมตร) = ค่าที่อ่านได้จากผิวโค้ง - ผิว
กระจกราบ
ตอนที่ 3 การใช้สเฟียรอมิเตอร์
ระยะ 1 ช่อง บนสเกลหลัก (s) = 1 mm จานวนช่องบนสเกลสกรู (n) = 100 ช่อง
𝑃 1
ระยะ 1 พิตซ์ของสกรู (p) = 1 mm ค่าละเอียดของสเฟียรอมิเตอร์ = = = 0.01 mm
𝑛 100

สเกลทีอ่ า่ นได้(mm) d L R
ครัง้ ที่
บนผิวโค้ง บนกระจกราบ (mm) (mm) (mm)
1
2
3
ค่าเฉลี่ย
ปฏิบัติการกลศาสตร์ M3
จลนศาสตร์และพลศาสตร์ของการเคลื่อนที่เชิงเส้น
การเคลื่อนที่ของวัตถุในหนึ่งมิติ: บนพื้นเอียง
ในกรณีที่วัตถุมีความเร่งคงตัว a ความเร็ว v ของวัตถุจะขึ้นกับความเร็วเริ่มต้น v0 และเวลา t ดังสมการ
v = 𝑣0 𝑡
ความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วสุดท้าย v และระยะขจัด x ดังสมการ
v 2  v02  2ax
สาหรับวัตถุที่ไถลลงมาตามพื้นเอียงลื่น ที่ทามุม θ กับแนวระดับ ความเร่งของวัตถุจะมีค่าเป็น

Σ𝐹 = 𝑚
𝑚𝑔𝑠𝑖𝑛𝜃 ∴ 𝑚 = 𝑚𝑔𝑠𝑖𝑛𝜃
𝑚𝑔𝑐𝑜𝑠𝜃 𝑔=
𝑚𝑔 𝑠𝑖𝑛𝜃
𝜃
𝑓 = 0 ไม่มีแรงเสียดทาน
วิธีการทดลอง
ตอนที่ 1 การเคลื่อนที่ของวัตถุด้วยความเร่งคงตัวบนพื้นเอียง
1.1 จัดอุปกรณ์ดังรูป
1.3 ปล่อยเครื่องร่อนจากหยุดนิ่งให้เคลื่อนที่ผ่านโฟโตเกท ที่
โฟโตเกท
แผ่นบังแสง เครื่องจับ ระยะ x = 20.00 cm บันทึกเวลา t
เครื่องร่อน เวลา
1.4 ทาการทดลองซ้าโดยเปลี่ยนระยะ x เป็น 30.00, 40.00,
เครื่องเป่าลม
50.00 และ 60.00 cm ตามลาดับ
ตัวหนุน 1.5 คานวณหาค่าความเร็วของเครื่องร่อนขณะเคลื่อนที่
∆ = 80.00 𝑐𝑚
รางลมพร้อมสเกลบอก ผ่านโฟโตเกทจากสมการ v = D/t
ตาแหน่ง
∆ℎ = ? 𝑐𝑚 1.6 เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ระยะทาง x กับ
D= 10.00 cm ∴ s𝑖𝑛𝜃 = 0.06000 ความเร็วปลายกาลังสอง 𝒂
1.7 แสดงการคานวณ ความเร่งโน้มถ่วง g 𝒈 =
𝒔𝒊𝒏𝜽
1.2 กดปุ่ม MODE บนเครื่องจับเวลาไปที่โหมด เลื่อนไปที่ตาแหน่ง 1.8 แสดงการคานวณ EP เมื่อ gstd=9.81 m/s2
ผลการทดลอง
ตอนที่ 1 การเคลื่อนที่ของวัตถุด้วยความเร่งคงตัวบนพื้นเอียง
s𝑖𝑛𝜃 = 0.0600
𝑫 𝟐 หาความเร่ ง
เวลาเฉลี่ย 𝒗= 𝒗
𝑫 𝒕𝒂𝒗𝒆 จากกราฟ
x tave (m/s) (m/s)2
(m) ความชัน
(m) (s)
ระหว่ าง
0.2000 ระยะทาง x 𝒂
𝒈=
กับ ความเร็ว 𝒔𝒊𝒏𝜽
0.3000 m/s2
ปลายกาลังสอง
0.4000 0.1000
0.5000 𝒂=
𝒔𝒍𝒐𝒑𝒆
𝟐
0.6000 m/s2
ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วัตถุประสงค์

• 1. เพื่อศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุ และกฎต่างๆ ที่ใช้อธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุในหนึ่งมิติ


• 2. เพื่อหาความเร่งของมวลจากการทดลอง และเปรียบเทียบกับค่าจริง
• 3. เพื่อหาความเร่งโน้มถ่วง
ทฤษฏี
การเคลื่อนที่ของวัตถุในหนึ่งมิติ
จลนศาสตร์ เป็นการศึกษาการเคลื่อนที่โดยไม่คานึงถึงสาเหตุของการเคลื่อนที่ หรือกล่าวได้ว่าเป็นการศึกษา
วัตถุเคลื่อนที่อย่างไรในปริภูมิและเวลา

พลศาสตร์ เป็นการศึกษาว่าทาไมวัตถุจึงเคลื่อนที่หรือการศึกษากฎการเคลื่อนที่ของวัตถุ
สมมติฐานการทดลอง
1. วัตถุที่มีแรงคงที่มากระทาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัว
2. ความเร่งของวัตถุจะมีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อแรงที่กระทาต่อวัตถุดังกล่าวเพิ่มขึ้น
3. ความเร่งของวัตถุภายใต้อิทธิพลจากแรงโน้มถ่วงสามารถนามาคานวณหาค่าความเร่งโน้มถ่วงได้

อุปกรณ์
1. รางลม (Air track) 1 ตัว 8. ชุดมวล 1 ชุด
2. เครื่องร่อน (Glider) พร้อมแผ่นบังแสง 1 ชุด 9. เชือกเส้นเล็กยาว 1.20 เมตร 1 เส้น
3. โฟโตเกท 1 ตัว 10. ปลั๊กแบบเข็ม 1 ตัว
4. เครื่องจับเวลา 1 เครื่อง 11. ปลั๊กแบบรู 1 ตัว
5. รอกความเสียดทานน้อย 1 ตัว 12. ตัวกั้น 1 ตัว
6. เครื่องเป่าลม 1 เครื่อง 14. เครื่องชั่งน้าหนัก 1 เครื่อง
7. ตัวหนุน 1 อัน
กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตันและกฎความโน้มถ่วงสากล
“ความเร่ง a ของวัตถุ แปรผันโดยตรงกับแรงลัพธ์ F ที่กระทาต่อวัตถุ และแปรผกผันกับมวล m ของวัตถุ”
กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สอง กฎความโน้มถ่วงสากล
mM โดย G คือ ค่าคงตัวความโน้มถ่วงสากล (universal gravitational
F  ma F G 2 constant) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 6.6710-11 Nm2/kg2 โดยแรงที่กระทาต่อวัตถุ
r
ที่ผิวโลก (mE=5.97×1024 kg, RE=6.37×106 m)
ดังนั้นน ความโน้มถ่วง (g) ซึ่งมีค่าระหว่าง 9.78 ถึง 9.80 m/s2
การประยุกต์กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน
พิจารณาระบบมวล m1 และ m2 ที่ผูกติดกันด้วยเชือกเบา จากสมการการเคลื่อนที่
คล้องผ่านรอกเบาและลื่น ดังรูป มวล m1 เริ่มเคลื่อนที่จากหยุดนิ่งบนพื้น v 2  v02  2ax
ระดับลื่น สาหรับมวล m2 2 2 0 2∆𝑥𝑔
v = v0 𝑚2
m2g – T = m2a 𝑚 +𝑚
สาหรับมวล m1 𝑚 𝑔 ดังนั้นค่าความเร่งโน้มถ่วง g จะได้วา่
a = 𝑚 +𝑚
T = m1a 𝑔 =
𝑣 2 ∙ (𝑚1 𝑚2
2∆𝑥 ∙ 𝑚2
ตอนที่ 2 กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน
2.1 จัดอุปกรณ์ดังรูป
ปลั๊กแบบ ∆𝑋 = 50.00 𝑐𝑚ปลั๊กแบบรู
เข็ม 2.4 คานวณหาค่า g จากความสัมพันธ์
m1
ตัวกั้น 𝐶∙𝑀
รอกความเสียดทานน้อย 𝑔 =
2∆𝑥

ปุ่มปรับระดับราง
ลม
m2

2.2 นามวล 10 กรัม ด้านละ 5 ก้อน ใส่ลงบนเครื่องร่อน จากนัน้ นทาการทดลองโดยการย้ายมวล 20 กรัม ครั้งที่ 1 ไปเติมใน m2 บันทึกเวลา
2.3 ทาซ้าโดยการย้ายมวล ครั้งที่ 2 ไปเติมใน m2 อีก 20 กรัม และทาซ้าแบบเดิมอีก เป็นครั้งที่ 3 บันทึกเวลา
ผลการทดลอง 𝑔𝑠𝑡𝑑 = 9.80 m/s2
ตอนที่ 2 กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน
∆𝑥 = 0.5000

เวลา 𝑫
𝒗=
ครั้ง เฉลี่ย 𝑫 𝒕𝒂𝒗𝒆 𝐶 = 𝑙𝑜𝑝𝑒
(m/s) 𝒗𝟐
ที่ 𝑚1 𝑚2 tave (m) 𝑀 = มวลรวมทั้งหมดของระบบ
(kg) (kg) (s)
1 𝐶∙𝑀
2 𝑔 =
2∆𝑥
3 m/s2
0.1000
4

5
ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วัตถุประสงค์

• 1. เพื่อหาแรงสู่ศูนย์กลางของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมด้วยอัตราเร็วคงตัว
• 2. เพื่อหาค่าอัตราเร็วเชิงมุมในการเคลื่อนที่ครบรอบของการหมุนได้
ทฤษฏี
แรงสู่ศูนย์กลาง
เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลม หรือส่วนของวงกลม จะมีแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง
ของวงกลม เรียกว่า แรงสู่ศูนย์กลาง
กฎการเคลื่อนที่ข้อที่ 2 ของนิวตัน
𝑭 = 𝑚𝒂 [N]
FC ถ้าวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลม รัศมี 𝑅 ด้วยอัตราเร็วเชิงเส้น 𝑣 หรืออัตราเร็วเชิงมุม
m
R 𝜔 จะได้ความเร่ง a เป็น
𝑣2
a= = 𝜔2 𝑅 [𝐦/𝒔𝟐 ]
𝑅
ในกรณีอัตราเร็วเชิงเส้น 𝑣 มีค่าคงตัว อัตราเร็วเชิงมุม 𝜔 คงตัวด้ วย ทาให้ เวลาในการเคลื่อนที่ครบรอบ
คงตัว ดังนัน้ จาก 𝜔 = 2𝜋𝑓 โดย 𝑓เป็ นความถี่
จะได้ แรงสู่ศูนย์กลาง (FC)

𝑭𝒄 = 4𝜋 2 𝑓 2 𝑅𝑚 [N]

โดย จานวนรอบ
𝑓=
เวลา(𝑠
R = รัศมีของการหมุน (m)
m = มวลที่เคลื่อนที่ (kg)
สมมติฐานการทดลอง
1. สามารถหาแรงสู่ศูนย์กลางโดยอัตราเร็วเชิงมุมได้
2. แรงสู่ศูนย์กลางหาได้จากแรงดึงกลับของสปริง

อุปกรณ์
1. ชุดทดลองหาแรงสู่ศูนย์กลาง 1 ชุด
2. น้าหนัก 1 ชุด
3. นาฬิกาจับเวลา 1 ตัว
4. ตะขอแขวนน้าหนัก 1 เครื่อง
5. สปริง 1 ตัว
6. เชือกเส้นสั้น 1 เส้น
วิธีทดลอง แรงสู่ศูนย์กลาง
ตอนที่ 1
1.1 จัดอุปกรณ์ดังรูป

1.2 บันทึกมวลตะขอและมวลถ่วง ในหน่วยกิโลกรัม


1.3 คานวณหาน้าหนัก W=Mg (N) เมื่อ g=9.81 m/s2
1.4 แรงสูศ่ นู ย์กลาง = แรงดึงกลับของสปริ ง = น ้าหนัก
ตอนที่ 2
2.1 จัดอุปกรณ์ดังรูป

2.2 บันทึกรัศมีของการหมุน R (m)


2.3 บันทึกมวล m (kg)
2.4 ใช้มือหมุนเสา จนมวล m เคลื่อนที่อยู่ตรงตาแหน่งรัศมีของการหมุน (ปลายตาแหน่ง P) แล้วจับเวลาการ
หมุน 20 รอบ บันทึก t (s)
2.5 ทาการทดลองในข้อ 2.4 ซ้าอีก 2 ครั้ง แล้วหาค่าเวลาเฉลี่ย
2.6 คานวณแรงสูศ่ นู ย์กลาง
2.7 เปรียบเทียบหาเปอร์เซ็นต์ความแตกต่างระหว่างการทดลองตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2
ผลการทดลอง
ตอนที่ 1
มวลตะขอ(kg) มวลถ่วง(kg) มวลรวม M (kg) น้าหนัก W=Mg (N)

แรงสู่ศูนย์กลาง = แรงดึงกลับของสปริง = น้าหนัก ……………………………………….(N)


ตอนที่ 2
เวลาในการหมุน 20 ความถี่ แรงสู่ศูนย์กลาง
รอบ t[s] t [rev/s] (FC) [N]
มวล m รัศมี R
เฉลี่ย จานวนรอบ
[kg] [m] ครังที่ ครังที่ ครังที่ 𝑓=
[s] เวลา(𝑠 𝑭𝒄 = 4𝜋 2 𝑓 2 𝑅𝑚
1 2 3
𝑑 𝜃
Γ = −𝐼𝛼 = −𝐼 𝑑𝑡
M5 ลูกตุ้มนาฬิกาฟิสิกัล
2𝜃 Γ 𝑘𝜃
=− =−
𝑡2 𝐼 𝐼
ทอร์กหมุนกลับ Γ = −𝑚𝑔ℎ𝑠𝑖𝑛𝜃 2𝜃 𝑘𝜃
=−
𝑡2 𝐼
ในกรณี มุม  เป็ นมุมเล็ก ๆ พบว่า 𝑠𝑖𝑛𝜃 ≈ 𝜃 2
𝜃 𝑘𝜃
ดังนัน้ =0
𝑡2 𝐼
Γ = −𝑚𝑔ℎ𝜃 = −𝑘𝜃
2𝜃
จาก = −𝜔2 𝜃
จากสมการของการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ความเร็วเชิงมุม  𝑡2

𝑘 𝑚𝑔ℎ 𝑘
ω= = ω=
𝐼 𝐼 𝐼
คาบของการแกว่ง T หาได้จากสมการ
𝜃 𝑡 = 𝑐𝑜𝑠 𝜔𝑡 𝐵𝑠𝑖𝑛(𝜔𝑡
จะหาโมเมนต์ความเฉื่อย I 𝜃
2𝜋 𝐼 = − 𝜔 sin 𝜔𝑡 𝐵𝜔 cos 𝜔𝑡
𝑇= = 2𝜋 𝑡
𝜔 𝑚𝑔ℎ 𝑚𝑔ℎ𝑇 2
𝜃
𝐼= 2𝜃
𝑡 2
= − 𝜔2 cos 𝜔𝑡 − 𝐵𝜔2 𝑠𝑖𝑚(𝜔𝑡

= −𝜔2 (− 𝑠𝑖𝑛 𝜔𝑡 − 𝐵𝑐𝑜𝑠 𝜔𝑡 = −𝜔2 𝜃


𝑡2
โมเมนต์ความเฉื่อยรอบแกนใด ๆ หาได้จากทฤษฎีแกนขนาน
I= Ic.m.+ma2
โดย Ic.m. โมเมนต์ความเฉื่อยที่ผ่านจุดศูนย์กลางมวล
a เป็นระยะตั้งฉากระหว่างแกนทั้งสอง
M5 เรื่องลูกตุ้มนาฬิกาฟิสิคัล โมเมนต์ความเฉื่อยรอบจุดหมุน
𝑚𝑔ℎ𝑇 2
I=
4𝜋 2
จุดหมุน เวลาที่เคลื่อนที่ครบรอบ 𝑡(𝑠
𝑇= =
h จานวนรอบ จานวนรอบ
𝒈 = 9.81 𝑚/𝑠 2
c.m.
h = ระยะจากจุดหมุนถึงจุดศูนย์กลางมวล(𝑚
𝜃 m = มวลของวัตถุ (𝑘𝑔

จากการค่าทฤษฎีแกนขนาน
𝜃 ≪ ~5° 𝑚𝒈 𝐼 = 𝐼𝑐𝑚 𝑚ℎ2
ไม้เมตร: 1 2
𝐼𝑐𝑚 = 𝑚
12
1
แผ่นไม้กลม : 𝐼𝑐𝑚 = 𝑚𝑅2
2

𝑋𝑒𝑥𝑝 − 𝑋𝑠𝑡𝑑
𝐸𝑝 = × 100%
𝑋𝑠𝑡𝑑
ทาการศึกษาการแกว่งวัตถุแข็งเกร็ง 3 ชนิด แกว่างด้วยมุม น้อย ๆ
ประกอบด้วย 1. แผ่นไม้รูปร่างใด ๆ 2. แผ่นไม้กลม 3. ไม้เมตร
วิธีการหาจุดศูนย์ กลางมวล
อาศัยลูกดิ่ง เพื่อหาจุดศูนย์กลางมวลจาก
เส้ นตรงในแนวดิ่ง 3 เส้ นตัดกัน
จุดตัดทังสามเส้
้ นคือ จุดศูนย์ กลางมวล
แผ่นไม้รูปร่างใด ๆ
บันทึก ระยะ h (เมตร) ระยะจากจุดหมุนถึงจุดศูนย์กลางมวล
ค่ามอดุลัสของยังของโลหะ Y (N/m2)
ใช้ ไดอัลเกจ
𝜎 ความเค้ นดึง หาค่าความยาวที่เปลี่ยนไปL
𝑌= =
𝜀 ความเครี ยดดึง
ความเค้น 𝐹(𝑁 ความเครียด
𝜎= ∆𝑙
(𝑚2 𝜀=
𝑙0
ค่ายังมอดุลสั ของทองเหลือง
= 𝜋𝑟 2
𝑌𝑠𝑡𝑑 = 0.92 × 1011 𝑁/𝑚2
กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเครี ยดกับความเค้ น
ความเค้ นดึง (N/m2)
เปอร์ เซ็นต์ความคลาดเคลื่อน :𝐸𝑝
Y=slope=
∆𝑌 * 𝑋𝑒𝑥𝑝 − 𝑋𝑠𝑡𝑑
∆𝑋 𝐸𝑝 = × 100%
∆𝑌 𝑋𝑠𝑡𝑑

*
∆𝑋 ความเครี ยด
M-7 70 cm การชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยืดหยุ่น
𝐷
โมเมนตัม 120 cm
Mode
ความเร็ว : 𝑣 =
𝑡
[𝑚/𝑠 2 ]
และการชน
โมเมนตัม : 𝑝 = 𝑚𝑣 [𝑘𝑔. 𝑚/𝑠]
𝐷1 𝑀1

𝑃
พลังงานจลน์ : 𝐸 = [𝐽]
2𝑚
𝐷2 𝑀2

กรณี 1 𝑴𝟏 > 𝑴𝟐

กรณี 2 𝑴𝟏 = 𝑴𝟐

กรณี 3 𝑴𝟏 < 𝑴𝟐
กฎอนุรักษ์ โมเมนตัม : พลังงานรวมของระบบก่อนและหลังการชน :
𝑃ก่อนชน = 𝑃หลังชน 𝐸ก่อนชน = 𝐸หลังชน
ตอนที่ 1 การชนแบบยืดหยุ่นอย่ างสมบูรณ์

กรณี 1 𝑴𝟏 > 𝑴𝟐 𝑈1 𝑈2 = 0 1 2

m1 m2
m1 m2

ขณะชน หลังชน
𝑈1 𝑈2 = 0 =0 𝑈2 = 0
กรณี 2 𝑴𝟏 = 𝑴𝟐 1

m1 m2 m1 m2

ขณะชน หลังชน
กรณี 3 𝑴𝟏 < 𝑴𝟐 𝑈1 𝑈2 = 0
− 1 2

m1 m2 m1 m2

ขณะชน หลังชน
ตอนที่ 2 การชนแบบไม่ ยืดหยุ่นอย่ างสมบูรณ์
กรณี 1 𝑴𝟏 > 𝑴𝟐 m1 m2 m1 m2 m1 m2
𝑈1
𝑈2 = 0
𝑈2 = 𝑈1
ก่ อนชน ขณะชน หลังชน

กรณี 2 𝑴𝟏 = 𝑴𝟐 m1 m2 m1 m2
𝑈1 m1 m2
𝑈2 = 0
ก่อนชน ขณะชน หลังชน 𝑈2 = 𝑈1

กรณี 3 𝑴𝟏 < 𝑴𝟐 m1 m2 m1 m2 m1 m2
𝑈1
𝑈2 = 0
ก่อนชน ขณะชน หลังชน 𝑈2 = 𝑈1
Hy-1 ความตึงผิวของของเหลว
𝐹
ความตึงผิว 𝛾
𝐹
𝛾= หน่วย N/m
2

𝛾𝑠𝑡𝑑 = (−0.0167𝑇 7.5987 × 10−2 หน่วย N/m


ตอนที่ 2 ความยาวของโครงลวด 2 = 𝜋 นอก 𝜋 ใน
ตอนที่ 1 ค่าคงที่ของสปริ ง (k) ความยาวของลวดเส้ นตรง 2 = 2 × ความยาว
เขียนกราฟ แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง น ้าหนัก(𝑚𝑔 นิวตัน กับ ระยะยืด เมตร ความตึงผิว 𝛾
น ้าหนัก(𝑚𝑔 นิวตัน 𝐹 𝑘𝑥
5 × 9.81 × 10−3 𝛾= = หน่วย N/m
∆𝑌 𝑌 −𝑌 (X2,Y2) 2 2
K =slope=∆𝑋 = 𝑋 −𝑋
4 * k = ค่าคงที่ของสปริ ง
𝑥 = ระยะยืดของสปริ ง
3
∆𝑌
= ความยาวของโลหะ

2 (X1,Y1)

1 *
∆𝑋 × 10−2
0 2.00 4.00 6.00 8.00 10.00
ระยะยืด เมตร
ความหนืดและกฎของสโตกส์ Hy-2 ความหนืด
𝐹𝑓 = 6𝜋𝜂𝑅𝑣
𝑊 − 𝐵 𝐹𝑓 = 0 ; = 0
1 3 1 3 ′
𝜋 𝜌𝑔 − 𝜋 𝜌 𝑔 − 3𝜋𝜂 𝑣𝑇 = 0
6 6
𝐵 𝐹𝑓
𝜌′ สัมประสิทธ์ความหนืดของของเหลว 𝜼
𝜌
𝑤 𝜌 − 𝜌′ 2
𝑁. 𝑠
∴𝜂= 𝑔 หน่วย 2
18𝑣𝑇 𝑚
ตอนที่ 1 หาความหนาแน่นของลูกเหล็ก

𝑚 𝑚 𝑚 3
𝜌= = = หน่วย 𝑘𝑔/𝑚
4 3 1 3
𝜋𝑅 𝜋
3 6
3 3
𝜌~7.85 × 10 𝑘𝑔/𝑚
𝑚 𝑚 𝑚 𝜂 คือ สัมประสิทธ์ความหนืดของของเหลว
ตอนที่ 1 หาความหนาแน่นของลูกเหล็ก 𝜌=
4 3
=
1 3
= หน่วย 𝑘𝑔/𝑚3
𝜋𝑅 𝜋 𝜌 คือ ความหนาแน่นของลูกเหล็ก
3 6 𝜌′ คือความหนาแน่นของของเหลว

ตอนที่ 2 หาความหนืด ความหนาแน่นของกลีเซอรีน 𝜌 = ค่าที่อ่านได้ จากไฮโดรมิเตอร์ ∴ 𝜂 = 𝜌 − 𝜌 𝑔 𝑁. 𝑠 𝑔 = 9.81 𝑚/𝑠 2
หน่วย 2
18𝑀 𝑚
เขียนกราฟ แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ความเร็ว (𝑣𝑇 ) เมตรต่อวินาที กับ เส้ นผ่าศูนย์กลางกาลังสอง
1g/cc =1000 kg/m^3
( 2 ) เมตร2
ความเร็ว (𝑣𝑇 ) เมตรต่อวินาที
−2
10.00 × 10
∆𝑌 𝑌 −𝑌 (X2,Y2)
𝐵 𝐹𝑓 M=slope=∆𝑋 = 𝑋 −𝑋
8.00 *
𝜌 6.00
∆𝑌
t(s) 𝑤 S(m)
4.00 (X1,Y1)

2.00 *
𝜌′ × 10−6
𝑣𝑇 = ∆𝑋
𝑡 0 4.000 8.000 12.00 16.00 20.00
เส้ นผ่าศูนย์กลางกาลังสอง ( 2 ) เมตร2
Note
1.200

1.300

ความหนาแน่นของของเหลวที่อ่านได้จากไฮโดรมิเตอร์
เท่ากับ 1.260 × 103 𝑘𝑔/𝑚3

cc
 =1g/cc =1g/cm^3
 =10^(-3)/10(-6) kg/m^3
 =10^3kg/m^3
http://www.preproom.org/equipment/eq.aspx?eqID=5065 When 1cc=1cm^3
𝜂 = 0.88 𝑁𝑠/𝑚2

อุณหภูมิของเหลว 25.0 C
สัมประสิทธิ์การขยายตัวตามเส้นของโลหะ α (C-1)
กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเริ่มต้ นกับความยาวที่เปลี่ยนไป
L

L0 T
ความยาวที่เปลี่ยนไป (mm)
เมื่อ
L= ค่าความยาวที่เปลี่ยนไป
0 = ความยาวเริ่ มต้ น 𝑚𝑚
∆𝑇 = 100.0 ℃ − 𝑇ห้ อง ℃

ความยาวเริ่มต้ น (mm)

ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเริ่มต้ นกับความยาวที่เปลี่ยนไป,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

ใช้ ไดอัลเกจ
หาค่าความยาวที่เปลี่ยนไปL
วิธีการบันทึกค่าความยาวที่เปลี่ยนไปจากการเบนของเข็มไมโครมิเตอร์ (ไดอัลเกจมิเตอร์)

สเกลรอง
(100 ช่อง) ตัวอย่างการอ่านค่า

สเกลหลัก
1 มิลลิเมตร

ตาแหน่ งช่ องที่ 𝟑𝟑. 𝟓


𝟏 มิลลิเมตร
ค่าละเอียด =
𝟏𝟎𝟎
= 0.01 มิลลิเมตร
∆𝑙 = 0.335 มิลลิเมตร
ความยาว L ของ n=8 loops
f  50 Hz
𝑔 = 9.81 𝑚/𝑠 2
n=1 n=2 n=3 n=4 n=5 n=6 n=7 n=8 n=9

บัพ
ปฎิบัพ (Node) ความถี่ของการทดลอง (Hz)
ความยาวคลื่น (m) กาหนด T และ f เท่ากัน 𝑇 = 𝑚𝑔
(Antinode) 2
2L 1  2 
ความหนาแน่งเชิงเส้น (kg/m)  f 
1 T
 
Totalmass
n
เมื่อ n= ความยาวของ L จานวน n loops   2  1 

TotalLength 𝑚𝑔
m = มวลตะขอ + มวลถ่วง

บัพ (Node) m  2 L
ปฎิบัพ (Antinode) โลหะ (ภาคผนวก P.117)
1. อลูมิเนียม
2d
a  𝜌 = 2.70 × 103 𝑘𝑔/𝑚3
n Y= 0.70 × 1011 𝑁/𝑚2
ความเร็วเสียงในอากาศ (m/s) ความเร็วเสียงในโลหะ (m/s) ค่ายังมอดุลัสของโลหะ (N/m2) 2. ทองเหลือง
va  v0  0.6T ( c)  331.5m / s  0.6Troom ( c)
 𝜌 = 8.56 × 103 𝑘𝑔/𝑚3
vm  m va Y  vm  2
a Y= 0.92 × 1011 𝑁/𝑚2

You might also like