Professional Documents
Culture Documents
วิชา ปฏิบัติการรักษารักษาโรคเบื้องต้น
ชื่อ-สกุล นางสาวพัทธนันท์ สอนสวัสดิ ์ ชัน
้ ปี ที่ 4 รุ่นที่ 35
ฝึ กปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลบ้านนาสาร ระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2565
– 12 มกราคม 2566
********************************************************************
**********************************
2.ประวัติการเจ็บป่ วย
2.1 อาการสำคัญ (Chief Complaint)
ปวดท้องทางด้านขวาบน ร้าวไปหลัง 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
2.2 ประวัติการเจ็บป่ วยในปั จจุบัน (Past Illness)
2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการปวดท้องทางด้านขวาบน ร้าวไป
หลัง มีอาการแน่นท้อง มีคลื่นไส้อาเจียนเป็ นเศษอาหาร 1 ครัง้ มีเหงื่อออก
ไม่มีไข้ ไม่มีถ่ายเหลว ไม่มีแขนขาอ่อนแรง ปั สสาวะสีเหลืองใส ไม่มีปัสสาวะ
ขุ่น ยังไม่ได้รับการรักษาที่ไหน จึงมาโรงพยาบาล
2.3 ประวัติการเจ็บป่ วยในอดีต (Past History)
มีประวัติผ่าตัดนิว้ ก้อยมือขวา 10 ปี ที่ที่ผ่านมา รับการรักษาที่โรง
พยาบาลสุราษฎร์ธานี
2.4 ประวัติการเจ็บป่ วยในครอบครัว (Family History)
ปฏิเสธการเจ็บป่ วยในครอบครัว
3.วิถีชีวิต (Lifestyle)
ชายไทย อายุ 42 ปี อาชีพค้าขาย ตื่นนอนเวลา 6.00 น. รับประทาน
อาหารวันละ 3 มื้อ ชอบรับประทานอาหารภาคอีสาน ชอบรสจัด ดื่มน้ำวัน
ละ 1-1.5 ลิตร ปั สสาวะวันละ 3-4 ครัง้ ถ่ายอุจจาระวันละ 1 ครัง้ สามารถ
ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง กลับมาจากทำงาน 18.00 น. เข้านอน
เวลา 22.00 น.
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวดช่องท้องด้านบน
ขวา ปวดร้าวไปที่ไหล่/หลังขวา
แน่นท้อง รู้สึกปวดหลังจากกิน
อาหารที่มีไขมัน อาหารไม่ย่อย
คลื่นไส้อาเจียน เป็ นไข้หนาวสั่น มี
อาการดีซ่าน (ผิวออกเหลือง) ท้อง
อืด มีแก๊ส
การวินิจฉัย
1. ในเบื้องต้นแพทย์จะถาม
ถึงรายละเอียดของอาการที่เกิดขึน
้
รวมถึงการคลำถุงน้ำดี (Murphy's
Sign Test) เพื่อตรวจสอบว่าถุง
น้ำดีมีการอักเสบหรือไม่ โดยแพทย์
จะใช้มือหรือนิว้ คลำบริเวณท้อง
ส่วนขวาบนและให้ผู้ป่วยหายใจเข้า
หากมีอาการเจ็บแสดงว่าถุงน้ำดี
อาจอักเสบ นอกจากนัน
้ แพทย์ อาจ
แนะนำให้มีการตรวจเลือดเพื่อหา
สัญญาณของการติดเชื้อ หรือตรวจ
สอบว่าตับทำงานเป็ นปกติหรือไม่
หากก้อนนิ่วได้เคลื่อนย้ายไปที่ท่อ
น้ำดีตับอาจทำงานได้ไม่ปกติ
2. การทำอัลตร้าซาวด์
เป็ นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อ
สร้างภาพของ อวัยวะในร่างกาย
ซึ่งมักจะใช้ช่วยวินิจฉัยโรคนิ่วในถุง
น้ำดี
Positive Finding
2. Renal Stone (นิ่วในไต) ผู้ป่วยชายไทย
ปวดท้องทางด้านขวา
สาเหตุ อายุ 42 ปี
บน แน่นท้อง คลื่นไส้
1. ปั จจัยทางพันธุกรรม โดย 2 ชั่วโมงก่อนมาโรง
อาเจียน
ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็ นนิ่วใน พยาบาล มีอาการปวดท้อง
ไม่มีถ่ายเหลว
ไตสูงกว่าคนในครอบครัวปกติ ทางด้านขวาบน ร้าวไปหลัง
ไม่มีแขนขาอ่อนแรง
2. ปั จจัยด้านเพศ และอายุ มีอาการแน่นท้อง มีคลื่นไส้
พบการเกิดนิ่วในผู้ชายสูงกว่าผู้ อาเจียนเป็ นเศษอาหาร 1
Negative Finding
หญิง ส่วนใหญ่ในช่วงอายุ 30-60 ครัง้ มีเหงื่อออก ไม่มีไข้
ปวดท้อง ร้าวไป
ปี ไม่มีถ่ายเหลว ไม่มีแขน
หลัง เหงื่อออก ไม่มีไข้
3. พฤติกรรมดื่ มน้ำน้อย จึง ขาอ่อนแรง ไม่มีปัสสาวะ
ไม่มีปัสสาวะขุ่น
ทำให้ปั สสาวะมีความเข้มข้นสูง ขุ่น ยังไม่ได้รับการรักษา
generalized
ขึ น
้ และเกิดเป็ นตะกอนนิ่วได้ ที่ไหน จึงมาโรงพยาบาล
guarding
4. การรับประทานอาหาร
จากการตรวจร่างกาย
บางอย่างเป็ นประจำ และมาก
จากการวิเคราะห์
- Vital sign: T: 36.7
เกินความจำเป็ น เช่น อาหารที่มี
ข้อมูล
°C, P: 60/min, RR:
แคลเซียมสูง มีโปรตีนสูง หรือมี
ทำให้คิดว่า ผู้ป่วย
20/min, BP: 140/83
โซเดียมสูง ทั ง้ นี ก
้ ารรับประทาน
รายนี ้ เป็ น Renal
mmHg, SpO2: 98%
อาหารจะถือว่าเป็ นปั จจัยเสี่ยงก็
Stone น้อยกว่า Gall
(Room Air).
ต่อเมื่ อมีปั จจัยเสี่ยงอื่ นๆ ร่วม
Stone เนื่องจาก
- แรกรับที่ OPD รู้สึก
ด้วย
ลักษณะการปวดท้อง
ตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง GCS
5. ภาวะของต่อมพารา
ไทรอยด์ทำงานมากเกินไป และ =E4V5M6 (15 คะแนน), ของ Renal Stone
การเป็ นโรคบางอย่าง เช่น โรค motor power grade 5, จะไม่ร้าวไปทางด้าน
ลำไส้อักเสบเรื้ อรัง โรคอ้วน โรค normal eye หลังเหมือนอาการ
เบาหวาน movement, pupil 3 ของผู้ป่วย ทัง้ นีต
้ ้องรอ
6. กลั น
้ ปั สสาวะเป็ นเวลา mm. reaction to light การวินิจฉัยเพิ่มเติม
นาน เคลื่ อนไหวร่างกายน้อย เช่น both eyes, pain score
ผู้ป่ วยอัมพฤกษ์อัมพาต 9 คะแนน,
7. ยาบางชนิด การรับ - Skin: sweating all
ประทานยาบางชนิดจะมีผลต่อ over the bod,
การขับสารก่อนิ่วออกมาใน - Abdomen:
ปั สสาวะมากขึ น
้ เช่น วิตามินซี distension, generalized
ยาเม็ดแคลเซียม ยาต้านไวรัส guarding, moderate
เอดส์-อินดินาเวียร์ (Indinavir) tenderness at RUQ
ยาแก้ลมชัก -โทพิราเมท เป็ นต้น radiated to black.
อาการและอาการแสดง
จะปวดตื้อๆบริเวณเอว ปวด
หลังหรือช่องท้องช่วงล่างข้างใดข้าง
หนึ่ง ปวดเสียด ปวดบิดเป็ นพัก ๆ
เป็ นไข้หรือมีปัสสาวะเป็ นเลือด
อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้อง
อืด แน่นท้อง บางคนอาจไม่มี
อาการแต่ตรวจพบนิ่วโดยบังเอิญ
การวินิจฉัย
1. ตรวจปั สสาวะ หากพบเม็ด
เลือดแดง
จำนวนมาก แพทย์อาจสันนิษฐาน
ได้ว่าเป็ นนิ่วในไต
2. ตรวจเลือด ผู้ป่วยนิ่วในไตมัก
มีปริมาณ
แคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดมาก
เกินไป
3. อัลตราซาวนด์ไต ช่วย
ตรวจหาก้อนนิ่วในไตได้ชัดเจน
4. เอกซเรย์คอมพิวเตอร์
(CT scan) ช่วยให้แพทย์เห็นก้อน
นิ่วขนาดเล็ก
การวินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยโรคถุงน้ำดีอักเสบ
จากการซักประวัติ การตรวจ
ร่างกาย การตรวจนับเม็ดเลือด
เพื่อประเมินการอักเสบติดเชื้อ การ
ตรวจเลือดต่างๆ เช่น การทำงาน
ของตับ เพื่อวินิจฉัยแยกโรค เพราะ
บางครัง้ อาการของโรคคล้ายคลึง
กับกระเพาะอาหารอักเสบหรือโรค
แผลในกระเพาะอาหาร และโรคตับ
อ่อนอักเสบ การตรวจภาพตับและ
ถุงน้ำดีด้วยอัลตร้าซาวค์หรือ
เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ และอาจมี
การตรวจวิธีจำเพาะอื่น ๆ เพิ่มเติม
ตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การ
ตรวจพิเศษโดยการส่องกล้องเข้าไป
ในท่อน้ำดีเพื่อดูทางเดินน้ำดี
P = Planning ประกอบด้วย
P1 = Plan for investigate
1. ส่งตรวจเลือด/ ตรวจปั สสาวะ
Lab ค่าปกติ ค่าที่ตรวจพบ การแปลผล
ตรวจปั สสาวะ
Color yellow yellow Normal
pH 4.5-8 5.0 Normal
Ketone Negative Trace พบ Ketone ใน
ปั สสาวะสูง
มากกว่าปกติ
Blood Negative 3+ cell/HP มีเลือดปนออก
มากับปั สสาวะ
มากกว่าปกติ
RBC Negative 10-20 cell/HP มีเลือดออกใน
ทางเดินปั สสาวะ
Appearan Clear Clear Normal
ce
Protein Negative Trace มีโปรตีนรั่วออก
มาในปั สสาวะ
Bilirubin Negative Negative Normal
Nitrite Negative Negative Normal
WBC Negative 0-1 cell/HP Normal
Crystal – Negative 5-10 cell/HP แร่ธาตุต่างๆที่
calcium ออกมาใน
oxalate ปั สสาวะ เกิด
crystal การตกผลึก
มากกว่าปกติ
Mucous Negative Trace พบ Mucous ใน
thread ปั สสาวะ ซึ่ง
สามารถพบได้
เล็กน้อยตาม
ปกติ
Specific 1.003-1.035 1.025 Normal
gravity
Sugar Negative Negative Normal
Urobilinog Negative Negative Normal
en
Leucocyt Negative Negative Normal
e
Epi cell Negative 0-1 cell/HP Normal
Bacteria Negative Rare มีแบคทีเรียอยู่ใน
ปั สสสาวะ
ตรวจเลือด
Total 6.4-8.3 7.5 g/dl Normal
protein
Sodium 136-145 136 mmol/L Normal
BUN 10-20 14 mg/dl Normal
WBC 4,500-10,000 9,500 /uL Normal
RBC 4.5-6*1,000,000 5.1*1,000,000 Normal
/uL
Hct 42-52 42.4% Normal
Platelet 140,000-400,000 348,900 /uL Normal
Hemoglo 13.6-17.7 14 g/dl Normal
bin
Potassium 3.5-5 4.1 mmol/L Normal
Albumin 3.5-5 4.5 g/dl Normal
Creatinine 0.7-1.3 1.3 g/dl Normal
Chloride 90-106 103 mmol/L Normal
Globulin 3.00 g/dl Normal
GFR น้อยกว่า 90 64.878 Normal
mL/Min/1.73
2
m
TCO2 23-30 28 mmol/L Normal
Total 0.1-1 0.39 mg/dl Normal
bilirubin
Direct 0.1-03 0.17 mg/dl Normal
bilirubin
MCH 27.5-33.5 27.5 pg Normal
MCV 678-98 82.8 fL Normal
MCHC 28-33 33 g/dl Normal
RDW 11.5-14.5 11.2% มีเซลล์เม็ดเลือด
แดงที่ต่างกัน
น้อย เซลล์เม็ด
เลือดแดงจะมี
ขนาดเท่ากัน
เยอะ
Neutrophi 50-60% 74% มีภาวะเม็ดเลือด
ls ขาวในเลือด
มากกว่าปกติ
อาจเกิดจาก
ปฏิกิริยาของร่าง
กี่ตอบสนองต่อ
สิ่งแปลกปลอม
Eosinophil 1-5% 1% Normal
s
Monocyte 2-11% 8% Normal
s
Basophils 0-0.2 0% Normal
Lymphoc 18-42 18% Normal
ytes
SGPT 0-48 23 /UL Normal
ALK 20-140 66 /UL Normal
Phosphat
ase
2. ส่งตรวจ CXR
ผล Film: Feces impact with gall stone seen in GB
3. ส่งตรวจ Ultrasound
ผล U/S: Multiple gall stone in GB, no sign of acute
cholecystitis Rt renal stone with mild hydronephrosis
สาเหตุ
สาเหตุของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีจะขึน
้ อยู่กับชนิดของนิ่ว
1. นิ่วในถุงน้ำดีชนิดคอเลสเตอรอลและชนิดผสม
ซึ่งมีคอเลสเตอรอลเป็ นองค์ประกอบหลักร่วมกับเกลือ
แคลเซียม กรดน้ำดี (Bile acids)
ฟอสโฟไลปิ ด (Phospholipids) และสารอื่นๆ เกิดจากการมีสัดส่วนของ
คอเลสเตอรอลต่อกรดน้ำดีและฟอสโฟ-
ไลปิ ดสูงกว่าปกติ จึงเกิดการตกตะกอนเป็ นผลึกและกลายเป็ นก้อนนิ่วใน
ที่สุด ทัง้ นีอ
้ าจเกิดจากมีการหลั่งคอเลสเตอรอลมาที่ถุงน้ำดีมากกว่าปกติ (เช่
น ในคนอ้วน ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันหรือมีแคลอรีสูง ผู้ที่ลดน้ำหนัก
ตัวอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสัน
้ ๆ หรือกินยาโคลไฟเบรตในการลดไขมัน
ในเลือด) หรือมีการหลั่งกรดน้ำดีน้อยกว่าปกติ (เช่น ผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด
ผู้ที่เป็ นโรคตับแข็งหรือโรคลำไส้เล็กส่วนปลาย) หรือเกิดขึน
้ พร้อมกันทัง้ 2
อย่าง (เช่น ในผู้สูงอายุ ผู้ที่กินฮอร์โมนเอสโตรเจน) นอกจากนี ้ ยังอาจเกิด
จากปั จจัยเสริม เช่น ถุงน้ำดีมีการทำงานน้อย (Hypomotility) จึงเกิดการ
สะสมของผลึกนิ่ว (เช่น ในผู้ที่อดอาหาร หญิงตัง้ ครรภ์)
2. นิ่วในถุงน้ำดีชนิดเม็ดสี
ซึ่งมีแคลเซียมบิลิรูบิเนต (Calcium bilirubinate) เป็ น
องค์ประกอบที่สำคัญนัน
้ เกิด
จากการมีสารบิลิรูบินชนิดไม่ละลายน้ำ (Unconjugated bilirubin) ในน้ำดี
สูงเกินไป จึงเกิดการตกผลึกเป็ นก้อนนิ่วชนิดเม็ดสี หรืออาจจับตัวกับผลึก
คอเลสเตอรอลกลายเป็ นนิ่วชนิดผสม นิ่วชนิดนีพ
้ บได้มากในผู้ป่วยตับแข็ง
จากการดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเรื้อรัง (เช่น ธาลัสซี
เมีย) ผู้ที่มีการติดเชื้อของทางเดินน้ำดีเรื้อรัง หรือเป็ นโรคพยาธิในทางเดิน
น้ำดี หรือพบในผูส
้ ูงอายุ
สาเหตุในผูป
้ ่ วยรายนี ้ ยังไม่ทราบแน่ชัด
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวดช่องท้องด้านบนขวา ปวดร้าวไปที่ไหล่/หลังขวา
แน่นท้อง รู้สึกปวดหลังจากกินอาหารที่มีไขมัน อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้
อาเจียน เป็ นไข้หนาวสั่น มีอาการดีซ่าน (ผิวออกเหลือง) ท้องอืด มีแก๊ส
อาการของผู้ป่วยรายนี ้ ที่ตรงกับทฤษฎี คือ อาการปวดท้องทาง
ด้านขวาบน ร้าวไปหลัง
แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียนเป็ นเศษอาหาร 1 ครัง้
การวินิจฉัย
1. ในเบื้องต้นแพทย์จะถามถึงรายละเอียดของอาการที่เกิดขึน
้
รวมถึงการคลำถุงน้ำดี (Murphy's Sign Test) เพื่อตรวจสอบว่าถุงน้ำดีมี
การอักเสบหรือไม่ โดยแพทย์จะใช้มือหรือนิว้ คลำบริเวณท้องส่วนขวาบน
และให้ผู้ป่วยหายใจเข้า หากมีอาการเจ็บแสดงว่าถุงน้ำดีอาจอักเสบ
นอกจากนัน
้ แพทย์ อาจแนะนำให้มีการตรวจเลือดเพื่อหาสัญญาณของการ
ติดเชื้อ หรือตรวจสอบว่าตับทำงานเป็ นปกติหรือไม่ หากก้อนนิ่วได้เคลื่อน
ย้ายไปที่ท่อน้ำดีตับอาจทำงานได้ไม่ปกติ
ผลการทำ Murphy's Sign Test = Negative (14 ธ.ค
65)
ผลการตรวจเลือด: UA ค่าที่ผิดกติ ได้แก่
Blood Negativ 3+
e cell/HP
RBC Negativ 10-20
e cell/HP
Protein Negativ Trace
e
Crystal – Negativ 5-10
calcium e cell/HP
oxalate
crystal
Mucous Negativ Trace
thread e
Bacteria Negativ Rare
e
การติดตามเยี่ยมทางโทรศัพท์/นัดดูอาการ
จากการติดตามอาการ ผู้ป่วยยังมีอาการปวดท้องบ้างเป็ นๆหายๆ แต่
ปวดไม่รุนแรง รับประทานอาหารได้ปกติ ปรับการรับประทานอาหารให้จืด
ลง ดื่มน้ำเยอะขึน
้ วันละ 2-3 ลิตร รับประทานยาตามแพทย์สั่งสม่ำเสมอ
แพทย์ต้องการยืนยันการวินิจฉัย จึงมีการส่ง U/S ที่โรงพยาบาลเวียงสระ
วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ผลการ U/S : Several Gallstone 9.6 * 3.4
mm และ ส่ง U/S ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ วันที่ 9 มกราคม 2566 จากนัน
้
นำผลมาให้แพทย์ที่โรงพยาบาลบ้านนาสาร เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
การนำหลักฐานเชิงประจักษ์/การนำผลการวิจย
ั มาประยุกตร์ใช้ในการวิ
จนิจฉัยโรคหรือการตรวจรักษาดูแลผู้ป่วย
เรื่อง
บรรณานุกรม