Professional Documents
Culture Documents
การปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน
(สาหรับอาสาฉุกเฉินชุมชน)
วิทยากร
เรือเอกสมัคร ใจแสน
ศูนย์ EMPAC (ศูนย์วิชาการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ฉุกเฉิน สพฉ.)
การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน(อฉช.)
50%
ช่วง 4 นำทีแรกสำคัญที่สดุ
0%
1 4 7 10
เวลา (นาที)
ห่วงโซ่การรอดชีวิตนอกโรงพยาบาล
การช่วยเหลือของประชาชนผูเ้ ห็นเหตุการณ์
การบริ การทางการแพทย์ฉุกเฉิน ห้อง ER ห้องสวนหัวใจ ห้อง ICU
ขั้นตอนการทา CPR
DRS-CAB-D
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ก่อนเข้าไปช่วยเหลือใครให้ปฏิบัติดังนี้
➢Stop = หยุด
➢Breathe = ตั้งสติ(ควบคุมการหายใจ)
➢Think = คิด
➢Act = แล้วลงมือทา
ห้ามพรวดพลาดเข้าไปเด็ดขาด ช่วยเขาเราต้องรอด!!!!
1.การประเมินความปลอดภัย ณ จุดเกิดเหตุ
➢ช่วยด้วยๆ
➢มีคนหมดสติ
➢ช่วยโทร 1669
➢นาเครื่อง AED มาด้วย
การร้องขอความช่วยเหลือ/ถ้าอยู่คนเดียว
➢ ถ้าท่านอยู่คนเดียว ให้โทร 1669 ติดต่อระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ทันที แจ้งข้อมูล :
✓เกิดเหตุอะไร
✓เกิดเหตุที่ไหน
✓มีผู้ป่วยกี่คน
✓สภาพของผู้ป่วยขณะนั้นเป็นอย่างไร
✓กาลังให้การช่วยเหลืออย่างไรในขณะนั้น
✓นาเครื่อง AED มาด้วย
4. ตรวจดูการหายใจ (5-10 วิ) ให้นับ 1,2,3,…8 วินาที
ถ้าผู้ป่วย ไม่กระพริบตา
ไม่ไอ
ไม่หายใจ
หรือหายใจเฮือก
ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ให้ประกาศดังๆว่า
“ไม่หายใจ ซีพีอาร์”
ก่อนจะกดหน้าอก
**จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นราบแข็ง
ถ้าพื้นอ่อนนุ่มให้สอดแผ่นกระดานแข็งใต้ลาตัว**
5.ทาการกดหน้าอกทันที
การวางมือ ให้ใช้ส้นมือวางบนกระดูกหน้าอก
ตรงกึ่งกลางระหว่างหัวนม
แนวแรงการกดหน้าอกต้องตั้งฉาก
กดลึก
ไหล่ของ 5-6 ซม.
ผู้กดต้อง
ตั้งฉาก
กับอกของ ถอนมือขึน้ มำ
ผู้ป่วย ให้หน้ำอก
ขยำยคืนสู่
ตำแหน่งเดิม
ทุกครัง้
**ถ้าไม่มีอุปกรณ์ช่วยหายใจ/ไม่สบายใจที่จะเป่าปาก**
หมายเหตุ ถ้ารู้สึกเหนื่อยสามารถเปลี่ยนคนกดหน้าอกได้ทันที
ไม่ต้องรอจนครบ 2 นาที
การกดหน้าอกในคนท้องอายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์
ถ้ามีผู้ช่วยเหลือ 2 คน
คนที่ 1 กดหน้าอก คนที่ 2 ให้โกยมดลูกไปทางด้านซ้าย
ถ้าอยู่คนเดียว ให้หาผ้านุ่มๆมารองที่สะโพกด้านขวาสูงขึ้นประมาณ 10 ซม.
เพื่อไม่ให้มดลูกไปกดเส้นเลือดดาใหญ่ด้านขวา
ช่วยทาให้เลือดดาไหลกลับเข้าสู่หัวใจทางห้องขวาบนได้ดี
การกดหน้าอกเด็ก(อายุ1-8 ปี) กดลึกประมาณ 5 ซม.
กดลึก1/3 ของความหนาของหน้าอก
เมื่อไหร่ถึงจะหยุดทา CPR
➢มองเห็นสัญญาณของการมีชีวิต เช่น
ผู้ป่วยหายใจ ไอ ลืมตา เคลื่อนไหว = มีชีวิต
➢หน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาทาหน้าที่แทน
➢เหนื่อยมากจนทาต่อไปไม่ไหว
➢แพทย์สั่งยุติการช่วยชีวิต
BLS ทีม
BLS ทีม
✓ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1: ประเมินผู้ป่วย กดหน้าอก
✓ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2: ไปเอาเครื่อง AED (ถ้ามี)
✓ผู้ช่วยเหลือคนที่ 3: ช่วยเปิดทางเดินหายใจ/ช่วยหายใจ
✓ผู้ช่วยเหลือคนที่ 4: โทรแจ้งระบบ EMS 1669 (Leader)
สรุปขั้นตอนการทา CPR ผู้ใหญ่
1.ประเมินความปลอดภัย 2.ปลุกเรียกผู้ป่วย
ณ จุดเกิดเหตุ โดยการตบที่บ่าทั้ง 2 ข้าง
3.ร้องขอความช่วยเหลือ/ 4.ประเมินการไม่หายใจ
ให้ใครไปโทรแจ้ง 1669 หรือหายใจเฮือก
5.กดหน้าอก 30 ครั้ง
กดลึก กดแรง 6. ช่วยหายใจ 2 ครั้ง
• พบบ่อยที่สุดคือ กระดูกซี่โครงหัก
• การบาดเจ็บต่ออวัยวะในช่องท้อง
ทาไมต้องพัฒนาคุณภาพของการเรียนการสอน CPR
3 4
(AUTOMATED EXTERNAL DEFIBRILLATOR)
ภาวะหัวใจหยุดเต้น(Cardiac arrest)
โอกาสในการรอดชีวิต: AED
AED: เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ
ติดแผ่น AED ทันทีที่สามารถทาได้ และปฏิบัติตามที่เครื่องสั่งทันที
เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ
➢ถ้าผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 มาถึงพร้อมกับเครื่อง AED ขณะที่ คนที่
1 กาลังทา CPR อยู่ ให้ผู้ช่วยเหลือคนที่ 1 ทา CPR ต่อไป
จนกว่าผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 จะเตรียมเครื่อง AED ให้พร้อมใช้งาน
➢ผู้ช่วยเหลือคนที่ 2 เปิดเครื่องแล้วปฏิบัติตามขั้นตอน(เครื่องสั่ง)
ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทันที ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการใช้เครื่อง AED
1.เปิดเครื่อง AED
1.1 ก่อนแปะแผ่น AED เช็ดตัวให้แห้ง
1.2 ไม่ปิดทับอุปกรณ์ที่ฝังอยู่ในร่างกาย
ผู้ป่วยฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
1.3 ไม่ติดทับแผ่นยาที่แปะอยู่กับตัวผู้ป่วย
ให้รีบเอาแผ่น
ยาที่แปะอยู่
ออก แล้วเช็ด
ให้สะอาดก่อน
แปะแผ่น AED
1.4 โกนขนบริเวณที่จะติดแผ่นออกก่อน
ใต้แนวราวนมซ้าย กึ่งกลางรักแร้
ใต้ไหปลาร้าขวา ให้ต่ากว่ารักแร้ลงมาทางปลายเท้า 2-3 นิ้ว
2.การแปะแผ่น AED
➢ แผ่นที่ 1 บนหน้าอกด้านขวา ใต้กระดูกไหปลาร้า
➢ แผ่นที่ 2 ข้างลาตัวด้านซ้าย ใต้แนวราวนม ต่าจากรักแร้ลงมาประมาณ
2-3 นิ้ว
การแปะแผ่น AED ในเด็ก(อายุ 1-8 ขวบ)
ให้ติดแผ่น
AED
ห่างกัน
อย่างน้อย
1 นิ้ว
การแปะแผ่น AED ในทารก
3.เสียบปลั๊กเข้ากับเครื่อง AED
(ส่วนใหญ่จะติดอยู่กับตัวเครื่องอยู่แล้ว)
4.เครื่องจะทาการวิเคราะห์
เครื่องจะสั่ง “เครื่องกาลังทาการ
วิเคราะห์ ห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วย”
ให้เราพูดว่า “ทุกคน ถอย!!!” ดังๆ
และมองดูว่าไม่มีใครหรืออุปกรณ์
อะไรสัมผัสอยู่ที่ตัวผู้ป่วย
5.เครื่องจะแจ้งผลการวิเคราะห์ ให้ช็อก/ไม่ให้ช็อก
1.ถ้าเครื่องสั่ง “แนะนาให้ทาการช็อก ห้ามสัมผัสตัวผู้ป่วย กดปุ่มช็อก”
➢ให้ตะโกนว่า “ทุกคน ถอย!!!”
➢มองดูว่าไม่มีใครสัมผัสตัวผู้ป่วย
➢กดปุ่ม “ช็อก”
➢แล้วให้กดหน้าอกต่อทันที!!!
ไม่ถูกต้อง ถูกต้อง
การปฐมพยาบาลฉุกเฉิน
Emergency First Aid
ทางเดิน
หายใจ
ถูกอุดกั้น
ทางเดินหายใจถูกอุดกั้น
ทางเดินหายใจถูกอุดกั้น(Choking)
การแก้ไขทางเดินหายใจถูกอุดกั้นในผู้ใหญ่
ถ้าผู้ป่วย ใช้วิธีการรัดกระตุก
หมดสติ ชุดละ 5 ครั้ง
ไม่หายใจ ต่อเนื่อง
ให้จับผู้ป่วย จนกว่าจะออก
นอนราบแล้ว เมื่อแก้ไขได้แล้ว
เริ่มทา CPR
ควรนาผู้ป่วยส่ง
ทันที!!!
รพ.ทุกราย
การแก้ไขทางเดินหายใจถูกอุดกั้นในคนท้อง/คนอ้วน
ถ้าผู้ป่วย ใช้วิธีการรัดกระตุก
หมดสติ ชุดละ 5 ครั้ง
ไม่หายใจ ต่อเนื่อง
ให้จับผู้ป่วย จนกว่าจะออก
นอนราบแล้ว
เมื่อแก้ไขได้แล้ว
เริ่มทา CPR
ควรนาผู้ป่วยส่ง
ทันที!!!
รพ.ทุกราย
การแก้ไขทางเดินหายใจถูกอุดกั้นในเด็ก
ถ้าผู้ป่วย ใช้วิธีการรัดกระตุก
หมดสติ ชุดละ 5 ครั้ง
ไม่หายใจ ต่อเนื่อง
ให้จับผู้ป่วย จนกว่าจะออก
นอนราบแล้ว
เริ่มทา CPR เมื่อแก้ไขได้แล้ว
ทันที!!! ควรนาผู้ป่วยส่ง
รพ.ทุกราย
การแก้ไขทางเดินหายใจถูกอุดกั้นในทารก
ถ้าผู้ป่วย ตบหลัง
หมดสติ สลับกับการ
ให้จับผู้ป่วย กดหน้าอก 5 ครั้ง
นอนราบแล้ว
เริ่มทา CPR เมื่อแก้ไขได้แล้ว
ทันที!!! ควรนาผู้ป่วยส่ง
รพ.ทุกราย
การแก้ไขทางเดินหายใจถูกอุดกั้นในทารก
ถ้าผู้ป่วย ตบหลัง
หมดสติ สลับกับการ
ให้จับผู้ป่วย กดหน้าอก 5 ครั้ง
นอนราบแล้ว
เริ่มทา CPR เมื่อแก้ไขได้แล้ว
ทันที!!! ควรนาผู้ป่วยส่ง
รพ.ทุกราย
การแก้ทางเดินหายใจถูกอุดกั้นด้วยตนเอง
หาเก้าอี้ที่มีพนักพิงที่
แข็งแรง ที่อยู่ใกล้เคียงมา
แล้ววางหน้าท้องบริเวณ
เหนือสะดือ ใต้ลิ้นปี่ ลงบน
พนักเก้าอี้ กระแทกตัวลง
ไปต่อเนื่อง 5 ครั้งหรือ
จนกว่าเศษอาหารจะออก
การแก้ไขทางเดินหายใจถูกอุดกั้นผู้ป่วยนั่งบนรถเข็น
นารถเข็นไปชิดผนังห้อง ล็อกล้อทั้ง
สองข้าง ใช้สองมือประสานกันแล้ว
วางระหว่างสะดือกับลิ้นปี่ ดันหน้า
ท้องในแนวแรงเฉียงขึ้นด้านบน 5
ครั้งต่อเนื่อง ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ให้
นาลงมาจากรถแล้วทา CPR ทันที
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน(Heart attack)
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา
• เจ็บหน้าอกร้าวไปที่แขน • มึนศีรษะ เป็นลมทันทีทันใด
อาจจะข้างเดียวหรือทั้งสอง • มีความรู้สึกเหมือนใกล้จะ
ข้าง หรือร้าวไปที่ขากรรไกร เสียชีวิต
และจะไม่หายไปแม้ได้พัก
• “ซีด” ริมฝีปากเขียวคล้า
• หายใจไม่ออก หายใจลาบาก
• ชีพจรเบา เร็ว เต้นผิดจังหวะ
• รู้สึกอึดอัดไม่สบายบริเวณใต้
ลิ้นปี่ • เหงื่อแตก
• ล้มลงโดยไม่มีอาการเตือน • หายใจเฮือก
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน(Heart attack)
1. โทรแจ้ง 1669 ทันที และให้ผู้ป่วยงดทา
กิจกรรมทั้งหมด
2. จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สบาย จัดให้ผู้ป่วยอยู่
ในท่านั่งพิงบนเก้าอี้ที่สบาย คลายเสื้อผ้าให้
หลวม หาผ้ามารองใต้เข่า และคอยช่วยปลอบใจ
ให้กาลังใจ
➢เตรียมพร้อมที่จะทาการกู้ชพี ขั้นพืน้ ฐาน
(CPR) ร่วมกับการใช้ AED
การปฐมพยาบาลกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน(Heart attack)
3. ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยา ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประทานยา
ตามที่แพทย์สั่ง เช่น Nitroglycerin หรือ aspirin และให้
ผู้ป่วยหายใจด้วยออกซิเจน ถ้าท่านผ่านการฝึกอบรม
มาแล้ว
2. ตรวจสอบแขน(A)ของผู้ป่วย บอกให้ผู้ป่วยยกแขนขึ้น
ถ้าผู้ป่วยเป็น stroke จะยกแขนได้ข้างเดียว
ข้อควรระวัง ห้ามให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือดื่มน้า
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก ตีบ ตัน(Stroke)
3. ตรวจสอบคาพูด(S)ของผู้ป่วย ให้ถามคาถามผู้ป่วย แล้วสังเกตดู
ว่าผู้ป่วยเข้าใจคาถามของเราหรือไม่
2. บอกให้ผู้ป่วยหายใจช้าลง ช่วยให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย
บอกให้ผู้ป่วยหายใจลึกๆ และช้าๆ ถ้าอาการเล็กน้อยจะหายไป
ภายใน 2-3 นาที ถ้ายังไม่หายให้ผู้ป่วยหายใจจากเครื่องพ่นยา
1-2 ครั้งทุกๆ 2 นาที จนครบ 10 ครั้ง
การปฐมพยาบาลหอบหืด
3. โทรแจ้ง 1669 ถ้าใช้ยาแล้วไม่ได้ผล การหายใจไม่ออก จะทาให้
ผู้ป่วยพูดลาบาก และเริ่มอ่อนเปลี้ย
2.ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยา สาหรับผู้ป่วยที่ทราบว่าตนเองมีอาการ
แพ้และมียาอิพิเนฟรินพกติดตัว ให้ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อต้นขา
ของผู้ป่วย
ข้อควรระวัง ถ้าเป็นผู้ป่วยท้องจาเป็นต้องจัดให้ผู้ป่วยนอนราบแล้วจัดท่านอนตะแคง
ซ้ายเพื่อไม่ให้มดลูกกดทับเส้นเลือดที่ไหลกลับเข้าสูห่ ัวใจ
การปฐมพยาบาลภาวะภูมิแพ้อย่างรุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis)
3. จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สบาย ผู้ป่วยที่หายใจลาบากแต่ยังรู้สึกตัวดี
ควรพยุงให้นั่งบนเก้าอี้ หากมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็น
ลม ควรให้นอนราบกับพื้นและยกเท้าสูง
3. ช่วยให้ผู้ป่วยนอนลงกับพืน้ ยกส่วนที่ได้รับบาดเจ็บให้สูงไว้
ช่วยประคองให้ผู้ป่วยนอนลงบนพื้น
การปฐมพยาบาลภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง
4. โทรแจ้ง 1669 โดยบอกขนาดของผู้ป่วยและตาแหน่งของ
บาดแผล
4. ให้ความอบอุ่นร่างกายผู้ป่วย ห่มด้วยผ้าห่มเพื่อให้ความ
อบอุ่น แนะนาให้ผู้ป่วยอยู่นิ่งๆ เฝ้าสังเกตอาการของ
สัญญาณชีพ ได้แก่ การหายใจ ชีพจร และระดับการ
ตอบสนอง ในขณะที่รอรถพยาบาลมาถึง
การบาดเจ็บที่ศีรษะ
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา สาหรับผู้ที่บาดเจ็บรุนแรง
• หมดสติในช่วงเวลาสั้นๆ • มีประวัติว่ามีวัตถุพุ่งมากระแทกที่ศีรษะ
• อาจมีรอยฟกช้าที่ศีรษะ • การตอบสนองลดลง
• มึนงง/คลื่นไส้ อาเจียน • มีน้าเลือดหรือคราบเลือดออกทางจมูก
• สูญเสียความจาขณะเกิดเหตุหรือก่อนเกิด และหู
เหตุการณ์ • รูม่านตาสองข้างไม่เท่ากัน
• ปวดศีรษะเล็กน้อย
• สับสน
การปฐมพยาบาลการบาดเจ็บที่ศีรษะ
1.ใช้วิธีการกดโดยตรงที่บาดแผล ใช้ผ้าปิดแผลที่
สะอาดปิดลงบนบาดแผล โดยใช้มือกดลงไปตรงๆเพื่อ
เป็นการห้ามเลือด
4. เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด คอยตรวจวัดสัญญาณชีพ
ได้แก่ การหายใจ ชีพจร และระดับการตอบสนอง ให้รีบโทร
แจ้ง 1669 ถ้าผู้ป่วยมีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง
การได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา
• การตกจากที่สูง โดยเอาหลัง • แขนขาข้างที่บาดเจ็บอ่อนแรง
ศีรษะ หรือขา ลง • ไม่มีความรูส้ ึกหรือรู้สึกผิดปกติ
• อาจจะมีอาการดังนี้ • ควบคุมกระเพาะปัสสาวะหรือ
• เจ็บที่คอและหลัง ลาไส้ไม่ได้
• กระดูกผิดรูป บิดเบี้ยวตรง • หายใจลาบาก
บริเวณที่มีส่วนโค้ง
• กดเจ็บบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
1. บอกผู้ป่วยห้ามขยับศีรษะ โทรแจ้ง 1669 ถ้าเป็นไปได้บอกให้
ผู้อื่นไปโทรแจ้ง ในขณะที่ท่านประคองศีรษะและคอไว้ผู้ป่วยไว้
ไม่ให้เคลื่อนไหว และบอกให้แจ้งศูนย์รับแจ้งเหตุด้วยว่าสงสัย
ผู้ป่วยอาจได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
2. ประคองศีรษะให้อยู่นิ่งๆ โดยนั่งคุกเข่าอยู่ด้านเหนือศีรษะของ
ผู้ป่วย วางแขนลงบนพื้น จับประคองศีรษะผู้ป่วยไว้ให้มั่งคง
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
3.วางอุปกรณ์เสริมข้างศีรษะ ให้ผู้ช่วยเหลืออีกคนหาผ้ามา
ม้วนเป็นก้อนกลม แล้ววางไว้ข้างศีรษะทั้งสองข้างเป็น
อุปกรณ์เสริม
4.เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด คอยตรวจวัดสัญญาณชีพ
ได้แก่ การหายใจ ชีพจร และระดับการตอบสนอง ในขณะที่รอ
รถพยาบาลมาถึง
กระดูกหัก
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา
• แขน ขาผิดรูป บวม มีรอยฟกช้าบริเวณที่ได้รับ
บาดเจ็บ
• ปวดและเคลื่อนไหวลาบากบริเวณที่บาดเจ็บ
• งอ บิด หรือสั้นกว่าปกติ
• มีกระดูกโผล่ออกมาจากเนื้อ
การปฐมพยาบาลกระดูกหัก
1. ประคองบริเวณทีห่ ัก ช่วยผู้ป่วยประคองข้อด้านบน
และด้านล่างบริเวณที่หัก ให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด
2. ใช้ผ้าห่อป้องกันบริเวณที่หัก ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าปู
โต๊ะ ห่อบริเวณที่หักและพยุงให้อยู่ในท่าที่สบาย
4.ถ้าผู้ป่วยแขนหักและไม่มีอาการช็อก สามารถนาผู้ป่วยส่ง
รพ.ด้วยรถยนต์ แต่ถ้าขาหักควรนาส่งด้วยรถพยาบาลโดย
การ โทรแจ้ง 1669 แล้วคอยดูแลอาการช็อก เฝ้าติดตาม
อาการและบันทึกการหายใจ ชีพจร และระดับการตอบสนอง
ของผู้ป่วย
ข้อควรระวัง 3. ห้ามให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มเพราะอาจจาเป็นต้องผ่าตัด
4. ห้ามยกขาสูงเมื่อต้องรักษาอาการช็อก
แผลไฟไหม
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา วัตถุประสงค์
• อาจไหม้เพียงผิวหนังตื้นๆ หรือไหม้ลึก • ยับยั้งการไหม้ทันทีและบรรเทาอาการปวด
ลงไปจนถึงกล้ามเนื้อ • เปิดทางเดินหายใจตลอดเวลา
• ปวด • รักษาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้อง
• หายใจลาบาก • ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อให้น้อยที่สุด
• ช็อก • ลดความเสี่ยงจากการช็อกให้มากทีส่ ุด
• เตรียมการเคลื่อนย้ายเร่งด่วนไปยังโรงพยาบาล
• รวบรวมข้อมูลส่งต่อระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
การปฐมพยาบาลแผลไฟไหม้
1. ใช้น้าลาดบริเวณแผลไหม้ทันที ด้วยน้าเย็นหรือเย็นจัดเป็น
เวลาอย่างน้อย 10 นาทีหรือจนกว่าอาการปวดจะหายไป จัดให้
ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สบายโดยจัดให้ผู้ป่วยนั่งหรือนอน และป้องกันการ
บริเวณที่บาดเจ็บจากการสัมผัสกับพื้ดิน
4. ปิดแผล เมื่อใช้ความเย็นเสร็จแล้วให้ปิดแผลด้วยพลาสติกห่อ
ของให้รอบบริเวณบาดแผลไหม้ อีกวิธีหนึ่งคือใช้ผ้าสะอาดที่ไม่
เป็นขุยปิดแผล ติดตามอาการและสัญญาณชีพของผู้ป่วยในขณะที่
รอรถพยาบาล
ข้อควรระวัง
5.ถ้าแผลไหม้ที่หน้า ไม่ต้องใช้ผ้าปิดแผล ให้ใช้น้าเย็นราดไว้จมกว่ารถพยาบาลจะมาถึง
6.ถ้าแผลไหม้เกิดจากสารเคมี ให้ใส่ถุงมือป้องกันตนเองแล้วลาดด้วยน้านานอย่างน้อย 20 นาที
7.ให้มองหาอาการแสดงของการสาลักควันไฟ เช่น หายใจลาบาก
ชัก
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา
• หมดสติทันทีทันใด • ปัสสาวะราด
• หลังโค้งเกร็ง • กล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวและ
• อาจจะหายใจมีเสียงดังแล้วเริ่ม กลับมาหายใจเป็นปกติอีก
หายใจลาบาก ริมฝีกปากเขียว
คล้า ครั้ง
• เริ่มชักกระตุก • หลังชักอาจมีอาการมึนงง
• อาจมีน้าลายหรือน้าลายบนเลือด และจดจาอะไรไม่ได้
(กัดริมฝีปากหรือลิ้นตนเอง)
• ผู้ป่วยบางคนอาจจะหลับลึก
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยชัก
1.ปกป้องผู้ป่วย พยาบาลจับให้ผู้ป่วยนอนลง บอกให้อยู่นิ่งๆและ
ให้กาลังใจ เปิดทางเดินหายใจและป้องกันการบาดเจ็บจากการ
กระแทกกับวัตถุ จัดพื้นที่ให้โล่ง จดเวลาที่ชัก
ข้อควรระวัง 1.ไม่ปล่อยให้เด็กได้รับความเย็นมากเกินไป
2.ห้ามใช้ฟองน้าเช็ดตัวเพื่อทาให้ไข้ลด เมื่อมีความเสี่ยงต่ออุณหภูมิลดลงมากเกินไป
3.ถ้าเด็กหมดสติ ให้เปิดทางเดินหายใจ ตรวจสอบการหายใจ และเตรียมทา CPR
ภาวะน้าตาลในเลือดต่า
สิ่งที่ควรสังเกตและจดจา
• มีประวัติเป็นเบาหวาน • ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อสั่น
• อ่อนเปลี้ย เป็นลม และหิว • การตอบสนองลดลง
• สับสน ไม่มีสติสัมปะชัญญะ • มีป้ายแสดงตนว่าเป็นเบาหวานที่ข้อมือหรือที่
• เหงื่อแตกตัวเย็น ผิวหนังชื้น สร้อยคอ
• ชีพจรเร็ว • กลูโคสเจล กระเป๋าตรวจน้าตาล และยาฉีด
อินซูลินหรืออินซูลินชนิดรับประทาน
การปฐมพยาบาลภาวะน้าตาลในเลือดต่า
1. ให้ผู้ป่วยรับประทานน้าตาล ช่วยประคองให้ผู้ป่วยนั่ง ถ้า
ผู้ป่วยมีน้าตาลของตนเอง ช่วยเหลือให้ได้รับประทานน้าตาล
ถ้าไม่มีให้หาน้าผลไม้ 1 แก้ว หรือลูกอม 2 เม็ด หรือของหวาน
2. ให้ปรับประทานอาหารเพิ่มเติม ถ้าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่าง
รวดเร็ว ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มเพิ่มเติมและ
ให้พักจนกว่าอาการจะดีขึ้นมากกว่าเดิม คอยช่วยเหลือในการ
ตรวจน้าตาลในเลือด
การปฐมพยาบาลภาวะน้าตาลในเลือดต่า
3. เฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วย และบันทึกสัญญาณชีพ-การ
หายใจ ชีพจร และระดับการตอบสนอง จนกว่าจะกลับมา
เป็นปกติ