You are on page 1of 181

การจัดและตกแต่ งบ้ าน...

1
1. ลักษณะของบ้ านที่น่าอยู่
บ้านเป็ นสถานที่สาหรับพักผ่อน นอนหลับ บังแดด ลม ฝน และเป็ นศูนย์รวมในการทากิจกรรม
ต่างๆของสมาชิกในครอบครัว บ้านมีความสาคัญต่อสมาชิกในครอบครัวทั้งด้านร่ างกาย อารมณ์
และ จิตใจ บ้านที่น่าอยูเ่ ป็ นที่ปรารถนาของทุกคนจึงต้องมีบรรยากาศที่ผอ่ นคลาย ซึ่งส่งผลให้
พักผ่อนในบ้านได้อย่างมีความสุข บ้านที่น่าอยูค่ วรมีลกั ษณะดังนี้
1. สะอาด: ปราศจากฝุ่ นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆ โดยจะต้องหมัน่ ดูแลทาความสะอาดห้อง
ต่างๆและบริ เวณต่างๆของบ้านอยูเ่ สมอ เช่น ห้องน้ าห้องส้วม จะต้องดูแลรักษาความสะอาด
ไม่ให้มีกลิ่นเหม็น ห้องนอนจะต้อหมัน่ ทาความสะอาดเครื่ องนอนเป็ นประจา เป็ นต้น
2. อากาศถ่ายเทได้สะดวก: ห้องต่างๆในบ้าน เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ า ควรมีอากาศ
ถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้ องกันกลิ่นอับชื้น
3. มีเครื่ องอานวยความสะดวกเพียงพอ: เครื่ องอานวยความสะดวกในครัวเรื อน เช่น หม้อหุง
ข้าวไฟฟ้ า เตาแก๊ส เครื่ องซักผ้า อุปกรณ์เครื่ องครัว เป็ นต้น และ จะต้องอยูใ่ นสภาพที่
สามารถใช้งานได้ดี และ มีเพียงพอต่อการใช้งาน
4. มีพ้นื ที่ใช้สอย: เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวใช้สาหรับทากิจกรรมในชีวิตประจาวัน เช่น มี
ห้องต่างๆ มีมุมพักผ่อน มีบริ เวณบ้านไว้ปลูกต้นไม้ ไว้นงั่ เล่น มีลานจอดรถ เป็ นต้น เพื่อให้
สมาชิกในบ้านได้ทากิจกรรมต่างๆร่ วมกัน เป็ นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว
5. มีความแข็งแรง: บ้านที่น่าอยูต่ อ้ งมีความแข็งแรง ทนต่อสภาวะอากาศประตู หน้าต่าง ผนัง
ต้องอยูใ่ นสภาพที่ใช้การได้ดี มีความปลอดภัย บ้านที่น่าอยูไ่ ม่จาเป็ นต้องเป็ นบ้านหลังใหญ่
มีเครื่ องอานวยความสะดวกครบครัน บ้านที่น่าอยูอ่ าจเป็ นบ้านหลังเล็กที่มีความปลอดภัยต่อ
สมาชิกในครอบครัว มีความรัก ความเข้าใจ และ ความเอื้ออาทรต่อกัน มีการทากิจกรรม
ต่างๆร่ วมกัน มีการปรึ กษาหารื อหรื อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่ วมกันป้ องกัน และ
แก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น บ้านนั้นจึงจะเป็ นบ้านที่น่าอยูม่ ีบรรยากาศที่อบอุ่น สมาชิกในบ้าน
จึงอยูก่ นั อย่างมีความสุข

การทากิจกรรมร่ วมกันในครอบครั ว เป็ นการเสริ มสร้ างความสัมพันธ์ ที่ดีของสมาชิกในครอบครั ว

2
2. หลักการจัด และ ตกแต่งบ้ าน
การจัด และ ตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่ และ เป็ นที่พึงพอใจของสมาชิกในครอบครัวจะต้อง
อาศัยหลักการ วิธีการ ตลอดจนเรี ยนรู้ธรรมชาติ หรื อ ความชอบของสมาชิกในครอบครัวโดยต้อง
คานึงถึงหลัก ดังต่อไปนี้
2.1 ความปลอดภัยในบ้าน – บ้านที่น่าอยูต่ อ้ งมีความปลอดภัยแก่สมาชิกในครอบครัว ซึ่งความ
ปลอดภัยในบ้านมีดงั นี้
1.) ปลอดภัยจากอุบตั ิเหตุในบ้าน: อุบตั ิเหตุเกิดขึ้นได้กบั ทุกคน ทุกที่ทุกเวลา เพื่อให้เกิดความ
ปลอดภัย ควรปฏิบตั ิดงั นี้
1. ไม่ควรจัดวางสิ่งของกีดขวางบริ เวณทางเดินและบันไดบ้าน เพราะอาจจะทาให้เดิน
สะดุดหกล้มได้
2. ควรหลีกเลี่ยงการวางเครื่ องเรื อนหรื อสิ่งของเครื่ องใช้ที่มีมุมแหงมคม เช่น ไม่วางเครื่ อง
เรื อนหรื อสิ่งของเครื่ องใช้ที่มีวสั ดุเป็ นกระจกหันออกด้านทางเดิน เพราะอาจจะก่อให้เกิดอุบตั ิเหตุ
ได้
3. ควรให้บา้ นมีแสงสว่างอย่างเพียงพอ หากในเวลากลางวัน บริ เวณใดได้รับแสงสว่างจาก
ดวงอาทิตย์นอ้ ย หรื อ ในเวลากลางคืนที่บริ เวณใดได้รับแสงสว่างจากไฟฟ้ าไม่เพียงพอควรเพิ่ม
หลอดไฟ เพื่อไม่ให้บริ เวณนั้นมืดจนเกินไป เช่น ห้องเก็บของ ห้องน้ า ห้องนอน เป็ นต้น และ ควร
ติดตั้งสวิตช์ไฟฟ้ าให้อยูใ่ กล้กบั ประตูเข้าออก เพื่อสะดวกในการเปิ ดปิ ดไฟเมื่อใช้งาน
4. ควรจัดวางสิ่งของเครื่ องใช้ให้เหมาะสม เช่น ตูย้ าควรจัดวางไว้ในที่สูงเพื่อไม่ให้ถกู
แสงแดด และ พ้นมือเด็ก จัดวางสารเคมีต่างๆให้อยูใ่ นที่มิดชิดแลพ้นมือเด็ก เป็ นต้น
5. ไม่ควรขัดมันหรื อลงแว็กซ์ที่พ้นื บ้านและบันไดบ้าน เพราะจะทาให้ลื่นและหกล้มได้
ง่าย

บริ เวณทางเดินลงบันไดไม่ควรขัดมันหรื อลงแว็กซ์ เพราะอาจทาให้ ลื่น จนเกิดอุบัติเหตุได้


3
2.) ปลอดภัยจากการถูกโจรกรรมทรัพย์สินในบ้าน – วิธีการสร้างความปลอดภัยจากการถูก
โจรกรรมทรัพย์สินในบ้าน มีแนวทางการปฏิบตั ิดงั นี้
1. ควรเลือกใช้ร้ ัว และ ประตูร้ ัวที่ทาจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และ มัน่ คง เช่น อิฐ ปูน
เหล็ก สเตนเลส เป็ นต้น
2. ควรติดตั้งเหล็กดัดที่ประตู และ หน้าต่าง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และ มัน่ คง
3. ควรดูแลซ่อมแซมกลอน และ ลูกบิดประตูให้อยูส่ ภาพที่ดี มัน่ คง และ แข็งแรงอยูเ่ สมอ
นอกจากนี้ สาหรับบ้านที่มีความพร้อมในฐานะทางการเงิน อาจติดตั้งระบบกันขโมยและกล้อง
วงจรปิ ด โดยเลือกให้เหมาะสมกับสภาพของบ้านและพื้นที่ในการติดตั้ง
3.) ปลอดภัยจากการใช้ไฟฟ้ าในบ้าน – ปัจจุบนั ครัวเรื อนส่วนใหญ่มีการใช้ไฟฟ้ า และ
เครื่ องใช้ไฟฟ้ า ซึ่งหากขาดความรู้ ใช้ไม่ถกู วิธี ประมาท หรื อ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจเป็ นอันตรายแก่
ชีวิตได้ ดังนั้น เพื่อป้ องกันอุบตั ิเหตุที่เกิดขึ้น ควรปฏิบตั ิ ดังนี้
1. หมัน่ ตรวจสอบสายไฟให้อยูใ่ นสภาพดีอยูเ่ สมอ หากชารุ ดต้องรี บเปลี่ยนใหม่โดยช่าง
ไฟฟ้ าที่มีความชานาญ
2. ใช้เครื่ องใช้ไฟฟ้ าที่มีสภาพดี และ หมัน่ ตรวจสอบสภาพอยูเ่ ป็ นประจา หากพบว่าชารุ ด
ห้ามนามาใช้ และ ทาการซ่อม โดยช่างผูช้ านาญให้อยูใ่ นสภาพใช้งานได้
3. ไม่ประมาทในการใช้ไฟฟ้ า เช่น ไม่สมั ผัสปลัก๊ ไฟ ขณะมือเปี ยกน้ า อุปกรณ์ไฟฟ้ าบาง
ชนิดจะต้องมีสายดิน เช่น เครื่ องทาน้ าอุ่น เพื่อป้ องกันไฟช็อต ไฟดูด เป็ นต้น
4. ใช้ปลัก๊ ไฟฟ้ าที่เต้าเสียบมีที่ปิดช่องเสียบระบบหมุน เพื่อป้ องกันเด็กเล็กเอานิ้วแหย่รู
เต้าเสียบ และ หลีกเลี่ยงการใช้เต้าเสียบหลายๆช่องพร้อมกัน ที่สาคัญก่อนจะเสียบปลัก๊ ต้องปิ ด
เครื่ องใช้ไฟฟ้ าก่อนจึงจะเสียบได้ เพื่อป้ องกันการเกิดประกายไฟที่เต้าเสียบ และ หลังจากการใช้
ไฟฟ้ าให้ถอดปลัก๊ ทุกครั้ง เพื่อป้ องกันไฟฟ้ าลัดวงจร และ การสิ้นเปลืองไฟ
ทั้งนี้ การซ่อมแซมเครื่ องใช้ไฟฟ้ า หากผูซ้ ่อมไม่มีความรู้หรื อความชานาญในการ
ซ่อมแซม ไม่ควรซ่อมเองโดยเด็ดขาด ควรให้ผทู้ ี่มีความรู้ หรื อ ช่างชานาญการซ่อมแซมให้

การติดเหล็กดัดที่หน้ าต่ าง ช่ วยป้ องกันการถูกโจรกรรมทรั พย์สินได้

4
4.) ความปลอดภัยจากเครื่ องมือเครื่ องใช้ในบ้าน – เครื่ องมือเครื่ องใช้ต่างๆในบ้านที่เรา
นามาใช้งาน เช่น มีด กรรไกร เลื่อน เป็ นต้น อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผใู้ ช้ได้ ซึ่งแนวทางการ
ป้ องกันอุบตั ิเหตุจากเครื่ องเครื่ องใช้ เป็ นต้น
1. จัดเก็บรักษาเครื่ องมือเครื่ องใช้ให้เป็ นระเบียบ เป็ นหมวดหมู่ และ สะดวกในการหยิบ
ใช้งาน โดยเก็บเครื่ องมือเครื่ องใช้ในตูเ้ ก็บเครื่ องใช้ในตูเ้ ก็บเครื่ องมือที่ได้จดั เตรี ยมไว้ และ ควรจัด
วางเครื่ องมือเครื่ องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้มีบางส่วนของเครื่ องมือเครื่ องใช้ยนื่ ออกมา
เครื่ องมือเครื่ องใช้ที่มีปลายแหลมคมหรื อมีสนั คมควรมีปลอกหุม้ ส่วนที่มีคมเสมอ เพราะอาจ
ก่อให้เกิดอุบตั ิเหตุได้
2. เลือกใช้เครื่ องมือเครื่ องใช้ที่มีคุณภาพดี เช่น ด้ามค้อนควรเป็ นไม้เนื้อดีไม่มีรอยแตก
แนวเนื้อไม้ตอ้ งไปตามความยาวของด้าม มีผวิ เรี ยบ ปราศจากรอยหยาบหรื อเสี้ยน เพื่อความ
ปลอดภัยในการใช้งาน
3. ก่อนจัดเก็บเครื่ องมือเครื่ องใช้ควรบารุ งรักษาให้คงสภาพดีพร้อมใช้งานเสมอ และ ก่อน
ใช้ทุกครั้ง ควรตรวจสภาพว่าอยูส่ ภาพใช้การได้หรื อไม่

เมื่อใช้ เครื่ องมือเครื่ องใช้ เสร็ จแล้ว ควรเก็บให้ เป็ นระเบียบเพื่อความปลอดภัย และ ความสะดวกใน
การหยิบใช้ ในการใช้ ครั้ งต่ อไป

2.2 ความสะอาดถูกสุขลักษณะ – บ้านที่น่าอยูต่ อ้ งมีความสะอาด มีระบบการกาจัดขยะของเสียที่


ถูกสุขลักษณะเพื่อสุขภาพที่ดีของสมาชิกในครอบครัวซึ่งวิธีการบ้านให้ถกู ลักษณะควรปฏิบตั ิดงั นี้
1.) จัดห้องต่างๆภายในบ้านให้สะอาด เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ดังนี้
ห้องรับแขก - ควรอยูด่ า้ นหน้าสุดของบ้าน มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก สะอาด จัดตกแต่งให้
สวยงาม เพื่อเป็ นการสร้างความประทับใจให้แก่ผมู้ าเยือน และ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของสมาชิก
ในครอบครัว

5
ห้องนอน – จะต้องมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อบั ชื้น มีหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และ
แสงแดดส่องได้ทวั่ ถึง หรื อ ถ้าห้องที่ไม่มีหน้าต่างก็ตอ้ งหมัน่ ทาความสะอาด เพื่อสุขอนามัยที่ดีของ
สมาชิกในครอบครัว และ ควรทาความสะอาดเครื่ องนอนเป็ นประจา เช่น ซักปลอกหมอน ผ้าปูที่
นอน ผ้าห่ม ให้สะอาดอยูเ่ สมอ และ ในห้องนอนไม่ควรมีเครื่ องเรื อนมาก เพราะจะทาให้ทาความ
สะอาดได้ไม่ทวั่ ถึง
ห้องครัว และ ห้องอาหาร – จะต้องมีแสงแดดส่องถึง มีที่ระบาย และ กลิ่นได้ดีเพราะเป็ น
ห้องที่ใช้ในการประกอบอาหาร ซึ่งอาหารบางชนิดมีกลิ่นแรงอาจจะทาให้บา้ นมีกลิ่นอาหารติดอยู่
และ นอกจากนี้ในห้องครัวจะต้องมีถงั ขยะที่มีฝาปิ ดมิดชิดเพื่อป้ องกันแมลงสาบ หมู มด มากัดกิน
เศษอาหาร และ แพร่ เชื้อโรค
ห้องน้ า และ ห้องส้วม – จะต้องมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และ ดูแลรักษาความสะอาด
ไม่ให้มีกลิ่นรบกวน
2.) รักษาความสะอาดของเครื่ องเรื อน และ สิ่งของเครื่ องใช้ – เครื่ องเรื อน และ สิ่งของ
เครื่ องใช้ต่างๆควรจัดให้เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ไม่กีดขวางทางเดิน และ หมัน่ ดูแลรักษาความสะอาด
อยูเ่ สมอ จะทาให้บา้ นดูสวยงาม ถูกสุขลักษณะ และ สะดวกต่อการใช้ทากิจกรรมต่างๆ
3.) รักษาความสะอาดบริ เวณบ้าน – บริ เวณบ้านจะต้องดูแลรักษาความสะอาด และ จัด
ตกแต่งให้เป็ นระเบียบเรี ยบร้อย ควรตัดหญ้าที่สนามให้ส้ นั อยูเ่ สมอ เพื่อไม่ให้เป็ นที่อยูอ่ าศัยของ
สัตว์ต่างๆ ไม่มีน้ าท่วมขังเพื่อไม่ให้เป็ นแหล่งเพาะพันธุย์ งุ และ ที่อยูข่ องสัตว์ที่ชอบกลิ่นเหม็น และ
ความชื้น เช่น หนู เป็ นต้น นอกจากนี้การดูแลต้นไม้จะต้องตัดแต่งกิ่งให้ได้รูปทรงด้วย
2.3 ความสวยงาม – การจัด และ ตกแต่งให้บา้ นสวยงาม ต้องนาหลักการทางศิลปะมาผสมผสาน
เพื่อแสดงออกถึงความงดงาม และ ความมีรสนิยมของเจ้าบ้าน ซึ่งหลักการจัด และ ตกแต่งบ้าน มี
ดังนี้
1.) ขนาด และ สัดส่วนของเครื่ องเรื อน
จะต้องเหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอยของบ้าน เช่น เครื่ องเรื อนที่มีขนาดใหญ่ก็จะเหมาะสาหรับ
ห้องที่มีขนาดกว้าง เครื่ องเรื อนที่มีขนาดเล็กก็จะเหมาะสาหรับห้องที่มีขนาดเล็ก เป็ นต้น
2.) การใช้สี
สีช่วยให้บา้ นสวยงาม น่าอยู่ ช่วยปกปิ ดสิ่งบกพร่ อง และ นอกจากนี้สียงั มีอิทธิพลต่ออารมณ์
ความรู้สึก เช่น สีฟ้าให้ความรู้สึกสดชื่น เป็ นต้น ในการใช้สีจะต้องคานึงถึงระดับของสี เช่น หาก
ต้องการให้หอ้ งหรื อวัสดุน้ นั ดูเล็กลง ควรเลือกใช้สีโทนเข้ม หรื อ หากต้องการให้หอ้ งดูกว้างใหญ่
ขึ้นก็ให้ใช้สีโทนอ่อน เป็ นต้น
2.4 ความประหยัด – ในการจัดตกแต่งบ้าน นอกจากจะคานึงถึงความปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ
และ ความสวยงามแล้ว ยังต้องคานึงถึงความประหยัดด้วย ซึ่งความประหยัดที่ควรคานึงถึง มีดงั นี้

6
1.) ประหยัดเวลา – ในการทางานบ้านจะต้องมีการวางแผนการทางาน เพื่อให้ทางานสาเร็ จ
อย่างมีคุณภาพภายในเวลาที่กาหนด หรื อ ทางานบ้านพร้อมๆกันในช่วงเวลาเดียวกัน โดยการวาง
แผนการทางานอย่างเป็ นขั้นตอน เช่น แช่ผา้ เตรี ยมจะซักในระหว่างนั้นก็ไปกวาดบ้าน เป็ นต้น
2.) ประหยัดแรงงาน - การทางานบ้านบางงานอาจใช้เครื่ องอานวยความสะดวกมาช่วยเพื่อ
ประหยัดแรงงาน เช่น ใช้เครื่ องซักผ้าแทนการซักด้วยมือ ใช้เครื่ องดูดฝุ่ นแทนการปัดกวาด เป็ นต้น

3.) ประหยัดค่าใช้จ่าย – โดยก่อนที่จะซื้อสิ่งของทุกชนิด ต้องคานึงถึงความคุม้ ค่าของการใช้


งาน เช่น ในการซื้อเครื่ องใช้ไฟฟ้ าให้เลือกที่ยหี่ อ้ ที่เป็ นที่ยอมรับในเรื่ องคุณภาพ มีเครื่ องหมาย
รับประกันคุณภาพสินค้า ประหยัดไฟ เพื่อที่จะได้ไม่ตอ้ งซื้อเครื่ องใช้ไฟฟ้ าบ่อยๆ เป็ นต้น
3. เครื่องใช้ และ ของประดับในการจัด และ ตกแต่งบ้ าน
เครื่ องใช้ในบ้านเป็ นสิ่งของอานวยความสะดวกต่างๆในบ้าน ส่วนของประดับบ้านเป็ นสิ่งของที่
ใช้ในการตกแต่งบ้านให้สวยงาม ในการจัด และ ตกแต่งบ้านจะต้องมีการเลือกใช้เครื่ องใช้ และ
ของประดับให้เหมาะสมกับบ้าน และ ฐานะทางการเงินของแต่ละบ้าน ดังนี้
3.1 เครื่ องใช้ในการจัด และ ตกแต่งบ้าน
อุปกรณ์เครื่ องใช้ที่ใช้ในการจัด และ ตกแต่งบ้าน ควรเป็ นสิ่งของเครื่ องใช้ที่มีความจาเป็ น และ
สร้างความสะดวกสบายให้แก่สมาชิกในครอบครัว โดยทัว่ ไปเครื่ องใช้ในการจัดการ และ ตกแต่ง
บ้านแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ดังนี้
1.) เครื่ องใช้ประเภทที่ติดกับอาคาร – เป็ นเครื่ องใช้ในบ้านที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ (built-
in) เช่น ตูต้ ิดผนัง โต๊ะติดผนัง เป็ นต้น ถ้าหากมีการเคลื่อนย้าย อาจทาให้ผนังหรื ออุปกรณ์ตกแต่ง
บ้าน และ เครื่ องใช้ในบ้านเกิดความเสียหายได้
ข้อดี และ ข้อจากัดของเครื่ องใช้ และ เครื่ องเรื อนประเภทนี้ เช่น
ข้อดี: 1. มีโครงการสร้างอุปกรณ์แข็งแรง และ เหมาะสมกับพื้นที่ที่ใช้ในการติดตั้ง
2. มีพ้นื ที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการติดตั้งกับพื้นชิดผนัง และ แขวนหรื อติดตั้งกับเพดาน
ของบ้าน ทาให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์เครื่ องใช้ต่างๆ จึงเหลือพื้นที่ในการใช้สอยมาก
ขึ้น
3. ประหยัดวัสดุ เพราะโครงสร้างอุปกรณ์บางส่วนสามารถอาศัยโครงสร้างของตัวอาคารได้
เช่น พื้น ผนัง เพดาน เสา เป็ นต้น
ข้อจากัด:
1. เคลื่อนย้าย แก้ไขรู ปแบบ และ ซ่อมแซมได้ยาก
2. ใช้ตนั ทุนในการผลิตสูงเพราะต้องใช้เครื่ องมือ และ แรงงานจานวนมากในการผลิต
3. โครงสร้างของตัวอาคารจะได้รับความชารุ ดเสียหาย เมื่อถอดอุปกรณ์เครื่ องใช้ต่างๆออก

7
เครื่ องใช้ ประเภทที่ติดกับอาคาร เหมาะสาหรั บบ้ านที่ต้องการพืน้ ที่ใช้ สอยมาก

2.) เครื่ องใช้ประเภทลอยตัว – เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัด และ ตกแต่งบ้านที่ผลิตเป็ นชิ้น เช่น โต๊ะ
ตู้ เก้าอี้ เตียง เป็ นต้น
ข้อดี และ ข้อจากัดของเครื่ องใช้ และ เครื่ องเรื อนประเภทนี้ เช่น
ข้อดี: 1. สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก และ จัดวางที่ใหม่ได้ง่าย
2. มีราคาถูกกว่าประเภทประกอบติดกับตัวอาคาร เพราะเครื่ องใช้ในบ้านประเภทนี้ผา่ นการ
ผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะผลิตได้ครั้งละมากๆ ทาให้มีหลายรู ปแบบ และ หลายราคา
3. ซ่อมแซมบารุ งรักษาได้ง่าย เพราะบางชื้นส่วนของอุปกรณ์ และ เครื่ องใช้ประเภทนี้
สามารถหาซื้อมาซ่อมแซมได้
ข้อจากัด:
1. ขนาดของเครื่ องใช้อาจไม่เหมาะสมกับพื้นที่ที่ใช้ในการจัดวางอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจซื้อเครื่ องใช้ ควรวัดขนาดของพื้นที่ที่ตอ้ งการติดตั้งเสียก่อน
2. มีความแข็งแรงอยูภ่ ายใต้ขีดจากัด เพราะระบบโครงสร้างของอุปกรณ์จะรองรับน้ าหนัก
ด้วยตัวของมันเองเท่านั้น ไม่ได้มีโครงสร้างของตัวอาคารมาช่วยในการรับน้ าหนัก
เหมือนเครื่ องใช้ประเภทติดกับตัวอาคาร
3. บางชื้นจะมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากใช้ระบบการผลิตคราวละมากๆ ทาให้
คุณภาพลดลงกว่าการผลิตคราวละน้อยๆ
3.2 ของประดับที่ใช้ในการจัด และ ตกแต่งบ้าน
ของประดับตกแต่งบ้าน เป็ นอุปกรณ์ท่ีช่วยให้บา้ นเกิดความสวยงามมากกว่าประโยชน์ใช้
สอย ซึ่งการนาสิ่งของเครื่ องประดับมาจัด และ ตกแต่งบ้านจะขึ้นอยูก่ บั รสนิยม ฐานะทางการเงิน
ของสมาชิกในครอบครัว โดยของประดับที่ใช้ในการจัด และ ตกแต่งบ้านที่นิยมมีหลายชนิด แต่ใน
ที่น้ ีจะยกตัวอย่างพอสังเขป ดังนี้

8
1.) กรอบรู ป – การติดกรอบรู ปบนผนังเป็ นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้บา้ นสวยงามน่าอยู่ ลักษณะ
การติดกรอบรู ปอาจติดเป็ นกลุ่ม เป็ นคู่ หรื อ เดี่ยว โดยขึ้นอยูก่ บั เนื้อที่ และ รู ปแบบที่ตอ้ งการ
วิธีการติดกรอบรู ป
1. เลือกผนังที่โล่งๆในการติด เพื่อที่กรอบรู ปจะได้มีความโดดเด่น ไม่ปะปนกับสิ่งอื่นๆที่ติด
อยูบ่ นผนัง
2. เลือกที่ที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง เพื่อที่จะได้มองเห็นภาพชัดเจน
3. เลือกกรอบรู ปให้เหมาะสมกับบริ เวณที่ตอ้ งการจะติด
4. จัดองค์ประกอบของรู ปให้สวยงามและเหมาะสม
5. วัดระยะการวางกรอบรู ปให้แน่นอน แล้วเจาะบนผนังเพื่อแขวนรู ป แปะไว้ที่ยางเหนียวอีก
ทีหนึ่ง เพื่อจะได้ไม่ตอ้ งเจาะผนัง
2.) โคมไฟ – ในปัจจุบนั โคมไฟมีมากมายหลายรู ปแบบที่สวยงาม สามารถนามาใช้ในการ
ประดับ และ ตกแต่งบ้านให้สวยงาม ช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆภายในบ้านให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น อีก
ทั้งยังเป็ นการเพิ่มแสงสว่างให้กบั มุมมืดของบ้าน ทาให้บา้ นดูกว้างขึ้นอีกด้วย
โคมไฟในการตกแต่งบ้านมีหลากหลายประเภท เช่น
1. โคมไฟส่องสว่าง โคมไฟตั้งพื้นเป็ นโคมไฟส่องสว่างให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆในบ้าน โคม
ไฟติดเพดาน หรื อ โคมไฟระย้า ช่วยเพิ่มความหรู หราให้กบั บ้าน และ ห้องต่างๆ
2. โคมไฟสาหรับทางาน หรื อ โคมไฟตั้งโต๊ะ แสงไฟประเภทนี้ช่วยในการอ่านหนังสือ หรื อ
ทางาน โดยให้แสงสว่างเน้นเฉพาะจุด สามารถปรับเปลี่ยนมุมการจัดวางได้ เคลื่อนย้ายได้
ง่ายดาย
3. โคมไฟเน้นเฉพาะจุด ใช้ในการสร้างบรรยากาศ อารมณ์ ความรู้สึก เช่น โคมไฟส่องงาน
ศิลปะ โคมไฟภายในตูโ้ ชว์ ใช้สาหรับเน้นของภายในตู้ เป็ นต้น

กรอบรู ปติดผนังควรติดที่ผนังโล่งๆ เพื่อความสวยงามและโดดเด่ น


โคมไฟ เป็ นทั้งของใช้ สอและของประดับตกแต่ งเพิ่มความสวยงาม

9
3.) สติ๊กเกอร์ติดผนัง (Wall Sticker) เป็ นอุปกรณ์ตกแต่งผนังให้สวยงาม สามารถนาไป
ตกแต่งได้ในหลายพื้นผิว โดยติดได้ท้งั ประตู หน้าต่าง และ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งสามารถซื้อมาติดได้เอง
จากห้างสรรพสินค้า และ เว็บไซต์ที่จาหน่ายสติ๊กเกอร์ติดผนัง สามารถลอกออกได้ง่าย โดยไม่
ทาลายพื้นผิวของผนัง
วิธีการติดสติ๊กเกอร์ติดผนัง
1. ทาความสะอาดบริ เวณผนังที่ตอ้ งการติดสติ๊กเกอร์ โดยใช้ผา้ ชุบน้ าเช็ดผนังบริ เวรนั้น
เพื่อให้ง่ายต่อการติด และ ขยับสติ๊กเกอร์
2. ลอกแผ่นสติ๊กเกอร์ออกมาติดที่ผนังทีละชิ้น
3. ติดโดยเริ่ มจากมุมใดมุมหนึ่งของสติ๊กเกอร์แต่ละชิ้น ถ้าติดเบี้ยวหรื อติดผิดตาแหน่ง
สามารถดึงออกแล้วติดใหม่ได้
4. เมื่อติดสติ๊กเกอร์ลงบนบริ เวณที่ตอ้ งการแล้วให้ใช้ผา้ รี ดเพื่อไล่ฟองอากาศออกจาก
สติ๊กเกอร์ จะทาให้สติ๊กเกอร์เรี ยบเนียนเป็ นเนื้อเดียวกับผนัง
5. กดทับสติ๊กเกอร์ เพื่อให้ภาพติดแน่น ไม่หลุดออกง่าย

สติ๊กเกอร์ ติดผนัง เป็ นของประดับตกแต่ งบ้ านที่สามารถเปลี่ยนลวดลายได้ บ่อยตามต้ องการ

4. การจัด และ ตกแต่งบ้ าน


บ้านที่น่าอยูจ่ ะต้องสะอาด จัดตกแต่งสวยงามตามรสนิยมของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งในการจัด
และ ตกแต่งบ้าน จะต้องจัด และ ตกแต่งบ้านทั้งในบ้าน และ บริ เวณบ้าน ดังนี้
4.1 การจัด และ ตกแต่งบ้านที่มีบริ เวณ
บริ เวณบ้านจัดเป็ นส่วนหนึ่งของบ้านที่สามารถสร้างบรรยากาศ และ ความรู้สึกที่ดีให้แก่
สมาชิกในครอบครัว และ ผูท้ ี่พบเห็น ดังนั้น จึงควรจัด และ ตกแต่งให้สวยงามอยูเ่ สมอ

10
ส่วนประกอบของบ้าน ได้แก่ บริ เวณหน้าบ้าน บริ เวณด้านข้างของบ้าน และ บริ เวณหลังบ้าน
โดยบริ เวณหน้าบ้าน เป็ นบริ เวณที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกบ้าน เป็ นด้านหน้าของบ้าน ซึ่ง
ประกอบด้วยรั้วบ้าน ประตูร้ ัว และ สนามหน้าบ้าน ส่วนบริ เวณด้านข้างของบ้านซึ่งอาจอยูต่ ิดกับ
เพื่อนบ้าน โดยมีร้ ัวแบ่งเนื้อที่ และ บริ เวณ บางบ้านอาจใช้เป็ นพื้นที่สาหรับปลูกต้นไม้ และ ส่วน
บริ เวณหลังบ้าน เป็ นบริ เวณที่อยูด่ า้ นหลังของบ้าน อาจจัดไว้เป็ นพื้นที่สาหรับพักผ่อน นอนเล่น
นัง่ เล่น หรื อ เล่นกีฬา ซึ่งการจัด และ ตกแต่งบริ เวณบ้านให้สวยงามน่าอยู่ มีดงั นี้
1.) ตกแต่งด้วยต้นไม้ – เป็ นการจัด และ ตกแต่งบริ เวณบ้านให้สวยงาม ร่ มรื่ นโดยใช้ตน้ ไม้
ประเภทต่างๆ เช่น ไม้ผล ไม้ยนื ต้น ไม้ดอก เป็ นต้น
2.) ตกแต่งด้วยการจัดสวน – เป็ นการจัด และ ตกแต่งบ้าน โดยเลียนแบบธรรมชาติ เช่น จาลอง
ป่ า ภูเขา น้ าตกมาไว้ในบริ เวณบ้าน หรื อ ที่เรี ยกว่า สวนหย่อม ซึ่งเป็ นวิธีการจัด และ
ตกแต่งที่เพิ่มความสวยงาม สดชื่น ให้แก่บา้ น
3.) ตกแต่งด้วยสิ่งประดิษฐ์ – เป็ นการจัด และ ตกแต่งบริ เวณบ้านด้วยสิ่งที่สร้างขึ้นไว้ใช้
สาหรับตกแต่ง เช่น โคมไฟสนาม รู ปปั้น ตุ๊กตาปั้น เก้าอี้สนาม กระถางรู ปทรงต่างๆ เป็ น
ต้น

โอ่ งนา้ ล้น เป็ นสิ่งประดิษฐ์ ที่ใช้ สาหรั บจัด และ ตกแต่ งบริ เวณบ้ านให้ สวยงาม

4.2 การจัด และ ตกแต่งบ้านที่ไม่มีบริ เวณ


บ้านที่ไม่มบี ริ เวณมักเป็ นบ้านที่เป็ นห้องติดๆกัน หันหน้าออกถนน หรื อ หันเสาเข้าหากันมี
ทางเดินกั้นระหว่างกลางหรื อมีทางเดินร่ วมกัน แต่ละห้องมีความลึกมากกว่าความกว้าง มีฝาผนัง
บ้านร่ วมกัน เช่น ห้องเช่า ห้องแถว ห้องชุด เป็ นต้น ซึ่งสามารถจัด และ ตกแต่งให้สวยงามน่าอยูไ่ ด้
ดังนี้

11
1.) การจัด และ ตกแต่งห้องเช่า และ ห้องแถว – ต้องอาศัยความช่างคิด ช่างดัดแปลง และ
การวางแผนที่ดีเป็ นสิ่งที่จาเป็ น และ สาคัญอย่างยิง่ เนื่องจากที่มีพ้นื ที่ใช้สอยค่อนข้าง
จากัด จึงต้องมีการวางแผน และ ออกแบบ เพื่อให้สามารถใช้พ้นื ที่ทุกตารางงนิ้วให้เป็ น
ประโยชน์ได้มากที่สุด ห้องเช่า และ ห้องแถวก็จะสวยงามน่าอยู่ โดยมีหลัก ดังนี้
1. จัดพื้นที่ใช้สอยให้ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ เช่น จัดพื้นที่นงั่ เล่น พักผ่อน
และ รับประทานอาหารไว้ดว้ ยกัน เป็ นต้น
2. ตกแต่งพื้นที่ใช้สอยให้ดูเรี ยบโล่ง โปร่ ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่วางตู้ หรื อ
สิ่งของปิ ดประตู หน้าต่าง และ ช่องลม ไม่ควรกั้นผนังทึบ เพราะจะทาให้หอ้ งดู
แคบ
3. แบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้เหมาะสม ถ้าต้องการกั้นพื้นที่ ควรกั้นด้วยฉาก
หรื อ ม่านที่เลื่อนเปิ ดปิ ดได้ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้อย่าง
สะดวก หรื อ จะกั้นโดยใช้ช้นั วางของเตี้ยๆ เพื่อช่วยให้หอ้ งดูไม่ทึบ หรื อ อึดอัด
4. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ ที่หนึ่งชิ้นสามารถใช้งานได้หลายอย่างแทน
การใช้เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น เช่น เตียงที่ดา้ นล่างมีลิ้นชักไว้เก็บของ โซฟาที่
ด้านล่างมีลิ้นชักสาหรับเก็บของ โต๊ะเครื่ องแป้ งที่สามารถปรับใช้เป็ นโต๊ะทางาน
ได้ โต๊ะ และ เก้าอี้ที่สามารถพักเก็บได้ เมื่อเวลาไม่ได้ใช้งาน เป็ นต้น
5. ใช้โทนสีสว่าง และ สีอ่อน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ผนัง พื้น และ ของตกแต่ง เพื่อช่วย
ให้หอ้ งดูกว้างขึ้น เช่น สีฟ้า สีขาว เป็ นต้น เพื่อให้หอ้ งดูสดใส สบายตา

เตียงที่มีลนิ ้ ชักด้ านล่างเอาไว้ เก็บของ เป็ นเฟอร์ นิเจอร์ อเนกประสงค์


เหมาะสาหรั บบ้ านที่มีพืน้ ที่ใช้ สอยน้ อย

12
2.) การจัด และ ตกแต่งห้องชุด
ปัจจุบนั ห้องชุด หรื อ คอนโดมิเนียมเป็ นที่อยูอ่ าศัยที่ได้รับความนิยม เนื่องจากส่วนใหญ่
ตั้งอยูใ่ จกลางเมืองหรื อย่านธุรกิจ มีความสะดวกสบาย และ เป็ นส่วนตัว เหมาะกับชีวิตการทางานที่
ต้องเร่ งรี บ และ แข่งกับเวลาของคนในยุคปัจจุบนั แต่ขอ้ จากัดของอาคารชุด คือมีพ้นื ที่ใช้สอยจากัด
ดังนั้น ในการจัด และ ตกแต่งห้องชุดให้น่าอยูจ่ ึงต้องมีการวางแผนที่ดี มีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้
สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง และ เป็ นห้องอนเกประสงค์ที่มีท้งั ห้องนอน มุมนัง่ เล่นอ่าน
หนังสือ และ รับประทานอาหารได้ดว้ ย และ นาหลักศิลปะเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อให้หอ้ งดูสวยงาม
น่าอยู่ ซึ่งมีหลักการจัด และ ตกแต่ง ดังนี้

1. เลือกพื้นผิวของผนัง ฝ้ า ละ เพดานที่เรี ยบ ไม่มีลวดลาย จะทาให้หอ้ งน่าอยู่ ดูโล่งโปร่ ง และ


สบายตา
2. ใช้โทนสีสว่าง และ สีอ่อน ทั้งผนัง พื้น และ ของตกแต่ง เพื่อช่วยให้หอ้ งดูกว้างขึ้น
นอกจากนี้จะต้องพยายามเปิ ดช่องแสงเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายนอก จะทาให้กว้าง และ มีมิติ
3. ใช้เครื่ องเรื อน หรื อ เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเหมาะสม ไม่ใหญ่หรื อเล็กจนเกินไปใช้งานได้
อย่างอเนกประสงค์ เช่น เตียงที่สามารถปรับเป็ นโซฟาได้ โซฟาที่ดา้ นล่างมีที่เก็บของ
เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเก็บแบบซ่อนชิ้นเล็กในชิ้นใหญ่ได้ เป็ นต้น และ ทามาจากวัสดุที่มีผดิ
เรี ยบมันสะท้อนแสงได้ หรื อ ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบเป็ นกระจกเงา จะทาให้หอ้ งดู
กว้างขึ้น
4. จัดวางเครื่ องใช้สอยให้เหมาะสม เช่น เตียงนอนควรจัดไว้ส่วนในสุดของห้องเพื่อความเป็ น
ส่วนตัว ส่วนบริ เวณพักผ่อน ควรมีตเู้ ตี้ยๆ สาหรับวางโทรทัศน์ เครื่ องเสียง และ มีชุด
รับแขก หรื อ เก้าอี้สาหรับนัง่ พักผ่อน หรื อ เครื่ องออกกาลังกาย ซึ่งเลือกซื้อแบบที่สามารถ
พับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน

5. การจัด และ ตกแต่งสวนในบริเวณบ้ าน


บริ เวณบ้านได้แก่ บริ เวณหน้าบ้าน ด้านข้างของบ้าน บริ เวณหลังบ้าน ซึ่งบริ เวณบ้านสามารถจัด
และ ตกแต่งให้สวยงามได้โดยการจัดสวนที่นาเอาองค์ประกอบทั้งที่เป็ นธรรมชาติ เช่น พันธุไ์ ม้
ต่างๆ ปลาสวยงาม หิน กรวด เป็ นต้น และ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นศาลา โต๊ะ เก้าอี้สนาม น้ าตก
จาลอง น้ าพุ เป็ นต้น มาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อม และ บรรยากาศที่ดีภายในบริ เวณ
บ้าน และ เป็ นมุมพักผ่อนของสมาชิกในครอบครัวได้เป็ นอย่างดี

13
5.1 ความสาคัญของการจัดสวนในบริ เวณบ้าน
การจัดสวนภายในบริ เวณบ้านมีความสาคัญต่อสมาชิกในสมาชิกในครอบครัว เพราะการจัด
สวนทาให้เราสามารถเรี ยนรู้ถึงการนาพันธุไ์ ม้ที่มีอยูอ่ ย่างหลากหลาย และ วัสดุต่างๆ มาจัดรวมกัน
ในสถานที่จากัด การจัดสวนทาให้บริ เวณบ้านสะอาด เป็ นระเบียบ สวยงาม และ ลดมลพิษต่างๆ
โดยเฉพาะสนามหญ้า เพราะหญ้าสามารถกรองฝุ่ นละอองได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยงั ทาให้มีพ้นื ที่ที่เป็ น
สัดส่วน มีมุมพักส่วนตัว เสริ มบ้าน และ อาคารให้สวยงามยิง่ ขึ้น และ ทาให้สมาชิกในครอบครัว
อาศัยอยูใ่ นบ้านได้อย่างมีความสุข
การจัดสวนในบริ เวณบ้านให้น่าอยู่ สมาชิกในบ้านสามารถทาเองได้ เป็ นการใช้เวลาว่างให้
เป็ นประโยชน์ อุปกรณ์ในการจัดสวนสามารถหาได้ในท้องถิน่ เช่น พันธุไ์ ม้ หญ้าปลูก หิน ไม้ เป็ น
ต้น
ในการออกแบบเพือ่ จัดสวนต้องนาหลักศิลปะเข้ามาช่วย เพือ่ ให้สวยดูสวยงาม มีความสมดุล
และกลมกลืนกับตัวบ้าน โดยอาศัยองค์ประกอบในการจัดสวน เช่น เส้น รู ปร่ าง สัดส่วน สี พื้นผิว
เป็ นต้น หลักในการออกแบบ เช่น การจัดดุลยภาพ เอกภาพ ความกลมกลืน ความขัดแย้ง การเน้นให้
เกิดจุดเด่น และ การจัดองค์ประกอบในการออกแบบ ซึ่งประกอบด้วยส่วนประธานเป็ นส่วนที่
สาคัญที่สุดในการออกแบบ ในส่วนของรองประธานเป็ นส่วนที่ช่วยเสริ มให้ส่วนประธานให้ดูเด่น
และ มีคุณค่า
5.2 รู ปแบบของการจัดสวนในบริ เวณบ้าน
การจัดสวนในบริ เวณบ้านจะต้องคานึงถึงความเหมาะสมของตัวบ้าน พื้นที่ในการจัดสวน
และ รู ปแบบในการจัดสวน ซึ่งจะต้องเลือกรู ปแบบของการจัดสวนให้เหมาะกับบ้าน เพราะจะช่วย
ทาให้บา้ นดูสวยงามมากยิง่ ขึ้น รู ปแบบของการจัดสวนมี 4 แบบ ดังนี้
1.) สวนประดิษฐ์ (Formal Styles) คือ การจัดสวนบนพื้นที่ราบเรี ยบไม่มีระดับสูงต่า และ การ
จัดวางต้นไม้หรื อวัตถุต่างๆ จะต้องมีความสมดุล โดยที่ตน้ ไม้หรื อวัตถุน้ นั ต้องเป็ นชนิด
เดียวกัน มีขนาด จานวน รู ปร่ าง และ ระยะห่างเท่ากัน จึงต้องใช้เนื้อที่ในการจัดมาก ซึ่ง
รู ปทรงของต้นไม้ หรื อ วัตถุต่างๆ มักมีรูปทรงแบบเรขาคณิ ตแบบเดียวกัน และ ไม่นิยมให้
ต้นไม้เติบโตตามธรรมชาติ เพราะอาจทาลายแปลนที่กาหนดไว้ ทาให้สวนผิดรู ปแบบ ไม่
สวยงามได้
2.) สวนธรรมชาติ (Informal Styles) คือ การจัดสวนเลียนแบบธรรมชาติ โดยจะจัดให้เป็ นเนิน
ลดหลัน่ กัน มีพ้นื ที่สูงๆต่าๆ สลับกับที่ราบเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ การจัดวาง
ต้นไม้ และ วัตถุจะต้องเกิดความสมดุลแบบธรรมชาติ ส่วนชนิด รู ปทรง ขนาด จานวน
พันธุไ์ ม้ และ ระยะการปลูกไม่จาเป็ นต้องเหมือนกัน หรื อ เท่ากันเหมือนสวนประดิษฐ์
เพราะจะผิดไปจากธรรมชาติ ซึ่งที่สาคัญผูจ้ ดั ควรเข้าใจหลักการเกิดตามธรรมชาติ เพื่อจะ
ให้ได้จดั สวนเหมือนกับธรรมชาติจริ งๆ
14
3.) สวนจินตนาการ (imaginative Styles) คือ การจัดสวนในโอกาสพิเศษ หรื อ เพื่อการแสดง
โดยนิยมใช้ตน้ ไม้ที่ตดั แต่งรู ปเป็ นลักษณะพิเศษตามจินตนาการของผูจ้ ดั เพื่อให้เข้ากับ
บรรยากาศ และ เนื้อหาที่จดั แสดง นอกจากนี้ยงั สามารถนาสถาปัตยกรรมสมัยโบราณ เช่น
เสากรี กโรมัน ซุม้ ประตู เป็ นต้น มาใช้ในการจัดสวนอีกด้วย
4.) สวนนามธรรม (Abstract Styles) คือ การจัดต้นไม้เป็ นกลุ่มใหญ่เน้นเรื่ องการใช้สีของ
ต้นไม้ และ นิยมใช้พุ่มไม้ในการจัด ซึ่งการนาต้นไม้ หรื อ วัตถุมาจัดวางจะต้องมีจงั หวะ
เส้นสาย และ ช่องว่าง ตามแบบศิลปะสมัยใหม่ เพราะต้องการให้มีความแตกต่างกับ
รู ปแบบของการจัดสวนแบบเดิมๆ โดยเน้นการจัดเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของผู้
จัดเป็ นหลัก ซึ่งคานึงถึงประโยชน์ใช้สอยรองลงมา

การจัดสวนในบริ เวณบ้ านมีหลายแบบ แต่ ที่นิยมกันมีอยู่2แบบ คือ


สวนประดิษฐ์ (ภาพซ้ าย) และสวนธรรมชาติ(ภาพขวา)

การดาเนินการจัดสวนในบริ เวณบ้าน
หลังจากออกแบบจัดสวนเป็ นที่พงึ พอใจสาหรับตนเอง และ สมาชิกในครอบครัวแล้วก็
จะต้องเตรี ยมวัสดุอุปกรณ์ในการจัดสวนประกวดด้วยพันธุไ์ ม้ต่างๆ เช่น ไม้ยนื ต้น ไม้เลื้อย ไม้คลุม
ดิน หญ้า เป็ นต้น วัสดุปูพ้นื เช่น อิบ กระเบื้อง เซรามิก หิน กรวด เป็ นต้น วัสดุตกแต่งสนาม เช่น
หิน เก้าอี้สนาม รู ปปั้น โคมไฟสนาม เป็ นต้น วัสดุที่ใช้ในการปลูก เช่น ดิน ทราย ปุ๋ ย เป็ นต้น และ
เครื่ องมือในการจัดสวน เช่น พลัว่ จอบ เสียม กรรไกรตัดแต่งกิ่ง เป็ นต้น หลังจากที่เตรี ยมวัสดุ
อุปกรณ์ในการสวนเรี ยบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการดาเนินการจัดสวน ซึ่งขั้นตอนการดาเนินการ
จัดสวน มีดงั นี้

15
1. ปรับดินให้เรี ยบตามต้องการโดยถากดินในบริ เวณที่สูงเกินไปออก และ นาดินนั้น
ไปถมจุดที่ต่า เพื่อให้ดินเรี ยบเสมอกัน ถ้าบริ เวณใดต้องการทาเป็ นเนินก็ให้เอาปูน
ขาวโรยบริ เวณนั้นเพื่อแสดงขอบเขต และ ทยอยเอาดินไปถมบริ เวณปูนขาวให้สูง
ตามที่ตอ้ งการ ซึ่งควรรดน้ า และ ยา่ ให้ดินแน่น ไม่เป็ นโพรงเพื่อป้ องกันการทรุ ด
ตัวในภายหลัง หลังจากนั้นควรรดน้ าให้ชุ่มมากๆ แล้วทิ้งไว้ 1 คืน จึงใช้ลกู กลิ้งบด
ให้เรี ยบ
2. เตรี ยมหลุมปลูกต้นไม้ และ กาจัดวัชพืช ซึ่งในระยะที่ขุดหลุมเพื่อเตรี ยมปลูก
ต้นไม้ควรกาจัดวัชพืชในบริ เวณพื้นออกมาให้มากที่สุด แล้วค่อยปลูกต้นไม้ โดย
ปลูกไม้ยนื ต้นก่อน แล้วจึงปลูกไม่พุ่ม ไม้เลื้อย ไม้คลุมดิน ตามลาดับ
3. วางก้อนหินที่มีรูปทรงต่างๆ ตามธรรมชาติ ซึ่งสีของหินที่นิยมใช้ เช่น สีน้ าตาล สี
แดง สีม่วง เป็ นต้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้กอ้ นหินที่มีสีตดั กัน และ สังเกตก้อนหิน
อย่างถี่ถว้ นว่าควรจะวางด้านไหน วางตรงไหน และ จมลงดินเท่าไร เพื่อให้เกิด
ความสมดุล และ สวยงาม

การจัดสวนในบริ เวณบ้ าน ส่ วนมากมักนิยมจัดแบบสวนประดิษฐ์ คือ ไม่นิยมให้ มีต้นไม้เติบโตตาม


ธรรมชาติ โดยจะตัดแต่ งรู ปทรงของต้ นไม้เป็ นรู ปเรขาคณิ ต และ
การจัดวางต้ นไม้จะต้ องมีความสมดุล

4. ปูหญ้าซึ่งก่อนที่จะปลูกหญ้า ควรปรับที่ให้เรี ยบ โดยใช้ดินถมหลุมอัดให้แน่น เพื่อ


ปรับระดับดินก่อนปลูกหญ้า โดยดูจากการระบายน้ าเมื่อฝนตกหรื อเมื่อรดน้ า
5. หลังจากที่ปูหญ้าเสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว ให้ปูทางเท้าตามแนวปูนขาวที่โรยเอาไว้ใน
ขณะที่ปลูกหญ้า ซึ่งวัสดุที่นามาปูเป็ นทางเท้ามีขนาด และ รู ปทรงต่างๆ เช่น รู
สี่เหลี่ยม วงกลม หกเหลี่ยม เป็ นต้น โดยเราจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาด และ
รู ปแบบของสวน

16
ทั้งนี้ การปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้รอบๆบ้าน บ้านจะช่วยทาให้เกิดร่ มเงาแก่บา้ น ป้ องกันบ้านไม่ให้
สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง และ ช่วยระบาย อากาศได้เป็ นอย่างดี เพราะต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียว
สามารถดูดความร้อน และ เพิ่มความเย็นให้แก่บา้ นได้ดี
การมีสวนน้ าในบ้าน เช่น สวนน้ าตก น้ าพุ บ่อบัว บ่อปลา เป็ นต้น จะให้ความรู้สึกเย็นสบาย
สงบ สดชื่น และ ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งสามารถสร้างความเย็นให้กบั บ้านได้ดีกว่าการ
เครื่ องปรับอากาศ และ อาจจะจัดมุมหนึ่งของสวนเป็ นลานนัง่ เล่น มีชิงช้า ศาลา หรื อ เก้าอี้สนามเพื่อ
ใช้เป็ นมุมพักผ่อนหย่อนใจ หรื อ ทากิจกรรมระหว่างกันในครอบครัว หรื อ เป็ นมุมสาหรับต้อนรับ
แขกเพื่อให้เกิดความประทับใจในบ้านของเรา

ในการจัดสวนภายในบริ เวณบ้ าน นอกจากสร้ างความร่ มรื่ นให้ แก่ บ้านแล้ว อาจจัดให้ มีศาลานั่งเล่น
ชิงช้ า เพื่อใช้ สาหรั บพักผ่อน หรื อ ต้ อนรั บแขก และ อาจทาสระบัว บ่ อปลา นา้ พุ
เพื่อให้ ร้ ู สึกเย็นสบาย

17
เสริมสาระ
พันธุไ์ ม้มงคลที่ใช้ในการจัดสวน
ต้นไม้ที่นามาปลูก หรื อจัดสวนในบริ เวณบ้าน นอกจากจะให้ความร่ วมรื่ น และ ความสวยงาม
แล้ว ยังสามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสยั ของเจ้าของบ้านได้อีกด้วย และ เชื่อกันว่าเมื่อนาต้นไม้ที่มี
ชื่อเป็ นมงคลมาปลูกในบริ เวณบ้าน บ้านนั้นก็จะมีแต่เรื่ องที่เป็ นมงคล และ สมาชิกในบ้านก็จะพบ
เจอแต่สิ่งที่ดี ซึ่งจะขอยกตัวอย่างพันธุไ์ ม้มงคลที่คนส่วนใหญ่นิยมปลูก ดังนี้

18
5.4 การดูแลรักษา และ ตกแต่งสวนในบริ เวณบ้าน
สวนในบ้านจะสวยงามได้ ไม่ได้อยูก่ บั การออกแบบแปลนสวน และ การปลูกต้นไม้เท่านั้น
หากแต่การดูแลรักษา และ ตกแต่งสวนก็เป็ นสิ่งสาคัญ เพราะสวนจะสวยงามตามความต้องการหรื อ
จุดมุ่งหมายของผูอ้ อกแบบหรื อเจ้าของบ้าน หรื อ ผูอ้ อกแบบนั้น ย่อมขึ้นอยูก่ บั การดูแลรักษา และ
ตกแต่งสวนให้มีสภาพดีอยูเ่ สมอ
การดูแลรักษา และ ตกแต่งสวนภายในบ้านเป็ นกระบวนการรักษาสภาพของสวนในบ้านให้
มีความสวยงามตามรู ปแบบที่จดั ตกแต่งไว้ ซึ่งการดูแลรักษา และ ตกแต่งสวนประกอบด้วยการตัด
แต่งรู ปทรงของต้นไม้ การบารุ งรักษาสนามหญ้า การให้ปุ๋ย การป้ องกัน และ การกาจัดศัตรู ของ
ต้นไม้ และ การปรับปรุ งสวน
1.) การตัดแต่งรู ปทรงของต้นไม้
1. ศึกษาลักษณะธรรมชาติที่แท้จริ งของต้นไม้ และ ส้รางมโนภาพลักษณะของ
ต้นไม้หลังตัด
2. ศึกษาการเจริ ญเติบโตตามธรรมชาติของพรรณไม้
3. ตัดหรื อซอยกิ่งที่ตายไป เป็ นโรค กิ่งที่แตกกิ่งก้านแน่นหนาเกินไป
4. ตัดแต่งเป็ นรู ปทรง

วิธีการตัดแต่งรู ปทรงของต้นไม้ มี4วิธี ดังนี้


1. การตัดแต่งกิ่งขั้นต้น (Pinching) – การตัดแต่งกิ่งโดยการใช้หวั แม่มือกับนิ้วชี้เด็ดยอดอ่อน
ซึ่งการเด็ดยอดอ่อน จะช่วยควบคุมการเจริ ญเติบโตของต้นไม้ เช่น เด็ดยอดอ่อนด้านข้าง
เพื่อช่วยเร่ งการเจริ ญเติบโตของกิ่งข้าง เป็ นต้น
2. การตัดกิ่งออกจากลาต้นใหญ่ท้งั กิ่ง (Thinning) – เพื่อทาให้ทรงพุ่มไม้ดูโปร่ งขึ้นไม่รกรุ งรัง
แสง ลม และ ความชื้นสามารถพัดผ่านในพุ่มของต้นไม้ได้ และ ทาให้ลกั ษณะของต้นไม้
ดาดชื่นอยูต่ ลอดเวลา
19
3. การตัดกิ่งให้ส้ นั ด้วยการตัดตาด้านข้าง (Heading Back) โดยตัดให้ถึงส่วนต่อของกิ่งหรื อตา
ซึ่งจะทาให้เกิดกิ่งเล็กๆอีกมากมาย
4. การตัดแต่งผิวของพุ่มใบให้ได้ทรงตามต้องการ (Shearing) โดยไม่คานึงถึงการตัดกิ่งที่
จะต้องอยูเ่ หนือตา หรื อ ข้อตา
ทั้งนี้ การตัดแต่งรู ปทรงของต้นไม้ควรจะตัดแต่งหลายๆแบบในต้นเดียวกัน เพราะถ้าตัดแต่ง
แบบใดแบบหนึ่งมากเกินไป จะทาให้ตน้ ไม้มีรูปร่ างรู ปทรงที่ไม่สวยงาม เช่น การตัดแต่งต้นไม้
แบบการตัดกิ่งให้ส้ นั ด้วยการตัดตาด้านข้าง (Heading Back) อย่างเดียวจะทาให้พุ่มหนาเกินไป หรื อ
การตัดกิ่งออกจากลาต้นใหญ่ท้งั กิ่ง (Thinning) อย่างเดียว จะทาให้รูปทรงยืดยาวไม่สวยงาม เป็ นต้น
ดังนั้น การจะตัดแต่งต้นไม้ในรู ปทรงแบบใดนั้นขึ้นอยูก่ บั จุดหมาย ดังต่อไปนี้
1. ตัดแต่งเพื่อให้พุ่มใบบางลง เพื่อทาให้พุ่มโปร่ งขึ้นให้แสง ลม และ ความชื้นพัดผ่านในพุ่ม
ของต้นไม้ และ เป็ นการป้ องกันกิ่งหัก เมื่อมีลม และ ฝนแรง หรื อทาให้ลกั ษณะของต้นไม้
ดูสดชื่นอยูต่ ลอดเวลา โดยการตัดแต่งกิ่ง และ ใบ ที่แห้งตายไป
2. ช่วยซ่อมแซมลักษณะทรงพุ่ม เช่น เมื่อกิ่งหักคาต้นหลังจากถูกพายุ จึงควรตัดเพื่อป้ องกัน
โรคที่จะลุกลาม
3. เพื่อเพิ่มผลผลิต โดยทาให้ตน้ ไม้ออกดอก และ ผลมากขึ้น
4. เพื่อควบคุม และ ส่งเสริ มการเจริ ญเติบโตของต้นไม้ เมื่อเราตัดกิ่งที่เสียออก ต้นไมจะ
เจริ ญเติบโตขึ้น โดยที่เราสามารถควบคุมรู ปทรงของต้นไม้ให้เป็ นไปตามที่ตอ้ งการได้
5. เพื่อให้ได้รูปทรงต่างๆกัน เช่น รู ปสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม เป็ นต้น ซึ่งเหมาะสาหรับ
การใช้ตกแต่งสถานที่
6. ช่วยในการขนย้ายต้นไม้ เมื่อต้นไม้เจริ ญเติบโตเต็มที่จะมีใบเป็ นพุ่มหนา และ มีราก
หนาแน่น ทาให้ยากต่อการโยกย้าย จึงจาเป็ นต้องตัดราก กิ่ง และ ใบบางส่วนออก เพื่อให้
ได้ความสมดุล และ ขนย้ายได้ง่ายขึ้น

การตัดแต่ งรู ปทรงของต้ นไม้ขึน้ อยู่กับจุดมุ่งหมาย การตัดแต่ งกิ่งขั้นต้ น(ภาพซ้ าย)


และ การตัดกิ่งออกจากลาต้ นใหญ่ ทั้งกิ่ง(ภาพขวา) เป็ นต้ น
20
2.) การบารุ งรักษาสนามหญ้า – การที่สนามหญ้าจะเขียงขจี และ สวยงามตลอดเวลาไม่ได้
ขึ้นอยูก่ บั วิธีปลูกเท่านั้น แต่ยงั ขึ้นอยูก่ บั การดูแลรักษาที่ถกู วิธีดว้ ย นัน่ คือ มีการตัดหญ้า รดน้ า ใส่ปุ๋ย
ดังนี้
1. การตัดหญ้า ควรตัดประมาณ 10-15 วันต่อครั้ง มิฉะนั้นหญ้าจะสูงเกินไปและอาจมีดอก ไม่
ควรตัดหญ้าในขณะที่สนามกาลังเปี ยกชื้น เพราะจะทาให้เครื่ องตัดหญ้าชารุ ดได้ และ เก็บเศษหญ้า
ออกเมื่อตัดเสร็ จ เพราะจะเป็ นแหล่งสะสมเชื้อโรค และ แมลง
2. การรดน้ าสนามหญ้า ควรรดทุกๆวัน วันละหนึ่งครั้ง แต่ถา้ เป็ นหญ้าที่เพิ่งปลูกใหม่ ควรรดน้ า
วันละ 2-3 ครั้ง และ รดน้ าให้ชุ่ม แต่อย่าปล่อยให้น้ าขังแฉะสนาม
3. การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยที่มียเู รี ยเดือนละครั้ง ใช้สูตร 30-10-20 หรื ออาจใส่ปุ๋ยชีวภาพหรื อปุ๋ ยอินทรี ย ์
และ รดน้ าทันทีที่ใส่ปุ๋ยทุกครั้ง
4. การป้ องกัน และ กาจัดศัตรู ของหญ้า โดนการตัดหญ้าบ่อยๆ เพื่อทาลายแหล่งอาหารของ
วัชพืช
3.) การปรับปรุ งสวน – สวนที่จดั ไว้อย่างสวยงาม เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ความสวยงามก็จะ
ลดลง ดังนั้น จึงจาเป็ นต้องมีการปรับปรุ ง เปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อให้สวนสวยงามดังเดิม ซึ่งก็ตอ้ งมี
การปรับปรุ ง ดังนี้
1. ดินในกระถาง: หากพบว่าดินนกระถางเหลือน้อยลง ให้เติมดินให้เต็มกระถาง และ ถ้าไม้
กระถางนั้นเติบโตเกินกว่าที่จะอยูใ่ นกระถาง ให้เปลี่ยนกระถานหรื อย้ายต้นไม้ไปปลูกลงดิน
2. พันธุไ์ ม้ต่างๆ: ไม่ว่าจะเป็ นไม้พุ่ม ไม้ตน้ ไม้เลื้อย ที่ปลูกในสวน เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี พันธุ์
ไม้ต่างๆเหล่านี้อาจจะเจริ ญเติบโตจนเบียดกัน จึงจาเป็ นต้องแยกออกบางต้น หรื อตัดแต่งให้ได้
ขนาดที่ตอ้ งการ และ เมื่อพบพันธุไ์ ม้ตายไปก็ควรจะรี บหาพันธุไ์ ม้น้ นั ๆมาปลูกทดแทน หรื อ จะ
เปลี่ยนแปลงพันธุไ์ ม้ชนิดอื่น ทั้งนี้ตอ้ งพิจารณาถึงความเหมาะสมของพันธุไ์ ม้น้ นั ๆ
3. สนามหญ้า: หากพบว่าหญ้าตายก็หาหญ้าใหม่มาปลูกแต่ให้เลือกหญ้าที่มีความทนทาน เช่น
หญ้ามาเลเซีย เป็ นต้น หรื อ อาจรื้ อหญ้าออกแล้วปูอิฐเป็ นลานพักผ่อน
4. องค์ประกอบอื่นๆ: เช่น รั้ว ทางเท้า เก้าอี้สนาม หรื อ สิ่งตกแต่งอื่นๆ เป็ นต้น จะต้องตรวจสอบ
สภาพการใช้งานอยูเ่ สมอหากมีส่วนใดชารุ ดเสียหาย ควรจะเปลี่ยนใหม่
นอกจากการปรับปรุ งสวนตามที่กล่าวมาแล้ว การเปลี่ยนแปลงสภาพสวนทั้งหมดทั้งหมดก็อาจะ
เกิดขึ้นได้โดยที่เจ้าของบ้านอาจจะเบื่อหน่ายกับความจาเจ หรื อ มีความจาเป็ นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
ให้เหมาะสมกับสภาพนั้นๆ เช่น การจัดสวนครั้งแรกเมื่อมีครอบครัวใหม่ๆ ต่อมาเมื่อมีสมาชิก
เพิ่มขึ้นจาเป็ นจะต้องมีสถานที่สาหรับเด็ก อาจจะต้องก่อบ่อทราย ชิงช้า บ้านตุ๊กตา จึงต้องมีการ
เปลี่ยนแปลงการจัดสวนใหม่ เป็ นต้น
4.)การป้ องกัน และ กาจัดศัตรู ของต้นไม้ - การเจริ ญเติบโตของต้นไม้ในธรรมชาติจะมี
ศัตรู พืชคอยรบกวน ดังนั้น จะต้องมีการฉีดพ่นน้ าหมักจุลินทรี ยเ์ พื่อกาจัด ศัตรู พืชต่างๆ
21
5.) การใส่ปุ๋ยต้นไม้ – ปุ๋ ยเป็ นปัจจัยที่สาคัญต่อการเจริ ญเติบโตของต้นไม้ เพราะเป็ นแหล่ง
ธาตุอาหารที่สาคัญที่ตน้ ไม้ตอ้ งการ เพื่อนาไปสร้างใบ กิ่ง ดอก และ ผล ให้กบั ต้นไม้ หรื อ
เสริ มสร้างให้ตน้ ไม้ที่ปลูกอยูใ่ นบริ เวณบ้านหรื ออาคารสถานที่เจริ ญเติบโตสมบูรณ์เต็มที่
ปุ๋ ยที่ใส่ตน้ ไม้มี 2 ประเภท ได้แก่ ปุ๋ ยอินทรี ย ์ ซึ่งเป็ นปุ๋ ยที่ได้จากสิ่งมีชีวิต เช่น ปุ๋ ยคอก ปุ๋ ย
หมัก ปุ๋ ยพืชสด ปุ๋ ยชีวภาพ เป็ นต้น ปุ๋ ยประเภทนี้จะสลายตัวค่อนข้างช้า และ มีคุณสมบัติในการ
ปรับปรุ งคุณภาพของดิน นอกจากนี้ปุ๋ยที่ใส่ตน้ ไม้ ยังมีอนินทรี ย ์ ซึ่งเป็ นปุ๋ ยที่สงั เคราะห์ข้ ึน มีธาตุ
อาหารต่างๆตามที่โรงงานผูผ้ ลิตกาหนด มีขายทัว่ ไปตามท้องตลาด ในการใส่ปุ๋ยต้นไม้จะต้อง
เลือกใช้ให้ถกู ต้องกับชนิดของต้นไม้

การจัด และ ตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่ ต้องคานึงถึงหลักความปลอดภัย ความ


สะอาด ถูกสุขลักษณะ ความสวยงาม และ ความประหยัด ซึ่งต้องเลือกเครื่ องใช้ และ ของ
ประดับให้เหมาะสมกับรู ปแบบของบ้าน และ ความต้องการของสมาชิกในครอบครัว โดย
อาศัยการวางแผนที่ดี และ การนาหลักศิลปะเข้ามาใช้ในการจัด และ ตกแต่ง นอกจากนี้
บริ เวณบ้านก็ยงั เป็ นส่วนที่ตอ้ งให้ความสาคัญในการตกแต่งเช่นเดียวกัน ดังนั้น สมาชิกใน
ครอบครัวจึงต้องช่วยดูแลรักษา และ จัดตกแต่งบ้านให้สวยงามน่าอยู่ เพื่อสร้างบรรยากาศ
และ ความรู้สึกที่ดีในครอบครัว

22
1

การงานพืน้ ฐานอาชีพ

ม.2

ความหมายและ

ความสาคัญของการจัดและตกแต่งบ้าน หลักการจัดและตกแต่งบ้าน ของตกแต่งบ้าน

การจัดและตกแต่ งบ้ าน

งานบ้ าน

การดูแลรักษาและตกแต่ งสวน

ความสาคัญของ การดูแลรักษาสวน การตกแต่งสวน

การดูแลรักษาและตกแต่งสวน
2

การจัดและตกแต่งบ้ าน

บ้ าน เป็ นที่พกั อาศัยของสมาชิกในครอบครัวเพื่อพักผ่อน นอนหลับ และทากิจกรรมต่างๆ การที่


สมาชิกในครอบครัวจะมีความสุขกายสบายใจ เมื่ออยูใ่ นบ้านได้น้ นั นอกจากต้องมีความรัก ความเข้าใจ และ
สันพันธภาพที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัวแล้ว การจัดแตะตกแต่งบ้านให้เป็ นระเบียบเรี ยบร้อยและ
สวยงามอยูเ่ สมอก็มีส่วนสาคัญเช่นเดียวกัน

ความหมายและความสาคัญของการจัดและตกแต่งบ้ าน

การจัดและตกแต่งบ้าน หมายถึง การจัดวางเครื่ องเรื อนและติดตั้งหรื อแขวนสิ่งของเครื่ องใช้ภายใน


บ้าน ระเบียง และทางเดินอย่างมีหลักการ เพื่อให้มีความเป็ นระเบียบเรี ยบร้อย สวยงาม สะดวกต่อการใช้งาน
น่าอยูอ่ าศัย ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดพลังงาน เป็ นที่พึงพอใจของผูอ้ ยูอ่ าศัยและผูม้ าเยีย่ มเยียน
3

หลักการจัดและตกแต่งบ้ าน

การจัดและตกแต่งบ้านควรคานึงถึงหลักการต่อไปนี้

1. ประโยชน์ ใช้ สอย การจัดและตกแต่งบ้านให้มีประโยชน์ใช้สอย ทาได้โดยการจัดวางเครื่ องเรื อนและติดตั้ง


หรื อแขวนสิ่งของเครื่ องใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง ตาแหน่งประตูหน้าต่าง และลักษณะการใช้งาน
ของห้องแต่ละห้องภายในบ้าน เช่น

- การจัดวางเครื่ องเรื อนและของตกแต่งขนาดกลางในห้องรับแขกขนาดกลาง ตูแ้ ละโซฟาจัดชิดผนัง


ชิดมุม ไม่ติดระตูหน้าต่าง เพื่อให้เดินเข้า-ออกได้สะดวก

- ห้องโถงห้องเดี่ยวที่มีความกว้างและยาว ต้องการแบ่งเป็ นห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร


สามารถกั้นด้วยฉากกั้นหรื อตูห้ นังสือได้

- แขวนมู่ลี่หรื อติดตั้งผ้าม่านบริ เวณหน้าต่างด้านทิศตะวันตกและตะวันออก เพื่อป้ องกันแสงแดด


ส่องถึงในเวลาสายและเวลาบ่าย

- ในห้องนอนควรจัดให้มีเครื่ องเรื อนน้อยชิ้นที่สุด เพื่อให้โปร่ งโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เหมาะ


สาหรับนอนพักผ่อน

2. ความประหยัด การจัดตกแต่งบ้านแบบประหยัดในที่น้ ี หมายถึง การประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัด


ทรัพยากร ปละประหยัดพลังงาน เช่น

- เลือกใช้ของตกแต่งบ้านที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น ไม่ตอ้ งเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซื้อและค่า


ขนส่งทางไกล

- ประดิษฐ์ของตกแต่งบ้านเองโดยใช้วสั ดุเหลือใช้ภายในบ้านให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อเป็ น


การประหยัดค่าใช้จ่ายและทรัพยากร

- จัดวางเครื่ องเรื อนไม่ให้บงั ทิศทางลม และใช้ผา้ ม่านหรื อมู่ลี่บงั แดดไม่ให้หอ้ งร้อน โดยไม่ตอ้ งใช้
พัดลมหรื อเครื่ องปรับอากาศ เป็ นการประหยัดพลังงานไฟฟ้ า
4

3. ความปลอดภัย การจัดและตกแต่งบ้านโดยคานึงถึงความปลอดภัยเป็ นการจัดและตกแต่งบ้านให้ผอู้ ยู่


อาศัยมีสุขภาพดีและปลอดภัยจากอุบตั ิเหตุ ดังตัวอย่าง

- จัดวางเครื่ องเรื อนและสิ่งของเครื่ องให้เป็ นระเบียบ ไม่เกะกะขวางทางเดินเพื่อป้ องกันการสะดุด


หกล้ม หรื อชนได้รับบาดเจ็บ

- จัดวางเครื่ องเรื อนในแต่ละห้อง ควรจัดให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มีแสงแดดส่องถึงบ้าง เพื่อ


ป้ องกันไม่ให้หอ้ งอับชื้น เป็ นแหล่งเพาะเชื้อโรค

- เลือกใช้เครื่ องเรื อน ของตกแต่ง และสิ่งของเครื่ องใช้ที่ทาจากวัสดุที่ไม่เป็ นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่


เก็บกักฝุ่ น หรื อเป็ นที่อยูข่ องสัตว์และแมลงต่างๆ เช่น ใช้ชุดรับแขกที่ทาจากไม้แผ่นใหญ่แทนชุดรับแขกที่
ทาจากไม้แกะสลักที่ทาความสะอาดได้ยากและเก็บกักฝุ่ น แจกันดอกไม้ กระถางต้นไม้ หรื ออ่างเลี้ยงปลา ถ้า
นามาใช้ในการตกแต่งบ้านให้สดชื่น ต้องหมัน่ ดูแลรักษาความสะอาดและเปลี่ยนน้ าบ่อยๆ เพราอาจเป็ น
แหล่งเพาะพันธุย์ งุ เชื้อรา ตลอดจนถึงจุลินทรี ยท์ ี่อาจทาให้เกิดอันตรายต่อผูท้ ี่อาศัยอยูใ่ นบ้านได้

4. ความสวยงาม การจัดและตกแต่งบ้านโดยคานึงถึงความสวยงาม เป็ นการนาหลักศิลปะเรื่ องสี รู ปทรง


สัดส่วน ผิวสัมผัส ความสมดุล ความกลมกลืน ความขัดแย้ง มาประยุกต์ใช้ เช่น

- การใช้ผา้ ม่านสีกลมกลืนกับสีของห้องหรื อสีของสิ่งตกแต่งและเครื่ องเรื อน

- การจัดวางกระถางต้นไม้ไว้ที่ระเบียงบ้าน 1 คู่ เป็ นกระถางชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน และเป็ น


ต้นไม้ชนิดเดียวกัน

การจัดและตกแต่งบ้านต้องนาหลักการเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน จึงจะได้บา้ นที่เป็ นระเบียบ


เรี ยบร้อย สวยงาม และน่าอยูอ่ าศัย

ของตกแต่งบ้ าน

ของตกแต่งบ้านมีมากมายให้เลือกซื้อหาตามร้านค้าทัว่ ไป และหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็
สามารถประดิษฐ์ข้ ึนเองได้ โดยใช้วสั ดุที่มีมากในท้องถิ่น
5

ของตกแต่งบ้านมีหลายประเภท ดังนี้

1. ภาพ ภาพที่นิยมนามาใช้ตกแต่งบ้านมีท้งั ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพต่อจิกซอว์ ภาพปักครอสสติตช์ และภาพ


ที่ประดิษฐ์ข้ ึนเองจากวัสดุธรรมชาติ นามาใส่กรอบแล้วแขวนติดผนัง ตั้งวางบนโต๊ะหรื อตูโ้ ชว์ในห้องต่างๆ
ซึ่งภาพที่อยูใ่ นแต่ละห้องนั้นควรเป็ นภาพชุดเดียวกัน และเหมาะสมกับลักษณะห้อง เช่น ห้องครัว ควรเป็ น
ภาพผักผลไม้หรื ออาหาร ห้องรับแขกควรเป็ นภาพบุคคลในครอบครัว ภาพวิวทิวทัศน์ หรื อดอกไม้ เป็ นต้น

ห้ องที่ตกแต่งด้ ายภาพวิวทิวทัศน์ และดอกไม้ ห้ องที่ตกแต่งด้ วยภาพบุคคล

2. เครื่องแขวน เครื่ องแขวนที่นิยมนามาตกแต่งประตูบา้ น หน้าต่าง ชายคา หรื อระเบียง หรื อศาลา ทามาจาก
วัสดุหลายชนิด เช่น กระบอกไม้ไผ่ เปลือกหอย กะลามะพร้าว เมล็ดพืช หลอดพลาสติก แทงโลหะ แท่งแก้ว
เป็ นต้น ซึ่งการนาเครื่ องแขวนมาตกแต่งควรคานึงถึงทิศทางลมและขนาดของเครื่ องแขวน เพราะการแขวน
ที่บริ เวณที่มีลมพัดแรงมาก อาจทาให้เครื่ องแขวนตกลงมาแตกหักเสียหายได้ สาหรับขนาดของเครื่ องแขวน
ควรเลือกให้เหมาะสมกับความสูงและความกว้างของประตูหรื อหน้าต่าง มีขนาดไม่เล็กหรื อใหญ่เกินไป
และแขวนในตาแหน่งที่อยูส่ ูงเหนือศีรษะ เพื่อไม่ให้เกะกะเวลาเดินผ่านเข้า-ออก
6

เครื่องแขวนทาจากเปลือกหอย เครื่องแขวนทาจากโลหะ

3. ม่านและมู่ลี่ ม่านและมู่ลี่ที่นิยมนามาตกแต่งประตูหน้าต่าง โดยทัว่ ไปทามาจากผ้า พลาสติก และไม้ไผ่ ซึ่ง


ผ้าและพลาสติกจะมีหลายสีหลายลายให้เลือก บางชนิดอาจมีภาพพิมพ์ลงไปด้วย

ผ้าม่าน มู่ลพี่ ลาสติก

4. ผ้าคลุม ผ้าคลุมที่ใช้ตกแต่งบ้านมักจะนามาตกแต่งโต๊ะ ตูเ้ ย็น โทรทัศน์ โทรศัพท์ ซึ่งส่วนใหญ่ทามาจาก


วัสดุประเภทผ้าหรื อด้ายถักต่อกันเป็ นลวดลาย ผ้าคลุมที่ใช้ตกแต่งควรมีขนาดพอดีกบั สิ่งของเครื่ องใช้ที่จะ
คลุม และมีสีกลมกลืนกับสิ่งของเครื่ องใช้ ผ้าม่าน พรม หรื อสีของห้อง
7

ผ้าคลุมที่ทาจากผ้าทอพืน้ เมือง ผ้าคลุมที่ทาจากด้ ายถักต่อกันเป็ นลวดลาย

5. ตุ๊กตาและเครื่องปั้นดินเผา ตุ๊กตาและเครื่ องปั้นดินเผาที่นิยมนามาตกแต่งบ้าน เช่น ตุ๊กตารู ปคน รู ปสัตว์


ต่างๆ แจกันดินเผา อ่างดินเผาสาหรับปลูกบัว ควรจัดวางไว้ในบริ เวณที่มองเห็นได้ชดั เจน ไม่เกะกะขวาง
ทางเดินเข้า-ออก และไม่วางจานวนมากจนดูรก

ตุ๊กตาไม้แกะสลัก อ่างดินเผาปลูกบัว

6. ไม้ดอกไม้ประดับ การจัดและตกแต่งภายในห้องต่างๆ และระเบียงบ้านด้วยไม้ดอกไม้ประดับเพื่อให้เกิด


ความสดชื่นแก่ผอู้ ยูอ่ าศัย ทาได้หลายรู ปแบบ เช่น ปลูกในกระถางตั้งกับพื้น ปลูกในกระถางแขวน ปลูกใน
กระบะ ปลูกในสวนถาด สวนแก้ว หรื อสวนขวด ใส่ในแจกัน เป็ นต้น ซึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกภายใน
8

ห้องต่างๆของบ้านควรเป็ นพันธุไ์ ม้ในร่ มที่เจริ ญเติบโตได้โดยไม่ตอ้ งใช้แสงแดดมากนัก ส่วนไม่ดอกไม้


ประดับที่ปลูกบริ เวณระเบียงหรื อภายนอกบ้านควรเป็ นพันธุไ์ ม้กลางแจ้งจึงจะเหมาะสม นอกจากนี้พืชผัก
สวนครัวบางชนิด เช่น พริ ก มะเขือเทศ หรื อส้มจี๊ด ก็สามารถนามาปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับตกแต่ง
ภายนอกบ้านให้ดูสวยงามได้เช่นกัน

ตัวอย่างพันธุ์ไม้ในร่ มและพันธุ์ไม้กลางแจ้ง

พันธุ์ไม้ในร่ ม พันธุ์ไม้กลางแจ้ง
เฟิ ร์น พลูด่าง ราชินีหินอ่อน ปี กแมลงสาบ ดาดตะกัว่ ฤๅษีผสม ผักเป็ ดด่าง แพรเซี่ยงไฮ้
เขียวหมื่นปี กวนอิม ไผ่ฟิลิปปิ นส์ ลิ้นมังกร มอส คุณนายตื่นสาย ฟ้ าประดิษฐ์ ผีเสื้อ ชาฮกเกี้ยน
เศรษฐีเรื อนนอก เศรษฐีเรื อนใน หมากผูห้ มากเมีย ผกากรอง ชวนชม ไทร โป๊ ยเซียน กุหลาบหิน
พรมกามะหยี่ ปาล์มบางชนิด กระบองเพชร ปุ่ มหยก ม้าลาย สับปะรดสี ว่านหางจระเข้
กาบหอยแครงแคระ

ไม้ดอกไม้ประดับในกระถาง ไม้ดอกไม้ประดับในแจกัน

7. โคมไฟ การจัดและตกแต่งบ้านด้วยโคมไฟนอกจากจะทาให้มีแสงสว่างเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ยังมี


จุดประสงค์เพื่อความสวยงามอีกด้วย โคมไฟที่ใช้ตกแต่งบ้านมีให้เลือกทั้งชนิดตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ และติดตั้งบน
เพดาน
9

โคมไฟตั้งพืน้ โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟติดตั้งบนเพดาน

การดูแลรักษาและตกแต่งสวน

สวน เป็ นสวนหนึ่งของบ้าน ซึ่งสวนอาจจะอยูน่ อกบ้าน หลังบ้าน หรื อข้างบ้านก็ได้ ภายในสวน


ส่วนใหญ่ประกอบด้วยหญ้า ไม้คลุมดิน ไม้พุ่ม ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยนื ต้น ไม้กระถางแขวน และของ
ตกแต่งอื่นๆ เช่น น้ าพุ น้ าตกจาลอง รู ปปั้น ก้อนหิน เป็ นต้น

นอกจากนี้ บางบ้านอาจปลูกผักสวนครัว พืชสมุนไพรในแปลง ในกระถางหรื อริ มรั้ว และไม้ผลไว้


รับประทานในครัวเรื อนอีกด้วย

ความสาคัญของการดูแลรักษาและตกแต่งสวน
10

บ้านที่มีสวน ผูอ้ ยูอ่ าศัยต้องรู้จกั ดูแลรักษาและตกแต่งสวนเป็ นประจา เพื่อให้สวนคงความสวยงาม


สดชื่นอยูเ่ สมอ ช่วยลดวามเครี ยดของผูอ้ ยูอ่ าศัย ลดปัญหาฝุ่ นละอองที่มีอยูใ่ นบรรยากาศ และลดเสียง
รบกวนจากยานพาหนะที่ผา่ นไปมา หากไม่หมัน่ ดูแลรักษความสะอาดสวนภายในบ้าน อาจจะกลายเป็ นที่อยู่
อาศัยของสัตว์มีพิษต่างๆ เช่า งู ตะขาบ ผึ้ง ต่อ แตน เป็ นต้น

การดูแลรักษาสวน

การดูแลรักษาสวนให้สวยงามและมีอายุยาวนาน มีแนวทางดังนี้

1. เลือกพันธุไ์ ม้ที่ปลูกให้เหมาะสมตามธรรมชาติ เช่น พันธุไ์ ม้ในร่ มก็ควรปลูกในที่ร่ม หรื อแสงแดดราไร


พันธุไ์ ม้กลางแจ้งก็ควรปลูกบริ เวณกลางแจ้งเพื่อให้ได้รับแสงแดดเต็มที่

2. ตัดแต่งไม้พุ่มและไม้ยนื ต้นให้เป็ นระเบียบ ไม่รกรุ งรังและไม่ไปเกี่ยวสายไฟฟ้ า โดยใช้อุปกรณ์หรื อ


เครื่ องมือต่างๆ เช่น กรรไกรตัดกิ่ง ใช้สาหรับตัดแต่งกิ่งไม้และใบเล็กๆ เลื่อย ใช้สาหรับตัดกิ่งไม้ใหญ่ เป็ น
ต้น

กรรไกรตัดกิง่ เลือ่ ย

3. ตัดเล็มหญ้าในสนามทุกเดือน เดือนละ1ครั้ง โดยใช้กรรไกรตัดหญ้า เครื่ องเล็มหญ้า หรื อเครื่ องตัดหญ้า


11

กรรไกรตัดหญ้ า เครื่องเล็มหญ้ า เครื่องตัดหญ้ า

4. รดน้ าพันธุไ์ ม้ในสวนทุกวัน เช้าและเย็น โดยรดน้ าให้ชุ่มชื้นแต่ไม่แฉะหรื อมีน้ าขัง เพราะอาจทาให้พนั ธุ์
ไม้เน่าตายได้ การรดน้ าพันธุไ์ ม้ในสวนมีอุปกรณ์ที่จาเป็ น คือ บัวรดน้ า สายยางที่มีหวั ฉีดปรับระดับความ
แรงของน้ าได้

บัวรดนา้ สายยางที่มหี ัวฉีด

5. พรวนดิน ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ยเป็ นประจาสม่าเสมอ และการพรวนดินควรระมัดระวังไม่ให้ถกู รากของพันธุ์


ไม้ การถอนหญ้าควรใช้มือดึงออกทั้งรากเพื่อไม่ให้หญ้าเจริ ญเติบโตได้อีก การใส่ปุ๋ยควรเลือกใช้ให้
เหมาะสมกับพันธุไ์ ม้ที่ปลูก และโรยไว้ห่างจากโคนต้นพอประมาณออกไปจนถึงปลายพุ่มของต้น จากนั้น
พรวนดินกลบปุ๋ ย การพรวนดินและใส่ปุ๋ยมีอุปกรณ์ที่จาเป็ น คือ ส้อมพรวน และ เสียม ใช้สาหรับพรวนดิน
ช้อนปลูกใช้สาหรับตักปุ๋ ยใส่พนั ธุไ์ ม้ในสวน
12

ส้ อมพรวน ช้ อนปลูก เสียม

6. กวาดและเก็บเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นดิน สนามหญ้า และแปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับแล้วนาไปทิ้ง


ในถังขยะหรื อนาไปทาปุ๋ ยหมัก

7. ป้ องกันและกาจัดโรคหรื อแมลงศัตรู พืชในช่วงที่มีการระบาด อาศัยใช้วิธีการตัดแต่งกิ่งที่เน่าเสียหรื อจับ


แมลงทิ้ง อาจใช้น้ ายาที่ทาจากพืชสมุนไพร เพื่อความปลอดภัยของผูใ้ ช้และสิ่งแวดล้อม

การตกแต่งสวน

การตกแต่งสวนเป็ นการปรับปรุ งเปลี่ยนแปลงสวนที่มีอยูแ่ ล้วให้ดูสวยงาม สดชื่น ไม่ซ้ าซากจาเจ


และสร้างความประทับใจให้แก่ผพู้ บเห็นมากขึ้น โดยนาความรู้ในเรื่ องต่อไปนี้มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน

1. หลักศิลปะที่ใช้ ในการออกแบบเพือ่ ตกแต่งสวน การออกแบบเพื่อตกแต่งสวนต้องใช้หลัก


ศิลปะหลากหลายอย่างมาผสมผสานกัน ดังนี้

- สัดส่ วน เป็ นความสัมพันธ์ระหว่างที่ว่างในสวนกับขนาดของพันธุไ์ ม้ที่จะปลูกลงไปใหม่ เช่น


ต้นไม้ขนาดใหญ่เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ ต้นไม้ขนาดเล็กควรใช้กบั พื้นที่ขนาดเล็ก หรื อใช้ปลูกสลับกับ
ต้นไม้ใหญ่ เป็ นต้น

- จังหวะ เป็ นความต่อเนื่องกันของตาแหน่งการจัดวางพันธุไ์ ม้ เช่น หากวางพันธุไ์ ม้ชนิดเดียวกันไม่


ต่อเนื่องกัน หรื อห่างบ้าง ชิดบ้าง จะดูไม่สวยงาม แต่หากวางต่อเนื่องกันในระยะห่างเท่าๆกันจะดูสวยงาม
กว่า เป็ นต้น
13

- ความกลมกลืน เป็ นความคล้ายคลึงในเรื่ องของเส้น รุ ปทรง และสีของพันธุไ์ ม้ ซึ่งถ้ามีความ


คล้ายคลึงกันก็จะทาให้ภาพรวมของสวนดูมีเอกภาพ

- ความขัดแย้ง เป็ นความแตกต่างในเรื่ องของเส้น รุ ปทรง และสีของพันธุไ์ ม้ เช่น การปลูกไม้คลุม


ดินใบใหญ่แทรกในพื้นที่ปลูกไม้คลุมดินใบเล็กก็จะช่วยทาให้ดูเด่นขึ้น หรื อจัดวางพันธุไ์ ม้ที่มีสีของใบหรื อ
ดอกแตกต่างกันไว้ดว้ ยกัน เป็ นต้น

- ความสมดุล เป็ นการจัดวางพันธุไ์ ม้ให้เกิดความสมดุลกันอย่างลงตัว สร้างจุดสนใจหลักและจุด


สนใจรอง เช่น จัดวางพันธุไ์ ม้และสิ่งตกแต่งให้มีแนวแกนดิ่ง ราบ เฉียง น้ าหนักฝั่งซ้าย-ขวาของแนวสมดุล
กัน เป็ นต้น

2. รูปแบบการจัดสวน สวนโดยทัว่ ไปแบ่งได้เป็ น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

2.1สวนแบบประดิษฐ์ เป็ นสวนที่นารู ปแบบเรขาคณิ ตเข้ามาใช้ในการออกแบบและใช้หลักศิลปะใน


การจัดสวนแบบสมดุล โดยมีจุดศูนย์กลาง เช่น น้ าพุ รู ปปั้น ตั้งไว้กลางสวน และมีตน้ ไม้ตกแต่งเป็ นรู ปร่ าง
เฉพาะ จัดวางไว้เป็ นจังหวะตามขนาดของสวน

สวนแบบประดิษฐ์

2.2สวนแบบธรรมชาติ เป็ นสวนที่เน้นความสมดุลแบบซ้ายขวาไม่เท่ากัน การจัดวางต้นไม้เป็ นแบบ


อิสระให้เข้าถึงธรรมชาติได้ใกล้ที่สุด สวนแบบธรรมชาติมีหลายรู ปแบบ ดังนี้
14

สวนบาหลี เป็ นสวนที่นิยมใช้รูปปั้นยักษ์ สิงห์ เทวรู ป หรื อนางอัปสรมาตกแต่ง

สวนญี่ปุ่น เป็ นสวนที่นิยมใช้ไม้ไผ่มาประดับเป็ นรั้ว มีตะเกียงหิน อ่างน้ า หิน กรวด ทราย


15

สวนโมร็อกโก เป็ นสวนที่มีน้ าเป็ นส่วนประกอบ เล่นสีสนั ของกาแพง ใช้วสั ดุปูนฉาบแบบไม่


เรี ยบร้อย นิยมใช้พนั ธุไ์ ม้ประเภทปาล์มในการตกแต่ง

สวนเมืองร้ อน เป็ นสวนที่มีน้ าตก หิน โอ่ง ฯลฯ และมีพนั ธุไ์ ม้เมืองร้อน เช่น พลับพลึง กระดาด
สาหรับตกแต่งสวน

2.3สวนแนวใหม่ เป็ นสวนที่มีรูปแบบผสมผสานกันระหว่างสวนประดิษฐ์และสวนธรรมชาติ โดย


เน้นที่สิ่งตกแต่งสวน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ศาลา โคมไฟ และการปูพ้นื ด้วยวัสดุอื่นๆที่ไม่ใช่หญ้า เพื่อให้มีพ้นื ที่ใช้
สอยได้อย่างเต็มที่
16

สวนแนวใหม่

3. สิ่งที่ใช้ ตกแต่งสวน สิ่งที่นิยมใช้ตกแต่งสวนมีมากมายให้เลือกตามขนาดและรู ปแบบของสวน ดังนี้

3.1 พันธุ์ไม้ พันธุไ์ ม้ที่นิยมใช้ตกแต่งสวนแบ่งออกเป็ น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. ไม้ประธาน เป็ นต้นไม้ขนาดใหญ่มีความสูงเกิน 6 เมตร อายุยนื สามารถใช้เป็ นฉากหลัง


ให้ร่มเงา หรื อแนวกั้นลมได้ ตัวอย่างไม้ประธาน เช่น อินทนิล พญาสัตบรรณ ลีลาวดี จามจุรี ราชพฤกษ์
ปาล์ม เป็ นต้น

อินทนิล พญาสัตบรรณ
17

ลีลาวดี จามจุรี

ราชพฤกษ์ ปาล์มพัด

2. ไม้พ่มุ เป็ นต้นไม้ที่มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ดอก ใบ และลวดลายมีสีหลากหลาย นิยมใช้


ปลูกประดับแปลง เป็ นรั้วกั้น บังตา และปลูกไว้ริมขอบทาง ตัวอย่างไม้พุ่ม เช่น เทียนทอง เข็ม เฟื่ องฟ้ า ชบา
พวงทอง มะลิ เป็ นต้น
18

เทียนทอง เข็ม

เฟื่ องฟ้ า ชบา

พวงทอง มะลิ
19

3. ไม้คลุมดิน เป็ นต้นไม้ที่สูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร มักจะปลูกเป็ นกลุ่มก้อนติดกัน มีลวดลายและมี


หลายสีให้เลือก นิยมปลูกประดับขอบแปลง และคลุมพื้นที่แทนหญ้า ตัวอย่างไม้คลุมดิน เช่น แววมยุรา ฟ้ า
ประดิษฐ์ แพรเซี่ยงไฮ้ ผักเป็ ดด่าง เฟิ ร์นมะขาม กาบหอยแครงแคระ ดาดตะกัว่ คุณนายตื่นสาย เป็ นต้น

แววมยุรา ฟ้ าประดิษฐ์

แพรเซี่ยงไฮ้ ผักเป็ ดด่ าง


20

เฟิ ร์ นมะขาม กาบหอยแครงแคระ

4. หญ้ า เป็ นพืชคลุมดินป้ องกันการพังทลายของหน้าดิน มีความสวยงามและสามารถเหยียบยา่ ได้


หญ้าที่นิยมปลูกตามบ้านทัว่ ๆไปมี 2 ชนิด ได้แก่ หญ้านวลน้อย และหญ้ามาเลเซีย

หญ้ านวลน้ อย หญ้ ามาเลเซีย

3.2 วัสดุปูพนื้ วัสดุปูพ้นื ที่ใช้ในการตกแต่งสวนซึ่งไม่รวมถึงหญ้า ได้แก่ อิฐ หิน และกรวด นิยมใช้


ปูทางเท้าภายในสวน หรื อจัดวางรวมกันเป็ นกลุ่มเป็ นก้อน ร่ วมกับการปลูกไม้ประธาน หรื อไม้พุ่ม และไม้
คลุมดิน มีวตั ถุประสงค์เพื่ออานวยความสะดวกในการตัดหญ้า หรื อลดการกระแทกของน้ าฝนกับหน้าดิน
21

อิฐ หิน กรวด

3.3 รูปปั้นและเครื่องปั้นดินเผา รู ปปั้นและเครื่ องปั้นดินเผาเป็ นจุดสนใจในสวน การเลือกรู ปปั้น


เครื่ องปั้นดินเผามาวางควรพิจารณาขนาดของสวนและรู ปแบบของสวนเป็ นส่วนสาคัญ เช่น สวนขนาดเล็ก
ควรเลือกใช้รูปปั้นและเครื่ องปั้นดินเผาขนาดเล็ก สวนแคบควรใช้รูปปั้นมันวาวมาตั้งวาง มีฉากหลังที่ปลูก
ต้นไม้เลื้อยไว้ บ้านทรงไทยควรตกแต่งสวนด้วยเครื่ องปั้นดินเผาแกะลวดลาย สวนญี่ปุ่นและสวนจีนควร
ตกแต่งด้วยตะเกียง สะพานเล็กๆ และอ่างน้ า เป็ นต้น

รูปปั้น เครื่องปั้นดินเผา
22

3.4 ม้านั่ง ชุดสนาม และศาลา เป็ นสิ่งตกแต่งที่ใช้เชื้อเชิญให้ผมู้ าเยีย่ มเยียนได้นงั่ พักผ่อนท่ามกลาง


สวนที่สวยงาม ส่วนใหญ่ทาจากหน เหล็กพ่นสี และไม้เนื้อแข็ง การเลือกใช้ควรพิจารณาจากขนาดและ
รู ปแบบของสวนเป็ นสาคัญ เช่น สวนขนาดเล็กให้ใช้เก้าอี้เหล็กพ่นสี 2 ตัว และโต๊ะ 1 ตัว สวนขนาดใหญ่ให้
ใช้ศาลาหรื อม้านัง่ หินอ่อนมาตั้งวาง สวนแบบไทยควรตั้งวางศาลา สวนแบบฝรั่งควรตั้งโต๊ะเก้าอี้โลหะดัด
ลวดลายต่างๆ เป็ นต้น

ม้านั่งและโต๊ะหินอ่อน ศาลา โต๊ะเก้าอีโ้ ลหะดัดลวดลาย

3.5 นา้ และไฟ เป็ นสิ่งตกแต่งที่เพิม่ ชีวิตชีวาให้กบั สวน โดยน้ าที่ใช้อาจจะเป็ นน้ าตก น้ าผุด และไฟที่
ใช้ควรเป็ นไฟสปอตไลต์ ส่องที่โคนต้นไม้ประธานเพื่อให้สวนดูมีความแตกต่างในเวลากลางคืน

นา้ ตกในสวน นา้ ผุดในสวน


23

4. ขั้นตอนการตกแต่งสวน การตกแต่งสวนให้สวยงาม ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย มีข้นั ตอนดังนี้

4.1 สารวจและวิเคราะห์สวนเดิมว่ามีพนั ธุไ์ ม้ใดบ้างที่ควรคงไว้ พันธุไ์ ม้ใดบ้างที่ควรขนย้ายออกไป


ดินมีความอุดมสมบูรณ์หรื อไม่ บริ เวณใดรกร้าง บริ เวณใดว่างเปล่า สิ่งตกแต่งใดบ้างที่แตกหรื อชารุ ดแล้วจด
บันทึกไว้

4.2 ออกแบบสวนใหม่โดยใช้หลักศิลปะ ความรู้เกี่ยวกับรู ปแบบสวนและสิ่งที่ใช้ตกแต่งสวนมา


ประยุกต์ร่วมกัน ร่ างเป็ นภาพ 2 มิติ หรื อ 3 มิติ แล้วระบายสีให้สวยงาม เพื่อเป็ นแนวทางในการตกแต่งสวน
ใหม่

4.3 ปรับพื้นที่โดยขนย้ายพันธุไ์ ม้และสิ่งตกแต่งที่ไม่ตอ้ งการออกไป เตรี ยมดินในบริ เวณที่จะปลูก


พันธุไ์ ม้ใหม่ และทาความสะอาดบริ เวณที่จะวางสิ่งตกแต่งใหม่ แล้วโรยปูนขาวทาอาณาเขตที่ตอ้ งการปลูก
พันธุไ์ ม้หรื อตั้งวางสิ่งตกแต่งไว้

4.4 เลือกซื้อสิ่งตกแต่งสวนตามแบบสวนใหม่ที่ร่างไว้จากร้านค้าที่จาหน่าย โดยวางแผนเลือกซื้อใน


ย่านเดียวกัน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการขนส่งของที่ซ้ือ

4.5 ปลูกพันธุไ์ ม้และจัดวางสิ่งตกแต่งในสวนตามที่ออกแบบไว้ โดยปลูกไม้ประธานก่อน ตามด้วย


ไม้พุ่ม ไม้คลุมดิน ปูหญ้าและปูทางเท้าเป็ นลาดับสุดท้าย
การงานพืน้ ฐานอาชีพและเทคโนโลยี
มัธยมศึกษาปี ที่2 บทที่ 1
การจัดตกแต่ งบ้ านและบริเวณบ้ าน

BY:P’ Ploy
น้ องๆอยากได้ ห้องแบบไหนคะ?

1 2
สวนแบบไหนที่น้องๆชอบมากกว่ าเอ่ ย?

1 2
ตามความคิดของนักเรียนบ้ านที่น่าอยู่มลี ักษณะอย่ างไร?
สั มพันธภาพที่ดีในครอบครัวนั้น ทุกครอบครัว
สามารถสร้ างขึน้ ได้ โดยปฏิบัติ ดังนี้
1. ยิ ้มแย้ มแจ่มใสกับทุกคนในบ้ าน
2. รักและห่วงใยรู้จกั เอื ้ออาทรและช่วยเหลือเกื ้อกูลกัน
3. รับผิดชอบต่อหน้ าที่ที่ได้ รับมอบหมาย
4. ช่วยงานบ้ านทุกอย่างด้ วยความเต็มใจ
5. รู้จกั ฟั งผู้อื่นพูดและยอมรับในความคิดของผู้อื่น
6. ไม่ทะเลาะวิวาทกับพี่น้องหรื อบุคคลอื่นในครอบครัว รู้จกั ให้ อภัยต่อกัน
7. ไม่เอาแต่ใจตนเอง มีเหตุผล ไม่ใช้ อารมณ์
8. ไม่แสดงกิริยาก้ าวร้ าวเมื่อไม่พอใจ ใช้ กิริยาวาจาที่สภุ าพกับทุกคน
9. เคารพนับถือ มีสมั มาคารวะต่อพ่อแม่ผ้ มู ีอาวุโส และญาติผ้ ใู หญ่ทกุ คน
10. เอาใจใส่ในความเป็ นอยู่ของทุกคนในครอบครัว
11. มีนํ ้าใจเอื ้อเฟื อ้ เสียสละ และให้ อภัย
12. สมาชิกในครอบครัวร่วมรับผิดชอบการวางแผนเกี่ยวกับค่าใช้ จา่ ยของ
ครอบครัว
หลอดไฟ
หลอดอะไรเอ่ ย?
หลอดอะไรเอ่ ย?
หลอดอะไรเอ่ ย?
หลอดอะไรเอ่ ย?
หลอดอะไรเอ่ ย?
หลอดอะไรเอ่ ย?
ตู้ยาสามัญประจาบ้ าน
มี 16 อย่ างดังนี้
1 ยาแก้ ปวดท้ อง ท้ องอืด ท้ องขึน้ ท้ องเฟ้อ
(1.1) ยาเม็ดลดกรด อะลูมนิ า-แมกนีเซีย
(1.2) ยานา้ ลดกรด อะลูมินา-แมกนีเซีย
(1.3) ยาเม็ดแก้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อ โซดามินท์
(1.4) ยาขับลม
(1.5) ยาแก้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อ ยาธาตุนา้ แดง
(1.6) ยานา้ แก้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อ โซเดียมไบคาร์ บอเนต
(1.7) ยาทาแก้ ท้องอืด ท้ องเฟ้อ ทิงเจอร์ มหาหิงคุ์
2 ยาแก้ ท้องเสีย ผงนา้ ตาลเกลือแร่
3 ยาระบาย
(3.1,3.2) ยาระบายกลีเซอรีนชนิดเหน็บทวารสาหรับเด็ก-ผู้ใหญ่
(3.3) ยาระบายแมกนีเซีย
(3.4) ยาระบายมะขามแขก
(3.5) ยาระบาย โซเดียม คลอไรด์ ชนิดสวนทวาร
4 ยาถ่ ายพยาธิลาไส้
(4.1) ยาถ่ ายพยาธิตัวกลม มีเบนดาโซล
5 ยาบรรเทาปวด ลดไข้
(5.1) ยาเม็ดบรรเทาปวด ลดไข้ แอสไพริน
(5.2) ยาเม็ดบรรเทาปวด ลดไข้ พาราเซตามอล
(5.3) ยานา้ บรรเทาปวด ลดไข้ พาราเซตามอล
(5.4) พลาสเตอร์ บรรเทาปวด
6 ยาแก้ แพ้ ลดนา้ มูก
(6.1) ยาเม็ดแก้ แพ้ ลดนา้ มูก คลอร์ เฟนิรามีน
7 ยาแก้ ไอ ขับเสมหะ
(7.1) ยานา้ แก้ ไอขับเสมหะสาหรับเด็ก
(7.2) ยาแก้ ไอนา้ ดา
8 ยาดมหรือทาแก้ วิงเวียน หน้ ามืด คัดจมูก
(8.1) ยาดมแก้ วิงเวียน เหล้ าแอมโมเนียหอม
(8.2) ยาดมแก้ วิงเวียน แก้ คัดจมูก
(8.3) ยาทาระเหยบรรเทาอาการคัดจมูกชนิดขีผ้ งึ ้
9 ยาแก้ เมารถ เมาเรือ
10 ยาสาหรับโรคตา
(10.1) ยาหยอดตา ซัลฟาเซตาไมด์
(10.2) ยาล้ างตา
11 ยาสาหรับโรคปากและลาคอ
(11.1) ยากวาดคอ
(11.2) ยารักษาลิน้ เป็ นฝ้า
(11.3) ยาแก้ ปวดฟั น
(11.4) ยาอมบรรเทาอาการระคายคอ
(11.5) ยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ
12 ยาใส่ แผล ล้ างแผล
(12.1) ยาใส่ แผล ทิงเจอร์ ไอโอดีน
(12.2) ยาเอทิล แอลกอฮอล์
(12.3) นา้ เกลือล้ างแผล
13 ยารักษาแผลติดเชือ้ ไฟไหม้ นา้ ร้ อนลวก
(13.1) ยารักษาแผลติดเชือ้ ซิลเวอร์ ซัลฟาไดอาซีน ครีม
14 ยาบรรเทาอาการปวดกล้ ามเนือ้ แมลงกัดต่ อย
(14.1) ยาหม่ อง ชนิดขีผ้ งึ ้
15 ยาสาหรับโรคผิวหนัง
(15.1) ยารักษาหิดเหา เบนซิล เบนโซเอต
(15.2) ยารักษาหิด ขีผ้ งึ ้ กามะถัน
(15.3) ยารักษากลากเกลือ้ น นา้ กัดเท้ า
(15.4) ยารักษาโรคผิวหนังเรือ้ รัง
(15.5) ยาทาแก้ ผดผื่นคัน คาลาไมน์
(15.6) ยารักษาเกลือ้ น โซเดียม ไทโอซัลเฟต
16 ยาบารุ งร่ างกาย
(16.1) ยาเม็ดวิตามินบีรวม
(16.2) ยาเม็ดวิตามินซี
(16.3) ยาเม็ดบารุ งโลหิต เฟอร์ รัส ซัลเฟต
(16.4) ยาเม็ดวิตามินรวม
(16.5) นา้ มันตับปลาชนิดแคปซูล
(16.6) นา้ มันตับปลาชนิดนา้
สแตนเลสคืออะไร?
กล้ องวงจรปิ ด
สายดิน
ประโยชน์ ของสายดิน
ป้องกันไม่ให้ มีผ้ ถู กู ไฟฟ้าดูดกรณีมีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่ องใช้ ไฟฟ้า
เนื่องจากกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่ องใช้ ไฟฟ้าจะไหลลงดินทางสายดิน
โดยไม่ผา่ นร่างกายผู้สมั ผัสเครื่ องใช้ ไฟฟ้านัน้ เป็ นผลทําให้ อปุ กรณ์
ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และ/หรื อไฟฟ้ารั่วจะตัดกระแสไฟฟ้าออกทันที
เครื่ องใช้ ไฟฟ้าบางประเภท เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อุปกรณ์สื่อสารอาจทํางานได้ ไม่สมบูรณ์หรื อชํารุดได้ ง่ายหากไม่มีสาย
ดิน
เครื่องใช้ ไฟฟ้ าที่ต้องมี/ไม่ มีสายดิน
• เครื่องใช้ ไฟฟ้าประเภทที่ต้องมีสายดิน
เครื่ องใช้ ไฟฟ้ารวมทังอุ ้ ปกรณ์ตดิ ตังทางไฟฟ
้ ้ าที่มีโครงหรื อเปลือกหุ้มเป็ นโลหะ ซึง่
บุคคลมีโอกาสสัมผัสได้ ต้ องมีสายดิน เช่น ตู้เย็น, เตารี ด, เครื่ องซักผ้ า, หม้ อหุง
ข้ าว, เครื่ องปรับอากาศ, เตาไมโครเวฟ, กระทะไฟฟ้ า, กระติกนํ ้าร้ อน, เครื่ องทํานํ ้า
ร้ อนหรื อนํ ้าอุน่ , เครื่ องปิ ง้ ขนมปั ง เป็ นต้ น เราเรียกครื่ องใช้ ฯ เหล่านี ้ว่า
เป็ น เครื่องใช้ ไฟฟ้า ประเภท 1
• เครื่องใช้ ไฟฟ้าประเภทที่ไม่ ต้องมีสายดิน
- เครื่องใช้ ไฟฟ้ าประเภท 2 ซึง่ มีสญ ั ลักษณ์ หรื อมีเครื่ องหมาย (ควร
ใช้ ไขควงลองไฟทดสอบ ถ้ ามีสญ ั ลักษณ์ประเภท 2 แต่ยงั มีไฟรั่วก็แสดงว่าผู้ผลิต
นันผลิ
้ ตไม่ได้ มาตรฐาน และจําเป็ นต้ องมีสายดิน) ตัวอย่างของเครื่ องใช้ ฯ ประเภท
2 เช่น วิทยุ, โทรทัศน์, พัดลม เป็ นต้ น
สั ญลักษณ์ และสี ของสายดิน

- เครื่ องใช้ ไฟฟ้าที่มีเครื่ องหมาย แสดงว่าต้ องมีสายดิน โดยมักจะ


แสดงไว้ ในตําแหน่งหรื อจุดที่จะต้ องต่อสายดิน
- สีของสายไฟฟ้าเส้ นที่แสดงว่าเป็ นสายดิน คือ สีเขียว หรื อ สีเขียวสลับ
เหลือง
ข้ อควรปฏิบัติในการทางานบ้ าน
การทํางานบ้ าน ทุกอย่างต้ องคํานึงถึงความรวดเร็ ว ความประหยัด และความ
ปลอดภัยซึง่ สามารถสรุปเป็ นแนวทางกว้ าง ๆ สําหรับการปฏิบตั ิงานทุกประเภท
ดังต่อไปนี ้
1. ก่อน ปฏิบตั ิงานต้ องวางแผนการทํางานก่อน เพราะการทํางานโดยไม่มกี าร
วางแผน นอกจากจะทําให้ เกิดความผิดพลาด ความล่าช้ าแล้ วยังอาจก่อให้ เกิด
ความสิ ้นเปลือง และขาดความปลอดภัย
2. เตรี ยมอุปกรณ์หรื อเครื่องมือทีใ่ ช้ ในการทํางานให้ พร้ อมก่อนลงมือทํางานและวางไว้
ในที่ที่สามารถหยิบใช้ ได้ สะดวกและปลอดภัย
3. แบ่ง หน้ าที่ในการทํางานกันใช้ ชดั เจนว่า ใครต้ องทําอะไร ทํามากน้ อยแค่ไหน เพื่อ
กระจายงานให้ เหมาะสมกับคน และผู้รับผิดชอบงานจะได้ วางแผน เพื่อปรับปรุง
งานของตนให้ มีประสิทธิภาพ
4. ควรใช้ เครื่องทุน่ แรงเข้ ามาช่วยในงานบางอย่าง เช่น การทําความสะอาดใช้
เครื่ องดูดฝุ่ น งานซักรีดใช้ เครื่ องซักผ้ า เป็ นต้ น การใช้ เครื่ องทุน่ แรงควรศึกษา
วิธีใช้ โดยละเอียดเพื่อจะได้ ใช้ อย่างถูกต้ อง ถูกวิธี มีความปลอดภัยขณะใช้ งาน
และยืดอายุการใช้ งาน
5. อาจทํางาน หลายอย่างพร้ อมกันเพื่อประหยัดเวลา งานบางอย่างสามารถทําใน
เวลาเดียวกันได้ ควรทําไปพร้ อม ๆ กัน ไม่ต้องรอให้ อย่างหนึง่ เสร็ จแล้ วจึงทํางาน
อีกอย่างหนึง่ เช่น ขณะที่หงุ ข้ าวอยูก่ ็ควรหัน่ เนื ้อ หัน่ ผักเตรี ยมปรุงอาหาร ไม่ควร
รอโดยไม่ได้ ทาํ อะไร
6. ควรทํางาน ด้ วยอิริยาบถทีเ่ หมาะสม ไม่ฝืนร่างกายของตนเอง เช่น ไม่ยกของหนัก
เกินกําลัง หลีกเลีย่ งการยืนหรืออยูใ่ นอิริยาบถใดอิริยาบถหนึง่ นาน ๆ เพราะจะทํา
ให้ ร่างกายปวดเมื่อยและเกิดอุบตั ิเหตุได้ ง่า
ไรฝุ่ น
ไรฝุ่ นหรื อไรฝุ่ นบ้ าน เป็ นภัยใกล้ ตวั ที่ทําให้ เกิดโรคภูมิแพ้ แก่ผ้ อู ยูอ่ าศัยในที่ทมี่ ีไรฝุ่ นได้
โดยผู้ที่ได้ รับผลจากไรฝุ่ นจะมีอาการแสดงออกมาเช่น เยื่อจมูกอักเสบ ผิวหนัง
อักเสบ และอาการของโรคหอบหืด ปั จจุบนั คนไทยป่ วยเป็ นโรคภูมแิ พ้ ไรฝุ่ นแล้ ว
ประมาณ 10 ล้ านคน ทําให้ สญ ู เสียรายได้ ไปกับการรักษาตัวไม่ตาํ่ กว่า 3,000
ล้ านบาท/ปี
ไรฝุ่ นทัว่ ไปจะมีขนาดเล็กมาก เพียง 0.3 มิลลิเมตร ซึง่ เล็กมากจนมองด้ วยตาเปล่า
แทบไม่เห็น หรื ออาจเห็นเป็ นเพียงจุดสีขาวๆ ไรฝุ่ นมีหลายพันธุ์ เกือบ 20 ชนิด แต่
สายพันธุ์ที่ได้ รับการพิสจู น์แล้ วว่าเป็ นตัวการที่ทาํ ให้ เกิดโรคภูมิแพ้ มี 2 ชนิด ซึง่ ทัง้
2 ชนิดนี ้ เป็ นชนิดที่พบได้ ทงในต่
ั ้ างประเทศและในประเทศไทย ไรฝุ่ นในประเทศ
ไทยแทบทัง้ 100% พบได้ ทเี่ ตียงนอน หมอน ผ้ าห่ม และเฟอร์ นเิ จอร์ ที่ทําจากเส้ น
ใยอย่างโซฟาและพรมปูพื ้น ดังนันจึ ้ งยากทีเ่ ราจะหลีกเลีย่ งไรฝุ่ นในชีวิตประจําวัน
ได้ ไรฝุ่ น เป็ นสัตว์ “ขาข้ อ” มีทงหมด
ั้ 8 ขา จัดอยูใ่ นกลุม่ เดียวกับแมงมุม ตัวหิด
เห็บ ไม่ใช่แมลง
ไรฝุ่ น
ปริ มาณของไรฝุ่ นนัน้ จะมีไรฝุ่ นมากหรื อน้ อยก็ขึ ้นอยูก่ บั การดูแลรักษาความ
สะอาดของผู้ใช้ เครื่ อง นอน และอายุการใช้ งานของเครื่ องเรื อนเป็ นหลัก ที่นอน
หรื อฟูกที่ทําจากนุน่ และใยสังเคราะห์ที่มีอายุการใช้ งานนานกว่า 6 ปี จะมีความ
เสีย่ งจากไรฝุ่ นจนเกิดโรคภูมิแพ้ ได้ มากที่สดุ ขณะที่อาหารของไรฝุ่ นนันต้้ องถือว่ามี
มากเกินพอ เพราะไรฝุ่ นจะกินเศษขี ้ไคล ขี ้รังแค และเศษผิวหนังของคนในบ้ านเป็ น
อาหาร โดยเศษผิวหนังเพียง 1 กรัมก็สามารถเลี ้ยงไรฝุ่ น 1,000,000 ตัวเป็ นเวลา
ถึง 1 สัปดาห์เต็มๆ
การป้องกันและกาจัดไรฝุ่ น
1.การหลีกเลีย่ งใช้ งานเครื่ องนอน พรม และเฟอร์ นิเจอร์ ที่ทําจากเส้ นใยซึง่ มีอายุการ
ใช้ งานหลายปี เพื่อลดความเสีย่ งที่ต้องสัมผัสกับไรฝุ่ นจํานวนมาก

2.การเลือกใช้ ข้าวของเครื่ องใช้ ทมี่ ีเส้ นใยสานกันแน่น พลาสติก หรื อเส้ นใยไวนิล
และไนลอน หรื อเคลือบด้ วยสารป้องกันไรฝุ่ น เพื่อป้องกันไม่ให้ ไรฝุ่ นเข้ ามายุม่ ย่าม
กับเครื่ องนอนภายในบ้ าน

3.การดูดฝุ่ นทําความสะอาด ก็เป็ นอีกวิธีที่สามารถไล่ไรฝุ่ นได้ ในระดับหนึง่

4.การซักเครื่ องนอนเป็ นประจําด้ วยนํ ้าที่มอี ณุ หภูมิอย่างน้ อย 55 องศาเซลเซียส


เพราะเป็ นอุณหภูมิที่สามารถฆ่าไรฝุ่ นและกําจัดสารก่อภูมิแพ้ จากไรฝุ่ นได้ ดี โดย
การตากแดดยังทําให้ ไข่ไรฝุ่ นที่ฝังตัวอยูก่ บั เครื่ องนอนฝ่ อได้ ด้วย
แมลงสาบ
แมลงสาบ
- แมลงสาบ มีแหล่งกําเนิดในเขตอบอุน่ และสามารถดํารงชีวิตอยูภ่ ายนอกอาคารที่
พักอาศัยได้ แมลงสาบ ที่สามารถปรับตัวเข้ ามาอยูใ่ นที่พกั ของมนุษย์ได้ การ
แพร่กระจายของแมลงสาบเกิดขึ ้นจาการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ทางเรื อ
นอกจากนันแล้ ้ วยังสามารถติดไปกับห้ องเก็บสัมภาระ และห้ องครัวในเครื่องบินอีก
ด้ วย ซึง่ แมลงสาบ ชนิดทีม่ ีความสําคัญคือ แมลงสาบ เยอรมัน และ แมลงสาบ
อเมริ กนั
- ชอบอยูเ่ ป็ นกลุม่ ตามซอกมุมภายในบ้ าน นอกบ้ าน ท่อนํ ้าทิ ้งทังในและนอกอาคาร

บ้ านเรื อน ตามซอกมุมที่อบั ชื ้น ทีก่ ารทําความสะอาดเข้ าไม่ถงึ
-ไม่ชอบแสงสว่าง มักไม่คอ่ ยพบแมลงสาบในเวลากลางวัน แต่จะออกมาหา
อาหารและทํากิจกรรมต่างๆในเวลากลางคืนและในทีม่ ืด
-แมลงสาบ กินอาหารได้ เกือบทุกชนิด มักจะวางกระเปาะไข่ในบริเวณที่ตวั อ่อนจะ
สามารถมีชีวติ อยูร่ อดได้ งา่ ย เช่น ตามวอกอับชื ้นภายในบ้ าน หรือใกล้ บริ เวณที่มี
นํ ้าและอาหารอยูอ่ ย่างสมํา่ เสมอ
โรคที่มีแมลงสาบเป็ นพาหะ
1. เชือ้ แบคทีเรีย
โรคที่สาํ คัญทีม่ ีเชื ้อแบคทีเรี ยเป็ นสาเหตุ ได้ แก่ โรคเรื อ้ น กาฬโรค โรคบิด โรค
ท้ องเสียในเด็ก โรคติดเชื ้อของช่องขับถ่าย โรคฝี และผิวหนังพุพอง โรคในระบบ
ทางเดินอาหาร โรคอาหารเป็ นพิษ และโรคไทฟอยด์
2. หนอนพยาธิ
เช่น พยาธิปากขอ พยาธิไส้ เดือนกลม พยาธิตดื แคระ พยาธิตืดวัว พยาธิใบไม้
โลหิต เป็ นต้ น โรคที่มีหนอนพยาธิเป็ นสาเหตุ ได้ แก่ โรคระบบลําไส้ และโรคโลหิต
จาง หนอนพยาธิสามารถอาศัยอยูใ่ นตัวแมลงสาบประมาณ 12 ชนิด ซึง่ สามารถ
ผ่านออกมาทางมูลของ แมลงสาบ ได้
3. เชือ้ ไวรัส
ยังไม่พบว่ามีการแพร่เชื ้อไวรัสซึง่ นําโดยแมลงสาบมาสูม่ นุษย์ แต่จากการศึกษาใน
ห้ องทดลองพบว่าแมลงสาบสามารถเป็ นพาหะของเชื ้อไวรัส ซึง่ เป็ นเชื ้อสาเหตุของ
โรคตับอักเสบ
4. เชือ้ โปรโตซัว
มีเชื ้อโปรโตซัวหลายชนิดที่พบในแมลงสาบ ซึง่ เชื ้อโปรโตเป็ นสาเหตุทําให้ เกิด
ความพิการของทารกในครรภ์ และมีเชื ้อโปรโตซัวอีกหลายชนิดที่เป็ นสาเหตุของ
โรคท้ องเสีย หรื อโรคบิด
5. เชือ้ รา พบมีเชื ้อรา 2 ชนิดทีเ่ ป็ นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ
วิธีการกาจัดแมลงสาบ
1.หาขวดแก้ ว ที่มีปากค่อนข้ างกว้ างมา ใส่นํ ้าแกงจืดหรื อนํ ้าต้ มยํา (ใส่ประมาณครึ่ง
ขวด) แล้ วนําไปวางไว้ บริเวณซอกหรื อมุมห้ องภายในบ้ าน โดยวางให้ ชิดติดกับ
ผนังเพื่อล่อให้ แมลงสาบที่ไต่ตามฝาผนังลงไปกินนํ ้าแกงใน ขวด แล้ ว จะไม่
สามารถปี นกลับขึ ้นมาได้
2.ใช้ เหยื่อล่อแมลงสาบสําเร็ จ รูป ซึง่ บรรจุอยูใ่ นตลับที่มีชอ่ งว่างเพือ่ ให้ แมลงสาบมุด
หัวเข้ าไปกินเหยื่อ แล้ วออกมาตายภายนอก (ไม่ตายค้ างอยูด่ ้ านในตลับ) โดย
นําไปวางไว้ ในบริเวณทีม่ ีแมลงสาบชอบเดินผ่าน อาทิ ตามซอกมุมอับต่าง ๆ หรื อ
วางไว้ ใกล้ ทอ่ ระบายนํ ้าทิ ้ง เพื่อดักแมลงสาบที่ออกมาหากินยามคํา่ คืน
3.ใช้ บ้ านแมลงสาบ ซึง่ เป็ นกาวดักแมลงสาบที่ไม่เป็ นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี ้ยง มี
ประสิทธิภาพในการดักจับแมลงสาบได้ ดี ใช้ ง่าย เพียงแค่แกะกล่องกระดาษแล้ ว
วางแผ่นเหยื่อไว้ ตรงกลางแผ่นกาว และพับเป็ น รูปบ้ าน นําไปวางไว้ ตามห้ องหรื อ
ซอกมุมทีม่ ีแมลงสาบรบกวน เมื่อมีแมลงสาบมาติดจนเต็ม ให้ พบั บ้ านแมลงสาบ
เข้ าทุกด้ าน แล้ วนําไปทิ ้งลงถังขยะ บ้ านแมลงสาบมีอายุการใช้ งานนานประมาณ
3 สัปดาห์.
วิธีการป้ องกัน
1. ป้องกันแมลงสาบเข้ าทางประตู
- ติดยางหรือแผ่นกันแมลงใต้ ประตู ให้ ซื ้อขนาดความยาว 90เซนติเมตรจะขนาด
เท่าประตูพอดีไม่ขาดไม่เกิน เวลาติดพยายามติดให้ ชิดพื ้นพอดี ไม่งนแมลงสาบตั
ั้ ว
เล็กก็ยงั มุดเข้ ามาได้
- ใช้ ชอล์คกันมด/แมลงสาบขีดทีธ่ รณีประตูและตามขอบพื ้นประตูเพื่อป้องกันอีก
ทีนงึ ถ้ าหากมดหรื อแมลงสาบโดนชอล์คมันจะตายเอง

3. กําจัดแมลงสาบที่แอบเข้ ามาอยูโ่ ดยไม่ได้ รับเชิญก่อนหน้ านี ้

- อันนี ้ก็แล้ วแต่วา่ ใครจะใช้ อะไรในการจัดการ แต่ที่ห้องใช้ เป็ นบ้ านแมลงสาบ


2. ป้องกันแมลงสาบขึ ้นมาจากท่อซิงค์ล้างจาน
- ใส่ตะแกรงกรองอาหาร เลือกชนิดที่ตาถี่ๆเพื่อป้องกันแมลงสาบตัวจิ๋วขึ ้นมาได้
- ปิ ดรูตรงช่องระบายนํ ้าล้ น ถ้ าไม่ปิดช่องนี ้ปี เตอร์ ยงั คงขึ ้นมาได้ อยูด่ ี อันนี ้แล้ วแต่
ว่าใครจะปิ ดรูยงั ไง มีวสั ดุมากมายให้ เลือก แต่ที่ห้องเอาง่ายๆไปก่อนโดยใช้ สก็อต
เทปใสปิ ดตามรูป
หนู
โรคที่มากับหนู
1.กาฬโรค กาฬโรคเป็ นโรคอันดับต้ นที่เรามักจะนึกถึงโรคทีเ่ กิดจากหนูเนื่องจาก
โรคนี ้เป็ นโรคเก่าแก่ในประวัตศิ าสตร์ มีประวัติการแพร่ระบาดของกาฬโรคหลาย
ครัง้ ซึง่ แต่ละครัง้ ก็คร่าชีวติ ผู้คนในระดับเรื อนแสนเรื อนล้ าน กาฬโรคเป็ นโรคติดต่อ
ที่แพร่ระบาดในหนู และในสัตว์ฟันแทะอื่นๆ สามารถติดต่อมาถึงคนได้ โรคนี ้มี
หมัดหนูที่อาศัยบนตัวหนูเป็ นพาหะ กาฬโรคติดต่อมายังคนได้ หลายช่องทาง เช่น
ถูกหมัดหนูกดั สัมผัสสัตว์ที่ป่วยหรื อตายด้ วยโรคนี ้ สัมผัสกับสารคัดหลัง่ จาก
ทางเดินหายใจของผู้ป่วยโรคนี ้ เป็ นต้ น ผู้ป่วยจะมีอาการโลหิตเป็ นพิษ มีไข้ มี
อาการทางประสาท ต่อมนํ ้าเหลืองบวม และอาจมีอาการอักเสบแบบมีเลือดออก
และมีเนื ้อตายร่วมกับการขยายใหญ่ของต่อมนํ ้าเหลืองที่อยูใ่ กล้ กบั บริ เวณที่ถกู
หมัดหนูกดั หากไม่ได้ รักษาก็อาจเสียชีวิตได้
2.เลปโทสไปโรซิส บางคนเรี ยกว่า “โรคฉี่หนู” เพราะเข้ าใจว่าสัตว์ที่นําโรคนี ้มาคือหนู
เท่านัน้ แต่จริ งๆแล้ วไม่ใช้ โรคนี ้เป็ นโรคที่แพร่ระบาดในฤดูฝน ในบริ เวรทีม่ ีนํ ้าท่วมขัง
เกิดจากแบคทีเรี ย เชื ้อเลปโทสไปรา ซึง่ อาศัยอยูใ่ นสัตว์หลายชนิด เช่น โค กระบือ
แมว สุนขั ไม่ได้ มแี ต่เฉพาะในหนูเท่านัน้ แต่การติดโรคนันจะเกิ
้ ดจากการสัมผัสฉี่
ของสัตว์ตา่ งๆ และไม่ปรากฏว่าติดต่อจากคนสูค่ น อาการของโรคเลปโทสไปโรซิส
จะมีอาการคล้ ายไข้ หวัดใหญ่ปวดเมื่อยตามตัวและที่สาํ คัญคือ จะมีอาการปวด
กล้ ามเนื ้อมัดใหญ่ เช่น ขา น่อง และจะมีอาการปวดศรี ษะ วิธีหลีกเลีย่ งโรคนี ้คือ
หลีกเลีย่ งการยํานํ ้าท่วมขัง ถ้ าจําเป็ นต้ องยําก็ต้องสวมรองเท้ ากันนํ ้า และล้ างมือ
ล้ างเท้ าให้ สะอาดทันที
3.โรคฮันทาไวรัส มีสตั ว์ฟันแทะหลายชนิดเป็ นพาหะ แม้ การเป็ นโรคนี ้ในประเทศไทย
ยังไม่มากนัก แต่ก็เป็ นโรคที่ต้องเฝ้าระวังเนื่องจากปั จจุบนั การระบาดของโรคอาจ
มากับชาวต่างชาติทเี่ ดินทางเข้ ามาในประเทศไทย เช่น จากประเทศจีน เกาหลี
พม่า ศรี ลงั กา รัสเซีย เป็ นโรคนี ้แบ่งได้ เป็ นสองกลุม่ อาการ ได้ แก่ โรคไข้ เลือดออกที่
มีอาการทางไตและโรคติดเชื่อไวรัสฮันทาที่ระบบหัวใจและทางเดินหายใจ อาการ
ของผู้ป่วยเป็ นโรคนี ้ จะมีไข้ สงู เฉียบพลัน ปวดศรี ษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลืน่ ไส้
อาเจียน ปวดท้ องหรี อปวดเอวมาก ตาแดง มีจดุ เลือดออกปั สวะน้ อย ตัวเย็น
ความดันเลือดตํ่า ช็อก โอกาสเสียชีวิตค่อนข้ างสูง
4.ซัลโมเนลโลซิส โรคนี ้เป็ นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารก็จริงแต่เกี่ยวข้ องกับหนูใน
ฐานะที่หนูเป็ นรังโรค เป็ นการติดเชื ้อเฉียบพลันในลําใส้ แหล่งรังโรคอันสําคํญอื่นๆ
นอกเหนือจากหนู คือ เป็ ด ไก่ และสัตว์เลี ้ยง
การป้ องกันและกาจัดหนู
1. การป้องกันและกาจัดโดยใช้ ยาเบื่อหนูประเภทออกฤทธิ์เร็ว
โดยใช้ ยาเบื่อหนูซิงค์ฟอสไฟด์ 80% (ผงสีดา) ผสมกับเหยื่อปลายข้ าว หรื อ
ข้ าวโพดป่ นในอัตราส่วน 1/100 โดยนํ ้าหนัก จะห่อด้ วยใบตอง ห่อละ 1 ช้ อนแกง
หรื อจะวางจุดละ 1 ช้ อนแกงแล้ วคลุมด้ วยแกลบเพื่อป้องกันความชื ้น โดยนําเหยือ่
ไปวางตามทางเดิน หรื อร่องรอยที่สาํ รวจพบ เป็ นจุด ๆ ละ 1 ห่อ หรื อ 1 ช้ อนแกง
ทุกระยะ 5-15 เมตร เมื่อหนูมากินเหยื่อนี ้จะตายภายใน 24 ชัว่ โมง
ข้ อสังเกต
การใช้ ยาเบื่อหนูประเภทออกฤทธิ์เร็ ว ชนิดที่กล่าวมาข้ างต้ นนัน้ ขอแนะนําให้ ใช้
กําจัดหนูในหน้ าแล้ ง หรื อก่อนเตรี ยมการเพาะปลูก และควรใช้ เพียง 1 ครัง้ ก็จะ
สามารถกําจัดหนูได้ ทวั่ ถึงอย่างรวดเร็ ว เป็ นการลดปริ มาณหนูให้ น้อยลง ถ้ าใช้
มากกว่า 1 ครัง้ จะทําให้ หนูเกิดการเข็ดขยาดต่อเหยื่อพิษชนิดนี ้
2. การใช้ ยาเบื่อหนูประเภทออกฤทธิ์ช้า เช่น ใช้ เหยื่อสําเร็จรูปแบบซอง หรื อแบบ
ก้ อนขี ้ผึ ้ง เช่น ราคูมิน โบรไดฟาคูม โปรมาดิโอโลน ฟลอคูมาเฟน หรื อยาหมัน
แอลฟลาคลอโรไฮดริ น ให้ วางไร่ละ 20 ซอง หรื อ 20 ก้ อน ตามคันนาหรื อตาม
ร่องรอยของหนู ห่างกันซอง/ก้ อนละ 5-10 เมตร เมื่อหนูมากินเหยือ่ นี ้จะตาย
ภายใน 2-8 วัน การวางยาเบื่อหนูชนิดนี ้ ควรวางเดือนละ 1 ครัง้ ติดต่อกัน 3 ครัง้
3. การป้องกันและกาจัดด้ วยวิธีเขตกรรม เช่น การถางหญ้ าหรื อจุดไฟเผาบริเวณ
แหล่งที่อยูอ่ าศัยของหนู หรื อใช้ วธิ ีกล เช่น การขุดทําลายแหล่งทีอ่ ยูอ่ าศัย วางกับ
ดัก และการล้ อมตี
มด
วิธีป้องกันและกาจัดมด
1 หาเศษผ้ าที่ไม่ใช้ แล้ วมาตัดเป็ นชิ ้น ๆ ชุบกับนํ ้ามันเครื่ องพอหมาดหรื อจาระบี
แล้ วนํามาพันรอบขาตู้หรื อโต๊ ะ หรื อใช้ ปนู ขาวใส่ภาชนะรองที่ขาตู้ก็ได้ แต่หากพบ
มดไต่ขึ ้นมาตามรอยแตกร้ าวของคอนกรีต ให้ ใช้ นํ ้ามันก๊ าดเทลงไปในร่อง มดก็จะ
ไม่โผล่หน้ าขึ ้นมาให้ เรารํ าคาญใจอีกนาน

2 ใช้ แป้งฝุ่ นสําหรับทาป้องกันเห็บหมัดของสุนขั หรื อแมวโรยตามพื ้นหรื อบริ เวณที่


มดขึ ้น เมื่อมดเดินผ่านก็จะเกิดการระคายเคืองและตายในเวลาอันรวดเร็ ว แต่ถ้า
ไม่อยากฆ่า ก็ให้ ใช้ แป้งฝุ่ นธรรมดาแทน หรื อฝานมะนาวเป็ นแผ่นบาง ๆ มาวางใน
บริ เวณทีม่ ดขึ ้นก็ได้
3 ในกรณีที่พบรังมด ให้ ใช้ นํ ้าทีแ่ ช่หน่อไม้ สดหรื อหน่อไม้ ดองเปรีย้ วราดไปที่รัง มด
จะอพยพไปอยูท่ ี่อื่นทันที แต่ถ้าต้ องการกําจัดให้ สิ ้นซากให้ ใช้ การบูรและยาสูบ
อย่างละ 1 ส่วน นําไปแช่นํ ้าตังไฟให้
้ เดือด จากนันเอาไปราดที
้ ่รัง มดก็จะตายและ
ไม่กลับมาทํารังอีก
ต่ อ การจัดและตกแต่ งบ้ าน
เครื่องใช้ ,ของประดับในการจัด และตกแต่ งบ้ าน
 เครื่องใช้ ประเภททีต่ ดิ กับอาคาร (bulit-in)
เครื่องใช้ ,ของประดับในการจัด และตกแต่ งบ้ าน
 เครื่ องใช้ประเภทลอยตัว
 กรอบรู ป
โคมไฟส่ องสว่ าง
โคมไฟสาหรับทางาน
โคมไฟเน้ นเฉพาะจุด
สติก๊ เกอร์ ตดิ ผนัง (Wall Sticker)
สวนหย่ อม
ตกแต่ งพืน้ ทีท่ ไี่ ม่ มบี ริเวณ

 ไอเดียที่ 1 ไม่ ก้นั ก็ไม่ แคบ


สิ่ งสาคัญในการจัดพื้นที่แคบคือพยายามสร้างความต่อเนื่องภายในพื้นที่ไว้ให้
มากที่สุด ไม่ควรกั้นผนังทึบ เพราะจะยิง่ ทาให้บา้ นดูแคบลงไปอีก หากต้องการ
แบ่งพื้นที่ใช้งานภายในห้องควรกั้นผนังแบบโปร่ ง โดยการทาชั้นวางของ ใช้ฉาก
หรื อม่านที่เลื่อนปิ ดเปิ ดได้ เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน อีกวิธี
หนึ่งคือการแบ่งพื้นที่ดว้ ยการเปลี่ยนสี หรื อพื้นผิวของผนังและพื้น ซึ่งนอกจากจะ
ช่วยแบ่งสัดส่วนของพื้นที่แล้ว ยังสามารถเปลี่ยนอารมณ์และเพิม่ มิติให้กบั พื้นที่
ได้อีกด้วย
ตกแต่ งพืน้ ทีท่ ไี่ ม่ มบี ริเวณ
 ไอเดียที่ 2 หนึ่งชิ้นหลายหน้ าที่
เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบอเนกประสงค์
แทนการใช้เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นให้เกะกะพื้นที่
และอีกวิธีหนึ่งคือ
การจัดวางตาแหน่งเฟอร์นิเจอร์
แบบธรรมดาให้ใช้งานได้หลากหลาย
เช่น วางโต๊ะกลางในตาแหน่งที่เป็ นได้
ทั้งโต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะนัง่ เล่น
และโต๊ะทางาน แล้วแต่การใช้งาน
ในแต่ละโอกาสและช่วงเวลา
ตกแต่ งพืน้ ทีท่ ไี่ ม่ มบี ริเวณ
 ไอเดียที่ 3 ปรับเปลีย่ นประหยัดที่
 การใช้ เฟอร์ นิเจอร์ ที่สามารถยืด หด พับเก็บ หรือมีล้อเลื่อน จะช่ วยประหยัดเนือ้ ที่ได้มาก
เพราะทาให้ ปรับเปลีย่ นได้ตามการใช้ งานและเคลือ่ นที่ไปใช้ งานในส่ วนต่ างๆได้อย่างสะดวก
เมื่อไม่ ใช้ งานก็นาไปเก็บได้โดยไม่ เปลืองเนือ้ ที่ ถ้ าหากเป็ นเฟอร์ นิเจอร์ ที่สามารถเก็บแบบซ้ อน
ชิ้นเล็กในชิ้นใหญ่ หรือถอดประกอบแยกส่ วนได้ด้วยจะยิง่ ช่ วยประหยัดพืน้ ที่ได้มากขึน้ ด้วย

 ไอเดียที่ 4 บิลท์ อนิ ช่ วยคุณได้


แม้ ว่าการทาเฟอร์ นิเจอร์ บิลท์ อนิ จะทาให้ เสียพืน้ ที่ไปบางส่ วน แต่ กเ็ ป็ นวิธีที่ดใี นการจัดการกับ
พืน้ ที่ที่มีอยู่จากัดให้ เป็ นประโยชน์ และตรงกับความต้ องการของคุณได้ ดีกว่ าการใช้ เฟอร์ นิเจอร์
แบบลอยตัว เพราะสามารถออกแบบให้ มีขนาดพอดีกบั ข้ าวของเครื่องใช้ และช่ วยให้ การเก็บ
ของเป็ นระเบียบเรียบร้ อยมากขึน้ ด้วย
ตกแต่ งพืน้ ทีท่ ไี่ ม่ มบี ริเวณ
 ไอเดียที่ 5 ติดผนังเข้ าไว้
หากบ้ านของคุณมีพนื้ ที่ไม่ เพียงพอที่จะวางข้ าวของที่เพิม่ จานวนขึน้ เรื่อยๆ คุณสามารถเพิม่
พืน้ ที่ใช้ สอยด้วยการใช้ ประโยชน์ จากที่ว่างทางแนวตั้ง ไม่ ว่าจะทาชั้น หรือราว ที่สามารถยก
ข้ าวของของคุณขึน้ จากพืน้ ไปลอยอยู่เหนือหัว หรือติดอยู่บนผนังให้ มากที่สุด แล้ วคุณจะพบว่ า
ภายในบ้ านยังเหลือพืน้ ที่ว่างให้ ใช้ ได้ อีกมากมาย ตั้งแต่ พนื้ ไปจนถึงฝ้ าเพดาน
 ไอเดียที่ 6 เทคนิคลวงตา
ใช้ องค์ ประกอบพืน้ ฐานในการออกแบบ เช่ น เส้ น สี แสง เงา และผิวสัมผัส มาตกแต่ งบ้ านเพื่อ
ช่ วยหลอกตาให้ ดูกว้างขึน้ เช่ น การใช้ เส้ นนอนเพือ่ ยืดให้ ห้องดูยาวขึน้ การเปิ ดช่ องแสงเพือ่
เชื่อมต่ อกับพืน้ ที่ภายนอก การใช้ วสั ดุผิวมันวาว เช่ น กระจกหรือสเตนเลส สร้ างเงาสะท้ อน
เพิม่ มิติให้ กบั พืน้ ที่ การใช้ เฟอร์ นิเจอร์ แบบโปร่ งบาง ทาให้ ห้องดูโล่ง ไม่ ทึบตัน การใช้ สีอ่อนๆ
หรือการจัดแสงไฟให้ ห้องดูสว่ างขึน้ และวิธีอนื่ ๆอีกมากมายที่สามารถมาประยุกต์ ให้ เข้ ากับ
ความต้ องการใช้ สอยและสไตล์ การตกแต่ งบ้ านของคุณ

ตกแต่ งพืน้ ทีท่ ไี่ ม่ มบี ริเวณ
ตกแต่ งพืน้ ทีท่ ไี่ ม่ มบี ริเวณ
ตกแต่ งคอนโด
ตกแต่ งคอนโด
 ในภาพนีผ้ ู้ออกแบบได้ ใช้ ผ่าม่ านโปร่ งเป็ นตัวแบ่ งพืน้ ที่ใช้ สอยระหว่ างห้ องนอนกับพืน้ ที่ส่วน
อืน่ ผ้าม่ านนีช้ ่ วยสร้ างความรู้สึกเป็ นส่ วนตัว แต่ ในขณะเดียวกันก็ยงั คงบรรยากาศที่ดูโปร่ ง
สบายไว้ได้
 หรืออาจใช้ ประตูบานเลือ่ นที่เลือ่ นปิ ดเปิ ดได้ ซึ่งสามารถเปิ ดออกให้ เกิดพืน ้ ที่ต่อเนื่องได้ สะดวก
ทุกเวลาที่ต้องการ ในภาพนีใ้ ช้ ประตูบานเลื่อนกระจกฝ้ า กั้นแบ่ งพืน้ ที่ห้องนอนและ
ห้ องนั่งเล่น ซึ่งในเวลากลางวันสามารถเปิ ดทิง้ ไว้เพื่อให้ เกิด space และบรรยากาศที่โปร่ ง
สบาย
 หรือช้ ฉากกั้นแบบโปร่ งแสงแบ่ งพืน ้ ที่ห้องนอนเพือ่ สร้ างความรู้สึกเป็ นส่ วนตัว หรืออาจใช้ เป็ น
ฉากกั้นพืน้ ที่ใช้ สอยส่ วนต่ างๆ ได้ โดยที่ยงั คงความรู้สึกต่ อเนื่องของพืน้ ที่อยู่ และสามารถพับ
เก็บเข้ าไปเมื่อไม่ ได้ใช้ งาน
 การใช้ ช้ ันวางของเตีย้ ๆ เพื่อแบ่ งพืน้ ที่ใช้ สอยส่ วนต่ างๆ ในลักษณะเป็ น low partition ก็
เป็ นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่ วยให้ ห้องดูไม่ ทึบและอึดอัด
ตกแต่ งคอนโด
คือการใช้ วสั ดุผวิ มันวาว เช่ น กระจกหรือสเตนเลส สร้ างเงาสะท้ อนเพือ่ เพิม่ มิติ
ให้ กับพืน้ ที่ ช่ วยให้ พนื้ ที่ดูกว้ างหรือมี space เพิม่ มากขึน้
เตียงนีก้ ม็ ที เี่ ก็บของซ่ อนอยู่ข้าง
ใน ในลักษณะทีเ่ รียกว่ า
hidden storage

การใช้ เฟอร์ นิเจอร์ ทสี่ ามารถยืด หด พับ


เก็บได้ จะช่ วยประหยัดเนือ้ ที่ได้ มาก
เพราะทาให้ ปรับเปลีย่ นได้ ตามการใช้
งานได้ อย่ างสะดวก โดยไม่ เปลืองเนือ้ ที่
เมือ่ ไม่ ใช้ กจ็ ดั เก็บ
สวนประดิษฐ์
สวนประดิษฐ์
สวนธรรมชาติ
สวนธรรมชาติ
สวนจินตนาการ
สวนจินตนาการ
สวนนามธรรม
เซรามิค
วัชพืช

 วิธีการป้ องกันกาจัดวัชพืช
หลักการพิจารณาการป้ องกันกาจัดวัชพืช มีท้งั การป้ องกันไม่ ให้ วชั พืช
จากทีอ่ นื่ แพร่ ระบาดเข้ ามาในพืน้ ที่ ทั้งเมล็ด ราก เหง้ า ลาต้ น การควบคุม โดยลด
การเสียหายจากการระบาดของวัชพืชทีข่ นึ้ รบกวน และทาลายชิ้นส่ วนของวัชพืช
ให้ หมดไปจากพืน้ ที่ เพือ่ ป้ องกันการแพร่ กระจายไปทีอ่ นื่ ไม่ ให้ มกี ารเพิม่
ขยายพันธุ์ในพืน้ ทีเ่ ดิม วิธีการป้ องกันกาจัดโดยวิธีต่างๆต้ องเลือกใช้ ให้ เหมาะสม
ดังนี้
 1. การป้ องกันกาจัดโดยวิธีกล เป็ นการใช้ แรงงานคน แรงงานสัตว์
การใช้ เครื่องทุ่นแรง ใช้ ไฟเผา ใช้ วสั ดุคลุมดิน
 2. การป้ องกันกาจัดโดยวิธีเขตกรรม เป็ นการจัดการเพือ่ ลดปัญหาการ
แข่ งขันจากวัชพืช ได้ แก่ การขังนา้ ในนา การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืช
หมุนเวียน การใช้ อตั ราเมล็ดพันธุ์พชื ทีป่ ลูกสู งกว่ าปกติ และการจัดการปุ๋ ยที่
ถูกต้ องและเหมาะสม
3. การป้ องกันกาจัดโดยชีววิธี เป็ นการใช้ สิ่งมีชีวติ มาควบคุมวัชพืช
ได้ แก่ แมลง โรคพืช และสัตว์
4. การป้ องกันกาจัดโดยการใช้ สารป้ องกันกาจัดวัชพืช เป็ นวิธีที่
เกษตรกรใช้ กนั มากเพราะสะดวกรวดเร็ว แต่ ต้องรู้ วธิ ีใช้ อย่ างถูกต้อง ไม่ เป็ น
อันตรายต่ อผู้ใช้ และไม่ ทาลายสิ่งแวดล้ อม
5. การป้ องกันกาจัดโดยวิธีผสมผสาน พบว่ าการใช้ วธิ ีการป้ องกันกาจัด
ศัตรู พชื เพียงวิธีใดวิธีหนึ่งไม่ สามารถแก้ ไขปัญหาได้ สมบูรณ์ เพราะแต่ ละวิธีมี
ข้ อดีและข้ อจากัดต่ างกันไป การปรับใช้ ยุทธวิธีหลายๆวิธีเข้ าด้ วยกันตามสภาพ
ปัญหาทีเ่ กิดจะสามารถลดปัญหาทีเ่ กิดได้
การปลูกพืชคลุมดิน
 พืชตระกูลถัว่ ที่จะแนะนาให้เกษตรกรใช้ปลูกเป็ นพืชคลุมดินในสวนไม้ผล-ไม้ยนื
ต้นมี 4 ชนิด คือ
 1. คาโลโปโกเนียม ใบมีขนาดปานกลางเจริ ญเติบโตได้เร็ ว คลุมดินได้ภายใน 3-4
เดือน จะออกดอกและเก็บเมล็ดได้เมื่อมีอายุ 6-7 เดือนขึ้นไปจนกระทัง่ อายุ
ประมาณ 18 เดือน ต้นก็จะโทรมตายคาโลโปโกเนียม เป็ นพืชที่ไม่ชอบร่ มเงา เมื่อ
ปลูกร่ วมกับพืชคลุมดินชนิดอื่น จะมีปริ มาณมากในปี แรกแต่หลัง จากนั้นจะถูก
ทดแทนด้วยพืชคลุมดินชนิดอื่น
 2. เซนโตซีมาหรือถั่วลาย ใบมีลกั ษณะเรี ยวเล็กชอบเลื้อยพันขึ้นต้นไม้ จะออก
ดอกและเก็บเมล็ดได้เมื่อมีอายุ 7 เดือนขึ้นไป ทนต่อความแห้งแล้ง ดังนั้นจึงจะ
ช่วยเสริ มปริ มาณพืชคลุมดินในช่วงหน้าแล้งได้ เถาเหนียว เปื่ อยช้า เซนโตซีมาจะ
มีอายุอยูไ่ ด้ประมาณ 3-4 ปี
การปลูกพืชคลุมดิน

 3. เพอราเรีย ใบมีขนาดใหญ่หนา เถาใหญ่และเป็ นขน จึงควบคุมวัชพืชได้


ดีกว่าถัว่ สองชนิดแรก เพอราเรี ยจะมีการเจริ ญเติบโตช้า อายุเกือบปี จึงจะคลุมดิน
ได้ และจะสามารถคลุมดินได้ประมาณ 3-4 ปี แต่ถา้ มีร่มเงามาก ต้นก็จะโทรม
ตายไป เถาและใบเปราะ เน่าเปื่ อยเร็ ว4. ซีรูเลียมหรือนิวดาโลโป เป็ นถัว่ คลุมดิน
ที่มีคุณสมบัติดีเด่น หลายประการคือ ให้ปริ มาณไนโตรเจนกลับคืนสู่ดินได้มาก
ทนต่อความแห้งแล้งและร่ มเงาได้ดี มีอายุอยูไ่ ด้นานถึง 10 ปี ในพื้นที่ที่มีการ
ปลูกซีรูเลียม ร่ วมกับพืชคลุมดินชนิดอื่น ซีรูเลียมจะมีปริ มาณเพื่อขึ้นในปี ที่
4 ในขณะที่พืชคลุมดินชนิดอื่นจะตายไป เพราะมีร่มเงามากขึ้น แต่เนื่องจากซีรู
เลียมที่ปลูกทางภาคใต้ ของไทยให้ผลผลิตเมล็ดน้อยหรื อ แทบไม่ให้เมล็ดเลย จึง
มีปัญหาเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ที่นามาใช้ ปลูกจะมีราคาแพง
ต้ นไม้ ใหญ่

 ไม้ ใหญ่ แบ่ งเป็ นประเภทง่ ายๆตามวัตถุประสงค์ ทจี่ ะใช้ งาน


 1. ปลูกให้ ร่มเงา พวกต้ นไม้ ใหญ่ ต่างๆ ทีม่ ใี บและพุ่มหนา เป็ นไม้ ไม่ ผลัดใบ จะ
ได้ ร่มเงาตลอดทั้งปี กิง่ ก้ านแข็งแรง ไม่ หักเปราะง่ าย ใช้ ปลูกริมรั้ว หรือนอกรั้ว
อย่ าปลูกชิดบ้ านมาก เอาไว้ ด้านทิศตะวันตกมากหน่ อย คอยบังแดด ปลูกทิศใต้
น้ อยหน่ อยเพราะจะบังลม มีหลายชนิดเช่ น ประดู่ พญาสัตตบรรณ กันเกรา แสง
จันทร์ สน สารภี สาเก ใบใหญ่ เป็ นแฉกสวยดี ลูกก็กนิ ได้ หรือพวกผลัดใบเช่ น
จามจุรี หูกวาง เวลาผลัดใบที กวาดกันทั้งวัน จึงไม่ ค่อยนิยม
ไม้ ประดู่
ต้ นแสงจันทร์
ต้ นจามจุรี
 2. ปลูกเอาลูกกิน อันนีจ้ ดั เป็ นทีน่ ิยมของคนไทยมาก ยอดนิยมอันดับ 1 ก็ต้อง
ยกให้ มะม่ วง หาพันธุ์ดๆี หน่ อย ถ้ าเป็ นพวกทวายก็ดี ออกลูกปี ละหลายครั้ง ขนุน
ปลูกไว้ หลังบ้ าน พันธุ์ไพศาลทักษิณ เนือ้ กรอบหวานอร่ อยมาก หายากหน่ อย แล้ ว
ก็ได้ หนุนในเรื่องสิริมงคลด้ วย มะยมปลูกหน้ าบ้ าน นีก่ ล็ ูกดก ออกตลอดปี ทากวน
กินได้ เรื่อยๆ ปลูกนอกรั้วก็ได้ และปลูกได้ ทวั่ ไป ส่ วนไม้ ผลอืน่ ๆถ้ าปลูกนอกพืน้ ที่
ทีเ่ ขาชอบ ก็ไม่ ค่อยออกลูกให้ กนิ
-แปลงล้างขวด ดอกก็เหมือนแปรงล้างขวดนัน่ แหละ ออกดอกทั้งปี
 -ต้นหลิว ปลิวไสว เพราะกิ่งมันอ่อน ลู่ตามลมได้ ปลูกตามริ มน้ าก็ดี
ต้ นมะม่ วง
ต้ นมะยม
ต้ นแปรงล้างขวด
 3. ปลูกดูสวยงาม พวกไม้ ยนื ต้ นดอกสวยนี่มเี ยอะพอสมควร ถ้ าบ้ านบริเวณ
กว้ างๆ จะแนะนาให้ เลือกหาหลายๆพันธุ์ผสมกัน ปลูกสลับตามฤดูกาล เช่ น ไม้
ดอกหน้ าร้ อน พวกราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ เหลืองอินเดีย ชมพู
พันธุ์ทพิ ย์ หางนกยูงฝรั่ง อินทนิลนา้

ต้ นราชพฤกษ์ ต้ นกัลปพฤกษ์
 4. ปลูกเอากลิน่ หอม พวกไม้ ใหญ่ นี่มนี ้ อย แต่ นิยมปลูกเพราะทรงสวย พุ่มสวย
ลาต้ นก็สวย คือต้ นปี บ หรือต้ นพิกลุ พุ่มกลมทึบ นอกนั้นออกดอกไม่ ค่อยมีกลิน่
หอมนัก ต้ องอาศัยไม้ เลือ้ ยหรือไม้ เล็ก ทีน่ ิยมและปลูกง่ าย ทรงสวย ได้ แก่ โมก ต้ น
แก้ ว ราตรี กระดังงา หรือการเวกเป็ นไม้ เลือ้ ย ทาซุ้มประตูกด็ ี เพราะใบหนาทึบ
โตเร็ว ดอกหอม
ต้ นกระดังงา
 การเลือกซื้อต้ นไม้
การหาซื้อ ถ้าได้ไม้ใหญ่เลยก็ดี โตเร็ วทันใจ ไม่ตอ้ งรอนาน
แต่มีขอ้ เสี ยคือ เขาขุดมาเลี้ยงไว้ก่อนให้ฟ้ื นตัว จะไม่มีรากแก้ว เวลาปลูกต้องทาค้ า
ยันโคนไม้ให้แข็งแรง แน่นหนา อย่าให้โยกเยก จะตาย ไม่ติด เพราะมีลมพัดอยู่
ตลอดไม่ได้ต้ งั อยูเ่ ฉยๆ แต่ถา้ ใช้ไม้ตน้ เล็กมาปลูก เขาเพาะเมล็ด มีรากแก้ว ก็จะยึด
เกาะดี แข็งแรง แต่โตช้า ไม่ทนั ใจ ไม้ใหญ่เวลาลงส่วนใหญ่คนขายจะมาลงให้
และรับประกันว่าไม่ตาย ถ้าซื้อมาลงเองก็ดูดีๆหน่อย ผมเคยเจอ ซื้อปี บต้นใหญ่มา
ลง ปลูกแล้วไม่ฟ้ื น พอขุดเปลี่ยนต้นใหม่ ถึงเห็นว่าคนงานไม่ได้แกะเอา
ถุงพลาสติกออก รากมันเลยเน่าตาย
การจัดสวนนา้
การจัดสวนนา้

You might also like