You are on page 1of 8

จะกล่าวถึงเงือกน้อยกลอยสวาท ซึ่งรองบาทพระอภัยเมื่อไกลสถาน

อยู่วนวังหลังเกาะแก้วพิสดาร ประมาณกาลสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
ให้เจ็บครรภ์ปั่นป่วนจวนจะคลอด ระทวยทอดลงกับแท่นที่แผ่นผา
จะแลเหลียวเปลี่ยวใจนัยนา ไม่เห็นหน้าผู้ใดที่ไหนเลย
ฯลฯ

(บรรยาย)
กล่าวถึงเหตุการณ์ในเกาะแก้วพิสดาร เมื่อพระอภัยมณีเดินทางออกจากเกาะไปกับเรือท้าวอิลราช
ได้ไม่นาน นางเงือกซึ่งกาลังตั้งครรภ์โดยมีพระฤาษีคอยดูแล ก็ได้ให้กาเนิดบุตรชาย หน้าตาละม้ายคล้าย
พระบิดาไม่มีผิดเพี้ยน และเนื่องจากกุมารน้อยมีเชื้อสายนางเงือกน้า ซึ่งมีกาลังเหนือมนุษย์ จึงมีพละกาลัง
มหาศาล เมื่อคลอดออกมาก็สามารถคลานได้ในทันที

ฉากที่ 1
***เสียงทารกร้อง อุแว้ๆๆๆๆ สุดสาคร คลานออกมา นางเงือกวิ่งตามและ พบกับฤาษี ***
ฤาษี : วะ..ไอ้เด็กคนนี้ น่ารักน่าชังเสียจริง ร้องเสียงดังซะด้วย
นางเงือก: ลูกชาย จ๊ะ ตา คลอดเมื่อวานซืน คลอดเสร็จ ก็คลานออกไปนอกบ้าน ลอยทะเลเล่นกับอยู่กับ
ปลาพยูน หลาน
ตามไปพบเข้าเลยพากลับบ้าน นี่ก็ว่าจะพามาให้ท่านตาตั้งชื่อให้และฝากตัวให้ตาช่วยเลี้ยงดูล่ะจ่ะ
ฤาษี : เอ่อๆ ลักษณะท่าทางดีนะ มีราศี ต่อไปจะเป็นใหญ่เป็นโต แน่นอน ข้าจะตั้งชื่อว่า สุดสาคร แล้วกัน
นะ

(บรรยาย)
เหตุที่นางเงือกไม่สามารถ เลี้ยงดูสุดสาคร บนบกได้ เนื่องจากตนเองเป็นเงือก จึงได้ฝากฝังสุด
สาครไว้กับพระฤาษี ฝ่ายสุดสาคร อยู่ร่าเรียนวิชา กับพระฤาษี ได้จนเติบโตขึ้น ทุกวัน มีวิชาอาคม เก่งกล้า
วันหนึ่งได้ท่องเทียวนอกเกาะแก้วพิสดาร พบม้าลักษณะพิเศษ จึงอยากได้มาครอบครอง

ฉากที่ 2 ท่องเที่ยว
****สุดสาคร เดินเข้าฉากมา****
ฤาษี : ไปเล่นซนที่ไหนมา เจ้าเด็กน้อย เนื้อตัวมอมแมม เปียกปอนไปหมดเลย ดูสิ
สุดสาคร : หลานไปที่เกาะใกล้ ๆ นี้ล่ะจะ ตาจ๋า พอดีหลานไปพบ ม้าประหลาดตัวหนึ่งเข้า รูปร่างหน้าตา
พิสดารมาก มีหนวด มีเกร็ด หางยาว กําลังวังชามันมากมายนัก หลายอยากได้มาเลี้ยงไว้ แต่มันหนีไป
ได้จะ
ฤาษี : อืม... เห็นทีจะเป็นม้านิลมังกร ม้าที่เจ้าเห็น มีเขียวเป็นเพชร เกร็ดเป็นนิล และลิ้นเป็นปาน มันเป็น
ลูกผสมระหว่างมังกรและม้า ทําให้รูปร่างประหลาด และมีกําลังมาก
สุดสาคร : หลานอยากได้ม้านิลมังกรมาเลี้ยงเป็นเพื่อนจังเลยตาจ๋า
ฤาษี : ม้าตัวนี้มีฤทธิ์มาก ใช้กําลังจับอย่างเดียวไม่เป็นผล เจ้าต้องใช้อาคม จับจึงสําเร็จ เด็กน้อย...
สุดสาคร : ท่านตาช่วยหลานจับม้านิลมังกรนะจ๊ะ ท่านตา..
ฤาษี : เอ้า ก็ได้ ตาจะช่วยเจ้า.... (ฤาษี หยิบเชือกมา 1 เส้น บริกรรมคาถา และส่งเชือกไปให้สุดสาคร)
เจ้าจงกลับไป แล้วใช้เชือกเส้นนี้คล้องที่คอม้าตัวนั้น จากนั้นจะสามารถขี่หลังมันได้ และจับมาให้ตา
ที่นี่นะ
สุดสาคร : จ่ะตา.. (รับเชือกจากฤาษี จากนั้นเดินออกจากฉากไป)

ฉากที่ 4 ล้อมจับม้านิลมังกร
****ม้านิลมังกร เดินอยู่กลางเวที สุดสาคร ย่องเข้ามาจากทางด้านหลัง**** (เอาเชือกคล้องคอ และ
จับม้านิลมังกร)
สุดสาคร : ได้ตัวแล้ว ไปกับข้าซะดี ๆ เจ้าม้านิลมังกร
***สุดสาคร พาม้านิลมังกร ไปหาฤาษี****

ฉากที่ 5 ดูตวั ม้านิลมังกร


สุดสาคร : ตาจ๋า ตาจ๋า หลานได้ม้านิลมังกรมาแล้ว จ้า...นี่ไงจ๊ะ (จูงม้านิลมังกรมาให้ฤาษี)
ฤาษี : (พิจารณาดูม้านิลมังกรอย่างละเอียด..หยิบแว่นขยายมาส่องดู) อื่ม เป็นมาที่ลักษณะดี ใครได้
ครอบครองจะช่วยปกป้องคุมครองและส่งเสริมให้คนผู้นั้นเป็นผู้มีวาสนา หลานจงเลี้ยงดูม้าตัวนี้ให้ดีนะ
สุดสาคร : จ่ะ ตา

ฉากที่ 6 เล่าเรื่องพระอภัยมณี
****ฤาษีนั่งบนตั่ง นางเงือก อยู่มุมฉาก สุดสาครจูงม้านิลมังกรเดินเข้ามาหา สนทนากันเรื่อง
พระอภัยมณี*******
(บรรยาย)
สุดสาคร ดีใจมากที่ได้ม้านิลมังกร มาเป็นของตนเอง ทุกวันสุดสาครจะดูแลม้านิลมังกรเป็นอย่างดี
คอยพาไปกินอาหารในทะเล และเล่นด้วยกัน เสมือนเป็นเพื่อนกัน ทั้งสองแม้จะต่างเผ่าพันธุ์กันแต่ก็ รัก
ใคร่กันเสมือนเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
วันหนึ่ง พระฤาษีเห็นว่า สุดสาคร เติบโตขึ้นสามารถดูแลตัวเองได้ อีกทั้งยังได้เรียนอาคมกับพระ
ฤาษีจนหมดสิ้นแล้ว จึงตัดสินใจ บอกสุดสาคร เรื่องพระอภัยมณี บิดาที่จากสุดสาครไปตั้งแต่ยังเล็ก ได้
ออกจากเกาะนี้ไปหลายปี ให้สุดสาครออกไปตามหา พระโยคีได้มอบไม้เท้ากายสิทธ์เ ป็นอาวุธไว้ป้องกันตน
ก่อนออกเดินทาง พระโยคีเกล้าผมเสียบปิ่นของพระอภัยมณี เพื่อให้คนที่พบเห็นได้ทราบว่าเป็นโอรสของ
กษัตริย์ สุดสาครฝากฝังแม่เงือกไว้กับโยคีแล้วกราบลาเดินทางไป

ฉากที่ 7 ผจญภูตผี
(บรรยาย)
สุดสาครและม้านิลมังกร เดินทางขึ้นเหนือตามคาที่พระฤาษีบอก ระหว่างทางพบเจอกับภูตผีหิว
โหยทีอ่ าศัย ดื่มกินเลือดผู้ที่เดินทางผ่านไปมา
***สุดสาคร กับม้านิลมังกร เดินเข้าฉาก พบกับผี และต่อสู้กัน***
การต่อสู้ระหว่างสุดสาครและภูตผี กินเวลา 7 วัน 7 คืน จนสุดสาครและม้านิลมังกรเริ่มออกแรง
***สุดสาครล้มลง ม้านิลมังกรผลักผีที่จะมาทําร้ายและดึงตัวสุดสาคร ไปที่มุมฉาก***
บรรยาย
ทันใดนั้น พระฤาษีที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของสุดสาครก็ปรากฏตัว เข้าช่วยเหลือสุดสาคร
****ฤาษีเข้ามาช่วยไล่ปีศาจ****
ฤาษี : (พอไล่ปีศาจเสร็จก็หันมาพูดกับสุดสาคร) เด็กน้อยเจ้าบ่ายหน้ามาผิดทิศแล้ว จงรีบออกไปจากที่นี่
บริเวณนี้มแี ต่ปีศาจ ไปได้แล้ว เจ้าม้า พาตัวไปเร็ว
******ม้านิลมังกรพาสุดสาครเดินทางต่อไป****
บรรยาย
หลังจากที่รอดพ้นจากปีศาจมา สุดสาครก็ออกเดินทางต่อไปเป็นเวลาหลายวันจนถึงเมือง

ฉากที่ 8 เปิดตัวชีเปลือย
สุดสาคร: (เดินจูงม้าไปรอบ ๆ) เหนื่อยไหมเพื่อนยาก ข้าว่าเรามาไกลแล้วพักสักหน่อยดีไหม
ม้านิลมังกร: พยักหน้าเห็นด้วย
สุดสาคร : (นั่งลง) ดื่มน้ํา เอาน้ําให้ม้า (ฉีดฟอกกี้...)
ชีเปลือย : เข้าฉากมา (แอบด้อม ๆมอง ๆ สุดสาครและรําพึงว่า) เด็กน้อยนี้เป็นใคร เดินทางมากลางป่าเพียง
คนเดียว เจ้าม้าตัวนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยลักษณะท่าทางเป็นม้าดี...ไม้เท้านั่น ก็น่าสนใจไม่น้อย ดีล่ะะ ข้าจะชิงม้า
ตัวนั้นมาเป็นของข้า คอยดู...

บรรยาย
ว่าแล้วชีเปลีอยก็ทาทีเป็นตีสนิทกับสุดสาคร หวังขโมยม้านิลมังกรและไม้เท้าวิเศษให้ได้

ชีเปลือย: สวัสดีเจ้าหนู..ทําไมมาอยู่ที่คนเดียวล่ะ..แล้วพ่อแม่เจ้าไปไหนซะล่ะ
สุดสาคร : น้าเป็นใคร...ฉันไม่รู้จัก อยู่ดี ๆ ก็เข้ามาทัก แม่สอนฉันว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า ยิ่งคนหน้าแปลก
แบบน้าด้วย..หืม..ฉันไม่บอกหรอกว่า ชื่อสุดสาคร..เฮ้ย...(เอามือปิดปาก)
ชีเปลือย : ยิ้มเยาะ..ชื่อสุดสาครเหรอเจ้าหนู แล้วมาทําอะไรที่นี่ล่ะ
สุดสาคร : หลอกถามชื่อฉันไปแล้ว จะอยากรู้ว่ามาทําไมอีกหรือน้า...ก็บอกแล้วว่า แม่บอกไม่ให้คุยกับ
คนแปลกหน้า แล้วฉันจะบอกน้าได้ยังไงว่า จะไปตามหาพระบิดา...(เอามือปิดปาก)
ชีเปลือย: บิดาเจ้านั้นเราเห็นอยู่นะ เพิ่งออกจากชายป่าด้านนู้น....(ชี้มือไป) เมื่อวันก่อนเอง...
สุดสาคร : ดีใจ...จริงหรือจ๊ะน้า น้าพาฉันไปหาพระบิดาได้ไหมจ๊ะ
ชีเปลือย : ไหนบอกไม่คุยกับคนแปลกหน้างะ....
สุดสาคร : ก็น้ารู้จักชื่อฉันแล้ว รู้แล้วว่าฉันไปไหน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้ว เราก็ไม่แปลกหน้ากันแล้วไงจ๊ะ
ชีเปลือย : ยังงั้นรึ..ได้ ๆ เดี๋ยวข้าจะพาไป
****ชีเปลือยพาสุดสาคร เดินไปอีกฝั่งของฉาก****
ฉากที่ 9 ผาหลอกลวง
ชีเปลือยเดินเข้าฉากมา....สุดสาครจูงม้านิลมังกร เดินตามมา... ทําท่าค้นหา มุดนู่น นี่ นั่น สุดสาคร
กับม้า มุดตาม
ชีเปลือย : เอ..ข้าว่าอยู่แถวนี้นะ...(ก้ม เงย มุด คลาน)
สุดสาคร : เอาให้แน่นะน้านะ ฉันตามน้ามาหลายชั่วโมงแล้ว ชักเมื่อยแล้ว หิวก็หิว
ชีเปลือย : อ๋อ....นึกได้แล้ว ตรงนั้นไง ข้าพบบิดาเจ้าตรงนั่น....(ชี้ไปที่ขอบเวที)
สุดสาคร : ไหน ๆ น้า เดินตามที่ชีเปลือยชี้ไป
ชีเปลือย : นั่นไง ๆ นั่นน่า
สุดสาคร : ไหนเล่าน้า ..(ขยับไปเรื่อย ๆ จนถึงขอบหน้าเวที)
บรรยาย
ชีเปลือยลวงสุดสาคร ไปที่หน้าผา เห็นสบโอกาสก็ออกแรงผลักสุดสาครเต็มกาลัง จนสุดสาคร
ตกลงไปในเหวลึก
ชีเปลือย : 555 เสร็จข้าล่ะเจ้าหนู หลอกง่าย หลอกดายแท้ ไปที่ชอบที่ชอบ นะเจ้าหนู ข้าจะทําบุญไปไห้ 555
(หันมาหาม้านิลมังกร) "ส่วนเจ้า ไปกับข้า" (ดึงเชือกที่ผูกม้านิลมังกร ม้านิลมังกรพยายามขัดขืน
แต่ก็ถูกลากไป)
บรรยาย
หลังจากชีเปลือยชิงไม้เท้าวิเศษและม้านิลมังกรของสุดสาครมาเป็นของตนเองแล้ว ก็ออก
เดินทาง ม้านิลมังกร มีความเป็นห่วงสุดสาครอย่างยิ่งแต่เพราะกลัวอานาจไม้เท้าวิเศษ จึงต้องจาใจไปกับ
ชีเปลือย ทั้งคู่เดินทางไปถึงเมืองการะเวก

ฉากที่ 10 เมืองการะเวก
ชีเปลือย : เมืองนี้สวยงาม น่าอยู่มาก ชาวบ้านก็ดูมีฐานะมั่งคั่งกันทุกคน ข้าว่า ข้าจะอยู่เมืองนี้ เที่ยวเล่น
หาทรัพย์สิน เงินทองไว้ใช้สอยสักพักดีกว่า
ชาวบ้านหลายคน : (จับกลุ่มนินทาชีเปลือย) นักบวชรูปนี้ ผมเผ้ารุงรัง
/ นั่นสิเธอ มาจากไหนก็ไม่รู้ ฉันว่าอย่าห่างไว้ดีกว่านะ
/ม้านั้นก็ดูประหลาดมากนะ กัดรึเปล่าก็ไม่รู้
/มีเกร็ดด้วย อึ๋ย..ขยะแขยง
/ฉันว่าดูเท่ดีออก...ฯลฯ
ชาวบ้านในกลุ่มเดินออกมาซักถามชีเปลือย : น้อมสักการะท่านนักบวชเจ้าค่ะ...อีฉันชื่อ วาวา บ้านอยู่ใกล้ ๆ นี้
พบเห็นผู้คนผ่านไปมามากมาย แต่อีฉันไม่เคยพบเห็นท่าน อยากถามว่าท่านเป็นนักบวช
จากที่ใด ทําไมผ้าผ่อนไม่นุ่ง หนวดเครารุงรังจังเจ้าคะ
ชีเปลือย : ข้าเป็นนักบวชเคร่งในศีล วันก่อนนั่งทางในเห็นว่า นครการะเวก นี้กําลังมีเกิดโรคระบาดในไม่ช้านี้
ชาวบ้านต้องเจ็บป่วย และล้มตายทุกคนไม่เว้นแม้แต่ เด็ก คนชรา รึว่า พวกกษัตริย์
ชาวบ้าน : ว้าย....จริงหรือคะท่านนักบวช (เดินไปหากลุ่มชาวบ้าน....ท่านนักบวชบอกว่า นครการะเวกจะพบ
โรคระบาดตายกันหมดเลย)
ชาวบ้านในกลุ่มเดิน : หาจริงหรือ...แย่แน่เลย....ฉันยังไม่อยากตาย
/ส่วนฉันยังไม่มีสามีเลย ต้องตายด้วยเหรอ
/แหมเธอ โรคระบาด ไม่แบ่งหรอกนะ ถึงมีสามีแล้ว ก็ต้องตาย
(ทุกคน เอามือกุมศีรษะ....หา แย่ แน่ๆเลย....วิ่งกระจายไปคนละทางพร้อมตะโกนว่า...
.แย่แล้วๆๆๆๆๆ)
บรรยาย
ไม่นานนักข่าวก็แพร่กระจายออกไป พระสุริโยทัย เจ้าเมืองการะเวกจึงได้เรียกชี้เปลือยไปเข้าเฝ้า
นายทหาร : พระสุริโยทัย เจ้าเมืองการะเวก มีรับสั่งให้นักบวชนามชีเปลือยไปเข้าเฝ้า...
ชีเปลือย : เข้าเฝ้างั้นหรือ...(ดีใจ ปล่อยเชือกที่ดึงม้านิลมังกรไว้ ทันใดนั้นม้านิลมังกรสบโอกาส คว้าไม้เท้าวิเศษ
จากมีอชีเปลือย และวิ่งหนีไป) เอ้า..เฮ้ย ๆๆ เจ้าม้า มานี่ก่อน (ชีเปลือยตามจับแต่ไม่ทันเสียแล้ว
ม้าออกจากฉากไป)
ชีเปลือย : โถ่..ม้าของข้า......(นั่งลง เสียดาย)
นายทหาร : ไปเถิดท่านนักบวช...กษัตริย์ของเรารอท่านอยู่ (ผายมือเชิญชีเปลือย...และพาตัวไปอีกทาง)
บรรยาย
ม้านิลมังกร เมื่อหนีจากการควบคุมของชีเปลือยแล้ว ก็คิดหาทางช่วยสุดสาคร จึงหาพระฤาษี

ฉากที่11 กลับเกาะพิสดาร
พระฤาษี : (นั่งอยู่..) เอ้านั่นเจ้าม้านิลมังกรของสุดสาครนี่นา....เกิดอะไรขึ้นกับหลานข้า ห๊ะ เจ้าม้า
ม้านิลมังกร : (ยื่นสายเชือกคล้องคอให้พระฤาษี ฤาษีจับสายเดินตามม้านิลมังกรเข้าหลังฉากไปอย่างรวดเร็ว...)

ฉากที่ 12 เหวลึก ผาหลอกลวง


(สุดสาคร นั่งกอดเข่าอยู่ก้นเหว ม้านิลมังกรกับพระฤาษีวิ่งออกมาปากเหวซึ่งก็คือขอบเวที)
ม้านิลมังกร : (เขี่ยเศษดิน ปากหน้าผาลงไปในเหว)
สุดสาคร : เศษดิน มีใครบนปากหน้าผา...ม้านิลมังกร นั่นเจ้าใช่ไหม?? ม้านิลมังกร
พระฤาษี : เด็กน้อย เจ้าอยู่ข้างล่างใช่ไหม?? ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวตาจะไปช่วยเจ้าเอง
(พระฤาษีลงไปช่วยสุดสาคร) ผู้บรรยายอ่านกลอน

บัดเดีย๋ วดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา


เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ําเหลือกําหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ําใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึ่งเจรจา
ที่ใดรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
จงติดตามไปเอาไม้เท้าเถิด ให้ประเสริฐสมรักเป็นศักดิ์ศรี
พอเสร็จคําสําแดงแจ้งคดี รูปโยคีก็หายวับไปกับตา

ฤาษี : (ช่วยสุดสาครขึ้นมาจากเหว และเดินไปด้านล่างเวทีรอบทกลอนจบ สอนนักเรียนที่ชมอยู่) จําไว้นะ


เด็กน้อยทั้งหลาย จงอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจมนุษย์ จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง เพื่อนก็เช่นกัน เพื่อนที่ดี
ต้องหวังดี ต่อเพื่อน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ช่วยกันเรียน ช่วยกันทําสิ่งที่ดี อย่าพาเพื่อนไปสู่สิ่งชั่วร้ายนะ
ทุก ๆ คน
(ฤาษี...เดินไปหาสุดสาคร แล้วพูดว่า) เป็นอย่างไรบ้างเด็กน้อย เจ็บตรงไหนไหม???
สุดสาคร : ไม่เป็นไรจ๊ะตา หลานถูกผลักตกลงไปก้นเหว สลบไปหลายวัน พอฟื้นขึ้นมาก็พบท่านตากับม้านิล
มังกรจ๊ะตา
ฤาษี : ดีแล้วจากนี้ไประวังตัวเองให้มากนะ มุ่งหน้าขึ้นเหนือตามที่ตาบอก หาบิดาเจ้าให้พบ ตาช่วยเจ้าได้เท่านี้
สุดสาคร : ขอบคุณท่านตามาก หลานจะเดินทางต่อไป และจากนี้หลานจะระวังตัวให้มากจ๊ะ
ฤาษี : ดีแล้ว..งั้นตากลับเกาะแก้วพิสดารก่อนนะ..
สุดสาคร : จ๊ะตา หลานกราบลา
ฤาษี : ว่าแต่ ต้องขึ้นรถสายอะไรล่ะทีนี้....ขามาเจ้าม้ามันพาตามา
สุดสาคร : ออกไปเลี้ยวซ้าย ขึ้นรถชมพู 8 บาทจ๊ะตา ต่อเดียวถึง
ฤาษี : ขอบใจ...ไปล่ะ (ฤาษี เดินออกไป)
สุดสาคร : (หันไปหาม้านิลมังกร) ขอบใจเจ้านะเพื่อนยาก หากไม่มีเจ้าข้าคงตายไปแล้ว (เดินมาคนเดียวหัน
หน้าให้คนดู) ท่านตาบอกให้ขึ้นเหนือ ข้าจะไปตามที่ตาบอก แต่ก่อนอื่นขอคิดบัญชีกับนักบวชชั่วนั่น
ก่อน...ไปกันเถอะม้านิลมังกร...(จูงม้าไปหลังฉาก)

ฉาก 13 คิดบัญชี ที่เมืองการะเวก


บรรยาย
ฝั่งเมืองการะเวก เมื่อชีเปลือยกรุข่าวเรื่องโรคระบาด มาปั่นป่วนชาวเมือง พระสุริโยทัย เจ้าเมือง
การะเวก สั่งให้ชีเปลือยเข้าเฝ้า เพื่อแก้ปัญหาโรคระบาด
(พระสุริโยทัย..พระมเหสี....นั่งอยู่ มีนายทหาร และชีเปลือยเข้าเฝ้า)
พระสุริโยทัย : ท่านนักบวช จงบอกชื่อของท่านให้เรารู้จัก
ชีเปลือย : นามของเราคือ ยูชิจิน ครั้งหนึ่งเคยเป็นทหาร แต่มันไม่เวิร์ค เครื่องแบบเยอะ ระเบียบมาก นู่นนี่นั่น
ก็เลยเลิกเป็นทหารและออกบวช ไม่ต้องใส่เสือผ้า ไม่ต้องอยู่ในระเบียบด้วย
พระสุริโยทัย : ท่านยูชีจิน...เอ่อเรียกยากนะ เราขอเรียนท่านว่าชีเปลือยแล้วกันนะ ฮึ่ม...ท่านชีเปลือย ท่าน
ทราบได้อย่างไรว่านครการะเวกของเราจะเกิดโรคระบาด
ชีเปลือย : เรานั่งทางนัยเมื่อวันก่อน เห็นประชาชนทั้งเมืองรวมทั้งท่านและพระมเหสีของท่าน เป็นโรคระบาด
กลายเป็นผีดิบ ไล่ดูดกินเลยมนุษย์ และกินกันเองจนถึงแก่ความตาย
เมหสี : คุณพระ....เสด็จพี่เพคะ น่ากลัวจริง ๆ
พระสุริโยทัย : ไม่ต้องตกใจน้องหญิง...(หันไปหาชีเปลือย) แล้วเราจะเชื่อท่านได้อย่างไร ท่านชีเปลือย
ชีเปลือย : อันว่าจิ้งจกทัก ต้องหยุดฟัง คนทักต้องระวังตน ขณะนี้ข้าถือครองเพศบรรพชิต เป็นนักบวช
นิมิตเห็นเหตุการณ์ในนครของท่าน และมาแจ้งข่าว ท่านไม่ยอมเชื่ออย่างนั้นหรือ
พระสุริโยทัย : หามิได้ท่านผู้ทรงศีล...หากเป็นเช่นนั้นจริงเราควรทําอย่างไร
ชีเปลือย : ท่านต้องแบ่งทรัพย์สิน ของท่านรวมถึงแบ่งเมืองนี้ออกครึ่งหนึ่ง ถวายแด่ผู้มีศีลแก่กล้า
เป็นการถ่ายเคราะห์ให้แก่นครการะเวกนี้
พระสุริโยทัย : ครึ่งหนึ่งเชียวหรือ ท่านชีเปลือย
มเหสี : เสด็จพี่เพคะ หากเป็นจริงอย่างที่ท่านชีเปลือยกล่าว ทรัพย์สินของเราแลกชีวิตประชาชนในเมืองนี้ เรา
ควรทํานะเพคะ
พระสุริโยทัย : เปล่าเลยน้องหญิง ทรัพย์สินเท่านี้คุ้มค่ากับการแลกชีวิตกับประชาชนชองเราเป็นที่สุด
แต่เราจะถวายผู้ทรงศีลที่ไหนเล่า
มเหสี : หลวงพ่อปากแดง ดีไหมค่ะ เสด็จพี่ ศักดิ์สิทธิ์ดี ไม่ก็หลวงพ่อจบ หลวงปู่หลวงก็ได้เพคะ
พระสุริโยทัย : อืม....เลือกยากนะ
ชีเปลือย : ท่านจะต้องตรึกตรองอะไรให้มากความ ในเมื่อมีผู้ทรงศีล.....(ชี้มาที่ตัวเอง ทุกคนหันไปมอง)
พระสุริโยทัย : ดีมาก ทหาร นําเอกสารสัญญายกเมืองออกมา เราจะแบ่งเมืองครึ่งหนึ่งให้ท่านชีเปลือย
ทหาร : พะยะค่ะ...(เอกเอกสารออกมา.....อ่านเอกสารหันหน้าไปหาคนดู)...เอกสารฉบับนี้
เป็นสัญญาของพระเจ้าสุริโยทัย เจ้าเมืองการะเวก เพื่อยกทรัพย์สินและที่ดินครึ่งหนึ่งให้แก่
นักบวชชีเปลือย (หันไปหาพระสุริโยทัย) ลงนามพะยะคะ ยื่นเอกสารให้พระสุริโยทัย
(พระสุริโยทัย รับเอกสาร หยิบปากกา เตรียมลงนาม)
บรรยาย
ทันใดนั้น สุดสาคร กับม้านิลมังกรก็เข้ามาในท้องพระโรง
สุดสาคร : นักบวชชั่ว...เจ้าใช้แผนชั่วรังแกข้า
ทหาร : (ทําท่าเตรียมอาวุธ พร้อมต่อสู้)
พระสุริโยทัย : เด็กน้อย..เจ้าเข้ามาในท้องพระโรง เช่นนี้เสียมารยาท และมีโทษสถานใดรู้หรือไม่
สุดสาคร : ข้าไม่รู้ ข้าต้องการมาคิดบัญชีกับนักบวชชั่วรูปนี้....(โกรธ)
มเหสี : ท่านนักบวชรูปนี้ทําอะไรให้เจ้าโกรธเคืองถึงเพียงนี้...
สุดสาคร : มันหลอกลวงข้า ผลักข้าตกเหวและชิงของวิเศษของข้าไป
พระสุริโยทัย : มีเรื่องเช่นนี้หรือนี่ ไม่น่าเชื่อ
ชีเปลือย : เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ํานมนี่ อยู่ดี ๆ มากล่าวหาข้าผู้ทรงศีล ทั้งยังใช้วาจาสามหาวอีก
พระสุริโยทัย ท่านต้องจัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ
มเหสี : เอาเถิดท่านผู้ทรงศีล เราจะตัดสินให้...ไหนเด็กน้อย ของที่ว่านั่นคืออะไร
สุดสาคร : ก็ไม้เท้าวิเศษ กับม้านิลมังกรตัวนี้ไง
ชีเปลือย : เจ้าต่างหากที่ขโมยของ ๆ ข้าไป ตัวเป็นเพียงเด็กจะมีของวิเศษอย่างนี้ได้อย่างไร ของแบบนี้ต้องอยู่
ที่ผู้ทรงศีลเช่นข้าต่างหากเล่า อีกอย่าง ชาวเมืองทุกคนเห็นว่าข้านําม้าตัวนี้เข้าเมืองมา
ทหาร : เรื่องนี้ชาวเมืองทุกคนเป็นพยานได้พะยะคะ
มเหสี : เอาหละ งั้นขอข้าพิสูจน์ เจ้าชื่ออะไร เด็กน้อย
สุดสาคร : ข้าชื่อสุดสาคร
มเหสี : สุดสาคร..ปล่อยมือจากม้านั่น และออกไปยืนข้าง ๆ ข้าจะให้ม้าตัวนี้เลือกเจ้าของเอง
(เดินไปที่ม้า พูดกับม้า) เจ้าม้า ข้าต้องการให้เจ้าช่วย บอกให้ข้ารู้ว่านายจริง ๆ ของเจ้าคือใคร
หากคนไหนเป็นนายของเจ้าให้เดินไปหาคนผู้นั้น
****พอพระมเหสีกล่าวจบ ม้านิลมังกรก็เดินไปหาสุดสาคร****
ชีเปลือย : เฮ้ย..เจ้าม้า เจ้าเป็นของข้านะ ข้าเป็นเจ้าของเจ้า
พระสุริโยทัย : พอได้แล้วท่านนักบวช....ม้าเป็นสัตว์ มีใจบริสุทธิ์จะไม่โกหกเด็ดขาด ท่านต่างหาเป็นถึงนักบวช
ถือศีล กลับพูดเท็จ..ทหาร จับตัวท่านชีเปลือย ไปขังไว้ก่อน รอการสอบสวนโดยละเอียดอี กครั้ง
อ้าวไปไหนแล้ว
บรรยาย
ชีเปลือยเห็นท่าไม่ดี รีบหลบหนีไปก่อนจะจับกุมตัวได้ ส่วนพระมเหสีพระสุริโยทัย
เมื่อพบเห็นสุดสาครแล้วบังเกิดความเอ็นดูรัก ใคร่จึงคิดรับเป็นบุตรบุญธรรม
มเหสี : เสด็จพี่ น้องรู้สึกเอ็นดู สุดสาคร อยากรับไว้เป็นบุตรบุญธรรมของเรา ไม่ทราบว่าเสด็จพี่คิดเห็นเช่นไร
เพคะ
พระสุริโยทัย : พี่ก็ถูกชะตาเด็กคนนี้เช่นกัน น้องหญิง เราจะรับเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรม

บรรยาย
พระสุริโยทัย และพระมเหสีตัดสินใจรับสุดสาครเป็นบุตรบุญธรรมทั้งที่สุดสาครต้องการตามหา
พระอภัยมณี แต่ไม่สามารถขัดพระสุริโยทัยได้ จึงต้องยอมอยู่ที่เมืองการะเวกในที่สุด

You might also like