You are on page 1of 5

นิทานเวตาล

เรื่ องที่ ๑๐

               เวตาลกล่าวว่าครงนี ั้ ข ้ า้ พเจ้าให้เกิดเขม่นตาซา้ ย ห ัวใจเต้นแรงแลตาก็มด ื ม ัว


เป็นลางไม่ดเี สย ี แล้ว แต่ขา้ พเจ้าก็จะเล่าเรือ ่ งจริงถวายอีกเรือ
่ งหนึง่ แลเพราะเหตุ
ข้าพเจ้าเบือ ่ หน่ายการถูกแบกสะพายไปมาเป็นหลายเทีย ่ วแล้ว แม้พระองค์ไม่ทรงเบือ

เป็นผูแ ้ บกก็จริง ข้าพเจ้าจะตงปั ั้ ญหาทีอ ั
่ ยากทูลถามสกที ถ้าทรงตอบได้ พระปัญญาก็
มากยิง่ กว่าทีข ่ า้ พเจ้าคิดว่าจะมีในพระราชาพระองค์ใด

                ในโบราณกาลเมืองใหญ่เมืองหนึง่ ชอ ื่ กรุงธรรมปุระ พระราชาทรงนาม ท้าวมหา


พล มีมเหสซ ี งึ่ แม ้มีพระราชธิดาจำเริญวัยใหญ่แล ้วก็ยังเป็ นสาวงดงามถ ้าจะเปรียบกับพระราช
บุตรีก็คล ้ายพีก ่ บั น ้องยิง่ กว่าแม่กบ ่ นี้ไม่ใชเ่ พราะพระราชธิดามีอาการแก่เกินอายุ ที่
ั ลูก ทีเ่ ป็ นเชน
จริงเป็ นด ้วยพระราชมารดาเป็ นสาวไม่รู ้จักแก่ แลความสาวของพระนางเป็ นเครือ ่ งประหลาดของ
คนทัง้ หลาย

                เมือ่ ท ้าวมหาพลจะสนิ้ บุญนัน้ เกิดศกึ ขึน


้ ทีก
่ รุงธรรมปุระ ข ้าศก ึ มีกำลังมากแลชำนาญ
การศก ึ ใชทั ้ ง้ ทองคำแลเหล็กเป็ นอาวุธ คือใชทองคำซ
้ อื้ น้ำใจนายทหารแลไพร่พลของพระราชา
ให ้เอาใจออกห่างจากพระองค์ แลใชเหล็ ้ กเป็ นอาวุธฆ่าฟั นคนทีซ ื้ น้ำใจไม่ได ้ ข ้าศก
่ อ ึ ใชทองคำ

บ ้าง เหล็กบ ้างเป็ นอาวุธดังนี้ จนในทีส ่ ด
ุ รีพ
้ ลของท ้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป

                ท ้าวมหาพลเห็นจะรักษาชวี ต
ิ พระองค์ไว ้ไม่ได ้ด ้วยวิธรี บ ก็คด
ิ จะรักษาด ้วยวิธห
ี นี จึง
พาพระมเหสแ ี ลพระราชธิดาออกจากกรุงไปในเวลาเทีย ่ งคืนจำเพาะสามพระองค์ พระราชาทรง
พานางทัง้ สองเล็ดรอดพ ้นแนวทัพข ้าศกไปแล ้วก็ตงั ้ พระพักตร์มงุ่ ไปยังเมืองซงึ่ เป็ นเมืองเดิมของ

พระมเหส ี วันรุง่ ขึน้

                พระราชานำนางทัง้ สองเดินไปจนเวลาสาย ถึงท ้องทุง่ เห็นหมูบ ่ ้านหมูห


่ นึง่ แต่ไกล
ไม่ทรงทราบว่าเป็ นหมูบ ั ไม่วางพระหฤทัยจึงตรัสให ้พระมเหส ี แลพระราช
่ ้านโจร แต่ทรงสงสย
่ มูบ
ธิดาหยุดนั่งกำบังอยูใ่ นแนวไม ้ พระองค์ทรงถืออาวุธเดินตรงเข ้าไปสูห ่ ้านเพือ่ จะหาอาหาร
เสวยแลสูน ่ างทัง้ สององค์

                ฝ่ ายพวก ภิลล์ ซงึ่ อยูใ่ นหมูบ


่ ้านนัน
้ ประพฤติตวั เป็ นโจรอยูโ่ ดยปกติ ครัน
้ เห็นชายคน
เดียวแต่งตัวด ้วยของมีคา่ เดินเข ้าไปเชน ่ นัน
้ ก็คมุ กันออกมาจะเข ้าชงิ ทรัพย์ในพระองค์พระราชา
ท ้าวมหาพลทรงเห็นดังนัน ้ ก็ทรงพระแสงธนูยงิ พวกโจรล ้มตายเป็ นอันมาก ฝ่ ายนายโจรได ้ทราบ
ว่าผู ้มีทรัพย์มาฆ่าฟั นพวกตนลงไปเป็ นอันมากดังนั น ้ ก็กระทำสญ ั ญาณเรียกพลโจรออกมา
ทัง้ หมดแล ้วเข ้าล ้อมรบพระราชา ท ้าวมหาพลองค์เดียวเหลือกำลังจะต่อสูป้้ องกันอาวุธพวกโจร
ได ้ ก็สน ิ้ พระชนม์ลงในทีน ้ พวกภิลล์ก็ชว่ ยกันปลดเปลือ
่ ัน ้ งของมีคา่ ออกจากพระองค์ แล ้วพากัน
คืนเข ้าสูบ ่ ้านแห่งตน

                ฝ่ ายพระมเหสแ ี ละพระราชธิดาทรงแอบอยูใ่ นแนวไม ้เห็นพวกโจรเข ้ากลุ ้มรุมรบพระ


ราชาก็ตกใจเป็ นกำลังแต่ไม่รู ้จะทำอย่างไรได ้ ครัน ้ เห็นพวกภิลล์ทำลายพระชนม์พระราชาลงไป
แล ้ว สองนางพระองค์สน ั่ พากันหนีหา่ งออกไปจากหมูบ ่ ้านโจร ทางจะไปทางไหนหาทราบไม่
ความมุง่ มาดมีอยูแ ่ ต่วา่ จะหนีให ้พ ้นมือพวกภิลล์ซงึ่ เป็ นคนชาติต่ำชาเท่
้ านัน
้ นางทัง้ สองทรง
กำลังน ้อยแต่อำนาจความกลัวพาให ้เสด็จไปเป็ นทางถึง ๔ โกรศ อ่อนเพลียพระกำลัง ทรง
ดำเนินต่อไปไม่ได ้ ก็หยุดนั่งพักอยูใ่ ต ้ร่มไม ้ริมทาง

                เผอิญมีพระราชาอีกพระองค์หนึง่ ทรงนาม ท้าวจ ันทรเสน เสด็จออกยิงสต ั ว์ป่ากับ


พระราชบุตรจำเพาะสองพระองค์ กษั ตริยท ์ งั ้ สองทรงม ้าไปตามแนวป่ า เห็นรอยเท ้าหญิงสองคน
ก็ทรงชก ั ม ้าหยุดดู พระราชบิดาตรัสว่า
                "รอยเท ้าคนทำไมมีอยูใ่ นป่ าแถบนี้" พระราชบุตรทูลว่า
                "รอยเท ้าเหล่านีเ้ ป็ นรอยเท ้าหญิงสองคน รอยเท ้าชายคงจะโตกว่านี้" พระราชาตรัส
ว่า
                "เจ ้าของรอยเท ้าเหล่านีเ้ ป็ นหญิงจริงอย่างเจ ้าว่า แลน่าประหลาดทีม ่ ห
ี ญิงมาเดินอยู่
ในป่ า แต่ถ ้าจะพูดตามเรือ ่ งในหนังสอ ื หญิงทีพ ่ ระราชาพบในป่ ามักจะงามกว่าหญิงทีจ ่ ะหาได ้ใน
กรุงเหมือนดอกไม ้ป่ าทีง่ ามกว่าดอกไม ้ในสวน มาเราจะตามนางทัง้ สองนีไ ้ ป ถ ้าพบนางงามจริง
ดังว่า เจ ้าจงเลือกเอาเป็ นเมียคนหนึง่ " พระราชบุตรทูลตอบว่า
                "รอยเท ้านางทัง้ สองนีม ้ ขี นาดไม่เท่ากัน แม ้เท ้ามีขนาดย่อมทัง้ สองนางก็ยังก็ยัง
ใหญ่กว่ากันอยูค ่ นหนึง่ ข ้าพเจ ้าจะเลือกนางเท ้าเล็กเป็ นภริยาข ้าพเจ ้า เพราะคงจะเป็ นสาวน ้อย
ตามขนาดแห่งเท ้า สว่ นนางเท ้าเขือ ่ งนัน ้ คงจะเป็ นสาวใหญ่ ขอพระองค์จงรับไว ้เป็ นราชชายา"
ท ้าวจันทรเสนตรัสว่า
                "เหตุไฉนเจ ้าจึงกล่าวดังนี้ พระราชมารดาของเจ ้าสน ิ้ พระชนม์ไปไม่กวี่ ัน เจ ้าจะอยาก
มีแม่เลีย้ งเร็วเท่านีเ้ จียวหรือ" พระราชบุตรทูลตอบว่า
                "ขอพระองค์อย่ารับสงั่ เชน ่ นั น
้ เพราะบ ้านของผู ้เป็ นใหญ่ในครอบครัวนัน ้ ถ ้าไม่มแ ี ม่
เรือนก็เป็ นบ ้านทีว่ า่ ง อนึง่ พระองค์ยอ ่ ึ
่ มจะทรงทราบคาถาซงมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว ้ มีความว่า
'ชายผู ้ไม่ใชค ่ นโง่ไม่ยอมคืนสูเ่ รือนซงึ่ ไม่มน ี างทีร่ ักผู ้มีรปู งามคอยรับรองในขณะทีก ่ ลับถึงเรือน
้ แม ้เรียกว่าเรือนก็ไม่ใช ่ อืน
นัน ่ คือคุกซงึ่ ไม่มโี ซเ่ ท่านัน ้ เอง' พระองค์ยอ ่ มทรงทราบได ้ด ้วย
พระองค์เองว่า ความสุขแห่งพ่อบ ้านซงึ่ อยูโ่ ดดเดีย ่ วนั น้ มีไม่ได ้ในบ ้าน แลมีไม่ได ้นอกบ ้าน เพราะ
ไม่มห ี วังว่าจะได ้ความสุข เมือ ่ กลับมาสูเ่ รือนแห่งตน"

                ท ้าวจันทรเสนทรงนิง่ ตรองอยูค ่ รูห


่ นึง่ แล ้วตรัสตอบพระราชบุตรว่า
                "ถ ้านางเท ้าเขือ
่ งมีลักษณะเป็ นทีพ ่ งึ ใจ ข ้าก็จะทำตามคำเจ ้าว่า"

                ครัน
้ กษั ตริยท
์ งั ้ สององค์ทรงกระทำสญ ั ญาแบ่งนางกันดังนีแ ั ม ้าตามรอย
้ ล ้ว ก็ทรงชก
เท ้านางเข ้าไปในป่ า สก ั ครูห ่ นึง่ เห็นสองนางนั่งพักอยูใ่ ต ้ร่มไม ้ กษั ตริยส ์ ององค์เสด็จลงจากม ้า
เข ้าไปถามนาง ทัง้ สองนางก็เล่าเรือ ่ งให ้ทรงทราบทุกประการ พระราชากับพระราชบุตรก็เชญ ิ
นางทัง้ สองขึน ้ หลังม ้าองค์ละองค์ นางพระบาทเขือ ่ งคือพระราชธิดาขึน ้ ทรงม ้ากับท ้าวจันทรเสน
นางพระบาทเล็กคือพระมเหสข ี น ึ้ ทรงม ้ากับพระราชบุตร สอ ี่ งค์ก็เสด็จเข ้ากรุง

ั ้ ๆ ท ้าวจันทรเสนแลพระราชบุตรก็ทำการวิวาหะทัง้ สองพระองค์แต่กลับคูก
                กล่าวสน ่ น

ไป คือพระราชบิดาทรงวิวาหะกับพระราชบุตรี พระราชบุตรทรงวิวาหะกับพระมเหส แลเพราะเหตุ ี
ทีค
่ าดขนาดเท ้าผิด ลูกกลับเป็ นเมียพ่อ แม่กลับเป็ นเมียลูก ลูกกลับเป็ นแม่เลีย
้ งของผัวแม่ตวั เอง
แลแม่กลับเป็ นลูกสะใภ ้ของผัวแห่งลูกตน แลต่อมาบุตรแลธิดาก็เกิดจากนางทัง้ สอง แลบุตรแล
ธิดาแห่งนางทัง้ สองก็ก็มบ ี ตุ รแลธิดาต่อ ๆ กันไป

                เวตาลเล่ามาเพียงนีก้ ็หยุดอยูค


่ รูห
่ นึง่ แล ้วกล่าวต่อไปว่าบัดนีข้ ้าพเจ ้าจะตัง้ ปั ญหา
ทูลถามพระองค์วา่ ลูกท ้าวจันทรเสนทีเ่ กิดจากธิดาท ้าวมหาพล แลลูกมเหสท ี ้าวมหาพลทีเ่ กิด
กับพระราชบุตรท ้าวจันทรเสนนัน ้ จะนับญาติกน ั อย่างไร พระวิกรมาทิตย์ได ้ทรงฟั งปั ญหาเวตาลก็
ทรงตรึกตรองเอาเรือ ่ งพ่อกับลูก แม่กบ ั ลูก แลพีก ่ บั น ้องมาปนกันยุง่ แลมิหนำซ้ำมีเรือ ่ งแม่เลีย้ ง
กับแม่ตวั แลลูกสะใภ ้กับลูกตัวอีกเล่า พระราชาทรงตีปัญหายังไม่ทันแตก พอทรงนึกขึน ้ ได ้ว่าการ
พาเวตาลไปสง่ ให ้แก่โยคีนัน ้ จะสำเร็จได ้ก็ด ้วยไม่ทรงตอบปั ญหา จึงเป็ นอันทรงนิง่ เพราะจำเป็ น
แลเพราะสะดวก แลรีบสาวก ้าวทรงดำเนินเร็วขึน ้ ครัน
้ เวตาลทูลเย ้าให ้ตอบปั ญหาด ้วยวิธก ี ล่าวว่า
่ ั
โง่ จะรับสงอะไรไม่ได ้ก็ทรงกระแอม เวตาลทูลถามว่า
                "รับสงั่ ตอบปั ญหาแล ้วไม่ใชห
่ รือ"
                พระราชาไม่ทรงตอบว่ากระไร เวตาลก็นงิ่ อยูค ่ รูห
่ นึง่ แล ้วทูลถามว่า
                "บางทีพระองค์จะโปรดฟั งเรือ ่ งสน ั ้ ๆ อีกสก ั เรือ
่ งหนึง่ กระมัง" ครัง้ นีแ
้ ม ้แต่กระแอม
พระวิกรมาทิตย์ก็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจึงกล่าวอีกครัง้ หนึง่ ว่า
                "เมือ
่ พระองค์ทรงจนปั ญญาถึงเพียงนีแ ้ ล ้ว บางทีพระราชบุตรซงึ่ ทรงปั ญญาเฉลียว
ฉลาดจะทรงแก ้ปั ญหาได ้บ ้างกระมัง"
                แต่พระธรรมธวัชพระราชบุตรนิง่ สนิททีเดียว

ปลายเรือ
่ ง
                  เมื่อพระวิกรมาทิตย์ทรงนิ่งอึง้ มิได้ออกพระโอษฐ์ ตรัสประการใด ดังนั้นเวตาลก็แสดงวาจาอาการประหลาดใจเป็ นที่สุด กล่าวชมว่า
ทรงตั้งมั่นพระหฤทัยดีนัก พระปัญญาราวกับเทวดาแลมนุษย์ อื่นที่มีปัญญา จะหามนุษย์ เสมอมิได้ แต่ ถึงเวตาลจะเห็นแล้ วว่ าพระราชาตั้ง
พระหฤทัยจะไม่ รับสั่ ง ก็ยงั ไม่ ยอมสนิท ยังกล่ าวยัว่ โดยเพียรจะให้ รับสั่ งให้ จงได้ เวตาลกล่ าวว่ า

                   "ข้าพเจ้าขอถวายพระพรให้ทรงรับความสำราญ เป็ นผลแห่งการที่ทรงนิ่งครั้งนี้ พระองค์ได้ทรงเพียรมาหลายครั้งแล้วที่จะห้าม


ความช่างพูดในพระองค์ แต่กไ็ ม่สำเร็ จ ข้าพเจ้าจะไม่ทูลถามว่าการที่ทรงระงับความช่างพูดนั้น เป็ นด้วยความถ่อมพระองค์ แลความสามารถกุม
พระสติไว้ได้ หรื อเป็ นด้วยความโง่แลไม่สามารถเท่านั้นเอง
                การที่ขา้ พเจ้าไม่ทูลถามว่า ไม่ทรงตอบเพราะเหตุไรนั้น ก็เพราะข้าพเจ้าต้องการจะไว้พระพักตร์ แลพระองค์กค็ งจะทรงทราบแล้วว่า
ข้าพเจ้าสงสัยว่าไม่ทรงตอบเพราะพระปั ญญาทึบ ไม่ทรงทราบว่าจะตอบว่ากระไร หาใช่เป็ นด้วยมีพระปั ญญาจะตอบได้ถูกต้อง แต่ไม่ทรงตอบ
เพราะกุมพระสติไว้ได้ไม่ การที่ไม่ทรงตอบปั ญหาครั้งนี้ ก็กล่าวได้วา่ เป็ นด้วยทรงเชื่อคำแนะนำของข้าพเจ้า แลข้าพเจ้ามีความปลื้มที่ทรงเชื่อคำ
สัง่ สอนของเวตาลจึงไม่ทูลซักถามว่า ทรงเชื่อเพราะความฉลาดกุมสติไว้ได้ หรื อเป็ นเพราะโง่ไม่รู้จะตอบว่ากระไร แลความไม่ตอบก็เป็ นความ
เชื่อคำสัง่ สอนของข้าพเจ้าไปในตัว"

                   พระวิกรมาทิตย์ทรงกัดริ มพระโอษฐ์เพื่อจะห้ามพระองค์เองมิให้ตรัส แลก็หา้ มไว้ได้ เวตาลกล่าวต่อไปว่า


                   "เมื่อพระองค์ทรงรู้สึกความทึบแห่งพระปัญญา แลได้รับทุกข์คืออัดอั้นตันพระหฤทัยถึงเพียงนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็เกิดสงสาร จึงยอม
ระงับความมุ่งหมายซึ่ งมีมาแต่ในเบื้องต้นว่า จะทำให้ทรงดำเนินทวนไปทวนมาจนสิ้ นพระชนม์ลงในระหว่างทางเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสสละ
ศพที่สิงอยูเ่ ดี๋ยวนี้ เข้าสิ งศพพระราชาลองดูวา่ มีรสชาติเป็ นอย่างไรบ้าง อนึ่งข้าพเจ้าได้ถวายสัญญาไว้แต่ในชั้นเดิมว่าจะถวายประโยชน์อย่างหนึ่ง
ซึ่ งไม่มีใครอื่นจะถวายได้ แต่ก่อนที่จะถวายนั้น ข้าพเจ้าขอทูลถามว่า พระองค์จะทรงขยับย่ามให้ขา้ พเจ้าหายใจสะดวกขึ้นอีกหน่อยจะได้หรื อ
ไม่"
                   พระธรรมธวัชพระราชบุตรได้ยนิ เวตาลทูลถามดังนั้น ก็จบั แขนเสื้ อทรงพระราชบิดากระตุกเพื่อจะเตือนให้รู้พระองค์ มิให้ตรัส
ตอบเวตาล แต่พระราชบิดารู้สึกพระองค์อยูแ่ ล้ว แม้ใครจะเอาม้ามาลากหลายคู่กไ็ ม่ฉุดให้พระวาจาออกจากพระโอษฐ์ได้
                   ฝ่ ายเวตาลเมื่อเห็นพระราชาทรงนิ่งอยูด่ งั นั้นก็กล่าวต่อไปว่า
                   "ข้าแต่พระองค์ผเู้ ป็ นใหญ่ในหมู่นกั รบ พระองค์จงรำลึกถึงคำซึ่งอสูรปัถพีบาลได้ทูลไว้วา่ ผูใ้ ดมุ่งจะฆ่าชีวิตพระองค์ๆ อาจตัดหัวผู้
นั้นเสี ยก่อนได้โดยคลองธรรม แลในการข้างหน้าซึ่ งจะเป็ นไปตั้งแต่บดั นี้ พระองค์พึงปฏิบตั ิตามคำที่อสู รกล่าวนั้น ส่ วนพ่อค้าพลอยซึ่ งถวาย
ทับทิมแก่พระองค์เป็ นอันมาก แลโยคีชื่อศานติศีลซึ่ งกระทำพิธีอยูท่ ี่ป่าช้าริ มฝั่งแม่น้ำโคทาวรี น้ นั คือคน ๆ เดียวกัน แลมิใช่ใครอื่น คือโยคีซ่ ึ งพระ
ราชบิดาแห่งพระองค์ได้กระทำเหตุให้โกรธ แลมาดหมายจะแก้แค้นเป็ นเวรกันอยูจ่ นบัดนี้ ส่ วนข้าพเจ้าผูเ้ ป็ นลูกพ่อค้าน้ำมันนั้น โยคีกลัวว่าจะ
กระทำการกีดกั้นความเป็ นใหญ่ในโลกของเขา จึงฆ่าข้าพเจ้าเสี ยด้วยอำนาจตบะแลพาศพข้าพเจ้ามาแขวนห้อยหัวไว้ที่ตน้ อโศกเป็ นเครื่ องล่อลวง
พระองค์"

                   "โยคีน้ นั เป็ นผูใ้ ช้ให้พระองค์มาปลดข้าพเจ้าแบกไปให้แก่เขา แลเมื่อพระองค์ทรงทิ้งข้าพเจ้าลงที่เท้าเขาในคืนวันนี้ เขาจะสรรเสริ ญ


ความกล้าแลความเพียรของพระองค์ข้ ึนไปจนถึงฟ้ า ข้าพเจ้าขอทูลให้รู้พระองค์แลระวังพระองค์จงหนัก เพราะโยคีคงพาพระองค์ไปที่หน้าเทวรู ป
นางทุรคา แลเมื่อเขาได้บูชาแล้ว เขาจะเชิญให้พระองค์เคารพเทวรู ปโดยอัษฎางคประณต "
                   ตรงนี้เวตาลทูลกระซิบค่อยๆ ประหนึ่งเกรงว่าจะมีผไู้ ด้ยนิ แลนำคำที่กล่าวนั้นไปบอกโยคีศานติศีล ครั้นทูลเสร็จแล้ว เวตาลก็ออก
จากศพ ทำให้ยา่ มซึ่ งพระราชาทรงแบกนั้นเบาเข้าเป็ นอันมาก แต่เมื่อได้ออกจากย่ามแล้วยังลอยกล่าวสรรเสริ ญพระราชาแลพระราชบุตรอยูอ่ ีก
คำสรรเสริ ญนั้นเป็ นไปในทางที่ชมว่ารู้ สึกความโง่ แลลดหย่ อนราชมานะอันเป็ นคุณความดีซึ่งถ้ ามีในตัวใครผู้น้ันย่ อมมีความสุ ขในโลก

                   ครั้นเวตาลไปพ้นแล้ว พระวิกรมาทิตย์กร็ ี บทรงดำเนินไปถึงป่ าช้า พบโยคีก ำลังนัง่ เคาะกะโหลกหัวผีกล่าวไม่หยุดปากว่า


                   "โห กาลี โห ทุรคา โห เทวี"
                   รอบตัวโยคีน้ นั มากไปด้วยรู ปกายอันน่าเกลียดน่ากลัว คือผีอสูรทั้งหลายสำแดงรู ปต่างๆ กัน บ้างก็เป็ นนาค บ้างก็เป็ นภูต บ้างก็เป็ น
รู ปแพะใหญ่ซ่ ึงผีแห่งผูฆ้ ่าพราหมณ์ได้เข้าสิ งอยู่ บ้างก็เป็ นหนอนใหญ่ซ่ ึ งผีแห่งพราหมณ์กินเหล้าเป็ นผูส้ ิ ง บ้างก็เป็ นรู ปคนหน้าเป็ นม้าแลอูฐแลลิง
บ้างก็เป็ นรู ปคนขาข้างเดียว หูขา้ งเดียวแลเป็ นผีดูดเลือด เพราะเมื่อยังไม่ตายได้ขโมยของวัด บ้างก็มีรูปเป็ นแร้งแลเป็ นผีเลว ๆ เพราะเคยเป็ นชูก้ บั
เมียอุปัชฌาย์ หรื อได้เมียเป็ นคนต่ำชาติ หรื อเป็ นผีท ำบาปอื่นต่าง ๆ บ้างก็เป็ นรู ปสัตว์อนั น่าเกลียดแลน่ากลัว กัดกินท่อนแห่งศพมนุษย์ แลทำเสี ยง
กึกก้องไปทั้งป่ าช้า

                   ครั้นพระวิกรมาทิตย์เสด็จเข้าไปใกล้จะถึงตัวโยคี โยคีกย็ กแขนขึ้นเป็ นสัญญาณเสี ยงทั้งหลายก็หยุดนิ่งหมด พระราชาก็ทรงทิ้งย่าม


ศพลงตรงหน้าโยคี โยคีกแ็ สดงความยินดี แลกล่าวสรรเสริ ญความมัน่ คงของพระราชาเป็ นอันมาก แล้วโยคีกห็ ยิบเอาศพซึ่ งเป็ นศพเด็กออกมาจาก
ย่าม แล้วหันหน้าไปทางทิศใต้ ร่ ายมนตร์อยูค่ รู่ หนึ่ง ศพนั้นก็มีอาการเหมือนเป็ น แล้วโยคีกถ็ วายของเป็ นเครื่ องบูชาพระเทวี คือ พลู ดอกไม้ ไม้
จันทน์ ข้าว ลูกไม้ แลเนื้ อมนุษย์ซ่ ึ งไม่เคยถูกคมเหล็ก

แล ้วเอาเชอ ื้ เพลิงใสล ่ งในกะโหลกหัวผี จุดไฟเป่ าจนลุกเป็ นเปลวใช ้


แทนโคมสอ ่ งทาง นำพระราชาแลพระราชบุตรไปยังเทวรูปนางกาลี
เป็นรูปหญิงดำคอขาดจากต ัวครึง่ หนึง่ ลิน ้ แลบออกมาจากปาก
ซงึ่ อ้ากว้าง ตาแดงเหมือนคนเมา คิว้ แดง แลผมซงึ่ เป็นเสน ้ หยาบ
นนห้ั้ อยคลุมไปจนถึงเท้า เสอผ้าทีค ้ ื ่ ลุมนนคื ้
ั้ อหน ังชางแห้ง สะเอว
ร ัดด้วยมาล ัยร้อยด้วยมือแห่งย ักษ์ซงึ่ นางฆ่าตายในขณะรบ มีศพ
สองศพห้อยเป็นกุณฑลทีห ่ สู องข้าง แลสร้อยคอนนเป ั้ ็ นโซ ่
กะโหลกห ัวคน มือทงส ั้ ถ ี่ อื ดาบ บาศ ตรี แลคทา เท้าหนึง่ เหยียบ
อกพระศวิ ะผูส ้ ามี อีกเท้าหนึง่ เหยียบน่อง หน ้าเทวรูปอันน่ากลัวนี้ มี
เครือ ้
่ งใชในการบู ชาต่างๆ คือตะเกียง หม ้อ แลภาชนะอืน ่ ๆ กับสงั ข์แล
ฆ ้องเป็ นต ้น ของเหล่านีม ้ ก ี ลิน่ เลือดทัง้ นัน ้
                   ครัน ้ โยคีพาพระราชาแลพระราชบุตรไปถึงหน ้าเทวรูปแล ้ว ก็ก ้มลงวางกะโหลก
ศรี ษะทีถ ่ อ
ื เป็ นโคมนำทางมานัน ้ ลงกับพืน ้ แล ้วหยิบดาบมาถือแอบหลังไว ้ แลทูลพะราชาว่า
                   "ข ้าแต่พระราชา พระองค์ได ้ทรงกระทำตามสญ ั ญาแล ้วโดยทางทีช ่ อบทุกประการ
แลเพราะเหตุทพ ี่ ระองค์เสด็จมาในทีน ่ ี้ พิธข ี องข ้าพเจ ้าจะเป็ นอันสำเร็จดังหมาย พระอาทิตย์ก็จะ
ขับรถข ้ามเขาเบือ ้ งตะวันออกอยูแ ิ
่ ล ้ว เชญพระองค์ทรงเคารพพระผู ้เป็ นเจ ้าโดยอัษฎางคประณต
แลพระเกียรติของพระองค์จะรุง่ เรืองยิง่ ๆ ขึน ้ ไป สธิ ท
ิ งั ้ แปด แลนิธท ิ งั ้ เก ้า จะได ้เป็ นของพระองค์
แลความจำเริญจะมียน ื ยาวไปชวั่ กาลนาน"

้ รำลึกได ้ถึงคำเวตาล จึงรับสงั่ แก่โยคีโดยอาการ


                   พระวิกรมาทิตย์ทรงฟั งดังนัน
เคารพว่า
                   "ข ้าพเจ ้าพระราชาไม่เคยกระทำอัษฎางคประณต ขอท่านผู ้เป็ นอาจารย์จงทำให ้
ข ้าพเจ ้าดูกอ่ น แล ้วข ้าพเจ ้าจะทำตาม"

                   โยคีผู ้ฉลาดขุดหลุมไว ้ล่อพระราชา ก็ตกหลุมทีต ่ วั เองทำไว ้ ครัน


้ โยคีก ้มตัวลงกระ
ทำอัษฎางคประณต พระวิกรมาทิตย์ก็ชก ั พระแสงดาบออก ฟาดถูกศรี ษะโยคีขาดกระเด็นไป
ขณะนัน ้ เทวรูปคว่ำลงมา หากพระธรรมธวัชพระราชบุตรจับพระกรพระราชบิดาเหนีย ่ วพระองค์
กระชากไปโดยแรง พระราชาจึงหลีกพ ้นเทวรูปรอดชวี ต ิ ไปได ้ ในทันใดนัน ้ มีเสย ี งกล่าวในอากาศ
ว่า
                   "บุรษุ พึงฆ่าคนซงึ่ ตัง้ ใจจะฆ่าตนได ้โดยคลองธรรม"
                   แลมีเสย ี งดนตรีแลคำอวยชย ั มาจากในฟ้ า ทัง้ ดอกไม ้ทิพย์ก็ตกกล่นเกลือ ่ นไป
พระอินทร์แวดล ้อมด ้วยเทพบริวารก็เสด็จมาเฉพาะพระพักตร์พระวิกรมาทิตย์ แลตรัสให ้ขอพรๆ
หนึง่ พระวิกรมาทิตย์ทล ู ว่า
                   "ข ้าแต่พระจอมสวรรค์ขอพระองค์จงประทานพรให ้เรือ ่ งของข ้าพเจ ้านี้ ปรากฏไป
ในโลกชวั่ กาลนาน" พระอินทร์ตรัสว่า
                   "เราให ้พรแก่ทา่ นดังขอ แลตราบใดพระอาทิตย์แลพระจันทร์ยังสอ ่ งอยูใ่ นฟ้ า แล
ฟ้ ายังครอบดิน ตราบนัน ้ เรือ่ งนีป
้ รากฏไปในโลก"

                   ครัน
้ พระอินทร์เสด็จหายไปแล ้ว พระวิกรมาทิตย์ทรงยกศพทัง้ สองทิง้ เข ้าไปใน
กองไฟ ก็เกิดมีพรี ะสองตน พระวิกรมาทิตย์ตรัสว่า
                   "เมือ
่ ข ้าเรียกเจ ้าจงมาทันที"
                   แล ้วก็พาพระราชบุตรคืนเข ้าพระราชวัง ทรงปกครองบ้านเมืองเป็นสุขชว่ ั กาล
นาน จนเมือ ่ พระองค์ซงึ่ มีความตายเป็นสภาพเสด็จสูป ่ รโลกแล้ว พระเกียรติซงึ่ มิรด ู ้ ับย ัง
ปรากฏตราบเท่าทุกว ันนี้

You might also like