Professional Documents
Culture Documents
41323 กฎหมายพาณิชย์ 3 ประกันด้วยบุคคลและทรัพย
41323 กฎหมายพาณิชย์ 3 ประกันด้วยบุคคลและทรัพย
หน่วยที่ 2 ผลและความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาค้าประกัน
1. เมื่อลูกหนีผ้ ิดนัดไม่ชาระหนี้ เจ้าหนีย้ ่อมมีสทิ ธิทวงถามให้ผคู้ า้ ประกันรับผิดตาม
สัญญาคา้ ประกัน ทันที แต่ผคู้ า้ ประกันอาจใช้สิทธิยกข้อต่อสูห้ รือเบี่ยงบ่ายให้เจ้าหนีไ้ ปบังคับ
ชาระหนีเ้ อาจากลูกหนีก้ ่อนได้
2. ผูค้ า้ ประกันซึ่งได้ชาระหนีใ้ ห้แก่เจ้าหนี้ไปแล้วย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ และรับ
ช่วงสิทธิของเจ้าหนีใ้ นมูลหนีน้ นั้ ได้ตลอดถึงประกันแห่งหนี้ แต่มีบางกรณีที่ผคู้ า้ ประกันอาจ
เสียสิทธิไล่เบี้ยลูกหนีห้ รือไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนีไ้ ด้เช่นกัน
3. สัญญาคา้ ประกันย่อมระงับไปเช่นเดียวกับการระงับของสัญญาธรรมดาทัว่ ๆไป หรือ
เมื่อหนีข้ องลูกหนีร้ ะงับลงไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ในบางกรณีผคู้ า้ ประกันอาจหลุดพ้นความรับ
ผิดเพราะเหตุสาคัญอันเกิดจากการกระทาของเจ้าหนีไ้ ด้
2.1 ผลของสัญญาคา้ ประกันก่อนชาระหนี้
1. ความรับผิดของผูค้ า้ ประกันตามสัญญาคา้ ประกันเกิดขึน้ ทันทีที่ลกู หนี้ผิดนัดไม่ชาระ
หนี้
2. ถ้าลูกหนีม้ ิได้ผิดนัด ผูค้ า้ ประกันก็ยงั ไม่มีความรับผิดที่จะต้องชาระหนีแ้ ก่เจ้าหนี้ แม้
ตัวลูกหนีเ้ องอาจต้องชาระหนีก้ อ่ นถึงเวลากาหนดเพราะไม่อาจถือเอาประโยชน์แห่งเงือ่ นเวลา
ได้
3. เมื่อถูกเจ้าหนีท้ วงถามให้ชาระหนี้ ผูค้ า้ ประกันอาจใช้สิทธิเบี่ยงเบนให้เจ้าหนีไ้ ปบังคับ
ชาระหนีเ้ อาจากลูกหนีก้ ่อนได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีขอ้ ตกลงให้ผคู้ า้ ประกันต้องรับผิดร่วมกัน
กับลูกหนี้
4. เมื่อลูกหนีร้ บั สภาพหนีห้ รือเมื่อเจ้าหนีฟ้ ้ องคดีหรือทาการอย่างอื่นอันมีผลอย่าง
เดียวกัน เป็ นเหตุให้อายุความฟ้องคดีสะดุดหยุดลงเป็ นโทษแก่ลกู หนี้ การนั้นย่อมตกเป็ นโทษ
แก่ผคู้ า้ ประกันด้วย
2.1.1 กาหนดเวลาชาระหนีต้ ามสัญญาคา้ ประกัน
ดากูเ้ งินจากแดง โดยสัญญาจะใช้ให้ภายในกาหนด 1 ปี มีขาวเป็ นผูค้ า้ ประกัน ครัน้
เมื่อใกล้จะครบกาหนด มีกฎหมายใหม่ออกมายกเลิกระบบเงินตราที่ใช้อยู่ในขณะนัน้ โดยให้
ใช้ธนบัตรชนิดใหม่ ซึ่งทางการยังพิมพ์ออกมาให้ใช้กนั ได้ไม่ทวั ่ ถึง ดาจึงไม่สามารถนาเงินไป
ใช้หนีใ้ ห้แดงได้ครบถ้วนตามเวลาที่กาหนด แดงจึงมาฟ้องเรียกร้องเอาจากขาวในฐานะผูค้ า้
ประกัน ให้วินจิ ฉัยว่าแดงจะเรียกร้องเอาเช่นนัน้ ได้หรือไม่
6
แบบประเมินผลหน่วยที่ 2
1. ความรับผิดของผูค้ า้ ประกันตามสัญญาคา้ ประกันเกิดขึน้ เมื่อ ลูกหนีผ้ ิดนัดไม่ชาระหนี้
2. เมื่อถูกเจ้าหนีท้ วงถามให้ชาระหนี้ ผูค้ า้ ประกันมีสิทธิคือ (1) มีสิทธิขอให้เจ้าหนี้ไปเรียกให้ลกู หนี้
ชาระหนีก้ อ่ น (2) มีสิทธิจกข้อต่อสูข้ องลูกหนีข้ นึ้ ต่อสูเ้ จ้าหนี้ (3) มีสิทธิขอให้เจ้าหนีไ้ ปบังคับชาระหนีเ้ อา
จากทรัพย์สินของลูกหนีท้ ี่เจ้าหนีย้ ึดถือไว้เป็ นประกันก่อน (4) มีสิทธิยกข้อต่อสูข้ องตนเองขึน้ ต่อสู้
เจ้าหนีไ้ ด้
3. เมื่อลูกหนีร้ บั สภาพหนี้ ทาให้อายุความของหนีป้ ระธานสะดุดหยุดลงเป็ นโทษแก่ผคู้ า้ ประกัน
4. โดยหลักแล้วผูค้ า้ ประกันเมื่อได้ชาระหนีใ้ ห้แก่เจ้าหนีไ้ ปแล้ว มีสิทธิ (1) มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้
(2) มีสิทธิรบั ช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ (3) มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากผูค้ า้ ประกันรายอื่นที่เข้าคา้ ประกันหนีร้ าย
เดียวกันแล้วไล่เบี้ยจากลูกหนีไ้ ม่ได้ หรือได้ไม่ครบ
5. ผูค้ า้ ประกันอาจเสียสิทธิไล่เบี้ยในกรณี เมื่อผูค้ า้ ประกันชาระหนีใ้ ห้แก่เจ้าหนีไ้ ปโดยไม่บอกกล่าว
ลูกหนี้ ลูกหนีไ้ ม่รจู้ ึงไปชาระซา้ อีก
6. ผูค้ า้ ประกันอาจหลุดพ้นความรับผิดตามสัญญาคา้ ประกันไปโดยสิ้นเชิงในกรณี เมื่อผูค้ า้ ประกัน
ของชาระหนีใ้ ห้แก่เจ้าหนีเ้ มื่อหนีถ้ ึงกาหนดชาระ แต่เจ้าหนีไ้ ม่ยอมรับชาระโดยไม่มีเหตุอนั สมควร
7. กรณีที่ถือว่าเป็ นการที่เจ้าหนีผ้ อ่ นเวลาชาระหนีใ้ ห้แก่ลกู หนี้คือ เจ้าหนีต้ กลงยืดเวลาชาระหนี้
ให้แก่ลกู หนีใ้ นหนีท้ ี่มีกาหนดเวลาชาระแน่นอนโดยจะยังใช้สิทธิเรียกร้องต่อลูกหนี้ในระหว่างเวลาที่ยืด
ออกไปไม่ได้
8. ผูค้ า้ ประกันอาจไม่มีสิทธิเบี่ยงบ่ายให้เจ้าหนีไ้ ปบังคับชาระหนีเ้ อาจากลูกหนีก้ อ่ นเมื่อถูกเจ้าหนี้
ทวงถามให้ชาระหนี้ ในกรณี เมื่อผูค้ า้ ประกันต้องร่วมรับผิดกับลูกหนี้
9. กรณีที่ทาให้สญ ั ญาคา้ ประกันระงับสิ้นไปคือ เมื่อหนีใ้ นระหว่างเจ้าหนีก้ บั ผูค้ า้ ประกันเกลื่อนกลืน
กัน
10. ผูค้ า้ ประกันมีสิทธิไล่เบี้ยจากลูกหนี้ เมื่อได้ชาระหนีใ้ ห้แก่เจ้าหนีไ้ ปแล้ว ได้แก่ (1) เงินต้นและ
ดอกเบี้ย (2) ดอกเบี้ยเงินกูซ้ ึ่งผูค้ า้ ประกันต้องกูม้ าชาระหนีแ้ ทนลูกหนี้ (3) ค่าจ้างทนายซึ่งผูค้ า้ ประกัน
จ้างมาต่อสูค้ ดีที่เจ้าหนีฟ้ ้ องให้ชาระหนี้นนั้
3.1 สาระสาคัญของสัญญาจานอง
1. สัญญาจานองเป็ นการประกันการชาระหนี้ดว้ ยทรัพย์ โดยผูจ้ านองเอาทรัพย์สินตรา
ไว้ให้แก่ผรู้ บั จานอง เพื่อประกันการชาระหนี้ โดยไม่ตอ้ งส่งมอบทรัพย์สินนัน้ แก่ผรู้ บั จานอง
และผูร้ บั จานองชอบที่จะได้รบั ชาระหนีจ้ ากทรัพย์สินที่จานองก่อนเจ้าหนีส้ ามัญ โดยไม่คานึง
ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่
2. สัญญาจานองต้องทาตามแบบโดยทาเป็ นหนังสือ และจดทะเบียนแก่พนักงาน
เจ้าหน้าที่มิฉะนัน้ ย่อมตกเป็ นโมฆะ
3. อสังหาริมทรัพย์ทกุ ประเภท สังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ ที่กฎหมายบัญญัตใิ ห้ตอ้ งจด
ทะเบียนเป็ นทรัพย์สินที่จานองได้
4. ผูจ้ านองทรัพย์สินนัน้ ต้องเป็ นบุคคลผูเ้ ป็ นเจ้าของทรัพย์ในขณะจานอง บุคคลอื่น
จานองไม่ได้
5. ข้อความในสัญญาจานอง ต้องระบุทรัพย์สินที่จานองและระบุจานวนเงินเป็ นเงินไทย
เป็ นจานวนแน่นอนตรงตัว หรือจานวนสูงสุดที่ได้เอาทรัพย์สิน จานองนัน้ ตราเป็ นประกัน
ก่อนหนีถ้ ึงกาหนดชาระ หากมีขอ้ ความได้ตกลงกันไว้ว่า ถ้าไม่ชาระหนีแ้ ล้วผูร้ บั จานองเข้า
เป็ นเจ้าของทรัพย์สินที่จานอง หรือจัดการแก่ทรัพย์สินนัน้ เป็ นอย่างอื่น นอกจากบทบัญญัติ
ทัง้ หลายอันว่าด้วยจานองแล้ว ข้อตกลงนัน้ ไม่สมบูรณ์
6. ผูจ้ านองสามารถจานองทรัพย์สินภายในบังคับแห่งเงือ่ นไข หรือจานองทรัพย์หลาย
สิ่งประกันหนีร้ ายเดียวได้
3.1.1 ความหมายและแบบของสัญญาจานอง
สัญญาจานองคืออะไร
เป็ นสัญญาซึ่งบุคคลสัญญากับเจ้าหนี้ เอาทรัพย์สินตราไว้เป็ นประกันการชาระหนี้
โดยไม่ตอ้ งส่งมอบทรัพย์สิน และผูร้ บั จานองมีสิทธิได้รบั ชาระหนีจ้ ากทรัพย์สินที่จานองก่อน
เจ้าหนีส้ ามัญ (มาตรา 702)
ดาและแดงทาสัญญาซื้อขายอาวุธสงคราม โดยมีขาวจานองที่ดนิ ของตนแปลงหนึง่
เพื่อเป็ นประกันการชาระราคาของดา ต่อมาแดงได้ส่งมอบอาวุธให้ดาครบตามจานวนที่ตก
ลงกัน แต่ดาปฏิเสธไม่ยอมชาระราคา แดงจะฟ้องศาลบังคับจานองที่ดนิ ที่ขาวนามาจานอง
แก่ตนตนได้หรือไม่
สัญญาจานองจะมีได้ก็แต่เฉพาะเพื่อหนีท้ ี่สมบูรณ์ เมื่อหนีต้ ามสัญญาจานองเป็ นหนี
อุปกรณีซึ่งต้องอาศัยความสมบูรณ์ของหนีป้ ระธาน ในกรณีหนีป้ ระธานคือสัญญาซื้อขาย
โมฆะตามมาตรา 150 เพราะมีวตั ถุที่ประสงค์เป็ นการต้องห้ามตามกฎหมายสัญญาจานอง
ซึ่งเป็ นหนีอ้ ปุ กรณ์จึงมีขนึ้ ไม่ได้ ดังนีแ้ ดงจะฟ้องศาลบังคับจานองที่ดนิ ของขาวซึ่งนามา
จานองไว้แก่ตนไม่ได้
มาตรา 702 อันว่าจานองนัน้ คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึง่ เรียกว่า ผูจ้ านองเอาทรัพย์สินตราไว้
แก่บคุ คลอีกคนหนึง่ เรียกว่าผูร้ บั จานอง เป็ นประกันการชาระหนี้ โดยไม่สง่ มอบทรัพย์สินนัน้ ให้แก่ผรู้ บั
จานอง
14
3.1.2 ทรัพย์สินที่จานองได้
ก. มีที่ดนิ มือเปล่าอยู่แปลงหนึง่ ได้มาขอทาสัญญาจานองที่ดนิ แปลงนีแ้ ก่ ข. ข. มา
ปรึกษาท่านจะรับจานองที่ดนิ แปลงนีไ้ ด้หรือไม่ ให้อธิบายและให้เหตุผลว่า ข. จะรับจานองได้
หรือไม่ เพราะเหตุใด
กรณีนตี้ อ้ งพิจารณาว่าที่ดนิ มือเปล่านี้เป็ นที่ดนิ มือเปล่าที่มี น.ส.3 หรือไม่ ข. รับ
จานองที่ดนิ แปลงนีไ้ ม่ได้ถา้ เป็ นที่ดนิ มือเปล่าที่ไม่มี น.ส. 3 เพราะที่ดนิ ตามมาตรา 703 เป็ น
อสังหาริมทรัพย์ก็จริง แต่ตอ้ งเป็ นที่ดนิ มือเปล่าที่มี น.ส. 3 จึงจะจานองได้
ข. รับจานองที่ดนิ แปลงนีไ้ ด้ถา้ เป็ นที่ดนิ มือเปล่าซึ่งมี น.ส. 3 (มาตรา 703 ประกอบ
กับ พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดนิ มาตรา 9)
มาตรา 703 อันอสังหาริมทรัพย์นนั้ อาจจานองได้ไม่ว่าประเภท ใด ๆ
สังหาริมทรัพย์อนั จะกล่าวต่อไปนีก้ ็อาจจานองได้ดจุ กัน หากว่าได้จดทะเบียนไว้แล้วตาม
กฎหมายคือ
(1) เรือกาปั นหรือเรือมีระวางตัง้ แต่หกตันขึน้ ไปเรือกลไฟหรือเรือยนต์มีระวางตัง้ แต่หา้ ตันขึน้
ไป
(2) แพ
(3) สัตว์พาหนะ
(4) สังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งกฎหมายหากบัญญัตไิ ว้ให้จดทะเบียน เฉพาะการ
3.1.5 ลักษณะของการจานอง
นายบุญกูเ้ งินนายชู 500,000 บาท โดยมีนายสมเอาที่ดนิ มาจานองประกันหนีเ้ งินกู้
300,000 บาท นายจิตเอาบ้านมาจานองเป็ นประกันหนี้ 200,000 บาท การตกลงกัน
จานองเช่นนีม้ ีผลบังคับหรือไม่
ตามมาตรา 710 ทรัพย์หลายสิ่งของเจ้าของหลายคนสามารถจานองเป็ นประกันหนี้
รายเดียวได้ และอาจตกลงให้ทรัพย์แต่ละสิ่งเป็ นประกันหนีเ้ ฉพาะส่วนหนึง่ ส่วนใดที่ระบุไว้ก็ได้
ฉะนัน้ การที่นายสมและนายจิต เอาที่ดนิ กับบ้านของตนเองมาจานองประกันหนีข้ องนายบุญ
โดยตกลงให้ที่ดนิ เป็ นประกันหนี้ 300,000 บาท และบ้านเป็ นประกันหนี้ 200,000 บาท
ย่อมมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย
มาตรา 710 ทรัพย์สินหลายสิ่งมีเจ้าของคนเดียวหรือหลายคนจะ จานองเพื่อประกันการชาระ
หนีแ้ ต่รายหนึง่ รายเดียว ท่านก็ให้ทาได้ และในการนีค้ ่สู ญ
ั ญาจะตกลงกันดัง่ ต่อไปนีก้ ็ได้ คือว่า
(1) ให้ผรู้ บั จานองใช้สิทธิบังคับเอาแก่ทรัพย์สิน ซึ่งจานองตาม ลาดับอันระบุไว้
(2) ให้ถือเอาทรัพย์สินแต่ละสิ่งเป็ นประกันหนี้ เฉพาะแต่สว่ นหนึง่ ส่วนใดที่ระบุไว้
16
3.2 ขอบเขตของสิทธิจานอง
1. ทรัพย์สินซึ่งจานองย่อมเป็ นประกันชาระหนีป้ ระธานกับทัง้ ค่าอุปกรณ์อนั ได้แก่
ดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชาระหนีแ้ ละค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับจานอง
2. จานองครอบไปถึงทรัพย์สินทีจ่ านองหมดหมดทุกสิ่งและแม้ว่าทรัพย์สินที่จานองจะ
แบ่งออกเป็ นหลายส่วนจานองก็ครอบไปทุกส่วน แต่ถา้ หากผูร้ บั จานองยินยอมด้วย การโอน
ทรัพย์สินส่วนหนึง่ ส่วนใดไปโดยปลอดจากการจานองก็ทาได้ แต่ความยินยอมนัน้ ต้องได้จด
ทะเบียนจึงจะยกเป็ นข้อต่อสูบ้ คุ คล ภายนอกได้
3. สิทธิจานองครอบถึงทรัพย์ทงั้ ปวงอันติดอยู่กบั ทรัพย์ที่จานอง เว้นแต่กรณี
ดังต่อไปนีค้ ือ โรงเรือนซึ่งปลูกสร้างในที่ดนิ จานองภายหลังจานอง จานองโรงเรือนซึ่งอยูบ่ น
ที่ดนิ ของผูอ้ ื่นหรือจานองที่ดนิ แต่มีโรงเรือนคนอื่นปลูกอยู่และดอกผลของทรัพย์สินที่จานอง
3.2.1 ทรัพย์สินซึ่งจานองย่อมเป็ นประกันหนีป้ ระธานและค่าอุปกรณ์
ทรัพย์สินที่จานองประกันหนีอ้ ะไรบ้าง
ทรัพย์สินซึ่งจานองย่อมเป็ นประกันหนีป้ ระธานและค่าอุปกรณ์ หนีป้ ระธานก็แล้วแต่
ว่าเป็ นหนีอ้ ะไร เช่นหนีก้ ยู้ ืม หนีล้ ะเมิด หนีส้ ญ
ั ญาบัญชีเดินสะพัด จานองย่อมเป็ นประกันหนี้
ประธานทัง้ หมดและยังรวมถึงค่าอุปกรณ์ในหนีป้ ระธานนัน้ ด้วย ซึ่งกฎหมายกาหนดไว้ 3
ประการคือ ดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทนในการไม่ชาระหนีแ้ ละค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับ
ชาระหนี้ เรื่องดอกเบี้ยจะมีหรือไม่แล้วแต่จะกาหนดกันแต่ตอ้ งไม่เกินอัตราที่กฎหมายกาหนด
ค่าสินไหมทดแทนต้องเป็ นเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึน้ โดยปกติหรือโดยพฤติการณ์พิเศษจาก
การไม่ชาระหนีข้ องลูกหนี้ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับจานองคือค่าธรรมเนียมศาล
และค่าธรรมเนียมชัน้ บังคับคดีดว้ ย
3.2.2 สิทธิจานองครอบทรัพย์ทกุ สิ่งและทุกส่วนที่จานอง
ก. จานองที่ดนิ มีโฉนดจานวน 5 ไร่ เพื่อประกันการชาระหนีเ้ งินกูจ้ านวน 20,000
บาท ต่อมาแบ่งแยกโฉนดออกเป็ นแปลงย่อย 5 แปลงแต่ละแปลงมีราคา 10,000 บาท สิทธิ
จานองครอบที่ดนิ แปลงนีเ้ พียงใด
ที่ดนิ มีโฉนดจานวน 5 ไร่ เป็ นทรัพย์สินจานองแบ่งแยกเป็ นหลายส่วน แม้ตอ่ มาจะ
แบ่งแยกออกเป็ นส่วนๆ ก็มิใช่เป็ นเรื่องจานองทรัพย์สินหลายสิ่ง แม้ว่าที่ดนิ ขอแบ่งแยกใน
ภายหลังเพียง 2 แปลงจะมีราคาเท่ากับหนีท้ ี่มีอยู่ก็ตาม การจานองก็ครอบไปทัง้ หมดใน
ที่ดนิ 5 ไร่ ซึ่งถ้า ก. ลูกหนีช้ าระหนีผ้ รู้ บั จานองคือ ข. ยังไม่ครบจานวนจะมาขอปลดทรัพย์
บางส่วนออกจากการจานองไม่ได้ถา้ ข. ไม่ยินยอม
3.2.3 สิทธิจานองครอบถึงทรัพย์ทงั้ ปวงอันติดอยู่กบั ทรัพย์ที่จานอง
สิทธิจานองย่อมครอบคลุมไปถึงทรัพย์ที่ตดิ พันอยู่กบั ทรัพย์จานองท่านเข้าใจว่า
อย่างไร
ตามมาตรา 718 นัน้ หมายความว่าเมื่อจานองทรัพย์สินใด สิทธิจานองย่อมครอบไป
ทุกส่วนของทรัพย์ที่จานองและครอบไปถึงทรัพย์ที่ตดิ พันอยู่กบั ทรัพย์ที่จานองด้วย ทรัพย์ที่
17
หากจาเป็ นต้องมีการบังคับจานองขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งจานองถ้ามีเงินเหลือจากการ
บังคับจานองก็ชอบที่จะตกเป็ นของผูจ้ านองซึ่งเป็ นเจ้าของทรัพย์
3. การที่ผจู้ านองหลายคนต่างคนต่างจานองทรัพย์เป็ นประกันหนีร้ ายเดียวกัน ไม่ว่าจะ
ระบุลาดับจานองไว้หรือไม่ ผูจ้ านองเหล่านัน้ มิใช่ลกู หนีร้ ่วม จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยแก่กนั คงมี
สิทธิไล่เบี้ยลูกหนีเ้ ท่านัน้
4. การจานองหลายรายซึ่งต่างจานองนัน้ หากได้ระบุลาดับการจานองไว้ ถ้าเจ้าหนีป้ ลด
จานองให้ผจู้ านองคนหนึง่ ผูจ้ านองคนหลังย่อมมีสิทธิหลุดพ้นความรับผิดเท่าที่ตอ้ งเสียหาย
5. ในกรณีบคุ คลเดียวจานองทรัพย์เป็ นประกันหนีข้ องผูอ้ ื่น ผูจ้ านองนัน้ มีฐานะคล้ายผู้
คา้ ประกัน กฎหมายจึงให้ผจู้ านองมีสิทธิเหมือนผูค้ า้ ประกันในกรณีตอ่ ไปนีค้ ือ สิทธิที่จะหลุด
พ้นความรับผิดเท่าที่เสียหาย เพราะไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิ สิทธิที่จะหลุดพ้น ความรับผิด
เมื่อเจ้าหนีผ้ อ่ นเวลาให้ลกู หนีแ้ ละสิทธิที่จะหลุดพ้นความรับผิดเมื่อเจ้าหนีไ้ ม่ยอมชาระหนี้
นอกเหนือจากนีแ้ ล้วผูจ้ านองไม่มีสิทธิเหมือนผูค้ า้ ประกันอีก
4.1.1 สิทธิจะเอาทรัพย์สินซึ่งจานองไว้ไปโอนต่อหรือจานองต่อ
ก. กูเ้ งิน ข. 100,000 บาท มีกาหนดชาระคืนใน 1 ปี โดย ค. จานองที่ดนิ เป็ นประกัน
หนีร้ ายนีใ้ ห้แก่ ข. ระหว่างอายุสญั ญาจานอง ค. ต้องการเงินไปลงทุนทาธุรกิจ จึงเอาที่ดนิ ที่
จานอง ข. ไว้นนั้ ไปทาอย่างใดอย่างหนึง่ ดังต่อไปนี้
1. ขายฝากแก่ ง. เป็ นเงิน 200,000 บาท หรือ
2. จานองแก่ ง. เพื่อประกันการที่ ค. กูเ้ งิน ง. มา 200,000 บาท
ทัง้ สองกรณีนี้ เจ้าหนีจ้ านองจะคัดค้านได้หรือไม่
ทัง้ สองกรณีเป็ นสิทธิของผูจ้ านอง คือ กรณีแรกเป็ นสิทธิตามมาตรา 702 วรรค
สอง ที่ผจู้ านองจะโอนทรัพย์ซึ่งจานองให้แก่ผใู้ ดก็ได้ ส่วนกรณีที่สอง เป็ นสิทธิตามมาตรา
712 ซึ่งผูจ้ านองจะนาทรัพย์สินซึ่งจานองไว้ไปจานองต่อ ฉะนัน้ เจ้าหนีจ้ านองย่อมไม่มีสิทธิ
คัดคานการกระทาของผูจ้ านองทัง้ สองกรณี
มาตรา 702 อันว่าจานองนัน้ คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึง่ เรียกว่า ผูจ้ านองเอาทรัพย์สินตราไว้
แก่บคุ คลอีกคนหนึง่ เรียกว่าผูร้ บั จานอง เป็ นประกันการชาระหนี้ โดยไม่สง่ มอบทรัพย์สินนัน้ ให้แก่ผรู้ บั
จานอง
ผูร้ บั จานองชอบที่จะได้รบั ชาระหนีจ้ ากทรัพย์สินที่จานองก่อน เจ้าหนีส้ ามัญมิพกั ต้องพิเคราะห์
ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอน ไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่
มาตรา 712 แม้ถึงว่ามีขอ้ สัญญาเป็ นอย่างอื่นก็ตาม ทรัพย์สินซึ่ง จานองไว้แก่บคุ คลคนหนึง่
นัน้ ท่านว่าจะเอาไปจานองแก่บคุ คลอีก คนหนึง่ ในระหว่างเวลาที่สญ ั ญาก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้
4.1.2 สิทธิชาระหนีล้ า้ งจานองเป็ นงวดๆ
การชาระหนีล้ า้ งหนีจ้ านอง ต่างจากการชาระหนีท้ วั ่ ไปอย่างไร
ปกติการชาระหนีท้ วั ่ ๆไปนัน้ ต้องชาระคราวเดียวให้เสร็จสิ้นเว้นแต่เจ้าหนีจะยินยอม
ให้ผอ่ นชาระ แต่การชาระหนีจ้ านองนัน้ ลูกหนีม้ ีสิทธิชาระล้างหนีจ้ านองเป็ นงวดๆ ได้ ไม่ตอ้ ง
20
4.2.3 สิทธิในการบังคับจานอง
ผูร้ บั จานองมีสิทธิบงั คับจานองได้เมื่อใด
มีสิทธิบงั คับจานองได้ 2 กรณีคือ
1. กรณีทวั ่ ไป เมื่อหนีถ้ ึงกาหนดและลุกหนีไ้ ม่ชาระหนี้
2. กรณีตามมาตรา 723
มาตรา 723 ถ้าทรัพย์สินซึ่งจานองบุบสลาย หรือถ้าทรัพย์สินซึ่ง จานองแต่สิ่งใดหนึง่ สูญหาย
หรือบุบสลาย เป็ นเหตุให้ไม่เพียงพอแก่ การประกันไซร้ ท่านว่าผูร้ บั จานองจะบังคับจานองเสียในทันทีก็
ได้ เว้นแต่เมื่อนัน้ มิได้เป็ นเพราะความผิดของผูจ้ านอง และผูจ้ านองก็ เสนอจะจานองทรัพย์สินอื่นแทนให้มี
ราคาเพียงพอ หรือเสนอจะรับ ซ่อมแซมแก้ไขความบุบสลายนัน้ ภายในเวลาอันสมควรแก่เหตุ
24
(5) จานวนเงินที่เสนอว่าจะใช้
(6) คานวณยอดจานวนเงินที่คา้ งชาระแก่เจ้าหนีค้ นหนึง่ ๆ รวมทัง้ อุปกรณ์และจานวนเงินที่จะ
จัดเป็ นส่วนใช้แก่บรรดาเจ้าหนีต้ าม ลาดับกัน
อนึง่ ให้คดั สาเนารายงานจดทะเบียนของเจ้าพนักงานในเรื่อง ทรัพย์สินซึ่งจานองนัน้ อันเจ้า
พนักงานรับรองว่าเป็ นสาเนาถูกถ้วน สอดส่งไปด้วย
5.1.2 ลาดับในการชาระหนี้
ทรัพย์สินอันเดียวกันที่มีจานองหลายราย เมื่อมีการบังคับจานองโดยขาย
ทอดตลาดจะต้องนาเงินมาชาระหนีแ้ ก่ผรู้ บั จานองอย่างไร
ทรัพย์สินอันเดียวกันได้จานองแก่ผรู้ บั จานองหลายคนด้วยกัน ต้องเอาชาระหนีแ้ ก่
ผูร้ บั จานองเรียงตามลาดับก่อนหลังตามวันเวลาที่จดทะเบียน และผูร้ บั จานองคนก่อนจะ
ได้รบั ใช้หนีก้ อ่ นตามมาตรา 730 และทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดให้จดั ใช้แก่ผรู้ บั จานองเรียง
ตามลาดับ และหากยังมีเงินเหลือจากการขายทอดตลาด ให้มอบแก่ผจู้ านองตามมาตรา
732
เหล็กกูเ้ งินทอง 200,000 บาท โดยจานองทีด่ นิ เป็ นประกัน ต่อมาก็เอาที่ดนิ แปลง
เดิมไปจานองไว้แก่เพชรอีก 100,000 บาท และสุดท้ายจานองกับนิล 50,000 บาท เมื่อหนี้
29
5.2 ความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาจานอง
1. สัญญาจานองระงับด้วยสาเหตุใหญ่ 2 ประการคือ เมื่อทาให้หนีป้ ระธานระงับไป
ประการหนึง่ และอีกประการหนึง่ คือทาให้ตวั สัญญาจานองระงับ เช่น ปลดจานอง ไถ่จานอง
บังคับจานอง เป็ นต้น
2. จานองเป็ นทรัพย์สิทธิที่ตกติดไปกับทรัพย์จานองจนกว่าผูร้ บั จานองจะได้ชาระหนี้
การที่หนีป้ ระธานขาดอายุความจึงไม่ทาให้จานองระงับ
3. เมื่อสัญญาจานองระงับ ต้องนาความไปจดทะเบียน มิฉะนัน้ จะยกขึน้ ต่อสู้
บุคคลภายนอกไม่ได้ หลักนีใ้ ช้บงั คับตลอดถึงการผ่อนชาระหนีจ้ านอง การแก้ไขเปลี่ยนแปลง
สัญญาจานองหรือหนีอ้ นั จานองเป็ นประกันด้วย
5.2.1 สาเหตุที่ทาให้สญ ั ญาจานองระงับ
การจานองระงับด้วยเหตุประการใดบ้าง
จานองระงับด้วยเหตุมาตรา 744 ดังนี้
1) หนีท้ ี่ประกันระงับสิ้นไป ยกเว้นหนีป้ ระธานขาดอายุความไม่ทาให้จานองระงับ
2) เมื่อปลดหนีจ้ านองให้แก่ผจู้ านองด้วยหนังสือเป็ นสาคัญ
3) เมื่อผูจ้ านองหลุดพ้น
4) เมื่อถอนจานอง
5) เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์สิน ซึ่งจานองตามคาสัง่ ศาลอันเนือ่ งมาจากการบังคับ
จานองหรือถอนจานอง
6) เมื่อเอาทรัพย์สินซึ่งจานองนัน้ หลุดเป็ นสิทธิ
31
5.2.3 สัญญาจานองระงับต้องนาความไปจดทะเบียน
นกกูเ้ งินหนู 300,000 บาท โดยมีไก่จานองที่ดนิ เป็ นประกัน ครัง้ หนีค้ รบกาหนด
นกไม่ชาระหนี้ ไก่จึงเข้าชาระหนีแ้ ทนสิ้นเชิง เพื่อมิให้หนูบงั คับจานอง แต่หนูขอผลัดไปไปจด
ทะเบียนระงับจานองภายหลัง ต่อมาหนูถกู แมวเจ้าหนีฟ้ ้ องเรียกหนีจ้ านวน 500,000 บาท
แมวชนะคดีจึงยึดที่ดนิ ของไก่เพื่อบังคับชาระหนี้ ไก่จะต่อสู่แมวได้หรือไม่ว่า จานองระงับแล้ว
จะยึดที่ดนิ ขายทอดตลาดไม่ได้
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสิทธิในการจานองต้องนาไปจดทะเบียนตามหลักมาตรา
746 ที่บญ ั ญัตวิ ่า “การชาระหนีไ้ ม่ว่าครัง้ ใดๆ สิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนก็ดี การระงับหนี้
อย่างใดๆ ก็ดี การตกลงกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงจานองหรือหนีอ้ นั จานองเป็ นประกันนัน้ เป็ น
32
หน่วยที่ 6 สัญญาจานา
1. ทรัพย์ที่จานานอกจากจะต้องเป็ นสังหาริมทรัพย์แล้ว สิทธิที่มีตราสารก็อาจนามา
จานาได้โดยวิธีการที่กฎหมายกาหนด สัญญาจานาครอบคลุมทัง้ หนีต้ น้ เงินและค่าอุปกรณ์
33
6.1.3 การจานาสิทธิที่มีตราสาร
อธิบายวิธีการจานาสิทธิที่มีตราสารทัว่ ไป
วิธีจานาสิทธิที่มีตราสารทัว่ ไป มีบญ
ั ญัตใิ นมาตรา 750 กล่าวคือ
1) ต้องส่งมอบตราสารนัน้ ให้แก่ผรู้ บั จานาและ
2) ต้องบอกกล่าวเป็ นหนังสือแจ้งการจานาแก่ลกู หนีแ้ ห่งสิทธิ มิฉะนัน้ การจานาเป็ น
โมฆะ
มาตรา 750 ถ้าทรัพย์สินที่จานาเป็ นสิทธิซึ่งมีตราสาร และมิได้ ส่งมอบตราสารนัน้ ให้แก่ผรู้ บั
จานา ทัง้ มิได้บอกกล่าวเป็ นหนังสือแจ้ง การจานาแก่ลกู หนีแ้ ห่งสิทธินนั้ ด้วยไซร้ ท่านว่าการจานาย่อม
เป็ นโมฆะ
ถ้าสิทธิซึ่งจานาถึงกาหนดชาระก่อนหนีซ้ ึ่งเป็ นประกัน ลูกหนีแ้ ห่งสิทธิตอ้ งชาระหนีแ้ ก่
ใคร
ถ้าสิทธิซึ่งจานาถึงกาหนดชาระก่อนหนีซ้ ึ่งเป็ นประกัน กฎหมายกาหนดหลักเกณฑ์
ดังนี้
1) ถ้าวัตถุแห่งสิทธิเป็ นทรัพย์สิน ลูกหนีแ้ ห่งสิทธิตอ้ งส่งมอบทรัพย์นนั้ ให้แก่ผรู้ บั
จานาและทรัพย์นนั้ ก็กลายเป็ นของจานาแทนสิทธิซึ่งจานา
2) ถ้าวัตถุแห่งสิทธิเป็ นเงิน ลูกหนีแ้ ห่งสิทธิตอ้ งชาระเงินให้แก่ผรู้ บั จานา และผูจ้ านา
ร่วมกัน ถ้าทัง้ สองตกลงกันไม่ได้ ให้วางเงินไว้ ณ สานักงานฝากทรัพย์
6.1.4 การใช้กฎหมายลักษณะจานาแก่โรงรับจานา
บทบัญญัตเิ รื่องจานาใน ปพพ. จะนามาใช้กบั สัญญาจานาที่ทากับผูต้ งั้ โรงรับจานาได้
หรือไม่
35
5. ส้มกูเ้ งินองุน่ 20,000 บาท โดยนาแหวนเพชรราคา 15,000 บาท และทีวีสีราคา 9,000 บาท
มาประกันชาระหนี้ ต่อมาส้มได้นาเงินเพียง 15,000 บาท มาชาระ และขอให้องุน่ คืนทีวีสีให้ตน องุ่นไม่
ต้องคืน เพราะผูร้ บั จานามีสิทธิยึดทรัพย์ที่จานาไว้ทงั้ หมด จนกว่าจะได้รบั ชาระหนีค้ รบจานวน
6. คดีฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน เพื่อความบุบสลายอันผูร้ บั จานาก่อให้เกิดแก่ทรัพย์สินจานานัน้
กฎหมายกาหนดให้ฟ้องภายใน ระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันส่งคืน
7. แดงได้เช็คผูถ้ ือมาเป็ นเช็คลงวันที่ลว่ งหน้า เมื่อยังไม่ถึงกาหนดขึน้ เงิน จึงเอาเช็คไปจานาขาว
กฎหมายกาหนดวิธีจานาเช็คโดย การส่งมอบเช็ค และสลักหลังเช็คให้ปรากฏการจานา
8. สัญญาจานาที่มีการตกลงกันก่อนเวลาหนีถ้ ึงกาหนดชาระ เป็ นข้อความว่าถ้าไม่ชาระหนี้ให้
ทรัพย์จานาเป็ นของผูร้ บั จานา ข้อตกลงเช่นนีไ้ ม่สมบูรณ์
9. การจานาย่อมเป็ นประกันเพื่อการชาระหนีก้ บั ทัง้ ค่าอุปกรณ์ ค่าอุปกรณ์ได้แก่ ค่าฤชาธรรม
เนียมในการบังคับจานา
10. จานาเป็ นการประกันการชาระหนีด้ ว้ ย สังหาริมทรัพย์
11. แสดกูเ้ งินชมพู โดยเอาตึกแถวทาเป็ นประกันการชาระหนี้ ไม่ใช่เป็ นการจานา
12. คดีฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายเพื่อการบารุงรักษาทรัพย์สินจานา ให้ฟ้องภายในอายุความ 6 เดือน นับ
แต่วันขายทอดตลาดทรัพย์สินจานา
13. ดากูเ้ งินแดง โดยนารถยนต์มาประกันการชาระหนีแ้ ละคูส่ ญ ั ญาตกลงกันให้แดงนารถยนต์ไปให้
บุคคลภาย นอกเช่าได้ แดงให้เช่าได้เงินมา 2,000 บาท เงินค่าเช่านี้ ให้แดงนาค่าเช่านีไ้ ปจัดสรรใช้
ดอกเบี้ยที่คา้ งชาระก่อน
14. จากข้อมูลข้างต้น แดงเห็นว่ารถยนต์คนั ดังกล่าวเก่ามากและผุ จึงนาไปให้ชา่ งทาสีรถใหม่ สิ้น
เงินไป 15,000 บาท ดังนัน้ แดงจะมาขอเรียกเก็บเงินค่าทาสีจากดาตามสัญญาจานา ไม่ได้ เพราะไม่ใช่
ค่าใช้จ่ายอันควรแก่การบารุงรักษาซึ่งผูจ้ านาจะต้องจ่าย
15. การจานาใบหุน้ ชนิดระบุชื่อต้องปฏิบตั โิ ดย การจดทะเบียนการจานาไว้ในสมุดของบริษทั เพื่อยัน
บริษทั หรือบุคคลภายนอก
16. สัญญากู้ ไม่ใช่ตราสารที่จานากันได้
17. เมื่อหนีท้ ี่เอาทรัพย์ไปจานาประกันไว้ถึงกาหนดชาระแล้ว คูส่ ญ ั ญาจึงตกลงกันยอมให้ทรัพย์นนั้
ตกเป็ นของผูร้ บั จานา ข้อตกลงนีม้ ีผล ใช้ได้
18. การจานาย่อมเป็ นประกันเพื่อการชาระหนี้กบั ทัง้ ค่าอุปกรณ์ ส่วนเรื่องค่าสินไหมทดแทนเพื่อ
ความเสียหายอันเกิดจากการให้บคุ คลภายนอกใช้ทรัพย์สินจานา ไม่ถือว่าเป็ นค่าอุปกรณ์
หน่วยที่ 7 การบังคับจานาและสัญญาบัญชีเดินสะพัด
1. การบังคับจานาทาได้วิธีเดียวคือ ขายทอดตลาดทรัพย์จานาเท่านัน้ จะเอาทรัพย์จานา
หลุดเป็ นสิทธิไม่ได้ ยกเว้นการจานาที่ทากับโรงจานา กฎหมายจึงบังคับให้จานาโดยเอา
ทรัพย์หลุดเป็ นสิทธิได้
2. จานาย่อมระงับสิ้นไปเมือ่ หนีป้ ระธานระงับสิ้นไปไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ และถ้าผูร้ บั จานา
ยินยอมให้ทรัพย์จานากลับไปอยู่ในความครอบครองของผูจ้ านาแล้ว จานาระงับสิ้นไป
เหมือนกัน
38
7.1.2 ผลของการบังคับจานา
39
8.2.3 การผ่อนวันใช้เงิน
นาย เอ ออกตัว๋ แลกเงิน สัง่ ให้นายบี จ่ายเงินแก่นาย ซี ในวันที่ที่ 5 ธันวาคม 2536
ก่อนตัว๋ ถึงกาหนด นาย ซี สลักหลังตัว๋ โอนให้แก่นาย ดี สลักหลังโอนให้แก่นาย อี ครัน้ ถึง
วันที่ 5 ธันวาคม 2536 นาย อี ตกลงให้นาย บี รับรองตัว๋ ว่าจะใช้เงินให้ในวันที่ 10
ธันวาคม 2536 ดังนีก้ ารกระทาของนาย อี เป็ นการผ่อนวันใช้เงินหรือไม่ เพราะเหตุใด
46
8.2.6 ใบประจาต่อ
นายมกราสัง่ จ่ายตัว๋ แลกเงินฉบับหนึง่ หนึง่ ให้ ก. จ่ายเงินแก่นายกุมภา ก่อนตัว๋ แลก
เงินถึงกาหนดนายกุมภาสลักหลังโอนให้แก่นายมีนา และมีการสลักหลังโอนต่อๆ กันมาจน
ตัว๋ แลกเงินตกแก่นายธันวา แต่ปรากฏว่าด้านหลังตัว๋ แลกเงินหมดเนือ้ ที่ที่จะสลักหลังต่อไป
นายธันวาจึงเอากระดาษแผ่นหนึง่ มาต่อเข้ากับตัว๋ แลกเงินเดิม แล้วเขีย่ นสลักหลังลงบน
กระดาษแผ่นที่ตอ่ ใหม่ให้แก่นายอาทิตย์ นายอาทิตย์สลักหลังคาบบนตัว๋ แลกเงินเดิมกับบน
กระดาษแผ่นใหม่ให้แก่นายจันทร์ นายจันทร์สลักหลังลงบนกระดาษแผ่นที่ตอ่ ให้แก่นาย
อังคาร ดังนี้ การกระทาของนายธันวา นายอาทิตย์ และนายจันทร์ เป็ นการสลักหลังลงในใบ
ประจาต่อหรือไม่
48
1. ตัว๋ แลกเงินต้องมีรายการได้แก่ (1) คาบอกชือ่ ว่าเป็ นตัว๋ แลกเงิน (2) คาสัง่ อัน
ปราศจากเงือ่ นไขให้จ่ายเงินเป็ นจานวนแน่นอน (3) ชือ่ หรือยีหอ้ ผูจ้ ่าย (4) ชือ่ หรือยีหอ้ ผูร้ บั
เงินหรือคาจดแจ้งว่าให้ใช้เงินแก่ผถู้ ือและ (5) ลายมือชือ่ ผูส้ งั ่ จ่ายหากรายการดังกล่าวขาดตก
บกพร่องไปย่อมไม่สมบูรณ์เป็ นตัว๋ แลกเงิน
2. วันถึงกาหนดของตัว๋ แลกเงิน ก็คือ วันถึงกาหนดใช้เงินตามตัว๋ ซึ่งแยกได้เป็ น 2 ชนิด
ได้แก่ (1) ตัว๋ แลกเงินที่สงั ่ ให้ใช้เงินเมื่อทวงถามหรือเมื่อได้เห็น (2) ตัว๋ แลกเงินที่กาหนดเวลา
ให้ใช้เงิน
3. ความรับผิดของผูส้ งั ่ จ่ายหรือผูส้ ลักหลังตัว๋ แลกเงินเกิดขึน้ โดยเงือ่ นไขว่าผูท้ รงต้อง
ยื่นตัว๋ ต่อผูจ้ ่ายก่อน ถ้าผูจ้ ่ายไม่รบั รองหรือไม่จา่ ยเงินและผูท้ รงจัดให้ทาคาคัดค้านแล้วผูส้ งั ่
จ่ายหรือผูส้ ลักหลังจะใช้เงินแก่ผทู้ รง
4. ข้อกาหนดลบล้างหรือจากัดความรับผิดและข้อกาหนดลดหน้าที่ของผูส้ งั ่ จ่ายและผู้
สลักหลังตัว๋ แลกเงินแยกได้ 2 ประการ ได้แก่ (1) ข้อกาหนดลบล้างหรือจากัดความรับผิดของ
ผูส้ งั ่ จ่ายและผูส้ ลักหลังที่มีตอ่ ผูท้ รง (2) ข้อกาหนดลดหน้าที่ของผูท้ รงที่มีตอ่ ผูส้ งั ่ จ่ายและผู้
สลักหลัง
9.1.1 รายการในตัว๋ แลกเงิน
การเขียนตัว๋ แลกเงินที่มีรายการตามตามที่กฎหมายต้องการ
การเขียนตัว๋ แลกเงิน ดังข้อความต่อไปนี้ แล้วผูส้ งั ่ จ่ายลงลายมือชือ่
ตัว๋ แลกเงิน
วันที่ 1 มกราคม 2536
ถึงนางมณฑา
โปรดสัง่ จ่ายเงินจานวน หนึง่ ล้านบาท ให้แก่นายสังข์ทอง หรือตามคาสัง่
.....................................................
(ลามือชือ่ ท้าวสามลผูส้ งั ่ จ่าย)
10. หนึง่ ออกตัว๋ สัญญาใช้เงิน 200,000 บาท แก่สอง ก่อนตัว๋ ถึงกาหนด สองจึงยืมเงินสามและ
สลักหลังตัว๋ สัญญาใช้เงินฉบับนีจ้ านาแก่สาม เมื่อถึงกาหนดสามนาตัว๋ สัญญาใช้เงินไปยื่ นแก่หนึง่ แต่
หนึง่ ไม่ยอมใช้เงิน ดังนี้ หนึง่ จะยกข้อต่อสูข้ องหนึง่ ที่มีตอ่ สองขึน้ ต่อสูส้ ามไม่ได้ เพราะสามเป็ นผูท้ รงที่
รับจานา
11. จันทร์ออกตัว๋ แลกเงินสัง่ อังคารให้จ่ายเงินแก่พธุ 100,000 บาท โดยพุธรับรองตัว๋ นีแ้ ล้ว
อังคารได้สลักหลังโอนให้พฤหัส เมื่อตัว๋ ถึงกาหนดใช้เงิน พฤหัสนาตัว๋ ไปยื่นให้พธุ จ่ายเงิน แต่พธุ เล่นการ
พนันเสีย ไม่มีเงินจ่ายให้ ขอผลัดไป 7 วัน พฤหัสจึงทาคาคัดค้านการไม่ใช้เงินแล้วรีบสลักหลังโอนตัว๋ ไป
ให้ศกุ ร์ ศุกร์สลักหลังต่อไปยังเสาร์ เสาร์สลักหลังต่อไปยังอาทิตย์ ดังนี้ อาทิตย์มีสิทธิไล่เบี้ย แก่จนั ทร์
อังคาร และพุธ ได้นนั้
12. หนึง่ ออกตัว๋ แลกเงินสัง่ สองให้จ่ายเงิน 500,000 บาทแก่สาม สาม สลักหลังโอนแก่ สี่ สี่ สลัก
หลังโอนแก่ ห้า ห้าให้สองรับรองตัว๋ แล้วสลักหลังโอนให้แก่ หก หกนาตัว๋ ไปยื่นแก่สองแต่สองไม่ยอมใช้
เงินให้ หกไม่ทาคาคัดค้านจนพ้นกาหนดแล้วจึงสลักหลังโอนให้แก่เจ็ด เจ็ดสลักหลังโอนให้แก่แปด แปด
สลักหลังโอนให้แก่เก้า เก้าสลักหลังโอนแก่สิบ ดังนี้ สิบจะเรียกร้องเงิน 500,000 บาท จากสอง เจ็ด
แปดและ เก้า เท่านัน้
13. สามลออกตัว๋ แลกเงินสัง่ มณฑาให้จ่ายเงิน 1 ล้านบาทแก่สงั ข์ทอง สังข์ทองสลักหลังโอนให้แก่
รจนาโดยข้อความว่า “ราคาอยู่ที่เรียกเก็บ” รจนายื่นตัว๋ ต่อให้มณฑารับรอง แต่มณฑาโกรธจึงไม่ยอม
รับรอง สังข์ทองฟ้ องสามลให้รบั ผิดได้เพราะสังข์ทองเป็ นตัวการ
14. เอกออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ให้โท จ่ายเงิน 550,000 บาทแก่ตรี ตรียืมเงินจัตวาและสลักหลังตัว๋ จานา
แก่ จัตวา เมื่อตัว๋ ถึงกาหนด จัตวานาตัว๋ ไปยื่นแก่โท แต่โทไม่ยอมจ่ายเงิน โทจะยกข้อต่อสูม้ าต่อสูจ้ ตั วา
ดังนี้ โทยกข้อต่อสูข้ องโทที่มีตอ่ ตรีขนึ้ ต่อสูจ้ ัตวาไม่ได้ เพราะจัตวาเป็ นผูท้ รงที่รบั จานา
15. นายมกราสัง่ จ่ายเช็คเงิน 80,000 บาทแก่นายกุมภาโดยลืมลงวันที่สงั ่ จ่าย ต่อมาอีกสามเดือน
นายภุมภาสลักหลังโอนแก่นายมีนา อีก 7 วันนายมกราตาย นายมีนาทราบข่าวจึงกรอกวันที่สงั ่ จ่ายลง
ในเช็คและนาไปขึน้ เงินต่อธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่านายมกราตายแล้ว นายมีนา
จึงฟ้ องนายเมษาบุตรของนายมกราให้รบั ผิดใช้เงินตามเช็ค นายเมษาต่อสูว้ ่าไม่ตอ้ งรับผิดเนือ่ งจากเช็ค
ไม่ลงวันที่สงั ่ จ่าย ข้อต่อสูฟ้ ั งไม่ขนึ้ เพราะนายมีนากระทาการโดยสุจริตกรอกวันตามที่ถกู ต้องแท้จริง
“อาวัล”
มาตรา 938 ตัว๋ แลกเงินจะมีผคู้ า้ ประกัน รับประกันการใช้เงินทัง้ จานวน หรือแต่บางส่วนก็ได้
ซึ่งท่านเรียกว่า "อาวัล"
อันอาวัลนัน้ บุคคลภายนอกคนใดคนหนึง่ จะเป็ นผูร้ บั หรือแม้ค่สู ญ ั ญา แห่งตัว๋ เงินนัน้ ฝ่ ายใด
ฝ่ ายหนึง่ จะเป็ นผูร้ บั ก็ได้
มาตรา 939 อันการรับอาวัลย่อมทาให้กนั ด้วยเขียนลงในตัว๋ แลก เงินนัน้ เอง หรือที่ใบประจา
ต่อ
ในการนีพ้ ึงใช้ถอ้ ยคาสานวนว่า "ใช้ได้เป็ นอาวัล" หรือสานวนอื่นใด ทานองเดียวกันนัน้ และลง
ลายมือชื่อผูร้ บั อาวัล
อนึง่ เพียงแต่ลงลายมือชื่อของผูร้ บั อาวัลในด้านหน้าแห่งตัว๋ เงินท่าน ก็จดั ว่าเป็ นคารับอาวัล
แล้ว เว้นแต่ในกรณีที่เป็ นลายมือชื่อของผูจ้ ่าย หรือผูส้ งั ่ จ่าย
ในคารับอาวัลต้องระบุว่ารับประกันผูใ้ ด หากมิได้ระบุ ท่านให้ถือ ว่ารับประกันผูส้ งั ่ จ่าย
มาตรา 940 ผูร้ บั อาวัลย่อมต้องผูกพันเป็ นอย่างเดียวกันกับบุคคล ซึ่งตนประกัน แม้ถึงว่า
ความรับผิดใช้เงินอันผูร้ บั อาวัลได้ประกันอยู่นนั้ จะตกเป็ น ใช้ไม่ได้ดว้ ยเหตุใด ๆ นอกจากเพราะทาผิด
แบบระเบียบ ท่านว่าข้อ ที่สญ ั ญารับอาวัลนัน้ ก็ยงั คงสมบูรณ์
64
11.1.2 การรับรองเพื่อแก้หน้า
แดงออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ให้ดาจ่ายเงินให้ขาว 10,000 บาท ขาวสลักหลังตัว๋ ให้เขียว
โดยที่ชมพูอาวัลขาว เขียวสลักหลังตัวให้มว่ ง โดยมีแสดรับอาวัลเขียว ต่อมาดาบอกปั ดไม่
65
11.2 สิทธิไล่เบี้ย
1. สิทธิไล่เบี้ยเป็ นสิทธิที่ผทู้ รงใช้เรียกร้องให้ค่สู ัญญาทัง้ หลายตามตัว๋ แลกเงินใช้เงินเมื่อ
ตัว๋ แลกเงินขาดความเชื่อถือ
2. ก่อนที่ผทู้ รงจะใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ ผูท้ รงจะต้องทาคาคัดค้าน เพื่อให้การขาดความเชือ่ ถือ
ของตัว๋ แลกเงินเป็ นที่เปิ ดเผย
3. การทาคาบอกเล่าเป็ นการที่ผทู้ รงแจ้งให้ผสู้ ลักหลังซึ่งเขารับโอนตัว๋ มาทราบว่า ตัว๋
ขาดความเชือ่ ถือแล้ว เพื่อว่าผูส้ ลักหลังนัน้ จะได้เตรียมตัวหาเงินไว้ชดใช้
4. ผูท้ รงมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากคู่สญ ั ญาตามตัว๋ แลกเงินทุกคนอย่างเป็ นลูกหนีร้ ่วมกัน
11.2.1 ความหมายของสิทธิไล่เบี้ย
แดงออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ให้ดาจ่ายเงินให้ขาว 10,000 บาท ในวันที่ 1 มีนาคม 2536
ขาวโอนตัว๋ ให้มว่ ง ต่อมาแดงถูกเขียวฟ้องให้ชาระหนี้ แดงแพ้คดีและถูกศาลออกหมายบังคับ
คดียึดทรัพย์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2535 แต่ปรากฏว่าแดงไม่มีทรัพย์สินจะให้ยึดทรัพย์ได้
ดังนีม้ ว่ งจะใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อขาวทันทีโดยไม่รอให้ตวั ๋ ถึงกาหนดได้หรือไม่
ม่วงจะใช้สิทธิไล่เบี้ยยัง ไม่ได้ เพราะไม่ใช่กรณีตามมาตรา 959 ข. และยังไม่ปรากฏ
ว่ามีเหตุอะไรที่ดาจะไม่ยอมใช้เงินเมื่อถึงกาหนด
66
11.2.2 การทาคาคัดค้าน
แดงออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ให้ดาจ่ายเงิน 10,000 บาท แก่ขาว ขาวโอนตัว๋ ให้เขียว พอ
ตัว๋ ครบกาหนดเขียวนาตัว๋ ไปยื่นต่อดาให้ใช้เงิน ดาปฏิเสธไม่ยอมใช้เงิน เขียวมิได้รอ้ งขอทาคา
คัดค้านจนเวลาล่วงเลยไปแล้ว 5 วัน ดังนีเ้ ขียวจะใช้สิทธิไล่เบี้ยจากใครได้บา้ ง
เขียวไม่ทาคาคัดค้านภายในกาหนดเวลา 3 วันนับจากวันยื่นตัว๋ ย่อมสิ้นสิทธิไล่เบี้ย
แดงซึ่งเป็ นผูส้ งั ่ จ่าย และขาวซึ่งเป็ นผูส้ ลักหลัง ส่วนดานัน้ มิได้ลงชือ่ รับรองจึงไม่ตอ้ งรับผิด
เขียวไม่อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยใครได้เลย มาตรา 973
มาตรา 973 เมื่อกาหนดเวลาจากัดซึ่งจะกล่าวต่อไปนีไ้ ด้ลว่ งพ้นไป แล้วคือ
(1) กาหนดเวลาสาหรับยื่นตัว๋ แลกเงินชนิดให้ใช้เงินเมื่อได้เห็น หรือ ในระยะเวลาอย่างใดอย่าง
หนึง่ ภายหลังได้เห็น
(2) กาหนดเวลาสาหรับทาคาคัดค้านการไม่รบั รองหรือการไม่ใช้เงิน
(3) กาหนดเวลาสาหรับยื่นตัว๋ เพื่อให้ใช้เงิน ในกรณีที่มีขอ้ กาหนดว่า "ไม่จาต้องมีคาคัดค้าน"
ท่านว่าผูท้ รงย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาแก่เหล่าผูส้ ลักหลัง ผูส้ งั ่ จ่าย และคูส่ ญั ญาอื่น ๆ ผูต้ อ้ งรับผิด
เว้นแต่ผรู้ บั รอง
อนึง่ ถ้าไม่ยื่นตัว๋ แลกเงินเพื่อให้เขารับรองภายในเวลาจากัดดัง่ ผูส้ งั ่ จ่ายได้กาหนดไว้ ท่านว่าผู้
ทรงย่อมเสียสิทธิที่จะไล่เบี้ยทัง้ เพื่อการที่เขา ไม่ใช้เงิน และเพื่อการที่เขาไม่รบั รอง เว้นแต่จะปรากฏจาก
ข้อกาหนดว่าผู้ สัง่ จ่ายหมายเพียงแต่จะปลดตนเองให้พน้ จากประกันการรับรอง
ถ้าข้อกาหนดจากัดเวลายื่นตัว๋ แลกเงินนัน้ มีอยู่ที่คาสลักหลังท่านว่า เฉพาะแต่ผสู้ ลักหลังเท่านัน้
จะอาจเอาประโยชน์ในข้อกาหนดนัน้ ได้
11.2.3 การทาคาบอกกล่าว
แดงออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ให้ดาจ่ายเงินให้ขาว 10,000 บาท ขาวโอนตัว๋ เงินให้เขียว
เขียวโอนให้มว่ ง ม่วงโอนให้ฟ้า ถึงกาหนดดาไม่ใช้เงิน ม่วงจึงทาคาคัดค้านแต่ไม่ได้สง่ คาบอก
กล่าวการที่ดาไม่ใช้เงินให้มว่ ง ดังนัน้ ฟ้าจะใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อม่วงได้หรือไม่
ฟ้ามีสิทธิไล่เบี้ยม่วงได้ เพราะการไม่ทาคาบอกกล่าวไม่ทาให้เสียสิทธิไล่เบี้ย มาตรา
963 วรรคท้าย
มาตรา 963 ผูท้ รงต้องให้คาบอกกล่าวการที่เข้าไม่รบั รองตัว๋ แลกเงิน หรือไม่ใช้เงินนัน้ ไปยังผู้
สลักหลังถัดตนขึน้ ไปกับทัง้ ผูส้ งั ่ จ่ายด้วยภายในเวลา สี่วันต่อจากวันคัดค้าน หรือต่อจากวันยื่นตัว๋ ใน
กรณีที่มีขอ้ กาหนดว่า "ไม่ จาต้องมีคาคัดค้าน"
67
11.2.4 การใช้สิทธิไล่เบี้ยของผูท้ รง
แดงออกตัว๋ แลกเงินสัง่ ให้ดาจ่ายเงินแก่ขาว 12,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์
2536 ขาวโอนตัว๋ เงินให้เขียว เมื่อครบกาหนดดาไม่ยอมใช้เงินเขียวจึงทาคาคัดค้าน เสีย
ค่าใช้จ่ายในการทาคาคัดค้านและค่าใช้จ่ายอื่นรวม 100 บาท เขียวใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อขาวใน
วันที่ 1 มีนาคม 2536 ดังนี้ เขียวจะไล่เบี้ยได้จานวนเท่าใด ถ้าขาวจะจ่ายเงินในวันเดียวกัน
นัน้
เขียวซึ่งเป็ นผูท้ รงมีสิทธิไล่เบี้ยในจานวนเงินดังต่อไปนี้
1. จานวนเงินตามตัว๋ โดยไม่คิดดอกเบี้ย 12,000 บาท
2. ดอกเบี้ย 5% ตัง้ แต่วนั ถึงกาหนดจนถึงวันที่ขาวใช้เงินรวม 1 เดือน
50 บาท
3. ค่าใช้จ่ายในการทาคาคัดค้าน และค่าใช้จ่ายอื่น 100
บาท
4. ค่าชักส่วนลดร้อยละ 1/6 ของ 12,000 บาท 20
บาท
รวม 12,170 บาท
11.3 ตัว๋ แลกเงินเป็ นสารับ
1. ตัว๋ แลกเงินเป็ นสารับ เป็ นตัว๋ แลกเงินที่มีตน้ ฉบับข้อความเหมือนกันตัง้ แต่สองฉบับขึน้
ไป
2. ในการออกตัว๋ แลกเงินเป็ นสารับ ผูส้ งั ่ จ่ายจะต้องลงหมายเลขลาดับไว้ในตัว๋ แลกเงินแต่
ละฉบับ
3. เนือ่ งจากตัว๋ แลกเงินเป็ นสารับมีค่ฉู ีกหลายฉบับ แต่ประสงค์จะให้มีการใช้เงินเพียง
ฉบับเดียว ดังนัน้ การสลักหลัง การรับรองหรือการใช้เงินจะต้องทาด้วยความระมัดระวัง
ตามที่กฎหมายบัญญัติ
68
หน่วยที่ 12 เช็ค
1. เช็คเป็ นตราสารเปลี่ยนมือที่มีการใช้มากที่สดุ ในตัว๋ เงิน 3 ประเภท โดยเช็คมีลกั ษณะ
เป็ นคาสัง่ ของผูส้ งั ่ จ่ายสัง่ ธนาคารให้ใช้เงินจานวนหนึง่ เมื่อทวงถามแก่ผรู้ บั เงิน หรือตาม
คาสัง่ ของผูร้ บั เงินหรือผูถ้ ือ เช็คจะต้องมีรายการตามที่กฎหมายกาหนดไว้ และกฎหมายให้
นาบทบัญญัตใิ นบางเรื่องของตัว๋ แลกเงินมาใช้กบั เช็คด้วย ส่วนการยื่นเช็คเพื่อให้ธนาคารใช้
70
เช็คต่อไปนีม้ ีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่
1) เช็คลงวันที่สงั ่ จ่ายล่วงหน้า
2) เช็คไม่ได้ลงวันที่สงั ่ จ่าย
3) เช็คที่ไม่ได้ลงลายมือชือ่
เช็คลงวันที่สงั ่ จ่ายล่วงหน้ามีผลสมสมบูรณ์ตามกฎหมายโดยถือว่าวันที่สงั ่ จ่ายเป็ น
วันออกเช็ค
72
12.2.2 เช็คที่ธนาคารรับรอง
อธิบายผลของกฎหมายในกรณีที่ธนาคารเขียนข้อความลงลายมือชือ่ บนเช็คว่า “ใช้
เงินได้”
77
12.2.3 เช็คขีดคร่อม
อธิบายว่าการขีดคร่อมคืออะไร
การขีดคร่อมคือ การขีดเส้นขนานคู่วางไว้ดา้ นหน้ากับมีหรือไม่มีคา อย่างใดๆว่า
“บริษทั ” หรือคาย่ออย่างใดๆ ในความหมายนี้อยู่ในระหว่างเส้นขนานทัง้ สอง การขีดคร่อม
มีผลทาให้เช็คนัน้ จะใช้เงินตามเช็คได้แต่เฉพาะให้แก่ธนาคารเท่านัน้
การขีดคร่อมทัว่ ไปคือการขีดเส้นขนานคู่ โดยไม่ระบุชอื่ ธนาคารหนึง่ ธนาคารใดไว้
โดยเฉพาะหากมีการระบุชอื่ ธนาคารหนึง่ ธนาคารใดไว้โดยเฉพาะย่อมทาให้เช็คนัน้ เป็ นเช็คขีด
คร่อมเฉพาะ และจะใช้เงินตามเช็คนัน้ ได้เฉพาะให้แก่ธนาคารที่ระบุไว้โดยเฉพาะเท่านัน้
ผูท้ ี่จะทาการขีดคร่อมเช็คมีดงั ต่อไปนี้
1.) เช็คไม่มีขดี คร่อม ผูส้ งั ่ จ่ายหรือผูท้ รงคนใดคนหนึง่ จะขีดคร่อมเสียก็ได้ และจะทา
เป็ นขีดคร่อมทัว่ ไปหรือขีดคร่อมเฉพาะก็ได้
2.) เช็คขีดคร่อมทัว่ ไปผูท้ รงจะทาให้เป็ นขีดคร่อมเฉพาะเสียก็ได้
3.) เช็คขีดคร่อมทัว่ ไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะก็ดี ผูท้ รงจะเติมคาลงไปว่า “ห้ามเปลี่ยน
มือ” ก็ได้
4.) เช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคาร ธนาคารนัน้ จะซา้ ขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคาร
อื่นเพื่อเรียกเก็บเงินก็ได้
78
อธิบายหลักกฎหมายในเรื่องการคุม้ ครองธนาคารรับเงินตามเช็คขีดคร่อม
ธนาคารที่รบั เงินตามเช็คขีดคร่อมจะได้รบั ความคุม้ ครอง ไม่ตอ้ งรับผิดต่อผูเ้ ป็ น
เจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คในการที่ธนาคารรับเงินไว้เพื่อผูเ้ คยค้าของตน หากปรากฏต่อมาว่า
ผูเ้ คยค้านัน้ ไม่มีสิทธิหรือสิทธิบกพร่อง แต่จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดงั นี้ (มาตรา
998)
1.) ธนาคารต้องกระทาโดยสุจริตและไม่ประมาทเลินเล่อ
2.) ธนาคารที่รบั เงินต้องได้รบั เช็คที่มีการขีดคร่อมแล้ว
3.) การเรียกเก็บเงินของธนาคารตามเช็คขีดคร่อมนัน้ เป็ นการเรียกเก็บเพื่อ
ประโยชน์ของผูเ้ คยค้า
มาตรา 998 ธนาคารใดซึ่งเขานาเช็คขีดคร่อมเบิกเงินใช้เงินไปตาม เช็คนัน้ โดยสุจริตและ
ปราศจากประมาทเลินเล่อ กล่าวคือว่าถ้าเป็ นเช็ค ขีดคร่อมทัว่ ไปก็ใช้เงินให้แก่ธนาคารอันใดอันหนึง่ ถ้า
เป็ นเช็คขีดคร่อม เฉพาะก็ใช้ให้แก่ธนาคารซึ่งเขาเจาะจงขีดคร่อมให้โดยเฉพาะหรือใช้ให้ แก่ธนาคาร
ตัวแทนเรียกเก็บเงินของธนาคารนัน้ ไซร้ ท่านว่าธนาคารซึ่ง ใช้เงินไปตามเช็คนัน้ ฝ่ ายหนึง่ กับถ้าเช็คตก
ไปถึงมือผูร้ บั เงินแล้ว ผูส้ งั ่ จ่ายอีกฝ่ ายหนึง่ ต่างมีสิทธิเป็ นอย่างเดียวกัน และเข้าอยู่ในฐานอัน เดียวกัน
เสมือนดัง่ ว่าเช็คนัน้ ได้ใช้เงินให้แก่ผเู้ ป็ นเจ้าของอันแท้จริงแล้ว
พิเศษออกเช็คสัง่ ให้ธนาคารบางกอกจ่ายเงินจานวนหนึง่ พันบาทแก่เอก โดยได้ขดี
คร่อมเช็คนัน้ ไว้ดว้ ย โทขโมยเช็คนัน้ ไปจากเอก แล้วปลอมบัตรประจาตัวข้าราชการเป็ นชือ่ เอก
นาเช็คและบัตรประจาตัวปลอมนัน้ ไปยื่นต่อธนาคารบางกอกเพื่อให้ใช้เงิน ธนาคารบางกอก
ได้ใช้ความระมัดระวังแล้วไม่พบร่องรอยการปลอมบัตรประจาตัวจึงเข้าใจว่าโทคือเอก และได้
จ่ายเงินสดให้โอไทหนึง่ พันบาทโดยสุจริต เช่นนีธ้ นาคารบางกอกจะต้องรับผิดต่อเอกหรือไม่
เช็คฉบับนีเ้ ป็ นเช็คที่มีการขีดคร่อม ดังนัน้ ธนาคารบางกอกซึ่งเป็ นธนาคารที่มี
หน้าที่ใช้เงินตามเช็คนัน้ จะจ่ายเป็ นเงินสดตามเช็คให้แก่ผนู้ าเช็คนัน้ มายื่นต่อธนาคารไม่ได้
ธนาคารบางกอกมีหน้าที่ที่จะต้องใช้เงินตามเช็คให้แก่ธนาคารหนึง่ ธนาคารใดที่เรียกเก็บเงิน
มาเท่านัน้ ถึงแม่ธนาคารบางกอกจะได้กระทาการโดยสุจริตและไม่ประมาทเลินเล่อก็ตาม แต่
กระทาผิดวิธีการใช้เงินตามเช็คขีดคร่อมที่กฎหมายกาหนดไว้ ธนาคารจึงยังต้องรับผิดต่อ
เอกผูเ้ ป็ นเจ้าของเช็คที่แท้จริง ตามมาตรา 997 และมาตรา 1000
มาตรา 1000 ธนาคารใดได้รบั เงินไว้เพื่อผูเ้ คยค้าของตนโดยสุจริต และปราศจากประมาท
เลินเล่อ อันเป็ นเงินเขาใช้ให้ตามเช็คขีดคร่อม ทัว่ ไปก็ดี ขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ตนก็ดี หากปรากฏว่าผูเ้ คย
ค้านัน้ ไม่มีสิทธิหรือมีสิทธิเพียงอย่างบกพร่องในเช็คนัน้ ไซร้ ท่านว่าเพียงแต่ เหตุที่ได้รบั เงินไว้หาทาให้
ธนาคารนัน้ ต้องรับผิดต่อผูเ้ ป็ นเจ้าของอัน แท้จริงแห่งเช็คนัน้ แต่อย่างหนึง่ อย่างใดไม่
แบบประเมินผลหน่วยที่ 12
1. วันที่ออกเช็ค ไม่มีผลกระทบถึงความสมบูรณ์ของเช็ค
2. จืดออกเช็คชาระหนีใ้ ห้แก่เค็ม โดยเติมรายการในแบบพิมพ์เช็คซึ่งมีขอ้ ความว่า “จ่าย.เค็ม…
หรือผูถ้ ือ” โดยไม่ได้ขดี ฆ่าคาว่า “หรือผูถ้ ือ.” ออก เช็คฉบับนีม้ ีผลทางกฎหมายคือ ถือว่าเป็ นเช็คจ่าย
ให้แก่ผถู้ ือ
80
หน่วยที่ 13 ตัว๋ สัญญาใช้เงิน อายุความ ตัว๋ เงินปลอม ตัว๋ เงินถ ูกลัก ตัว๋ เงิน
หาย
81
13.2.5 อายุความสะดุดหยุดลง
ดาเป็ นผูส้ งั ่ จ่ายตัว๋ แลกเงิน เขียวเป็ นผูร้ บั รอง เหลืองและแดงเป็ นผูส้ ลักหลัง ตัว๋ ขาด
ความเชือ่ ถือ พิเศษซึ่งเป็ นผูท้ รงตัว๋ แลกเงินทาคาคัดค้านแล้วใช้สิทธิไล่เบี้ยฟ้องแดงผูส้ ลัก
หลังให้รบั ผิดแต่เพียงผูเ้ ดียว เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี คดีที่พิเศษฟ้องแดงยังอยู่ในระหว่างการ
พิจารณาของศาลอุทธรณ์ พิเศษจึงได้มาฟ้องดา เขียว และเหลืองให้รับผิด ดา เขียว และ
เหลืองยกอายุความขึน้ ต่อสู้ ให้วินจิ ฉัยว่าคดีที่พิเศษฟ้องดา เขียว และเหลืองให้รบั ผิด
ดังกล่าวขาดอายุความหรือไม่
กรณีของดาและเหลือง เป็ นการฟ้องผูส้ งั ่ จ่ายและผูส้ ลักหลัง ซึ่งตามมาตรา 1002
ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาหนึง่ ปี นับแต่วนั ที่ได้ลงในคาคัดค้าน และกรณีของเขียวเป็ นการฟ้อง
ผูร้ บั รองตัว๋ แลกเงิน ซึ่งมาตรา 1001 ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาสามปี นับแต่วนั ตัว๋ ถึง
กาหนด การที่พิเศษฟ้องแดงผูส้ ลักหลังคนหนึง่ หาทาให้อายุความสะดุดหยุดลงแก่ดา เขียว
และเหลืองไม่ ทัง้ นีโ้ ดยผลของมาตรา 1004 คดีของพิเศษจึงขาดอายุความ
มาตรา 1001 ในคดีฟ้องผูร้ บั รองตัว๋ แลกเงินก็ดี ผูอ้ อกตัว๋ สัญญาใช้เงิน ก็ดี ท่านห้ามมิให้ฟ้อง
เมื่อพ้นเวลาสามปี นับแต่วันตัว๋ นัน้ ๆ ถึงกาหนดใช้เงิน
85
มาตรา 1002 ในคดีที่ผทู้ รงตัว๋ เงินฟ้ องผูส้ ลักหลังและผูส้ งั ่ จ่าย ท่าน ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลา
ปี หนึง่ นับแต่วันที่ได้ลงในคาคัดค้านซึ่งได้ทาขึน้ ภายในเวลาอันถูกต้องตามกาหนด หรือนับแต่วันตัว๋ เงิน
ถึงกาหนด ใน กรณีที่มีขอ้ กาหนดไว้ว่า "ไม่จาต้องมีคาคัดค้าน"
มาตรา 1004 เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงเพราะการอันหนึง่ อันใด ซึ่งกระทาแก่คส่ ู ญ ั ญาแห่ง
ตัว๋ เงินฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ ท่านว่าย่อมมีผลสะดุด หยุดลงเพียงแต่แก่คส่ ู ญ ั ญาฝ่ ายนัน้
- เครื่องจักร
- เรือ
- ใบหุน้
แบบประเมินผลหน่วยที่ 14
1. ตัว๋ เงินมีประโยชน์คือ ช่วยให้ธรุ กิจการค้าดาเนินไปอย่างสะดวก ปลอดภัยและประหยัด
2. ตัว๋ สัญญาใช้เงินประเภทที่มีเครดิตที่สดุ คือตัว๋ สัญญาใช้เงินที่ธนาคารรับอาวัล
3. ตัว๋ แลกเงินมีประโยชน์สาหรับผูท้ รงตัว๋ หรือผูร้ บั เงินตามตัว๋ คือ ผูท้ รงหรือผูร้ บั เงินตามตัว๋
สามารถนาตัว๋ เงินนีไ้ ปขายลดแก่ธนาคารก่อนที่จะถึงกาหนดจ่ายเงินตามตัว๋
4. นาย ก. อยู่จงั หวัดเชียงใหม่ มีความประสงค์จะมาเที่ยวกรุงเทพฯ เพื่อฉลองวันขึน้ ปี ใหม่ นาย ก.
มีความประสงค์จะนาเงินมาใช้จานวน 10,000 บาท ท่านเป็ นนาย ก. จะนาเงิน 10,000 บาท ลงมา
กรุงเทพฯ ด้วยวิธีการที่สะดวกและปลอดภัยคือ ซื้อดร๊าฟท์สงั ่ จ่ายเงินที่กรุงเทพฯ
5. ตัว๋ สัญญาใช้เงิน มีประโยชน์แก่ลกู หนี้คือ ช่วยผ่อนผันระยะเวลาการชาระหนีแ้ ก่ลกู หนี้
6. การใช้เช็คเบิกเงินจากธนาคารนัน้ ลูกค้าจะต้องใช้เช็คชนิดที่ ได้มาจาธนาคาร
7. การประกันชนิดที่ธนาคารมีความเสี่ยงมากที่สดุ คือ คา้ ประกัน
8. ธนาคารจะเข้าไปคา้ ประกันหนีข้ องลูกหนีโ้ ดยออกหนังสือคา้ ประกันให้ได้แก่ (1) คา้ ประกันซอง
ประกวดราคา (2) คา้ ประกันสัญญา (3) คา้ ประกันซื้อเชื่อ (4) คา้ ประกันการชาระภาษีอากร
9. การประเมินราคาที่ดินและบ้าน เพื่อประกันหนีเ้ งินกู้ ปกติธนาคารจะอนุมตั ใิ ห้กไู้ ด้ในอัตรา ร้อย
ละ 50-60
10. สังหาริมทรัพย์ที่ธนาคารจะรับจานาได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล กับตัว๋ สัญญาใช้เงินที่เชื่อถือได้
11. แคชเชียร์เช็คหมายถึง เช็คที่ธนาคารเป็ นผูส้ งั ่ จ่าย
12. ตัว๋ เงินมีประโยชน์ตอ่ ธุรกิจ การค้าภายในประเทศและระหว่างประเทศ
13. ดร๊าฟท์มีประโยชน์ตอ่ ธุรกิจการค้าคือ เป็ นเครื่องมือโอนเงินไปต่างจังหวัดหรือจากต่างจังหวัด
เข้ากรุงเทพฯ หรือระหว่างประเทศ
14. นาย ก. ขายสินค้าให้นาย ข. นาย ข. ผูซ้ ื้อสินค้าได้สงั ่ จ่ายเช็คขีดคร่อมให้แก่นาย ก. เพื่อชาระค่า
สินค้า นาย ก. ไม่มีความประสงค์ที่จะได้รบั เช็คของนาย ข. เพื่อเป็ นการชาระค่าสินค้าเนือ่ งจากไม่มีความ
มัน่ ใจว่าเงินในบัญชีจะมีพอจ่ายหรือไม่ ท่านเป็ นนาย ก. จะแก้ไขปั ญหาโดย นาเช็คนัน้ ไปให้ธนาคาร
รับรอง
15. วิธีการใช้เช็คที่ถกู ต้องที่สดุ คือ ควรระบุชื่อผูร้ บั เงิน พร้อมทัง้ ขีดฆ่า “หรือผูถ้ ือ” ออก และขีด
คร่อมเช็คเช็คในกรณีที่จาเป็ นเท่านัน้ จึงจะจ่ายเช็คเงินสด หรือผูถ้ ือ
16. การกูเ้ งินธนาคารโดยบุคคลคา้ ประกันมีหลักเกณฑ์อย่างไร ในการเลือกผูก้ แู้ ละผูค้ า้ ประกันคือ
ต้องมีทรัพย์และเชื่อถือได้
17. นาย ก. เป็ นพ่อค้าในกรุงเทพฯมีความประสงค์ขอกูเ้ งินธนาคารเพื่อหมุนเวียนในธุรกิจการค้า
โดยเสนออสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนจานองเป็ นประกัน ธนาคารจะพิจารณาหลักเกณฑ์ที่จะอนุมตั เิ งินกู้
รายนีค้ ือ วัตถุประสงค์ในการกูอ้ ยู่ในหลักการที่จะลงทุน ลงทุนในสินค้าที่ตอ้ งใช้เป็ นประจาวันของ
ผูบ้ ริโภค และกาลังอยู่ในความนิยม ส่วนหลักทรัพย์มีราคา 2:1 ของจานวนเงินกู้ ผูข้ อกูเ้ ป็ นคนดีและ
เชื่อถือได้
18. สังหาริมทรัพย์ที่ธนาคารไม่รบั จานาได้แก่ แหวนเพชร
91
หน่วยที่ 15 ความผิดทางอาญาเกี่ยวกับการใช้เช็ค
1. พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 เป็ นกฎหมายที่บญ ั ญัติ
ความผิดทางอาญาของผูอ้ อกเช็คเพิ่มขึน้ เป็ นอีกส่วนหนึง่ ต่างหากจากความรับผิดทางแพ่ง
อันเป็ นมาตรการทางอาญาเพื่อคุม้ ครองสิทธิและป้องกันความเสียหายจากผูเ้ กี่ยวข้องทุก
ฝ่ ายในการใช้เช็ค
2. ลักษณะของการกระทาอันเป็ นความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็ค จะต้องเข้าลักษณะ
อนุมาตราในอนุมาตราหนึง่ ในมาตรา 4 แห่งพรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ซึ่ง
แต่ละลักษณะความผิดย่อมเป็ นความผิดแยกต่างหากจากกัน
3. ความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เป็ นความผิดอันยอม
ความได้ ซึ่งผูเ้ สียหายจะต้องร้องทุกข์ตอ่ เจ้าพนักงานหรือฟ้องคดีตอ่ ศาลภายในกาหนด 3
เดือน นับแต่วนั ที่รเู้ รื่องความผิดและรูต้ วั ผูก้ ระทาความผิด
15.1 สาระสาคัญของกฎหมายว่าด้วยความผิดเกีย่ วกับการใช้เช็ค
1. พรบ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คบัญญัตขิ นึ้ เพื่อเป็ นเครื่องคุม้ ครอง
ป้องกันความเสียหายจากการใช้เช็ค
2. เช็คที่จะเป็ นมูลฐานความผิดทางอาญา จะต้องอาศัยหลักกฎหมายเบื้องต้นอัน
เกี่ยวกับเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็ นหลักประกอบการพิจารณา รวมทัง้
เช็คนัน้ จะต้องเป็ นเช็คที่ออกเพื่อชาระหนีโ้ ดยชอบด้วยกฎหมายก่อให้เกิดความผูกพันแก่
คู่กรณี
15.1.1 ความเป็ นมาของกฎหมาย
พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คประกอบด้วยความผิดอย่างไรบ้าง
พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้กาหนดลักษณะความผิดไว้ 5
ประการ ดังที่บญ
ั ญัตไิ ว้ในมาตรา 4 ว่า ผูใ้ ดออกเช็คเพื่อชาระหนีท้ ี่มีอยู่จริงและบังคับได้ตาม
กฎหมายโดยมีลกั ษณะหรือมีการกระทาออย่างใดอย่างหนึง่ ดังต่อไปนี้
(1) ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนัน้
(2) ออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอนั จะพึงให้ใช้เงินได้
92
เบิกเงิน 80,000 บาท ก่อนหน้านัน้ ดังนีใ้ ห้วินจิ ฉัยว่า เรืองมีความผิดจาก พรบ. ว่าด้วย
ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่ เพราะเหตุใด
กรณีนเี้ รืองมีความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดเกิดจากการใช้เช็ค เพราะว่า การ
ที่เรืองออกเช็คชาระหนีบ้ วั ไปแล้วจานวน 80,000 บาท เหลือเงินในบัญชีเพียง 20,000 บาท
เรืองยังได้เขียนเช็คชาระหนี้ค่าสินค้าให้แก่แมวอีก 25,000 บาท การกระทาของเรืองเป็ น
การออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินแก่แมวตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจาก
การใช้เช็คมาตรา 4(1)
15.2.2 การออกเช็คโดยในขณะที่ออกเช็คนัน้ ไม่มีเงินในบัญชีอนั จะพึงให้ใช้เงินได้
การออกเช็คโดยในขณะที่ออกนัน้ ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอนั จะพึงให้ใช้เงินได้ หมายความ
ว่าอย่างไร
หมายความว่าในวันที่ออกเช็ค (วันที่ลงในเช็ค) อันเป็ นวันที่เช็คถึงกาหนดชาระหนี้ ผู้
ทรงนาเช็คไปขึน้ เงินจากธนาคาร แต่บญั ชีเงินฝากของผูส้ งั ่ จ่ายไม่มีเงินเหลืออยู่เลย
15.2.3 การออกเช็คให้ใช้เงินมีจานวนสูงกว่าจานวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอนั จะพึงให้ใช้
เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนัน้
การออกเช็คให้ใช้เงินมีจานวน สูงกว่าจานวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี อันจะพึงให้ใช้เงินได้
ในขณะที่ออกเช็คนัน้ หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ออกเช็คมียอดจานวนเงินสูงกว่าจานวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากใน
วันที่เช็คถึงกาหนดชาระเงินจึงมีเงินไม่พอจ่ายตามเช็คได้
15.2.4 การออกเช็คแล้วถอนเงินทัง้ หมดหรือบางส่วนออกจากบัญชี อันจะพึงให้ใช้
เงินตามเช็คจนจานวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนัน้ ได้
การออกเช็คแล้วถอนเงินทัง้ หมดหรือบางส่วนออกจากบัญชีอนั จะพึงให้ใช้เงินตาม
เช็คจนจานวนเงินที่เหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คได้นนั้ หมายความว่าอย่างไร
ผูส้ งั ่ จ่ายออกเช็คได้ให้ผอู้ ื่นไปแล้วโดยมีจานวนพอจ่ายตามเช็คให้ แต่ตอ่ มาก่อนวันที่
ถึงกาหนดในเช็คผูอ้ อกเช็คถอนเงินทัง้ หมดหรือบางส่วนออกจากบัญชีจนทาให้มีเงินในบัญชี
ไม่พอจ่ายตามเช็ค
15.2.5 ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนัน้ โดยเจตนาทุจริต
มัน่ สัง่ ซื้อสินค้าจากแม้น มัน่ จ่ายเช็คชาระหนีค้ ่าซื้อสินค้าให้แม้นไว้กอ่ นที่แม้นจะส่ง
มอบสินค้าให้มนั ่ เมื่อถึงกาหนดส่งมอบสินค้าแล้ว แม้นไม่สง่ มอบสินค้าให้มนั ่ ตามกาหนด
มัน่ จึงแจ้งอายัดเช็คกับธนาคารห้ามจ่ายเงินตามเช็ค ดังนี้ มัน่ จะมีความผิดหรือไม่
มัน่ ย่อมไม่มีความผิด เพราะการกระทาของมัน่ ไม่มีเจตนาทุจริตในการสัง่ ห้าม
ธนาคารมิให้จ่ายเงินตามเช็ค (มาตรา 4 พรบ. ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534)
15.3 การดาเนินคดี
1. ผูเ้ สียหายในคดีความผิดทางอาญาเกี่ยวกับการใช้เช็ค ได้แก่ ผูท้ ี่ได้รับความเสียหาย
เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เช่นผูท้ รงเช็ค
94
พนักงานสอบสวนย่อมมีอานาจทาการสอบสวนดาเนินคดีได้ เพราะได้มีการร้อง
ทุกข์ที่ชอบด้วยกฎหมายแต่แรกแล้ว ส่วนกรณีที่แดงบอกกับตารวจว่าต้องการได้เงินคืน ไม่
อยากเอาโทษนัน้ มิใช้เป็ นการแสดงเจตนาว่าไม่ตดิ ใจดาเนินคดีดาแต่อย่างไรหรือไม่
15.3.4 การถอนคาร้องถอนฟ้อง ยอมความและคดีเลิกกัน
แดงผูเ้ สียหายได้รอ้ งทุกข์ในคดีความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค กล่าวหาขาวต่อ
ร.ต.ต. เหลือง ซึ่งเป็ นพนักงานสอบสวนไว้แล้ว ต่อมาแดงได้ขอถอนคาร้องทุกข์ตอ่ ร.ต.ต.
เหลือง ดังนี้ แดงจะฟ้องคดีนตี้ อ่ ศาลอีกได้หรือไม่
แดงย่อมนาคดีไปฟ้องต่อศาลไม่ได้ เพราะการถอนคาร้องทุกข์ทาให้สิทธินา
คดีอาญามาฟ้องเป็ นอันระงับไป ตาม ปวอ. มาตรา 39 (2)
แบบประเมินผลหน่วยที่ 15
1. กรณีที่ถือว่าเป็ นการออกเช็คเพื่อก่อให้เกิดความผูกพันในการชาระหนี้ อันเป็ นความผิดตาม
พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้แก่ การออกเช็คล่วงหน้าเพื่อชาระหนี้
2. การออกเช็คโดยการแกล้งเขียนตัวเลขกับตัวอักษรแสงดจานวนเงินต่างกัน เมื่อผููทรงนาเช็ค
ขึน้ เงินที่ธนาคารๆ ปฏิเสธการจ่ายเงิน การกระทาของผูส้ งั ่ จ่ายเข้าลักษณะความผิด ออกเช็คโดยเจตนา
ที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนัน้
3. ก. ออกเช็คโดยไม่ลงวันที่ให้ ข. ข. นาเช็คไปยื่นให้ธนาคารใช้เงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินดังนี้
ไม่มีความผิด เพราะไม่มีวันที่ที่กระทาความผิด
4. การออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินในบัญชีอนั จะพึงใช้เงินได้ หมายถึง ผูส้ งั ่ จ่ายเช็คไม่มีเงินอยู่
ในบัญชีในวันที่ในวันที่ลงในเช็ค
5. ความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ เกิดขึน้ เมื่อ ธนาคารปฏิเสธการใช้
เงิน
6. แดง ออกเช็คชาระหนีใ้ ห้ดา ดาสลักหลังส่งมอบเช็คชาระหนีเ้ ขียว เขียวนาเช็คไปยื่นเข้าบัญชีที่
ธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เขียวส่งมอบเช็คชาระหนีใ้ ห้เหลือง ดังนี้ ผูเ้ สียหายในการร้องทุกข์
ดาเนินคดีคือ เขียว
7. แดงเป็ นลูกหนีด้ า 5,000 บาท ถูกดาทวงหนีจ้ ึงไปหาขาวกับเหลือง ให้ออกเช็คใช้ แล้วแดงนา
เช็คมาสลักหลังให้ดาเป็ นการชาระหนี้ ซึ่งแดง ขาว เหลือง รูว้ ่าเงินในบัญชีของขาวและเหลืองที่ธนาคาร
ไม่พอจ่าย ดังนีบ้ คุ คลที่ถือว่าเป็ นผูก้ ระทาผิดคือ แดง เหลือง และขาว
8. ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2536 ผูเ้ สียหายรูถ้ ึงการกระทา
ผิดและรูต้ วั ผูก้ ระทาผิดในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผูเ้ สียหายจะต้องร้องทุกข์ตอ่ พนักงาน
สอบสวนหรือยื่นฟ้ องต่อศาลภายในวันที่ 10 เมษายน 2536
9. แดงผูเ้ สียหายได้รอ้ งทุกข์ภายในเวลาที่กฎหมายกาหนดแล้ว แดงจะต้องฟ้ องคดีภายใน
กาหนดเวลาพร้อมกับได้ตวั ผูก้ ระทาผิดมาด้วยอย่างช้าที่สดุ ภายใน 5 ปี คดีจึงจะไม่ขาดอายุความ
10. ความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ เลิกกัน เมื่อผูก้ ระทาความผิดนาเงิน
ตามเช็คฯไปชาระแก่ผทู้ รงเช็ค ภายในกาหนด 30 วัน นับแต่วันที่ผอู้ อกเช็คได้รบั หนังสือบอกกล่าวจากผู้
ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็ค
11. กรณี การออกเช็คใหม่แทนฉบับเก่า เพื่อชาระหนีเ้ ดิม ถือว่าเป็ นการออกเช็คเพื่อก่อให้เกิดความ
ผูกพันในการชาระหนีอ้ นั เป็ นความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
96
******************************