You are on page 1of 31

นโยบายต่ างประเทศและผลประโยชน์ แห่ งชาติ

u นโยบายต่ างประเทศและผลประโยชน์ แห่ งชาติ

u ในโลกที( มีชาติ รัฐ (nation-state) กว่า 567 ประเทศ และมี ปฏิ สัมพันธ์ต่อกันและกันเป็ นส่ วนใหญ่นF ัน เราไม่อาจจะ
มองข้ามนโยบายต่างประเทศไปได้
u แต่ ล ะประเทศต่ า งก็ แ สดงผลประโยชน์ อ อกมาให้เ ห็ น ซึ( งก็ ขF ึ น อยู่กับ ลัก ษณะการตัด สิ น ใจและการวางรู ป แบบนโยบาย
ต่างประเทศของตน ทุกรัฐจึงพยายามที(จะส่ งเสริ มและคุม้ ครองผลประโยชน์แห่งชาติของตนเอง และเพื(อให้เป็ นไปตามความมุ่ง
หมายชาติเหล่านัFนจึงแสวงหาความเปลี(ยนแปลงและการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของประเทศอื(นๆ หรื ออาจเปลี(ยนแปลง
พฤติกรมของตัวเองด้วยเช่นกัน
u ความพยายามเพื(อการปรับพฤติกรรมเป็ นหัวใจสําคัญของนโยบายต่างประเทศ อินเดียเป็ นหนึ( งในประเทศที(มีการร่ างนโยบาย
ต่ า งประเทศด้ ว ยความระมั ด ระวัง ในรอบครึ( งศตวรรษนั บ จากได้ รั บ เอกราช นโยบายไม่ ฝั ก ใฝ่ ฝ่ ายใด (non-
alignment) ซึ( งนําเอามาใช้ในช่วงที(สงครามเย็น (cold war) กําลังขยายตัวออกไปนัFนพิสูจน์ได้จากระยะเวลา
ดังกล่าวว่าประสบความสําเร็ จเป็ นอย่างดี
u อินเดียมีความพยายามที(จะดํารงความสัมพันธ์ที(เป็ นมิตรกับประเทศที(ทรงอํานาจ และทํางานหนักเพื(อพัฒนาความสัมพันธ์กบั
ประเทศเพื( อ นบ้ า น อิ น เดี ย เชื( อ ในการแก้ ไ ขปั ญ หาความขัด แย้ง ระหว่ า งประเทศด้ ว ยความสงบ (peaceful
settlement) และความร่ วมมือที(เป็ นมิตรกับทุกๆ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิง( เพื(อนบ้านของอินเดียเอง
uนโยบายต่างประเทศและการทูตได้รับการพิจารณาว่าเป็ นกงล้อของกระบวนการความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศ ไม่มีรัฐใดจะอยู่อย่างโดดเดีI ยวได้แม้แต่ในสมัยทีIรัฐต่างๆ ยังไม่ตอ้ งพึIงพากัน
อย่างทีIได้เห็นในปัจจุบนั
u ความสัมพันธ์เหล่านีM รวมไปถึงความสัมพันธ์ทางการค้า ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม รวมทัMง
ความสัมพันธ์ทางการเมือง แต่ละรัฐก็เหมือนกับบุคคลทีIพยายามส่ งเสริ มผลประโยชน์ของตน
ผลประโยชน์เหล่านีMเรี ยกกันว่าผลประโยชน์แห่งชาติ (national interests) นโยบาย
ต่างประเทศได้ถูกร่ างขึMนมาจากทุกชาติเพืIอทีIจะรับใช้ผลประโยชน์แห่งชาติของตัวเอง
u รัฐบาลของประเทศต่างๆ ต้องตัดสิ นใจปฏิบตั ิการณ์ในเรืI องบางเรืI องและหลีกเลีIยงในบางเรืI อง
เช่นกัน รัฐบาลมีพฤติกรรมเฉพาะในความสัมพันธ์กบั รัฐอืIนๆ
u ในเวลาเดียวกันพฤติกรรมของแต่ละรัฐก็ส่งผลต่อพฤติกรรมของรัฐอืIนๆ ด้วย ทุกๆ รัฐจึงมี
ความพยายามทีIจะได้มาซึIงผลประโยชน์สูงสุ ดในการกระทําทีIมีต่อรัฐอืIนๆ
u ดังได้กล่าวมาแล้วจุดมุ่งหมายแรกของนโยบายต่างประเทศคือการแสวงหาความลงตัวจากพฤติกรรมของรัฐอื(นๆ เพื(อตนเอง ใน
ระหว่างสงครามโลก ทัFงสหรัฐอเมริ กาและอดีตสหภาพโซเวียตต่างก็มีความพยายามที(จะเปลี(ยนพฤติกรรมของรัฐอื(นๆ เพื(อให้
มีความมัน( ใจว่าจะมีจาํ นวนผูเ้ ข้ามาร่ วมอยูใ่ นกลุ่มของตัวเองมากที(สุด อินเดียพยายามวางพฤติกรรมของตนเพื(อให้ได้สมาชิก
มากที(สุดเพื(อสร้างกลุ่มไม่ฝักใฝ่ ฝ่ ายใดที(เข้มแข็งขึFนมา
u สหรัฐอเมริ กาไม่ประสบผลสําเร็ จในการเชิญชวนอินเดียให้ลงนามการไม่แพร่ ขยายนิวเคลียร์ (Nuclear Non-
Proliferation Treaty) ในปี 5__` ในขณะที(ใช้ความพยายามกําหนดพฤติกรรมของอินเดียเพื(อให้มนั( ใจว่าอินเดียจะ
ให้การรับรองข้อตกลงการไม่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ที(ครอบคลุม (Comprehensive Test Ban Treaty
หรื อ CTBT) อินเดียเองก็พยายามจะเปลี(ยนพฤติกรรมของมหาอํานาจนิ วเคลียร์ เหล่านัFนด้วยการประกาศให้ประเทศเหล่านัFน
กําหนดการทําลายล้างอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาเสี ยก่อน แต่ความพยายามของอินเดียทัFงสองครัFงประสบความล้มเหลว
u ดังนัFนความพยายามทุกอย่างที(จะเปลี(ยนพฤติกรรมของผูอ้ ื(นก็อาจไม่ประสบความสําเร็ จได้ ด้วยเหตุนF ี นโยบายต่างประเทศจึง
หมายถึงการตัดสิ นใจในจุดหมายบางจุดหมายที(แน่ นอนและใช้ความพยายามที(จะกําหนดพฤติกรรมของผูอ้ ื(นเพื(อให้ได้มาซึ( ง
จุดหมายดังกล่าว จุดหมายหลายๆ จุดหมายได้รับความสําเร็ จอันเนื(องมาจากความช่วยเหลือของประเทศที(มีพลังอํานาจ ดังนัFน
ผลประโยชน์แห่งชาติและอํานาจจึงเป็ นตัวประกอบที(สาํ คัญของนโยบายต่างประเทศ
u นโยบายต่างประเทศจึงเกี(ยวข้องกับความเปลี(ยนแปลงและการดํารงสถานะ (status quo) แม้กระทัง( การ
ตัดสิ นใจที(จะไม่มีความสัมพันธ์กบั รัฐใดรัฐหนึ( งก็ถือว่าเป็ นนโยบายต่างประเทศ รัฐแต่ละรัฐต้องตัดสิ นใจว่าจะเข้า
ไปเกี(ยวพันในความสัมพันธ์กบั ประเทศอื(นๆ เพื(อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองในระดับใด
u การตัด สิ น ใจของอิ น เดี ย ในปี 5_b_ ที( จ ะไม่ มี ค วามสั ม พัน ธ์ ใ ดๆ กับ รั ฐ บาลที( แ บ่ ง แยกสี ผิ ว ของแอฟริ ก าใต้
(South Africa) นัFนนับเป็ นนโยบายต่างประเทศที(แท้จริ ง ในทํานองเดียวกันการตัดสิ นใจของ
สหรั ฐ อเมริ กาที( จ ะไม่ ใ ห้ ก ารยอมรั บ อดี ต สหภาพโซเวี ย ตหลัง จากการปฏิ ว ัติ บ อลเชวิ ก (Bolshevik
Revolution) จนถึงปี 5_db ก็เป็ นนโยบายของสหรัฐอเมริ กาที(มีต่ออดีตสหภาพโซเวียตที(เห็นได้อย่างชัดเจน
u นโยบายต่างประเทศอาจเป็ นได้ทF งั ในแง่บวกและแง่ลบ เป็ นแง่บวกเมื(อจุดมุ่งหมายในการกําหนดพฤติกรรมของ
ประเทศอื(นๆ ได้มาด้วยการเปลี(ยนแปลงและเป็ นแง่ลบเมื(อความพยายามในการ เปลี(ยนแปลงพฤติกรรมของประเทศ
อื(นๆ ไม่ประสบความสําเร็ จ
u ดังนัFนจึงอาจสรุ ปได้วา่ ทุกๆ รัฐจะนําเอาหลักการบางหลักการมาชีFนาํ ความสัมพันธ์ของตนเองกับรัฐอื(นๆ หลักการ
เหล่านีF ขF ึ นอยู่กบั การมี ปฏิ สัมพันธ์ระหว่างผลประโยชน์แห่ งชาติ และเป้ าหมายหรื ออํานาจที( จะได้ผลประโยชน์
แห่งชาตินF นั มา
u ผลประโยชน์ แห่ งชาติ
u หากว่านโยบายต่างประเทศเป็ นผลมาจากปฏิสมั พันธ์ระหว่างเป้าหมายและวิธีการ (end and means) ก็จาํ เป็ นจะต้องมีความเข้าใจให้
แจ่มชัดทีJสุดในเรืJ องเป้าหมายของผลประโยชน์แห่งชาติซJ ึ งเป็ นหัวใจสําคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกันว่า ผลประโยชน์ของตนเอง
นัPนมิได้เป็ นแค่ความชอบธรรม แต่เป็ นสาเหตุหลักสําหรับนโยบายของชาติ
u ตามความเห็นของนักวิชาการคนสําคัญของสํานักสัจนิยมอย่างมอร์เก็นธอ (Hans Morgen-thau) ซึJ งถูกพิจารณาว่าเป็ นผูส้ ื บทอด
แนวคิดของสํานักคิดเกาติลยา (Kautilya) แห่ งอินเดียยืนกรานว่า “การเมืองทัPงหมดเป็ นเรืJ องของการต่อสู ้เพืJออํานาจ” ความจริ งแล้วตราบ
ใดทีJโลกนีPได้รับการจัดตัPงในทางการเมืองให้เป็ นรัฐต่างๆ ผลประโยชน์แห่งชาติกค็ ือคําตอบสุ ดท้ายในการเมืองโลก
u ไม่มีรัฐใดทีJจะกระทําการใดๆ ทีJขดั กับผลประโยชน์ของชาติ ไม่มีประเทศใดไม่วา่ จะมีอุดมการณ์แบบใดจะยอมให้มีการวางนโยบายต่างประเทศ
ของตนด้วยการพิจารณาถึงเรืJ องอืJนๆ มากไปกว่าผลประโยชน์แห่งชาติ
u แน่ละแม้วา่ มิตรภาพหรื อความเป็ นศัตรู ระหว่างชาติจะเปลีJยนแปลงไปตามสิJ งแวดล้อมทีJปรากฎตัวให้เห็น กระนัPนเมืJอใดก็ตามทีJผลประโยชน์
ของสองประเทศขัดแย้งกัน ประเทศเหล่านัPนก็จะหาทางออกทีJเหมาะสมหลังจากการตกลงหรื อหลังจากยืนยันในนโยบายของตนแล้ว
u จะเห็ นอยู่บ่อยๆ ว่ารัฐบาลหนึJ งอาจมีความผิดพลาดหรื อมีความเชืJ อเกีJ ยวกับผลประโยชน์ของชาติอย่างไม่ถูกต้อง นโยบายทีJวางบนความคิด
ดังกล่าวรังแต่จะมีความล้มเหลว แต่ตราบใดทีJผนู ้ าํ ยังอยูใ่ นอํานาจเขาก็จะพยายามผลักดันนโยบายทีJเขาคิดว่ามันเป็ นผลประโยชน์แห่ งชาติของเขา
เองออกมา
u ดังนั%นนโปเลียนจึงกล่าวว่าเขาปฏิบตั ิตามผลประโยชน์แห่ งชาติของฝรัAงเศส เมืAอเขานําเสนอการรณรงค์ต่อต้านรัสเซี ย
และต่อสู อ้ ย่างหมดความหวังทีAวอเตอร์ลู (Waterloo) ในประเทศเบลเยียA อดอฟ ฮิตเล่อร์ (Adolf Hitler)
แห่ งเยอรมนี หาเหตุผลให้กบั นโยบายการขยายอํานาจของเขา รวมทั%งการผนวกออสเตรี ยและการทําให้เชโกสโลวาเกีย
แตกเพืAอผลประโยชน์ของชาติ
u นี วลิ แชมเบอร์ เลน (Neville Chamberlain) นายกรัฐมนตรี ของอังกฤษ ได้ลดความโกรธเคืองผูน ้ าํ เผด็จ
การของเยอรมนีอย่างฮิตเล่อร์และผูน้ าํ อิตาลีอย่างมุสโสลินี (Mussolini) ลงเมืAออังกฤษไม่ได้สูญเสี ยผลประโยชน์
แห่ งชาติจากการกระทําของผูน้ าํ ทั%งสอง โดยทัวA ไปความคิดทีAดีของนโยบายต่างประเทศนั%นจะขึ%นอยูก่ บั แนวความคิดทีA
เป็ นวิธีการและเป้าประสงค์ทีAดีของชาติ ดังนั%นจึงเป็ นผลประโยชน์ของชาติ
u เยาวหระลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru) ได้ประกาศทีAสภาร่ างรัฐธรรมนูญหรื อสภานิ ติบญ ั ญัติของอินเดีย
ในปี [\]^ ว่า “ศิลปะของการดําเนิ นกิจการต่างประเทศจะขึ%นอยูก่ บั การค้นพบว่าอะไรเป็ นความก้าวหน้ามากทีAสุดของ
ประเทศ ไม่ว่าประเทศจะเป็ นจักรวรรดินิยม สังคมนิ ยมหรื อคอมมิวนิ สต์ รัฐมนตรี ต่างประเทศจะคิดถึงผลประโยชน์
ของประเทศเป็ นลําดับแรก”
u มอร์ เก็นธอยืนยันว่าสิI งทีIเป็ นความต้องการของรัฐ-ชาติก็คือการปกป้ องอัตลักษณ์ กายภาพ การเมืองและ
วัฒนธรรมทีIไดรับการคุกคามจากชาติอืIนๆ ผูว้ างนโยบายต่างประเทศไม่อาจละเลยผลประโยชน์ของชาติได้
ส่ วนประกอบสําคัญของผลประโยชน์แห่ งชาตินM นั โดยทัวI ไปเชืI อกันว่าเป็ นเรืI องของความมันI คง การพัฒนา
เศรษฐกิจและระเบียบโลกทีIเต็มไปด้วยสันติ
u โดยปกติการปกป้ องรัฐเป็ นหน้าทีIลาํ ดับแรกของนโยบายต่างประเทศทีIจะต้องให้ความสนใจ ประการต่อมา
จะเป็ นเรืI องการส่ งเสริ มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวมทัMงสภาพทางการค้าทีIเป็ นไปในทางทีIดีก็ถือเป็ นอีก
วัตถุประสงค์หนึIงทีIมีความสําคัญของนโยบายต่างประเทศ
u นอกจากนีM รัฐสมัยใหม่จะให้ความสําคัญกับการรักษาความสงบของชาติ การให้ความเคารพกฎหมายระหว่าง
ประเทศ การใช้แนวทางสันติ ในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศและการสร้ างความเข้มแข็งให้กบั
องค์การระหว่างประเทศ
u อํานาจ
u อํานาจเป็ นปรากฎการณ์ ของความสัมพันธ์ท% งั หมด อํานาจได้ถูกนิ ยามโดยนักวิชาการจํานวนมาก แต่ ความคิ ด
เบื%องหลังการนิยามทั%งหมดก็เหมือนๆ กัน
u อํานาจถูกอธิ บายว่า “เป็ นความสามารถหรื อขีดความสามารถทีAจะควบคุมผูอ้ ืAน และให้ผอู ้ ืAนทําตามความต้องการของ
เราและยังต้องการมิให้พวกเขาทําในสิA งทีAเราไม่ตอ้ งการให้ทาํ ” แนวความคิดเรืA องอํานาจได้รับการกล่าวถึงโดยเกาติล
ยา (Kautilya) ผูเ้ ป็ นยอดในการวางนโยบายทางการเมืองของอินเดียโบราณ สําหรับเกาติลยาแล้วอํานาจก็เป็ นดัง
“ทีAรวมของความเข้มแข็ง” นันA เอง
u ความเข้มแข็งจะมาจากพื%นฐานเบื%องต้นสามประการด้วยกันได้แก่ ความรู ้ อํานาจอันยิAงใหญ่ทางทหารและความกล้า
หาญ
u ในศตวรรษทีA de นักคิดทางการเมืองอย่างมอร์ แกนธอก็มีความรู ้ สึกอย่างเดี ยวกัน ดังทีAเขาได้พรรณนาว่าการเมือง
ทั%งหมดคือการต่อสู ้เพืAออํานาจระหว่างรัฐต่างๆ ตามความเห็นของเขา อํานาจคือ “การทีAมนุ ษย์ควบคุมเหนื อความคิด
และการกระทําของผูอ้ ืAน”
u ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อํานาจคือความสามารถของรัฐหนึA งทีAจะทําให้เจตจํานงของตนขยายออกไปและ
ได้รับความเคารพและสามารถควบคุมและให้รัฐอืAนๆ ทําตาม
u โรเบิร์ต ดาห์ล (Robert Dahl) อธิบายถึงอํานาจด้วยการกล่าวว่า “A” มีอาํ นาจเหนือ “B” ไปจนถึงขัFนที(วา่ สามารถทําให้
“B” ทําบางสิ( งบางอย่างที( “B” ไม่ตอ้ งการจะทํา ดังนัFนทุกๆ รัฐไม่วา่ จะเป็ นรัฐใหญ่หรื อเล็กก็มีอาํ นาจที(จะได้รับการปฏิบตั ิอย่าง
ถูกต้องจากรัฐอื(นๆ อํานาจตามที(ได้กล่าวมาข้างต้นจึงเป็ นวิถีทางของรัฐ ในเมื(อทุกๆ รัฐมีความปรารถนาในอํานาจและการมีอาํ นาจ
มากขึFน บ่อยครัFงอํานาจจึงได้กลายเป็ นจุดหมายในตัวของมันเอง
u รัฐส่ วนใหญ่ใช้อาํ นาจเป็ นหนทางไปสู่ การได้มาซึ( งวัตถุประสงค์ต่างๆ ที(ประกอบอยูใ่ นนโยบายต่างประเทศของพวกเขา ในบริ บท
ปั จจุบนั อํานาจคือวิถีทางที(ถูกใช้โดยรัฐต่างๆ ที(มีความเปลี(ยนแปลง ทําให้สามารถกําหนดพฤติกรรมของรัฐอื(นๆ ได้ ดังนัFนอํานาจ
จึงเป็ นวิถีทางของนโยบายต่างประเทศ ในขณะที(ผลประโยชน์แห่งชาติเป็ นเป้าหมายหรื อปลายทาง
การตัดสิ นในนโยบายต่ างประเทศ
u โดยปกติตวั ประกอบที(จะเข้ามามีส่วนในการตัดสิ นนโยบายต่างประเทศได้แก่
;. สถานการณ์ ทางภูมศิ าสตร์
u ลักษณะทางภูมิศาสตร์ อย่างเช่นขนาดของรัฐที(ใหญ่พอที(จะสนับสนุนประชากร อากาศที(อาจจะหนาวหรื อร้อนเกินไป หรื อการปิ ดกัFน
ทางธรรมชาติ อย่างเช่ น ภูเขา แม่นF าํ และท้องทะเลตลอดจนดิ นแดนที( มีประชาชนหนาแน่ นนัFนล้วนมี ส่วนต่อการกําหนดนโยบาย
ต่างประเทศทัFงสิF น
u ภูมิศาสตร์ และลักษณะสู งตํ(าของภูมิประเทศ รวมทัFงขนาดและลักษณะทางภูมิศาสตร์ มีความสําคัญอย่างมาก ก่อนที(กลไกทาง
ทหารจะถือกําเนิ ดขึFน ด้วยเหตุนF ี ทรัพยากรธรรมชาติและขนาดของประชากรจึงมีส่วนต่ออํานาจรัฐและส่ งผลต่อการก่อรู ป
นโยบายต่างประเทศ
u ในด้านตัวแปรทางภูมิศาสตร์ นF ันจะต้องให้ความสําคัญกับที( ตF งั เป็ นพิเศษ อังกฤษและญี( ปุ่นนัFนแม้ว่าจะมี ขนาดเล็ก แต่ก็
กลายเป็ นชาติที(ยงิ( ใหญ่อนั เนื(องมาจากความสามารถของทัFงสองประเทศในการใช้ทอ้ งทะเลเป็ นทางหลวงทางการพาณิ ชย์ การ
ไม่มีชายแดนตามธรรมชาติอย่างในกรณี ของโปแลนด์นF นั บ่อยครัFงทําให้ประเทศได้รับการคุกคามด้านความมัน( คง
u อังกฤษนัFนแยกออกมาจากยุโรปทางนํFา gh ไมล์ทาํ ให้ได้เปรี ยบหลายๆ ประเทศอย่างเช่ นฝรั( งเศสและเยอรมนี ซึ( งต้องใช้
ทรัพยากรของตนไปจํานวนมากเพื(อต่อสู ้กนั ในปั ญหาชายแดน อํานาจของสองประเทศลดลงอย่างสําคัญจากตัวแปรนีF ด้วย
เหตุนF ีสถานการณ์ในประเทศจะทําให้สามารถหรื อไม่สามารถมีนโยบายต่างประเทศที(เป็ นอิสระได้
u สหรัฐอเมริ กาสามารถใช้นโยบายโดดเดี(ยวได้เป็ นเวลานาน และในที(สุดก็ปรากฎตัวขึFนมาเป็ นมหาอํานาจ ทัFงนีFเป็ นเพราะที(ตF งั
และขนาดของประเทศที( ท าํ ให้ส หรั ฐ อเมริ ก าเป็ นอิ ส ระจากการโจมตี ห รื อ มี ก ารต่ อ สู ้ ใ นดิ น แดนของตนเองในระหว่า ง
สงครามโลกครัFงที( g
u ตําแหน่งของอินเดียในเอเชียใต้ทาํ ให้อินเดียเป็ นมหาอํานาจใหญ่และนําเอานโยบายต่างประเทศทีJมีความมุ่งมันJ มาใช้ ขนาดพืPนทีJทีJมีขนาดใหญ่
ของรั สเซี ยและประชาชนจํานวนมากของจี นและอิ นเดี ยเป็ นเครืJ องมื อสําคัญในนโยบายต่างประเทศของพวกเขา อย่างไรก็ตามขนาดของ
ประชากรในประเทศก็ไม่ได้เป็ นตัวชีP วดั ความเข้มแข็งเสมอไป มีกรณี อย่างอิสราเอลซึJ งมีพPืนทีJเล็กและมีประชากรน้อย แต่กลับใช้นโยบาย
ต่างประเทศทีJกา้ วร้าวอย่างได้ผล
u นอกจากนีP ประวัติศาสตร์ และประเพณี ก็มีอิทธิ พลสําคัญในการวางนโยบายต่างประเทศ ความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ ของสหรัฐอเมริ กากับ
อังกฤษ ซึJงเป็ นประเทศแม่มีอิทธิพลต่อนโยบายของสหรัฐอเมริ กามาอย่างยาวนาน
u จักรวรรดินิยมอังกฤษในอินเดียและการต่อสู ้เพืJออิสภาพของอินเดียในการต่อสู ้กบั ลัทธิ อาณานิคมและจักรวรรดินิยม มีผลประโยชน์ต่อนโยบาย
ต่างประเทศของอินเดียโดยตรง การสนับสนุ นการต่อสู ้เพืJออิสรภาพของอินเดียในประเทศแอฟริ กาและเอเชี ย (Afro-Asian) และการ
ต่อสู ้เพืJอต่อต้านการเลือกปฏิบตั ิทางเชืP อชาติ (racial) นัPนเป็ นผลทีJมาจากประวัติศาสตร์ ของอินเดียทัPงสิP น ในทํานองเดียวกันค่านิ ยมทาง
ประเพณี กม็ ีความสําคัญอย่างทีJสุด
u อาจกล่าวได้วา่ ค่านิยมของประเพณี เป็ นหลักการทีJฝังแน่นอยูใ่ นความเชืJอและการปฏิบตั ิทีJส่งผ่านคนรุ่ นต่างๆ อย่างประสบความสําเร็ จและถูกถือ
ว่าเป็ นความภาคภูมิใจทีJทรงคุณค่า
u รั ฐ มนตรี ต่ า งประเทศนัPน เป็ นส่ ว นหนึJ ง ของสภาพทางสั ง คมและเขาไม่ ส ามารถละเลยค่ า นิ ย มพืP น ฐานทีJ มี อ ยู่ใ นสั ง คมได้ ดัง นัPน ค่ า นิ ย ม
ประชาธิ ปไตยในสหรัฐอเมริ กาและลัทธิ โลกวิถี (secularism) ในอินเดียนัPนมีรากฐานอย่างลึกซึP งอยูใ่ นสังคม ซึJ งค่านิ ยมดังกล่าวไม่อาจ
ละเลยโดยผูว้ างนโยบายต่างประเทศในประเทศเหล่านีPได้
u การเป็ นเจ้าของวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติและแรงผลักดัน ในการพัฒนาเศรษฐกิจก็เป็ นตัวตัดสิ นแนวทางในนโยบาย
ต่างประเทศเช่นกัน ความเข้มแข็งทางการเมืองของประเทศนัFนบ่อยครัFงวัดจากความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ดังนัFนในการ
กําหนดนโยบายต่างประเทศจึงไม่อาจจะละเลยเรื( องเหล่านีFได้
u ด้วยการยอมรับนโยบายไม่ฝักใฝ่ ฝ่ ายใด (non alignment) อินเดียมัน( ใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทุกแห่ง
หน อินเดียผลิตอาวุธที(มีคุณภาพจํานวนมากและมีขอ้ เลือกด้านนโยบายต่างประเทศ ซึ( งค่อนข้างจะแตกต่างไปจากประเทศ
ที(เป็ นผูผ้ ลิตและส่ งออกนํFามัน แต่การเป็ นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติอย่างเช่นนํFามันในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันตก หรื อ
ตะวันออกกลางนัFนก็ยงั ไม่เป็ นการเพียงพอ นอกเสี ยจากว่าจะรวมปั จจัยอื(นๆ เข้าไปด้วย ได้แก่ การมีความสามารถและการมี
รัฐบาลที(มีสายตายาวไกล การจัดการทางเทคโนโลยีและความเข้มแข็งทางทหาร
u นํFามันในฐานะที( เป็ นแหล่งพลังงานได้กลายมาเป็ นความสําคัญสําหรั บอุตสาหกรรม และอาวุธ Clemenceau
นายกรัฐมนตรี ของฝรั(งเศสกล่าวว่า “นํFามันหนึ( งหยด มีค่าเท่ากับเลือดหยดหนึ( งของทหารของเรา” การเป็ นเจ้าของนํFามันมี
ผลโดยตรงต่อนโยบายต่างประเทศของประเทศเอเชียตะวันตกและการไม่มีนF าํ มันก็มีผลไปอีกแบบหนึ( งในนโยบายที(มีต่อ
ผูอ้ ื(น
u ขวัญและกําลังใจก็มีส่วนทําให้พฤติกรรมของการต่างประเทศได้รับความสําเร็ จ เป็ นที(ประจักษ์วา่ สังคมที(มีความเป็ นหนึ( งเดียว
นัFน ทําให้เกิ ดเอกภาพแห่ งชาติที(เข้มแข็งและมีพลังสู งสุ ด ความแตกแยกในสังคมระหว่างคนรวยกับคนจน ความแตกต่าง
ระหว่างชุมชนและวรรณะมีผลกระทบในทางลบต่อนโยบายต่างประเทศ ดังนัFนความเป็ นหนึ(งเดียวกันทางสังคมจึงเป็ นอีกปั จจัย
หนึ(งในการทําให้นโยบายต่างประเทศประสบความสําเร็ จ
u ยิง( ไปกว่านัFนองค์กรทางการเมือง ประเพณี ทางการเมือง โครงสร้างของรัฐบาล และความเป็ นผูน้ าํ ที(มีภูมิปัญญาก็มีส่วนต่อการ
ก่อรู ปนโยบายต่างประเทศที(มีประสิ ทธิ ภาพเช่นกัน การอยูก่ บั ประเพณี แห่ งสันติ ความจริ ง และการไม่ใช้ความรุ นแรงทําให้
อินเดียยืนหยัดอยูก่ บั การแก้ไขปั ญหาโดยสันติและสนับสนุ นการลดอาวุธ การที(อินเดียยังคงยืนยันที(จะต่อต้านสนธิ สัญญาไม่
แพร่ ขยายอาวุธนิ วเคลียร์ (NPT) และการทดลองอาวุธนิ วเคลียร์ ซึ( งมีการลงนามโดยหลายๆ ประเทศในปี 5__` นัFนมาจาก
ความมุ่งมัน( ของอินเดียต่อการไม่เลือกปฏิบตั ิในการทดลองอาวุธนิวเคลียร์นนั( เอง
u คุณภาพของความเป็ นผูน้ าํ ก็เป็ นปั จจัยสําคัญเช่นกัน เนห์รูเป็ นผูน้ าํ ที(มีสายตายาวไกล เป็ นผูท้ ี(เชื(อในระบอบประชาธิ ปไตย นัก
อุ ด มคติ อ ย่ า งวู ด โร วิ ล สั น ก็ เ ป็ นผู ้ที( ไ ม่ ต ้อ งการให้ ส งครามเกิ ด ขึF นอี ก ในอนาคต ในขณะที( เ ชอร์ ชิ ล (Winston
Churchill) มุ่งมัน( ที(จะได้รับชัยชนะในสงครามโลกครัFงที( g สําหรับผูท้ ี(ไม่ได้แสดงตัวเองมากนักแต่ก็มีความเข้มแข็ง
อย่างศาสตรี (Lal Bahadur Shastri) ซึ( งเป็ นนายกรัฐมนตรี คนที( g ของอินเดียก็คาํ นึงถึงการดําเนินนโยบาย
ต่างประเทศที(มีประสิ ทธิภาพในการปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติเช่นกัน
u ในขณะที(ผนู ้ าํ อย่างฮิตเลอร์และมุสโสลินี ยะห์ยา ข่าน (yahya Khan) หรื อซัดดัม ฮุสเซ็น (Saddam Hussein)
สัญญาที(จะมอบอนาคตอันสดใสให้กบั ประเทศของพวกเขาแต่นโยบายของพวกเขาบ่อยครัFงนําไปสู่ การพังทลายของประเทศ
u นอกจากนีFจะพบว่านโยบายภายในประเทศจะมีอิทธิ พลต่อนโยบายต่างประเทศเช่นกัน แนวความคิดของชนชัFนผูป้ กครองและความ
จําเป็ นในการสร้างชาติและอุดมการณ์ของพรรคการเมืองเป็ นตัวแปรสําคัญที(มีอิทธิพลต่อนโยบายต่างประเทศ
u ความเข้มแข็งทางทหารมีผลโดยตรงต่อนโยบายต่างประเทศ การเป็ นเจ้าของกองกําลังอาวุธขนาดใหญ่พร้อมกับการมีอาวุธสงครามที(
ทันสมัยจะส่ งผลต่อความมีประสิ ทธิ ภาพของนโยบายต่างประเทศ ประเทศที(มีกลไกทางทหารอ่อนแอนัFนโดยปกติจะตกอยูภ่ ายใต้
ความเสี ยเปรี ยบ แม้วา่ จะมีการเจรจาโดยสันติกต็ าม โดยทัว( ไปประเทศที(มีกาํ ลังทางทหารที(เหนือกว่ามักจะพยายามใช้นโยบายที(กล้า
หาญเพื(อให้ได้ผลกําไรมากที(สุดและรัฐที(อ่อนแอก็มกั จะพยายามลดความเสี ยเปรี ยบของตนเองลง
u ต่อมาประชามติ (public opinion) ก็กลายมาเป็ นปั จจัยสําคัญในการก่อรู ปนโยบายต่างประเทศ นโยบายต่างประเทศมิได้
เป็ นเรื( องที( ปิดลับอี กต่ อไป นโยบายต่างประเทศเป็ นเรื( องเปิ ดเผย โดยบ่ อยครัF งมติ มหาชนสามารถบี บให้มีการเปลี( ยนนโยบาย
ต่างประเทศและบีบให้นาํ นโยบายต่างประเทศมาใช้ดว้ ยเช่นกัน
u ความกระอักกระอ่วนใจของมหาชนในอังกฤษ นําไปสู่ การลาออกของเซ่อร์ แซมวล โฮเอรี (Sir Samuel Hoare)
ในปี 5_d7 เนื(องจากมีการติดต่อกันอย่างลับๆ ระหว่างโอเฮรี กบั ฝรั(งเศสเพื(อช่วยเหลือ อิตาลีผรู ้ ุ กราน เช่นเดียวกันจะพบว่ามติ
มหาชนที(ต่อต้านการรุ กเข้าไปในวิกฤตคลองสุ เอซ (Suez crisis) ของรัฐบาลเอเด็นบังคับให้รัฐบาลเอเด็นต้องลาออกในปี
1957
u อันเนื(องมาจากความไม่สบายใจของชนกลุ่มน้อย ทําให้ผวู ้ างนโยบายต่างประเทศของอินเดียไม่สามารถสถาปนาความสัมพันธ์
กับอิสราเอลเป็ นเวลาถึง b ทศวรรษติดต่อกัน การเข้าไปแทรกแซงในสงครามเวียดนาม (Vietnam War) ของ
สหรัฐอเมริ กาและต่อมาในอิรักได้รับการต่อต้านโดยชาวอเมริ กนั
u ผูว้ างนโยบายต่างประเทศในเวลานีFจะมีความระมัดระวังต่อความรู ้สึกของมติของมหาชน นอกจากนีFสภาพทางสังคมระหว่าง
ประเทศนัFนก็เป็ นส่ วนหนึ(งในการตัดสิ นที(สาํ คัญที(สุดของนโยบายต่างประเทศเช่นกัน ในกรณี ใดๆ ก็ตามนโยบายต่างประเทศ
จะเป็ นส่ วนหนึ(งในการตัดสิ นใจของประเทศที(จะกําหนดพฤติกรรมของรัฐอื(นๆ
u ในการวางนโยบายต่างประเทศบทบาทของสถานการณ์ระหว่างประเทศก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นเดียวกัน ระบบดุลแห่งอํานาจ
(Balance of Power System) ในศตวรรษที( 5_ จบลงด้วยการเป็ นพันธมิตรต่อกัน นโยบายรัฐกันชน
(buffer states) และการแข่งขันกันผลิตอาวุธ ทัFงหมดนีFถูกนําทางโดยพืFนที(ในระบบของรัฐ รัฐที(อ่อนแอแต่ละรัฐจะ
แสวงหาความช่วยเหลือจากประเทศที(มีพลังอํานาจที(ไม่ได้มีผลประโยชน์ผกู พัน โดยทัว( ไปจะเรี ยกประเทศเหล่านีFวา่ เป็ นผูท้ าํ
ให้เกิดสมดุล (the balancer)
u ในช่วงทีAมีสงครามต่อกัน (1919-1939) การแสวงหาความมันA คงของฝรัAงเศส ตามมาด้วยการเกิดขึ%นของลัทธิฟัส
ซิสต์ (fascism) ในอิตาลีและลัทธินาซี (Nazism) ในเยอรมนีและลัทธิการใช้กาํ ลังทางทหาร
(Militarism) ในญีAปุ่นซึAงมีผลต่อการกําหนดนโยบายต่างประเทศของประเทศเหล่านี%ท% งั สิ% น
u สหรัฐอเมริ กาเปลีAยนแปลงนโยบายของตนทีAมีต่ออดีตสหภาพโซเวียตและยอมรับอดีตสหภาพโซเวียต เนืA องจาก
การปรากฎตัวของฮิตเล่อร์ในเยอรมนีในปี [\jj ทีAนาํ ไปสู่ การคุกคามต่อระเบียบโลกทีAสร้างขึ%นหลังสงคราม การ
รุ กรานของญีAปุ่นในแมนจูเรี ย (Manchuria) ของจีนในปี [\j[ ส่ งผลคุกคามทั%งสหรัฐอเมริ กาและสหภาพ
โซเวียต สหภาพโซเวียตเป็ นผูน้ าํ ของยุโรปตะวันออก และทุกประเทศในภูมิภาคหันมายอมรับลัทธิสงั คมนิยม
(socialism) และตกอยูใ่ ต้ปีกของรัสเซีย
u นโยบายการปิ ดล้อมลัทธิ คอมมิวนิ สต์ (communism) ถูกนํามาใช้โดยสหรัฐอเมริ กา ซึA งจัดตั%งองค์การ
สนธิสญ ั ญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (Nato) และองค์การสนธิสญ ั ญาเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ฯลฯ ขึ%นมา
ทุกสิA งทุกอย่างเป็ นผลมาจากการพัฒนาของสหภาพโซเวียต (USSR) ในฐานะของผูท้ า้ ทายระบบทุนนิยม
(capitalist system) ทีAสนับสนุนโดยสหรัฐอเมริ กา การใช้มติยบั ยั%ง (Veto) ในคณะมนตรี ความ
มันA คง (UN Security Council) นั%นเป็ นผลโดยตรงของการเมืองสงครามเย็น (Col War
Politics)
u ในส่ วนที(เกี( ยวกับอินเดี ยนัFน การยอมรับและการเผยแพร่ นโยบายไม่ฝักใฝ่ ฝ่ ายใดเป็ นการขานรับที(ชดั เจนต่อสภาพทาง
สังคมระหว่างประเทศที(นาํ เสนอโดยโลกที(มีสองขัFว (bipolar world) และสงครามเย็น
u การคลายความตึ งเครี ย ด (détente) ระหว่า งสหรั ฐ อเมริ ก าและจี นในปี 5_o5 รวมทัFงการขับใต้ห วันออกจาก
สหประชาชาติโดยการนําเสนอของสหรัฐอเมริ กาและจี นในปี เดี ยวกันและสงครามบังกลาเทศมีผลโดยตรงต่อนโยบาย
ต่างประเทศของอินเดีย
u หลายๆ ประเทศได้หั น มาปรั บ นโยบายต่ า งประเทศของตนอัน เนื( อ งมาจากความสั ม พัน ธ์ ใ กล้ชิ ด ระหว่ า งจี น และ
สหรั ฐ อเมริ กา หนึ( งในผลที( ตามมาจากความสัม พันธ์ทางยุทธศาสตร์ สหรั ฐ อเมริ กา-จี น-ปากี สถานก็คือ สนธิ สัญญา
มิตรภาพและความร่ วมมือ ระหว่างอินเดียและสหภาพโซเวียต(Indo-Soviet of Frenship and
Cooperation) ในเวลานัFน
u การแบ่งแยกอินเดียที(ตกอยูภ่ ายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร (Partition of British India) ซึ( งเป็ นผล
มาจากนโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง (divide and rule) ของอังกฤษ ได้รับการสนับสนุนจากแนวคิดของ
สันนิบาตมุสลิม (Muslim League) ว่าด้วยสองชาติ ก่อให้เกิดความเป็ นศัตรู ระหว่างอินเดียและปากีสถานและ
ทําให้อินเดียต้องใช้เงินจํานวนมากในด้านการป้องกันประเทศ
u องค์การระหว่างประเทศและการแสดงความคิ ดเห็ น ของสาธารณชนของโลกทั%งจากภายในและภายนอก
สหประชาชาติก็มีอิทธิ พลอย่างมากต่อนโยบายต่างประเทศของหลายๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็ นการโจมตีอียิปต์
ร่ วมกันของอังกฤษ ฝรัA งเศสและอิ สราเอลในปี [\no และการแทรกแซงของสหรั ฐอเมริ กาในความขัดแย้ง
เวียดนามและปฏิบตั ิการณ์ของโซเวียตในฮังการี ในปี [\no และเชโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia)
ในปี [\po วิ ก ฤตบัง กลาเทศในปี [\^[ วิ ก ฤตขี ป นาวุ ธ ในคิ ว บาในปี [\od การยึ ด ครองของโซเวี ย ตใน
อัฟกานิสถานเกือบ \ ปี ทั%งหมดนี%ปลุกปฏิกิริยาของสาธารณชนทัวA โลก ปฏิกิริยาและการแสดงความคิดเห็นใน
เวทีระหว่างประเทศจึงมีส่วนช่วยต่อการกําหนดนโยบายต่างประเทศเช่นกัน
u ต่อมาสงครามระหว่างอิรักและอิหร่ านซึA งเป็ นเพืAอนบ้านมุสลิมด้วยกันในทศวรรษ [\pe ก็มีอิทธิ พลต่อนโยบาย
ของหลายๆ ประเทศ จากนั%นในปี [\\e อิรักก็รุกรานประเทศเพืAอนบ้านอย่างคูเวตทีAรA ํารวยนํ%ามัน โดยไม่มีการ
ปลุกเร้ามาก่อนและผนวกคูเวตเป็ นของตนเอง
u ทีAน่าสนใจก็คือคูเวตนั%นเป็ นประเทศทีAให้การช่วยเหลืออิรักอย่างมากในสงครามต่อต้านอิหร่ าน การผนวกคูเวต
ของอิ รั ก ทํา ให้ส หประชาชาติ เ ข้า มาอยู่ใ นฉากทางการเมื อ งระหว่า งประเทศ และด้ว ยการยิน ยอมของ
สหประชาชาติ สหรัฐอเมริ กาได้นาํ กองกําลังของตนเข้าโจมตีอิรัก และบังคับให้อิรักยอมจํานนและออกไปจาก
คูเวต โลกส่ วนใหญ่โดยทัวA ไปจะยืนอยูก่ บั คูเวตและยอมรับมติของสหประชาชาติ
u กระนัFนในปี ghhd สหรัฐอเมริ กาก็เข้าโจมตีอีรักอีกครัFงด้วยข้ออ้างที(วา่ อิรักมีอาวุธทําลายล้าง (weapons of
mass destrucktions) หรื อ WMDs ในสงครามครัFงนีFสหประชาชาติไม่ยอมรับการกระทําของ
สหรัฐอเมริ กา และมีความไม่พอใจสหรัฐอเมริ กาทัFงจากมิตรประเทศและศัตรู ของสหรัฐอเมริ กาเอง นโยบายต่างประเทศ
ของเกือบทุกประเทศได้ถูกนํามาประเมินใหม่ในเรื( องการกระทําของสหรัฐอเมริ กาซึ( งเอาชนะอิรักและเปลี(ยนระบอบการ
ปกครองของอิรักในขณะที(ซดั ดัมหลบซ่อนอยูใ่ นเมืองติกริ ต (Tikrit) บ้านเกิดของเขาเองก่อนที(จะถูกจับกุมและถูก
แขวนคอในที(สุด อังกฤษเป็ นประเทศที(มีพลังอํานาจเพียงแห่งเดียวที(ให้การสนับสนุนการกระทําของสหรัฐอเมริ กา
u นโยบายต่างประเทศเป็ นพืFนฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทัFงหมด นักวิชาการบางคนถึงกับรวมเอานโยบาย
ต่ า งประเทศกับ ความสัม พัน ธ์ ร ะหว่า งประเทศเข้า ด้ว ยกัน อย่า งไรก็ต ามนโยบายต่ า งประเทศนัFน มิ ไ ด้เ หมื อ นกับ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
u กระนัFนก็อาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้กระทําผ่านนโยบายต่างประเทศของประเทศต่างๆ ซึ( งก่อรู ป
ขึFนมาจากผลของปฏิสมั พันธ์ในหมู่ผตู ้ ดั สิ นใจทัFงหลายนัน( เอง
วิชา PO271
Introduction to International Relations
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
1 6103620016 นายภูวเดช จามจุรีรักษ์
2 6203680027 นายรัตนพรรณ เลิศชัยประเสริฐ
3 6203680076 นางสาวศวิตา เปี่ยมทองคำ
4 6303492018 นายคุณากร ตันติจินดา
5 6303510017 นางสาวฟิรดาวส์ ภูมิประเสริฐ
6 6303514019 นายฮากิม เจะโนะ
7 6303520024 นางสาวกัลยรัตน์ นานอก
8 6303522012 นางสาวพัชราภรณ์ พรมอินถา
9 6303522020 นางสาวฐิติรัตน์ พิสรุ าช
10 6303524018 นางสาววีนิสรา ธรรมคำ
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
11 6303530015 นายปฏิพัฒน์ ลี้เซ็น
12 6303532011 นางสาวมาริสา เพ็งพิน
13 6303540014 นายกฤตภาส หอมขจร
14 6303542010 นางสาวณัฐณิชา สมมาก
15 6303544016 นายภาณุวิชญ์ ทองมี
16 6303610031 นางสาวอัครภา จินา
17 6303610049 นายตรีเพชร ทิพยไพฑูรย์
18 6303610056 นางสาวนิศามณี สวัสดี
19 6303610072 นางสาวอภิชญา เผือกอ่ำ
20 6303610080 นางสาวฐนรินทร์ พรพงศ์ภาณุรัฐ
21 6303610114 นางสาวกุลกันยา ภูมีศรี
22 6303610189 นางสาวจิรภัทร์ เสนะโกวร
23 6303610213 นางสาวพีรยา ธวัชชยคุณ
24 6303610221 นางสาวทักษะภรณ์ สุขแสน
25 6303610247 นางสาวปารัช แป้นทอง
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
26 6303610254 นางสาวกรกมล น้อยทิม
27 6303610262 นายธนภัทร์ เหลืองมาตรฐาน
28 6303610296 นางสาวกฤติมา อินทรประเสริฐ
29 6303610312 นายธนชัย กปิลกาญจน์
30 6303610320 นางสาวพัทธ์ธีรา พงษ์เจริญ
31 6303612011 นางสาววัชราภรณ์ มะยมทอง
32 6303612029 นางสาวปิ่นฉัตร อภัยรัตน์
33 6303612037 นางสาวดลพร ถาวรพานิช
34 6303612045 นายภูวดร ไชยวัฒกุลกิจ
35 6303612052 นางสาวอารยา จตุรเดชา
36 6303612086 นางสาวจีรภัทร์ ศรีประสิทธิ์
37 6303612094 นางสาวรัตน์บังอร ผิวดำ
38 6303612110 นายเชิดภูมิ สุนทรเพ็ชรพันธุ์
39 6303612128 นางสาวภควดี ภูผา
40 6303612136 นายอิสริยะ แผ่นทอง
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
41 6303612177 นางสาวฮัยฟาซ สาและ
42 6303612193 นายธีรเดช หยาง
43 6303612201 นางสาวยุพารัตน์ บุญญสิริ
44 6303612219 นายมูฮำมัดอัยมาน เด็งนิ
45 6303612227 นางสาวณัฐณิชา คำชาย
46 6303612235 นายชวิน สันติวัชราณุรักษ์
47 6303612243 นางสาวกุลธิดา ฤไชย
48 6303612250 นางสาวจิตณัฏฐา พวงประเสริฐ
49 6303612276 นางสาวธนัดดา สุปัญญา
50 6303612284 นายตฤณณภัทร ไกรจันทร์
51 6303612292 นางสาวพิชญาภา อินสมเชื้อ
52 6303612318 นางสาวณัฐยา ดิษบรรจง
53 6303612326 นายจิรภัทร นิวรณุสิต
54 6303612334 นายอิสรา ปานทอง
55 6303612359 นายเศรษฐ์ วงศ์เมือง
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
56 6303612375 นางสาวสิริยากรณ์ ชรัวสวรรค์
57 6303612391 นางสาวปวีณาพรรณ นิปุณะ
58 6303612409 นางสาวรัชณีกร เวชภิบาล
59 6303612417 นายกฤติน วิจักขณังกูร
60 6303614025 นางสาวณัฐนรี แม้นเทวฤทธิ์
61 6303614041 นางสาวปรามิว ซี ด่านเทศ
62 6303614058 นายธนกร โชติเธียรชัย
63 6303614074 นางสาวปัญญดา แจ่มกระจ่าง
64 6303614090 นายกัณต์ กิจประสาน
65 6303614116 นางสาวจรินญา แก้ววิมุติ
66 6303614132 นางสาวเจสซิกา้ ชาร์ลอตต์ พาร์คเกอร์
67 6303614157 นางสาวนีซา สะตา
68 6303614165 นายพิสุทธา ศรีแก้ว
69 6303614181 นายธีร์ เบญจลักษณพร
70 6303614199 นางสาวเบญญาภา อธิมุตติกุล
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
71 6303614215 นางสาวอชิรญา สุขสว่าง
72 6303614231 นายเตชวิช แจ่มใส
73 6303614298 นางสาวปพิชญา ธนยงพิบูล
74 6303614306 นางสาวผไทมาศ โชคกิจ
75 6303614314 นายณรงค์ศักดิ์ วุฒิวงศ์พุทธิ์
76 6303614322 นายยชวิชญ์ ดอนเหนือ
77 6303614355 นางสาวอัซมานี เจ๊ะสือแม
78 6303620030 นางสาวขจีวรรณ จันทร์ฉาย
79 6303622010 นายสุรบดี แสงแก้ว
80 6303622028 นางสาวธนภรณ์ อุดมเกษตรคีรี
81 6303680026 นางสาวภคพร พ่วงสกุล
82 6303680083 นางสาวบัวชมพู ชูทอง
83 6303680091 นางสาวมาละมุน พุ่มสร้าง
84 6303680125 นางสาวกมลชนก แป้นโพธิ์
85 6303680133 นางสาวพรหมพร บุญอาจ
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
86 6303680141 นางสาวพิชญา เพ็งวัน
87 6303680158 นางสาวกชกร อทาโส
88 6303680166 นางสาวดำรัสสิริ บุญเรือง
89 6303680174 นายพงศ์พัศ จิตรานุกิจ
90 6303680190 นายสุวิจักขณ์ ราชชมภู
91 6303680208 นายวริทธิ์ จิตต์บรรจง
92 6303680216 นายศมพร มีเกิดมูล
93 6303680240 นายไตรศิกษ์ มณีจันทร์
94 6303680257 นายปัณณวิทย์ วิจิตรานนท์
95 6303680281 นายปกป้อง เพ็ชรทองมา
96 6303680299 นายสิทธิชัย ชัยธัมมะปกรณ์
97 6303680323 นายพันธกานต์ วิญญูธรรม
98 6303680331 นายนิติพล เติมธนะศักดิ์
99 6303680364 นายศุภณัฐ เขียวเสน
100 6303680372 นายธนดล ธรรมปาน
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
101 6303680380 นายจินตนฤทธิ์ สาคร
102 6303682014 นายภัทรชนม์ พรมคำซาว
103 6303682022 นางสาวสุรีรัตน์ พรศิริรัตน์
104 6303682030 นางสาวธันย์ชนก อินบุญสุ
105 6303682048 นางสาวธนัญญา รัตพันธ์
106 6303682055 นางสาวนคนันทินี ดำรงค์กูล
107 6303682063 นางสาวรุโยธยาณ์ ทิพย์วงค์
108 6303682071 นางสาวนัทธิชา ทองอุปการ
109 6303682089 นางสาวนพนนท์ สุทธิพงศ์
110 6303682097 นางสาวจีรปริยา จันทผดาวัลย์
111 6303682105 นางสาวศิลป์ศุภา เต็มสังข์
112 6303682113 นางสาวศุภิสรา มาลากุล
113 6303682121 นางสาวนิรัชญา ปาลี
114 6303682139 นางสาวพัทธวรรณ อินทฤทธิ์
115 6303682147 นางสาวธนพร วรวัฒน์วิทยากุล
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
116 6303682154 นางสาวพัฒน์นรี รูปิยะเวช
117 6303682162 นางสาวโซเฟีย พยายาน
118 6303682170 นางสาวธวัลรัตน์ จุลอมร
119 6303682188 นางสาวณัฐชนันท์ สุตมาศ
120 6303682196 นางสาวธัญญา โอฬาร์รัตน์
121 6303682204 นางสาวปณิชา กอบชัยกุล
122 6303682212 นางสาวสุกฤตา บุญสิริธนา
123 6303682220 นางสาวเรือนใจ ตรงจันทึก
124 6303682238 นางสาวศิรดา คิ้วเจริญ
125 6303682246 นางสาวณิชากานต์ ศรีเทศ
126 6303682253 นางสาวพิชานันท์ ทองจันทร์
127 6303682261 นายภัทร ชงัดเวช
128 6303682279 นายพัทธพล รุ่งกิจจิรพงศ์
129 6303682287 นายดรัณภพ บุญรุ่ง
130 6303682295 นายพศิน ยินดี
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
131 6303682303 นายกฤติภูมิ สินทวี
132 6303682311 นายเนติพงศ์ รวิยะวงศ์
133 6303682329 นายฐาปกรณ์ เพชรทอง
134 6303682337 นายธนภัทร นพโรจน์
135 6303682345 นายเฉลิมรัฐ นวลใยสวรรค์
136 6303682352 นายปฐพี เรืองศรี
137 6303682360 นายศิโรฒม์ จามพัฒน์
138 6303682378 นายชนุดร แก้วเมือง
139 6303682386 นายฟาอิซ นวนมี
140 6303682394 นายไตรรัตน์ พุทธรักษา
141 6303682402 นายภูเบญญ์ ลีเลิศพันธ์
142 6303684010 นางสาวนาตาชา ลำดวน
143 6303684028 นางสาวอภิชญา อันปัญญา
144 6303684036 นางสาวพิมพ์ชนก พิชัยกุล
145 6303684085 นางสาวอัฐภิญญา จำนงค์
เลขที่ เลขทะเบียนนักศึกษา ชื่อ
146 6303684127 นางสาวอรพรรณ น่วมนุม่
147 6303684135 นางสาวกวิสรา อินทนนท์
148 6303684143 นางสาวเพรียวพันธ์ นวลอินทร์
149 6303684168 นางสาวบุญญรักษ์ เดืGอดิน
150 6303684176 นางสาวลักษิกา อาจจินดา
151 6303684184 นางสาวกวินทัศน์ ดีอาษา
152 6303684192 นางสาวจิรพัฒน์ วัฒนรัตน์
153 6303684200 นางสาวพบู ราชพิบลู ย์
154 6303684234 นางสาววนัสนันท์ ปาละหล้า
155 6303684242 นางสาวนวพร นิธิคณ ุ ิตานันท์
156 6303684283 นางสาวเพชรงาม บุณยะเวศ
157 6303684291 นายภูมิพงศ์ คงชืGน
158 6303684309 นายสิรวิ ฒ
ั ดําพลับ
159 6303684325 นายวสวรรษ แสงวงศ์กิจ
160 6303684341 นายชัยธวัช จันทะพันธ์
161 6303684358 นายปั ญจพล หสิตานนท์
162 6303684366 นายภูธิป ขาวเกือW
163 6303684374 นายทรงพล แดงกระจ่าง

You might also like