Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 2
บทที่ 2
การตรวจเอกสารและวรรณคดีที่เกี่ยวข้อง
(REVIEW OF RELATED LITERATURE)
ทฤษฎีและแนวคิดของธุรกิจท่องเที่ยว
ความหมาย ลักษณะของธุรกิจการท่องเที่ยว
ธุรกิจการท่องเที่ยว หมายถึง การประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจัด หรือการให้บริการ หรือ
การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการเดินทาง ที่พัก อาหารและเครื่องดื่ม ทัศนาจร หรือการให้
บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งธุรกิจนำเที่ยวอาจขายบริการแก่นักท่องเที่ยวโดยตรงได้
หรือขายผ่านตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยว และอาจดำเนินการโดยการนำเอาบริการอำนวยความสะดวก
ด้านยานพาหนะ ที่พัก อาหาร และทัศนาจรมารวมกันและขายในลักษณะเหมารวมที่เรียกว่า ทัวร์
เหมารวม (package tour) ธุรกิจนำเที่ยวดำเนินบทบาทที่แตกต่างจากธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมท่อง
เที่ยว เนื่องจากการซื้อบริการอื่นๆ มาประกอบกันเป็นการนำเที่ยวแบบเหมารวม ทำให้ธุรกิจนำ
เที่ยวเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างผู้ผลิตหรือคูสัญญา เช่น โรงแรม บริษัทเดินรถ ภัตตาคาร กับ
ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยว
ลักษณะการดำเนินงานธุรกิจการท่องเที่ยว
นับว่ามีความสลับซับซ้อน เนื่องจากผู้ประกอบการต้องมีความรอบคอบรู้ในปริมาณและ
คุณภาพของแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ รวมทั้งประเภทของกิจการพักผ่อนหรือธุรกิจที่สามารถจัดให้ได้
โดยผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวบางแห่งอาจเป็นเจ้าของบริการอื่น ๆ เอง เพื่อความสะดวกในการ
ดำเนินการ เช่น เป็นเจ้าของโรงแรม รีสอร์ท ภัตตาคาร รถโดยสาร เป็นต้น ธุรกิจนำเที่ยวขายส่ง
(travel/tour wholesaler) เนื่องจากผู้ประกอบการนำเที่ยวจะซื้อบริการด้านต่าง ๆ จากผู้ผลิต เป็น
จำนวนมาก (bulk) เช่น ห้องพัก ตั๋วเข้าชมการแสดง หรือเช่าเหมารถโดยสาร ล้วนต้องมีการ
วางแผนและผลิตสินค้าท่องเที่ยวที่ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนของการเดินทางไป – กลับ
จากจุดหมายปลายทาง เช่นตั๋วเครื่องบิน และส่วนของการบริการที่เกิดขึ้นที่จุดหมายปลายทางหรือ
แหล่งท่องเที่ยว เช่น อาหาร ทัศนาจร ที่พักแรม เป็นต้น
ประเภทของธุรกิจการท่องเที่ยว
13
สินค้าและบริการของธุรกิจการท่องเที่ยว
การจัดสินค้าและบริการในสายของสินค้าการท่องเที่ยวเพื่อการจำหน่ายดังนี้
1. ขายรายการนำเที่ยวแบบเหมาจ่าย (ที่ผู้ดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวแบบค้าส่งจัดทำ
ขึ้น) ให้แก่นักท่องเที่ยว
2. เป็นตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสารพาหนะเดินทางทุกประเภท เช่น เป็นตัวแทนของ
สายการบินจำหน่ายตั๋วเครื่องบินของบริษัทที่มาตั้ง และที่ไม่ได้มาตั้งบริษัทในประเทศไทย
3. อำนวยความสะดวกในการจัดจอง จัดหาสินค้าและบริการในการเดินทาง เช่น การ
จองที่พัก การซื้อตั๋วเครื่องบินหรือที่นั่งยานพาหนะประกอบอื่น ๆ รถเช่า บัตรเข้าชมสถานที่ การ
แสดง การใช้บริการภัตตาคาร ร้านค้าของที่ระลึก ฯลฯ
4. บริการจัดทำหนังสืออนุญาตเข้าประเทศ (visa) จัดทำประกันภัยการเดินทาง ตั๋ว
แลกเงินเพื่อการเดินทาง การรับแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
5. บริการรับเข้า – ส่งออก (transfer in-out) นักท่องเที่ยวจากสนามบินไปยังที่พัก
และสถานที่ท่องเที่ยวและในการบริการเที่ยวกลับ ตลอดจนสัมภาระต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยว
6. จำหน่ายของที่ระลึกและเอกสารคู่มือนำเที่ยว ตลอดจนให้คำแนะนำด้านต่าง ๆ
เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
7. โฆษณาประชาสัมพันธ์การบริการต่าง ๆ ที่จัดจำหน่าย
การดำเนินการของตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยว ไม่ต้องมีเงินทุน
มากนัก และไม่ต้องสั่งซื้อสินค้าหรือบริการมาสำรองไว้ จะติดต่อสั่งซื้อสินค้าและบริการจากผู้ผลิต
ก็ต่อเมื่อได้รับการติดต่อสั่งจองจากนักท่องเที่ยวเท่านั้นจึงมีอัตราการเสี่ยงต่ำกว่าผู้ดำเนินธุรกิจการ
ท่องเที่ยวแบบค้าส่ง ตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวจะทราบความต้องการของนักท่อง
เที่ยวเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเสนอแนะผู้ดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวแบบค้าส่งได้
และตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยว 1 บริษัท สามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ผู้
ดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวแบบค้าส่งหลายบริษัทได้
รายได้ของตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยว
1. ค่านายหน้า (commission) ในการขายรายการนำเที่ยวแบบเหมาจ่ายประมาณ 10%
ของราคาขาย ประมาณ 9% จากการสำรองที่นั่งเครื่องบินและอาจมีโบนัสอีก 2.5% หากสามารถทำ
ยอดขายทะลุเป้ าหมายที่กำหนดไว้
2. ค่านายหน้าจากการจำหน่ายบัตรโดยสารเครื่องบิน การจองที่พัก รถเช่า เรือสำราญ
15
3. ค่านายหน้าจากการทำประกันภัยการเดินทาง การแลกตั๋วแลกเงินเพื่อการเดินทาง
การรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เงินค่าปรับกรณีนักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง เงินส่วนลด
จากผู้ประกอบการ (นอกเหนือจากค่านายหน้า) การจัดบริการบางอย่างแก่นักท่องเที่ยว เช่น การ
จอง การทำ Visa
4. ดอกเบี้ยจากการนำเอาเงินมัดจำ (deposit) ของนักท่องเที่ยวก่อนออกเดินทางไป
ลงทุนระยะสั้น
5. ผลกำไรจากการขายรายการนำเที่ยวแบบเหมาจ่าย (ในกรณีที่เป็นผู้ผลิตรายการนำ
เที่ยวด้วย)
6. ค่านายหน้าหรือค่า commission จากการแนะนำนักท่องเที่ยวไปซื้อของที่ระลึก
ประมาณ 20 – 40 %
ธุรกิจของที่ระลึก
ศรัญยา วรากุลวิทย์ (2546: 200 - 210) สินค้าของที่ระลึกเป็นปัจจัยสำคัญประการ
หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาเพื่อเป็นที่ระลึกเตือนความทรงจำในแหล่งท่องเที่ยวที่ไปเยือน และ
เป็นของขวัญของฝากแก่ญาติมิตร
ความหมายและลักษณะของสินค้าที่ระลึก
1) ความหมายของสินค้าที่ระลึก หมายถึง สินค้าที่นักท่องเที่ยวซื้อจากแหล่งท่อง
เที่ยวที่ไปเยือนและนำกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเอง โดยมีวัตถุประสงค์ในการซื้อสินค้าเหล่านั้น
ต่างๆ กันไป เช่น มีความประทับใจในแหล่งท่องเที่ยวนั้นจึงซื้อสินค้าที่ระลึก เพื่อระลึกถึง
ประสบการณ์ที่ดีงามออหรือเป็นสื่อในการเล่าเรื่องราวประสบการณ์จากการท่องเที่ยวให้แก่ญาติ
และมิตรสหาย หรือเป็นของฝากให้บุคคลใกล้ชิด หรือเป็นสิ่งเตือนใจของการท่องเที่ยวในแหล่ง
ท่องเที่ยวนั้นๆ เป็นต้น
ของที่ระลึกสำหรับคนไทยนั้นรู้จักมานานแล้ว แต่ในความหมายว่า “ของฝาก”
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นค่านิยมของคนไทย เมื่อเดินทางไปเยี่ยมญาติมิตร จำต้องมาของฝากติดมือ
ไปมอบให้บุคคลหรือครอบครัวที่ไปเยือน และลักษณะของฝากเหล่านั้นอาจเป็นของใช้หรือของ
รับประทาน ที่ผลิตในถิ่นที่อยู่อาศัยของตน อีกความหายของสินค้าที่ระลึก คือ สินค้าหัตถกรรม
ซึ่งหมายถึง งานฝีมือที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนไทยในสมัยโบราณ โดยใช้วัตถุดิบและ
ทรัพยากรที่มีอยู่มนท้องถิ่นนำมาผลิตโดยอาศัยภูมิปัญญาไทยทางด้านศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
อันดีงาม สร้างสรรค์เป็นงานหัตถกรรมเพื่อใช้สอยในครัวเรือน สินค้าที่ระลึกประเภทนี้มีคุณค่า
สำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่งเพราะจะเป็นสินค้าที่เป็นรูปธรรมเฉพาะไม่เหมือนท้องถิ่นอื่น การ
ผลิตโดยใช้ฝีมือ สินค้าแต่ละชิ้นจะมีลักษณะเฉพาะ เช่น ผ้าไหม และผ้าไหมมัดหมี่ เป็นต้น
2) ลักษณะของสินค้าที่ระลึก ควรมีลักษณะดังนี้
16
ข. ระดับกลาง เน้นรูปแบบตรงสมัยนิยมใช้ประโยชน์ได้ใน
และชีวิตประจำวันและต้องคำนึงถึงเทศกาลที่จะใช้
ค. ผลิตสินค้าที่ใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาติในท้องถิ่น
ง. ไม่ลอกเลียนแบบและมีประโยชน์ใช้สอย มีคุณภาพ
(3) การพัฒนาสินค้าของที่ระลึก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้บริการ
ต่างๆ และการให้ความช่วยเหลือ และการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาสินค้าที่ระลึกดังนี้
ก. การบริการด้านการฝึกอบรมสัมมนา ทั้งด้านการจัดการ การ
ผลิต การตลาด และพัฒนารูปแบบสินค้าที่ระลึก ทั้งในและนอกสถานที่
ข. การบริการให้คำปรึกษาแนะนำ ในการปรับปรุงคุณภาพและ
รูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด การให้คำปรึกษาแนะนำด้านสิทธิบัตร
ทางการค้า การกำหนดราคาสินค้า การรับใบ สั่งซื้อ การทำสัญญาซื้อขายรวมถึงการให้บริการเพิ่ม
ประสิทธิภาพ การผลิตโดยใช้เครื่องจักร เครื่องทุ่นแรงและอุปกรณ์การผลิต
ค. การบริการด้านการเงิน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาด
ย่อมอุตสาหกรรมในครัวเรือน และหัตถกรรมประเภทต่าง ๆ ที่ต้องการขยายกิจการหรอขาดเงินทุน
ที่จะนำไปใช้ซื้ออุปกรณ์ เครื่องทุ่นแรง หรือเป็นเงินทุน หรือเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบ
อาชีพ สามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ง. การบริการด้านการตลาด มีสถานที่แสดงและเผยแพร่ เพื่อ
เป็นแหล่งเชื่อมโยงตลาดให้ผู้ผลิตและผู้ซื้อสามารถติดต่อซื้อขายกัน
จ. การบริการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เป็นไปตาม
ความต้องการของตลาด จึงให้มีการประกวดแข่งขันการออกแบบผลิตภัณฑ์
(4) หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นนโยบายของรัฐบาล พันตำรวจโท ดร.
ทักษิณ ชินวัตร ในการฟื้ นฟูเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับพื้นฐาน คือการผลิตด้วยมือ และนโยบายกระจาย
รายได้ลงสู่ชุมชน รัฐบาลได้ให้การส่งเสริมผลิตภัณฑ์หมู่บ้านอย่างเป็นระบบ ทั้งโครงการเงินกู้หนึ่ง
หมู่บ้านหนึ่งล้านบาทและโครงการบัณฑิตอาสา ฯลฯ โครงการเหล่านี้ช่วยในการพัฒนาคุณภาพ
ชีวิตของทุกชีวิตในหมู่บ้าน มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการผลิต การจัดการและการ
ตลาด ให้ชุมชนสามารถดำเนินธุรกิจได้เอง
(5) มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
พระองค์ทรงก่อตั้งมูลนิธิดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2519 เพื่อช่วยชาวไร่ ชาวนาผู้ยากไร้มีราย
ได้น้อยและครอบรัวประกอบอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ เป็นการอนุรักษ์และสืบทอดศิลป
หัตถกรรมไทย โดยคัดเลือกสมาชิกศิลปาชีพจากครอบครัวยากจน จากทั่วทุกภาคของประเทศ มา
รับการฝึกศิลปหัตถกรรม ในศูนย์ศิลปาชีพต่าง ๆ เช่นโรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดาซึ่งเป็นโรงฝึก
ศิลปาชีพที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ยังมีศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม จังหวัดสกลนคร ศูนย์ศิลปาชีพ
บ้านแม่น้ำต๋ำ จังหวัดลำปาง ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศูนย์ศิลปาชีพ
บ้านละเวงเป็นต้น
2) การจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
18
องค์ประกอบของตลาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
การที่องค์กรจะวางแผนการตลาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นจะต้องทำความเข้าใจ
เกี่ยวกับองค์ประกอบของตลาดก่อน องค์ประกอบของตลาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบ่งออกได้
เป็น 4 ส่วนคือ (ฉลองศรี พิมลสมพงศ์,2546: 18 - 21)
1. ผู้ขาย ( the sellers ) คือผู้ผลิต ซึ่งหมายรวมตั้งแต่ผู้ผลิตรายย่อยจนถึงผู้ผลิตรายใหญ่ ใน
อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผู้ผลิต คือ ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ( supplier ) อาทิเช่น ผู้
ประกอบการขนส่ง ( สายการบิน บริษัทรถเช่า เรือสำราญ พาหนะทางบกเช่น รถบัส รถตู้ ฯลฯ ) ผู้
ประกอบการที่พัก (โรงแรม เกสต์เฮาส์ บ้านเยาวชน โมเต็ล ฯลฯ ) ภัตตาคาร แหล่งท่องเที่ยว ( แหล่
งท่องเที่ยวธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น ) การบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริการทางการท่องเที่ยว
เช่น มัคคุเทศก์ นอกจากนี้ยังรวมถึงหน่วยงานที่ส่งเสริมทางการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน
2. ผู้ซื้อ (the buyers) คือบุคคลที่ซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ในที่นี้อาจแบ่งกลุ่ม
ผู้ซื้อหรือลูกค้าออกเป็น 5 กลุ่มดังนี้
2.1 กลุ่มนักเดินทางที่เดินทางเพื่อการพักผ่อน (leisure travelers ) เน้นความ
สนุกสนาน เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ หรือการเยี่ยมเพื่อนหรือญาติ ( visit friend and relative)
2.2 กลุ่มนักเดินทางที่เดินทางในเชิงธุรกิจ ( business travelers ) การเดินทางเป็น
ส่วนหนึ่งของการทำงาน
2.3 กลุ่มนักเดินทางที่เดินทางเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ( travel for specific
purpose ) เช่น เดินทางเพื่อสุขภาพ เพื่อการศึกษา หรือเชิงศาสนา ฯลฯ
2.4 กลุ่มผู้บริโภคองค์กร ( corporate )
2.5 กลุ่มผู้บริโภคส่วนบุคคล
3. พ่อค้าคนกลาง (the intermediary ) พ่อค้าคนกลางก็คือผู้ขายอีกบุคคลหนึ่งโดยทำหน้าที่
เป็นคนกลางระหว่างผู้ขาย (ผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว) กับผู้ซื้อ ( ลูกค้า) โดยพ่อค้า
คนกลางสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ ตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยว ( travel agents ) และผู้
ผลิตสินค้าทางการท่องเที่ยว (tour operators )
20
ช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยว
การจัดจำหน่ายเป็นส่วนหนึ่งของส่วนผสมทางการตลาด (marketing mix) เมื่อมีผลิตภัณฑ์
และกำหนดราคาได้เหมาะสมพร้อมที่จะเสนอขายแล้วนั้น ขั้นต่อไปของขบวนการทางการตลาดก็
คือการกำหนดช่องทางการจัดจำหน่ายให้เหมาะสม ความพยายามในการทำการตลาดทั้งหมดที่จะ
พยายามชักชวนหรือกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจในผลิตภัณฑ์จะสูญเปล่าถ้าลูกค้าไม่สามารถหาซื้อ
ผลิตภัณฑ์ได้
ผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์
ทั่วไป อาทิเช่น ไม่มีการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อหรือไม่มีการขนส่งผลิตภัณฑ์ไปยัง
ลูกค้า ลูกค้าต้องเดินทางไปยังผลิตภัณฑ์เอง ดังนั้นการเลือกช่องทางจำหน่ายจึงต้องพิจารณาและ
ระมัดระวังเป็นพิเศษ
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับเครือข่าย
ความหมายของเครือข่าย
21
กลุ่มหรือองค์กรกับชุมชน เพื่อกระทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งให้ประสบความสำเร็จร่วมกันโดย
ได้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตขององค์กร บุคคลและทุกองค์กรถือเป็น
ส่วนหนึ่งของเครือข่าย แต่ละองค์กรมีแรงจูงใจที่ต้องการยกระดับคุณภาพผลการปฏิบัติงานของตน
ให้ดีขึ้นแต่ไม่สามารถทำได้โดยลำพังจึงต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิด ประสบการณ์ ความรู้และ
ข้อมูลข่าวสารกับคนอื่นหรือองค์กรอื่น เช่น ลูกค้า ผู้จัดหาวัตถุดิบ นักลงทุน คู่แข่งหรือเพื่อนร่วม
งาน เป็นต้น อันจะเป็นความสัมพันธ์ระยะสั้นหรือระยะยาวได้
การเกิดเครือข่าย
จากการศึกษาเกี่ยวกับการเกิดเครือข่ายพบว่าเครือข่ายแต่ละเครือข่ายต่างก็มีจุดเริ่มต้น
หรือถูกสร้างมาได้ด้วยวิธีการต่างๆ กันไว้ 3 ลักษณะดังนี้ (สำนักที่ปรึกษา กรมอนามัย, 2550 :
http://adrisor.anamai.moph.go.th/243/24313.html)
1. เครือข่ายที่เกิดโดยธรรมชาติ เครือข่ายนี้มักเกิดจาก การที่ผู้คนมีความคิดตรงกัน ทำงาน
คล้ายคลึงกัน หรือประสบกับสภาพปัญหาเดียวกันมาก่อน มารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด
ประสบการณ์ ไปจนถึงร่วมกันแสวงหาทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า ในการดำรงอยู่ของกลุ่มสมาชิก อัน
เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นภายในกลุ่มเอง เครือข่ายเช่นนี้ มักเกิดในพื้นที่ชุมชน ที่มีวัฒนธรรมความ
เป็นอยู่คล้ายคลึงกัน มารวมกันเป็นกลุ่ม เป็นชมรมก่อน ต่อเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของสมาชิก มีการขยาย
พื้นที่ดำเนินการออกไป หรือมีการขยายเป้ าหมาย วัตถุประสงค์ ของกลุ่มมากขึ้น กลุ่มก็มักจะ
พัฒนาขึ้นมาเป็นเครือข่าย เพื่อให้เกิดความครอบคลุมต่อความต้องการของสมาชิก เครือข่ายเช่นนี้
มักมีเวลาการก่อร่างสร้างเครือข่ายนาน แต่เมื่อเกิดแล้ว ก็จะมีความเข้มแข็งยั่งยืน และมีแนวโน้มที่
เครือข่ายจะขยายตัวเพิ่ม เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อเริ่มก่อตั้ง ซึ่งตัวอย่างเครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายอิน
แปงที่จังหวัดสกลนคร เป็นเครือข่ายที่เริ่มต้นจากครอบครัว เพียงไม่กี่ครอบครัว ในการมุ่งปลด
ภาระ หนี้สิน จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ได้เกิดการขยายเครือข่ายออกไปสู่ หลายอำเภอ ในจังหวัดข้าง
เคียง และยังขยายวัตถุประสงค์ของเครือข่ายออกไปได้อีกหลายประการ
2. เครือข่ายจัดตั้ง เครือข่ายจัดตั้งนี้ มักจะมีความเกี่ยวข้องกับนโยบาย หรือการดำเนินงาน
ของภาครัฐอยู่เป็นส่วนมาก ทั้งนี้ก็เป็นไปตามแนวคิดเดิม ที่อาศัยกลไกของรัฐผลักดันให้เกิด รูป
ธรรมของงานโดยเร็ว และโดยมากเข้าไว้ก่อน ที่ภาคีสมาชิกที่เข้าร่วมเครือข่าย มิได้มีพื้นฐานความ
ต้องการ ความคิด ความเข้าใจที่ตรงกันมาก่อน การรวมตัวกัน จึงเป็นลักษณะชั่วครั้งชั่วคราว
เป็นการเฉพาะกิจ ไม่มีความต่อเนื่อง และมักจะจางหายไปในที่สุด ยกเว้นว่าเครือข่ายจะได้รับการ
ชี้แนะที่ดี อย่างที่ควร จนสามารถสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และนำไปสู่การพัฒนาเป็นเครือข่าย
ที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากลุ่มจะยังคงรักษาสถานภาพเครือข่ายไว้ได้ แต่แนวโน้มเครือข่ายก็
มักจะลดขนาดลง เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อเริ่มก่อตั้ง
3. เครือข่ายวิวัฒนาการ เครือข่ายวิวัฒนาการนี้เป็นอีกรูปแบบการกำเนิดเครือ ข่าย ที่มิได้
เป็นไปโดยธรรมชาติแต่แรกเริ่มและก็มิได้ถูกจัดตั้งโดยตรง แต่จะเป็นไปในลักษณะของ
กระบวนการพัฒนาผสมผสานอยู่โดยเริ่มที่กลุ่มบุคคล องค์การ มารวมกันด้วยวัตถุประสงค์กว้างๆ
ในการที่จะสนับสนุนกัน และเรียนรู้ไปด้วยกันก่อน โดยอาจจะยังมิได้มีเป้ าหมาย วัตถุประสงค์
23
(Overview)
เครือข่ายคือกลุ่มของคนหรือองค์กรที่สมัครใจแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลระหว่างกันหรือทำ
กิจกรรมร่วมกัน โดยมีการจัดรูปหรือจัดระเบียบโครงสร้างที่คนหรือองค์กรสมาชิกยังคงมีความ
เป็นอิสระ ในความหมายนี้สาระสำคัญคือ ความสัมพันธ์ของสมาชิกในเครือข่าย ต้องเป็นไปโดย
สมัครใจ กิจกรรมที่ทำในเครือข่ายต้องมีลักษณะเท่าเทียมหรือแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และการ
เป็นสมาชิกเครือข่ายไม่มีผลกระทบต่อความเป็นอิสระหรือความเป็นตัวของตัวเอง ของคนหรือ
องค์กรนั้น ๆ ซึ่ง ขนิฎฐาน กาญจนรังสีนนท์ (2550) ระบุในสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (2551 : 163) กล่าวเสริมว่า การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเป็นการ
ทำให้มีการติดต่อและการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการร่วมมือกันด้วยความ
สมัครใจ การสร้างเครือข่ายควรสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้สมาชิกในเครือข่ายมีความ
สัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ต่างมีความเป็นอิสระมากกว่า ทำให้เกิดการคบค้าสมาคมแบบพึ่งพิง นอกจาก
นี้การสร้างเครือข่ายต้องไม่ใช่การสร้างระบบการติดต่อเผยแพร่ข่าวสารแบบทางเดียว เช่น การ
ถ่ายทอดข่าวสารทางสื่อมวลชน การส่งนิตยสาร จดหมาย ข่าวให้กับสมาชิกเหล่านี้ไม่ใช่เครือข่าย
เครื่องมือของการสื่อสารมวลชนอาจนำมาใช้ในเครือข่ายได้ ดังนั้นเครือข่ายจึงไม่ใช่การส่ง
จดหมายข่าวไปให้สมาชิกตามรายชื่อเท่านั้น แต่ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน
นั่นเอง
ดังนั้น ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาชุมชนของจังหวัดต่าง ๆ
ทั่วประเทศให้มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ไปสู่ความยั่งยืน และเป็น
ส่วนหนึ่งที่สำคัญของธุรกิจท่องเที่ยว โดยในปัจจุบันมีหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบเพื่อการท่องเที่ยวใน
การดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมซื้อของที่ระลึก ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเชื่อมโยงเครือข่าย
ระหว่างธุรกิจ OTOP ของชุมชนกับการท่องเที่ยวนั้นต้องร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์ของเครือข่าย
ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกระบวนการสร้างเครือข่ายตามขั้นตอนคือ 1) การตระหนัก
ถึงความจำเป็นในการสร้างเครือข่าย 2) การติดต่อกับองค์กรที่เป็นสมาชิกหรือภาคีสมาชิก 3) การ
สร้างพันธกรณีร่วมกัน 4) การพัฒนาความสัมพันธ์ และ 5) การเรียนรู้ร่วมกัน เกิดขึ้นหลักจากขั้น
ตอนการพัฒนาความสัมพันธ์จนนำไปสู่การทำกิจกรรมร่วมกัน และที่สำคัญคือ การเชื่อมโยง
ระหว่างองค์กรกับองค์กรนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้กิจกรรมต่าง ๆ ดำเนินการสร้างในรูปแบบ
ของความร่วมมือไม่ใช่คู่แข่งขัน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์ OTOP สำหรับการท่อง
เที่ยวและบริการที่มีคุณภาพต่อไป
28
ภาพ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย