Professional Documents
Culture Documents
2.ประกาศขอบเขตอำนาจหน้าที่ ผู้ปฏิบัติการ 2566
2.ประกาศขอบเขตอำนาจหน้าที่ ผู้ปฏิบัติการ 2566
ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน
เรื่อง ประเภท ระดับ อานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจากัดของผู้ปฏิบตั ิการ
ในการปฏิบัตกิ ารฉุกเฉินตามคาสั่งการแพทย์หรือการอานวยการ
พ.ศ. ๒๕๖๖
ข้ อ ๑ อํ านาจหน้ า ที่ ขอบเขต ความรั บ ผิ ด ชอบ หรื อข้ อจํ ากั ด ของผู้ป ฏิ บัติ การประเภทช่ ว ยฉุ กเฉิ น
การแพทย์แต่ละสาขา ในการปฏิบัติการแพทย์และปฏิบัติการอํานวยการ ตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการ ตาม
ประกาศนี้จะกําหนดขั้นการกระทํา โดยใช้สัญลักษณ์ดังต่อไปนี้
ให้ใช้สัญลักษณ์ “ก” เป็นขั้นที่กําหนดว่าผู้ปฏิบัติการในสาขานั้นสามารถกระทําได้ตามการอํานวยการ
ทั่วไปหรือการอํานวยการตรง รวมทั้งให้คําสั่งการแพทย์แก่ผู้ปฏิบัติการในระดับที่ต่ํากว่า
ให้ใช้สัญลักษณ์ “ข” เป็นขั้นที่กําหนดว่าผู้ปฏิบัติการในสาขานั้นสามารถกระทําได้ตามการอํานวยการ
ทั่วไปหรือการอํานวยการตรง
ให้ ใช้สัญ ลั กษณ์ “ค” เป็นขั้นที่กําหนดว่ า ผู้ปฏิ บัติการในสาขานั้นสามารถกระทํ าได้เฉพาะตามการ
อํานวยการตรง
ให้ ใช้สัญ ลั กษณ์ “ง” เป็น ขั้ น ที่กําหนดว่า ผู้ ป ฏิ บั ติการในสาขานั้ นสามารถช่ วยกระทํ าได้ ภายใต้ การ
ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ประกอบวิชาชีพ หรือกลุ่มช่วยฉุกเฉินการแพทย์ในระดับที่มีขั้นของการปฏิบัติการแพทย์นั้น
ในสัญลักษณ์ “ก”
ให้ใช้สัญลักษณ์ “จ” เป็นขั้นที่กําหนดให้ผู้ปฏิบัติการในสาขานั้น ห้ามกระทําการปฏิบัติการแพทย์นั้น
กับผู้ป่วยฉุกเฉิน
ข้อ ๒ ให้ผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์แต่ละสาขา มีอํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ
หรือข้อจํากัดในการปฏิบัติการแพทย์ตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการได้ ดังต่อไปนี้
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑. การแยกบุ คคลออกจากสิ่ง อั น ตราย/การใช้ อุป กรณ์
พิทักษ์บุคคล (body substance isolation/person
protective equipment)
๑.๑ อุปกรณ์พิทักษ์บุคคล ระดับ C ก ก ก ก ข ข
๑.๒ อุปกรณ์พิทักษ์บุคคล ระดับ D ก ก ก ก ก ข
๒. เทคนิคการจัดทางหายใจ (airway techniques)
๒.๑ การใช้อุปกรณ์พยุงทางหายใจ (airway adjunct)
๒.๑.๑ การสอดใส่อุปกรณ์พยุงทางหายใจที่มุ่งให้เข้าไป ก ก ข ค ค ง
ในคอหอยส่วนปาก (oropharyngeal airway)
๒
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๒.๑.๒ การสอดใส่อุปกรณ์พยุงทางหายใจที่มุ่งให้เข้าไป ก ข ค ง จ จ
ในคอหอยส่วนจมูก (nasopharyngeal airway)
๒.๑.๓ การสอดใส่อุปกรณ์พยุ งทางหายใจชนิ ดเหนือ ข ค ง จ จ จ
กล่องเสียง (supraglottic airway)
๒.๒ การจั ด ทางหายใจโดยไม่ ใ ช้ อุ ป กรณ์ (airway
maneuvers)
๒.๒.๑ การกดหน้าผากเชยคาง (head tilt-chin lift) ก ก ข ข ข ค
๒.๒.๒ การยกขากรรไกร (jaw thrust) ก ก ข ข ค ค
๒ . ๒ . ๓ ก า ร ดู แ ล ผู้ ป่ ว ย มี รู เ จา ะ เ ปิ ด ท่ อ ล ม ค ง ง จ จ จ
(management of existing tracheostomy)
๒.๓ การเจาะเยื่อไครโคไทรอยด์ (cricothyrotomy)
๒.๓.๑ การเจาะด้วยเข็ม (needle) ค ง จ จ จ จ
๒.๓.๒ การเจาะด้วยการผ่าตัด (surgical) ง จ จ จ จ จ
๒.๔ การขจั ด สิ่ ง ขั ด ขวางทางหายใจ (obstructed
airway clearance)
๒.๔.๑ การขจัดสิ่งขัดขวางทางหายใจโดยไม่ใช้อุปกรณ์
(manual obstructed airway clearance)
๒.๔.๑.๑ การกวาดด้วยนิ้ว (finger sweep) ก ก ข ข ค ค
๒.๔.๑.๒ การตบหลังและกระแทกทรวงอก ก ก ข ข ค ค
(back blow and chest thrust)
๒.๔.๑.๓ การรัดกระตุกที่ท้อง (Heimlich ก ก ข ข ข ข
maneuver)
๒.๕ การสอดใส่ ห ลอดคาในท่ อ ลมในผู้ ใ หญ่ (adult
intubation)
๒.๕.๑ การสอดใส่ ห ลอดคาในท่ อ ลมทางปาก ข ง ง จ จ จ
(orotracheal)
๒.๕.๒ การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยา ค ง ง จ จ จ
ที่ไม่ทําให้เป็นอัมพาต (pharmacological facilitation
without paralytic)
๒.๕.๓ การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยาที่ทํา ง ง จ จ จ จ
ให้ เ ป็ น อั ม พาต (pharmacological facilitation with
paralytic)
๒.๕.๔ การตรวจยืนยั นการสอดใส่ หลอดคาในท่ อลม
(confirmation procedures)
๓
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๒.๕.๔.๑ การติดตามระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ข ค ง จ จ จ
ในลมหายใจออก (end-tidal carbon dioxide monitoring)
๒.๕.๔.๒ ก า ร แ ป ล ผ ล ค ลื่ น ร ะ ดั บ ข ง จ จ จ จ
คาร์ บ อนไดออกไซด์ ใ นลมหายใจออก (end-tidal
carbon dioxide waveform interpretation)
๒.๕.๕ การใช้อุปกรณ์ส่องกล่องเสียงร่วมกับใช้คีมคีบ ข ง จ จ จ จ
(laryngoscopy with Magill forceps)
๒.๖ การสอดใส่ ห ลอดคาในท่ อ ลมในเด็ ก (pediatric
intubation)
๒.๖.๑ การสอดใส่หลอดคาในท่อลมทางปากในเด็ก ค ง จ จ จ จ
(pediatric orotracheal)
๒.๖.๒ การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยาระงับ ค ง จ จ จ จ
ประสาท (pediatric sedation)
๒.๖.๓ การสอดใส่หลอดคาในท่อลมด้วยการใช้ยาที่ทํา ง ง จ จ จ จ
ให้เป็นอัมพาต (pediatric paralytic)
๓. ระบบการให้ออกซิเจน (oxygen delivery systems)
๓.๑ การให้ อ อกซิ เ จนด้ ว ยหลอดสอดจมู ก (nasal ก ก ข ข ข ค
cannula)
๓.๒ การให้ อ อกซิ เ จนด้ ว ยหน้ า กากมี ถุ ง กั ก อากาศ ก ก ข ข ค ค
(mask with bag)
๓.๓ การพ่นละออง (nebulizer) ก ข ค ง จ จ
๔. การดูดของเหลวออกจากทางหายใจ (suction)
๔.๑ การดู ด ด้ ว ยลู ก สู บ ยางใช้ มื อ บี บ (manually ก ก ก ข ข ข
operated)
๔.๒ การดู ด ด้ ว ยใช้ เ ครื่ อ งมื อ กล (mechanically
operated)
๔.๒.๑ การดูดทางปาก (oral suction) ก ข ข ค ง จ
๔.๒.๒ การดู ดทางหลอดคาในท่ อลม (endotracheal ข ข ค ง จ จ
suction)
๕. การใช้เครื่องมือกลช่วยการหายใจในผู้ใหญ่ (adult
ventilation-assisted/mechanical)
๕.๑ การใช้ปากเป่าผ่านหน้ากาก (mouth to pocket ก ก ก ข ข ข
mask)
๔
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๕.๒ การใช้ ถุ ง บี บ ลมผ่ า นหน้ า กากกั น ลมย้ อ น (bag- ก ก ข ข ค จ
valve-mask)
๕.๓ การใช้ถุงมีที่กักออกซิเจนบีบลมผ่านหน้ากากกันลม ก ก ข ค ค จ
ย้อน (bag-valve-mask with supplemental oxygen
and reservoir)
๕.๔ การใช้ High flow nasal cannula ค ง จ จ จ จ
๖. การใช้ เ ครื่ องกลช่ ว ยการหายใจในเด็ ก (pediatric
ventilation-assisted/mechanical)
๖.๑ การใช้ ถุ ง บี บ ลมผ่ า นหน้ า กากกั น ลมย้ อ นในเด็ ก ข ข ค ค จ จ
(bag-valve-mask in pediatric)
๖.๒ การใช้ถุงมีที่กักออกซิเจนบีบลมผ่านหน้ากากกันลม ข ข ค ง จ จ
ย้ อ นในเด็ ก (bag-valve-mask with supplemental
oxygen and reservoir in pediatric)
๖.๓ การใช้ถุงมีที่กักออกซิเจนบีบลมผ่านหน้ากากกันลม ข ค ค จ จ จ
ย้อนในทารก (bag-valve-mask with supplemental
oxygen and reservoir in neonate/infant)
๗. การใช้ เ ครื่ อ งกลช่ ว ยการหายใจ (mechanical
ventilation-assisted)
๗.๑ การใช้เครื่องกลช่วยการหายใจโดยไม่รุกร่างกาย ค ง ง จ จ จ
ด้ ว ย PEEP, BiPAP, CPAP ( noninvasive positive
pressure ventilation with PEEP, BiPAP, CPAP)
๗.๒ การช่วยการหายใจผ่านเข็มเจาะเยื่อไครโคไทรอยด์ ข ค ง จ จ จ
(percutaneous transtracheal ventilation)
๗.๓ การใช้ เ ครื่ อ งกลช่ ว ยการหายใจแบบอั ต โนมั ติ ค ง ง จ จ จ
ระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (automated transport
mechanical ventilation)
๗.๔ การใช้ เ ครื่ อ งอั ด แรงดั น ออกซิ เ จนแบบพกพา ข ข ค ง จ จ
(portable oxygen power resuscitation)
๘. หัตถการวินิจฉัย (diagnostic procedures)
๘.๑ การตรวจระดับกลูโคสในเลือดจากหลอดเลือดฝอย ก ก ก ข ข ข
(capillary blood glucose)
๘.๒ การแปลผลความอิ่มออกซิเจนตามชีพจร (pulse ก ก ก ข ค ค
oximetry)
๕
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๘.๓ การใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound)
๘.๓.๑ การทําและแปลผลคลื่นเสียงความถี่ สูงใน ข ง จ จ จ จ
การประเมินผู้บาดเจ็บ (EFAST)
๘.๓.๒ การทําและแปลผลคลื่นเสียงความถี่ สูงใน ค ง จ จ จ จ
การประเมินตําแหน่งอื่น
๘.๔ การแปลผล CXR ในภาวะฉุกเฉิน ค จ จ จ จ จ
๘.๕ การแปลผล CT brain ในภาวะฉุกเฉิน ค จ จ จ จ จ
๘.๖ การเก็บสิ่งส่งตรวจจากหลอดเลือดดํา ข ค ง จ จ จ
๘.๗ การแปลผล point of care test จากสิ่งส่งตรวจ ค ง จ จ จ จ
๘.๘ การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram ก ข ข ค ง จ
acquisition)
๘.๙ การแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram
interpretation)
๘.๙.๑ การแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจในผู้ป่วยหัวใจ ก ข ค จ จ จ
หยุดเต้น (electrocardiogram interpretation in
cardiac arrest)
๘.๙.๒ การแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจขั้นสูง ข ค ง จ จ จ
(advanced electrocardiogram interpretation)
๙. หั ต ถการในระบบสื บ พั น ธ์ แ ละทางเดิ น ปั ส สาวะ
(genital/urinary procedures)
๙.๑ การใส่ ห ลอดสวนปั ส สาวะทางท่ อ ปั ส สาวะ ข ค ค จ จ จ
(Foley’s catheter)
๑๐. เทคนิคโลหิตพลวัต (hemodynamic techniques)
๑๐.๑ การเฝ้ าตรวจการบริ ห ารสารน้ํ า /ยาทางหลอด ก ข ข ง จ จ
เลือดดํา (monitoring existing IV)
๑๐.๒ การดูแลทางเปิดเข้าหลอดเลือดดํา (peripheral ก ข ข ง จ จ
venous access maintenance)
๑๐.๓ การดูแลหลอดสวนท่อเลือดดํา (central venous ข ค ค จ จ จ
maintenance)
๑ ๐ . ๔ ก า ร ดู แ ล เ ข็ ม แ ท ง เ ข้ า ค า โ พ ร ง ก ร ะ ดู ก ข ค ค จ จ จ
(intraosseous maintenance)
๑๐.๕ การดู แ ลหลอดสวนหลอดเลื อ ดแดง (arterial ข ค ง จ จ จ
catheter maintenance)
๖
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑๐.๖ การแทงเข้าและบริหารสารน้ําทางหลอดเลือดดํา ข ค ค จ จ จ
(intravenous access & infusion)
๑๐.๗ การแทงเข้าคาและบริหารสารน้ํา/ยาเข้าในโพรง ข ค ง จ จ จ
กระดูก (intraosseous access and infusion)
๑๐.๘ การใส่ หลอดสวนสายสะดื อ (umbilical ค ง จ จ จ จ
catheter insertion)
๑๐.๙ การบริ ห ารสารน้ํ า /ยา ผ่ า นช่ อ งอุ ป กรณ์ ฝั ง คา ง จ จ จ จ จ
(access indwelling port)
๑ ๐ .๑ ๐ การ บริ ห า ร ส า ร น้ํ า / ยาด้ ว ย เ ค รื่ อ ง ก ล ข ค ง จ จ จ
(mechanical IV pumps)
๑๑. ก า ร เ ฝ้ า ต ร ว จ โ ล หิ ต พ ล วั ต ( hemodynamic
monitoring)
๑๑.๑ การเฝ้าตรวจโลหิตพลวัตด้วยหัตถการในร่างกาย ค ง จ จ จ จ
(invasive hemodynamic monitoring)
๑๑.๒ การกดเวกัส (vagal maneuvers)
๑๑.๒.๑ Valsalva’s maneuver ข ค ง จ จ จ
๑๑.๒.๒ การนวดแคโรติด (carotid sinus massage) ค ง จ จ จ จ
๑๒. หัตถการทางสูติกรรม (obstetrics procedures)
๑๒.๑ การช่ ว ยคลอดปกติ ใ นกรณี ฉุ ก เฉิ น (assisting ข ข ข ค ค ง
normal delivery of newborn)
๑๒.๒ การทํ า คลอดปกติ ใ นกรณี ฉุ ก เฉิ น (normal ข ค ค จ จ จ
delivery of newborn)
๑๒.๓ การช่วยคลอดผิดปกติในกรณีฉุกเฉิน (assisting ค ง ง จ จ จ
complicated delivery of newborn)
๑๒.๔ การตัดสายสะดือ (umbilical cord cutting) ข ค ง จ จ จ
๑๒.๕ การหนีบสายสะดือ (umbilical cord clamping) ข ข ข ค ค ง
๑๓. หัตถการอื่นๆ (other techniques)
๑๓.๑ การตรวจวัดสัญญาณชีพ (vital signs)
๑๓.๑.๑ การตรวจวั ด อุ ณ หภู มิ ก าย (taking ก ก ก ข ข ข
temperature)
๑๓.๑.๒ การตรวจวั ด ความดั น เลื อ ด (taking ก ก ก ข ข ข
blood pressure)
๗
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑๓.๑.๓ การตรวจวัดอัตราชีพจร (taking pulse ก ก ก ข ข ข
rate)
๑๓.๑.๔ การตรวจวัดอัตราการหายใจ (taking ก ก ก ข ข ข
respiratory rate)
๑๓.๑.๕ การตรวจวั ดการไหลกลั บของเลื อดฝอย ก ก ก ข ข ข
(capillary refilling time)
๑๓.๒ หั ต ถการการห้ า มเลื อ ด (bleeding control
techniques)
๑๓.๒.๑ การกดห้ามเลือด (direct pressure) ก ก ก ข ข ข
๑๓.๒.๒ การกดห้ามเลือดด้วยแรงดัน (pressure ก ก ก ข ข ข
dressing)
๑๓.๒.๓ การใช้สายรัดห้ามเลือดบริเวณรยางค์ ก ก ข ค ค ค
(extremity tourniquet)
๑๓.๒.๔ การใช้สายรัดห้ามเลือดบริเวณข้อต่อรยางค์ ข ข ค ง จ จ
(junctional tourniquet)
๑๓.๓ การใส่ ท่ อ สวนกระเพาะอาหารทางจมู ก ข ข ค จ จ จ
(nasogastric tube)
๑๓.๔ การใส่ ท่ อ สวนกระเพาะอาหารทางปาก ข ข ค จ จ จ
(orogastric tube)
๑๓.๕ การเจาะถุงหุ้มหัวใจ (pericardiocentesis) ง จ จ จ จ จ
๑๓.๖ การลดแรงดันในช่องเยื่อหุ้มปอดโดยใช้เข็มเจาะ ข ง ง จ จ จ
(needle thoracostomy)
๑๓.๗ การตรึงผู้ป่วย (patient restraint)
๑๓.๗.๑ การยึดตรึง (physical restraint) ก ก ข ค ค ค
๑๓.๗.๒ การใช้ยาตรึง (pharmacological) ค ค ง จ จ จ
๑๓.๘ การดู แ ลผู้ ป่ ว ยถู ก คุ ก คามทางเพศเบื้ อ งต้ น ข ข ค ง ง ง
(sexual assault victim initial management)
๑๓.๙ การดู แ ลผู้ ป่ ว ยถู ก ทารุ ณ เบื้ อ งต้ น (violence ข ข ค ง ง ง
victim initial management)
๑๓.๑๐ การแต่งแผล (wound dressing) ก ข ข ค ค ค
๑๔. การกู้ชีพ (resuscitation)
๑ ๔ . ๑ ก า ร ช่ ว ย ฟื้ น คื น ชี พ ( cardiopulmonary
resuscitation: CPR)
๘
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑๔.๑.๑ การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในทารก ก ข ข ค ง จ
(basic CPR for neonate/infant)
๑๔.๑.๒ การช่ ว ยฟื้ น คื น ชี พ ขั้ น พื้ น ฐานในเด็ ก ก ก ก ข ข ข
และการใช้ เครื่ อ งฟื้ น คื น คลื่ น หั ว ใจด้ ว ยไฟฟ้ า ชนิ ด
อัตโนมัติ (basic CPR for pediatric and AED)
๑๔.๑.๓ การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานในผู้ใหญ่ ก ก ก ข ข ข
และการใช้ เ ครื่ อ งฟื้ น คื น คลื่ น หั ว ใจด้ ว ยไฟฟ้ า ชนิ ด
อัตโนมัติ (basic CPR for adult and AED)
๑๔.๑.๔ การช่ ว ยฟื้ น คื น ชี พ ขั้ น สู ง ในทารก ข ค ค ง จ จ
(advanced CPR for neonate/infant)
๑๔.๑.๕ การช่ ว ยฟื้ น คื น ชี พ ขั้ น สู ง ในเด็ ก ข ค ค ง จ จ
(advanced CPR for pediatric)
๑๔.๑.๖ การช่ ว ยฟื้ น คื น ชี พ ขั้ น สู ง ในผู้ ใ หญ่ ข ค ค ง จ จ
(advanced CPR for adult)
๑๔.๒ การกดหน้ า อกโดยใช้ เ ครื่ อ งกล (mechanical ก ข ค ง จ จ
chest compression device)
๑ ๔ . ๓ ก า ร ดู แ ล ผู้ ป่ ว ย ห ลั ง ฟื้ น คื น ชี พ ( post ข ค ค ง ง ง
resuscitative care)
๑๔.๔ การฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบไม่อัตโนมัติ ข ค จ จ จ จ
(manual defibrillation)
๑๔.๕ การผันคืนจังหวะหัวใจ (cardioversion)
๑๔.๕.๑ การผั น คื น จั ง หวะหั ว ใจด้ ว ยไฟฟ้ า ค ง จ จ จ จ
(electrical cardioversion)
๑๔.๕.๒ การผันคืนจังหวะหัวใจด้วยยา Adenosine ค ง จ จ จ จ
(pharmacological cardioversion : Adenosine)
๑๔.๖ การกํากับจังหวะหัวใจ (cardiac pacing) ค ง จ จ จ จ
๑๕. หัตถการทางโครงร่าง (skeletal procedures)
๑๕.๑ การรักษาอวัยวะส่วนที่ถูกตัดขาด (care of the ก ข ข ค ค ค
amputation part)
๑ ๕ . ๒ ก า ร ด า ม ก ร ะ ดู ก หั ก / ข้ อ เ ค ลื่ อ น ก ข ข ข ค ค
(fracture/dislocation immobilization techniques)
๑ ๕ . ๓ ก า ร จั ด ก ร ะ ดู ก หั ก / ข้ อ เ ค ลื่ อ น เ ข้ า ที่ ค ง จ จ จ จ
(fracture/dislocation realignment techniques)
๙
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑๕.๔ การพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บเหมือนท่อนไม้กลิ้ง ก ก ก ข ข ข
(spine immobilization techniques with log roll)
๑๕.๕ การรัดกระดูกเชิงกราน (pelvic binding) ก ข ข ค ค จ
๑๕.๖ การใส่เครื่องดึงกระดูกต้นขา (traction splint) ค ค ง จ จ จ
๑๖. การยกและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (lifting and moving
techniques)
๑๖.๑ การลากที่รักแร้ (axillary drag) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๒ การลากที่เสื้อ (clothes drag) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๓ การลากที่เท้า (foot drag) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๔ การลากด้วยผ้าห่ม (blanket drag) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๕ การลากแบบพนั กงานผจญเพลิง (firefighter's ก ก ก ข ข ข
drag)
๑๖.๖ การอุ้ ม แบบพนั ก งานผจญเพลิ ง (firefighter's ก ก ก ข ข ข
carry)
๑๖.๗ การอุ้มที่แขนและขา (extremity carry/lift) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๘ การช่ ว ยเหลื อ ผู้ ป่ ว ยที่ เ ดิ น ได้ (assisting an ก ก ก ข ข ข
ambulatory patient)
๑๖.๙ การใช้เก้าอี้ยกผู้ป่วย (stair chair/chair) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๑๐ การใช้เปลล้อเลื่อน (wheeled stretcher) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๑๑ การใช้กระดานยาวดามกระดูกสันหลัง (long ก ก ก ข ข ข
spinal board & head immobilizer)
๑๖.๑๒ การใช้เปลตัก (scoop stretcher) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๑๓ การช่ ว ยให้ พ้ น อั น ตรายอย่ า งรวดเร็ ว (rapid ก ก ก ข ข ข
extrication)
๑๖.๑๔ การใช้ ก ระดานสั้ น ดามกระดู ก สั น หลั ง ก ก ข ค ค ง
(Kendrick extrication device)
๑๖.๑๕ การใช้เฝือกสุญญากาศแบบเต็มตัว (full body ข ค ง จ จ จ
vacuum mattress)
๑๖.๑๖ การเปลแผ่นม้วน (sketch stretcher) ข ค ง จ จ จ
๑๖.๑๗ การเปลตะกร้า (basket stretcher) ข ค ง จ จ จ
๑๖.๑๘ การปฏิบัติการแพทย์อื่นๆ
๑๖.๑๘.๑ การใส่ปลอกดามคอ (cervical collars) ก ก ก ข ข ข
๑๖.๑๘.๒ การถอดหมวกนิรภัย (removal helmet) ก ก ก ข ข ข
๑๐
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการแพทย์ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑๗. หั ต ถ ก า ร ท า ง จั ก ษุ ก ร ร ม ( ophthalmological
procedures)
๑๗.๑ การชะล้างตา (ocular eye irrigation) ก ข ค ง จ จ
๑๘. วิ ธี ก า ร บ ริ ห า ร ย า ( drug administration
technique)
๑๘.๑ การช่วยบริหารยาที่แพทย์สั่งไว้ประจําตัวผู้ป่วย ก ก ก ข ข ข
(assist self-own medication)
๑ ๘ . ๒ ก า ร บ ริ ห า ร ย า สู ด ( inhaled medication ก ก ข ค จ จ
administration)
๑ ๘ . ๓ ก า ร บ ริ ห า ร ย า วิ ธี อื่ น ต า ม protocol
(pharmacological non-inhaled techniques)
๑๘.๓.๑ การบริ หารยากิ นตาม Protocol (oral ก ก ข ค จ จ
administration)
๑๘.๓.๒ การบริ ห ารยาใต้ ลิ้ น (sublingual ก ก ข ค จ จ
administration)
๑๘.๓.๓ การบริหารยาทางทวารหนัก (intrarectal ข ข ค จ จ จ
administration)
๑๘.๓.๔ การฉีดยาเข้าหนัง (intradermal injection) ค ง ง จ จ จ
๑๘.๓.๕ การฉีดยาเข้าใต้หนัง (subcutaneous ข ข ค จ จ จ
injection)
๑๘.๓.๖ การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular ข ข ค จ จ จ
injection)
๑๘.๓.๗ การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดํา (intravenous ข ข ค จ จ จ
injection)
๑๘.๓.๘ การฉีดยาเข้าโพรงกระดูก (intraosseous ข ข ง จ จ จ
injection)
๑๘.๓.๙ การบริ หารยาทางท่อลม (intratracheal ข ค ง จ จ จ
administration)
ข้อ ๓ ให้ผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์แต่ละสาขา มีอํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือ
ข้อจํากัดในการปฏิบัติการอํานวยการตามคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการได้ ดังต่อไปนี้
อํานาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ หรือข้อจํากัด
รายการปฏิบัติการอํานวยการ ของผู้ปฏิบัติการประเภทช่วยฉุกเฉินการแพทย์
นฉพ. จฉพส. จฉพ. พฉพพ. พฉพ. อฉพ.
๑. การรับแจ้งการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก ก ข ข ง จ
๒. การประสานปฏิบัติการฉุกเฉิน ก ข ง ง จ จ
๓. การจ่ายงานปฏิบัติการฉุกเฉิน ก จ จ จ จ จ
๔. การกํ า กั บ ติ ด ตามและประเมิ น ผลการปฏิ บั ติ ก าร ง จ จ จ จ จ
ฉุ ก เฉิ น ตามคํ า สั่ ง การแพทย์ ข องแพทย์ อํ า นวยการ
ปฏิบัติการฉุกเฉิน
๕. การคัดแยกระดับความฉุกเฉินทางโทรศัพท์ (phone ก ข ง ง จ จ
triage)
๖. ให้คําแนะนําแก่ผู้แจ้งให้ทําการปฐมพยาบาลหรือการ ก ข ค ค จ จ
ปฏิบัติการฉุกเฉิน ตามแนวทาง ขั้นตอนวิธี และเกณฑ์
วิ ธี ที่ แ พทย์ อํ า นวยการปฏิ บั ติ ก ารฉุ ก เฉิ น กํ า หนด
(Prearrival Instruction)
๗. การออกรหัสตามคู่มือ Criteria Base Dispatch เพื่อ ก ค ง ง จ จ
จัดลําดับการบริบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน
๘. จั ด เก็ บ และรวบรวมข้ อ มู ล สารสนเทศจากผู้ แ จ้ ง ก ก ข ข ง จ
เหตุการเจ็บป่วยฉุกเฉิน
๙. รับคําสั่งทางการแพทย์หรือการอํานวยการ จากแพทย์ ก ค จ จ จ จ
อํานวยการปฏิบัติการฉุกเฉิน
๑๐. การถ่ายทอดคําสั่งการแพทย์หรือการอํานวยการ ก ข ง ง จ จ
๑๑. การวิเคราะห์ข้อมูลการปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อประกัน ก ข ง ง จ จ
คุณภาพการปฏิบัติการแพทย์และการอํานวยการ
๑๒. การจัดทําข้อมูลทรัพยากรสนับสนุนการปฏิบัติงานใน ก ข ง ง จ จ
เขตพื้นที่ (Surge capacity)