Professional Documents
Culture Documents
M.1-1 Midterm
M.1-1 Midterm
− จำนวนเต็มบวก (Positive integer) หรือ จำนวนธรรมชำติ (Natural number) หรือ จำนวนนับ (Counting
number) คือ จำนวนเต็มที่มีค่ำมำกกว่ำ 0 ซึ่งจะอยู่ทำงด้ำนขวำของ 0 บนเส้นจำนวน ได้แก่ 1, 2, 3, 4, 5, …
− จำนวนเต็มลบ (Negative integer) คือ จำนวนเต็มที่มีคำ่ น้อยกว่ำ 0 ซึง่ จะอยู่ทำงด้ำนซ้ำยของ 0 บนจำนวน ได้แก่
- 1, - 2, - 3, - 4, - 5, …
จำนวนเต็มศูนย์ (Zero)
จำนวนเต็มลบ (Negative integer) จำนวนเต็มบวก (Positive integer)
-7 -6 -5 -4 -3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7
1
1.3 กำรลบ (Subtraction) จำนวนเต็ม
5-4 = 5 + (- 4) =1 4-5 = 4 + (- 5) = -1
-5-4 = (- 5) + (- 4) = -9 -4-5 = (- 4) + (- 5) = -9
5 - (- 4) = 5+4 =9 4 - (- 5) = 4+5 =9
- 5 - (- 4) = (- 5) + 4 = -1 - 4 - (- 5) = (- 4) + 5 =1
การเจอกันของเครื่องหมาย
• เครื่องหมำยเหมือนกัน (+,+ / -,-) เจอกันเป็ น +
• เครื่องหมำยต่ำงกัน (+,- / -,+) เจอกันเป็ น –
+ (+ a) = + a - (- a) = + a
- (+ a) = - a + (- a) = - a
การคูณและหารกันของเครื่องหมาย
• เครื่องหมำยเหมือนกัน (+,+ / -,-) คูณ/หำรกันเป็ น +
• เครื่องหมำยต่ำงกัน (+,- / -,+) คูณ/หำรกันเป็ น –
(+ a) x (+ b) = + ab (- a) x (- b) = + ab
(+ a) x (- b) = - ab (- a) x (+ b) = - ab
a a
(+ a) ÷ (+ b) = + b (- a) ÷ (- b) = + b
a a
(+ a) ÷ (- b) = - b (- a) ÷ (+ b) = - b
2
แบบฝึ กหัดที่ 1 จงหำผลลัพท์จำกกำรบวก
1. 23 + 56 = 11. 73 + (- 16) + 23 =
1. 73 - 56 = 11. 43 - (- 12) - 5 =
7. (- 4) - 71 = 17. (- 8) - (- 199) - 46 =
3
แบบฝึ กหัดที่ 3 จงหำผลลัพท์จำกกำรคูณและกำรหำร
1. 2 x 5 = 16. 42 x (- 5) x (- 4) =
2. 4 x 18 = 17. (- 7) x (- 32) x (- 1) =
8. (- 24) ÷ 3 = 23. 73 x (- 8) x 2 =
9. 22 ÷ 11 = 24. 42 ÷ (- 3) ÷ (- 2) =
4
1.5 สมบัติ (Properties) ของกำรบวกและกำรคูณจำนวนเต็ม
กำรเปลี่ยนกลุ่ม a + (b + c) = (a + b) + c a x (b x c) = (a x b) x c
กำรแจกแจง a (b + c) = ab + ac
!
เครื่องหมำยอยู่หน้ำเลขตัวไหนเป็ นของตัวนัน้
ตัวเลขไปไหนเครื่องหมำยไปด้วย
+5-3=-3+5
5
แบบฝึ กหัดที่ 4 จงเติมตัวเลขลงในช่องว่ำง โดยกำรใช้สมบัติกำรสลับที่
6
แบบฝึ กหัดที่ 6 จงเติมตัวเลขลงในช่องว่ำง โดยกำรใช้สมบัติกำรแจกแจง
−54−33+120 7. - 720 ÷ - 2 ÷ - 3 ÷ - 4 ÷ -5 =
2. = ___
(42−3⋅39)
8. (a + b) (c - d) =
(2⋅4⋅5+6)
3. 10
= ___
9. (bc + a) ÷ (- a - bc) =
1000+100+10
4. = ___ 𝑎+(𝑏−𝑐𝑑)
10 10. =
(−𝑎−𝑏)−(−2𝑐𝑑+𝑏+𝑎)
(−84+32)(−125⋅3)
5. 7800
= ___
7
แบบทดสอบท้ายบท: จำนวนเต็ม
1. จำนวนเต็มที่อยู่ระหว่ำง 3 และ 4 มีกี่จำนวน
4. จงหำจำนวนที่แทนในตัวแปรแล้วทำให้ประโยคเป็ นจริง
8
5. 101 + 102 + 103 + … + 200 มีค่ำเท่ำใด
7. 1 - 2 + 3 - 4 + 5 - 6 + … + 59 - 60 + 61 มีคำ่ เท่ำใด
9
การสร้างทางเรขาคณิต
2.1 รูปเรขำคณิตพืน้ ฐำน
− จุด (Point)
▪ ใช้เพื่อแสดงตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงขนำดและรูปร่ำงของจุด
▪ เขียนตัวอักษรกำกับไว้เมื่อต้องกำรระบุช่ือจุด
● A แทนจุด A ● B แทนจุด B
A B
▪ มีเส้นตรงเพียวเส้นเดียวเท่ำนัน้ ที่ลำกผ่ำนจุดสองจุดที่กำหนด
A B
▪ ถ้ำเส้นตรงสองเส้นตัดกันจะเกินจุดตัดเพียวจุดเดียวเท่ำนัน้
Y
A
B
X
− ส่วนของเส้นตรง (Line segment)
▪ ส่วนหนึ่งของเส้นตรงที่มจี ดุ ปลำยสองจุด
▪ ส่วนของเส้นตรง AB หรืออำจเรียกว่ำ ส่วนของเส้นตรง BA เขียนแทนด้วย AB, BA
A B
▪ ควำมยำมส่วนของเส้นตรง AB เขียนแทนด้วย m(AB) หรือ AB หรืออำจใช้ตวั พิมพ์เล็กเขียนแทนควำม
ยำวส่วนของเส้นตรงได้เช่นกัน 𝑚(AB) = AB = 𝑎
A a B
10
− รังสี (Ray)
▪ เป็ นเหมือนส่วนของเส้นตรงที่มีจดุ ปลำยเพียงจุดเดียว และมีควำมยำวไม่จำกัดไปในทิศทำงของหัวลูกศร
▪ รังสี AB เขียนแทนด้วย AB ซึ่งไม่เหมือนกับ รังสี BA เพรำะกำรกำหนดชื่อรังสีจะขึน้ ต้นด้วยด้ำนปลำยที่
เป็ นจุดแล้วตำมด้วยปลำยที่เป็ นลูกศร
A B
− มุม (Angle)
▪ เกิดจำกรังสีหรือส่วนของเส้นตรงสองเส้นที่มีจดุ ปลำยร่วมกัน
▪ ชื่อของรังสีหรือส่วนของเส้นตรงทัง้ สองจะเป็ นแขนของมุม
▪ ชื่อของมุมจะขึน้ ต้นและลงท้ำยด้วยชื่อปลำยแขนของมุมที่ไม่ใช่จดุ ร่วมแล้วจุดปลำยร่วมอยู่ตรงกลำง หรือ
อำจจะเขียนแค่จดุ ที่เป็ นจุดร่วม เขียนแทนด้วย BÂC หรือ CÂB หรือ Â
C
A B
▪ ขนำดของมุมเขียนแทนด้วย m(BÂC) หรือสำมำรถใช้ช่ือของมุมแทนขนำดของมุมได้เช่นกัน
C
A B
2.2 กำรสร้ำงพืน้ ฐำนทำงเรชำคณิต
− กำรสร้ำงส่วนของเส้นตรงให้ยำวเท่ำกับส่วนของเส้นตรงที่กำหนดให้
1) กำงวงเวียนให้เท่ำกับส่วนของเส้นตรงที่กำหนดให้
2) เขียนส่วนโค้งบนเส้นที่ตอ้ งกำร
A B M N
11
− กำรแบ่งครึง่ ส่วนของเส้นตรงที่กำหนดให้
1) กำงวงเวียนให้ยำวกว่ำครึง่ หนึ่งของส่วนของเส้นตรง แล้วใช้ปลำยทัง้ สองของส่วนของเส้นตรงเป็ นจุดหมุน
เพื่อเขียนส่วนโค้งให้ตดั กันทัง้ ด้ำนบนและด้ำนล่ำงของส่วนของเส้นตรง
M N
M N
− กำรสร้ำงมุมให้มีขนำดเท่ำกับขนำดของมุมที่กำหนดให้
1) กำงวงเวียนกว้ำงพอควร จำกนัน้ ใช้จดุ ยอดมุมเป็ นจุดหมุนเพื่อเขียนส่วนโค้งคร่อมมุมที่กำหนดให้ เพื่อให้
เกิดจุดตัดที่แขนของมุมทัง้ สอง
A B
12
2) ใช้วงเวียนที่กว้ำงเท่ำเดิมเขียนส่วนโค้งลงบนเส้นที่ตอ้ งกำรเพื่อให้เกิดจุดตัด
3) กำงวงเวียนให้กว้ำงเท่ำกับระยะห่ำงระหว่ำงจุดตัดทัง้ สอง แล้วใช้จดุ ตัดที่เกิดขึน้ บนเส้นที่ตอ้ งกำรจะสร้ำง
มุมเป็ นจุดหมุนเพื่อสร้ำงจุดตัดกับส่วนโค้งในข้อ 2)
4) ลำกเส้นเชื่อมระหว่ำงจุดปลำยของส่วนของเส้นตรงกับจุดตัดที่เกิดขึน้ จำกข้อ 3)
N O
− กำรแบ่งครึง่ มุมที่กำหนดให้
1) กำรวงเวียนยำวพอควร จำกนัน้ ใช้จดุ ยอดมุมเป็ นจุดหมุนเพื่อเขียนส่วนโค้งคร่อมมุมที่กำหนดให้ เพื่อให้เกิด
จุดตัดที่แขนของมุมทัง้ สอง
2) ให้มองจุดตัดทัง้ สองเป็ นจุดปลำยส่วนของเส้นตรง หลังจำกนัน้ ใช้วิธีเดียวกับกำรแบ่งครึง่ ส่วนของเส้นตรง
เพียงแต่เขียนส่วนโค้งให้เกิดจุดตัดเพียงจุดเดียว
3) ลำกเส้นเชื่อมจำกจุดยอดมุมกับจุดตัดที่เกิดขึน้ จำกข้อ 2)
A B
− กำรสร้ำงเส้นตัง้ ฉำกจำกจุดภำยนอกมำยังเส้นตรง
1) กำงวงเวียนให้กว้ำงกว่ำระยะห่ำงจำกจุดถึงเส้นตรงพอควร จำกนัน้ เขียนส่วนโค้งให้เกิดจุดตัดกับเส้นตรง
สองจุด
2) ใช้สองจุดนัน้ เสมือนจุดปลำยส่วนของเส้นตรง แล้วทำวิธีเดียวกับกำรแบ่งครึง่ ส่วนของเส้นตรงเพียงแต่เขียน
ส่วนโค้งให้เกิดจุดตัดเพียงจุดเดียว
13
3) ลำกเส้นเชื่อมจำกจุดที่กำหนดให้กบั จุดตัด
A B
− กำรสร้ำงเส้นตัง้ ฉำกจำกจุดภำยในเส้นตรง
1) กำงวงเวียนให้กว้ำงพอควร ใช้จดุ ที่กำหนดให้เป็ นจุดหมุนเพื่อเขียนส่วนโค้งให้เกิดจุดตัดบนเส้นตรงสองจุด
2) ใช้สองจุดนัน้ เสมือนจุดปลำยส่วนของเส้นตรง แล้วทำวิธีเดียวกับกำรแบ่งครึง่ ส่วนของเส้นตรงเพียงแต่เขียน
ส่วนโค้งให้เกิดจุดตัดเพียงจุดเดียว
3) ลำกเส้นเชื่อมจำกจุดที่กำหนดให้กบั จุดตัด
A B
14
2.3 กำรสร้ำงรูปเรขำคณิต
− กำรสร้ำงมุม 90°
1) กำหนดจุดยอดมุมบนเส้นตรงแล้วใช้วิธีเดียวกับกำรสร้ำงเส้นตัง้ ฉำกจำกจุดภำยในเส้นตรง
A B
− กำรสร้ำงมุม 60°
1) กำหนดจุดยอดมุมบนเส้นตรง กำงวงเวียนให้กว้ำงพอควร ใช้จดุ ที่กำหนดเป็ นจุดหมุนเพื่อเขียนครึง่ วงกลม
บนเส้นตรง
2) ใช้จดุ ที่ตดั กับเส้นตรงเป็ นจุดหมุนเพื่อเขียนส่วนโค้งด้วยวงเวียนที่ควำมกว้ำงเท่ำเดิมให้เกิดจุดตัดกับครึง่
วงกลม
3) ลำกเส้นเชื่อมระว่ำงจุดตัดนัน้ กับจุดที่กำหนดในข้อ 1)
A B
15
− กำรสร้ำงเส้นตรงที่ขนำนกับเส้นตรงที่กำหนดให้
1) กำหนดจุดบนเส้นตรงสองจุด ใช้หลักกำรกำรสร้ำงเส้นตัง้ ฉำกกับทัง้ สองจุด
2) จำกนัน้ กำงวงเวียนให้เท่ำกับระยะห่ำงระหว่ำงเส้นตรงกับเส้นขนำนที่จะสร้ำง ใช้จดุ ที่กำหนดขึน้ ทัง้ สองจุด
เป็ นจุดหมุนเพื่อเขียนส่วนโค้งให้ตดั เส้นตัง้ ฉำกที่สร้ำงขึน้ ทัง้ สองเส้น
3) ลำกเส้นเชื่อมระหว่ำงจุดตัดทัง้ สอง
A B
16
แบบทดสอบท้ายบท: การสร้างทางเรขาคณิต
1. จงเปรียบเทียบรูปเรขำคณิตทัง้ สองพร้อมเขียนชื่อของรูปที่มีขนำดมำกกว่ำ
1.1. ____
A B X Y
1.2. ____
A B X Y
1.3. ____
C
X
A B Y Z
2. จงสร้ำงรูปเรขำคณิตที่มขี นำดเท่ำกับรูปที่กำหนดให้
2.1.
A B
2.2.
A C
17
2.3.
A C
3. จงสร้ำงรูปเรขำคณิตตำมที่กำหนด
A C
B
A B A B A B
18
3.4. สำมเหลี่ยมด้ำนเท่ำ โดยมีควำมยำวด้ำนเท่ำกับ AB
A B
M N
X Y
P Q
19
3.8. รูปหกเหลี่ยมด้ำนเท่ำที่มีควำมยำวด้ำนเป็ นหนึ่งในสี่ของ JK
J K
E F
3.10. สี่เหลี่ยมคำงหมูท่ม
ี ีควำมสูงเท่ำกับควำมยำวฐำนและเท่ำกับ UV และมีมมุ ที่ฐำนมุมหนึ่ง เท่ำกับ Â ส่วนอีกมุมหนึ่ง
มีขนำดเป็ นสองเท่ำของ Â
U V
20
เลขยกกำลัง
3.1 ควำมหมำยของเลขยกกำลัง
𝑎𝑛 = 𝑎 × 𝑎 × 𝑎 × … × 𝑎
n ตัว
2. 3 x 3 x 3 x 3 x 3 = 7. (𝑥 + 𝑦)(𝑥 + 𝑦)(𝑥 + 𝑦) =
3. (- 7) x (- 7) = 8. 𝑎 × 𝑎 × 𝑎 × 𝑎 × 𝑎 × 𝑏 × 𝑏 × 𝑏 =
4. (- 4) x (- 4) x (- 4) x (- 4) = 9. −(𝑚 × 𝑚 × 𝑛 × 𝑛 × 𝑛 × 𝑜 × 𝑜) =
5 5 5 5 5 𝑝×𝑝×𝑝×𝑝×𝑞×𝑞
5. 8
× × × ×
8 8 8 8
= 10. ×5×5×5×𝑟 =
𝑟×𝑟×𝑟
1. 47 = 3 7
6. (− 7) =
2. 54 =
7. −65 =
3. (−5)4 =
8. −(−2)7 =
1 6
4. (2) = 9. 𝑎4 𝑏 3 =
21
3.2 กำรคูณและกำรหำรเลขยกกำลัง มีสมบัตด
ิ งั ต่อไปนี ้
1. 𝑎𝑚 × 𝑎𝑛 = 𝑎𝑚+𝑛
2. 𝑎𝑚 ÷ 𝑎𝑛 = 𝑎𝑚−𝑛
3. 𝑎0 = 1 !
00 ไม่นิยำม
1
4. 𝑎−𝑛 =
𝑎𝑛
5. (𝑎𝑚 )𝑛 = 𝑎𝑚𝑛
6. (𝑎𝑏)𝑛 = 𝑎𝑛 × 𝑏 𝑛
𝑎 𝑛 𝑎𝑛
7. ( ) =
𝑏 𝑏𝑛
1. 34 × 33 = 11. 89 ÷ 84 =
3. 4 × 43 × 45 = 13. (−5)4 ÷ 57 =
7. 5 ⋅ 25 ⋅ 57 = 17.
74
=
73
8. 82 ⋅ 8 ⋅ 24 = 94
18. 9−5
=
2 −4 7
9. 6 ⋅ 6 ⋅6 =
125
19. 58
=
10. (−3)100 =
(−6)12
20. (−6)9
=
22
(−3)5 41. (0.2)5 =
21. − (−3)14 =
42. (0.25)−3 =
24
22. − (−2)11 =
1 −3
43. (0.125)2 ÷ ( ) =
510 5
23. − 53 =
0.145 ⋅.0147
44. 0.14 8
=
(−4)−6
24. (−4)−3
=
(−5)3 ⋅28
45. 72
=
25. (−51)0 =
3−4 ⋅54
26. −12 0
= 46. =
9−3
23
3.3 สัญกรณ์วิทยำศำสตร์ (Scientific notation)
1. 20 = 6. 0.35 =
2. 1500 = 7. 0.0003 =
3. 13400 = 8. 0.020014 =
4. 1234980 = 9. 0.0000212 =
1. 106 = 6. 10−5 =
24
แบบทดสอบท้ายบท: เลขยกกำลัง
1. 2−1 × 3 × 8 × 27 × 23 × 30 มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด
−3 5
23 ×3−4 2−3 ×32
2. ( 2−2 ×3 ) ÷ ( 2×3−1 ) มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด
3. กำหนด n เป็ นจำนวนเต็มบวก ซึง่ 𝑛200 < 7300 แล้ว n ที่มีคำ่ มำกที่สดุ เป็ นเท่ำใด
25
4. ให้ A = 2−2 × [2−2 × (2−2 × (2−2 )−2 )−2 ]−2 และ B = 2−2 ÷ [2−2 ÷ (2−2 ÷ (2−2 )2)2 ]2 จงหำค่ำของ
A+B
0
2𝑛+1
5. [2𝑛 − 2
] มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด
1 1 1
𝑏+𝑐 𝑎−𝑏 𝑐+𝑎 𝑏−𝑐 𝑎+𝑏 𝑐−𝑎
6. จงทำหำรูปอย่ำงง่ำยของ (𝑥 𝑐−𝑎 ) ⋅ (𝑥 𝑎−𝑏) ∙ (𝑥 𝑏−𝑐)
26
7. ถ้ำ125−𝑘 = 8 จงหำค่ำของ 55𝑘
1
1 2
1 2
11 1 2
8. กำหนดให้ 𝑎 = 16 จงหำค่ำของ 𝑎16 ⋅ [𝑎 (𝑎 (𝑎 2))]
2 4
9. ถ้ำผลสำเร็จของ (0.000243)(0.0016) (1500)
(6000)3 (0.00002)4 (0.0027)2
คือ 1.25 × 10𝑛 แล้ว n เท่ำกับเท่ำใด
27
10. กำหนดให้ a เป็ นเลขโดดในหลักหน่วยของ 31000 และ b เป็ นเลขโดดในหลักหน่วยของ 71000 จงหำค่ำของ a + b
28