You are on page 1of 600

เรื่อง under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก

แต่งโดยนักเขียนนามปากกา สะตอป๊อก

วาดหน้าปกโดย นายจันทร์เจ้า

พิสูจน์อักษรโดยระบบของเว็บไซต์ readawrite.com

มีจานวนตอนนิยายทั้งหมด 43 ตอน (รวมกับตอนพิเศษเข้าไปแล้ว)

ขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และ


ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์เพิ่มเติม พ.ศ. 2558 ห้ามทาการคัดลอก
ห้ามเขียนดัดแปลงเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการ
ถ่ายทอด,ถ่ายเอกสาร,สแกน,ถ่ายภาพ ในรูปแบบใดก็ตามที่เป็นการ
เผยแพร่ หรือวิธีการใดๆ ทั้งปวง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็น
ผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร

ตัวอย่างเช่น

ห้ามแอปหรือเว็บ ที่ดึงเอาผลงานของผู้แต่งไปเผยแพร่ โดยทางเว็บไซต์


หรือตัวแอพ ได้เงินจากค่าโฆษณาหรือจากการปลดล็อกให้สามารถ
ดาวน์โหลดเก็บเนื้อหาของนิยายไว้ในเครื่องได้ โดยการกระทาดังกล่าว
เป็นการแสวงหาผลกาไร โดยทางผู้แต่งไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเสีย
ผลประโยชน์

ห้ามคนที่ปลดล็อกนิยาย หรือซื้อนิยายในตอนนั้นๆ หรือว่าซื้อเป็นเล่ม


แล้ว เอาไอดีที่สมัครจากทางเว็บไซต์ขายนิยายประเภทอีบุ๊คไปแจกจ่าย
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อแสวงหาผลกาไร หรือไม่ก็แล้วแต่ คุณไม่สามารถทาได้
เนื่องจากหนังสือประเภท “อีบุ๊ค” ไม่ใช่หนังสือแบบรูปเล่มกระดาษ ที่คุณ
จะสามารถนาไปขายต่อได้ เป็นเหมือนหนังสือมือสอง หากท่านซื้อแล้ว
หนังสือประเภทอีบุ๊คจะเป็นสมบัติของท่านเพียงผู้เดียว และห้ามนาไอดี
ไปขายต่อเด็ดขาด

ห้ามทาการ Capture หรือแคปหน้าจอ บันทึกเนื้อหาของนิยายนาไป


เผยแพร่เด็ดขาด
ผลงานอืน
่ ๆ ของนักเขียน

ผมจะเรียงจากตามการจัดจาหน่ายครั้งแรกสุดของผลงานก่อนนะ

1. Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก

ผมใช้อยู่ 2 นามปากกา ซึง่ ใช้แตกต่างแนวกัน

white cane นามปากกานี้เป็นนามปากกาหลักของผมที่ใช้บ่อยมากที่สุด


เพราะจะใช้สาหรับแต่งนิยายที่ไม่เกินเรต 18 ปี ขึ้นไป

สะตอป๊อก นามปากกานี้จะใช้สาหรับแต่งนิยายที่เกินเรต 18 ปี ขึ้นไป

เนื่องจากรายชื่อนิยายที่อ่านกันอยู่นี้เป็นนิยายที่มีอยู่ในช่วงเวลาที่วาง
จัดจาหน่าย ฉะนั้นรายชื่อนิยายจึงไม่มีการอัพเดทใหม่ หากต้องการรู้ว่า
นักเขียนมีผลงานอะไรใหม่ๆ บ้าง กรุณาพิมพ์ค้นหาจากนามปากกาของ
นักเขียนในช่องค้นหาแทน

คาเตือน กรุณาอ่านให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าทั้งเรื่องย่อและสานวน


เนื่องจากตัวผมสามารถเขียนได้หลายแนวทาง ฉะนั้นมันอาจไม่ใช่แนว
ที่คุณชอบอ่าน โดยเฉพาะตรงหน้าเรื่องย่อ ที่ควรอ่านให้ดีๆ เพราะผมจะ
เขียนอย่างชัดเจนว่าเน้นแนวทางของนิยายไปทิศทางไหน
__________

คาชีแ
้ นะเพิ่มเติม

สาหรับใครที่ใช้ระบบผูกบัญชีหักเงินผ่านบริษัทของแอปเปิล ราคาที่
สั่งซื้อผ่านหน้าตัวแอปจะแพงกว่าปกติ ไม่ใช่นิยายของผมคนเดียวที่
แพง ของคนอื่นก็แพงเหมือนกัน ฉะนั้นกรุณาเปลี่ยนเป็นระบบเงินสกุล
บาทของไทยเพื่อจ่าย หรือจ่ายผ่านพวกตามร้านค้าเคาน์เตอร์เซอร์วิส
แทน ราคาจะถูกกว่า เคาน์เตอร์เซอร์วิสในที่นี้หมายถึงพวกจุดบริการ
อย่างเช่น เซเว่น ,บิ๊กซี ,โลตัส ,ธนาคาร เป็นต้น ที่ทางบริษัทเว็บไซต์
ดังกล่าวนั้นๆ มีให้การบริการ โดยคุณนักอ่านสามารถไปเปิดดูวิธีการสั่ง
จ่ายได้ที่หน้าเว็บไซต์ของยี่ห้อนั้นๆ ไม่ก็สอบถามทีมงานของเว็บนั้นก็ได้
นะ โดยการติดต่อผ่านทางช่องทางที่เขียนบอกไว้ในแอปหรือหน้า
เว็บไซต์ แต่อย่าไปโพสต์ในหน้า App Store ( ที่เป็นการแสดงบทวิจาร
ในหน้าแอปนะ เพราะทางบริษัทเขาจะไม่มาอ่านดู (แอปบางยี่ห้อเท่านั้น
ที่มีทางเลือกให้นักอ่านเติมเงินเข้าสู่ระบบ แต่ละเว็บหรือแอปจะมีชื่อ
เรียกกันต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็น เหรียญ ,เพชร หรือเรียกว่า coin เป็น
ต้น ดังนั้นก่อนซื้อกรุณาตรวจดูให้ดีก่อน เดี๋ยวจ่ายแพงกว่าเดิมครับ
เตือนด้วยความหวังดี)
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 1

ภายใต้ค่าคืนดึกสงัด ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสง หญิงสาวเพิ่งลง


จากรถเมล์ที่บริษัทมาส่งหน้าปากซอยทางเข้าบ้าน เธอเหลียวมองรถ
ของบริษัทที่จากไปด้วยความรู้สึกหวั่นๆ เพราะในคืนนี้เป็นคืนแรกที่เธอ
ทางานนอกเวลา หรือจะให้เรียกดูเหมือนคนมีความรู้หน่อย ก็คือ over
time หรือเรียกอีกอย่างง่ายๆ คือ โอที นั่นเอง

เมื่อรถเพียงคันเดียวที่เห็นหายลับไปจากสายตา บรรยากาศ
กลับมาวังเวงเหมือนเป็นป่าช้าอีกครั้ง อาจทาให้ใครต่อใครที่อยู่ในที่
อย่างนี้ขนลุกเอาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิงเพียงตัวคนเดียว ที่ไม่ควรมา
เดินในสถานที่อย่างนี้ เพราะนอกจากภายในซอยนี้ยังเปลี่ยวไร้บ้านของ
คนอยู่อาศัย ทั้งสองฝั่งของถนนภายในซอยยังเป็นป่ารก ซึ่งดูเหมือน
ตั้งใจเชิญชวนชายเลวๆ สักคนมาสิงสถิตเป็นเหมือนเจ้าที่

แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง เนื่องจากตอนแรกเธอบอกคนขับรถ
ให้ช่วยเข้าไปส่งถึงหน้าบ้าน กลับถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า เขาต้องไปส่ง
คนอื่น อีกอย่างภายในซอยนี้มันแคบและไม่มีที่ให้กลับรถได้ ด้วยเหตุนี้
เธอต้องเดินกลับเพียงลาพัง

ก่อนพ่อแม่จะเสีย ไม่รู้ว่าทาไมต้องมาซื้อที่ดินพร้อมบ้านให้เป็น
มรดกในที่ห่างไกลจากแหล่งชุมชนถึงเพียงนี้ แล้วนอกจากเปลี่ยวจนน่า
กลัว บ้านยังอยู่ลึก อย่างนี้เธอต้องรีบหาแฟนสักคนหนึ่ง อย่างน้อยจะได้
มีคนมาส่งให้อุ่นใจ ไม่ต้องมามัวพะวงว่าหน้าอกมโหฬารของเธอจะถูก
ละเมิดจากมือชายที่ไม่ปรารถนา แล้วยังรวมไปถึงทางช่องลี้ลับของเธอ

หญิงสาวสะบัดหน้าขับไล่ความฟุ้งซ่านก่อนจะคิดอะไรเลยเถิดไป
มากกว่านี้ จากนั้นเธอหยิบอาวุธประจากายของคนยุคสมัยนี้ออกมา ทว่า
ไม่ใช่อาวุธเครื่องช็อตไฟฟ้าหรือสเปรย์พริกไทย หรืออะไรอย่างจาพวก
นั้น แต่เป็น โทรศัพท์ ต่างหาก

มือเรียวบางสวมหูฟัง ต่อปลั๊กเข้าเครื่องอย่างผู้ชานาญการด้วย
ความรวดเร็ว ขณะเดียวกันหน้าจอปรากฏภาพ แต่เธอไม่ได้เปิดดู
โซเชียลมีเดียที่บุคคลธรรมดาทั่วไปชอบดูกัน ในท่ามกลางบรรยากาศ
วังเวงเช่นนี้ ต้องดูอะไรที่มันตื่นเต้นเร้าใจ ไม่ใช่ดูคลิปใครตาย หรือ
อะไรจาพวกนั้น มันต้องเป็น เว็บโป๊ ต่างหากถึงจะใช่เลย !!!

หญิงสาวเปิดดูไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะคลิปชายกับชาย สาหรับใน


สายตาของเธอ เป็นเรื่องที่ดูเร้าใจดีจริงๆ โดยเฉพาะในตอนที่ฝ่ายผู้รุก
กระแทกไส้กรอกเข้าไปอย่างไม่ยั้ง จนคู่ขาถึงกับเลือดทะลัก แสดงสี
หน้าเจ็บปวดแต่ชื่นชอบอย่างซาดิสม์

หลังจากจบคลิปน่าตื่นตาตื่นใจและขยะแขยงในคราวเดียวกัน
ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเข้าไปดูฉากการถ่ายทาอย่างใกล้ชิดก็ยังไม่
หาย หากมีใครมาเห็นในตอนที่เธอเปิดดูคลิปพวกนี้ มีหวังเธอคงได้หน้า
แดงแน่ๆ แต่จะทายังไงได้ ในเมื่อเธอชอบของแปลก

เธอไล่อ่านชื่อคลิปที่นาเสนอต่อไปว่าจะดูคลิปไหนต่อดี จนสายตา
มาสะดุดที่ชื่อคลิปว่า น้องแอนยอดรักของเหล่าด็อกกี้ แน่นอนว่าเธอต้อง
ไม่รอช้าจิ้มชื่อคลิปดังกล่าวอย่างไว ไม่ว่าต่อให้มีโฆษณาขายยาโด๊ปหรื
อแจ้งว่าเครื่องคุณติดไวรัส เธอก็ไม่สนใจ เพราะอย่างไรโทรศัพท์ของ
เธอมันเป็นยี่ห้อไร้ไวรัส ต่อให้มีไวรัสจากระบบแอนดรอยด์มากแค่ไหนก็
ไม่หวั่นแม้วันมามาก

(อู๊ว... ! เร็วอีก เร็วอีก ซอยให้เร็วอีกเลยจ้ะ อู๊วว้าว !!!)


ดวงตาเธอเบิกกว้าง พร้อมทาปากจู๋ ภาพในสายตาเหมือนเปิดโลก
ทัศน์ใหม่ให้กับตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่เห็นแท่งสีแดง ขนาดใหญ่ และ
ยาว มีลักษณะคล้ายเหมือนน้าเต้า มีปลายแหลมตัดเฉียงเหมือนหลอด
เจาะกล่องนม ของเจ้าตูบสายพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ที่ฝังอยู่ภายใน
ช่องลับของนางเอกในเรื่อง ถอดออกมาให้สายตาชาวโลกรับรู้ในความ
น่าเกรงขามของมัน มีน้ากระจายพรวดตามออกมาติดๆ พร้อมมีเสียงดัง
ป๊อก ! เพราะแรงสุญญากาศ เหมือนเสียงในตอนที่ดูดนิ้วแล้วดึงออกมา
อย่างเร็วจนมีเสียง

หลังจากถอดหอกแหลมออกมา พระเอกหน้าขนในเรื่องเปลี่ยนจาก
ในท่าประกบเข้าหลังที่มันถนัด มาเป็นท่ามาตรฐานของมนุษย์แทนเมื่อ
นางเอกพลิกตัวมาเผชิญหน้า

ไอ้หื่นหน้าขนทาหน้าที่ของมันต่ออย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องการ
เสียเวลา โดยไม่มีแม้การ เซนเซอร์ ในช่วงที่หอกแหลมสีแดงนั้นบุกเข้า
ไป

ตอนเจ้าตูบกระแทกด้วยความเร็วสูงที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทา
ได้ มีเสียงของการเสียดสีดัง ซวบ ซวบ ซวบ ! ก่อนลงท้ายเสียงดัง ตับ
ตับ ตับ ! ช่างเป็นเสียงกระตุ้นความเร้าใจทวีคูณได้ดีอย่างยิ่ง

เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเจ้าตูบหน้าซื่อบื้อฉลาดไม่ถึงปลายเล็บขบ
นั่น จะมีความเร็วในการสร้างอารมณ์ให้แทบขวัญกระเจิงได้ขนาดนี้
เนื่องจากในยามปกติแม้จะเคยเห็นหมาผสมพันธุ์กันอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่
เคยสนใจมองมันอย่างละเอียด จึงไม่รู้ว่ามันจะมีความเร็วได้มากถึง
ขนาดนี้มาก่อน ถ้าเธอเป็นนางเอกในนั้น มีหวังเธอคงบีบแท่งเหล็กของ
เจ้าตูบจนมันหอนด้วยความเสียวออกมาแน่ แต่นั่นเป็นเพียงแค่ความคิด
เท่านั้น ใครมันจะไปอ้าขาให้เจ้าตูบ แต่ถ้าเป็นดาราเกาหลีหน้าตาหล่อๆ
เธอพร้อมจะอ้าขาให้เลย แต่ดูหญิงสาวคนนั้นคงไม่มีทางเลือก จึงต้องมา
ถ่ายคลิปบัดสีสุดอุบาทว์เช่นนั้นแทน แล้วคงหนีไม่พ้นคาว่า เงินตรา แน่
แท้ ไม่เช่นนั้นผู้หญิงในคลิปคงไม่ยอมมาทาอะไรอย่างนี้

“บรู๋วววววววว !!!”

ขณะกาลังกดเร่งเสียงด้วยความกระหายถึงกับนิ้วสั่น มีเสียงหอน
ของหมาดังมาจากป่าข้างทาง ทาเอาหญิงสาวชะงักหน้าตาตื่นพร้อมขน
ลุกซู่

เธอกดหยุดวิดีโอในโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว จากนั้นหันขวับกวาด
มองไปรอบๆ ทางป่าอย่างระแวง เธอจาได้ว่าภายในซอยนี้ไม่มีหมาจร
จัดอยู่ แล้วเสียงหอนเมื่อกี๊มันมาจากไหน

ผ่านไปสักพัก ยังไม่มีเสียงของตัวอะไรมาให้ได้ยิน นอกจากเหล่า


แมลงตัวเล็กตัวน้อย เธอคิดว่าบางทีอาจหูแว่วไปเอง หรือไม่ก็เป็นเสียง
จากโทรศัพท์

คิดได้ดังนั้น เธอกลับมาเปิดดูวิดีโอต่อแล้วรีบเดินไปอย่างเร็วมาก
กว่าเดิม พลางด่าตัวเองภายในใจ ตกใจอะไรไม่เข้าท่าไปได้ ทาให้
สะดุดฉากเด็ด ตอนน้องแอนเปลี่ยนมาเลียแท่งไอศกรีมสีแดงซึ่งยาวเป็น
คืบ แล้วดูเหมือนว่าน้องแอนจะชื่นชอบแท่งไอศกรีมมันเงานั้นมากเสีย
ด้วย โดยเฉพาะน้าหวานสีขาวขุ่นที่ค่อยๆ เอ่อออกมาจากปลายยอดราว
กับลาวาเดือด น้องแอนตั้งหน้าตั้งตาทั้งเลียและดูดกลืนกินอย่าง
ตะกละตะกลามไม่หยุด

“กรรรร...”
หญิงสาวสะดุ้งอีกครั้ง แต่คราวนี้ยังไม่ทันจะหันไปมองทางป่าซึ่ง
เป็นที่มาของเสียง เธอถูกบางสิ่งกระโจนใส่จนล้ม จากนั้นสิ่งนั้นจับข้อ
เท้าลากเธอเข้าไปภายในป่าข้างทางอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอได้แต่กรีด
ร้องด้วยความตกใจ
__________

หญิงสาวยังคงถูกลากเข้าไปในป่าลึกเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงไฟของ
ถนนใหญ่หายไปจากสายตา มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลอด
ระหว่างใบไม้ลงมาให้พอมองเห็น เธอไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร รู้เพียงแค่ว่า
ลักษณะมันเหมือนสัตว์ตัวใหญ่

ไม่นานมันหยุดลากเธอไปตามพื้น แต่เปลี่ยนมาคร่อมร่างแทน
อย่างรวดเร็ว แสงจากดวงจันทร์ที่เล็ดลอดใบไม้ลงมา สาดส่องใบหน้า
ของมัน ทาให้ดวงตาสีเหลืองที่ถูกกระทบแสงกลายเป็นสีเขียวอ่อนแวว
วาวในแบบเฉพาะเผ่าพันธุ์ของสัตว์กินเนื้อที่หากินกลางคืน

ยังไม่ทันหญิงสาวจะผลักมันออกไป เธอถูกปัดมืออย่างแรงจนรู้สึก
เหมือนกระดูกแทบแหลก เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังถูกกรงเล็บของมันข่วน
แต่เธอไม่ยอมตายแล้วตกเป็นอาหารของตัวอะไรนี่แน่ เธอจึงฝืนความ
เจ็บเพื่อจะผลักและถีบมันออกไป ทว่าแขนทั้งสองข้างถูกจับแยกแล้วกด
ทับ เช่นเดียวกับขาของเธอที่ถูกน้าหนักมหาศาลของมันกดทับติดพื้น
จนไม่สามารถขยับเขยื้อนเพื่อป้องกันหรือต่อสู้ได้ มีเพียงตั้งแต่ข้อศอก
ไล่ไปจนถึงมือเท่านั้นที่ยังสามารถเคลื่อนไหว แต่ก็ทาได้เพียงเหมือน
โบกมือไปมาแค่นั้น มากกว่านั้นเธอไม่สามารถทาอะไรได้เลย

ภาพของเขี้ยวสีขาวจากปากที่อ้ากว้าง มันสะท้อนเป็นเงาอย่าง
เด่นชัดมากกว่าอะไรทั้งหมดเบื้องหน้าของเธอในตอนนี้ เสี้ยววินาทีนั้น
เธอรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดูเชื่องช้าลง ราวกับตั้งใจให้เธอ
เห็นและจดจาภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต

แต่ไม่ทันสัตว์ร้ายน่าสะพรึงกลัวจะฝังคมเขี้ยวที่ใบหน้า บังเอิญมือ
ที่ยังคงพยายามจะปัดป้องเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความหวัง ไปกระชากสาย
หูฟังที่ยังเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ ซึ่งถูกลากตามมาพร้อมกัน ทาให้
ตัวเครื่องลอยขึ้นไป แล้วทันทีที่สายหูฟังหลุดออก เสียงครางของสาว
แอนซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องก็บรรเลงความเสียวดังออกมา ทาให้เจ้าตัว
ประหลาดร่างเต็มไปด้วยขนสีดาชะงัก แล้วหันขวับไปมองทิศทางของ
เสียงนั้น

ขณะเดียวกันพอเมื่อเธอมองดูดีๆ สิ่งที่มาคร่อมเธออยู่นี้มันเป็นหมา
ขนาดใหญ่

แต่เดี๋ยวก่อน... มันไม่น่าใช่หมา เพราะว่ามันมีแขนและขาเหมือน


มนุษย์ แต่ยกเว้นส่วนหัวที่เหมือนหมา จึงคิดได้เพียงอย่างเดียวว่ามัน
ต้องไม่ใช่หมาธรรมดา มันเป็นได้เพียงสิ่งเดียวจากตานานที่รู้จัก มันคือ
มนุษย์หมาป่า !!!

หญิงสาวหันไปตามเสียงร้องของน้องแอน ภาพที่เห็นคือตัวเครื่อง
ไปตกตรงต้นไม้ มันพิงอยู่ในท่าตั้งเป็นมุมองศาที่เห็นได้เด่นชัดถนัดตา
อย่างพอเหมาะพอดี ราวกับมีใครตั้งใจไปจับมันตั้งอยู่ตรงนั้น

ภาพนางเอกในหนังติดเรตเบื้องหน้า หล่อนอยู่ในท่าโก้งโค้งให้กับ
พระเอกตัวใหม่ที่เป็นพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ด มันกาลังกระแทกด้วย
ความเร็วสูงพร้อมทาเสียงแฮะๆ ด้วยความเสียวในแบบของมัน ส่วนหญิง
สาวข้างใต้ หล่อนยังคงดูดแท่งไอศกรีมสีแดงของลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์
ที่อยู่ในท่านอนหงายแกล้งตายโดยอ้าขากว้างอย่างเต็มที่ มันกลอกตา
ขึ้นเหมือนเหม่อลอย ราวกับว่าวิญญาณของมันลอยไปถึงสรวงสวรรค์
ชั้นที่เจ็ดเรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไปไกลกว่านั้น เผลอๆ วิญญาณ
ของมันอาจลอยทะลุไปยังดาวนอกระบบสุริยะอื่นแล้ว

หญิงสาวหันกลับมามองเจ้าตัวที่คร่อมอยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกัน
มนุษย์หมาป่าค่อยๆ หันกลับมาเช่นเดียวกัน แต่คราวนี้ในดวงตาที่เต็ม
ไปด้วยความกระหายเลือด มันเปลี่ยนมาเป็นแววตาฉ่าเยิ้ม ปากอ้า ลิ้น
ห้อยยืดยาว แล้วหากฟังดีๆ จะได้ยินเสียงพ่นลมหายใจถี่รัว

ลักษณะอย่างนั้นของมัน รู้ได้ทันทีว่ามันกาลังคิดเรื่องวิปริตอะไร
กับเธอแน่แท้ แล้วไม่นาน เธอถูกมือหยาบหนาขนาดใหญ่รวบมือทั้งสอง
ข้างไว้เหนือหัวอย่างฉับไว

มนุษย์หมาป่าตวัดลิ้นระรัวราวกับอยากลิ้มรสอากาศอย่างตื่นเต้น
มือฉีกกระชากผ้าที่ปกปิดส่วนล่างของเธอออกอย่างง่ายดาย ราวกับผ้า
ผืนบางๆ ผืนหนึ่งในอุ้งมือมันเท่านั้น จากนั้นมันแทรกตัวเข้ามาอยู่ใน
ระหว่างขาทั้งสองข้างของเธอ แล้วจับบังคับแยกออก

หญิงสาวไม่สามารถขัดขืนจากแรงของมันได้แม้แต่น้อย นอกจาก
หวีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีด โดยเฉพาะดวงตาของเธอแทบจะ
ถลนออกจากเบ้า ทันทีที่เห็นอาวุธประจากายของมัน ‘โคตรไส้
กรอกบิ๊กไบค์ !’

つづく

Social Media อ่านว่า โซเชียลมีเดีย หมายถึง สื่อสังคมออนไลน์


Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 2

ค่าคืนดึกสงัด นอกจากเสียงของเหล่าแมลงช่วยกันขับร้องบทเพลง
ชวนเคลิบเคลิ้มน่าฟังให้แด่ธรรมชาติ ยังมีเสียงแปลกปลอมสอดแทรก
เข้ามา นอกจากมันไม่ได้ชวนฟังรื่นหู เสียงของมันยังเหมือนตั้งใจ
ทาลายบรรยากาศดีๆ ของยามค่าคืน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเสียงเหมือนเนื้อ
กระทบกัน เสียงกรีดร้องของผู้หญิง และโดยเฉพาะเสียงลมหายใจดังฟืด
ฟาดของสัตว์เดรัจฉานที่เกิดกาหนัด

สัตว์ร่างใหญ่ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนสีดา มันกระแทกท่อน
แกร่งเข้าประตูสวรรค์ด้วยความรุนแรงอย่างไม่ยั้ง ยิ่งมีเสียงของหญิง
สาวร้อง เหมือนจะกลายเป็นการกระตุ้นความป่าเถื่อนของมันมากขึ้น

ไม่นานเสียงร้องของหญิงสาวที่ชื่อว่า จอย เงียบหายไป แต่ไม่ใช่


ว่าเธอชื่นชอบจึงไม่ส่งเสียงออกมา เป็นเพราะในตอนนี้เธอทั้งจุกและเจ็บ
สุดบรรยาย จนแทบเปล่งเสียงไม่ออก ยิ่งผ่านไปต่อกี่เสี้ยววินาที หอก
แหลมของมันที่ตอนแรกเท่าเหรียญสิบ พองตัวขยายใหญ่ขึ้นอย่าง
รวดเร็ว จนมีขนาดใหญ่เทียบเท่าขวดซุปไก่สกัดเข้าไปแล้ว

ตอนนี้เธอคงไม่สามารถเก็บความบริสุทธิ์ไว้เพื่อรอชายในฝันได้
อีกต่อไป ในเมื่อเยื่อพรหมจารีของเธอถูกไอ้ตัวหน้าขนทะลวงไป
เรียบร้อย เลือดของความสาวบริสุทธิ์และน้าหล่อลื่นจึงไหลออกมาในทุก
ครั้งที่มันเคลื่อนเข้าออก แถมการเสียความบริสุทธิ์ในครั้งนี้ยังไม่ใช่
สถานที่เลิศหรูเหมือนคนส่วนใหญ่ที่จะไปมีอะไรกัน เธอถูกทาเรื่องอย่าง
ว่าอยู่ในป่าละเมาะ

นอกจากบรรยากาศไม่น่าอภิรมย์ ยังมียุงกัดให้ราคาญอีก
โดยเฉพาะเรื่องที่เธอหวาดกลัวพอๆ กับถูกมนุษย์หมาป่าเปลี่ยนใจมาจับ
เธอกิน นั่นคือสัตว์ที่เธอรังเกียจที่สุด เมื่อพลันสังเกตเห็นตะขาบตัวเป้งๆ
เท่าหัวนิ้วโป้งตีนกาลังเข้ามาใกล้ เสียงร้องที่แทบเหมือนไม่มีแรงเปล่ง
ออกมา กลับหลุดออกมาจากปากได้อย่างมหัศจรรย์

เหมือนไอ้หน้าขนมันจะรู้ว่าเธอกลัวมากแค่ไหน มันจึงแสดงความ
เป็นสุภาพบุรุษ โดยการเงื้อมือกาหมัด ทุบตะขาบจนแบนแต๊ดแต๋ติดพื้น
จากนั้นกลับมาอึ๊บเธอต่ออย่างหน้าตาเฉย การกระทาของมันเข้ากับ
หน้าตาของมันได้ดีแท้ ทาราวกับว่าเรื่องที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี๊นี้ มันไม่ได้
ทาอะไรสิ่งมีชีวิตที่มีขานับร้อยที่ชักกระตุกอยู่ตรงนั้น แล้วดูท่าก็คงไม่มี
สิ่งใดที่ทาให้มันกลัว หรือจะมาหยุดยั้งมันในตอนนี้ได้

จอยรู้สึกหายใจโล่งทันทีเมื่อมนุษย์หมาป่าหยุดยัดเยียดความเป็น
ผัวให้ แต่เพียงไม่นาน เธอเพิ่งรู้ว่าคิดผิด เธอถูกจับขาข้างหนึ่งชี้ฟ้า แล้ว
หมุนตัวมาอยู่ในท่าตะแคง ทาให้กล้ามเนื้อที่ตึงของขาไปบังคับทางช่อง
ลับ หดตัวบีบรัดแท่งหอกใหญ่ยักษ์ของมันแน่นโดยไม่ตั้งใจ

ดวงตามนุษย์หมาป่าขยาย หายใจดังฟืดฟาด มันลงมือกระแทกต่อ


ในท่วงท่านั้นอยู่พักใหญ่ก่อนจับเธอหมุนตัวมาเป็นท่าคลานสี่ขา โดยไม่
ยอมปล่อยให้หลุดการเชื่อมต่อ จากนั้นจับบั้นท้ายของเธอกระดกสูง

จอยรับรู้ได้ทันทีว่ามันกาลังเปลี่ยนมาทากับเธอเหมือนท่าด็อกกี้ใน
คลิปไม่มีผิดเพี้ยน หญิงสาวจึงรีบใช้ศอกเป็นฐานพยุงร่างไว้ เพราะเจ้า
ตัวข้างหลังมันทุ่มแรงทั้งหมดใส่เธออย่างไม่มียั้ง ไม่มีแม้สนว่าหน้าเธอ
จะทิ่มดินหรือไม่ นอกจากบั้นท้ายของเธอต้องอยู่ในระดับที่มันถนัด
เท่านั้นที่มันให้ความใส่ใจ ที่สาคัญต้องอยู่ในระดับตรงเป๊ะ หากแม้เอียง
ไปเล็กน้อย หรือสูงหรือว่าต่าเพียงนิดเดียว มันจะส่งเสียงขู่ออกมา ทา
เอาเธอสะดุ้งกลัวจนขนลุกตั้งชัน จากนั้นมันจะปรับตาแหน่งให้กลับมา
อยู่ในระดับที่มันต้องการ แล้วลงมือกระแทกต่อ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ยิ่งมีเสียงของน้องแอนในคลิปร้องด้วย
ความเสียวมากเท่าไร ไอ้ตัวหน้าขนข้างหลังจะยิ่งกระแทกแรงมากขึ้น
โดยเฉพาะในตอนไหนที่น้องแอนเน้นเสียงแหลมเป็นพิเศษ ความเร็ว
ของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในจังหวะนั้น

จอยเจ็บมากจนร้องไห้แทบหมดน้าตา จะขัดขืนก็ไม่กล้า กลัวก็


กลัว ทาอะไรไม่ได้เลยนอกจากให้มันผสมพันธุ์เหมือนหมาตัวเมียที่
ยินยอมตัวหนึ่ง

เธอทาได้เพียงอย่างเดียวคือการขบฟันแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด
ในตอนนี้ช่องทางลับของเธอแสบไปหมดเพราะจากการเสียดสีของมัน
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเร็วถึงขนาดนี้

มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนกระทั่งเธอหมดแรงจะใช้ศอกพยุงร่าง
ต่อไปได้ไหว

แต่ไม่ทันจะทรุด มนุษย์หมาป่าปล่อยมือทั้งสองข้างที่จับสะโพก
ของเธอ แล้วเปลี่ยนมาช่วยพยุง โดยการใช้แขนข้างหนึ่งกอดตัวเธอ
ส่วนแขนอีกข้างเหยียดตรงกับพื้นเพื่อใช้เป็นฐานรองรับทั้งร่างของเธอ
และตัวมัน

มือข้างที่กอดตัวเธอ เหมือนมันไม่อยากให้เสียเที่ยวไป ไหนๆ มา


อยู่ใกล้โรงงานผลิตนมสดทั้งที จึงเลื่อนมาขยาโรงงานขนาดใหญ่ของ
เธออย่างเมามัน
จอยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ในทุกๆ ประมาณยี่สิบถึงยี่สิบห้า
นาที ก่อนมันจะหยุดพัก ใกล้ช่วงสุดท้าย มันจะเร่งจังหวะทั้งเร็วและ
รุนแรง พร้อมหายใจถี่รัวและคารามออกมาอยู่เสมอ เป็นเหมือนการบ่ง
บอกว่ามันจวนใกล้ถึงจุดสุดยอด แล้วเมื่อถึงเป้าหมาย มันจะหอนเสียง
แหลมสูงแปลกๆ

ทุกครั้งที่มันพักรบ พอจะทาให้จอยพักช่องลับที่มันใช้บริการได้
บ้าง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะถอดอวัยวะแสดงเพศออกไป มันยังคงฝังอยู่ในตัว
เธออย่างนั้น

ช่วงระยะเวลาพักเหนื่อยนี้ มนุษย์หมาป่าจะเปลี่ยนมานั่งท่าอ้าขา
มีตัวเธอนั่งอยู่ตรงกลาง มันเอาแต่เหม่อมองดวงจันทร์ราวกับมาพักผ่อน
ที่บ้านพักตากอากาศ โดยมีเธอเป็นเหมือนหมอนวดที่กาลังนวดของลับ
ส่วนตัวในบรรยากาศที่น่าผ่อนคลายอย่างไรอย่างนั้น

ถึงแม้มันพักรบอวัยวะตรงส่วนนั้น แต่ไม่ใช่ว่าขนาดของมันจะหด
เล็กลง จอยยังคงสัมผัสได้ถึงความใหญ่ของมันในร่างกาย นอกจากนี้มือ
สองข้างของมันยังอยู่ไม่สุข มันเลื้อยเหมือนงูสารวจตัวเธอไม่หยุด
แน่นอนว่ามันทาให้เธอตัวสั่นหวาดกลัว ขณะเดียวกันยังทาให้รู้สึกขน
ลุกด้วยความเสียว บางขณะมันจะเลียแก้มหรือไม่ก็คอของเธอ ยิ่งตอนที่
มือปกคลุมไปด้วยขนลูบไล้เรือนร่าง แล้วมาหยุดขยาตรงหน้าอก สร้าง
ความเสียวทวีคูณได้ดีแท้

นอกจากนี้มันยังเลื้อยต่าลงไปสารวจตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างเธอ
และตัวมัน ทุกครั้งที่มันทาอย่างนั้น มันจะหายใจแรงดังฟืดฟาดเหมือน
ตื่นเต้น ราวกับว่ามันดีใจในความสาเร็จของการเป็นพ่อพันธุ์ในครั้งนี้

จอยรู้สึกคลื่นไส้วิงเวียนศีรษะเพราะกลิ่นสาบของตัวมัน
โดยเฉพาะกลิ่นความน่าอับอายของเธอที่ไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางลับ
เมื่อยิ่งผสมรวมกับน้าคาวๆ ที่ถูกยัดเยียดเข้าถึงภายในตัว เธอแทบอยาก
อ้วกเอาของที่กินไปเมื่อเย็นนี้ออกมา

แต่มนุษย์หมาป่าไม่ให้เธอได้พักอย่างสบายใจนานนัก พอเวลา
ผ่านไปอีกประมาณห้าถึงแปดนาที เธอจะถูกจับมาอยู่ในท่าด็อกกี้ต่อ
แล้วเริ่มบรรเลงบทรักอันเร่าร้อนต่ออย่างนี้ไปเรื่อยๆ

จอยไม่รับรู้ความรู้สึกตรงส่วนนั้นอีกต่อไป เพราะว่ามันชาไปหมด
แม้แต่น้าที่ทะลักออกมาระหว่างการเสียดสีเธอก็ยังไม่รู้สึก นอกจากเพียง
เสียงที่เหมือนน้าหกเท่านั้นที่พอทาให้รู้ว่าภายในตัวของเธอคงถูกเติม
เต็มจนไม่มีช่องว่างให้อีก สุดท้ายน้าสายพันธุ์จึงล้นออกมา

เธออยู่กับวัฏจักรนี้มาเนิ่นนานมาก ความอ่อนเพลียจึงกลายเป็น
ความเมตตาเพียงอย่างเดียวที่พระเจ้าสามารถมอบให้เธอพ้นจากความ
ทุกข์และความแสบนี้ได้ แล้วไม่นานเธอก็หมดสติไปโดยไม่รับรู้เรื่อง
อะไรอีกทั้งสิ้น

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 3

“จ๊ะเอ๋ยัยจอย !”

สาวหน้าอกแตงโมร้องว้าย ผงะถอยตกใจแทบขาขัดกันจนหงาย
เพราะปรากฏหน้าของเพื่อนสาวที่ชื่อว่ากิ่งมาอยู่ตรงหน้า นอกจากนี้อีก
ฝ่ายยังทาตาถลนพร้อมแลบลิ้น

“เป็นไง วิญญาณกลับเข้าร่างแล้วเหรอ” กิ่งพูดติดหัวเราะ

“แกบ้าหรือไง มาเล่นอย่างนี้ฉันตกใจหมด” จอยทาหน้าเอาเรื่อง


ตัวสั่นด้วยความโกรธ

กิ่งกลั้นหัวเราะแล้วอธิบาย “ไม่ได้บ้า แต่เป็นการช่วยเรียกสติของ


หล่อนต่างหาก” แม้พยายามอดกลั้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทาได้ เธอ
ระเบิดหัวเราะออกมาต่อ

ก้อยเพื่อนสาวอีกคนมายืนพิงตรงหน้าประตูห้องชงกาแฟ “พวกฉัน
หวังดีอยากให้แกสติสตางค์กลับมาเป็นผู้เป็นคน จึงตกลงกันมาช่วยแก”

“สุดท้ายพวกแกตกลงกันมาใช้วิธีปัญญาอ่อนอย่างนี้” จอยถามก
ลับน้าเสียงนิ่งๆ

“พวกฉันตั้งใจเจตนาดีแท้ๆ แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง” ก้อยทาท่า


เจ็บปวดหัวใจ

“ใช่” กิ่งรีบเสริมหลังจากหยุดหัวเราะ เปลี่ยนใบหน้ามาเป็นน้อยอก


น้อยใจ “ฉันลงทุนทาหน้าจิ้งจกแลบลิ้นเพื่อช่วยเหลือหล่อนขนาดนี้
หล่อนยังไม่รู้จักบุญคุณ รู้ไหมว่าฉันต้องเสี่ยงมากแค่ไหนถ้ามีใคร
บังเอิญเห็นหน้าของฉันเมื่อครู่นี้เข้า ฉันอาจหาผัวไม่ได้ไปตลอดชีวิตนี้
เลยรู้ไหมยะ”

จอยกลอกตาขึ้น พ่นลมหายใจ นึกไม่ถึงว่าเพื่อนสนิทสองคนนี้มัน


จะสามารถเปลี่ยนให้เธอมาเป็นคนไม่ดีได้อย่างง่ายดาย แต่เธอไม่สนใจ
เพื่อนจอมเมาท์ เธอเดินอ้อมกิ่งเพื่อไปโต๊ะชงกาแฟ

“ตกลงวันนี้แกเป็นอะไรของแก นอกจากทาหน้าเหมือนซอมบี้ไม่มี
วิญญาณอยู่ในร่าง ฉันยังเห็นเดินขาถ่างท่าเป็ดเข้ามาในบริษัทตั้งแต่
เมื่อเช้า ทาเหมือนผ่านศึกผัวติวเข้มการบ้านมายังไงอย่างนั้น” ก้อยเดิน
เข้ามาภายในห้องเก็บของว่างของบริษัท ตรงไปยืนพิงโต๊ะมุมห้อง
กอดอก สบตาราวกับบีบคั้นเอาคาตอบ

“เอ่อ... คือว่า... ฉะ... ฉัน...” จอยขาเริ่มสั่น เธอไม่กล้าเล่าเรื่องที่


เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อคืนนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครยอมเชื่อหรือไม่ว่าเธอ
โดนไอ้ตัวหน้าหมาเย่อจนแทบเดินไม่ไหว ในตอนแรกก็อยากจะเอาไป
แจ้งความว่าโดนข่มขืน แต่เกรงว่าอาจโดนข้อหาแจ้งความเท็จ เผลอๆ
โดนจับโยนเข้าโรงพยาบาลบ้าไปเลยก็ได้ เพราะเหตุนี้ทาให้เธอทั้ง
เครียดและหวาดผวา

“นี่หล่อนพูดมาได้ยังไงยะ” กิ่งหันไปทางก้อย “หล่อนลืมไปหรือไง


ว่ายัยจอยมันยังไม่มีคนมาจีบ แล้วมันจะไปมีผัวได้ยังไง”

“ว้ายตายจริง ฉันก็ลืมไปสนิท” ก้อยยกมือป้องปากหัวเราะ

“ฉันนึกได้ ว่าจะถามตั้งแต่เช้าแล้ว” กิ่งมองไปที่มือของจอย ที่มี


ผ้าพันแผลพันไว้จวนกลายเป็นมัมมี่เวอร์ชันพิสดาร “มือหล่อนไปโดน
อะไรมา เมื่อวานยังเห็นดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือไง ?”
“เอ่อ... เอาเป็นว่าฉันโดนหมากัดมาก็พอ” จอยกุมขมับขณะหัน
กลับไปหยิบซองกาแฟมาเพื่อจะชง

“นี่พวกแกรู้หรือเปล่าว่าวันนี้จะมีลูกชายของท่านประธานบริษัทมา
แบบไม่เป็นทางการ” ก้อยเปิดเรื่องเมาท์ประจาวัน

“รู้สิยะ” กิ่งเดินไปพิงขอบโต๊ะอีกคน หันหน้าไปทางจอยที่กาลัง


มองหากรรไกรตัดซองกาแฟ จากนั้นถามเจาะจงเพื่อนหน้าอกใหญ่คนนี้
“แล้วหล่อนล่ะรู้หรือยัง ?”

“ฉันไม่รู้” แม้จอยตอบน้าเสียงเหมือนไม่อยากสนใจ แต่ในหัวตรง


ข้าม “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี๊บอกว่าลูกชายท่านประธานบริษัทมาแบบไม่เป็น
ทางการ แล้วพวกแกรู้ได้ยังไง ?”

“แกนี่เชยจริงๆ ไม่เคยเปิดดูเฟซบุ๊กหรือไง ข่าวออกจะดังขนาดนี้”


ก้อยว่า

“ข่าวอะไรของแก ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง ?” จอยกดกาน้าร้อนใส่ถ้วย


แล้วเอือ
้ มไปหยิบช้อนมาคนโดยไม่ต้องมองเพราะความชานาญ

“อย่าบอกนะว่าแกดูแต่พวกคลิปอุบาทว์นั่นเพียงอย่างเดียว จึง
ไม่ได้รู้เรื่องโลกภายนอก” ก้อยแววตาวิบวับ ฉีกยิ้ม ทาราวกับเป็นแม่
หมอดู เห็นพฤติกรรมด้านมืดของอีกฝ่าย จะแฉถ้าไม่จ่ายเงินมาเพื่อปิด
ปาก

“บ้า ! ใครมันจะไปดูกันยะ” จอยรีบปฏิเสธอย่างร้อนรน


“โอ๊ยอย่ามาตอแหลเลยยัยจอย พวกฉันรู้จักแกมาตั้งแต่อนุบาล
แล้ว มีหรือที่จะไม่รู้จักไส้พุงของแกหมดทุกซอกทุกมุม” ก้อยป้องปาก
หัวเราะโฮะๆ

“เออๆ ฉันยอมรับก็ได้” จอยลดเสียงเบาลง มองซ้ายมองขวาด้วย


ความอาย กลัวว่าจะมีใครเดินผ่านมาแล้วบังเอิญได้ยินเข้า “แล้วแกมา
เล่าให้ฉันฟังทาไม ในเมื่อมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรือพวกแกแม้สัก
เล็กน้อย”

“เกี่ยวสิ ใครว่ามันไม่เกี่ยว ในเมื่อมันเป็นเรื่องหัวข้อเด็ดสาหรับ


วันนี้ที่ฉันจะนามาประดับปากสวยๆ ของฉันให้น่าสนใจมากขึ้น”

คาอธิบายของก้อยทาจอยหน้าตึง เพราะหมายถึงประเด็นจริงๆ ไม่


มีเนื้อหาความสาคัญอะไรเลย นอกจากแค่เป็นเรื่องเมาท์ยามว่าง

“หล่อนคงจาได้ใช่ไหมว่าลูกชายของท่านประธานเป็นลูกครึ่งฝรั่ง”
กิ่งเท้าความเรื่องเมาท์ที่เคยโด่งดังในอดีต

“เรื่องนั้นใครก็รู้ แล้วยังไง มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับฉันแม้เล็กน้อย


อยู่ดี” พูดจบ จอยมาสนใจกับการเป่ากาแฟให้หายร้อนแทน ในเมื่อเรื่อง
ที่พูดคุยอยู่นี้มันไม่มีความสาคัญ เธอจึงไม่อยากรับรู้อีก ตอนนี้ที่ควรต้อง
ให้ความสนใจจริงๆ คือเรื่องเมื่อค่าคืน เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะกลายร่างเป็น
มนุษย์หมาป่าหรือไม่ หรือว่าไอ้ตัวนั้นมันจะกลับมาขี่เธออีกในคืนนี้
หรือไม่อย่างแย่ที่สุดคือเธอถูกมันจับกินแทนโดนอึ๊บ

“จะอะไรอีกล่ะ ใครก็ไม่รู้ไปงัดห้องนอนของลูกชายท่านประธาน
เข้า ดูสิเอาถึงกับห้องของโรงแรมกระจุยกระจายเลย เหมือนเพิ่งผ่าน
สงครามมายังไงอย่างนั้น” กิ่งล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเปิดแล้วชี้ให้
ดู แต่จอยแค่เหลือบตาไปมองเล็กน้อย “นี่ยังโชคดีที่ลูกชายของท่าน
ประธานบริษัทไม่ได้อยู่ในห้องตอนที่มันงัดเข้าไป ไม่งั้นหล่อนเอ๊ย ฉัน
ยังไม่รู้ว่าพ่อรูปหล่อจะเป็นยังไง”

“พ่อรูปหล่อ ?” จอยทวนคา แม้เธอรู้ว่าลูกชายของท่านประธาน


เป็นลูกครึ่งฝรั่ง แต่ไม่เคยเห็นรูปโฉมของชายหนุ่ม ไม่เว้นแม้แต่รูปภาพ
ที่หน้าบอร์ดในบริษัท ยังไม่มีถ่ายเอาไว้โชว์ให้พนักงานดูว่าที่ของ
ประธานบริษัทคนต่อไป นอกจากคาเล่าลือจากปากต่อปากเท่านั้นว่าเขา
หล่อมาก

“ใช่เลยย่ะ ถ้าไม่หล่อแล้วเขาจะเรียกว่าอะไร แกดูเอาเองเลยก็ได้


นี่เลยฉันเก็บรูปภาพเขาไว้ด้วย แกจะได้รู้ว่าเขาหล่อมากแค่ไหน” ก้อย
รีบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิด

“ท่านประธานมา ประธานมา !”

ไม่ทันจอยจะได้ดูรูปภาพ มีเสียงพนักงานผู้ชายจากอีกฟากของ
ห้องส่งเสียงเตือนเพื่อนร่วมงานให้รับรู้

ทุกคนจึงกลับไปนั่งประจาที่อย่างตาลีตาเหลือก แล้วเสแสร้ง
ทางานต่ออย่างขยันขันแข็ง ไม่นานภายในห้องเข้าสู่สภาวะเกือบเงียบ
สงัด มีเพียงเสียงการกดแป้นคีย์บอร์ดเบาๆ เท่านั้น ทว่ายกเว้นจอย ก้น
ยังไม่ทันแตะเก้าอี้ ต้องรีบย้อนกลับไปเอากาแฟเพราะลืมทิ้งไว้

หลังจากหยิบเอาถ้วยกาแฟแล้วหมุนตัวเพื่อจะออกไปจากห้อง
จอยสังเกตเห็นเพื่อนสาวสองคน ส่งสัญญาณลับเตือนว่าอย่าออกมา
ตอนนี้ จากนั้นพวกเธอทั้งสองกลับไปพิมพ์งานต่อ บ่งบอกได้ทันทีว่า
กาลังมีกลุ่มคนเดินผ่านมา แล้วหลักฐานชั้นดีก็คือเสียงฝีเท้าหลายคู่ จอ
ยจึงหันกลับไปวางถ้วยกาแฟ เสแสร้งทาเป็นว่ากาลังชงอยู่ จึงไม่
สามารถกลับไปทางานต่อได้ในขณะนี้
ใจของเธอเต้นรัวเมื่อเสียงฝีเท้าทั้งหมดมาหยุดตรงหน้าห้อง ไม่รู้
ว่าข้างหลังเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะทาไมต้องมาหยุดตรงหน้าห้องชง
กาแฟ

กลุ่มคนตรงนั้นพูดคุยกันเบามาก จนเธอจับใจความชัดเจนอะไร
ไม่ได้ว่าพูดอะไรกัน ไม่นานเสียงฝีเท้าพวกนั้นเดินต่อไป ยกเว้นเพียง
เสียงเดียวที่เดินตรงเข้ามาหา

“ขอโทษนะครับ”

จอยขมวดคิ้ว เสียงทักทายของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังฟังดูแปลกๆ
เหมือนพวกฝรั่งที่อยู่เมืองไทยนานจนสามารถพูดภาษาไทยได้ แต่ก็
ยังคงมีสาเนียงแปลกๆ เหมือนของภาษาอังกฤษปะปนอยู่ หรือพูดให้ถูก
คือออกเสียงไม่ชัดเจนนั่นเอง แล้วดูท่าชายคนนี้จะต้องเป็นผู้ชายเจ้า
สาอาง เพราะจอยได้กลิ่นน้าหอมสุดฉุนโชยมาเตะจมูก

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหันไปเผชิญหน้าอย่างช้าๆ
พลางลุ้นในใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือไม่

ทันทีที่เห็นเต็มๆ สองตา เธอแทบไม่อยากเชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตหน้าตา


ดูดีได้ขนาดนี้บนโลก ผมสีทองราวกับทองคา คิ้วเข้มราวกับมีใครเอาสี
ไปทาเน้นย้า แต่ช่วยเสริมให้เขาดูดีได้อย่างน่าแปลก ดวงตาสีฟ้าดั่ง
ผลึกน้าแข็ง แฝงไปด้วยความอ่อนโยน จมูกเป็นสันได้รูป ริมฝีปากดู
เชิญชวนสัมผัส ที่ใบหน้าของเขาไม่มีกระอย่างที่พวกฝรั่งส่วนใหญ่ชอบ
เป็น มีกล้ามเห็นเป็นมัดๆ เหมือนคนชอบออกกาลังกาย วัดด้วยสายตา
เขาอาจมีความสูงกว่าสองร้อยเซนติเมตร เมื่อเขาเดินผ่านตรงที่มี
แสงแดดสาดส่องมาจากทางหน้าต่าง ทาให้เขาดูราวกับเป็นเทพบุตรเพิ่ง
เสด็จลงมาจากสวรรค์
ตามปกติหากจอยเห็นผู้ชายมีความสูงและกล้ามเยอะขนาดนี้ มัน
ต้องชวนทาให้ผวา เพราะมันเหมือนเห็นเป็นยักษ์ที่พร้อมจะขยี้เธอ แต่
พอมีใบหน้าคมคายนี้มาเป็นเจ้าของร่าง กลับดูต่างออกไป มันเป็นความ
ลงตัวที่ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง ‘โอ้นี่มันสวรรค์โปรดฉันใด ทาไมถึงมีบุรุษ
รูปงามมาคุยกับฉันได้ !’

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้ายื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มชวน
ใจละลาย “ผมอเล็กซ์ ผมเป็นลูกชายของประธานบริษัท ผมเพิ่งมาดูงาน
บริษัทที่ประเทศไทยแห่งนี้เป็นครั้งแรก ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ฉะ... ฉันก็เช่นกันค่ะ ฉะ... ฉัน เอ่อ... ฉันชื่อจอยค่ะ ฉันเป็น


พนักงานในแผนกชั้นนี้” เธอตื่นเต้นจนตะกุกตะกักขณะยื่นมือไปเพื่อจะ
จับมือตามแบบฝรั่ง

ทว่าผิดจากที่คิดไปไกล หญิงสาวหน้าแดงกว่าเดิม ขณะเดียวกัน


เพื่อนสาวทั้งสองคนที่แอบมองอยู่ ถึงกับเบิกตาโพลง เมื่อนายฝรั่งลูกครึ่ง
ไม่ได้เขย่ามือ แต่เขาพลิกหลังมือจอยขึ้นแล้วโน้มตัวมาจูบแทน

“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงคุณว่างหรือไม่ ?” อเล็กซ์ยืดตัวตรงแต่ยังคงไม่
ปล่อยมือ “ผมรู้จักร้านอาหารแห่งหนึ่ง มันอร่อยมาก แต่ผมไม่กล้าไปกิน
ตัวคนเดียว ผมชอบมีคนไปนั่งกินด้วย มันให้บรรยากาศดีกว่ากัน”

“วะ ว่างค่ะ” กว่าจะรู้สึกตัว จอยก็พูดออกไปเรียบร้อย ความจริง


คาพูดนั้นมันเป็นความคิด เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูด ตอนนี้เธอจึงหน้าแดง
กว่าเก่า แทบอยากจะเอาหน้าของตัวเองไปซ่อนให้ไกลจากชายหนุ่ม
อย่างเร็วที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทาได้ ร่างของเธอยังคงยืนแข็งอยู่ตรงนั้น
“พรุ่งนี้ผมจะมารับตรงหน้าแผนกคุณนะครับ” อเล็กซ์ขยิบตาให้
แล้วหมุนตัวเดินจากไป

ทันทีที่แผ่นหลังของชายหนุ่มหายไปนอกประตู จอยรีบลากเก้าอี้
มานั่งก่อนขามันจะทรุด แน่นอนเธอคาดไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้
โดยเฉพาะไม่อยากเชื่อว่าเขาชวนทานข้าว เขากาลังชวนออกเดตจริงๆ
ใช่หรือไม่ เธอถามตัวเองย้าอยู่ภายในใจดังๆ

เมื่อกิ่งกับก้อยเห็นชายหนุ่มเปิดประตูไปยังอีกห้อง ทั้งสองคนก็ลุก
ขึ้นแล้วซอยเท้าฉับๆ ตรงดิ่งมา

“ยัยจอย เมื่อกี๊พวกฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ลูกชายท่าน


ประธานจูบมือแก ?” ก้อยจับมือเพื่อนขึ้นมาดู ทาราวกับเป็นนักสืบเพื่อ
หาร่องรอยความจริงอย่างละเอียด

“หล่อนบอกมาดีๆ เดี๋ยวนี้นะว่าชงกาแฟเซ็กซี่อีท่าไหนลูกชายท่าน
ประธานถึงถูกใจเข้า ?” กิ่งรีบซัก

“แกเอาอะไรมาคิดว่ายัยจอยใช้ความเซ็กซี่” ก้อยปล่อยมือเพื่อนทิ้ง
แล้วยืดตัวตรง “อย่างยัยจอยมันต้องเรียกว่าโชคดีส้มหล่นมากกว่า แถม
หล่นเข้าห้องกาแฟเสียด้วย” พอมองหน้าของจอยที่ยังทาเหมือนไม่มีแรง
ความอิจฉาไม่ทราบมาจากไหนโถมเข้าจนเนื้อตัวสั่น

“เขาเรียกว่าส้มหล่นที่ไหน อย่างนี้ต้องเรียกว่าฝรั่งหล่นต่างหาก
แถมไม่ใช่ฝรั่งธรรมดา เป็นฝรั่งพันธุ์ผสมลูกครึ่งเสียด้วย” กิ่งหัวเราะ
ชอบใจกับมุกตลกตัวเองที่สามารถต่อท้ายเพื่อนได้

“ว้ายจริงด้วย” ก้อยยกมือป้องปากหัวเราะชอบใจตาม
จอยละสายตาจากเพื่อนทั้งสองที่กระดี๊กระด๊าเพราะระงับไม่ไหว
เธอผ่อนลมหายใจออกมายาว แม้เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นในเรื่องที่ชายหนุ่ม
ชวนออกเดต แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องค้างคาจากเมื่อคืน ยิ่งคิดก็ยิ่งทาให้วิตก
กังวลไม่หาย ทาให้เธอไม่มีอารมณ์อยากจะแสดงท่าทางอะไรออกมา

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 4

ตกเย็นหลังเลิกงานวันนั้น จอยขอไปนอนที่บ้านเพื่อนด้วย
เนื่องจากไม่กล้ากลับไปบ้านของตน ด้วยเหตุผลที่ง่ายนิดเดียว คือเธอ
กลัว นั่นเอง เพราะหลังจากที่สลบไป จากการทนไม่ไหวต่อการรุกราน
ของมนุษย์หมาป่า เธอฟื้นตื่นมาบนเตียงภายในบ้านของตัวเองได้อย่าง
ปริศนา แม้ในตอนแรกจะหลงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น แต่ว่า
หลักฐานร่องรอยที่ว่ามันเป็นเรื่องจริง คือหลักฐานเสื้อผ้าที่สวมใส่เมื่อคืน
นั้นที่อยู่ในตะกร้า มีเศษดินเศษใบไม้ใบหญ้าติดอยู่ ลูกบิดกลอนล็อก
ประตูบ้านที่พังกระจายเหมือนกับโดนอะไรบางอย่างกระชากจนพังหลุด
ยิ่งโดยเฉพาะความแสบตรงส่วนนั้นของร่างเธอ บ่งบอกให้รู้ว่าไอ้ตัวนั้น
ต้องรู้ที่นี่คือบ้านของเธออย่างแน่ หากไม่เช่นนั้นเธอจะตื่นขึ้นมาปรากฏ
นอนอยู่บนเตียงได้ยังไง ถ้าจะให้สันนิษฐาน มันคงอุ้มเธอเข้ามาส่งถึง
เตียงบนชั้นสอง ยังรวมถึงเก็บสิ่งของมาให้ด้วย แถมจัดการเปลี่ยน
เสื้อผ้าชุดนอนให้อีกเสร็จสรรพ ที่สาคัญมันยังไม่ทิ้งความเป็นสุภาพบุรุษ
ก่อนไป เมื่อตรงช่องที่ควรจะมีน้าเมือกจากรักอันเร่าร้อน มันได้หายไป
อย่างมหัศจรรย์ หากมันไม่ได้เช็ดทาความสะอาดร่างกายเธอก่อนเอา
นอนเตียง ไม่เช่นนั้นร่องรอยตรงระหว่างขาจะหายไปได้ยังไง หรือไม่
อย่างที่ความคิดแย่ที่สุดชวนอ้วกแตก คือมันเลียทาความสะอาดให้เธอ
แทนหมดจดทุกซอกทุกมุมตามประสาสัตว์ตระกูลหมา

“เดี๋ยวแกนั่งรอก่อนนะ ฉันไปคุยธุระก่อนครู่หนึ่ง” ก้อยจอดรถ


มอเตอร์ไซค์หันมาบอกจอยที่นั่งซ้อนท้าย

“เออๆ ตามสบายแก ฉันไม่รีบอยู่แล้ว” จอยตอบรับขณะลงมานั่ง


เก้าอี้ข้างๆ รถ
ในระหว่างที่รอเพื่อนทาธุระ จอยหันไปตามเสียงร้องของหมาตรง
ซอยข้างๆ เห็นเป็นหมาสองตัวกาลังผสมพันธุ์กัน ไอ้ตัวผู้มันซอยไม่ยั้ง
ใส่ตัวเมีย ขณะเดียวกันตัวเมียมันก็ร้องเสียงแหบพร่าออกมาขณะ
พยายามเอี้ยวตัวซ้ายขวา เหมือนมันอยากจะเห็นหน้าผู้ที่มากระแทก
ช่องลับด้านหลังในครั้งนี้

จอยไม่รู้ว่ามันชื่นชอบหรือครางเพื่อประกาศถึงความเสียวกันแน่
แต่ที่แน่ๆ ภาพที่เห็นทาให้เธอรู้สึกวาบหวิว เพราะเหมือนเห็นเป็นภาพ
ของตัวเธอเองในค่าคืนเมื่อวานไม่มีผิด

มีหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เพศผู้ตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน
ข้างๆ ตรงที่เธอนั่งอยู่ มันร้องอิ๋งๆ เสียงแหบพร่าซอยเท้าไม่หยุดขณะ
สายตาจ้องดูภาพโป๊นั้น จอยแน่ใจว่ามันคงต้องอยากจะข้ามฝั่งไปสวิง
กิ้ง แต่ว่ามันไม่สามารถข้ามไปได้เพราะมีรถวิ่งผ่านระหว่างสองฝั่งเร็ว
มากเกินไป แน่นอนว่าหมาสายพันธุ์นี้มันฉลาด หากเป็นสายพันธุ์อื่นมัน
คงต้องวิ่งข้ามไปอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือให้รถเหยียบไส้แตก

ในขณะที่หมามันซอยเท้าอยากจะข้ามไปใจจะขาด จอย
สังเกตเห็นไอ้นั่นของมันที่ปกคลุมไปด้วยขน มีหอกแหลมยื่นออกมา
เล็กน้อย แล้วอาวุธประจากายนั่นก็สั่นผับๆ จากการสั่นสะเทือนซอยเท้า
ของมัน

ภาพที่เห็นนั่นทาให้เธอกลืนน้าลายดังเฮือก ภายในหัวมันนึกถึงใน
ทุกวินาทีของการกระแทกที่รวดเร็วของมนุษย์หมาป่า

เธอไม่ได้ลองลูบจับเลยว่ามันมีลักษณะยังไง มันจะเหมือนในคลิป
อุบาทว์ที่ดูหรือไม่ อันนี้เธอก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ในตอนนี้มันทาให้เธอ
เริ่มรู้สึกกระสันกับอวัยวะนั้นขึ้นมาจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่า
ทาไมอยู่ๆ ถึงได้คิดอะไรที่มันสัปดนเช่นนั้น อยากสัมผัสลูบไล้... และ
โดยเฉพาะอยากให้มีสิ่งนั้นมากระแทกเข้าออกในช่องลับ

ภายในใจของเธอเริ่มลังเลว่าจะกลับไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนดี
หรือไม่ ในเมื่ออีกครึ่งหนึ่งของใจมันก็อยากกลับไปรอคอยที่บ้าน แล้ว
ให้ไอ้หน้าหมามาเย่อเธออีก

ยิ่งคิดไตร่ตรองกลับไปกลับมา ความต้องการของเธอดูเริ่มเอียงไป
ทางมนุษย์หมาป่ามากขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งในตอนนี้เธอเกิดกระสัน
จวนทนไม่ไหวแล้ว เธอจึงเรียกโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ให้มาหา แน่นอนว่า
มันก็เชื่องดีแท้ เข้ากับสายพันธุ์ของมันได้ดีจริงๆ มันรีบวิ่งมาตามนิ้วที่
กระดิกเรียกอย่างสนใจ

แต่จะทาอะไรตรงนี้เดี๋ยวเป็นการประเจิดประเจ้อมากเกินไป เธอจึง
เดินไปหยิบไก่ย่างที่ตะกร้าหน้ารถไม้หนึ่งที่ซื้อมา แล้วหลอกล่อมันให้
ตามไปที่ห้องสุขาสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล

ทันทีที่หลอกล่อมันให้เข้ามาในห้องสุขาได้สาเร็จ จอยรีบปิดประตู
แล้วหันมานั่งยองๆ ยื่นไก่ให้กินขณะมืออีกข้างเกาหัวหมาน้อยที่ไม่รู้
เรื่องรู้ราว ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้เลื้อยต่าลงไป แม้จะไม่ได้จับไอ้นั่นของ
มนุษย์หมาป่า เธอก็ขออะไรที่มันมีลักษณะใกล้เคียงก่อน

มือเธอสั่นอย่างตื่นเต้น ดวงตาเบิกโพลงเลียริมฝีปากแผร็บๆ ขณะ


เข้าใกล้หอกแหลมนั้นทุกขณะ ตอนนี้เธอดูราวกับเป็นกระสือเห็นขี้แล้ว
ลิ้นต้องสั่นระรัว ‘จะขะหยาให้เต็มกามือเลยพ่อรูปหล่อโกลเด้นจ๋า !’

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 5

“ยัยจอย แกอยู่ไหน ฉันจะกลับแล้ว !”

เสียงของก้อยที่ตะโกนเรียกหาทาเอาจอยสะดุ้งอย่างลนลาน แต่
เพียงแวบเดียวเท่านั้นที่เธอตกอกตกใจ เธอลุกยืนหันตัวไปเปิดประตู
ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ‘ยัยเพื่อนบ้าเอ้ย ! อดขยาไส้กรอกเลยฉัน’

จอยเกรงว่าหากอยู่นานเกินเดี๋ยวเพื่อนฉุกคิดได้ว่าเธอเดินมาเข้า
ห้องน้า นอกจากนี้ถ้าเพื่อนเดินมาเรียกจะถูกสงสัยได้ว่าเข้าไปทาอะไร
ในห้องน้ากับหมา

คิดอีกที ภาพของไอ้ไข่ย้อยสีดาที่รีบวิ่งกลับไปดูหนังโป๊สาหรับมัน
ต่อ เธอรู้สึกเสียดายไม่น้อย ความจริงเสียสละเวลาสักนิดหน่อยคงไม่
เป็นไร ป่านนี้คงได้ขยาไส้กรอกไปนานแล้ว

แต่มาฉุกคิดได้ตอนนี้ก็สายเกินไป จอยจึงละสายตาไปจากหมา
โกลเด้น โบกไม้โบกมือตะโกนเรียกเพื่อนหญิง “ฉันมาแล้ว ฉันแค่มาเข้า
ห้องน้า”

ขณะเดินใกล้ถึงรถ ภายในใจลังเล ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเอง


เป็นนักกายกรรมเดินบนเชือก จะพลัดตกไปด้านซ้ายหรือขวา

ไม่นาน มีหอกแหลมสีแดงปริศนา ไม่รู้ว่ามาจากไหน พุ่งเสียบเธอ


ร่วงไปในอ้อมกอดบทเพลงรักเร่าร้อนของมนุษย์หมาป่าที่อ้าแขนรอรับ
ด้วยความยินดี
จอยจึงหยุดเดินหลังจากตัดสินใจได้ “ก้อย... ฉะ... ฉันเปลี่ยนใจ
แล้ว ฉันว่าจะกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า”

เพื่อนสาวพ่นลมหายใจเสียงดังทันทีที่ได้ยิน “แกนี่เรื่องเยอะจริงๆ”
เห็นจอยหัวเราะแฮะๆ อย่างยอมรับผิด จึงสะบัดมือบุ้ยใบ้ “เออๆ ก็ได้ แก
จะกลับไปนอนที่บ้านแกก็ตามใจ เดี๋ยวฉันจะไปส่งก็แล้วกัน”

“มะ ไม่ต้อง ไม่ต้อง !” จอยรีบปฏิเสธ เพราะเธอไม่แน่ใจว่าไอ้หมานั่นมัน


มาดักรออยู่ในบ้านหรือไม่ “เดี๋ยวฉันจะโบกรถกลับไปเอง แกไม่ต้องไป
ส่ง”

“ตามใจแกก็แล้วกัน” ก้อยหยิบถุงกับข้าวยื่นให้ “อย่าลืมนี่ด้วย


เดี๋ยวแกอดตายคาบ้านเสียก่อน”

ยังไม่ทันทั้งสองคนจะแยกทาง มีรถสุดหรูหรามาจอดข้างๆ สอง


สาวจึงเกิดความสงสัยว่าใครมา

เมื่อทันทีที่หน้าต่างเลื่อนลง เธอทั้งสองเบิกตาโตอย่างคาดไม่ถึง

“สวัสดีตอนเย็นครับ กาลังจะกลับบ้านใช่ไหมครับ ?” อเล็กซ์ส่ง


รอยยิ้มสุดเซ็กซี่ให้เหมือนเมื่อเช้าอีกครั้ง แทบจะทาให้สองสาวทรุด ณ
เดี๋ยวนั้น

“เอ่อ... คือว่า... ฉัน...” จอยประหม่าจนพูดไม่ออก แต่ไม่ใช่สาหรับ


เพื่อนซี้ที่แจ้นลงมาจากรถ

“ใช่ค่ะ พอดีฉันกาลังไปส่งจอย แต่ว่ารถฉันไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ มันก็


สตาร์ทไม่ติดค่ะ ไม่รู้ว่าจะกลับบ้านยังไง มันแย่มากจริงๆ” ก้อยสวมบท
ดาราทาหน้าเศร้า
“ไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณเอง” อเล็กซ์เสนอ

“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณอเล็กซ์ ถ้าเช่นนั้นขอฝากจอยกลับไปส่ง
บ้านแทนฉันด้วยนะคะ” ก้อยดึงมือเพื่อนสาวให้ตามมา

“คุณก็มาด้วยกันเลยสิครับ เดี๋ยวผมโทรแจ้งช่างซ่อมรถที่อู่ส่วนตัว
ของผมมาลากรถไปซ่อมให้” อเล็กซ์ล้วงกระเป๋าหาโทรศัพท์

“ไม่เป็นอะไรค่ะ พอดีฉันโทรเรียกแฟนมารับแล้ว อีกสักพักเขาก็มา


ค่ะ” ก้อยโบกมือปฏิเสธ

“ถ้างั้นคุณจอยเชิญเลยครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งที่บ้านเอง” อเล็กซ์


วางโทรศัพท์ลงในลิ้นชักที่เปิดอ้าทิ้งไว้ เมื่อไม่จาเป็นต้องโทรหาช่าง
ซ่อมรถอีก

“ตะ แต่ว่า...” จอยตะกุกตะกักไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ยิ่งเพื่อนจูง


พาเข้าไปใกล้รถก็ยิ่งประหม่าจนทาอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกครั้งเธอก็เข้ามา
นั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว

“ฝากเพื่อนฉันด้วยนะคะ ลาก่อนค่ะคุณอเล็กซ์ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ที่


บริษัทค่ะ”

ก้อยโบกมือให้พร้อมรอยยิ้มก่อนจะลับสายตาหายไปเมื่อรถเคลื่อน
ตัวออก

“รัดเข็มขัดด้วยครับ”
จอยที่เขินอายอยู่เดิม เมื่อเจอคาพูดเตือนของอเล็กซ์ ทาเอาเธอมือ
สั่นจับผิดจับถูก ท่าทางนี้ของเธอเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากชายหนุ่ม
ทาให้เธอหน้าแดง เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงป้้าเป๋อ
__________

เมื่อมาถึงบ้าน หลังจากก้าวลงมาจากรถ จอยยืนกลอกตามองซ้าย


มองขวา ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะความพะวง จะปฏิเสธตั้งแต่แรกก็ไม่
กล้า กลัวก็กลัวว่าไอ้หน้าหมามันแอบซ่อนอยู่ตรงจุดใดจุดหนึ่ง รอที
เผลอแล้วกระโจนออกมากะซวกไส้ชายหนุ่มเพราะความหึงหวง

แต่ไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติไปจากเดิม หญิงสาวจึงกลับมาสนใจกับอ
เล็กซ์ “ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมยินดีอยู่เสมอ แล้วพรุ่งนี้จะให้ผมมารับหรือ


เปล่าครับ” ชายหนุ่มลูกครึ่งมองสารวจภายในประตูรั้วลูกกรงเหล็ก บ้าน
ของหญิงสาวเท่าที่เห็นเป็นแบบสองชั้น ที่พื้นหญ้าหน้าบ้านไม่มีอะไร
เลย จึงมั่นใจทันทีว่าเธอต้องไม่มีรถ

“มะ ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันเกรงใจคุณจริงๆ แค่คุณมาส่งฉันถึงบ้านก็


มากพอแล้ว” จอยรีบปัดความหวังดีของชายหนุ่ม ในตอนนี้ต้องไล่เขาไป
อย่างเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย

“ถ้างั้นก็ได้ครับคุณจอย” อเล็กซ์เหลือบมองโทรศัพท์ตัวเองที่ส่ง
เสียงกริ้งๆ ก่อนตวัดสายตากลับมาสนใจกับหญิงสาวต่อ “ผมขอตัวกลับ
ก่อนนะครับ อย่าลืมนะครับพรุ่งนี้ตอนเที่ยง ผมจะพาคุณไปลิ้มรสของ
อร่อย” เขาขยิบตาให้อย่างขี้เล่นก่อนใบหน้าหายไปหลังกระจกติดฟิล์ม
กรองแสง
หลังจากรถออกไปไกลแล้ว จอยก็ใช้กุญแจเปิดรั้วเข้าไป มองซ้าย
มองขวาสารวจอีกครั้ง ยังไม่มีอะไรดูผิดปกติ เธอจึงปิดรั้วแล้วเดินตรงไป
ที่หน้าบานประตู

ขณะกาลังหากุญแจไข เธอนึกได้ว่ามันไม่จาเป็น ในเมื่อลูกบิดของ


ประตูมันไม่มีสภาพเหมือนเดิม

ทันทีที่ละสายตาจากกระเป๋า เปลี่ยนมาที่ตรงลูกบิด จอยผงะ เบิก


ตาโพลง ภาพตรงหน้าของเธอในตอนนี้มีลูกบิดสภาพสมบูรณ์ ราวกับมี
คนเพิ่งเอามาเปลี่ยนให้ใหม่ ทาให้ฉุกคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าตัวอะไร
มันเอามาเปลี่ยนให้ เพราะนอกจากสิ่งนั้น ก็ไม่มีใครรับรู้อีกว่าลูกบิด
ประตูบ้านของเธอเสียหาย

แต่จอยไม่คิดก้าวขาถอยหรือวิ่งหนีไปไหน กลับยื่นมือที่สั่นไปจับ
ลูกบิด ตอนนี้เธอทั้งหวาดกลัวและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่า
ความรู้สึกสองขั้วที่แตกต่างนี้จะผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว แต่จะว่า
ตามจริง ความรู้สึกค่อนข้างลาเอียงไปทางตื่นเต้นมากกว่า เพราะตอนนี้
ภายในหัวของเธอนึกถึงแต่เรื่องที่มนุษย์หมาป่าจะบาเรอให้

จอยค่อยๆ หมุนลูกบิดอย่างเชื่องช้า ตอนนี้หัวใจเต้นรัวสุดๆ ไปเลย

แต่เมื่อคิดอีกทีก็ชะงักหยุดเพียงแค่นั้น ทาอย่างนี้มันจะไปตื่นเต้น
อะไร เธอสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นหมุนลูกบิดแล้วเปิดอย่างรวดเร็ว

แล้วทันทีที่บานประตูถูกเปิดออก เธอเบิกตา อ้าปากมีเสียงเฮือก


ออกมา

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 6

เวลา 22.49 นาฬิกา

จอยเปิดคอมพิวเตอร์ดูหนังโป๊ภายในห้องนอน ไปจนจบเป็นเรื่องที่
เก้า เธอเอนหลังพิงเก้าอี้ ปล่อยแขนทั้งสองข้างแกว่งไปมาเป็นเหมือน
ลูกตุ้มของนาฬิกาโบราณ กลอกตามองขึ้นเพดานห้องแล้วพ่นลมหายใจ
ออกมา แน่นอนว่าเธอรู้สึกเซ็ง จากที่คิดว่า ต้องมีสิ่งมีชีวิตในตานาน มา
นั่งไขว่ห้างกระดิกนิ้วเท้าอยู่บนโซฟา ขยิบตาให้ มือลูบของลับราวกับ
ตั้งใจประกาศว่าพร้อมจะใช้กับเธอ แต่ความจริงเปล่าเลย ไม่มีร่องรอย
อะไรแม้อย่างน้อยภายในบ้าน นอกจากกลอนและลูกบิดเท่านั้นที่เปลี่ยน
ใหม่

พอจินตนาการเป็นภาพของมนุษย์หมาป่า ทาให้นึกถึงเรื่องเมื่อค่า
คืนที่เร่าร้อน เธอกระสับกระส่ายขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าจะทายังไง
เพราะเธอไม่เคยช่วยเหลือตัวเองมาก่อน นอกจากดูพวกคลิปโป๊แล้วคิด
ไปต่างๆ นานาว่าตัวเองเป็นนางเอกในเรื่อง ให้ใจสั่นไหวไปเพียงแค่นั้น

หากคืนนี้เธอไม่ได้สิ่งที่ร่างกายมันร่าร้อง เธอคงจะต้องนอนไม่
หลับเพราะความฟุ้งซ่านแน่

หลังจอยตัดสินใจได้ จึงคว้าโทรศัพท์และกระบอกไฟฉาย เดินลง


ไปชั้นล่าง แล้วเปิดประตูออกไปข้างนอก

เธอเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดตรงที่ถูกสัตว์ร่างใหญ่ลากเข้า
ไปในป่า นิ้วเรียวกดเปิดคลิปสุดอุบาทว์เมื่อวานอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่
ใส่หฟ
ู ัง เธอเปิดลาโพงดังลั่นแทน
จอยกวาดสายตาไปทั่วบริเวณป่า จับจ้องทุกรายละเอียดของการ
เคลื่อนไหว ‘ออกมาเลยไอ้หน้าเอ๋ง คืนนี้แหละฉันจะบีบไส้กรอกบิ๊กไบค์
ของแก เอาให้ชีสแตกกระจายไปเลย !’

จอยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่ายุงมันกัดไม่หยุด แล้วคลิปที่


เปิดขึน
้ มานั้นวนย้อนกลับมาเป็นรอบที่สาม

ไม่นานหญิงสาวถอนใจออกมา หลับตาพลางกุมขมับ ‘นี่ฉันมัวมา


ทาบ้าอะไรเนี่ย’ ตอนนี้เธอฉุกคิดได้ หากมันจะมาหาเธอจริง คงต้องมา
หาตั้งแต่หัวค่าหรือไม่ก็ไปนั่งรอภายในบ้านนานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้เธอ
มายืนโดดเดี่ยวอยู่อย่างนี้

เมื่อรู้ว่าความคิดสัปดนคงไม่อาจกลายเป็นจริง หากไอ้ตัวนั้นมันไม่
กลับมาหาเธออีก เธอจึงหมุนตัวเดินกลับบ้าน ระหว่างทางเธอก็เปิดดู
คลิปโป๊ต่อ เพื่อสร้างอารมณ์เอาไปช่วยเหลือตัวเองในห้องน้าแทน

“แหมจบพอดีเลยนะ...” จอยพึมพาเมื่อมาถึงหน้าบ้าน คลิปที่ดูอยู่


จบพอดีโดยไม่ต้องกดหยุดค้างให้เสียอารมณ์

ยังไม่ทันยกมือมาเปิดประตูรั้ว มีเสียงการเคลื่อนไหวมาจากภายใน
ป่าด้านหลัง เธอจึงหมุนตัวกลับด้วยความตกใจ พอนึกได้ว่าในมือมี
กระบอกไฟฉาย จึงรีบเปิดส่องไปที่ทิศทางเสียงนั้น

ดวงตาของเธอเบิกกว้างทันใด มือเริ่มสั่นพร้อมกับเรี่ยวแรงที่เริ่ม
หายไป ไม่นานกระบอกไฟฉายก็ร่วงจากมือ ยามค่าคืนเงียบสงัดทาให้
ได้ยินเสียงตกกระแทกพื้นของมันอย่างชัดเจน แต่สาหรับเธอในตอนนี้
มันยังเหมือนไม่ดังเทียบเท่าเสียงหัวใจที่เริ่มเต้นรัว สิ่งที่เธอเห็นคือ
ดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงแวววาวภายใต้ความมืดมิด

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 7

เจ้าของดวงตาแวววาวสีเขียวอ่อนก้าวขาออกมาจากความมืดมิด
เผยร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยขนสีดาสะท้อนแสงจันทร์เป็นเงา คราวนี้
ตรงส่วนที่ควรจะแสดงถึงความเป็นชาย ไม่แสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง
เหมือนครั้งก่อน เพราะมันมีกางเกงขาสั้นสวมปิดบังอยู่ ทว่าสภาพของ
มันไม่ได้แตกต่างไปจากการไม่มีอะไรปิดบังแม้แต่น้อย ภาพที่เห็น
กางเกงตัวนั้นมันเหมือนจวนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เนื่องด้วยร่างกายของมันมี
ขนาดใหญ่เกินไป ทาให้กางเกงคับแน่นจนแนบเนื้อ เห็นสิ่งที่ดูลักษณะ
เหมือนไส้กรอก ถูกจับชี้ตั้ง นูนออกมาอย่างเด่นชัด แล้วดูว่าไอ้นั่นของ
มันต้องยาวเอามากๆ เพราะจากที่เห็น มนุษย์หมาป่ามันสวมกางเกงเลย
ขึ้นมาสูงมาก จนถึงบริเวณที่น่าจะมีสะดือ แล้วตรงใกล้ขอบกางเกง
นั่นเอง มีปลายยอดของไส้กรอกซุกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้า นอกจากนี้ยังมี
ก้อนบางอย่างใหญ่เท่ากาปั้นอยู่ข้างใต้ แต่ไม่ต้องเห็นก็พอรู้ว่ามันคือ
อะไร หากสิ่งนั้นไม่ใช่ซองกระสุนซึ่งบรรจุไปด้วยทายาทนับล้านตัว ก็
ไม่อาจหาสิ่งอะไรมาอธิบายได้ชัดเจนกว่านี้

จอยไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตื่นเต้นดีหรือว่าจะหวาดกลัวดีกันแน่
ในตอนนี้สองความรู้สึกมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด

ขณะที่เธอยังตัดสินใจกับอารมณ์ไม่ได้ ทันใดนั้นเอง มนุษย์หมา


ป่าเปลี่ยนมาวิ่งแบบสี่เท้า แล้วกระโจนใส่เธออย่างรวดเร็ว โดยที่เธอยัง
ไม่ทันรวบรวมสติได้ครบ หญิงสาวตกใจกรีดร้องหลับตาปี๋ เผลอปล่อย
โทรศัพท์ร่วงจากมือ กระแทกพื้นจนแตกกระจาย

ยังไม่ทันแผ่นหลังจะสัมผัสพื้น แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มา
รองรับตัวเธอไว้ได้ทันอย่างนุ่มนวล
เมื่อเธอรวบรวมความกล้าลืมตาขึ้นมาสาเร็จ เห็นจมูกสีดาขนาด
ใหญ่ของมันอยู่ใกล้ใบหน้า ใกล้มากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจฟืดฟาด
เหมือนอาการหื่นอย่างเต็มที่ พ่นใส่ใบหน้าเธอ

“แกจะทาอะไรฉัน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ !” หญิงสาวตกใจกรีดร้อง


ออกมา เมื่อจู่ๆ มนุษย์หมาป่าอุ้มเธอพาดบ่า

ไม่รู้ว่ามันราคาญเสียงร้องโวยวายของเธอหรือเปล่า มันตีก้นโด่งๆ
ของเธอดังป้าบ ทาเธอแทบน้าตาทะลัก แล้วด้วยความกลัวเธอจึงไม่กล้า
ร้องแหกปากออกมาอีก

หลังจากเธอยอมเงียบไป มนุษย์หมาป่าเปิดประตูรั้วเดินเข้าไป
ภายในบ้าน แล้วหมุนตัวมาปิดรั้วไว้อย่างเดิมก่อนเดินไปต่อด้วยท่าทาง
สบายๆ ราวกับเดินเล่นในบ้านของมันเอง จนมาถึงหน้าประตู มันใช้มือ
ข้างหนึ่งหมุนลูกบิดแล้วกระชากเปิดออก แน่นอนว่าเรี่ยวแรงมหาศาล
ของมันทาเอาลูกบิดติดคามือมาได้เลย จอยจึงเลิกสงสัยทันใดว่ามันเข้า
มาส่งเธอได้ยังไง ในทั้งๆ ที่ประตูบ้านล็อกอยู่

ในตอนนี้จอยมั่นใจว่าไอ้หน้าหมามันต้องเอาเธอเข้ามาส่งถึงใน
ห้องนอนจริงๆ อย่างที่สันนิษฐาน เพราะในตอนนี้มันเปิดประตูเข้าห้อง
มาแล้ว แถมยังชานาญรู้ทางมากอีก ราวกับว่ามันเคยเข้ามาสารวจ
ภายในบ้านเธอหลายรอบ โดยเฉพาะหลักฐานที่ตอกย้าความคิด ตรงที่
มันรู้ว่ามีรีโมตแอร์แอบอยู่ที่มุมห้อง ซึ่งมีตู้เสื้อผ้าใหญ่บังไว้ มันเดินไป
เอื้อมมือกดเปิด ก่อนเปลี่ยนมาอุ้มเธอในท่าอุ้มเจ้าสาว แล้วดูท่าน่าจะ
กลายเป็นเจ้าสาวของมันจริงๆ เสียด้วย ที่สาคัญอาจท้องก่อนแต่งอีก
ต่างหาก
ไม่รู้ว่ามันคิดจะทาอะไรกับเธอต่อ แม้ในตอนแรกรู้สึกหน้ามืดตามัว
อยากได้รสสวาทจากมัน แต่พอมาเจอมันจริงๆ ในตอนนี้รู้สึกหวาดกลัว
มากกว่า แม้เงยมองใบหน้าของมันก็ยังไม่กล้า นอกจากแอบมองใต้คาง
หรือไม่ก็หน้าอกบึกบึนซึ่งปกคลุมไปด้วยขน สามารถสัมผัสกล้ามเนื้อที่
อุดมสมบูรณ์ของมันได้จากกายเนื้อแนบเนื้อ

จอยขมวดคิ้ว ตอนแรกนึกว่ามันจะอุ้มเธอไปกินตับบนเตียงเลย แต่


ไอ้หน้าหมาไม่ได้ทาอย่างที่เธอคิด มันเดินผ่านเตียงไปเฉย ไม่นานเธอก็
รับรู้ความตั้งใจของมัน เพราะในตอนนี้มันเดินมาตรงระเบียง เปิดประตู
กระจกเลื่อนออก แล้ววางเธอลง

มนุษย์หมาป่าโอบเอาเธอเข้ามาใกล้จนชนแผ่นหน้าอกกายา ทุก
ขณะที่มันโน้มศีรษะลงมา จอยพยายามยืดคอออกไปห่างจากใบหน้า
ของมันให้มากที่สุด ทว่ามันยังยืดคอตามมาติดๆ จนหน้าของมันเกือบ
แนบผิวแก้ม สุดท้ายเมื่อรู้ว่าไม่สามารถหนีพ้น เธอจึงหยุดความพยายาม
ไร้ประโยชน์นี้

มันจับมือเธอขึ้นมาแกะผ้าที่พันไว้ออก ใบหูของมันพับไปข้างหลัง
เมื่อจ้องมองบาดแผลที่ฝากรอยประทับเอาไว้ ในแววตาของมันบอกได้
ชัดเจนว่ามันเสียใจในเรื่องที่ทาลงไปกับเธอ

จอยค้อนใส่มนุษย์หมาป่า ‘พอติดใจช่องเลิศรสแล้ว คิดว่ามาเป็น


ห่วงตอนนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือไง ไอ้หื่นหน้าหมา !’

หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่นาน ความสนใจของเธอก็ถูกดึงดูด
ไปเรื่องอื่น เธอเหลือบเห็นมันล้วงหยิบขวดอะไรบางอย่างในกระเป๋า
กางเกงขึ้นมาเปิด ไม่รู้ว่าน้าเหนียวหนืดที่เทบนบาดแผลให้คืออะไร รู้แต่
ว่ามันให้ความรู้สึกเย็นวูบวาบชอบกล จากนั้นมันลูบไล้มือเธออย่าง
อ้อยอิ่งขณะชาเลืองมองตอบกลับ นั่นทาให้เธอรู้สึกขนลุกกับการมีแวว
ตาฉ่าเยิ้มอะไรเช่นนั้นที่ไม่ใช่มนุษย์มามอง เธอจึงสะบัดหน้าไปทางอื่น

จอยชักมือกลับในทันทีที่มันเลิกลูบไล้ เธอยังคงผวา ตราบใดที่มัน


ยังกอดเธอจากทางข้างหลังอยู่ โดยเฉพาะพวกสัตว์ตระกูลหมา มันชอบ
เข้าทางด้านหลัง จึงไม่แปลกอะไรที่จะรู้สึกพะวงกุญแจของมันที่พร้อม
ไขเข้าสู่ประตูลับของเธอ

พอเปลี่ยนมามองมือ หญิงสาวเบิกตาไม่อยากจะเชื่อ ปรากฏว่า


แผลหายไปอย่างมหัศจรรย์ ไม่มีแม้รอยแผลเป็นหรือร่องรอยใดๆ ให้
เห็นถึงอดีตก่อนหน้านี้ ‘โอ้พระเจ้าช่วย ! เป็นไปได้ยังไง แสดงว่าต้อง
เป็นน้ามหาบาบัดสูตรเดียวกับป้าเช็งแน่ๆ !’

หลังจากรักษาบาดแผล มนุษย์หมาป่าเอาแต่เหม่อมองดวงจันทร์
แต่ไม่ใช่ว่ามันจะยอมปล่อยเธอไปจากแขนล่าบึกทั้งสองข้าง มันยังคง
โอบกอดเธอในท่าล่อแหลมอยู่อย่างนั้น

ไม่นานจอยเพิ่งสังเกต ในวันนี้ไม่มีกลิ่นตัวเหม็นสาบหมาเตะจมูก
แต่ได้กลิ่นหอมแชมพูแทน แถมขนของตัวมันที่สัมผัสร่างกายเธอใน
คราวนี้ยังนุ่มนิ่มเหมือนใช้ครีมนวดผม แสดงว่าไอ้หน้าหมามันทาความ
สะอาดตัวมาอย่างดี เพราะคงหวังว่าเธอจะหลงใหลแน่ๆ

เรื่องที่จอยคิดเป็นเช่นนั้น ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงมากเท่าไร
นัก เพราะมันเตรียมตัวมาเพื่อ อึ๊บ เธอโดยเฉพาะ !!!

ยิ่งผ่านไปนานมากเท่าไร หัวใจจอยที่เต้นด้วยความหวาดกลัวจะมี
แต่ลดลงไป จนกระทั่งเกือบเต้นเป็นปกติ
แต่เพียงไม่นาน หัวใจเธอต้องกลับมาเริ่มเต้นรัวอีกครั้ง ทว่าใน
คราวนี้ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่มันเป็นเพราะอาการขนลุกด้วย
ความเสียว

มือปกคลุมไปด้วยขนสีดาของมนุษย์หมาป่า เริ่มเลื้อยสารวจเรือน
ร่างของเธอไปทั่ว จนกระทั่งมันเลื้อยเข้าสู่ข้างในเสื้อ แล้วมาหยุดที่
หน้าอกอวบๆ ทั้งสองข้าง ก่อนจะเริ่มการนวด ทาราวกับกาลังอุ่นเครื่อง
เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้เธอเริ่มรู้สึกกระสันขึ้นมา

แน่นอนว่าได้ดีเกินคาดกว่าที่ไอ้หน้าหมาคิดไว้เยอะมาก เหมือน
มันรู้ว่าควรจะทายังไงให้เธอมีอารมณ์ร่วมในเรื่องที่มันกาลังจะบาเรอให้
ไม่เหมือนเมื่อวาน ที่มันรุกเข้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจที่จะเล้าโลม
ในการเกี้ยวพาราสีก่อนแม้อย่างน้อย

สัตว์ร่างกายาเริ่มหายใจฟืดฟาด เมื่อได้กลิ่นน้าเกสรหอมหวาน
จากภายในดอกไม้งามหญิงสาวที่ไหลออกมา ราวกับร่างกายเธอบ่งบอก
ให้มันรับรู้ว่าเธอพร้อมผสมพันธุ์แล้วโดยไม่รู้ตัว

ขณะที่จอยกาลังเริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับการนวดที่ชานาญนั้น จู่ๆ
ไอ้หน้าหมามันเลิกทา จอยไม่รู้ว่ามันกาลังทาอะไรอยู่ข้างหลังตอนนี้ พอ
ชาเลืองไปดูเล็กน้อย ทันใดนั้นได้ยินเสียงของผ้าถูกฉีกดังแควก ทาเอา
เธอสะดุ้ง เพราะพริบตาหลังจากนั้นเธอรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่มี
ลักษณะแหลมๆ มาทิ่มเข้าระหว่างร่องแก้มก้นทั้งสองข้าง จนเนื้อผ้า
กางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่จมร่องไปตามสิ่งที่เป็นแท่งแหลมนั้น แต่ถือว่ายัง
โชคดีอยู่ ที่มีเนื้อผ้าขวางกั้น หอกแหลมนั้นจึงยังไม่สามารถรุกล้าเข้าไป
สารวจภายในอาณาเขตที่มันเคยเข้าไปมาได้มากกว่านี้ แต่ก็มากพอทา
ให้เจ้าของทัพที่ต้องการจะบุกเมืองขบฟันจนมีเสียงดังกรอดด้วยความ
หงุดหงิด เลยต้องยอมถอยทัพออกไปอย่างฉับพลัน ทาจอยรู้สึกโหวง
เหวงไปชั่วขณะ

ที่เธอเหลือบลงไปเห็นแวบหนึ่ง มันย่อตัวลดความสูงของตัวเอง
สังเกตเห็นว่ามีช่องฉีกขาดตรงเป้ากางเกงขนาดใหญ่ของมัน เดาได้
ทันทีว่ามันไม่อยากเสียเวลาถอดกางเกง จึงฉีกตรงเฉพาะจุดที่จะทะลวง
เข้าหาเธอแทน แล้วการที่มันย่อตัวยังทาให้หอกแหลมที่ชี้ตั้งเข้าร่องเธอ
ได้ในระดับพอเหมาะ

แน่นอนว่าการกระทาที่เหมือนบอกอย่างชัดเจนถึงขนาดนี้ ทาเอา
จอยตัวสั่นไม่หยุด โดยเฉพาะมีเสียงลมหายใจฟืดฟาดจากจมูกที่ซุกไซ้
ตรงซอกคอ ทาเอาขนลุกซู่เหมือนเป็นแมวเจอหมา แล้วมันยังไม่ใช่หมา
ธรรมดา มันยังเป็นลูกครึ่งระหว่างหมากับมนุษย์

ทันใดนั้นเอง มือหยาบหนาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยเรี่ยวแรง
มหาศาล ฉีกเสื้อผ้าบางๆ ที่ปิดบังกายสาวแยกออกจากกันอย่างง่ายดาย
ยิ่งทาให้เสียงสูดลมหายใจของเจ้าของมือดังมากกว่าเดิมด้วยความ
ตื่นเต้น จอยรับรู้ได้ทันทีโดยไม่จาเป็นต้องบอก เพียงเท่านี้เธอก็รู้ว่าร่าง
บอบบางของเธอที่อยู่ในวงแขนล่าบึกกาลังจะเจออะไรต่อจากนี้

つづく

น้าหมักสมุนไพรมหาบาบัด 10 ปี สูตรป้าเช็ง ที่สามารถป้องกัน และ


รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่โรคเล็กน้อย จนถึงขั้นมะเร็งได้ ซึ่งน้า
มหัศจรรย์นี้มาจากทางรายการเคเบิ้ลทีวี โดยมีเจ้าของเป็น ป้าเช็ง เป็น
ข่าวโด่งดังในช่วง พ.ศ. 2556 (ตัวผู้แต่งไม่ทราบว่ามันมีคุณสมบัติ
มหัศจรรย์อย่างนั้นจริงหรือเท็จมากน้อยแค่ไหน แค่เอามาเป็นส่วนหนึ่ง
ของมุกตลก ควรใช้วิจารณญาณในการตัดสิน)
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 8

ดวงตาของจอยเบิกกว้าง ปากอ้าส่งเสียงเฮือกออกมา เมื่อสิ่งที่เคย


มาเกริ่นจ่อตรงช่องทางลับ เสยเข้าเป้าจนเกือบมิดด้าม ทันทีที่เจ้าของสิ่ง
นั้นยืนขึ้นเต็มความสูง ทาเอาถึงกับต้องเขย่งเพิ่มระดับตาม ทว่าใบหน้า
ตกอกตกใจนั้นก็แสดงแค่แวบเดียว ก่อนเปลี่ยนมาเป็นเหยเก

มนุษย์หมาป่าไม่อยากให้เสียเวลา มันย่อตัวขึ้นลงเพื่อให้ความเป็น
ชายเสียดสีเข้าออก ขณะเดียวกันมือเลื่อนลงมาจับสะโพกหญิงสาวไว้
แน่น ราวกับไม่ต้องการให้เธอเคลื่อนไปจากตาแหน่งที่มันพึงพอใจ

จอยต้องรีบคว้าจับราวเหล็กระเบียงเพื่อยึดมั่นให้ทรงตัว เพราะทุก
ครั้งที่มนุษย์หมาป่าเสยมา ความสูงของมันทาเอาถึงกับก้นกระดกเลย
ราวเหล็ก จนเกือบหน้าทิ่มลงไปข้างล่าง แต่ทว่าความสูงของมันเป็น
เหตุผลเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งเป็นเพราะเรี่ยวแรงมีมหาศาลเกินผิดปกติ
เหมือนไม่ใช่มนุษย์ แต่เดี๋ยว... มันก็ไม่ใช่มนุษย์นี่หว่า !

ภาพที่มนุษย์หมาป่าเห็น เป็นเรื่องตรงใจของมันอย่างยิ่ง ฝ่ามือปก


คลุมไปด้วยขนเปลี่ยนมาจับต้นขาเธอแยกออกพร้อมยกขึ้น แม้จอยตก
ใจการกระทารวดเร็วนี้ แต่เธอก็มีสติมากพอ รีบจับราวแน่นจนเห็นเส้น
เลือด แล้วเมื่อมนุษย์หมาป่าเห็นเธอตั้งหลักได้เรียบร้อย ก็เริ่มกระแทกใน
ท่าเครื่องหมายบวก

“แฮ่ แฮ่ แฮ่ !” มนุษย์หมาป่าส่งเสียงคารามอย่างดุดันและดีใจ ราว


กับรอคอยเวลานี้มานานที่จะปลดปล่อยให้น้องชายของมันสารวจ
ภายในตัวหญิงสาว ‘พี่จะพาน้องเต้าอวบขึ้นไปสู่ดวงจันทร์เองจ้ะ รับรอง
ได้ว่าจรวดของพี่แรงกว่าขององค์การนาซ่าแน่ รับรองได้ บรู๋ววววว !!!’
ไม่นานความเจ็บปวดที่จอยรู้สึกเริ่มแปรเปลี่ยนมาเป็นความเสียว
ซ่านสุดจะบรรยายแทน ในตอนนี้ช่องลับของเธอสามารถปรับตัวรองรับ
สิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ต่างเผ่าพันธุ์ได้แล้ว เธอรู้สึกดีกว่าเมื่อวานมาก
ที่วันนี้มันอุ้มเธอมาเย่อที่ระเบียง ไม่ใช่ในป่าข้างทางที่ไม่น่าพิสมัย ทว่า
พอเหลียวไปมองข้างหลังเล็กน้อย ภายในใจส่วนลึกบอกว่าจะเป็นเรื่องดี
ไม่ใช่น้อยหากมันอุ้มไปกินตับบนเตียงนุ่มนิ่ม

จอยไม่ได้แข็งแรงอะไรมากมาย หรือมีเรี่ยวแรงมหาศาล อย่างเช่น


ไอ้ตัวที่มันกระแทกเธออยู่ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้แขนทั้งสองข้างของเธอเริ่ม
สั่นเพราะจวนรองรับร่างไม่ไหว

มนุษย์หมาป่าเองไม่ใช่ว่าสมองคิดรุกเข้าเพียงอย่างเดียว มัน
สังเกตเห็นความผิดปกติของมือหญิงสาว จึงวางเธอลงอย่างนิ่มนวล แต่
ไม่ใช่ว่ามันจะยอมปล่อยเธอให้หลุดออกจากการเชื่อมต่อ มันยังคงโอบ
เอวเธออยู่ ราวกับนักล่าที่รอเหยื่อจะออกมาจากที่ซ่อน แล้วค่อยตะครุบ
แต่นี่ไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นรอคอยจะผสมพันธุ์ข้ามสปีชีส์ให้เสร็จลุล่วง

ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ไอ้หน้าหมาอุ้มออกมาข้างนอก ไม่ใช่ว่า
ต้องการชมจันทร์เพียงอย่างเดียว ยังทาเพื่อฆ่าเวลา รอคอยให้แอร์
ภายในห้องเย็นก่อนจะเริ่มบทรักอันเร่าร้อนภายในนั้นต่อ

เมื่อมันเห็นว่าเธอเรี่ยวแรงกลับคืนมาเกือบเป็นปกติ แขนกายาจึง
กระชับตัวเธอเข้ามา แล้วยกอย่างระมัดระวังด้วยความนิ่มนวล ทาราว
กับผู้กุมอานาจอันยิ่งใหญ่ของชายชาตรีนี้เป็นแก้วบอบบางที่ไม่ควร
กระทบกระเทือน มือข้างหนึ่งเปิดประตูกระจกแล้วเดินเข้ามาวางตัวเธอ
ภายในห้องก่อนเลื่อนปิดประตูดังเดิม
มีเสียงฉีกผ้าดังแควกอีกครั้ง คราวนี้จอยสังเกตเห็นทางหางตา
กางเกงที่มันเคยสวมใส่พุ่งไปที่กาแพง ความรุนแรงของมันทาให้เกิด
เสียงดังแปะชัดเจนก่อนตกลงมา เธอถูกแขนกายายกตัวลอยอีกครั้งแล้ว
เดินต่อไปที่เตียง

ตอนแรกจอยคิดว่ามันจะกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับเธอ หรือทา
อะไรแบบนั้นกับเธอบนเตียงต่อ ทว่าคลาดเคลื่อนจากที่คิดไปเล็กน้อย
เธอถูกเอามาวางตรงปลายเตียง แล้วถูกจับอยู่ในท่าคุกเข่า ให้บั้นท้าย
พาดกับขอบของเตียงนอน เธอฉุกคิดได้ทันที ‘นี่มันจะเล่นท่าด็อกกี้ !’

มนุษย์หมาป่าเกิดอาการเหมือนหน้ามืดตาลายทันทีที่มองดูตรงจุด
ของการเชื่อมต่อติดเรต ‘อู๊ว ! ขาวเนียนดีจริงๆ นี่แหละอะเมซิ่งไทย
แลนด์ที่ไอต้องการเลย !’ แทบทาให้มันอดใจไม่ไหวกับความงอนเนียน
สวย มันกลางฝ่ามือหยาบหนา เงื้อสูงแล้วตีก้นหญิงสาวดังสนั่น
พละกาลังของมันถึงกับทาให้แก้มก้นสะเทือนเป็นลูกคลื่น

“โอ๊ย ! ทาอะไรไอ้บ้า ฉันเจ็บนะยะ !” จอยหันไปด่า

แต่มนุษย์หมาป่าไม่สนใจว่าจอยจะด่าหรือเผลอหลุดปากว่าอะไร
ออกมา นอกจากสนเพียงอย่างเดียว คือต้องการปลดปล่อยความลับอัน
ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์ เข้าสู่ภายในตัวหญิงสาวจนล้นทะลักออกมา
เหมือนกับเมื่อวานที่ทา มันจับขอบเตียงแน่น ราวกับต้องการปิดกั้น
ไม่ให้ร่างบอบบางที่อยู่ตรงกลางของแขนทั้งสองข้างมีทางหนีไปไหน
แล้วมันก็เริ่มโยกเข้าออกด้วยความเร็วสูงในแบบเฉพาะเผ่าพันธุ์
แน่นอนว่าไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนสามารถทาได้อย่างนี้

ตึง ตึง ตึง !!!


แรงปะทะของมันที่บุกเข้าหา ถึงกับทาเตียงโยกไปชนกาแพงดัง
สนั่น หญิงสาวเห็นกรอบรูปที่ห้อยอยู่ร่วงมากระแทกแตก แต่มันไม่ได้
ร่วงธรรมดา ลักษณะของมันเหมือนถูกนิ้วดีดออกมา เหลือบตาไปอีก
ด้าน แจกันที่อยู่บนโต๊ะลิ้นชัก ซึ่งตั้งอยู่แนบติดกาแพง ได้รับแรง
สะเทือนจนกระเด้งถี่ๆ ออกมาจากตาแหน่งเดิมจนกระทั่งตกลงมาแตก
กระจาย ลิ้นชักก็เช่นเดียวกันที่เหมือนกาลังถูกเลื่อนเปิดออกมาทีละนิด
ตามแรงสะเทือน แล้วไม่นานมันก็ร่วงออกมาจากตัวโต๊ะนั้น

แต่จอยไม่สนใจกับความฉิบหาย แม้เห็นข้าวของหลายอย่างเริ่ม
ไม่อยู่กับที่ก็ตาม เพราะในตอนนี้เธอถูกดึงดูดความสนใจ มาที่ความรู้สึก
ของการเสียดสีและแรงกระแทก ไม่เหมือนกับตรงระเบียง ทาให้สูญเสีย
อรรถรส เพราะเกิดจากความปวดเมื่อยแขนทั้งสองข้าง

‘อู๊ว สุดยอดไส้กรอกบิ๊กไบค์จากเซเว่นเลย !’ หญิงสาวทาปากจู๋


พร้อมร้องซี้ดออกมาด้วยความเสียว แท่งเนื้อนั้นเสียดสีกับปุ่มกระสัน
ภายในที่เรียกว่า จีสปอต มันทาเอาร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว
แต่ว่านั่นมันไม่ได้หมายความว่าเธอถึงจุด ออกัสซั่ม แต่พอเมื่อมีเสียงเนื้อ
กระทบกันดังตับๆ ผสานกับเสียงหัวเตียงกระแทกผนังห้อง โดยเฉพาะ
ไข่ไก่เบอร์ศูนย์สองใบในถุงเหี่ยวย่นที่เหมือนลูกตุ้มเหล็ก แกว่งมาโดน
หัวหน่าว บางจังหวะแกว่งยืดเลยไปไกลกว่านั้นจนถึงตรงแถวท้องน้อย
เท่านี้ก็ทาให้สติของเธอเกือบหลุดลอยไปไกลจากร่าง

หลังจากมนุษย์หมาป่าเย่อในท่าด็อกกี้พักใหญ่ มันหยุดนิ่งไป
ชั่วขณะ ตอนแรกจอยจะเหลียวไปมองส่งสายตาว่าหยุดทาไม เธอสะดุ้ง
ตัวเมื่อสิ่งที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายมันพรวดออกไป ทาเอารู้สึก
เหมือนเป็นยานอวกาศ ถูกเปิดประตูแล้วถูกดูดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปข้าง
นอก
เธอถูกแขนกายาจับตัวโยนขึ้นเตียง ทาเอาร่างอ้อนแอ้นของเธอ
เด้งดึ๋งเพราะสปริง ในตอนนี้จอยเริ่มรู้สึกชอบความซาดิสม์ของมันเข้า
แล้ว

เธอรีบพลิกตัวไปมอง ภาพที่เห็นทาเอาเบิกตาด้วยความตะลึงกับ
ของลับมนุษย์หมาป่าที่เห็นอย่างเต็มตา นอกจากอวัยวะแสดงเพศของ
มันที่เหมือนของหมาในคลิปหมดทุกประการ ขนาดของมันยังทาเอาเธอ
ถึงกับใจระรัว โดยเฉพาะ ลูกเป้งเบ้อเริม
่ ตรงโคนฐานของหอกแหลมนั่น
ทาเอาเธอกลืนน้าลายฝืดลาคอขึ้นมา เพราะมันมีขนาดใหญ่มากจน
เกือบเท่ากับกาปั้นเลยก็ว่าได้ นึกไม่ออกมาถ้าโดนยัดเข้าไปเธอจะต้อง
เจอความเจ็บและความเสียวมากแค่ไหน เพราะแค่เจอแท่งหอกแหลม
ของมันเพียงอย่างเดียวก็แทบจะเกินช่องลับสามารถรองรับได้แล้ว ยิ่งไป
กว่านั้นไอ้หอกด้ามนั้นของมันก็ใหญ่และยาวมากไม่ใช่เล่น หากจะ
ประมาณด้วยสายตา มีความกว้างเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบสองนิ้ว
หรือน้อยกว่านั้นเล็กน้อย แล้วอาจมีความยาวเกือบถึงเจ็ดจุดห้านิ้ว แต่ที่
เธอโดนเข้าไปเป็นเฉพาะหอกแหลมเท่านั้น ซึ่งหอกแหลมนั้นมีเพียง
ความยาวมาตรฐานของชายไทยประมาณโดยเฉลี่ยสี่ถึงห้าจุดห้านิ้ว แต่
รู้สึกประมาณด้วยสายตาสาหรับของมนุษย์หมาป่าเบื้องหน้า มันยาว
ประมาณสี่จุดห้านิ้ว หากไม่ติดตรงที่ลูกเป้งมันใหญ่เกินไปสาหรับช่อง
ลับของตัวเธอ ถ้าโดนยัดเข้าไปทั้งหมด นั่นอาจหมายถึงจอยจะเจอ
ระดับบิ๊กเบิ้มเกือบเจ็ดจุดห้านิ้ว เข้าไปสะเทือนถึงเพดานเนื้อเยื่อภายใน
เต็มๆ ก็อาจเป็นไปได้ ในตอนนี้พอจะเข้าใจว่าทาไมไอ้หมาสองตัวเมื่อ
เย็นนี้ที่มันผสมพันธุ์กัน ตัวเมียต้องร้องเสียงแหบพร่าขนาดนั้น เพราะ
เจอของแบบนี้เข้าไปนี่เอง

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเคยมีไอ้ท่อนไม้ขนาดใหญ่นั้นฝังอยู่ข้างใน
ตัวเธอ เมื่อคิดๆ มันก็เหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลกเลยก็
ว่าได้ แล้วพอเลื่อนตาต่าลงมาอีกนิด ลูกตุ้มสีดาห้อยต่องแต่ง ทาเอาเธอ
เบิกตามากกว่าเดิมกับความมโหฬารที่เห็นอย่างเต็มตา มันดูราวกับเป็น
นาฬิกาพกที่หมอจิตแพทย์กาลังใช้สะกดจิตคนไข้ แล้วตอนนี้เธอกาลัง
ถูกมันสะกดจิตจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงครืด
ต่าๆ เหมือนเสียงหัวเราะมาจากมนุษย์หมาป่า ดึงตาเธอออกมาจากตรง
จุดนั้น

‘ตะลึงกับแท่งไอศกรีมของพี่ใช่ไหมจ๊ะ’ ไอ้หน้าหมาเชิดหน้าอย่าง
โอ้อวด แต่ไม่ใช่แค่หน้ามันอย่างเดียว มันยังยืนในมุมเอียง ให้เห็น
หน้าอกผายไหล่ผึ่งของมันโดดเด่นกว่าเดิม แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา
ภายในห้องอาบร่างกาย ทาให้ขนของมันสะท้อนเป็นเงาเหมือนลูกคลื่น
ยิ่งทาให้มันดูเปล่งรัศมีความทะนงออกมา นอกจากนี้ในแววตาของมัน
ยังมีความปลาบปลื้มมากล้น แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ความกายาของร่างกาย
ที่มันภูมิใจ ดูน่าจะเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเพศพ่อส่งต่อมอบให้กับมันมา
มากกว่า แล้วดูน่าจะหลงตัวเองอย่างยิ่งอีกด้วย

แล้วการที่มันส่งเสียงอย่างชอบใจ ทาให้หน้าอกมันกระเพื่อม
ส่งผลสะเทือนไปถึงหมาป่าน้อยของมัน แกว่งไปมาราวกับผู้กล้าที่กาลัง
ใช้ดาบต่อสู้กับสัตว์ร้าย แล้วยังมีโล่สีดาปี๋แกว่งไปมาอยู่เบื้องล่าง ช่วย
เสริมความยิ่งใหญ่ของวีรบุรุษผู้นี้

เมื่อเห็นอย่างนั้น จอยไม่อยากให้มันมัวอวดความเป็นชายเพียง
อย่างเดียวจนลืมใช้งาน เธอจึงทาการยั่วยุมัน โดยการชันเข่าทั้งสอง
ข้างแล้วอ้าออกกว้างมากที่สุด ขณะเดียวกันเป็นการอวดอาวุธลับของ
ตัวเองไปด้วย นั่นทาให้รูม่านตามนุษย์หมาป่าขยายกว้าง หายใจแรง
ดังฟืดฟาดอย่างหื่นกระหาย พริบตาต่อมามันกระโดดขึ้นเตียงคร่อมร่าง
ทว่าน้าหนักที่มันขึ้นมาหา ทาให้ร่างบอบบางของเธอกระเด้งปะทะ
หน้าอกกายา
แขนทั้งสองข้างของมันกลางปิดเธออยู่ในวงล้อม โดยบทบรรเลง
รักครั้งนี้เริ่มจากลิ้นสากค่อยๆ เลียต้นคอไล่ต่าลงไป ขณะเดียวกันอวัยวะ
เบื้องล่างของมันในตอนนี้เหมือนกลายร่างเป็นงูที่กาลังหารูเข้าไป ทว่างู
ตัวนี้ไม่ได้หารูเพื่อเข้าไปจับหนูกิน หรือเพื่อหลบซ่อนอันตราย หรือว่า
รอเด็กดื้อบางคนล้วงมือเข้ามาให้ฝังเขี้ยวเล่น ความจริงมันน่าตระหนก
กว่านั้น มันเข้าไปเพื่อพ่นพิษร้ายแรง

เมื่อลิ้นสากๆ เลียมาถึงลูกเกดที่อยู่บนยอดภูเขาหนึ่งในสองลูก ไอ้


หน้าหมาเบิกตาโพลง ‘ว้าว ! จะอมและดูดเอาให้ไอศกรีมวอลล์รสนมสด
สองเต้านี้แฟบเลยจ้ะ !’

นอกจากจะเลียเหมือนลิ้มรสไอศกรีม มันยังดูดลูกเกดดังจ๊วบ แล้ว


ถอนริมฝีปากออกอย่างฉับพลันจนมีเสียงดังป๊อก เหมือนการเป่าหมาก
ฝรั่งจนแตก ในขณะเดียวกันงูเบื้องล่างของมันเพิ่งเจอเป้าหมาย จึงไม่
รอช้ามุดเข้าไปเกือบหมดทั้งตัว ทาเอาจอยสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกถ่างรูลี้ลับ

ไอ้หน้าหมารีบกลับมาใช้ลิ้นสากๆ เลียและสลับดูดหัวลูกเกดต่อ
อย่างเมามัน ‘พี่จะไม่มีวันลาเอียงแน่นอน พี่จะทากับบนยอดเขาทั้งสอง
ลูกให้เหมือนกัน เอาให้เที่ยงธรรมเหมือนเปาบุ้นจิ้นตัดสินคดีความเลยจ้ะ
!’

นอกจากปากของมันที่แบ่งดูดไอศกรีมวอลล์ทั้งสองข้างเสมอภาค
กันจนบริเวณยอดหัวลูกเกดแดง อวัยวะเบื้องล่างที่เคลื่อนเข้าออกอย่าง
เนิบๆ ทาให้อารมณ์จอยแทบขวัญกระเจิงด้วยความเสียวสุดหาคามา
บรรยายกับท่ามาตรฐานของมนุษย์

เธอรีบใช้ขาตวัดโอบรอบเอวของมัน พร้อมกับมือที่โอบรอบคอ
ขณะเดียวกันมนุษย์หมาป่าก็รู้งาน มันเริ่มบรรเลงบทรักเร่าร้อนด้วย
ความตั้งใจมากขึ้น
จอยซบเข้าหน้าอกสุดกายา สูดดมกลิ่นแชมพูซึ่งกลบกลิ่นสาบโดย
ส่วนใหญ่ของหมาออกไปด้วยความลุ่มหลง พอช้อนตามองไปที่ปากของ
มัน หากได้แลกลิ้นกับมันเธอจะต้องทาท่าไหน ในเมื่อปากของมันยาว
มากถึงขนาดนั้น ทว่าเป็นเพียงแวบเดียวที่เธอลองคิดเล่นๆ อย่างไร
ใบหน้าของมันก็ยังคงเป็นหมา ความขยะแขยงจึงไม่อาจหายไปจาก
สายตาได้ เธอจึงเลิกคิดจะทา แล้วกลับมาสูดดมกลิ่นแชมพูและปล่อยใจ
ไปกับบทรักของมันต่อ แม้ความเป็นจริงในตอนนี้ที่เธอปล่อยให้มันทา
ยิ่งกว่าการแลกลิ้นไปมาก จนไม่อาจหาคาใดมาขยายความหมายของ
คาว่า วิปริต

มนุษย์หมาป่าถอดแท่งแกร่งออกไป จอยรู้ได้ทันทีว่ามันต้องเปลี่ยน
ท่าใหม่เพื่อจะบาเรอให้ เธอจึงปล่อยมือและขาที่กอดมันออก

แต่ไอ้หื่นหน้าขนยังไม่ทาอะไรต่อทันที นอกจากนิ่งจ้องดูเรือนร่าง
เธอ เหมือนกาลังใช้ความคิดว่าจะเอาเธออีท่าไหนต่อ จนผ่านไปครู่ มัน
จับเธอขึ้นมาให้อยู่ในท่าคลานสี่ขา แล้วเสียบท่อนไม้เข้าสู่การเชื่อมต่อ
อีกครั้ง

มันจับสะโพกดึงตัวเธอเข้ามาหาและจับโยกออก ก่อนเริ่ม
กระบวนการนี้ใหม่ซ้าๆ แม้ไม่เร็วมาก ยังคงทาเอาจอยโยกหน้าโยกหลัง
พร้อมมีเสียงจ๊วบๆ ของการเสียดสี บางขณะมีน้ามันหล่อลื่นกระเด็น
ออกมาระหว่างที่เครื่องจักรเหล็กร้อนบุกเข้า

แต่มนุษย์หมาป่าทาท่านี้ไม่ได้นานเท่าไร ในเมื่อสัญชาตญาณของ
สัตว์ตระกูลหมามันแรงเหลือเกิน ที่สุดมันต้องโน้มตัวลงมาหน้าเกือบแนบ
ติดแผ่นหลังขาวเนียน ก่อนจะโถมเข้าสุดกาลัง
จอยจึงรีบเปลี่ยนมาอยู่ในท่าก้มโค้ง เอาศีรษะและแขนทั้งสองข้าง
เป็นฐานรองรับน้าหนักของมันที่โถมเข้ามาสุดแรง แม้ทุกครั้งที่มันบุกเข้า
มา ความรู้สึกเหมือนใบหน้าจะจมหายเข้าไปในเตียง อย่างน้อยที่เธออยู่
มันเป็นเตียงนอน ก็ไม่ทาให้เจ็บแขนและใบหน้า แตกต่างจากพื้นดิน
ข้างนอกอย่างสิ้นเชิง ที่ต้องทาให้เธอมีรอยถลอกและรอยขีดข่วน

เวลาผ่านไปพักหนึ่ง มนุษย์หมาป่าหยุดเคลื่อนไหว จอยเกิดความ


สงสัยเมื่อมันปล่อยสะโพก เปลี่ยนมาวางทาบใกล้ศีรษะทั้งสองด้านของ
เธอแทน จากนั้นมันเริ่มกระแทกต่อ ทว่าคราวนี้เธอไม่รู้สึกถึงน้าหนัก
มหาศาลของมันที่โถมเข้าหาทั้งตัวมากมายเหมือนก่อนหน้านี้ แสดงว่า
มันคงเพิ่งนึกออกว่าเธอต้องรองรับทั้งน้าหนักและแรงที่โถมเข้าหา มันจึง
กระจายน้าหนักของร่างกายไปที่แขนทั้งสองข้าง ซึ่งเหยียดตรงราวกับ
เป็นต้นไม้ใหญ่ เพื่อปล่อยให้เธอรับแรงกระแทกเพียงอย่างเดียว จอยจึง
อดปลาบปลื้มในใจไม่ได้ ‘ช่างเป็นสุภาพบุรุษแท้ไอ้เอ๋งหน้าหื่น !’

ในตอนนี้ท่อนแกร่งของมันจึงไม่ได้อยู่ในแนวราบแล้ว แต่อยู่ใน
แนวมุมเอียงลงประมาณสี่สิบห้าองศา

มนุษย์หมาป่าชะลอความเร็ว ก่อนหยุดหายใจฟืดฟาด จอยคิดว่า


มันคงจะหยุดเพื่อพักเหนื่อย ในเมื่อมันบุกเข้าและถอยออกซ้าๆ ติดต่อกัน
มานานด้วยความเร็วคงที่แบบนี้เกือบจะยี่สิบนาที จะไม่ให้เหนื่อยก็คงไม่
แปลก

แต่เรื่องที่คิดว่ามันจะต้องพักรบนานๆ จอยคิดผิด พอผ่านไป


ประมาณเจ็ดวินาที เธอถูกเปลี่ยนท่าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว อันที่จริงมัน
กาลังใช้ความคิดประมวลผลต่างหากว่าจะเล่นกับเรือนร่างเธอท่าไหน
ต่อ โดยไม่หลุดการเชื่อมต่อออกไป ในเมื่อตอนนี้มันเข้าแล้ว ก็ไม่
อยากจะถอดออกตามประสาสัญชาตญาณสัตว์ตระกูลหมาที่จะต้องผนึก
กับเพศตรงข้าม โดยเฉพาะนิสัยตามธรรมชาติของตัวผู้แทบทุกเผ่าพันธุ์
ที่ต้องการให้ความเป็นชายอยู่ภายในกายหญิงนานๆ ที่สุดก่อนบรรลุ
เป้าหมาย

คราวนี้มันจับเธอนอนคว่า รวบขาทั้งสองข้างของเธอชิดตรง ทว่า


มันไม่ได้ทิ้งน้าหนักทั้งหมดทับร่างบอบบางของเธอจนแบนแต๊ดแต๋ มัน
ปล่อยแค่น้าหนักร่างกายเฉพาะจุดที่มีสะพานเชื่อมกับเธอ ตอนนี้มัน
เปลี่ยนมาเป็นท่ากบดานเหมือนจระเข้

แก้มทั้งสองข้างเบื้องล่างที่ถูกวัตถุยาวและอุ่นเข้าออกเสียดสี มัน
ให้ความรู้สึกแปลกใหม่อย่างที่จอยไม่เคยรู้สึกมาก่อน

แต่ดูเหมือนในท่วงท่านี้จะยากลาบากเกินไปสาหรับมนุษย์หมาป่า
ในเมื่อมันเป็นสัตว์ตระกูลหมา ไม่ใช่ตระกูลพวกสัตว์เลื้อยคลาน ทาให้
ความเร็วในการเข้าออกของมันช้าลง

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสาหรับสัตว์ในตานานอย่างมันที่มี
เรี่ยวแรงมหาศาล มันหาทางออกโดยการเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับขอบ
หัวเตียง แล้วดึงตัวเองขึ้นลงเหมือนการเล่นบาร์โหน แต่ขาของมันไม่ได้
เหยียดตรง มันทาเหมือนนั่งยองๆ แล้วแยกขาออกกว้าง เพื่อให้แท่งหอก
แหลมสีแดงของมันเข้าสู่เป้าหมายได้ง่ายที่สุด

ภาพในตอนนี้ค่อนข้างดูตลก หากมองจากด้านหลัง ดูราวกับว่ามัน


กาลังเล่นในท่ากบไชโยไม่มีผิด จอยชอบมากในทุกครั้งที่มันจ้วงเข้าเอา
น้าหล่อลื่นเธอออกมา
หลังจากทาไปสักพัก ความเร็วของมนุษย์หมาป่าเพิ่มขึ้น ไม่นาน
มันเลิกกระแทกในท่า กบไชโยปะทะจระเข้ มันจับเธอกระดกให้อยู่ในท่า
ก้มโค้งอย่างรวดเร็ว โดยไม่ปล่อยให้ตั้งตัว มันถาโถมเข้าด้วยทั้ง
ความเร็วสูงและพละกาลังมหาศาลอย่างไม่ยั้ง พร้อมส่งเสียงคารามอย่าง
สัตว์ป่าเดรัจฉาน บ่งบอกได้ทันทีว่ามันกาลังจะถึง จุดสุดยอด ฉีดน้าก่อ
เกิดเผ่าพันธุ์เข้าสู่ภายในกายแล้ว

พริบตาต่อมา มนุษย์หมาป่าเหยียดหลังตรง พร้อมแหงนหน้าขึ้น


ฟ้า “บรู๋วววววววว !!!”

เสียงหอนของมันดังก้องภายในห้อง ทาเอาจอยสะดุ้ง แต่ไม่ใช่


เพราะว่าเธอตกใจเสียงหอนด้วยความรู้สึกสุดยอดของมันที่ตักตวงจาก
เธอ แต่มันเป็นเพราะคราวนี้เธอสามารถสัมผัสได้ถึงแรงอัดของน้าจาก
ท่อใหญ่ยาวที่ฉีดเข้ามา แรงปะทะของมันถึงกับทาให้อวัยวะภายใน
สะเทือน เธอเข้าใจทันทีว่าทาไมกฎหมายไทยถึงห้ามใช้ ปืนฉีดน้า
ท่อพีวซ
ี ี ในการเล่นน้าสงกรานต์

จอยร้องว้ายด้วยความตกใจ เมื่อมนุษย์หมาป่าหงายหลังไป พร้อม


กับดึงเอาตัวเธอไปกับมันด้วย มือของมันเลื่อนลงมาที่ต้นขาละข้าง แล้ว
แยกออกอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่แผ่นหลังใหญ่ของมนุษย์หมาป่าสัมผัสเตียง จอยเบิกตา
กรีดร้องสุดเสียงเพราะความเจ็บ แรงโน้มถ่วงและน้าหนักของตัวเธอที่ไป
ตามร่างของมัน ทาให้ก้อนเนื้อขนาดใหญ่เท่ากาปั้นตรงโคน หายเข้าไป
ในช่องลับจนน้าทะลักกระจายออกมา เหมือนเขย่าขวดน้าอัดลมก่อน
เปิด ในตอนนี้ในตัวเธอมีแท่งของชายชาตรีเกือบเจ็ดจุดห้านิ้วฝังอยู่
ภายในตัวจนหมด ไม่มีช่องว่างให้เห็นสิ่งนั้นว่ามันเข้าไปได้ยังไง เป็น
เรื่องปริศนาอย่างยิ่ง
หญิงสาวปล่อยตัวหงายหลังทันทีด้วยความจุกแน่นเกินทนไหว
ทว่ายังโชคดีมีร่างแกร่งกายาปกคลุมไปด้วยขนรองรับอยู่ข้างหลัง

อสูรรีบโอบตัวเธอให้อยู่บนหน้าอกก่อนที่เธอจะไหลตกไป แล้วเริ่ม
การนวดภูเขาทั้งสองลูกของหญิงสาว ‘ทาใจให้สบายๆ ปล่อยตัวไปเลย
นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะนวดคลายเครียดให้น้องอวบรู้สึกผ่อนคลายเอง รับรอง
น้องต้องดีขึ้นแน่นอน’ มันสูดดมกลิ่นยาสระผมบนศีรษะของเธอด้วย
ความชื่นใจราวกับเห็นเป็นยาชูกาลัง

ไม่นานมันเปลี่ยนมาลูบไล้เรือนร่างของเธอ แล้วมาปิดท้ายตรง
อวัยวะที่เชื่อมต่อ ไอ้หน้าหมามันเอาแต่ลูบอยู่ตรงนั้นอย่างอ้อยอิ่ง ส่ง
เสียงหายใจฟืดฟาด ราวกับภูมิใจในความสาเร็จของการเชื่อมต่อครั้งนี้
จอยแน่ใจว่าเป็นนิสัยส่วนตัวของมันที่ชอบทา เหมือนกับเวลาคนบาง
ประเภทเมื่อรู้สึกเครียดๆ มักจะชอบกัดเล็บของตัวเอง

ผ่านไปประมาณสิบห้านาที จอยก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่ว่าไอ้ท่อนนั่น


มันยังไม่ยอมหดตัว มันยังคงแข็งดุจดั่งเหล็กกล้าฝังเอาไว้ในร่าง

จอยค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นอยู่ในท่านั่ง เมื่อก้มมองตรงการ


เชื่อมต่อ ภาพแรกที่เธอเห็นคือโรงงานผลิตทายาทที่เป็นเหมือนไข่ไก่
สองฟองในถุง ถัดไปเบื้องหลังเป็นหางที่กาลังกระดิกไม่หยุด ส่งผลทา
ให้ไข่คู่แฝดมหากาฬกลิ้งซ้ายขวาไปมา

เมื่อหันไปมองไอ้หน้าหมา ดวงตาของมันดูเหม่อลอยและฉ่าเยิ้ม
ทาเหมือนกับไอ้หมาพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ที่เธอดูในคลิปไม่มี
ผิดเพี้ยน ไม่รู้ว่าที่มันเป็นอย่างนั้น มันสัมผัสความรู้สึกอะไรที่เรียกว่า จุด
สุดยอด ที่ทางช่องลับของเธอกาลังบาเรอให้กับแท่งดินสอสีแดงขนาด
ใหญ่ของมันอยู่ แต่จากเท่าที่สังเกต ไอ้หน้าหมาคงจะต้องมีความสุขมาก
แน่ๆ หากไม่เช่นนั้นคงไม่แสดงแววตาอย่างนั้นออกมาอย่างชัดเจน

แม้จอยอยากมองให้เห็นเด่นชัดใกล้ตาว่าอวัยวะที่ฝังอยู่ใน
ร่างกายเธอมันมีหน้าตาเป็นยังไงอีกครั้ง แต่ยังคงเป็นไปไม่ได้ นอกจาก
ต้องรอให้เจ้าของแท่งเหล็กนี้เอาออกไปก่อน แต่อาจจะไม่ใช่ในเร็วๆ นี้
แน่ เพราะดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่อยากจะเอาออก แค่เธอขยับ
เล็กน้อย มันรีบจับสะโพกเธอกดลง เหมือนกลัวว่าเธอลุกขึ้นจนทาให้
หลุดการเชื่อมต่อออกไป

จู่ๆ ฝ่ามือขนาดใหญ่ก็จับตัวเธอหมุนมาเผชิญหน้า ตอนแรกจอยต


ระหนกกับการกระทาของมัน พอตั้งสติได้จึงเข้าใจว่ามันต้องการให้ทา
อะไร เธอก็ยินยอมหมุนตัวหันไปตามทิศทางที่มันต้องการ ในตอนนี้
ไม่ได้รู้สึกกลัวมันมากเหมือนช่วงแรก นอกจากความอยากรู้อยากเห็นที่
จะมีแต่เพิ่มขึ้น

การที่เธอขยับร่างกาย โดยมีสิ่งที่คล้ายกระบอกเสียบอยู่เป็นฐาน
ให้ทรงตัว สร้างความเสียวที่แปลกใหม่ได้ดียิ่งนัก แต่ไม่ใช่เฉพาะ
สาหรับเธอเพียงฝ่ายเดียว ยังรวมไปถึงไอ้หน้าหมาด้วยเช่นเดียวกัน
แล้วรู้สึกว่ามันจะเสียวเอามากๆ เพราะก่อนหมุนตัวมา เธอสังเกตเห็นเท้า
มันเหมือนเกิดอาการเกร็งจนนิ้วสั่นระริก โดยเฉพาะหางของมันที่สะบัด
ถ้าหากเธอยื่นหน้าไปใกล้ มีหวังโดนหางมันตบใส่หน้าจนชาแน่ เพราะ
ในตอนนี้หางมันกระดิกจวนจะกลายเป็นตุ๊กตาล้มลุกอยู่แล้ว

เมื่อหันมาเผชิญหน้าตรงๆ มันจ้องหน้าจอยด้วยแววตาที่ดูไม่ออก
ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ ในคืนนี้ไม่เหมือนเมื่อวานที่จะเล่นกระแทกเธอ
เพียงอย่างเดียว ในวันนี้มันเล่นเสียบมิดด้ามแทน เธอคิดว่าหากมันไม่ได้
เสียบอยู่อย่างนี้ มันคงต้องกลับมาอึ๊บเธออีกในหลังจากหยุดพักทุกๆ
ประมาณห้านาทีแน่นอน

จอยไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นยังไงกับมันดี โดนมันมอบความเป็นผัวให้มา
ตั้งหลายครั้ง แต่กลับไม่รู้จักเลยว่าผู้มาปล่อยลูกหลานใส่ภายในตัวเธอ
เป็นใครในร่างของมนุษย์ นอกจากร่างของสัตว์ป่า

หญิงสาวถอนใจออกมา เพราะเมื่อคิดอีกที จะมัวเอามาคิดให้ปวด


หัวไปเพื่ออะไร เจตนามันก็บอกชัดเจนว่าไม่ต้องการเปิดเผยตัวจริง หาก
ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เอาร่างอสูรมาหาเธออย่างนี้

ในตอนนี้เอาเวลามาไขข้อข้องใจดีกว่า ในเมื่อได้เจอสิ่งมีชีวิตใน
ตานานทั้งที จะไม่สารวจมันก็จะดูกระไรอยู่ แล้วตอนนี้เธอไม่ได้
หวาดกลัวมากมายเหมือนช่วงแรก เธอจึงเริ่มการสารวจด้วยความ
ตื่นเต้น ราวกับนักโบราณคดีค้นพบภาพโป๊แรกของโลกที่ผนังถ้า ซึ่งเกิด
จากคนโบราณวาดไว้เพื่อสอนวิธีการใช้กระบวนท่าต่างๆ ให้ลูกหลาน
ศึกษาเอาไปสาหรับปั๊มลูก เพื่อสืบเผ่าพันธุ์ให้อยู่นานชั่วนิรันดร์

จอยลูบไล้ขนบนเรือนร่างของมันอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้ประสาท
สัมผัสทั้งของฝ่ามือและปลายนิ้วบอกสมอง หน้าท้องของมันอุดมไปด้วย
กล้ามเนื้อเป็นลอนๆ ถึงแปดก้อน ทาเอาเธอกลืนน้าลายเฮือก จากนั้นไล่
ขึ้นไปจนมาถึงหน้าอกซึ่งมีหัวนมซ่อนอยู่ใต้ขน ตอนแรกเธอคิดว่ามัน
ต้องมีถึงแปดเต้าเหมือนหมา ทว่าความเป็นจริงเธอคิดผิด มันมีแค่สอง
เต้าเท่านั้น แล้วทั้งสองเต้านี้ยังอยู่ตรงตาแหน่งเดียวกับของมนุษย์

พอช้อนตาไปมองใบหน้าของมัน ดูเหมือนว่ามันจะชอบให้เธอลูบ
ไล้ เพราะเห็นมันหลับตาพริ้ม ส่งเสียงครืดเบาๆ ราวกับแมว
เมื่อเห็นอย่างนั้น ทาให้จอยเกิดความหมั่นไส้ เพราะมันทาให้เธอ
นึกถึงในคืนแรก ที่บังอาจยัดเยียดความเป็นผัวให้ เล่นเอาจนเธอเดินขา
ถ่างท่าเป็ด แถมยังโดนยัยจอมเมาท์ทั้งสองคนแกล้งแซวอีกว่า ต้องเป็น
ลางบอกใบ้พรหมลิขิตเจอคุณอเล็กซ์ แต่ไม่ใช่ในความหมายที่ว่าเขา
หล่อรวยแม้อย่างน้อย แต่มันเป็นในความหมายว่าไอ้นั่นของเขาจะต้อง
บิ๊กเบิ้มถึงกับขาถ่าง ถ้าได้เขามาเป็นสามี ที่สาคัญไอ้บ้าไหนก็ไม่รู้ดันหูดี
เอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่กระจายข่าวแทนยัยเพื่อนจอมเมาท์ จนทั้งบริษัท
ลือกันให้แซด

จอยขยาสองเต้าของมัน เอาให้เหมือนที่มันกระทากับเธอ ทว่าจาก


แววตาของมันบ่งบอกว่าชอบใจมากกว่า จอยจึงเปลี่ยนมาบีบหัวนมของ
มันแทน เนื่องด้วยเธอเป็นคนที่ชอบอะไรที่แปลกพิสดารเป็นทุนเดิม
ในช่วงอารมณ์นี้จึงไม่มีอะไรมาหยุดความบ้าดีเดือดของเธอได้ แต่การ
กระทาของเธอจะมีแต่ยิ่งทาให้ไอ้หน้าหมาชอบใจมากขึ้น คราวนี้มัน
ครางออกมาด้วย แล้วไม่ใช่แค่นั้น มันยังเอาคืนอีกต่างหาก แถมมันขยา
แบบไม่สนใจเลยว่าจอยจะแสดงสีหน้ายังไง

สรุปในตอนนี้กลายเป็นสงครามขยาและบีบลูกเกดโดยไม่มีใคร
ยอมใคร

จอยถลึงตา ‘ไอ้หน้าเอ๋ง ! ฉันไม่มีวันยอมแพ้แกหรอก ในเมื่อสู้แรง


แกไม่ได้ ถ้างั้นขอบีบเอาให้หัวเทียนของแกบอดไปเลย !’ เธอขบฟัน
แน่น กล้ามเนื้อภายในของเธอหดตัวบีบรัด

“แฮะๆ...” ไอ้หน้าเอ๋งเบิกตาโพลง ส่งเสียงแหบพร่า ลิ้นสั่นระรัว


‘นั่นแหละใช่เลยจ้ะน้องอวบ ! กระชับบีบแน่นแบบนี้แหละที่พี่ต้องการ
สุดยอดยยยยย~ !’
ยิ่งจอยเห็นหน้าของมันตื่นเต้นอย่างชอบใจ เธอก็บังคับกล้ามเนื้อ
ภายในให้บีบแน่นเพิ่มขึ้นด้วยความเดือดดาล แน่นอนว่าเธอบาเรอให้
มันสุขสมโดยไม่รู้ตัว จนถึงกับทาให้มันกลอกตาขึ้นฟ้าลิ้นสั่นระรัวไม่
หยุด

สงครามนวดแป้งผ่านไปสักพัก จอยเริ่มเบื่อจึงหยุดทา ดูเหมือนว่า


จะพูดคุยอะไรกันก็คงไม่รู้เรื่อง เพราะตั้งแต่ที่เจอมันมา มันก็เอาแต่เย่อ
เธอเพียงอย่างเดียว ไม่มีคาอะไรที่หลุดออกมาจากปาก นอกจากเสียง
คารามอย่างสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น เธอจึงเปลี่ยนใจคิดจะสื่อสารด้วย
คาพูดกับมัน เธอขอเป็นฝ่ายยอมแพ้

หญิงสาวลองยันตัวลุกขึ้น เพื่อทดสอบว่าก้อนเนื้อใหญ่ยักษ์หดตัว
หรือยัง ทว่ายังคงทาให้จุกแน่นและติดปากทางช่องลับอยู่ บ่งชี้ว่ามัน
ต้องยังคงใหญ่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันเมื่อมนุษย์หมาป่าเห็นเธอกาลัง
จะทาอะไร มันจับตรงต้นขาเธอกดลงมาให้นั่งเหมือนเดิมอีกครั้ง สุดท้าย
จอยจึงต้องเลยตามน้า เพราะมันจับแน่นไม่ยอมปล่อย

ความรู้สึกที่มีก้อนอะไรใหญ่ๆ ติดอยู่ระหว่างปากทางเข้าออก มัน


ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเท่าไรนัก ยิ่งขยับมากเท่าไรเธอก็ยิ่งทั้งจุกและเจ็บ
เธอจึงเอนตัวหงายลงไปแทนเพื่อรอเวลาที่มันจะหดตัว เป็นเพียงอย่าง
เดียวเท่านั้นที่เธอสามารถทาได้ในตอนนี้ เนื่องจากเป็นอย่างเดียวที่
มนุษย์หมาป่ายินยอมให้เธอ แต่ดูเหมือนมันยังคงไม่ไว้ใจ เพราะมือมัน
จับข้อเท้าของเธอเอาไว้อยู่ ราวกับกลัวว่าเธอจะหนี

แต่ความอยากรู้อยากเห็นยังคงมีอยู่ จอยกระดกหัวมองตรงจุด
เชื่อมต่อ เห็นหนังซึ่งปกคลุมไปด้วยขน มันย่นไปกองรวมกันเป็นชั้นๆ
ตรงสุดโคน จนดูเหมือนผิวหนังเหี่ยวๆ ของผู้สูงอายุ พอยื่นมือไปลอง
แตะสัมผัสดู เจ้าของร่างกายาสะดุ้งเบาบาง ทาเอาเธอตกใจ ชักมือกลับ
แทบไม่ทัน

ผ่านไปครู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจอะไร เธอจึงยื่นมือออกไป


สัมผัสต่ออีกครั้งโดยไม่มีทีท่าขยะแขยง เพราะเธอรู้ว่ายังไงก็สามารถไป
ล้างมือภายหลังได้

เมื่อปลายนิ้วสัมผัส ปรากฏว่าหนังย่นเป็นชั้นๆ มันนิ่มมาก พอเมื่อ


เลื่อนปลายนิ้วมาสารวจตรงจุดการเชื่อมต่อระหว่างร่างกาย ดวงตาของ
เธอแสดงความตระหนกตกใจอีกครั้ง แม้ว่าพยายามเตรียมใจไว้บ้างก็
ตาม แต่เธอก็ไม่อยากเชื่อว่าก้อนเนื้อใหญ่โตนั้นจะเข้าไปในตัวของเธอ
จริงๆ แต่เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เห็นมัน นอกจากลูกตุ้มดาปี๋มโหฬาร เธอไม่
เห็นอะไรที่มีลักษณะใหญ่ยักษ์อีก แต่เพียงไม่นานเธอก็ปะติดปะต่อภาพ
ในหัวออก ความจริงก้อนเนื้อใหญ่โตตรงโคนของดินสอสีแดงที่เธอเห็น
มันคงเป็นเนื้อที่ขยายพองตัวได้ ไม่เช่นนั้นต้องเห็นตั้งแต่แรก ในเมื่อ
กางเกงของมันแนบเนื้อขนาดนั้น แต่เห็นความมโหฬารแค่ตรงตาแหน่ง
เดียว ลักษณะอวัยวะนี้ของมันคงเหมือนกับกางเกงขายาว ที่ถูกถลก
สูงขึ้นจนมาถึงต้นขา หลังจากนั้นต้นขาก็บวมเปล่งกลายร่างเป็นโรค
เท้าช้าง

การกระทาของเธอทาให้เจ้าของร่างนั้นกระดกหัวมามองด้วยแวว
ตาวิบวับ จอยจึงชักมือกลับ เพราะกลัวว่าอาจไปกระตุ้นอารมณ์อะไรให้
มันอีก เพียงแค่ตอนนี้มีของบิ๊กเบิ้มฝังอยู่ภายใน เธอแทบจะไม่ไหวแล้ว
ขืนมันเล่นกระแทกอีก คงได้ตายคาท่อนไม้ของมันแน่ จอยจึงรีบล้มตัว
นอน เสแสร้งหลับไปอย่างเร็ว เพื่อไม่ให้มันเกิดอารมณ์ขึ้นมา แต่ความ
เหนียวหนืดที่ติดนิ้วทาเอารู้สึกขยะแขยงไม่ใช่น้อย เธอจึงพยายาม
เคลื่อนไหวมืออย่างเชื่องช้า เพื่อเช็ดกับผ้าปูเตียงเอามันออกไปก่อน
ชั่วคราว
จอยเหลือบดูเวลานาฬิกาข้างฝาห้อง ตอนนี้ผ่านไปประมาณ
สามสิบนาทีกว่าๆ แล้ว ในเมื่อตอนนี้มือหยาบหนาที่จับข้อเท้ารู้สึก
เหมือนมันแค่วางไว้ อาจเป็นไปได้ว่าสัตว์ร่างกายาตัวนั้นเผลอนอนหลับ
เพราะความเหนื่อย หญิงสาวจึงใช้โอกาสนี้ค่อยๆ ลากเท้าออกมา
จนกระทั่งพ้นมือของมัน เธอจึงพยุงตัวแล้วลองส่ายสะโพกดูว่าตรงการ
เชื่อมต่อมันหลวมหรือยัง ในตอนนี้ตรงส่วนนั้นจับความรู้สึกไม่ค่อยได้
เท่าไรนัก เนื่องจากมันยังชาๆ กับขนาดก้อนเนื้อที่ใหญ่มโหฬาร

เพียงถอยออกมาได้เล็กน้อย มีเสียงดังป๊อก พร้อมรู้สึกเหมือนน้า


แตกกระจายพรวดออกมา แสดงว่าในตอนนี้ก้อนเนื้อใหญ่ยักษ์หดตัวจน
หลวม

จอยมองมนุษย์หมาป่าเบื้องหน้าอีกครั้ง มันยังคงแน่นิ่งไม่รู้ตัว
เหมือนเดิม เธอจึงถอยห่างไปอีกอย่างช้าๆ

ทุกขณะที่ดาบของผู้กล้ากาลังเหมือนถูกดึงออกจากก้อนหิน ทา
เอาริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความเสียวที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา

ทว่าไม่นานความรู้สึกนั้นต้องหายไปอย่างฉับพลัน เมื่อมือหยาบ
หนาที่นอนสงบนิ่งพลันเคลื่อนไหวมาจับข้อเท้าแล้วลากกลับเข้าหา ทา
ให้จอยหงายหลังด้วยความตกใจ หลังจากนั้นมีเสียงดังซวบตามมาติดๆ
พร้อมความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง

มือมันเปลี่ยนขึ้นไปจับตรงลาแข้งของเธอ แล้วเริ่มการบรรเลงบท
รักสุดพิสดารต่อทันที ในคราวนี้มันดึงหญิงสาวเข้าและออกเพื่อให้ตัว
เธอรูดกับแท่งเหล็ก ทว่าในท่วงท่านี้คงค่อนข้างจะลาบาก มันจึงอ้าขา
ออกกว้างกว่าเดิม เพื่อให้ตัวของหญิงสาวสามารถเข้ามาใกล้ได้ง่ายขึ้น
“กรร... กรร... กรร...”

ทุกครั้งที่จอยรู้สึกมันรุกล้าเข้ามาภายใน มนุษย์หมาป่าจะเผลอตัว
ส่งเสียงต่าๆ ออกมา หากเธอจับใจความแปลไม่ผิด มันน่าจะตีความเป็น
ประมาณว่า อ้า... อ้า... อ้า...

ทาให้ได้รับความรู้สึกที่แปลกใหม่อีกครั้ง แม้ไอ้หน้าหมาอยู่ในท่า
นอนเฉยๆ ยังสามารถอึ๊บเธอได้ ช่างเป็นความสามารถที่มหัศจรรย์ล้าลึก
ยิ่งนัก

ครั้งนี้มันไม่ได้ทาอย่างดุดันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา มันทาอย่าง
นุ่มนวล ราวกับเป็นบทเพลงกล่อมเด็กให้หลับใหล มันยังมีการลุกขึ้นมา
ดึงผ้าห่มคลุมให้เธอ ก่อนล้มตัวกลับไปนอนในท่าอึ๊บสุดพิสดารต่อ

จอยไม่คิดจะลุกไปไหนอีก ด้วยความอ่อนเพลีย เธอจึงนอนหลับไป


ในขณะที่มนุษย์หมาป่ากาลังบาเรอให้ เหมือนกับเป็นนิทานอ่านให้ฟัง
ก่อนนอน แล้วยังไม่ใช่เป็นนิทานธรรมดา มันมีทั้งหรรษาและเสียว

つづく

Amazing thailand อ่านว่า อะเมซิ่งไทยแลนด์ แปลได้ประมาณว่า สิ่ง


น่าอัศจรรย์ของประเทศไทย

นาฬิกาพก หรือเรียกว่า “Pocket Watch” เป็นนาฬิกาที่ใช้บอกเวลา


ทั่วไป ตามโดยนิยมมักจะใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ท กระเป๋ากางเกง
ลักษณะของนาฬิกาพกในยุคแรก จะมีสายโซ่เชื่อมต่อกับตัวเรือน ตรง
ปลายสายของตัวนาฬิกาจะเป็นตัวคลิป เพื่อสามารถยึดติด สาหรับ
ป้องกันนาฬิกาตกหล่น แต่โดยส่วนมากจะเป็นกระดุมเข็มที่ปลายสาย
เพื่อสะดวกในการเอามาติดกับปกเสื้อโค้ทหรือแจ็คเก็ต สายของนาฬิกา
พกนั้นยังสามารถทาจากหนังสัตว์ ยึดติดกับตัวเรือนแทนโซ่โลหะ การ
ออกแบบของสายหนังยังมีจุดมุ่งหมายเจาะจงกลุ่มผู้หญิง เนื่องจากเป็นที่
นิยมในกลุ่มของพวกเธอ บางครั้งยังมีการตกแต่งสายด้วยเครื่องเงิน
เครื่องประดับต่างๆ หรือสัญลักษณ์สโมสร หรือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกทาง
สังคม นาฬิกาพกเป็นที่นิยมมากในช่วงศตวรรษที่ 16 แต่หลัง
สงครามโลกครั้งที่ 1 นาฬิกาข้อมือกลายมาเป็นที่นิยมมากในหมู่ทหาร
ทาให้นาฬิกาพกลดความชื่นชอบลงไป ขอขอบคุณที่มา
siamvendorashop.com ชื่อหัวข้อของข้อมูล ประวัตน
ิ าฬิกาพก
แท้จริงนัน
้ มาจากไหน เรียบเรียงและแปลโดย ใบตอง (แต่ที่ตัวนักเขียน
เอามา เป็นเพียงข้อมูลบางส่วน)

ความหมายของตัวเลของศา ยกตัวอย่าง ทางลาดเอียงที่ไว้สาหรับเข็น


รถที่มีล้อขึ้น อย่างเช่นในโรงพยาบาลที่จะพบเห็นได้บ่อยๆ เพื่อไว้
สาหรับเข็นรถผู้ป่วยขึ้นตึก ในกรณีที่ตัวตึกสร้างสูงกว่าพื้นหรือต่ากว่า
พื้น แต่ว่าจะอยู่ในมุมลาดชันไม่เกิน 15 องศา

กบดาน เป็นลักษณะอาการของจระเข้ที่นอนพังพาบกับพื้นอยู่ใต้น้า
เรียกว่า “กบดาน” โดยปริยายหมายถึงหลบซ่อนตัวไม่ออกมา
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 9

“วันนี้คุณมาสายรู้ไหมคะ” เจ้าหน้าที่หญิงเคาะนิ้วเล่นข้างคีย์บอร์ด
เหมือนทาเพื่อฆ่าเวลาในการคิดหาวิธีว่าควรจะทายังไงดีกับหญิงสาว
ตรงหน้าที่มาสายเกือบสองชั่วโมง

“ฉัน... เอ่อ...” จอยลอกแลกขณะมือที่ผสานกันยุบยิบไม่เป็นสุข ไม่


รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง เพราะเหตุการณ์เร่าร้อนเมื่อคืน ทาเอาร่างกาย
อ่อนเพลียมากจนตื่นสาย แต่นั่นไม่ใช่เป็นต้นเหตุทั้งหมด อีกส่วนหนึ่ง
เกิดจากลืมตั้งนาฬิกาปลุก ส่วนไอ้ตัวที่มันทาให้เธอต้องเจอเหตุการณ์นี้
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาปุ๊บ มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วยังไม่ลืมเอา
สมบัติกางเกงตัวน้อยของมันกลับไปด้วย

“คุณจะมาอ้างว่ารถติดไม่ได้หรอกนะคะ” เจ้าหน้าที่ปรายตาไปทาง
หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งบอกรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจนชั่วขณะก่อน
ตวัดสายตากลับมา “เพราะคุณก็รู้เวลาดีอยู่แล้ว จากที่ฉันดูตารางในการ
เข้าทางานของคุณ จะเข้าในช่วงประมาณหกโมงสี่สิบถึงเจ็ดโมงยี่สิบ
โดยประมาณ ไม่ใช่เกือบสิบโมงอย่างนี้”

จอยไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆ นอกจากมองนิ้วของเจ้าหน้าที่ที่
ยังคงเคาะเล่นเป็นจังหวะราวกับละเลิงใจในอานาจที่จะตัดสินเธอ

เพียงไม่นานหลังจากเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เงียบไปครู่หนึ่ง หล่อน
ขยับกรอบแว่นตาสี่เหลี่ยม พลางเผยรอยยิ้มราวกับนางตัวร้ายสามารถ
กาชัยชนะได้สาเร็จ “กฎก็ต้องเป็นกฎค่ะ”

จอยถอนใจอย่างไม่มีทางเลือก เธอต้องยอมยื่นบัตรตรวจการเข้า
ออกของพนักงานให้เจ้าหน้าที่ กฎที่ว่านี้คือถ้าใครมาสายหรือขาดงาน
ไปอย่างไม่มีเหตุผลมากเพียงพอ ต้องถูกหักเงินเดือน โดยเฉพาะกับการ
ไม่ตรงเวลา ถ้าหากมาช้า ไม่ว่าจะกี่นาทีหรือเป็นชั่วโมง จะถูกหักเงินถึง
สามวัน แม้ใจจริงจอยอยากโกหกว่าป่วย แต่ความจริงมักไม่เป็นอย่างที่
คิด เพราะถ้าเธอป่วยจริง ต้องมีใบรับรองแพทย์มายื่น แล้วถ้าอ้างหยุดไร้
สาระบ่อยอาจถูกพักงานยาวเลย แล้วไม่ใช่พักงานยาวเพราะได้ไปพัก
ร้อน มันหมายถึงถูกไล่ออกจากงานไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เว้นเสียแต่
ต้องมาสมัครใหม่ แต่คงไม่ใช่ในตาแหน่งเดิม อาจเป็นตาแหน่งเงินเดือน
ต่าๆ อย่างเช่นยามและแม่บ้าน

“โอ้คุณจอยมาถึงแล้วหรือครับ ?”

ยังไม่ทันจอยจะยื่นบัตรถึงมือเจ้าหน้าที่ มีเสียงทักทายของชายคน
หนึ่งทาให้เธอชะงักอยู่ในท่าถือบัตร เว้นเสียแต่ศีรษะที่หันขวับไปทาง
ต้นเสียงนั้น ดวงตาของเธอแสดงความประหลาดใจ

“ผมกาลังรอคุณอยู่พอดีครับ” อเล็กซ์เดินเข้ามาหาพร้อมส่งรอยยิ้ม
มาให้เหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ก่อนหันไปทางพนักงานที่ยกมือไหว้ทา
ความเคารพ “พอดีเธอไปทาธุระให้ผม เธอจึงมาถึงที่ทางานสาย ถ้ายังไง
คุณช่วยเขียนรายละเอียดลงไปในเหตุผลของการมาสายว่า เธอไปเป็น
ธุระงานให้ผมด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะคุณอเล็กซ์” เจ้าหน้าที่สาวหยิบบัตรของจอยมาเข้าเครื่อง
สแกน แล้วเริ่มพิมพ์รายละเอียดลงไปอย่างว่องไว

ความจริงแล้ว เจ้าหน้าที่หญิงคนนี้รู้ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้ยินเรื่อง
เมาท์กระจายไปทั่วบริษัท ตอนแรกนึกว่ามันเป็นแค่ข่าวลือเสียอีก ที่ไหน
ได้มันคือเรื่องจริงที่ลูกชายท่านประธานบริษัทหลงชอบพนักงานคนนี้
หากไม่เช่นนั้นคงไม่มาบังคับให้เธอเขียนสาเหตุโกหกในนามของลูก
ชายบริษัทแน่ๆ เพราะจากที่จอยพูดมาในตอนแรก มันไม่ได้มีอะไร
เกี่ยวกับการไปทาธุระให้ลูกชายประธานเลยแม้สักอย่าง นอกจากคาขอ
โทษและยอมรับผิดที่มาสายเท่านั้น

จอยรู้สึกประหม่า ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มที่เพิ่งมาช่วยชีวิตเงินเดือน
เธอไว้อย่างหวุดหวิด ความจริงภายในใจอยากจะเอ่ยคาขอบคุณ แต่ไม่
สามารถเอ่ยออกมาได้ในตอนนี้ เพราะยังอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตรวจอยู่
เธอเกรงว่าอาจไปพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าจนเรื่องแตก

หลังจากเจ้าหน้าที่พิมพ์เสร็จ จอยรีบรับบัตรที่ส่งกลับคืนมาให้
จากนั้นเดินไปอย่างขวยเขิน ขณะเดียวกันที่หน้าลิฟต์ ชายหนุ่มกาลังกด
ปุ่มสั่งลิฟต์ลงมา แม้เธอมายืนห่างจากเขาไปแค่ประมาณสี่ก้าวขา ยังได้
กลิ่นน้าหอมฉุนๆ จากตัวเขาลอยมา “เอ่อ... คุณอเล็กซ์คะ... คือว่าฉัน...
ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นอะไรครับ เรื่องแค่นี้ผมยินดีช่วยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้


คราวหลังคุณต้องมาให้เร็วกว่านี้นะครับ หากช้าอาจรถติดได้”

จอยประสานมือ ทานิ้วยุบยิบ แม้ชายหนุ่มไม่ได้ดุว่าอะไร แต่ที่เขา


เอ่ยออกมามันยังคงเป็นการเตือนกลายๆ และดุในคราวเดียวกัน ‘หน็อย
ไอ้หน้าหมา ! ทาเกือบโดนหักเงินยังไม่พอ ยังทาให้โดนตาหนิอีก คอยดู
เถิด คืนนี้ถ้ายังมาเสนอหน้าอีก จะบีบไอ้นั่นของแกแหลกแน่ ไอ้หน้าเอ๋ง
!’

จอยบีบนวดมือตัวเองข้างที่ถูกมนุษย์หมาป่ากัด แม้แผลหายไป
แล้ว ยังไม่ใช่ว่าจะไม่หลงเหลืออะไรไว้ เธอยังคงรู้สึกปวดระบม ราวกับ
แผลมันหายเฉพาะภายนอก แต่ภายในยังคงช้าอยู่ ความรู้สึกของจอย
ในตอนนี้ เหมือนเกิดจากออกกาลังกายหนักอย่างฉับพลันต่อเนื่อง โดย
ไม่ได้วอร์นอัพร่างกายก่อน ทาให้กล้ามเนื้อปรับตัวไม่ทัน จนเกิดการฉีก
ขาดภายใน ทาให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งอาการนี้โดยส่วน
ใหญ่จะเกิดกับพวกนักกีฬาหรือคนที่ไม่เคยออกกาลังกายหนักต่อเนื่อง
มาก่อน

อย่างน้อยในตอนนี้ถือว่าโชคดีอย่างหนึ่ง ชายหนุ่มคงไม่ได้สังเกต
มือเธอตั้งแต่แรก หากไม่เช่นนั้นเขาคงถามเรื่องมือของเธอที่เป็นแผล
นานแล้วว่า เหตุใดมันถึงหายได้เร็วอย่างมหัศจรรย์มากขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม มันเป็นแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น เธอจึงพยายามให้


มืออยู่ด้านลาตัวอีกด้าน เพื่อไม่ให้เขาหันมาเห็น หากเขาถามขึ้นมา
จริงๆ เธอยังไม่รู้เลยว่าจะตอบคาถามได้ยังไง ฉะนั้นป้องกันไว้ดีกว่าย่อม
เป็นเรื่องดีสุด

ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือกลุ่มเพื่อน เธอจะทายังไงล่ะ ในเมื่อบอกกับ


เพื่อนไปว่าโดนหมากัดตั้งแต่เมื่อวาน แล้วตอนนี้ยังลืมเอาผ้ามาพันไว้อีก
หากไม่มีร่องรอยบาดแผล เพื่อนจอมเมาท์ต้องสงสัยแน่ๆ

ใช้เวลาในการขบคิดไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่า บริษัทนี้ยังมีกล่อง
ยาสามัญประจาบ้านเพื่อไว้สาหรับใช้รักษาพนักงานยามบาดเจ็บหรือ
ป่วยกะทันหัน อยู่ในห้องห่างออกไปไม่ไกลจากห้องชงกาแฟ เพียงแค่
เธอไปแอบหยิบผ้าพันแผลในห้องนั้นมาพันมือ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง เท่านี้
เพื่อนก็ไม่มีวันสงสัยอะไรเธอ

“เราขึ้นไปกันดีกว่าครับ ลิฟต์มาแล้ว”

เสียงของอเล็กซ์ ทาให้จอยหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด เธอหัน


มาตอบรับแล้วรีบก้าวตามเข้าไป
ภายในลิฟต์ที่เงียบสงัด จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ หัวใจจอย
เริ่มเต้นรัวเมื่อได้มาอยู่ใกล้ชายที่ชอบตัวเอง พอชาเลืองมองชายหนุ่ม
หัวใจยิ่งเต้นรัวมากกว่าเดิม ต่อให้มองอีกกี่ครั้ง เขายังคงเป็นบุรุษรูปงาม
เหมือนในนิยายน้าเน่าไม่มีผิด

อเล็กซ์ชาเลืองตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากบางเบา ทาให้
จอยตวัดสายตากลับไปมองหน้าประตูลิฟต์แทบไม่ทัน แล้วจากนั้น
ใบหน้าเธอเริ่มแดง

“คุณปวดมือใช่ไหมครับ ?” เขาหันมาถามตรงๆ

“หะ... อะไรนะคะ ?” จอยตะกุกตะกักเพราะความตกใจ เมื่อ


ในตอนนี้เรื่องที่เธอไม่อยากให้เขารู้ มันได้เกิดขึ้นแล้ว หากไม่เช่นนั้น
เขาจะถามอะไรที่เกี่ยวกับมือทาไม

“ผมสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อวานที่มือของคุณมีผ้าพันไว้ แล้วผมก็เห็น
คุณนวดมือข้างนั้นอยู่ตลอดตั้งแต่ตรงหน้าเจ้าหน้าที่หญิง”

จากคาสันนิษฐานของชายหนุ่ม บ่งบอกได้คาเดียวว่า จอยอยู่ใน


สายตาของเขาตลอดทุกกิริยาท่าทาง ยิ่งทาให้เธอรู้สึกอายแปลกๆ มาก
ขึ้น เพราะมันเหมือนถูกสารวจเรือนร่างอย่างละเอียด ราวกับเจอโรคจิต
แอบดูตอนเข้าสุขา

ตอนนี้เธอจะทายังไงล่ะ ในเมื่อความลับแตกแล้ว สมองเธอจึงคิด


หาคาอธิบายอย่างเร็วจี๋

แต่ยังไม่ทันคิดหาทางออกได้ ชายหนุ่มพูดต่อ
“ถ้าคุณยังปวดอยู่ เอานี่ไปทานะครับ” อเล็กซ์ล้วงกระเป๋าเอาขวด
ยาอะไรบางอย่างออกมา “มันจะช่วยลดอาการปวดระบมได้ครับ”

จอยเบิกตาเพราะความรู้สึกเหมือนส้มหล่นอีกแล้ว ‘โอ้เหมือนฟ้ามี
ตา ! เขารู้ได้ยังไงว่าฉันกาลังคิดอยากจะได้อะไรที่มันมาช่วยบรรเทาอยู่
พอดี’ เธอยื่นมือออกไปรับขณะพยายามเกร็งเพื่อไม่ให้สั่นเพราะความ
เขิน “ขอบคุณค่ะคุณอเล็กซ์” เธอยกมือไหว้ แต่ชายหนุ่มโบกมือเพื่อสื่อ
ความหมายว่าไม่เป็นอะไร

“คุณไม่ต้องมาไหว้อะไรผมหรอกครับ” อเล็กซ์กดปุ่มลิฟต์ให้เปิด
ประตูค้างไว้เมื่อมาถึงชั้นแผนกของหญิงสาว “มันเรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวผม
จะสั่งให้เจ้าหน้าที่เอายาคลายกล้ามเนื้อไปให้ที่โต๊ะคุณเพิ่มนะครับ พอดี
ยาขวดนั้นผมใช้บ่อยในตอนออกกาลังกาย จนมันเหลือแค่ก้นขวดแล้ว
คุณจะได้ใช้ทาในวันหลังได้ต่อ”

จากคาพูดของเขา ทาให้จอยรู้สึกโล่งอกทันใด แสดงว่าเขาคิดว่า


เธอไปออกกาลังกายหนักมา จึงรู้สึกปวดเมื่อยมือ เธอยังนึกได้อีกเรื่อง
หนึ่ง เธอไม่เคยพูดบอกเขาว่า ถูกหมากัด จึงเป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะล่วงรู้
อาการบาดเจ็บของเธอ นอกจากคิดเพียงแค่ว่าเธอพันผ้าไว้เพราะโปะยา
สมุนไพรแก้ปวด หรืออะไรคล้ายๆ อย่างนั้น ที่เธอคิดวิตกมาทั้งหมด
กลายเป็นเรื่องขบขันทันที จนเธอแทบอยากหัวเราะตัวเองออกมา

“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่นี้ฉันก็เกรงใจมากแล้ว เดี๋ยวฉันขอตัวเข้า


แผนกก่อนนะคะ” พูดจบจอยก็เดินออกมานอกลิฟต์ แต่ยังรู้สึกเกรงใจอยู่
จึงหมุนตัวกลับไปยกมือไหว้อีกครั้ง “ขอบคุณนะคะสาหรับความหวังดี”

“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมยินดีทาทุกอย่างอยู่แล้ว” อเล็กซ์ขยิบ


ตาให้ “เพื่อเพียงแค่คุณคนเดียวเท่านั้นนะครับ”
จอยตัวแข็งทันใด เมื่อได้ยินคาพูดทิ้งท้ายก่อนประตูลิฟต์จะปิดพา
เขาหายไปจากสายตา เธอคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคาพูดทานองว่า เธอเป็น
สิ่งสาคัญสาหรับเขา
__________

จอยก้าวมาถึงแผนกประจาตาแหน่ง แต่เธอยังไม่เดินเข้าไปทันที
เธอแอบมองดูก่อนว่าในตอนนี้พนักงานคนอื่นกาลังทาอะไร

เท่าที่เห็น นอกจากส่วนใหญ่ยังคงทางานตามที่ได้รับมอบหมายมา
มีเพียงส่วนน้อยนิดที่จับกลุ่มพูดคุยกัน แล้วที่เห็นโดยรวมทั้งหมดนี้ ไม่มี
ใครสนใจใคร ทว่าในจานวนทั้งหมดกลับไม่มีเพื่อนซี้ของเธอแม้แต่เงา
หรือน้าเสียงอย่างตอแหลแว่วมาให้ระคายหู

จอยจึงเดินผ่านต่อไปด้วยท่าทางปกติ โดยพยายามเอามือข้างที่
เคยมีผ้าพันไว้ไปอีกด้านของลาตัว เพื่อป้องกันไม่ให้อีกด้านซึ่งเป็นห้อง
ทางานมีใครเห็น แต่อย่างไรต่อให้พยายามทาตัวไม่เป็นที่โดดเด่น
สุดท้ายยังมีคนโบกมือทักทายและยกมือไหว้ เธอจึงตอบกลับแล้วขอตัว
เดินไปอย่างเร็ว

หลังจากกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาต่อได้อีกสักพัก เธอสังเกตเห็นใครก็ไม่รู้
กาลังทาก้นกระดุกกระดิกในห้องชงกาแฟ เมื่อเดินเข้าไปใกล้แล้วดูดีๆ
ลักษณะก้อนเนื้องอนๆ ที่โดดเด่นนั่น จอยก็รู้ได้ทันใด โดยไม่จาเป็นต้อง
เห็นใบหน้าเจ้าของบั้นท้าย เธอจึงเดินให้เสียงเบากว่าเดิมในการไปอีก
ห้องที่เธอต้องการ แล้วเมื่อใกล้มาถึงห้องที่เก็บกล่องยา เธอเปลี่ยนมา
เป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดินต่อ
หลังจากเอาผ้ามาพันมือเสร็จ จอยเดินเข้าไปในห้องกาแฟด้วย
ท่าทางสบายๆ เพราะในตอนนี้ไม่หวั่นว่าจะถูกเห็นความผิดปกติที่มืออีก
ไม่นานเธอก็เห็นสองสาวยืนอยู่ตรงกระจกหน้าต่าง เหมือนกาลังใช้
โทรศัพท์ถ่ายรูปอะไรบางอย่าง “นี่พวกแกทาอะไรอยู่ ?”

“ว้าย !” ก้อยและกิ่งสะดุ้งหันกลับหลังพร้อมกันเพราะความตกใจ

“ยัยจอย แกมาเสียเงียบเชียว พวกฉันตกใจหมด” ก้อยพ่นลมออก


ปากอย่างโล่งอกทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร

จอยเลิกคิ้ว “ใครว่าแกไม่ตกใจ เมื่อกี๊เห็นๆ อยู่ว่าตกใจจนร้อง


ประสานเสียงกันเชียว แล้วว่าแต่พวกแกกาลังทาอะไรกันอยู่ แอบถ่าย
หนุ่มหล่อตึกฝั่งตรงข้ามหรือไง” เธอมองเลยไปทางด้านหลังของเพื่อน
หญิงทั้งสองคน แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจ นอกจากภาพจาเจของเมือง
มนุษย์ที่เห็นทุกวันจนชินตา

“เปล่า พวกฉันไม่ได้แอบส่องหาหนุ่มที่ไหน พวกฉันกาลังจับโปเก


ม่อนต่างหาก” ก้อยพลิกโทรศัพท์หันหน้าจอไปทางเพื่อน ให้ดูเกมใหม่ที่
ตัวเองกาลังแอบเล่น หรือเรียกอีกอย่างคืออู้งานนั่นเอง

“โปเกม่อน ?” จอยเลิกคิ้วในเชิงไม่เข้าใจและคาถามประมาณว่า
มันคืออะไร

“หล่อนนี่เชยจริงๆ ไม่รู้จักหรือไงโปเกม่อน ?” กิ่งพลิกโทรศัพท์ให้


ดูอีกคน “นี่มันเป็นทั้งเกมและการ์ตูนที่โด่งดังจากญี่ปุ่นเชียวนะ”

“มันใช่ในข่าวที่ว่า เดินหาไอ้ตัวพวกนี้แล้วตกน้าจนโทรศัพท์พัง
หรือเปล่า ?” จอยนึกไปถึงข่าวที่เคยอ่านผ่านๆ ตามาเมื่อหลายเดือน
ก่อน
“ใช่ย่ะ แต่พวกฉันไม่ตกน้าแน่นอน เพราะพวกเราอยู่บนตึกสูง”
ก้อยพูดจบ เธอหัวเราะกับมุกตลกตัวเอง แล้วยังมีกิ่งร่วมหัวเราะด้วยคน

“เออๆ พวกแกไม่ตกน้าแน่ แต่จะตกตึกสิไม่ว่า” จอยส่ายหน้าอย่าง


เอือมๆ เธอคิดในใจว่ายังถือเป็นความโชคดีที่ในห้องนี้มีกระจกกั้น ไม่งั้น
ป่านนี้คงได้ยินข่าวเพื่อนจอมเมาท์ตกตึกคอหักตายไปนานแล้ว แถม
พาดหัวข่าวโดดเด่นว่า ดับอนาถหน้ามืดตามัวจับโปเกม่อนลอยฟ้า

“หล่อนปากเสียจริงๆ พวกฉันไม่ตายง่ายๆ เด็ดขาด เพราะยังมี


โปเกม่อนที่ยังไม่ได้จับอีกตั้งหลายตัว เรื่องอะไรจะตายง่ายๆ กันยะ” กิ่ง
เชิดหน้า

“เออๆ ฉันเชื่อก็ได้ว่าพวกแกไม่ตายง่ายๆ แน่นอน” จอยพยักหน้า


เออออตาม ‘สงสัยถ้าท่านยมทูตมารับ มีหวังคงต้องเอาที่อุดหูมาอุดเพื่อ
หนีจอมพูดมากแทบไม่ทันแน่’

“แกจะมาเล่นจับโปเกม่อนกับพวกเราหรือไม่ เดี๋ยวฉันจะสอนน้อง
ใหม่ให้เอง” ก้อยเผยรอยยิ้มราวกับเป็นรอยยิ้มของดาวมหาลัยในตอน
รับรุ่นน้อง

“ไม่เอาดีกว่า ฉันไม่อยากเล่นอะไรที่เหมือนเด็กๆ อย่างนั้น อีก


อย่างโทรศัพท์ของฉันตกแตกกระจายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” จอยเบน
สายตาไปทางอื่นแล้วพ่นลมออกจมูก ‘จะไปเล่นอะไรไร้สาระทาไม ใน
เมื่อที่บ้านก็มีโปเกม่อนขนาดบิ๊กเบิ้มอยู่ตัวหนึ่งแล้ว มีท่าไม้ตายเด็ดคือ พิ
กะจูเคลื่อนไหวตับๆ ความเร็วสูงด้วยพลังไฟฟ้าหนึ่งร้อยล้านโวลต์ !’

“โทรศัพท์หล่อนพังอย่างนี้ แล้วพวกฉันจะติดต่อหล่อนได้ยังไงกัน
ยะ” กิ่งเบิกตาโต ราวกับเป็นเรื่องใหญ่ปานโลกแตก
“ใช่ แล้วแบบนี้แกจะดูคลิปอุบาทว์ได้ยังไงกัน” ก้อยรีบต่อท้ายด้วย
เสียงตกใจไม่แพ้กัน แม้เรื่องนี้ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พูดคุย
แม้แต่น้อย แต่กระนั้นมันก็สามารถกลมกลืนไปกับเนื้อเรื่องได้อย่าง
มหัศจรรย์ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ควรต้องพูดถึงอันดับแรกๆ
เหมือนกับเรื่องในการติดต่อสื่อสาร

“บ้า ! แกคิดว่าฉันโรคจิตถึงขนาดนั้นหรือไงยะ” จอยรีบพูดเชิง


ปฏิเสธอย่างร้อนรน

สองสาวเพื่อนซี้มองหน้ากัน ส่งสายตาวิบวับ ทาเหมือนมองเห็น


ความจริงที่ขัดแย้งแอบแฝงในน้าเสียงของจอยว่า ใช่เลยย่ะ ฉันอดดู
ไม่ได้

“เอาเป็นว่าถ้ามีเรื่องอะไร ฉันจะใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรหา
พวกแกเองก็แล้วกัน ในช่วงสามสี่วันนี้ ฉันจะลองเดินไปดูตามร้าน
โทรศัพท์ก่อนว่าจะซื้อรุ่นไหนดีที่ไม่เอากระเป๋าสตางค์ฉันฉีกไปก่อน”
พอจอยหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาดู ทาให้อดจะถอนใจไม่ได้เมื่อเห็นบัตร
เอทีเอ็ม มันทาให้เธอนึกตัวเลขที่มีฝากไว้ในธนาคารแค่ประมาณเกือบ
หลักแสนเท่านั้น

“เออ แล้วเมื่อวานคุณอเล็กซ์ที่ไปส่งบ้านแกเป็นยังไงต่อ แกรีบเล่า


ให้หมดเลยนะยะ” ก้อยรีบซัก ในขณะเดียวกันทาให้เพื่อนอีกคนหูผึ่ง
ทันใดกับเรื่องเมาท์ใหม่ประจาวัน

“ไม่มีอะไร เขาแค่ไปส่งฉันแล้วก็รีบกลับเลย” จอยตอบปัดๆ ไป


เพราะไม่อยากให้เพื่อนมันซักไซ้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถเป็นไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นยังทาให้สองเพื่อนซี้ต้องการอยากรู้มากกว่าเดิม
“แล้วทาไมแกไม่เชิญชวนเขาเข้าบ้านยะ ปล่อยไปได้ยังไง ลูกท่าน
ประธานเชียวนะ เดี๋ยวเขาก็ไปตกอยู่ในกามือคนอื่นหรอก” ก้อยบอก

“ใช่ หล่อรวยและนิสัยดีแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ นะยะ” กิ่งเสริมอีกคน

“แกรู้ได้ยังไงว่าเขานิสัยดี ?” จอยถามกลับ “ฉันกับพวกแกก็เพิ่ง


พบเขาครั้งแรกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง เรื่องนิสัยใจคอเป็นไง ฉันก็ยังไม่
รู้เลย”

แม้อเล็กซ์ทาดีกับหญิงสาว แต่นั่นไม่ใช่ว่าเธอจะไว้ใจใครง่ายๆ
เนื่องจากเธอใช้ชีวิตเพียงลาพังมาตั้งแต่สูญเสียพ่อแม่ไปในช่วงก้าวสู่
วัยรุ่น ทาให้เธอรู้ว่าคนรอบตัวมีแต่พวกไม่หวังดี โดยเฉพาะญาติพี่น้อง
ของพ่อแม่ที่หวังสมบัติ แต่พวกเขาต้องเจอความผิดหวัง เพราะเธอไม่
ยอมให้ใครมาแตะต้องสมบัติของพ่อแม่ได้เด็ดขาด

จอยมีความสามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องมีผู้อุปการะมาบงการ
ชีวิต เธอยังคงอยู่ในบ้านของพ่อแม่ที่ซื้อไว้ให้ก่อนเสียชีวิตไป แม้มีญาติ
จอมเจ้าเล่ห์มาวางกลอุบายหลอกเพื่อเอาสมบัติ เธอยังคงมีไหวพริบไม่
ยอมหลงกลง่ายๆ จนกระทั่งเธอบรรลุนิติภาวะ สามารถดูแลตัวเองและ
ดูแลสมบัติได้

ด้วยเหตุนี้อย่าหวังว่าคาพูดของชายหนุ่มจะทาให้เธอหลงคารม
ง่ายๆ เด็ดขาด แม้ความจริงเมื่อเจอเขา หัวใจมักจะหวั่นไหวไปพร้อมกับ
ถ้อยคาทุกครั้งก็ตาม

“ยัยจอย นี่หล่อนลืมไปแล้วหรือไง ฉันเป็นเจ้าแม่แห่งซูเปอร์เมาท์


เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ฉันก็รู้หมดทุกอย่าง” กิ่งพูดด้วยความภาคภูมิใจใน
ความสามารถพิเศษของตัวเอง
“แกนี่น่าจะเป็นอับดุลมากกว่า” ก้อยบอก

“อับดุลอะไรของหล่อนยะ ?” กิ่งทาใบหน้างง “แล้วไอ้ชื่ออับดุลนั่น


มันเป็นชื่อพวกแขกอิสลามไม่ใช่หรือไง”

“แกไม่รู้จักหรือไง ?” ก้อยเผยรอยยิ้ม “ก็ไอ้พวกปาหี่ที่แกล้งมา


นอนตายแล้วคลุมผ้าเหมือนศพ มันรู้จักและเห็นไปหมดทุกอย่าง เคยได้
ยินไหม อับดุลเอ้ย ชายรู้จัก หญิงรู้จัก จบรายการปาหี่เสร็จแล้ว ก็มีพวก
เดียวกันมาหลอกขายของให้คนที่มาชุมนุมดูยังไงยะ”

“อย่างฉันไม่มีวันเป็นอับดุลหรืออโคจรอะไรอย่างนั้น อย่างฉันต้อง
เป็น กูเกิล ถึงจะถูก เดี๋ยว ! ไม่สิ ต้องเป็น กูรู้ ต่างหากที่ถูกต้อง” กิ่งรีบ
กลับคา

“กูรู้มันมีซะที่ไหน มันมีแต่ กูรู ต่างหาก” ก้อยแย้ง

“หล่อนนี่แกล้งไม่ฉลาดหรือไงยะ คาว่า กูรู้ นี่มันถูกต้องแล้ว เพราะ


ฉันหมายความตรงตามนั้นเลยต่างหาก” กิ่งหัวเราะสีหน้าของเพื่อนที่
ตามมุกไม่ทัน

จอยกุมขมับเมื่อต้องมาฟังเพื่อนสองคนนี้ โดยเฉพาะมุกตลกซึ่งไม่
รู้ว่าไปสรรหามาจากไหน ต้องเอามาประชันกันไม่เว้นแต่ละวัน

กิ่งวกกลับมาเข้าเรื่องคุยกับจอยต่อ “เมื่อกี๊หล่อนอยากจะรู้ใช่ไหม
ทาไมฉันถึงบอกว่าคุณอเล็กซ์นิสัยดี”

“เออ” จอยตอบห้วนๆ
“คาตอบง่ายนิดเดียว ก็พวกฉันไปสอบถามจากพวกคนที่ทางาน
ใกล้ชิดคุณอเล็กซ์มาหมดแล้วไงยะ”

ความจริงต่อให้กิ่งไม่พูดออกมา จอยก็พอเดาจากแววตาได้ ต้อง


ไปแอบสอบถามล้วงลับตับแตกเรื่องชาวบ้านตามเคย

“หล่อนรู้ไหมว่าเขามีงานอดิเรกชอบไปทาบุญช่วยเหลือเด็กกาพร้า
โดยเฉพาะทาทานให้กับสัตว์” กิ่งเริ่มสาธยาย “แล้วเมื่อเช้าถ้าหล่อนมา
เร็วกว่านี้ รับรองหล่อนได้เห็นฉากตอนที่คุณอเล็กซ์เอาอาหารให้หมาจร
จัดข้างบริษัทเราแล้วรู้ไหม”

“ใช่เลย ภาพตอนที่เขาให้อาหารหมานี่ ขอบอกคาเดียวว่า เท่มาก”


ก้อยกะพริบตาปริบๆ อย่างปลื้มปีติ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นแววตาเศร้า “ใน
ทั้งๆ ที่คุณอเล็กซ์เป็นคนดีขนาดนี้ โชคชะตายังทาร้ายเขาได้ลงอีก โธ่...
พ่อหนุ่มสุดหล่อ”

“โชคชะตาทาร้ายอะไรของแก ?” จอยสงสัย “ฉันก็เห็นเขายิ้มแย้ม


แจ่มใสอยู่ดี แถมไม่เห็นมีท่าทางเดือดร้อนหรือเครียดอะไรเลยแม้สัก
อย่าง” เธอพยายามนึกภาพใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งในครั้งแรกที่เห็น
นอกจากความอ่อนโยนในแววตาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนพร้อมความ
หล่อ ไม่มีตรงส่วนไหนผิดสังเกตว่าชายหนุ่มไปเจอวิบากกรรมในชีวิต
มา

“หล่อนนี่แกล้งไม่ฉลาดหรือไง ใครมันจะไปทาหน้าอมทุกข์ตลอด
ยะ” กิ่งว่า “ความจริงเรื่องโชคชะตาทาร้ายที่ยัยก้อยพูดละเมอภพสวรรค์
ไปจรดนรกนี่ มันมีต้นเหตุมาจากต่างประเทศ ก่อนคุณอเล็กซ์จะมาที่
เมืองไทย เขาเคยมีแฟนมาก่อน”
“ถ้าเขามีแฟนอยู่แล้ว แบบนี้เขาก็เจ้าชู้สิยะ แล้วแกจะมาบอกว่า
เขาเป็นคนดีได้ยังไง”

ทว่ากิ่งยังไม่ทันตอบคาถามแทนเพื่อนอีกคนจนจบประโยค จอย
โพล่งออกมาอย่างเดือดดาล

“หล่อนอย่าเพิ่งระเบิดอารมณ์นะยะ ฟังฉันให้จบก่อน” กิ่งรีบยกมือ


เบรกเพื่อน “ที่ฉันพูดหมายถึงเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันนี้คุณอเล็กซ์
กับยัยฝรั่งเน่านั่นเลิกกันแล้ว”

หลังจากจอยได้ยินคาอธิบายของเพื่อน ความโกรธที่ตัวเองเหมือน
ถูกทาให้เป็นเหมือนมือที่สาม แล้วเป็นเหมือนของเล่นสาหรับผู้ชาย
อยากจะจีบก็จีบหรือจะเลิกก็เลิก โดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้หญิง
เหล่านั้นหายไปหมดสิ้น

“ทาไมแกไปว่าแฟนคนเก่าของคุณอเล็กซ์อย่างนั้นล่ะ ?” จอยถา
มกลับ เนื่องจากปกติเพื่อนๆ ของเธอจะไม่ว่าใคร หากคนนั้นไม่ได้ทา
อะไรที่ไม่ถูกใจเข้า

“ก็ยัยฝรั่งนั่นสิ นอกจากจะมีนิสัยเย่อหยิ่งตามประสาลูกคุณหนูไม่
พอ ยัยนั่นยังหลายใจอีก พอดีบังเอิญคุณอเล็กซ์ไปเจอในตอนที่ยัยฝรั่ง
เน่าและแฟนอีกคนของยัยนั่นกาลังออกเดตที่ร้านอาหาร พอคุณอเล็กซ์
เดินเข้าไปทักเท่านั้นแหละ ความลับของยัยนั่นแตกดัง โพะ เลยสิยะ !”
กิ่งเน้นเสียงเป็นพิเศษ พร้อมทาตาโตและท่าผายมือระเบิดประกอบ

“ใช่ๆ ตอนที่ฉันกับยัยกิ่งได้ยินครั้งแรกว่า ยัยนั่นรถไฟชนกัน ฉัน


แทบหัวเราะเลยรู้ไหม” ก้อยยกมือป้องปากพยายามกลั้นหัวเราะ
“โดยเฉพาะตอนแฟนของยัยนั่นตั้งท่าหาเรื่องคุณอเล็กซ์ ฉากนี้สนุกสุดๆ
เพราะสุดท้ายก็เป็นไอ้พวกท่าดีทีเหลว โดนคุณอเล็กซ์ต่อยกระเด็นสลบ
ไปเลย แล้วยัยนั่นยังทาตัวเหมือนนางตัวร้ายในละครน้าเน่าอีก ตามจับ
แขนพระเอกแต่ถูกสะบัดทิ้ง”

“นี่เลย” กิ่งรีบเสริม “ยัยนั่นทาท่าทางอย่างนี้” เธอรีบย่อตัว จับแขน


ก้อย นิ้วมือขยับไปมา ทาราวกับคนโรคจิตกาลังลูบไล้เรือนร่างผู้หญิง
แหงนหน้า ดวงตากลอกขึ้น ปากเผยอและทาริมฝีปากล่างสั่นระรัว
“แล้วยัยนั่นยังส่งเสียงครวญครางว่า โอ๊ย... โอ๊ย... อย่าไปเลย... ฮือๆ...
อย่าไปเลย...”

จอยเลิกคิ้วในทันทีที่เห็นการแสดงท่าทางประกอบ “ฉันว่าแก
ทาท่าเกินจริงไปไหม ยังไงฉันก็ไม่เชื่อแน่นอนว่าแฟนเก่าของคุณอ
เล็กซ์จะทาหน้าบิดเบี้ยวเหมือนคนปวดขี้กอดต้นเสา พร้อมทาเสียง
เหมือนเปรตสมสู่กันถึงขนาดนั้น”

“ไม่เกินจริงแน่นอนยัยจอย เผลอๆ ที่ฉันทานี่อาจไม่ถึงครึ่งเสี้ยว


ของความจริงก็ได้นะยะ” กิ่งบอกอย่างมั่นใจกับจินตนาการของตัวเอง
พร้อมกันนั้นหยุดทาท่าทางทุเรศลูกตา แล้ววกกลับมาถามเรื่องที่ตัวเอง
อยากรู้ “ว่าแต่ตอนที่คุณอเล็กซ์ไปส่งบ้าน หล่อนไม่คิดชวนเขาเข้าไป
คุยนั่งพักอะไรบ้างหรือไง หรือว่าหล่อนอาย ?”

“ฉันไม่ได้อายและตอนนั้นฉันก็ชวนเขาไม่ได้ พอดีตอนนั้นมี
โทรศัพท์เข้ามาหาเขาพอดี คุณอเล็กซ์ก็เลยรีบกลับไป อย่างที่ฉันเพิ่ง
บอกไปตั้งแต่ตอนแรก” จอยคิดว่าถ้าพูดความจริงไปว่า เธอตั้งใจไล่เขา
ไปเพราะเหตุผลอะไร เพื่อนอาจไม่เชื่อ จึงหยิบเอาข้ออ้างนี้มาบอกแทน

“ถ้างั้นในวันหลัง หล่อนต้องชวนเขาไปนั่งคุยด้วยรู้ไหม ไม่แน่


หล่อนอาจกลายเป็นนางฟ้ามาโปรดชาระล้างความเจ็บช้าให้กับเขาก็
ได้” กิ่งแนะนา
“ใช่เลยยัยจอย” ก้อยพยักหน้าสนับสนุนเห็นด้วยอีกคน “ในช่วงนี้
ไม่แน่ คุณอเล็กซ์อาจเปล่าเปลี่ยวหัวใจอยู่ก็ได้ ถ้าเป็นฉันล่ะก็ รับรองได้
เลย ในโอกาสนี้ฉันจะรีบเสียบแทนที่ยัยฝรั่งเน่านั่นแน่นอน”

“วันนี้หล่อนต้องหาจังหวะพูดคุยกับเขาให้ได้นะยะ หากมีอะไรให้
ช่วย พวกฉันยินดีช่วยอย่างเต็มที่เลย” กิ่งยิ้มจนตาแทบปิด ซึ่งนั่นเป็น
ต้นเหตุของรอยตีนกา หากยิ้มมากเกินไป

“เออๆ ฉันจะพยายามก็แล้วกัน แต่ตอนนี้พวกแกหลีกไปก่อน ฉัน


จะชงกาแฟดื่มรองท้องสักหน่อย รีบตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลยเนี่ย” จอย
สะบัดมือไล่เพื่อนหลีกทางออก แม้เพื่อนจอมเมาท์ทั้งสองคนนี้พูดมากแค่
ไหน พวกเธอก็เป็นเพื่อนซี้ที่นิสัยดีที่สุดสาหรับเธอ เรื่องนิสัยใจคอเธอก็รู้
ดีที่สุด โดยเฉพาะในเรื่อง เสือก ไม่เป็นรองใคร

“เราสองคนมาจับโปเกม่อนกันต่อดีกว่า” กิ่งชวนก้อยที่ยังถือ
โทรศัพท์อยู่

“ว้าย ! อานทะม่าบินหนีหายไปแล้ว” ก้อยตกใจเมื่อย้อนกลับมาดู


ในโทรศัพท์

“หา ? เมื่อกี๊แกพูดว่าตัวอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ชัด” จอยหันขวับ เห็น


ก้อยทาหน้าเศร้าราวกับเห็นสัตว์เลี้ยงโดนรถเหยียบตาถลนไส้แตกใน
ตอนวัยเยาว์

“ฉันอุทานว่า อานทะม่า มันเป็นโปเกม่อนไส้เดือนบิน” ก้อยค้อนใส่


จอย “เพราะแกนั่นแหละ ดูสิอานทะม่าบินหายไปเลย”
“เออๆ ฉันขอโทษที่มาขัดจังหวะพวกแก” จอยกุมขมับเพราะเริ่ม
รู้สึกปวดหัวกับเพื่อนสองคน ‘โปเกม่อนอะไรของมัน ชื่ออุบาทว์เป็นบ้า
ถ้าออกเสียงเพี้ยน ได้กลายเป็น อัณฑะหมา แน่ แขยงปากสิ้นดี !’

つづく

เกมจับโปเกม่อนบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีชื่อว่า Pokemon Go เข้าไทย


ครั้งแรกในช่วง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559

Super mouth อ่านว่า ซูเปอร์เมาท์ แปลได้ประมาณว่า ยอดมนุษย์ปาก


เซเว่น เปิดตลอด 24 ชั่วโมง คุยได้ไม่จากัด ไม่หวั่นปริมาณน้าลายว่าจะ
หมดปาก
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 10

ณ โรงแรมหรูหราระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง

“ถึงแล้วครับ” อเล็กซ์หันไปบอกหญิงสาวที่นั่งอีกฝั่งของประตู

“เดี๋ยวฉันลงไปยืนรอข้างนอกก่อนนะคะ” จอยพูดจบก็เปิดประตูลง
ไปยืนรอคอยชายหนุ่มปิดระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ ตลอดทางที่นั่งรถ
มา เธอไม่กล้าสบตาเพราะความเขิน ไม่ว่าเขาจะพูดหรือเล่าอะไร เธอจะ
ตอบเพียงคาสั้นๆ หรือไม่ก็เป็นหัวเราะบางเบาไปกับมุกตลกของเขาแทน
ยิ่งในตอนนี้ความเขินเพิ่มทวีคูณ เพราะเขาชวนเธอมากินข้าวอีกในมื้อ
เย็น จึงเป็นการออกเดตครั้งที่สองของเธอ แล้วยังเป็นการออกเดตสอง
ครั้งในวันเดียวกัน

จอยช้อนตาไล่มองระดับความสูงของโรงแรมสุดหรูหราที่ชายหนุ่ม
พามากินข้าวตอนเย็น เธอเกิดความละอายใจขึ้นมา ในหัวของเธอมัน
กระซิบแต่ว่าเธอมันเป็นนางผู้หญิงวิปริตและหลายใจ

เหตุใดจิตใต้สานึกของเธอเอาแต่คิดอย่างนั้น มันเพราะเกิดจาก
เธอให้มนุษย์หมาป่าอึ๊บอย่างเต็มใจ แต่ยังมาคบกับอเล็กซ์อีก

อย่างน้อยการที่เธอคิดอย่างนั้นขึ้นมา ยังพอมีส่วนดี เพราะทาให้


เธอรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่งอยู่ ไม่เช่นนั้นจะ
เกิดความคิดแยกแยะอะไรถูกอะไรผิดได้ไง โดยเฉพาะส่วนดีอีกเรื่องที่
สาคัญพอๆ กับจิตใต้สานึก คือเธอไม่ได้กลายร่างเป็นหมาหรือตัวอะไร
ประหลาดๆ ที่ไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ เช่นเดียวกับสัตว์ไร้
สติปัญญา
คิดได้อย่างนี้ ทาให้ใบหน้าของจอยเบิกบานทันทีทันใด ทว่าเป็น
เพียงแวบเดียว ก่อนเปลี่ยนมาเป็นหวาดวิตก

เพราะถ้าคิดอย่างนั้น ดูจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากเกินไป ความ


จริงนับตั้งแต่ที่ถูกมนุษย์หมาป่าจับกินตับมา มันผ่านมาได้แค่สองวัน จึง
ไม่อาจวางใจได้ว่าเธอจะไม่กลายร่างเป็นตัวกึ่งหมากึ่งมนุษย์

ไม่แน่... มันอาจยังไม่ถึงตอนนั้นสาหรับเธอก็อาจเป็นไปได้

“ไปกันเลยครับคุณจอย ผมเสร็จแล้ว”

เสียงของอเล็กซ์ ทาจอยหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด เธอหมุน


ตัวกลับมาตอบตะกุกตะกักอย่างเขินอาย “อะ ได้ค่ะ”

ความจริงจอยรู้สึกละอายใจ จนอยากปฏิเสธชายหนุ่ม ตั้งแต่ตอน


เที่ยงที่เขาเอ่ยว่าจะพาไปร้านอาหาร แต่ทว่าพอเห็นรอยยิ้มของเขาที่
เต็มไปด้วยทั้งความอบอุ่น ความคาดหวัง ความจริงใจไร้การเสแสร้ง
และไม่มีกลอุบายไม่ดีต่างๆ อย่างในตอนนี้ ทาเธอพูดไม่ออกจริงๆ
โดยเฉพาะเธอพูดไม่ออกว่าเธอมีแฟนแล้ว

แต่ไอ้คาว่า แฟน ที่เธอคิดนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้ถูกหรือไม่กับไอ้หน้าหมา


ที่มักจะทาให้เธอนึกถึงแต่เรื่องเสียวไส้กับมันบนเตียง

พอคิดไปคิดมาอีกที จะให้เรียกว่า แฟน คงจะใช้คานี้ไม่ได้ มัน


ต้องเปลี่ยนมาเป็น ผัว ต่างหากที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยอย่างแท้จริง
แถมไม่ใช่ผัวธรรมดา เป็นผัวเก็บเสียด้วย
เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นร้านอาหารที่เป็นดาดฟ้าเปิดโล่ง แล้วประตู
เหล็กเปิดออก ทาให้จอยอดที่จะตื่นตาตื่นใจกับภาพการตบแต่งที่ดูโร
แมนติกไม่ได้ ข้างบนนี้มีการเปิดเพลงคลาสสิกเบาๆ ช่วยทาให้จิตใจ
สงบ เสริมด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ซึ่งช่วยทาให้ผ่อนคลายจากเรื่อง
เครียดต่างๆ ในชีวิตประจาวัน ท้องฟ้าเป็นสีส้มทอง ภาพของดวงอาทิตย์
ใกล้ลับขอบฟ้าอยู่ห่างไกลเป็นฉากหลัง ช่วยทาให้ดวงตาที่มองไป
เหมือนได้พักผ่อนอย่างแท้จริง แล้วมีสายลมเย็นๆ พัดผ่าน ช่วยทาให้
รู้สึกสบายทางร่างกาย โดยไม่ต้องใช้พัดลมหรือแอร์ทาลายบรรยากาศ

เท่าที่จอยเห็นในสายตา มีแขกที่นั่งรับประทานอาหารแยกกันเป็น
โต๊ะๆ กระจายอยู่โดยรอบ การแต่งตัวของพวกเขาแต่ละคนดูหรูหราสม
กับสถานที่เป็นอย่างมาก ไม่บอกก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นพวกเศรษฐี
กระเป๋าหนัก

ยิ่งมองอย่างละเอียด ในใจของจอยมีแต่เกิดความอิจฉาขึ้นมา
อย่างมหาศาล โดยเฉพาะสร้อยเพชรขนาดเม็ดเท่า นิ้วโป้งเท้า ของอี
คุณนายเจ๊ปากปลากระโห้นั่น นอกจากมันสะท้อนแสงไฟแยงเข้าตาแทบ
บอด จนเธอต้องทาตาหยี รีบเปลี่ยนไปมองสารวจอย่างอื่น รัศมีที่เหมือน
ป้ายราคาเจ็ดหลักอัพของมัน ก็แทบทาให้เธอตาลุกเป็นไฟ ‘ฉันเกลียดอี
พวกเศรษฐี อวดรวยอยู่ได้ อิจฉาโว้ย !’

พอเธอมามองเสื้อผ้าของตัวเอง มันไม่สามารถไปเทียบกับใครในที่
แห่งนี้ได้เลย เสื้อผ้าที่เธอสวมมามันเป็นชุดธรรมดาตัวละหนึ่งร้อยเก้าสิบ
เก้าบาท แต่อันที่จริงราคามันไม่ถึง ในเมื่อเธอมีความสามารถของแม่ค้า
ในการต่อรองราคาจนลดได้อย่างน่าใจหาย

ในที่แห่งนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเธอเป็นเพียงแค่เห็บเกาะหมา
โชว์ตัวละเหยียบล้านไม่มีผิด ตอนนี้หมาที่ว่านั้นหันมาอมยิ้มให้กับเธอ
“เราไปนั่งกันดีกว่าครับ”

“อะไรนะคะ ?” จอยเงยหน้ากลับขึ้นมา มีลมพัดมาพอดี ทาให้ผม


ยาวของเธอสะบัดไปโดนหน้าของหนุ่มลูกครึ่งเข้า เธอตกใจ “ขอโทษค่ะ
คุณอเล็กซ์” เธอรีบรวบผมของตัวเองกลับมา โดยไม่ทันเห็นว่าชายหนุ่ม
ทาหน้าเคลิบเคลิ้มกับกลิ่นแชมพู

จอยเพิ่งสังเกตเห็นสายตาทุกคู่ที่นั่งรับประทานอาหาร ทุกคน
ในตอนนี้หันมาจ้องตรงที่เธออยู่ ทาให้เธอเกิดความประหม่าขึ้นมา ทว่า
ความรู้สึกนี้มันไม่เหมือนตอนสมัยเรียนประถม ที่ครูสั่งให้ไปยืนหน้าชั้น
เพื่ออ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถอ่านได้เพราะประหม่าดวงตานับสิบๆ คู่
ของเพื่อนในชั้นเรียน ในตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าเป็นยาจกในดงผู้ดี ไม่
ว่าจะกวาดสายตาไปทางไหน เหมือนทุกคนจับผิดได้ว่าเธอไม่ใช่เศรษฐี
เหมือนพวกเขา แล้วสายตาพวกนั้นก็เหมือนจะมองเธออย่างดูถูกเสีย
ด้วย เธอแทบอยากไปหาถังปี๊บมาคลุมหัวแล้วมุดดินหนีหายไปเลย

ไม่นานจอยฉุกคิดได้ว่า เศรษฐีระดับอย่างพวกเขาจะมาเสียเวลา
เหยียดหยามเธอไปเพื่ออะไร ฉะนั้นต้องเป็นเหตุผลอื่น แต่เป็นเรื่องอะไร
? หรือว่าเป็นเรื่องกลิ่นตัว ในตอนนี้เธอกับอเล็กซ์อยู่เหนือลม แสดงว่า
ต้องมีกลิ่นตัวแน่ๆ ถ้าไม่งั้นพวกเขาคงไม่หันมามองเป็นสายตาเดียวกัน
แบบนั้น

เดี๋ยวก่อน... มันจะไปมีกลิ่นตัวได้ไง ในเมื่อเธอเพิ่งอาบน้าก่อน


ออกมา ส่วนอเล็กซ์ เขายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ กลิ่นน้าหอมจากตัวเขาฉุน
แสบจมูกขนาดนี้ จึงต้องไม่ใช่เขา นอกจาก... กลิ่นสาบของเสื้อผ้าเธอที่
รื้อออกมาจากซอกที่ลึกที่สุดในตู้
คิดอีกที มันไม่น่าจะใช่ ในเมื่อเธอตั้งใจซัก ใช้เตารีดทาให้มันแห้ง
เร็วๆ แล้วรวมไปถึงยังใช้น้าหอมฉีดเพิ่มเข้าไป จึงไม่น่าจะมีกลิ่นไม่พึง
ประสงค์หลงเหลืออยู่

ถึงอย่างนั้นจอยยังไม่มั่นใจ จึงลองดมพิสูจน์ดู ปรากฏว่ามันไม่มี


กลิ่นเหม็นสาบแม้น้อยนิด ทาให้จอยเกิดความสงสัยว่าตกลงพวกเขาจ้อง
มองทาไม

แม้ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าพวกเขามองด้วยเหตุผลอะไร ที่แน่ๆ ดวงตา


ของพวกเขาในตอนนี้เริ่มทาให้เธอรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะใบหน้า
ของแต่ละคน ดูเย็นชาและไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย เธอเห็นเด็กชายคน
หนึ่งเลียริมฝีปาก ทาราวกับเห็นเธอเป็นกล่องนมแสนอร่อย แถมมีนม
สองกล่องใหญ่ด้วย ทาเธอขนลุกซู่

อเล็กซ์ส่งเสียงกระแอม ทาให้ทุกคนรู้สึกตัวเหมือนเพิ่งหลุดออกมา
จากภวังค์ จากนั้นพวกเขากลับไปสนใจกับอาหารต่อ แม้ยังมีบางคนที่
จ้องมองอยู่ แต่ไม่ได้มองด้วยแววตาน่ากลัวอย่างนั้นอีก มีแค่ความ
ประหลาดใจ

“ต่อไปนี้ขอเชิญรับชมการแสดงดนตรีคลาสสิกที่รอคอยได้เลย
ครับ !”

จอยหันขวับไปด้านหลัง จึงได้รู้ทันทีว่าเรื่องที่เธอคิดมันผิดทั้งหมด
ไม่มีใครจ้องเธอกับอเล็กซ์ พวกเขาจ้องมองผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก
เพราะเธอกับชายหนุ่มมายืนอยู่ตรงด้านหน้าของเวทีสูง ตอนนี้นักดนตรี
นั่งเก้าอี้เรียบร้อย ขณะเดียวกันเสียงดนตรีคลาสสิกที่เปิดจาก
คอมพิวเตอร์เงียบหายไป

“เราไปนั่งกันดีกว่าครับ”
จอยหันกลับมาเห็นอเล็กซ์ยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนเดิม หญิงสาว
ใบหน้าเริ่มแดง แต่ไม่ใช่เพราะจากรอยยิ้มนั้น มันเป็นเพราะเธอเพิ่งรู้ตัว
ว่ากอดแขนชายหนุ่มไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เธอผละตัวออกมา
เล็กน้อยด้วยความเขินอาย “ขะ ขอโทษค่ะ”

อเล็กซ์พยายามกลั้นหัวเราะ แต่กระนั้นยังเปิดเผยออกมาเป็นอม
ยิ้ม “รีบไปนั่งกันดีกว่าครับ เดี๋ยวโต๊ะจะเต็มหมด” หลังจากนั้นเขารีบเดิน
ตามพนักงานที่เพิ่งมาเชิญไปนั่งโต๊ะ เพราะไม่อยากทาให้จอยรู้สึกอาย
ไปมากกว่านี้

“คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงเชิญดูก่อนได้เลยครับว่าจะต้องการสั่ง
อะไร” พนักงานแต่งตัวเรียบร้อยคนหนึ่งเอารายการอาหารมายื่นให้กับ
ทั้งสองด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม ทว่าอเล็กซ์ไม่ตอบรับอะไร ต่างจากจอย
ที่เอ่ยรับออกมา

“คุณจอยเชิญอ่านดูก่อนได้เลยครับ” อเล็กซ์พยักหน้าให้หญิงสาว
พลางเปิดรายการอาหารในมือของตนอย่างสบายๆ ทว่าตรงข้ามกับจอย
เพียงเธอเปิดไปหน้าแรก เธอตกอยู่ภายใต้อาการตะลึง

ขณะชายหนุ่มพลิกหน้ารายการอาหารไปอย่างเอื่อยเฉื่อยเหมือน
เดินเล่นรับลมชมวิว นิ้วมือของจอยกลับไม่ต่างอะไรไปจากคนเดินหลง
ทางในทะเลทราย ครั้งแรกที่จอยเปิดหน้ารายการอาหารมา แทบจะ
หงายตกเก้าอี้ไปทันที เพราะชื่อของน้าดื่มแต่ละยี่ห้อ ราคาของมันสูงจน
น่าใจหาย แต่เอาเข้าตามจริง ไม่ใช่แค่ใจหายอย่างเดียว เสื้อผ้ามัน
น่าจะหายไปด้วย รวมไปถึงชุดชั้นในคงไม่หลงเหลือสักชิ้นบนเรือนร่าง
แค่ขวดน้าเปล่าธรรมดา ราคาต่าสุดสามร้อยบาท หากเลื่อนสายตาไปดู
หน้าต่อไป ราคามันจะอกสั่นขวัญแขวนมากแค่ไหน เธอแทบไม่อยากจะ
คิด

“คุณจอยจะเอาอะไรครับ ?” อเล็กซ์ส่งรายการอาหารคืนพนักงาน
หลังจากสั่งเสร็จ

จอยถอนสายตาจากหน้ารายการอาหาร “ขะ... คะ ?” เธอถามด้วย


น้าเสียงเหมือนยังไม่หายตกใจ เนื่องจากหลายนาทีกว่าที่ผ่านไป เธอ
ไม่ได้เปิดไปหน้ารายการอาหารอื่น เธอมัวแต่ตกใจกับราคาของขวด
น้าแร่แต่ละยี่ห้อที่อยู่แถวบรรทัดข้างล่าง จึงไม่ได้รับรู้เวลาของความเป็น
จริง รวมถึงคาพูดของชายหนุ่มที่ถามเธอเมื่อครู่นี้เช่นเดียวกันที่ไม่ต่าง
อะไรไปจากลมพัดผ่านหูไป

แต่อเล็กซ์ไม่ได้หงุดหงิด เขายินดีจะถามซ้าอีกครั้ง “คุณจอยจะเอา


อะไรครับ ?”

“ฉัน... เอ่อ... ฉันนึกไม่ออกค่ะว่าจะสั่งอะไรดี เอาตามใจที่คุณจะ


สั่งให้ดีกว่าค่ะ” จอยพับสมุดปิดแล้ววางลงบนโต๊ะ พลางยิ้มอย่างเกรงใจ

อเล็กซ์ทาเสียงเหมือนพวกฝรั่งยามนึกว่าจะพูดอะไรต่อดี “ตอน
แรกที่ผมเปิดดู ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะสั่งอะไรดี สุดท้ายผมสั่ง
แบบเดิมมาแทน ถ้างั้นผมสั่งให้คุณเอาแบบเดียวกับที่ผมสั่งก็แล้วกันนะ
ครับ” ชายหนุ่มเสนอ

จอยยังคงรู้สึกขนลุกกับราคาของอาหารไม่หาย ทาให้นิ้วมือสั่น
ระรัวบางเบา เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น จึงเอามือไปซุกใต้โต๊ะ “เอ่อ... ได้ค่ะ”
หลังจากชายหนุ่มลูกครึ่งสั่งรายการอาหารเพิ่มไป เขาล้วงกระเป๋า
แล้วหยิบกล่องของขวัญออกมา มันห่อหุ้มด้วยกระดาษสีแดง ผูกด้วย
ริบบิ้นสีชมพูน่ารัก มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ “สุขสันต์วันเกิดครับ”

“หะ... ให้ฉันหรือคะ ?” จอยตะกุกตะกักเล็กน้อย

“ใช่ครับ ผมให้คุณ” อเล็กซ์พยักหน้าทีหนึ่ง “รับไปสิครับ”

จอยหน้าแดงในทันทีที่สังเกตเห็นแผ่นกระดาษใบเล็กที่ผูกกับ
ริบบิ้น มันเขียนไว้ว่า สุขสันต์วน
ั เกิดครับคุณจอย

หากชายหนุ่มไม่พูด จอยยังคงจาไม่ได้ไปอีกหลายวันว่าในวันนี้
เป็นวันเกิดของตัวเอง เนื่องจากมัวแต่คิดถึงเรื่องมนุษย์หมาป่า
โดยเฉพาะเรื่อง เร่าร้อนเมื่อค่าคืน

หญิงสาวช้อนตามองหน้าเขาอีกครั้ง คราวนี้เห็นได้ชัด แววตาขอ


งอเล็กซ์มีแต่ความหวังดีและมุ่งมั่น เป็นแววตาที่ทาให้จอยรู้สึกละอายใจ
จนไม่กล้าสบตา

“เอาเลยครับ เปิดดูได้เลย ผมจะได้สอนเผื่อคุณจอยใช้ไม่เป็น”

“คะ ? อะ... เอ่อ... ได้ค่ะ” ในทันทีที่จอยตั้งสติได้ จึงค่อยๆ แกะห่อ


กระดาษออกอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าจะกระทบสิ่งที่อยู่ภายในนั้น
แค่กระดาษห่อยังดูราวกับเป็นทองคาเคลือบมา ทาให้เธออดตื่นเต้น
ไม่ได้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในต้องหรูหรามากขนาดไหนถึงจะเหมาะสาหรับห่อ
กระดาษอย่างนี้
จากตัวอย่างชื่อรายการอาหารที่เขาสั่งมาแบบไม่กลัวว่าขนหน้า
แข้งจะร่วง แสดงว่าของที่อยู่ข้างในนี้ต้องมีราคาไม่ต่ากว่าหลักหมื่นบาท
แน่ ยิ่งคิดว่ามันเป็นอะไรที่แพงๆ เธอก็ยิ่งใจเต้นระรัวมากกว่าเดิม

หลังจากแกะกระดาษออกหมด ความตื่นเต้นของเธอต้องเปลี่ยนมา
เป็นความแปลกใจ สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมันเป็นกล่องโทรศัพท์ แถมยังเป็น
รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีราคาเหยียบเกือบครึ่งแสน แต่เรื่องที่ทาให้เธอแปลกใจ
จริงๆ ไม่ใช่ราคาของมัน แต่เป็นตัว โทรศัพท์ ที่เป็นของขวัญต่างหาก

หรือความจริงเขารู้ว่าเธออยากได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ จึงซื้อมา
เป็นของขวัญให้

แต่เขารู้ได้ยังไงล่ะ นอกจากเพื่อนจอมเมาท์ทั้งสองคน เธอจาได้


ว่ายังไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่าโทรศัพท์พัง

จอยมือเริ่มสั่นและยังรู้สึกเย็นเฉียบอย่างฉับพลัน เนื่องจากเธอฉุก
คิดได้ขึ้นมา เรื่องที่ไอ้หน้าหมากระโจนใส่เธอเมื่อค่าคืนนั้น ทาให้เธอ
ตกใจจนทาโทรศัพท์ร่วง ภาพนั้นปรากฏซ้าเข้ามาภายในหัวตอนนี้

จอยช้อนตามองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มแย้มให้ เมื่อเธอทบทวนดูดีๆ ทา
ให้นึกได้ว่า เขาเป็นฝรั่งที่เพิ่งมาจากอเมริกา ตานานมนุษย์หมาป่าก็มี
จุดเริ่มต้นจากประเทศทางฝั่งยุโรป โดยเฉพาะเหตุการณ์วันที่เขาเดิน
เข้ามาหาในห้องชงกาแฟ แค่มีชายหนุ่มที่มีฐานะสูงอย่างเขามาหลง
ผู้หญิงที่เป็นลูกจ้างคนหนึ่ง มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากนิยายน้าเน่าสุดๆ
มันจะเป็นไปได้หรือ ? ที่ผู้ชายรวยๆ อย่างเขาที่มีทางให้เลือกมากมาย
แค่กระดิกนิ้ว ผู้หญิงก็พร้อมกระโจนเข้าหา จะมาหลงรักผู้หญิงธรรมดา
อย่างเธอ หากไม่ใช่เพราะเหตุผลง่ายๆ คือ เธอยอมร่วมรักในร่างอสูร
ร้ายน่ากลัวของเขา
“คุณจอยเป็นอะไรครับ ไม่ชอบรุ่นนี้หรือครับ ?”

ทว่าอเล็กซ์ตีสีหน้าของเธอไปคนละเรื่อง จอยจึงรีบสั่นหน้า “ปะ


เปล่าค่ะ ฉันชอบมันมากค่ะ ขอบคุณนะคะที่ซื้อให้ฉัน”

แม้เรื่องที่เธอคิดเหล่านี้จะฟังดูมีเหตุผล แต่อย่างไรเหตุบังเอิญย่อม
เกิดขึ้นได้เสมอ ในบางทีเธออาจเป็นเหมือนหญิงสาวในนิยายน้าเน่า
ต้องมีเศรษฐีพันล้านมากลืนกินเธอทั้งตัวทุกวัน... ทุกคืน... ปู้ยี่ปู้ยาถึงขั้น
เธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างหมดสภาพ หลังจากนั้นเธอก็สามารถชี้นก
เป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ได้ทันที เพราะชายหนุ่มหลงช่องทางลี้ลับของเธอ
อย่างหัวปักหัวป้าจนโงหัวไม่ขึ้น

เพียงแค่คิด เธอแทบอยากยกมือมาป้องปากแล้วหัวเราะให้ลั่น

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมยินดีอยู่แล้ว โทรศัพท์ของคุณก็เพิ่งพังไป ผม


คิดว่าคุณคงยังไม่ได้ซื้อ ผมก็เลยซื้อมาให้ แล้วถือโอกาสเป็นของขวัญ
ให้คุณไปด้วยทีเดียว”

จอยพลันตัวแข็ง ก่อนตามมาด้วยขนลุกซู่ ความคิดทั้งหมด


พังทลายในทันทีที่ได้ยินชายหนุ่มพูด เพราะประโยคนั้นเหมือนเป็นการ
ยืนยันความคิดของเธอในตอนแรก

เหมือนจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ รอยยิ้มสุดแสนเซ็กซี่นั่นของเขา ทา
ให้เรื่องที่คิดมากพลันหายไปชั่วขณะ เธอรู้สึกอยากมีปีกกระพือบินขึ้นสู่
สวรรค์จริงๆ

“ผมตั้งใจเลือกยี่ห้อที่คุณเคยใช้มาโดยเฉพาะ แต่มันเป็นรุ่นใหม่
ผมเกรงว่าระบบใหม่ๆ ที่มันมีเพิ่มเข้าไป อาจทาให้คุณงงกับการใช้งาน
เดี๋ยวผมช่วยสอนให้นะครับ พอดีผมก็ใช้งานยี่ห้อนี้และเป็นรุ่นใหม่
เช่นเดียวกัน”

คาพูดของอเล็กซ์ยิ่งตอกย้าความคิดมากขึ้น เพราะความจริงเขา
ต้องไม่รู้ว่าเธอใช้งานโทรศัพท์ยี่ห้ออะไรอยู่ เนื่องจากเธอไม่เคยเอา
โทรศัพท์ออกมาแสดงให้เห็น จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะรู้ มีเพียง
เหตุการณ์เมื่อคืนเท่านั้นที่เธอถือโทรศัพท์ออกมานอกบ้าน บังเอิญมนุษย์
หมาป่ามาเห็นเข้าพอดี พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า โทรศัพท์ที่ควรนอน
เสียชีวิตอยู่หน้าบ้านกลับหายไป จึงอาจเป็นไปได้ข้อสันนิษฐานเดียว
มนุษย์หมาป่ามันเก็บเอาไปด้วย แต่มันไม่ได้เอาไปทิ้ง มันอาจเอาไปเป็น
ตัวอย่างเพื่อซื้อเครื่องใหม่ให้กับเธอ บางที... เครื่องใหม่ที่ว่านี้ มันอาจ
เป็นเครื่องในมือของเธอตอนนี้ก็เป็นไปได้

อย่างไรในตอนนี้ต้องเก็บเรื่องนั้นไว้ทีหลังก่อน จอยพยายามตั้งสติ
แล้วพูดออกมา “ได้ค่ะ”

เนื่องจากเป็นอย่างที่ชายหนุ่มพูด เนื่องจากรุ่นที่เธอใช้เป็นรุ่นเก่า
มาก ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ขณะเดียวกันเธอเพิ่งนึกออกว่าโทรศัพท์เครื่อง
นั้นมันอยู่กับเธอมานานมากแค่ไหน

ดังนั้นระบบมันย่อมแตกต่างไปจากเดิม นอกจากรูปลักษณ์
ภายนอกดูสวยหรูมีระดับและมีการประมวลผลเร็วสูง มันยังมีระบบ
อัจฉริยะคอยช่วยเหลือผู้พิการในด้านต่างๆ ซึ่งมันสามารถใช้งานได้จริง
โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา มันสามารถพูดอ่าน
หนังสือให้ผู้ใช้งานฟังได้ นั่นทาให้เธอตื่นตาตื่นใจมากกว่า
ความสามารถอื่นๆ ของโทรศัพท์ยี่ห้อนี้

อเล็กซ์ลุกลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เธอ ใกล้มากจนได้กลิ่นน้าหอมฉุน


เตะจมูก ทาให้หญิงสาวเกิดความเขิน
“คุณจอยพกซิมการ์ดโทรศัพท์มาด้วยหรือเปล่าครับ ? ผมจะได้ใส่
ให้คุณ” เขาแกะกล่องแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดระบบ

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้พกมันมาด้วย พอดีฉัน... เอ่อ...” จอยทาเสียง


อ้าอึ้งไปชั่วขณะก่อนพูดต่อ “ฉันทามันหายไปค่ะ”

ความจริงเธอไม่ได้โกหก ซิมการ์ดมันหายไปจริงๆ แล้วยังไม่ได้


หายธรรมดา มันหายไปพร้อมกับตัวเครื่อง ขนาดเศษกระจกของหน้าจอ
ยังไม่หลงเหลือ หรือว่าไอ้ตัวเมื่อคืนมันกวาดเอาไปทิ้งให้ด้วย ? เธอก็ไม่
ทราบ

“ถ้าเป็นอย่างนั้น เดี๋ยวกินอาหารกันเสร็จแล้ว เราไปหาซื้อเบอร์


โทรศัพท์เบอร์ใหม่ด้วยกันไหมครับ ? เผื่อผมอาจช่วยแนะนาแพ็กเกจ
การโทรและอินเทอร์เน็ตที่ตรงกับการใช้งานของคุณให้ได้ด้วย”

แม้คาพูดของอเล็กซ์บอกเหมือนกับว่าจะไปเป็นเพื่อน แต่ทั้ง
น้าเสียงและแววตา บอกว่าต้องการไปควักตังค์จ่ายให้ ทาให้จอยรู้สึก
เกรงใจไม่น้อย เธอจึงสั่นหน้า

“ไม่เป็นอะไรค่ะ ความจริงไม่จาเป็นต้องซื้อใหม่อะไรทั้งสิ้นหรอก
ค่ะ พอดีฉันลงทะเบียนเป็นซิมการ์ดในนามชื่อของฉันที่เป็นเจ้าของ
เอาไว้ แค่ฉันไปที่ศูนย์ตัวแทนเครือข่ายเบอร์โทรศัพท์ แล้วบอกให้เขา
เปิดซิมใหม่ ฉันก็สามารถใช้งานแพ็กเกจเก่าที่ซื้อไว้ต่อได้แล้วค่ะ”

“ได้ครับ” ชายหนุ่มชาเลืองไปทางประตูที่พนักงานจะเดินออกมา
พร้อมอาหารแวบหนึ่ง คิดว่าว่าคงอีกสักพักพนักงานคงจะเอาอาหารมา
ส่ง “ระหว่างเรารออาหารเสร็จ ตอนนี้เรามาเริ่มการถ่ายรูปเอาแทนก่อน
ดีไหมครับ ?” อเล็กซ์กดเปิดหน้าจอไปยังหมวดถ่ายรูปอย่างชานาญ
จากนั้นชี้ตรงส่วนระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาล่าสุด “ตอนนี้มันมีระบบถ่ายรูป
อัตโนมัติด้วยนะครับ คุณจอยเคยใช้หมวดนี้หรือเปล่าครับ ? ผมจะได้
สอนตรงนี้ก่อน”

จอยยิ้มแหยก่อนสั่นหน้า “ตอนที่ฉันใช้งาน รู้สึกว่าจะไม่มีระบบนี้


ค่ะ”

“เช่นนั้นผมเริ่มสอนเลยนะครับ” อเล็กซ์จับมือเธอมาจิ้มปุ่มต่างๆ
โดยไม่รู้ตัวว่าการกระทาของเขาทาให้หัวใจผู้หญิงคนหนึ่งเต้นไม่เป็น
จังหวะ

เป็นเรื่องที่น่าแปลก ทั้งๆ ที่คบกันได้แค่วันเดียว ทุกถ้อยคาของเขา


ที่อธิบายออกมา ฟังดูเป็นธรรมชาติและสนิทสนมราวกับรู้จักกันมาเนิ่น
นาน ทาให้จอยรู้สึกได้ว่าเขาเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่ง
เหมือนกับเธอ ไม่มีการแบ่งชนชั้นฐานะ มองตัวเธอด้วยสายตาต่าต้อย
หรือเป็นเพราะว่าเขามีมนุษยสัมพันธ์ดีอย่างนี้อยู่แล้ว ทาให้ไม่รู้สึกว่า
เขามีฐานะสูงส่งจนเกินเอื้อม หรือเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักเหมือน
ก่อนหน้านี้มากนัก

อเล็กซ์ขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้กว่าเดิมก่อนเริ่มสอนต่อ “คราวนี้คุณ
จอยต้องกดปุ่มตรงนี้นะครับ หลังจากนั้นมันจะเริ่มนับถอยหลัง แล้วเราก็
ตั้งท่าเล่นกับกล้องได้เลยครับ” เขาเหยียดแขนออกไปพร้อมหันด้านหน้า
กล้องมา เผยรอยยิ้มพร้อมชูสองนิ้ว จากนั้นจอยทาตามอย่างไม่เป็น
ธรรมชาติเพราะยังเขินอายอยู่

แม้ในตอนนี้ความคิดเริ่มมั่นใจว่าอเล็กซ์เป็นไอ้หน้าหมา แต่ใน
ความรู้สึกยังคงขัดแย้งกับความคิด ทาให้ยังไม่กล้าจะเอ่ยถามไปตรงๆ
ว่าเขาใช่ไอ้หน้าหมาจริงหรือไม่
ถ้าต้องการความมั่นใจจริงๆ ว่าอเล็กซ์และไอ้หน้าหมาเป็นร่าง
เดียวกันหรือไม่ ต้องคอยสังเกตติดตามพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของ
ทั้งสองอย่างใกล้ชิด แม้จอยไม่ชอบทาตัวเป็นเหมือนผู้หญิงหลายใจ
กระนั้นเธอต้องทา เพราะเธอจะไม่ยอมปล่อยให้ไอ้หน้าหมาฟันแล้วทิ้ง
ไปเด็ดขาด

ถ้าเกิดเขาเป็นไอ้หน้าหมาจริงอย่างที่สันนิษฐาน เพียงแค่คิด
รอยยิ้มของจอยหน้ากล้องพลันเปลี่ยนมาเป็นนางมารร้าย ‘คุณพี่ขา...
น้องจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยค่ะ ไอ้หน้าเอ๋งอเล็กซ์ !’

ชายหนุ่มสอนไปได้ไม่นาน รายการอาหารที่สั่งไว้ก็เริ่มทยอยมา
จนกระทั่งครบ แต่ละจานอาหารที่จอยเห็นในสายตา นอกจากหรูหรา
เกินหาคาบรรยาย แน่นอนว่าในชาตินี้เธอไม่มีโอกาสจะได้กิน หากไม่
มีอเล็กซ์พามาเลี้ยง เพราะเท่าที่เขาสั่งมาก็แทบสูบเงินเดือนของเธออัน
น้อยนิดไปถึงแปดเดือนขึ้นแล้ว โดยเฉพาะรายการอาหารที่ชื่อว่า กุ้ง
มังกรราดซอสมะนาว นั่น ราคาของมันเกือบถึงตัวเลขห้าหลัก ที่น่าผวา
ไปกว่านั้น ยังสั่งมาสี่จานอีก

“เดี๋ยวผมตักให้นะครับ” อเล็กซ์ใช้ส้อมกับช้อนตักเนื้อกุ้งมังกรที่ผ่า
เป็นชิ้นวางบนจานของจอย “ลองชิมดูเลยครับ กุ้งมังกรที่นี่มันสดมาก
ผมรับรองว่าเนื้อหวานนุ่มอร่อยแน่นอน”

จอยหลุดออกมาจากภวังค์ เห็นอาหารตรงหน้าเป็นแบงก์พันพับ
เป็นกุ้ง “ขะ ขอบคุณค่ะ”

ทว่ายังไม่กินในทันที เธอชะงักอยู่ในท่าใช้ส้อมจิ้มเนื้อกุ้งมังกร
ดวงตาเหลือบไปจ้องริมฝีปากของชายหนุ่มที่ค่อยๆ เผยอ ต้อนรับกุ้ง
มังกรเข้าไปขบเคี้ยวอย่างบรรจง ยิ่งมองนานเท่าไร เธอเกิดอารมณ์
อยากตะครุบขยี้จูบริมฝีปากนั้น โดยเฉพาะเห็นคราบซอสติดริมฝีปาก
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ในใจแทบอยากจะเอากุ้งมังกรปาทิ้งไป เปลี่ยน
เอาเครื่องเคียงของอาหารหรูจานนี้มาประดับรอบริมฝีปากของเขาแทน
แล้วตามด้วยซอสมะนาวราดลงไป จากนั้นกระโจนขยี้ริมฝีปาก

เพียงแค่คิด รู้สึกได้ถึงน้าย่อยส่งเสียงร้องเขย่ากระเพาะ ก่อน


รู้สึกตัวว่ามีน้าลายยืดออกมามุมปากเล็กน้อย จึงรีบหยิบกระดาษทิชชูมา
เช็ดก่อนที่ชายหนุ่มจะสังเกตเห็นเข้า หากไม่เช่นนั้นเธอคงต้องอับอาย
ไปอีกนาน

つづく

คนหน้าปลากระโห้ หมายถึงคนหน้าใหญ่ที่มีปากหนา ลักษณะหน้าตา


ปลากระโห้ มีรูปร่างหัวใหญ่มาก ซึ่งส่วนหัวที่ใหญ่นั้นมีขนาดหนึ่งใน
สามของความยาวลาตัวที่ใหญ่โต มันมีปากกว้าง มีริมฝีปากหนา แก้ม
ใหญ่
under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 11
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จและอเล็กซ์มาส่งถึงบ้าน เวลาผ่าน
ไปจนเกือบจะสี่ทุ่ม
ภายในห้องรับแขก จอยยังคงนอนอยู่บนโซฟา เท้าพาดบนที่พนัก
พิง เธอครุ่นคิดอยู่ในท่านั้นมาพักใหญ่ ตั้งแต่ที่เห็นประตูหน้าบ้านมี
ลูกบิดใหม่มาเปลี่ยนให้ ทาให้เธอวิตกกังวลในเรื่องจะชวนอเล็กซ์เข้ามา
นั่งพัก สุดท้ายยังไม่ชวนเขาเหมือนเดิม เนื่องจากยังไม่มั่นใจในเรื่อง
ระหว่างอเล็กซ์และมนุษย์หมาป่าว่าเป็นร่างเดียวกันหรือไม่
หลังจากเมื่อค่าคืนที่มนุษย์หมาป่ากระชากลูกบิดติดคามือ ตอน
แรกจอยคิดว่าต้องหาอะไรมาบังตรงลูกบิดไว้เพื่อป้องกันโจรเห็นไปก่อน
ชั่วคราว ถ้าหากไปซื้อลูกบิดมาใหม่ได้เมื่อไร จะเอามาเปลี่ยนใหม่ แต่
ทว่าพอเดินมาถึงหน้าประตู ปรากฏว่าลูกบิดมันถูกเปลี่ยนใหม่เรียบร้อย
แม้เธอไม่เห็นว่าใครมาเปลี่ยนให้ ก็พอเดาได้ว่าต้องเป็นตัวอะไรมา
เปลี่ยนให้เธอ
จอยมองนิ้วโป้งเท้าที่กระดิกเล่น พลางคิดอย่างลังเลว่าจะเอายังไง
จนผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เธอพ่นลมหายใจออกมา แล้วลุกขึ้น ในตอนนี้เธอ
ตัดสินใจ คืนนี้จะเริ่มพิสูจน์ในเรื่องระหว่างอเล็กซ์และไอ้หน้าหมา พวก
เขาทั้งสองเป็นร่างเดียวกันจริงหรือไม่
หญิงสาวเดินไปหน้าบ้านเพื่อจะเปิดประตูรั้วรอ แม้ไม่รู้ว่าในคืนนี้
มันจะมาอีกหรือไม่ แต่ถ้าจะให้เดา เธอมั่นใจแปดในสิบส่วน มันต้องมา
หาเธออีกครั้ง ในเมื่อมันหื่นจนแสดงออกมาชัดเจนมากขนาดนั้น ขนาด
คนตาบอดแค่ได้ยินเสียงสูดลมหายใจฟืดฟาดของมัน สามารถบอกได้
ทันทีว่ามันหื่นจนถึงขั้นไอ้พวกบ้ากามเรียกพี่

เดินออกมานอกประตูบ้านไม่กี่ก้าว จอยชะงัก นึกขึ้นได้ว่าไม่


จาเป็นต้องไปเปิดประตูรั้วอะไรให้มัน ขนาดกาแพงบอกอาณาเขตสูง
กว่าสองเมตรและประตูรั้วเหล็กยังล็อกอยู่ มันยังสามารถเข้ามาเปลี่ยน
ลูกบิดให้เธอใหม่ได้ แล้วที่สาคัญ เรี่ยวแรงของมันเห็นกับตาแล้วว่ามี
มากแค่ไหน
เธอจึงหมุนตัวกลับหลัง ที่เธอต้องทามีเพียงนั่งรอมันอยู่ภายในบ้าน
ก็พอ แต่ห้ามล็อกประตูเด็ดขาด เดี๋ยวไม่เช่นนั้นมันกระชากลูกบิดประตู
บ้านออกมาอีก
จอยชะงักอีกครั้ง นึกได้ว่าสัตว์ในตานานอย่างมันต้องมีตัวช่วย
จึงช้อนตามองท้องฟ้า ปรากฏว่าค่าคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ สงสัยใน
ค่าคืนนี้เธออาจไม่มีตัวบาเรอช่องเดอะว้าว เพราะหากไม่มีดวงจันทร์ให้
กลายร่าง มันจะมาได้ยังไง
ที่เธอนอนคิดมาตั้งนาน จึงกลายเป็นเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์
จอยพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ‘รู้อย่างงี้ไปดูเว็บโป๊ตั้งแต่แรก
ดีกว่า เสียอารมณ์โว้ย !’
ขณะกาลังก้าวไปต่อ ได้ยินเสียงเหมือนมีใครใช้สายยางเปิดน้ารด
ต้นไม้ แล้วเสียงนั้นยังอยู่ในเขตกาแพงบ้านของเธอ
ทันทีที่หันขวับไปตามทิศทางเสียง จอยเบิกตาโตอย่างประหลาด
ใจและตกตะลึง ตรงมุมหนึ่งของกาแพงที่มีต้นไม้ มีสัตว์ร่างขนาดใหญ่
ขนสีดา กาลังทาท่าเหมือนหมาตัวผู้ฉี่ ไม่สิ... มันกาลังฉี่อยู่จริงๆ
นอกจากแววตากรุ้มกริ่มสะท้อนแสงสีเขียวอ่อนวิบวับ ยังมีการ
กระตุกยิ้มจนเห็นเขี้ยวเรียงเป็นแถวมาให้เหมือนการทักทาย ทว่าจอย
ไม่ตอบโต้อะไรกลับไปทั้งสิ้น นอกจากดวงตาที่มองมันตาค้างอยู่อย่าง
นั้น ในหัวเกิดความสงสัย ไม่รู้ว่ามันเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนหรืออยู่ตรงนั้น
ตั้งแต่เมื่อไร หรือว่าความจริงมันอาจเข้ามาตั้งนานแล้ว แต่มันคงเลือก
ทาธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนเข้าไปหาเธอ แล้วเธออาจมองข้ามไปตั้งแต่
แรกด้วย เนื่องจากขนสีดาของมันดูกลมกลืนไปกับความมืดโดยรอบ จึง
ไม่เห็นหากไม่มองดูอย่างเจาะจง
ครู่หนึ่งผ่านไป แรงดันน้าที่พุ่งเป็นสายนั่น เริ่มอ่อนลงจนมาเป็น
หยดติ๋งๆ มนุษย์หมาป่าก็ลุกยืนแล้วเดินทอดน่องเข้ามาหา จอยพลันได้
สติ จึงถอยออกห่าง แม้เห็นมันหลายรอบ ยังทาให้เธอหวาดกลัวไม่ได้อยู่
ดี เพราะอย่างไรก็ตาม ความกล้าที่จะเผชิญหน้า มันเป็นเพียงความคิด
แตกต่างจากความเป็นจริง อย่างเช่นในตอนนี้ โดยเฉพาะในตอนนี้เธอ
ยังอยู่ในช่วง มีสติ ไม่ใช่อยู่ในช่วงหน้ามืดตาลายกับบทรักเร่าร้อน ไม่
ว่าเป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้น ถ้าเจอสัตว์ตัวใหญ่เบ้อเริ่ม มีกล้ามเป็นมัด สูง
ประมาณสองเมตรเข้ามาใกล้
ไม่นานหลังของจอยก็ชนกับกาแพง ทว่าสมองของเธอไม่รับฟัง
ประสาทสัมผัสที่บอกแม้แต่น้อยว่าด้านหลังไม่ใช่บานประตู มือของเธอ
ยังคงคลาหาลูกบิดอยู่อย่างนั้น เนื่องจากในตอนนี้สมองของเธอถูกดึงดูด
ความสนใจทั้งหมดมาที่กางเกงขาสั้นตัวใหม่ของสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้า แต่
ทว่าไม่ได้เป็นเพราะกางเกงตัวนั้นของมันสวยแม้อย่างไร ที่เธอตกอยู่ใน
อาการจ้องตาค้าง เป็นเพราะมันไม่ได้รูดซิป !
จอยรู้สึกกลืนน้าลายได้ยากลาบาก เธอไม่แน่ใจว่ามันจงใจหรือลืม
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน คราวนี้เธอได้เห็นท่อนแกร่งที่เคยเข้าออก
ภายในตัวเธอ เป็นเวอร์ชันก่อนออกรบอย่างเต็มตา แต่อาวุธประจากาย
อันน่าสะพรึงของมันไม่ได้มีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศชายของมนุษย์ที่
เคยดูในคลิป มันเหมือนเวลาหมาอยู่ในท่านั่งสวัสดีมากกว่า แล้วมันยัง
ปรากฏให้เห็นปลายหอกแหลมสีแดงที่ยังเปียกๆ โผล่ออกมาให้เชยชม
ไม่นานร่างกายาก็มาถึง ยกแขนทั้งสองข้างปิดเธออยู่ตรงกลาง
สบตาราวกับอยากจะถามว่า มีอะไรไหมจ๊ะ ?
พอเห็นเธอตัวเริ่มสั่น มันส่งเสียงครืดต่าๆ ในลาคอราวกับกาลัง
หัวเราะ มันใช้นิ้วเกี่ยวผมของเธอเล่น ก่อนปาดผมของเธอทั้งหมดไปทัด
หลังหู แล้วโน้มศีรษะลงมา
จอยไม่กล้าหันใบหน้าไป นอกจากชาเลืองมองอย่างระทึกว่ามันจะ
ทาอะไร ไม่นานนักก็รู้จุดประสงค์ของมัน เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นชื้น
รดคอ
ขณะมนุษย์หมาป่าซุกไซ้ซอกคอไล่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ มันสูดดมกลิ่น
ของร่างกายเธอที่มีความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสองเซนติเมตรอย่าง
เคลิบเคลิ้ม แม้เธอมีความสูงในระดับนี้จะเป็นการยากต่อการหาแฟน พอ
เมื่อมาอยู่ต่อหน้าไอ้ตัวนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองดูกลายเป็นลูกเจี๊ยบตัวเล็กไป
ทันที หากสมมุติว่าเธอหลุดเข้าไปอยู่ในหนังสยองขวัญ มีหวังไอ้ตัวล่า
บึกนี่คงบีบเธอเละคามือแน่
แต่นี่มันไม่ใช่หนังสยองขวัญ แต่มันคือนิยายติดเรตต่างหาก ยัย
จอยเอ๋ย เตรียมโดนมันอึ๊บได้ !!!
ปากยาวซึ่งปกคลุมไปด้วยขนเป่าลมเข้าหูอย่างแผ่วเบา ทาจอย
สะดุ้งด้วยความเสียว ก่อนตามมาด้วยเบิกตากว้าง เพราะมนุษย์หมาป่า
มันไม่หยุดแค่นั้น มันยังเลียติ่งหูของเธอเหมือนกับไอศกรีม แรงตวัดลิ้น
ของมันทาเอาใบหูของเธอเหมือนกลายเป็นช้างที่กาลังกระพือหูดังผับๆ
ขณะเดียวกันมือของมันที่สัมผัสเรือนร่างของเธอ ไล่ต่าลงไปจนมาถึง
ตรงเอว แล้วเริ่มสอดแทรกนิ้วเข้าไประหว่างกางเกงและผิวกาย
“เดี๋ยวอย่า !” จอยพลันได้สติจึงรีบห้าม แต่เธอไม่ได้กลัวว่ามันจะ
เล่นกินตับเดี๋ยวนี้ เธอเกรงว่ามันจะฉีกกางเกงเหมือนเสื้อผ้าเมื่อวาน
มากกว่า กางเกงตัวนี้มันเป็นตัวโปรดของเธอ ไม่ว่าอย่างไร เธอจะสู้จน
หลังชนฝา วันนี้จะไม่ยอมสังเวยข้าวของให้แด่มันอีกเด็ดขาด
ดูเหมือนว่าไอ้มนุษย์หมาป่าเข้าใจภาษาที่เธอพูด มันหยุดชะงัก
ก่อนเอานิ้วออก เอียงศีรษะ จ้องหน้าเธอแล้วส่งเสียงครืดๆ ในลาคอ ราว
กับต้องการถามว่า จะเอายังไง ?
มันไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าหลงกลหญิงสาว ความจริงคาพูดเมื่อครู่นี้ที่
จอยพูดออกไป ไม่ได้เป็นแค่บอกเพราะความตกใจอย่างเดียว เธอคว้า
โอกาสนี้ทดสอบไปด้วยว่ามันเข้าใจภาษาไทยหรือไม่
แต่ไม่ทันคิดทดสอบอะไรเพิ่มเติมอีกครั้ง มนุษย์หมาป่าจับเธอยก
พาดบ่าด้วยความรวดเร็ว เธอหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ “แกจะ
ทาอะ !?” ทว่ายังไม่ทันจบประโยคคาถาม เหลือบไปเห็นมันเงื้อฝ่ามือ
หยาบหนา เธอจึงยกมือสองข้างปิดปากตัวเองอย่างไว
มนุษย์หมาป่าชะงัก ใบหูกระดิก ดวงตาชาเลืองไปทางหญิงสาว
อย่างแปลกใจ ในวันนี้ไม่ร้องโวยวายให้ระคายหู มันจึงลดมือลง คิดว่า
เธอคงชินกับมันแล้ว มันจึงเดินไปที่บานประตูเพื่อจะเปิดเข้าภายในบ้าน
แต่ทว่าความจริงเปล่าเลย จอยรู้ว่าขืนร้องมีหวังโดนฝ่ามือกาลัง
ช้างแน่ เรี่ยวแรงของมันก็ไม่ใช่น้อยๆ ตั้งแต่เมื่อวานที่มันตี เธอก็ยังรู้สึก
ระบมไม่หาย

ในทันทีที่มันมาถึงห้องพักผ่อน จอยคิดว่ามันจะต้องเอาเธอไปสยิว
ตรงระเบียงเหมือนเมื่อวาน ทว่าไม่ใช่ มันตรงไปที่เตียงนอน
พอเห็นบานประตูกระจกที่ระเบียงซึ่งมักมีแสงจันทร์ส่องเข้ามา จอ
ยนึกขึ้นได้ว่าค่าคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ แสดงว่าการเปลี่ยนร่างของมนุษย์
หมาป่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นมันจะคงสภาพอสูร
ร้ายอย่างนี้ได้ยังไง เหตุผลที่มันอุ้มเธอไปตรงระเบียง อาจเป็นเพราะมัน
ชอบชมจันทร์อย่างเดียวก็เป็นไปได้ เหมือนกับตอนที่เจอมันครั้งแรก
ในช่วงพักรบ ก็เห็นมันเอาแต่เหม่อมองดวงจันทร์ราวกับไปเดินชมป่าไม้
ใบหญ้า
มนุษย์หมาป่าเปลี่ยนจากเอาตัวเธอพาดบ่ามาเป็นท่าอุ้มเจ้าสาว นั่ง
ลงบนเตียงแล้ววางเธอนั่งบนตัก มันมองเรือนร่างของเธอ พลางลูบไล้
อย่างอ้อยอิ่ง ทุกขณะที่มือของมันสัมผัสผ่านไป ผิวกายของเธอจะเผย
ต่อสายตาของมันมากขึ้น จอยไม่มีทีท่าขัดขืน เพราะยังเกรงกลัวอยู่
จนกระทั่งเธอถูกเปลื้องเครื่องนุ่งห่มหมดสิ้น
หลังจากนั้นมันไม่เล่นกับเรือนร่างเธอต่อ มันล้วงกระเป๋ากางเกง
แล้วเอากระเป๋าสตางค์ซึ่งทาจากหนังสัตว์เลื้อยคลานมีเกล็ดดูหรูหรา
ออกมา แม้จอยไม่รู้ว่ามันเป็นหนังของตัวอะไรก็ตาม เท่าที่เห็น มันป่อง
จวนแทบแตกขนาดนั้น แสดงว่าต้องเก็บของมีค่าไว้เพียบ แม้ยังไม่รู้ว่า
มันเก็บอะไรเอาไว้ ที่แน่ๆ กระเป๋านี่มันจะต้องเป็นของหนังสัตว์ที่มีราคา
แพงแน่นอน เกล็ดมันเงาสวยมากขนาดนี้ ก็เหมือนเป็นการบ่งบอกฐานะ
ของเศรษฐีตระกูลโคตรรวยอย่างชัดเจน
เท่าที่เธอจาได้ กระเป๋าของอเล็กซ์ที่เห็นในตอนจ่ายตังค์เมื่อเย็นนี้
แม้เป็นกระเป๋าหนังสัตว์เลื้อยคลานเหมือนกัน แต่ลักษณะของมันไม่
เหมือนในมือของมนุษย์หมาป่า แล้วรวมไปถึงสีของกระเป๋าด้วย แสดง
ว่าไม่ใช่ใบเดียวกัน
พอมือใหญ่หนาหยิบธนบัตรจานวนเป็นปึกๆ ออกมาให้เห็นเบื้อง
หน้า จอยพลันตาถลน อาการผวาอันตรธานไปทันใด ตอนนี้ทั้งใน
ดวงตาและสมองของเธอเต็มไปด้วยคาว่าเงินอย่างเดียว
มนุษย์หมาป่าใช้แบงก์เขี่ยยอดภูเขาของเธอ พลางเลียริมฝีปาก
อย่างหื่นๆ
ทาให้จอยขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจพฤติกรรมของมัน จนผ่านไปหนึ่งลม
หายใจ ดวงตาเธอเบิกโตเล็กน้อย ฉุกคิดได้อีกหนึ่งความหมายที่มันสื่อ
ทาให้ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาทันใด ‘นี่แกเห็นฉันเป็นผู้หญิงขาย
บริการเหรอไอ้หน้าเอ๋ง !’
ขณะเธอเกือบจะเงื้อตบหน้าและเปล่งเสียงด่าออกมาอย่างไม่กลัว
เกรง มนุษย์หมาป่าเอาแบงก์ไปแนบหูแหลมๆ ของมัน ทาท่าเหมือน
โทรศัพท์ จอยถึงเข้าใจว่ามันต้องการสื่ออะไร ทาให้ความโกรธเมื่อครู่นี้
พลันหายสิ้น
หญิงสาวชี้หน้าตัวเอง พร้อมถามเสียงอย่างไม่มั่นใจ “หะ ให้ฉันซื้อ
โทรศัพท์เครื่องใหม่เหรอ ?”
“ฮือ...” มนุษย์หมาป่าพยักหน้า ส่งเสียงต่าๆ ลอดริมฝีปากออกมา
แล้วยัดแบงก์เข้ามือหญิงสาว
จากที่ขบคิดเรื่องระหว่างอเล็กซ์และไอ้หน้าหมา ถ้าหากเป็นอ
เล็กซ์จริง เขาจะให้เงินเธอมาอีกทาไม ในเมื่อซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้
เรียบร้อยแล้ว แถมยังให้ตังค์มาเป็นหลักหมื่นเพื่อเติมเงินค่าโทรศัพท์อีก
คงจะเอาให้โทรไปถึงชาติหน้าเลยมั้ง
จอยอ้าอึ้งไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นใช้ สรรพนาม เรียกมันว่าอะไรดี สุดท้าย
เธอตัดสินใจใช้คาที่ใช้เรียกพวกสัตว์แทน
“แกพูดไม่ได้เลยใช่ไหม ?”
มนุษย์หมาป่าเผยอริมฝีปาก เปล่งเสียงครืดต่าๆ ออกมาแทนภาษา
มนุษย์
คาตอบของมัน ตีความหมายได้สองอย่าง อย่างแรกมันฉลาด จึง
ไม่หลงกลง่ายๆ หรือว่าอย่างที่สอง มันพูดไม่ได้จริงๆ
แม้ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไหน จอยยังคงไม่ยอมแพ้ เพราะตอนนี้เธอ
คิดแผนการใหม่ได้ หญิงสาวจึงเอี้ยวตัวเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักเอาสมุดกับ
ปากกาออกมาให้มนุษย์หมาป่า “แกมีชื่อไหม ฉันจะได้เรียกแกได้ถูก”
จอยฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจว่ามันต้องเขียนภาษาไทยได้ เพราะแบงก์พัน
เป็นปึกตราของประเทศไทยมันยังมี แล้วเหตุใดมันจะไม่รู้จักภาษาไทย
‘วันนี้แหละจะเปิดโปงแกให้ได้ ไอ้หน้าเอ๋ง !’
มนุษย์หมาป่ารับไปเขียนอย่างว่าง่าย เท่าที่จอยสังเกต นอกจาก
ลายมือห่วยแตกยิ่งกว่าไก่เขี่ย มันยังใช้มือซ้ายด้วย หลังจากเขียนจบ
ยังมีการตกท้ายใช้หัวกดปากกามาเขี่ยหัวลูกเกดเธอ ก่อนพลิกหน้า
หนังสือให้เห็นอย่างชัดเจน
“พี่ชื่อว่า big and long (บิ๊กแอนด์ลอง) จ้ะ แต่เรียกพี่สั้นๆ ว่าบิ๊กก็
พอนะจ๊ะน้องจอย”
หญิงสาวหางคิ้วกระตุก นอกจากมีการเล่นมุกสระภาษาไทย
เปลี่ยนไม้ตรีเลขเจ็ดไทย มาเป็นตัวเลขอารบิกที่เป็นตัวเลขสากล สรรพ
นามที่มันใช้เรียกตัวเอง ยังทาให้เส้นเลือดหน้าผากของเธอเต้นตุบๆ
เพราะความหมายชื่อของมันแปลได้ประมาณว่า ใหญ่และยาว
จอยเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าของมัน ตรงคาที่มันเขียนชื่อของเธอ
ทาให้ความคิดวกกลับไปหาอเล็กซ์อีกครั้ง เธอไม่เคยบอกชื่อของตัวเอง
ให้มันรับรู้ แล้วมันจะรู้ได้ยังไงหากมันไม่ใช่คนใกล้ชิด
สุดท้ายเป็นเพียงข้อสันนิษฐานที่คิดว่าอาจใกล้เคียงเหมือนเดิม
“ไหนๆ เราก็ผ่านกันมาจนถึงขั้นนี้แล้ว แกไม่คิดกลายร่างเป็น
มนุษย์เผยโฉมให้เห็นหน้าตากันบ้างหรือไง ฉันอยากรู้ว่าแกเป็นใคร”
จอยขี้เกียจอ้อมค้อมต่อไป ในเมื่อมันชอบเล่นลิ้นนัก สุดท้ายเธอตัดสินใจ
ถามมันไปตรงๆ
ทว่าคาตอบที่เธอได้รับมีเพียงความเงียบงัน ไอ้หน้าหมามันเหมือน
โดนสาปกลายเป็นหิน คาถามของเธอคงจะทาให้มันลาบากใจ หรือไม่
มันกาลังมุ่งสมาธิเข้าไปภายในหัวสมองเพื่อขุดคุ้ยหาข้ออ้าง
ไม่นานนัก ไอ้หน้าหมามันหัวเราะเสียงแปลกๆ ก่อนเอาสมุดในมือ
จอยมาเขียนต่อแล้วส่งคืนให้
“พี่ไม่สามารถกลายร่างได้ในขณะที่ยังตื่นตัวอยู่จ้ะ แล้วในช่วงนี้พี่
คิดว่าเราควรดูใจกันไปนานๆ ก่อน ถ้าถึงเวลาเหมาะสมเมื่อไร พี่จะ
เปิดเผยตัวให้น้องรู้เองนะจ๊ะ”
คาตอบแรกของมันนี่ จอยแทบอยากขยากระดาษปาใส่หน้ามัน
พออ่านมาถึงตรงประโยคถัดมา เธอเปลี่ยนใจอยากยัดเข้าลงคอหอยมัน
ไปแทนทันที คาว่า อยากดูใจ และคาว่า เวลาเหมาะสม ในตอนนี้มันไม่
น่าเรียกใช้คาเหล่านี้ได้แล้ว เพราะมันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน แล้ว
เรื่องที่สาคัญที่สุด เธอไม่รู้ว่าจะมีลูกออกมาเป็นหมาหรือไม่ ในเมื่อมันไม่
ใส่ถุงยาง
แค่เผลอคิด จอยพลันขนลุกซู่ รีบมองตรงที่หน้าท้องของตัวเอง
ด้วยความหวาดวิตกและมีสยดสยองเจืออยู่นิดๆ
ไอ้หน้าหมาส่งเสียงต่าๆ ราวกับหัวเราะเพราะตลกท่าทางของหญิง
สาว พอเห็นสมุดในมือของเธอ มันหยิบมาเขียนเพิ่มเติมต่ออีกครั้งก่อน
ส่งคืนให้
“พี่ชอบรูปภาพตอนน้องเป็นเด็กมัดผมจุกจัง หน้าของน้องไม่ค่อย
เปลี่ยนเลย โดยเฉพาะตอนที่น้องยิ้มจนเห็นฟันน้านม พี่ชอบมากเลยจ้ะ”
“แกรู้ได้ยังไงว่าตอนเด็กฉันชอบมัดจุก ?!” จอยโพล่งออกมา
บิ๊กขบขันสีหน้าหญิงสาว มันยกนิ้วแล้วจิ้มหน้าปกสมุดบนตักของ
เธอ
ทันทีที่จอยก้มหน้า ตาของเธอเบิกโตราวกับถูกจับถ่าง ตรงหน้าปก
นอกจากมีรูปภาพของเธอสมัยเด็ก ยังเขียนชัดเจนตัวเบ้อเริ่มว่า
เด็กหญิง จอย พร้อมตามด้วยชื่อและนามสกุลต่อท้าย จึงหายสงสัย
ทันใดว่ามันรู้จักชื่อของเธอได้ยังไง
ในตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจว่า ระหว่างมนุษย์หมาป่าตนนี้และอเล็กซ์เป็น
ร่างเดียวกันหรือไม่ เพราะในตอนนี้แผนการของเธอพินาศไม่เป็นท่า
เรียบร้อย
จอยพ่นลมหายใจออกจมูก ไหนๆ การพิสูจน์ใช้ไม่ได้แล้ว จะมัว
คิดไปก็ปวดหัว แถมเสียเวลานับมูลค่าทรัพย์ที่เพิ่งได้มาอีก
คิดได้ดังนั้น เธอโยนสมุดกลับโต๊ะลิ้นชัก แล้วมาเริ่มนับจานวน
ธนบัตร ยิ่งผ่านไปต่อกี่ใบต่อกี่ใบ ดวงตาของเธอก็ยิ่งเบิกโตเป็นประกาย
มากขึ้นจวนจะถลนออกมานอกเบ้า
ขณะจอยดีใจเพราะเห็นเงินเหยียบหลักแสน ถูกฝ่ามือหยาบหนา
สัมผัสตัก ทาเอาถึงกับสะดุ้ง พอมนุษย์หมาป่าลูบอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับ
บอกใบ้ให้เตรียมตัวรับศึกหนักต่อจากเมื่อคืน เธอพลันขนหัวลุก
บิ๊กสังเกตแววตาของหญิงสาวที่จะร่วมหลับนอน มองมันด้วยแวว
ตาขยะแขยง โดยเฉพาะตรงของลับมันที่เธอเพ่งเล็ง ทาให้มันเพิ่งรู้ตัวว่า
ยังไม่ได้เก็บอาวุธประจากาย ก่อนฉุกคิดได้ว่าทาไมเธอมองอย่างนั้น มัน
จึงอุ้มเธอนั่งเตียงก่อนลุกเดินไปเข้าห้องน้า
จอยจินตนาการไม่ออกว่ามันเข้าไปทาอะไร นอกจากเสียงน้าจาก
ฝักบัวเท่านั้นที่ทาให้เธอจินตนาการเห็นภาพมันเปิดใช้งาน ส่วนจะเปิด
เพื่ออะไรนั้น ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาเอามาคิด เพราะตอนนี้เป็นโอกาสดีสุด
ในการค้นหาตัวตนของมนุษย์หมาป่า
นึกได้ดังนั้น จึงหยิบกระเป๋าที่มันลืมเก็บ เอามาเปิดหาบัตร
ประชาชน หรืออะไรก็ได้ที่บอกตัวตนของมัน ในเมื่อเงินตราของประเทศ
ไทยมันยังมี เหตุใดของที่เธอคิดจะไม่มีบ้าง

เท่าที่สารวจทุกซอกทุกมุม มันมีอยู่เพียงแค่บัตรเดียวในกระเป๋า
แล้วบัตรนี้มีเพียงรูปภาพเดียวเช่นเดียวกัน ซึ่งมันเป็นรูปของ ไอ้หน้า
หมา นอกจากไม่ใช่รูปภาพของใบหน้ามนุษย์ รายละเอียดต่างๆ ของ
บัตรนี้ยังเป็นภาษาแปลกๆ ที่ไม่น่าใช่ภาษาของคนบนโลกใบนี้
จอยจ้องเขม็งที่ใบหน้าสัตว์ในตานานบนบัตร เธอไม่แน่ใจว่าเมื่อ
ครู่นี้ตาฝาดไปหรือไม่ที่เห็นดวงตาของมันกะพริบ แต่พอคิดอีกที อาจ
เป็นแสงไฟน้อยนิดจากนอกระเบียงสาดส่องเข้ามากระทบ ทาให้
มองเห็นภาพหลอกตาแวบหนึ่งก็เป็นไปได้
ทว่าเพียงแวบเดียว ความคิดนั้นต้องพังทลายทันใด ขณะกาลังจะ
เลิกเพ่งมองและเก็บเข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม ไอ้หน้าหมาในรูปมัน
แสยะยิ้มพร้อมขยิบตาให้ ทาเอาจอยตกใจเกือบร้องกรี๊ดออกมา มือโยน
ทั้งบัตรและกระเป๋าลอยละลิ่ว ‘ผีหนังสือพิมพ์แฮร์รี่พอตเตอร์หลอก !’
อาการผวายังไม่ทันหาย ความตกใจมาต่อท้าย เธอเพิ่งสังเกตเสียง
น้าฝักบัวหายไป หญิงสาวจึงรีบไปเก็บบัตรและกระเป๋าสตางค์ โดย
พยายามไม่ชาเลืองมองไอ้รูปภาพสุด หลอน นั่นอีก
ไม่นานเจ้าของบัตรเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย แต่ทว่ามันไม่มี
กางเกงสวมอยู่ เนื่องจากมันเปลี่ยนไปพาดไว้ที่บ่าแทน ทุกขณะที่ใกล้ถึง
เตียงนอน หากจอยสังเกตดูไม่ผิด ตรงแท่งของความเป็นชายมันดูเปียกๆ
ไม่นานเธอได้กลิ่นสบู่จากห้องน้าลอยมาถึงเตียงนอน แสดงว่ามันเข้าไป
เพื่อทาความสะอาด คงคิดว่าที่เธอมองด้วยแววตาขยะแขยงเช่นนั้นเป็น
เพราะมันเพิ่งฉี่และยังไม่ล้าง
แม้โดนมันกินตับมาหลายท่าในตลอดสองคืนที่ผ่านมา แต่เธอ
ยังคงหวาดหวั่นกับการมีอะไรกัน เนื่องจากมันไม่ใช่มนุษย์
“แกไม่คิดจะใส่ถุงยางบ้างเลยหรือไง ฉันยังไม่อยากจะท้องออกมา
เป็นตัวประหลาดรู้ไหม” จอยโพล่งออกไป เพราะเธอจะไม่ยอมมีลูกเป็น
ตัวประหลาดแน่ โดยเฉพาะเรื่องหลังจากนั้น เธอไม่รู้ว่ามันจะฟันแล้ว
สะบัดตูดจากไปเหมือนหมาตัวผู้หรือไม่
มนุษย์หมาป่าเอื้อมหยิบสมุดและปากกามาเขียนครู่หนึ่งก่อนส่งให้
เธออ่าน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกจ้ะ ยังไงมันก็ไม่แตกต่างว่าจะใส่หรือไม่
ใส่ เพราะน้องจะไม่มีวันท้องได้ เนื่องจากน้องไม่ได้เป็นมนุษย์หมาป่า
เหมือนพี่ แล้วก็ไม่มีวันจะกลายร่างได้เป็น หากพี่ไม่ยินยอม และที่สาคัญ
... พี่รักโลกจ้ะ พี่ไม่ชอบอาหารที่มันใส่ถุงพลาสติก”
พออ่านมาถึงตรงประโยคสุดท้ายที่เขียนตัวใหญ่เป็นพิเศษและยัง
ขีดเส้นใต้ด้วย จอยหนังตากระตุก ความหมายนี้ของมัน เธอรู้ได้ทันทีว่า
ไม่ได้หมายถึงอาหารจริงๆ แน่นอน
มนุษย์หมาป่าสังเกตเห็นจอยเหลือบมองดาบผู้กล้าประจาตัวของ
มัน ด้วยแววตาเหมือนสนอกสนใจ มันฉีกยิ้ม คว้ามือของเธอมาจับ โดย
ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เตรียมตัวเตรียมใจจะสัมผัสเต็มทั้งขนเต็มทั้งเนื้อ
อย่างนี้ ทาให้เธอตกใจจนทาสมุดร่วงจากมือ
จอยรู้สึกขยะแขยง แม้เมื่อวานอยากสัมผัส แต่ทว่าพอได้สัมผัส
จริงๆ อยากไปล้างมืออย่างเร็วจี๋ แต่ก็ไม่สามารถไปได้เพราะยังถูกล็อก
ข้อมือแน่นอยู่ ตรงข้ามกับมนุษย์หมาป่า มันหัวเราะหึๆ เหมือนถูกใจกับ
การมีมือนุ่มนิ่มมาสะเทือนน้องชายมัน ยิ่งมือเธอสั่นมากเท่าไร ดาบของ
มันที่มีขนาดเท่าเหรียญสิบก็ยิ่งพองตัวขยายใหญ่มากขึ้น แล้วปลายดาบ
สีแดงเหมือนเหล็กร้อนที่ยื่นออกมาก็เพิ่มความยาวไปอีก จนกระทั่งมัน
โผล่พ้นฝักดาบออกมาให้เห็นถึงหนึ่งนิ้ว
ทันทีที่มนุษย์หมาป่าปล่อยมือ หญิงสาวจึงชักมือกลับ แต่ไม่กล้า
เอามาสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ‘อี๋ ! ฉันจะไม่มีวันใช้มือข้างนี้
ล้างหน้าตอนเช้าแน่’ เธอเหยียดแขนออกไปทางด้านหลังจนสุด เพื่อจะ
ไม่ต้องถูกมือข้างนั้นแตะต้อง
“แกจะทาอะไร ?!” จอยร้องว้ายเพราะถูกจับขาทั้งสองข้างขึ้นมา
บนเตียงแล้วแยกออกโดยไม่ให้ตั้งตัว ร่างของเธอจึงหงายไป
จอยกระดกศีรษะมาอย่างเร็ว ขาของเธอถูกจับตั้งชันเข่า มาเป็นท่า
อยู่ในท่าคนท้องคลอดลูก เธอเห็นมนุษย์หมาป่ายื่นจมูกสูดดมดอกไม้
ของเธอ หลังจากนั้นมันช้อนตามาอย่างมีความหมาย พลางเลียริมฝีปาก
หญิงสาวขนหัวลุกจนผมบนศีรษะแทบชี้ตั้งเป็นซูเปอร์ไซย่า
ในตอนนี้ดอกไม้งามของเธอกาลังถูกแมลงตัวใหญ่ยักษ์ใช้ลิ้นสากๆ ตวัด
เลียลิ้มรส บางขณะมันยังม้วนลิ้นเป็นเหมือนกรวยสอดเข้าไปลิ้มรสเกสร
ถึงภายใน ยิ่งสร้างความเสียวจนเธอตัวสั่นสะท้าน แถมลิ้นของมันไม่ได้
มีความช้าไปกว่าอาวุธประจากายเบื้องล่างแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่ามันไม่
สามารถเข้าไปลึกได้มากนัก กระนั้นแค่นี้ก็มากพอทาให้สติสัมปชัญญะ
ของเธอถึงกับแตกกระเจิง ศีรษะของเธอทิ้งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงทันใด

ผ่านไปเกือบนาที ขณะสติของจอยจวนหลุดลอยไปไกลจนเกิน
กว่าดึงกลับคืนมา ทาให้เธอไม่ได้สังเกตแรงสั่นสะเทือนของเตียง ใน
ตอนนี้บิ๊กเคลื่อนไหวร่างกายมาอยู่ในท่านั่งยองๆ ขาอ้ากว้างราวกับ
พร้อมต้อนรับคนส่งดอกไม้เบื้องหน้าเข้ามา
แล้วไม่นานนัก มนุษย์หมาป่าเลิกตวัดลิ้น ยกหัวกลับขึ้นมา มือ
เปลี่ยนไปจับสะโพกของหญิงสาว แล้วดึงตัวของเธอเข้าหาอย่างรวดเร็ว
กว่าจอยจะรู้ตัวแยกแยะอะไรได้ เป็นช่วงได้ยินเสียงซวบ พร้อม
ความรู้สึกอะไรบางอย่างเป็นแท่งพุ่งเข้ามาภายใน หญิงสาวตาเหลือก
แหกปากออกมาด้วยความเจ็บเพราะยังไม่ทันเตรียมตัวรองรับสิ่ง
แปลกปลอมนั้น
ทว่าเสียงของเธอดังเป็นคลื่นระดับเดียวกันได้เพียงชั่วกะพริบตา
ก่อนเปลี่ยนเป็นกระตุก เป็นสั้น เป็นแหลมสูง ราวกับกล่องเสียงถูกเขย่า
ซึ่งเธอก็ถูกเขย่าอยู่จริงๆ ร่างกายานั้นเริ่มบรรเลงจังหวะกระแทกเธอใน
ท่ามาตรฐานมนุษย์โดยไม่มีรีรอ จนเตียงถึงกับโยก ทว่าคราวนี้เรี่ยวแรง
มันมากกว่าเมื่อคืนอีก การบุกเข้าแต่ละครั้ง ทาเอาขาหญิงสาวเหมือน
กวักเรียกใครบางคนที่อยู่เบื้องหลังของไอ้ตัวที่กระแทกอยู่ไม่มีผิด
ยิ่งเธอพยายามใช้สองมือคู่เล็กๆ ดันหน้าอกเอามันออกไป ไอ้หน้า
หมายิ่งหายใจดังฟืดฟาดด้วยความหฤหรรษ์ เพราะการกระทาของจอย
ไม่ต่างจากการตอบสนองความใคร่ให้กับมันโดยตรง พอเธอดันตัวออก
ห่าง อวัยวะเบื้องล่างที่เชื่อมต่อต้องเคลื่อนออก แน่นอนว่ามันยินยอม
โดยดี แต่ทว่าออกไปได้เพียงครึ่งลาเท่านั้น มันจะดึงตัวของเธอเข้ามา
จนติดก้อนขนาดใหญ่ยักษ์ตรงโคนของหอกด้ามนั้น จากนั้นจะเริ่ม
กระบวนการใหม่ ปล่อยให้เธอดันตัวออกแล้วจากนั้นมันจะดึงกลับเข้ามา
มนุษย์หมาป่าชื่อว่าบิ๊กลิ้นห้อยออกมา ส่งเสียงแฮะๆ ‘อย่างงี้ใช่เลย
น้องจอยจ๋า พี่จะได้ไม่เหนื่อยโดยไม่จาเป็น !’

“อะ... อะ... โอ้ว... อู๊ว !” เสียงของจอยเปลี่ยนแปลงไปอย่าง


รวดเร็ว มือที่พยายามดันเอาอีกฝ่ายออกไปเริ่มอ่อนแรง ไม่นานเปลี่ยน
มาเป็นตวัดคอของมันให้เข้ามาใกล้กว่าเดิมแทน เพราะในตอนนี้ความ
เจ็บมันกลายเป็นเป็นความเสียวไปเรียบร้อย
ขณะอวัยวะเบื้องล่างของมนุษย์หมาป่าทาหน้าที่ ริมฝีปากของมัน
ซุกไซ้ซอกคอของหญิงสาวอย่างกระหาย หน้าอกกายาเต็มไปด้วยขน
เสียดสีกับภูเขาสองลูก บางขณะมือมันจะเปลี่ยนมาสารวจเรือนร่างหญิง
สาว ตรงที่กาลังทาหน้าที่เหมือนเครื่องจักรเข้าออกจนมีน้าเปียกแฉะ มัน
ก็ยังไม่เว้นแวะไปลูบคลา ราวกับว่าตรวจสอบสินค้าในวันนี้ชารุดจาก
การใช้งานหนักเมื่อค่าคืนวานหรือไม่
จอยไม่ปฏิเสธมันอีก ปล่อยให้มันจะทาอะไรกับเรือนร่างก็ช่างมัน
เพราะในตอนนี้เธอติดใจกับความเร็วและความใหญ่ โดยเฉพาะกระบวน
ท่าต่างๆ ที่มันจะสรรหามาเล่นกับเธอในค่าคืนนี้
ในตอนนี้เธอไม่สนว่ามันจะมีอะไรกับเรือนร่างเธอนานแค่ไหน
นอกจากความดุดันของมันที่มอบให้จนติดใจ เธอยังชอบลูบไล้ขนที่นุ่ม
นิ่มจากครีมนวดผม โดยเฉพาะท่อนแขนกายาซึ่งอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ
เป็นมัดๆ
แล้วยิ่งเธอลูบไล้ร่างกายาของมันนานเท่าไร ไอ้หน้าหมาจะส่ง
เสียงคารามต่าๆ เหมือนถูกใจมากขึ้น เพราะการกระทาของจอยเป็นราว
กับโยนท่อนฟืนเข้ากองไฟให้ลุกโชน
จอยไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานมากแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกทีคือ
จังหวะของมันเพิ่มความเร็วขึ้นฉับพลัน แล้วเพียงไม่นาน มนุษย์หมาป่า
ใบหูทั้งสองข้างล้มพับไปข้างหลัง ส่งเสียงอิ๋งๆ แหลมสูง หน้าสั่นระรัว
ราวกับชักกระตุก การแสดงของมันเหมือนนาฬิกาที่บอกว่าถึงจุดสุดยอด
แล้ว หลังจากนั้นไม่นานความเร็วของมันตกลงอย่างน่าใจหาย ก่อนทิ้ง
ตัวล้มทับเธออย่างหมดเรี่ยวแรง จอยตาเหลือกกับขนาดร่างกายของมัน
เพราะแทบเหมือนโดนช้างทับไม่มีผิด
บิ๊กเปิดเปลือกตาอย่างเกียจคร้าน พอเห็นผู้ที่อยู่ข้างล่างดิ้น
กระแด่วๆ พร้อมส่งเสียงเหมือนคนกาลังขาดอากาศ มันถึงรู้ตัว จึงรีบ
พลิกตัวนอนหงายไปด้านข้าง ทาให้หอกแหลมที่เสียบอยู่เบื้องล่างหลุด
ออกมา โดยมีน้าสีขุ่นพรวดตามออกมาติดๆ
พอจอยได้อากาศเต็มปอดแล้ว เธอเปล่งเสียงออกมาทันที “ไอ้บ้า
คิดจะทับฉันให้ตายเลยหรือไงกัน กะ !”
เสียงแหวๆ ของเธอถูกจูบสุดเร่าร้อนกลืนหายไป แม้เธอพยายาม
ดิ้นและสะบัดหน้าหนี ก็ไม่สามารถทาได้ เนื่องจากถูกวงแขนขนาดใหญ่
โอบรัดศีรษะ บังคับใบหน้าของเธออยู่นิ่งๆ เพื่อให้ประกบกับริมฝีปาก
แล้วเธอยังไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้ นอกจากอู้อี้
ในลาคอ เพราะถูกลิ้นยาวสากๆ ตวัดสารวจภายในช่องปากไปทั่ว ก่อน
มาวุ่นวายเกี่ยวกับลิ้นของเธออย่างกระหาย
“แหวะ !” จอยรีบถ่มน้าลายทิ้งในทันทีที่มนุษย์หมาป่าถอนริมฝีปาก
ออกไป “ไอ้บ้า !” เธอหันไปข้างเตียงหยิบขวดน้าบนลิ้นชัก ยกมาเปิดฝา
แล้วกรอกใส่ปาก ก่อนบ้วนทิ้งใส่กระโถนอ้วกที่เก็บไว้ใต้เตียง
หลังจากล้างปากเสร็จ หันขวับมาเพื่อจะด่าไอ้หน้าหมาอีกรอบ เธอ
ถูกจู่โจมริมฝีปากอีกครั้งโดยไม่ให้ตั้งตัว แขนกายาของมันข้างหนึ่งตวัด
โอบรัดศีรษะ ส่วนแขนอีกข้างช้อนบั้นท้ายงอนสวย มันสอดตัวมาตรงก
ลางระหว่างขาสองข้างของเธอ แล้วโจมตีเข้าสู่ประตูเขื่อนที่เพิ่งฉีดน้า
เข้าไปกักเก็บอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้การบุกโจมตีทาเอาเขื่อนแตกน้า
กระจายพรวดออกมา
การกระทาทั้งหมดของมนุษย์หมาป่านี้ นอกจากรวดเร็วโดยไม่ให้
ตั้งหลัก ยังเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง
เธอพะอืดพะอมรสชาติปากหมาจนแทบอยากจะอ้วกแตก นอกจาก
มันรุกล้าสารวจภายในปากหมดทุกซอกทุกมุมไม่พอ ยังเลยออกมาเลีย
รอบริมฝีปาก แถมบางขณะเกือบจะเข้าไปสารวจภายในโพรงจมูก
เพิ่มเติม แล้วตอนถอนริมฝีปากออกไป ยังมีทิ้งท้ายเกี่ยวเอาลิ้นของเธอ
ออกมาจนมีเสียงน้าลายแตกกระจายดังป๊อก ของเหลวที่มันแลกเปลี่ยน
กับภายในปากของเธอ บางส่วนยังยืดจากปากของมันมาเป็นสายยาว
ราวกับน้าเหนียวหนืดของอาหารที่ชื่อว่าราดหน้า ซึ่งมันก็เกือบจะ
ราดหน้าของเธออยู่จริงๆ ในตอนนี้รอบริมฝีปากเธอมีน้าลายกระจายเต็ม
ไปหมด หากมันยื่นหน้าสูงกว่านี้ เธอคิดว่าใบหน้าของเธอคงไม่ต่างไป
จากถูกหมาเลียหน้า
ตอนแรกที่มันถอนริมฝีปากออกไป จอยคิดว่ามันจะพอ แต่ความ
จริงเปล่าเลย ไอ้หน้าหมามันยังคงจู่โจมริมฝีปากอวบอิ่มอีกหลายครั้ง
รวมถึงอวัยวะข้างล่างยังคงกระแทกด้วยความเร็วสูงถี่ๆ จนแรงเสียดสีทา
ให้เกิดฟองฟอด ราวกับมีใครเล่นอย่างพิเรนทร์ เอาผงซักฟอกมาผสม
น้าแล้วตีจนเป็นฟอง จากนั้นเอาไปสาดตรงนั้น
เพียงไม่นาน จอยก็ตระหนักได้ว่าเธอไม่สามารถขัดขืนเรี่ยวแรง
ของมันได้ เธอจึงเลิกดิ้นรนหนีจากปากของมัน
หลังจากปล่อยวางให้มันทาตามใจชอบ เธอสังเกตได้ว่ากลิ่นปาก
ของมันไม่ได้เหม็นอย่างที่คิด ทั้งกลิ่นและรสชาติเหมือนลูกอมดับกลิ่น
ปากไม่มีผิด ไม่แน่มันอาจใช้ลูกอมมาก่อนหน้านี้ เพื่อให้เธอไม่รู้สึก
ขยะแขยงมากนัก
ตราบใดเจ้าของร่างกายานี้ยังมีเรี่ยวแรงและกระสุนปืนพร้อมยิง
เข้าไปภายในตัวเธอหลงเหลืออยู่อีกมหาศาล จอยจึงต้องยอมเล่นเกมรัก
อันเร่าร้อนนี้ไปจนกว่ามันจะพอใจ แล้วหลังจากนั้นถึงจะได้พักสาหรับ
เธอจริงๆ
อย่างน้อยการถูกจู่โจมริมฝีปากอย่างนี้ ยังเป็นเรื่องที่ดี ถ้าไอ้หน้า
หมาเกิดอยากให้เธอลิ้มรสแท่งไอศกรีมสีแดงของมัน มีหวังเธอได้อ้วก
แตกจริงๆ แน่นอน
หารู้ไม่... เรื่องที่จอยคิดมันจะเป็นจริงในไม่ช้า...

つづく

Wow อ่านว่า “ว้าว” เป็นคาอุทานของชาวตะวันตกในยามแสดงความ


ตื่นเต้น ส่วนใหญ่จะใช้ร่วมกับประกอบท่าทางแสดงความดีใจ แต่ตัว
นักเขียนขอใช้สาหรับมนุษย์หมาป่าในยามที่เห็นช่องนั้นแล้วต้องร้อง
ว้าว
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 12
“เป็นอะไรจ๊ะยัยจอย ทาหน้าเบื่อโลกอยู่ได้” กิ่งเหยียดขาให้เป็น
แรงส่งร่างตัวเองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักงานแบบมีล้อเคลื่อนไปหาเพื่อน
สาวฝัง่ ตรงข้าม
“ดูจากสีหน้าของแก แกคงมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ใช่ไหม ?” ก้อยเดินเข้า
มาหาจอยอีกคน ในมือทั้งสองข้างมีถ้วยกาแฟข้างละใบ “เอานี่กาแฟ แก
จะได้มีสมองปลอดโปร่ง”
จอยเหลือบตาขึ้นไปมองใบหน้าเพื่อนสาวทั้งสองคนเล็กน้อย หลัง
เห็นจนมั่นใจว่าเป็นใคร เธอหลับตาเหมือนไม่อยากรับรู้อีก ถอนใจ
ออกมา พลางกุมขมับ คิดหาจุดเชื่อมโยงระหว่างไอ้หน้าหมาและอเล็กซ์
ต่อ
กิ่งเห็นเพื่อนหญิงหน้าอกแตงโมทาเหมือนเธอกับเพื่อนอีกคนเป็น
เสียงนกเสียงกา แต่เธอไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย เธอรีบเปิดประเด็นเรื่อง
เมาท์ประจาวันทันที “นี่รู้หรือยังว่าทางบริษัทเราจะจัดทัวร์เที่ยวปลายปี”
“หา !? บริษัทเรามีทัวร์เที่ยวให้พนักงาน จริงหรือแก ?” ก้อยอุทาน
ออกมา เพราะไม่คาดคิดว่าตัวเองจะอยู่มาจนถึงวันนี้ วันที่ทางบริษัทใจดี
พาพนักงานไปเที่ยว
“จริงแน่นอนย่ะ ไม่เชื่อถามคนอื่นดูได้เลย” กิ่งกวาดนิ้วไปทั่วห้อง
ในตอนนี้ทุกคนกาลังนั่งจับกลุ่มคุยซุบซิบถึงเรื่องจะได้ไปเที่ยวโดยไม่มี
ค่าใช้จ่าย
“แกรู้ได้ยังไง ขนาดฉันยังไม่รู้” ก้อยตกใจกับข่าวที่ผ่านหูไปอย่าง
มหัศจรรย์ เพราะปกติข่าวอะไรก็ตามที่เพื่อนรู้ มักจะไม่มีวันเล็ดลอด
สายตาและหูของเธอไปได้ โดยเฉพาะเรื่องข่าวอื้อฉาว
“โอ๊ยยัยก้อย หล่อนจะไปรู้ได้ยังไง เรื่องนี้หัวหน้าแผนกเพิ่งมาแจ้ง
เมื่อหกโมงเช้านี้เอง แต่หล่อนมาเกือบแปดโมงเช้า มันคงจะได้ทันฟังอยู่
หรอก” กิ่งบอก
“ทัวร์พักร้อน ?” จอยทวนคาอย่างฉงน นับตั้งแต่ที่เธอทางาน
บริษัทแห่งนี้มาเกือบสามปีเต็ม ไม่เคยเห็นมันจะมีนโยบายให้พนักงาน
พักร้อนคลายเครียดมาก่อน แสดงว่านี่อาจเป็นคาสั่งจากเบื้องบน
“ใช่เลยย่ะ คุณอเล็กซ์อนุมัติให้เองเลย” กิ่งมองขึ้นเพดานอย่าง
เหม่อลอย ใบหน้าเบิกบาน พลางคิดจะใส่ชุดอะไรไปเที่ยวดี
“คุณอเล็กซ์เหรอ... ?” จอยราพึงราพันอย่างแปลกใจ เขาไม่น่ามี
อานาจมากถึงตัดสินใจเรื่องอย่างนี้ได้ หรือว่าเขาไปพูดกับท่านประธาน
แล้วเอาเรื่องนี้เข้าห้องประชุม เพื่อให้มีนโยบายนี้ออกมา
กิ่งกลับมามองใบหน้าจอยด้วยแววตาแปลกใจเพราะคาพูดที่ได้ยิน
ยิ่งเห็นใบหน้าที่เหมือนไม่รู้เรื่องจริงๆ ทาให้อดพูดไม่ได้ “ก็ใช่สิ นี่หล่อน
เป็นแฟนกับเขายังไง ถึงไม่รู้เรื่องที่เขาอนุมัติเองโดยตรงให้พวกเรา”
คาพูดของเพื่อนยิ่งทาให้จอยแปลกใจกว่าเดิม ทว่าเป็นเพียงแวบ
เดียว เธอสลัดความสงสัยเรื่องนั้นออกไปจากหัว ถึงอย่างไรมันไม่ได้มี
ส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองแม้น้อยนิด เธอพ่นลมหายใจออกมา “ฉันจะไปรู้
อะไรมากได้ไง แกจาไม่ได้หรือว่าเมื่อวานเพิ่งเป็นเดตแรกของฉันกับ
เขา”
“เออใช่ ฉันก็ลืมไปสนิท” กิ่งนึกได้ว่าเพื่อนกับหนุ่มลูกครึ่งเพิ่งคบ
กันไม่ถึงอาทิตย์ ดังนั้นเรื่องบางเรื่องราวอาจไม่บอกเพราะลืม หรือไม่
จาเป็น
“ตกลงเมื่อวานคุณอเล็กซ์พาแกไปเลี้ยงวันเกิดที่ไหนต่อ เล่ามาเลย
นะยะ” ก้อยรีบซักก่อนอุทานออกมา “เออๆ ใช่ๆ ฉันลืมไปได้ไงเนี่ยว่า
เมื่อวานวันเกิดของแก” เธอตบหน้าผากตัวเองในทันทีที่นึกเรื่องสาคัญ
ของเพื่อนสาวได้ขึ้นมา
คาอุทานนั้นทาให้กิ่งนึกได้อีกคนเช่นเดียวกัน “ฉันก็ลืมไปสนิท ถ้า
ไม่พูดฉันก็นึกไม่ออกนะเนี่ย เดี๋ยวฉันไปเอาของขวัญที่ลิ้นชักก่อน” ยัง
ไม่ทันจบประโยค กิ่งเหยียดขาออกไป ทาให้เก้าอี้เคลื่อนกลับไปที่โต๊ะ
ทางาน ขณะเดียวกันก้อยกึ่งวิ่งกึ่งเดินย้อนกลับไปโต๊ะของตัวเอง
เช่นเดียวกัน พร้อมพยายามดื่มกาแฟให้หมดถ้วยอย่างเร็ว
เมื่อเพื่อนซี้สองคนย้อนกลับมาหา ในมือของพวกเธอมีกล่อง
ของขวัญคนละใบ ซึ่งมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเท่ากับกระดาษเอสี่ มี
ความหนาประมาณสองนิ้ว
“สุขสันต์วันเกิดจ้ะ” สองสาวประสานเสียง พร้อมยื่นของขวัญ
จากนั้นกิ่งพูดต่อ
“เราต้องขอโทษเรื่องเค้กวันเกิดด้วยนะ พวกฉันไม่สามารถเอาเข้า
มาในบริษัทได้ เอาไว้วันหลังพวกเราไปหาอะไรกินกันสามคน จะได้
เฮฮากันเหมือนแต่ก่อน แล้วฉันจะเอาเค้กไปให้หล่อนด้วย ตกลงไหม ?”
จอยปากสั่นเพราะรู้สึกซึ้ง “ดะ... ได้... ขอบใจนะพวกแก”
“โอ๊ยไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องแค่นี้” กิ่งพูดราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่
อะไรหรือสร้างความยากลาบากสาหรับเธอและเพื่อนอีกคน
“เอาเลย แกแกะดูได้เลย พวกฉันตั้งใจเลือกมาให้โดยเฉพาะ มัน
จะได้เข้าเซตกัน” ก้อยป้องปาก พยายามกลั้นหัวเราะ
จอยหุบยิ้ม ท่าทางเหมือนมีลับลมคมในของเพื่อนจอมเมาท์ ทาให้
เธอเริ่มมองกล่องของขวัญเป็นเหมือนระเบิดเวลาเข้าไปทุกขณะ “ในนี้
มันมีอะไร ไม่ใช่ฉันเปิดมาเป็นคางคกพร้อมไข่ของมันนะยะ”
“หล่อนนี่ปากเสียจริงๆ คราวหลังเดี๋ยวไม่ซื้อของขวัญอะไรให้
เสียเลย” กิ่งพ่นลมออกจมูก
เห็นท่าทางของเพื่อนทั้งสองคนเริ่มจะโกรธขึ้นมา จอยจึงหัวเราะ
แห้งๆ กลบเกลื่อน “ฉันพูดตลกหน่อยเดียวทาเป็นโกรธไปได้ ฉันขอโทษ
ฉันจะรีบแกะเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากแกะกระดาษห่อของขวัญออกหมดและเปิดกล่องออกดู ใน
ดวงตาของจอยไม่มีความแปลกใจหรือตื่นเต้นหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
“นี่เหรอที่พวกแกบอกว่าเข้าเซต ?” จอยทาใบหน้านิ่งเฉย ไม่
แตกต่างจากน้าเสียงถามอย่างไร้ความรู้สึก มือข้างหนึ่งหยิบเสื้อจากใน
กล่องแรกขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างหยิบกางเกงจากในกล่องใบที่สอง
“เออสิ เป็นไง ครบเซตชุดพนักงานไหม ?” กิ่งหลุดหัวเราะออกมา
พร้อมกับก้อย
“พวกแกนี่เล่นมุกไม่เลิก” จอยพับเก็บเสื้อผ้าเข้ากล่องดังเดิมก่อน
โยนลงไปใต้โต๊ะ “เออๆ ยังไงก็ขอบใจที่ซื้อเสื้อผ้าชุดเข้าเซตให้” เธอ
เน้นคาว่า เข้าเซต เป็นพิเศษ ด้วยน้าเสียงเหมือนตั้งใจยอกย้อนคาพูด
“ของขวัญพวกฉันแกก็รู้แล้ว เมื่อวานแกได้ของขวัญอะไรจาก
คุณอเล็กซ์เหรอ ?” ก้อยถาม
“หล่อนไม่เห็นต้องถามยัยจอย ยังไงยัยจอยต้องได้โทรศัพท์เครื่อง
ใหม่อยู่แล้วแน่นอน” กิ่งบอกกับก้อยด้วยน้าเสียงมั่นใจ
คาพูดสันนิษฐานนั้นทาให้จอยแสดงความแปลกใจออกมาทาง
ใบหน้าชัดเจน “แกรู้ได้ยังไงว่าฉันได้โทรศัพท์เป็นของขวัญ ?”
“ก็เมื่อวานสิ คุณอเล็กซ์มาถามพวกฉันทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวแก
หมด ไม่ว่าเรื่องอาหารการกิน ชอบอะไรมากเป็นพิเศษ” ก้อยอธิบาย
“ใช่ หน้าตาของเขายังจริงจังมากเลยรู้ไหม ตอนที่พวกฉันบรรยาย
ว่าหล่อนชอบอะไรบ้าง โดยเฉพาะในตอนที่เขาควักโทรศัพท์มาจด
รายละเอียดนี่ ขอบอกได้คาเดียวว่าท่าตอนเขากดโทรศัพท์ เท่มากกก
กกกกก~” กิ่งลากเสียงยาว “แล้วในตอนนั้นฉันนึกออกพอดีว่าโทรศัพท์
ของหล่อนพัง ฉันก็เลยใช้มารยาหญิงสาธยายให้เขาฟังเสียเลย” กิ่งทาสี
หน้าและท่าทางประกอบในการเล่าให้ดูโศกเศร้า
“บ้า ! แกหยุดทาหน้าตาอย่างนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะยะ ฉันไม่ได้ดูน่า
สงสารขนาดนั้น” จอยรีบสั่งไม่ให้เพื่อนทาสีหน้าล้อเลียนเหมือนในตอน
ที่เธอบอกว่าโทรศัพท์พัง
“ว่าแต่หล่อนได้โทรศัพท์ยี่ห้อไหน ขอฉันดูได้ไหม ?” ดวงตาของ
กิ่งเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
“เอานี่ ฉันขี้เกียจพูด ดูเอาเองก็แล้วกัน” จอยล้วงกระเป๋าเอา
ออกมาส่งให้ ทาเอาสองเพื่อนซี้ถึงกับดวงตาเบิกโพลง
“ว้าย ! นี่มันโทรศัพท์ไอค่อกแคก จากบริษัททุเรียน รุ่นใหม่ล่าสุดที่
ยังไม่มาถึงเมืองไทยเลยนี่ !” กิ่งปากสั่น อดใจไม่ไหวจนต้องคว้ามาลูบ
ไล้อย่างคลั่งไคล้
จอยเห็นท่าทางนั้นของเพื่อน รู้ได้ทันทีว่าในตอนนี้ภายในหัวคง
ไม่มีสมาธิรับฟังอะไรแน่ จึงหันหน้าไปทางก้อยแล้วถามเพื่อนคนนี้แทน
“ตอนที่พวกแกบอกว่าคุณอเล็กซ์มาสอบถามเรื่องของฉัน พวกแกเล่าไป
หรือเปล่าว่า... เอ่อ...” หญิงสาวเสียงแผ่วหายไป ดวงตามองซ้ายขวา
อย่างระแวง ไม่กล้าพูดออกมาเกี่ยวกับความลับอันดามืดของตน
“ไม่ต้องทาหน้าหวาดวิตกขนาดนั้นก็ได้ยัยจอย” ก้อยหัวเราะคิก
คัก ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยกมือป้องปากแล้วกระซิบด้วยน้าเสียงเหมือนแม่
มดชั่วร้าย “พวกฉันไม่เล่าเรื่องที่แกชอบดูคลิปอุบาทว์พวกนั้นให้เขาฟัง
หรอก เชื่อเถิดเพื่อนรัก หึๆ...” ยังมีการหัวเราะตกท้ายก่อนถอยใบหน้า
ออกไป
“แน่นะ ?” จอยปากสั่นเล็กน้อย เธอรู้สึกไม่ไว้ใจเอาเสียเลย ยิ่งเห็น
รอยยิ้มชั่วร้ายของเพื่อน ทาให้เธอจินตนาการเห็นสีหน้าของอเล็กซ์ใน
ตอนที่ได้ยินเรื่องที่เธอชื่นชอบสิ่งที่ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป
“จริงสิ แกเห็นพวกฉันเป็นคนขายเพื่อนหรือไงยะ ความลับสุด
อุบาทว์พวกนั้น พวกฉันไม่ปริปากให้ใครรับรู้แน่นอน นอกเสียจาก...”
ก้อยเว้นคาพูด ทาตาวิบวับ เผยรอยยิ้มอย่างน่าสะพรึง แล้วพูดประโยค
สุดท้ายออกมา “แกอนุญาตให้พวกฉันพูด”
“บ้า ! ต่อให้ตาย ฉันจะไม่ยอมเอ่ยปากอนุญาตให้พวกแกพูดบอก
ใครแน่” จอยมั่นใจทันทีว่าเพียงแค่เธอเอ่ยอนุญาตเท่านั้น ข่าวอื้อฉาว
ของเธอจะรวดเร็วกว่าฟ้าผ่าเสียอีก ถ้าได้เพื่อนจอมเมาท์สองคนนี้
เผยแพร่ออกไป
เสียงของเธอทาให้สายตาทุกคู่ในแผนกหันขวับมามองเป็นสายตา
เดียวกัน เธอจึงรีบปิดปากเงียบ หันหน้าไปทางอื่น ทาราวกับว่าเมื่อกี๊
ตัวเองไม่ได้พูด
เพียงไม่นาน สายตาที่มองมาเหล่านั้นก็เลิกสนใจ ทุกคนหัน
กลับไปพูดคุยกันต่อในกลุ่มของตัวเองเช่นเดิม
จอยมองดูน้าสีน้าตาลในถ้วยกาแฟ พลางครุ่นคิดเรื่องมนุษย์หมา
ป่าต่อ ตอนนี้เรื่องที่อเล็กซ์อาจจะเป็นมนุษย์หมาป่า คงเป็นไปไม่ได้ ใน
เมื่อเพื่อนจอมเมาท์เล่าเกี่ยวกับโทรศัพท์ให้เขาฟัง เขาจะรู้ก็ไม่แปลก
ตกลงแล้ว... ไอ้หน้าหมาตัวนั้นมันเป็นใครกันแน่ ?
สามสาวสะดุ้ง โทรศัพท์ที่กิ่งดูอยู่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ มันส่งเสียง
ร้องขึ้นมา กิ่งจึงส่งคืนให้กับเจ้าของ
จอยขมวดคิ้ว เบอร์ที่เห็นมันเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยมาก่อน เธอเหลือบ
ตาขึ้นไปทางเพื่อนทั้งสองคน ราวกับต้องการขอความคิดเห็น
“มามองพวกฉันทาไม มันโทรศัพท์ของแกก็รับสิยะ” ก้อยกระตุ้น
เร่งให้กดรับสาย
จอยจึงกดปุ่มแล้วยกแนบหู “สวัสดีค่ะ”
__________

จอยลืมไปว่าเมื่อวานตอนเย็นเธอให้เบอร์กับชายคนหนึ่ง จะเป็น
ใครไม่ได้หากไม่ใช่อเล็กซ์ ในตอนนี้เธอก็มาอยู่ในห้องทางานส่วนตัว
ของชายหนุ่ม
ภายในห้องตบแต่งอย่างเรียบง่าย พื้นปูพรมสีแดงสดเต็มตาราง
ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผนังทาเป็นสีขาว ทางด้านซ้ายมือ มีกระจกเงาบาน
ใหญ่ขนาดเท่าประตูติดผนังอยู่ ส่วนทางด้านขวาเป็นบอร์ดตารางแสดง
สถิติอะไรสักอย่าง มีกระดาษเอกสารซึ่งถูกเข็มหมุดปักไว้เป็น
องค์ประกอบให้ดูยิ่งใหญ่กว่าเดิม ตรงด้านหน้าหญิงสาวเป็นโต๊ะทางาน
สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ มีแฟ้มเอกสารหนาเท่าหนังสือเรียนอยู่เล่ม
หนึ่งกลางโต๊ะ มีปากกาสีดาสนิทหนึ่งแท่งนอนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ แล้ว
นอกเหนือจากองค์ประกอบที่เกี่ยวกับงานทั้งหมด มีถ้วยกาแฟประดับอยู่
บนโต๊ะใบหนึ่ง ส่งกลิ่นให้ภายในนี้ดูหรูหราขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์
เจ้าของกาแฟถ้วยนั้นนั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะ กาลังใช้ช้อนคนเล่นจนดู
เหมือนน้าวน ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มในตอนนี้ดูราวกับเป็นเจ้าของ
บริษัทจริงๆ ยิ่งรวมกับภาพเบื้องหลังของเขาเป็นกระจกใสเห็นตึกอาคาร
ต่างๆ ของเมืองหลวง ทาให้ชายหนุ่มคนนี้ยกระดับขึ้นไปอีก เหมือนกับ
ว่าเขาเป็นผู้ทรงอานาจทางเศรษฐกิจ
อเล็กซ์ยกถ้วยกาแฟจิบแล้ววางที่เดิม ดวงตาละจากถ้วยนั้น มา
มองที่หญิงสาวตรงเบื้องหน้า แล้วเปล่งถ้อยคาออกมาอย่างเรียบง่าย
“ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปนั่งทางานที่ชั้นนั้นอีกแล้วนะครับ”
“อะ อะไรนะคะ ทาไมฉันไม่ได้ทางาน ?!” จอยโพล่งออกมาด้วย
ความตกใจ ไม่นานก็รู้ตัวว่าเสียมารยาท เธอก็รีบหุบปากเงียบ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร เขาไม่ให้ทางานที่ชั้นนั้นอีก เธอไม่ได้
ทาผิดอะไร นอกจากมีเรื่องมาสายปีละครั้งสองครั้งแค่นั้น ถ้าเป็นเพราะ
เรื่องนี้จริง โทษหนักถึงกับต้องไล่ออกเลยหรือ ?
หนึ่งลมหายใจต่อจากนั้น จอยเบิกตาเล็กน้อย เธอฉุกคิดไปถึงตอน
ที่เขาเดินมาพูดกึ่งสั่งเจ้าหน้าที่ตรงหน้าทางตรวจบัตรพนักงานเข้าออก
ไม่แน่เรื่องที่เขาช่วยเหลือเธอนั้น อาจไปถึงใครที่มีอานาจใหญ่กว่าเขา
จึงมีคาสั่งปลดเธอออกเพื่อไม่ให้เอาเป็นตัวอย่างก็อาจเป็นไปได้ ไม่แน่ที่
เขาเรียกเธอมาพบนี้ นอกจากบอกว่าไล่ออกให้รับทราบ อาจรวมถึง
ต้องการระบายต่อว่าเธอที่เป็นต้นเหตุทาให้เขาโดนผู้มีอานาจมากกว่า
ตาหนิส่งท้ายด้วย
“ก็อย่างที่คุณได้ยินครับ ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปทางานที่ชั้นนั้นแล้ว”
อเล็กซ์เห็นจอยใบหน้าเริ่มซีด เขาจึงแย้มยิ้มให้เธอรู้สึกสบายใจ “คุณคง
เข้าใจว่าผมจะไล่คุณออกใช่ไหมครับ ?” ทว่าชายหนุ่มไม่เปิดช่องให้อีก
ฝ่ายถามกลับ เขาพูดต่อเนื่องทันทีจากคาถาม “ผมไม่ไล่คุณออกหรอก
ครับ ผมแค่อยากให้คุณย้ายตาแหน่งมาทางานที่สบายกว่านี้ แล้วไม่ต้อง
กลัวว่าเงินเดือนจะได้น้อยไปกว่าเดิมนะครับ”
ใบหน้าของจอยมีสีสันขึ้นมาทันทีทันใด แม้ไม่รู้ว่าสั่งย้ายเธอไป
ทางานอะไร อย่างน้อยคาพูดของเขาที่บอกประมาณว่า เงินเดือนไม่มี
ลดลง เธอก็ดีใจแล้ว
เพียงแวบเดียว คาพูดที่ตามมาหลังจากนี้ ทาเอาใบหน้าและดวงตา
ของเธอที่แสดงความรู้สึกออกมาพลันเปลี่ยนเป็นมึนงงอย่างไม่คาดคิด
“ผมจะให้คุณมาทางานในห้องนี้แทน ในฐานะเลขาส่วนตัวของผม
อีกคนหนึ่ง”
“ตะ... แต่ว่าฉัน...” จอยพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง
เพราะเธอรู้ว่าการเป็นเลขาจะต้องมีความสามารถมากมายแค่ไหน เธอ
ทาเป็นเพียงแค่พิมพ์เอกสารตามหัวหน้าแผนกที่สั่งมาเท่านั้น ไม่เคยทา
อะไรอย่างอื่นที่มันซับซ้อน แถมภาษาอังกฤษเธอยังไม่ค่อยเก่ง ขืนให้ไป
พูดกับฝรั่งตัวเป็นๆ ยังไม่รู้ว่าจะใช้สมองแปลคาพูดได้ทันทุกถ้อยคา
หรือไม่
“ไม่ต้องห่วงครับ” ชายหนุ่มพูดต่อ “ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ผมจะ
บอกให้เลขาของผมทั้งสองคนมาช่วยสอนการทางานให้คุณเองครับ
สาหรับในช่วงนี้งานหลักของคุณคือการชงกาแฟให้ผมไปพลางๆ ก่อน”
จอยยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ในเมื่อเขามีเลขาประจาตาแหน่งอยู่แล้ว
ทาไมอยากเอาเธอมาเป็นเลขาเพิ่มอีกคน
“โอ้ใช่ !” อเล็กซ์อุทานตามแบบฝรั่ง “ผมเกือบลืมไปอีกเรื่อง งาน
หลักอีกอย่างของคุณคือการพาผมเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ของประเทศ
ไทย ในช่วงเสาอาทิตย์ หรือยามไหนก็ตามที่ผมว่าง คุณจะต้องพาผมไป
เที่ยว ผมมีเวลาอยู่ในประเทศไทยประมาณหกเดือน ก่อนกลับอเมริกา
ในช่วงระยะเวลานี้ ผมอยากจะไปเที่ยวทุกสถานที่ในไทย”
“ให้ฉันพาคุณเที่ยวหรือคะ ?” จอยถามอย่างไม่มั่นใจว่าฟังผิดไป
หรือไม่
“ใช่ครับ” อเล็กซ์พยักหน้า “ตอนแรกผมคิดว่ามาดูงานแค่สอง
อาทิตย์กว่าๆ หลังจากนั้นผมจะกลับ แต่ผมเปลี่ยนใจอยู่ต่ออีกนิด แล้ว
เหตุผลอีกอย่างที่ผมต้องการคุณนาเที่ยว คุณเองคงเห็นแล้วว่าผมยังพูด
ภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก แม้ว่าผมมีแม่เป็นคนไทย แต่เนื่องจาก
ตอนที่อยู่อเมริกา ผมใช้ภาษาอังกฤษตลอด ทาให้ผมใช้ภาษาไทยไม่
คล่องมากนัก ผมเกรงว่าอาจไปพูดอะไรที่แปลกๆ จนคนอื่นเข้าใจผิด
อีก”
จอยนึกไม่ออกว่าอเล็กซ์เคยไปพูดอะไรจนถูกตีความหมายผิด
เพราะเท่าที่ฟังมานับตั้งแต่พบเจอกัน ไม่เคยมีคาไหนเพี้ยนจนกลายเป็น
ความหมายอื่น แม้อาจมีบ้างที่การออกเสียงไม่ชัดเจนเต็มร้อย
“รู้ไหมครับ ตอนเด็กๆ ผมเคยกลับมาที่เมืองไทยพร้อมกับพ่อแม่
แต่กลับไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนแม้สักครั้ง นอกจากมาเยี่ยมตากับยาย
เท่านั้น หลังจากที่พวกท่านเสียไปตอนผมอายุสิบสามปี ผมไม่เคย
กลับมาเมืองไทยอีก ผมจึงไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสถานที่ นอกจาก
ห้องของโรงแรมที่ผมอยู่ และหน้าประตูทางเข้าบริษัทจนมาถึงห้อง
ทางานเท่านั้น ที่ผมรู้จัก ทาอย่างไรได้ ก็งานของผมมันมักล้นมือตลอด”
ชายหนุ่มหัวเราะบางเบาไปกับมุกตลกตัวเอง “คุณพอจะทาหน้าที่นี้ได้
ไหมครับ ? ผมจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้คุณ จากเงินเดือนปกติคูณเป็นสี่เท่า
ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นที่ผมจะขอจ่ายต่างหากให้”
ได้ยินว่าเงินคูณสี่เท่า จอยรีบตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ได้
อยู่แล้วค่ะ ฉันทาได้อยู่แล้วค่ะ” เธอเผลอตัวฉีกยิ้มร่า “ในตลอดหกเดือน
นี้ฉันจะพาคุณไปเที่ยวทั่วไทย ตั้งแต่เหนือจรดใต้เลยค่ะ”
“ถ้างั้นดีครับ คุณจะว่าอะไรหรือไม่ถ้าผมจะให้คุณเริ่มงานตั้งแต่
บัดนี้เป็นต้นไป” ความจริงอเล็กซ์ถามไปอย่างนั้น แค่สังเกตท่าทางและ
น้าเสียงของหญิงสาวตรงหน้าที่ดีใจแทบอยากกรี๊ดออกมาในความโชค
ดี เขาก็รู้คาตอบอยู่แล้ว
“ได้ค่ะ ฉันจะเริ่มงานทันทีตามที่คุณสั่ง”
ตามคาดของชายหนุ่ม จอยรีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น
“ดีครับ ส่วนเรื่องโต๊ะทางานของคุณ ผมสั่งเจ้าหน้าที่ไปแล้ว คงไม่
เกินชั่วโมง ผมรับรองคุณได้นั่งโต๊ะทางานตัวใหม่แน่นอนครับ ระหว่างที่
รอในช่วงนี้ คุณไปเก็บของที่โต๊ะเก่าก่อนก็ได้นะครับ”
รอยยิ้มของจอยเริ่มดูฝืดๆ เธอไม่แน่ใจว่ารู้สึกคิดไปเอง ทั้งแววตา
รอยยิ้ม และน้าเสียงของอเล็กซ์ในคราวนี้ มันเหมือนของไอ้หน้าหมาที่
ทากรุ้มกริ่มไม่มีผิด
__________

ขณะขนย้ายสิ่งของส่วนตัว แน่นอนว่าต้องมีสายตาของคนใน
แผนกบางส่วนมองด้วยความอิจฉา แต่เธอไม่สนใจเก็บสายตาพวกนั้น
มาให้รกสมอง เธอเอาสมองอันมีค่ามาใช้พูดกับเพื่อนแทนดีกว่า
งานแรกของเธอ เริ่มต้นโดยการพาชายหนุ่มเที่ยวในบริเวณที่รู้จัก
ก่อน นั่นคือภายในเมืองหลวง
หากจะว่าตามจริง เหตุผลของอเล็กซ์มันฟังดูไม่ขึ้นแม้แต่น้อย จอย
มั่นใจว่าที่เขาพูดออกมาทั้งหมด แค่ต้องการให้เธออยู่ใกล้กับเขา หรือ
อีกความหมายคือจีบเธอ จึงใช้อานาจของตัวเองมาในทางที่มิชอบอย่าง
นี้
ขอเพียงชายหนุ่มพูดมาเพียงแค่ อยากชวนเธอออกเดต และอยาก
อยู่ใกล้กับเธอตลอด ประโยคง่ายๆ แค่นี้ จอยก็ยินดีตอบตกลงโดยไม่มี
กังขา ชายหนุ่มไม่จาเป็นต้องทาเรื่องให้มันยุ่งยากอย่างนี้แม้แต่น้อย เธอ
คิดว่าเขาคงอาย จึงเอาเรื่องที่สั่งย้ายตาแหน่งของเธอมาเป็นข้ออ้างก็
อาจเป็นไปได้

“คุณจอยอยากจะกินอะไรครับ ?” อเล็กซ์ถามโดยไม่ละสายตาไป
จากถนนตรงหน้าซึ่งมีรถมากมาย เช่นเดียวกับมือยังคงจับพวงมาลัยรถ
โดยไม่มีหลุดสมาธิไปไหน
จอยเม้มปากก่อนพูดออกมา “แล้วแต่คุณอเล็กซ์ดีกว่าค่ะ ฉันกิน
อะไรก็ได้”
“ถ้างั้นเอาร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ฝั่งซ้ายตรงนั้นดีไหมครับ ?”
อเล็กซ์เสนอความคิด
“ได้ค่ะ” จอยเผยรอยยิ้มบางเบาพลางหัวเราะลั่นภายในใจ
‘อยากจะกินมานานแล้วไอ้ร้านนี้ วันนี้แหละลาภปากกูแล้ว !’

หลังจากเข้ามานั่งและพนักงานเอารายการอาหารมาให้ดู แน่นอน
ว่าชื่อรายการอาหารแต่ละอย่างมันแพงไม่ใช่เล่น แต่แค่นี้มันไม่มีทาง
กระตุกขนหน้าแข้งของอเล็กซ์ได้แม้น้อยนิด จอยรู้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกเกรงใจเขามิใช่น้อย ดังนั้นทุกครั้งที่เห็น
อาหารที่อยากกิน เธอจะถามในเชิงขอความคิดเห็นว่า เขาจะกินด้วย
หรือไม่
ทุกคาตอบที่ได้กลับมา มีเพียงคาประมาณเดียวว่า ตามใจที่เธอ
ต้องการ
จอยจึงไม่ถามอะไรเขาอีก เพราะถ้าถามมากๆ เข้า อาจทาให้เขา
เกิดความราคาญ เธอจึงสั่งอาหารที่ดูไม่แพงมากมา ทว่าของที่ใฝ่ฝัน
อยากกินมานานมาก มันยั่วยวนใจเหลือเกิน สุดท้ายเธอไม่อาจหักห้าม
ใจได้ จึงสั่งอาหารชุดเหล่านั้นมา นั่นคือปลาแซลมอนแท้ ไม่ใช่เนื้อปลา
ลวงโลกเหมือนหลายร้านที่เจอมา

ไม่นานอาหารที่สั่งไปก็ทยอยมาจนครบ โดยเฉพาะเนื้อ
ปลาแซลมอนที่จอยเฝ้ารอ
ส่วนอเล็กซ์ อาหารแทบทุกจานที่เขาสั่งมา เท่าที่จอยสังเกต มัน
ต้องมีกุ้งอยู่ด้วยเสมอ แม้กระทั่งข้าวถ้วยน้อยที่มีกุ้งชุบแป้งทอดแฝด
สยามแปะอยู่บนยอด ไม่รู้ว่าจะสั่งมาทาไม แทนที่สั่งแยกไปเลยว่าแค่กุ้ง
ชุบแป้งทอดเพียงอย่างเดียวก็สิ้นเรื่อง
ถึงคิดอย่างนั้น เธอก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะถึงอย่างไรเธอไม่ได้
จ่ายแม้สตางค์เดียว จะแสดงความงกออกมาจึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
ด้วยเหตุผลนั้น ทาให้จอยไม่คิดมาก มีแต่หัวเราะภายในใจดังๆ
อย่างเดียว ‘ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่า อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ !’
“กินเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจผม” อเล็กซ์เชื้อเชิญพลางหยิบตะเกียบ
ขึ้นมา
จอยจึงใช้ตะเกียบคีบซูชิมาวางในจานตัวเอง จากนั้นใช้ช้อนแตะ
วาซาบิมาป้ายเล็กน้อย ลงท้ายด้วยคีบซูชิไปจิ้มโชยุแล้วเอาเข้าปาก
ดวงตาเปล่งประกายเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติอาหาร
ทุกขั้นตอนในการรับประทานของจอย อยู่ในสายตาของชายหนุ่ม
ตลอด เธอไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยนิดว่าตัวเธอในตอนนี้เผลอแสดงความสุข
ออกมามากขนาดไหน พลอยทาให้อเล็กซ์มีความสุขตามไปด้วย
เช่นเดียวกัน ไม่บ่อยนักที่เขาจะมีความสุขได้เหมือนกับเธอ เนื่องจาก
งานที่เขาทาอยู่นี้ มักจะทาให้เขาเครียด แม้มีเงินมากมาย มันก็ไม่ใช่ว่า
จะทาให้มีความสุขเสมอไป พอเห็นความสุขของหญิงสาวที่ดูเหมือน
ปล่อยวางจากทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเปิดรับความสุขเล็กๆ น้อยๆ เข้าหา
ชีวิตอย่างนี้ ทาให้ส่วนลึกภายในใจของเขาเกิดความอิจฉาขึ้นมาโดย
ไม่รู้ตัว

ขณะจอยกาลังจะคีบซูชิขึ้นมารับประทานอีกครั้ง เธอเพิ่งรู้ตัวว่า
ตอนนี้กินอยู่คนเดียว จึงวางตะเกียบแล้วถามอีกฝ่าย “คุณอเล็กซ์ไม่กิน
หรือคะ ?”
อเล็กซ์ยิ้มพลางหัวเราะบางเบา “กินครับ แต่ผมชอบดูคุณตอนกิน
มากกว่า ผมว่าท่าทางของคุณเหมาะกับการมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ
ร้านซูชิจริงๆ ครับ เพียงแค่ผมมองอย่างเดียวยังรู้ว่ามันอร่อยมากแค่ไหน
ทาให้ผมนี่หิวขึ้นมาทันทีเลยครับ”
“ถ้าคุณอเล็กซ์หิวก็กินเลยสิคะ เดี๋ยวพรีเซนเตอร์คนนี้กินหมดไม่รู้
ด้วยนะคะ” จอยเล่นมุกกลับ
“ได้ครับ ผมจะรีบกินอย่างเร็วที่สุด” อเล็กซ์ลากเสียงท้ายประโยค
ทาจอยหลุดหัวเราะบางเบาออกมา จากนั้นชายหนุ่มจับตะเกียบขึ้นมา
ด้วยท่าทางเงอะงะ

ผ่านไปประมาณสิบวิ หนุ่มลูกครึ่งยังไม่สามารถใช้ตะเกียบคีบ
อะไรเข้าปากได้แม้สักอย่าง เขาจึงเปลี่ยนมาใช้ส้อมทิ่มกุ้งชุบแป้งทอด
เอาเข้าปากแทน ทาให้จอยที่สังเกตดู เดาได้ทันทีว่าชายหนุ่มใช้ตะเกียบ
ไม่เป็น เธออดอมยิ้มไม่ได้ ‘สมกับเป็นฝรั่งจริงๆ แล้วยังทามาเป็นเก๊กบอก
ว่าชอบดูอีก คุณพ่อหนุ่มสุดหล่ออออออ~’
อเล็กซ์เห็นดวงตาขบขันของผู้ที่นั่งตรงข้าม ทาให้เขารู้สึกเขินอาย
ขึ้นมา แววตานั้นคงไม่มองใครอื่นหากไม่ใช่ตัวเขา ชายหนุ่มจึงเปลี่ยน
กลับมาใช้ตะเกียบเหมือนคนในประเทศนี้ที่ชอบใช้กินซูชิ ซึ่งแน่นอนว่า
ผลต้องออกมาเหมือนเดิม เขาไม่สามารถใช้คีบอะไรได้เลย
“เดี๋ยวฉันสอนคุณให้กินเองค่ะ ไม่อย่างนั้นภายในวันนี้คุณคง
ไม่ได้กินแน่” จอยยกมือป้องปากพยายามกลั้นหัวเราะ
“เอ่อ... ได้ครับ” อเล็กซ์หัวเราะแห้งๆ ราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกที่
เขาตั้งใจทาขึ้นมาเท่านั้น

จอยเพิ่งจะรับรู้ในวันนี้ การสอนฝรั่งจับตะเกียบนั้นยากเย็นแค่ไหน
ไม่ว่าแนะนาอย่างไร หรือทาตัวอย่างให้ดูการขยับนิ้ว หนุ่มลูกครึ่งยังคง
ไม่สามารถใช้ตะเกียบคีบอะไรได้เหมือนเดิม
พอเปลี่ยนมาใช้ช้อน เขาตักได้เฉพาะซูชิบางหน้าเท่านั้น แต่พอ
ไปตักข้าวปั้นหน้าไข่ปลาแซลมอน มันก็ล้มจนไข่สีแดงสดใสกระจาย
ออกมา พอใช้ส้อมมาช่วยประคอง ยังคงไม่อาจหลีกหนีความจริง
เหมือนเดิม พอใช้ส้อมเพียงอย่างเดียว ทันทีที่ทิ่มแล้วยกขึ้น ข้าวปั้นก็
แยกตัวร่วงลงมา หรืออย่างแย่สุดคือ ยังไม่ทันยก ข้าวปั้นแตกโพะเป็น
ชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีที่ทิ่มเข้าไป
จอยคิดว่าถ้าคนญี่ปุ่นมาเห็นเข้า มีหวังพวกเขาคงรุมประณามแน่
ไอ้ตัวทาลายงานศิลปะอาหาร !
จอยลองถามขณะที่สอนชายหนุ่ม จึงได้รู้ว่า ตลอดที่เขาอยู่อเมริกา
เขาเคยเข้าร้านอาหารที่ต้องใช้ตะเกียบน้อยมาก จนสามารถนับจานวน
ครั้งได้ ทาให้เดาได้ทันทีว่า ตั้งแต่เกิดมา มือคู่นั้นต้องจับตะเกียบไม่เกิน
สิบครั้ง
ในขณะที่สอน นอกจากแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งเอามาใช้อธิบายให้
ชายหนุ่มฟัง จอยยังคิดหาวิธีว่าจะทาอย่างไรถึงสามารถช่วยทาให้เขา
รับประทานอาหารได้ง่ายขึ้น
จนผ่านไปครู่ใหญ่ จอยนึกออกว่าต้องทาอย่างไร จึงกวาดสายตา
ไปทั่วร้าน พอเห็นพนักงาน เธอจึงหันมาบอกกับอเล็กซ์ว่า เธอขอตัวลุก
ไปสอบถามครู่หนึ่งว่า ที่นี่มีอ่างล้างมือหรือไม่ ? เนื่องจากเธอเคยเปิดดู
อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับร้านอาหารญี่ปุ่นต่างๆ โดยเฉพาะหน้าตาของ
อาหารที่ได้แต่มองและเก็บเอาไปฝันว่ามีโอกาสได้ลิ้มรสชาติ จึงได้รู้ว่า
ร้านอาหารบางแห่งแขกสามารถใช้มือหยิบกินได้โดยไม่ต้องอาย ดังนั้น
ร้านอาหารที่ว่าจึงมีอ่างล้างมือจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ
หลังจากไปถามจนได้คาตอบว่าที่แห่งนี้มีรองรับ จอยก็เดินกลับมา
บอกให้อเล็กซ์ลุกไปตรงมุมที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ลูกค้า

“ผมก็เพิ่งรู้นะครับว่าเราสามารถใช้มือกินได้ด้วย” อเล็กซ์พูดขณะ
นั่งลงที่เดิมหลังจากล้างมือเสร็จ
“ใช้มือหยิบกินได้อยู่แล้วค่ะ มันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมในการกิน
ของคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว เห็นไหมคะ ? ตรงโต๊ะนั้นที่มีแขกเป็นชาวญี่ปุ่น
พวกเขายังใช้มือหยิบกินกันเลยค่ะ” จอยหันไปทางตรงโต๊ะตัวอย่างของ
การกิน ให้ชายหนุ่มหันไปมองตามสายตา
ดูเหมือนว่าอเล็กซ์จะมองเพียงผิวเผิน ไม่ได้สังเกตวิธีการหยิบที่
ถูกต้อง เพราะเขาใช้ทั้งห้านิ้วหยิบซูชิเหมือนการหยิบข้าวเหนียวมาปั้น
จอยจึงต้องสอนให้เขาใช้นิ้วโป้งควบคู่กับนิ้วชี้และนิ้วกลางในการ
หยิบซูชิ ถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการกินแบบญี่ปุ่นแท้
ส่วนการรับประทาน ใช้ช้อนปาดวาซาบิให้ติดมาเล็กน้อย แล้วเอา
มาป้ายบนเนื้อปลาที่มุมหนึ่ง หลังจากนั้นเอามุมข้างๆ ของเนื้อปลาที่ไม่มี
วาซาบิ ไปจิ้มโชยุ แล้วหลังจากนั้นเอาเข้าปาก
ชายหนุ่มพยักหน้าว่าเข้าใจ ทว่ามาชะงักตรงขั้นตอนในการกิน
ชายหนุ่มจับช้อนชะงักนิ่งอยู่เหนือวาซาบิ ดวงตาจ้องเขม็งก้อนสีเขียว
นั้นอย่างหวั่นใจ ราวกับเคยรับรู้ความร้ายกาจของมันมาแล้ว
แต่เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น ชายหนุ่มรู้ว่าในตอนนี้มีสายตาของ
หญิงสาวจับจ้องอยู่ ทาให้ไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมา เขาจึงเริ่ม
วิธีการกินตามที่ได้รับการสอน
แต่กระนั้นช้อนที่เขาใช้ปาดวาซาบิ มันดูสั่นและไม่ยินยอม แสดง
ความคิดของเขาออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจแทน ทาให้จอยรู้ได้ทันทีว่าเขา
ต้องใช้ความพยายามในการฝืนตัวเองอย่างมาก แต่เธอเลือกไม่พูดว่า
ไม่จาเป็นต้องทาตามที่เธอสอนก็ได้ เนื่องจากเห็นความตั้งใจของเขาที่
เหมือนต้องการแสดงความเข้มแข็งให้เธอเห็น
ทันทีที่เอาซูชิขนาดพอดีคาเข้าปาก อเล็กซ์รูม่านตาขยาย “โอ้มาย
ก็อด !” แม้ฤทธิ์ของวาซาบิฉุนขึ้นสมอง ชายหนุ่มยังคงพยายามรักษา
ภาพลักษณ์ของตัวเอง เขายกมือมาป้องปาก แต่กระนั้นเขาไม่อาจ
หยุดยั้งน้าตาที่ไหลออกมาได้ ขณะเดียวกันจอยยังคงเหมือนมองเห็น
ความจริงที่อยู่เบื้องหลังของมือข้างนั้น เขาต้องอ้าปากหวอแล้วหายใจ
เข้าออกด้วยความทรมานแน่แท้
“ฉันว่าคุณอเล็กซ์ป้ายวาซาบิเยอะเกินไปนะคะ” จอยหัวเราะจน
น้าตาไหลเพราะท่าทางตลกๆ ของชายหนุ่มที่แสดงออกมา “คุณอเล็กซ์
ลองหายใจเข้าทางปาก สลับเปลี่ยนไปหายใจทางจมูกดูสิคะ มันสามารถ
ช่วยลดความฉุนนั้นได้”
ชายหนุ่มจึงรีบทาตามอย่างว่าง่าย ไม่นานก็กลับมามีท่าทางปกติ
ดังเดิม แล้วหัวเราะตัวเองที่เผลอทาเรื่องตลกลงไป “ขอบคุณมากเลยนะ
ครับ หากไม่ได้คุณ มีหวังผมพ่นไฟออกมาเหมือนก็อตซิลล่าแน่” อเล็กซ์
หยิบกระดาษทิชชูมาซับน้าตา
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันยินดีอยู่แล้วค่ะ” จอยหยิบกระดาษทิชชูมาซับ
น้าตาตามด้วยอีกคน แต่ยังไม่สามารถหยุดการหัวเราะได้ ‘ให้ตายเถิด !
ทาไมเขาน่ารักกระชากใจอย่างนี้ โอ้ให้ตายอีกรอบเถิด อยากจะหม่า
พ่อคุณเสียจริงๆ พ่อหนุ่มสุดหล่ออเล็กซ์ !’

つづく

Oh my god อ่านว่า โอ้มายก็อด แปลได้ประมาณว่า พระเจ้าช่วยลูกช้าง


ด้วย เผ็ดฉิบหาย
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 13
ตอนแรกหนุ่มลูกครึ่งจะพาจอยไปกินร้านอาหารในช่วงมื้อเย็นอีก
รอบ แต่เนื่องจากมีสายโทรศัพท์เข้ามาเรียกไปประชุมลับก่อน จึงต้อง
เป็นอันล้มเลิกเดตตอนเย็นนี้ไปโดยปริยาย
ด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจทาตามคาพูดได้ หลังเลิกงาน ชายหนุ่ม
จึงขอชดใช้ความผิดขั้นต้นไปก่อน โดยการเอาเวลาที่ยังพอมีเหลือ
เล็กน้อยก่อนเข้าประชุมมาส่งจอยที่บ้านเหมือนเดิม ทว่าน้ามันรถใกล้
หมด เลยต้องแวะเติมน้ามันที่ปั๊มข้างถนน
ระหว่างเติมเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ จอยใช้เวลาในช่วงนี้ไปเดินเลือก
ซื้ออาหารกระป๋องที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊ม เพื่อเอาไปประกอบอาหาร
สาหรับมื้อเย็นนี้และสาหรับวันอื่นๆ ที่เกิดความขี้เกียจออกไปซื้อของกิน
นอกบ้าน
จอยเดินดูตามชั้นเพื่อเลือกของที่จะเอาไปประกอบอาหารสูตร
พิเศษด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่นาน เธอเท้าชะงักแล้วรีบถอยกลับ
ดวงตาตวัดกลับมาที่สินค้าชนิดหนึ่งซึ่งเกือบเดินผ่านไป มันคือซองขนม
รูปกระดูกสาหรับสัตว์เลี้ยง
จอยเผยรอยยิ้มขึ้นมากับความคิดแผลงๆ ‘ถ้าซื้อไปให้... ไอ้หน้า
เอ๋งมันจะกินไหมน้า...’
“ที่บ้านคุณจอยเลี้ยงสุนัขด้วยหรือครับ ?”
จอยไม่รู้ตัวแม้น้อยนิดว่าเผลอหยิบซองขนมหมามาดูตั้งแต่เมื่อไร
หากไม่ได้ยินเสียงของอเล็กซ์ เธอคงคิดอะไรเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าอีก
นาน
หญิงสาวหันไปทางหนุ่มลูกครึ่งแล้วส่ายหน้า พลางเก็บซองขนม
เข้าสู่ที่เดิม “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้เลี้ยงหมาหรอก แค่คิดอะไรเพลินนิดหน่อย
ค่ะ”
“คุณชอบสัตว์เลี้ยงหรือเปล่าครับ ?” อเล็กซ์หยิบซองขนมสาหรับ
สัตว์เลี้ยงที่จอยเพิ่งจะวางมาดูรูปหมาซึ่งเป็นนายแบบโฆษณาของยี่ห้อนี้
“ก็ค่อนข้างชอบนะคะ คุณอเล็กซ์ถามทาไมคะ ?” จอยตอบไปตาม
ตรง
“ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวผมซื้อหมาให้ตัวหนึ่งเอาไหมครับ ? จะได้มีสัตว์
เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน แล้วไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ด้วย ผมได้ยินมาว่าคุณจอ
ยอยู่เพียงตัวคนเดียว” อเล็กซ์เสนอเพราะเป็นห่วงอีกฝ่าย
จอยรีบสัน
่ หน้าพลางโบกมือปฏิเสธอย่างตกใจ “ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉัน
กลัวว่ามีเวลาว่างให้มันไม่เพียงพอ เดี๋ยวจะทาให้มันเหงาเปล่าๆ หากมา
อยู่กับฉัน”
ความจริง ไม่ใช่ไม่มีเวลาจะดูแล มันเป็นเพราะจอยไม่รู้ว่าสัตว์ใน
ตานานที่มามอบความเสียวให้กับเธอ จะตอบสนองแบบไหน กับการที่มี
สัตว์ใกล้เคียงเหมือนมันมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน หากมันมองหมาเป็น
แค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งของเธอก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้ามันมองเป็นคู่แข่งขึ้นมา
มีหวังเกิดฉากสยดสยองโดยไม่ต้องสงสัย
ทว่านั่นเป็นเพียงในกรณีที่หมาเป็นตัวผู้ หากหมาที่อเล็กซ์ซื้อให้
เป็นตัวเมีย... ไอ้หื่นร่างยักษ์มันจะไปขี่สัตว์เลี้ยงแทนหรือไม่ ?
เพียงแค่คิด ฉากวิปริตต่างๆ พุ่งเข้ามาในหัวมากจนเธอแทบแบก
รับไม่ไหว ถึงอย่างไรไอ้ตัวหมายักษ์นั่นก็ยังมีส่วนครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์
พอทาให้เธอไม่รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างมากนัก หากไปเห็นฉาก
อย่างว่าเข้าจริง เธอยังไม่รู้ว่าจะทาใจได้หรือไม่
จอยเบิกตาเล็กน้อย แปลกใจตัวเองที่ไปมีความรู้สึกอย่างนั้น ‘นี่ฉัน
เกิดความหึงหวงไอ้หน้าหมาเหรอเนี่ย !?’
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
ขึ้นมา จึงต้องปฏิเสธไป แม้ใจจริง อยากจะรู้ใจจะขาดว่าไอ้หน้าหมามัน
จะมีปฏิกร
ิ ิยายังไง...

หลังจากกลับมาถึงบ้าน จอยไปทาธุระส่วนตัวต่างๆ จนเสร็จ


เรียบร้อย พอมามองนาฬิกาบอกเวลาอีกที เป็นช่วงใกล้จะห้าโมงเย็น
พอดี เธอจึงเดินมาที่ห้องครัวขณะมือยังใช้ผ้าขนหนูเช็ดศีรษะที่เพิ่งสระ
มา
อาหารหลักของเธอไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก มีเนื้อสัตว์กระป๋องที่
เพิ่งซื้อมา มีเจ้าแม่ของบะหมี่กึ่งสาเร็จรูปยักษ์ใหญ่ที่ชาวไทยรู้จักเป็น
อย่างดี และมีผักเป็นเครื่องเคียงที่นอนจาศีลอยู่ภายในตู้เย็นมาแรมเดือน
แน่นอนว่าต้องมีผักผู้แก่เฒ่าใบเหี่ยวใกล้เสียชีวิตปะปนอยู่ในนั้น แต่เธอ
ก็ไม่หวั่น เพราะเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง จึงสามารถยืดอายุของมันไปได้
อีกหลายเดือน
กระนั้นยังคงมีบางส่วนที่เน่าอยู่ในตู้เย็น จอยจึงต้องเอาออกมาดูว่า
มีอะไรเน่าบ้าง เพื่อจะได้เอาไปทิ้งถังขยะ ส่วนอะไรใกล้เน่า เธอจะกินสิ่ง
นั้นก่อน ส่วนอันไหนยังไม่เน่า... เก็บไว้ให้ใกล้เน่าต่อเหมือนเดิม
จอยสะดุ้งหมุนตัวกลับหลังด้วยความตกใจเพราะได้ยินเสียงเหมือน
มีใครเปิดประตูกระแทกผนัง เธอคว้ามีดมาอยู่ในมืออย่างผวาเพราะไม่รู้
ว่าใครมันพังประตูเข้ามา แต่แวบเดียวที่สมองของเธอทางานหนัก เธอ
นึกได้ว่ามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มันชอบทากับประตูโดยไม่แยแสว่า
เจ้าของบ้านจะรู้สึกยังไง
แม้เธอคิดอย่างนั้นก็ยังไม่มั่นใจ ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นโจรก็เป็นไป
ได้
จอยกลอกตามองหาที่ซ่อนหรือทางหนี ทว่าในห้องครัวนี้มี
ทางเข้าออกอยู่แค่ทางเดียว เธอจะไปหลบที่ไหนได้ นอกเสียจาก... เธอ
ช้อนตามองช่องระบายอากาศขนาดพอดีตัวแมว
เพียงเห็นช่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ ทาให้ตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องสู้
เท่านั้นถึงจะรอด จอยจึงย่องเบาไปยืนหันหลังชนผนังใกล้ทางเข้า
ห้องครัว เนื่องจากห้องครัวนี้ไม่มีประตู หากมีใครเดินมาจะเห็นสภาพ
ภายในได้ทันที แต่จะไม่มีวันมองเห็นผู้ที่อยู่ด้านข้างของผนังห้อง
ทางเข้า ยกเว้นต้องเดินเข้ามาภายในห้องแล้วหันมามองเท่านั้น
เสียงการเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้มันไม่มีเดินเบา แต่ก็ไม่ดังเกินไป
เหมือนจงใจให้รับรู้ มันเหมือนกับว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นเดินรับลมชม
วิวระหว่างทาง
ทุกขณะที่มันเข้ามาใกล้ จอยยิ่งชูมีดในมือสูงขึ้นทีละนิด มือเริ่มกา
แน่นจนสั่น ดวงตาจ้องทางเข้าไม่กะพริบ
“แม่มึงนมหก !” จอยอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะมีใบหน้า
ที่เต็มไปด้วยขนสีดาพรวดพราดเข้ามาแล้วหันใบหน้ามาทางเธอ ราวกับ
ว่ามันรู้อยู่แล้วว่าเธอแอบอยู่ตรงด้านนี้
จอยหัวเราะแฮะๆ ราวกับต้องการกลบเกลื่อนเรื่องที่อุทานคาพูด
อุบาทว์นั้นออกไป ก่อนรู้สึกตัวว่ามือของเธอถูกจับอยู่ ทันทีที่หันไปเห็น
ข้างที่มันจับแน่น ใบหน้าของเธอเริ่มซีด เพราะมือข้างนั้นมีมีดอยู่ในท่า
กาลังจะแทง หากไอ้หน้าหมาหยุดมือของเธอช้าไปอีกนิด มีหวังเธอโดน
ข้อหาทารุณสัตว์แน่ ในช่วงนี้กฎหมายไทยข้อหานี้ยิ่งรุนแรงอยู่
จอยปล่อยมีดตกพื้น แต่มนุษย์หมาป่ายังคงไม่ปล่อยมือเธอ “ฉะ...
ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเป็นแก ฉันแค่ตกใจ มือมันเผลอไปเอง ฉันไม่ได้
คิดจะแทงแกจริงๆ นะ” เธอพยายามแก้ตัว เพราะในตอนนี้บรรยากาศ
เริ่มดูไม่ดี ไอ้หน้าหมามันแยกเขี้ยวจนริมฝีปากสั่นระริก เธอไม่รู้ว่ามัน
โกรธเพราะเข้าใจผิดว่าเธอจะฆ่ามันหรือไม่ “แกจะทาอะไรฉัน ?!” ยังไม่
ทันที่จอยจะคิดหาข้ออ้างอะไรมาเพิ่ม เธอถูกเหวี่ยงมาชนกับผนังห้อง
หลังจากนั้นมนุษย์หมาป่ายกแขนล่าบึกทั้งสองข้างขังเธอไว้ตรงกลาง
บิ๊กหัวเราะต่าๆ โน้มศีรษะมาตรงบ่าของหญิงสาว มือช้อนผมของ
เธอมาสูดดมจนผมลอย จอยชาเลืองไปทางมันอย่างระแวง “อ้า...”
มนุษย์หมาป่าขนดาเปล่งเสียงอย่างเคลิบเคลิ้มออกมาก่อนเลยไปสูดดม
ผิวกายเนียนใสของเธอตรงซอกคอต่อ
จอยเบิกตาเล็กน้อย มือหยาบหนาข้างหนึ่งมันเลื่อนลงมาลูบ
บั้นท้ายข้างหนึ่งก่อนขยา ทาเอาเธอสะดุ้งบางเบา จากนั้นมันเปลี่ยนไป
ทากับอีกข้างแล้วทาเหมือนกับข้างแรก ทาสลับกันไปมาระหว่างก้อน
เนื้อทั้งสองก้อนที่ไว้สาหรับนั่งนี้
หลังจากมนุษย์หมาป่าทาจนพอใจ มันถอยใบหน้าออก แต่มัน
ยังคงเหยียดแขนปิดทางเธอไว้อยู่
เพียงแค่นั้นก็มากพอทาให้จอยสามารถสารวจเรือนร่างของอีก
ฝ่ายได้ ในวันนี้มันสวมใส่กางเกงขาสั้นมาเหมือนเดิม แต่เป็นตัวใหม่
แล้วดูน่าจะสั่งทาเป็นพิเศษด้วย เธอสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อวาน กางเกงทุก
ตัวที่มันใส่ ตรงด้านหลังต้องมีรูให้เอาหางออกมา ในตอนนี้มันคงกาลังดี
ใจอยู่แน่ เพราะเธอเห็นหางมันส่ายไปมาไม่หยุด
บิ๊กล้วงกระเป๋ากางเกงเอาสมุดขนาดเล็กเท่ากระเป๋าสตางค์เล่ม
หนึ่งออกมา นิ้วพลิกไปเพียงหน้าเดียว เนื่องจากมันมีเพียงกระดาษแค่
สองแผ่นเท่านั้น จากนั้นมันหันหน้ากระดาษมาทางเธอ
จอยเบิกตาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า หน้ากระดาษที่
ว่างเปล่า มันปรากฏตัวอักษรภาษาไทย
“พี่ชอบกลิ่นแชมพูสระผมของน้องจัง พี่ไม่รู้มาก่อนเลยนะจ๊ะว่า
น้องจะเตรียมตัวไว้รอพี่ถึงขนาดนี้”
อ่านจบ จอยหน้าตึงทันใด ‘ใครบอกว่าฉันเตรียมตัวไว้รอแกยะ ฉัน
แค่อาบน้าตามปกติของฉันต่างหาก’
บิ๊กปรายตาไปที่โต๊ะซึ่งมีอาหารแวบหนึ่งก่อนตวัดสายตากลับมา
ตัวอักษรในสมุดเล่มเล็กเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นประโยคคาใหม่
“น้องยังไม่ได้กินอะไรในมื้อเย็นใช่ไหมจ๊ะ ?”
จากวิธีการสื่อสารของมัน จอยคิดได้ทันทีว่ามันคงไปหาสิ่งนี้มา
เพื่อใช้ในการสื่อสารโดยเฉพาะ
“ใช่ พอดีฉันกาลังทาอาหารกิน แต่ได้ยินเสียงประตูที่แกพังเข้ามา
ก่อนนี่แหละ” จอยทาหน้าหงิก แม้มองไม่เห็นความเสียหายของประตู
เธอก็จินตนาการเห็นสภาพของประตูบ้านในตอนนี้ได้ทันที มันต้อง
กระชากจนลูกบิดติดคามือมาเหมือนเดิมโดยไม่ต้องสงสัย
บิ๊กเห็นสีหน้าของเธอที่แสดงความรู้สึกออกมาชัดเจน ตัวอักษรบน
หน้ากระดาษจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้งตามเจตนาเจ้าของ
“เดี๋ยวพี่จะซ่อมประตูให้ภายหลัง ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ แต่ตอนนี้เรา...”
จอยรู้สึกขนลุกขึ้นมากับประโยคข้อความที่ขาดหายไป ยิ่งเห็นไอ้
หน้าหมาเลียริมฝีปาก มองต่าลงมาที่เนินอกก่อนช้อนตากลับขึ้นมาส่ง
ความหมายอะไรบางอย่าง ทาให้เดาได้ทันทีว่ามันต้องคิดเรื่องใต้ผ้าห่ม
แน่แท้
“มื้อเย็นนี้ น้องอยากจะไปกินอาหารนอกบ้านกับพี่ไหม พี่จะพาไป
เองจ้ะ”
ความคิดเกี่ยวกับเรื่องลามกต่างๆ ภายในหัวของจอยที่คิดว่ามันจะ
ทากับเรือนร่างของเธอพังไม่เป็นท่าภายในพริบตา แต่เธอไม่รู้สึก
เสียดายแม้น้อยนิด เนื่องจากวันนี้เธอไม่รู้สึกเกิดอารมณ์อยากเล่นกินตับ
กินพุงกินไส้ โดยเฉพาะในตอนนี้ เธอเริ่มรู้สึกหิว อยากจะกินอะไร
มากกว่าไปทากิจกรรมอย่างนั้น
พอวกกลับมาที่ข้อความ ทาให้จอยขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ นี่มันจะ
พาเธอไปกินข้าวเพื่อเป็นการ ออกเดต อย่างนั้นใช่หรือไม่ เธอจึงรีบถาม
ด้วยความดีใจ “หมายความว่าแกจะเปิดเผยร่างจริง เพื่อพาฉันไปออก
เดตใช่ไหม ?”
บิ๊กมันส่ายหน้าช้าๆ ทาให้ความหวังของเธอสลายไปพร้อมกับ
รอยยิ้ม ตัวอักษรบนหน้ากระดาษเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
“พี่จะพาน้องไปในร่างนี้แหละจ้ะ”
ข้อความนั่น ทาให้จอยครุ่นคิดจนเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ เธอ
นึกภาพไม่ออกว่ามันจะพาเธอไปออกเดตได้ยังไง ในเมื่อมันยังอยู่ใน
ร่างกึ่งหมาเช่นนี้
ทาให้เธอเกิดอยากจะรู้ใจจะขาด สาวจอยเผยรอยยิ้ม “ได้สิคะ คุณ
บิ๊ก”
คาตอบนั้นของเธอทาให้ไอ้หน้าหมาแยกเขี้ยวจนเห็นทุกซี่ในปาก
จอยไม่มั่นใจว่ามันกาลังข่มขู่ใส่เธอหรือยิ้มเพราะพึงพอใจกับคาตอบ ที่
แน่ๆ พอคิดอีกที เธอไม่น่าไปพูดน้าเสียงอ่อนหวานเหมือนล้อเลียนมัน
เธอสังเกตเป้ากางเกงของมันดูเหมือนมีตัวอะไรสักอย่างกาลังแหวก
ออกมาสูดอากาศภายนอก
__________

หลังจากจอยเก็บอาหารเข้าสู่การจาศีลในตู้เย็นเสร็จเรียบร้อย เธอ
ถูกไอ้หน้าหมาจูงออกไปนอกบ้าน เดินไปตรงต้นไม้ที่มันฉี่ใส่เมื่อค่าคืน
บิ๊กล้วงกางเกงเอาผ้าม้วนเป็นเหมือนหลอดออกมา สะบัดทีหนึ่งจน
กลางออกเป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งมันมีตัวอักษรแปลกๆ เหมือนตอนที่
จอยแอบดูบัตรประชาชนของมัน แต่ทว่าเธอไม่ได้เห็นรายละเอียดอะไร
มากนัก เนื่องจากมันสะบัดต่ออีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันปล่อยออกไป ผ้า
บางผืนนั้นแตกสลายกลายเป็นหมอก หายเข้าไปในพุ่มไม้ที่อยู่รอบๆ ใต้
ต้นไม้ใหญ่ จอยแทบตาถลนออกมานอกเบ้า เพราะเห็นพืชพวกนั้นเริ่ม
เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เกี่ยวรัดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนกรอบ
รูปที่ว่างเปล่า ไม่นานปรากฏหมอกสีดาออกมาเติมเต็มในช่องว่างตรง
กลางจนเต็มพื้นที่ มีไอแผ่ออกมาเหมือนน้าแข็ง ทาให้มันดูเหมือนประตู
ลี้ลับในหนังสยองขวัญ
“เดี๋ยวแกจะทาอะไร !?” จอยถูกคว้ามือแล้วเดินตรงเข้าไปหาสิ่งนั้น
บิ๊กไม่สนใจตอบคาถาม มันตั้งหน้าตั้งตาลากหญิงสาวไปอย่าง
เดียว
“นั่นมันอะไร ?!” จอยเหยียดขาเพื่อไม่ให้ถูกจูงไปมากกว่านี้
ดวงตาของเธอเห็นหมอกรวมตัวกันกลายเป็นเหมือนหนวดหมึกยืดเข้า
มาหา ทันทีที่ผิวกายถูกสัมผัส เธอพลันขนลุกซู่ นอกจากมันเย็นเหมือน
อากาศยามวิกาลในฤดูหนาว ยังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมดไต่ตามตัว
ของเธอ “ฉันไม่เข้าไป ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ !” เธอพยายามสู้แรงมนุษย์หมา
ป่า เธอจะไม่ยอมเข้าไปหาอะไรก็ตามที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะความรู้สึกที่
หมอกมันเหมือนเป็นลิ้นเลียตัวเธอ มันให้ความรู้สึกทั้งขยะแขยงและน่า
กลัว
ทว่าบิ๊กไม่หันกลับมาสนใจการขัดขืนของหญิงสาว มันพ่นลม
หายใจแล้วดึงเธอเดินไปต่ออีกครั้ง หมอกสีดาดูเหมือนจะทาตามเจตนา
อารมณ์ของมนุษย์หมาป่า มันช่วยดึงตัวเธอเข้าไปจนไม่ต่างอะไรไปจาก
ถูกกระชาก ทาจอยกรีดร้องออกมา

หลังจากทั้งสองเข้าไปภายใน ในท่ามกลางความมืดมิด เสียงหญิง


สาวยังคงร้องแตกตื่นไม่หยุด จนกระทั่งมีเสียงพ่นลมหายใจด้วยความ
ราคาญ พริบตาต่อจากนั้นมีเสียงดังป้าบสนั่นตามมาติดๆ ทาเสียงหวีด
ร้องของจอยเปลี่ยนมาเป็นด่าฉับพลัน
“โอ๊ยเจ็บนะโว้ย ! ไอ้หมาบ้า แกจะตีก้นฉันทาไมกันนักหนายะ มัน
เจ็บรู้ไหมยะ ไอ้หมาบ้า !”
เสียงของจอยด่าได้แค่นั้นก่อนขาดหายไป แล้วมีเสียงจ๊วบๆ เข้ามา
แทนที่ ในตอนนี้ปากของเธอถูกประกบจากริมฝีปากซึ่งเต็มไปด้วยเขี้ยว
จนไม่มีช่องว่างให้เหลือมีเสียงเล็ดลอดออกมา นอกจากเสียงอู้อี้ในลาคอ
เท่านั้น แล้วไม่ว่าเธอพยายามดิ้นและสะบัดหน้าหนีมากเพียงใด เธอก็มิ
อาจหลุดออกไปได้ เนื่องจากถูกวงแขนสุดกายาล็อกศีรษะเอาไว้อย่าง
แน่นหนา
บิ๊กถอนริมฝีปากออกมาอย่างรวดเร็ว จนมีเสียงดังป๊อกน้าลายแตก
กระจาย ‘รสจูบพี่สุดยอดไหมจ๊ะ ?’ มันเลียริมฝีปากตัวเองอย่าง
เอร็ดอร่อย ตรงข้ามกับจอย ทันทีที่ปากเป็นอิสระ เธอรีบขากถุยและยก
มือเช็ดริมฝีปากของตัวเองด้วยความขยะแขยง
“ไอ้หมา-”
ยังไม่ทันจอยจะได้ด่าจบประโยค เสียงของเธอก็ถูกกลืนหายไปอีก
ครั้ง ซึ่งคราวนี้เสียงจ๊วบๆ ดังกว่าตอนแรกหลายเท่า ขณะที่มนุษย์หมา
ป่าจู่โจมริมฝีปากของหญิงสาวอย่างเมามัน แขนข้างหนึ่งช้อนตัวเธอมา
อุ้มในท่าเจ้าสาว แล้วเริ่มออกตัววิ่งไปข้างหน้า
ไม่นานนักมนุษย์หมาป่าก็ถอนริมฝีปากออกไปในหลังจากรู้สึกพึง
พอใจ มันเลียริมฝีปากของตัวเองเพื่อลิ้มรสน้าลายของหญิงสาวที่ติด
หลงเหลืออยู่อีกครั้ง
“ไอ้หมาบ้า ไอ้หมาลามก ไอ้...”
เสียงของจอยเงียบหายไป แต่ไม่ใช่เป็นเพราะถูกจู่โจมริมฝีปาก
ในตอนนี้ความมืดหายไปฉับพลัน แล้วปรากฏแสงสว่างเข้ามาแทนที่ มัน
ทาเอาเธอแสบดวงตาไปชั่วขณะ ต้องยกมือมาป้องอวัยวะซึ่ง
ละเอียดอ่อน
เพียงไม่นานอาการแสบดวงตาก็บรรเทาจนอยู่ในระดับพอรับได้
จอยจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าในตอนนี้มาอยู่ท่ามกลางป่าไม้ มี
ภูเขาเล็กน้อยใหญ่ไกลออกไป มีสายแม่น้าขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า โอบ
ล้อมไปด้วยอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ทาให้เธอรู้สึกหายใจโล่งปอด
อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“นี่แกพาฉันมาโผล่ที่ไหน ?” จอยมองไปรอบตัวด้วยความตะลึง
แต่ไอ้หน้าหมาไม่ตอบอะไร นอกจากส่งเสียงหัวเราะในลาคอก่อนวางตัว
เธอลง จากนั้นมันเหยียดแขนออกไปด้านข้างลาตัว พร้อมกลางนิ้วออก
ราวกับรอรับอะไรบางอย่าง
ตอนแรกจอยไม่เข้าใจการกระทาของมัน คิดแค่ว่ามันจะปล่อยแสง
เหมือนยอดมนุษย์ จนมานึกได้ว่าก่อนมาสถานที่แห่งนี้ เธอกับบิ๊กอยู่ใน
สถานที่มืดมิดไร้แสงมาก่อน จึงหันไปมองทางป่าด้านหลัง เห็นหมอกสี
ดากาลังรวมตัวเป็นผ้าผืนบางอีกครั้ง ไม่นานมันก็กลับมาเป็นผ้าสมบูรณ์
ลอยกลับมาที่มือของบิ๊ก เธอถึงเข้าใจว่ามันทาอย่างนั้นทาไม
(โอ๊ย... อ้า... อู๊ว... โอ๊ย... อ้า... อู๊ว...)
เสียงของหญิงสาวปริศนาที่ส่งเสียงครางจนลิ้นสั่นระรัวออกมาจาก
ตัวไอ้หน้าหมา ทาจอยตกอกตกใจไม่ใช่น้อย
บิ๊กชาเลืองมาทางเธอด้วยสายตาเหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไร มัน
เก็บผ้าเข้ากระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาแทน ทาจอยเบิกตาโตเพราะ
ไม่ฝันว่ามันจะมีโทรศัพท์ด้วย
แต่เรื่องไม่คาดคิดที่เห็นมันมีอุปกรณ์ไฮเทคนี้ ยังไม่เท่ากับเรื่อง
เสียงเรียกเข้าของตัวโทรศัพท์ จอยคิดไปต่างๆ นานาในทางลามก ‘มัน
ไปหาดาวน์โหลดไอ้เสียงริงโทนบ้านั่นมาจากไหน เสียงอย่างกับผู้หญิง
โดนไส้กรอกทะลวงลาไส้ไม่มีผิด’
บิ๊กมองดูหน้าจอแวบหนึ่งก่อนปรายตามาทางเธอ ราวกับต้องการ
บอกว่าขอเวลาครู่หนึ่งก่อนเดินไปห่างๆ โดยนิ้วจิ้มหน้าจอไม่หยุดตลอด
ก้าวขา แม้จอยไม่รู้ว่ามันพิมพ์อะไร ที่แน่ๆ หน้าตาโทรศัพท์นั่น ลักษณะ
ของมันไม่เหมือนยี่ห้อไหนที่เธอเคยพบเห็นมาก่อน มันดูคล้ายโน้ตบุ๊ก
ขนาดย่อส่วน แต่กลับไม่มีปุ่มแป้นพิมพ์ มันเป็นแบบหน้าจอสัมผัสแทน

ระหว่างบิ๊กสนใจโน้ตบุ๊กเวอร์ชันประหลาด จอยมองสารวจรอบตัว
ไปทั่วเพื่อฆ่าเวลา ความจริงเธออยากไปชะโงกแอบดูว่ามันเขียนอะไร
มากกว่ามองดูต้นไม้ใบหญ้าอย่างนี้ แต่เนื่องจากเห็นมันเดินออกห่างไป
เพื่อพิมพ์ข้อความ แสดงว่าต้องเป็นธุระส่วนตัวอย่างมาก ถ้าเธอไปรุกล้า
ความเป็นส่วนตัวของมันมากๆ เข้า มันคงต้องลงโทษเธอ จากนิสัยของ
มันเท่าที่อยู่ใกล้ชิดมา ทาให้พอเดาได้ว่ามันจะลงโทษเธอด้วยวิธีการ
ไหน ถ้าไม่ใช่จับเธอกินตับเดี๋ยวนี้ คงเป็นใช้ฝ่ามือหยาบหนาตีบั้นท้าย
ของเธอ หรือไม่อย่างแย่สุดคือขย้าคอเนียนสวยของเธอเพราะโทสะ
คิดมาถึงวิธีสุดท้าย จอยตัวเริ่มสั่นบางเบา รู้สึกมีเหงื่อซึมออกมา
เต็มฝ่ามือ เธอชาเลืองไปทางสัตว์ร่างกายาขนสีดาด้วยความระแวง เธอ
ตัดสินใจง่ายเกินไปหรือไม่ที่มากับมัน ยิ่งขบคิด เธอก็ยิ่งอยากด่าตัวเอง
ที่ไปไว้ใจมันง่ายดายอย่างนี้ ครั้งแรกที่พบเจอ มันยังเกือบขย้าใบหน้า
เธอ มากับมันถึงสถานที่ไม่รู้จักแห่งนี้ ไม่เท่ากับว่ายอมมาเป็นอาหารให้
มันหรือ ? แถมการตายของเธอที่นี่ยังไม่มีใครพบศพอีกด้วย
พอคิดอีกที เธอจะมาหวาดวิตกในตอนนี้มันสายเกินไปหรือไม่ เจอ
ทั้งเรื่องพ่อแม่ตายพร้อมกัน ทั้งญาติพี่น้องจ้องเอาสมบัติ ทั้งเรื่องที่
ทางานกะกลางคืนวันแรก ถูกไอ้ตัวกึ่งหมาเปิดบริสุทธิ์ฉลองวันเกิดให้
ล่วงหน้า ทาเอาถึงกับเดินขาถ่าง แทนที่จะหวาดผวาจนวิตกจริตเหมือน
เป็นคนบ้าเพราะถูกกระทา เธอกลับไปติดใจกระบวนท่าที่มันมอบให้
ตั้งแต่สุดคลาสสิกไปจนถึงมหาพิสดาร ล่าสุดยอมมากับมันถึงสถานที่ไม่
รู้จักนี่ เพียงแค่คิดจอยแทบอยากหัวเราะออกมา มันจะมีอะไรให้สาหรับ
ชีวิตนี้ของเธอมากกว่านี้อีกไหม
หากมนุษย์หมาป่าจะขย้าเธอแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อยจริง มันคง
ต้องทาไปตั้งแต่หลังที่ปลดปล่อยทายาทจนหมดในค่าคืนแรก ไม่ใช่มา
หาเธอแล้วปลดปล่อยทายาทอีกหลายรอบ
คิดได้ดังนั้น ทาให้จอยรู้สึกสบายใจขึ้นมา

จอยสังเกตเห็นตัวอะไรบางอย่างตรงพุ่มดอกไม้ กาลังกระพือปีก
บินไปมา เธอไม่มั่นใจว่ามันเป็นแมลงชนิดไหน เนื่องจากมันอยู่ไกลเกิน
กว่ามองเห็นรายละเอียด เธอจึงเดินเข้าไปใกล้
แต่ก่อนเดินไปดูให้หายสงสัย เธอมองกลับไปที่บิ๊ก เพื่อดูว่ามันยัง
อยู่ใกล้เธอหรือไม่ เนื่องจากมันเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถนาเธอออกไป
จากสถานที่แห่งนี้ หากมันหายไป มีหวังเธออาจกลายเป็นคนป่าอยู่ที่นี่
ถาวร
หลังจากเห็นมันยังคงพิมพ์ข้อความอยู่ที่เดิม จอยจึงเดินไปยัง
เป้าหมายด้วยความสบายใจ

ยิ่งเข้าใกล้เธอก็เห็นลักษณะรูปร่างของมันชัดเจนมากขึ้น แต่ทว่า
ทุกขณะที่เข้าไปใกล้ ดวงตาของเธอจะมีแต่หรี่เพ่งพินิจ หัวคิ้วเริ่มขมวด
เข้าหากันมากขึ้นอย่างไม่มั่นใจ ไม่นานดวงตาของเธอเบิกโตเล็กน้อย
เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ต้องเชื่อ ภาพที่เห็นตรงหน้ามัน
เป็นมนุษย์ย่อส่วนจริงๆ ไม่ใช่ภาพหลอนอย่างที่คิดในตอนแรก
แต่เธอสรุปเร็วเกินไป พอมองอย่างละเอียดดีๆ มันไม่น่าใช่ เธอ
สังเกตเห็นปีกที่เหมือนแมงปออยู่ข้างหลัง มันบางมากจนสามารถมอง
ทะลุไปอีกฝั่งหนึ่งได้ หากไม่ตั้งใจมอง จะไม่มีวันเห็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่
ด้านหลังของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์เพศหญิงตัวนั้น มันทาให้จอยนึกไป
ถึงตัวการ์ตูนตัวหนึ่งในบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ ที่มีชื่อว่า ทิงเกอร์เบลล์
ซึ่งเป็นนางฟ้าตัวน้อย
แต่ว่านางฟ้าที่จอยเห็น มันไม่มีลักษณะการแต่งกายใกล้เคียง
เหมือนการ์ตูนแม้อย่างน้อย ผมของนางฟ้าที่เห็นนี้เป็นสีแดงเข้ม ยาว
เลยสะบักมาเล็กน้อย สวมใส่เสื้อแขนสั้นเปิดโชว์เอว สวมกางเกงยีนสีน้า
เงินขาสั้นจนเกือบเห็นแก้มก้น แล้วรองเท้าที่สวมอยู่ เป็นรองเท้าแตะ
นอกเหนือจากการแต่งตัวเหมือนวัยรุ่นคนไทยที่ชอบโชว์จุดชวนเลือด
กาเดาไหล นางฟ้าตัวน้อยสวมหูฟัง ส่ายก้นไปมา บอกได้ทันทีว่านางฟ้า
กาลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลง อะไรมันจะแหวกแนวปานนั้น !!!
หากจอยดูไม่ผิด นางฟ้ากาลังโปรยปรายผงอะไรบางอย่างที่
เหมือนกากเพชรไปที่หมู่ดอกไม้
นางฟ้าตัวน้อยถอนใจออกมาเสียงดังจนจอยได้ยิน พร้อมหยุด
โปรยกากเพชร ปัดถูกับกางเกงแล้วยืนเท้าเอว พึมพาออกมาก่อนหมุน
ตัวกลับหลังหัน
ทันทีที่สองดวงตาทั้งสองคู่มาประสานกัน นางฟ้าตัวน้อยสะดุ้ง
ดวงตาเบิกโตอย่างตกตะลึงเพราะไม่นึกว่าจะมีคนมองดูอยู่
ขณะเดียวกันจอยตะลึงเช่นเดียวกันที่เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย แม้ใบหน้า
นั้นเล็กจนไม่อาจมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนนัก แต่พอมองโดยรวม
อย่างนี้ ใบหน้าของนางฟ้าดูสวยงามมาก ถ้าเอาใบหน้าของจอยไป
เปรียบเทียบ มีหวังคงไม่แตกต่างอะไรไปจากดอกไม้กับถังขยะ
นางฟ้าตัวน้อยไม่ตกใจบินหนี หรือว่าหายตัวไปไหนเหมือนใน
การ์ตูน มีแค่ทาท่าทางเหมือนเขินอาย ราวกับสาวสวยถูกเห็นในตอนทา
เรื่องเปิ่นชวนขบขัน แต่เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น นางฟ้ารีบเปลี่ยนมายิ้ม
แย้มแจ่มใส พลางโบกมือให้เธอ ทาราวกับรีบกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อครู่นี้
นิ้วเรียวเล็กเคลื่อนไหวเหมือนวาดอะไรบางอย่างบนอากาศ มีละอองสี
ทองวิบวับกระจายออกมา ก่อตัวจนกลายเป็นรูปร่างดอกไม้ลอยอยู่เบื้อง
หน้า ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นมันเรืองแสงอ่อนๆ เป็นสีทอง
หลังจากนั้นนางฟ้ากวักมือเรียก ชี้ดอกไม้ที่เพิ่งเสกออกมา
“หะ... ให้ฉันหรือคะ ?” จอยชี้หน้าตัวเองเพราะไม่มั่นใจว่า
ตีความหมายถูกต้องหรือไม่
นางฟ้าไม่พูดออกมา นอกจากพยักหน้าสื่อความหมายตั้งใจมอบ
ให้กบ
ั เธอ
จอยจึงก้าวขาเข้าไปใกล้อีกนิด จ้องดอกไม้ที่เปล่งประกายงดงาม
ยื่นมือไปเพื่อจะจับ
ขณะจอยมองด้วยความหลงใหลในความงดงามของสิ่งเหนือ
ธรรมชาติตรงหน้า ทาให้เธอไม่ได้สังเกตนางฟ้าตัวแข็งไปฉับพลันอย่า
งอกสั่นขวัญแขวน ใบหน้าของนางฟ้าไร้สีเลือดไปอย่างรวดเร็ว ดวงตา
เบิกโตด้วยความประหลาดใจและตะลึง ทาราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
กว่าจอยจะรับรู้ถึงความผิดปกติ เป็นตอนได้ยินเสียงกรีดร้องแหลม
ของนางฟ้า พริบตาต่อจากนั้นเห็นมือหยาบหนาปกคลุมไปด้วยขนสีดา
คว้าร่างเล็กๆ นั้นออกไปจากสายตา ดอกไม้พลันระเบิดเป็นแสง
ระยิบระยับหายไป
ทันทีที่จอยหันขวับไปตามมือข้างนั้น ดวงตาของเธอเบิกโตอย่าง
ตกใจ เพราะเห็นภาพไอ้หน้าหมาอยู่ในท่าแหงนหน้า อ้าปากที่เต็มไป
ด้วยเขี้ยวซึ่งมีแต่น้าลายยืดย้อย นิ้วมือจับตัวนางฟ้าที่ดิ้นเหมือนปลามา
ใกล้ปาก จอยเดาเจตนาของมันออกทันทีว่ามันจะทาอะไร
“ไอ้หมาบ้า แกจะทาอะไรนางฟ้า อย่านะ !” เธอคว้าร่างเล็กๆ นั้น
มาอย่างหวงแหน “แกจะจับนางฟ้ากินไม่ได้ นางฟ้าไม่ใช่อาหารนะยะ !”
มนุษย์หมาป่าพ่นลมหายใจออกจมูกเสียงดัง ดวงตามองอย่างไม่
พอใจนัก แต่มันไม่แสดงกิริยาอื่นใดออกมามากกว่านี้ จนกระทั่งจอย
ปล่อยนางฟ้าเป็นอิสระ นางฟ้าตัวน้อยรีบกระพือปีกมาเกาะบ่าผู้ช่วยชีวิต
อย่างรวดเร็ว แล้วหันมาชี้หน้ามนุษย์หมาป่า พร้อมเปล่งเสียงออกมา
ฉอดๆ การกระทานั้นทาให้บิ๊กเริ่มแยกเขี้ยวกว้างมากขึ้นทุกขณะ
จอยไม่เข้าใจว่านางฟ้าพูดอะไร รู้แต่ว่าเป็นเสียงแหลมสูงเหมือน
หนูร้องจี๊ดๆ จนกระทั่งนางฟ้าหยุดพูด เปลี่ยนมาถลึงตาอย่างเอาเรื่อง
พร้อมชูนิ้วกลางให้มนุษย์หมาป่า ไม่รู้ว่านางฟ้ากลัวอีกฝ่ายมองเห็นไม่
ชัดหรืออย่างไร มีละอองระยิบระยับก่อตัวเป็นรูปลักษณะมือนั้น ซึ่งมัน
ใหญ่จนเทียบเท่าฝ่าเท้าช้าง นอกจากช่วยทาให้จอยเข้าใจความหมาย
ที่นางฟ้าต้องการสื่อ ยังทาให้เธอเหมือนตัวเองกลายเป็นหมอดูเห็น
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้ทันที
เป็นดังคาด บิ๊กคารามเสียงดังจนน้าลายกระเซ็น เงื้อมือพร้อมกลาง
กรงเล็บ ทาให้นางฟ้ากรีดร้อง ปีกชี้ตั้งราวกับแมวขู่หมา
ทว่ามือหยาบหนาคว้าได้เพียงอากาศว่างเปล่า เนื่องจากนางฟ้าบิน
หนีเข้าไปในพุ่มดอกไม้ได้เร็วกว่ามือมุ่งร้ายนั้น ขณะเดียวกันกรงเล็บ
ของมนุษย์หมาป่าที่เฉียดหน้าจอยไป ทาให้เธอตกใจจนตัวแข็งไป
ชั่วขณะ มาได้สติตอนที่เห็นมนุษย์หมาป่าตั้งท่าเตรียมวิ่งตามเข้าไป
“อย่าทานางฟ้านะไอ้หมาบ้า !” เธอรีบกลางแขนขวาง แต่ทว่าเป็น
เพียงแวบเดียว เธอหดแขนกลับมาอย่างผวา ในตอนนี้การแสดงออก
ทางหน้าตาของไอ้หน้าหมามันดูเหมือนระเบิดซึ่งจวนจะบึ้มในวินาทีใด
วินาทีหนึ่ง ทาให้เธอรู้ตัวว่าเผลอทาเรื่องที่ไม่ควรทาเข้า
บิ๊กทาท่าทางเหมือนอยากจะฉีกตัวอะไรสักอย่างเป็นชิ้นๆ เพียงไม่
นาน กระนั้นไม่ใช่ว่าอาการจะหายไปทั้งหมด เพียงแค่ลดลงมาอยู่ใน
ระดับเหมือนคนหงุดหงิดธรรมดา เนื่องจากเห็นหญิงสาวแสดงความ
หวาดกลัวออกมาจนดูเหมือนลูกนกตัวน้อยหนาวสั่น มันจึงต้องหยุด
แสดงกิริยาป่าเถื่อนนั้น เพื่อไม่ให้เธอเกิดความหวาดกลัวไปมากกว่านี้
แม้ใจจริงมันอยากกระโจนเข้าไปจับนางฟ้ามาเคี้ยวให้เพลิดเพลินปาก
มันเบนสายตาไปทางพุ่มดอกไม้ พ่นลมหายใจออกมาก่อนคว้ามือ
ของจอย
“โอ๊ย ! แขนฉันจะหลุดแล้ว ! เบาๆ กับฉันได้ไหมยะ !” จอยถูกจูง
ออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ให้ตั้งตัวจนเกือบหกล้ม
ทว่าบิ๊กไม่สนใจที่เธอบอก มันตั้งหน้าตั้งตาจ้าเอาจ้าเอาอย่างเดียว
เนื่องจากในตอนนี้มันได้ยินเสียงแหลมเหมือนคาด่าดังออกมาจากพุ่ม
ดอกไม้ หากมันยังยืนอยู่ที่เดิมนานอีกนิด คงต้องหมดความอดทนแน่ มัน
จึงเลือกเดินออกไปห่างจากตรงนั้นแทน เพื่อจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงยั่ว
โทสะให้ปะทุอีก

แม้จอยพยายามก้าวขาตามเจ้าของร่างสูง ถึงอย่างไรทั้งช่วงก้าว
ขาและความเร็วของเธอยังคงไม่มากพอเทียบเท่าอีกฝ่าย ทาให้เธอเริ่ม
จะปวดขึ้นมา
“ช้าหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่าแกไม่พอใจ แต่อย่าลงโทษฉันอย่างนี้ได้
หรือไม่ ฉันเป็นผู้หญิงร่างบางตัวเล็กเองนะ” เธออ้อนวอนทั้งทางใบหน้า
แววตา และน้าเสียง
บิ๊กหยุดชะงัก ปรายตามาทางเธอแวบหนึ่งก่อนตวัดสายตากลับไป
มองทางข้างหน้า แล้วเริ่มเดินต่อ
จอยแสดงความโมโหออกมาทางใบหน้าชัดเจน ‘ไอ้ตัวดมก้นมึง
สนใจกูหน่อยสิวะ กูซอยขาตามมึงจนจะเป็นแมลงสาบอยู่แล้วเนี่ย !’ แต่
เป็นแค่แวบเดียวที่เกือบจะระเบิดอารมณ์ ตอนนี้ความเร็วในการเดินของ
มนุษย์หมาป่าลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก้าวเท้าปกติของเธอ
จอยมองไปข้างหน้าด้วยความสงสัยว่าตกลงมันกาลังพาไปไหน
แล้วดวงตาของเธอก็ปรากฏความแปลกใจ ภาพเบื้องหน้ามีชุดโต๊ะ
อาหารเรียบง่ายตั้งอยู่ ซึ่งบนโต๊ะกลมนั้นปูด้วยผ้าสีขาวบริสุทธิ์ มีเชิง
เทียนตั้งคู่กับดอกกุหลาบซึ่งใส่อยู่ในแก้วใสรูปทรงสวยงาม
ไม่นานบิ๊กก็หยุดเดิน แขนกายาข้างหนึ่งของมันโอบรอบเอวเธอ
แล้วกระชับเข้ามาแนบกาย ส่วนมือข้างหนึ่งเอาสมุดออกมาจากกระเป๋า
เปิดให้อ่าน
“ชอบไหมจ๊ะ รับประทานอาหารท่ามกลางป่าไม้ แล้วยังมีภาพ
สวยๆ ของดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าให้ดู”
จอยไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ไม่นึกมาก่อนว่ามันจะมีอารมณ์โรแมนติก
เป็น แต่เรื่องที่มันทาให้แปลกใจนี้ยังไม่เท่ากับเรื่องชุดโต๊ะอาหารปริศนา
ที่โผล่มา เธอไม่รู้ว่ามันไปหามาตั้งแต่ตอนไหน จะเอาออกมาจากป่าก็ไม่
น่าใช่ เพราะชุดโต๊ะอาหารนั่นมันไม่ใช่เป็นแบบสามารถพับเก็บได้ มัน
เป็นโต๊ะแบบตั้งถาวร แล้วขนาดของมันก็ไม่ใช่เล็กๆ เท่าที่เธอประมาณ
ในสายตา มันน่าจะมีความกว้างเกือบสองเมตร หากเอาไปเก็บในป่าจริง
เธอต้องเห็นตั้งแต่แรก เนื่องจากป่าแห่งนี้ไม่ใช่ป่าทึบจนแทบมองไม่เห็น
สิ่งต่างๆ ที่อยู่ลึกเข้าไป แล้วต้นไม้แต่ละต้นยังไม่ได้ใหญ่โตอะไร
มากมาย
บิ๊กไม่รอคาตอบจากจอย ในทันทีที่เก็บสมุดเข้ากระเป๋าเสร็จ มัน
ช้อนตัวเธอ ทาเอาหญิงสาวร้องกรี๊ดเพราะไม่ทันตั้งตัว
“แกจะทาอะไร ?!”
บิ๊กไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากอุ้มเธอตรงไปที่โต๊ะอาหารเบื้อง
หน้าด้วยความมุ่งมั่น

つづく

คาว่า “ซอยเท้าเป็นแมลงสาบ” ในที่นี้เปรียบเทียบเหมือนแมลงสาบใน


ยามเคลื่อนไหว เนื่องจากตอนมันวิ่ง เราจะมองแทบไม่ทันว่าขามัน
เคลื่อนไหวยังไง นอกจากเห็นเหมือนมันซอยขาถี่ๆ
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 14
หลังจากจอยถูกอุ้มมานั่งเก้าอี้เรียบร้อย เธอไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
ออกไป แค่มองบิ๊กที่กาลังลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ ด้วยความสงสัย
ตรงจุดที่มันตั้งโต๊ะ พื้นมันเป็นลักษณะทางลาดเอียงลงไปประมาณยี่สิบ
องศา แต่มันเป็นไปได้อย่างไรที่ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ไม่เอียงตามพื้น จนเมื่อ
บิ๊กนั่งเก้าอี้ เธอสังเกตเห็นขาเก้าอี้มันยืดได้ ไม่แน่ว่าชุดโต๊ะนี้อาจเป็น
เหมือนผ้ามหัศจรรย์ที่มันใช้มาที่นี่
บิ๊กล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์มาเปิดไล่หาเพลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
มาหยุดที่เพลงคลาสสิก เสียงดนตรีของมันชวนทาให้เคลิบเคลิ้มไปกับ
บรรยากาศโดยรอบได้จนน่าแปลก
จอยไม่มั่นใจว่าคิดไปเองหรือไม่ ที่รู้สึกเหมือนมันตั้งใจเกริ่นให้
รับทราบว่า อยากทาอะไรกับเรือนร่างของเธอ เนื่องจากเพลงที่มันเปิด
อยู่นี้ หากเธอจาไม่ผิด มันเป็นเพลงที่มักเปิดในงานแต่งงานแบบฝรั่ง
บิ๊กยกแขนข้างหนึ่งโอบไหล่เธอ มืออีกข้างเอาสมุดออกมาวางเปิด
จากนั้นเลยไปหยิบดอกกุหลาบมาให้
“แกให้ฉันเหรอ ?” จอยมองดอกไม้ก่อนเปลี่ยนไปมองใบหน้า
มนุษย์หมาป่า
ทว่าบิ๊กยังคงไม่มีการสื่อสารเป็นคาพูดเหมือนเดิม มันปรายตาไป
ทางสมุด ไม่นานมีหมอกสีดาลอยออกมาจากหน้ากระดาษ ลอยขึ้นมา
ก่อตัวเป็นรูปร่างตัวอักษร ทาให้จอยได้รู้อะไรใหม่ๆ เพิ่มว่าสมุดวิเศษ
ของมันสามารถทาอะไรแบบนั้นได้ด้วย
“พี่ขอโทษนะเรื่องเมื่อสักครู่นี้ พี่เพียงแค่รู้สึกหึงหวงมากเท่านั้น พี่
รักน้องนะ”
ประโยคข้อความนั้น เริ่มทาให้จอยรู้สึกหวั่นไหว เพราะข้อความ
นั้นบ่งบอกว่า ตัวเธอเป็นสิ่งที่สาคัญสาหรับมัน
แต่ทว่าเมื่อมองกลับมาที่ใบหน้าของมัน อารมณ์โรแมนติกกาลังก่อ
ตัวพังทลายหายไปทันใด หากเป็นไปได้ ไอ้หน้าหมาควรเปลี่ยนกลับมา
เป็นมนุษย์มาจีบเธอ เพราะการที่มันอยู่ในร่างอสูรร้าย ให้ความรู้สึก
แปลกๆ บอกไม่ถูก แม้จอยชอบอะไรที่มันแปลกประหลาด แต่ต้องไม่ใช่
การมีไอ้ตัวหน้าขนมาชวนออกเดตเช่นนี้ โดยเฉพาะในตอนที่มัน อึ๊บเธอ
ด้วยใบหน้าเอาจริงเอาจัง
อย่างไรก็ตาม หากจะไม่รับดอกไม้ คงดูใจร้ายกับมันเกินไป จอ
ยจึงรับมาแล้วกล่าวสั้นๆ “ขอบใจ”
บิ๊กส่งเสียงในลาคอราวกับพอใจ มันล้วงกระเป๋าอีกครั้ง คราวนี้สิ่ง
ที่เอาออกมาเป็นม้วนผ้าเหมือนที่มันเพิ่งเก็บไป ทว่าสาหรับม้วนผ้านี้มีข้อ
แตกต่างตรงที่เป็นสีดา
ทันทีที่ผ้าถูกกลางออกบนโต๊ะ จอยเห็นภาษาประหลาดอีกครั้งหนึ่ง
ทว่าคราวนี้ภาษาที่ว่ามันไม่เรียงเป็นแถวเป็นแนวเหมือนภาษาทั่วไป มัน
เรียงตัวเป็นเหมือนวงกลม ซึ่งซ้อนกันอยู่หลายชั้น ดูราวกับเป็นอักขระที่
แม่มดเขียนขึ้นมาเพื่อร่ายคาถาในการทาพิธีกรรม
จอยเห็นอะไรไหวๆ ตรงปรายหางตา จึงถอนสายตาออกมาจากผ้า
ผืนนั้น มามองสิ่งที่เคลื่อนไหวราวกับตั้งใจเรียกเธอ ซึ่งมันคือตัวอักษรที่
ลอยอยู่เหนือสมุด ในตอนนี้กาลังเปลี่ยนเป็นคาใหม่ แล้วไม่นานประโยค
ใหม่ก็เรียงเสร็จสมบูรณ์
“น้องอยากจะกินอะไรจ๊ะ ?”
บิ๊กวางมือบนผ้าสีดา ตัวอักษรประหลาดเริ่มเรืองแสงเป็นสีทอง ไม่
นานมีหมอกสีดาลอยขึ้นมาก่อตัวเป็นเหมือนลูกแก้ว มีขนาดความกว้าง
ประมาณเท่าต้นไม้หนึ่งคนโอบ หลังจากนั้นมีภาพปรากฏเหมือนกับทีวี
ซึ่งเป็นภาพของอาหารชนิดต่างๆ หลากหลายสัญชาติเปลี่ยนหน้าตาไป
เรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่แก้วน้าผลไม้ปั่น บิ๊กยื่นมือเข้าไปเอาออกมา
หลังจากนั้นไอ้หน้าหมาหันมายักคิ้วให้ขณะดูดหลอดเสียงดังจ๊วบๆ
ราวกับจะถามเธอว่า ตะลึงไหมจ๊ะ ?
ทว่าความจริง มันใช้สายตาที่เหมือนอยากสื่อสารแบบนั้นช้า
เกินไป เพราะจอยอ้าปากค้างไปตั้งแต่เห็นมันเอาแก้วน้าออกมาแล้ว
บิ๊กวางแก้วพลางส่งเสียงอ้าด้วยความชื่นใจ จากนั้นจับมือเธอวาง
บนผ้ามหัศจรรย์ ตัวอักษรที่ลอยอยู่เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
“น้องอยากจะกินอะไร น้องนึกเอาเลยนะจ๊ะ ภาพมันจะปรากฏให้
น้องเห็นเอง ถ้าน้องนึกภาพไม่ออก น้องลองนึกถึงประเทศของอาหารดูก็
ได้จ้ะ แล้วมันจะปรากฏอาหารมาให้น้องเลือกว่าจะกินอะไรที่เป็นอาหาร
เกี่ยวกับสัญชาตินั้นๆ”
จอยไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จะได้สัมผัส
สิ่งที่เรียกว่า เวทมนตร์ ความลังเลของเธอ เหมือนจะส่งผลทาให้หมอกสี
ดาที่ลอยอยู่หมุนเป็นวงกลม จนดูเหมือนกับโลกหมุนรอบตัวเอง

ผ่านไปครู่ จอยยังคงนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร จนเมื่อชาเลืองมอง


ไปทางใบหน้าของบิ๊กที่จ้องเธอเหมือนคาดคั้นเอาคาตอบ ภายในหัวเธอ
นึกไปถึงภาพตอนซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อขึ้นมา
ตรงที่น่าจะเป็นหัวคิ้วของบิ๊กขมวดเข้าหากัน ดวงตาจ้องเขม็งที่
หมอกสีดาอย่างแปลกใจ จอยจึงตวัดสายตากลับมามองตามอีกคนด้วย
ความสงสัยว่ามันเห็นอะไร
ทันทีที่เห็น จอยเบิกตาอย่างตกใจ เพราะภาพที่ปรากฏนั้นมันเป็น
รูปซองขนมหมา ‘ฉิบหายแล้วกู !’
จอยรีบนึกอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่ซองขนมหมาอย่างเร็ว แต่ยังไม่
ทันภาพจะเลือนหายไป บิ๊กยกมือมาแปะบนหลังมือของเธอ ภาพของ
ซองขนมหมาจึงชะงักก่อนปรากฏเป็นรูปร่างชัดเจนเหมือนเดิม
จอยรู้สึกกลืนน้าลายฝืดคอ ไอ้หน้าขนแสยะยิ้ม มือข้างหนึ่งยื่นไป
เอาซองขนมหมานั้นออกมาสู่สายตา มือฉีกถุงพลาสติกเปิดออกอย่าง
ง่ายดาย นิ้วหยิบขนมรูปร่างกระดูกท่อนหนึ่งออกมาด้วยความอ่อนช้อย
เผยอริมฝีปากต้อนรับการมาของขนม ทว่ามันเอาเข้าไปเพียงครึ่งหนึ่ง
จากนั้นเริ่มเอาเข้า... เอาออก... อย่างเชื่องช้า พร้อมกับดูดจนมีเสียง
ดังจ๊วบๆ บางขณะมีน้าลายกระเด็นออกมาในขณะที่ริมฝีปากรูดกับขนม
กระดูกท่อนนั้น
การกระทาของมันเหมือนเป็นความหมายสองแง่สองง่าม
จอยทาปากเหมือนอยากร้องหยี ‘มันเป็นเห็นเป็นขนมป๊อกกี้หรือไง
วะ !’
บิ๊กส่งเสียงเหมือนหัวเราะต่าๆ ในลาคอด้วยความถูกใจที่เห็นสีหน้า
ของหญิงสาว มันโยนขนมรูปร่างกระดูกทิ้งขณะมืออีกข้างลูบไล้หัวไหล่
ของเธอราวกับตั้งใจสื่อสารบางอย่างให้รับทราบ ซึ่งจอยเข้าใจ
ความหมายได้ทันที
จอยหันกลับมาจ้องที่หมอกสีดาอย่างรวดเร็ว พยายามนึกหา
อาหารที่จะกินก่อนที่ไอ้ตัวที่อยู่ข้างๆ มันจะกินเธอเสียเอง เพียงไม่นาน
เธอก็นึกออกว่าจะกินอะไร ภาพจึงปรากฏเป็นรูปอาหารญี่ปุ่นมากมาย
โดยเฉพาะอาหารตระกูล ซูชิ
แม้เธอเลือกประเภทอาหารจะกินได้แล้ว ทว่าเธอยังคงเลือกไม่ถูก
ว่าจะกินอะไรเหมือนเดิม เนื่องจากภาพที่เธอเห็น เป็นอาหารที่อยากกิน
ทั้งหมด ภาพที่เห็นจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
บิ๊กเห็นเธอลังเลเลือกไม่ถูก มันจึงยื่นมือเข้าไปในหมอกสีดาแล้ว
เอาอาหารทุกจานออกมา
“ไม่ต้องลังเลเลือกหรอกจ้ะ ถ้าน้องเลือกไม่ถูก เราเอามันทั้งหมดไป
ก็ได้”
ในเมื่อบิ๊กมันตัดสินใจแทนให้เสร็จ จอยจึงเอามือออกมาวางบนตัก
ตัวเอง แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่จาเป็น มันเป็นเพราะฉุกคิดเรื่องสาคัญได้
ตอนที่เธอเผลอนึกถึงขนมของหมาขึ้นมา หมอกวิเศษนี้มันปรากฏ
สถานที่ร้านค้านั่นมาด้วย แล้วรวมไปถึงภาพของผู้คนที่กาลังเลือกซื้อ
ของ จึงเกรงว่าอาจปรากฏภาพของอเล็กซ์ออกมา หากมันเห็นชายอื่นที่
เธอนึกถึง จอยไม่อยากจะนึกต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เห็นตัวอย่าง
จากตอนนางฟ้ามอบดอกไม้ให้เธอ มันยังแสดงออกมามากขนาดนั้น
หลังจากอาหารที่แสดงให้เห็นถูกนาออกมาจนหมด บิ๊กวางมือบน
ผ้ามหัศจรรย์บ้าง แต่มันไม่รอให้ภาพปรากฏ มันควานเข้าไปในหมอก
เอาอาหารที่มันอยากจะกินออกมาทันที
ตอนแรกจอยหลงคิดว่ามันต้องเอาอาหารหมาออกมา เพราะเห็น
มันดูดขนมสาหรับหมาหน้าตาเฉย เธอจึงคิดอย่างนั้น แต่กลับไม่ใช่
อย่างที่คิด สิ่งที่มันเอาออกมาเป็นอาหารหลากหลายนานาชาติ ไม่ว่าจะ
เป็น ต้มยากุ้ง กุ้งเผา กุ้งอบวุ้นเส้น อาหารญี่ปุ่นกุ้งเทมปุระ กุ้งมังกรราด
ซอส สรุปแล้ว อะไรก็ตามที่มันเอาออกมา มันต้องเกี่ยวกับกุ้งหมดทุก
อย่าง
บิ๊กใช้ส้อมทิ่มกุ้งชุบแป้งทอดมากิน พลางหันมาสบตากับหญิงสาว
เป็นประกาย ในเวลาเดียวกันตัวอักษรวิเศษลอยมาใกล้ใบหน้าของมัน
“จะให้พี่ป้อนให้ไหมจ๊ะ ?”
“แกไม่ต้อง ฉันมีมือ ฉันกินเองได้” จอยกล่าวห้วนๆ อย่างไร้เยื่อใย
ความจริงเธอไม่ได้รู้สึกอายอะไรที่จะปล่อยให้มันป้อน มันเป็นเพราะ
เกรงว่ามันอาจทาอะไรนอกขอบเขตต่างหาก แค่เห็นดวงตาของมันก็
คาดเดาได้ทันทีว่า มีแต่เรื่องลามกอย่างเดียว

จอยรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่กับไอ้ตัวนี้ เพราะว่าเธอ


ไม่จาเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีแม้แต่น้อย เธอสามารถ
ปล่อยตัวได้ตามสบาย แม้อาจมีบางครั้งที่มันทาให้เธอหวาดกลัว แต่เป็น
เพียงครู่เดียวที่เธอรู้สึกอย่างนั้น จึงเป็นเรื่องน่าแปลก เธอไม่รู้ว่าจะหา
เหตุผลใดมาอธิบายกับตัวเอง หรือว่าอาจเป็นเพราะนิสัยขี้เล่นกวน
ประสาทของมัน ทาให้เธอรู้สึกมันเป็นคนใกล้ชิดกว่าความเป็นจริง เลย
หลงลืมไปว่ามันเคยเกือบเอาชีวิตของเธอมาก่อน
หากเป็นอเล็กซ์ เขาทาให้รู้สึกประหม่า แม้เป็นอย่างนั้น พออยู่ใกล้
เขา กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นทางใจอย่างน่าแปลก
มันเป็นความรู้สึกที่มอบให้แตกต่างชัดเจน
ในระหว่างรับประทานอาหาร จอยพยายามคิดหาทุกเล่ห์เหลี่ยมมา
หลอกถามไอ้หน้าหมา แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร มันยังคงไม่หลงกลเปล่ง
เสียงพูดออกมาเป็นภาษาแม้สักคาเดียว มีแค่ส่งเสียงเหมือนสัตว์
เดรัจฉานเท่านั้นที่มันเปล่งออกมา
แน่นอนว่ามันทาเธอเริ่มหงุดหงิดไม่ใช่น้อย ส่วนตัวหนังสือ
มหัศจรรย์ที่ต้องอ่านตลอด ยังทาให้เธอเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกาลัง
กลายเป็นคนบ้าที่พูดคนเดียวเข้าไปทุกขณะ แม้เป็นอย่างนั้น เธอยังคง
พยายามหลอกถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของมัน แต่ผลก็ออกมาไม่ต่าง
จากเสียง มันไม่มีหลุดออกมาแม้ประโยคเดียว หรือถ้าเธอถามเจาะจง
มากเกินไป มันจะเลือกตอบอ้อมๆ หรือไม่ก็เป็นคาตอบสั้นๆ เพียงคาเดียว
ว่า ไม่ขอตอบเรื่องนั้น
แม้ผลออกมาไม่ประสบความสาเร็จในครั้งนี้ จอยไม่รู้สึกท้อแท้มาก
นัก เพราะถึงอย่างไรมันไม่มีทางปิดบังเป็นความลับไปได้ตลอด ต้องมีสัก
วันหนึ่งมันเผลอหลุดออกมาเอง
จอยจึงเอาเวลาที่เหลือนี้มาเพลิดเพลินกับอาหารและสิ่งแปลกใหม่
ในสายตา

ภาพของนกหลากหลายชนิดและเสียงของพวกมันที่อยู่รอบตัว
ช่วยทาให้จิตใจผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับได้มาพัก
ตากอากาศก็ไม่ปาน
อันที่จริงเธอก็อยากจะเดินไปสารวจป่าแห่งนี้ เผื่อมีโอกาสเห็นสัตว์
แปลกๆ ตา หรือไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
เหตุผลที่เธอมั่นใจเช่นนั้น อันเนื่องมาจากนางฟ้าตัวน้อย ทาให้
เธอเดาได้ทันทีว่า ป่าแห่งนี้มันต้องไม่ใช่ป่าบนโลกที่มีมนุษย์แน่นอน
แต่ติดตรงที่ว่าป่ามันเป็นสถานที่อันตราย โดยเฉพาะป่าแห่งนี้มัน
ไม่ใช่ป่าธรรมดา จึงเกรงว่าอาจมีสัตว์ในตานานบางชนิดที่เป็นอันตราย
ซุกซ่อนอยู่ ดังนั้นเธอไม่ควรอยู่ห่างจากไอ้หน้าหมาเด็ดขาด เพราะ
นอกจากมัน ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถปกป้องเธอจากภัยต่างๆ
แต่นั่นไม่ใช่เป็นเหตุผลหลัก เหตุผลจริงๆ มันอยู่ที่ไอ้หน้าหมา
ต่างหาก แม้เธอฝืนตัวเองเพื่อทาหน้าตาและน้าเสียงออดอ้อนอย่างที่ไม่
เคยทาที่ไหนมาก่อน ความหวังของเธอยังพังทลาย เพราะบิ๊กใช้
ตัวอักษรตอบปฏิเสธว่า เอาไว้วันหลัง ซึ่งจอยไม่รู้ว่าวันหลังที่ว่าของมัน
นั้นหมายถึงเมื่อใด เนื่องจากมันไม่ยอมบอกรายละเอียด บอกเพียงแค่ว่า
เมื่อถึงวันนั้นมันจะบอกเอง
สุดท้ายจอยจึงต้องใช้ดวงตาในการมองสารวจรอบตัว เผื่ออาจ
โชคดีมีตัวอะไรสักอย่างมาให้เห็น

หลายๆ ครั้งที่จอยเห็นตัวอะไรที่มันเคลื่อนไหวได้ เธอจะจ้องเขม็ง


ด้วยความหวังว่ามันต้องเป็นสัตว์ในตานาน แต่ว่าความหวังของเธอต้อง
พังทลายไปทุกครั้ง นอกเหนือจากนกแล้ว เธอก็ไม่เห็นอะไรที่ดูแปลกตา
ทั้งสิ้น จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นตัวอะไรบางอย่างสีแดงที่บินอยู่เหนือผืน
ป่า
แต่เนื่องจากภาพของสิ่งนั้นไม่บินมาทางที่จอยนั่งรับประทาน
อาหารอยู่ มันแค่บินผ่านไปเท่านั้น เธอจึงมองไม่เห็นรายละเอียดว่ามัน
คือตัวอะไร รู้แค่ว่าลักษณะโครงสร้างของมันดูเหมือนไม่ใช่นก
บิ๊กสังเกตเห็นความอยากรู้อยากเห็น จึงสะกิดหัวไหล่เธอ
“แกมีอะไร ?” จอยหันมาถามห้วนๆ เหมือนทุกครั้ง
บิ๊กวางมือลงผ้ามหัศจรรย์แล้วยื่นเข้าไปหยิบของในหมอกสีดา
ออกมา
จอยเบิกตาไม่อยากจะเชื่ออีกครั้ง คราวนี้สิ่งที่ไอ้หน้าหมาเอา
ออกมา มันไม่ใช่อาหาร มันเป็นกล้องส่องทางไกล ‘ตกลงผ้าวิเศษนี่ มัน
ผลิตมาจากโรงงานเดียวกับกระเป๋าโดราเอมอนหรือไงวะ’
บิ๊กเผยรอยยิ้ม เอากล้องมาตรงหน้าของเธอ
“น้องอยากจะเห็นใช่ไหมจ๊ะ ว่าไอ้ตัวที่บินอยู่นั่นมันคือตัวอะไร
หากน้องอยากจะรู้ ก็ส่องดูเอาได้เลย แต่อย่าทาตาถลนนะจ๊ะ เดี๋ยวมันจะ
ดูไม่งาม”
จอยไม่สนคาเล่นตลกของมัน เธอหยิบกล้องมาส่องดู บิ๊กหัวเราะ
เล็กน้อยก่อนมาสนใจกับอาหารต่อ
กล้องที่อยู่ในมือจอย จะว่าเป็นของวิเศษก็ว่าได้ เพราะมันสามารถ
ทาให้มองเห็นรายละเอียดชัดเจน เหมือนกับว่าภาพนั้นมาอยู่แค่เอื้อมมือ
ถึง แม้มันอยู่ไกลลิบลิ่วจนเห็นเป็นเหมือนเมล็ดข้าว
แต่ความอัศจรรย์ใจของกล้องไม่เท่ากับภาพสิ่งมีชีวิตที่เห็น จอยตา
ถลน เป็นอย่างที่บิ๊กพูดเล่นไม่มีผิด
ซึ่งภาพที่เธอเห็น มันคือสัตว์เลื้อยคลานคล้ายจระเข้ มีเกล็ดสีแดง
สะท้อนแสงเป็นเงา มีปีกค้างคาวขนาดใหญ่ติดอยู่ด้านหลัง กาลังกระพือ
ปีกมุ่งไปตรงเส้นทางเบื้องหน้า
จอยปากเริ่มสั่น “มะ... มัง... มังกร !”
หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเผลอพูดคานั้นออกไปตั้งแต่ตอนไหน
ที่แน่ๆ ลักษณะรูปร่างอย่างนั้น ต้องเป็นเจ้าของนามสัตว์เพียงชนิดเดียว
ที่เป็นตานานระดับโลก ไม่ว่าใครก็รู้จัก ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเอง
สัตว์เลื้อยคลานมันชาเลืองมา ทาเอาหญิงสาวสะดุ้งจนเผลอปล่อย
กล้องร่วง ภาพคมชัดยิ่งกว่ากล้องจุลทรรศน์นี้ ทาให้เธอรู้สึกเหมือนกับ
ว่ามังกรตัวนั้นมันรับรู้ว่าเธอมองมันอยู่
ความผวายังไม่ทันจางหาย จอยต้องสะดุ้งอีกครั้ง เพราะมีเสียง
เหมือนมีตัวอะไรบางอย่างโผล่พรวดมาจากใต้น้าที่แม่น้าข้างล่าง แต่
เป็นเพียงแวบเดียว ความตกใจเปลี่ยนมาเป็นความประหลาดใจแทน
เพราะภาพที่เห็นมันไม่ใช่ตัวประหลาด มันเป็นมนุษย์ผู้หญิงสองคน
พวกเธอทั้งสองคนมีรูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนสาววัยรุ่น ผมยาวสีแดง
เข้มทั้งคู่ สวมใส่เสื้อผ้าทันสมัย สะพายเป้อยู่ด้านหลัง แต่หน้าตาไม่เห็น
ว่าเป็นยังไง เนื่องจากพวกเธอหันหลังให้อยู่
ซึ่งสองสาวนั้นกาลังถกเถียงกันด้วยภาษาแปลกไม่คุ้นหู ในมือของ
คนหนึ่งมีกระดาษที่ดูคล้ายแผนที่ ส่วนอีกคนจิ้มหน้ากระดาษราวกับ
ต้องการย้าว่าตอนนี้อยู่ตรงไหน
พอจอยสังเกตดูดีๆ ผมของสองสาวนั้นไม่มีลักษณะเหมือนเปียกน้า
รวมถึงเครื่องแต่งกายและสิ่งของอื่นๆ โดยเฉพาะกระดาษแผนที่นั่น
ความจริงมันต้องเปื่อยยุ่ย ไม่ใช่มีสภาพเต่งตึงเหมือนสาววัยแรกแย้ม
ไม่นานจอยก็ถึงบางอ้อ โดยไม่ต้องมี หมอลักษณ์ เรขานิเทศ มา
ฟันธงว่าเพราะเหตุใดสองสาวตัวไม่เปียกน้า ซึ่งส่วนหนึ่งมันต้องเป็น
เพราะคุณสมบัติพิเศษของเสื้อผ้า แล้วอีกส่วนหนึ่งคือเผ่าพันธุ์ เพียงแค่
เห็นหางปลาสีเขียวมรกตโผล่เหนือผิวน้ามา รู้ได้ทันทีว่าสองสาวนั้นเป็น
อะไร
บิ๊กเผยอริมฝีปากคารามต่าๆ ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทุบโต๊ะดัง
ปังจนจานอาหารกระเด้ง กุ้งเทมปุระตัวหนึ่งกลิ้งตกไปหัวปักดิน หาง
ชี้ฟ้าเหมือนอนุสรณ์ของอารมณ์
ทาเอาสองสาวนางเงือกนักเดินทางสะดุ้งหันขวับมา เช่นเดียวกับ
จอยที่หันไปมองผู้ที่ทุบโต๊ะ
ในชั่วขณะที่ระหว่างกึ่งหมาและกึ่งปลาเหมือนสบตากัน เกิดความ
เงียบขึ้นมาจนน่าแปลก พริบตาต่อจากนั้น บิ๊กแยกเขี้ยวคารามเสียงดัง
จนน้าลายกระเซ็น ทาสองสาวนางเงือกกรีดร้องแล้วรีบมุดน้าอันตรธาน
ไปจากสายตา
หลังจากนั้นบิ๊กหันมาทางจอย หน้าตาซึ่งเต็มไปด้วยความอามหิต
พลันเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าเหมือนหมาน้อยน่ารักไร้พิษสง ทาจอยมึนงง
ไปชั่วขณะกับอารมณ์ที่เปลี่ยนรวดเร็วของมัน บิ๊กกอดเธอแล้วยื่นหน้ามา
เสียดสีอย่างออดอ้อน ขณะเดียวกันตัวอักษรปรากฏมาอยู่ตรงเบื้องหน้า
หญิงสาว
“น้องชมภาพธรรมชาติสวยงามต่อได้จ้ะ พี่ไล่ตัวทาลายบรรยากาศ
ไปเรียบร้อยแล้ว”
จอยใบหน้าแน่นิ่งอย่างเย็นชา ‘แกต่างหากที่ควรเรียกว่าตัว
ทาลายบรรยากาศ’ เธอดันหน้ามนุษย์หมาป่าออกไปก่อนพูดออกมา “แก
อย่ามาทาเหมือนหมาออดอ้อนได้ไหม ฉันจะกินข้าว”
“ไม่เอา ก็หมาน้อยตัวนี้หิว น้องต้องป้อนกุ้งย่างให้พี่ก่อนตัวหนึ่ง
ไม่งั้นหมาน้อยตัวนี้ไม่เลิก”
“เออๆ ฉันจะป้อนให้แกก็ได้ แกถอยออกไปก่อน” จอยขบฟันแน่น
ราวกับไม่สบอารมณ์ทันทีที่ได้ยินคาหยอกเย้า ‘แกมันใช่หมาน้อยซะที่
ไหน แกมันเป็นหมาดากลายพันธุ์ต่างหาก !’
ยิ่งเห็นไอ้หน้าหมาอ้าปาก แลบลิ้นออกมาตวัดอากาศระรัวราวกับ
กระดิกนิ้วเรียกและบอกให้เร่งรีบ ทาให้เป็นการเพิ่มอารมณ์ให้สาหรับ
เธอไม่ใช่น้อย เธอจึงจับส้อมทิ่มกุ้งชุบแป้งทอดในท่าเหมือนแทงคนนอน
หลับ แล้วทิ่มเข้าปากของมันต่ออย่างใส่อารมณ์
“โอ๊ย ! เบาๆ กับพี่หน่อยก็ได้น้องจ๋า เดี๋ยวเขี้ยวพี่หักนะ”
ในความจริงจอยอยากจะเอากุ้งยัดเข้าจมูกของมันไปเลยต่างหาก
แต่ติดตรงที่เธอนึกออกช้าเกินไปว่าอยากจะแกล้งมัน
จอยเบิกตา ‘ใช่เลย !’ ความคิดนั้นเหมือนกลายเป็นแสงสว่างนา
ทาง
หญิงสาวชาเลืองไปทางมนุษย์หมาป่าเล็กน้อย เห็นมันกาลังใช้
ส้อมจิ้มอาหารเข้าปาก ทาแววตาเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรีเบาๆ โดย
ไม่มีทีท่าสนใจเธอต่อ
ในจังหวะนี้ที่มันไม่สังเกตเห็น จอยหยิบเนื้อปลาบนข้าวปั้นออก
เอาวาซาบิมาป้ายจนกลายเป็นเหมือนเนื้อปลาเน่าขึ้นเขียว จากนั้นแปะ
กลับที่เดิม แล้วหยิบข้าวปั้นขึ้นมา พร้อมรอยยิ้มที่เสแสร้งแนบเนียน ถ้า
เป็นหนังคงได้ตุ๊กตาทองจากฮอลลีวูดแน่แท้ สาหรับในการแสดงยอด
เยี่ยมครั้งนี้
“พี่บิ๊กขา... ลองชิมซูชิหน่อยนะคะ น้องอยากให้พี่ลองชิมของที่
น้องกินดูบ้าง”
บิ๊กเผยรอยยิ้ม จับมือหญิงสาวแล้วอมเข้าไปทั้งนิ้ว เท่านั้นยังไม่พอ
มันยังดูดจนเสียงดัง ทาให้จอยเกิดความรู้สึกขยะแขยง แต่เธอยังคงไม่
แสดงออกทางใบหน้าออกมา
ทันทีที่มันปล่อยมือเป็นอิสระ จอยรีบเอามือลงไปข้างใต้แล้วเช็ดกับ
ผ้าปูโต๊ะ ใบหน้าของเธอยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มชั่ว
ร้าย ‘หึๆ... หอนออกมาแน่แก ไอ้หน้าเอ๋ง !’
ไม่นานบิ๊กเริ่มขมวดคิ้ว ปากขยับช้าลงทันทีที่ลิ้นเริ่มสัมผัสความ
ผิดปกติได้ พริบตาต่อมา ดวงตาสีเหลืองคู่นั้นเบิกโตแทบถลนออกมา
นอกเบ้า อ้าปากพะงาบๆ ราวกับปลาในตู้ขาดออกซิเจน มือรีบทาเหมือน
พัดเอาลมเข้าภายในปาก จอยหลุดหัวเราะลั่นออกมาอย่างสะใจ
“เป็นไงแก อร่อยไหมคุณพี่บิ๊กขา !” หญิงสาวหัวเราะจนน้าตาไหล
ตบหัวเข่าตัวเองด้วยความถูกใจสุดๆ
ไม่นานบิ๊กก็หยุดแสดงอาการอย่างนั้น มันหันขวับมาพร้อมดวงตา
วาวโรจน์ดั่งเปลวเพลิง แยกเขี้ยวจนหน้าย่น ทาจอยชะงักเบิกตากว้าง
เธอรับรู้ได้ทันทีว่าในตอนนี้มันต้องเกิดโทสะ
“ไอ้หมาบ้าอย่า !” จอยกรีดร้องในทันทีที่ถูกมนุษย์หมาป่ากระโจน
เข้าใส่จนล้มกระแทกพื้น
ภาพของคมเขี้ยวที่พุ่งเข้าหา มันน่ากลัวจนเธอไม่กล้าลืมตามามอง
‘ฮือๆ... กูไม่น่าไปแกล้งมันเลย’

จอยจินตนาการไปต่างๆ นานาว่ามันจะเริ่มควักไส้เธอออกมาก่อน
หรือว่าเริ่มแทะใบหน้าของเธอก่อน ทว่าเสียงขู่คารามและลมหายใจที่
เกรี้ยวกราดเริ่มแผ่วเบาหายไป ทาให้จอยแปลกใจขึ้นมา แต่เธอยังคง
ไม่กล้าลืมตามอง เพราะกลัวว่าเมื่อลืมตาขึ้นมา มันจะฝังเขี้ยวใส่ใบหน้า
ของเธอทันที เธอไม่อยากเห็นภาพอย่างนั้นก่อนตัวเองจะตาย มันน่า
กลัวเกินไป
จอยสะดุ้งอย่างผวา มีลมหายใจอุ่นรดคอของเธอ มันไล่ต่าลงไป
เรื่อยๆ เธอไม่รู้ว่ามันจะทาอะไร จนเข้าไปใต้เสื้อผ้า ลิ้นสากๆ ตวัดเข้าไป
ในชุดชั้นใน จอยลืมตาพรึบเป็นจังหวะเดียวกับที่มันเอาหัวออกมาจาก
ใต้เสื้อ
บิ๊กเผยรอยยิ้มชวนอกสั่นขวัญแขวนก่อนหัวเราะเสียงต่าๆ ออกมา
มันยกมือมาดีดนิ้ว ไม่นานมีหมอกลอยมาประกอบเป็นตัวอักษร
“น้องจอยแกล้งพี่แบบนี้ ต้องมีการลงโทษหน่อยแล้ว”
ยังไม่ทันจะเข้าใจความหมาย จอยถูกจู่โจมริมฝีปากอมชมพูอย่าง
ร้อนแรง เธอพยายามดิ้นสะบัดหน้าหนีและผลักไล่มันออกไป แต่กลับไม่
เป็นผลสาเร็จ เธอถูกจับศีรษะเพื่อไม่ให้ขยับหนีไปไหน

ถ้ามีใครผ่านมา อาจเข้าใจผิดได้ง่ายว่า สัตว์ขนดกสีดาที่ส่ายหาง


อย่างร่าเริงที่คร่อมมนุษย์ซึ่งดิ้นขัดขืนอยู่ มันกาลังดูดนมเสียงดังจ๊วบๆ
ทว่าความจริงไม่ใช่แม้แต่น้อยนิด
นอกเหนือจากลิ้นสากบุกเข้าไปภายในปากของจอยและดูดจนริม
ฝีปากแทบหลุดออกไป มันยังขบริมฝีปากของเธอเบาๆ เป็นการหยอก
เย้า มันทาทั้งริมฝีปากล่างและบน
ทันทีที่บิ๊กถอนริมฝีปากออกไปหลังจากพึงพอใจ จอยไอแคกๆ
ก่อนถ่มน้าลายทิ้ง
“ไอ้บ้า !” เธอด่าได้คาเดียวก่อนหันหน้าไปด้านข้างเพื่อถ่มน้าลาย
ทิ้งต่อ
‘นี่แค่เบสิกเท่านั้นนะจ๊ะน้องสาว’ มนุษย์หมาป่าหัวเราะอย่างถูกใจ
เพราะเห็นความสาเร็จของตน ริมฝีปากของหญิงสาวในตอนนี้ดูบวมแดง
เหมือนโดนตบจนเจ่อ
จอยหันขวับมาด้วยใบหน้าโกรธ ทว่ายังไม่ทันจะเผยอริมฝีปาก
เพื่อระเบิดเสียงด่าออกมา ดวงตาของเธอเบิกโตอย่างตกใจ เพราะเธอได้
ยินเสียงรูดซิปชัดเจนเต็มสองหู ไม่ต้องเห็นก็พอนึกภาพออกว่าเสียงนี้มัน
มาจากแห่งหนใด เพราะในตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เหมือนห้อยลง
มาแตะหัวหน่าวใกล้จุดทางเข้าเมืองลับแลของเธอ

つづく

basic อ่านว่า เบสิก แปลประมาณว่า ขั้นพื้นฐาน


Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 15
“เดี๋ยวอย่า !” จอยรีบห้าม
ทว่าคาพูดนั้นช้าเกินไป ฝ่ามือหยาบหนาฉีกกางเกงของเธอแยก
ออก ปรากฏของอันล้าค่าของผู้หญิง ไอ้หน้าหมาพลันดวงตาเบิกโต สูด
ลมหายใจดังฟืด ปากอ้าพร้อมมีเสียงเฮือกเปล่งออกมา
ปฏิกิริยาของมนุษย์หมาป่า ทาให้จอยรู้ได้ทันทีว่ามันต้องหน้ามืด
ตาลายแล้ว เธอจึงเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้น เพื่อผลักมันออกไป
ทว่ามือของบิ๊กไวกว่า มันจับแขนทั้งสองข้างของเธอแยกออกแล้ว
กดติดพื้น จากนั้นเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วมาฉีกเสื้อบอบบางและชุด
ชั้นในที่ปกปิดออกไป ปรากฏภูเขาสองก้อนไหวระริกต่อสายตา
โดยเฉพาะตอนทั้งสองลูกไหวมาชนกัน จนเกิดการสั่นสะเทือน ราวกับ
จวนปะทุออกมาอย่างไรอย่างนั้น ทาบิ๊กสูบน้าลายที่ไหลย้อยกลับเข้า
ปากดังฟืดอย่างหื่นกระหายแทบไม่ทัน
ในตอนนี้มันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ต่อให้จอยรีบตั้งแขนขึ้นเพื่อ
ผลักมันออกไปอีกรอบก็ตาม มันจับขาของผู้ที่อยู่ใต้ร่างแยกออก แล้วดึง
เข้ามา เนื้อเรียวแหลมดั่งหอกของนักรบ พุ่งเข้าสู่ประตูมหัศจรรย์ จนมี
เสียงดังซวบ
ความรวดเร็วโดยไม่มีให้ตั้งตัว ทาจอยดวงตาถลน ร้องอ๊ากดังลั่น
แต่ทว่าเสียงของเธอขาดๆ หายๆ เหมือนวิทยุถูกคลื่นอื่นรบกวน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้หมาบ้า ฉันจะ... โอ๊ว... อู๊ว !” ไม่นานเสียงของ
จอยเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเหมือนครวญคราง
อวัยวะซึ่งไวต่อประสาทสัมผัสท่อนนั้น บอกกับบิ๊กว่าจงบุกเข้าไป
อย่าหยุด อย่าปรานี และโดยเฉพาะอย่าช้าให้เสื่อมเสียความสามารถ
พิเศษในการเคลื่อนไหวนี้ของเผ่าพันธุ์เด็ดขาด
บิ๊กแยกเขี้ยวริมฝีปากสั่น ส่งเสียงเหมือนหมาหายใจหอบเหนื่อย
‘โอ้ ! ความเสียวจงเจริญ !’
ความเร็วและการบุกไม่มียั้งของมนุษย์หมาป่า เล่นเอาถึงกับขาจอย
ชี้ฟ้า แยกเป็นเหมือนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัววี แล้วยังทาให้แผ่นหลัง
ของเธอถูไปถูมากับหญ้า ตามแรงกระแทกเข้าและถอยออกของความ
ยาวท่อนเนื้อนั้น จนมีกลิ่นเหม็นเขียวของพืชออกมา เพราะการเสียดสี
ซึ่งไม่แตกต่างจากการบดขยี้
เพียงไม่นาน การปฏิเสธของหญิงสาวเริ่มหายไป แล้วมีเสียงคราง
อย่างยินยอมด้วยความเต็มใจเข้ามาแทนที่
จอยกลอกตาขึ้นฟ้าเหมือนเหม่อลอย เล็บนิ้วมือจิกพื้นหญ้า
ในตอนนี้ขาทั้งสองข้างตวัดรอบเอวไอ้หน้าหมา ตั้งแต่เมื่อไรเธอยังไม่รู้
แม้แต่น้อยว่าเผลอตัวไปตอนไหน หรืออาจเป็นเพราะถูกกระตุ้นมากๆ
เข้า ร่างกายจึงทาไปตามสัญชาตญาณ อยากจะยึดเอาท่อนเนื้อสุด
แข็งแกร่งนี้ ฝังอยู่ภายในร่างให้นานแสนนาน
บิ๊กดวงตาเปล่งประกาย เมื่อแน่ใจว่าหญิงสาวเลิกขัดขืนแล้ว จึงลุก
ยืนอย่างเชื่องช้า แต่ยังคงไม่ยอมหยุดกระแทก จนกระทั่งการบุกรุกของ
อาวุธหอกแหลมท่าแนวราบ เปลี่ยนมาเป็นแนวมุมลาดเอียงลงสี่สิบห้า
องศา ซึ่งในตอนนี้มันอยู่ในท่าเหมือนกาลังคลานสี่ขา
ขาหญิงสาวเริ่มกาลังจะปล่อย บิ๊กจึงรีบประคองขึ้นมา นั่นทาให้
จอยรู้สึกตัวว่ากาลังจะหลุดจากการเชื่อมต่อ เธอจึงรีบรัดรอบเอวของมัน
แน่นมากขึ้น

มนุษย์หมาป่าเล่นท่าทะลวงดินไม่นานนัก มันลุกขึ้นยืน พร้อมช้อน


เอาร่างหญิงสาวมาด้วย มันหันตัวมาที่โต๊ะ จากนั้นปัดสิ่งของทุกอย่างทิ้ง
แล้วเอาหญิงสาวมาวางแทนที่ด้วยความแรงจนเกิดเสียงดัง
“โอ๊ย ! ไอ้หมาบ้า วางฉันเบาๆ ไม่เป็นหรือไงยะ !” จอยใบหน้าเหย
เกก่อนเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าตกใจ เธอต้องรีบกลางแขนจับขอบโต๊ะทั้ง
สองฝั่ง เพื่อยึดให้ตัวเองอยู่ตรงกึ่งกลางของโต๊ะ หากไม่เช่นนั้นเธออาจ
ไหลไปฝั่งใดฝั่งหนึง่ หรืออย่างแย่สุดคือกระเด็นตกไปหัวปักดิน เพราะ
ทันทีที่ไอ้หน้าหมาจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกได้ ก็เริ่มกระแทก
ต่อด้วยความรวดเร็ว
จ๊วบตับจ๊วบ จ๊วบตับจ๊วบ จ๊วบตับจ๊วบ !!!
คราวนี้มันเข้าออกจนเกือบสุดของความยาวท่อนแกร่งนั้น ถึงกับมี
เสียงกระทบของต้นขา
มันทาให้จอยเนื้อตัวสั่นเพราะการเสียดสี โดยเฉพาะทุกการเข้า
ออก มันจะมีเสียงของท่อนเนื้อที่ถูกน้ามนต์ศักดิ์สิทธิ์ของเธอชโลมให้
หล่อลื่น ทาเธอจินตนาการเห็นภาพในตอนที่มันเข้าออกจนสุด โดยไม่
ต้องลุกขึ้นไปดูให้เห็นจะจะว่าการทางานของมันเป็นยังไง นอกจากนี้
เธอยังรู้สึกได้ว่า ประตูเมืองลับแลของตัวเองที่เคยปิดสนิท กลายเป็น
เหมือนยางยืดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะทุกครั้งที่หอกแหลมสุดแข็งแกร่ง
ถอยออกไป เธอรู้สึกเหมือนประตูเมืองจะยืดติดตามออกไปด้วย รวมถึง
ประชาชนภายในที่เหมือนจะหลุดออกไปตามด้วยเช่นเดียวกัน พอมัน
บุกกลับเข้ามา ประตูเมืองลับแลก็หุบเข้ามาตาม รวมถึงความรู้สึกของ
อวัยวะที่เหมือนถูกเติมเต็มอีกครั้ง แถมเป็นการเติมเต็มจนแน่นภายใน
บิ๊กฉีกเป้ากางเกงของตัวเองออกให้กว้างมากที่สุด เพื่อให้มี
ช่องว่างสาหรับเนื้อแนบเนื้อ จากนั้นมันจับตรงโคนท่อนแกร่งของตน
เพื่อให้เกิดความมั่นคง แล้วลงมือกระแทกเข้าไป หมายจะให้ก้อนเนื้อ
ขนาดใหญ่ยักษ์ยัดเข้าไปฝังอยู่ภายในตัวหญิงสาว ทว่าก็เป็นไปไม่ได้
ในเมื่อมันมีขนาดใหญ่เกินไป อย่างมากก็ได้เพียงตรงบริเวณพื้นผิวของ
หัวก้อนยักษ์ที่เหมือนจะผลุดเข้าไปเท่านั้น มีเพียงแค่หอกแหลมขนาด
ซุปไก่สกัดที่ลื่นไหลในการบุกโจมตีเมืองลับแลนี้ ทาให้เจ้าของอาวุธริม
ฝีปากสั่นระริกด้วยความอารมณ์เสีย เพราะไม่ได้ดังใจหมาย มันไม่
สามารถเอาของดีจากบรรพบุรุษที่มอบให้กับมันมา ให้ร่างบอบบางนี้ได้
ลองสัมผัสความสุดยอดจากความใหญ่โตมโหฬาร มันจึงเปลี่ยนกลับมา
จับขาหญิงสาวและลงมือกระแทกต่อด้วยความเร็วสูงแทนอย่างเดิม
ป่าดงดิบที่อยู่รอบบริเวณประตูเมืองลับแลของหญิงสาว มันมีไว้
เพื่อช่วยลดแรงกระแทกระหว่างการร่วมรัก ในตอนนี้มันร่วมมือร่วมใจ
กับอีกฝ่ายที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันได้จนน่าแปลก ถึงแม้ร่างกายาของ
อีกฝ่ายไม่ได้มีป่าดงดิบขึ้นตรงบริเวณจุดศูนย์รวมของความเป็นชาย มัน
ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่ามันมีพื้นหญ้าเล็กๆ กระจายเต็มไปหมด ซึ่งมัน
ช่วยลดแรงกระแทกในแต่ละครั้งได้ดี แล้วยังไม่ใช่แค่ตรงบริเวณนั้น
เพียงจุดเดียว มันยังมีไปทั่วร่างกายบึกบึน
สาหรับจอย เรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับป่าทึบนี้ เธอไม่ได้รับรู้เลย เธอ
รับรู้แค่ว่า การมีขนมาสัมผัสร่างกาย มันรู้สึกยุบยิบจนเธอจักจี้ ซึ่งเธอ
ชอบมาก

จอยกระดกศีรษะมาแหว “เบาๆ กับฉันได้ไหมยะ ฉันไม่ใช่สนุก


เกอร์นะยะ ที่แกจะกระแทกเอา กระแทกเอา !” เธอต้องเกร็งแขนจน
ถึงกับเห็นเส้นเลือดที่หลังมือ เพราะทุกครั้งที่เธอถูกกระแทกเข้ามา ขา
โต๊ะมันจะโยกจนน่าหวาดเสียว ราวกับไอ้ตัวแรงมหาศาลที่ยืนอยู่
ระหว่างขาของเธอ ตั้งใจจะทาเธอกระเด็นตกน้าทางด้านหลังไปเลยไม่มี
ผิด
แม้เธอชื่นชอบเรี่ยวแรงอันมหาศาลของมัน แต่อะไรบางครั้งที่มัน
มากเกินไปก็ไม่ดี อย่างเช่นไอ้ตัวที่กระแทกเธออยู่นี้ มันไม่สนใจสิ่งใด
ทั้งสิ้น นอกจากการทุ่มเทสุดกาลังกาย เพื่อเข้าออกในตัวของเธอ
เป็นเรื่องที่น่าแปลก แม้ถูกกระทาอย่างป่าเถื่อน เธอยังคงชอบ
ความซาดิสม์ที่มันมอบให้ โดยเฉพาะในตอนที่มันโน้มตัวมางับยอดภูเขา
ของเธอ แต่ไม่ถึงกับเลือดออก แค่งับเบาๆ เย้าหยอกให้เธอสะดุ้งเล่นๆ
รวมถึงไอ้มือที่บีบต้นขาเธอเป็นระยะๆ เพราะความเกร็งนั่นด้วย เดี๋ยวมัน
บีบเดี๋ยวมันคลาย ราวกับกาลังนวดแผนไทยให้

ครู่ใหญ่ผ่านไป การเข้าออกจนสุด เปลี่ยนมาเป็นถี่ๆ แทน


บิ๊กล้วงกระเป๋าเอาผ้าผืนที่เสกอาหารออกมาได้ มาวางบนโต๊ะ
จอยขมวดคิ้ว เมื่อเห็นมันเอาซาซิมิหน้าปลาแซลมอนออกมาจาก
หมอกสีดา ทาให้เธอเกิดความสงสัยว่ามันเอาออกมาทาไม
บิ๊กยักคิ้วข้างหนึ่ง พลางเลียริมฝีปากอย่างเอร็ดอร่อย ‘ได้เวลากิน
อาหารญี่ปุ่นแล้วจ้ะ !’
“นี่แกทาอะไร !” จอยเบิกตา เห็นไอ้หน้าหมาคว่าจานอาหารญี่ปุ่น
ลงระหว่างร่องภูเขาสองลูกของเธอ
บิ๊กปากสั่น แล้วน้าลายยืดย้อยลงมา มันโยนจานทิ้ง ‘ได้เวลาอร่อย
แล้วจ้า !’
“อู๊ว ยะ... อย่า มันจักจี้... มัน... สะ... เสียว !” จอยร้องซี้ด ขนลุกตั้ง
ชัน นอกจากมันใช้ตัวเธอเป็นแทนจาน เพื่อกินซาซิมิปลาแซลมอนแล้ว
มันยังคงกระแทกถี่ๆ ไม่หยุด นั่นแทบทาให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นดาวเทียม
ที่กาลังหลุดออกนอกวงโคจรของโลก

จอยเริ่มรู้สึกกล้ามเนื้อของตัวเองเกร็งหนักกว่าเดิม จนกระทั่ง
อาหารรสเด็ดตรงร่องภูเขาเธอหมดเกลี้ยง ทิ้งเอาไว้แต่น้าลาย
โดยเฉพาะบริเวณภูเขาสองลูกที่ถูกตวัดเลียเน้นเป็นพิเศษ ความรู้สึก
อย่างนั้นจึงเริ่มลดหายไป
บิ๊กใช้หลังมือปาดริมฝีปาก ‘เมนูต่อไปเป็นอาหารหวานแล้วนะจ๊ะ’
มันเอาขวดน้าหวานรสลูกพรุนสีน้าเงินออกมาจากหมอก เปิดฝาแล้วราด
ใส่ก้อนเนื้อสองลูก จนกระทั่งถันอวบทั้งสองข้างของหญิงสาวเปลี่ยนเป็น
สีน้าเงินไปเรียบร้อย ขณะเดียวกันขวดน้าหวานก็หมดพอดี มันจึงโยน
ทิ้ง
จอยเบิกตาอย่างไม่คาดคิด เมื่อเห็นมันเอาไอศกรีมก้อนสีขาวถ้วย
โตออกมา แล้วยังไม่ใช่เพียงถ้วยเดียว มันเอาออกมาถึงสองถ้วยใหญ่
บิ๊กยักคิ้วหลิ่วตา พลางแสยะยิ้ม ‘วันนี้แหละ พี่จะได้กินไอศกรีม
เกล็ดหิมะแล้วน้องจอยจ๋า !’ มันโปะไอศกรีมบนยอดภูเขา เล่นเอาจอย
ร้องซี้ดเสียงแหลมเพราะความสยิว ที่สาคัญมันไม่ทาเพียงข้างเดียว มัน
ยังทาทั้งสองข้าง
“ไอ้หมาบ้า นี่แกเห็นฉันเป็นบุญเลื่อนหรือไงยะ !”
ได้ยินคาพูดนั้นของจอย บิ๊กหัวเราะร่า ‘พี่จะเห็นน้องเป็นบุญเลื่อน
ได้ไงจ๊ะ ในเมื่อพี่ไม่ใช่จันดารา แต่พี่เป็นมนุษย์หมาป่าต่างหากจ้ะ’ มัน
คว้าก้อนไอศกรีมที่กาลังกลิ้งตกไป มาโปะยอดภูเขา แล้วขยี้เข้าไป ราว
กับมันกลัวว่าจะกลิ้งตกไปอีก ‘แล้วในหนังมันใช้ก้อนน้าแข็งนะจ๊ะ ไม่ใช่
ไอศกรีมอย่างพี่ ของพี่มันเจ๋งกว่าเยอะจ้ะ เพราะของพี่มันมีรสชาติหวาน
ละมุนลิ้น ไม่ใช่จืดชืดอย่างน้าแข็งไร้รสนิยมแบบนั้น’
บิ๊กมองดูภูเขาซึ่งเคยโล่งเตียน บัดนี้มันกลายเป็นภูเขาฟูจิ ทั้งสอง
ลูกกาลังสั่นเพราะถูกแรงกระแทกถี่ๆ จนดูเหมือนเกิดแผ่นดินไหวเก้าจุด
แปดริกเตอร์ แต่นั่นยังไม่ถูกใจดีนัก มันจึงเอาสตรอว์เบอร์รีลูกโตออกมา
จากหมอกสองลูก วางประดับบนยอดภูเขาฟูจิเพิ่มเติม ทาให้ในตอนนี้มัน
ดูเหมือนเป็นภูเขาที่ระเบิดแล้วมีลาวาไหลออกมา
ทาให้บิ๊กยิ้มร่า เพราะเห็นความน่าอร่อยสุดยั่วน้าลาย โดยเฉพาะ
สตรอว์เบอร์รีที่สั่นดุ๊กดิ๊กราวกับวุ้น ‘นี่แหละไอศกรีมรสนมของแท้ !’ มัน
หายใจเสียงดังฟืดฟาด พลางเลียริมฝีปาก จากนั้นรีบโน้มตัวลงมา พร้อม
ปากอ้ากว้างอย่างบุ่มบ่าม ครอบภูเขาลูกหนึ่ง จนดูเหมือนหมอกบดบัง
ทัศนวิสัย
นอกจากภายในปากที่มีลมหายใจร้อนผ่าว ยังมีลิ้นร้อนระอุ ตวัด
เลียหิมะสีขาวอย่างตะกรุมตะกราม บางขณะงับลงภูเขา นั่นทาให้
เจ้าของภูเขาถึงกับสะดุ้ง
ลิ้นสากๆ ราวกับกระดาษทราย ตวัดต่าลงไปที่ตีนภูเขา ลิ้นรสน้า
ลูกพรุนรอบฐาน รสหวานละมุนลิ้นนี้ ทาเอาเจ้าของลิ้นคารามเสียงแหบ
พร่า
หลังจากปลายลิ้นปาดไปรอบฐานจนทั่วแล้ว มันวกกลับขึ้นมาบน
ยอดเขาฟูจิที่มีหิมะ แรงตวัดลิ้นของมันทาก้อนไอศกรีมหลายลูกทั้ง
กระเด็นกระดอนและกลิ้งตกไป ทาเจ้าของร่างซึ่งเป็นจานรองรับส่งเสียง
ซี้ดแหลม บิ๊กไม่แน่ใจว่าเธอร้องเพราะความเสียวจากลิ้นของมันที่มอบ
ให้ หรือว่าร้องเพราะความเย็นจากหิมะที่เกาะภูเขา แต่มันไม่อยากรู้มาก
นัก มันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเลียต่อและรวมถึงอวัยวะเบื้องล่างที่ยังคง
กระแทกถี่ๆ ด้วยความเร็วสูง

เสียงที่เกิดจากการตวัดลิ้นมีเพียงไม่นาน ในตอนนี้ภูเขาฟูจิ
กลายเป็นโล่งเตียน แล้วมีพื้นผิวสีออกแดงระเรื่อมาแทนที่ เพราะเลือด
สาวฉีดซ่านเข้ามาหล่อเลี้ยง
บิ๊กไม่เว้นจังหวะให้ร่างบางมีเวลาหายใจได้ปกติ มันเร่งความถี่ใน
การเข้าออก ทาเอาหญิงสาวต้องหายใจทางปาก ฮืดฮาดขาดๆ หายๆ

จอยมือเริ่มสั่นเกร็ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนวิญญาณกาลังจะหลุด
ออกไปจากร่าง โดยมีมนุษย์หมาป่าเป็นเทวดาช่วยละจากสังขารนี้ เพื่อ
พาขึ้นสวรรค์ที่สุดแสนจะอลังการ
ความถี่ในการกระแทกเริ่มเปลี่ยนมาหนักหน่วง แล้วเว้นระยะห่าง
ในการรูดเข้าออกมากขึ้น เพราะในตอนนี้เจ้าของท่อนแกร่งมามุ่งมั่นใน
เป้าหมายที่ชัดเจนตรงประตูสวรรค์ แทนการลิ้มรสภูเขาสองลูกที่หมด
ความน่าสนใจ ทาให้โต๊ะยิ่งโยกเยกมากขึ้น
เพียงไม่นานจากนั้น ขาโต๊ะเกิดหัก ทาวิญญาณของจอยที่เกือบจะ
ออกจากร่างกลับเข้ามาแทบไม่ทัน ดวงตาของเธอเหมือนถูกจับถ่าง ปาก
ร้องกรี๊ด มือปล่อยขอบโต๊ะด้วยความตกใจ
แต่จะว่าเป็นความโชคดีก็ได้ ร่างของเธอยังไม่ทันตกลงไป เธอถูก
มนุษย์หมาป่าช้อนแผ่นหลังขึ้นมาได้ทันท่วงที
ด้วยความตกใจที่เกือบตกไปกระแทกพื้น จอยจึงรีบตวัดแขนโอบ
รอบคอ พร้อมขารีบตวัดรอบเอวของผู้ช่วยชีวิต
บิ๊กคารามเสียงต่าๆ ราวกับหัวเราะ มือของมันทั้งสองข้างที่ช้อน
แผ่นหลังหญิงสาว เปลี่ยนมาช่วยยกใต้ต้นขาของเธอละข้าง เพื่อป้องกัน
ไม่ให้เธอร่วงลงไป แล้วเริ่มกระแทกต่ออีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันต้องอยู่ใน
ท่าเสยถี่ๆ แทน ราวกับร็อกแมนชาร์จพลังเตรียมยิงปืนพลังงานชุดใหญ่
ทาหญิงสาวกลายเป็นลูกบอลเด้งดึ๋งๆ รูดขึ้นลงตามความยาวของฐาน
แท่งเนื้อนั้น
“อู๊ว... อะ... อา... โอ๊ว... !” ไม่นานจอยก็เปลี่ยนมาจับบ่าของร่าง
กายา ลืมตัวเล็บจิกลงไป เพราะความเสียวเกินบรรยาย ราวกับได้ขี่ม้าที่
กาลังพยศ

บิ๊กดวงตาเบิกโต แยกเขี้ยวคาราม ‘ท่าไม้ตาย ! เป้งมหากาฬ !!!’


เสยครั้งสุดท้าย มันใช้พละกาลังทั้งหมดกระแทก ทาเอาหญิงสาวขึ้นไป
เกือบถึงปลายยอด ก่อนตกลงมากลืนก้อนเนื้อจัมโบ้ตรงโคนฐานหายเข้า
ไป พร้อมมีเสียงดังซวบ
ทั้งสองเผ่าพันธุ์ร้องประสานเสียงดังก้องป่าตระการแห่งนี้ ทานก
แตกตื่นหนีจากตรงบริเวณนั้น หนึ่งเสียงราวกับชะนีร้องหาผัว และอีก
หนึ่งเสียงคารามออกมาด้วยความรู้สึกสุดยอด กับความกระชับภายใน
ร่างกายที่มอบให้ท่อนเนื้อใหญ่และยาว
บิ๊กรีบย่อตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่า ทว่าไม่ทันจะจับหญิงสาวมาอยู่ในท่า
ยอดฮิตของเผ่าพันธุ์ ถูกจอยถีบขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทาให้มันล้มกลิ้งตก
น้าไปพร้อมกับเธอ
ฝูงปลาที่อยู่ตรงบริเวณนั้นตกใจ ว่ายหนีไปละทิศละทางจากสิ่งที่
ตกมา ในขณะนั้นเอง จอยกับบิ๊กแยกออกจากกัน ทาให้สิ่งที่เคยฝังเข้า
ไปอยู่ภายในร่างเล็กๆ หลุดออก โดยเฉพาะก้อนเนื้อขนาดเท่ากาปั้น
จอยรู้สึกได้ชัดเจนสุด มันทาเธอถึงกับตาถลน อ้าปากหวอ ฟองอากาศ
ลอยขึ้นไปบุ๋งๆ บนผิวน้า เธอรู้สึกได้ทันทีว่าน้ามากมายมหาศาลเข้าไป
แทนที่ในช่องนั้นด้วยความรวดเร็ว แต่ทว่าเป็นเพียงแวบเดียวก่อนถูก
ดันออกมา
ในทันทีที่ขึ้นมาจากผิวน้าได้ จอยรีบสูดเอาอากาศเข้าปากสุดชีวิต
จากนั้นรีบว่ายเข้าหาโขดหินใกล้ๆ เพื่อขึ้นฝั่ง ความหนาวเย็นของแม่น้า
ทาให้เธอขนลุกซู่
แต่ไม่ทันนิ้วมือแตะถึง เธอร้องกรี๊ดเพราะถูกจับสะโพกแล้วดึงเข้า
หาบางสิ่งที่ใหญ่และยาว มันทะลวงเข้าสู่ภายในช่องลับของเธอ
แรงปะทะระหว่างบั้นท้ายและต้นขาหน้าของร่างปกคลุมไปด้วยขน
ส่งผลทาให้น้าที่สูงระดับเอวแตกกระจาย ราวกับมีเครื่องบินรบทิ้งระเบิด
ลูกโตลงมา
บิ๊กไม่รอช้า มันลงมือกระแทกต่อทันที จนน้ากระจายเป็นคลื่น
วงกลมไม่ขาดตอน
ตับ ตับ ตับ !!!
ฝูงปลาเกิดแตกตื่นอีกครั้ง เพราะมีคลื่นเสียงจากการปะทะไปหา
พวกมัน
ทุกการกระแทก มนุษย์หมาป่าจะก้าวเข้าไปใกล้โขดหิน จนกระทั่ง
จอยก็สามารถจับเป็นที่ยึดได้ บิ๊กก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันที ไม่ใช่แค่ทาเพื่อ
ความต้องการส่วนตัวเพียงเรื่องเดียว ยังทาเพื่อชดเชยความเร็วที่สูญเสีย
ไปเพราะแรงต้านของน้า

ความเย็นของแม่น้าในช่วงใกล้ยามค่าคืน เหมือนไม่สามารถแทรก
ซึมเข้าภายในร่างของสองชีวิตให้หนาวสั่นสะท้านได้แม้น้อยนิด เพราะ
ในตอนนี้ทั้งสองกาลังทาให้แม่น้ากลายเป็นหม้อต้มน้าเดือด ด้วยตัณหา
ที่เร่าร้อนจากการเสียดสี
“อะ... อะ... อู๊ว... ซี้ดดดดดด~ !” จอยใบหน้าบิดเบี้ยว ปากจู๋ ร้อง
เสียงแหลมยาวออกมาโดยไม่อาจหยุดตัวเองเอาไว้ได้ เนื่องจากหอก
แหลมที่เข้าออกภายในตัวเธอ ไปโดนจุดทาลายสติสัมปชัญญะ ทาเธอ
ถึงกับร่างไหวระริก โดยเฉพาะตรงบริเวณบั้นท้ายสั่นระรัวไม่หยุด ราว
กับกระจกถูกคลื่นเสียงของลาโพงจนสั่นสะเทือน
เมื่อบิ๊กสังเกตเห็นอาการนี้ จึงรีบกระแทกใส่ตรงเฉพาะจุดเสียวนั้น
ทันที พลางจดจาไม่มีวันลืมแน่นอนว่า คู่จี๊ดของมันต้องโดนตรงจุดไหน
ถึงจะสั่นสะท้านมากที่สุด
ด้วยความเสียวนี้ จอยไม่สามารถจะอยู่นิ่งๆ ได้ เธอส่ายสะโพกไป
มาไม่หยุด บิ๊กจึงต้องเคลื่อนไหวกระแทกไปตามบั้นท้ายของหญิงสาว
เหล่านางเงือกสาวนักเดินทางกลุ่มใหม่ที่ว่ายผ่านมา เห็นฉากที่
เหมือนการเต้นราสุดแปลกพิสดาร เต็มๆ ทั้งสองตา พวกเธอต่างร้องกรี๊ด
เพราะไม่คาดคิดว่าจะมาเห็นเรื่องที่ทั้งสองมาทาบัดสีบัดเถลิงกลางป่า
อย่างนี้ แต่เนื่องจากนางเงือกอยู่ใต้น้า จึงไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา
ให้ได้ยิน นอกจากฟองอากาศบุ๋งๆ ขึ้นมาระเบิดบนผิวน้าเสียงเบาๆ จน
ไม่ได้ยินหากไม่ตั้งใจฟัง จากนั้นพริบตาเดียว หญิงสาวกึ่งปลาผู้ไร้
เดียงสาว่ายหายไปหมด มีเหลือเพียงพวกปลาดวงตากลมโต ยังคงจ้อง
มอง พร้อมทาปากพะงาบๆ ราวกับพวกมันกาลังตกตะลึงกับภาพ
หนังเอ็กซ์สดไม่เซนเซอร์

บิ๊กพ่นลมหายใจออกทางจมูกเสียงดัง มันเริ่มเบื่อในการส่ายไป
ส่ายมาตาม จึงบีบบั้นท้ายเนียนนุ่มด้วยความแรง ทาเอาหญิงสาวถึงกับ
สะดุ้ง จากนั้นมันกลับมาจับสะโพกต่อ ทว่าคราวนี้มันจับแบบบังคับ ฝ่า
มือหยาบหนายกตัวของเธอจนเท้าลอยจากพื้น แล้วกระแทกต่อเนื่องอีก
ครั้ง
ในตอนนี้จอยจึงมีสภาพไม่แตกต่างจากหมาตัวเมียที่ติดเป้งกับตัวผู้
ซึ่งมีขนาดร่างกายใหญ่กว่า ทาให้ขาหลังลอยกระดิกดิ๊กๆ เหนือจากพื้น
ไม่หยุด
ไอ้หน้าหมายื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของเธอ เพราะต้องการไป
แลกลิ้น แต่ทว่าเธอไม่เล่นด้วย เธอพยายามหันหน้าหลบหนีตลอด ทาให้
มันเกิดความไม่สบอารมณ์ จึงกระแทกหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า
ระบายเรื่องที่ไม่ได้ดังใจใส่เธอ ยิ่งทาจอยสั่นเหมือนปลาดิ้นบนบกไม่
หยุด

มนุษย์หมาป่าแยกเขี้ยวคาราม จนน้าลายเกือบกระเซ็นออกมาตาม
ร่องของคมเขี้ยว ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะระเบิดภายในตัวหญิงสาว
ความเร็วของมันเพิ่มฉับพลันจนเกือบใกล้จุดเหนือแสง ขณะเดียวกันทา
ให้จอยจวนจะถึงจุดหมายเช่นเดียวกัน ตัวของเธอสั่นสะท้าน ขนลุกซู่ยิ่ง
กว่าอาบน้าในฤดูหนาว แล้วโดยที่ไม่รู้ตัว เธอเผลอตัวร้องโหยหวน
เหมือนริงโทนจากโทรศัพท์
เพียงไม่นาน บิ๊กคารามเสียงดังลั่น ทาเอาพวกปลาแตกตื่นว่ายหนี
หายไปหมดแทบไม่ทัน ขณะเดียวกันนาพาจอยขึ้นสู่สวรรค์ชั้นใดก็ไม่
อาจทราบได้
ความสุดยอดทาบิ๊กเกร็งจนตัวงอเป็นเหมือนกุ้ง จึงกดตัวหญิงสาว
ลงไปด้วย จนใบหน้าของเธอเกือบจมน้า มือหยาบหนาที่เคยจับสะโพก
ของเธอ บัดนี้เปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรอบเอวรัดแน่น
บิ๊กพยายามแอ่นต้นขาหน้า พร้อมดึงตัวของเธอเข้ามาให้แนบชิด
มากที่สุด ราวกับต้องการทาให้ตัวของเธอจมหายไปในร่างของมัน แต่
ยังคงมีเหลือช่องว่างเล็กน้อยให้สาหรับการเคลื่อนไหวเข้าและออก ซึ่ง
เหตุผลที่ทาอย่างนั้น เพราะตรงระหว่างขาทั้งสองข้างของมัน มีอวัยวะ
ท่อนแกร่งใหญ่และยาว มันต้องการให้ท่อนเนื้อนั้นเข้าไปลึกมากที่สุด
ในร่างเล็กๆ ของเธอ ซึ่งดูไม่น่ารองรับขนาดของมันได้แม้แต่น้อย ทว่า
เรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้ มันก็เป็นไปแล้ว
น้าสีขาวขุ่นมากมายทะลักออกมาในระหว่างการเสียดสีที่เริ่มลด
ความเร็วทุกขณะ แล้วเพียงไม่นาน การเคลื่อนไหวก็หยุดลงเพียงแค่นั้น
จอยกะพริบตา หายใจทางปากราวกับเหนื่อยเสียเอง แม้บิ๊กหยุด
การใช้ตัวเธอเป็นเครื่องปั๊มทายาทออกจากมัน มันยังคงไม่ยอมปล่อย
หรือเคลื่อนไหวไปไหน มันยังคงกอดเธอราวกับเป็นของรักของหวงอยู่
อย่างนั้น มีการเอาแก้มมาเสียดสีแผ่นหลังของเธออย่างออดอ้อน แล้ว
คารามอย่างพึงพอใจเป็นบางขณะ
จนครู่ใหญ่ผ่านไป จอยรู้สึกได้ว่าเจ้าของร่างกายากาลังยืดตัวขึ้น
พร้อมช้อนตัวเธอขึ้นมาตาม จากนั้นเธอถูกจับขาข้างหนึ่งยกชี้สู่ฟากฟ้า
แล้วหมุนมาเผชิญหน้า โดยที่ยังมีท่อนเนื้อฝังอยู่ภายใน
มันสบตากับเธอ ด้วยแววตาเสน่หา แขนข้างหนึ่งของมันย้ายจาก
รองแผ่นหลังมายกต้นขาแทน จอยรู้ได้ทันทีว่ามันต้องการบอกใบ้อะไร
เธอจึงโอบรอบคอของมัน ขาทั้งสองข้างตวัดรอบเอว จากนั้นมนุษย์หมา
ป่าเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันไม่ได้ทาด้วยความรวดเร็วอีก
มันทาด้วยความเชื่องช้า
“นี่แกยังไม่พออีกหรือไง... ?”
น้าเสียงของจอยที่ถามขึ้นมาอย่างราบเรียบ แล้วใบหน้านิ่งเฉยไร้
อารมณ์ ทาบิ๊กชะงัก หน้าผากของมันย่นเข้าหากันเล็กน้อยอย่างข้องใจ
แต่เป็นเพียงแวบเดียว มันหัวเราะเหอะๆ ก่อนเริ่มจับเธอขยับไปมา
เล็กน้อย ทาให้อวัยวะที่ฝั่งอยู่ภายในกลายเป็นเหมือนหนวดแมลงสาบ
ควานไปทั่วภายในราวกับต้องการหาบางสิ่งบางอย่าง ใบหน้าของจอย
เริ่มบิดเบี้ยว ปากเผยอและสั่นระริก
ไม่นานนัก ท่อนเนื้อนั้นก็มาอยู่ในตาแหน่งที่เคยทาเธอตัวสั่น บิ๊ก
เริ่มเคลื่อนไหวเข้าออกเหมือนเดิมอีกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่บุกเข้ามาภายใน
มันเน้นไปตรงตาแหน่งที่ทาเธอขนลุกซู่ ด้วยความแม่นยาเกือบตลอด
“อะ... อะ... กะ... แก...” จอยครางไม่เป็นภาษา เธอรู้สึกเหมือนมัน
กาลังสูบเอาเรี่ยวแรงของเธอไป เธอมั่นใจว่าในตอนนี้ใบหน้าของเธอ
ต้องบิดเบี้ยวอย่างอัปลักษณ์กว่าเดิมแน่แท้
จอยไม่มั่นใจว่ามันต้องการให้เธอสัมผัสกับความสุดยอดนานๆ จึง
เน้นกระแทกตรงจุดนั้นเป็นพิเศษ หรือว่ามันชอบเห็นใบหน้าของเธอ
อย่างในตอนนี้ หรือว่าความจริงมันตั้งใจกลั่นแกล้งเธอแน่ ที่แน่ๆ
ในตอนนี้ เธอเห็นรอยยิ้มมุมปากและได้ยินเสียงคารามเหมือนการ
หัวเราะอย่างชั่วร้ายแผ่วเบา แต่เธอไม่อาจจะด่าหรืออ้อนวอนขอให้มัน
หยุดการกระทานี้ได้ เพราะเรี่ยวแรงของเธอต้องมาใช้กับการหายใจเข้า
ออก
ไม่นาน เรี่ยวแรงของเธอที่มีอยู่ทั้งหมดก็เหมือนถูกสูบหายไปจน
หมด จอยแขนและขาอ่อนแรงร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วง จนเกือบหงาย
ตกลงไปหากไม่ถูกแขนกายากระชับแน่นไว้ก่อน
บิ๊กพ่นลมหายใจยาวราวกับอ่อนใจ พร้อมหยุดการกระทานั้นใส่
เธอ มันเดินเข้าไปหาโขดหิน หมุนตัวแล้วเอนหลังพิง ปล่อยให้เธอนอน
อย่างหมดสภาพบนหน้าอก
จอยพยายามเงยหน้ามา “กะ... แก... แก...” แต่เรี่ยวแรงที่หายไป
ยังคงไม่กลับคืนมาเร็วอย่างที่คิด เธอทิ้งหน้าแนบกับหน้าอกซึ่งอุดมไป
ด้วยกล้ามเนื้อต่อ แต่ทว่ากลิ่นสาบหมาทาเธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วปอด เธอ
จึงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ยกแขนมาหนุนใบหน้า เพื่อให้จมูกออกห่าง
จากมัน แม้ว่าเป็นเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
บิ๊กลูบหลังของเธอช้าๆ เหมือนคาปลอบโยน พลางสูดดมกลิ่นบน
ศีรษะของเธอ ‘สุดยอดเลยน้องจอยจ๋า...’
แน่นอนว่ามันชอบความรู้สึกของหญิงสาวที่มอบให้ อย่างในตอนนี้
ร่างกายของเธอกาลังทาหน้าที่เหมือนเครื่องรีดนมโค ดูดกลืนตรงอวัยวะ
เบื้องล่างของมันอย่างตะกละตะกลาม

เมื่อจอยเริ่มพอจะมีเรี่ยวแรงกลับคืนมา ก็รีบเงยหน้าพร้อมยันตัว
ขึ้น เพื่อออกห่างจากกลิ่นสาบหมาในระยะประชิด
จอยกลอกตาขึ้นฟ้า สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ‘โอ้พระเจ้า กูรอด
จากจมูกอักเสบแล้ว !’
หลังจากหายใจโล่ง เธอมองไปรอบตัว แล้ววกกลับมาหาเจ้าของ
ดวงตาสีเหลือง ในตอนนี้แววตาของมันบ่งบอกว่าอยู่ในช่วงอารมณ์ดี ไม่
แน่ถ้าเธอลองขอร้องในตอนนี้ มันอาจยอมทาตามความต้องการของเธอ
ก็อาจเป็นไปได้ จึงลองถามก่อนเข้าประเด็นที่เธอต้องการจริงๆ “แก
พอจะว่างหรือไม่ ?”
บิ๊กเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ล้วงกระเป๋าเอาสมุดออกมากลาง ซึ่งมันกลับไม่
เปื่อยยุ่ย ราวกับว่ามันเคลือบพลาสติกใสกันน้าเอาไว้
“พี่ว่างสาหรับน้องจอยเสมอจ้ะ”
บิ๊กทายักคิ้วหลิ่วตา เผยรอยยิ้มเหมือนไอ้โรคจิต
“ถ้าน้องอยากจะต่อกับพี่อีกสักยกก็ได้เลยจ้ะ พี่อึดอยู่แล้ว”
“ไอ้หมาบ้า !” จอยตีหน้าอกกายา “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องอย่างนั้น
ฉันหมายถึงแกพอจะว่างพาฉันเดินสารวจที่นี่วันนี้ได้ไหม ? ฉันอยาก
เห็นสัตว์ในตานาน”
“ไม่เห็นจะต้องไปไหนไกลเลยน้องจอย ก็พี่นี่ไง ตานานของจริง
แท้แน่นอน แถมได้สัมผัสทั้งน้า ทั้งเนื้อ และความสุดยอดที่หาจากแห่ง
หนใดไม่ได้อีก”
“ไอ้หมาลามก ! ฉันเห็นแกจนเบื่อแล้วเข้าใจไหม ฉันอยากเห็นตัว
อะไรอย่างอื่นที่นอกเหนือจากแกบ้าง”
บิ๊กหัวเราะร่า เพราะเห็นใบหน้าของจอยที่ไม่รับมุกตลก
“ได้จ้ะ แต่ขอเอาไว้วันหลังได้หรือไม่ ? วันนี้มันใกล้มืดแล้ว มัน
อันตราย เพราะสัตว์ในตานานบางเผ่าพันธุ์มันไม่ใจดีเหมือนกับพี่”
แม้ประโยคข้อความที่ชี้แจงถึงเหตุผล สื่อความรู้สึกของมันให้เธอ
รับรู้ว่าเป็นห่วงความปลอดภัย แต่ทว่าทั้งแววตาและการกระทาของมัน
ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับประโยคข้อความเลย บิ๊กเลียริมฝีปาก มือขยาก้อน
เนื้องอนๆ ของเธอที่นั่งคร่อมต้นขาหน้าของมัน ทาเหมือนบีบแตรปี๊นๆ
“ไอ้หมาลามก หยุดมือบอนเดี๋ยวนี้นะ” จอยตีมือที่กาลังขยาอย่าง
เมามัน บิ๊กจึงผละมือออกไปด้วยความจายอม แต่นิ้วมือของมันยังคง
เคลื่อนไหวเหมือนขาแมงมุม ราวกับโหยหาก้อนเนื้อนั้น “แกนี่หื่นได้
ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เหมือนกลิ่นสาบของตัวแกเลยรู้ไหม ไอ้หมาจอมหื่น
!”
คาด่าที่แปลกใหม่ของเธอ ทาบิ๊กหัวเราะจนแทบท้องแข็ง แต่เธอไม่
รู้สึกตลกกับมันแม้แต่น้อย ในตอนนี้เธอรู้สึกผิดหวังมากที่ได้รับคาตอบ
ของมัน แต่เป็นเพียงครู่เดียว เพราะเท่าที่ลองคิดตามคาอธิบาย อาจเป็น
เรื่องจริงอย่างที่มันบอกมา
จอยชาเลืองมองดวงตะวัน ที่ในตอนนี้ใกล้จะลับสายตาหายไป เธอ
ตวัดสายตากลับมาที่บิ๊ก “ฉันว่าแกพาฉันกลับได้แล้วนะ มันจะใกล้มืด
แล้ว ฉันยังไม่อยากเจอตัวอะไรที่เป็นอันตราย อย่างที่แกบอก”
“ได้เลยจ้ะ”
บิ๊กตีก้อนเนื้อที่เพิ่งผละมือออกไป จนเสียงดังป้าบ ทาเหมือนเป็น
การส่งท้ายสาหรับคาตอบ
“ไอ้บ้า ! หยุดตีก้นฉันได้ไหม มันเจ็บรู้ไหมยะ” จอยตีมือมันอีกรอบ
ด้วยความโกรธ แต่กลับยิ่งทาให้บิ๊กหัวเราะลั่นกว่าเดิม
(โอ๊ย... อ้า... อู๊ว... โอ๊ย... อ้า... อู๊ว...)
ความสุขบนใบหน้าของบิ๊กชะงัก แล้วลดหายไปหมดสิ้นด้วยความ
รวดเร็ว ในทันทีที่มีเสียงโทรศัพท์มาขัดจังหวะอารมณ์
เมื่อมันเอาต้นกาเนิดเสียงออกมาจากกระเป๋า ทาให้จอยได้รู้ว่า
โทรศัพท์ของมันเป็นรุ่นกันน้าด้วย แต่เรื่องที่น่าแปลกใจมากกว่านั้น เธอ
จาได้ว่าโทรศัพท์และสมุดเล่มน้อย สิ่งของสองอย่างนี้ มันเคยวางอยู่บน
โต๊ะไม่ใช่หรือ ? แต่เธอไม่เอ่ยถามออกไปว่ามันเก็บมาตั้งแต่ตอนไหน
ในตอนนี้เธอสนใจหน้าตาของโทรศัพท์และภาพหน้าจอของมันมากกว่า
บิ๊กจิ้มไปที่แอปพลิเคชันตัวหนึ่งบนหน้าจอ จากนั้นปรากฏภาพ
ของไอ้หน้าหมาอีกตัว ซึ่งตัวนี้มีขนสีขาว แล้วมีขนสีดาเป็นวงกลมรอบ
ดวงตาข้างหนึ่ง ราวกับโดนต่อยมาจนตาปูดตาเขียว
ไอ้หน้าหมาในจอเผยอริมฝีปากได้เพียงเล็กน้อย ก็ชะงักในทันทีที่
สังเกตเห็นใบหน้าของมนุษย์ ดวงตาของมันเบิกกว้างเหมือนตะลึง จอย
แน่ใจว่าได้ยินเสียงของมันหลุดออกมาเบาบาง เหมือนน้าเสียงของ
ผู้หญิง
จอยตวัดสายตากลับมาที่เจ้าของโทรศัพท์ ด้วยความตกอกตกใจ
เพราะบิ๊กคารามออกมาเสียงเบาบาง แต่ไม่ใช่ว่ามันทาเสียงนั้นใส่เธอ
ดวงตาของมันจ้องมองมนุษย์หมาป่าอีกตัว ด้วยความเยือกเย็นและน่า
หวาดหวั่น ขณะเดียวกันมีหมอกลอยออกมาจากสมุด รวมตัวกลายเป็น
ตัวอักษรให้อีกฝ่ายที่ใช้โทรศัพท์อ่าน
“ไม่เห็นหรือไงว่าฉันยังไม่ว่าง”
หลังจากนั้นไอ้หมาในจอแสดงแววตาหวาดกลัว พริบตาจากนั้น
ภาพหายไปราวกับโทรศัพท์ถูกกระชากปลั๊กไฟ
ที่เห็นมันเหมือนรีบหนีหายไปอย่างนั้น จอยยังไม่แปลกใจเท่าไร
นัก ที่เธอแปลกใจจริงๆ เป็นตรงที่ประโยคคาที่ลอยอยู่ จอยไม่นึกว่ามัน
จะเป็นภาษาไทยเช่นนี้
บิ๊กหันหน้ากลับมา จากใบหน้าที่ดูเหมือนอยากใช้ฝ่ามือบีบหัวใคร
สักคนให้เละ เปลี่ยนกลับมาเป็นขี้เล่นและออดอ้อนเหมือนเดิม มันเก็บ
โทรศัพท์เข้ากระเป๋า ส่วนตัวอักษรเปลี่ยนแปลงเป็นประโยคคาใหม่
“เมื่อกี๊เราถึงไหนกันแล้วจ๊ะ ?”
“ถึงตรงที่แกบอกว่าจะพาฉันกลับบ้านไงยะ จาไม่ได้หรือไง ?”
จอยตอบ พลางด่าต่อในใจ ‘เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังตีนไวเหลือเกินนะ
แก’
“ได้จ้ะ แต่พี่ขอเวลานิดหนึ่งนะ พอดีมีพวกไม่รู้จักกาลเทศะ”
จอยไม่เข้าใจความหมายที่มันต้องการสื่อ จนกระทั่งตัวอักษรลอย
สูงขึ้นไปเหนือหัว แล้วขยายใหญ่จนดูไม่ต่างจากป้ายโฆษณา
“ไม่เคยเห็นมนุษย์หมาป่าติดเป้งหรือไง ถ้ากูกับที่รักลุกไปแล้ว ยัง
เห็นพวกมึงยืนหน้าสลอนอยู่อีก กูจะจับกินเรียงตัวให้หมดฝูง”
จอยอ่านจบประโยคข้อความ ได้ยินเสียงหวีดร้องแหลมเหมือนหนู
ดังมาจากตรงพุ่มดอกไม้ด้านหลัง
ทันทีที่มองตามทิศทางเสียงไป จอยเบิกตาอย่างประหลาดใจและ
รู้สึกอับอาย เพราะเธอเห็นสิ่งมีชีวิตเหมือนนางฟ้าตัวเล็กๆ ที่มีลักษณะ
การแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวอนุรักษ์ป่าไม้ จ้องเธอกับบิ๊ก ด้วยอาการ
ตาค้าง แต่บางส่วนก็กรีดร้องราวกับพบเห็นเรื่องสุดบัดสี
แต่เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น เกิดความชุลมุนขึ้นในทันทีที่บิ๊
กคารามเสียงดังออกมา หลังจากนั้นไม่นาน เหมือนมนุษย์จิ๋วตั้งสติได้
ทั้งหมดระเบิดเป็นแสงระยิบระยับหายไป ราวกับพลุยิงขึ้นสู่ฟ้ายามค่าคืน
และความเงียบงันมาเยือนอีกครั้ง
“เดี๋ยวๆ แกอย่าเพิ่งลุก” จอยรีบห้ามมนุษย์หมาป่าที่ตั้งท่าจะลุก มัน
จึงปล่อยตัวพิงโขดหินต่อ พลางเก็บสมุดและโทรศัพท์เข้ากระเป๋า สบตา
กับเธอราวกับต้องการถามว่ามีอะไร “แกไม่คิดจะให้เบอร์โทรศัพท์กับฉัน
บ้างหรือไง ?”
ตัวอักษรที่ใหญ่โตเหนือหัว หดเล็กลงเหมือนเดิม แล้วลอยต่าลงมา
ให้เห็นที่ระดับปกติ ทาให้จอยเกิดสงสัยว่า ทาไมตัวอักษรมันไม่จางหาย
ตามสมุดที่เก็บไป แต่เธอไม่ถามออกมา
“ได้อยู่แล้วจ้ะ แต่ต้องเป็นในวันหลังนะจ๊ะ พี่ไม่ได้เอาโทรศัพท์มา
พี่จาเบอร์ของตัวเองไม่ได้”
สีหน้าของจอยดูเย็นชาไปทันทีที่อ่านจบ “โทรศัพท์ที่แกรับสายเมื่อ
สักครู่นี้มันคืออะไร ?” น้าเสียงของเธอไม่แตกต่างจากใบหน้าที่
แสดงออก มือตบตรงกระเป๋ากางเกงของมนุษย์หมาป่า ข้างที่มันเพิ่งเก็บ
ของเข้าไป
บิ๊กจึงล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งราวกับถาม
“น้องหมายถึงเครื่องนี้ใช่ไหมจ๊ะ ?”
“เออ” จอยตอบห้วนๆ เสียงชัดเจน
“พี่ต้องขอโทษจริงๆ เครื่องนี้มันไม่สามารถใช้โทรเบอร์ของมนุษย์
ได้ พี่จึงไม่สามารถให้เบอร์กับน้องได้จ้ะ”
คาตอบของมันทาจอยใบหน้าบูดบึ้งจนเห็นได้ชัดเจน ทาให้บิ๊ก
รู้ตัวว่าคาตอบของมันทาให้เธอรู้สึกยังไง จึงลูบบั้นท้ายของเธอ ราวกับ
ต้องการทาแทนคาขอโทษจากปาก
“ไม่งอนนะจ๊ะ เดี๋ยวพอกลับไปถึงบ้าน พี่จะรีบกลับไปเอาโทรศัพท์
มาให้เบอร์น้องเร็วที่สุด”
จอยหันหน้าไปทางอื่นเล็กน้อย แล้วถอนใจเบาบางออกมา
ในตอนนี้แผนการหลอกเอาเบอร์โทรศัพท์ที่เพิ่งคิดออก คงไม่มีทาง
เป็นไปได้จริงอีกต่อไป เธอมั่นใจว่ามันต้องไปหาซื้อโทรศัพท์เครื่องอื่น
มา เพื่อไม่ให้ติดต่อกับมันด้วยเครื่องนี้
“เออๆ... ก็ได้” เธอจึงตอบรับไป ในเมื่อแผนการตรวจสอบเบอร์
โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ผล จะร้องขอหรือสั่งมันก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากบิ๊กเก็บโทรศัพท์ มันใช้แขนข้างหนึ่งโอบอุ้มเธอ ส่วนอีก
ข้างเหยียดเป็นฐานเพื่อพยุงลุกขึ้น จากนั้นเอาผ้าวิเศษผืนหนึ่งออกมา
สะบัดขึ้นสู่ฟ้า
จอยตื่นตาตื่นใจกับเวทมนตร์อีกครั้ง ทั้งโต๊ะ เศษอาหารต่างๆ และ
อะไรก็ตามที่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแห่งนี้ ถูกดูดเข้าไปในผ้า
ผืนนั้นจนหมดเกลี้ยง จากนั้นมันลอยกลับมาสู่มือเจ้าของ
จอยกลับมามองหน้าของบิ๊ก เพราะถูกบีบบั้นท้ายเบาๆ เหมือนมัน
ตั้งใจบอกให้เธอหันกลับมาสนใจ
“เป็นไงจ๊ะ พี่รักโลกอย่างที่พูดจริงไหม ?”
“เออฉันรู้แล้วย่ะ ตอนนี้แกวางฉันลงก่อนได้ไหม ? ฉันไม่อยากอยู่
ในท่าลิงเกาะต้นมะพร้าวอย่างนี้ เข้าใจไหมยะ” จอยพยายามยื่นปลาย
นิ้วเท้าข้างหนึ่งไปแตะพื้น แต่มนุษย์หมาป่ายังคงไม่ยอมปล่อยเธอลงไป
มันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วกระชับขาข้างนั้นของเธอขึ้นมาให้ตวัดรอบ
เอวของมัน
“ไม่ได้จ้ะ พี่ยังปล่อยน้องตอนนี้ไม่ได้ น้องต้องเกาะพี่ไว้แน่นๆ นะ
จ๊ะ เพราะเดี๋ยวเราจะเล่นมาราธอนกันแล้ว”
ยังไม่ทันจอยได้อ่านจนจบประโยค ตัวอักษรแตกสลายหายไป เธอ
จึงรีบบอก “เดี๋ยวๆ เมื่อกี๊แกเขียนว่าอะไร ?”
ทว่าบิ๊กไม่สั่งหมอกมาประกอบเป็นตัวอักษรให้เธออ่านต่อ มันล้วง
เอาผ้าผืนที่ใช้สาหรับเปิดประตูออกมา สะบัดไปทางพุ่มไม้ แตกกระจาย
เป็นหมอกสีดาแล้วประกอบเป็นรูปร่างเหมือนประตู จากนั้นมันวิ่งเข้าไป
หาด้วยความรวดเร็ว
“อู๊ว... โอ๊ว... หยุด... หยุดนะยะ !” จอยเสียงครางขาดๆ หายๆ
เพราะไอ้หน้าหมาวิ่งเด้งหน้าเด้งหลัง ทาเหมือนเล่นฮูลาฮูป แท่งเนื้อ
ใหญ่และยาวที่ฝั่งอยู่ภายในตัวเธอ จึงเสยเข้าออก ทาตัวเธอกระเด้งขึ้นๆ
ลงๆ รูดกับมันไม่หยุด
แล้วเพียงไม่นาน เสียงครางของหญิงสาว พร้อมเสียงดังตับๆ ที่เกิด
จากการกระทบระหว่างเนื้อต้นขาหน้าและบั้นท้าย ก็หายไปจากป่า
ธรรมชาติแห่งนี้ มีเพียงน้าหลงเหลือทิ้งเอาไว้เป็นทางยาว ตั้งแต่แม่น้า
ขึ้นไปบนฝั่ง ให้ผู้ที่อาจบังเอิญผ่านมาเห็น แต่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันเกิดจาก
ฝีมือของตัวอะไร

つづく

MegaMan (เมก้าแมน) หรือเรียกอีกชื่อว่า rockman (ร็อกแมน) เป็น


เกมในอดีตที่โด่งดังมาก ซึ่งมีตัวละครเอกที่เป็นหุ่นยนต์สีฟ้า มีอาวุธคู่ใจ
คือปืนพลังงาน ซึ่งสามารถเปลี่ยนกลายเป็นมือได้ในยามที่จะใช้หยิบจับ
สิ่งของ มีท่าหลักคือการชาร์จพลังงาน เพื่อให้กระสุนพลังงานที่มี
ลักษณะเหมือนก้อนกลมๆ มีขนาดใหญ่และรุนแรงขึ้น
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 16

นิ้วมือเรียวจับช้อนคนกาแฟในถ้วยอย่างเหม่อลอย จอยครุ่นคิด
เกี่ยวกับเรื่องมนุษย์หมาป่า แม้เมื่อวานมันให้เบอร์โทรศัพท์มาแล้ว แต่
เธอไม่คด
ิ จะโทรไปหามัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อโทรไปแล้วจะคุยอะไรกับมัน
มีแต่ฝ่ายมันที่ทักทายมาผ่านทางตัวแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย

เมื่อเช้าที่มันส่งข้อความมา ตอนแรกจอยไม่รู้ว่ามันส่งรูปภาพเป้า
กางเกงมาทาไม จนกระทั่งสองวินาทีผ่านไป ระหว่างเธอดื่มกาแฟ แล้ว
กาลังยื่นนิ้วไปกดปิด เพราะคิดว่าเป็นภาพนิ่งไร้สาระที่บิ๊กอาจแค่ส่งมา
เล่นๆ เหมือนสติกเกอร์ลวงโลกที่ชอบส่งให้กันตามพวกโซเชียลมีเดีย
ทันใดนั้นภาพมันเคลื่อนไหวได้มหัศจรรย์ ซิปรูดลงด้วยตัวเองแล้วแหวก
เปิดออก จอยเบิกตาโต พ่นกาแฟดังพรวด เธอเห็นท่อนเนื้อปกคลุมไป
ด้วยขนโผล่ออกมา พร้อมมีเสียงประกอบดังว่า จุ๊กกรู๊ จุ๊กกรู๊ ! เหมือน
เสียงนกในนาฬิกาโบราณแบบลูกตุ้ม หลังจากนั้นมีเสียงทักทาย
เหมือนกับถูกแอปดัดเสียงให้แหลมตามมาว่า อรุณสวัสดิ์จ้า ! แต่ยังไม่
จบแค่นั้น มันยังมีข้อความปรากฏเขียนทิ้งท้ายว่า คืนนี้นะจ๊ะ รับรองพี่จะ
ใช้มันให้น้องขึ้นสวรรค์ รักนะ จุ๊บๆ !

จอยไม่แน่ใจว่าคิดผิดหรือคิดถูกแน่ที่แลกเบอร์กับมัน รวมไปถึง
ขอเป็นเพื่อนทางโซเชียลมีเดีย ที่แน่ๆ เรื่องเมื่อเช้ามันทาเธอคลาย
เครียดได้มาก เพราะหลังจากนั้นเธอหัวเราะไม่หยุด

จอยสั่นหน้า สลัดไล่ภาพสุดอุบาทว์ที่ติดตาเหมือนเป็นภาพหลอน
ออกไป จากนั้นกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ
เธอโยนช้อนที่ใช้คนกาแฟทิ้งลงอ่าง เอื้อมมือไปหยิบช้อนใหม่มา
วางในจานรองถ้วยกาแฟ แล้วเดินออกไปจากห้องสาหรับจัดเตรียม
อาหารว่างให้แขกในช่วงประชุม ในตอนนี้ต้องเอากาแฟไปให้อเล็กซ์ที่
กาลังตรวจดูเอกสาร อยู่ภายในห้องทางานส่วนตัวกับเลขารุ่นพี่

ความจริงเลขาทั้งสองคน เท่าที่จอยคิด พวกเธอทั้งสองน่าจะ


ตรวจดูเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ให้แทนได้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากอ
เล็กซ์มีนิสัยรอบคอบมากเกิน จึงไม่สามารถปล่อยวางอะไรง่ายๆ เขามัก
ชอบตรวจดูงานที่จะนาเสนอให้กับลูกค้าตลอด โดยเฉพาะในวันนี้ ท่าน
ประธานซึ่งเป็นพ่อของเขามาที่บริษัท เขายิ่งตรวจซ้ามากกว่าเดิม จอย
คิดว่าเขาคงไม่ต้องการปล่อยให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ขึ้น แม้เมื่อวาน
ทั้งตัวเขาและเลขา ช่วยกันตรวจดูงานแล้ว

ทาให้จอยคิดไม่ตก หากเธอเก่งภาษามากเท่าเลขารุ่นพี่ จะต้อง


อ่านเอกสารทวนเกือบยี่สิบกว่ารอบแบบนั้นหรือไม่ ?

ถ้าจะให้ว่าตามจริง คนอย่างอเล็กซ์ น่าจะเรียกว่า วิตกจริต


มากกว่า ที่สาคัญยังเป็นหนักสุดๆ

นับจากที่ย้ายมาทางานชั้นใหม่ของตึก จอยไม่มีโอกาสได้พบเจอ
หน้าเพื่อนซี้สองคน นอกจากในช่วงหลังเลิกงานหรือพักเที่ยง หรือถ้า
โชคดีเธอเอาเอกสารไปส่งชั้นที่เพื่อนอยู่ จึงพอมีโอกาสได้ไปพักทาย
บ้าง

แน่นอนว่าการย้ายชั้นทางาน ต้องพบเจอคนใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งใน


จานวนนั้น เป็นชายสองคนตรงหน้าประตูลิฟต์
จอยเดินผ่านเคาน์เตอร์ ซึ่งมีพนักงานชายหนุ่มหน้าตาเหมือนพวก
ขี้แยประจาห้องเรียน นั่งอยู่ด้านใน ฝั่งตรงข้าม มีคุณลุงที่เป็นยาม อยู่
ที่นี่มานานกว่าสี่ปี นั่งอยู่ใกล้กับประตูลิฟต์ แล้วห่างไปจากทั้งสองคนนี้
เล็กน้อย บนเพดานมีโทรทัศน์จอแบนติดห้อยอยู่ ในตอนนี้เป็นช่วงเวลา
เที่ยงพอดิบพอดี จึงมีรายการชกมวยไทยเปิดอยู่ แน่นอนว่าต้องหนีไม่
พ้นสายตาของชายทั้งสองคนนั้น

(สวัสดีครับ เรากลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง ในคราวนี้มีผู้ท้าชิงราย


ใหม่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง มีฉายาว่า เขาทองไฟบรรลัยกัลป์ ที่มาของฉายา
เนื่องจากเขาเป็นฝรั่งลูกครึ่ง จึงมีผมสีทอง ร่างกายบึกบึนน่าเกรงขาม
ราวกับภูเขา ชกดุเดือดทุกไฟต์ บางรอบคู่ต่อสู้ถึงกับเลือดกบปากจนต้อง
หามเข้าโรงพยาบาลไปเลยก็มีครับ และเขาชอบสวมกางเกงสีแดง จึง
เป็นที่มาของฉายาว่า เขาทองไฟบรรลัยกัลป์ !)

จอยกระตุกยิ้มมุมปาก แทบอยากจะหัวเราะก๊ากออกมาให้ลั่น เธอ


เห็นภาพนักมวยลูกครึ่งตัวใหญ่ราวกับหมีควาย หน้าตายิ่งกว่ามหาโจร
มีกล้ามเป็นมัดๆ เหมือนปู มีขนรกรุงรังเต็มบริเวณหน้าอก และ
โดยเฉพาะรักแร้ทั้งสองข้าง ซึ่งมันดูไม่ต่างจากป่าทึบ ยิ่งตอนหนุ่ม
ลูกครึ่งคนนั้นชูมือขอเสียงเฮจากผู้ชม แล้วส่ายไปส่ายมาทั่วทิศ ทาให้
ขนรักแร้เหมือนไม้ไผ่ลู่ลมไม่มีผิด

มันน่าขามาก จนเกือบทนไม่ไหวแล้ว จอยจึงต้องยกมือมาปิดปาก


เพื่อกลั้นหัวเราะ พร้อมหันหน้าไปทางอื่น ‘ไอ้หมีควายนั่นมันคิดว่านี่เป็น
การ์ตูนดรากอนบอลหรือไง ถึงต้องชูมือปล่อยแสงพลังคลื่นเต่า ฉายา
อะไรนั่นอีก ความจริงมันควรตั้งชื่อใหม่ว่า ไอ้ถึกเป้าแดง น่าจะเหมาะสม
มากกว่า’
สาหรับจอย ไม่เคยชอบรายการอย่างนั้นแม้นิดเดียว เธอคิดว่ามัน
เป็นสื่อความรุนแรง สอนให้คนชกต่อยกัน จนทุกวันนี้เธอยังคงไม่เข้าใจ
ถึงเหตุผล เพราะเหตุใดผู้ชายถึงชอบดูกันนัก หรือว่าอาจเป็นเหตุผล
เดียวกับผู้หญิงอย่างเธอ ดูละครผัวเมียตบตีกัน แม้รู้ว่ามันเป็นสื่อที่ไม่ดี
สอนให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว เธอก็ยังคงชอบดูแต่ของแบบนี้

ขณะใกล้ถึงห้องทางานส่วนตัวของอเล็กซ์ เห็นพนักงานเดินนาพา
ผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งมา ซึ่งการแต่งตัวของหญิงคนนั้น บ่งบอกได้ทันทีว่า
จะต้องเป็นลูกคุณหนู เหมือนในละครที่มักมีตัวร้ายเอาแต่ใจ แถมดู
ท่าทางสาวคนนั้นต้องเป็นสาวเปรี้ยวด้วย ผู้หญิงคนนั้นมีผมยาวสีทอง
หน้าตาสวยกว่าผู้หญิงหน้าบ้านๆ อย่างจอย ราวกับฟ้ากับเหว รูปร่าง
เพรียวบางได้สมส่วน เห็นเอวเป็นเอว เห็นสะโพกเป็นสะโพก แต่สิ่งที่
น่าจะผิดปกติมากที่สุดสาหรับรูปร่าง มันอยู่ตรงที่หน้าอกอวบใหญ่จนน่า
กลัว ส่วนเรื่องการแต่งกายของสาวฝรั่ง จะเน้นสีแดงฉูดฉาด สวมเสื้อ
สายเดี่ยว กระโปรงสั้น สวมรองเท้าส้นสูง นอกเหนือจากการแต่งกายที่
เน้นสีแดงแล้ว ยังมีกระเป๋าสะพายสีแดงแจ๋ โดยเฉพาะที่เห็นโดดเด่น
มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดของรูปลักษณ์ นั่นคือริมฝีปากที่ทาลิปสติกแดง
แปร๊ด หากมองจากระยะไกล อาจเข้าใจผิดได้ง่ายว่า เธอคนนั้นคาบ
พริก

เมื่อพนักงานชายมาถึงหน้าห้องที่อเล็กซ์อยู่ เขาเชิญสาวฝรั่งนั่งรอ
ตรงเก้าอี้ข้างนอก แล้วเขาก็ลงลิฟต์จากไป จอยคิดว่าคงเป็นลูกค้าที่
ต้องการพูดคุยธุรกิจโดยตรง หากไม่เช่นนั้นพนักงานคงไม่พามาส่งถึง
หน้าห้องอย่างนี้

จอยไม่สนใจมองต่อ เธอเดินต่อไป จนกระทั่งมาถึงหน้าห้อง ทันใด


นั้นสาวฝรั่งลุกพรวด ก้าวยาวฉับๆ มาบอกกับจอย ด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง
แน่นอนว่าจอยต้องทาหน้ามึนงง เพราะเธอไม่เก่งภาษาอังกฤษ
เธอแปลภาษาได้เพียงบางคา ทาให้สาวฝรั่งมีสีหน้าไม่พอใจจนเห็นได้
ชัด

“เข้าไม่ได้ค่ะ กรุณารอข้างนอกก่อนนะคะ” จอยรีบห้ามสาวฝรั่งที่


กาลังเอื้อมไปจับลูกบิดประตู

แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถสื่อสารให้ชาวต่างชาติเข้าใจ จอยจึง
มองหาตัวช่วย จนกระทั่งหันไปเห็นพนักงานที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ จึงหัน
กลับมาเชื้อเชิญสาวฝรั่งให้ไปพูดคุยที่เคาน์เตอร์แทน

ทว่าสาวเปรี้ยวยังคงไม่สนใจฟัง นอกจากมุ่งมั่นที่จะเข้าไปภายใน
ห้อง

ในเมื่อสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง จอยจึงโบกมือเรียกพนักงานตรง
เคาน์เตอร์ “พี่คะ ช่วยมาสื่อสารกับคุณลูกค้าฝรั่งแทนให้หน่อยค่ะ ฉัน
พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งค่ะ”

พนักงานหันมาทาใบหน้ามึนงงเหมือนเพิ่งหลุดออกจากภวังค์
ความคิด “หะหา ? อ้อ ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

ขณะเดียวกันสาวฝรั่งยังคงมุ่งมั่นจะเข้าไป แน่นอนว่าจอยก็ไม่ยอม
ปล่อยเข้าไปเช่นเดียวกัน ในเมื่อเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องคอยห้ามทุกคน
เนื่องจากอเล็กซ์สั่งเอาไว้ว่า ต้องการความสงบ อย่าปล่อยใครเข้ามา
รบกวน จนกว่าเขาจะตรวจเอกสารที่เตรียมประชุมเสร็จเรียบร้อย

ในตอนนี้จึงเกิดภาพระหว่างสาวไทยและสาวต่างชาติเหมือนกาลัง
เล่นดันไปมา แต่ภาพนั้นมีให้เห็นเพียงครู่เดียว เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ขึ้น จอยถูกผลัก ทาให้น้ากาแฟกระฉอกไปถูกภูเขาจากเมืองนอกสอง
ลูกนั้นเข้าเต็มๆ

สาวฝรั่งสุดเซ็กซี่ดวงตาเบิกโต มองที่หน้าอกตัวเอง พร้อมกรีดร้อง


ดังลั่น เพราะในตอนนี้ภูเขาลูกโตของเธอกลายเป็นลาวาเดือด

พนักงานที่กาลังลากเก้าอี้ออก หันไปเห็นฉากนั้นเข้า จึงเร่งรีบ


ออกมา ทว่าความรีบของเขาทาให้มือไปโดนรีโมตบนเคาน์เตอร์ตก เท้า
ยังเหยียบอีก เป็นความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ ตรงที่ถูกเหยียบเป็นปุ่ม
เพิ่มเสียง นอกจากนี้ตรงจุดส่งสัญญาณรีโมตยังหันไปทางทีวีพอดี ทา
ให้เสียงรายการมวยไทยดังขึ้นทวีคูณ

(โอ้โห ! ในตอนนี้ฝ่ายเขาทองไฟบรรลัยกัลป์ตั้งท่าพร้อมแล้ว ฝ่าย


แชมป์เก่า อย่างเสือดาก็พร้อมเช่นกันครับ !)

“ฉะ... ฉันขออะ... ขอโทษค่ะ” จอยรีบพูดจนตะกุกตะกัก เธอไม่รู้


ว่าในเหตุการณ์อย่างนี้ควรต้องทาอย่างไร นอกจากขอโทษอย่างเดียวที่
นึกออกเป็นอันดับแรก

ทว่าเธอลืมไปว่าสาวฝรั่งฟังภาษาไทยไม่ออก มาคิดได้ตอนที่ถูก
สาวฝรั่งตวาดใส่ จึงรีบเปลี่ยนภาษาเพื่อสื่อสาร

“I am sorry” ทว่าเนื่องจากจอยไม่ได้เก่งทางด้านภาษามากนัก
แล้วในตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทาให้
สาเนียงของเธอฟังกระท่อนกระแท่น

แต่สาวฝรั่งไม่มีทีท่ารับคาขอโทษ หล่อนเงื้อมือตบหน้าจอยจน
หน้าหัน แก้วกาแฟในมือตกแตก ขณะเดียวกันผู้ดูแลรักษาความ
ปลอดภัยที่ยังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ เมื่อเห็นภาพนั้นเข้า เขา
ตัดสินใจได้ทันที จึงรีบลุกแล้ววิ่งมาหา ไม่ต่างจากพนักงานชายที่เคย
อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก็เร่งรีบเข้าไปห้าม ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์
ใหญ่โตมากกว่านี้

แม้โดนตบจนแสบ แต่จอยไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเธอรู้ดีว่าอีก


ฝ่ายคงเกิดอาอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น จอยจึงรีบเอ่ยขอโทษอีกครั้ง ด้วย
น้าเสียงยอมรับผิดจากใจจริง “I am sor-”

ยังไม่ทันพูดจบประโยค สาวฝรั่งจิกหัวของเธอลงมาแล้วตบใส่อีก
หลายรอบ ทาราวกับเห็นเป็นทาสชั้นต่า

จอยไม่ยอมถูกทาร้ายนานนัก เธอผลักสาวฝรั่งออกห่าง จึงไม่ต่าง


จากถูกกระชากผมออกไป เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บจนแทบน้าตาไหล
ทว่าเสียงของเธอสูญหายไป ในทันทีที่เห็นผมดกดาของตัวเอง ติดคามือ
ข้างนั้นของสาวฝรั่ง มันถูกสลัดอย่างน่าขยะแขยง จอยมองมันร่วงลงมา
อย่างเชื่องช้า จนกระทั่งถึงพื้น รองเท้าส้นสูงสีแดงยกขึ้นเหยียบแล้วขยี้
ทารูม่านตาจอยขยายทวีคูณ เธอช้อนตาไล่ไปตามเรียวขาข้างนั้น จน
มาถึงใบหน้าของสาวต่างชาติ เห็นรอยยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ทาความ
อดทนของจอยที่เป็นเหมือนกางเกงฟิต มันถูกคนลองสินค้าร่างอวบสวม
ใส่ ในตอนนี้พลันฉีกขาดไปเรียบร้อยแล้ว

(เป๊งงงงงงง~ !!!)

เสียงระฆังในทีวีดังขึ้น หลังจากนั้นโฆษกประกาศใส่ไมโครโฟน
ด้วยน้าเสียงเร้าใจจนน้าลายแทบกระเซ็น

(โอ้โห ! ยกที่หนึ่งเริ่มแล้วครับ !)
“ยัยฝรั่งนมสุก แกอย่าอยู่เลย !” จอยจิกหัวฝรั่ง ดึงลงมาบังคับให้
อยู่ระดับถนัดมือ แล้วตบใส่หน้าจนเสียงดังสนั่น

การกระทาของเธอทาสาวฝรั่งกรีดร้องอย่างสติแตก จอยรู้สึกสะใจ
ไม่น้อย ทว่าได้เพียงไม่นาน ขณะที่เธอตบใส่หน้าด้วยความเมามัน ทา
ให้ไม่ทันระวังตัว เธอถูกสาวฝรั่งต่อยเข้าแก้ม ทาให้ปล่อยมือจากผมบน
ศีรษะ สาวฝรั่งจึงรีบคว้าโอกาสที่จอยยังไม่ทันตั้งตัว จิกหัวมาเอาคืน

(แย่แล้วครับ ! ในตอนนี้เสือดากาลังโดนเขาทองไฟบรรลัยกัลป์ใส่
ไม่ยั้ง เหตุการณ์น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ เสือดาจะรอดหรือไม่ ? หรือว่าจะ
เสียแชมป์ให้กับลูกคลื่นใหม่มาแรงและถูกหามเข้าโรงพยาบาลเหมือน
รายก่อนๆ !)

จอยยื่นมือไปกระชากผมสาวฝรั่งเหวี่ยงจนล้ม “แกคิดหรือว่าฉันจะ
ยอมให้แกทาได้ฝ่ายเดียว !” เธอขึ้นคร่อมแล้วตบใส่ทั้งรัวและรุนแรง

(ตอนนี้เสือดาแชมป์เก่ากลับมาเป็นต่อแล้วครับ โอ้โห ! ใส่ไม่ยั้ง


เลยครับ โอ๊ะแย่แล้วครับ ! ตอนนี้เขาทองเสยคางเสือดาถึงกับหงายเลย
ครับ !)

สาวฝรั่งผลักจนจอยหงายหลัง จากนั้นหล่อนรีบถอดรองเท้าส้นสูง
ออกมาทั้งสองข้าง ขึ้นคร่อมแล้วตบใส่ พร้อมด่าออกมาไม่หยุดปาก

“หยุดครับ หยุด !” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวบตัวสาวฝรั่ง


ออกห่าง ขณะเดียวกันพนักงานเคาน์เตอร์ยืนทาอะไรไม่ถูก จอยจึงรีบ
ใช้โอกาสนี้ลุกมาตบเอาคืน จนสาวฝรั่งหน้าหัน น้าลายกระเซ็น ศีรษะ
กระแทกโดนหน้ายาม ถึงกับเลือดกาเดาไหล แต่ทว่ายามยังคงไม่ยอม
ปล่อยตัวสาวฝรั่งเป็นอิสระ “คุณยืนงงอะไรอยู่ !” ยามหันหน้าไปตะเบ็ง
เสียงใส่พนักงานชาย “รีบจับเธอเอาไว้สิครับ เราต้องแยกพวกเธอออก
จากกัน เร็วเข้าสิครับคุณ !”

“อ้อ ได้ครับ” พนักงานชายรีบเข้ามารวบตัวจอย ทว่าเธอดิ้นไม่


หยุด ชายหนุ่มจึงต้องยกตัวของเธอเพื่อเอาออกมา

สาวฝรั่งเหมือนจะไม่ยอมให้ตัวเองโดนตบไปฟรีๆ หลายครั้ง
หล่อนรีบเอาคืนโดยการยกขาเพื่อเตะ แต่เนื่องจากเป็นจังหวะจอยถูกยก
ตัวลอย เท้าจึงไปโดนอะไรอย่างอื่นที่อยู่ระหว่างขาของพนักงานชาย
แทน

สิ้นเสียงเหมือนนักมวยต่อยถุงกระสอบซ้อมเป้า พนักงานชาย
ตาเหลือก แล้วร้องโหยหวนเหมือนเสียงหอนของหมาป่า เข่าอ่อนโดยไม่
อาจควบคุมได้ จนที่สุดเขาก็ทรุดลงไป พร้อมกับจอยที่ทับอยู่บนร่าง

สาวฝรั่งไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้พลาดไป หล่อนกระทืบเท้ายามด้วย
ความแรง จนเขาร้อง ทาให้แขนวัยกลางคนอ่อนแรงไปชั่วขณะ จึงรีบ
ใช้โอกาสนี้สลัดยามออกไป แล้วตรงปรี่เข้าไปหาจอยที่ยังตั้งหลักไม่ได้

ตอนแรกอเล็กซ์ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายตรงหน้าประตู ไม่ได้คิด
อะไรมากเกินไปกว่าคนมาขอเข้าพบเนื่องด้วยเรื่องบางอย่าง จึงสั่งเลขา
คนหนึ่งออกไป ให้ช่วยเสริมคาพูดของจอย แต่ทว่าเสียงที่ได้ยินมันคุ้นหู
ทาให้เขาเอะใจ จึงลุกออกไปพร้อมกับเลขา

ยิ่งเข้าใกล้หน้าประตู อเล็กซ์ก็ยิ่งหัวคิ้วขมวด แต่เขายังไม่มั่นใจว่า


ใช่อย่างที่คิดหรือไม่ เนื่องจากภายในห้องทางานของเขาถูกออกแบบมา
เพื่อเก็บเสียงโดยเฉพาะ ทาให้เสียงต่างๆ ภายนอกเข้ามาภายในไม่ได้
มากนัก เขาจึงเปลี่ยนจากเดินธรรมดามาเป็นวิ่งเหยาะๆ
ทันทีที่ประตูถูกเปิด จึงเห็นภาพสาวฝรั่งที่คร่อมสาวไทย พร้อม
เสียงตบหน้าชัดเจน โดยเฉพาะเสียงจากทีวี

(โอ้โห ! บอกได้คาเดียวว่าคู่นี้ดุเดือดสุดยอดครับ แต่ตอนนี้พักชม


โฆษณาสักครู่แล้วค่อยกลับมาพบกันใหม่)

อเล็กซ์รีบเข้าไปรวบตัวสาวฝรั่งออกมา ทว่าหล่อนยังคงพยายาม
แกว่งขาไปเตะอีกฝ่าย เขาจึงรีบสั่งให้หยุด “Lala stop stop !”

จอยรีบลุกมาเพื่อจะเอาคืน ทว่าเธอถูกยามมารวบตัวก่อน จึงไม่


อาจทาอย่างที่คิด

สาวฝรั่งที่อเล็กซ์เรียกชื่อว่า ลาล่า หล่อนพยายามดิ้นให้หลุดจาก


การจับ ทว่าก็ไม่อาจเป็นไปได้ที่หล่อนจะสู้แรงของเพศชาย

ไม่นานจอยก็ได้สติ จึงหยุดดิ้นขัดขืนการจับตัว ทว่าไม่ใช่สาหรับ


สาวฝรั่ง

จอยฟังไม่รู้เรื่องว่าฝ่ายตรงข้ามพูดอะไรออกมา นอกจากดูออกแค่
ท่าทางที่ยังคงเหมือนมีโทสะ แต่เพียงไม่นาน ลาล่าก็เริ่มหยุดแสดง
ท่าทางอย่างนั้น เปลี่ยนมาเป็นร้องไห้แทน อเล็กซ์จึงยอมปล่อยตัวเป็น
อิสระ จากนั้นสาวฝรั่งรีบหันมาพูดรัวเร็วไม่หยุด พร้อมชี้ที่หน้าอกซึ่ง
เปียกน้ากาแฟ จากนั้นจับแขนของเขาแล้วเขย่า หันหน้ามาทางจอยด้วย
แววตาเคียดแค้น ชี้หน้าพร้อมพูดไม่หยุด

จอยเดาได้ทันทีว่า อีกฝ่ายคงต้องฟ้องว่าเธอเป็นฝ่ายผิด ซึ่งมันก็


เป็นเรื่องจริง เธอไม่ควรไปทาอย่างนั้นใส่สาวฝรั่ง ถึงอย่างไรเธอเป็น
เพียงลูกจ้างเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ไปโต้ตอบ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นลูกค้า หรือ
ใครก็ตามที่เข้ามาในบริษัท

หลังจากอเล็กซ์ฟังลาล่าเล่ามาสักพัก เขาเปลี่ยนไปซักถามทั้ง
ผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยและพนักงานเคาน์เตอร์ที่หน้ายังคงเขียวไม่
หายต่อ

ยิ่งผ่านไปต่อกี่นาที สีหน้าของอเล็กซ์เริ่มแดงระเรื่อ น้าเสียงเริ่มฟัง


ดูไม่ปลื้ม โดยเฉพาะการที่สาวฝรั่งพูดแทรกเข้ามาตลอด พร้อมชี้
หน้าจอย ทาราวกับต้องการย้าว่าจอยเป็นฝ่ายผิด ไม่มีข้อแม้ให้หลีกหนี
ความจริงนี้

ไม่นาน ความอดทนของอเล็กซ์ดูเหมือนจะหมดลง เขาล้วงกางเกง


เอากระเป๋าสตางค์มาเปิด แล้วหยิบเงินเป็นปึกให้ลาล่า พร้อมพูดออกมา
ด้วยน้าเสียงเหมือนสั่ง

ทว่าลาล่าไม่มีทีท่าสนใจเงินจานวนนั้นแม้แต่น้อยนิดให้เห็น เธอ
มองมันแค่แวบเดียวเท่านั้น ราวกับว่าเธอเห็นจานวนเงินมหาศาลขนาด
นั้นมาจนชินตา เธอกอดแขนชายหนุ่ม ร้องห่มร้องไห้ราวกับเธอต้องการ
สื่อให้รับรู้ว่า เงินจานวนนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ สิ่งที่ต้องการจริงๆ
เป็นเขาต่างหาก

อเล็กซ์ยังคงย้าคาพูดเดิม เน้นทีละคาช้าๆ ให้เข้าใจ พลางแกะมือ


หญิงสาวออกจากแขนตัวเอง

แต่ลาล่าไม่สนใจรับฟังคาพูดใดๆ ของชายหนุ่ม เธอกอดแขนแน่น


มากกว่าเดิม
อเล็กซ์ถอนใจออกมา สีหน้าของเขาเหมือนเริ่มจนปัญญาและเบื่อ
หน่าย จนกระทั่งเขาชายตามองมาทางจอย ในแววตาของเขาดูเหมือน
ตัดสินใจบางอย่างได้ขึ้นมา อเล็กซ์ตวัดสายตากลับไปที่สาวฝรั่ง แล้วพูด
ประโยคหนึ่งออกมาด้วยน้าเสียงจริงจัง ทาให้ลาล่าตัวแข็ง ดวงตาเบิก
โตไม่อยากเชื่อกับเรื่องที่ได้ยิน จากนั้นอเล็กซ์ค่อยๆ หันใบหน้ามาทาง
จอย แล้วผายมือข้างหนึ่งมา ลาล่าจึงหันขวับตามมามอง ในดวงตาสีฟ้า
ของสาวฝรั่งนอกจากไม่อยากเชื่อ ยังมีไม่ยอมรับความจริงและเกลียด
ชัดเจน

ลาล่าเปล่งเสียงออกมาอย่างคุกคาม ราวกับความอดกลั้นไม่มี
เหลืออยู่อีก หล่อนปรี่เข้ามาหาพร้อมเงื้อมือ ทาจอยตกใจจนถอยไป
หลายก้าว ทว่าลาล่ายังไม่ทันมาถึง ยามรีบเข้ามาบังพร้อมยกมือห้าม
ขณะเดียวกันอเล็กซ์จับแขนของหล่อนไว้ได้ทัน หล่อนจึงไม่สามารถเข้า
มาทาร้ายอย่างที่คิด นอกจากใช้วาจาและทากระฟัดกระเฟียดเท่านั้น

หนุ่มลูกครึ่งจับสาวฝรั่งหันมาเผชิญหน้า พูดด้วยน้าเสียงที่เริ่มสั่น
ราวกับเขาเริ่มจะหมดความอดทนจริงๆ แล้วในตอนนี้ ทว่าลาล่ายังคง
เหมือนเดิม หล่อนพยายามดิ้นให้หลุด หันหน้ามาทางจอย ด้วยแววตามุ่ง
ร้ายชัดเจน

ในเมื่อพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง อเล็กซ์จึงหันหน้าไปทางชายวัยกลางคน
“คูณยาม ปาเต้ออ๊อกป้าย !”

แน่นอนว่าผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยต้องงง ไม่เข้าใจที่อเล็กซ์สั่ง
เนื่องจากเขาไม่เคยพูดภาษาไทยสาเนียงเพี้ยนอย่างนี้มาก่อน

“คูณปาเต้อป้ายรองยาบาน รักษาแป้ รวมถึงคูณด้วย” อเล็กซ์ยื่น


เงินให้ยาม ด้วยสีหน้าถมึงทึง จากนั้นชี้ไปที่ลิฟต์ “ปาเต้ออ๊อกป้าย โพ้ม
ม่ายท้องการห้ายเต้อข้าวมานายนี้อี๊ก ปาเต้ออ๊อกป้าย เดียวนี !”
“ครับๆ ได้ครับคุณอเล็กซ์” ไม่นานผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยก็
ตีความหมายได้ว่า อเล็กซ์ต้องการให้เอาเงินจานวนนี้ไปจ่ายค่า
รักษาพยาบาล ให้ทั้งสาวฝรั่งและรวมถึงตัวเขาที่ได้รับบาดเจ็บ

ทว่าสาวฝรั่งไม่ยอมออกไปโดยดี ยามจึงต้องยกวิทยุสื่อสารขึ้นมา
เรียกผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ มาช่วยอีกแรง ไม่นานนัก ยาม
หน้าใหม่สองคนก็มาช่วยจับออกไป

“No ! alexfxxxxxx~ !”

หลังเสียงของลาล่าหายไปพร้อมกับประตูลิฟต์ที่ปิดสนิท อเล็กซ์
ถอนใจเบาบาง หันหน้าไปทางเลขาที่ยืนคู่กันอยู่เล็กน้อย “พวกคุณทั้ง
สองคน ช่วยไปตรวจงานที่เหลือแทนให้ผมหน่อยนะครับ” จากนั้นเขา
ชาเลืองมาทางจอยที่ยืนเด่นอยู่คนเดียวอีกด้าน “ส่วนคุณตามผมมา”

จบคาสั่งด้วยน้าเสียงเย็นชา เขาหมุนตัวเดินไปทันที จอยรู้สึกว่า


เขาห่างเหินจากเธอไปไกลเหลือเกิน

ตลอดทางที่เดินตามอเล็กซ์ จอยรู้สึกหวั่นใจว่าจะโดนตาหนิ
อะไรบ้าง อย่างที่แย่ที่สุด ที่เธอไม่อยากให้เป็นจริง นั่นคือโดนไล่ออก
เพราะภาวะทางอารมณ์

ทว่าเรื่องที่เธอคิดเอาไว้มันผิดหมด อเล็กซ์ไม่ได้นาเธอไปต่อว่า
ภายในห้อง ความจริงเขานาเธอไปขึ้นรถ แล้วออกมาจากบริษัท ตรงไป
ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
ระหว่างนางพยาบาลเช็ดล้างบาดแผลให้ จอยเห็นอเล็กซ์ที่กาลัง
เดินเข้ามาภายในห้อง ถูกนายแพทย์แว่นหนาคนหนึ่งทักทาย เลยต้อง
หันไปทักทายกลับตามมารยาท

ดูเหมือนระหว่างอเล็กซ์และหมอคนนั้นรู้จักกันมาก่อน แต่พวกเขา
พูดคุยกันไม่กี่ประโยค ทั้งสองก็เดินแยกกันไป

แต่ก่อนหมอแว่นจะจากไป เขาหันมาทางจอย ยกมือมาขยับกรอบ


แว่น ดวงตาวิบวับ เผยรอยยิ้มบางเบา แม้ใบหน้าของเขาจะดูเหมือน
พวกบ้าเรียน แต่พอเขาทาอย่างนั้น ทาให้เขากลายเป็นบุรุษหน้าเข้ม
กระชากใจได้อย่างมหัศจรรย์ ขณะเดียวกันใบหน้าของอเล็กซ์ดูถมึงทึง
และเริ่มแดงระเรื่อ ราวกับไม่ชอบการกระทานี้

จอยคิดว่านายแพทย์คนนั้นคงตั้งใจแกล้งยั่วยุเล่น เพราะเห็นเขา
หัวเราะทันทีที่หันกลับมาเห็นใบหน้าของอเล็กซ์ จากนั้นตบบ่าเบาๆ
หลายทีอย่างสนิทสนม

หลังจากนางพยาบาลทาแผลเสร็จเรียบร้อย อเล็กซ์จึงเดินเข้ามา
ครั้งนี้ใบหน้าของเขาดูกลับมาเป็นปกติ จอยคิดว่าเขาคงอารมณ์ดีขึ้น
แล้ว

แต่เมื่อเขามองมาที่ผ้าพันแผล ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเธอ


ใบหน้าของเขาเปลี่ยนมาเป็นรู้สึกผิด “ผมต้องขอโทษจริงๆ กับเรื่องที่
เกิดขึ้นกับคุณ ถ้าผมไม่สั่งคุณให้บอกคนอื่นห้ามเข้ามาภายในห้อง คุณ
คงไม่ต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้”
“คุณอเล็กซ์ไม่ผิดอะไรหรอกค่ะ” จอยส่ายหน้า “ฉันต่างหากที่ผิด
ถึงอย่างไรเธอคนนั้นก็เป็นแขกที่มาหาคุณ ซึ่งฉันไม่ควรไปตอบโต้อย่าง
นั้นใส่เธอ”

อเล็กซ์ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้า “ถ้าเป็นเรื่องที่คุณจอยกับลาล่า
ทะเลาะกัน เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก็แล้วกันครับ ผมไม่
อยากให้เรื่องมันบานปลาย”

เมื่อได้ยินชื่อของสาวฝรั่งคนนั้น ทาให้จอยเกิดความสงสัยขึ้นมา
ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เพราะตามหลักความเป็นจริง มันไม่น่ามีใครอยากจะ
พุ่งเข้าไปในห้องทางานคนอื่น หากไม่รู้จักกันอย่างสนิทสนมมาก่อน

แต่จอยไม่ถามออกไป เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของ
เขา เขาจะเกี่ยวข้องอะไรกับสาวฝรั่ง มันไม่ใช่เรื่องของเธอแม้แต่น้อย

อเล็กซ์ก้มหน้าเล็กน้อย พลางถอนใจเบาบาง “คุณอยากรู้ใช่ไหม


ครับว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ?”

จอยทาเสียงอ้าอึ้ง แน่นอนว่าเธอแปลกใจที่เขาถามขึ้นมา ราวกับ


ว่าเขารู้ความคิดของเธออย่างไรอย่างนั้น หรือว่าเขาสังเกตจากแววตา
ของเธอที่อยากรู้อยากเห็น จึงถามมาตรงๆ อย่างนี้

อเล็กซ์ไม่รอคาตอบจากปากของเธอว่าต้องการรับรู้หรือไม่ เขาพูด
ออกมาต่อ “เธอมีชื่อว่าลาล่า เธอเป็นแฟนเก่าผมเอง”

ในทันทีที่จอยได้ยินว่าแฟนเก่า ทาให้นึกไปถึงคาพูดของเพื่อน
จอมเมาท์ นอกจากนี้ยังทาให้เธอรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ
สาเหตุใด หรือว่าที่เธอรู้สึกอย่างนี้ คงเป็นเพราะกลัวว่า อเล็กซ์จะขอคืน
ดีกับแฟนเก่า ส่วนเธอก็ถูกเขี่ยทิ้งเหมือนดอกไม้ที่เด็ดมาสูดดมจนเบื่อ
อเล็กซ์หันไปมองผู้คนที่เดินสวนกันไปมาตรงทางเดิน เหมือนกับ
ว่าเขาไม่ต้องการให้เห็นความรู้สึกอะไรบางอย่างในดวงตา แต่เป็นเพียง
ชั่วครู่ก่อนหันกลับมา “ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเหมือนวันวาน เรื่อง
ระหว่างผมและเธอมันจบไปเนิ่นนานแล้วครับ ในตอนนี้ผมขอเพียง...”

แม้ชายหนุ่มไม่พูดออกมาต่อ มีเพียงแค่รอยยิ้มอ่อนโยนบางเบา
มอบให้ มันก็มากพอทาให้จอยเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อ

มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทาลายบรรยากาศ อเล็กซ์จึงเอาออกมากด
รับสาย พูดเป็นภาษาอังกฤษไม่กี่คาก่อนเก็บเครื่องเข้ากระเป๋า จากนั้น
กล่าวออกมา “เดี๋ยวผมไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ก่อน เสร็จแล้วผมจะ
พาคุณไปส่งที่บ้าน คุณจะได้พักผ่อน ส่วนผมจะกลับไปบริษัท ตอนนี้พ่อ
ผมและแขกคนอื่นๆ ใกล้จะมาถึงแล้ว”

“แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะ ฉันไปทางานต่อได้ค่ะ” จอยรีบ


บอก

“อย่าดีกว่าครับ” อเล็กซ์ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่เห็นด้วย “ผมไม่


อยากให้แผลมันช้าหรือเกิดอะไรที่เลวร้ายจากบาดแผลตามมา ผมอยาก
ให้คุณพักผ่อนรักษาตัวให้ดีก่อน แล้วค่อยกลับไปทางานก็ยังไม่สายนะ
ครับ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องกังวล ผมยินดีจ่ายให้คุณตามที่ตกลงกันไว้ ไม่
มีลดแน่นอนครับ”

จอยทาเสียงอ้าอึ้งก่อนตอบออกไปเสียงเบาอย่างยินยอม “ก็ได้ค่ะ
...”

อเล็กซ์ลุกขึ้นยืน “ถ้างั้นรอผมครู่หนึ่งนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา” ว่า


จบเขาก็หมุนตัวเตรียมเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวค่ะ” จอยรีบเรียก พอเขาหมุนตัวกลับมา เธอเกิดลังเลจะพูด
อเล็กซ์จึงเป็นฝ่ายถามแทน

“มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ ?”

แต่จอยไม่ตอบทันที เธอเอาแต่นิ่งเงียบเหมือนกาลังชั่งใจ
จนกระทั่งครู่หนึ่งผ่านไป เธอเลือกส่ายหน้าแทน “ไม่มีอะไรค่ะ”

“ถ้าคุณหายดีแล้ว ผมจะชดใช้ที่ผมเป็นต้นเหตุทาให้คุณเป็นอย่าง
นี้นะครับ แต่ตอนนี้ผมขอเก็บเอาไว้เป็นความลับก่อนว่าผมจะชดใช้ยังไง
ให้คุณ ผมอยากเซอร์ไพรส์คุณครับ” ชายหนุ่มขยิบตาให้ก่อนเดินจาก
ไป

หลังจากไม่เห็นแผ่นหลังของเขาแล้ว จอยไม่สามารถอดกลั้นได้
ไหวอีกต่อไป เธอยกมือสองข้างปิดหน้า ไม่อยากให้ใครเห็นน้าตาที่เอ่อ
ออกมา แต่ไม่ใช่เกิดจากความเจ็บของบาดแผล มันเกิดจากตัวของอ
เล็กซ์

จอยรู้สึกผิดจนไม่น่าให้อภัย เขาดีเกินไปสาหรับเธอจริงๆ เรื่องราว


ที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง เธอรู้กับใจดีว่าเธอทาอะไรลงไป เธอมันเป็นนาง
ผู้หญิงวิปริตและหลายใจ อเล็กซ์ทาดีกับเธอมากขนาดนี้ เธอกลับหลอก
เขา เธอไม่อยากจะทาร้ายชายหนุ่มไปมากกว่านี้ ใจของเธออยากจะ
บอกเลิก แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะเก็บเขาเอาไว้ ไม่แตกต่างจากไอ้หน้า
หมาเช่นเดียวกัน เธอก็อยากจะบอกเลิกกับมัน แต่ภายในใจอยากเก็บมัน
ไว้ แม้มันดิบเถื่อน แต่กลับทาให้เธอเกิดความรู้สึกที่ไม่เข้าใจขึ้นมา
ระหว่างตัวมันและตัวเธอ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าไม่อยากสูญเสียมัน
ไปพอๆ กับอเล็กซ์
つづく

การ์ตูนเรื่อง dragon ball (ดรากอนบอล) เป็นการ์ตูนที่โด่งดังในระดับ


ตานานของโลกเรื่องหนึ่ง มีการดาเนินเรื่องโดยใช้ตัวละครเอกที่ชื่อว่า
โมกุน มีท่าไม้ตายที่รู้จักกันคือ พลังคลื่นเต่า โดยเนื้อหาหลักๆ คือการหา
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และค้นหาลูกแก้วให้ครบ 7 ลูก เพื่อเรียกเทพเจ้ามังกร
ออกมา สามารถขอพรวิเศษได้ 1 ข้อ ต่อการเรียกเทพเจ้ามังกรหนึ่งครั้ง
ความจริงตัวละครตัวเอกชื่ออ่านตามภาษาญี่ปุ่นว่า ซุนโกคู หรือ โงคู แต่
ในส่วนที่เรียกออกเสียงว่า โงกุน เพราะการพากษ์สมัยก่อนอาจเพี้ยน
หรือทางทีมพากย์เสียงอาจเปลี่ยนชื่อตัวละคร ให้มาเป็น โงกุน แทน
เพราะเกรงว่าเด็กๆ สมัยนั้นอาจเอาไปผวนเล่นกัน นอกจากนี้ ในช่วงยุค
ทองของการ์ตูน ทาให้เกิดแฟชั่นใหม่ขึ้นมา นั่นคือการทาสีผมให้เป็นสี
เหลืองเหมือนฝรั่ง แล้วใช้เจลบังคับผมให้ชี้ตั้ง เพื่อจะได้เหมือนตอน
พระเอกกลายร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 17

ในตลอดหลายวัน อเล็กซ์จะมาเยี่ยมจอยถึงบ้านตลอด โดยมีของ


ฝากเป็นอาหารบารุงร่างกายพกมาบาน ทาจอยหลงคิดไปว่าตัวเอง
กลายเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ เลยต้องเอาของบารุงมากมายมาให้

บาดแผลฟกช้าตามตัวของจอยเริ่มดีขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
จนกระทั่งร่างกายกลับมาเป็นปกติเหมือนดังเดิม ไม่มีส่วนไหนบุบสลาย
หรือว่าเป็นรอยแผลเป็นให้เห็น

แต่อันที่จริงมันไม่ควรใช้คาว่า ตามเวลาทีผ
่ า่ นไป ได้แม้อย่างน้อย
เนื่องมาจากร่องรอยบาดแผลที่หายไปนั้น มันไม่ใช่เพราะยาจากหมอ
หรือยาบารุง ความจริงมันมาจากไอ้หน้าหมา เมื่อมันเห็นบาดแผลของ
เธอ จึงแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยการเอาขวดน้ายามหัศจรรย์สูตร
ป้าเช็ง มาทาให้

ตอนแรกจอยหลงดีใจที่มันช่างมีมุมน่ารักอย่างนี้ ทว่าทันทีที่แผล
หายไปจนหมด เธอแทบกลับความคิดไม่ทัน เธอถูกไอ้หน้าหมาจับกินตับ
จนเสียงดังสะท้อนภายในห้อง ตับ ตับ ตับ !!!

ถึงแม้เป็นเรื่องดีที่บาดแผลหายไปหมดภายในวันเดียว แต่จอยก็ไม่
อาจเปิดเผยผิวกาย เธอต้องมาใช้ผ้าพันแผลปิดบังเอาไว้ เพื่อไม่ให้อ
เล็กซ์เกิดความแปลกใจ ส่วนที่เหลือหลังจากนั้นโกหกไปว่าใช้ครีมลบ
รอยแผลเป็น จึงไม่มีร่องรอยให้เห็น

ในวันนี้อเล็กซ์พาจอยมาเที่ยวที่ห้าง ตามคาสัญญาที่เขาให้ไว้
จอยเดาว่า ส่วนหนึ่งที่เขาเอาใจเธอมากขนาดนี้ คงไม่อยากให้
แฟนใหม่ไปมีใคร เหมือนกับเหตุการณ์แฟนเก่าของเขา จึงใช้ความรวย
ของตน เพื่อหวังจะให้เธออยู่กับเขา ไม่คิดนอกใจไปมีใครคนอื่น

แต่ว่าคนอื่นที่ว่า... มันไม่ใช่คนนี่สิ

ถึงอย่างไร นั่นเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น ความจริงเป็น


อย่างไร เธอเองก็ไม่ทราบ เพราะเหตุใดเศรษฐีระดับอย่างเขา มาชอบ
ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ โดยเฉพาะจอยไม่มีอะไรไปเทียบแฟนเก่าของเขา
ได้เลย นอกจากหน้าอกภูเขามโหฬารเท่านั้นที่อาจจะสู้ได้

เมื่อนึกมาถึงตรงจุดนี้... จอยมองหน้าอกใหญ่ยิ่งกว่ากาปั้นของ
ตัวเอง ความจริงอาจเป็นคาตอบที่ถูกต้องก็ได้ เหตุผลไม่มีอะไรมาก เขา
อาจชอบผู้หญิงมีหน้าอกภูเขา ยิ่งใหญ่เท่าไรก็ยิ่งดี จะได้ขยาได้เต็มมือ
เหมือนที่บิ๊กมันชอบทา

ไม่แน่... อเล็กซ์อาจรอเวลาเหมาะสม จากนั้นกลางนิ้วทั้งสิบ แล้ว


ลงมือขยาให้สะใจ

จอยสลัดความคิดลามกออกไปจากหัว จากนั้นวกกลับมาเรื่องที่อ
เล็กซ์ต้องการไถ่โทษต่อ

อันที่จริง ตอนแรกชายหนุ่มต้องการพาไปเที่ยว สถานที่ไหนสัก


แห่งหนึ่ง ที่ดูเหมาะสมระดับเศรษฐีอย่างเขาที่จะควงแขนสาวไป ไม่ใช่
ในห้างที่มีผู้คนพลุกพล่าน จนไม่มีพื้นที่ให้เป็นความส่วนตัวอย่างนี้

แต่ก่อนถึงวันนัดแค่วันเดียว อเล็กซ์ถามเธอว่าต้องการไปเที่ยวที่
ไหนพิเศษหรือไม่ ? หรือว่าจะให้เขาเลือกให้แทน ?
จอยคิดว่าเขาคงอยากได้ยินการตัดสินใจของเธอเองมากกว่า เลย
ถามอย่างนั้นออกมา

เธอจึงตอบขอแค่ไปเดินเล่นในห้างพอ เนื่องจากไม่อยากรบกวน
เขาไปมากกว่านี้ เพราะแค่เรื่องเอาของมาฝากให้เธอ มูลค่าของมันก็
น่าจะเกินหลักหมื่นเข้าไปแล้ว จนถึงทุกวันนี้ เธอเอาแต่จ้องมองขวด
อาหารเสริมเท่านิ้วโป้ง เขียนราคาชัดเจนเป็นหลักพัน เธอไม่กล้ายื่นมือ
ไปแตะต้อง เพราะราคาของมันช่างเขย่าขวัญจริงๆ

แม้ไม่ได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาในสถานที่สวยๆ ที่ชายหนุ่มอยากพา
ไป อย่างน้อยภายในห้างอากาศก็เย็นสบาย ไม่ร้อนตับแตกตามฤดูกาล
ของประเทศไทย ที่มีแต่ร้อนและก็ร้อนเพียงอย่างเดียว แต่ก็มีบ้างที่เป็น
ช่วงฤดูหนาว ประมาณเกือบยี่สิบวัน ส่วนที่เหลือทั้งหมดของทั้งปีก็ร้อน
ตับแตกเหมือนเดิม

ในตอนนี้จอยและหนุ่มลูกครึ่งมาอยู่ตรงป้ายโฆษณาภาพยนตร์

“ดูหนังเรื่องไหนดีครับ ?” อเล็กซ์หันมาขอความคิดเห็น

“ยังไม่รู้ว่าจะดูเรื่องไหนเหมือนกันค่ะ” เท่าที่จอยดูรายชื่อของหนัง
อย่างละเอียด มีหนังให้เลือกดูอยู่ด้วยกันหกเรื่อง ซึ่งสองในหกนั้นเป็น
หนังไทย เรื่องแรกเป็น ลูกแดงพระโขนง ที่เป็นหนังภาคต่อจากเรื่อง แม่
นาคพระโขนง และหนังไทยอีกเรื่อง เป็นแนวตลก มุกสุดแสนจะฝืด

ต่อมาเป็นพวกหนังฝรั่งอีกสี่เรื่อง ซึ่งสองเรื่องแรกเป็นหนังแนวบู๊ มี
ตัวละครเอกเป็นดาราหัวเถิก แค่เห็นใบหน้านักแสดงนา ไม่ต้องอ่าน
รายละเอียดก็รู้ได้ทันที ในตลอดทั้งเรื่อง มันต้องเก่งเพียงผู้เดียว
ส่วนเรื่องที่สาม เป็นการ์ตูนชื่อเรื่องว่า my wolf หมาป่าในดวงใจ
เนื้อหาของเรื่อง เท่าที่อ่านคร่าวๆ มันเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียทุก
สิ่ง ไปเก็บลูกหมา ไม่สิ มันน่าจะเป็นลูกมนุษย์หมาป่ามากกว่า เอามา
เลี้ยงเหมือนลูก แม้ชื่อเรื่องของมันน่าจะเป็นการ์ตูนใสๆ ดูไม่น่าสนใจ
อะไรมากมาย แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จอยจาได้ว่าเพื่อนสาวพาหลานไปดู
การ์ตูนเรื่องนี้ หลังจากหนังจบ เพื่อนเล่าว่า คนที่เดินออกมา น้าตาแตก
กันเกือบทุกราย ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันซึ้งมาก เนื้อหาดี
จริงๆ อย่าให้ชื่อเรื่องหน่อมแน้มของมันหลอกเด็ดขาด

และโปสเตอร์หนังสุดท้าย มีชื่อเรื่องเขียนว่า under the moon


มนุษย์หมาป่าคลัง่ รัก

จอยเหลือบตาขึ้นไปมองทางชายหนุ่ม เห็นอเล็กซ์มีรอยยิ้มมุมปาก
ทาให้เธอสงสัยว่าเขายิ้มอะไร จึงมองไปตามสายตาที่เขาจ้องดู เป็น
โปสเตอร์หนังสยองขวัญเรื่องสุดท้าย ซึ่งมีภาพเป็นผู้หญิงหน้าตาเหมือน
นักแสดงคนไทย ร่างกายอ้อนแอ้น มีหน้าอกภูเขา สวมใส่เสื้อผ้าเหมือน
ของวัยรุ่น กาลังทาท่าตกใจตาถลน อ้าปากราวกับหวีดร้อง แต่ไม่แน่ใจ
นางนั่นร้องเพราะตกใจกลัวหรือตื่นเต้น ที่ด้านหลังของนักแสดงหญิง มี
มนุษย์หมาป่าขนดา ร่างกายบึกบึน สวมกางเกงขาสั้น อยู่ในท่าโอบเอว
ผู้หญิงคนนั้น จนดูเหมือนภาพล่อแหลม จอยคิดว่าถ้าให้ไอ้มนุษย์หมาป่า
นั่นมายืนอยู่ด้านหน้า มันคงบังตัวหญิงสาวจนมิดแน่ จึงต้องยืนอยู่
ด้านหลัง หากจะให้เปรียบเทียบมนุษย์หมาป่าตัวนั้น รูปร่างหน้าตาของ
มันออกแบบมาเหมือนกับพระเอกหนังเรื่อง Van Helsing นักล่าล้าง
เผ่าพันธุ์ปศ
ี าจ ในตอนที่ตัวพระเอกกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าขนดาล่า
บึก

“คุณอเล็กซ์คะ”
จอยหันไปเรียกชายหนุ่ม แต่เขายังคงจ้องดูโปสเตอร์หนังอยู่อย่าง
นั้น เธอจึงเรียกชื่อเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนี้เรียกดังมากขึ้นเล็กน้อย
ชายหนุ่มถึงหลุดออกมาจากภวังค์ แล้วหันมายิ้มแห้งๆ ให้กับเธอ

“ผมขอโทษครับ พอดีผมคิดอะไรเพลิดเพลินไปหน่อย ตกลงคุณจอ


ยอยากดูเรื่องอะไรครับ ?”

จอยหันไปมองดูตารางเวลาแบบดิจิตอลตรงโต๊ะจาหน่ายบัตร ทา
ให้รู้ว่าเรื่องไหนจะฉายรอบต่อไป นึกได้ตามหลังมา วันนี้มันเป็นวันพุธ
ราคาหนังจะถูกกว่าปกติ

เธอหันมาชี้โปสเตอร์หนังตรงหน้าแทน “เอาเรื่องนี้ไหมคะ ? มัน


ใกล้รอบฉายพอดี เราจะไม่ต้องรอนาน”

“เรื่องมนุษย์หมาป่านี่หรือครับ ?” อเล็กซ์เลิกคิ้ว

“ถ้าคุณอเล็กซ์ไม่ชอบก็ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวรอดูเรื่องอื่นก็ได้ค่ะ”
จอยหันไปมองดูตารางเวลาของหนังที่จะฉายรอบต่อไปหลังจากนี้

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเอาตามใจคุณจอย ตอนนี้เราไปซื้อตั๋วดูหนัง


กันดีกว่าครับ เดี๋ยวเราตกรอบ”

“อุแว้ อุแว้ อุแว้วววววว !”

ในโรงหนังของประเทศไทย มักไม่มีทางหลีกหนีความจริงนี้
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และช่วงปิดเทอม

“แง แง แง หนูจะกินพิซซ่า แงงงงงง !”


ใบหน้าของจอยดูเย็นชา เส้นเลือดที่หน้าผากเต้นตุบๆ เมื่อมองไป
ทางด้านมุมซ้ายสุด คุณแม่วัยเจริญพันธุ์กาลังใช้ปัญญาในการคิดหาวิธี
เอาขวดนมอุดปากลูก ส่วนที่อีกด้านมุมขวา เด็กชายวัยอนุบาล กาลัง
ขย่มเก้าอี้พร้อมแหกปากร้อง โดยมีคุณแม่ที่ทาเสียงจุ๊ๆ เหมือนจิ้งจกอยู่
ข้างๆ บอกให้เงียบ แต่ทว่าเด็กยังคงร้องไม่ยอมหยุดเหมือนเดิม ทาให้
จอยแปลกใจไม่น้อย ปกติหนังสยองขวัญอย่างนี้ พ่อแม่ไม่น่าพาลูกมาดู
ความจริงน่าจะพาไปดูการ์ตูนมากกว่า

“อุ๊ยตาย จริงหรือตัวเอง ได้จ้ะ”

จอยตวัดสายตาไปทางด้านหลัง เห็นหนุ่มสาววัยรุ่นหัวเราะคิกคัก
ในตอนนี้กาลังเล่นปูไต่บนคันนา คาดว่าหลังหนังจบ คงจะไปเล่นกันต่อ
ในรูปู

จอยผ่อนลมหายใจออกมา ในเมื่อรู้ว่าไม่อาจหลีกหนีความจริงนี้
เธอจึงเลือกทาเป็นหูทวนลมไป

ทั้งสองคนนั่งดูหนัง จนผ่านไปประมาณสี่สิบนาที มนุษย์หมาป่าก็


โผล่ออกมาตามสูตร แน่นอนว่าหนังทานองนี้ไม่มีอะไรมาก มีแค่เนื้อหา
กลุ่มวัยรุ่นไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศ หลังจากนั้นไม่สามารถหนีไปไหน
ได้ทั้งสิ้น อาจด้วยเหตุผลที่ว่ารถเสีย หรืออะไรอย่างอื่นที่ต้องทาให้รถ
ไม่สามารถใช้งานได้ จากบ้านพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางป่าไม้ ก็
เปลี่ยนมาเป็นบ้านสยองขวัญ หลังจากนั้นต้องมีผี หรือสัตว์ประหลาด
ออกมาไล่ฆ่ากลุ่มวัยรุ่นไปทีละคน สุดท้ายก็เหลือนางเอกที่เป็นสาว
พรหมจารีรอดเพียงคนเดียว
แต่ก็ไม่เสมอไป บางครั้งก็จะมีเด็กเป็นตัวแถมมาด้วย อย่างใน
คราวนี้ หนังสยองขวัญมันมี เด็กเสียว คอยสร้างสีสันให้น่าตื่นเต้น อย่าง
น้อยก็ไม่ทาให้หนังดูน่าเบื่อจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงที่ผู้ชมจะคาดเดาเส้น
เรื่องออก หรือไม่ก็บางครั้งยังถูกผู้ชมด่าเละก็มี เนื่องจากไม่มีความ
สมเหตุสมผล เพราะเด็กเสียวนั่นจะต้องอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้า
ขวานตลอด เหมือนเป็นการหลอกล่อให้ตัวละครผู้ใหญ่ในเรื่องไปช่วย
หลังจากนั้นทุกคนที่อยู่ใกล้ไอ้เด็กนี่ก็จะตาย ส่วนเด็กเสียวรอดตั้งแต่
แรกจนกระทั่งจบเรื่อง

สรุปที่หน้าด่ามากที่สุด ไม่ใช่เนื้อหาของหนังเกรดบีจาพวกนี้
ความจริงมันน่าจะเป็นเด็กเสียวมากกว่า มันเล่นเอาทุกคนในเรื่องตาย
กันเกือบหมด

หนังเกรดบีจาพวกนี้ มีบางส่วนคงอยากเพิ่มสีสันให้กับเรื่อง ไม่ให้


มันดูแค่สยดสยองแค่นั้น หรือว่ากลัวจะไม่มีแรงดึงดูดให้นา่ สนใจ เลยทา
ฉากหนุ่มนักกีฬาดาวเด่นของโรงเรียนมากินตับสาวเปรี้ยว ยัดเข้ามาเป็น
ส่วนหนึ่งในเรื่องด้วย

(โอ้ ! จอร์จเร็วอีก เร็วอีก อู๊ว สุดยอดเลย ไส้กรอกใหญ่ยาวแบบนี้


ใช่เลย !)

จอยชาเลืองมองอเล็กซ์ ในตอนนี้เขาดูหนังปกติ ไม่มีแสดงสีหน้า


อะไรออกมาให้รับรู้ว่ามีอารมณ์ร่วมไปกับหนังแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าดู
ฆ่าเวลาไปแค่นั้น

เมื่อจอยตวัดสายตากลับไปที่จอหนัง เป็นจังหวะที่สาวเปรี้ยวถูกจับ
หันหลังอยู่ในท่าด็อกกี้พอดี หลังจากนั้นหนุ่มนักกีฬาแรงม้ากลายร่าง
เป็นมนุษย์หมาป่า ลงมือกระแทกอย่างหนักหน่วง จนหญิงสาวในจอเด้ง
หน้าเด้งหลังไม่หยุด กระนั้นสาวเปรี้ยวยังคงครวญครางไปด้วยความ
เสียวไส้ โดยไม่รู้ตัวว่าในตอนนี้ไส้กรอกที่ช่องทางลับกาลังกินอย่าง
เอร็ดอร่อย มันกลายร่างเป็นไส้กรอกเนื้อหมาของแท้เรียบร้อยแล้ว !!!

ภาพนั้นทาให้ใครหลายๆ คนในโรงหนัง มองตาค้าง บางคนกาลัง


ดันป๊อปคอร์นเข้าปากก็ปล่อยร่วงไป ไม่เว้นแม้แต่เด็กที่ถูกจุกนมปลอม
ยัดปาก ก็ไม่อาจรักษาจุกนมให้อยู่ในปากได้ ส่วนเด็กอีกคน ตอนนี้ไม่
ร้องว่าอยากกินพิซซ่าอีกต่อไปแล้ว เปลี่ยนใจราพึงราพันออกมาว่า หนู
อยากกินไส้กรอก

จอยชาเลืองมองอเล็กซ์อีกครั้ง หากสังเกตไม่ผิด คราวนี้เหมือน


เขามีรอยยิ้มบางเบา แววตาเปล่งประกายลี้ลับ

เมื่อจอยตวัดสายตากลับไปดูหนังต่อ ขณะที่สาวเปรี้ยวเพลิดเพลิน
กับอวัยวะท่อนนั้นของมนุษย์หมาป่า มีเพื่อนชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
ทาให้เห็นภาพสุดวิปริตเข้า ทว่าคนที่เปิดเข้ามาไม่มีแค่คนเดียว ยังมี
น้องชายของคนเปิดประตูตามมาด้วย

สาวเปรี้ยวและมนุษย์หมาป่า หันขวับไปมองด้วยความพร้อมเพรียง
แต่ทว่าแสดงอารมณ์ต่างกันออกไป สาวเปรี้ยวมองด้วยใบหน้าตกใจ
เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนเปิดเข้ามาในช่วงที่เข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้
ส่วนมนุษย์หมาป่ามองด้วยใบหน้าถมึงทึง ราวกับจะตวาดออกมาว่า เข้า
มาทาไมวะ !

เด็กน้อยคนนั้นร้องจนลิ้นสั่นระรัว แต่ทว่าก็แหกปากร้องไม่นาน
ถูกพี่ชายที่หายตะลึง คว้าร่างแบกบนบ่าแล้ววิ่งหนีไปด้วยความรวดเร็ว
สาวเปรี้ยวรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกผิดปกติกับท่อนเนื้อที่เข้าออก
ภายในตัว จึงเอี้ยวคอหันกลับไปมอง ทาให้รับรู้ว่า หนุ่มรูปหล่อที่ร่วมรัก
ด้วย ในตอนนี้กลายเป็นสัตว์หน้าขน มันแยกเขี้ยวขณะยังคงกระแทก
ด้วยความเร็วสูง สาวเปรี้ยวกรีดร้องทันใด

หลังจากจบหนังสุดอุบาทว์ อเล็กซ์กับจอยก็ออกมานั่งเล่นภายนอก
ชั่วคราวก่อนเดินเที่ยวต่อ

“พรุ่งนี้คุณอยากจะไปเที่ยวไหนอีกครับ ?” อเล็กซ์ถามขึ้นมา
หลังจากยกแก้วน้าดื่ม

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” จอยบอกด้วยน้าเสียงลังเล “เอาเป็นว่าไปไหนก็


ได้ที่คุณอยากพาไปก็ได้ค่ะ” เธอคิดในใจต่อ ตกลงแล้วจ้างเธอมานา
เที่ยว หรือว่าจ้างเธอไปเที่ยวโดยมีเขาเป็นเบ๊ไปด้วย

“งั้นพรุ่งนี้เรามาดูหนังอีกเรื่องดีไหมครับ ?” อเล็กซ์หันไปมอง
โปสเตอร์หนังที่ดูเด่นตา “ผมอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับผีไทย”

“ได้ค่ะ” จอยมองไปตามสายตา ถึงเข้าใจว่าเขาอยากดูเรื่องหนังผี


ตลก โดยมีตัวละครเอกเป็นผีเด็กยืนกลับหัวอยู่บนเพดาน ทาเหมือนผีตัว
แม่ที่กาลังยืดมือออกมาไกลหลายสิบเมตร จากนั้นจอยมองเลยไปที่
ตัวอย่างหนังที่เพิ่งดูมาไม่นานนี้ ทาให้เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เธอจึงหัน
กลับมาถามชายหนุ่ม “ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ ?”

“ว่ามาเลยครับ ผมยินดีตอบทุกเรื่องอยู่แล้ว” อเล็กซ์เผยรอยยิ้ม


“ถ้าเรื่องนั้นผมรู้นะ”
จอยอมยิ้ม เพราะแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ‘เข้าใจเล่นมุกตลกนะพ่อ
รูปหล่อ’

มาถึงตอนจะถาม กลับไม่กล้า จอยเอาแต่อ้าอึ้ง เขี่ยป๊อปคอร์นที่


เหลือในกล่องเล่น กลัวอเล็กซ์คิดว่ามันเป็นคาถามไร้สาระ

จนเมื่อเห็นแววตาของเขาที่รอคอย เธอจึงตัดสินใจเอ่ยออกไปใน
ที่สุด “คุณคิดว่าเป็นยังไงคะ เกี่ยวกับหนังมนุษย์หมาป่าเมื่อสักครู่นี้ที่เรา
ดูกัน”

อเล็กซ์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ดวงตาชาเลืองไปทางตัวอย่างของ
หนังมนุษย์หมาป่าที่ฉายในทีวี นิ้วเคาะแก้วน้าอัดลมเล่นเป็นจังหวะ ทา
ราวกับเพื่อให้หาคาตอบที่ดูดีที่สุดได้เร็วมากขึ้น จนกระทั่งเขาก็พูด
ออกมา “ผมตอบไม่ถูกเหมือนกันครับ ผมว่าตัวหนังมันก็ทาออกมาอยู่ใน
คุณภาพค่อนข้างต่า แล้วมนุษย์หมาป่านั่น ก็ดูแบบว่า...” เขาเงียบไป
เหมือนกาลังชั่งใจ ไม่นานเขาทิ้งตัวให้หลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วพูดต่อ “ผม
ว่ามันก็ทาออกมาเหมาะสาหรับหนังคุณภาพเกรดบีแล้ว ไม่ได้มีอะไร
พิเศษมาก ส่วนมนุษย์หมาป่าที่ว่านั่นก็ดูไม่สมจริงเท่าไร แต่ผมไม่ขอพูด
ถึงฉากที่มนุษย์หมาป่าทาเรื่องแบบว่า...” อเล็กซ์เม้มปาก “ที่มันทาอะไร
กับหญิงสาวในเรื่องนะครับ”

จอยหัวเราะบางเบาเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเริ่มแดงระเรื่อด้วย
ความเขิน เขาคงนึกถึงฉากวิปริตนั้น

หลังจากนั้นชายหนุ่มรีบหัวเราะตามด้วย อาจต้องการทาให้เห็น
เป็นแค่เรื่องตลกร้ายเรื่องหนึ่ง
จอยหัวเราะไม่นาน เธอถามกลับอีกครั้ง “แล้วคุณอเล็กซ์คิดว่า...
มนุษย์หมาป่ามันมีจริงไหมคะ ?” เธอแกล้งทาแววตาใสซื่อ แต่ความจริง
ตั้งใจทดสอบการตอบสนองท่าทีของเขา

“ผมคิดว่ามันคงไม่มีจริง” อเล็กซ์ยังคงติดหัวเราะอยู่บางเบา ทาให้


คาพูดเหมือนเล่าเรื่องตลกทั่วไป เขาจึงเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อปรับอารมณ์
จากนั้นเริ่มพูดต่อ “จากที่ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับตานานมนุษย์หมา
ป่ามา คาว่า Werewolf (แวร์วูล์ฟ) มันไม่น่าหมายถึงมนุษย์ที่สามารถ
กลายร่างเป็นหมาป่าในคืนพระจันทร์เต็มดวง ความจริงมันน่าจะเป็นคา
เปรียบเทียบ เหมือนกับสุภาษิตไทยที่ใช้เปรียบเทียบการกระทาต่างๆ
ของมนุษย์ คาว่ามนุษย์หมาป่านี้ มันน่าจะตีความประมาณว่า คนคนนี้มี
นิสัยเหมือนกับสัตว์ป่า หรืออาจหมายถึงเป็นคนไม่ดี มีการกระทา
เหมือนกับสัตว์ป่าเดรัจฉาน ไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก แค่ทาตาม
สัญชาตญาณอย่างเดียว ไร้ซึ่งอารยธรรม ทาตัวเป็นเหมือนคนบ้านป่า
เมืองเถื่อน หรือไม่ก็มีภาวะทางจิตไม่สมประกอบ ลอกเลียนการกระทา
เหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย ถ้าให้ผมยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน
คงเหมือนกับตานานเสือสมิงของไทย ที่เล่าว่าเกิดจากวิชาดามืดทางไสย
ศาสตร์ หรือไม่ก็วิญญาณร้ายของเสือเข้าสิง ทาให้บุคคลนั้นกลายเป็น
สัตว์ดุร้าย มีทั้งแปลงกายเป็นเสือถาวรเพราะถูกวิชาดามืดตีย้อนกลับ
หรือกลายร่างเป็นเสือโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็เป็นเฉพาะบางช่วงเวลา แต่
โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในร่างของมนุษย์ เมื่อเริ่มหิว มันอาจแปลงกายเป็น
เสือเพื่อออกไปล่า หรือไม่ก็แปลงกายเป็นใครก็ได้ที่มันกินเข้าไป โดย
มันจะใช้ร่างนั้นเข้าไปใกล้คนรู้จักของร่างที่มันกินไปก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นก็จับเหยื่อที่ไม่ระวังตัวกิน แล้วเริ่มใช้วิธีนี้ใหม่อีกครั้งกับ
เหยื่อใหม่รายต่อไป ผมคิดว่าเรื่องเล่านี้อาจเกิดจากคาสั่งสอนของคน
สมัยก่อน ประมาณว่า อย่าไว้วางใจคน แม้คนนั้นจะเป็นคนใกล้ชิดก็ตาม
เพราะคนที่น่ากลัวที่สุด อาจเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา บางครั้งการ
ไว้วางใจมากเกินไป อาจนาภัยมาสู่ตัวเองและครอบครัว เช่นเดียวกับ
เรื่องเล่าเสือสมิง มันอาจตีความหมายเป็นการกระทาของคนคนหนึ่งที่ดุ
ร้ายเหมือนกับเสือ หรือไม่ก็อาจหมายถึงตรงความสามารถในการแปลง
กาย ใช้รูปลักษณ์ภายนอก เพื่อหลอกให้หลงไว้วางใจ จึงไม่แตกต่าง
จากตานานมนุษย์หมาป่า ถ้าใครอยู่ใกล้กับคนที่เป็นมนุษย์หมาป่า โชค
ร้ายในคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง อาจถูกสัตว์ร้ายในร่างคนนี้
ออกมาฆ่า ซึ่งอาจมีทั้งจงใจและไม่จงใจในการกลายร่าง”

คาอธิบายของชายหนุ่ม ทาจอยรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนชน
ชาติอื่น เพราะเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับตานานพวกนี้ เธอไม่เคยคิดในแง่มุม
ที่ลึกซึ้งมากขนาดนี้มาก่อน เธอรู้แค่ว่ามันเป็นตานานเสือแปลงกายเป็น
มนุษย์ได้เท่านั้น

“คุณชอบหนังเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าหรือครับ ?” อเล็กซ์ถามก่อน
ยกขวดน้าอัดลมดื่ม

จอยยิ้มแห้งๆ พลางส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ”

อเล็กซ์สังเกตหญิงสาวเหมือนไม่มีอะไรจะถามอีก จึงดูเวลานาฬิกา
ข้อมือแวบหนึ่ง แล้วบอก “คุณจอยนั่งรอตรงนี้ไปก่อนนะครับ ผมจะเอา
ขยะไปทิ้งก่อน แล้วเราค่อยไปหาอะไรกินกัน”

“ได้ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ

ระหว่างที่รออเล็กซ์กลับมา จอยนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงรีบ


ล้วงกระเป๋าสตางค์ของตัวเองบนโต๊ะ เอาโทรศัพท์ออกมา เปิดไปที่แอป
โซเชียลมีเดีย แล้วกดขยายดูรายละเอียดของไอ้หน้าหมา
หลังจากตรวจดูละเอียดถี่ถ้วน ไม่มีรูปภาพเก่าๆ ของมันเลย เว้น
เพียงรูปเป้ากางเกงลามกนั้นที่ส่งมาให้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่มีอะไร
ทั้งสิ้น มันมีเพียงเธอเท่านั้นที่กดเป็นเพื่อนเอาไว้ สันนิษฐานได้ทันทีว่า
มันต้องระวังตัวเอามาก คงกลัวว่าความลับถูกเปิดเผย

จนกระทั่งเธอเห็นตรงปุ่มที่เขียนว่า เช็กอิน ทาให้เธอฉุกคิด เธอก็


แค่หาแอปอะไรก็ได้ ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคล เธอจะ
เห็นได้ทันทีว่าไอ้หน้าหมาอยู่ไหน

ก่อนจะทาอย่างนั้น เธอต้องฝึกใช้โทรศัพท์ให้คล่องแคล่วก่อน
โดยเฉพาะเรื่องระบบของแอป

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่เธอต้องเอามาขบคิดให้ปวดหัว ใน
เมื่อแค่ไปขอร้องเพื่อนจอมเมาท์ให้ช่วยสอนก็สิ้นเรื่อง

ปัญหาที่ใหญ่จริงๆ มันน่าจะอยู่ตรงโทรศัพท์ของไอ้หน้าหมา
มากกว่า จะต้องทาอย่างไรถึงจะเอาโทรศัพท์ของมันมาดาวน์โหลดแอป
โดยที่ตัวมันไม่เอะใจว่าเธอต้องการพิสูจน์ตัวตน

จอยรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาฉับพลัน เหมือนกับว่าสัญชาตญาณ
เตือนถึงอันตรายอะไรบางอย่าง จึงมองไปรอบตัว เพื่อหาบางสิ่งที่เป็น
ลางสังหรณ์ แต่ไม่เห็นอะไรที่ทาให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น

เธอหันไปเห็นอเล็กซ์กาลังเดินกลับมาพอดี จึงรีบเก็บโทรศัพท์
ทว่ามีความคิดบางอย่างทาให้มือชะงักก่อน

ถ้าเขาเป็นไอ้หน้าหมาจริงอย่างที่คิด... เขาก็ต้องมีโทรศัพท์อีก
เครื่องหนึ่งอยู่
นึกอย่างนั้นขึ้นมาได้ ปลายนิ้วลังเลอยู่ตรงปุ่มโทรออก

ใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มแจ่มใสและความอ่อนโยนของเขาที่แสดง
ออกมาตลอด ทาให้จอยเริ่มไม่มั่นใจ ภาพลักษณ์ของเขาและไอ้หน้า
หมาช่างดูขัดแย้งกันเหลือเกิน

ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้ นิ้วของเธอก็เริ่มสั่น เพราะทุกขณะที่ผ่านไป


เหมือนกับว่าเวลาของเธอกาลังจะหมดลง

จนกระทั่งเธอก็ตัดสินใจ เธอจิ้มปุ่มโทรออกหาไอ้หน้าหมา

ในทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป หัวใจเต้นตุบตับ ดวงตาจ้องอเล็กซ์ไม่


กะพริบ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทาเธอตกใจจนปล่อยโทรศัพท์
ร่วงเข้าไปในกระเป๋า

ทว่าเรื่องที่ทาให้ตกใจ ไม่ใช่เป็นเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังออกมา
จากตัวของผู้ที่จ้องมอง ความจริงเสียงโทรศัพท์นั้น กลับดังมาจากทาง
ด้านหลังของเธอ

จอยรีบหยิบโทรศัพท์มาจนมือไม้สั่น แล้วกดยกเลิกการโทร เธอ


กลืนน้าลายขณะค่อยๆ หันไปทางอดีตต้นเสียง มองหาบุคคลต้องสงสัย
จนมาสะดุดตากับหนุ่มฝรั่งคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงโต๊ะดื่มกาแฟตัวเล็ก มี
กล้ามบึกจนเห็นเป็นมัดๆ ชัดเจน สวมชุดสีดาสนิทเหมือนนักธุรกิจ แต่
ทว่าร่างกายที่มีกล้ามมากขนาดนั้น ทาให้เขาเหมือนพวกมือปืนในหนัง
มากกว่า หน้าตามองไม่เห็นว่าเป็นยังไง เนื่องจากเขายกหนังสือตั้งอ่าน
จึงปกปิดหน้าตาส่วนใหญ่ไปจนหมด มีเพียงตั้งแต่ตรงดวงตาขึ้นไป
เท่านั้นที่เปิดเผยให้เห็น
ชายฝรั่งคนนั้นจ้องเขม็ง ดวงตาเหมือนมีความอามหิตอัดแน่นอยู่
ภายในนั้น พุ่งมาทางจอย ทาให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมา
ก่อน

ใบหน้าจอยพลันซีด ขวัญกระเจิงไปละทิศละทาง ความกลัวของ


เธอในตอนนี้เพิ่มทวีคูณ เนื่องจากเธอเห็นชายคนนั้นล้วงกระเป๋ากางเกง
แล้วเอาโทรศัพท์ออกมาด้วยความเชื่องช้า ราวกับตั้งใจเขย่าขวัญ

“คุณจอยครับ”

หญิงสาวสะดุ้งโหยง หันขวับกลับหลังมาตามเสียง “อะ ! อะไรคะ


?”

“ผมถามว่าคุณจอยจะกินอะไรครับ ?” อเล็กซ์ถามอีกครั้ง ด้วย


ใบหน้าเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะอาการตกใจเกินเหตุของหญิงสาว

“เอ่อ... ฉันกินอะไรก็ได้ค่ะ เอาเป็นว่าตามใจคุณจะพาไปก็แล้วกัน


ค่ะ” จอยพยายามยิ้ม ทาเหมือนว่าเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องที่เธอตั้งใจทาให้ดู
ตลก

“ถ้างั้นเอาอาหารญี่ปุ่นดีไหมครับ ผมสังเกตตอนคุณรับประทาน ดู
เหมือนคุณชอบกินมาก” อเล็กซ์เสนอ

“อะ... อาหารญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นเราไปกันเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวเย็นมากกว่านี้จะมีคนเต็ม
โต๊ะ”
ทันทีที่อเล็กซ์หันหลังให้ จอยหันกลับไปมองชายปริศนาที่ให้
ความรู้สึกขนลุกอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าเขาหายไปจากโต๊ะตรงนั้นแล้ว มี
เพียงแค่แก้วกาแฟใบเดียวที่หลงเหลือทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

つづく

อาการร้อนตับแตก ที่เราบ่นกันในช่วงอุณหภูมิสูง ไม่ใช่หมายความว่า


ร่างกายเราร้อนมาก จนถึงกับทนไม่ไหว ถึงขั้นตับอันเป็นอวัยวะภายใน
ชิ้นสาคัญแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คาว่า ร้อนตับแตก จริงๆ แล้ว มันมาจาก
ใบจากที่เราใช้มุงหลังคาบ้าน ซึ่งเรียกว่า ตับจาก ถ้าเปิดพจนานุกรม
ค้นที่คาว่า ตับจาก จะพบคาอธิบายว่า ใบจากที่พับทบกับแกนไม้ไผ่ โดย
เรียงซ้อนกันเป็นแผงแล้วเย็บด้วยหวาย ตากให้แห้ง ใช้มุงหลังคา เป็น
ต้น และตับจากนี้เอง เมื่อโดนแดดจัดๆ หรือโดนความร้อนมากๆ ใบจาก
ที่ถูกเย็บเรียงติดๆ กันเป็นตับก็จะแตก หรือมีอาการที่โก่งตัวเบียดกัน
ระหว่างใบจากแต่ละใบในตับ ทาให้เกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ จนเราสามารถ
ได้ยิน คาดว่าน่าจะเกิดจากใบจากที่มีความหนามากๆ หรือแก่จัดและ
แห้งมากๆ เมื่อแตกจึงเกิดเสียงดัง คนสมัยโบราณจึงเอามาเป็นตัวชี้วัด
ถ้าวันไหนได้ยินตับจากแตกเมื่อไร จะถือว่าร้อนมากๆ สาหรับวันนั้น ใน
อดีตคนโบราณจึงเรียกรวบสั้นๆ ว่า ร้อนตับแตก ขอขอบคุณที่มา
เว็บไซต์ thairath.co.th โดย คุณครูลล
ิ ลี่

ขี้ขา้ หรือ เบ๊ เป็นคาสแลงที่ใช้กับคนสนิท เพื่อใช้เชิงพูดเล่น คานี้แม้


อ่านต่างกัน แต่ความหมายก็เป็นเนื้อหาไม่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
“เฮ้ย ! ฉันไม่ใช่ขี้ข้าแก” หรือตัวอย่างอีกคาหนึ่ง คุณผู้ชายทั้งหลาย ที่
คอยปฏิบัติขับรถไปรับไปส่งผู้หญิงที่ตัวเองชอบ เพื่อให้เธอหันมาสนใจ
ไม่เว้นแม้แต่คอยสนองความต้องการของคุณเธอหลายๆ อย่าง เช่น ซื้อ
กาแฟ ซื้อขนมมาให้ แต่ไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น คุณผู้ชายเหล่านี้
จะเรียกว่า เบ๊ ก็ได้เช่นเดียวกัน หรือแปลง่ายๆ ว่า ยินยอมให้หลอกใช้
ด้วยความเต็มใจนั่นเอง ขอขอบคุณที่มา anngle.org
Under the Moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 18

หลังจากกินอาหารกันเสร็จ อเล็กซ์ยังไม่พาหญิงสาวกลับบ้าน เขา


พาเดินเที่ยวภายในห้างต่อ

ตลอดที่เดินอยู่ข้างอเล็กซ์ จอยตกอยู่ในภวังค์ความคิดส่วนตัว ไม่


ว่าอเล็กซ์จะชวนคุยเรื่องอะไร เหมือนเป็นเพียงสายลมที่พัดเข้าหูซ้าย
ทะลุหูขวา มีเพียงบางครั้งที่เธอแบ่งวิญญาณกลับมาสู่ความเป็นจริง แล้ว
ตอบคาถามของชายหนุ่มแค่สั้นๆ

เพราะจอยเอาแต่ขบคิดเรื่องชายฝรั่งแปลกหน้าคนนั้น ใจหนึ่งบอก
ว่าเขาอาจเป็นไอ้หน้าหมา ซึ่งแอบติดตามเธอมาถึงภายในห้าง แต่อีกใจ
ก็แย้งว่า อาจเป็นเพียงเหตุบังเอิญ ที่ชายคนนั้นเอาโทรศัพท์ออกมาโทร
หาใครคนอื่น

ตั้งแต่ที่ชายคนนั้นหายไป ยังไม่มีการตอบกลับมาของบิ๊ก ยกเว้น


ในตอนที่รับประทานอาหาร เป็นช่วงที่อเล็กซ์ขอตัวหายไปเข้าห้องน้า
ไอ้หน้าหมามันโทรเข้ามาหา แต่มันไม่พูดอะไร นอกจากทาเสียงเหมือน
หมาที่หอบเหนื่อย

ตอนแรกจอยคิดว่าเจอไอ้พวกโรคจิต จนเมื่อเธอดูเบอร์โทรศัพท์
ทาให้รู้ว่าเป็นไอ้หน้าหมานี่เอง แต่มันทาเสียงอย่างนั้นประมาณห้าวินาที
ก่อนตัดสายไป เธอคิดว่ามันคงนึกออกว่าไม่สามารถพูดได้ หลังจากนั้น
ไม่นาน มีข้อความส่งเข้ามาในเครื่อง ทันทีที่อ่านจบ เธอไม่รู้ว่ามันโกรธ
อะไรเธอหรือเปล่า เพราะมันมีคาสั้นๆ แค่ว่า มีอะไร ? ตามปกติมัน
จะต้องมีคาต่อท้ายหวานๆ ให้อยู่เสมอ ไม่ใช่ถามห้วนๆ เช่นนี้
จอยยังคิดไม่ตก ไม่รู้จะตอบกับมันว่ายังไงดี เธอจ้องดูหน้าจออยู่
อย่างนั้น จนกระทั่งสังเกตเห็นอเล็กซ์เดินกลับมา เธอจึงล็อกเครื่องแล้ว
เก็บเข้ากระเป๋าสตางค์

จอยกับอเล็กซ์เดินดูสิ่งของในห้างไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเดินมาถึง
แผนกเสื้อผ้าของคุณผู้หญิง

จอยดวงตาพลันเปล่งประกาย มองเสื้อผ้าทุกตัวราวกับเป็นเครื่อง
สแกนหารอยตาหนิ โดยเฉพาะเครื่องประดับไข่มุกที่ติดอยู่ เธอจ้องเขม็ง
‘แม่มึงเอ๊ย อยากไปแกะมาสักเม็ดจริงๆ !’

“มาครับ เราดูเสื้อผ้ากันดีกว่า”

กว่าจอยจะรู้สึกตัว ก็เห็นอเล็กซ์เดินนาเข้าไปภายในร้านเสื้อผ้า
แล้ว เธอคิดว่าตัวเองคงเผลอแสดงออกทางแววตาออกมากเกินไป ทาให้
เขาเดาออกว่าเธอต้องการอะไร

หลังตั้งสติได้ จึงรีบเดินตามเข้าไปอย่างขวยเขิน พยายามคิดว่า


จะให้เขาอยู่ภายในร้านผู้หญิงเพียงลาพัง อาจทาให้เขากลายเป็น
เหมือนตัวตลก หรืออย่างแย่สุด คือคนอื่นที่เห็น มองเขาเป็นเพศที่สาม

จอยรู้สึกเหมือนได้อยู่ในสรวงสวรรค์สาหรับผู้หญิง ทาหัวใจของ
เธอเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อเห็นป้ายราคาอันน่าสะพรึงกลัว หัวใจของ
เธอแทบจะวาย

“เชิญคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายเดินดูก่อนได้เลยค่ะ เรามีทุกแบบทุก
ขนาดค่ะ” พนักงานสาวหน้าตาดีรีบเดินมาต้อนรับ
ในสายตาของพนักงานหญิง การแต่งตัวของจอยและชายหนุ่มดู
แตกต่างกันเหลือเกิน แค่มองแวบเดียว รู้ทันทีว่าเสื้อผ้าของฝ่ายหญิง
เป็นพวกชุดไร้ยี่ห้อ ดูราวกับคนรับใช้ตามติดเจ้านายมา แต่พนักงานไม่
เสียมารยาทมองด้วยสายตาเหยียดหยาม เพราะเธอเคยเจอมาแล้วพวก
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

“คุณจอยเลือกดูก่อนได้เลยครับ” อเล็กซ์มองดูเสื้อผ้าบนตัวจอย
ด้วยแววตาเหมือนกับว่าอยากถอดมันทิ้ง แล้วเปลี่ยนเอาเสื้อผ้ายี่ห้อดัง
มาสวมให้แทน

“ขะ... อะไรคะ ?” จอยหลุดออกมาจากภวังค์ ที่เหมือนอยู่ในห้อง


ซึ่งมีแต่โจรจี้เอาตังค์ แถมไม่ใช่โจรธรรมดา มันยังเป็นโจรนุ่งเยอะห่ม
เยอะอีกต่างหาก

“คุณเดินดูก่อนได้เลยครับว่าอยากได้ตัวไหน”

สิ้นประโยคของอเล็กซ์ จอยรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องซื้อให้แน่ เธอจึง


ไม่รอช้าใช้ดวงตาสแกนทุกรายละเอียดของความสวยงาม เดินไปดูตรง
นู้นที เดินมาตรงนี้ที ด้วยความสุขจนแสดงออกมาเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส
สอบถามพนักงานด้วยน้าเสียงตื่นเต้น

โดยไม่รู้ตัว การกระทาที่เหมือนไร้เดียงสาของเธอ อยู่ในสายตา


ของอเล็กซ์ เขาชื่นชอบท่าทางของเธอในตอนนี้ แม้การกระทาหลายๆ
อย่างของเธอมักจะทาเหมือนตกอยู่ภายใต้ภวังค์ความคิดไปบ้าง กระนั้น
เป็นเสน่ห์แปลกๆ อย่างหนึ่ง หากจะว่าตามความจริง เขาอาจหลงชอบ
ของแปลกเข้าแล้วก็ได้ แม้ไม่รู้ว่าตนเองหลงไปตั้งแต่ตอนไหน
ไม่นานจอยก็เลือกเสื้อผ้าตัวที่ถูกใจ เอาออกมาให้อเล็กซ์ดู เขาจึง
แนะนาให้ไปลองสวมใส่ดู จอยจึงรีบเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วออกมา
เผยโฉม อเล็กซ์ยิ้มให้ พร้อมตอบคาง่ายๆ ว่า สวยดีครับ นั่นทาให้เธออด
หน้าแดงไม่ได้

แต่เนื่องจากยังมีเสื้อผ้าอีกหลายตัว ที่เรือนร่างต้องการสัมผัส จอ
ยจึงขอลองชุดตัวอื่นด้วย อเล็กซ์ก็ไม่ว่าอะไร นอกจากคาสั้นๆ
เหมือนเดิมว่า ตามสบายครับ

ครู่หนึ่งผ่านไป จอยเพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองทาอะไรอยู่ เธอจะ


มาทาแบบนี้ไม่ได้ มันเหมือนผู้หญิงที่จ้องเกาะผู้ชาย แน่นอนว่าเธอไม่
ชอบ เธอจึงเอาเสื้อผ้าส่งคืนให้พนักงานไป

เมื่ออเล็กซ์เห็นเธอออกมาจากห้องแต่งตัว โดยสวมใส่เสื้อผ้าชุด
เดิม ทาให้เกิดความสงสัย เลยสอบถาม ถึงได้รู้ว่าเธอเกรงใจ เขาจึงใช้
ทักษะในการพูดจา

จอยไม่รู้ว่าจะทายังไง ชายหนุ่มคะยั้นคะยอด้วยน้าเสียงออดอ้อน
ต้องการให้เธอเลือกเอามาสักชุดหนึ่งก็ยังดี สุดท้ายเธอต้องตามใจ เข้า
ไปลองเปลี่ยนชุดใหม่ แล้วออกมาให้เขาช่วยดูให้อีกหลายตัว ราวกับ
กลายเป็นนางแบบจาเป็นไปเรียบร้อย โดยมีอเล็กซ์เป็นกรรมการ คอย
พยักหน้าและตอบเพียงแค่ว่า ครับ หรือไม่ก็ตอบว่า สวยมากครับ ทาราว
กับว่าเป็นหุ่นยนต์ถูกตั้งค่าให้ตอบเพียงสองคาง่ายๆ แค่นี้เท่านั้น ทาให้
จอยไม่แน่ใจว่าเขาพูดเพื่อเอาใจ หรือว่ามันสวยจริงๆ อย่างที่พูด
ครู่ใหญ่ผ่านไปอีก พนักงานที่ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้สวม จาก
ใบหน้ายิ้มแย้ม เริ่มดูแข็งกระด้าง ราวกับอยากจะพูดออกมาเหลือเกินว่า
ตกลงจะลองอีกนานไหม ?

จนกระทั่งรอบที่เท่าไรก็ไม่อาจนับได้ เมื่ออเล็กซ์เห็นจอยเดินออก
มาจากห้องแต่งตัว เพื่อเลือกชุดใหม่ ชายหนุ่มลุกขึ้น “ในเมื่อคุณจอ
ยเลือกไม่ถูก ไม่ต้องเลือกต่อแล้วครับ”

สิ้นประโยคของเขา จอยรู้สึกเหมือนโดนมีดแทงทะลุถึงหัวใจ เธอ


แค่ไม่อยากเลือกชุดที่แพงมากเท่านั้น แต่เนื่องจากมันสวยทุกตัว แล้วยัง
ไม่รู้ว่าเมื่อสวมเข้าไป จะเข้ากับรูปร่างหรือไม่ เธอจึงต้องลองชุดนาน นี่
อาจเป็นเหตุผลที่ทาให้เขาเบื่อการรอคอย

“ได้ค่ะ...” จอยพยายามฝืนยิ้มให้ดูปกติ แต่ทว่าภายในใจแทบ


อยากด่าตัวเอง ‘ฮือๆ... รู้อย่างนี้เลือกเอาตัวไหนก็ได้มาสักตัว ไม่งั้น
ป่านนี้คงมีเสื้อผ้าสวยๆ เอาไปอวดยัยเพื่อนจอมเมาท์แล้ว’

“พนักงานครับ ผมขอเหมาหมดราวนี่” อเล็กซ์กวาดนิ้วชี้ไปทาง


ราวเสื้อผ้าที่จอยเลือกมา

ทั้งพนักงานและจอยเบิกตาโต เพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะพูด
เช่นนั้นออกมา เนื่องจากทางที่อเล็กซ์กวาดนิ้วไป ถ้าจะให้ประเมินราคา
มันก็อยู่ในหลักครึ่งล้านแล้ว

จอยแทบจะยืนอยู่นิ่งๆ พร้อมทาใบหน้าปกติไม่ได้ ในตอนนี้เธอ


แทบอยากจะร้องกรี๊ดด้วยความดีใจออกมา ต่อให้เธอไม่ชอบการทาตัว
เหมือนพวกปลิงดูดเลือดมากแค่ไหน แต่ภายในใจของลูกผู้หญิงทุกคน
มีหรือที่จะต้านทานของสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อคนที่ชอบตัวเองซื้อให้
ด้วยความเต็มใจเช่นนี้
“พนักงานครับ ที่นี่คงมีบริการส่งสินค้าถึงบ้านใช่ไหมครับ ?”
อเล็กซ์เอาบัตรเครดิตจากในกระเป๋าออกมาโชว์ ทาราวกับเป็นไม้
กายสิทธิ์ร่ายเวทมนตร์ สั่งให้พนักงานรู้สึกตัว

“ค่ะ มีอยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวฉันขอตัวครู่หนึ่งนะคะ” พนักงานรับบัตร


เครดิตด้วยความนอบน้อม รีบไปโทรหาเจ้าของร้าน คิดต่อในใจด้วย
ความอิจฉา ทาไมไม่เจอแฟนโคตรเศรษฐีอย่างนี้กับเขาบ้าง

หลังจากสั่งสินค้าให้ไปส่งที่บ้าน ทั้งสองคนยังคงเดินเลือกซื้อ
สินค้าต่างๆ ต่อเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นของตบแต่งร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งของใช้ส่วนตัวในยาม
อาบน้า

มีช่วงหนึ่งที่เดินผ่านแผนกขายชุดชั้นในสาหรับผู้หญิง จอย
สังเกตเห็นอเล็กซ์ชาเลืองไปทางกลุ่มสาววัยรุ่น ที่ต่างคนต่างหยิบ
กางเกงในรูปหมีน้อยน่ารักมาดู แล้วหัวเราะคิกคักไปตามประสาเมื่ออยู่
เป็นกลุ่ม จอยส่ายหน้าพลางถอนใจ แม้อเล็กซ์จะไม่แสดงท่าทีเหมือน
พวกบ้ากามออกมา อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณของสัตว์เพศผู้ ยังคงสั่ง
ดวงตาของเขาไปมองนิดหนึ่งก็ยังดี แต่จอยไม่ได้รู้สึกโกรธที่เขามอง
สาวคนอื่น เพราะอย่างน้อยก็มีส่วนดีอยู่ ทาให้รู้ว่าอเล็กซ์เป็นชายแท้ทั้ง
แท่ง

สินค้าไหนที่อเล็กซ์บอกว่าจะซื้อให้ จอยจะไม่ลังเลในการเลือก
เพราะถ้าเธอมัวยึกยักเลือกไม่ถูกเหมือนตอนเลือกเสื้อผ้า เขาจะเหมา
ทันที ซึ่งสินค้ามันเยอะมาก เธอไม่อยากให้บ้านกลายเป็นโกดังเก็บ
สินค้า จนไม่มีที่เดิน
การตัดสินใจทาอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะคิดออกหลังจากซื้อเสื้อผ้า
สุดแพงเสร็จ เธอมาคิดได้ตอนที่ทดลองสวมรองเท้า อเล็กซ์สั่งพนักงาน
ว่า จะเอาทุกคู่ที่เธอสวมได้ จอยจึงหยุดทดลองสินค้า เพียงแค่สิบกว่าคู่ที่
พนักงานรีบใส่ถุง ราวกับกลัวว่าจะเปลี่ยนใจ มันมากจนเธอไม่รู้ว่าจะ
เกรงใจยังไงแล้ว

จอยรู้สึกเป็นความโชคดี ในที่สุดอเล็กซ์ก็บอกว่าจะไปส่งบ้าน
เนื่องจากสิ่งของที่ซื้อมามันเต็มมือ จนแทบไม่มีนิ้วจะใช้ถือ หาก
ไม่เช่นนั้นเธอยังไม่รู้เลยว่าจะใช้อะไรมาถือแทน

แต่ก็ยังไม่วาย ทันทีที่ขนของเข้ารถหมด เขายังชวนเธอไปเลือก


ซื้อของอีกเพิ่มเติมเล็กน้อย

หลังจากที่รถเคลื่อนออกมานอกห้าง ถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะเอา


หมอนที่ห้องมานอนจริงๆ เพราะการรอรถขยับแต่ละครั้งในเมืองหลวง
มันนานเหลือเกิน โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ ในกรุงเทพมหานคร รถจะติด
มากเป็นพิเศษ

แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ไปทันที ถ้าเอามาเทียบกับในช่วง


ประเทศไทยมีนโยบายรถคันแรก เนื่องจากตั้งแต่เริ่มใช้นโยบายนั้น รถ
ติดเป็นทวีคูณ แต่ก็ไม่นานนัก อีกหลายเดือนต่อมา ก็เข้าสู่สภาวะเกือบ
ปกติ ไม่มีรถติดแน่นจนลืมวันลืมคืนเหมือนแต่ก่อน จอยเดาว่า คนที่ผ่อน
รถคันแรก คงโดนยึดไปเพราะส่งไม่ไหว

อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่อาจหลีกหนีความจริง ระยะเวลากว่าจะ


ขยับได้แต่ละครั้ง ทาเธอคอพับคออ่อนสะลึมสะลืออยู่หลายรอบกว่าจะ
มาถึงบ้าน
เมื่อรถจอดสนิทตรงหน้าประตู จอยเปิดประตูรถออกมาไปไข
กุญแจรั้ว ขณะเดียวกันอเล็กซ์ก็ดับเครื่องยนต์ ซึ่งเสียงดับเครื่องยนต์ทา
ให้จอยนึกเรื่องสาคัญได้ขึ้นมา

“เดี๋ยวผมช่วยขนของเอาเข้าบ้านให้ครับ”

แต่ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเดินไปเปิดท้ายรถยนต์ จอยหันขวับมาโบก
มือปฏิเสธอย่างตื่นๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเกรงใจ เดี๋ยวฉันขนเอาเข้า
บ้านเองได้ค่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ ถ้าจะให้คุณแบกเข้าไปทั้งหมด มี
หวังคุณขาพับแน่” อเล็กซ์เปิดฝาท้ายรถแล้วยกสิ่งของออกมา

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งเข้ามาค่ะ” จอยรีบยกมือห้าม เพราะยังไม่มั่นใจว่า


มีไอ้หน้าหมาอยู่ภายในบ้านหรือไม่

แววตาชายหนุ่มสื่ออย่างชัดเจนว่าไม่เข้าใจ จอยจึงคิดหาข้ออ้าง
ภายในหัวเร็วจี๋ จนกระทั่งก็เลือกได้ว่าจะโกหกอะไรออกไป

“พอดีฉันนึกได้ว่ามีของวางเกะกะระหว่างทางอยู่ ขอให้ฉันเข้าไป
เก็บของให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณเดินเข้าไปลาบาก”

“ได้ครับ เดี๋ยวระหว่างรอ ผมจะขนของไปวางตรงหน้าประตูให้


ก่อน จะได้ขนย้ายไปง่ายๆ” อเล็กซ์หยิบของออกมาต่อ ขณะเดียวกัน
จอยรีบเข้าไปในประตูรั้วราวกับหนีอะไรบางอย่าง โดยที่ชายหนุ่มไม่ทัน
เห็นท่าทางนั้นของเธอ
ยังโชคดีที่ประตูรั้วมันเป็นแผ่นเหล็กบดบังสายตา ไม่ใช่รั้วเหมือน
กรงห้องขัง อเล็กซ์จึงไม่เห็นว่าภายในมีอะไรบ้าง หากไม่เปิดประตูรั้ว
กว้างๆ

จอยกวาดสายตาไปรอบตัวขณะกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เมื่อมาถึงประตูเข้า
บ้าน เธอถือกุญแจชะงักอยู่ตรงรู นึกได้ว่าถ้าไอ้ตัวนั้นมันอยู่ ลูกบิดต้อง
ไม่ล็อก จึงลองหมุนดูก่อน ซึ่งมันยังคงล็อกอยู่เหมือนเดิม ทาให้เธอรู้สึก
โล่งอก

แต่กระนั้นยังคงวางใจไม่ได้ เธอไขประตูเข้าไปด้วยความรวดเร็ว
ก่อนปิด ยืนหันหลังชนบานประตู ดวงตามองหาทุกสิ่งที่ผิดปกติ ทว่าไม่มี
อะไร หรือมีวี่แววของสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งเธอนึกได้ว่า ไอ้หน้าหมาชอบ
มาหาเธอตอนกลางคืนมากกว่า เธอยิ้มหน้าบานทันใด และออกไปช่วยอ
เล็กซ์ขนของเข้ามา

อเล็กซ์กวาดตามองภายในบ้าน “จะให้ผมเอาไปวางไว้ตรงไหน
ครับ ?”

“เอาวางไว้ตรงโต๊ะรับแขกนั่นค่ะ ส่วนที่เหลือฉันจะจัดเก็บเข้าที่เอง
ค่ะ” จอยชี้ตรงจุดเป้าหมาย จากนั้นเอาของบางส่วนที่เป็นอาหารแห้ง
ทั้งหมดไปไว้ในห้องครัว

หลังจากเก็บสิ่งต่างๆ จนเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ขณะที่จอยเอา


ขวดน้าเย็นไปให้ชายหนุ่มตรงโต๊ะรับแขก ปลายหางตาเห็นลูกบิด
ห้องน้า มันหัวห้อยออกมาเหมือนใกล้จะหลุด ทาเธอหันขวับไปมองด้วย
ความตกใจจนตาถลน เธอจาได้ว่าเมื่อเช้าลูกบิดยังปกติดีอยู่ และประตูก็
ไม่ได้เปิดอ้าเช่นนั้น เธอคิดได้ทันทีว่าตัวอะไรที่มันสามารถทาลูกบิดพัง
อย่างนั้นได้

“หมดแล้วนะครับ ผมขนมาให้หมดแล้ว”

จอยสะดุ้งเล็กน้อย หันกลับไปปั้นหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณค่ะ”

“ขอผมนั่งพักครู่นะครับ”

อเล็กซ์ไม่รอคาตอบ เขาทิ้งตัวนั่งลงทันที โดยไม่สังเกตสีหน้ากลืน


ไม่เข้าคายไม่ออกของจอย ซึ่งเธอไม่รู้ว่าควรจะทายังไง จะไล่เขาไปเลย
ก็เสียมารยาท อีกใจก็กลัวว่าไอ้หน้าหมามันแอบสิงสถิตอยู่ภายในบ้าน
แล้วพุ่งออกมาทาร้าย แม้เท่าที่เธอกวาดสายตาดูภายในห้องน้าที่เปิด
ประตูอ้าไว้ ไม่มีวี่แววสัญญาณชีวิต นอกจากขนสีดาที่เกลื่อนเต็มพื้น
ตรงแถวชักโครก

จอยเดินไปนั่งโซฟาที่อเล็กซ์นั่งอยู่ “น้าดื่มเย็นๆ ค่ะ”

“ขอบคุณครับ ผมอยากได้อยู่พอดี คุณช่างรู้ใจผมจริงๆ”

ขณะอเล็กซ์เปิดฝาขวดแล้วยกดื่ม จอยมองไปรอบตัวด้วยความ
ระแวง ภายในหัวพยายามคิดหาทุกวิธีที่จะไล่เขากลับบ้านไป แต่ไม่รู้ว่า
คิดมากไปเอง หรือไอ้หน้าหมาอยู่ภายในบ้านจริงๆ ไม่แน่มันอาจเข้ามา
ซ่อมลูกบิดประตูบ้านในตอนที่เธอไม่อยู่ แต่ก่อนกลับ คงเข้าไปทาธุระ
ส่วนตัวภายในห้องน้า แต่จับลูกบิดแรงไปหน่อย จึงหลุดออกมาอย่างนั้น
มันคงไม่ได้เอาลูกบิดตัวสารองมาด้วย จึงไม่สามารถเปลี่ยนให้ใหม่
ความจริงอาจเป็นอย่างนี้ก็ได้ เลยปล่อยทิ้งลูกบิดให้อยู่สภาพนั้นไปก่อน
“คุณอยู่บ้านเพียงคนเดียว เหงาบ้างไหมครับ ?” อเล็กซ์ปิดฝาขวด
แล้ววางบนโต๊ะตรงหน้า

“เอ่อ... ก็มีบ้างค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่ในช่วงวันหยุดหรือหลังเลิกงาน


ฉันกับเพื่อนๆ จะนัดไปเที่ยวกันค่ะ ฉันจึงไม่เหงาอะไรมากมายนัก” แม้
ปากจอยตอบคาถามของชายหนุ่ม แต่ภายในหัวพยายามคิดหาทางไล่
เขากลับไปไม่หยุด เธอจะไม่ให้เขามาพูดเรื่องสัพเพเหระอยู่อย่างนี้อีก
นาน เพราะเธอไม่อยากเสี่ยงอะไรทั้งสิ้น

จนกระทั่งจอยเหลือบไปเห็นสมุดจดรายรับรายจ่ายตรงชั้นวางทีวี
เธอคิดออกทันใด

“วันนี้คุณไม่กลับไปตรวจงานหรือคะ ?”

“ผมตรวจดูหลายรอบจนแน่ใจแล้วครับ สองวันนี้ผมถึงว่าง เลย


สามารถพาคุณไปเที่ยวได้ไงครับ” อเล็กซ์เอนตัวพิงโซฟา ยกมือทั้งสอง
ข้างไพล่หลังรองศีรษะอย่างสบายใจ แต่ทว่าตรงข้ามกับจอยในตอนนี้ มี
แต่ความกังวล

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบระหว่างทั้งสอง เกิดเสียงดังสนั่นของ
บานประตูที่ถูกเปิดกระแทกผนัง ทาพวกเขาหันขวับไปทิศทางเสียงด้วย
ความตกอกตกใจ เห็นเป็นชายฝรั่ง หน้าตาคมเข้ม มีกล้ามเป็นมัด ในมือ
ของชายปริศนามีลูกบิดที่หลุดออกมา ดูราวกับมันถูกกระชากอย่างไร
อย่างนั้น ไม่นานมันก็ถูกปล่อยร่วงลงมา ส่งเสียงกระแทกแล้วกลิ้งไป
ไกล

“สวัสดีครับ” อเล็กซ์ตั้งสติได้ก่อน จึงรีบเอ่ยทักทาย


“เพื่อนคุณหรือคะ ?” จอยกระซิบ แต่ดวงตายังคงไม่ละไปจากชาย
คนนั้น

“ไม่ใช่ครับ” อเล็กซ์สั่นหน้า ก่อนเปลี่ยนถามกลับ “คุณก็ไม่รู้จักเขา


หรือครับ ?”

“ฉันไม่มีญาติหรือเพื่อนเป็นฝรั่งค่ะ นอกจากคุณคนเดียวเท่านั้น”
จอยตอบ ก่อนหันไปจ้องชายแปลกหน้าอย่างระแวง กล่าวออกมาด้วย
น้าเสียงไม่พึงพอใจ “คุณเป็นใคร ? แล้วคุณเข้ามาในบ้านฉันทาไมคะ
?”

อเล็กซ์รู้สึกไม่น่าไว้วางใจคนแปลกหน้า เพราะนึกได้ว่าถ้าเป็นคน
ส่งสินค้าที่สั่งให้มาส่งที่บ้าน จะต้องโทรศัพท์มาแจ้ง หรือไม่ก็ต้องตะโกน
เรียก แต่ไม่ใช่ถือวิสาสะเปิดเข้ามาอย่างนี้ ที่สาคัญ พนักงานมันไม่น่า
เป็นชาวต่างชาติ มันควรเป็นพนักงานคนไทยมากกว่า อเล็กซ์จึง
ล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์ เพื่อจะกดหาตารวจ

ฝรั่งแปลกหน้ามีสีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ จนมือไม้สั่น โดยเฉพาะ


เมื่อเห็นอเล็กซ์จับมือหญิงสาวลุกจากโซฟาออกห่าง

ทว่าไม่ทันอเล็กซ์จะกดหมายเลข ทั้งตัวเขาและจอยเบิกตาโพลง
ด้วยความตกใจ จนตัวแข็ง ภาพของชายแปลกหน้าในตอนนี้ ทาท่า
เหมือนเบ่งกล้าม จนเส้นเลือดปูดโปน ร่างกายขยายใหญ่จนราวกับจะ
ระเบิด หน้าตาบิดเบี้ยวเหมือนกลายเป็นจุดศูนย์รวมของโทสะ

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทาให้อเล็กซ์และจอยมองตาค้าง เรื่องที่ทาให้
ทั้งสองตกอยู่ภายใต้อาการนั้นจริงๆ มันอยู่ต่อจากนี้...
ชายฝรั่งปริศนาคนนั้น มีเส้นขนสีดาสนิทแทงทะลุร่างกายออกมา
ใบหน้ายืดยาว ฟันปกติกลายเป็นเขี้ยวเต็มปาก ใบหูแหลมโผล่ออกมา
จากผมบนศีรษะ

จอยปากสั่น “บะ... บิ๊ก ?!” ภาพในตอนนี้ไม่มีชายหนุ่มแปลกหน้า


อีกต่อไปแล้ว มีแต่อสูรร่างบึก ซึ่งมีดวงตาสีเหลืองวาวโรจน์

มนุษย์หมาป่าแยกเขี้ยวคารามเสียงดัง กระโดดเข้าหาอเล็กซ์ โดย


ที่ชายหนุ่มลูกครึ่งยังไม่หายจากอาการตกใจ

จอยกรีดร้อง ตัวสั่นหวาดผวา ถอยหนีไปติดมุมห้อง ภาพเบื้องหน้า


เป็นความสยองทีเ่ ธอไม่นึกว่าจะได้เห็นมาก่อนในชีวิต เลือดมากมายขอ
งอเล็กซ์สาดกระเซ็นไปทั่ว

บิ๊กมันกัดกระชากไปกระชากมา ทาราวกับฉีกผ้าผืนบางเล็กๆ ผืน


หนึ่ง แม้ชายหนุ่มลูกครึ่งพยายามปัดป้อง ก็ไม่อาจป้องกันตัวเองได้เลย
นอกจากเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเขาเท่านั้นที่ยังคงสามารถเป็น
อิสระ

เพียงไม่นาน ดวงตาที่เบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวของชายหนุ่ม
ลูกครึ่งก็ปิดลงไป พร้อมกับร่างที่ไร้การตอบสนอง

แม้สัตว์ร้ายหยุดกระทาต่อร่างไร้วิญญาณแล้ว แต่เลือดที่ชุ่มปาก
ยังคงหยดลงมาให้เห็น เหมือนเวลากาลังนับถอยหลัง บอกให้รับรู้ว่าใกล้
ถึงเวลาเริ่มความอามหิตอีกครั้ง

บิ๊กลุกขึ้น แล้วโยนแขนของชายหนุ่มที่กัดขาดทิ้ง ทาราวกับขยะ


ชิ้นหนึ่ง มันหันขวับมาทางจอย ด้วยแววตาหึงหวงและโกรธมาก
จอยรับรู้ได้ทันทีว่ามันคิดจะทาอะไร พริบตาหลังจากนั้น เป็นไป
ตามความคิดเลวร้าย เธอดวงตาเบิกโต พร้อมหวีดร้องสุดเสียง อสูรร้าย
ตัวนั้นแยกเขี้ยวแล้วกระโดดเข้ามาหา

つづく

นโยบายรถคันแรก เป็นนโยบาย ในช่วงอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ยิ่ง


ลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงปี 2554 นโยบายนี้มีเพื่อสนับสนุนประชาชนที่
ต้องการซื้อรถไปทาธุรกิจต่างๆ โดยทางรัฐบาล จะลดหย่อนภาษีให้
สาหรับรถคันแรกที่ซื้อ
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 19

จอยถูกพุ่งชนจนหงายหลังล้ม หลังจากนั้นมือทั้งสองข้างของเธอ
ถูกรวบเหนือหัว ใบหน้าน่ากลัวของมนุษย์หมาป่าในระยะใกล้ชิด ทาเธอ
หวาดกลัวจนไม่กล้าลืมตามอง โดยเฉพาะในตอนนี้ มีเลือดไหลมาตาม
เขี้ยว หยดลงมาใส่แก้มของเธอแหมะๆ มันเป็นภาพดูสยดสยองเกินรับได้
ไหว

จอยไม่รู้ว่าทาไมมันไม่ขย้าเธอเสียที ยิ่งผ่านไปต่อกี่วินาที ความ


หวาดกลัวเริ่มเจือไปด้วยความสงสัยมากขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งเธอรู้สึก
เหมือนมีลมหายใจรดใบหน้า ความหวาดกลัวก็กลับมาเพิ่มทวีอีกครั้ง

จอยรับรู้ได้ว่าบิ๊กกาลังเคลื่อนใบหน้า เพราะเธอรู้สึกถึงลมหายใจ
อุ่นๆ ที่รดแก้ม กาลังเคลื่อนย้ายตาแหน่ง จนกระทั่งมันไปถึงใบหู

“คุณจอยครับ...”

หญิงสาวไม่แน่ใจว่าได้ยินผิดหรือไม่ เสียงที่ได้ยินนี้ เป็นเสียงขอ


งอเล็กซ์

“คุณจอยครับ...”

เสียงนั้นได้ยินอีกครั้ง ทาให้เธอเกิดความแปลกใจ จึงตัดสินใจลืม


ตาช้าๆ มองภาพเบื้องหน้า

“คุณจอยครับ...”
จอยลืมตามองเต็มตาด้วยความตกตะลึง ภาพเบื้องหน้าก็คือบิ๊ก เธอ
ไม่อยากเชื่อหูว่ามันพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้ โดยเฉพาะน้าเสียง
นั้นมันเป็นของอเล็กซ์ เธอจาได้แม่นยา

“คุณจอยครับ... คุณจอยครับ...”

สิ้นประโยคสุดท้าย บิ๊กแยกเขี้ยวจนเห็นทุกซี่ในปาก แล้วพุ่งลงมา


พร้อมปากอ้ากว้าง จอยเบิกตา กรีดร้องดังลั่น

“คุณจอยครับ... ถึงบ้านแล้วครับ...”

หญิงสาวลืมตาพรึบ กระเด้งออกจากเบาะ หันซ้ายขวาด้วยความ


ระแวง

“ตอนนี้เรามาถึงแล้วครับ”

หลังจอยตั้งสติได้ ปรากฏว่าตัวเองยังอยู่ในรถ ซึ่งในตอนนี้มันก็มา


จอดอยู่ตรงหน้าบ้าน

“ขอโทษนะครับที่ผมปลุกคุณจากฝันหวาน” ใบหน้าของอเล็กซ์
เหมือนพยายามกลั้นหัวเราะอย่างมากที่สุด

จอยยิ้มฝืดๆ ใบหน้าของเธอเริ่มแดงระเรื่อด้วยความอับอาย เพราะ


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นเพียงแค่ความฝัน

จากวันนั้นที่เห็นชายฝรั่งแปลกหน้า ทาให้จอยเก็บเอามาฝันสร้าง
เป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งไม่อยากให้อเล็กซ์เข้ามาภายในบ้าน ด้วยเกรงว่า
อาจมีสักวันหนึ่งความลับแตก แต่เธอพูดไม่ออก ทาได้เพียงเอาเหตุผล
ต่างๆ มาอ้างเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่อาจใช้เหตุผลอ้างได้ตลอด ทุกครั้งที่อเล็กซ์เข้า


มาภายในบ้าน มักทาให้หัวใจของจอยเต้นรัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะครั้ง
ไหนที่เขาบอกจะเข้ามา โดยไม่บอกให้ทราบล่วงหน้า วันนั้นจะเป็นวันที่
ทาเธอกังวลมากที่สุด ทาให้เธอเข้าใจความรู้สึกของพวกผู้ชายที่พาเมีย
น้อยมาเล่นจ้าจี้ที่บ้าน แล้วบังเอิญเมียหลวงกลับมาโดยไม่คาดฝัน

ถึงแม้เจอเหตุการณ์นั้นบ่อยๆ แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกัน
มาก่อนแม้สักครั้งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก

ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม อเล็กซ์ยังคงเป็นพ่อหนุ่มใจดี ไม่รู้


เรื่องว่าจอยเสียความบริสุทธิ์ให้สัตว์เดรัจฉาน ส่วนไอ้หน้าหมายังคงหื่น
ทุกวินาทีตามเคย

เมื่อบิ๊กเห็นเสื้อผ้าสวยๆ ที่หนุ่มลูกครึ่งซื้อให้ มันรีบออดอ้อนขอให้


สวมใส่โชว์

จอยไม่ได้เอะใจอะไร ก็ยอมทาตามอย่างที่มันต้องการ หารู้ไม่ นั่น


เหมือนกลายเป็นการโยนน้ามันเข้ากองเพลิง เพราะทันทีที่เสื้อผ้าสุด
หรูหรามาอยู่บนเรือนร่าง ให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ไอ้หน้าหมา
เกิดความหื่นปะทุทันใด มันจู่โจมเธอโดยไม่ให้ตั้งหลัก

จอยคิดไม่ถึงว่าจะออกมาเป็นรูปแบบนี้ เธอคิดเพียงแค่ว่ามันอยาก
ให้เธอสวมให้ดู เหมือนกับอเล็กซ์เท่านั้น ที่ไหนได้ มันล่อเธอทั้งคาชุด
และดูเหมือนมันจะชอบเธอในตอนสวมชุดเอามากๆ
ตอนนั้นจอยจาได้แม่น บิ๊กฉีกกระโปรงจนเห็นแก้มก้นงอนๆ
หลังจากนั้นเสยหอกทะลวงเข้าสู่ภายในร่างเล็กๆ ของเธอ จอยด่ามันไม่
หยุดปาก แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่มันมีอะไรกับเธอด้วยความดุดัน ความจริง
มันเป็นเรื่องที่มันทากระโปรงสุดแพงที่อเล็กซ์ซื้อให้ไม่เหลือสภาพดังเดิม

หลายวันต่อมาหลังจากนั้น เหมือนบิ๊กคิดได้ เพราะเหตุผลอะไร


จอยเอาแต่ทาหน้าบึ้งใส่มัน บิ๊กจึงซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ จานวนที่มัน
ซื้อมา แทบทาให้ภายในห้องนอนหญิงสาวเกือบไม่มีที่เดิน

จอยไม่รู้ว่ามันไปซื้อมาได้ยังไง ถ้าจะให้เดา มันต้องกลายร่างเป็น


มนุษย์ แล้วไปซื้อในห้างมาให้ แต่เรื่องนั้นยังไม่เกินขอบเขตที่อาจเป็น
เรื่องจริงไปมากนัก เรื่องที่น่าแปลกใจมากที่สุด อยู่ตรงที่มันซื้อ
กางเกงในของผู้หญิงมา ซึ่งทาเธอจินตนาการไม่ออก มันต้องใช้ความ
หน้าหนาขนาดไหนถึงซื้อมาจากร้านให้เธอ

จากนั้นไม่นาน ถึงได้รับรู้ว่า บิ๊กชอบให้เธอสวมเสื้อผ้าสวยๆ


เช่นเดียวกับอเล็กซ์ที่ชอบเห็นเธอแต่งตัว

แต่สาหรับบิ๊ก ไม่ได้เพียงแค่ชมชอบเท่านั้น ถ้ามันเจอชุดที่ถูกใจ


หรือชุดยั่วราคะ มันจะจู่โจมเธอทันที และมันจะโจมตีเธอทั้งคาชุด

ในการร่วมรักในแต่ละครั้ง บิ๊กทาเสื้อผ้าที่ซื้อให้ฉีกขาดตลอด
เพราะในช่วงที่มันปีนใกล้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ นิ้วมือมันจะสั่นยุบยิบ
ทาให้เสื้อผ้าถูกกรงเล็บเกี่ยว แล้วเมื่อมันถึงยอดเขา ลาวาเดือดก็พลัน
ปะทุ ทาให้ผู้ที่ปีนภูเขาเกิดอาการขนลุกตั้งชัน พร้อมกับโก่งคอหอนดัง
ลั่น หลังจากนั้นภูเขาเอเวอเรสต์ ต้องเปลี่ยนกลายเป็นภูเขา เอเวอเละ
น้าลาวาเดือดมากมายที่ล้นออกมา ยังท่วมป่าดงดิบของจอย ราวกับเจอ
เหตุการณ์น้าท่วมครั้งใหญ่ของประเทศไทย ในปี 2554

จอยมั่นใจว่ามันต้องแกล้งทาแน่ เพราะเมื่อคิดในหลักของความ
เป็นจริง ผิวหนังของเธอจะต้องโดนข่วนตามไปด้วย ไม่ใช่มีเพียงแค่
เสื้อผ้าเท่านั้นที่ถูกกรงเล็บเกี่ยว จนเกิดการฉีกขาด

จอยไม่ชอบให้มันทาเสื้อผ้าขาด จึงบอกกับมัน แต่บิ๊กไม่สนใจฟัง


มันยังคงเย่อเธอในทั้งชุด แล้วทาขาดเหมือนเดิม

แต่จอยไม่ด่าอะไรมันมากนัก เนื่องจากมันใช้ความรวยของมันที่มี
ซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอตลอดแทน เพื่อชดเชยเสื้อผ้าที่เสียหายไป

อย่างไรก็ตาม เธอยังคงไม่ชอบการกระทาของมัน ถ้าเจอชุดตัว


ไหนสวยถูกตา เธอจะไม่มีวันสวมให้มันดูเด็ดขาด เธอจะเอาไปแอบซุก
ไม่ให้มันเห็น

ล่าสุด ชุดที่ซื้อมา จอยไม่รู้ว่ามันไม่มีคาว่าอับอายบ้างเลยหรือไง


มันไปซื้อชุดกระต่ายน้อยมาให้ ซึ่งลักษณะของชุดนี้ เหมือนกับชุดของ
สาวพริตตี้ ในโชว์รูมรถ

ชุดกระต่ายน้อยพริตตี้ตัวนี้ มีลักษณะเป็นเหมือนชุดว่ายน้าวันพีช
สีดาสนิท เปิดโชว์เห็นหัวไหล่ เนินอก และเห็นต้นขา หากตัวชุดมัน
ออกแบบให้ประหยัดเนื้อผ้ามากกว่านี้ คงได้เห็นป่าดงดิบของจอยแน่ ยัง
มีมีก้อนปุกปุยสีขาว อยู่ตรงบั้นท้าย แล้วยังมีอุปกรณ์เสริมให้สาหรับชุดดู
เซ็กซี่มากขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นโบหูกระต่ายสีแดง สาหรับสวมที่คอ คล้ายกับ
นักสืบจิ๋วโคนัน และมีที่คาดผมเป็นหูกระต่ายยาว ขนสีขาวฟูนุ่มนิ่ม
ในครั้งแรกที่บิ๊กเห็นจอยสวมชุดกระต่ายน้อย มันไม่รอช้าที่จะจู่
โจม ประกบเข้าจากทางด้านหลัง โดยไม่ยอมให้เธอถอดชุดกระต่าย
น้อยออก

จอยถูกแท่งเนื้อของมนุษย์หมาป่า สอดแทรกเข้ามาระหว่างเนื้อผ้า
และผิวเนื้อต้นขาข้างใน นอกจากความดุดันในแต่ละครั้ง มันยังเข้าเป้า
ด้วยความแม่นยา ไม่เคยมีพลาดเข้าไปตรงช่องที่อยู่ใกล้ๆ กันแม้สักครั้ง
เดียว บางครั้งยังมีการโน้มตัวมาขบเคี้ยวหูกระต่ายปลอมที่คาดอยู่บนหัว
ด้วย

นับจากนั้นเป็นต้นมา ชุดกระต่ายน้อยพริตตี้จึงกลายเป็นชุดตัวเก่ง
แต่ในบางครั้งไอ้หน้าหมาก็เบื่อ จอยจึงต้องเปลี่ยนไปสวมชุดอื่นตามใจ
มัน อย่างไรก็ตาม ของที่มันชื่นชอบ ยังคงหนีไม่พ้นชุดกระต่ายน้อย

จอยได้รับรู้เกี่ยวกับนิสัยของไอ้หน้าหมาเพิ่มอีกอย่าง มันมี
จินตนาการค่อนข้างสูงราวกับศิลปิน นอกจากจะชอบให้สวมชุดต่างๆ
โชว์แล้ว มันยังชอบให้จอยแสดงท่าทางประกอบด้วย อย่างชุดกระต่าย
น้อยพริตตี้ เมื่อทันทีที่เธอสวม มันจะให้เธอไปนอนบนเตียง แล้วทาท่า
ต่างๆ ที่มันต้องการ โดยเฉพาะท่าที่เธอนอนตะแคงหันหน้าไปทางมัน
ตั้งศอก มือรองศีรษะ แล้วมีตกท้ายด้วยการไขว่ห้าง

ท่านี้กลายเป็นท่าคลาสสิก สามารถปลุกอารมณ์ของบิ๊กได้ทุกครั้ง
ซึ่งทุกครั้งที่มันร่วมรักกับเธอ กระบวนท่าลีลาของมันนั้น เร้าใจตื่นเต้น
จนเธอลืมไม่ลง แถมยังเป็นท่าแปลกใหม่ มานาเสนอให้ช่องเดอะว้าว
ของเธออยู่เสมอ

จอยแน่ใจว่า ท่านอนตะแคงนี้ บิ๊กต้องมองเธอเหมือนพวกผู้ชายใน


โชว์รูมรถ ทุกคนมักจะจินตนาการ เห็นสาวพริตตี้ทาท่าเลื้อยไปเลื้อยมา
เหมือนงู อยู่บนฝากระโปรงรถโชว์ ถ้าพวกคนจีนมาเห็นเข้า มีหวังอุทาน
ออกมาว่า นี่มันนางพญางูขาวภาคสอง อั๊วต้องดู อั๊วต้องดูให้ได้ !!!
__________

หลายวันผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงวันที่จอยรอคอย เธอรู้สึกตื่นเต้น


มากกว่าตอนอเล็กซ์พาไปเที่ยวหลายเท่า นั่นคือวันที่บิ๊กพาไปดูสัตว์ใน
ตานาน

ทุกครั้งที่บิ๊กพาไปดูสัตว์พวกนั้น มักทาให้เธอตาโตด้วยความตื่น
ตาตืน
่ ใจตลอด แต่บิ๊กไม่พาเข้าไปดูใกล้ๆ นอกจากแอบดูอยู่ในมุมอับ
สายตา จอยคิดว่าเหตุผลที่มันทาอย่างนี้ อาจเป็นเพราะสัตว์ในตานาน
บางชนิดเป็นอันตราย อย่างที่มันเคยบอกเอาไว้

แต่ก่อนออกเดินทาง จอยจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น


อาบน้า กินข้าว ปิดไฟภายในบ้านให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า
เธอห้ามใส่กางเกงที่ถอดยาก รวมถึงห้ามสวมกางเกงใน เพราะ
ไม่เช่นนั้นต้องซื้อตัวใหม่ เพราะหลังจากที่บิ๊กพามาเปิดหูเปิดตา มันจะ
หันมาจับเธอกินตับก่อนกลับบ้านแทบทุกครั้ง มันบอกว่า เล่นจ้าจี้กับเธอ
ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากมีภาพทิวทัศน์ให้ดูเจริญตาเจริญใจ ยังทา
ให้หายใจโล่งปอด ในตอนที่เลือดสูบฉีดใกล้ถึงจุดสูงสุด

จากการเล่าของบิ๊ก ทาให้จอยได้รู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย เกี่ยวกับ


สัตว์ในตานาน ทว่าความจริงที่รับรู้นี้ ทาลายความคิดของเธอไม่ใช่น้อย
เพราะความเป็นจริงนั้น มันไม่เป็นเหมือนอย่างในตานานที่มนุษย์รู้จักกัน
ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์หมาป่า บางตานานกล่าวไว้ว่า มันต้องพึ่งพาดวง
จันทร์เพื่อกลายร่าง บางตานานก็เล่าว่า คนที่กลายร่างจะสูญเสียสติไป
แต่ทุกเรื่องเล่านั้นล้วนผิดทั้งหมด ถ้าจอยเป็น นักวิทยาศาสตร์ รับรอง
เธอจะใส่ข้อมูลลงไปในอินเทอร์เน็ต เขียนตัวใหญ่ๆ ให้ชัดเจนเลยว่า
มนุษย์หมาป่ามีอารมณ์ทางเพศสูงมาก ถ้ามันไม่ได้ปลดปล่อยน้าสาย
พันธุ์ มันจะต้องคลั่งจนเหมือนอาการคนอยากเสพยาบ้า

ล่าสุด บิ๊กบอกว่า จะพามาเจอสัตว์ในตานานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด(สาหรับ


พวกมนุษย์ที่หลงคิดว่าเป็นเช่นนั้น) แต่บิ๊กไม่ยอมบอกว่าสัตว์ตัวที่ว่านั้น
หมายถึงตัวอะไร มันบอกแค่ว่าเป็นเพื่อนสนิทของมัน มันอยากให้เธอลุ้น
เอาเอง

และวันนั้นก็มาถึง ก็คือในวันนี้

แต่คราวนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เนื่องจากยามปกติ บิ๊กจะนัดวันเวลา


ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้เธอได้เตรียมตัวพร้อมในการเดินป่า แต่สาหรับใน
วันนี้ มันมาชวนเธอไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่ให้เตรียมตัวใดๆ เลย ราวกับ
ว่ากลัวสัตว์ในตานานตัวนั้นจะหนีหายไป แต่จอยไม่ซักถามอะไร
เพิ่มเติม

ท่ามกลางป่ามหัศจรรย์ ในตอนนี้จอยกับบิ๊กมายืนอยู่ใต้ต้นไม้

จอยกวาดมองไปรอบๆ ทาให้อดคิดเล่นๆ ไม่ได้ว่า ถ้าพวกคลั่ง


นิยายแฮร์รี่พอตเตอร์ รู้จักสถานที่แห่งความลับนี้ แล้วได้มีโอกาสมา
เหยียบ มีหวังได้ร้องกรี๊ดดีใจสุดขีดแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่สาหรับเธอ
เพราะในตอนนี้เธอเริ่มเบื่อในการรอคอย มากกว่าตื่นเต้นกับสถานที่

จอยเห็นทางปรายหางตา บิ๊กเอาผ้าวิเศษออกมา จากนั้นควานหา


อะไรบางสิ่งในหมอก แล้วไม่นานมันก็เอาขวดน้าออกมาให้เธอ
“ดื่มน้าเย็นหน่อยไหมจ๊ะ ?”

บิ๊กโอบเอวจอย ดึงเธอเข้ามาแนบแน่น เสียดสีใบหน้าอย่างออด


อ้อน พลางชูขวดน้าให้ดู ตัวอักษรที่มันใช้สาหรับการสื่อสารเป็นประจา
ก็ลอยมาปรากฏพร้อมกัน แต่ในคราวนี้ดูเหมือนว่าบิ๊กจะขี้เกียจเอาสมุด
ออกมากลางเปิดให้เธออ่าน มันเปลี่ยนรูปแบบในการสื่อสาร แค่เรียก
หมอกออกมาแทนเท่านั้น ส่วนสมุดเล่มน้อยยังคงเก็บไว้ในกระเป๋า

“ไม่ ฉันยังไม่หิว และแกเลิกหื่นสักวินาทีหนึ่งได้ไหมยะ” จอยตีมือ


มนุษย์หมาป่าข้างที่โอบเอว ในตอนนี้ฝ่ามือหยาบหนาของมันกาลังเลื้อย
ลงไปข้างในกางเกงของเธอ

บิ๊กพ่นลมหายใจอย่างเสียดาย ยอมเอามือออกตามที่หญิงสาว
ต้องการ แต่ดวงตายังคงชาเลืองมองตรงบั้นท้ายที่มันเคยทะลวงเข้าไป
สารวจดูหลายรอบอย่างเมามัน

“ไอ้หมาลามก ฉันรวมถึงลูกตาของแกด้วย วันนี้แกบอกว่าจะพามา


ดูสัตว์ในตานาน ไม่ใช่พามาเล่นปูไต่นะยะ”

เจอหญิงสาวดุ บิ๊กมันจึงละสายตาไปมองอะไรอย่างอื่น แต่หารู้ไม่


ภายในหัวของมัน คิดหาหลายกระบวนท่าที่เตรียมจะเล่นกับน้องจอยสุด
ที่รักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ครู่ใหญ่ผ่านไป...

“ไหน ? สัตว์ในตานานที่แกบอกว่าฉันเห็นแล้วจะต้องร้องว้าว”
ใบหน้าของจอยในตอนนี้ดูบูดบึ้งจนเห็นได้ชัด เนื่องจากเธอเริ่มเบื่อจน
ไม่อยากรอดูแล้ว
บิ๊กล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดู จอยเห็นหน้าจอโทรศัพท์
แสดงภาพเหมือนกับแผนที่ มีจุดสีดาเล็กๆ อยู่จุดหนึ่ง มันกะพริบเหมือน
หลอดไฟของศาลพระภูมิ ซึ่งทุกครั้งที่มันกะพริบ มันจะขยายออกมาเป็น
ครึ่งวงกลมทางด้านหนึ่ง จานวนครึ่งวงกลมจะเพิ่มออกเป็นชั้นๆ ตาม
จังหวะของจุดแสงที่กะพริบ จนกระทั่งครบสามชั้น ก็ดับหายไป จากนั้นก็
เริ่มกระบวนการนี้ใหม่อีกครั้ง ดูราวกับระลอกคลื่นที่เคลื่อนเข้าหาฝั่ง ซึ่ง
มันเป็นสัญลักษณ์ในความหมายว่า เคลื่อนไหวมาจากทิศไหน และกาลัง
ใกล้เข้ามา

บิ๊กเงยหน้ามายิ้มร่า พลางโอบเอวของจอยต่อ

“อย่าเพิ่งหงุดหงิดนะจ๊ะ เดี๋ยวเพื่อนพี่มันก็มาถึงแล้ว”

มือของมันค่อยๆ เลื่อนต่าลงไปที่บั้นท้าย แต่จอยไม่รู้สึกตัว


เนื่องจากนึกไปถึงเรื่องที่มันเล่าก่อนหน้านี้ สัตว์ในตานานที่มันพาเธอมา
ดู ตัวนี้เป็นเพื่อนของมันเอง สามารถมาให้เธอดูแบบใกล้ชิดและสามารถ
ให้เธอจับต้องได้ ตอนแรกจอยก็หลงคิดว่า ต้องเป็นไอ้หน้าหมาตาปูดตา
เขียว ตัวที่เห็นในจอโทรศัพท์เมื่อคราวที่แล้ว แต่บิ๊กส่ายหน้าให้กับการ
คาดเดาของเธอ ความจริงตัวที่เธอเห็นนั้น มันเป็นเพื่อนร่วมงานของบิ๊ก
ส่วนสัตว์ในตานานที่จะมาให้เชยชมนี้ เป็นเผ่าพันธุ์อื่น ไม่ใช่มนุษย์หมา
ป่า

จอยสะดุ้งแทบขวัญกระเจิง เพราะบิ๊กหอนขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

“มันมาแล้วจ้ะ”

บิ๊กชี้ไปบนท้องฟ้าให้มองตาม จากนั้นเปลี่ยนชูโทรศัพท์แล้วโบก
ไปมาเหมือนโบกมือ เพื่อใช้แสงสะท้อนของตัวโทรศัพท์ให้เกิด
ประโยชน์ หลักการเดียวกับแสงไฟกะพริบของลานบินที่มีไว้สาหรับให้
เครื่องลงจอดในยามกลางคืน

จอยเพ่งสายตามอง จนกระทั่งสังเกตเห็นบางสิ่ง มีลักษณะเหมือน


จุดเล็กๆ สีส้ม ดูเหมือนกาลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

เวลาผ่านไปประมาณเกือบห้านาที ในที่สุดจอยก็สามารถระบุได้ว่า
มันคือตัวอะไร แต่ภาพที่เห็นไม่ทาให้เธอรู้สึกตื่นเต้นแม้แต่น้อย ทุก
ขณะที่มันเข้ามาใกล้ รูปร่างหน้าตาของมัน เริ่มทาให้เธอหวาดกลัวมาก
ขึ้นทุกขณะแทนมากกว่า

จนกระทั่งมันมาถึง ขณะสิ่งมีชีวิตตัวนั้นร่อนลงมา จอยผวาจนต้อง


กอดแขนบิ๊กเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจ

แรงกระพือปีกเพื่อชะลอความเร็วของสัตว์ตัวนั้น ทาจอยต้องยกมือ
บังหน้าพร้อมทาตาหยี เนื่องจากทั้งขี้ฝุ่นและเศษใบไม้ใบหญ้า ถูกพัดมา
ทางเธอ

หลังจากเสียงกระพือปีกหายไป พร้อมลมกระโชกแรง จอยก็ลดมือ


ลง เห็นภาพสัตว์ร่างใหญ่ใกล้เคียงกับมนุษย์หมาป่า ในตอนนี้มาอยู่
ตรงหน้าของเธอแล้ว

เมื่อยิ่งเห็นใกล้ขนาดนี้ ทาให้จอยหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม จนไม่


อาจควบคุมปากไม่ให้สั่นได้ “มะ... มะ... มัง... มังกร !?”

つづく
การ์ตูนเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เป็นการ์ตูนที่โด่งดังเรื่องหนึ่งของโลก
การ์ตูนเรื่องนี้มีความยาวมากกว่า 500 ตอน ขึ้นไป โดยมีทั้งแบบการ์ตูน
กระดาษรูปเล่ม แอนิเมชั่นเคลื่อนไหว และมีการใช้การแสดงเป็นคนจริง
ซึ่งเนื้อหาเล่าเกี่ยวกับนักสืบวัยรุ่นที่มีความเก่งกาจทั้งไหวพริบและความ
ช่างสังเกต แต่ถูกจับกรอกยาทาให้กลายเป็นเด็ก นอกจากเนื้อหาไขคดี
ทั่วไป ยังมีเนื้อหาหลักก็คือการหาสูตรยาเพื่อให้ตัวเองกลับคืนวัยที่
แท้จริง แต่ว่า... ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ มันก็ยังไม่สามารถกลับคืนเป็น
ผู้ใหญ่ได้ นอกจากได้เพียงชั่วคราว

เหตุการณ์มหาอุทกภัย ปี 2554 ประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัยครั้ง


รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี และมีพื้นที่ประสบ
ภัยกระจายตัวในทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาค
กลางที่เกิดน้าท่วมหนักเป็นระยะเวลานาน ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นพื้นที่หนึ่งซึ่งเกิดน้าท่วมหนักในรอบ
70 ปี หากนับจากเหตุการณ์น้าท่วมกรุงเทพมหานครในปี 2485 อุทกภัย
ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างกนักทั้งทางภาคการเกษตร
อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังภาคส่วน
อื่นอีกเป็นจานวนมาก
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 20

สัตว์ในตานานที่เรียกว่า มังกร ตัวที่อยู่เบื้องหน้าของจอย มี


ลักษณะคล้ายจระเข้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มันมีข้อแตกต่าง เกล็ดของมันเป็น
สีส้มและดูมันเงา มีเขาหนึ่งคู่บนหัว คอยาวกว่าปกติ มีกรงเล็บสีดา
เหมือนกับของมนุษย์หมาป่า แต่ดูน่าจะใหญ่และยาวกว่าเล็กน้อย มีปีก
คล้ายของค้างคาวหนึ่งคู่พับเก็บอยู่ด้านหลัง และไม่มีตุ่มนูนขึ้นมาตาม
แผ่นหลัง ไล่ไปจรดปลายหางเหมือนกับจระเข้ นอกเหนือจากนี้ มันมีสิ่ง
แปลกปลอมอยู่บนเรือนร่าง ถ้าจอยดูไม่ผิด มันคาดกระเป๋าสะพายสีดา
ด้วย ยังมีตุ๊กตาหมีน้อยสีชมพู ห้อยอยู่ตรงที่รูดซิป ทาให้ความน่า
สะพรึงกลัวพลันหายไป กลายเป็นดูน่ารักคิขุอาโนเนะ ซึ่งไม่ได้เข้ากับ
รูปร่างหน้าตาของมันแม้แต่น้อยนิด

อย่างไรก็ตาม ฟังที่เหยินออกมาเด่นชัด ไม่แตกต่างจากจระเข้


ยังคงทาให้จอยหวาดกลัวมากอยู่ เธอรีบซุกมือของตัวเอง ‘กูจะไม่ยื่นมือ
เข้าไปใกล้ปากมันแน่ !’

มังกรลุกยืนขึ้นด้วยสองขาหลัง ทาให้จอยแปลกใจ คาดไม่ถึงว่า


มันสามารถยืนได้เหมือนกับมนุษย์ จนเมื่อมันยืนเต็มความสูงเหมือน
ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเอส ทาให้จอยเพิ่งสังเกตอีกอย่าง ความจริงทั้ง
ขาหน้าและขาหลัง ไม่ได้มีลักษณะเหมือนของสัตว์เดรัจฉาน มันเหมือน
แขนและขาของมนุษย์มากกว่า แต่ขาของมันมีลักษณะดูแปลกๆ
เหมือนกับของบิ๊ก จอยคิดว่าอาจเป็นเพราะวิวัฒนาการของสายพันธุ์ คง
ต้องการให้มันสามารถใช้ได้ทั้งสองอย่าง ทั้งเคลื่อนไหวด้วยสองขาหลัง
เหมือนมนุษย์และเปลี่ยนมาเคลื่อนไหวเหมือนกับสัตว์สี่เท้า

สัตว์ตัวนั้น เมื่อรวมกับคอยาวประมาณเท่าศอกเข้าไป ทาให้มันดู


สูงกว่ามนุษย์หมาป่า ทาเธอหลงคิดไปไกลว่า พบเจอไคจูแบบตัวเป็นๆ
ภาพของมังกรในตอนนี้ จอยรู้สึกว่าไอ้หน้าหมาดูแต่งตัวไม่อุจาด
ขึ้นมาทันใด อย่างน้อยบิ๊กก็มีกางเกงสวมอยู่ตั้งหนึ่งตัว แต่มังกรเกล็ดสี
ส้มตัวนี้ นอกจากกระเป๋าที่มันพาดอยู่ มันก็ไม่มีเสื้อผ้าใดๆ ทั้งสิ้นบน
เรือนร่าง

จอยฉุกคิดได้อีกเรื่อง จึงเลื่อนสายตาต่าลงมา มองตรงจุดที่น่าจะ


แสดงเพศของมัน แต่กลับไม่มี หากเธอจาไม่ผิด อวัยวะที่แสดงเพศของ
พวกสัตว์ตระกูลเลื้อยคลาน จะอยู่ภายในโคนหางข้างใต้ สาหรับสัตว์ใน
ตานานตัวนี้ จอยมั่นใจว่ามันจะต้องอยู่ข้างในโคนหาง ที่อยู่ระหว่างโคน
ขาทั้งสองข้าง เพราะเธอสังเกตเห็นช่องตรงโคนหางที่ปิดสนิท ดูเหมือน
การเอานิ้วมือมาแนบชนกัน ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่จาเป็นต้องสวมกางเกงก็
ได้ ในเมื่อจะสวมหรือไม่สวม อย่างไรก็ไม่มีวันเห็นอยู่แล้ว

มังกรหันศีรษะไปทางอื่นแล้วไอออกมา จอยไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาด
ไปหรือไม่ เหมือนเห็นหมอกจางๆ คล้ายไอเย็นของน้าแข็ง ออกมาจาก
ปากของมัน

“พี่ขอแนะนาให้รู้จักจ้ะ ไอ้จิ้งเหลนกลายพันธุ์นี่ มันมีชื่อว่า ศักดิ์”

บิ๊กผายมือไปทางมังกร ขณะเดียวกันมังกรก็พยักหน้าให้เธอ
เหมือนเป็นการทักทาย พร้อมสะบัดมือไปทางอากาศ มีหมอกสีทอง
ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ประกอบเป็นตัวอักษร เหมือนกับสมุด
วิเศษของบิ๊กไม่มีผิดเพี้ยน

จอยเพิ่งสังเกตอีกอย่าง มังกรตัวนี้มันสวมแหวนด้วย แล้วดูเหมือน


ตอนมันสะบัดมือ จะมีแสงเปล่งออกมาจากแหวนเล็กน้อย

“สวัสดีครับคุณจอย”
“ขะ... ค่ะ... สะ... สวัสดีเช่นกันค่ะ” ต่อให้จอยพยายามบังคับไม่ให้
เสียงสั่นเพราะความกลัวมากแค่ไหน แต่ภาพของฟันแหลมคมซี่โตเกือบ
หลักร้อยนั่น ยังทาให้เธอหยุดหวาดผวาไม่ได้เหมือนเดิม แล้วเธอต้องรีบ
ยกมือไหว้แทบไม่ทัน เพราะมังกรมันยกมือไหว้เธอ ทาให้แปลกใจ ไม่
คาดคิดว่ามันจะรู้จักวิธีการทักทายแบบคนไทยด้วย

แต่ความหวาดกลัวพลันหายไปชั่วขณะ หัวคิ้วของจอยกระตุก เธอ


ไม่มั่นใจว่าคิดไปเองหรือไม่ เธอเห็นแววตาของมันเปล่งประกายอย่าง
หื่นๆ เหมือนกับของบิ๊กในยามที่เห็นเธอสวมเสื้อผ้าสวยๆ

เมื่อขบคิดดีๆ ถ้าหากมังกรตัวนี้มันจะหื่นก็ไม่น่าแปลกตรงไหน ใน
เมื่อบิ๊กบอกว่ามันเป็นเพื่อน เหมือนกับสัตว์สังคมอย่างมนุษย์ ซึ่งมักจะคบ
คนที่มีนิสัยคล้ายๆ กันเป็นเพื่อน

ถ้าจาไม่ผิด เมื่อคราวที่แล้วที่เห็นมังกรบินผ่านไป มันมีเกล็ดสีแดง


ไม่ใช่สีส้ม แสดงว่าต้องไม่ใช่เป็นตัวเดียวกัน

“เอาเลยจ้ะ น้องอยากดูตรงส่วนไหนก็เชิญตามสบายได้เลย ไม่


ต้องกลัวว่ามันจะทาอะไรน้อง”

บิ๊กพาเดินเข้าไปใกล้ก่อนหยุด แล้วปล่อยให้จอยตัดสินใจเองใน
ส่วนที่เหลือ

มังกรเปลี่ยนมายืนแบบสัตว์สี่ขา ทาให้ความสูงของมันลดลงมา
ประมาณเกือบเท่าเอว

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ บิ๊กมันเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับคุณให้ผมฟัง


มากมาย คุณน่ารักจริงๆ อย่างที่บิ๊กเล่ามาไม่มีผิด”
“ขะ... ขอบคุณค่ะ” จอยไม่แน่ใจว่าจะดีใจหรืออับอายดีกับคาพูด
เชยชมนั้น เนื่องจากไม่แน่ใจว่าไอ้หน้าหมามันเล่าอะไรไปบ้าง ถ้าจะให้
เดา จากลักษณะนิสัยของมัน คงหนีไม่พ้นการอธิบายเรือนร่างของเธอ
ถ้าเป็นเรื่องเลวร้ายสุด คงเป็นเรื่องที่มันไปปรึกษา จะเอากระบวนท่าไหน
ดีมาบุกทะลวงประตูเมืองลับแลของตัวเธอ

จอยหันไปมองบิ๊ก ด้วยแววตาขอคายืนยันประมาณว่า สัตว์ตัวนี้


ปลอดภัยแน่นะ

บิ๊กพยักหน้ารัวๆ ราวกับรับรองว่าปลอดภัยแน่นอน จอยจึงหัน


กลับไปที่มังกร เธอพยายามยิ้มให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทาได้

“ฉันขออนุญาตเดินดูตัวคุณหน่อยนะคะ ?”

มังกรส่งเสียงครืดๆ ในลาคอเหมือนจระเข้ พลางพยักหน้าทีหนึ่ง

“เชิญตามสบายเลยครับ”

แม้บิ๊กรับรองว่าปลอดภัย หรือไอ้มังกรตัวนั้นไม่มีแสดงทีท่าดุร้าย
จอยยังคงไม่กล้าเข้าไปใกล้มันมากนัก โดยเฉพาะเรื่องยื่นมือไปใกล้
ปากของมัน สาบานได้เลย เธอจะไม่มีวันทาอย่างนั้นเด็ดขาด นอกจาก
เดินดูห่างๆ เท่านั้น

ไม่นานนึกเรื่องสาคัญได้ จึงรีบถอยออกห่างไปอีกเล็กน้อย ล้วง


กางเกงเอาโทรศัพท์ออกมา

แต่ในดวงตาของเธอไม่ได้มองมังกรอย่างเหมารวม ความจริง
ในตอนนี้เธอเพ่งเล็งไปที่ตรงโคนหาง
จอยกลืนน้าลายจนมีเสียงเฮือก ‘มังกรหยกของมันจะใหญ่และยาว
ถึงใจกว่าของบิ๊กไหมน้า... ?’

เธอใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ นึกจินตนาการเห็นภาพเป็นฉากๆ เกี่ยวกับ


ท่อนเนื้อที่แอบซุกซ่อนจากโลกอันกว้างใหญ่

แต่เพียงไม่นาน จอยก็รู้สึกตัว เมื่อเห็นบิ๊กจ้องหน้าเธออยู่ เธอจึงรีบ


สั่นหัว เพื่อขับไล่ความคิดสุดวิปริตออกไป ‘นี่ฉันติดโรคหื่นมาจากไอ้
หน้าหมามาหรือไงเนี่ย’

“น้องจอยจะทาอะไรจ๊ะ ?”

บิ๊กเดินมาโอบเอวจอย เอียงคอทาเหมือนหมาน้อยขี้สงสัย

“ฉันก็จะถ่ายรูปไง” จอยบอกเจตนาของตัวเองไปตรงๆ

บิ๊กหัวเราะร่า ขณะเดียวกันมังกรหัวเราะตามเช่นเดียวกัน แต่


สาหรับมังกร เสียงของมันค่อนข้างแหบพร่าคล้ายจระเข้ขู่คาราม

“อย่าจะดีกว่าจ้ะ ถ้าน้องไม่อยากให้โทรศัพท์เครื่องนี้พัง”

บิ๊กจับมือของจอยลดลง พลางส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่เห็นด้วยกับ


ความคิด

“หมายความว่ายังไงที่ว่าโทรศัพท์จะพัง ?” จอยไม่เข้าใจใน
ความหมายที่มันสื่อ

บิ๊กล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์ยี่ห้อของมนุษย์ออกมา เปิดไปที่หมวด
การถ่ายรูป พร้อมหันหลังกล้องไปทางมังกร
“น้องดูให้ดีๆ นะจ๊ะ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของมนุษย์”

จอยขมวดคิ้ว เพราะทันทีที่บิ๊กกดปุ่มถ่ายรูป ภาพหน้าจอมันก็ดับ


หายไป กลายเป็นเพียงหน้าจอมืดๆ ไม่มีสีสันอะไรทั้งสิ้นให้เห็น

“นี่แหละจ้ะ เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับโทรศัพท์ของน้องจอย”

บิ๊กโยนโทรศัพท์ทิ้งไปไกล เหมือนเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่ง

ขณะจอยกาลังเผยอปากเพื่อจะถาม เธอชะงัก เพราะนึกได้ว่า


ในตอนนี้เธอกับมันไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง เธอจึงเปลี่ยนใช้คาสรรพนาม
เรียกมัน ด้วยเกรงว่าอาจทาให้มันเสียหน้า อย่างน้อยเธอก็ยังมีความเป็น
ลูกผู้ดีอยู่ ไม่ใช่ทั้งเถื่อนและลามกอย่างมัน

“คุณหมายถึงถ้าฉันถ่ายรูปมังกร โทรศัพท์จะหน้าจอมืดแบบนั้นใช่
ไหมคะ ?” จอยชี้โทรศัพท์ที่ถูกโยนทิ้ง

แต่บิ๊กส่ายหน้าให้กับคาถามของเธอ ถ้าจอยสังเกตอีกนิด จะเห็น


แววตาของมันดูฉ่าเยิ้มและหางกระดิกไม่หยุด เนื่องจากมันไม่คาดคิดมา
ก่อนว่า เธอจะพูดไพเราะกับมัน

“ไม่ใช่จ้ะ พี่หมายถึงโทรศัพท์ของน้องจะพังไปเลย ไม่สามารถ


ซ่อมได้ รวมถึงน้องจะมาถ่ายรูปพี่ในร่างนี้ โทรศัพท์ของน้องก็จะพัง
เช่นเดียวกันจ้ะ ต่อให้น้องไปถ่ายรูปเผ่าพันธุ์ในตานานอะไรก็ตาม
ผลลัพธ์มันก็ออกมาในรูปแบบเดิมไม่เปลี่ยนจ้ะ”

บิ๊กใบหูกระดิก หันขวับไปทางโทรศัพท์ที่เพิ่งโยนทิ้งไป จากนั้นมัน


ก็วกกลับมาหาจอย
“น้องคอยดูให้ดีนะจ๊ะ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”

บิ๊กชี้ไปทางโทรศัพท์ แน่นอนว่าจอยไม่เข้าใจในการกระทาของ
มัน จนกระทั่งมันเปลี่ยนมาทามือเหมือนห้ามใครไม่รู้ให้หยุดอยู่กับที่
แล้วเริ่มงอนิ้วลงไปทีละนิ้ว เหมือนการนับถอยหลัง จนนิ้วสุดท้ายหายไป

จอยสะดุ้งตกใจจนขวัญแทบกระเจิง ดวงตาเบิกโพลง เพราะเห็น


โทรศัพท์เครื่องนั้นเกิดระเบิดเสียงดัง ชิ้นส่วนต่างๆ กระจุยกระจายไปละ
ทิศละทาง

“ในคราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมจ๊ะ ? ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับ
โทรศัพท์”

“ทาไมมันระเบิดอย่างนั้นคะ ?” จอยอดสงสัยไม่ได้ เนื่องจาก


โทรศัพท์มันน่าจะไม่มีวันระเบิดอย่างเหมาะเจาะตามการนับนิ้วเช่นนี้
ความจริงมันต้องไม่มีวันคาดเดาตรงเป๊ะ

“มันเป็นเพราะเวทมนตร์โบราณจ้ะ เพื่อปกป้องความลับของการมี
ตัวตนของสัตว์ในตานาน อุปกรณ์เทคโนโลยีอะไรก็แล้วแต่ของมนุษย์
จะไม่สามารถเก็บรูปภาพของสัตว์ตานานได้ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็น
เหมือนโทรศัพท์เครื่องนั้นจ้ะ”

จอยมองดูโทรศัพท์ในมือตัวเอง รู้สึกกลืนน้าลายฝืดขึ้นมาทันที ถ้า


เกิดโทรศัพท์ที่อเล็กซ์ซื้อให้ในวันเกิดพังไป คงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต

“พี่คิดว่าน้องเก็บโทรศัพท์ไปดีกว่านะจ๊ะ ถ้าน้องอยากมาเห็น อยาก


มาจับ บอกพี่ได้เสมอ พี่จะเรียกไอ้จิ้งเหลนนี่มาหาน้องเองจ้ะ”
มังกรหันขวับมาจ้องหน้าบิ๊ก พ่นลมออกจมูกดังฟืดยาว จอยไม่
แน่ใจว่าคิดไปเองหรือไม่ว่ามันแสดงอาการไม่พึงพอใจ ตรงข้อความที่บิ๊
กบอกกับเธอ แต่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า มันแสดงอารมณ์บนใบหน้าอย่างไร
อยู่ เนื่องจากมันมีเกล็ดปกคลุม ยกเว้นตรงส่วนปีกของมันที่ไม่มีเกล็ด

ก่อนที่จอยจะเก็บโทรศัพท์ตามที่บิ๊กบอก เธอนึกได้อีกเรื่อง “ทาไม


ในวันนั้นคุณถึงถ่ายรูป... เอ่อ...” เธอหน้าแดง เริ่มพูดไม่ออก

ไม่นานบิ๊กส่งเสียงฮือๆ ในลาคอ ราวกับว่าเข้าใจแล้ว

“ในตอนนั้นพี่ถ่ายรูปกางเกงอย่างเดียว พี่ไม่ได้ถ่ายรูปส่วนใดส่วน
หนึ่งของร่างกาย พี่จึงสามารถส่งรูปมาให้น้องได้ ที่เหลือพี่ไปจ้างพวก
ทากราฟิก นี่พี่อุตส่าห์ไปยืนเป็นนายแบบเลยนะจ๊ะ จะได้เหมือนของจริง
น้องชอบไหมจ๊ะ ? คราวหลังพี่จะได้ไปจ้างทาต่อ ทาออกมาให้หลาย
แบบหลายท่า”

คาอธิบายของมัน ทาใบหน้าของจอยเริ่มแดงระเรื่อ เนื่องจาก


ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับมันเพียงสองต่อสอง แล้วเธอก็คาดไม่ถึงว่ามันจะหน้า
หนาขนาดนี้ แค่อ่านประโยคข้อความไปครึ่งเดียว ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไป
ซุกที่ไหน ข้อความยังใหญ่โตราวกับตั้งใจประกาศให้โลกรับรู้อีก

“ชอบไหมจ๊ะ ?”

บิ๊กยื่นหน้ามาเสียดสีอย่างออดอ้อน

จอยไม่รู้สึกว่ามันดูน่ารักแม้แต่น้อย เธอยิ้มฝืดๆ พยายามพูด


ออกมาให้เสียงไพเราะที่สุด “เอาไว้... เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะ
คะ”
“ก็ได้จ้ะ สาหรับน้องจอย พี่ยอมทุกอย่าง”

จอยสะดุ้ง เพราะถูกบีบบั้นท้าย เธอจึงมองหน้าด้วยแววตาสื่อ


ชัดเจนว่าไม่ชอบ แต่บิ๊กทาเหมือนไม่เข้าใจความหมาย มันแสยะยิ้มให้
ราวกับจะถามว่ามีอะไร แต่มือที่โอบอยู่ด้านหลัง ยังคงบีบอย่างเมามัน

จอยตีหน้าอกกายาซึ่งเต็มไปด้วยขน แต่ไม่แรงมากนัก เธอหันไป


ทางมังกร ยิ้มแห้งๆ ราวกับจะบอกว่าไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่ความจริงไม่ได้
ยิ้ม เธอขยับริมฝีปากทิศทางที่บิ๊กอยู่ พูดออกมาเสียงเบา จงใจให้มันได้
ยินเพียงผู้เดียว “แกอย่าเพิ่งตอนนี้ ฉันขอร้อง ฉันอาย”

บิ๊กจึงยอมเลิกทาพฤติกรรมลามก เปลี่ยนมาแกล้มดีดปลายจมูก
ของเธอ ตามประสานิสัยขี้เล่น ราวกับทาแทนคาพูดว่า เข้าใจแล้ว

จอยไม่มีอารมณ์ เธอปัดมือของมันออกไปเบาๆ แม้อยู่ต่อหน้าสิ่งที่


ไม่ใช่คน กระนั้นเธอยังคงอายอยู่ เธอยังจาได้อยู่ บิ๊กเคยบอกให้ฟัง มัน
มีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งตัว ไม่แน่ บางทีสัตว์เลื้อยคลานในตานานตัวนั้น
อาจจะกลายร่างเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ เช่นเดียวกับมนุษย์หมาป่า

(กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... !)

เสียงโทรศัพท์ที่ดังออกมาจากตัวมังกร ทาให้ทั้งสองคู่รักอันน่าสะ
พรึง หันขวับพร้อมกันไปทางต้นเสียง

ศักดิ์ล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดู แน่นอนว่ามันต้องเป็น
รุ่นที่ไม่มีขายในแดนมนุษย์

มันอ่านข้อความอยู่ครู่หนึ่ง ก็เก็บเข้ากระเป๋า แล้วหันหน้ามาทางคู่


จี๊ดวิปริตข้ามเผ่าพันธุ์
“ดูเหมือนว่าผมจะอยู่พูดคุยทาความรู้จักได้ไม่นานนัก พอดีมีงาน
เข้า คุณจอยไม่ว่ากันนะครับ”

“ขะ... ค่ะ ได้ค่ะ” จอยตะกุกตะกักเล็กน้อย พยักหน้ารัวๆ สื่อว่า


เข้าใจ แต่บิ๊กมีแววตาสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ ในเมื่อแฟน
ของมันยังไม่ได้ดูสัตว์ในตานานจนจุใจเลย

มังกรที่ชื่อว่าศักดิ์ สังเกตเห็นแววตาของเพื่อนมันดูเหมือนไม่พอใจ
จึงสะบัดมือ ตัวอักษรสีทองเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

“ก่อนผมจะไป คุณจอยอยากจะลองสัมผัสตัวผมก่อนหรือเปล่าครับ
?”

“หะ... ให้ฉันจับคุณได้จริงๆ หรือคะ ?” จอยชี้ตัวเอง ในตอนนี้


แสดงหน้าตาตื่นๆ

“ได้อยู่แล้วครับ ผมไม่ดุหรอกครับ ผมใจดีจะตาย”

มังกรหัวเราะเพราะรู้สึกตลกกับคาพูดเหมือนไร้เดียงสาของหญิง
สาว จนเมื่อสังเกตแววตาของเพื่อนมัน มีแต่ความเย็นชา เหมือนไม่
ถูกใจกับประโยคหยอกเย้า มังกรศักดิ์จึงหยุดหัวเราะ

บิ๊กสังเกตเห็นว่าหญิงสาวชาเลืองมาทางตน ด้วยแววตาเหมือน
รู้สึกหวั่นหวาด แล้วยังเหมือนขอร้องให้ช่วยไปเป็นเพื่อนด้วย มันจึง
กลับมาทาท่าทางเหมือนหมาน้อยน่ารักเหมือนเดิม แล้วจับมือเธอเดินเข้า
ไปใกล้มังกร
เมื่อจอยมีผู้ที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ ทาให้ความกลัวของเธอลดลงไปได้
มาก เธอจึงเดินไปไม่มีท่าทางหวั่นเกรงมากนัก

เดินไปได้เพียงครึ่งทาง บิ๊กชะงัก แล้วหันขวับไปจ้องตรงป่าที่ห่าง


ออกไปราวสิบห้าเมตร

จอยจึงหันไปตามบ้าง แต่ไม่เห็นอะไร เธอจึงหันกลับมาทางมนุษย์


หมาป่า แล้วถาม “มีอะไรหรือเปล่า ?”

บิ๊กหันกลับมาส่ายหน้าให้เธอ

“ไม่มีอะไรจ้ะ”

แม้ข้อความเขียนว่าไม่มีอะไร แต่บิ๊กเอาโทรศัพท์มาจิ้มรัวไม่หยุด
เมื่อเขียนเสร็จและเก็บเข้ากระเป๋าไป มีเสียงเหมือนข้อความเข้า ดังมา
จากโทรศัพท์ของมังกร เมื่อศักดิ์เปิดอ่านดู จนผ่านไปครู่หนึ่ง มัน
ชาเลืองไปในทิศทางเดียวกับที่บิ๊กหันไป แต่มันมองด้วยหางตาแค่แวบ
เดียวเท่านั้น

ถึงแม้จอยไม่รู้ว่าพวกมันส่งข้อความลับอะไรให้กัน แต่จากการ
กระทาของพวกมัน เหมือนรับรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ตรงนั้น แต่เธอไม่
อยากรับรู้มากนัก เธอคิดว่าอาจเป็นนางฟ้าตัวน้อย แอบมองด้วยอาการ
ขาสั่นหวาดผวา

บิ๊กพาจอยเดินต่อ จนกระทั่งมาถึงตัวของมังกร

“เอาเลยจ้ะ น้องสัมผัสมันได้เลย ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรทั้งสิ้น มัน


ไม่ทาอะไรน้องแน่นอน”
ต่อให้บิ๊กยืนยันอีกกี่ครั้ง จอยยังคงมีความรู้สึกระแวงต่อสัตว์ใน
ตานานตัวนี้อยู่ เธอจึงเกริ่นให้ทราบล่วงหน้าก่อน

“ฉันขออนุญาตลองจับเกล็ดของคุณหน่อยนะคะ”

“ตามสบายเลยครับ จะลูบ จะคลา หรือว่าจะถู เอาให้เต็มที่เลยครับ


เกล็ดของผมแข็ง ไม่มีอ่อน ไม่มีเหี่ยว แน่นอนครับ”

ประโยคข้อความที่ให้ความรู้สึกเหมือนคาพูดสองแง่สองง่าม ทาให้
ในตอนนี้จอยมั่นใจแล้ว ไอ้มังกรตัวนี้มันต้องหื่นเกินพิกัดเหมือนบิ๊ก
แน่นอน โดยเฉพาะดวงตาของมัน จอยเพิ่งสังเกต เหมือนว่ามันจะจ้อง
ตรงหน้าอกของเธอเป็นพิเศษ

แต่จอยไม่รู้สึกหวาดกลัวว่ามันจะปล้า ในเมื่อเธอเคยผ่านเรื่อง
อย่างนั้นมาแล้ว ในตอนนี้เธอยังมั่นใจด้วยว่าบิ๊กสามารถปกป้องเธอได้

เมื่อนิ้วมืออ่อนนุ่มของจอยได้สัมผัส ทาให้เธอได้รับรู้ว่า เกล็ดที่ดู


มันเงานี้ ความจริงไม่ได้ลื่นเหมือนน้ามันอย่างที่เธอเข้าใจ มันแค่ดูเงาใน
ยามมีแสงกระทบ นอกจากนี้เกล็ดของมันยังให้ความรู้สึกเย็นและแข็ง
เหมือนที่มันบอกมา

ขณะเริ่มไล่นิ้วไปตามเกล็ดทีละชิ้น มังกรเกิดตัวสั่นระริก อาการ


นั้นของมันทาให้จอยผละออกมาเพราะความตกใจ

เมื่อหันไปมองหน้ามัน ในตอนนี้มังกรกลอกตาขึ้นฟ้า แววตาดูฉ่า


เยิ้ม ปากอ้าสั่นระรัว ราวกับเสพสมอารมณ์หมายแล้วก็ไม่ปาน

จอยทาใบหน้าราวกับอยากร้องหยี ‘ไอ้มังกรบ้า นี่แค่ลูบเท่านั้นเอง


มันคิดเตลิดไปไกลถึงไหนแล้วเนี่ย’
บิ๊กส่งเสียงคารามเบาๆ เหมือนตักเตือน ศักดิ์ถึงรู้ตัว มันจึงหยุดทา
อาการนั้น แล้วหันมาทางจอย

“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ที่ทาคุณตกใจ ผมแค่คันเท่านั้น คุณเกา


ถูกจุด ทาให้ผมลืมตัวหลุดอาการเคลิบเคลิ้มออกไป”

“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ ฉันแค่ขี้ตกใจมากไปเท่านั้นเอง” จอย


ส่ายหน้า แล้วยิ้มแย้มออกมา ทาราวกับว่าไม่ใช่เรื่องที่เธอเอามาคิดมาก
‘ไอ้มังกรตอแหล ! แกมีเกล็ดแข็งขนาดนั้น มันจะไปถึงผิวหนังของแกได้
ยังไง’

มังกรสะบัดหน้าไปทางอื่นแล้วไอออกมา คราวนี้จอยเห็นชัดเลย
เธอไม่ได้ตาฝาดไปเองแน่นอน มีหมอกสีเทาออกมาจากปากของมัน
จริงๆ เมื่อถูกลมพัดมาทางเธอ ทาให้ได้กลิ่นปากของมัน เหมือนกับแก๊ส
ไม่มีผิด

“จริงด้วย ผมลืมไปสนิท”

มังกรหันกลับมา ลดหัวต่าลง แล้วเอาขาหน้าตบหน้าผากตัวเอง


ทาท่าทางเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้

“เดี๋ยวผมจะแสดงอะไรให้ดูนะครับ รับรองคุณต้องตะลึง”

จากนั้นมังกรเดินไปตรงที่โล่ง กลางปีกแล้วกระพืออยู่กับที่ หัวที่ชู


ไปทางข้างหน้า ค่อยๆ ถอยหลังมาพร้อมสูดลมหายใจ จนกระทั่งเต็ม
ปอด มันพุ่งศีรษะไปข้างหน้า แล้วอ้าปากกว้าง เสียงราวกับอะไรสัก
อย่างระเบิดดังขึ้น พร้อมมีเพลิงพุ่งออกไปไกลกว่าหกเมตร
ภาพนั้นทาจอยสะดุ้งโหยง เบิกตาโพลง โดยเฉพาะตอนเห็นมันพ่น
ไฟเป็นครึ่งวงกลม ทาเธอขาแทบทรุด เพราะมันพ่นมาทิศทางที่เธออยู่
ด้วย แต่ก่อนจะถึง ไฟของมันพลันดับหายไป ราวกับมันจงใจแกล้งให้
เธอตกใจเล่นอย่างไรอย่างนั้น

มังกรไออีกครั้ง จากนั้นเดินกลับมาหาใต้ต้นไม้ ด้วยท่วงท่าเหมือน


อารมณ์ดี

“เป็นไงครับ ตะลึงไหม ?”

“ค่ะ... ตะลึงมากค่ะ” จอยพยายามฝืนยิ้ม แต่ภายในใจตรงข้าม เธอ


อยากด่าออกมาจวนใจจะขาด ‘ไอ้มังกรบ้า ! กูหัวใจเกือบวาย แค่พ่น
เฉยๆ ก็พอแล้ว เล่นมาทางกูอีก ความจริงมึงไม่ต้องพ่นไฟก็ได้ ตัวอย่าง
มึงกูรู้อยู่แล้วว่าพ่นไฟได้แน่นอน’

“คุณอยากลองสัมผัสปีกผมไหมครับ”

ศักดิ์กลางปีกขนาดใหญ่ข้างหนึ่งออกด้วยความเชื่องช้า ยื่นมาทาง
เธออย่างเชิญชวน

แต่จอยไม่ยื่นมือไปจับทันที เธอรวบรวมสติอยู่พักหนึ่ง จากนั้นยื่น


มือออกไปสัมผัสบางเบา

ปีกเหมือนค้างคาวของมังกร ให้ความรู้สึกเหมือนยาง จอยลองกด


ลงไปเบาๆ ทาให้รู้ว่ามันมีความยืดหยุ่นอย่างมาก เธอจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
อีก เพราะเหตุใดปีกของมันถึงสามารถนาร่างกายขนาดใหญ่ขึ้นสู่
ฟากฟ้าได้
“จะว่าไป คุณไม่เหมือนในหนังหรือสื่อต่างๆ ที่ฉันเคยดูมาเลยนะ
คะ ฉันคิดว่าคุณจะต้องตัวใหญ่โตมโหฬารเสียอีก” จอยถามมังกรขึ้นมา
แต่ดวงตาไม่ละไปจากปีก จนกระทั่งมีตัวอักษรสีทองลอยมาอยู่ตรงหน้า

“ถ้าผมตัวใหญ่ขนาดนั้นเหมือนในหนังละก็ ป่านนี้สงสัยผมคงได้
เป็นดาราเอกประจาเรื่องจูราสสิคพาร์คไปแล้วครับ”

มังกรหัวเราะเบาบาง

“ผมเล่นมุกเฉยๆ ครับ การที่ผมตัวเล็กเกือบเท่าคนมันมีเหตุผลครับ


ถ้าผมตัวใหญ่ขนาดนั้นเหมือนในหนัง ผมคงไม่สามารถบินได้ น้าหนัก
มันมีมากเกินไปที่ปีกจะรองรับได้ไหวครับ”

เมื่อจอยคิดในหลักของความเป็นจริง ก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่มัน
อธิบายมา

“คุณชื่อ ศักดิ์ ชื่อของคุณเหมือนชื่อของคนไทยเลยนะคะ ?”


ในตอนนี้จอยเริ่มไม่ค่อยหวาดกลัวมังกรเหมือนช่วงแรก เธอเดินวนดู
รอบปีกพังผืดอย่างสบายๆ

แต่มังกรเจ้าของชื่อไม่ตอบคาถาม เพียงแค่ส่งเสียงครืดๆ ในลาคอ


เหมือนการพยักพเยิดในความหมายว่ารับรู้หรือพลอยเห็นด้วย

ศักดิ์มองทุกอิริยาบถความใคร่รู้ของหญิงสาว ทาให้รับรู้ว่าเธอ
อยากเห็นรายละเอียดมากกว่านี้ มันจึงยกปีกสูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้จอย
เดินเข้าไปดูข้างใต้ปีกได้ถนัด

เนื่องจากมังกรยืนแบบสัตว์สี่เท้าอยู่ หญิงสาวจึงต้องย่อตัวเล็กน้อย
โดยที่เธอไม่ได้สังเกต ศักดิ์ค่อยๆ ยื่นหัวสูงขึ้น ดวงตาของมันชาเลือง
เข้าไปในคอเสื้อ ซึ่งเผยโฉมเนินอกสุดตูม ภาพนั้นทาให้ดวงตาของ
สัตว์เลื้อยคลานขยายใหญ่ ราวกับลูกโป่งที่ถูกเป่า จนแทบจะถลน
ออกมานอกเบ้าตา ในขณะเดียวกัน มีสายตาอีกคู่ที่จับจ้องทุกการ
เคลื่อนไหวของศักดิ์ โดยที่มันไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน

ขณะจอยดูเพลินๆ เกิดเสียงดังป้าบสนั่น ร่างของมังกรทรุด


กระแทกพื้น พร้อมเสียงร้องแหบดังลั่น

สิ่งที่เกิดขึ้นกับมังกรนั้น ทาจอยตกใจผละตัวออกมาแทบไม่ทัน
เมื่อเธอหันขวับไปต้นทางเสียง เห็นเป็นภาพฝ่ามือของบิ๊กที่อยู่บนหัวของ
มังกรที่แนบติดพื้น จอยจินตนาการภาพก่อนหน้านี้ได้ทันที แสดงว่าเมื่อ
ครู่นี้มนุษย์หมาป่าตบหัวของมังกรอย่างแรง จนถึงกับหน้าทิ่มดิน

บิ๊กพ่นลมหายใจออกเสียงดัง เดินมากระชากแขนจอยมาชิดร่าง
อย่างใส่อารมณ์

แกเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย ?! “เบาๆ กับฉันได้ไหมยะ !”

แต่บิ๊กไม่ตอบ มันจ้องหน้ามังกรพร้อมส่งเสียงคารามอย่างเกรี้ยว
กราด

จอยหันขวับไปทางมังกร เพราะปลายหางตาสะดุดเห็นหมอกสีดา
ปรากฏว่าเป็นตัวอักษรจากบิ๊ก แต่ทว่าคราวนี้อักษรค่อนข้างไม่สมบูรณ์

“อย่ามาใช้สายตาลามกของแกมองที่รักของฉัน หากไม่เช่นนั้น
อย่าหาว่าไม่เตือน”
ถึงแม้จอยไม่รับรู้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่แน่ๆ การกระทาของบิ๊
กสื่อออกมาชัดเจนว่ามันหึงหวงเธอมาก หรือว่าก่อนหน้านี้มังกรต้องทา
อะไรที่ไม่พอใจเข้าให้

ขณะศักดิ์ยืนขึ้นเต็มความสูงด้วยความเชื่องช้า มีเลือดจากปาก
ของมันหยดลงพื้นหญ้า จอยเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกาลังไม่ปลอดภัย เธอ
สังเกตเห็นแววตาของมันที่จ้องหน้ามนุษย์หมาป่า เต็มไปด้วยโทสะ
ชัดเจน ยิ่งเห็นมันค่อยๆ อ้าปากพร้อมมีเสียงครืดต่าๆ ลอดออกมา พร้อม
หมอกสีเทาจางๆ ทาให้จอยตัวสั่นผวามากขึ้น เพราะมันดูเหมือนกาลังจะ
มีบางสิ่งบางอย่างที่มังกรต้องการปลดปล่อยออกมาสู่ภายนอก

つづく

คาว่า คิขุอาโนเนะ คานี้ไม่มีความหมาย คนไทยคิดขึ้นมาเอง เป็นการ


ลอกเลียนภาษาญี่ปุ่น มีความหมายแบบคนไทยที่คิดเออเอาเองว่า น่ารัก
บ้องแบ๊วไร้เดียงสา หรืออาจหมายถึงคาด่าได้ด้วย เช่น น่ารักแบบ
ปัญญาอ่อน

ไคจู เป็นคาเรียกชื่อของสัตว์ประหลาดในหนังเรื่อง Pacific Rim เข้า


ฉายเมื่อในช่วงปีพุทธศักราช 2556 มันอาจเป็นคาแปลกใหม่สาหรับคน
ไทย แต่ในประเทศญี่ปุ่น ไคจู ได้มีมานานตั้งแต่สมัยโชวะ (ค.ศ. 1926 -
1989) "ไคจู" (Kaijuu) เป็นคาศัพท์ในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า สัตว์
ประหลาด นั่นเอง ไคจูมักจะปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์แนวไซไฟ ซึ่งที่
ญี่ปุ่นก็มีมานานตั้งแต่สมัยโชวะแล้ว
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 21

ทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป จอยขาสั่นมากขึ้น ภาพปากมังกรที่กาลัง


อ้ากว้าง เหมือนดูเชื่องช้า แต่เพิ่มความกลัวได้อย่างรวดเร็ว

จอยถูกบิ๊กดึงคอเสื้อตรงเนินอกขึ้นมาจนแทบติดคาง แต่มันคงจะ
ลืมไป ถ้าดึงสูงเกินจะเห็นสะดือแทน ทาให้มังกรรูม่านตาขยายราวกับ
กล้องส่องทางไกลปรับเลนส์

แต่ศักดิ์สนใจมองตรงจุดนั้นแวบเดียว มันมองกลับมาที่มนุษย์หมา
ป่า แล้วอ้าปากกว้างพร้อมกลางปีกฉับพลัน ภาพนั้นทาจอยกรีดร้องด้วย
ความตกใจสุดขีด

จอยตายังคงมองค้าง เช่นเดียวกับปากที่อ้าอยู่ แต่เสียงกรีดร้อง


ของเธอค่อยๆ แผ่วหายไป ฉากภายในหัวที่คิดว่าจะเห็นเพลิงพุ่งออกมา
ย่างสด กลับไม่มีให้เห็น มีแค่เสียงหัวเราะออกมาจากปากของมังกร ราว
กับมันได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิต

บิ๊กยังคงแยกเขี้ยวคาราม สื่อออกมาชัดเจนว่ามันยังโกรธอยู่

แต่ท่าทางของศักดิ์ไม่มีหวั่นเกรงแม้แต่น้อย มันยังคงหัวเราะ
เหมือนกับว่ามันพบเจอพฤติกรรมนี้ของบิ๊กมานานแล้ว มันยื่นมือมาตบ
บ่าของเพื่อนหน้าขนอย่างหยอกเย้า

“หึงเธอถึงขนาดนี้เลยหรือเพื่อนรัก”

ใบหน้าของบิ๊กดูถมึงทึง ราวกับว่ามันไม่รู้สึกตลกไปกับข้อความ
นั้น มันปัดมือของมังกรออกไปอย่างไร้เยื่อใย
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันขอโทษ”

มังกรหันมาทางจอย ก้มหัวพลางยกมือไหว้

“คุณจอยครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม


กับคุณ”

“อะ... อะไรนะคะ ?” จอยงงงวยจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูก แค่


ท่าทางของมันที่เปลี่ยนกะทันหันเธอก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว ยังมายกมือ
ไหว้เหมือนคนไทยให้อีก ทาเธอแทบยกมือไหว้กลับคืนไม่ทัน

“ก็ตอนที่คุณจอยย่อตัว ผมเห็นสิ่งที่อยู่ใน”

แม้ข้อความมีให้อ่านแค่นั้น จอยก็เข้าใจความหมายได้ทันที
เนื่องจากเธอนึกไปถึงภาพก่อนหน้านี้ เหตุใดบิ๊กดึงคอเสื้อหน้าอกของ
เธอขึ้นอย่างนั้น

“ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผมขอโทษครับ คุณจอยพอจะให้อภัยผมได้


ไหม”

“เอ่อ... ช่างมันเถิดค่ะ คุณแค่ไม่ได้ตั้งใจเท่านั้นค่ะ ก็คอของคุณ


ยาวเสียขนาดนั้น” จอยยิ้มแห้งๆ มือข้างหนึ่งจับชายเสื้อด้านหลัง ดึงมัน
ลงมา เพื่อให้คอเสื้อตรงหน้าอกสูงขึ้นแทน

แม้เธอบอกว่าไม่เอาความ แต่บิ๊กยังคงแสดงแววตาโกรธอยู่ ที่


สังเกตได้ชัดคือเสียงคารามต่าบางเบา และมือที่กาแน่น

ศักดิ์เห็นดวงตาไม่เป็นมิตรอย่างนั้น จึงล้วงหาอะไรในกระเป๋าครู่
หนึ่ง แต่หาไม่เจอ จนกระทั่งนึกได้ว่า สิ่งของส่วนใหญ่กระจายออกมา
จากกระเป๋าในตอนโดนตบกบาล มันจึงสะบัดมือไปทางหมอกสีทองที่
ลอยอ้อยอิ่ง จากนั้นหมอกเคลื่อนไปปกคลุมสิ่งของต่างๆ ที่พื้น หลังจาก
นั้นของทุกชิ้นลอยกลับเข้ากระเป๋า ยกเว้นวัตถุกลมชิ้นหนึ่ง ที่ลอยมาอยู่
บนมือ

“หากคุณจอยไม่รังเกียจ ผมขอใช้สิ่งนี้เป็นแทนคาขอโทษจากใจ
ผม ได้หรือไม่ครับ”

จอยมองวัตถุสิ่งนั้นอย่างข้องใจ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่าลักษณะ


มันเหมือนลูกแก้วโปร่งใส แล้วมีแสงสีทองเปล่งประกายออกมาเป็นรัศมี
รอบๆ ราวกับสมบัติวิเศษในภาพยนตร์เกี่ยวกับตานานมหัศจรรย์

จอยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง เธอชาเลืองไปทางบิ๊ก ราวกับอยาก


ให้มันตัดสินใจให้แทน

คาตอบของบิ๊กง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน มันจับมือของเธอยกขึ้นมา


แบรอรับ

ทันทีที่ฝ่ามือของมังกรปล่อยลูกแก้ว แสงสีทองที่มันเปล่งประกาย
ออกมา ค่อยๆ ลดลง ไม่นานมันก็กลายเป็นเพียงแค่ลูกแก้วโปร่งใสสีออก
ทองธรรมดา ไม่ได้มีอะไรระยิบระยับให้ดูอลังการเหมือนก่อนหน้านี้อีก

ถ้าจอยสังเกตแววตาของมังกรไม่ผิด เหมือนกับว่ามันรู้สึกเจ็บปวด
ใจ ราวกับสิ่งนี้มีค่ามหาศาลสาหรับมันมาก แต่ความรู้สึกที่มันเผลอตัว
แสดงออกมาให้เห็นมีเพียงแวบเดียว

“น้องจอยชอบไหมจ๊ะ ลูกแก้วมังกรนี้”

บิ๊กโอบเอวของเธอ พลางชี้สิ่งที่อยู่ในมือ
ในชั่วขณะนั้น จอยสังเกตเห็นบิ๊กชาเลืองไปทางมังกรเล็กน้อย
ราวกับหมายหัวเอาไว้แล้ว เธอจึงรีบพยักหน้ารัวๆ เพื่อให้มันกลับมา
สนใจเธอต่อ ไม่เช่นนั้นคงมีการเปิดศึกระหว่างเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ จาก
ลักษณะนิสัยของไอ้หน้าหมา เท่าที่สังเกต ดูมันจะใจร้อนและแสดงความ
ป่าเถือ
่ นออกมาใส่อะไรก็ตามที่ไม่ใช่เธอตลอด

“ฉันชอบมันมากค่ะ มันดูสวยมากเลยค่ะ” จอยเสแสร้งทาใบหน้า


เริงร่า ราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ แต่ขาของเธอยังคงสั่นเบาบางอยู่ ‘ยัย
จอยเอ๊ย แกเกือบกลายเป็นโกสต์ไรเดอร์กับเห็นหมาย่างแล้ว’

ทันทีที่บิ๊กได้ยินว่าเธอชื่นชอบ ความเกรี้ยวกราดที่แสดงออกมาก็
จางหายไป

“ว่าแต่มันคืออะไรหรือคะ ?” จอยถามมังกร

“มันคือลูกแก้ววิเศษครับ”

“ลูกแก้ววิเศษ ?” จอยทวนประโยคข้อความเสียงเบา เหลือบตาลงม


องวัตถุในมือ ‘มันคงไม่ให้เก็บสะสมจนครบเจ็ดลูก แล้วขอพรวิเศษจาก
มันได้หนึ่งข้อหรอกนะ’

“ปกติลูกแก้วพวกนี้ ชาวมังกรอย่างผม มักพกติดตัวไว้เพื่ออานวย


ความสะดวกในเรื่องต่างๆ”

“ถ้าฉันเป็นเจ้าของมันแล้ว ฉันสามารถใช้ลูกแก้ววิเศษทาอะไรได้
บ้างคะ ?” จอยสงสัย เพราะในคาอธิบายของศักดิ์ ไม่ได้เจาะจง
คุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษว่ามันสามารถใช้ทาอะไรได้บ้าง
ศักดิ์เกาคอจนมีเสียงดังแกรกๆ ทาท่าเหมือนคิดหาคาตอบอยู่ครู่
หนึ่ง

“ถ้าจะให้เปรียบเทียบ คงจะเหมือนกับโทรศัพท์ในสมัยนี้มั้งครับ ที่


นอกเหนือจากใช้เพื่อโทรหาใครก็ได้ ยังเป็นทั้งคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว
ไฟฉาย สมุดจดบันทึก กล้องถ่ายรูป วิทยุ เข็มทิศ หรืออะไรจาพวกนี้เป็น
ต้นครับ”

จอยยังคงทาใบหน้าไม่เข้าใจอยู่ มังกรจึงตัดสินใจใช้วิธีอื่นแทน

“เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ เดี๋ยวผมจะแสดงตัวอย่างความสามารถ
ของมันให้ดูไปเลย คุณจะได้เข้าใจง่ายๆ แต่ก่อนอื่นผมขอลูกแก้วในมือ
คุณก่อนครับ”

หลังศักดิ์รับของชิ้นนั้นกลับคืนไป มันส่งเสียงหัวเราะแหบพร่า
อย่างชั่วร้ายเบาบาง

“รับรองครับ คุณต้องถึงกับตะลึง”

ประโยคข้อความนั้นทาจอยเกิดหวาดหวั่น เธอก้าวถอยออกห่าง
ช้าๆ จนไปยืนอยู่ข้างๆ บิ๊ก ดวงตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของมังกร
ขาพร้อมจะวิ่งหนีทุกเมื่อ หากมังกรแสดงกายกรรมน่าหวาดเสียวอะไร
ออกมาอีก

ศักดิ์เดินออกไปตรงพื้นที่โล่งก่อนหันตัวกลับมา ถ้าสังเกตดีๆ
ลูกแก้วในมือของมันเริ่มเปล่งแสงออกมาเป็นเหมือนรัศมีอีกครั้ง

“คุณจอยดูให้ดีนะครับ”
ลูกแก้วในมือเปล่งแสงสว่างเจิดจ้ามากขึ้น สายลมรอบตัวของมัน
เริ่มปั่นป่วน จนใบไม้ใบหญ้าลอยขึ้นมา

จอยจ้องมองตาค้าง ภาพที่เห็นในตอนนี้ มังกรมันสามารถลอยตัว


อยู่เหนือพื้นได้อย่างมหัศจรรย์ โดยไม่ได้กลางปีกกระพือ แล้วดูเหมือน
มันจะลอยสูงขึ้นต่อเนื่องเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

จอยรู้สึกตื่นตาตื่นใจเพียงไม่นาน เพราะหลังจากมังกรลอยเหนือ
พื้นราวห้าสิบเซนติเมตร มันค่อยๆ ลดระดับลงมา จนกระทั่งกลับมายืนที่
พื้นเหมือนเดิม

“คราวนี้คุณจอยเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ?”

ศักดิ์เดินมายื่นลูกแก้วให้คืน

“เข้าใจแล้วค่ะ” จอยพยักหน้ารัวๆ อย่างตื่นเต้น

“คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการมอบของแล้วนะครับ”

“มอบของ ?” จอยทวนคาอย่างสงสัย ในเมื่อมันก็ให้เธอมาแล้ว จะ


มามอบของอะไรอีก

“ใช่ครับ ปกติเผ่าพันธุ์อื่นไม่สามารถใช้มันได้ นอกจากมังกรอย่าง


ผมเท่านั้น ยกเว้นพวกเรามอบให้ด้วยความเต็มใจ เผ่าพันธุ์อื่นถึง
สามารถใช้มันได้ครับ”

“เข้าใจแล้วค่ะ” จอยบอก “แล้ววิธีการมอบของต้องทาอะไรยังไง


บ้างคะ ?”
“ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่ต้องใช้เลือดของคุณ แต่ไม่ต้อง
หวาดกลัวอะไรไปนะครับ แค่ใช้เลือดเพียงหยดเดียวเท่านั้น ยื่นมือมา
ครับ เดี๋ยวผมจะใช้กรงเล็บจิ้มเจาะเอาเลือดนิดหนึ่งที่ปลายนิ้วออกมา
รับรองไม่เจ็บอะไรมาก แค่รู้สึกเหมือนมดกัดเท่านั้น”

จอยไม่รีรอจะยื่นมือออกไปชูทั้งห้านิ้ว ให้มังกรเลือกได้ตามใจ
ชอบว่าจะเอานิ้วไหน

การกระทาของเธอที่แสดงออกมานี้ เธอไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าทาให้
ศักดิ์อดอมยิ้มกับความใสซื่อเหมือนเด็กๆ ไม่ได้ แต่เนื่องจากใบหน้าของ
มันเป็นเกล็ด จอยจึงไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์บนใบหน้าของมัน นอกจาก
แววตาแปลกๆ ที่มองเธอเท่านั้น

“เจ็บนิดหนึ่งนะครับ”

มังกรยกมือข้างหนึ่งมารองมือบอบบางของจอย มืออีกข้างจับนิ้วชี้
ของเธอ แล้วกดปลายกรงเล็บเข้าไป

การกระทาของมัน พยายามทาเบาๆ คงเพื่อไม่อยากให้เธอรู้สึกเจ็บ


มาก แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จอยรู้สึกเหมือนแค่ถูกปลายเข็มทิ่มนิ้ว

หลังจากนั้นมันเอาเลือดของเธอป้ายลูกแก้ว ตามมาด้วยเลือดจาก
มุมปากของมัน ป้ายลงไปอีกตรงจุดหนึ่ง

ลูกแก้วเริ่มเปล่งแสงอีกครั้ง ถ้าจอยดูไม่ผิด ดูเหมือนว่ามันกาลังลด


ขนาดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งขนาดของมันมาเท่ากับลูกอม แสงที่มันเปล่ง
ออกมาพลันหายไป กลายเป็นเหมือนทองแท่งที่มีลักษณะกลมเหมือน
ไข่มุกแค่นั้น
“เรียบร้อยแล้วครับ”

“เสร็จแค่นี้หรือคะ ?” จอยคิดว่ามันจะต้องมีพิธีกรรมอะไรมากมาย
เหมือนงานเลื่อนรับตาแหน่ง

“ใช่ครับ เสร็จแค่นี้ เพียงแค่ตัวผมยอมรับที่จะให้คุณ แล้วตัวคุณ


เปิดใจที่จะรับ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ ส่วนเรื่องที่ใช้เลือดสัมผัส
มันเป็นแค่การยืนยันให้หนักแน่นอีกครั้งว่าคุณคือเจ้าของตัวจริง ไม่ใช่
ตัวผมที่เคยเป็นเจ้าของ”

ระหว่างจอยอ่านคาอธิบาย บิ๊กเอาขวดยามหัศจรรย์มาทาแผลที่
ปลายนิ้วให้ แต่เธอไม่สนใจว่ามันจะทาอะไร นอกจากตัวหนังสือสีทอง
ระยิบระยับตรงหน้าเท่านั้น

“ฉันต้องทายังไงคะ ถึงจะสามารถลอยได้เหมือนคุณ ?” น้าเสียง


ของจอย เต็มไปด้วยความตื่นเต้นชัดเจน ราวกับเธออยากให้รู้ว่านี่เป็น
สิ่งที่ต้องการมากที่สุด

“ตามผมออกมาตรงที่โล่งเลยครับ”

ศักดิ์เดินไปตรงบริเวณที่กลางแจ้ง ขณะเดียวกันจอยรีบตามต้อยๆ
ไม่ห่าง ตามด้วยบิ๊กอยู่หลังท้าย

“วิธีการไม่มีอะไรยากครับ เพียงแค่คุณคิดในสิ่งที่ต้องการจะทา
มันจะทาแทนให้คุณเอง แต่ก่อนอื่นคุณจะต้องมีลูกแก้วอยู่ใกล้ตัวนะครับ
ห้ามอยู่ห่างเกินสิบเซนติเมตร ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่สามารถใช้พลัง
อานาจวิเศษของมันได้ เนื่องจากตัวคุณไม่ใช่เผ่าพันธุ์มังกรอย่างผม จึง
มีข้อจากัด”
ศักดิ์เห็นจอยรีบพยักหน้ารัวๆ ทาให้เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ถ้าเธอ
เป็นมนุษย์หมาป่า คงได้เห็นหางแสนสวยส่ายไปมาไม่หยุด

“คราวนี้เรามาเริ่มสอบภาคปฏิบัติกันเลยดีกว่าครับ”

หลังจากจอยฟังคาอธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยจบ เธอพยายาม
รวบรวมสมาธิตามคาแนะนา แต่เนื่องจากเธอไม่เคยสัมผัสสิ่งที่เรียกว่า
เวทมนตร์มาก่อน ทาให้ภายในหัวของเธอมีทั้งความตื่นเต้นและความคิด
ต่างๆ ที่อยากจะใช้ลูกแก้วนี้ ปะปนกันมั่วไปหมด ทาให้ลูกแก้วเกิดความ
สับสน ไม่สามารถรับคาสั่งได้ เหมือนกับคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง แต่มี
เมาส์ที่มีคนควบคุมสิบคน ต่างคนก็ต่างคลิกเข้าไอคอนบนหน้าเดสก์ท็อป
คนละอย่างมั่วไปหมด ทาให้คอมพิวเตอร์แยกแยะไม่ออก
จอยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปครู่ใหญ่ ทาให้มังกรรับรู้ได้ทันที
ว่าในตอนนี้เธอกาลังคิดเรื่องอื่นอยู่ มันจึงชี้แนะ บอกให้ตั้งสมาธิไปที่
จุดมุ่งหมายของเธอให้ชัดเจน อย่างในตอนนี้ เธอต้องคิดให้ตัวลอยขึ้น
เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช่คิดเรื่องอื่นสอดแทรกมาด้วย

หลังจากทาตามคาแนะนา เวลาผ่านไปประมาณห้านาที เท้าของ


จอยเริ่มลอยขึ้นจากพื้นมาเล็กน้อย ซึ่งเธอรู้สึกได้ ทาให้ความตื่นเต้นถา
โถมเข้าหา แต่เธอยังคงไม่ลืมคาชี้แนะของมังกร เธอเน้นคาว่า ลอย ใน
หัวซ้าๆ มากกว่าเดิม แล้วยิ่งเธอเน้นคานั้นในหัว เหงื่อของเธอก็เริ่มไหล
พร้อมกับอาการเหนื่อยราวกับวิ่งเหยาะๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่เธอไม่
สังเกตถึงความผิดปกตินี้ของร่างกาย
จอยเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น เพราะในตอนนี้ตัวเธอลอยอยู่
เหนือพื้นไปกว่าหนึ่งเมตร แล้วดูเหมือนจะลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุด โดย
มีหมอกสีเทาจางๆ มาเป็นเหมือนแสงสีให้ดูอลังการ อยู่รอบตัวเธอ แต่
ค่อนข้างจะน้อยกว่าของมังกรและมนุษย์หมาป่า

การที่เพิ่งหัดใช้เวทมนตร์ครั้งแรก จึงยังไม่มีทักษะอะไรกับการ
ควบคุมสมดุลร่างกาย ไม่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวที่หัดดาน้าครั้งแรก
ในชีวิต ซึ่งร่างกายจะพลิก หรือไม่ก็กลับหัวกลับห่าง บางครั้งก็เอาหัว
ทิ่มลงไปใต้น้า เหมือนเช่นเดียวกับจอยในตอนนี้ เนื่องจากเธอยังควบคุม
การทรงตัวไม่เป็น ตัวเธอจึงหมุนตัวอยู่กับที่ช้าๆ

ไม่นานจอยก็หมุนกลับมาเผชิญหน้าสัตว์ในตานานทั้งสองตัวอีก
ครั้ง แต่ทว่าคราวนี้ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเหนื่อยชัดเจน มีเหงื่อ
มากมายไหลเต็มหน้า ราวกับว่าวิ่งไกลหลายร้อยเมตร

“ขะ... คุณศักดิ์คะ... ฉันจะลง... ยังไง...” เธอพูดอย่างยากลาบาก


เนื่องจากต้องเว้นช่องเพื่อหายใจทางปาก

ขณะตัวอักษรสีทองกาลังจะเป็นรูปร่างให้อ่านตรงหน้า เพื่ออธิบาย
วิธีการลงมา จอยรู้สึกเหมือนแขนขาอ่อนแรง ในหัวมึนงงฉับพลัน ราว
กับตัวเองกาลังหน้ามืด

แต่อาการนั้นเกิดขึ้นแวบเดียว หญิงสาวดวงตาเบิกกว้าง หวีดร้อง


เสียงดัง เพราะในตอนนี้เธอกาลังหน้าจะทิ่มดินจริงๆ เธอตกลงมาอย่าง
เร็ว แล้วความตกใจสุดขีดยังทาให้เธอเผลอตัวปล่อยลูกแก้วร่วงไปจาก
มือ ไม่มีอานาจอะไรสามารถช่วยทาให้เธอตัวลอยได้อีก

แต่ร่างไม่ทันถึงพื้น มีร่างบึกบึนขนนุ่มนิ่มเข้ามาอ้าแขนรองรับเธอ
ได้ทันท่วงที
“ไม่เป็นอะไรนะจ๊ะ”

มีอักษรสีดามาปรากฏ คู่เคียงกับใบหน้าของไอ้หน้าหมาที่มองเธอ
ด้วยความเป็นห่วง แต่จอยไม่สังเกตแววตาของมัน

“ฉันไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกเหนื่อยเหมือนไปวิ่งขึ้นเขาเท่านั้น วางฉัน


ลงได้แล้ว”

แต่ไม่ทันบิ๊กปล่อยให้เท้าแตะถึงพื้น มีหมอกสีทองมากระแทก
อักษรสีดาจนแตกกระจายหายไป แล้วตัวอักษรสีทองปรากฏมาแทนที่

“ผมต้องขอโทษอีกครั้ง ผมลืมบอกไป ลูกแก้วนี้ใช้พลังงานจากตัว


ผู้ใช้ครับ”

“หมายความว่ายังไงคะ ?” จอยเงยหน้าถามมังกร

“ผมจะยกตัวอย่างเอาแบบง่ายๆ ให้ก็แล้วกัน”

ศักดิ์ก้มเก็บลูกแก้วขึ้นมาชี้ประกอบในการอธิบาย

“คุณจาความรู้สึกตอนที่ตัวลอยขึ้นได้หรือไม่ ? ตอนนั้นคุณเริ่ม
รู้สึกเหนื่อยใช่ไหมครับ ?”

“ค่ะ” จอยพยักหน้าแล้วตอบสั้นๆ

“ความจริงอาการเหนื่อยนั้นเกิดจากลูกแก้วครับ ถ้าจะให้
เปรียบเทียบ คงเหมือนกับคุณทางานหนัก หรือไม่ก็เล่นกีฬา ยิ่งคุณใช้
พลังอานาจของมันนานมากเท่าไร หรือว่าใช้ในด้านเหนือธรรมชาติมาก
แค่ไหน คุณจะยิ่งเหนื่อยมากขึ้นตาม อย่างเมื่อครู่นี้ที่คุณใช้อานาจของ
มันสั่งให้ตัวลอยเป็นต้นครับ แต่ถ้าคุณใช้มันในแบบที่ไม่ได้ฝืน
ธรรมชาติมากเกินไป คุณจะไม่รู้สึกเหนื่อย อย่างเช่น ถ้าคุณหิวน้า แต่ขี้
เกียจเดินไปหยิบ จึงใช้พลังอานาจวิเศษของลูกแก้ว สั่งให้ขวดน้าลอย
มาหาแทน ความเหนื่อยจะเท่ากับคุณแค่เดินไปหยิบเท่านั้นครับ”

ระหว่างที่จอยอ่านข้อความ มนุษย์หมาป่าเอาผ้าเย็นมาเช็ดซับ
เหงื่อให้อย่างอ่อนโยน แล้วตกท้ายเอาขวดน้าเย็นยื่นให้เธอ

แต่ไม่ทันจอยจะรับขวดน้ามาดื่ม ศักดิ์จับมือของมนุษย์หมาป่า ส่ง


ความหมายให้หยุด บิ๊กจึงหันขวับมองหน้าเพื่อนต่างพันธุ์ ด้วยแววตา
สงสัยว่าห้ามมันทาไม

“ฉันว่านายอย่าให้เธอดื่มจะดีกว่า”

หลังจากหนึ่งมนุษย์และอีกหนึ่งหน้าขน อ่านข้อความจบ จอยทา


หน้าเหมือนไม่เข้าใจ ส่วนบิ๊กแยกเขี้ยว

“บิ๊กนายไม่อยากให้เธอป่วยใช่ไหม ถ้าเธอดื่มน้าเย็นจัด อย่างที่


นายกาลังจะให้เธอดื่ม เธออาจจะปวดท้องหรือท้องเสียได้ โดยเฉพาะ
เธออาจปวดหัวจี๊ดฉับพลัน อย่าลืมว่าในตอนนี้เธอไม่ต่างจากไปออก
กาลังกายหนักๆ มา”

ศักดิ์เอาผ้าวิเศษในกระเป๋าของตนออกมา จากนั้นควานในหมอกสี
ดาที่ลอยขึ้นมาจากผ้า เอานมรสช็อกโกแลตออกมายื่นให้หญิงสาว

“ดื่มนี่ดีกว่าครับ มันจะดีต่อสุขภาพของคุณมากกว่า”
“ขอ... ขอบคุณค่ะ” จอยเหลือบมองลงในแก้ว เห็นมีน้าแข็งก้อน
เล็กลอยตุ๊บป่องอยู่หนึ่งก้อน

“มันจะช่วยเพิ่มเรี่ยวแรงให้คุณได้ ถึงแม้มันไม่ได้เย็นจัดเหมือน
ที่บิ๊กให้คุณ แต่ยังไงก็ค่อยๆ จิบนะครับ เพราะยังไงมันก็ยังเย็นอยู่
ตอนนี้ร่างกายของคุณยังมีอุณหภูมิสูง ร่างกายมันจะปรับตัวไม่ทันกับ
สภาวะที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน”

มนุษย์หมาป่าหายใจดังฟืดฟาด โยนขวดน้าทิ้งอย่างอารมณ์เสีย
แต่จอยไม่ได้สังเกตท่าทางของบิ๊กที่แสดงความไม่พอใจออกมา

(กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...)

ศักดิ์ล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์มาเปิดดูหน้าจออีกครั้ง พออ่านจบ
มันพ่นหมอกสีเทาออกมาราวกับถอนใจ

“ดูเหมือนว่าผมคงต้องไปแล้วจริงๆ ครับ ไม่ว่ากันนะครับ”

“ฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาให้ฉันเห็นสิ่งมีชีวิต
มหัศจรรย์อย่างคุณ รวมถึงเรื่องของวิเศษชิ้นนี้ด้วยค่ะ” จอยแบมือให้ดู
ลูกแก้ว

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมยินดีเสมอ”

หลังจากนั้นมังกรแบมือมาทางเพื่อนต่างพันธุ์ เหมือนมันจะขอ
อะไรบางอย่าง มนุษย์หมาป่าจึงล้วงกระเป๋ากางเกง เอาผ้าวิเศษผืนหนึ่ง
ออกมาตีใส่มืออีกฝ่ายอย่างแรง ตั้งใจราวกับจะทาให้ทั้งมือและนิ้วหัก
แต่ศักดิ์ไม่มีแสดงความโกรธ มีแต่หัวเราะ ราวกับตลกกับการกระทา
ของบิ๊กที่แสดงออกมา
“เอาไว้วันหลังฉันจะชดใช้คืนให้”

บิ๊กแค่พยักพเยิด เหมือนไม่ค่อยสนใจกับข้อความของมังกรเท่าไร

“แกรีบๆ ไปเลย”

ข้อความของบิ๊กสื่ออย่างชัดเจนว่าตั้งใจขับไล่ แต่ศักดิ์ยังคงไม่ใส่
ใจมากนัก

“ถ้าเช่นนั้นลาก่อนนะครับคุณจอย เอาไว้ในวันหลังเราค่อยเจอกัน
ใหม่ และหวังว่าเราคงจะได้มีโอกาสเจอกันในแบบธรรมดานะครับ
สวัสดีครับ”

ศักดิ์ยกมือไหว้จอย ขณะเดียวกันหญิงสาวก็รีบยกมือไหว้กลับ
เกือบไม่ทัน

จากนั้นมังกรสะบัดผ้าในมือขึ้นสู่ฟากฟ้า แต่มันไม่ตกลงมา มันมี


แต่พุ่งขึ้นไป เมื่อสูงระดับหนึ่ง มันแตกสลายกลายเป็นหมอกสีทอง กิน
พื้นที่กว้างประมาณสิบสองถึงสิบห้าเมตร ดูราวกับพลุในยามค่าคืน

มังกรกลับมามองที่เพื่อนต่างพันธุ์ของมันอีกครั้ง แต่คราวนี้แววตา
มีแต่ความจริงจังชัดเจน

“ยังไงนายอย่าเอาผ้าเย็นจัดมาซับให้เธอเหมือนสักครู่นี้อีกนะ นาย
ควรเอาผ้าธรรมดามาซับเหงื่อให้เธอแทน”

ศักดิ์หันมาทางหญิงสาวหลังจากเตือนเพื่อนเสร็จ
“ส่วนคุณจอย เอาไว้วันหลังผมว่างๆ ผมจะมาช่วยสอนวิธีใช้ให้กับ
คุณเพิ่มเติมนะครับ หลังจากตอนนี้ไป ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะปวด
กล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ หรือไม่ เพราะลูกแก้วมันใช้พลังงานจากกาย
เนื้อของคุณ จึงไม่แตกต่างกับการออกกาลังกายหนัก ถ้าคุณรู้สึกปวด
กล้ามเนื้อก็ไม่ต้องตกใจไป อีกประมาณสามถึงห้าวัน มันก็ดีขึ้นเอง ใน
ระหว่างนั้นคุณก็ใช้ยาทาแก้ปวดไปก่อนก็ได้ หากเป็นไปได้ คุณควร
ทดลองใช้ลูกแก้วยกสิ่งของเบาๆ ไปก่อนดีกว่า จนกว่าร่างกายคุณจะ
ปรับตัวได้ หลังจากฝึกใช้ลูกแก้วเหนื่อยๆ คุณจอยอย่าไปอาบน้าทันที
เลยนะครับ รอให้ร่างกายมันปรับตัว จนความร้อนของร่างกายลดลงตาม
ธรรมชาติก่อน เสร็จแล้วค่อยไปอาบน้า และสุดท้าย หากคุณจอยไปใช้
ลูกแก้วต่อหน้าคน หรืออะไรก็ตามที่สามารถบันทึกเก็บภาพเคลื่อนไหว
คุณจะไม่สามารถใช้มันได้ รวมไปถึงเอาให้ผู้อื่นใช้ด้วยเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะตรงแถวใกล้ผู้คน ผมขอเตือนเน้นตรงนี้ ถึงแม้ไม่มีใครเห็น
แต่ถ้ามีคนผ่านมา ในช่วงที่คุณกาลังใช้ลูกแก้วอยู่ ลูกแก้วจะหยุดแสดง
พลังอานาจวิเศษโดยทันที หากตอนนั้นคุณจอยกาลังใช้พลังให้ตัวเอง
ลอยอยู่เหนือพื้น ผมว่าคงจบดูไม่สวยเท่าไร”

ศักดิ์หัวเราะเบาบาง

“ค่ะ ขอบคุณที่เตือนค่ะ” จอยหน้าแดงเล็กน้อยเพราะประโยคที่เป็น


ห่วงเป็นใย ตรงข้ามกับบิ๊ก มันเอากาแฟกระป๋องออกมาจากหมอก เปิด
ยกดื่มอึกๆ ราวกับทาเพื่อเบนความสนใจของตัวเอง ไม่ให้เกิดอารมณ์
เดือดขึ้นมาอีก

“ถ้าเช่นนั้นลาก่อนนะครับ”

มังกรแหงนหน้าขึ้นฟ้า ย่อตัวส่งพละกาลังไปที่ขาหลังทั้งสองข้าง
จากนั้นกระโดดพร้อมกลางปีกกระพือขึ้นไปสู่หมอกสีทองเบื้องบน ทาให้
เกิดลมกระโชกแรง กระจายเป็นวงกว้าง จอยจึงต้องรีบยกมือป้องหน้า
เนื่องจากทั้งขี้ฝุ่นและเศษใบไม้ใบหญ้าปลิวมา แต่เธอไม่ได้หลับตา เธอ
ทาตาหยี มองลอดระหว่างนิ้วออกไป

ก่อนที่ส่วนหัวของมังกรจะหายเข้าไปในหมอก มันก้มลงมามอง
จอย ขยิบตาข้างหนึ่ง ราวกับมีความหมายบางอย่างที่อยากให้รู้กันแค่
ระหว่างมันและเธอ

บิ๊กแยกเขี้ยว กากระป๋องจนแตกโพะด้วยความเกรี้ยวกราด แล้วปา


ใส่มังกร แต่กระป๋องที่แตกจนน้ารั่ว ทาให้ไม่มีความสมดุล จึงร่วงก่อนไป
ถึงใบหน้าของสัตว์เลื้อยคลานตัวนั้น

หลังจากมังกรหายเข้าไปท่ามกลางหมอกสีทอง หมอกนั้นหมุนเป็น
เกลียว เหมือนมีบางสิ่งดูดหมอกทั้งหมดมารวมอยู่ที่จุดศูนย์กลาง ดูราว
กับน้าวน เพียงไม่นาน เกิดการระเบิดแตกกระจาย เป็นเหมือนดวงดาว
ระยิบระยับ

ภาพนั้นทาให้จอยได้รู้ว่า ผ้าวิเศษที่ใช้สาหรับเปิดประตูไปกลับ
ระหว่างโลกเวทมนตร์และโลกมนุษย์ ไม่ใช่แค่บิ๊กเพียงผู้เดียวที่สามารถ
ใช้ได้ สัตว์ในตานานตัวอื่นก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าเธอจา
ไม่ผิด หมอกที่ใช้สาหรับเปิดประตูของบิ๊กจะเป็นสีดา แต่มังกรนั่นเป็นสี
ทอง

ภาพของประกายระยิบระยับบนฟากฟ้าที่จางหายไปเกือบหมด ทา
ให้จอยนึกไปถึงประโยคข้อความของศักดิ์ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตรงคาที่อ่าน
ว่า เจอกันในแบบธรรมดา เหมือนมีความหมายอะไรบางอย่างแฝงเอาไว้

แต่จอยเอาประโยคนั้นมาคิดแค่แวบเดียว เพราะจะคิดให้หนักหัว
ไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้ามันไม่ยอมอธิบาย เธอก็ไม่มีวันรู้
เมื่อลดมือที่บังหน้าลง มีหมอกสีดามาปรากฏเป็นตัวอักษร

“น้องจอยจ๋า ได้เวลาสนุกแล้วนะจ๊ะ”

อ่านจบ จอยหันขวับไปทิศทางความรู้สึกที่มีแขนกายาโอบเอว
เห็นเป็นบิ๊กยิ้มร่า มือชูเสื้อวันพีชสีดาพร้อมอุปกรณ์เสริม

“เดี๋ยวพี่จะนวดคลายกล้ามเนื้อให้น้องเองจ้ะ รับรอง ระบบภายใน


หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยจ้ะ”

จอยหางคิ้วกระตุก ‘มันไปเอาชุดกระต่ายน้อยพริตตี้บ้านั่นมาตอน
ไหน’

つづく

หนังเรื่อง Ghost rider โกสต์ไรเดอร์ อเวจีพิฆาต เข้าฉายในช่วงปี


2550 มีพระเอกที่สามารถแปลงร่างเป็นผีแว้น ชอบซิ่งไปตามท้องถนน
โดยมีหัวกะโหลกลุกเป็นไฟตลอดเวลา

ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัมเบรีย อังกฤษ (UK) ศึกษาพบว่า นม


ช็อกโกแลตช่วยให้ปั่นจักรยานได้นานกว่าเครื่องดื่มบารุงกาลังหลังเล่น
กีฬา 51 % และนานกว่าเครื่องดื่ม เกลือแร่ 43 % และจากน้าตาลนม
หรือแล็กเทส (Lactate) ในนมช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทาให้ระดับ
ของเสีย (Lactate) ในกล้ามเนื้อลดลง จึงคลายอาการปวดเมื่อยได้
ส่วนการดื่มน้าเย็นจัดๆ หลังจากจ๊อกกิ้งมาหมาดๆ จะทาให้กระเพาะหด
ตัวเฉียบพลัน และอาจจะปวดท้องหรือท้องเสียได้ ขอขอบคุณที่มา
m.facebook.com โดย adidas
สับปะรด และ มะละกอ ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี เพราะในผลไม้ทั้งสอง
ชนิดนี้ มีเอนไซม์บรอมีเลน และ ปาเปน ที่นอกจากจะช่วยย่อยโปรตีน
แล้ว ยังป้องกันการอักเสบ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีหลังการออกกาลัง
กาย ส่วนนม ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยให้ร่างกาย
ฟื้นตัวหลังการออกกาลังกาย เนื่องจากนมอุดมไปด้วยโปแตสเซียม ช่วย
เรื่องการเต้นของหัวใจและการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง หากเติมดาร์
คช็อกโกแลตลงไปด้วย จะช่วยให้นมมีความสมดุลของคาร์โบไฮเดรต
โปรตีน และไขมัน ทาให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ขอขอบคุณที่มา
oknation.nationtv.tv
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 22

เวลาผ่านไปสี่เดือนกว่า จอยได้เรียนรู้หน้าที่หลายๆ อย่าง ทาให้รู้


ว่าต้องทาอย่างไรบ้างกับหน้าที่ของเลขาแสนยากนี้

แต่ความจริงมันไม่น่าเรียกว่าเลขา เพราะโดยส่วนใหญ่งานหลัก
ของเธอมีอยู่แค่สองอย่าง ก็คือการชงกาแฟและพาอเล็กซ์เที่ยว ซึ่ง
หน้าที่สุดท้ายนี้ ทาให้เธอได้ไปยังสถานที่ใหม่ๆ และรวมถึงในสถานที่
ใฝ่ฝันว่าอยากจะไปตั้งแต่เด็ก แต่เป็นเฉพาะสถานที่ภายในประเทศ
เท่านั้น

ในวันนี้เธอติดตามชายหนุ่มออกนอกประเทศ โดยเดินทางทาง
อากาศ

การนั่งเครื่องบินครั้งแรกนี้ ทาให้เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคเมา
เครื่องบิน จอยทั้งคลื่นไส้ เหงื่อออก หน้าซีดเช่นเดียวกับปาก จนดูราว
กับกลายร่างเป็นไก่ต้ม โดยเฉพาะในตอนตกหลุมอากาศ เธอรู้สึกเหมือน
ตับไตไส้พุงกระเด็นกระดอนอยู่ในร่าง จวนแทบอยากจะเอาสิ่งที่กินไป
ก่อนขึ้นเครื่องพรวดออกมา

ตอนนั่งรถหรือขึ้นเรือ ไม่เคยเห็นตัวเองมีอาการเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่า


เป็นไปได้ยังไง ทาให้อดครุ่นคิดไม่หยุด

ยังโชคดีที่สายการบินนี้เป็นสายการบินระดับเศรษฐีโดยเฉพาะ จึง
มีการดูแลเอาใจใส่ดีเยี่ยมไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชน จอยได้รับ
ยาแก้เมา เสริมตกท้ายด้วยลูกอมรสขิงสุดเผ็ดร้อน

ในเวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ สาหรับเธอ เป็นเรื่องที่ทรมาน


เหมือนได้ตั๋วทัวร์ยมโลกไม่มีผิด
ตอนที่อเล็กซ์รู้ว่าเธอเมาเครื่อง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอ่อนโยนกับเธอ
ได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะคอยเอาผ้าเย็นเช็ดใบหน้าให้ หรือถือยาดมให้สูดดม

จอยเผลอหลับไปโดยไม่รู้เรื่อง เมื่อรู้ตัวอีกครั้ง เธอมานอนอยู่


ภายในห้องนอนของโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องได้ยังไง
หากจะให้เดา คงเป็นอเล็กซ์อุ้มเธอมาส่ง ทาเธอใบหน้าแดงเมื่อ
จินตนาการเห็นเป็นฉากที่ถูกเขาอุ้ม

แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น ความจริงอาจมีบุรุษพยาบาลยกตัว
เธอมานอนเตียงผู้ป่วย แล้วเข็นเอาเธอมานอนอยู่ในห้องนี่

นอกจากตัวเธอที่อยู่ภายในห้องนี้ ยังมีอเล็กซ์นอนอยู่ตรงโซฟา

จอยสังเกตเห็นแผ่นกระดาษที่ติดอยู่กับช่อดอกไม้ ซึ่งวางอยู่บน
โต๊ะหัวเตียง เมื่อเอื้อมมือไปหยิบมาดู รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นของพ่อหนุ่ม
ลูกครึ่ง ลายมือภาษาไทยสวยเช่นนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ตรงข้ามจาก
ของไอ้หน้าหมา จอยต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการอ่าน
เพราะทุกครั้งที่มันเขียนหนังสือให้อ่านในยามที่ลืมสมุดวิเศษเล่มน้อยมา
เธอรู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นนักโบราณคดี ต้องมาถอดรหัสแปล
ความหมาย จนตาลายแทบหน้าทิ่ม

จากรายละเอียด ไม่มีอะไรมาก นอกจากคาขอโทษประมาณว่า ทา


ให้เธอเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่พาเธอมาด้วย เธอคงไม่ต้องเมาเครื่องบิน

แค่ได้อ่านข้อความสั้นๆ ไม่รู้ตัวว่าเผลออมยิ้มไปตั้งแต่ตอนไหน
จอยเหลือบตามองไปทางหนุ่มลูกครึ่ง ถ้าเขาพาไปที่โรงแรมจะเป็น
เรื่องดีกว่านี้ไม่ใช่น้อย จอยมโนว่าเขาทาเหมือนในนิยายน้าเน่า ที่
นางเอกและพระเอก ทั้งสองคนได้มาเลิฟซีนอยู่ในห้อง โดยมีเงื่อนไขสุด
คลาสสิค คือห้องของโรงแรมเต็ม ไม่ก็พระเอกลากขาของนางเอกเข้าไป
กินตับภายในห้อง ทาเหมือนกับหนังสือการ์ตูนที่ล้อเลียนพวกมนุษย์ถ้า
โบราณ เอาท่อนไม้รูปสากกะเบือมาทุบหัว จากนั้นรวบผมแล้วลากกลับ
เข้าถ้า

หลังจากจอยกลับมามีสภาพร่างกายเป็นปกติ จึงตามอเล็กซ์ไปยัง
สถานที่ต่างๆ ที่เขาต้องไปต่อ

สาหรับจอย เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากกับการต้องรอคอย
ชายหนุ่มประชุมเสร็จ แม้เขาให้เงินมา พร้อมอนุญาตให้เธอไปเดินเล่น
ก่อน เธอจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ แต่เนื่องจากที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่คุ้นเคย ทา
ให้เธอไม่กล้าไปไหนมาไหน แม้มีเพื่อนร่วมทางเป็นสามีและลูกๆ ของ
เลขาทั้งสองคนไปด้วยก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องพูดภาษาต่างประเทศ เธอ
ไม่อยากทาให้อเล็กซ์ขายหน้า เป็นแฟนกับฝรั่งประสาอะไร พูดภาษา
แทบไม่รู้เรื่อง สาเนียงยิ่งกว่าเด็กทารกหัดพูด

จอยไม่เข้าใจว่าคนสมัยนี้มัน โง่ กว่าแต่ก่อนหรือไง ทั้งๆ ที่ก็มี


เทคโนโลยีก้าวไกลไปถึงไหนต่อไหน เพียงแค่เปิดหน้าจอเหลี่ยมๆ ก็
เห็นทั้งหน้าตา และเสียงที่ชัดเจน แต่ยังคงเลือกลากเอาสังขารจาก
ประเทศไทยมาไกลถึงฮ่องกง เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ปัญญาอ่อนสิ้นดี

จอยผ่อนลมหายใจออกปาก ปล่อยร่างเอนพิงโซฟา ไม่รู้ว่าการ


ประชุมที่น่าเบื่อนี้จะอีกนานแค่ไหน
ความจริงเธอควรเข้าไปในห้องประชุมด้วย จะได้เรียนรู้งานต่างๆ
จากรุ่นพี่และรวมถึงประสบการณ์จากสถานที่ทางานจริง แต่เนื่องด้วย
เธอเพิ่งจะหายไข้ อเล็กซ์ไม่อยากให้มารู้สึกปวดหัวกับงานนัก จึงบอกกึ่ง
คาสั่งให้เธอมานั่งอยู่ชั้นล่างของบริษัท

พอนึกถึงห้องประชุมสุดน่าเบื่อ ทาให้นึกถึงเลขารุ่นพี่ทั้งสองคน
จอยมั่นใจว่าพวกหล่อนก็คงเบื่อไม่แตกต่างกัน แต่เนื่องจากพวกหล่อน
ค่อนข้างเก่งปั้นน่ายิ้ม ทาให้คนอื่นดูไม่ออก จอยคิดว่าพวกหล่อนคงได้
วิชาปั้นน่ายิ้มนี้มาจากคนต้อนรับนักท่องเที่ยว

เลขาหมายเลขหนึ่ง เป็นฝรั่งที่ตามมาจากอเมริกา เธอมีชื่อว่า คริ


สติน ผมยาวสีทอง หน้าตาจัดว่าสวย(หากไม่รวมกับกระบนใบหน้าที่ฝรั่ง
นิยมชอบเป็น) มีอายุสามสิบสอง รูปร่างจัดว่าหุ่นดี สามารถพูดภาษาจีน
กวางตุ้งได้ แต่พูดภาษาไทยไม่เป็น

ส่วนเลขาหมายเลขสอง เธอเป็นลูกครึ่งเชื้อสายคนไทยและคนจีน
มีชื่อว่า เหมย เธอหน้าตาออกบ้องแบ๊วไร้เดียงสา เธอมีความสามารถใน
ด้านภาษาอังกฤษ และภาษาจีนกลาง มีอายุยี่สิบห้า เธอชอบถักเปีย
เหมือนกับตัวละครที่ชื่อว่า พจมาน สว่างวงศ์ ในละครเรื่องบ้านทราย
ทอง

ความรู้ทางด้านภาษาจีนของเลขาหมายเลขสอง ไม่ใช่เรื่องแปลก
อะไร ในเมื่อเธอเป็นลูกครึ่งคนจีน แต่รุ่นพี่เลขาหมายเลขหนึ่ง ค่อนข้าง
ดูแปลกประหลาด ในเมื่อหล่อนเป็น ฝรัง่ แท้ ไม่ใช่ มันแกว ดังนั้นเรื่องที่
หล่อนสามารถพูด ภาษาจีน จึงเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สาหรับจอยอย่าง
มาก ขนาดรุ่นพี่เลขาหมายเลขสองยังอดชื่นชมไม่ได้ จนต้องกระซิบ
บอกว่า ฝรั่งคนนี้ออกสาเนียงภาษาจีนกวางตุ้งเป๊ะมาก แถมชัดเจนราว
กับเจ้าของภาษามาเอง
ตอนแรกที่ย้ายหน้าที่ทางาน จอยรู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะเธอกลัว
ว่าจะโดนรุ่นพี่ทั้งสองกลั่นแกล้ง แต่ผิดคาด รุ่นพี่เลขาทั้งสองคนไม่
สนใจอเล็กซ์ในเชิงชู้สาว เหมือนในละครน้าเน่าที่เธอชอบดูแม้น้อยนิด
เนื่องจากทั้งสองคนมีสามีอยู่แล้ว โดยเฉพาะพี่สาวฝรั่ง ถ้าไม่บอกอายุ
และเรื่องที่ว่ามีลูกมาถึงสี่คน จอยยังคงดูไม่ออกว่าไม่ได้โสดอีกต่อไป
เพราะหน้าตาของสาวฝรั่งคนนี้จัดว่าเด็กกว่าอายุจริงไปมาก

จอยหันไปเห็นสาวตรงเคาน์เตอร์ กาลังหัวเราะคิกๆ เพราะหนังสือ


การ์ตูน

ภาพนั้นทาให้จอยนึกได้ จึงล้วงกระเป๋าสะพาย เอานิยายเรื่อง


เพลิงรักมังกร มาอ่านแก้เบื่อ เนื้อหาของเรื่องไม่มีสาระอะไรมาก แค่เล่า
ถึงผู้หญิงหน้าอกแบนราบ เกิดดวงซวยหลงเข้าไปในโลกเวทมนตร์ เจอ
มังกรที่มีแต่ความหื่นเกินพิกัด จ้องแต่จะกินตับอยู่ตลอดเวลา นางเอกจึง
ต้องหาทางหนีกลับสู่โลกมนุษย์

จากที่อ่านมาเกือบครึ่งเรื่อง เนื้อหาไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน
เหมือนนิยายสืบสวนสอบสวน แค่ตอบสนองต่ออารมณ์วาบหวิวให้กับ
สายเอ็นซีแฟนตาซีเท่านั้น

ตอนแรกที่ซื้อมา จอยไม่ได้อ่านรายละเอียดของเรื่องย่อ เธออ่าน


แค่ชื่อเรื่องอย่างเดียว เนื่องจากชื่อเรื่องมันทาให้เธอคิดว่าเป็นพวกแนว
โคตรเศรษฐีที่ทาตัวเป็นมาเฟียบ้ากาม ชอบย่ายีผู้หญิงทุกรูปแบบที่มัน
นึกออก ส่วนตอนจบ นางเอกทุกคนต้องติดใจไส้กรอกรสมาเฟีย หลงรัก
หัวปักหัวป้าจนโงหัวไม่ขึ้น
แม้ไม่ใช่แนวอย่างที่คิดที่ซื้อมา แต่นิยายตัณหาพิสดารเล่มนี้ ทา
ให้เธอคลายเครียดได้ดี อย่างน้อยก็อ่านฆ่าเวลาได้เรื่อยๆ ไม่ทาให้เบื่อ
จนเกินไป

ถ้าจาไม่ผิด ตรงหน้าที่นักเขียนราพึงราพัน มันบอกว่านิยายเรื่องนี้


เป็นเรื่องที่ทาแยกจากเรื่อง มนุษย์หมาป่าคันรักแร้ หรือ มนุษย์หมาป่า
เป็นสังคัง หรือเป็นอะไรคันๆ สักอย่างหนึ่ง แต่จอยไม่คิดพลิกหน้า
ย้อนกลับไปอ่านให้หายสงสัยเดี๋ยวนั้น เธอเก็บเอาไว้หลังจากที่อ่านจบ
เรื่องนี้ เนื่องจากเธอไม่อยากขาดช่วงในการอ่าน โดยเฉพาะในตอนนี้
เธออ่านมาถึงฉากสาคัญอย่างยิ่ง ไอ้มังกรหื่นนี่มันใกล้สาเร็จ ในการหา
วิธีเอาดาบมังกรฟ้าของมันเสียบเข้าไปในร่างของหญิงสาว

เมื่ออ่านหนังสือเกี่ยวกับมังกร จอยนึกถึงบางสิ่งที่เกี่ยวกับสัตว์ชนิด
นี้ เธอจับลูกแก้วที่ถูกใส่กรอบเป็นเหมือนพระเครื่องขึ้นมามอง แล้วนึก
ไปถึงในตอนที่ทดลองใช้ลูกแก้วใหม่ๆ ความทรงจานั้นทาเธอแย้มยิ้ม
ออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอยังคงจดจาช่วงแรกได้แม่นยา เพราะมันเป็นเรื่อง
ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต

ช่วงที่บิ๊กพาไปฝึกใช้ของวิเศษกับมังกร นอกจากจะให้ความรู้สึก
ตื่นเต้น ยังให้ความรู้สึกเหมือนตอนอาบน้า โดยมีไอ้ถ้ามองแอบดูเธอทุก
อิริยาบถ แถมไม่ใช่มีเพียงแค่ดวงตาคู่เดียว มันยังมีถึงสองคู่ แต่จอยไม่
รู้สึกเหมือนถูกคุกคามทางเพศด้วยสายตามากเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะ
เจอสายตาเช่นนั้นจากไอ้ตัวขนดกที่จะมาเย่อทุกคืน จนกระทั่งกลายเป็น
ภูมิต้านทาน

ในช่วงเธอทดลองฝึกใช้ลูกแก้ว มีหลายครั้งที่สังเกตเห็นมังกรส่ง
ขวดน้าผลไม้ให้กับบิ๊ก ถ้าจาไม่ผิด น้าผลไม้ยี่ห้อนั้น เป็นยี่ห้อเดียวกับที่
ไอ้ตัวขนดกเอาให้เธอดื่มทุกคืน
ตอนแรกคิดว่าบิ๊กคงอยากดูแลเธอ เพราะกลัวว่าเธออาจเหนื่อย
หลังจากร่วมรัก จนกระทั่งเพิ่งมารู้ในภายหลัง การกระทาของมันไม่ใช่
แค่เป็นห่วงเป็นใยอย่างเดียว สิ่งที่มันให้เธอดื่มเข้าไป ยังมีคุณสมบัติ
พิเศษ ช่วยในเรื่องรักษาความระบมแสบ สาหรับผู้หญิงที่ชอบมี
เพศสัมพันธ์บ่อย จอยจึงหายสงสัยทันใด เหตุใดตัวเองไม่รู้สึกระบมตรง
จุดซ่อนเร้น

นอกจากไอ้มังกรตัวนั้นเอาน้าผลไม้มาให้บิ๊ก ครั้งหนึ่งจอยเห็นบาง
สิ่งที่มันยื่นให้กับเพื่อนต่างพันธุ์ ภาพของสิ่งของนั้นทาให้เธอเกิดไม่
มั่นใจว่าตาฝาดไปหรือไม่ จึงต้องหันขวับไปมองให้ชัดตา จนกระทั่ง
มั่นใจว่าตาไม่ได้ฝาดไปจริงๆ ใบหน้าของเธอปรากฏเหมือนความ
แตกตื่น รีบหันไปมองทิศทางอื่นแทบไม่ทัน แล้วแก้มของเธอยังเริ่มแดง
ระเรื่อ เพราะสิ่งที่เห็นนั้นมันเป็นกล่องใบใหญ่หลายสิบกล่องที่เขียนว่า
ถุงยางอนามัย แต่ไม่ใช่ถุงยางอนามัยธรรมดาอย่างเดียว มันมีเขียน
ต่อท้ายด้วยว่า สาหรับมนุษย์หมาป่า ทาให้จอยเกิดความสงสัยว่าถุงยาง
มันมีแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ด้วยเหรอ แต่เธอไม่ได้ถามพวกมัน นอกจากข้าง
กล่องเขียนระบุของเผ่าพันธุ์ไม่พอ แต่ละกล่องมันยังเขียนบอกคุณสมบัติ
พิเศษของยี่ห้อนี้ไว้ด้วย นั่นคือมันเป็นถุงยางมีกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นส้ม
กลิ่นมะนาว กลิ่นกุหลาบ กลิ่นใบเตยก็ยังมี และเห็นกล่องใบหนึ่งมัน
เขียนเอาไว้ว่า กลิน
่ ใหม่ลา่ สุด กลิน
่ สตรอว์เบอร์รี หอมหวานชืน
่ ใจ

ไอ้มังกรนั่นที่ยื่นของให้ยังชาเลืองมองมาทางเธอ จอยไม่มั่นใจว่า
มุมปากของมันกระตุกยิ้มให้หรือไม่ ที่แน่ๆ วันนั้นทั้งวัน ทาเธอไม่มีสมาธิ
ในการฝึก

ต่อจากนั้นจอยไม่รู้ว่าบิ๊กจะรับมาหรือไม่ แต่เรื่องนั้นเธอไม่สนใจ
อยากรับรู้อะไรมากมายเท่าไรนัก ต่อให้รู้ไปก็ไม่แตกต่างจากทุกคืน
เนื่องจากไม่เคยเห็นบิ๊กใช้ถุงยางแม้สักครั้งเดียว ถึงมันจะใช้จริงๆ จอย
มั่นใจว่าคงต้องขาด ในเมื่อความเร็วของมันสูงขนาดนั้น ถุงยางคงไม่น่า
รองรับการเสียดสีได้ไหว โดยเฉพาะปลายยอดของมันแหลมยิ่งกว่า
หลอดเจาะกล่องนม

จอยฝึกใช้พลังของลูกแก้วจนชานาญ เธอสามารถนาไปใช้งาน
ต่างๆ ได้เกือบหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องแบ่งเบาภาระเกี่ยวกับงาน
บ้าน ตรงจุดนี้เธอชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เพราะเธอไม่จาเป็นต้องเดินไป
มาให้เหนื่อย แค่ใช้ดวงตามองไปตรงจุดที่อยากทาความสะอาดเท่านั้น
ไม้กวาดและไม้ถูพื้นก็จะเคลื่อนไหวไปทาความสะอาดทิศทางนั้นทันที
เสียอย่างเดียว ไม่สามารถใช้พลังอานาจวิเศษของมันต่อหน้ามนุษย์

เมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้ ทาให้จอยนึกถึงคาเตือนของมังกร จึงเกิด


ความสงสัย เหตุใดของวิเศษชิ้นนี้มันแสดงอภินิหารต่อหน้าเธอได้ ใน
เมื่อเธอเองก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

วันหลังจึงเอาเรื่องที่สงสัยนี้ไปถามมังกรที่ดูค่อนข้างฉลาดกว่าไอ้
หน้าหมา ได้คาตอบเพียงแค่ว่า ตัวเธอถูกตีตราเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นถือ
ว่าตัวเธอเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตโลกเวทมนตร์

คาตอบเพียงแค่นั้น ไม่มีคาอธิบายอะไรเพิ่มเติมมาอีก แน่นอนว่า


จอยต้องไม่เข้าใจความหมาย แต่เธอไม่ทันจะเอ่ยปากถาม ข้อความของ
มังกรเปลี่ยนแปลงให้อ่านใหม่ บอกเพียงแค่ว่าเอาไว้ภายภาคหน้า ตัว
เธอจะเข้าใจเอง มันจะไม่บอกรายละเอียดอะไรไปมากกว่านี้ หลังจาก
นั้นทั้งมังกรและมนุษย์หมาป่าหัวเราะออกมา ราวกับตกท้ายประโยค
ข้อความให้ดูเป็นปริศนามากขึ้น เหมือนจงใจกลั่นแกล้งเธอให้ยิ่งเกิด
ความอยากรู้
แม้จอยไม่ได้คาตอบอะไรที่ชัดเจน เธอไม่รู้สึกโกรธพวกมันสองตัว
เท่าไรนัก เพราะถึงอย่างไร เธอต้องได้รู้อยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับจะช้าหรือ
เร็วเท่านั้น

นอกจากเรื่องไปเปิดหูเปิดตาที่ป่ามหัศจรรย์ ของวิเศษที่มังกรมอบ
ให้มา ทาให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายอะไรในชีวิต เพราะมันเอาไว้สาหรับเล่น
ฆ่าเวลาได้ดี นอกจากนี้มันยังสามารถใช้กับบิ๊กได้ด้วย เป็นเรื่องที่เธอ
รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง เพราะทาให้เธอเข้าใจถ่องแท้ ถึงความหมายของ
ประโยคคาว่า พลังอานาจทีย
่ งิ่ ใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่
ยิง่ มันให้อารมณ์เหมือนกับว่าเธอเป็น สไปเดอร์แมน มีไอ้หน้าหมาเป็น
สัตว์ประหลาดที่จะต้องปราบ แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายที่โดนปราบเอง
มากกว่า

ตอนแรกคิดว่าวันไหนที่ไม่ต้องการมัน หรือว่าต้องการพักผ่อน
เธอก็สามารถใช้พลังอานาจของลูกแก้วแทน ตีน เตะมันออกไปจากบ้าน
ได้ทันที แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะหลังจากทดลองใช้ กลับ
ไม่สามารถช่วยอะไรเธอให้พ้นจากตัณหาของมัน เนื่องจากมนุษย์หมา
ป่ามีเรี่ยวแรงมหาศาลมากเกินไป มันจึงต่อต้านเธอได้

เรื่องที่มีอเล็กซ์และบิ๊กมาชอบ เป็นเรื่องที่ดีไปอย่าง เพราะทั้งสอง


จะเอาเงินให้เธอใช้อยู่ตลอด ด้วยเกรงว่าเธอจะลาบาก โดยเฉพาะบิ๊ก ถ้า
จะให้เดา มันต้องรวยกว่าอเล็กซ์หลายเท่า

เมื่อนึกมาถึงมนุษย์หมาป่า จะว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก
ประหลาด จอยไม่เคยเห็นเห็บบนตัวของมันแม้ครั้งเดียว แต่เธอครุ่นคิด
ไม่นาน นึกได้ว่าทุกครั้งที่มันมาหา ตัวของมันจะต้องมีกลิ่นหอมแชมพู
เสมอ นี่แสดงว่ามันต้องรักสะอาดเอามากๆ ไม่เช่นนั้นต้องเป็นขี้เรื้อนให้
เห็นไปนานแล้ว ยกเว้นตอนที่มันเปียกน้า จะกลายเป็นตรงข้ามทันที
เพราะตัวของมันต้องส่งกลิ่นสาบหมาตกน้าออกมา

จอยหลุดออกมาจากภวังค์ ได้ยินเสียงพูดคุยออกมาจากลิฟต์ที่เพิ่ง
เปิด

แต่ละคนที่เดินออกมา เป็นหุ้นส่วนของบริษัท มีหลากหลาย


สัญชาติ ดูไม่แตกต่างจากอาหารบุฟเฟต์ แต่ทุกคนล้วนใช้ภาษาอังกฤษ
เป็นตัวกลางในการสื่อสาร จนกระทั่งเห็นว่าชายหนึ่งในนั้นที่เดินออกมา
เป็นใคร จอยรับรู้ได้ทันทีว่าการประชุมสุดน่าเบื่อจบลงแล้ว เธอจึงรีบ
เก็บหนังสือนิยายและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นลุกขึ้นพร้อมปั้นหน้า
ยิ้มแย้มแจ่มใส

อเล็กซ์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม
“คุณหิวแล้วหรือยังครับ ?”

“คุณอเล็กซ์จะกินอะไร ฉันก็กินได้หมดค่ะ” จอยตอบน้าเสียงเรียบ


ง่าย

ชายหนุ่มได้ยินคาตอบอย่างนั้น จึงหันไปทางเลขาทั้งสองคน
กล่าวเป็นภาษาอังกฤษ ชวนครอบครัวของทั้งสองไปกินอาหารด้วย

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ อเล็กซ์นึกได้ว่าหลังจากเสร็จงานที่
ต่างประเทศ เป็นวันที่เขาว่างถึงสามวันเต็มๆ นอกจากนี้ยังเป็นในช่วง
วันหยุดราชการไทยและเป็นในช่วงโรงเรียนปิดเทอมพอดิบพอดี อเล็กซ์
จึงเกิดความคิดอยากให้เลขาทั้งสองคนได้พักผ่อนบ้าง เขาจึงชักชวนให้
ทั้งสองพาครอบครัวมาด้วย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ต้องห่วง เขาจะ
ออกให้ทั้งหมดเอง ถือว่าให้แทนคาขอบคุณที่ทั้งสองเลขาทาหน้าที่ดี
เยี่ยมมาตลอด โดยสถานที่จะไปเที่ยวก็คือสวนสนุกยักษ์ใหญ่ของฮ่องกง

คาเชิญชวนของอเล็กซ์คราวนี้ สองสาวเลขาปฏิเสธอย่านอบน้อม
แค่เรื่องที่เขาช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ มันก็มากแล้ว พวกเธอไม่อยาก
รบกวนไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเขา พวกเธอรู้ว่าจอ
ยกับอเล็กซ์เป็นอะไรกัน จึงไม่อยากไปทาให้เกิดความอึดอัด

แต่สุดท้ายทั้งสองเลขาและครอบครัวของพวกเธอก็ตามไปตามคา
เชิญชวน เนื่องจากอเล็กซ์ใช้ทุกคาพูดที่นึกออก จวนจะไม่แตกต่างจาก
การขอร้อง

สาหรับจอยคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องความใจกว้างของเขาอย่างเดียว
อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาพูดภาษาจีนไม่เป็น จึงอยากให้เลขาทั้ง
สองคนไปเป็นล่ามแปลภาษาด้วย

หลังจากที่อเล็กซ์ขอความคิดเห็นจากทุกคนว่าจะไปกินที่ไหน ได้
ข้อสรุปมาอยู่ที่อาหารประจาชาติแห่งดินแดนนี้

มานั่งที่ร้านอาหารสุดหรูหราแล้วสั่งอาหารไปไม่นาน ทุกคนก็เริ่ม
พูดคุยและเล่าเรื่องต่างๆ อย่างสนุกสนานไปตามประสาของมนุษย์

มีหลายครั้งจอยสังเกตคริสตินมองมาด้วยแววตาเหมือนเห็นเธอ
เป็นตัวประหลาด พอจอยหันไปแย้มยิ้มให้ หล่อนจะแสดงอาการตกใจ
บางเบา ใบหน้าจะเริ่มแดงระเรื่อ พูดตะกุกตะกัก ราวกับเขินอายจนลิ้น
แทบพันกัน
จอยคิดว่าที่พี่ฝรั่งเป็นอย่างนั้น คงเป็นเพราะเกรงในฐานะของจอย
หรือไม่ก็ตะลึงกับมะตูมสองลูกของเธอ คงอยากจะถามว่าใช้วิธีไหนถึง
จะทาให้ก้อนเนื้อสองก้อนตรงหน้าอกใหญ่ได้ขนาดนี้ แต่พี่ฝรั่งคงรู้สึก
อายจนไม่กล้าถาม

ความจริงต่อให้พี่ฝรั่งถามจริงๆ ขึ้นมา จอยก็ไม่สามารถตอบได้


เนื่องจากมันเป็นทางสายเลือด เพราะตระกูลของแม่เธอ มีหน้าอกใหญ่
ยักษ์ทั้งนั้น จอยยังจาคาพูดที่ยายเล่าให้ฟังสมัยเด็ก ยายของยายมี
หน้าอกแข็งแกร่งมาก ท่านสามารถใช้มันทุบแตงโมแตกกระจายได้เลย
ตอนนั้นทาให้จอยเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา หน้าอกของเธอเองจะมี
ความสามารถน่าหวาดหวั่นแบบบรรพบุรุษบ้างไหม ?

ดังนั้นจอยอาจได้แค่แนะนาอย่างเดียว จงไปทาศัลยกรรมซะ ยัด


ซิลิโคนเข้าไปให้เยอะๆ

อเล็กซ์จะมีใบหน้ายิ้มแย้มใจดีอยู่ตลอดเวลา เขามักชอบเล่าเรื่อง
ตลกให้คนอื่นฟัง หากเจอเด็กๆ เขาจะเปลี่ยนมาเล่าเป็นนิทานแทน

จอยชอบนิสัยใจดีอย่างนี้ของเขา โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อให้เด็ก


น้อยจะร้องแหกปาก หรือเล่นเสียงดังเพียงใด ชายหนุ่มลูกครึ่งไม่เคยปริ
ปากบ่นออกมาให้ได้ยิน หรือว่าแสดงความราคาญออกมาจากทางแวว
ตา ถ้าหากเปลี่ยนเขามาเป็นไอ้หน้าหมา จอยมั่นใจว่าต้องมีโชว์ เด็กหัว
จุ่มซุปหูฉลาม ให้เห็นแน่แท้ เนื่องจากจอยเคยเห็นมันทากับนางฟ้าตัว
น้อยที่หวีดร้องผวามาครั้งหนึ่งแล้ว มันบอกว่าร้องน่าราคาญ จึงใช้วิธีนี้
หุบปาก

ด้วยความใจดีของอเล็กซ์ มีหลายครั้งที่เธอนั่งรถไปกับชายหนุ่ม
อาจด้วยธุระ หรือเหตุผลอะไรก็ตาม เมื่อผ่านตรงที่มีหมาจรจัด เขาจะ
จอดลงไป โดยไม่ลืมเอาถุงอาหารหมาในลิ้นชักรถไปด้วย ส่วนใหญ่
หมาที่เขาให้อาหาร พวกมันจะไม่เรื่องเยอะ ใครให้อะไรมา พวกมันก็
กินหมด

มีเรื่องน่าแปลกอย่างหนึ่ง เท่าที่จอยสังเกตหลายครั้งที่ผ่านมา ทุก


ครั้งที่อเล็กซ์เข้าใกล้แมว มันจะขู่ฟ่อ ตัวพองราวกับเป็นลูกโป่ง แล้วรีบ
หนีไปเหมือนหวาดกลัว ถ้าเป็นพวกหมา ถ้าไม่ใช่ตัวประจาที่อเล็กซ์เคย
ให้กิน พวกมันจะแยกเขี้ยวขู่พร้อมถอยห่าง บางตัวถึงกับหางจุกตูด วิ่ง
หนีไปแทบไม่ทันก็มี แต่คนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ตัวของเขา สัตว์พวกนี้ไม่เคย
แสดงอาการอย่างนี้ออกมาให้เห็น

ภาพเหล่านั้นทาให้จอยเกิดคาถามในใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่อเล็กซ์ก็ไม่


เคยทาร้ายพวกมัน หรือว่าแสดงท่าทางน่ากลัว เหตุใดพวกมันแสดง
อาการอย่างนั้นออกมาต่อเขาเพียงคนเดียว แต่จอยไม่อาจรู้ได้ เพราะ
ตัวอเล็กซ์เองที่เป็นต้นเหตุก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน แต่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ
ต่อการกระทาของสัตว์ เขาเล่าว่าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดมาตั้งแต่เขาจา
ความได้แล้ว จึงมักถูกกลุ่มเพื่อนเอาเรื่องความประหลาดนี้มาล้อเลียนว่า
เขาเป็นเจ้าหน้าที่จับสัตว์อยู่เสมอ แต่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูก
เปรียบเทียบเป็นอย่างนั้น มิหนาซ้ายังหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก ปล่อยให้
เพื่อนล้อเลียนได้ตามสบาย

บางครั้งจอยกับอเล็กซ์เข้าไปทาบุญภายในวัด ต้องหนีไม่พ้น
สายตาของทุกคู่ที่จับจ้องหนุ่มลูกครึ่ง เนื่องจากภาพของฝรั่งที่กราบ
พระพุทธรูป ค่อนข้างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทาให้ดวงตาทุกคู่จับจ้องมากเท่าไรนัก เรื่องที่
พวกเขาให้ความสนใจจริงๆ น่าจะเป็นตรงที่ตอนอเล็กซ์หยิบแบงก์ยี่สิบ
จากกระเป๋าออกมาใส่กล่องบริจาค โดยเฉพาะดวงตาของเด็กวัด ต่าง
ขยายกว้างราวกับไม่อยากเชื่อ เด็กบางคนแสดงออกทางแววตาว่า
อยากจะวิ่งมาดูให้แน่ใจว่าทาแค่นี้จริงๆ แน่นอนใช่ไหม ไม่ใช่มีแบงก์
พันแอบซุกซ่อนอยู่อีกด้านของแบงก์ยี่สิบนี้

แต่เรื่องการทาบุญด้วยปัจจัยของอเล็กซ์ เท่าที่จอยสังเกตหลาย
ครั้งที่ผ่านมา เขาไม่เคยทาอย่างอวดรวย มีเท่าไรก็ใส่ไปหมดจนเหมือน
ขาดสติ เขาทาบุญเสมอต้นเสมอปลายตลอดไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือทาแค่
ยี่สบ
ิ บาท เท่านั้น

ในวันหลังจอยถามชายหนุ่ม จึงได้เข้าใจความคิดของเขา เงิน


ไม่ใช่ตัววัดระดับของการทาบุญ การทาบุญที่แท้จริง คือการทาโดยไม่
หวังสิ่งตอบแทนใดๆ อย่างเช่นที่เขาทา แม้บริจาคเพียงแค่ยี่สิบบาท
ไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่ในใจของเขามีความตั้งใจอย่างแรงกล้า มอบ
ให้เอาเงินตรงส่วนนี้ไปใช้บารุงศาสนาและกิจอื่นๆ ที่ทางวัดจาเป็นต้อง
ใช้

นอกจากนี้ การทาบุญไม่จาเป็นต้องเป็นการบริจาคเงินให้ทางวัด
อย่างเดียว มันยังมีอีกหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกทางไหน อย่างที่อ
เล็กซ์ไปเหมาซื้ออาหารจากพ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่าไปวันๆ อยู่
ตรงหน้าวัด นี่ก็เป็นการทาบุญและช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างหนึ่ง
เพราะของที่ขายได้ทั้งหมดนั้น พวกเขาก็เอาไปดูแลคนในครอบครัวและ
ใช้จ่ายสิ่งที่จาเป็นต่างๆ ในชีวิตประจาวัน ซึ่งบางครอบครัวมีคนป่วยก็มี
แต่พวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น มีแค่เงินที่หาได้จากการ
ขายของและรับจ้างเท่านั้น ดังนั้นเงินจานวนนี้สาหรับพวกเขาจึงเป็นสิ่ง
ที่มีค่ามากมาย

ส่วนอาหารที่อเล็กซ์เหมาซื้อไป ไม่ได้เอามากินเอง เขาซื้อไปให้


กลุ่มคนพิการที่สมาคม หรือผู้ยากไร้ ไม่ก็เป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไร้เจ้าของ
ตามท้องถนน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มีชีวิตที่ค่อนข้างลาบาก
จึงต้องการความช่วยเหลือ

มีคาพูดจากปากอเล็กซ์ ทาให้จอยซาบซึ้งเป็นอย่างมาก เขาบอก


ว่า อย่าคาดหวังอะไรจากการทาบุญ จงทาด้วยใจที่บริสุทธิ์ เพราะถ้าเรา
คาดหวังกับผลของการทาบุญ มันไม่แตกต่างจากการทาเพื่อหวัง
ผลประโยชน์ จะทาให้เราเกิดความทุกข์ทางใจ อย่างบางคนทาเพราะ
คาดหวังว่าเมื่อตัวเองตายไปแล้ว เมื่อเกิดชาติหน้าจะได้ไม่ลาบาก
เหมือนชาตินี้ แต่ทว่ายิ่งทาก็ทาให้เกิดความกังวล กลัวว่าทาบุญน้อย
เกินไป เกิดชาติหน้าอาจต้องลาบากอีก สุดท้ายก็กลายเป็นการทาบุญจน
ขาดสติ เหมือนอย่างนิทานเรื่อง ดาวลูกไก่

จอยมั่นใจว่าแนวการคิดของอเล็กซ์ คงได้มาจากผู้เป็นมารดา ซึ่ง


เป็นคนไทยแท้ เพราะฝรั่งที่ไหนจะคิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้

ผ่านไปประมาณสิบนาที อาหารที่สั่งไปก็เริ่มทยอยมาวาง แม้


ภาพลักษณ์ของอาหารภัตตาคารจะดูดีกว่าร้านโหลๆ ข้างทาง แต่จอย
ยังคงไม่อาจลบล้างคาพูดของ โน้ต เดีย
่ วไมโครโฟน ในชุดที่เล่าถึงสุขา
นานาชาติออกไปจากสมอง แค่จินตนาการตามคาพูดของพี่แกอีกรอบ
เธอแทบจะอ้วกออกมา โดยเฉพาะผัดหมี่จานตรงหน้าของเธอ หน้าตา
ของมันเหมือนพยาธิไม่มีผิด จึงรีบมองอะไรอย่างอื่นแทน

บนโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีภาพของอาหารสไตล์ฮ่องกงและอาหาร
จีนมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่คนส่วนใหญ่รู้จักดี โดยเฉพาะ
ซุปหูฉลามนั่น เกิดมาชาตินี้จอยไม่มีโอกาสได้กินแน่ หากเธอไม่มีแฟน
เป็นเศรษฐีอย่างอเล็กซ์
“เดี๋ยวผมตักให้นะครับ เราจะได้ลุ้นรสชาติไปด้วยกันว่าจะเป็น
ยังไง”

จอยเผยอปากได้เพียงเล็กน้อย ความคิดจะบอกอเล็กซ์ว่า ไม่ต้อง


ถูกกลืนลงไปในลาคอเหมือนเดิม เธอคิดว่าเขาคงสังเกตจากดวงตาของ
เธอที่จ้องหูฉลามไม่กะพริบตา จึงรับรู้ว่าเธอคงอยากลองชิมรสชาติของ
มัน

การกระทาของเขายังทาจอยใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ เนื่องจากทุก
คนที่โต๊ะมองเธอเป็นสายตาเดียวกันหมด แล้วยังมีอมยิ้มด้วย ราวกับ
ภาพที่เห็นนี้เป็นภาพน่ารักของหนุ่มสาววัยรุ่น

จอยยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขิน “ขอบคุณค่ะ”

แต่เธอไม่ตักกินทันที เนื่องจากไม่มีใครยื่นมือไปจับช้อนกลางแม้
สักคนเดียว แม้แต่เด็กน้อยที่นั่งอยู่ด้วย ซึ่งผิดปกติของเด็กอย่างมาก
ความจริงตามนิสัยของเด็กต้องร้องพร้อมกับชี้เอาของที่อยากจะกิน

“ไม่ต้องเกรงใจอะไรครับ กินกันไปก่อนได้เลยครับ กว่าอาหารจะ


มาครบ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อน” อเล็กซ์เชิญชวนทุกคน พลางตักอาหาร
มาใส่ถ้วยตัวเอง

หลังจากทุกคนเห็นเขาตักกิน ผู้ใหญ่ทุกคนจึงเริ่มตักเอาอาหารมา
ที่จานและถ้วยของตัวเองบ้าง จอยคิดว่าพวกเขาคงเกรงใจอเล็กซ์จริงๆ
จึงไม่กล้าทาอะไรก่อนหน้าเจ้าภาพ สุดท้ายรอให้เขาเปิดตัวก่อนอย่างนี้

ตอนแรกจอยจินตนาการว่ามันต้องมีรสชาติอร่อยเทียบเท่าอาหาร
สวรรค์ แต่หลังจากตักหูฉลามเข้าปาก แล้วเคี้ยวเพื่อลิ้มรส ทาให้รู้ว่า
ความจริงมันไม่มีรสชาติอะไรทั้งสิ้น นอกจากน้าซุปเท่านั้น ทาให้เธอ
รู้สึกผิดหวังไม่น้อย

จอยเหลือบมองรูปภาพของซุปหูฉลาม ที่แปะอยู่ตรงผนังของ
ห้องอาหารสุดหรูหราแห่งนี้ ‘ภาพโปรโมตซะน่าแดก ที่ไหนได้แม่งไม่มี
รสอร่อยอะไรเลย’

ในระหว่างกินและรอรายการอาหารอื่นมาส่ง อเล็กซ์จะพูด
ภาษาอังกฤษกับทุกคน ทาให้จอยรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นลูกแกะดา

แม้แปลไม่ทันว่าเขาพูดอะไร เธอก็พอเดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องตลก
เนื่องจากเห็นทุกคนหัวเราะ จอยจึงหัวเราะตามไปด้วย เพราะเธอไม่
อยากกลายเป็นคนนอก

สุดท้ายความจริงก็คือความจริง การหัวเราะของเธอนี้ ภายในใจ


มันบอกว่า เธอเป็นบ้าหรือไง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน เธอ
ยังไปหัวเราะกับพวกเขาอีก

อเล็กซ์หันมาด้วยแววตาเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก หลังจากนั้นเขาก็
เริ่มแปลให้ฟังว่าเรื่องที่พูดคุยกันอยู่นี้เป็นเรื่องอะไร ทาให้จอยรู้สึกว่า
เขายังคิดถึงเธอ ไม่ปล่อยให้เธอรู้สึกเดียวดาย

หลังจากอาหารมาวางบนโต๊ะจนครบทุกอย่าง จอยจึงลองชิม
รสชาติอาหารชนิดต่างๆ จนกระทั่งเหลือเพียงปลิงทะเลอย่างเดียวที่ยัง
ไม่ได้ลองลิ้มรส
ด้วยขึ้นชื่อว่า ปลิง รูปลักษณ์ตอนแรกที่จอยจินตนาการไว้ มันต้อง
เป็นเหมือนปลิงน้าจืดของไทย แต่ทว่าไม่ใช่อย่างที่คิด

ถึงอย่างไรก็ไม่อาจสลัดภาพหนอนตัวดาๆ ออกไปจากหัวได้ แต่


อย่างน้อยที่ร้านอาหารตัดมาให้เป็นท่อนๆ เหมือนกับเฉาก๊วย ทาให้ไม่ดู
สยองมากเกินไปเท่าไรนัก

คราวนี้อเล็กซ์ไม่ตักให้กินอีก อาจเป็นเพราะว่าเขาเห็นใบหน้าของ
เธอที่แสดงความเขินอายออกมาชัดเจน ชายหนุ่มจึงแค่ถามพนักงาน
ด้วยภาษาอังกฤษ แล้วแปลให้ฟังว่ามันคืออะไร ส่วนที่เหลือปล่อยให้เธอ
เลือกเองว่าจะตักกินหรือไม่

ความจริงอาหารที่มีส่วนผสมของปลิงทะเล จอยจ้องมองมันมานาน
ตั้งแต่มาวางบนโต๊ะ ผ่านมือของใครต่อใครไปหลายคน จนกระทั่งเหลือ
ชิ้นสุดท้าย

จอยกัดฟัน รวบรวมความกล้า แล้วยื่นมือที่สั่นเบาบางไปจับทัพพี


‘เอาไงเอากันวะ !’

แม้ภายในใจรู้สึกขยะแขยง แต่นี่อาจเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย
ในชีวิตที่มีโอกาสจะได้กินอย่างนี้

จอยนึกถึงคาพูดของพนักงานที่แนะนาอาหารให้อเล็กซ์ฟัง
จากนั้นหนุ่มลูกครึ่งก็แปลให้เธอฟังอีกที ทาให้รู้ว่าปลิงทะเลนี้ไม่ใช่ปลิง
เลี้ยง ความจริงมันเป็นปลิงที่เก็บมาจากธรรมชาติ ทาให้มีทั้งรสชาติดี
เยี่ยมและคุณค่าทางอาหารดีกว่าหลายเท่า

แค่คิดคาบรรยายเชิญชวนน่าอร่อย จอยมีความกล้าขึ้นมาก มือ


ของเธอจึงไม่สั่นอีกต่อไป เธอตักมาด้วยความมั่นใจ
ปลิงทะเลสีดามันเงาชิ้นสุดท้ายบนทัพพี มันสั่นดุ๊กดิ๊กราวกับเยลลี่
ทาให้ดูน่ารับประทานได้มากกว่าที่คิดไว้เยอะ

“Dead !”

จอยเคลื่อนมือมาได้แค่ครึ่งทาง เสียงของลูกชายคนหนึ่งของ
เลขาคริสติน ตะเบ็งเสียงดังออกมา ทาเธอสะดุ้ง ส่งผลทาให้ปลิงทะเลชิ้น
สุดท้ายที่เคยอยู่บนทัพพี บัดนี้กระเด้งขึ้นมาอยู่กลางอากาศ

ภาพของมันดูเหมือนเชื่องช้าในสายตา แต่แค่แวบเดียว มันตกลง


มาส่งเสียงดังแปะ

คริสตินรีบดุลูกชาย จากนั้นหันมาพูดขอโทษแทนลูกที่ทาให้ตกใจ
จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

จอยโบกมือ ไม่ถือสาอะไรไปตามระเบียบ แต่ภายในใจตรงข้าม


ความจริงเธออยากจะร้องกรี๊ดออกมาให้ลั่น ‘นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย !’

つづく

พจมาน สว่างวงศ์ เป็นชื่อตัวละครจากเรื่อง บ้านทรายทอง จากละคร


ทางช่อง 7 ที่หยิบเอาจากหนังสือมาสร้าง มันเคยโด่งดังมากในอดีต ถึง
ขนาดในช่วงนั้น มีคนถักผมเปียตามดารากันอย่างมากมาย

นิทานเรื่อง ดาวลูกไก่ มีเรื่องเล่ากันมาว่า ชนบทแห่งหนึ่ง มีสองตายาย


อาศัยอยู่กันแค่สองต่อสอง มีสัตว์เลี้ยงเป็นแม่ไก่หนึ่งตัวและลูกๆ ของมัน
อีกเจ็ดตัว วันหนึ่งมีพระธุดงค์มาปักกลด ตากับยายจึงพากันไปกราบไหว้
หลังจากกลับมา ตากับยายคุยกันว่าจะเอาอะไรไปถวายท่านพรุ่งนี้ แต่
ยิ่งปรึกษากันก็ยิ่งหาทางออกไม่ได้ เนื่องจากที่บ้านไม่มีอะไรที่จะเอาไป
ทาอาหาร นอกจากแม่ไก่และลูกๆ ของมัน สองตายายจึงตกลงกันจะเอา
แม่ไก่ไปทาเป็นกับข้าวเพื่อถวายพระ บังเอิญแม่ไก่ได้ยินพอดี มันจึงไป
สั่งเสียกับลูกๆ เป็นครั้งสุดท้าย ตัวแม่ไก่จะยอมสละชีวิตของตัวเอง เพื่อ
ตอบแทนบุญคุณที่สองตายายให้ข้าวสารเพื่อประทังชีวิต ตายายจะได้
บุญจากการถวายกายเนื้อของมันให้พระ เมื่อถึงตอนเช้า แม่ไก่ก็ถูกฆ่า
เพื่อเอาไปทาเป็นอาหาร ลูกเจี๊ยบทั้งเจ็ดตัวรู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าจะอยู่กัน
อย่างไร สุดท้ายเลือกตายตามแม่ หลังจากนั้นพวกมันพร้อมใจกัน
กระโดดเข้ากองไฟ ด้วยอานิสงส์ผลบุญของแม่ไก่และความกตัญญูของ
ลูกทั้งเจ็ดตัว ส่งผลให้บรรดาลูกไก่ไปเกิดเป็นกลุ่มดาวเจ็ดดวง ที่เรา
เรียกว่าดาวลูกไก่ (แต่อันนี้ตัวนักเขียนก็ไม่เข้าใจว่าลูกไก่กตัญญู
ตรงไหน ความจริงมันน่าจะเป็นการทาบาปมากกว่า ในเมื่อพวกมัน
กระโดดเข้ากองไฟเพื่อฆ่าตัวตาย ซึ่งการฆ่าตัวตาย มันเป็นบาป
มหาศาลมาก)
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 23

หลังจากกินอาหารกันเสร็จ ขึ้นรถเดินทางไปต่อยังจุดหมาย แต่


เนื่องจากกว่าจะไปถึงก็เป็นช่วงเย็นพอดี จึงต้องพักโรงแรมที่จองเอาไว้
ซึ่งเป็นโรงแรมของสวนสนุกโดยเฉพาะ มีไว้สาหรับรองรับนักท่องเที่ยว
เนื่องจากสวนสนุกแห่งนี้กว้างมาก ทาให้เวลาในการเที่ยววันเดียวไม่พอ

พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับเป็นกันเองกับแขก พูด


ภาษาอังกฤษชัดเจนรื่นหู หารู้ไม่ ต่อให้พนักงานพูดเพราะเพียงใด ก็
เหมือนไปสีซอให้ควายฟัง เนื่องจากจอยไม่เก่งภาษาอังกฤษ เธอทาแค่
ใบหน้ายิ้มแย้มตอบกลับเท่านั้น ส่วนที่เหลือปล่อยให้คนอื่นๆ พูดแทน

จอยตื่นตาตื่นใจกับห้องพักของตนเอง ขณะหมุนตัวสารวจดูรอบๆ
เธอโยนกระเป๋าทิ้งไปที่เตียงอย่างไร้เยื่อใย ทุกซอกทุกมุมของภายใน
ห้องไม่รอดพ้นสายตาของเธอ นอกจากดูสะอาด ภายในห้องยังตบแต่ง
ออกแนวน่ารัก มีตัวการ์ตูนเกือบไปทุกตารางนิ้ว โดยมีตัวการ์ตูนที่เป็น
หนูมาเป็นตัวชูโรง ดูท่ามันจะชูโรงมากเกินไปด้วยซ้า ทาเอาเธอรู้สึก
หลอนแปลกๆ ชอบกล มองไปทางไหนก็เจอภาพของหนูยักษ์ ราวกับมา
อยู่ในตลาดสดกลางคืนในประเทศไทยที่มีแต่สัตว์พวกนี้ไม่มีผิด แต่มันก็
ให้ความรู้สึกเหมือนเธอกลายเป็นเด็กอีกครั้ง เมื่อได้เห็นตัวการ์ตูนในวัย
สดใสของลูกผู้หญิงอย่างเธอ จึงยังพออนุโลมมองข้ามความหลอนไปได้

พวกของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ที่ทางโรงแรมแจก เธอเก็บยัดเข้า


กระเป๋าหมด เนื่องจากของจากโรงแรมเก่ายังมีเหลืออยู่ เธอจึงควักเอา
มาใช้แทน การกระทาของเธอไม่ใช่แค่ว่ารู้จักการประหยัดหรือไม่ใช้
ของสิ้นเปลือง เหตุผลหลักๆ คือเก็บเอาไปเป็น ของทีร่ ะลึก รวมถึงเอาไป
อวดเพื่อนสนิทว่าครั้งหนึ่งเธอเคยมาเที่ยวที่แห่งนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง
รองเท้าแตะ ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ด้วย แม้ไม่รู้ว่าทางโรงแรมให้ฟรี
หรือไม่ เธอก็เหมาไปเรียบร้อยแล้วว่า มันคือของทีร่ ะลึก ต้องเก็บเอา
กลับบ้านให้จงได้ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันสวมและจะไม่มีวัน
ล้างเด็ดขาด ทาราวกับได้จับมือดาราอย่างไรอย่างนั้น

ความตื่นตาตื่นใจยังไม่หมดเพียงแค่ภายในห้อง หลังจากเก็บ
สิ่งของเสร็จ อเล็กซ์ก็มาเคาะประตูเรียกไปกินอาหารพอดิบพอดี จอ
ยยอมรับว่า อาหารทางโรงแรมทาออกมาดูน่ารักมาก จนแทบอยากจะ
ร้องกรี๊ด แต่ความจริงเธอไม่ต้องส่งเสียงด้วยความตื่นตาตื่นใจที่เจอของ
น่ารักน่ากินเช่นนี้ เพราะเด็กๆ ที่ติดมาด้วยห้าคน ร้องกรี๊ดกันใหญ่ ทา
แทนให้เธอเรียบร้อยแล้ว

จอยเอาแต่จ้องดูอาหารจานตรงหน้า ไม่กล้าเอามีดหั่นแผ่นขนม
เค้กหน้าตัวการ์ตูน กลัวว่าจะกลายเป็นฆาตกร ทาลายความฝันวัยเยาว์
ของตัวเอง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องจาใจชาแหละอยู่ดี แล้วนั่นเป็นการ
ตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะมันอร่อยไม่ใช่เล่น

หลังจากกินกันจนอิ่ม กลุ่มของจอยไม่ลุกไปไหน ยังคงนั่งพูดคุย


กันอีกเล็กน้อยก่อนกลับเข้าห้องใครห้องมัน แม้ภายในห้องที่จองไว้ มี
เตียงนอนสาหรับแขกที่มาเป็นคู่ แต่ไม่ใช่ว่าจะมีใครมานอนร่วมห้องกับ
จอย เลขาทั้งสองคน พวกหล่อนพาครอบครัวมาด้วย จึงแยกไปอยู่กับ
ครอบครัวของพวกหล่อน ส่วนอเล็กซ์ มีความเป็นสุภาพบุรุษ จึงแยกห้อง
ไปเช่นเดียวกัน จอยจึงต้องอยู่กับความหลอนของภาพหนูยักษ์ภายใน
ห้องเพียงตัวคนเดียว

เมื่อถึงวันใหม่ วันนี้เป็นวันเสาร์พอดิบพอดี จึงมีรายการอาหาร


พิเศษ กลุ่มของจอยจึงพากันไปทานติ่มซาหน้าตาน่ารักที่ห้องอาหารจีน
อาหารที่นี่ ต้องทาให้ทุกคนที่เห็นร้องว้าว เพราะความน่ารักของ
หน้าตาอาหารที่จัดมาเป็นรูปตัวการ์ตูน แล้วยังอร่อยมากด้วย ไม่ต้อง
สงสัยว่ามันจะแพงหรือไม่ เพราะแค่เห็นวัตถุดิบที่เอามาทาก็รู้

เสร็จจากการรับประทานอาหารและนั่งคุยกันเล่นอีกพักใหญ่ จึง
พากันไปนั่งรถบัส มุ่งหน้าสู่สวนสนุก ซึ่งที่นี่มีรถบัสบริการฟรี วิ่งวน
รับส่งอยู่สามจุด แต่จอยก็ไม่สนใจว่ามันจะแวะจอดที่ไหนบ้าง เพราะ
ภายในหัวเธอคิดเหมือนกับเด็กๆ นั่นก็คือ เมื่อไรมันจะไปถึงจุดหมาย

เมื่อมาถึง ตามทางเดินไปบริเวณน้าพุ มีเพลงบรรเลงเพราะๆ และ


ภาพสวยๆ ให้ตื่นตาตื่นใจ กลุ่มของจอยไปเลือกหามุมสวยๆ ถ่ายรูป
อเล็กซ์จะชอบทาท่าน่ารักที่ดูเหมาะกับใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนคนใจดีอยู่
ตลอด ซึ่งก็ใจดีจริงๆ สังเกตจากเด็กที่ตามติดเกาะเขาแน่นไม่ห่าง ทา
ราวกับเขาเป็นพ่ออย่างไรอย่างนั้น ตรงข้ามสาหรับจอย เธออยากจะเตะ
ไอ้เด็กที่จิ้มหน้าอกสุดตูมของเธอในจังหวะที่ย่อตัวถ่ายรูป ยังมีการไป
ถามแม่ที่ชื่อว่าเหมยอีกว่า ทาไมพี่สาวเอาพุดดิ้งมาใส่ที่หน้าอกด้วยครับ
?

หลังจากได้รูปถ่ายดังใจหมาย จึงไปกันต่อตรงที่จาหน่ายบัตร ใน
ระหว่างทาง เริ่มมีของล่อตาล่อใจชวนให้เสียตังค์ แต่กลุ่มของจอยไม่
สนใจ อาจมีบ้างที่จ้องไม่กะพริบ ทุกคนรู้ว่าที่มาครั้งนี้เป็นการมาเที่ยว
ไม่ใช่มาเป็นคน บ้าหอบฟาง ถือของที่ระลึกเป็นบ้าเป็นบอไปทั่วสวนสนุก

ตรงจุดทางเข้ามีการกระทาแปลกๆ ของกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายคน
ซึ่งการกระทาแปลกประหลาดนี้คือทุกคนตั้งหน้าตั้งตากินขนมและ
อาหารในกระเป๋า ดูเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่ทราบ
นอกจากนี้ยังมีการตรวจกระเป๋า จอยไม่คาดคิดมาก่อนว่าสวนสนุก
แห่งนี้จะมีการเข้มงวดรักษาความปลอดภัย

‘นี่มันยิ่งกว่าสนามบินอีก กลัวใครมาบึ้มสวนสนุกหรือไง’ จอยเริ่มมี


สีหน้าไม่ชอบใจกับการถูกรื้อค้น เพราะในกระเป๋าสะพายส่วนตัวของ
เธอมีผ้าอนามัย โดยเฉพาะคนตรวจมันเป็นผู้ชาย ทาให้เธอยิ่งไม่อยาก
ยื่นกระเป๋าให้

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเข้าเที่ยว เธอต้องยอมเปิดกระเป๋าให้ตรวจ ทา


ให้จอยครุ่นคิดไม่หยุด เพราะมันเป็นกฎที่ประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
สวนสนุกในเมืองไทยยังไม่เคยขอมาวุ่นวายถึงเพียงนี้เลย

แต่เพียงครู่เดียวที่เธอคิดอย่างนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้กลัวว่าจะมีใคร
มาวางระเบิด ความจริงมันมีกฎห้ามนาอาหารเข้าไปข้างในต่างหาก
ในตอนนี้ขวดน้าที่อเล็กซ์ใส่ในเป้ถูกยึดไปเรียบร้อย ส่วนเด็กๆ ร้องกัน
อย่างไม่ยอม เพราะขนมที่พกเอามากินเล่นในเป้ของพ่อแม่ ถูกเจ้าหน้าที่
ยึดไปหมด

แม้มีกฎประหลาด แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่โหดร้ายเกินไปนัก เขาอนุญาต


ให้นาขวดน้าเข้าไปได้คนละขวดเท่านั้น ส่วนเรื่องอาหาร ถ้ารู้สึก
เสียดาย ก็แค่กินตรงนี้ให้หมด หลังจากนั้นก็เชิญเข้าไปเที่ยวได้เลย

จอยชาเลืองไปทางกลุ่มนักท่องเที่ยว ใบหน้าของแต่ละคนดูเหมือน
ฝืนกินอาหาร เหมือนกับว่าพวกเขากินกันมาก่อนหน้านี้จนอิ่มแล้ว แต่
ต้องมายัดอาหารเข้าไปในปากอีก เธอถึงเข้าใจว่าทาไมพวกเขาแยก
ออกมากินกันอย่างนั้น

ดังนั้นกลุ่มของจอยจึงต้องเดินแยกออกไป แล้วรีบกินขนมขบเคี้ยว
โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ดูท่าคงจะเสียดายหรือไม่อยากเสียขนมอร่อยไป รีบ
กินกันจนแก้มป่อง หน้าดาหน้าเขียว จนกระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่อาจยัด
อาหารเข้าไปได้ไหว อ้วกแตกออกมา แล้วเด็กชายคนนั้นก็ร้องไห้ดังลั่น

แม้เจ้าหน้าที่ไม่บอกรายละเอียด จอยสามารถเดาได้ทันทีว่าเพราะ
อะไรไม่ให้เอาอาหารและน้าเข้าไปเกินที่กาหนด เหตุผลไม่มีอะไรมาก
มันเป็นธุรกิจการค้าขาย เหมือนกับโรงหนัง ห้ามเอาของกินเข้าไป
ยกเว้นมาซื้อของตรงหน้าเคาน์เตอร์เราที่ขาย แพง กว่าปกติ จากนั้นถึง
จะเข้าไปได้

เมื่อเดินเข้าไป จะเจอส่วนเริ่มต้นที่เขียนไว้ในแผนที่ของสวนสนุก
แห่งนี้

จากคาอธิบายของอเล็กซ์และพี่เหมย โซนนี้น่าจะเป็นศูนย์รวม
หลายๆ อย่าง จากเท่าที่จอยดู มันก็มีมากมาย มีทั้งประวัติของบริษัท
การ์ตูนยักษ์ใหญ่ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และอื่นๆ

แต่ก่อนจะไปนั่งรถไฟที่วิ่งวนรอบสวนสนุก กลุ่มเศรษฐีอเล็กซ์ต้อง
เสียเวลาสารวจแถวบริเวณนี้อยู่ค่อนข้างนาน เนื่องจากมีเด็กๆ ที่อยากรู้
อยากเห็นไปตามวัยซน

เมื่อขึ้นมาบนรถไฟ ระหว่างนั่งรับลมบนรถ ทุกคนได้ชมวิวทิวทัศน์


รอบๆ แต่ดูน่าจะเป็นไม่รู้ลงไปที่ไหนต่อ สุดท้ายรถวนมาครบหนึ่งรอบ
จอยถึงนึกออกว่ามีแผนที่อยู่ในมือ รวมถึงโทรศัพท์ที่จะเปิดหาข้อมูลวิธี
เที่ยวตรงส่วนต่างๆ ที่มีคนมาวิจาร หรือไม่ก็เป็นพวกชอบเมาท์ว่า เคยมา
ประกาศศักดาของเงินตราตัวเอง แล้วผลาญเงินไปกับที่นี่เรียบร้อย
หลังจากรู้ตารางเวลาและได้คาแนะนา กลุ่มของจอยจึงพากันไป
เล่นเครื่องเล่นชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องเล่นชนิดหนึ่งที่เป็นรถไฟ จาก
ที่อ่านในคู่มือการเที่ยวแล้ว ทาให้อยากเล่นเอามากๆ

ลักษณะของเครื่องเล่นรถไฟนี้ เป็นเหมือนยานสุดไฮเทค สร้างมา


เพื่อพุ่งไปสู่อวกาศโดยเฉพาะ แต่เด็กๆ ไม่สามารถเล่นได้

แม้มาถึงเครื่องเล่นแล้ว ไม่ใช่ว่าจะได้เล่นทันที เพราะยังมีคนรอคิว


อยู่อีกมาก ยังโชคดีมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ให้คาแนะนามา
กลุ่มของจอยจึงไปกดเอาบัตรคิวรอเล่น ที่เหลือก็แค่รอเวลาเท่านั้น ใน
ระหว่างที่รอ จึงไปเล่นอะไรอย่างอื่นกันก่อน พอใกล้ถึงเวลา กลุ่มของจอ
ยจึงย้อนกลับมารอคิวตามเวลานัดไว้ ส่วนเด็กๆ ต้องพาไปเล่นอะไร
อย่างอื่นแทน โดยมีคุณแม่ทั้งสองคนพาไปเล่น เนื่องจากพวกเธอไม่
ชอบเล่นอะไรที่น่าหวาดเสียว

หลังจากเล่นอะไรหลายๆ อย่างได้ระยะหนึ่ง เดินมาตรงถนนสาย


หลัก มีอาคารตบแต่งสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในหมู่บ้าน
สไตล์ยุโรปสมัยเก่า แน่นอนว่าต้องหนีไม่พ้นร้านอาหารและสินค้า
ลิขสิทธิ์แท้ ชวนให้ละลายทรัพย์เหลือหลาย แต่กลุ่มของจอยก็ไม่ซื้อ ทุก
คนยังคงหักห้ามใจได้อยู่ เพราะทุกคนลงความคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า
จะมาซื้อในวันสุดท้ายที่เดินเที่ยว แต่สาหรับจอยทาให้เกิดกังวล
เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าจะเอาของที่ระลึกชิ้นไหนกลับไปดี จะให้แบกไป
ทั้งหมดก็คงไม่ไหว โดยเฉพาะ รองเท้าแตะ ที่ยังไม่ได้เอาฝ่าเท้าไปลูบ
ไล้

กลุ่มของจอยเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวบริเวณนั้น เพื่อรอดูการแสดง
เดินขบวนของสวนสนุก ระหว่างนั้นก็มองดูสินค้า จ้องหมายมั่นเอาไว้ว่า
จะมาซื้อภายหลังก่อนกลับ
รอคอยเพียงไม่นาน ขบวนก็เดินมาให้เห็น เนื่องจากเป็นช่วงใกล้
เวลามีการแสดงพอดี

ทุกชุดในขบวนดูสวยงามและน่าประทับใจ ทั้งรายละเอียดของการ
ตกแต่งขบวนรถ ชุดเสื้อผ้า รวมไปถึงการตบแต่งใบหน้าของนักแสดง
และลีลาท่าทาง เหมือนพวกเขาพยายามทาให้เหมือนกับในการ์ตูนที่
ฉาย เด็กๆ ชมชอบกันท่วมท้น เด็กบางคนที่แต่งตัวออกแฟนตาซีมา ทาง
นักแสดงจะเข้ามาชักชวนให้ไปเดินร่วมกับขบวน แต่เด็กบางคนเกิด
หวาดกลัวนักแสดงก็มี โดยเฉพาะทหารตัวเขียวจากการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ดู
เหมือนศพขึ้นอืดจนเขียว ทาเด็กตกใจจนร้องไห้จ้า ราวกับพวกเขาเจอ
ผีกลางวันแสกๆ

หลังจากจบโชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ จึงมาพักเหนื่อยกินของว่างใน
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เด็กๆ ยังไม่เหนื่อย สุดท้ายพ่อแม่ของพวกเขาจึง
ขอพาลูกๆ ไปเดินเล่นต่ออีกเล็กน้อยก่อนกลับมานั่งพัก โดยเฉพาะ
เลขาคริสตินที่ต้องไปร่วมแรงผนึกกาลังกับคุณพ่อ เพื่อคุมลูกทั้งสี่คน
ส่วนเหมยมีลูกชายเพียงคนเดียว จึงไม่ยากต่อการดูแลด้วยสามีเพียง
ลาพัง ในตอนนี้ที่โต๊ะจึงมีเพียงอเล็กซ์ จอย และเหมยอีกหนึ่งคนเท่านั้น
ที่นั่งอยู่

“คุณจอยสนุกไหมครับ ?” น้าเสียงของอเล็กซ์สื่ออย่างชัดเจนว่า
อยากรู้

“สนุกมากค่ะ ฉันไม่นึกมาก่อนว่าสวนสนุกแห่งนี้จะทั้งกว้างใหญ่
และมีเครื่องเล่นมากมายขนาดนี้” จอยพูดจบ มองออกไปข้างนอกร้าน
อเล็กซ์มองออกไปข้างนอกตาม “ผมเองก็ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะ
กว้างใหญ่ขนาดนี้ เวลาแค่สามวัน คงไม่พอต่อการเล่นจนครบทุกชิ้นแน่
ครับ”

มีเสียงข้อความของโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากกระเป๋าสตางค์ ดึงจอย
หันมามอง แต่ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ของเธอเพียงผู้เดียวที่ดัง ยังมีของอ
เล็กซ์เช่นเดียวกัน

จอยมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ด้วยแววตาเหมือนกับอยากจะขอ
อนุญาต ชายหนุ่มลูกครึ่งก็พยักพเยิดให้ขณะเปิดดูหน้าจอโทรศัพท์ของ
เขาเอง เธอจึงล้วงเอาโทรศัพท์ของตนมาเปิดดูบ้าง

ข้อความที่ส่งมาเป็นของเพื่อนรักทั้งสองคน เขียนมาพร้อมกับรูป
ถ่าย ซึ่งเป็นรูปของก้อยที่ลองสวมชุดเจ้าสาว ส่วนกิ่งยืนอยู่ข้างๆ ทาชู
สองนิ้วเพื่อเล่นกับกล้อง

ย้อนกลับไปตอนที่จอยไปรักษาแผลในโรงพยาบาล ตอนที่อเล็กซ์
พูดคุยกับหมอคนหนึ่ง ซึ่งนายหมอแว่นหนาคนนั้นเป็นเพื่อนของอเล็กซ์
จริงๆ อย่างที่สันนิษฐานไว้ตั้งแต่แรก

หมอคนนั้นมีชื่อว่า ป๊อป แต่เนื่องจากติดธุระที่ต้องรีบไป จึงไม่


สามารถเข้ามาทักทายกับจอยได้ อย่างมากก็ได้แค่ทักทายกับเพื่อนสนิท
ไม่เกินห้าวินาที

ต่อมาหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนให้หลัง ตกดึกของในวันที่บิ๊กพาไป
ดูมงั กรแบบใกล้ชิด ระหว่างจอยกาลังเห่อเล่นใช้ลูกแก้วอย่างสนุก มี
เสียงโทรศัพท์เข้ามาจากพ่อแม่ของก้อย ถามว่า เห็นลูกสาวของพวกเขา
หรือไม่ จอยถึงได้รู้ว่า ก้อยหายตัวไปจริงๆ เพราะในตอนแรกคิดว่า
เพื่อนรักป่วยหนัก โทรไปหาก็ไม่รับ นอกจากเสียงระบบอัตโนมัติของ
เครือข่ายที่บอกว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก
กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ ทาให้จอยหลงคิดว่าเพื่อนรักคงไม่อยากจะ
รับสายโทรศัพท์ เนื่องจากต้องการนอนพักผ่อนเยอะๆ เธอจึงไม่เซ้าซี้
อะไรให้มากความ ส่วนกิ่งก็เข้าใจเช่นนั้นเหมือนกัน

ตอนแรกที่รู้ว่าก้อยหายไป จอยกระวนกระวายไม่แตกต่างจากพ่อ
แม่ของเพื่อน เนื่องจากเพื่อนสาวทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนที่เธอรักมาก เธอ
จึงลองโทรไปถามทุกคนที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ทางาน ร้านส้มตาที่
เธอกับเพื่อนชอบไปนั่งกินด้วยกัน เธอโทรไปหาทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในชีวิตของก้อย แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ยังคงไร้วี่แววของการ
มีตัวตน เริ่มทาให้จอยคิดออกไปทางด้านลบ เพื่อนของเธออาจโดนโจร
ใจทรามคนไหนมันฉุดไปหรือเปล่า ?

เมื่อถึงตอนเช้า มีเสียงคนโทรเข้ามา ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของอ


เล็กซ์ หลังจากรับสายและฟังเรื่องที่เขาเล่ามา ทาให้รู้ว่าในตอนนี้เพื่อน
ของตัวเองอยู่ที่ไหน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนรกหรือสวรรค์ฉันใด นาก้อยกับนายหมอแว่น
คนนั้นมาเป็นแฟนกัน

เรื่องการคบกันของทั้งสองเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างมาก เพราะ
จอยไม่เคยได้ยินก้อย หรืออเล็กซ์เล่าให้ฟังแม้ครั้งเดียว ความจริงทั้ง
สองคนนี้คบกันอยู่

แต่จอยสงสัยไม่นาน เธอคาดเดาว่าทั้งสองคนนี้คงคบกันแบบลับๆ
ส่วนเรื่องที่พบกันครั้งแรก คงอาจเป็นตอนไหนสักวันหนึ่งที่เป็นความ
บังเอิญนาทั้งสองมาเจอหน้ากัน
แม้เพิ่งมาบอกให้ทราบภายหลัง แต่ไม่ทาให้จอยโกรธมากนักที่
ต้องทาให้เป็นห่วง อย่างน้อยก็ยังบอกให้รู้สึกโล่งใจ ไม่ใช่หายหน้าไป
นาน จนปล่อยให้คิดไปไกลว่าโดนฉุดไปไหน

การที่ก้อยไปเที่ยวกับหมอที่ต่างประเทศโดยไม่บอกพ่อแม่ก่อน
ย่อมต้องโดนพวกท่านด่าโดยไม่ต้องสงสัย จอยทาได้แค่ภาวนาขอให้
เพื่อนโชคดีหลังจากกลับมา เธอมั่นใจว่าพ่อแม่ของก้อยต้องเตรียม
ต้อนรับอย่างดีให้ลูกสาวคนนี้

จนถึงบัดนี้ จอยยังคงไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรไปเป็นของขวัญแต่งงาน
ให้เพื่อนรัก

“คุณได้รับข้อความจากคุณก้อยแล้วหรือยังครับ ?”

จอยช้อนตามามองหน้าเจ้าของคาถามตรงหน้า “ได้แล้วค่ะ เสื้อชุด


เจ้าสาวที่ก้อยใส่ มันดูสวยดีนะคะ”

“ผมก็ว่าเช่นนั้น ถ้าคุณได้สวมบ้าง ผมคิดว่าคงดูสวยไม่แพ้ไปกว่า


กันแน่ครับ”

คาพูดเปรียบเทียบนี้ของอเล็กซ์ แฝงความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ทา
ให้จอยไม่กล้าสบตา ใบหน้าของเธอยังเริ่มแดงระเรื่อ

นอกจากเขาจะเป็นผู้ชายที่น่ารัก ยังชอบพูดทานองนั้นตลอด ชวน


ทาให้เธอหน้าแดงเป็นประจา ตรงข้ามกับไอ้หน้าหมา มีแต่คาลามกจก
เปรต สองแง่สองง่ามกับเธออยู่เสมอ
ถึงแม้ทั้งสองตรงข้ามกัน ราวกับนรกและสวรรค์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้ง
สองแสดงออกมาเหมือนกัน คือความเป็นห่วงเป็นใย

เคยมีครั้งหนึ่งที่จอยเกิดป่วยหนักมาก ตอนนั้นอเล็กซ์สงสัยจึงโทร
มาสอบถาม เมื่อรู้เรื่องว่าเธอเป็นอะไร จึงรีบขับรถมาหาเพราะต้องการ
พาเธอไปโรงพยาบาล แต่จอยปฏิเสธไม่อยากไป เธอเพียงแค่ป่วยเป็น
ไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย แค่นอนพักผ่อนและกิ
นยาสามัญประจาบ้าน เท่านี้เธอก็หายเป็นปกติ

อเล็กซ์ก็ยอมตามใจ แต่อย่างไรเขาก็ยังคงอดเป็นห่วงไม่ได้ จึง


บอกว่าจะจ้างนางพยาบาลเอกชนมาช่วยดูแล

ทันทีที่จอยได้ยินว่าเขาจะควักตังค์ไปจ้างใครมา เธอรีบปฏิเสธจน
แทบลิ้นพันกันอย่างตกใจ เนื่องจากเธอกลัวว่านางพยาบาลจะมาจ๊ะเอ๋
กับมนุษย์หมาป่าในช่วงกลางคืน

จอยรู้ว่าคาพูดของตัวเองอาจทาให้อเล็กซ์สงสัย เธอจึงอ้างไปว่า
ไม่ไว้ใจใครอื่น ต่อให้นางพยาบาลคนนั้นจะได้รับการยืนยันว่าไม่มีนิสัย
ขี้ขโมย

สุดท้ายอเล็กซ์ก็ยอมทาตามความต้องการของเธอ

ยามกลางวัน ถ้าอเล็กซ์ว่างมากพอ เขาจะมาดูอาการของเธอเพื่อ


สอบถามว่าต้องการอะไรไหม

สาหรับยามกลางคืน จะมีมนุษย์หมาป่ามานอนอยู่ข้างเตียง แม้


รูปลักษณ์มันค่อนข้างเถื่อน แต่ในยามเธอป่วย การกระทาของมัน
อ่อนโยนกับเธอสุดๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่ไม่ใช่เธอ มันจะกลายร่าง
เป็นไอ้ตัวอันตราย จอยสังเกตจากนางฟ้าตัวเล็กที่แสดงอาการขาสั่น
แม้บิ๊กบอกว่าจ้างมาเป็นผู้ดูแลคนป่วย แต่ในแววตาของมันที่มองนางฟ้า
เต็มไปด้วยการคุกคาม ราวกับไม่ได้ว่าจ้างมาจริงๆ แต่เหมือนขู่บังคับมา
มากกว่า เมื่อถึงตอนเช้า พวกนางฟ้าตัวน้อยจะหลบซ่อน เนื่องจากอ
เล็กซ์และเพื่อนหญิงจะมาแวะเยี่ยมในช่วงที่ว่าง

พอนึกถึงมาตรงจุดนี้ จอยเริ่มรู้สึกผิดต่ออเล็กซ์และบิ๊ก ในตอนนี้


เธอไม่แตกต่างจากพยายามจับปลาสองมือ ความจริงเธอควรเลือกใคร
คนหนึ่งที่จะมาร่วมเดินทางคู่เคียงไปกับชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่ใช่รั้งพวกเขา
เอาไว้ทั้งสองอย่างนี้

เคยคิดจะตัดสินใจหลายครั้ง แต่สุดท้ายยังคงเลือกไม่ได้อยู่ดี เธอ


ไม่อยากสูญเสียใครไปแม้สักคน ไม่ว่าจะเป็นอเล็กซ์หรือบิ๊กก็ตาม

พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร มักทาให้เธอเครียดทุกครั้ง จนต้องถอนใจ


ออกมาเพื่อลดความเครียด

“เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้าก่อนครู่หนึ่ง” อเล็กซ์เก็บโทรศัพท์
แล้วลุกขึ้นยืน “คุณจอยอย่าเพิ่งหนีไปไหนนะครับ ผมไม่อยากไป
ประกาศตามหาคนหาย” เขาหัวเราะเบาบาง เสริมให้มุกตลกของตัวเองดู
ดีมากขึ้น

“ตามสบายค่ะ ฉันไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว”

สิ้นเล่นมุกตอบกลับของจอย หนุ่มลูกครึ่งก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
ที่ตกค้างเหลืออยู่
เมื่อไม่เห็นอเล็กซ์ในสายตา รอยยิ้มของจอยก็จางหายไป
ในตอนนี้เธอต้องการใครสักคนที่สามารถปรึกษาได้ โดยไม่รู้สึก
ตะขิดตะขวงใจ แล้วตัวเลือกที่ดีที่สุดนั้น คงหนีไม่พ้นหัวอกของ
ลูกผู้หญิงที่มีเหมือนกัน

จอยหันหน้าไปทางสาวลูกครึ่งจีนที่เล่นโทรศัพท์อยู่ อ้าอึ้งเล็กน้อย
ก่อนพูดออกไป “พี่เหมยคะ หนูขอถามอะไรได้ไหมคะ ?”

ทุกครั้งที่จะพูดกับเลขารุ่นพี่ จอยคิดว่าใช้สรรพนามนี้แทนตัวเอง
มันอาจเป็นเรื่องที่ดีสุด เพราะทาให้เธอดูน่าเอ็นดูและไม่ห่างเหิน หรือถือ
ตัวมากจนเกินไป

“ได้ค่ะ น้องจอยอยากปรึกษาเรื่องอะไรคะ ?” สาวผมเปียล็อก


หน้าจอโทรศัพท์ มองหน้าจอยเชิงถาม

“หนูไม่ได้ปรึกษาหรอกค่ะ” จอยส่ายหน้า “พี่เหมยอย่าว่าหนู


ละลาบละล้วงเลยนะคะ คือว่าหนู... หนู...” เธอลูบหน้าจอโทรศัพท์ ไม่
กล้าสบตา ทาเสียงอ้าอึ้ง

“ไม่ต้องอ้าอึ้งหรอกจ้ะ กับน้องจอยของพี่ ไม่มีอะไรถือว่าเป็นเรื่อง


ละลาบละล้วงจ้ะ” เหมยพูดด้วยน้าเสียงเป็นกันเอง ไม่ถือสาอะไร

จอยจึงมีความกล้าขึ้นมาก เธอจึงถามเรื่องที่ค้างคาออกไป “เรื่องที่


พี่เหมยเคยเล่าให้ฟัง ตอนที่พี่เป็นสาวๆ มีคนมาชอบถึงสองคนพร้อมกัน
หนูอยากรู้รายละเอียดค่ะ ช่วยเล่าต่อได้ไหมคะ ?” แต่อย่างไรก็เป็นเรื่อง
ที่ยังคงคิดว่าละลาบละล้วงอยู่ น้าเสียงของเธอจึงเหมือนเกรงๆ

สาวลูกครึ่งไทยจีนปล่อยหลังพิงเก้าอี้ มือข้างหนึ่งจับหลอดแล้วคน
น้าในถ้วยเล่น “ตอนนั้นพี่ก็ตัดสินใจยากมาก แฟนคนแรก พี่รู้จักกันมา
ตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ด้วยเหตุผลที่ทางบ้านของเขาย้ายไปที่อื่น เมื่อพี่เริ่ม
เป็นสาว เขาก็กลับมา ตอนนั้นพี่ก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว ทั้งสองคนนี้ดีกับพี่
มาก คนเก่าพี่ก็ลืมไม่ลง คนใหม่พี่ก็ไม่อยากเสียเขาไป แล้วน้องจอยอ
ยากจะรู้หรือเปล่าจ๊ะ ว่าพี่เลือกใครเป็นพ่อของลูก”

“ขะ... ค่ะ” จอยตอบกระอ้อมกระแอ้ม

เหมยฉีกยิ้มกว้าง “พี่เลือกไม่ถูก สุดท้ายพี่ควบทั้งสองคนไงจ๊ะ มี


สองย่อมดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้ว”

ได้ยินอย่างนั้น จอยก็ดวงตาเบิกโตอย่างไม่คาดคิด

“พี่ล้อเล่นจ้ะ ไม่ต้องทาหน้าแบบนั้นก็ได้จ้ะน้องจอย” เหมย


พยายามปิดปากกลั้นหัวเราะ ไม่นานหล่อนก็ตั้งสติได้ แล้วเริ่มเล่าต่อ
ด้วยน้าเสียงปกติ “ตอนแรกก็อย่างที่พี่บอกนั่นแหละจ้ะ พี่ลาบากใจมาก
ชายคนแรก เป็นรักครั้งแรกของพี่ ส่วนคนที่สอง พี่ก็ทอดทิ้งเขาไม่ลง รู้
ไหมจ๊ะ พี่เอาอะไรมาตัดสิน”

จอยส่ายหน้า “หนูไม่รู้ค่ะ”

“พี่เอาคนที่สามารถดูแลและปกป้องพี่กับลูกได้ โดยเฉพาะเรื่อง
หน้าที่การงานจะต้องมั่นคง เพื่อไว้สาหรับเลี้ยงดูลูกของพี่ไปจนถึงตลอด
รอดฝั่ง พี่จะไม่ยอมให้ลูกของพี่ต้องมาลาบาก”

เหมยหยุดพูด หันหน้าออกไปข้างนอกร้าน จากนั้นหล่อนยิ้มพลาง


โบกมือ จอยจึงหันไปมองไปทางด้านหลังตามทิศทาง เดาว่าจะต้อง
ทักทายใครอื่นอยู่ จนกระทั่งสังเกตเห็นสามีของพี่สาวเลขาลูกครึ่งจีน
เขาเป็นตารวจ อุ้มลูกเดินมา พร้อมโบกมือตอบกลับ ด้วยท่าทางยิ้มแย้ม
แจ่มใส
“พี่จะบอกอะไรให้นะจ๊ะน้องจอย” เหมยเอ่ยดึงดูดความสนใจให้จอ
ยหันกลับมา “ชีวิตของคนเรา มันไม่เหมือนในนิทานหรอกนะจ๊ะ ที่จะอยู่
ด้วยกันกับคนที่เรารัก ต่อให้ต้องลาบากแค่ไหนก็ตาม เราก็ยอม และลง
ท้ายจบแบบแฮปปี้ แต่สาหรับโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าเราเลือกคนที่เรา
รักเหมือนในนิทานหรือนิยาย โดยไม่สนสิ่งอื่นใด อาจกลายเป็นการทา
ร้ายตัวเองและครอบครัว หากคนที่รักไม่เหมาะสมสาหรับเรา”

“หมายความว่ายังไงคะ ?” จอยไม่เข้าใจ

“อย่างที่พี่บอกไปนั่นแหละจ้ะ แม้พี่ไม่อยากเสียใครคนใดคนหนึ่ง
ไป สุดท้ายพี่ก็ต้องตัดสินใจเลือก คนที่พี่เลือกเป็นคู่ชีวิตก็คือแฟนคนที่
สอง คนที่น้องจอยเห็นนั่นแหละจ้ะ ส่วนแฟนคนแรก พี่เลือกเขาไม่ได้
เพราะหากอยู่ด้วยกันไป ชีวิตพี่และลูก จะลาบากอย่างมาก เพราะว่าเขา
เป็นพ่อค้าขายกับข้าวราดแกง แต่ประเด็นไม่ใช่ว่าพี่กลัวความยากจน
หรือจะลาบาก แต่เป็นลูกของพี่ที่จะเกิดมาต่างหากจ้ะ น้องจอยคงเข้าใจ
ใช่ไหมจ๊ะ หากลูกพี่อยากจะเรียนสูงๆ ก็ไม่สามารถทาได้ จะมีใครมาให้
กู้ยืมให้พี่ส่งลูกเรียน หรือใครจะให้กู้ไปต่อยอดทาธุรกิจ หรือยามล้มป่วย
ครอบครัวพี่จะเอาอะไรมาใช้จ่าย แค่ไม่ได้ทางานเพียงวันเดียว นั่นก็
เท่ากับสูญเสียรายได้ที่จะเข้ามาจุนเจือ มันไม่ได้แตกต่างจากกันป่วยทั้ง
ครอบครัว พี่ต้องมาเป็นแรงเพียงคนเดียวในการหาเงิน เผลอๆ ทางาน
หนักเพียงคนเดียว พี่ก็อาจหนีไม่พ้นสภาพไปจากคู่ชีวิต แล้วผลร้ายก็
ต้องตกไปที่ลูกของพี่ ด้วยเหตุนี้พี่จึงเลือกผู้ที่เหมาะสมจะมาเป็นเสาหลัก
ให้กับของชีวิตพี่และลูก”

“แม่ครับ ! ผมเอาไอศกรีมมาฝากครับ” เด็กน้อยรีบวิ่งมาหาทันทีที่ผู้


เป็นพ่อวางลง “มันอร่อยมากเลยครับรสนี้ แม่กินได้เลยครับ กินได้เลย”
“อุ๊ย ! น่าอร่อยจังเลย” เหมยยิ้มให้ลูกชาย ดวงตาเหลือบมอง
ไอศกรีมที่มีรอยแหว่ง เดาได้ทันทีว่าลูกชายคงแทะลองชิมมาแล้ว
ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดว่าอร่อย “นอกจากซื้อมาฝากแม่ ลูกซื้อขนมอะไรมา
ฝากพี่จอยหรือเปล่าจ๊ะ ?”

“ซื้อมาครับ” เด็กน้อยตอบเสียงชัด จากนั้นหันมาทางเป้าหมายด้วย


ใบหน้าไร้เดียงสา แล้วชูถ้วยขนมในมืออย่างภาคภูมิใจ “พี่จอยครับ ผม
ซื้อพุดดิ้งรสนมสดมาให้ครับ พี่สาวจะได้เพิ่มขนาดให้หน้าอกใหญ่ขึ้น
กว่าเดิม”

เหมยได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าปรากฏความตกใจ จึงรีบเอ็ด “แม่บอก


แล้วไงว่าพี่จอยไม่ได้เอาพุดดิ้งเก็บไว้ตรงนั้น” หลังจากนั้นสาวลูกครึ่ง
จีนหันหน้ามาทางจอย ด้วยใบหน้าขอโทษ “พี่ขอโทษแทนลูกชายจริงๆ
จ้ะ น้องเขาคงลืมที่พี่บอกไป”

“ไม่เป็นอะไรค่ะ หนูไม่ได้โกรธอะไรอยู่แล้ว” จอยยิ้มแห้งๆ เธอไม่


ใส่ใจกับความเข้าใจผิดของเด็กน้อยแม้น้อยนิด เนื่องจากตอนนี้เธอ
กาลังครุ่นคิดเรื่องที่พี่สาวเลขาเล่ามา ทาให้เธออดคิดไม่ตกหนักกว่าเดิม
เธอไม่รู้ว่าภายในใจควรตัดสินใจอย่างไร

つづく

สีซอให้ควายฟัง เป็นคาสุภาษิต หมายถึง การพูดสอนให้ผู้ที่มีความรู้


น้อยฟัง แต่ผู้ฟังไม่ใส่ใจที่จะรับรู้ หรือฟังแต่ไม่สามารถทาความเข้าใจ
ได้ ทาให้ผู้ที่สั่งสอนให้ความรู้นั้นเสียเวลาเปล่า เปรียบเปรยการสีซอให้
ควายฟัง ไม่ว่าจะสีซอให้ไพเราะมากแค่ไหน ควายก็ไม่สามารถรับรู้ถึง
ความไพเราะนั้นได้
ชูโรง หมายถึง ตัวสาคัญ หรือตัวแสดงที่ทาให้คณะดูดีขึ้น หรือตัวเด่น

บ้าหอบฟาง เป็นคาสุภาษิต หมายถึง อาการที่หอบหิ้วสิ่งของพะรุงพะรัง


ถือของมากมาย ยุ่งเหยิง และบ้าสมบัติ เห็นอะไรเป็นของมีค่าจะเอา
ทั้งนั้น

หัวเดียวกระเทียมลีบ เป็นคาสุภาษิตหมายถึง ตัวคนเดียว อยู่คนเดียว ไม่


มีเพื่อนฝูง เช่น เพื่อนๆ เขาไม่มีใครจริงใจสักคน เวลาเกิดเรื่องขึ้นมา
เขาก็เหมือน หัวเดียวกระเทียมลีบ แก้ปัญหาอยู่เพียงคนเดียวลาพัง โดย
คา “หัวเดียวกระเทียมลีบ” นี้ เนื่องมาจาก กระเทียมโดยส่วนใหญ่มักจะมี
มากกว่าหัวเดียว ซึ่งหนึ่งหัว จะมีพ่วงติดมาอีกลูกเล็กลูกน้อยเกือบอยู่
เสมอ
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 24

หลังจากลงเครื่องมา ในช่วงขาออก ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืน


จ้อง ทาให้อเล็กซ์ชะงัก พลอยทาให้คนอื่นต้องหยุดเดินตามไปด้วย เมื่อ
ทุกคนหันไปมองตามสายตา ถึงรู้ว่าต้นเหตุที่ทาอเล็กซ์หยุดเดินเป็นใคร

มีหลายครั้งที่ลาล่ามาเจออเล็กซ์อย่างนี้ ไม่ใช่เพราะความบังเอิญ
ความจริงแล้วเป็นเพราะเธอคือลูกคุณหนู จึงมีเงินว่าจ้างบอดี้การ์ดมา
คุ้มครอง รวมไปถึงว่าจ้างคนตามสืบเรื่องไร้สาระ นี่เองจึงเป็นเหตุผล
ที่ว่าทาไมเธอถึงตามหาอเล็กซ์เจอทุกครั้ง ต่อให้เขาไปที่ไหนก็ตาม

มีหลายครั้งที่อเล็กซ์บอกลาล่า ว่าเรื่องระหว่างเขาและหล่อนนั้น
จบลงไปแล้ว แต่ลาล่าไม่สนใจฟัง หล่อนเอาแต่ขอร้องให้เรื่องระหว่าง
หล่อนและเขากลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง จนการตื๊อนี้กลายเป็นความน่า
ราคาญ

อเล็กซ์ไม่กล้าขับไล่ด้วยถ้อยคารุนแรง เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของ
เขา ถ้าหากเป็นตอนที่อยู่ในบริษัท สามารถสั่งยามมาเชิญออกไป แต่เมื่อ
อยู่นอกสถานที่เกินอานาจของเขา ก็ไม่สามารถจะขับไล่ไปได้ บางครั้ง
ยังมีการปะทะอารมณ์ระหว่างแฟนเก่าและแฟนใหม่ให้ปวดหัวกันอีก

อเล็กซ์กุมขมับ พลางหันไปสั่งเลขาให้พาครอบครัวไปกันก่อน
เนื่องจากเขาอาจต้องมาต่อปากต่อคากับลาล่า เป็นครั้งที่เก้าในรอบห้า
เดือนนี้

เมื่อครอบครัวของเลขาพากันไปหมด ลาล่าจึงเห็นคนที่ยืนอยู่ข้าง
ชายหนุ่มลูกครึ่ง แน่นอนว่าหล่อนจดจาใบหน้าของผู้หญิงไทยที่ตน
เกลียดขี้หน้าได้อย่างแม่นยาไม่เคยลืม
“คุณจอยไปก่อนครับ ผมไม่อยากให้มีเรื่องปะทะอารมณ์กัน”
อเล็กซ์อ้อนวอน

“ก็ได้ค่ะ” แม้ปากจอยตอบตกลง แต่ดวงตาของเธอที่ถลึงตาใส่สาว


ฝรั่ง ยังคงสื่อออกมาถึงความเกลียดขี้หน้าไม่แท้กัน แถมมีเจือไปด้วย
การท้าทายด้วย

ในครั้งนี้กลับผิดคาด เพราะลาล่าแค่แสดงอาการกระฟัดกระเฟียด
ไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นสะบัดหน้าเดินจากไป โดยไม่สนใจตาม
ตื๊อเหมือนทุกครั้งอีก ทาให้อเล็กซ์กับจอยเกิดแปลกใจไม่น้อยที่หล่อนจะ
ยอมเลิกตื๊อง่ายๆ เช่นนี้

“คุณคิดว่าเราควรเอาของขวัญอะไรให้ป๊อปกับก้อยดีครับ ?”
อเล็กซ์ถามหลังจากนั่งรถออกมาจากสนามบินด้วยความโล่งใจ

จอยเอนศีรษะพิงกระจก มองออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันก็ยังไม่รู้


เหมือนกันค่ะ”

น้าเสียงของเธอฟังดูออกแข็งกระด้าง เหมือนเคืองเรื่องที่เหมือนถูก
ไล่อยู่ อเล็กซ์สัมผัสความรู้สึกที่แฝงมากับน้าเสียงนี้ได้ เขาจึงหันมาถาม
ตรงๆ

“คุณโกรธผมหรือครับ ?”

จอยผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา “ฉันไม่ได้โกรธคุณหรอกค่ะ”
แม้จอยบอกว่าไม่โกรธ แต่น้าเสียงฟังดูมีทั้งความเหนื่อยล้าและเบื่อ
ที่ต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆ

“ผมขอโทษครับ”

จอยกลับมานั่งตัวตรง พร้อมหันมาด้วยแววตาไม่เข้าใจ “คุณมาขอ


โทษฉันเรื่องอะไรคะ ?”

“ก็เรื่องเมื่อสักครู่นี้” อเล็กซ์ย้อนความ

ต่อให้เขาไม่อธิบายรายละเอียดลึกไปกว่านี้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จอยก็เข้าใจว่าเขากาลังหมายถึงเหตุการณ์ใดอยู่

“ช่างเรื่องนั้นเถิดค่ะ” จอยเลือกปัดๆ เรื่องที่พูดถึงนี้ออกไป เธอไม่


อยากจะรับรู้อะไรที่เกี่ยวกับแฟนเก่าของชายหนุ่มทั้งสิ้น

อเล็กซ์คิดได้ถึงวิธีหนึ่งที่อาจทาให้ลาล่าไม่มาหาเขาอีก ซึ่งวิธีนี้
เป็นวิธีที่เขาอยากจะทาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่กล้ามากเพียงพอจะทา

บรรยากาศในรถเกิดเงียบ อเล็กซ์ครุ่นคิดกับเรื่องที่จะทา จนครู่


หนึ่งผ่านไป เขาก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่ว “คุณจอยครับ...”

“มีอะไรคะ ?” จอยถามกลับด้วยน้าเสียงเรียบง่าย โดยไม่ได้สังเกต


มือของเขา ทาเหมือนกาลังล้วงกระเป๋าเอาอะไรบางสิ่งบางอย่างออกมา

อเล็กซ์ทาเสียงอ้าอึ้ง ไม่กล้าสบตา สุดท้ายเลี่ยงหันไปมองภาพข้าง


นอกกระจก “ผม... ผมว่า... เรามาช่วยกันคิดหาของขวัญให้สองคนนั้น
ต่อกันดีกว่าครับ”
จอยสงสัยกับท่าทางของชายหนุ่ม แต่เธอไม่เซ้าซี้อะไร

“ก็ได้ค่ะ ตกลงเราจะหาอะไรให้ทั้งสองดีคะ”

“เราช่วยกันเปิดค้นหาในอินเทอร์เน็ตดูดีกว่าครับ” อเล็กซ์หันมา
พูดด้วยน้าเสียงปกติเหมือนเดิม “เผื่อจะได้รับคาแนะนาว่าอะไรเหมาะ
สาหรับของขวัญในวันแต่งงาน เหมือนผมเคยอ่านเจอจากพวกเว็บไซต์
ดูดวง เสริมดวงชะตา เขามีเขียนคาแนะนาให้ด้วยครับ”

“ความคิดนั้นก็ดีค่ะ เดี๋ยวฉันขอหาโทรศัพท์ก่อนครู่หนึ่งนะคะ”

ขณะจอยเปิดกระเป๋าเพื่อหาอุปกรณ์ในการท่องโลกอินเทอร์เน็ต
อเล็กซ์เหลือบตาลงดูกล่องใบเล็กที่แพลมออกจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง
เขาถอนใจแล้วยัดมันกลับเข้าไปตามเดิม จากนั้นกลับมาสนใจกับหญิง
สาวต่อ “เดี๋ยวผมช่วยหาอีกแรงครับ” และเขาก็ล้วงกระเป๋ากางเกงอีก
ข้างเพื่อหาโทรศัพท์
__________

หลังจากอเล็กซ์พามาส่งบ้าน จอยไปอาบน้าแต่งตัวจนเสร็จ เธอมา


นั่งเปิดทีวีดูรายการต่างๆ ที่ห้องรับแขก จนกระทั่งรายการที่ดูอยู่ก็จบ
เธอจับสร้อยคอขึ้นมามองดู จากนั้นมองเลยไปที่รีโมตบนโต๊ะ ไม่นานเริ่ม
มีหมอกสีเทาจางๆ ออกมาจากสร้อย จากนั้นรีโมตก็ลอยมาอยู่ในมือเรียว
บาง จอยเผยรอยยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ นิ้วกดเปลี่ยนช่องรายการทีวี
ไปเรื่อยๆ

ของวิเศษชิ้นนี้ มันสามารถทาได้เกือบแทบทุกอย่าง เหมือนที่มังกร


อธิบายไม่มีผิด รวมถึงใช้แทนโทรศัพท์ได้ด้วย แต่มันไม่ได้ใช้ในการกด
ปุ่มหรือจิ้มหน้าจอ เพียงแค่จินตนาการเพ่งเป้าหมายของบุคคลที่ต้องการ
สื่อสารเท่านั้น คล้ายกับโทรจิตอย่างหนังฝรั่ง

แต่การโทรหาบุคคลที่ต้องการติดต่อ มันโทรหาได้เฉพาะอะไรก็
ตามที่ไม่ใช่มนุษย์เท่านั้น อย่างเช่นไอ้หน้าหมาเป็นต้น

ทว่าบิ๊กไม่สามารถพูดได้ จอยจึงไม่รู้ว่าน้าเสียงมันเป็นยังไง
นอกจากเสียงเหมือนหมาหอบแดดตลอดเวลาของมัน และข้อความทาง
โทรศัพท์ที่ตอบกลับมาแทน

เป็นเรื่องที่ทาให้หงุดหงิด พอๆ กับเรื่องที่มันไม่ยอมให้โทรศัพท์มา


ดาวน์โหลดตัวแอปที่สามารถ ติดตามการเคลือ
่ นไหว แม้จอยเอาข้ออ้าง
สารพัดมาพูดก็ตาม

มีเพียงอเล็กซ์เท่านั้นที่ยอมให้เครื่องมาดาวน์โหลดตามคาพูดของ
จอย ซึ่งเธอบอกกับเขาว่า กลัวหลงทางในตอนที่ไปต่างสถานที่กับเขา
ถ้ามีเครื่องมือบอกตาแหน่งได้ จะเป็นเรื่องง่ายมากกับการตามหา

หลังจากที่ชายหนุ่มลูกครึ่งอนุญาตให้มีแอปตัวนั้นสิงอยู่ในเครื่อง
จอยก็ใช้มันแอบดูอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่ไอ้ตัวขนดกมาหา

จากที่ดูจุดแจ้งไฟกะพริบบอกตาแหน่งของอเล็กซ์และภาพของบิ๊
กที่อยู่ตรงหน้า มันอยู่ห่างที่กันมาก นอกจากนี้ตาแหน่งไฟกะพริบของอ
เล็กซ์ยังเคลื่อนไหวได้ ทาให้ความคิดของจอยที่คาดว่า มนุษย์หมาป่า
และชายหนุ่มลูกครึ่งเป็นคนเดียวกัน จึงยุติเพียงเท่านั้น

จอยเหลือบดูเวลานาฬิกาที่ห้อยอยู่กับผนังห้อง ในตอนนี้เป็นช่วง
หัวค่า ซึ่งใกล้ช่วงเวลาที่บิ๊กมักจะมาหาตลอด
พอนึกถึงไอ้หน้าหมา เธอคิดไม่ออกว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเธอ
ไม่ได้บอกมันว่าจะไปไหน เนื่องมาจากเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เคยบอกกับมัน
ว่า จะไปทาธุระต่างจังหวัด ประมาณสองถึงสามวัน เพียงเท่านั้น เธอถูก
มันจัดหนักเกือบทั้งคืน จนส่งผลทาให้ขอบตาคล้าเหมือนหมีแพนด้า
เนื่องจากมันไม่อยากเปล่าเปลี่ยวหัวใจ มันทนไม่ได้ มันจึงจัดหนักกับ
เธอทั้งคืน มันเอาให้เต็มที่ของมันจนหายอยาก

แม้จอยได้น้าผลไม้สูตรวิเศษมาคลายความอ่อนเพลีย มันก็ไม่ช่วย
อะไรให้ร่างกายดีขึ้น เพราะร่างกายของเธอไม่ได้เหนื่อย แต่เป็นเพราะ
อดนอนต่างหาก

นับจากนั้นเป็นต้นมา จอยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บอกมันเด็ดขาด
หากในช่วงไหนที่ต้องไปที่อื่นเป็นระยะนานๆ เพราะไม่เช่นนั้น มันคง
รบกวนเธอทั้งคืน

เมื่อนึกได้ตรงจุดนี้ เธอจึงลุกอย่างเอื่อยเฉื่อยไปใส่ลูกกลอนประตู
เพิ่มก่อน เนื่องจากสาหรับในคืนนี้เธอไม่อยากวาบหวิวอะไรทั้งนั้น เธอ
รู้สึกอ่อนเพลียจากการเดินทาง เธออยากจะแค่นั่งดูทีวีเฉยๆ แล้ว
หลังจากนั้นอีกสักพักถึงจะขึ้นไปนอน

แต่เดินไปได้เพียงครึ่งทาง บานประตูเปิดกระแทกผนังเสียงดังปัง
ทาจอยชะงัก ดวงตาเบิกโต แต่ไม่ใช่เพราะตกใจอย่างเดียว เธอยังตก
ตะลึงด้วย เนื่องจากสิ่งที่ไม่ต้องการนั้น ในตอนนี้มันมาปรากฏตรงหน้า
แถมยังอยู่ในสภาพล่อนจ้อน

จอยรีบขยี้ตาแล้วกะพริบมองดูอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตา
ฝาดหรือเห็นเป็นภาพหลอน แต่ภาพของมันที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วโดย
ไม่มีรีรอ ด้วยแววตาฉ่าเยิ้ม พร้อมปากอ้ากว้างน้าลายยืดเป็นสาย ราว
กับอาการหื่นเต็มที่ บ่งบอกให้รับรู้ว่าไม่ใช่ตาฝาด มันคือของจริงแน่แท้
และไอ้หอกแหลมที่ตั้งท่าพร้อมใช้งานนั่น มันเล็งเป้าหมายมาที่ตัวเธอ
อย่างชัดเจน

“หยุดก่อน อย่านะไอ้หมาบ้า !”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงและหนีถอยไปตั้งหลัก จอยถูกจับหันกลับหลัง
พร้อมถูกยกตัวลอยไปพาดกับโซฟา ต่อจากนั้นพริบตาเดียว ทั้งเสื้อชุด
นอนและกางเกงของเธอถูกฉีกกระชากออก เผยให้เห็นแก้มงอนๆ เนียน
ใสสองลูกเบื้องล่าง

บิ๊กดวงตาเบิกโพลง หายใจดังฟืดฟาด ราวกับควายหื่นเตรียม


กระโจนเข้าหาตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์

ทันทีที่มันจับสะโพกของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าให้อยู่ตรงตาแหน่งได้
หอกแหลมที่รอเวลาจะปลดปล่อยมานานพุ่งเข้าไปจนมิดด้ามทันที ทาจอ
ยถึงกับตาถลนพร้อมปากหวอเพราะการจู่โจมอย่างไม่คาดฝัน

“หยุดนะ วันนี้ฉันจะไม่เล่นกับแก หยุดเดี๋ยวนี้ !” จอยพยายามดิ้น


ให้หลุดจากการเชื่อมต่อ เธอทั้งใช้มือทุบตีแขนกายาที่ล็อกสะโพกและ
ใช้ขาถีบใส่ไม่หยุด

แต่บิ๊กยังคงไม่ยอมหยุด มิหนาซ้ามันยังแยกเขี้ยวคารามใส่เธอ
พร้อมเล็งเป้าหมายไปยังตรงจุดจี๊ดอย่างรุนแรง ราวกับคราวนี้มันทาลง
ไปเพราะความโกรธ จึงต้องสั่งสอนเธอให้รู้จักจา

“หยุดนะ ! หยุด... อะ... อะ... อู๊ว !” จอยเสียงขาดๆ หายๆ


บิ๊กยังคงคารามด้วยความเกรี้ยวกราด โยกเข้าโยกออกแทงซ้าย
ขวาสลับกันไปมา ‘จะให้พี่หยุดอีกไหม ! จะให้พี่หยุดอีกไหม !!!’

มนุษย์หมาป่ากระแทกด้วยความเร็วและความรุนแรงเต็มพิกัด ทุก
ครั้งที่ต้นขาหน้าพุ่งชนเข้าไป บั้นท้ายของจอยถึงกับสะเทือนราวกับคลื่น
น้าทะเลเข้าหาฝั่ง

จอยไม่อาจต้านการเล้าโลมสุดป่าเถื่อนนี้ได้ เธอกระดกบั้นท้ายให้
ไอ้ตัวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอไร้การขัดขืน ยินยอมปล่อยให้
มนุษย์หมาป่ากระทาสมใจหมาย

จอยเพลิดเพลินกับความเสียวไม่นานนัก โซฟาที่เธอพาดอยู่หงาย
ไปอีกฝั่ง ทาเธอตกใจจนร้องกรี๊ด

บิ๊กไม่ยอมให้หลุดจากการเชื่อมต่อไปง่ายๆ มันเหวี่ยงตัวหญิงสาว
มาวางบนโต๊ะรับแขกที่อยู่ตรงหน้าโซฟาแทน จากนั้นลงมือกระแทกต่อ
จนขาโต๊ะโยก พร้อมขยับไปข้างหน้าในทุกจังหวะ

ตึงเอี๊ยด ตึงเอี๊ยด ตึงเอี๊ยด โครม !!!

ไม่นานนัก แรงกระแทกก็ทาขาโต๊ะหักแล้วกระเด็นไปชนผนังอีก
ฝั่ง

บิ๊กยังคงไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องเสียจังหวะ มันเหวี่ยงตัวเธอเข้า
ไปหาชุดโต๊ะวางทีวี ในขณะเดียวกันทีวีตัดฉากเข้าสู่โฆษณาพอดิบพอดี
ซึ่งเป็นโฆษณาขายไอศกรีม ในจังหวะนักแสดงกาลังอ้าปากเพื่อจะลิ้ม
รสไอศกรีมรสนม ก้อนเนื้อตรงหน้าอกของจอยก้อนหนึ่ง เข้าปากดาราที่
แสดงในทีวีอย่างแม่นยา จากนั้นดาราทาตาเบิกโต ราวกับไม่ใช่ทา
เพราะความอร่อยของไอศกรีมแท่งนั้น แต่มันดูเหมือนทาเพราะนมแท้
จากเต้ามากกว่า

จอยรีบจับตัวเครื่องทีวีเป็นที่ยึดมั่น เช่นเดียวกับบิ๊กที่รีบจับโต๊ะวาง
ทีวีก่อนลงมือกระแทกต่อ

“โอ๊ย ไอ้หมาบ้า นี่แกอดอยากมาจากไหนยะ !” เมื่อเวลาว่างพอพัก


หายใจ จอยอดเอี้ยวคอไปด่าตามประสาผู้หญิงปากไวไม่ได้ แต่มนุษย์
หมาป่าก็ไม่สนใจ เหมือนมันรู้อยู่แล้วว่าเธอด่าไปอย่างนั้นเอง

เสียงชุดโต๊ะและตัวเครื่องทีวีโบราณกระแทกผนังดังสนั่น ไม่นาน
นักทีวีจอดับวูบหายไป เนื่องจากถูกกระแทกจนส่งผลต่อระบบภายใน

ต่อมาไม่นาน ชุดโต๊ะก็ไม่แตกต่างจากทีวีเครื่องนั้น มันไม่สามารถ


รองรับเรี่ยวแรงมหาศาลได้ไหวอีก ขาโต๊ะเกิดหัก ทีวีไหลตกลงไปแตก
แล้วจอยกาลังจะร่วงไปตามเช่นเดียวกัน ทาเธอหวีดร้องอีกรอบ

บิ๊กไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นกับคู่จี๊ด มันยกแขนกายาข้างหนึ่ง
ช้อนใต้ราวนมของเธอ มืออีกข้างช้อนใต้ต้นขาใน แล้วจับเธอหมุนหนึ่ง
ร้อยแปดสิบองศาให้หันมาเผชิญหน้ากัน จอยตอบสนองต่อการ
เคลื่อนไหวนี้อย่างไว เพราะกลัวหงายหลังไป โดยการตวัดแขนโอบรอบ
คอของมนุษย์หมาป่า พร้อมกับขาทั้งสองตวัดรอบเอวของมันแน่น

เมื่อจอยหาที่ยึดมั่นในการเกาะได้ เธอก็เริ่มใช้ปากต่อทันที “ไอ้


หมาบ้า นี่แกคิดจะทาข้าวของในบ้านฉันให้พังหมดหรือไงกันยะ !”

บิ๊กยังคงไม่สนใจฟัง มันใช้แขนข้างหนึ่งรองรับด้านหลังของเธอ
ส่วนฝ่ามือหยาบหนาขนาดใหญ่จากแขนล่าอีกข้าง ช้อนบั้นท้ายของเธอ
ขึ้นๆ ลงๆ เพื่อให้ตัวเธอรูดกับเสาแกร่งสีแดงที่ใหญ่ยาว
“อะ... อู๊ว ! ซ้ายอีกนิด... อีกนี้ดดดดดด !” จอยทาตาเล็กใหญ่ข้าง
สลับกัน กรามล่างสั่นระรัว

ยิ่งมีลมหายใจร้อนผ่าวรดใบหน้า เธอก็ยิ่งเหมือนถูกกระตุ้นมาก
ขึ้น ขณะเดียวกันมนุษย์หมาป่ากระแทกไปทิศทางที่เธอร้องขอ

บิ๊กส่ายตาหาสิ่งที่จะมารองรับตัณหาราคะใหม่ แต่ภายใน
ห้องรับแขกนี้ไม่มี จึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง เพื่อไปยังห้อง
ร่วมรักที่ใช้ประจา ขณะนั้นมันก็เปลี่ยนจากช้อนบั้นท้ายขึ้นลงมาเป็น
เพียงรองรับเฉยๆ ทาให้จอยเกิดเสียอารมณ์ขึ้นมา เพราะความเสียวใน
การเข้าออกหายไป แต่ทว่าหายไปแค่ชั่วขณะเท่านั้น เมื่อทันทีที่มนุษย์
หมาป่าขึ้นบันได ความเสียวก็เริ่มบรรเลงอีกครั้ง ทาจอยกลอกตาขึ้นฟ้า
มือสั่นระริกจนลืมตัวจิกเข้าไปด้านหลังคอ แต่มนุษย์หมาป่าไม่มีเสียงร้อง
ออกมาแสดงให้เห็นถึงความเจ็บแม้เพียงนิด

ขึ้นไปเพียงเล็กน้อย บิ๊กหยุดกลางคัน มันจับขาจอยออกแล้วหมุน


ตัวให้อยู่ในท่าคลานสี่ขาบนบันไดแทน

ตอนแรกการกระทาของมันทาจอยตกใจ เพราะเธอกลัวกลิ้งตกไป
แต่เมื่อวงแขนกายาจับเธอเปลี่ยนท่าอย่างมั่นคง เรื่องราวชวน
หวาดเสียวก็ผ่านไปด้วยดี จอยรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทาอะไร จึงรีบจับตรง
ขอบของแผ่นไม้

หลังจากไอ้หน้าหมามั่นใจว่าเธอหาที่ยึดมั่นได้แล้ว จึงจับขาเรียว
ของเธอทั้งสองข้างแยกออก จนเหมือนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัววายที่
เป็นตัวพิมพ์ แล้วมันก็เริ่มสลับดึงเธอเข้าและดันออกไป
ตอนนี้หากมีใครมาเห็นทางด้านข้างของบันได อาจร้องกรี๊ดบ้าน
แตกว่า ผีหลอกกกกก !!! เนื่องจากผมยาวสีดาของเธอโดยส่วนใหญ่
ไหลมาบดบังใบหน้า ในตอนนี้สภาพเธอจึงเหมือน ผีจูออน ในท่ากาลัง
คลานลงกระไดอยู่

การที่เธอถูกดึงเข้าและถอยออกสลับกัน ส่งผลทาให้ผมเธอแกว่ง
เหมือนชิงช้า ในตอนนี้เธอจึงเป็นผีกลายพันธุ์ไปเรียบร้อยแล้ว แถม
ไม่ใช่ผีธรรมดา มันยังเป็นผีเต่าดาน้าทาหัวผลุบๆ โผล่ๆ เพราะทุกครั้งที่
เธอถูกจับถอยออกจากหอกสุดแข็งแกร่ง ทาจอยพุ่งไปข้างหน้า พอถูก
ดึงกลับเข้าหา หัวจอยจะดูเหมือนหดกลับ

ยิ่งไปกว่านั้น เสียงของผีในภาคนี้ยังฟังแปลกประหลาดอีก แทนที่


มันจะร้องเหมือนของเล่นกบไม้ แต่เปลี่ยนมาร้อง ตับ ตับ ตับ !!!

ถ้าคนญี่ปุ่นมีโอกาสได้ดูหนังสยองขวัญเรื่องนี้ ต้องร้องลั่นว่า ช่าง


หลอนสุดสะพรึงยิ่งนัก

บิ๊กแหงนหน้า กลอกตาขึ้น ปากอ้าสั่นงักๆ ด้วยความเสียว แต่มัน


ทาไม่นาน มันก็เริ่มเบื่อกับท่าบันไดสวรรค์นี้ จึงช้อนเอาตัวจอยขึ้นมา
แล้วเดินขึ้นไปต่อ มือของมันที่อยู่ตรงหน้าอกพอดิบพอดี เหมือนไม่อยาก
ปล่อยให้อยู่ว่างเฉยๆ จึงขยามะพร้าวสองลูกของเธออย่างเมามัน

เมื่อมาตรงถึงหน้าประตูห้องนอน บิ๊กยื่นมือไปจับลูกบิดแล้วบิดไป
บิดมา แต่มันล็อกจึงไม่สามารถเปิดเข้าไปได้

ภาพนั้นทาให้จอยนึกได้ “เดี๋ยวๆ ! ฉันจะเอากุญแจให้”


บิ๊กคารามในความหมายว่าเข้าใจ แต่มันไม่ยอมอยู่นิ่งๆ มันจับ
สะโพกของเธอ จากนั้นมันเริ่มย่อตัวขึ้นๆ ลงๆ เพื่อให้ตัวของเธอรูดกับ
อาวุธประจากายของมัน ราวกับทาไปเพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ ในระหว่าง
ที่รอ

“นี่แกหยุดสารวจภายในฉันสักครู่ได้ไหมยะ !” จอยเสียง
ตะกุกตะกักเพราะถูกเสยกระแทกต่อเนื่องไม่หยุด

บิ๊กส่งเสียงคารามต่าๆ ขณะซุกไซ้ซอกคอหญิงสาว มันตวัดลิ้นเลีย


ไม่หยุด โดยเฉพาะติ่งหูของจอย ‘ไม่ได้จ้ะ สัญญาณอินเทอร์เน็ตของพี่
มันแรง มันแรงจนไม่มีสะดุดในการส่งสัญญาณเลยจ้า !’

“กุญแจอยู่ข้างล่าง !” จอยโพล่งออกมาหลังจากคลาแถวตรงต้นขา
เนื่องจากกุญแจห้องนอนนั้นอยู่ในกางเกง แต่ในตอนนี้กางเกงตัวนั้น
นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องรับแขกไปแล้ว

ครั้งนี้จอยเผลอตัวไปจนไม่น่าให้อภัย เพราะเมื่อมนุษย์หมาป่าได้
ยิน มันก็ปล่อยสะโพกของเธอ เปลี่ยนมาดันตัวเธอแปะกับบานประตู จับ
มือของเธอกลางออก แล้วเริ่มเสยกระแทกเข้าไปสุดแรง จนมีเสียงดัง
สนั่นราวกับประตูถูกค้อนทุบ

ตึง ตึง ตึง ปัง !!!

บิ๊กมันกระแทกจนประตูหลุดกระเด็นเข้าไปภายในห้อง ไปพร้อม
กับตัวหญิงสาวที่กรีดร้อง นอกจากนี้ยังมีเสียงการเชื่อมต่อระหว่างของ
ทั้งสองหลุดออกจากกันดังพรวด

แต่ร่างของจอยออกห่างไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บิ๊กมือไวคว้าตัว
จอยได้ทันท่วงที ดึงกลับมาจนหลังของเธอกระแทกหน้าอกกายา แต่จะ
ให้อาวุธสุดน่าสะพรึงกลัวฝังเข้าไปภายในอีกครั้งคงต้องจัดท่าใหม่
ในตอนนี้อาวุธนั้นจึงลอดอยู่ตรงระหว่างขาของหญิงสาว ดูราวกับเป็น
อวัยวะของตัวเธอเองอย่างไรอย่างนั้น

“ไอ้หมาบ้า แกทาประตูห้องนอนของฉันพังแล้ว !” ด้วยความโกรธ


จอยกระแทกศอกใส่ท้องมนุษย์หมาป่า จนมันถึงกับจุก เผลอปล่อยตัว
เธอโดยไม่ตั้งใจ

ด้วยยังไม่ทันตั้งตัว ทาให้จอยล้มลงไปพร้อมเสียงหวีดร้องตกใจ
กระนั้นยังโชคดีที่เธอเหยียดแขนยันได้ทัน พร้อมใช้เข่าสองข้างรองรับ
ในตอนนี้ร่างของเธอจึงอยู่ในท่าคลานสี่ขาเหมือนหมาอย่างเหมาะเจาะ
โชว์บั้นท้ายที่มีน้าหล่อลื่นเลอะเทอะตรงช่องลับให้เห็นเด่นชัด

จอยหันขวับไปด้านหลังเพราะได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาด ทาให้
เห็นอาวุธลับขนาดยักษ์ใหญ่ โดยมีน้าหล่อลื่นของจากตัวเธอที่ชโลม
ให้กับสิ่งนั้น กาลังหยดจากตรงส่วนปลายลงมาติ๋งๆ

บิ๊กเบิกตากว้าง อ้าปากอย่างพะงาบๆ เพราะเห็นร่องแก้มที่มีคราบ


น้าแฉะ

อาการที่แสดงบนใบหน้าของมัน ดูเหมือนจะส่งผลต่อเส้นประสาท
เบื้องล่าง ทาให้อวัยวะสีแดงระเรื่อกระเด้งดึ๋งๆ ราวกับเครื่องเล่นม้า
กระดก

จอยร้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นมันกระโจนเข้ามา แต่เธอเคลื่อนไหว
ไวกว่า เธอลุกหนีไปได้ทันก่อนที่จะโดนประกบหลัง

บิ๊กไม่ยอมให้หนีไปได้ง่ายๆ มันคว้าข้อเท้าของเธอ แต่ด้วยความ


ลื่นของเหงื่อทาให้หลุดมือไป ถึงอย่างไรการถูกจับขาอย่างนี้ ทาให้จอย
เสียศูนย์ล้มหน้าคว่า จะว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ว่าได้ เธอล้มลงไปพาดกับ
เตียงนอนพอดี

“อยากนักใช่ไหมแก ถ้าแน่จริงก็จับฉันให้ได้สิยะ” จอยหันไปทา


ปากส่งจูบให้มันอย่างยั่วยวน ‘ในเมื่อแกหื่นนัก ก็ต้องเหนื่อยหน่อย’

เมื่อบิ๊กได้ยินอย่างนั้น มีหรือที่มันจะไม่เล่นด้วย มันกระโจนจากท่า


คลานสี่ขาขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันจอยรีบกลิ้งตัวเพื่อจะลงไป
อีกฝั่ง แต่การกระทาของเธอดูไม่แตกต่างจากการดิ้นรนครั้งสุดท้าย ถึง
อย่างไรมนุษย์ธรรมดาก็ไม่สามารถเอาชนะสัตว์ผู้เป็นนักล่าตั้งแต่เกิด

‘จะหนีพี่ไปไหนจ๊ะ !’ บิ๊กกระโดดข้ามศีรษะของจอย มาดักข้างล่าง


เตียง

ความเร็วของมนุษย์หมาป่า ทาให้จอยตกใจไม่น้อย เธอไม่คาดคิด


ว่ามันจะเคลื่อนไหวได้ว่องไวอย่างนี้ ทาให้เธอพลิกตัวกลับไม่ทัน ครึ่ง
ท่อนร่างของเธอจึงตกไปพาดกับขอบเตียง สรุปก็คือเธออยู่ในท่าคุกเข่า
แอ่นบั้นท้ายงอนๆ ให้กับไอ้หน้าหมา

บิ๊กตาแทบถลน ปากอ้ากว้างจนลิ้นห้อยออกมายาวกว่าครึ่งฟุต ‘ยั่ว


พี่เหรอจ๊ะ ได้เลยจ้า !!!’

หลังจากนั้นมีเสียงเหมือนอะไรบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในช่องแคบ
ดังซวบ พร้อมกับเสียงของหญิงสาวและเสียงหอนของหมาป่า ประสาน
เสียงกันอย่างกลมกลืน สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับค่าคืนนี้

บ้านหลังหนึ่งที่อยู่อีกซอยซึ่งอยู่ห่างออกไปไกล
เจ๊คนหนึ่งที่ทาแป้งจนใบหน้าขาวเต็มใบหน้า ขณะหยิบขวดน้า
ออกมาจากตู้เย็น ได้ยินเสียงแปลกประหลาดจึงชะงักเพื่อเงี่ยหูฟัง แต่ไม่
แน่ใจว่าตัวเองหูแว่วไปเองหรือไม่ แกจึงหันไปถามผู้เป็นสามี “คุณได้ยิน
เสียงอะไรไหมคะ ?”

ชายวัยกลางคนละสายตาจากทีวีที่ดูอยู่ หันไปตามเสียงเรียกอย่าง
เอื่อยเฉื่อย ทาเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขามีแต่ความน่า
เบื่อและจาเจ จนเมื่อเห็นใครที่ยืนอยู่ตรงตู้เย็น ทาเขาถึงกับสะดุ้งขวัญ
แทบกระเจิง แต่เพียงครู่เดียวเขาก็นึกออกว่า เจ๊หน้ากระด้งที่โปะแป้งจน
หนาราวกับผีเกอิชา ที่อยู่ตรงมุมมืดของห้อง มีแสงไฟสีเหลืองของตู้เย็น
ช่วยสร้างสีสันให้ดูหลอน ความจริงเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่ผีที่ไหนทั้งสิ้น

“คราวหลังเธออย่าไปยืนตรงมุมมืดแบบนั้นอีกนะ ฉันหัวใจเกือบจะ
วาย” ผู้เป็นสามีผ่อนลมหายใจ พลางยกมือที่สั่นระรัวแตะหน้าอกอย่าง
โล่งอก

“ฉันก็ไม่อยากยืนตรงมืดแบบนี้หรอก ทาไงได้ ก็หลอดไฟมันเพิ่ง


เสีย ยังไงพรุ่งนี้คุณอย่าลืมบอกให้ลูกมาเปลี่ยนให้ด้วย” เจ๊หน้าขาว
โพลงมองหลอดไฟบนเพดานอย่างหงุดหงิด มือปิดประตูตู้เย็น แล้วมอง
กลับมาที่สามี “เมื่อครู่นี้คุณได้ยินเสียงแปลกๆ อะไรไหม ?”

ชายวัยกลางคนเอื้อมมือไปหยิบรีโมตบนโต๊ะมาลดเสียงทีวี เงี่ยหู
ฟังครู่หนึ่งก่อนบอก “เสียงอะไร ฉันไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไรเลย”

“เมื่อกี๊ฉันเดินไปเอาขวดน้า ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้แว่วมาดังซวบ
พร้อมกับเสียงหมาหอนและเสียงของหนูจอยร้องกรี๊ดออกมา” เจ๊หน้าผี
ครุ่นคิดแล้วอุทานออกมาด้วยความตกใจ “หรือว่ามีโจรขึ้นบ้านของหนู
จอย !”
“เธออย่าไปคิดอะไรทางด้านลบอย่างนั้น หนูจอยก็ร้องอย่างนี้
เกือบทุกคืนอยู่แล้ว” ชายวัยกลางคนตอบหน้าตาย “สงสัยพาเพื่อนมา
ค้างคืน แล้วคงเล่นกับสัตว์เลี้ยงด้วย ก็อย่างว่า ตั้งแต่พ่อแม่ตายไป หนู
จอยก็อยู่ตัวคนเดียวในบ้านมาตลอด ก็คงกลัวเป็นธรรมดา เลยไปชวน
เพื่อนมาอยู่ด้วย ว่าไปหนูจอยก็น่าสงสารจริงๆ”

คาพูดของฝ่ายสามีทาให้เจ๊หน้าขาวฉุกคิด จากนั้นหล่อนก็เลิกคิด
เรื่องด้านลบอย่างนี้

“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนขี้สงสาร แต่จะให้มานอนฟังเสียงเหมือนตอก
ตะปูดังตึงๆ แบบนี้ทุกคืนมันก็ไม่ไหวหรอกนะ ยังไงในวันพรุ่งนี้คุณไป
กับฉันด้วย ฉันจะไปบอกกล่าวเตือนสักหน่อยว่า เสียงมันดังรบกวนมาก”
เจ๊ร่างอวบมานั่งโซฟาข้างๆ สามีแล้วยกขวดน้าดื่ม

“เสียงเหมือนตอกตะปู ?” ฝ่ายสามีทวนคาอย่างมึนงง

“คุณไม่ได้ยินเหรอ ? ฉันยังได้ยินแว่วมาอยู่เลยเนี่ย อ้อ ! ฉันลืมไป


ว่าคุณหูไม่ค่อยดี” ภรรยานึกได้ว่าประสาทสัมผัสทางการได้ยินของสามี
ไม่ค่อยดีนัก ยิ่งทาให้หล่อนเกิดอารมณ์เสียมากกว่าเดิม แต่ไม่แสดง
ท่าทางอะไรออกมานอกจากพ่นลมหายใจ

“เธออย่าไปยุ่งกับหนูจอยเลย ในเมื่อพอเราขึ้นนอนและเปิดแอร์
เราก็ไม่เคยได้ยินเสียงอะไรอย่างอื่น นอกจากเสียงคอมแอร์ทางาน”
สามีพูดจบ หันไปดูทีวีต่อ พร้อมกดเร่งเสียงรีโมต

ต่อให้ผู้เป็นภรรยาไม่ถูกใจคาพูดง่ายๆ ของสามีมากแค่ไหน
สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยเลยตามเลย แต่หล่อนยังคงอดสงสัยไม่ได้ว่า
เสียงที่ดัง ตึง ตึง ตึง !!! ซึ่งเหมือนลอยมาตามสายลมนั้น ใช่เสียงตอก
ตะปูจริงหรือไม่ เพราะบางครั้งเหมือนจะมีเสียงดัง ตับ ตับ ตับ !!!
สอดแทรกอยู่ด้วย

つづく

จูออน หรือชื่อไทย ผีดุ เข้าฉายเมื่อในช่วงปีพุทธศักราช 2543 เป็นหนัง


ประเทศญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับผีสองแม่ลูกที่ถูกฆ่าตายในบ้าน ผีตัวแม่ผม
จะยาว ชอบใส่เสื้อผ้ายาวสีขาว จนมันกลายเป็นชุดยอดฮิตของคนที่
ชอบทาคลิปว่าเจอผีหลอก ลักษณะโดดเด่นของหนังผีเรื่องนี้คือชอบ
คลาน เนื่องจากก่อนตายขาหัก และหนังเรื่องนี้เอง ได้สร้างความหลอน
สุดสะพรึงไปทั่วโลกของวงการภาพยนตร์ นั่นคือในฉากที่ผีตัวแม่คลาน
ลงกระได พร้อมส่งเสียงครางคล้ายของเล่นกบไม้

กบไม้ ทามาจากไม้แกะให้เป็นรูปกบ เขียด หรือ อึ่งอ่าง แล้วแต่แหล่งที่


ผลิต ส่วนใหญ่ของเล่นชิ้นนี้จะถูกผลิตมาจากภาคเหนือ ซึ่งก็มีหลาย
จังหวัด ส่วนใหญ่ที่พบของเล่นนี้มากได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลาปาง
และพะเยา แต่ละจังหวัดหน้าตาก็แตกต่างกันออกไป สาหรับไม้ที่ใช้ทา
กบไม้นั้นก็มีหลายชนิด ตั้งแต่ ไม้สัก ไม้โมก ไม้มะค่า หรือไม้มะม่วง เป็น
ต้น ซึ่งเนื้อไม้ที่ใช้ในการทากบไม้นี้ก็มีผลต่อเสียงกบ ถ้าเป็นไม้เนื้อแน่น
มาก จะทาให้เกิดเสียงดังกังวานมาก ถ้าเนื้อไม่แน่นมากก็จะทาให้เกิด
เสียงทุ้ม ทาให้เกิดเสียงคล้าย กบ เขียด หรืออึ่งอ่างที่ต่างกัน โดย
ลักษณะตัวกบไม้ ภายในช่องท้องของกบจะเป็นโพรง เพราะเป็นส่วน
สาคัญมากที่จะทาให้เกิดเสียง และสันหลังของกบจะต้องทาเป็นซี่หนาม
เพื่อที่จะใช้ไม้ครูด ให้เกิดเสียงก้องในท้องกบ คล้ายกับเสียงร้องของกบ
นั่นเอง ขอขอบคุณที่มา nsm.or.th

เครื่องเล่นม้ากระดก เป็นเครื่องเล่นที่มีลักษณะเหมือนตาชั่งตวงน้าหนัก
โดยใช้หลักการน้าหนักของตัวผู้เล่น ซึ่งเครื่องชนิดนี้จะต้องเล่นด้วยกัน
2 คน วิธีการเล่นคือ ให้คนหนึ่งไปนั่งฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และอีกคน ไปนั่งฝั่ง
ตรงข้าม เมื่อคนหนึ่งเหยียดขาดีดตัวขึ้น อีกคนที่อยู่ฝั่งจะลดต่าลงมา
และเมื่อคนที่ลดต่าลงมาเหยียดขาดีดตัวขึ้น คนที่ลอยฝั่งตรงข้ามก็จะลด
ต่าลงมาแทน หากใครยังจาได้ในสมัยเรียน เครื่องเล่นชนิดนี้จะมีอยู่ใน
สนามเด็กเล่น หรือไม่ก็หาพบเห็นได้ในสวนสาธารณะ

เกอิชา เป็นคนบริการความสุขให้กับแขก ในอดีตพวกเธอจะอยู่ตามร้าน


น้าชาในยามราตรี งานสังคมช่วงค่าคืน เป็นส่วนสาคัญของธุรกิจใน
ญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน และการมีเกอิชาร่วมงาน ก็เป็นการสะท้อนเป็นอย่างดี
ว่า เจ้าภาพมีเงินใช้สอย มากพอที่จะเรียกใช้บริการของสาวงามเช่นนี้
เกอิชา ไม่ได้เป็นทั้งภรรยาหรือโสเภณี หากเธอเป็นศิลปิน ผู้ยังชีพด้วย
การให้ความบันเทิงแก่ผู้ชายที่มีอานาจทั้งหลาย เกอิชาเป็นนักเต้น
นักร้อง นักดนตรี และนักสนทนา ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เธอจะ
หัวเราะไปกับเรื่องตลกของลูกค้า และไม่เคยแพร่งพรายความลับของ
ลูกค้า การเป็นเกอิชา จะต้องฝึกฝนตั้งแต่กระบวนการ ชิโรนูริ หรือการ
ลงแป้งใบหน้า จนขาวจั๊วะอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเกอิชา การสวมใส่
ชุดกิโมโนพิเศษที่เรียกว่า โอฮิกิซูริ ซึ่งยาวกรอมเท้า และมีโอบิ ผ้าคา
ดอกและเอว ต้องฝึกเดินตัวตรงตลอดเวลา เพื่อให้โอบิตรึงอยู่ได้ เธอต้อง
หัดโค้งคานับอย่างสุภาพ อ่อนน้อมต่อลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการ แต่ที่
สาคัญที่สุดก็คือ การร่าเรียนดนตรีและนาฏศิลป์ โดยเครื่องดนตรี ที่พวก
เธอจะต้องฝึกฝนจนชานาญ ได้แก่ อูกาวา (กลองหิ้วขนาดใหญ่) โคสึซู
มิ (กลองหิ้วขนาดเล็ก) ทาอิโกะ (กลอง) ฟูเอะ (ขลุ่ย) และ ซามิเซน หรือ
พิณสามสาย นอกจากนี้ เธอยังต้องเรียนการร่ายราร้องเพลง และศิลปะ
การละครของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “โนะ” อีกด้วย ตามความเชื่อตั้งแต่ครั้ง
โบราณถือว่า ศิลปะเหล่านี้ควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อายุ 6 ขวบ 6 เดือน กับ 6
วัน จึงจะได้ผลสาเร็จที่เยี่ยมยอด ขอขอบคุณที่มา pirun.ku.ac.th
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 25

ขณะรถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมหรูหรา ดูน่าจะเกินระดับห้า
ดาว จอยมองดูความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเพื่อนของเธอมาจัด
งานแต่ง แม้ไม่รู้ว่าต้องหมดค่าใช้จ่ายไปเท่าไร เพียงแค่เห็นคนบริการ
กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาขออนุญาตเอารถไปเก็บให้แทน ด้วยท่าทางนอบน้อมราว
กับถูกฝึกมาเพื่อรับใช้ราชา จอยคาดว่าค่าเช่าสถานที่แห่งนี้ต้องไม่ต่า
กว่าเลขหกหลัก

หลังจากให้พนักงานเอารถไปเก็บไม่นาน มีเสียงทักของกิ่งมาแต่
ไกล

“คุณอเล็กซ์สวัสดีค่ะ” กิ่งเดินมายกมือไหว้ ด้วยท่าทางเคารพและ


เกร็งๆ ราวกับลูกน้องกลัวนายจ้างดุ ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ไหว้กลับ

“แกมาถึงนานแล้วเหรอ ?” จอยยิงคาถาม

“ใช่” น้าเสียงกิ่งพลันเปลี่ยนมาเป็นปกติ แต่ก็ยังคงมีเกร็งๆ “ฉันเพิ่ง


ลงมาจากรถแท็กซี่เมื่อสักครู่นี้เอง เห็นหล่อนกับคุณอเล็กซ์เดินมา
ด้วยกัน ฉันก็เลยเข้ามาทัก”

จอยสังเกตดวงตาของเพื่อนรัก ดูเหมือนเพื่อนคนนี้ไม่ได้มอง
ใบหน้าของเธอ แต่เหมือนกาลังสารวจการแต่งตัวสุดหรูหราของเธอ
มากกว่า ในแววตายังมีความอิจฉาแฝงอยู่ด้วย

“เราเข้าไปในงานพร้อมกันเลยก็แล้วกันครับ” อเล็กซ์เอ่ยชวน
หลังจากลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่จัดงานแต่ง ทั้งสามคนเดินออกมา
พร้อมกับแขกคนอื่นๆ แต่ไม่เดินไปไกลนัก เพราะว่าห้องจัดงานแต่งอยู่
ใกล้ประตูลิฟต์

“นั่นไงก้อยกับพี่หมอ !” กิ่งชี้นิ้วอย่างตื่นเต้น

หลังจากแขกที่มาเป็นกลุ่มเดินออกไปจากหน้างาน จอยถึงเห็น
เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า แต่ไม่ได้มีแค่สองคนที่ยืน
ต้อนรับแขก ยังมีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ยืนรอต้อนรับแขกรุ่นใหญ่ที่ถูก
เชิญมา

“แกดูขึ้นมากรู้ตัวไหม” จอยชมการแต่งตัวและใบหน้าของเจ้าสาว
ซึ่งเป็นเพื่อนรัก หลังจากที่ยกมือไหว้คนอื่นๆ ที่อาวุโสกว่าจนครบ

“ใช่ สวยมากเลย เดี๋ยวฉันขอถ่ายรูปข้างๆ หน่อย” กิ่งรีบล้วงหา


โทรศัพท์

“ฉันขอถ่ายด้วยคน” จอยรีบเสนอหน้าไปตามเพื่อน

“สาวๆ ไม่ต้องแย่งกันครับ เรามีคนถ่ายรูปให้อยู่แล้ว เชิญมายืนได้


เลยครับ”

ได้ยินเสียงแฝงความขี้เล่นของเจ้าบ่าว สองสาวไม่รีรอไปยืน
ประกบซ้ายขวา ยกเว้นอเล็กซ์ที่ยังคงยืนนิ่ง ยิ้มแห้งๆ ราวกับเขินอาย

“เอ้ามาเร็วๆ อเล็กซ์ ไม่ต้องเขินอายอะไร”


ระหว่างที่เจ้าบ่าวเดินไปจูงเพื่อนฝรั่ง ก้อยคงจะสังเกตเห็นสิ่งที่อ
เล็กซ์หิ้วมาด้วย จึงกระซิบถาม “ยัยจอย คุณอเล็กซ์ถืออะไรมา ?”

“ของขวัญสาหรับแกกับพี่หมอไง เดี๋ยวแกค่อยรู้ว่ามันเป็นอะไร
ตอนนี้มาถ่ายรูปก่อน” จอยกระซิบกลับก่อนปั่นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสให้
ช่างภาพ

หลังจากถ่ายรูปจนหนาใจ อเล็กซ์หยิบเอากล่องในถุงออกมาให้คู่
บ่าวสาว พร้อมเอ่ยอวยพรให้

เนื่องจากหนุ่มลูกครึ่งและนายแว่นหนา ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนซี้
ความเกรงใจจึงไม่ค่อยมีนัก โดยเฉพาะป๊อปมักชอบหยอกเย้าให้อเล็กซ์
หน้าแดงประจา ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนี้

“เพื่อนรัก นายเอาอะไรมาให้กับเราเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นใบเชิญ


งานแต่งของนายล่วงหน้า” ป๊อปหัวเราะเบาบาง พลางหันหน้ากล่องที่
เขียนว่า แด่คู่บา่ วสาว ไปทางอเล็กซ์กับจอย ราวกับบอกใบ้ให้คนอื่นที่
อยู่ตรงหน้างานรับรู้ว่า สองคนนี้คือคู่ต่อไปที่จะแต่งงานกันในไม่ช้า

การกระทาของเจ้าบ่าว ทาให้ทั้งหนุ่มลูกครึ่งและสาวไทยแท้
ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ

“ไม่ใช่” อเล็กซ์รีบบอก

“จริงแน่นะ ?” ป๊อปยังคงแกล้งไม่เลิก

“จริงแน่นอนเพื่อน ไม่เชื่อนายเปิดดูได้”
ป๊อปจึงเลิกแกล้ง เปลี่ยนมาเปิดกล่องดู ซึ่งสิ่งที่อยู่ข้างในเป็นกล่อง
ใบเล็ก หุ้มกามะหยี่สีแดง รูปร่างสวยงามเหมือนกับกล่องใส่แหวน
แต่งงาน

เมื่อสิ่งที่อยู่ภายในกล่องสีแดงปรากฏต่อสายตา ทุกคนตาลุกวาว
โดยเฉพาะแขกที่เป็นผู้หญิง แววตาของพวกหล่อนมีแต่ความอิจฉาฉาย
ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

สิ่งที่อยู่ภายในคือจี้ทองคา มูลค่าน่าจะหนักประมาณยี่สิบถึง
สามสิบบาท ตัวจี้เป็นมังกร ลักษณะเหมือนสายพันธุ์ฝั่งยุโรป มีอยู่
ด้วยกันสองตัว ลักษณะของมันเหมือนกาลังโอบกอดกันอยู่ ดวงตาของ
พวกมันเป็นเพชร เมื่อถูกแสงไฟของภายในห้องสาดกระทบ ทาให้มันดู
เป็นประกายแวววาว เสริมมูลค่าของมันให้ดูมหาศาลมากขึ้นได้อย่างน่า
มหัศจรรย์

“ผมสั่งทาพิเศษให้สาหรับทั้งสองคนโดยเฉพาะ” อเล็กซ์บอกคู่รัก
ตรงหน้า จากนั้นหันไปเจาะจงที่เพื่อนสนิท “นายเอาให้ก้อยสวมสิ”

หลังจากยกขึ้นออกมาจากกล่อง ท่าทางของป๊อปเหมือนไม่รู้ว่าจะ
แยกมังกรสองตัวนี้ออกจากกันได้ไง จอยจึงแนะนา

“ยกตัวมังกรด้านซ้ายขึ้นค่ะ ถึงจะแยกออกจากกันได้”

“ผมนี่ไม่ฉลาดจริงๆ” ป๊อปหัวเราะกลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองไม่ได้
สังเกตลักษณะของตัวสร้อย หลังจากนั้นเขาก็สวมให้กับก้อย แล้วเอา
สร้อยอีกเส้นสวมให้กับตัวเองบ้าง

“ขอบคุณค่ะ” ก้อยพูดกับสามี จากนั้นหันมาทางหนุ่มลูกครึ่งและ


เพื่อนสาว “ขอบคุณนะคะ ฉันชอบมันมาก”
“ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก ขอบคุณพ่อหนุ่มคนนี้ดีกว่า” จอยใช้
ดวงตาแทนนิ้วชี้ มองไปทางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ไม่ต้องหรอกครับ มันเรื่องเล็กๆ”

ต่อให้อเล็กซ์พูดออกมาเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับมูลค่าของ
สร้อยคอ จอยมั่นใจว่าทุกคนที่รู้จักเขาก็รู้อยู่แล้ว แค่ทองหนักไม่กี่สิบ
บาท มันไม่สามารถทาขนหน้าแข้งของเขาร่วงได้แม้สักเส้น

“ขอบคุณเราสองคนเหมือนเดิมดีแล้วครับ ถ้าคุณจอยไม่แนะนา
เลือกให้ ผมก็ยังคิดไม่ตกเหมือนเดิมว่าจะเอาอะไรมาเป็นของขวัญงาน
แต่งงาน”

“ขอบใจๆ” ป๊อปพูดน้าเสียงนิ่มๆ เหมือนพูดให้เป็นพิธีไปอย่างนั้น


“เดี๋ยวนายกับคุณจอยและคุณกิ่ง ไปนั่งตรงโต๊ะหน้าทีวี เราเตรียมชุดโต๊ะ
พิเศษให้สาหรับแขกคนสนิทไว้แล้ว” หมอแว่นชี้ไปข้างในงาน “แต่เดี๋ยว
ก่อน ฉันคิดอีกที ฉันว่านายไปบอกพนักงานตรงนั้นแทนดีกว่า บอกกับ
เขาว่านายกับสองสาวเป็นเพื่อนสนิทเจ้าบ่าวเจ้าสาว พนักงานจะได้พา
ไปถูก ไม่งั้นไปนั่งโต๊ะผิดจะแย่เอา”

ภายในงานตบแต่งอย่างหรูหรา มีชุดโต๊ะอาหารคล้ายโต๊ะจีน แต่


อาหารไม่ใช่สไตล์แบบจีน มันกลับเป็นสไตล์อาหารฝรั่งและไทย

มีสิ่งที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับงานดูอลังการยิ่งใหญ่ มันเป็นแก้วที่วาง
เป็นชั้นๆ ต่อกันเหมือนพีระมิด จัดแสดงอยู่ตรงกึ่งกลางของงาน แต่ละ
แก้วมีไวน์ใส่ไว้
ถัดมาข้างกันเป็นขนมเค้กแต่งงานขนาดใหญ่ ลักษณะของมัน
เหมือนตึกสูงหลายสิบชั้น

ขนมเค้กนี้ถูกตบแต่งด้วยผลไม้สีแดงสดที่เรียกว่าสตรอว์เบอร์รี แต่
มันไม่ใช่ตบแต่งธรรมดา มันเอาลูกสตรอว์เบอร์รีมาแปะรอบตัวขนมเค้ก
ทาเป็นรูปร่างของมังกร อยู่ในท่าทางเหมือนกาลังบิน มันดูเป็น
ประติมากรรมชิ้นเอกที่หาดูจากที่ไหนไม่ได้

ภาพนั้นทาจอยมองตาค้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ จนหยุดชะงักไป
ชั่วขณะ ‘โอ่งมังกร !’

จอยมั่นใจว่าทุกคนที่เข้ามาในงานต้องมองสิ่งนี้เป็นอันดับแรก
แล้วคิดไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนอย่างที่เธอเกิดภาพของสิ่งของ
อย่างหนึ่งขึ้นมาในหัว เนื่องจากขนมเค้กแต่ละชั้นมีขนาดใหญ่มากๆ

ในช่วงที่เดินผ่านใกล้ๆ ยังทาให้รับรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเค้กลวงโลก
เหมือนกับงานแต่งโดยทั่วไปที่ชอบทา โดยการเอาโฟมมาแหกตาให้ดู
ว่ามันใหญ่ ทั้งที่ความจริงมีเค้กที่กินได้อยู่บนยอดหน่อยเดียว เอาให้มด
กินยังไม่ติดขี้ฟันด้วยซ้า

จอยคิดว่าคนที่ออกแบบขนมเค้กนี้ คงเอาจินตนาการมาจาก
เจ้าบ่าวและเจ้าสาว เนื่องจากทั้งสองคนนี้เกิดในปีมะโรง หรือเรียกอีก
อย่างว่า ปีมังกรหรือปีงูใหญ่ จอยมั่นใจว่าเค้กสุดอลังการงานสร้างอย่าง
นี้ต้องไม่ต่ากว่าหลักสองหมื่นแน่นอน

แขกที่มางานแต่งนี้ ถ้าคนอื่นมองดูอย่างผิวเผิน อาจแยกแยะ


ไม่ออกว่าใครเป็นแขกทางฝั่งเจ้าบ่าว และใครเป็นแขกทางฝั่งเจ้าสาว
นอกจากต้องสังเกตจากใบหน้าเท่านั้นถึงจะแยกแยะออก แต่ปัญหานี้
ไม่ใช่สาหรับจอย เพราะแค่เธอกวาดตามองรอบเดียว เธอก็สามารถชี้นิ้ว
เจาะจงเป็นโต๊ะๆ ได้ทันทีด้วยความง่ายดาย เนื่องจากเธอสังเกตจาก
ท่าทางของแขกแต่ละโต๊ะ

ถ้าเป็นแขกฝั่งเจ้าบ่าว ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้ดีมีชาติตระกูล
ซึ่งมักจะนั่งรับประทานอาหารเหมือนแม่ค้าชิมรสชาติในขณะทากับข้าว
แล้วพวกเขาจะพูดคุยกันเสียงเบาด้วยความมีมารยาท

ตรงข้ามกับคนรู้จักทางฝั่งเจ้าสาว มีแต่พวกหาเช้ากินค่า โต๊ะ


ไหนเป็นคนรู้จักกัน ต้องพูดคุยเสียงดังอย่างไม่มีความเกรงใจ บางโต๊ะ
หนักสุด กินอาหารด้วยท่าทางราวกับผีอดอยากไม่มีใครทาบุญมาให้

เมื่อมาถึงโต๊ะที่พนักงานนาทางมาส่ง จอยตื่นตาตื่นใจอีกรอบกับ
ความสวยงามของอาหารทางโรงแรม เนื่องจากเป็นชุดโต๊ะอาหาร
สาหรับแขกพิเศษ จึงมีอาหารมากมายวางอยู่แล้ว โดยไม่ต้องรอเวลา
เหมือนโต๊ะอื่นๆ

หลังจากนั่งไปได้สักพัก จอยหันไปสังเกตเห็นแขกคนหนึ่งที่เพิ่ง
มาถึง จะว่าเป็นมารหัวใจก็ว่าได้ และเช่นเดียวกันเมื่อลาล่านั่งเก้าอี้
หล่อนก็หันมาสังเกตเห็นพอดีเช่นเดียวกัน

ดวงตาสองคู่สบตาระหว่างกัน แม้ทั้งสองแค่มองเฉยๆ แต่ดูราวกับมี


ประจุไฟฟ้าส่งออกมาปะทะระหว่างกัน จนเกิดเสียงดังเปรี้ยงๆ

ถึงแม้ลาล่าเลิกกับอเล็กซ์ไปแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะเลิกเป็นเพื่อนกับ
หมอแว่น หล่อนจึงได้รับคาเชิญมางานแต่งด้วย
ความจริงป๊อปก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสองสาว แต่เขาไม่ได้มอง
ตรงจุดเรื่องการทะเลาะ เพราะเขาคิดแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่คิดเหมือนเด็กๆ
ที่จะต้องมาโกรธกันกับเรื่องไร้สาระอย่างนี้

“คุณจอยจะเอาอะไรครับ ของน่ากินเยอะแยะไปหมด เดี๋ยวผมตัก


ให้ลองชิมครับ” อเล็กซ์กวาดตาไปทั่วโต๊ะอาหาร ด้วยแววตาเหมือนเด็ก
เห็นร้านของเล่น

จอยเผยรอยยิ้มท้าทายให้สาวฝรั่ง จากนั้นไปพูดกับหนุ่มลูกครึ่ง
ด้วยน้าเสียงออดอ้อน “ฉันเอาอะไรก็ได้ค่ะ”

“ถ้างั้นผมขอตักจานนี้ให้คุณก็แล้วกันนะครับ” อเล็กซ์ตักซี่โครง
หมูทอดกระเทียมมาใส่จานหญิงสาว

“ขอบคุณค่ะ” จอยทาหน้าเบิกบานใจ ดวงตาชาเลืองไปทางคู่ปรับ


ที่ทาใบหน้าเหมือนพยายามอดกลั้นอารมณ์

“อืม... ซี่โครงหมูทอดกระเทียมนี่มันอร่อยจริงๆ ครับ กุ้งอบซอส


มะนาวนี่ก็รสชาติเยี่ยมยอด เดี๋ยวผมตักให้ลองชิมครับ รับรองคุณต้อง
ติดใจเหมือนผม” อเล็กซ์พึมพาถูกใจในรสชาติอาหาร โดยที่ไม่ได้
สังเกตว่าในตอนนี้มีสงครามด้วยดวงตาปะทะกันอย่างดุเดือด

“อุ๊ย ! ปากคุณเลอะค่ะ เดี๋ยวฉันเช็ดให้นะคะ” จอยทาเสียงดัดจริต


หยิบกระดาษทิชชูมาบรรจงเช็ดริมฝีปากชายหนุ่มอย่างเบามือ แต่
ดวงตายังคงชาเลืองมองสาวฝรั่งที่ตัวสั่นราวกับภูเขาไฟใกล้ระเบิด ‘ยัย
นมสุกเป็นอะไรไปยะ ทาหน้าเหมือนเบ่งอึเชียว’

“ไม่ต้องเช็ดให้ผมก็ได้ครับ ผมอายแขกคนอื่นๆ” อเล็กซ์อมยิ้มหน้า


แดง คงเพราะคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะทาแบบนี้ต่อหน้าคนหมู่มาก
“ไม่ต้องอายใครหรอกค่ะ เราไม่ได้ทาอะไรดูไม่ดี การที่เราทาเพื่อ
คนที่เรารัก มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว จริงไหมคะ ?” จอยเน้นเสียงอย่าง
ชัดเจน ราวกับต้องการประกาศให้ใครบางคนรับรู้

ลาล่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ลุกพรวด แล้วจ้าอ้าวออกไปนอกงาน โดย


ไม่สนใจฟังเพื่อนที่ถามว่าจะไปไหนทั้งสิ้น แม้กระทั่งคนที่ยืนขวางทาง
หล่อนก็เดินไปชนจนเกือบล้มไปหลายราย

เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมง จอยไม่เห็นคู่ปรับโผล่หน้ามาอีก เธอ


มั่นใจว่าอีกฝ่ายคงกลับบ้านไปร้องกรี๊ดๆ อย่างเจ็บใจ

ไม่นานก็มาถึงเวลาที่แขกผู้ใหญ่ไปยืนพูดสุนทรพจน์บนเวที
แน่นอนว่าต้องเป็นคาพูดน่าเบื่อเกี่ยวกับความรัก รวมถึงพูดเรื่องต่างๆ ที่
นอกเหนือจากการประกาศว่า สองคนนีเ้ ป็นผัวเมียถูกต้องตามประเพณี
ให้ยืดเยื้อจนน่าเบื่อ

หลังจากเจ้าบ่าวและเจ้าสาว จูบกันเพื่อแสดงความรักให้แขกดูเป็น
ขวัญตา เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงกันอีกครั้ง

ก่อนสิ้นสุดงานแต่ง คู่บ่าวสาวยังแวะไปทักทายแขกอีกหลายโต๊ะ
รวมถึงมาโต๊ะพิเศษที่จอยนั่งอยู่ด้วย

ครั้งแรกที่อเล็กซ์มาแนะนาให้จอยรู้จักเพื่อนสนิทของเขาอย่างเป็น
ทางการ ทาให้จอยได้รู้เกี่ยวกับนายหมอแว่นหนาคนนี้เพิ่มอีกอย่าง เขา
สายตาสั้นมาก ไม่รู้ว่าสภาทางการแพทย์อนุมัติให้ผ่านมาเป็นหมอได้
ยังไง
หลายครั้งที่พบเจอกัน จึงได้รู้ว่าป๊อปมีนิสัยขี้เล่น แต่ไม่ใช่ขี้เล่น
อย่างลามก เหมือนผู้ชายบางคนที่พูดหน้าตาเฉย ราวกับเป็นเรื่องปกติ
ในชีวิตประจาวันที่พูดอยู่ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม จอยไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกไปเองหรือไม่ ทุกครั้งที่


สายตาของเขามองมา เหมือนสายตาของไอ้พวกโรคจิตบ้ากามอย่าง
มาก

แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด หมอแว่นหนาคนนี้ไม่เคยแสดงกิริยา
ไม่ดีไม่งาม ให้เสื่อมเสียภาพพจน์แม้แต่น้อย

ถึงอย่างไร ทุกครั้งที่พบเจอเขา ในความรู้สึกของจอย มักให้


ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก เหมือนกับเธอเห็นภาพซ้อนของบิ๊กอย่างไร
อย่างนั้น

คิดมาถึงตรงจุดนี้ ทาให้จอยนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ถ่ายรูป
ตรงหน้างานแต่งงาน ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เธอเห็นดวงตาของป๊อป
เปลี่ยนเป็นสีเหลืองราวกับสัตว์นักล่า แต่ภาพนั้นปรากฏแค่แวบเดียว
เท่านั้น บางทีภาพที่เธอเห็นอาจเป็นเพราะผลจากแสงไฟในงาน ทาให้
มองเห็นเป็นอย่างนั้นก็เป็นไปได้

“เอ้า เช็ดน้าตาหน่อยก็ดีนะ” กิ่งหยิบกระดาษทิชชูยื่นให้เจ้าสาว

“ขอบใจแก” ก้อยยังคงสะอื้น ปล่อยน้าตาไหลออกมาไม่หยุด คง


เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ได้สวมชุดเจ้าสาวสุดหรูหราเช่นนี้
“หล่อนไม่เห็นต้องร้องไห้ถึงขนาดนั้น ดูสิ ไม่สวยเลย เห็นไหม ?”
กิ่งควักกระจกแต่งหน้าในกระเป๋าสตางค์ออกมาให้เพื่อนดูสภาพตัวเอง

“กะ... แกจะปะ... ไปรู้อะไร ฉันแต่งงานนะ ไม่ใช่มาเดินเป็น


นางแบบ” ก้อยสะอื้นจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์

“มาๆ เดี๋ยวผมช่วยซับน้าตาให้ครับ”

ยิ่งเจ้าบ่าวดึงกระดาษทิชชูมาปาดน้าตาออกให้ ทาให้เจ้าสาวมี
น้าตามากกว่าเดิมเพราะความปลื้มปิติที่ได้สามีเป็นคนดีอย่างนี้ ส่วนสาว
คนอื่นๆ ที่เห็นความสุภาพบุรุษ ต่างร้องวี้ดว้าย

“สภาพแบบนี้ปล่อยพลาดไปไม่ได้ ต้องถ่ายรูป พวกเราลุกมาเร็ว


เข้า อย่างนี้ต้องถ่ายเก็บไว้” จอยลุกพรวดมายืนข้างๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาว

“เดี๋ยวๆ ขอฉันซับน้าตาก่อน” ก้อยทาสีหน้าตกใจ คงรู้แล้วว่าเพื่อน


จะเอาภาพตลกขบขันของเธอไปเป็นที่ระลึกให้ลูกหลานดูภายภาคหน้า

“ไม่ต้องซับหลอกลูก อย่างนี้ดีแล้ว แม่จะได้เอาให้หลานดู หลานจะ


ได้รู้ว่าแม่ของมันขี้แยขนาดไหน” แม่ของก้อยหัวเราะ จากนั้นหันไปกวัก
มือเรียกญาติมิตรสหายใกล้ชิด “ทุกคนลุกมาเร็ว ภาพนี้ไม่ใช่ว่าจะได้หา
ง่ายๆ”

ทุกคนรู้สึกตลกกับคาเย้าแหย่ของผู้เป็นแม่คนนี้ แต่ไม่มีใครคิดว่า
มันเป็นเรื่องไร้สาระ ทุกคนต่างลุกมายืนรายล้อมเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามที่
เรียก

“ก็ได้ ก็ได้ เราไปถ่ายรูปตรงนู้นกันดีกว่า ฉากด้านหลังมันสวยดี”


ก้อยรีบเช็ดน้าตา จากนั้นกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตรงที่ตัวเองเพิ่งชี้ไป
“ได้ครับ” ป๊อปทิ้งกระดาษทิชชูลงจานทิ้งก้างปลา แต่เดินตามไป
ไม่กี่ก้าว หันมาหยิบกระดาษทิชชูอีก แต่ไม่ใช่ว่าเตรียมเอาไปเพื่อจะซับ
น้าตาให้ภรรยา เขาเอามาเพื่อป้องปากแล้วไอ

“พี่ป๊อปมาเร็วๆ ค่ะ อย่ามัวแต่ไอ เดี๋ยวจอยกับกิ่งยิ้มรอถ่ายรูปนาน


จนเหงือกแห้งไปก่อน”

คาพูดหยอกล้อของก้อย ทาจอยกับกิ่งใบหน้าตึง สองสาวจึง


ช่วยกันดึงแก้มเจ้าสาวด้วยความโกรธ ทาทุกคนในงานหัวเราะไม่หยุด
กับความสนิทสนมของสาวทั้งสามคนนี้

หลังจากถ่ายรูปอย่างรวมมิตรเสร็จ ทุกคนร่วมกันอวยพรให้คู่บ่าว
สาวเป็นการส่งท้าย จากนั้นทั้งสองเดินไปทักทายโต๊ะอื่นต่อ

ภาพของเพื่อนที่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวและใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุข
พลอยทาให้จอยรู้สึกหวั่นไหวไปด้วย ภายในส่วนลึกของเธอนอกจาก
เกิดความตื้นตันใจ ยังมีแฝงไปด้วยความอิจฉา ถึงแม้เจ้าบ่าวและเจ้าสาว
มีอายุห่างกันถึงสิบสองปี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสาหรับสิ่งที่เรียกว่าความรักที่
ทั้งสองมีให้กัน

ใจของจอยอยากจะสวมชุดเจ้าสาว เช่นเดียวกับผู้หญิงหลายๆ คน
ที่ใฝ่ฝัน เธออยากมีวันที่พิเศษสุดของชีวิต อยากให้มีคนบอกว่ารัก ไม่ว่า
จะเป็นจากปากของอเล็กซ์... หรือจากของบิ๊ก... ใครก็ได้ที่จะเอ่ยคานั้น
กับเธอ พร้อมกับสวมแหวนหมั้นให้เธอ โผเข้ากอด แผ่ไออุ่นจากหน้าอก
ทีเ่ ต็มไปด้วยความรักให้แด่เธอตลอดไป
แต่ได้เพียงแค่คิด ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลายเป็นจริงหรือไม่
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่ทาเธอคิดไม่ตก

“เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้าก่อนนะคะ” จอยบอกทุกคนที่คุยกับ
เธอ พลางถอยเก้าอี้ออก

เมื่อมาถึง ห้องน้าเต็มทุกห้อง แถมมีคนรอคิวอยู่เยอะอีก ทาให้เสีย


อารมณ์ไม่น้อย

“คุณจะเข้าห้องน้าใช่ไหมครับ ?” พนักงานชายคนหนึ่งเข้ามา
สอบถาม

“ใช่ค่ะ” จอยหันขวับมาตอบน้าเสียงสุภาพ

“ตามผมมาเลยครับ มีห้องน้าว่างอยู่ข้างบนครับ” ชายหนุ่มผายมือ


ไปทางลิฟต์

“ขอบคุณค่ะ” จอยดีใจที่ไม่ต้องรอคิวนาน เธอจึงรีบเดินตาม


พนักงานไป

ผ่านไปสักพักหลังจากขึ้นมาบนชั้นนี้ จอยเริ่มรับรู้ได้ถึงความ
ผิดปกติ ตรงที่พนักงานพามาชั้นที่ห้าสิบสี่ นอกจากเป็นชั้นที่สูงเอามาก
ข้างบนนี้ยังไม่มีอะไร แม้กระทั่งหมายเลขห้องพักของโรงแรม นอกจาก
ห้องที่มีป้ายภาษาต่างประเทศติดไว้ รวมไปถึงไม่มีพื้นพรหมสีแดงให้
เห็นเหมือนชั้นจัดงาน ไม่มีกระถางต้นไม้ที่ประดับไว้ตามระหว่างทาง
และไม่มีความเย็นของแอร์อยู่ชั้นนี้
“ดะ... เดี๋ยวก่อนค่ะ” จอยพยายามควบคุมน้าเสียงไม่ให้สั่นเพราะ
ความหวาดวิตก

เมื่อพนักงานหันกลับมา จอยจึงเสแสร้งเปิดดูกระเป๋าสะพาย แล้ว


เงยหน้ากล่าวต่อด้วยใบหน้าเหมือนผู้หญิงกะป้้ากะเป๋อ

“โทรศัพท์ของฉันมันหายไป สงสัยฉันลืมทิ้งไว้ที่โต๊ะ เดี๋ยวฉันขอ


ลงไปก่อนนะคะ ฉันกลัวมันจะหายไปก่อน แล้วต้องขอโทษจริงๆ ค่ะที่ทา
ให้คุณเสียเวลามาส่ง”

“ก็ได้ครับ” ใบหน้าของพนักงานยังคงประดับไปด้วยการยิ้มแย้มต่อ
แขกผู้มีเกียรติ “เดี๋ยวผมพาไปส่งเองครับ”

“มะ ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันลงไปเองก็ได้ค่ะ ฉันจาเส้นทางได้ค่ะ”


จอยเริ่มถอยออกห่าง เธอสังเกตแววตาของชายตรงหน้า มันให้
ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้วางใจ

“ก็ได้ครับ แต่ว่า...” พนักงานชายฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ต้อง


ไม่ใช่ตอนนี้ครับ”

ดวงตาของจอยเบิกกว้างด้วยความตกใจ มีผ้าปริศนาโผล่มาจาก
ทางด้านหลัง ปิดปากของเธอ แต่มันไม่ได้มาแค่นั้น มันยังมาพร้อมกับ
แขนกายาที่ล็อกคอของเธอด้วย

จอยพยายามดิ้นสุดชีวิต ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มี


เสียงใดเล็ดลอดออกมา นอกจากเสียงอู้อี้เบาๆ เท่านั้น เธอพยายามทั้ง
ข่วนและทุบตี รวมไปถึงใช้ขาเตะและเหยียบเท้าของผู้ที่อยู่ข้างหลังไม่
หยุด
“อย่าสู้ให้เหนื่อยไปดีกว่าครับคุณผู้หญิง เพราะมันไม่มีประโยชน์
อะไร เก็บเรี่ยวแรงไว้ใช้กับอะไรอย่างอื่นเถิดครับ...”

ภาพใบหน้าของพนักงานตรงหน้า ในสายตาของจอยมันเริ่มดูพร่า
มัว พร้อมกับเสียงเหมือนห่างไกลออกไปทุกขณะ และไม่นานทุกสิ่งทุก
อย่างก็หายไปจากประสาทสัมผัสการรับรู้ทั้งหมด

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 26

ชายหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของดวงตาสีฟ้า กระดิกนิ้วเคาะโต๊ะเล่น ทาราว


กับจะทาให้ฆ่าเวลาได้เร็วขึ้น มือพลิกดูนาฬิกาเป็นครั้งที่สี่ ในตอนนี้ผ่าน
ไปเป็นชั่วโมงกว่า แต่คนที่เฝ้ารอยังคงไม่กลับมา ทาให้เขารู้สึกกังวล
สุดท้ายจึงตัดสินใจถามคนอื่น

“คุณกิ่งครับ !” อเล็กซ์โบกมือ “เมื่อครู่นี้คุณไปเข้าห้องน้ามา คุณ


เห็นคุณจอยในห้องน้าด้วยหรือเปล่าครับ ?”

“ไม่นะคะ ตอนฉันเข้าไปก็ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว มีอะไรหรือคะ


?”

“คุณจอยสิครับ ไปเข้าห้องน้าตั้งนานแล้ว จนผ่านไปเป็นชั่วโมง


กว่า ก็ยังไม่กลับมา” อเล็กซ์พลิกข้อมือเพื่อดูเวลาของนาฬิกาอีกที

“จอยกลับบ้านไปก่อนแล้วหรือเปล่าคะ ?” กิ่งมองรอบตัว

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” อเล็กซ์เงียบไปเหมือนขบคิดก่อนพูดต่อ
“ผมคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ ในเมื่อเธอมากับผม จึงไม่น่าสามารถ
กลับไปได้เพียงตัวลาพัง นอกจากเรียกรถแท็กซี่ แต่ถ้าเธอเรียกรถกลับ
เอง ความจริงเธอน่าจะบอกผมสักหน่อย ไม่น่าหายเงียบไปอย่างนี้”

“นั่นสิคะ” กิ่งเห็นด้วย “ปกตินิสัยของจอยก็ไม่น่าใช่แบบนี้”

ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาพนักงานอย่างมุ่งมั่น “ผมรบกวนนิดหนึ่ง
ครับ ที่โรงแรมแห่งนี้มีห้องน้าแบบเปิดให้แขกโดยทั่วไปใช้บริการ มีอยู่
ชั้นไหนบ้างครับ ?”
“มีเพียงชั้นห้องโถงนี้เพียงชั้นเดียวครับ” พนักงานชายตอบอย่าง
สุภาพ “ถ้าคุณผู้ชายต้องการไปเข้าห้องน้า จะต้องไป-”

“ผมไม่ได้ถามหาทางครับ” อเล็กซ์พูดขัดก่อนที่พนักงานชายจะได้
กล่าวจนจบ “ผมกาลังหาคนอยู่ครับ คือแฟนผมไปเข้าห้องน้าแล้วยังไม่
กลับมาเลยครับ ยังไงคุณช่วยไปแจ้งประกาศตามหาให้หน่อยนะครับ”

หลังจากนั้นหนุ่มลูกครึ่งก็บอกชื่อจริงของจอย ตามมาด้วยบรรยาย
เสื้อผ้าของเธอ ไปจนหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถระบุรูปพรรณสัณฐาน
ได้

“คุณอเล็กซ์คะ ลองโทรหาจอยแล้วหรือยังคะ ?” กิ่งแนะนา

“นั่นสิ ผมลืมไปได้ไง” ชายหนุ่มลูกครึ่งอุทาน รีบล้วงเอาโทรศัพท์


“เอ่อ... คุณพนักงานครับ ยังไม่ต้องไปนะครับ เดี๋ยวขอผมลองโทรตาม
ดูก่อน เผื่อเธออยู่แถวนี้” จากนั้นเขาก้มดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งล้วงเอา
ออกมา ไล่เบอร์ไปเรื่อยๆ จนมาถึงเบอร์ที่โทรหาบ่อยที่สุด

ทุกวินาทีที่ผ่านไป ทาให้ใจของชายหนุ่มเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เพราะ


มันเหมือนเป็นสังหรกระซิบบอกว่าอาจเกิดอะไรขึ้นกับจอย

จอยสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะถูกน้าสาดใบหน้า แต่เธอยังไม่รู้สึกตัว


ในทันที เธอยังคงมีอาการมึนงงเหมือนตอนเพิ่งตื่นตกค้างอยู่ จึงสะบัด
หน้าขับไล่ความมึนงงนี้ออกไปพร้อมกับน้า จนกระทั่งสติเริ่มกลับคืนมา
ทาให้เธอเกิดความตระหนกตกใจ เพราะเธอมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่
เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกตัวว่าถูกปิดตาอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทาไมมอง
ไม่เห็นสิ่งรอบตัว แม้ไม่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่ไหน เธอยังคงไม่ยอมหยุดนิ่ง
เธอใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นหู จมูก ผิวหนัง มือที่
ขยับได้บางนิ้วและเท้าที่ไม่แตกต่างกันนัก เพื่อสัมผัสสถานที่แห่งนี้ จะ
ได้รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่แห่งไหน

จอยมั่นใจได้อย่างหนึ่ง ต้องมีคนอยู่ใกล้ตัวเธอ ไม่เช่นนั้นจะมีน้า


สาดใส่ใบหน้าของเธอได้ยังไง เธอจึงตะโกนออกไป “นั่นใคร แล้วจับ
ฉันมาทาไม !”

ยังคงเงียบไร้เสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงเดินวนรอบตัว ถึงแม้ยังไม่


รู้ว่าพวกมันต้องการอะไรจากเธอ ในตอนนี้เธอก็เริ่มรับรู้เกี่ยวกับสถานที่
แห่งนี้ ตัวเธอคงถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ อยู่ในสถานที่ซึ่งน่าจะเป็นห้องโถง
มันอาจเป็นบ้านล้าง หรือเป็นตึกที่ไม่มีใครอยู่นานมาก เนื่องจากมีทั้ง
กลิ่นเหม็นอับ กลิ่นฝุ่น บ่งบอกว่าที่แห่งนี้ต้องไร้แสงเข้ามาสาดส่อง
นอกจากนี้เสียงที่เธอเพิ่งตะโกนออกไป มันสะท้อนก้องกังวาน

ไม่นานความคิดหนึ่งปรากฏในหัว ไม่แน่เหตุผลที่เธอถูกจับมานี้
อาจเป็นเพราะคนที่จับตัวมาต้องการเรียกค่าไถ่ก็เป็นไปได้

แต่เมื่อทบทวน เรื่องนั้นตัดออกไปได้เลย เพราะเธอไม่ได้เป็นลูก


คุณหนู หรือเป็นคนใหญ่คนโตในวงการเมืองที่น่าให้หิ้วไป

จึงต้องเป็นได้เพียงข้อสันนิษฐานเดียว เธออาจถูกจับมาเป็นผู้หญิง
ขายบริการข้ามประเทศ

“พวกแกเป็นใคร !” จอยตะโกนออกไปด้วยน้าเสียงคุกคาม ภายใน


ใจไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ต้องการรับรู้ว่าภายในห้องนี้มีอยู่กี่คน ไม่
ว่าจะเป็นทั้งพวกที่จับตัวเธอมา และหญิงสาวที่โชคร้ายเหมือนตัวเธอ
หลังจากตะโกนออกไปแค่กะพริบตาเดียว มีเสียงเหมือนเอ่ย
ทักทายมา แต่เสียงนั้นไม่ใช่ภาษาไทย หากเป็นเสียงภาษาอังกฤษ แล้ว
น้าเสียงปริศนาดังกล่าวยังเป็นเสียงของผู้หญิง

จอยสะดุ้งเล็กน้อยเพราะรู้สึกมีลมหายใจรดใส่หน้า แต่ความรู้สึก
นั้นมีแค่หนึ่งวิเท่านั้นก่อนถอยออกห่างไป จากนั้นมีฝ่ามือหยาบหนามา
แกะผ้าปิดตาออกให้ เธอไม่ดิ้นขัดขืน ยินดีให้มันแกะออกให้อย่างเต็ม
ใจ

หลังผ้าถูกแกะออกไป จอยต้องทาตาหยีเนื่องจากมีแสงส่องเข้าตา
เมื่อเริ่มปรับการมองเห็น ทาให้รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงกลางของห้อง มี
หลอดไฟสีเหลืองส้มที่ห้อยอยู่เหนือหัว มันส่องลงมาเฉพาะจุดตรงที่เธอ
อยู่ และหลอดไฟแบบตั้งโต๊ะที่เปิดสาดใส่หน้าเธอ ทาราวกับเธอเป็น
ผู้ต้องหาที่กาลังถูกสอบสวน ภายในห้องนี้มีชายกายาห้าคน ซึ่งหนึ่งใน
นั้นมีหน้าตาเหมือนกับลูกน้องของสาวฝรั่งที่เห็นบ่อยๆ

เสียงหัวเราะราวกับฆาตกรโรคจิตดังมาจากตรงมุมมืดหนึ่ง ไม่นาน
ก็มีขาเรียวที่ใส่ส้นสูงสีแดงก้าวออกมา เผยให้เห็นสัดส่วนเพรียวบางไล่
ตั้งแต่เท้าจรดไปถึงใบหน้า

“ยัยปากคาบพริก แกจับฉันมาทาไมยะ !” จอยถลึงตาอย่างเอาเรื่อง

สาวฝรั่งทาใบหน้านิ่ง ลักษณะบ่งบอกได้ว่าฟังภาษาไทยไม่ออก
หล่อนหันไปทางลูกน้องคนหนึ่งแล้วออกคาสั่ง

จากเท่าที่จอยพยายามฟังเพื่อแปลความหมาย ลูกน้องคนนั้นมีชื่อ
ว่า แบรด ซึ่งนายคนนี้น่าจะฟังภาษาไทยออก จึงแปลความหมายให้นาย
หญิงฟัง แต่เขาไม่ได้แปลความหมายไปทั้งหมด เขาแปลแค่ประโยค
คาถามเท่านั้น ทาให้จอยรู้สึกดีต่อนายคนนี้ไม่น้อย
หลังจากจบการแปลภาษา ลาล่าหัวเราะบางเบาอย่างเย็นเยือก
เดินมาเข้าใกล้จอย สบตาอย่างเอาเรื่อง จากนั้นไม่นาน หล่อนเงื้อมือตบ
จนถึงกับหน้าหัน

การกระทาของฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายนัก
จอยหันขวับกลับมาพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ แต่ไม่ทันได้อ้าปาก
ด่า เธอก็ถูกตบอีกหลายรอบ

เสียงการถูกตบดังสะท้อนไม่ถึงสิบครั้งก็เงียบหายไป ตอนแรกจอย
คิดว่าสาวฝรั่งคงจะเลิกทาร้ายแล้ว แต่ผิดคาด ลาล่ากลางกรงเล็บข่วน
หน้าจนเป็นรอยแผลทางยาว

ถึงแม้ไม่สามารถป้องกันตัวได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียว
จอยคว้าโอกาสในจังหวะที่มือของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ปาก กัดเข้าจนเต็ม
ปากเต็มคา ทาเอาสาวฝรั่งกรีดร้องลั่น

อาจด้วยความโกรธและต้องการให้จอยปล่อย ลาล่าจึงกระชากผม
บนศีรษะไปมาอย่างแรง แต่ทว่าจอยก็ไม่ยอมปล่อย มิหนาซ้ายังกัดแรง
กว่าเดิม

แบรดและลูกน้องคนอื่นๆ รีบเข้ามาแยกออกจากกัน คงกลัวว่ามือ


ของนายหญิงเป็นแผลสาหัส หรือไม่ก็สงสารจอยที่ถูกกระทา

แม้ลาล่าถูกจับแยกออกไปแล้ว สาวฝรั่งยังคงไม่ยอม เธอทุบตี


ลูกน้องพร้อมเปล่งเสียงออกมาด้วยน้าเสียงคลุ้มคลั่ง ราวกับทาไปเพราะ
ต้องการระบายอารมณ์ที่ไม่ได้ดังใจ
“ฉันจะฟ้องอเล็กซ์ และฉันจะแจ้งความเอาเรื่องแก !” จอยเปล่ง
เสียงอย่างเกรี้ยวกราด

ลาล่าหยุดชะงักอาการนั้น คงเพราะได้ยินชื่อของชายที่หลงใหล
หล่อนเปลี่ยนมาจ้องหน้าจอยอย่างเย็นชาแล้วเผยรอยยิ้มอันน่า
สะพรึงกลัวต่อ จากนั้นหล่อนหันไปพูดกับลูกน้องให้แปลความหมาย

ยิ่งลาล่าได้ฟังคาพูดแต่ละคาจากปากลูกน้อง ใบหน้าของหล่อนจะ
ดูน่ากลัวมากขึ้น จนกระทั่งจบประโยค หล่อนก็หันบอกให้ลูกน้อง
ถ่ายทอดคาพูดกลับ

แบรดกลอกตาอย่างลังเล จนเมื่อเห็นแววตาเหี้ยมเกรียมของนาย
หญิง จึงกล่าวออกมา “นายหญิงของผมบอกว่าไม่กลัว ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่
คือที่ไหน เธอบอกว่าจะทรมานคุณจนกว่าจะพอใจ หรือไม่ก็ใบหน้าของ
คุณเสียโฉมจนดูไม่ได้”

จอยไม่ตอบโต้อะไรกลับไป เนื่องจากเกรงว่าอาจถูกทาร้ายก่อน
เวลาอันควร แล้วภายในใจของเธอกาลังคิดหาวิธีเอาตัวรอดไปจากที่
แห่งนี้ ถ้าเธอรอดออกไปได้เมื่อไร เธอจะไปแจ้งความเอาให้ถึงที่สุด

ลาล่าฉีกยิ้มเหมือนเยาะเย้ยกับสภาพของจอย แต่หล่อนมองด้วย
แววตาอย่างนั้นไม่นาน หล่อนหันตัวเดินไปตรงมุมมืด ไกลออกไป...
จนกระทั่งสาวชุดแดงหายไปจากสายตาที่จะรับรู้

การที่มองไม่เห็นทาให้จอยหวาดวิตก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเอาอะไรมา
ทรมานร่างกายเธอ แต่ก็รอคอยไม่นานกับคาตอบ เธอได้ยินเสียงเหมือน
การดึงผ้าออกจากบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นมีเสียงโครมครามเหมือนมี
ใครทาลายข้าวของ ดังมาพร้อมเสียงเหมือนสัตว์ประเภทหมาได้รับ
บาดเจ็บ ไม่นานนักเธอก็เห็นดวงตาสะท้อนแสงปรากฏท่ามกลางความ
มืดมิด

“น่ะ... นั่น... มัน... อะไร... ?” จอยปากสั่นด้วยความตื่นตระหนก


เพราะในตอนนี้ตรงทิศทางของดวงตาปริศนานั้นมีเสียงคารามออกมา
อย่างคุกคาม

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 27

เสียงขู่คารามของฝูงหมาที่อยู่ในกรงใกล้ๆ สร้างความหวาดผวา
ให้กับจอย เธอจึงถอยจนไปติดมุมของลูกกรงอีกฝั่ง ไม่รู้ว่าสาวฝรั่งไป
หาหมาพวกนี้มาจากไหน ที่แน่ๆ ในแววตาของพวกมันทุกตัวต้องไม่คิด
กับเธออย่างเป็นมิตร

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ลาล่าเดินไปตรงเงามืด ตอนแรก


จอยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหายไปไหนหรือว่าทาอะไร เนื่องจากตรงที่เธออยู่เป็น
กลางห้อง มีแสงไฟส่องลงมา โดยเฉพาะไฟตั้งโต๊ะที่ส่องหน้า ทาให้ไม่
สามารถมองเห็นรายละเอียดสิ่งอื่นที่อยู่ระยะไกล จนกระทั่งไฟทุกดวง
ถูกเปิด ถึงได้รู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเกิดจากการดึงผ้าคลุมกรงขังหมาออก
ส่วนเสียงโครมครามและเสียงหมาได้รับบาดเจ็บ ต้องเกิดจากการถูกทา
ร้าย จอยมั่นใจว่าสาวฝรั่งต้องใช้แท่งเหล็กยาวในมือนั้นฟาดพวกหมา
อาจทาลงไปเพราะต้องการให้มันคารามข่มขวัญออกมา แล้วดูท่าจะจริง
อย่างที่คิด จอยเห็นอีกฝ่ายยื่นแท่งเหล็กเข้าไปในกรง จากนั้นฝูงหมารุม
เข้ามากัดปลายของเหล็กอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับทาลงไปเพื่อระบาย
ความแค้นที่ถูกกระทา

นอกจากกรงมีขนาดใหญ่เพื่อบรรจุหมาได้มาก พวกตัวที่มันถูกขัง
ยังมีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน ยิ่งในตอนนี้จอยถูกจับเข้ามาอยู่ในกรงข้างๆ
พวกมัน ทาให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเป็นทวีคูณ

จอยแน่ใจว่าเรื่องที่ลาล่าบอกจะปล่อยไป หล่อนคงไม่คิดปล่อยไป
อย่างธรรมดา หล่อนอาจจะปล่อยสัตว์บางชนิดให้มาเป็นเพื่อนร่วมทาง
ด้วย
จอยไม่รู้ว่าลาล่าหายไปไหน ยิ่งผ่านไปกี่นาทีต่อกี่นาที ทาให้เกิด
ความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่แน่สาวฝรั่งคนนั้นอาจไปเกาะแข้งเกาะขาอเล็กซ์
แล้วทาเหมือนไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้นอยู่ก็เป็นไปได้

ตอนนี้รู้สึกปวดแสบที่ใบหน้าเป็นอย่างมาก ทาให้นึกถึงบิ๊กขึ้นมา
เพราะผู้เดียวที่สามารถรักษาบาดแผลและสามารถช่วยเธอไปจากที่แห่ง
นี้ได้ ก็มีแต่มันเท่านั้น

แต่ความหวังนั้นคงเป็นเพียงความคิดที่ไม่มีวันกลายเป็นจริง จอยล
องใช้ความสามารถพิเศษของลูกแก้วมังกร ส่งกระแสจิตออกไปหามัน
แต่ไร้การตอบสนอง ไม่รู้ว่ามันกาลังทาอะไรอยู่ ทาไมไม่ยอมส่งเสียง
อะไรให้ได้ยิน

จอยนั่งทาสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นาน จนกระทั่งเธอฉุกคิด รู้ว่า


เพราะอะไรถึงไม่สามารถติดต่อหาบิ๊กได้ เนื่องจากในตอนนี้มีลูกน้อง
ของลาล่าเฝ้ายามอยู่ด้วยกันสองคน ซึ่งทั้งสองคนนั้นนั่งอยู่ตรงโต๊ะข้าง
ผนัง คนแรกเล่นเกมในโทรศัพท์ ส่วนคนที่สองอ่านหนังสือการ์ตูน
หัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว แม้จอยไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ เธอก็
สามารถเดาได้ว่า หนังสือเล่มนั้นต้องเป็นหนังสือการ์ตูนตลก

นอกจากไม่สามารถติดต่อหาบิ๊กได้ ยังไม่สามารถใช้โทรศัพท์
ติดต่อหาใครได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากกระเป๋าสตางค์หายไป แต่จอยไม่
สงสัยมากนัก เพราะถ้าไม่ใช่ถูกยึด ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่เป็นไปได้มากกว่า
นี้

ในตอนนี้ทาอะไรไม่ได้เลย มีเพียงทางเดียว ต้องรอถึงเช้า ถึงจะ


ถูกปล่อยตัวไป
คนที่เล่นเกมอยู่ลุกขึ้นมา พร้อมหันไปทางเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้ว
บอกว่าจะไปเข้าห้องน้าครู่หนึ่ง แต่ก่อนมันจะเดินออกไป หันมามองจอย
ด้วยแววตาสงสาร

หลังจากคนนั้นเปิดประตูออกไปข้างนอก ในตอนนี้อาจเป็นทาง
รอดสาหรับจอย เนื่องจากนายฝรั่งที่นั่งเฝ้าอยู่ เขาสามารถพูดภาษาไทย
ได้ แม้ไม่ค่อยชัดเจนก็ตาม

“พี่คะ เอ่อ...” จอยคลานมาเกาะลูกกรง ขณะเดียวกันแบรดลด


หนังสือลง พลางเลิกคิ้วสงสัยว่าเรียกเขาทาไม “หนูปวดท้องค่ะ พี่ช่วย
พาหนูไปห้องน้าได้ไหมคะ ?” เธอพยายามทาน้าเสียงให้ฟังดูน่าสงสาร
“นะคะ หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ...”

ชายหนุ่มอเมริกันปิดหนังสือแล้ววางบนตัก “ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่
เสียใจด้วยครับ ผมไม่สามารถพาคุณออกไปจากห้องนี้ได้”

เมื่อจอยรู้ว่าอีกฝ่ายเดาเรื่องที่เธอจะทาถูก เธอจึงเลิกเสแสร้งใช้
ข้ออ้าง “หนูขอร้อง ได้โปรดช่วยหนูด้วย หนูสัญญาว่าจะไม่บอกใคร
ทั้งสิ้น เกี่ยวกับเรื่องที่พวกคุณทากับหนูแบบนี้ ได้โปรดพาหนูออกไปเถิด
ค่ะ หนูกลัว...”

“ผมเสียใจครับ ไม่เช่นนั้นผมเองก็จะเดือดร้อน ผมไม่อยากจะตก


งาน ได้โปรดเข้าใจด้วยครับ” แบรดอธิบายความจาเป็นของตน

“พี่แค่กลัวตกงาน แต่หนูถูกทาร้ายร่างกาย พี่ไม่สงสารหนูบ้างเลย


หรือคะ ?” ความจริงจอยอยากร้องไห้ใจจะขาด แต่ไม่สามารถทาได้
เพราะเธอไม่ได้มีพรสวรรค์วิเศษเหมือนดาราที่สามารถบีบน้าตาออกมา
ได้ตามสั่ง นอกจากแกล้งทาเสียงสั่นเครือเหมือนอยากร้องไห้ให้ดูน่า
สงสารเท่านั้น

แบรดเอาหนังสือไปวางบนโต๊ะพลางถอนใจ “ผมมีครอบครัวที่ต้อง
ดูแลครับ ผมเป็น เอ่อ...” ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ อาจเพราะกาลังนึก
สรรหาคาพูดภาษาไทยมาเป็นข้อเปรียบเทียบ “ผมเป็นเสาหลักของ
ครอบครัวครับ ภรรยาของผมเสียไปแล้ว ผมจึงต้องดูแลลูกชายสองคน
เพียงลาพัง ตอนนี้ลูกๆ ของผมก็ยังเล็กอยู่ และพ่อแม่ของผมก็ยังป่วยอีก
ผมจะทายังไงครับ หากผมไม่มีเงินมากพอส่งไปให้พวกเขา งานที่ผมมา
เป็นบอดี้การ์ดให้คุณลาล่า มันเป็นเพียงงานเดียวที่ทาให้มีเงินมากพอจะ
จุนเจือครอบครัวของผม ถ้าผมตกงาน ผมยังไม่รู้ว่าจะไปหางานใหม่ได้
ยังไงที่ให้เงินมากพอ ได้โปรดเข้าใจด้วยครับ”

“พี่เคยคิดไหม ถ้าคนที่พี่รักถูกกระทาแบบหนู พี่จะใช้ข้ออ้างนั้นอีก


ไหม ? หนูเองก็มีจิตใจเหมือนกันนะคะ พี่สงสารหนูเถิดนะคะ”

คาพูดของจอยทาแบรดรู้สึกกระอักกระอ่วน

“ถ้าพี่กลัวตกงาน เดี๋ยวหนูบอกให้อเล็กซ์รับพี่เข้าทางานก็ได้ค่ะ”
จอยยื่นข้อเสนอ “หนูรับรองว่าพี่จะได้เงินมากกว่าที่ลาล่าให้อีก ได้โปรด
เถิดนะคะ หนูขอร้อง พี่ปล่อยหนูไปเถิด”

แบรดครุ่นคิด ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง เพราะถ้ายื่นมือเข้าช่วย จะ


กลายเป็นขัดคาสั่งนายจ้าง

“หนูให้ความมั่นใจได้ค่ะ อเล็กซ์ต้องรับพี่เป็นลูกจ้าง หนูจะไม่บอก


เรื่องที่ถูกจับมา รวมไปถึงเรื่องที่พี่ช่วยหนู หนูสัญญาว่าจะไม่บอกให้
ใครรู้ พี่ช่วยหนูเถิดนะคะ” จอยสังเกตใบหน้าของอีกฝ่ายเหมือนรู้สึก
ลาบากใจ เธอจึงรีบเสริมต่อ เพราะในช่วงลังเลนี้อาจเป็นโอกาสเดียว
เท่านั้น

ช่วงลุ้นระทึกผ่านไปไม่นาน แบรดถอนใจ ราพึงราพันต่อว่าตัวเอง


ที่เป็นคนขี้สงสาร เขาลุกเดินมานั่งชันเข่าตรงหน้าลูกกรง “ก็ได้ครับ ผม
จะช่วยคุณ แต่ไม่ใช่เพราะผมจะลาออกไปอยู่กับคุณอเล็กซ์นะครับ ถ้า
ผมลาออกไปอยู่กับคุณอเล็กซ์ คุณลาล่าจะต้องสงสัยในตัวผม ผมไม่
อยากให้ตัวเองและทางครอบครัวเดือดร้อน ผมขออย่างเดียวเท่านั้น คุณ
อย่าแพร่งพรายเรื่องที่ผมช่วยคุณก็พอครับ”

“แน่นอนค่ะ หนูจะไม่บอกใครเด็ดขาด พี่เชื่อใจได้ค่ะ” จอยตอบ


เสียงฉาดฉาน ยังเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันนายฝรั่ง
ล้วงกระเป๋าเอากุญแจมาไขปลดล็อกแม่กุญแจให้

หลังจากประตูลูกกรงถูกเปิด แบรดล้วงกระเป๋าเอามีดพับออกมา
แล้วตัดเชือกที่มัดมือจอยออกให้เป็นอิสระ “ผมจะออกไปพูดคุยกับเพื่อน
ข้างนอกเพื่อดึงดูดความสนใจให้ แล้วผมจะได้พ้นข้อสงสัยไปด้วย” เขา
มองไปตามพื้นรอบตัว จนกระทั่งมาสะดุดตาที่รวด จึงหยิบมาเสียบที่รูแม่
กุญแจ เพื่อเป็นหลักฐานว่าจอยใช้ความพยายามของตัวเองหนีไป ไม่
เกี่ยวข้องกับตัวเขา “คุณไปที่ห้องด้านหลังสุด” จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางมุม
มืดของห้องนี้ มันมีห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง ซึ่งประตูถูกเปิดอ้าอยู่เล็กน้อย
“ภายในห้องนั้นมีหน้าต่าง คุณสามารถหนีออกไปจากห้องใหญ่นี้ได้ เมื่อ
คุณออกไปจะเจอห้องโถงของโกดังนี้ คุณพยายามแอบหน่อยนะครับ
เนื่องจากข้างนอกมีคนเดินตรวจอยู่ ถ้าออกไปจากโกดังได้สาเร็จ คุณจะ
เห็นรถสีดา คุณเอานี่ไปไขรถยนต์แล้วรีบขับออกไปเลยนะครับ”

จอยมองกุญแจรถในมือที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ จากนั้นเงยหน้าแล้วยิ้ม
แหยๆ “เอ่อ... คือว่าหนูขับรถยนต์ไม่เป็นค่ะ”
“งั้นคุณเดินไปตามทิศที่มีแสงไฟเรื่อยๆ แทนก็แล้วกันครับ คุณจะ
เจอถนนใหญ่เอง จากนั้นคุณค่อยโบกเรียกรถแท็กซี่ นี่เงินค่ารถครับ”
แบรดควักเอาเงินจากกระเป๋ามาให้เธอ “ส่วนเชือกนี่” จากนั้นเขาเปลี่ยน
มาชี้เชือกที่เพิ่งตัดให้เป็นอิสระ “ผมฝากไปทิ้งด้วย เอาไปทิ้งให้ไกล
หน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะถูกสงสัย”

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณพี่มาก หนูจะไม่ลืมการช่วยเหลือครั้งนี้ของพี่”


จอยสะอื้นด้วยความซาบซึ้งพลางยกมือไหว้

“อย่ามัวแต่พูดเลยครับ คุณรีบๆ ไปเถิด เดี๋ยวเพื่อนผมที่ไปเข้าส้วม


จะกลับมาเห็นก่อน” แบรดไม่หันมาสนใจหญิงสาว เขาลุกเดินไปตรง
ประตู

จอยรีบวิ่งเข้ามาภายในห้องที่นายฝรั่งชี้บอก แสงที่ส่องเข้ามาทาง
ประตูด้านหลัง พอทาให้มองเห็นสภาพของภายในห้องได้เลือนราง แต่
หน้าต่างที่ว่ามันอยู่สูงเกินไปจะเอื้อมมือเกาะ เธอจึงไปลากกล่องไม้ที่ใส่
สินค้าใกล้ๆ มาเพื่อใช้เหยียบ โดยพยายามลากไม่ให้เกิดเสียงมากที่สุด

เมื่อลากมาถึง เธอรีบขึ้นเหยียบอย่างลนลาน ทาให้เกิดเสียงเอี๊ยด


อ๊าดของไม้ จอยชะงักตัวแข็งด้วยความตกใจ นอกจากกลัวจะมีใครได้
ยิน ยังทาเธอวิตกกังวล เพราะกลัวว่ามันจะหักแล้วทาให้เธอตกลงไป

สองลมหายใจผ่านไป ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจึงเคลื่อนไหวต่อ


คราวนี้เธอพยายามเคลื่อนไหวด้วยความเชื่องช้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด
เสียง
อย่างไรก็ตามยังคงมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนเดิม แต่กล่องไม้ไม่มีที
ท่าว่าจะหัก อาจเป็นความโชคดีที่มันสามารถรองรับน้าหนักของเธอได้
หรือว่าเป็นเพราะตัวเธอไม่ได้อ้วน ?

ตรงจุดข้อหลังนี้เธอก็ไม่มั่นใจ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เธอก็


ไม่เอามาคิดให้รกหัวในตอนนี้

จอยยื่นหน้าออกไปนอกช่องกระจกที่แตกร้าว แอบมองดูโดยรอบ
จนแน่ใจว่าไม่มีใคร จึงกล้าปีนออกไป ใจจริงเธออยากจะเปิดบาน
หน้าต่างออก มันจะได้ออกไปง่ายๆ ไม่ต้องมาพะวงกระจกที่แตก ซึ่งมี
ความคมไม่แตกต่างจากมีด แต่เธอไม่สามารถทาได้ เพราะหน้าต่างมันมี
ตะปูตอกปิดเอาไว้ มีเพียงกระจกเท่านั้นที่แตกเป็นช่องขนาดใหญ่ พอที่
คนผอมๆ หนึ่งคนจะออกไปได้

จอยเบิกตาด้วยความตกใจเพราะได้ยินเสียงโวยวาย แม้ฟังไม่ค่อย
ชัดเจนว่าพวกฝรั่งพูดอะไรกัน แต่เธอก็เดาได้ว่าแบรดไม่สามารถถ่วง
เวลาไว้ได้อีก คนที่ไปห้องส้วมจึงกลับเข้ามา แต่ไม่ใช่กลับเข้ามาเพียง
แค่คนเดียว จอยได้ยินเสียงของผู้หญิงที่เกลียดขี้หน้า ตอนนี้กาลังวี้ด
แตกใส่ลูกน้อง คงดุด่าประมาณว่า เฝ้ายังไงให้หายไปได้ !

จอยจึงเหยียดแขนเพื่อดึงเอาตัวออกไปให้เร็วที่สุด แล้วจากนั้นก็
วิ่งออกไปโดยไม่หันมามองด้านหลัง

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 28

จอยออกมาจากห้องไม่นาน สังเกตเห็นแบตเตอรี่ที่เสียบอยู่ตรง
สวิตช์ไฟของโกดังร้างแห่งนี้ เธอเข้าใจได้ทันทีว่าทาไมโรงงานร้างแห่ง
นี้ถึงมีไฟฟ้า

เพื่อเพิ่มความยากลาบากต่อการไล่จับ จอยจึงใช้พลังอานาจวิเศษ
จากลูกแก้ว สั่งให้สายไฟเชื่อมต่อหลุดออกมา แล้วสั่งให้แบตเตอรี่ลอย
ละลิ่วออกไปไกลลับตา ตรงที่มีเหล่าลูกน้องของลาล่าที่เพิ่งไปรวมตัวกัน
เพื่อรับคาสั่ง จึงเข้าสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์

แม้ไม่มีแสงไฟสว่าง แต่ไม่ใช่ปัญหาสาหรับจอย เธอยังคงมองเห็น


ได้เลือนราง เนื่องจากดวงตาของเธอปรับสภาพเข้ากับความมืดตั้งแต่
ภายในห้องที่ปีนออกมานานแล้ว นอกจากนี้ยังมีแสงของดวงจันทร์ที่
สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ช่วยในการมองเห็นของเธอได้มากกว่าเดิม
แตกต่างจากตรงที่คนพวกนั้นอยู่ ซึ่งมีแสงสว่างมากกว่าภายนอก ทาให้
มองไม่เห็นอะไรถ้าเกิดมืดฉับพลันเช่นนี้ กว่าดวงตาของคนพวกนั้นจะ
ปรับการมองเห็นได้คงอีกนาน นี่จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้เธอหนีไปได้
เร็วมากขึ้น

แต่ความหวังที่จะรอดเริ่มดูห่างออกไป จอยเห็นแสงไฟภายในห้อง
ลอดออกมาทางหน้าต่างที่เพิ่งปีนหนีมา ย่อมแสดงว่าคนพวกนั้นมี
กระบอกไฟฉาย

ก่อนจอยจะวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ภาพของแสงไฟที่เห็นทาให้นึกได้
ว่าตัวเองมีอะไรติดตัวอยู่ จอยจึงใช้พลังอานาจวิเศษ สั่งให้ลูกแก้วที่ห้อย
คออยู่กลายเป็นเหมือนไฟฉาย ปรากฏแสงส่องนาทางข้างหน้า ถึง
อย่างไรการมีแสงส่องนาทางย่อมดีกว่าไม่มี กว่าลูกน้องของลาล่าจะ
ออกมาจากห้องนั้น เธอก็คงออกไปข้างนอกโกดังได้นานแล้ว
‘ไอ้หมาบ้า ! แกอยู่ไหน มาช่วยฉันที ฉันถูกจับตัวมา ช่วยฉันด้วย
ได้ยินไหมบิ๊ก แกได้ยินไหมไอ้หมาบ้า !’ จอยพยายามติดต่อทางโทรจิต
หาเพียงผู้เดียวที่สามารถช่วยเหลือเธอในตอนนี้ได้

แต่ยังคงเงียบไร้การตอบกลับ จึงพยายามติดต่อหามันซ้าๆ อีกครั้ง


ด้วยความหวังว่ามันจะรับรู้ แต่พยายามมากเพียงใด ยังคงไม่มีการตอบ
รับเหมือนเดิม เธอจึงเลิกติดต่อแล้วมามุ่งมั่นต่อการวิ่งหนีแทน

ในที่สุดก็สามารถออกมาจากโกดังร้างได้สาเร็จ ภายนอกเป็นป่า
รก ไม่รู้ว่าเส้นถนนมันอยู่ตรงไหน เธอจึงกวาดตามองหาอย่างกระวน
กระวาย จนกระทั่งสังเกตเห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ

แต่ไม่ทันได้ก้าวขา แสงไฟจากสร้อยคอวิเศษดับไปฉับพลัน

ไม่นานนัก ก็รู้ว่าเพราะอะไรมันถึงดับ ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าตามมา


ติดๆ จากทางด้านหลัง จอยจึงเปลี่ยนทางหนีเข้าไปภายในป่า โดยใช้
แสงไฟจากถนนเป็นจุดในการสังเกต

ในตอนนี้จอยไม่สามารถใช้อานาจวิเศษของลูกแก้วให้เกิดแสงได้
ไม่เช่นนั้นอาจถูกสังเกตเห็นอีก เธอจึงต้องใช้แสงจันทร์ในการช่วยมอง
ทางแทน

ภาพเลือนรางทาให้เธอสะดุดก้อนหินจนหกล้มหลายครั้ง สภาพ
ของเธอจึงเลอะไปด้วยดินโคลนและใบไม้ใบหญ้า
น้าที่ขังอยู่ในหลุมเล็กน้อยใหญ่ นอกจากทาให้เดินได้ยากลาบาก
ยังให้ความรู้สึกเหมือนถูกจับถ่วงด้วยหิน เพราะโคลนมากมายจะ
เกาะติดขึ้นมา มันมีผลต่อเรี่ยวแรงของเธอ ทุกย่างก้าวจะต้องใช้
พละกาลังเป็นอย่างมากในการเอาขาขึ้นมาเพื่อก้าวไปข้างหน้า

สภาพแวดล้อมที่เป็นป่า สาหรับบรรยากาศของยามค่าคืนอย่างนี้
ทาให้มีความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก จอยรู้สึกหนาวเข้าไปถึงกระดูก
ปากสั่นจนมีเสียงฟันกระทบกันไม่หยุด โคลนที่ติดตามร่างกาย เหมือน
กลายเป็นน้าแข็งประคบตัว ในตอนนี้ชาแทบไม่รู้สึกอะไร โดยเฉพาะ
เท้าที่เหมือนกลายเป็นอวัยวะเทียมไปแล้ว

เสียงลมพัดใบไม้และเสียงสัตว์มากมายที่แอบอยู่ในความมืด ทาให้
รู้สึกหวาดกลัว จนแทบอยากออกไปสู่ที่โล่งแห้งและอบอุ่นเดี๋ยวนี้ แต่ทา
ได้เพียงแค่ในความคิด เนื่องจากตอนนี้อยู่ใกล้โกดัง อาจถูกพบเห็นเอา
ง่ายๆ จึงต้องจาใจเดินอยู่ในป่าแทนอย่างไม่มีทางเลือก

จากที่จอยคาดเดา ตัวเธออาจเดินออกห่างมาจากโกดังร้างได้กว่า
สองร้อยเมตร ยังคงไม่มีเสียงใครไล่ตามมาแม้สักคน กลายเป็นเรื่องน่า
แปลกใจ

แต่คิดอย่างนั้นได้แค่แวบเดียว จอยหันขวับไปตามทิศทางเสียง
ด้วยความตกใจ เห็นแสงไฟสีเหลืองที่สาดส่องเข้ามา พร้อมเสียงพูด
ภาษาอังกฤษแว่วมาแต่ไกล แม้ไม่เห็นก็รู้ว่าเป็นใคร จึงรีบเข้าไปภายใน
ป่าลึกมากขึ้น ทาให้อยู่ห่างจากถนนไปอีก แต่เสียงของคนที่ไล่ตามมา
ยังคงมาทิศทางเดียวกับเธอ
ต่อให้เธอพยายามวิ่งหนีเร็วมากเพียงใด เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลัง
มา มันยังคงตามติดๆ และดูเหมือนจะร่นเข้ามาใกล้ทุกขณะ

จอยไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือไม่ จากเท่าที่ฟังเสียง เหมือนกับว่า


กาลังถูกรายล้อมเป็นครึ่งวงกลม เธอจึงรีบวิ่งออกห่างไปจากเสียงที่ไล่
ตามหลังมา แต่ทว่าสภาพแวดล้อมของสถานที่ทาให้เกิดความ
ยากลาบากต่อการยกขา อย่างมากการเคลื่อนไหวของเธอทาได้แค่
เหมือนกึ่งวิ่งกึ่งเดิมเท่านั้น

ไม่นานจอยก็เห็นเจ้าของเสียงฝีเท้าพวกนั้น ทาให้รู้ว่าความจริง
แล้วมันไม่ใช่คนตั้งแต่แรก แท้จริงพวกมันคือฝูงหมาตัวใหญ่ ทาเธอ
ชะงักตัวแข็ง ดวงตาเบิกโต จ้องไม่กะพริบ

ทันทีที่ฝูงหมาแยกเขี้ยวตรงเข้ามา ทาให้จอยพลันได้สติ จึงวิ่งหนี


ไปฝั่งตรงข้าม

แต่จะเป็นไปได้หรือ ? คนจะสามารถเอาชนะฝีเท้าของสัตว์ หมา


ตัวแรกงับเข้าน่อง ทาจอยหลุดปากร้องกรี๊ดออกมา

“ไอ้หมาบ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ !” จอยพยายามสะบัดขาไล่มัน


ออกไป แต่มันยังคงไม่ยอมปล่อย หนาซ้ายังขู่ไม่ให้เธอใช้มือทุบตีมันอีก

ไม่ทันหมาตัวอื่นๆ จะเข้ามาช่วยกันรุม จอยนึกได้ว่าตัวเองมีของ


วิเศษอยู่ จึงรีบใช้พลังจากลูกแก้วกระแทกหมาที่งับขาออกไป แล้วไปใช้
กับอีกหลายตัวที่กาลังเข้ามา

หมาทุกตัวที่เห็นในสายตา ดูไม่แตกต่างจากถูกรถพุ่งชนจน
กระเด็นกระดอน พวกมันร้องเสียงแหลมก่อนหนีหายไป จอยมั่นใจได้ว่า
พวกมันจะต้องตามมาอีก เธอจึงประคองร่างไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
เพราะไม่ใช่แค่ฝูงหมาที่อาจตามมา อาจรวมไปถึงบอดี้การ์ดของสาว
ฝรั่งที่จะมาจับตัวเธอกลับไป

สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออานวยต่อการเคลื่อนไหว รวมไปถึงความ
เจ็บของขา ส่งผลทาให้ความเร็วของเธอลดลงไปมาก แม้ในตอนนี้ยัง
แยกไม่ออกว่าแผลมันลึกเป็นรอยเขี้ยวแค่ไหน หรือเลือดไหลออกมา
ผสมกับโคลนมากเพียงใด แต่เธอมั่นใจว่าสภาพของขาต้องเป็นแผล
เหวอะหวะจนไม่น่ามอง

หลังจากเดินออกห่างมาประมาณอีกสามร้อยเมตร จอยตัดสินใจไป
ที่ถนนอีกครั้ง ด้วยความหวังว่าลูกน้องของลาล่ายังตามมาไม่ถึง เธอจะ
ได้มองหาคนช่วยหรือเรียกรถได้ แต่เดินไปใกล้ตรงถนนได้เพียง
เล็กน้อย ต้องชะงัก เพราะเห็นแสงของกระบอกไฟฉาย จากร่างของคน
ที่ดูน่าจะเป็นผู้ชาย ซึ่งมีกันหลายคน แต่ละคนสาดไฟฉายเข้ามาในป่า
เหมือนกับว่ามองหาอะไรบางอย่าง บางคนยื่นกระเป๋าให้หมาดม ตอนนี้
จอยถึงเข้าใจว่าเพราะเหตุใดหมาพวกนั้นวิ่งไล่เธอ เพราะความจริงพวก
มันเป็นหมาที่ถูกฝึกมาโดยเฉพาะ ถึงแม้ภาพที่เห็นค่อนข้างมองไม่ชัด
แต่จอยก็มั่นใจ กระเป๋าที่หมากาลังดมอยู่นั้น มันเป็นกระเป๋าสตางค์ของ
เธอ

จอยจึงหันหลังกลับเข้าไปภายในป่าอีกครั้ง เพื่อหลบจากสายตา
ทั้งของคนและของหมา

จอยหนีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นตึกรามบ้านช่อง จึง


ตัดสินใจออกมาจากป่า
ซอยแห่งนี้ไม่ทาให้รู้สึกอุ่นใจได้เพียงน้อยนิด เนื่องจากซอยแห่งนี้
มีแต่สิ่งปลูกสร้างไร้คนอยู่อาศัย ถนนยังขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ มีไฟทาง
ไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ส่งสัญญาณว่ามันยังมีชีวิต โดยเฉพาะหลอดที่มัน
กะพริบติดๆ ดับๆ มันช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูหลอนมากขึ้น ชี้ชัดว่า
ซอยแห่งนี้ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้ดูแลเขตเลย

จอยมองซ้ายขวาพลางกลืนน้าลาย ‘นี่ฉันเข้ามาในหนังซอมบี้หรือ
ไง ทาไมมันถึงมีแต่บ้านล้าง ?’

จอยกอดตัวเองอย่างผวาแล้วตัดสินใจเดินไปต่อ

สภาพบรรยากาศไม่ได้ร้อนอะไร แต่มือเริ่มมีเหงื่อเพราะเกิดจาก
ความหวาดระแวงสิ่งรอบตัว ทุกก้าวเท้า เธอจะมองทุกซอกมุม เนื่องจาก
เธอหวาดกลัวคนไม่ดีที่อาจมาฉุดไปทามิดีมิร้าย บรรยากาศอย่างนี้มัน
เหมาะต่อการกระทาอย่างนั้นจริงๆ มิหนาซ้าพวกคนที่ทาก็ไม่เกรงกลัว
ความผิดด้วย เนื่องจากบทลงโทษทางกฎหมายมันอ่อน

เงาสีดาไหวๆ ตรงซอกตึก ทาจอยตกใจจนขนลุกซู่ เธอพยายาม


ตั้งสติ บอกกับตัวเองว่าภาพที่เห็นมันต้องเป็นเงาของกิ่งไม้ที่ถูกลมพัด

จอยกุมสร้อยคอ พลางเรียกหาบิ๊กในใจอีกครั้ง แต่ยังคงไร้การ


ตอบกลับของมันเหมือนเดิม เธอจึงรีบเดินออกไปจากสถานที่น่ากลัวแห่ง
นี้ต่ออย่างมุ่งมั่น

จอยเดินไปตามเส้นทางไม่นาน สังเกตเห็นแสงไฟภายในตึก เมื่อ


เดินผ่านก็เห็นกลุ่มผู้ชาย พวกมันล้อมรอบอยู่ตรงกองไฟ บางคนนั่ง บาง
คนยืนสูบบุหรี่ มีขวดเหล้ามากมายหลายยี่ห้อตั้งอยู่ใกล้ตัว แต่ส่วนใหญ่
จะเป็นขวดเปล่าที่กินจนหมด วางอยู่ชิดกาแพงและมุมห้อง ยังมีกองขยะ
โดดเด่นอีกกองหนึ่ง

แสงจากกองไฟเล็กๆ นั้น แม้ไม่ทาให้มองเห็นรายละเอียดรูปร่าง


หน้าตาชัดเจน จอยแน่ใจว่าพวกมันต้องเป็นขยะสังคม ชอบมาสุมหัวกัน
ทาเรื่องไม่ดี เหมือนพวกคลั่งลัทธิที่แห่กันมาชุมนุมทาพิธีกรรมนอกรีต
จอยจึงหันขวับไปสนใจทางตรงหน้าเหมือนเดิมและรีบเดินไป ด้วยเกรง
ว่าตัวเองจะกลายเป็นเครื่องบูชายัญจากลัทธิของพวกมัน แต่ทว่า
สปอนเซอร์ลัทธินี้ไม่ใช่ ซาตาน เจ้าเก่าที่เป็นผู้สนับสนุน มันกลับเป็น
ตัณหา อันน่าขยะแขยงในหัวของพวกมัน

เสียงฝีเท้าที่ตามหลังมา บ่งบอกได้ว่าพวกขยะสังคมต้องตามมา
อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วจากกึ่งวิ่งกึ่งเดินของพวกมัน เริ่มเปลี่ยนมาเป็นวิ่ง
เหยาะๆ ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับจอยมากขึ้น เธอจึงกัดฟันฝืนความ
เจ็บ เปลี่ยนมาเป็นวิ่งเหยาะๆ เพื่อจะออกไปสู่ที่มีแสงสว่างมากกว่านี้

ยังไม่ทันที่จอยจะเปลี่ยนการเคลื่อนไหว มีผู้ชายสองคนมาดักหน้า
แล้วกลางแขนสองข้างออกเพื่อขวางทาง

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 29

จอยมองซ้ายขวา มองดูสภาพของวัยรุ่นแต่ละคน อายุไม่น่าเกิน


ยี่สิบ แต่ละคนมีเอกลักษณ์โดดเด่นคล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่
ผอมจนเห็นซี่โครง แม้สวมเสื้อแขนสั้นอยู่ก็ตาม ยิ่งสวมกางเกงยีนมี
สภาพเก่าขาด ทาให้ดูผอมมากกว่าเดิม ทุกคนเจาะหู เจาะจมูก หรือตรง
ส่วนไหนก็ตามที่อยากจะเจาะ รวมไปถึงมีการสักรูปของสิงสาราสัตว์
หรืออักขระอะไรก็ตามที่คิดว่าเป็นของขลัง ประดับอยู่บนร่างกาย แต่ละ
คนมีกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ ทาจอยรู้สึกคลื่นไส้ เพราะเธอไม่ชอบคนที่มี
กลิ่นตัวจากสิ่งพวกนี้

แม้มีเอกลักษณ์ไม่ต่างกันมากนัก แต่มีวัยรุ่นอยู่คนหนึ่ง ดูโดดเด่น


กว่าใครเพื่อน เนื่องจากมันหัวเกรียนอยู่เพียงคนเดียว ใบหน้าของมันดู
เป็นคนกวนประสาท แก้มตอบ ปากคาบบุหรี่อยู่ม้วนหนึ่ง คนนี้ไม่สวมเสื้อ
กลับเอาเสื้อไปพาดที่บ่าข้างหนึ่งแทน ทาให้เห็นรอยสักที่หน้าอกของมัน
ชัดเจน

แค่จอยเห็นแวบเดียวรู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นหัวโจกของกลุ่มวัยรุ่น
นี้

ไอ้หัวเกรียนเอียงคอเล็กน้อย คีบบุหรี่ออกมา แล้วพ่นควันออกรู


จมูกทั้งสองข้าง มันเผยรอยยิ้มราวกับเยาะเย้ย พร้อมเอามือล้วงกระเป๋า
กางเกงข้างหนึ่ง “ว่าไงจ๊ะ น้องหนีอะไรมา สภาพถึงดูโทรมขนาดนี้ ?”

“มีเรื่องอะไรก็บอกพวกพี่ได้นะจ๊ะ พวกพี่ยินดีช่วยเต็มที่” ชายอีก


คนจุดไฟแช็กเพื่อสูบบุหรี่ ขณะเดียวกันเพื่อนคนอื่นๆ ของมันตีวง
ล้อมรอบเข้ามา
“ไม่มีอะไรให้ช่วยค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีฉันรีบ” จอยพูด
ปฏิเสธด้วยความนอบน้อมก่อนเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“เดี๋ยวก่อนน้องสาว” ไอ้หัวเกรียนกระโดดมาดักข้างหน้า ดวงตา


ของมันมองเรือนร่างจอยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างหื่นกาม โดยเฉพาะ
ตรงหน้าอก ยิ่งในตอนนี้มีโคลนที่ยังไม่แห้งติดอยู่ ทาให้เห็นรูปร่างได้
ชัดเจน ไอ้หื่นดวงตาถึงกับเบิกโพลง “ถ้ามีใครทาอะไรน้อง น้องไม่ต้อง
กลัวนะจ๊ะ พูดมาได้เลย ไม่ต้องกลัวทั้งสิ้น พวกพี่ยินดีช่วยอยู่แล้ว”

“ไม่มีใครทาอะไรฉันจริงๆ ค่ะ ฉันแค่หกล้มเท่านั้นค่ะ” จอยกลอก


ตาซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ “ช่วยเปิดทางให้ฉันด้วยนะคะ ตอนนี้ฉัน
หนาวมาก ฉันจะรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ”

“ให้พวกพี่ไปส่งใหม่จ๊ะ จะได้ปลอดภัยสาหรับน้องสาวไงจ๊ะ” ชาย


อีกคนปล่อยบุหรี่ในมือ แล้วใช้เท้าขยี้อย่างแม่นยาโดยไม่ต้องมอง

“ขอบคุณมากนะคะ แต่ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันกลับไปด้วยตัวเองได้”


จอยเดินไปตรงช่องว่างจุดหนึ่ง แต่ทว่าพวกวัยรุ่นตรงหน้ายังคงไม่ยอม
หลีกทางให้ มิหนาซ้ายังเดินมาชิดกันเพื่อปิดทางอีก

“ให้พวกพี่ไปส่งดีกว่า เชื่อพี่เถิดนะจ๊ะ” ไอ้หัวเกรียนปล่อยบุหรี่ใน


มือทิ้งไปอีกคน จากนั้นเดินมาใกล้จอยด้วยท่าทางกวนๆ โดยการเอียง
คอเล็กน้อย มือล้วงเข้าไปในกางเกงครบทั้งสองข้าง และทาขาโก่งขณะ
เดิน

“กรุณาหลีกทางให้ฉันด้วยค่ะ ฉันจะกลับบ้าน” น้าเสียงของจอย


เริ่มฟังดูแข็งกระด้าง บอกให้วัยรุ่นพวกนี้รู้ว่าเธอเริ่มจะโกรธ เพราะไม่
ชอบการกระทาของพวกมัน
แต่ก็ไม่มีใครเปิดทางให้ พวกมันทุกคนหัวเราะราวกับชื่นชอบ
น้าเสียงของเธอที่เปลี่ยนไปอย่างนี้

“พี่ชอบจังเลย ตอนน้องทาใบหน้าอย่างนี้ พี่ช้อบชอบจริงๆ” ไอ้หัว


เกรียนทาเสียงสูงต่าเหมือนล้อเลียน

ใบหน้าของจอยในตอนนี้ดูถมึงทึง เธออยากจะด่าออกมาใจจะ
ขาด แต่เกรงว่าการกระทางี่เง่าของตัวเองอาจทาให้พวกมันโกรธ แล้ว
ลงไม้ลงมือทาร้าย

มีแขนมาจากทางด้านหลัง ล็อกคอของจอย แต่มันไม่ได้มาเพียง


แค่ข้างเดียว อีกข้างมันมาพร้อมกับผ้าเหม็นสาบ ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว มา
อุดปากของเธอ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มันรวดเร็วมากจนตอบสนองไหวตัวไม่ทัน
มารู้ตัวอีกครั้งก็ถูกผ้าอุดปากแล้ว จอยไม่คาดฝันว่าจะเจอเหตุการณ์ซ้า
รอย เหมือนตอนที่โรงแรมหรู เธอคาดเพียงแค่ว่าพวกมันจะบุกเข้ามา
พร้อมกัน หลังจากนั้นเธอจะร้องกรี๊ดให้ดังที่สุด อย่างน้อยเรียกให้
ลูกน้องสาวฝรั่งมาจับตัวกลับไปเหมือนเดิมย่อมดีกว่าถูกข่มขืน แล้วถ้า
โชคร้ายไปกว่านั้น เธออาจถูกฆ่าปิดปากตายอยู่ที่นี่

“ไม่ต้องสู้ยิบตาหรอกจ้ะ พวกพี่ดูมาจนเบื่อแล้ว เรื่อง ยิปมันจ้าว


กังฟูสย
ู้ บ
ิ ตา เนี่ย” ไอ้หัวเกรียนหัวเราะกับมุกตลกของตัวเอง “เดี๋ยวพวก
พี่พาไปนอนกลิ้งนอนเกลือก โอ๊ะไม่ใช่สิ มันต้องสวิงกิ้งต่างหาก” มันเล่น
มุกเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นมันเข้ามาช่วยเพื่อนคนอื่น โดยการจับขา
จอยแล้วยกตัวเธอไปจากถนน
ต่อให้จอยพยายามดิ้นขัดขืนมากเพียงใด ยังคงเป็นความพยายาม
ไร้ประโยค ไม่นานเธอก็ถูกอุ้มเข้าไปภายในตึกร้าง

“เอาเข้าไปภายในห้อง เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” ไอ้ตัวหัวโจกทาปาก


ยื่นไปทางห้องที่มีประตูชารุด

หลังจากวางตัวจอยลงมุมห้อง ยังไม่ทันวัยรุ่นทั้งห้าคนจะทาอะไร
พวกมันต้องตกใจเมื่อมีเสียงรถแล่นเข้ามาในซอย

“ไอ้เหี้ยตัวไหนแม่งเข้ามาวะ สาดเอ๊ย” ไอ้หัวเกรียนสบถตาม


ประสาวัยรุ่น

ตอนแรกพวกมันทั้งห้าคนจะยกตัวจอยออกไปที่อื่น แต่เนื่องจาก
ภายในห้องแห่งนี้มันเป็นห้องตัน แล้วประตูทางออกยังหันไปทางหน้า
ถนนในซอย ถ้าออกไปต้องหนีไม่พ้นจากสายตาของผู้พบเห็น สุดท้าย
พวกมันจึงทาตัวแน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้อง โดยเฉพาะ
ในตอนนี้รถมาจอดตรงหน้าตึก พวกมันยิ่งล็อกตัวจอยแน่นกว่าเดิม กลัว
ว่าเธออาจเคลื่อนไหวทาให้เกิดเสียง

“คุณจอยครับ คุณจอยอยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ !”

เสียงนั้นทาจอยรู้สึกดีใจแกมพิศวง เพราะเธอจดจาได้อย่างดีว่า
เสียงนั้นเป็นของใคร เธอจึงใช้แรงทั้งหมดสะบัดหน้าออกจากการจับ
แล้วถุยผ้าอุดปากออกไป “คุณอเล็กซ์ ช่วยฉัน-”

เธอเปล่งเสียงได้แค่นั้น เพราะถูกมือหยาบกระด้างนับสิบคู่ระดมมา
ปิดปากอย่างรวดเร็ว
“อยากตายหรือไง” ชายคนหนึ่งถลึงตา กระซิบเสียงแหบพร่าอย่าง
เย็นเยือก มือของมันข้างหนึ่งเปลี่ยนมาบีบลาคอของจอย ทาเธอถึงกับ
ตาเหลือกพร้อมลิ้นจุกปาก

“เบาๆ สิวะ เดี๋ยวนางนี่ก็ตายกันพอดี กูไม่ชอบของที่มันไม่


ตอบสนองนะโว้ย” ไอ้หัวเกรียนรีบจับมือเพื่อน พร้อมพูดเสียงเบา

เสียงเครื่องยนต์รถยังคงบ่งบอกว่าจอดอยู่ตรงหน้าตึก พร้อมเสียง
ตะโกนของคนในรถที่เต็มไปด้วยความหวัง แต่การตะโกนเริ่มเว้นช่อง
ห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะ ราวกับว่าเขาเริ่มท้อแท้จนไม่อยากตะโกน
เรียกอีก

จอยน้าตาไหลไม่หยุด อเล็กซ์อยู่แค่เอื้อม แต่ไม่สามารถเรียกเขา


ได้

ที่สุดรถของชายหนุ่มลูกครึ่งก็ขับออกไป ในตอนนี้ไม่มีใคร
สามารถช่วยเธอได้ทั้งสิ้น

“เอาเชือกตรงนั้นมามัดมือนางนี่ แล้วเอาผ้ามาให้กูด้วย กูจะปิด


ปากมัน เดี๋ยวแม่งร้องอีก เราจะซวยกันทั้งหมด” ชายที่เคยบีบคอของ
จอย มันบอกกับเพื่อน “เดี๋ยวเสร็จแล้วเอานางนี่ย้ายไปที่อื่นด้วย เดี๋ยวไอ้
นั่นย้อนกลับมา”

ขณะจอยถูกย้ายไปอยู่ด้านหลังตึกอีกแห่ง เธอยังคงไม่ยอมหยุดส่ง
เสียงอู้อี้และดิ้นขัดขืน เพราะยังมีความหวังอยู่ว่าจะมีใครสักคนผ่านมา
ได้ยิน
เมื่อมาถึงจุดที่พวกขยะสังคมจะใช้เป็นสถานที่ย่ายี จอยรู้สึก
ความหวังที่มีเหมือนหายไปทั้งหมดแล้วในตอนนี้

ไอ้หัวโจกเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย มือสองข้างปลดเข็มขัด
ออกเพื่อจะใช้อาวุธประจากาย ขณะเดียวกันเพื่อนของมันมาช่วยกัน
ถอดเสื้อผ้าของจอยออก แต่คงดูเป็นเรื่องยุ่งยากต่อพวกมัน จึงช่วยกัน
ฉีกกระชากออกมาแทน

“ดิ้นอยู่ได้ มึงอยู่นิ่งๆ ไม่เป็นหรือไง !” ชายคนหนึ่งตบหน้าจอยจน


เสียงดังสนั่น

จอยสะอื้นไม่หยุด ในตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนก้าวสู่นรกบนดินไปแล้ว
ครึ่งหนึ่ง ‘บิ๊ก... อเล็กซ์... ใครก็ได้ ช่วยฉันที ได้โปรด !’

“อยู่นิ่งๆ สิจ๊ะ จะได้ไม่เจ็บตัว เดี๋ยวพวกพี่พาไปทัวร์สวรรค์บน


โอลิมปัส รับรองน้องได้เจอซูสตัวเป็นๆ แน่นอนจ้ะ” ทันทีที่ชายอีกคนฉีก
เสื้อที่ปกปิดตรงหน้าอกของจอยออก มันเบิกตาโต คงไม่คาดคิดว่าจะ
ใหญ่ถึงใจขนาดนี้

“โอ้โห ! นางนี่มันต้องเป็นเจ้าแม่ซอสภูเขาทองแน่เลย” ไอ้หัว


เกรียนตื่นตาตื่นใจกับสองภูเขาที่ถูกเปิดเผยต่อสายตาไปอีกคน

“พี่จะพาขึ้นเขาโอลิมปัสภายหลังนะจ๊ะ ตอนนี้พี่ขอขึ้นสวรรค์บน
ภูเขาของน้องก่อน” คนที่ฉีกเสื้อหน้าอกออกตอนแรก มันกลางนิ้วแล้ว
ขยาหน้าอกของจอยอย่างเมามัน

“เฮ้ย ! พวกมึงมัวทาอะไรอยู่ จับนางนี่แยกขาออกสิวะ กูจะได้ขึ้น


สวรรค์เสียที” ไอ้หัวโจกตบกบาลเพื่อนอีกสองคนที่ยังอยู่ในอาการตา
ค้างด้วยความตะลึงกับหน้าอกของจอย
“โอ๊ย ! กูรู้แล้ว ไอ้ห่า กูเจ็บนะโว้ย” หนึ่งในสองคนทาใบหน้า
ถมึงทึงด้วยความโกรธ

“รู้แล้วมึงก็รีบจับแยกขานางนี่ออกสิวะ มังกรของกูอ้าปากรอพ่นไฟ
จนเหงือกแห้งแล้วเนี่ย” ไอ้หัวเกรียนด่าก่อนหันมามองตรงจุดซ่อนเร้น
ของจอยอย่างหื่นกระหาย

จอยยังคงดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอมให้พวกมันจับขาแยกออก แต่ก็


เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเอาชนะเรี่ยวแรงของผู้ชาย โดยเฉพาะมีมากกว่า
หนึ่งคนอย่างนี้

ยิ่งจอยเห็นท่อนเนื้อหัวดอกเห็ดที่กาลังใกล้เข้ามาเพื่อเป็นหนึ่ง
เดียวกับร่างกายของเธอ เธอพยายามดิ้นขัดขืนไม่หยุด โดยเฉพาะหนัง
หุ้มมันมีตุ่มเหมือนโรคอีสุกอีใส เพิ่มทวีความน่าขยะแขยงในสายตาของ
เธอให้มากขึ้น

“เห็นไข่มุกมังกรของพี่ถึงกับตื่นเต้นเลยเหรอจ๊ะ” ไอ้หัวเกรียน
หัวเราะ “อย่างนี้แหละที่กูชอบ ดิ้นเยอะๆ” มันจับท่อนเนื้อของตัวเอง เล็ง
ส่วนปลายมาที่ตาแหน่งที่จะบุกเข้าไปภายในร่างของจอย ส่วนมืออีก
ข้างแหวกเส้นขนรกรุงรังของเธอออก คงทาเพื่อไม่ต้องการให้ติดเข้าไป
ด้วย

แต่ไม่ทันจะได้กระทาตามที่มุ่งหมาย มีเสียงคารามของสุนัขดังขึ้น
ทามนุษย์ทั้งหกคนสะดุ้ง พร้อมหันขวับไปตามทิศทางเสียง ซึ่งมาจากทิศ
ทางตรงป่ามืดมิด

ในความมืดนั้น มีดวงตาสะท้อนแสงจันทร์เป็นสีเขียวอ่อน มอง


กลับมาอย่างอามหิต
つづく

IP Man ยิปมัน เจ้ากังฟูสู้ยิบตา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติที่เอามา


สร้างเป็นหนัง ยิปมัน เป็นอาจารย์มวย หย่งชุน ยิปมัน เกิดเมื่อวันที่ 1
ตุลาคม ค.ศ. 1893 ที่เมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง และที่เราอานไม่เคยรู้
ยิปมันเคยเป็นตารวจมาก่อนช่วงหนึ่ง แต่ไม่เคยเล่าในฉบับภาพยนตร์
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 30

จอยรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ในตอนนี้ความหวังที่จะรอดของเธอเพิ่ม
ขึ้นมา เพราะเธอมั่นใจว่าดวงตานั้นต้องเป็นของเพียงสิ่งเดียวที่เห็นมา
ตลอดเกือบหกเดือน

“ไอ้ด่างตัวไหนมาขู่วะ ?” หัวโจกตวาด “ไอ้ตัวไหนมาขู่ผิดที่ มึง


ออกมาเลย เดี๋ยวกูส่งขายจีนแม่งให้หมด !”

“มึงอย่าไปถะ... ท้า... มัน” ใบหน้าของชายอีกคนเริ่มซีด พร้อม


ปากสั่ง เนื่องจากเห็นดวงตาปรากฏมากกว่าหนึ่งคู่ ขณะเดียวกันจอยตก
ใจไม่แตกต่างกัน เพราะนั่นหมายความว่าต้องไม่ใช่ผู้ที่เธอคาดหวัง
อยากให้มาช่วย

เจ้าของเสียงขู่คารามเดินออกมาจากเงามืดของป่า ไม่นานทุกคนก็
เห็นสิ่งมีชีวิตพวกนั้น มันคือฝูงหมาที่ตามแกะรอยจอยมา

“เหี้ยเอ๊ย ใครแม่งปล่อยหมามาวะ !” คนหัวเกรียนแหกปาก ทั้งตัว


มันและชายโฉดชั่วอีกสี่คน ต่างตาลีตาเหลือกหนีออกไปจากห้อง ไม่เว้น
แม้แต่จอยเช่นเดียวกัน แต่เธอไม่หนีไปทางเดียวกับกลุ่มวัยรุ่น เพราะ
เธอกลัวว่าจะถูกทามิดีมิร้ายอีก

เหมือนจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์สาหรับจอย ความหวาดกลัวสามารถ
กลบความเจ็บปวดที่ขาไปจนแทบไม่รู้สึก แต่ความจริงอาจเป็นเพราะเธอ
กลัวหมารุมกัดมากจนสมองไม่อาจตอบรับความเจ็บที่ขาและตามเนื้อตัว
ได้ นอกจากวิ่งหนีอย่างเดียวที่ภายในหัวของเธอคิดอยู่ในขณะนี้
จอยวิ่งหนีมาระยะหนึ่ง เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ใน
สายตา นอกจากฝูงหมาที่ไล่ตามหลังมาติดๆ และร่นเข้ามาใกล้ทุกขณะ

จึงหยุดชะงักแล้วหันกลับหลัง จอยถลึงตาอย่างเหี้ยมเกรียม ‘เข้า


มาเลยไอ้หน้าเอ๋ง !’

ตรงช่องว่างระหว่างตึก มีเสียงแหลมของหมาร้องดังลั่น ก่อนมี


เจ้าของเสียงวิ่งออกมาหนีไปละทิศละทาง บางตัวกลิ้งออกมาราวกับถูก
เตะก็มี แต่ไม่มีใครได้เห็นเรื่องน่าพิศวงนี้

หลังจากมั่นใจว่าสัตว์พวกนั้นหายไปหมด จอยปล่อยร่างพิงผนัง
ตึก หายใจถี่รัวอย่างเหนื่อยหอบ แต่เธอยืนทรงตัวได้ไม่นาน เธอก็ขา
อ่อนทรุดไปอย่างหมดสภาพ เหตุการณ์มากมายเพิ่งผ่านมานี้ เมื่อรวมกับ
ถูกดึงเอากาลังกายออกไป ทาให้เธอหมดเรี่ยวแรง เธอรู้สึกได้ทันทีว่า
กล้ามเนื้อของตัวเองไม่แตกต่างจากล้อรถถูกเจาะลมออก

จอยนั่งพักจนเริ่มมีเรี่ยวแรงมากพอ จึงแกะผ้าปิดปากและแกะผ้า
พันมือ พร้อมมองสารวจรอบตัวให้ละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่าตอนนี้ตัวเอง
หนีมาไกลแค่ไหน

เหมือนเทวดาจะมาโปรด สังเกตเห็นแสงไฟของรถเข้ามาในซอย
ด้วยความดีใจ จอยเกือบพรวดพราดออกไปตะโกน ถ้าไม่ฉุกคิดได้ก่อน
ว่านั่นอาจไม่ใช่คนที่มาช่วย เธอจึงแอบมองดูอีกสักพัก เพื่อยืนยันให้
มั่นใจก่อน
ไม่นานนักก็เห็นลักษณะของรถคันนั้น ความจริงมันคือรถของ
ตารวจ ไม่ใช่รถของลูกน้องลาล่า

ด้วยความดีใจทาให้จอยพรวดพราดออกไปจนหกล้ม แต่เธอก็ไม่
สนความเจ็บ เธอพยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดลุกขึ้น

แต่ไม่ทันได้ก้าวขาไปไหน ต้องชะงักเพราะเห็นสัตว์หน้าขนพรวด
ออกมาจากดงหญ้าฝั่งถนนตรงข้าม

จอยจึงหันหลังกลับแล้วออกวิ่ง ขณะเดียวกันแสงไฟรถตารวจสาด
มาทางเสียงหวีดร้องของเธอ พร้อมเสียงโทรโข่งของตารวจ เธอจึงร้อง
ขอความช่วยเหลือไปพร้อมกับวิ่งหนีฝูงหมาด้วย

เนื่องจากฝูงหมาเข้ามาใกล้เร็วมาก จึงต้องตะโกนเป็นประโยคสั้นๆ
เพื่อให้กระชับใจความมากที่สุด

ความจริงก็อยากใช้พลังจากลูกแก้วไล่พวกหมาไป แต่ถ้าใช้มันอีก
มั่นใจว่าตัวเองต้องถึงกับหมดหมดสติ จอยไม่อยากเอาเรี่ยวแรงที่
เหลืออยู่ทั้งหมดในตอนนี้ไปเสี่ยงใช้โดยไม่จาเป็น เพราะถ้าใช้ครั้งหนึ่ง
ต้องระบุเจาะจงเป็นรายตัว จึงทาให้เธอเหนื่อยมากถ้าต้องไปใช้กับหมา
จนครบ เธอเลือกเอาเรี่ยวแรงมาทุ่มเทให้กับขาเพื่อวิ่งไปยังประตูบาน
หนึ่งที่แง้มอยู่แทน ถ้าเธอสามารถหนีเข้าไปหลบได้ ย่อมปลอดภัยกว่า
อยู่ภายนอกหลายเท่า ที่เหลือก็แค่แง้มบานประตูแล้วตะโกนขอความ
ช่วยเหลือออกไป

อีกไม่กี่ก้าวขาก็จะถึงประตู จอยได้ยินเสียงฝีเท้าของหมาตัวหนึ่ง
เข้ามาใกล้น่องขามาก มันอยู่ใกล้มากจนไม่ต่างจากมาหายใจรดต้นคอ
ถ้ามันงับขาของเธอได้ เธอคงต้องหกล้ม หลังจากนั้นต้องถูกพวกมันที่
เหลือช่วยกันรุมกัด

ด้วยไม่มีทางเลือก จึงต้องหันไปใช้อานาจของวิเศษที่มี กระแทก


หมาตัวที่หมายตาขาของเธอ จนมันกระเด็นไปชนตัวอื่นๆ ที่ตามกันมา
ทางด้านหลัง แตกกระจายและล้มระเนระนาด ดูไม่แตกต่างจากถูก
โบว์ลิ่งกลิ้งเข้าหา

แม้ทาให้พวกมันเกิดความเจ็บได้ แต่อาการบาดเจ็บไม่ได้มี
มากมาย ดังนั้นพวกมันจึงไม่ยอมวิ่งหนีไปไหน ตรงข้ามกับจอย เธอขา
แทบทรุด แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องเลวร้ายกับตัวเอง เธอใช้
เรี่ยวแรงที่แทบไม่มีเหลือเอื้อมไปจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออก จากนั้น
เหวี่ยงตัวเองเข้าไปภายใน หลังจากนั้นปล่อยร่างพิงไปกับบานประตู
เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝูงหมาวิ่งมากระแทก

จอยพยายามเหยียดขาให้มากที่สุด เพื่อให้ร่างกายตัวเองยันบาน
ประตู ไม่ให้พวกมันกระแทกเข้ามาได้สาเร็จ แต่ขาที่สั่นเริ่มจะทาให้ต้าน
ไม่ไหว เธอเกิดความหวาดผวา อยากให้ใครก็ได้มาปกป้องเธอและพา
หนีไปจากที่นี่ แต่ในตอนนี้เรี่ยวแรงหายไปเกือบหมด จวนจะทาให้เธอ
หมดสติ เธอรู้ตัวดีว่าในไม่ช้านี้อาจทรุดไปกองกับพื้น

มีเสียงรถยนต์เข้ามาจอดใกล้ๆ ตัวตึก เสียงนี้เป็นของรถยนต์เพียง


ชายคนเดียวที่คอยมารับส่งตลอด จอยจดจาได้แม่นยา ทาให้เกิดความ
ประหลาดใจและผสมตื่นเต้นอีกครั้ง

อาจเรียกได้ว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จอยรู้สึกว่าสติที่เกือบหลุดลอย
ออกไป ในตอนนี้กลับคืนมาอีกครั้ง เหมือนกับว่ามันต้องการให้เธอรอ
คอยคนที่เฝ้ารอมาถึงก่อน
“คุณจอยอยู่ในนั้นหรือเปล่าครับ !”

เพียงแค่ได้ยินเสียง หัวใจของจอยก็เต้นรัวด้วยความดีใจไม่หยุด

“คุณอเล็กซ์ช่วยฉันด้วย ฉันอยู่ในนี้ ช่วยฉันด้วย ฉันไม่สามารถ


ออกไปได้ มีหมาจะกัดฉันอยู่ข้างนอก !” ขณะร่างทรุดไปอย่างหมด
เรี่ยวแรง จอยต้องใช้ความพยายามในการเปล่งเสียงด้วยความ
ยากลาบาก “คุณอเล็กซ์ระวังนะคะ...” ได้ยินเสียงของหมาขู่บางสิ่ง ยิ่ง
ทาให้เธอหวาดวิตกมากขึ้น กลัวว่าอเล็กซ์ได้รับอันตรายจากสัตว์ที่อยู่
ตรงหน้าประตู

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าและเสียงคารามของฝูงหมา มุ่งไปยังทิศ


เดียวกัน ทาให้จอยยิ่งกังวลทวีคูณ เพราะหลังจากนั้นมีทั้งเสียงเสื้อผ้า
ฉีกขาดและเสียงหมากัดกัน ตอนนี้ภายในหัวของเธอจินตนาการเป็น
ฉากๆ อเล็กซ์ถูกหมารุมอย่างโหดร้าย แต่เธอก็ไม่อาจออกไปช่วยได้เลย
แค่เรื่องขยับร่างกายก็กลายเป็นเรื่องยากเย็นสุดๆ สาหรับเธอแล้ว

ความกังวลใจมีไม่นาน จอยได้ยินเสียงร้องแหลมของหมาพร้อม
เสียงวิ่งหนีไปละทิศละทาง ทาให้เธอเกิดความพิศวงงงงวย เหตุใดพวก
มันถึงหนีไปอย่างนั้น เหมือนกับว่าพวกมันหวาดกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่งเอา
มาก

มีเสียงการเดินเหมือนเท้าของคนเข้ามาใกล้หน้าประตู แต่ทว่าไม่
ทาให้จอยรู้สึกดีใจแม้แต่น้อย มันกลับทาให้เธอเกิดความสงสัยมาก
กว่าเดิมแทน เนื่องจากมันมาพร้อมเสียงคารามต่าๆ คล้ายสุนัข ในเมื่อได้
ยินเสียงพวกหมาหนีไปละทิศละทางตั้งแต่เมื่อกี๊ เหตุใดยังมีเสียงของ
หมาอยู่อีก และเรื่องที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น ตั้งแต่มีเสียงหมากัดกัน ไม่มี
เสียงของอเล็กซ์ให้ได้ยินแม้แต่น้อย
つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 31

“ไป๊ ! ชิ่วๆ !”

จอยได้ยินเสียงของอเล็กซ์ไล่ ขณะเดียวกันเสียงคารามของหมา
ยังคงคารามอยู่ แต่มันขู่ไม่นาน ทันทีที่มีเสียงเหมือนสิ่งของฟาดลงมาใส่
ร่างกายดังตุบ หมาตัวนั้นก็ร้องเสียงแหลม พร้อมเสียงฝีเท้าเหมือนมันวิ่ง
หนีไป จนกระทั่งก็ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของมันอีก แสดงว่าเมื่อ
ครู่นี้อาจมีหมาตัวหนึ่งไม่ยอมวิ่งไปไหน

“คุณจอยอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่าครับ ?”

“อยู่ค่ะ เดี๋ยวฉันเปิดประตูให้นะคะ” จอยรีบเขยิบออกมาจากบาน


ประตู แม้ตอนนี้แทบไม่มีเรี่ยวแรง แต่ความดีใจเหมือนกลายเป็นอานาจ
วิเศษ สามารถสั่งร่างกายของเธอเคลื่อนไหวได้ดังใจนึก

ทันทีที่ประตูถูกเปิด ใบหน้าของอเล็กซ์ปรากฏความตกใจ คงเป็น


เพราะเห็นสภาพของเธอดูย่าแย่มาก

“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” ทันทีที่ชายหนุ่มตั้งสติได้ จึงทิ้งไม้ในมือ


รีบเข้ามาประคองให้นั่งพิงผนัง จากนั้นถอดเสื้อของตัวเองออกมา แล้ว
เอาให้เธอสวมปิดบังร่างกาย

“ฉันไม่เป็นอะ... อะไรค่ะ...” จอยพยายามหายใจช้าๆ เพื่อให้พูด


ออกมาชัดเจนมากที่สุด

“เราไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ” อเล็กซ์อุ้มเธอขึ้นมาโดยไม่มีทีท่า
รังเกียจ แม้ตัวเธอจะเลอะเทอะสกปรกมากเพียงใด จอยเองในตอนนี้ก็
ไม่มีความอายอะไรหลงเหลืออยู่ เธอซบหน้าอกของชายหนุ่ม ปล่อยให้
ความอ่อนล้าเข้าครอบงา แล้วไม่นานเธอก็หมดสติไปในที่สุด

“พวกมันไปหมดหรือยังคะ ?” กิ่งยื่นหน้าออกมาจากนอกหน้าต่าง
ของรถ หันซ้ายหันขวาอย่างระแวง คงเพราะหาสัตว์อันตราย

“ผมคิดว่าพวกมันหนีไปหมดแล้วครับ”

เมื่ออเล็กซ์เดินออกมาสู่ที่แสงสว่างมากพอ กิ่งหันมามองเขาตรงๆ
แล้วทันใดนั้นใบหน้าของเธอแสดงความตกใจ

“จอยเป็นอะไรคะ ทาไมเธอถึงมีสภาพอย่างนั้น !” อาจด้วยความ


เป็นห่วงเพื่อนอย่างมาก กิ่งจึงเปิดประตูรถแล้วรีบออกมา โดยลืมไปว่า
ตัวเองกลัวหมา

“ผมคิดว่าเธอคงเหนื่อยมากเกินไป จึงเป็นอย่างที่เห็นครับ” อเล็กซ์


อุ้มจอยเข้าไปนอนด้านหลังเบาะรถก่อนปิดประตู ยังไม่ทันหันตัวเพื่อจะ
เดินไปนั่งตรงที่คนขับ เห็นรถตารวจหลายคันที่เพิ่งมาจอด “ส่วนที่เหลือ
ผมคิดว่าต้องถามเธอคนนั้นเองครับ”

ลาล่าหันมาสังเกตเห็น เธอก็วิ่งมาหาพร้อมตะโกนเรียกด้วยความดี
ใจ โดยมีตารวจไล่ตามมาติดๆ เพราะคิดว่าเธอจะวิ่งหนีการจับกุม

“ไม่ ! คุณอย่าเข้ามา” อเล็กซ์เปลี่ยนมาพูดภาษาอังกฤษ ยื่นมือ


ออกไปห้ามไม่ให้สาวฝรั่งเข้ามากอด
“นี่แกทาอะไรเพื่อนฉันยะ ยัยฝรั่งบ้าผู้ชาย !” กิ่งกระชากผมลาล่า
อย่างแรง จนอีกฝ่ายถึงกับร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บ “แกทาร้ายเพื่อนฉันใช่
ไหม ใช่ไหม !”

อเล็กซ์เบิกตาต่อการกระทาของกิ่ง แต่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เขายืน
นิ่งเพราะความตกใจ “หยุดครับคุณกิ่ง !” เขารีบรวบตัวสาวไทยแยก
ออกมา ขณะเดียวกันตารวจมาช่วยกันรวบตัวสาวฝรั่งถอยออกห่าง

“คุณอเล็กซ์ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะตบมันเอาให้ปากเจ่อ !” กิ่งแยก


เขี้ยว

“ใจเย็นครับคุณกิ่ง เรายังไม่รู้ว่าเธอทาอะไรจอยจริงหรือไม่” หนุ่ม


ลูกครึ่งอเมริกันแทบอยากจะกุมขมับ ไม่คาดฝันว่าสาวไทยคนนี้จะคิด
เป็นเรื่องเป็นราวไปได้มากขนาดนี้

กิ่งหันขวับมาด้วยใบหน้าที่เหมือนยังไม่หายโมโห “คุณคิดได้ยังไง
ว่านางฝรั่งนี่จะไม่ได้ทาอะไรเพื่อนฉัน คุณดูสิคะ” เธอชี้จอยที่ยังคงนอน
ไม่รับรู้เรื่องราวอยู่ภายในรถ “คุณเห็นสภาพของเธอไหมคะ ตอนอยู่ใน
รถ คุณก็ได้ยินที่ตารวจโทรมาบอกว่าจอยถูกจับตัวไปชัดเจน ถ้านาง
ฝรั่งนี่ไม่ได้ทาร้ายเพื่อนฉัน แล้วนางหมาตัวไหนมันจะทาร้ายเธอ !”

อเล็กซ์ไม่เคยเห็นกิ่งแสดงท่าทางอย่างนี้กับเขามาก่อน ปกติเธอจะ
แสดงท่าทางนอบน้อม พูดจาไพเราะน่าฟัง แสดงว่าเธอต้องโกรธเอา
มากๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ขาดสติ จนแสดงกิริยาก้าวร้าวออกมา

ชายหนุ่มจึงเอาน้าเย็นเข้าลูบ พูดด้วยน้าเสียงอ้อนวอนและ
เชื่องช้า เพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นลง “ถึงแม้ลาล่าทาร้ายจอยจริง เราไม่ควร
ไปทากับเธอแบบนี้นะครับ เราควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตารวจ”
แต่กิ่งยังคงแสดงอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้เห็น อเล็กซ์จึง
ตัดสินใจเลือกให้เธอออกไปจากตรงนี้แทนน่าจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นเธอ
อาจระเบิดอารมณ์อีก

“คุณกิ่งเข้าไปรอในรถก่อน ส่วนที่เหลือผมจะสอบถามเธอเอง ได้


โปรดเถิดครับ”

“ก็ได้ค่ะ” แม้ปากรับคา แต่ดวงตาของกิ่ง ยังคงจ้องสาวฝรั่ง ด้วย


แววตาเหมือนต้องการปรี่เข้าไปทาร้ายให้หายคุกรุ่นในใจ

เมื่อเห็นกิ่งเดินเข้าไปในรถแล้ว อเล็กซ์ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
ก่อนหันไปทางสาวฝรั่งที่ดิ้นขัดขืนการจับกุม “อย่าเพิ่งพาเธอไปครับ ผม
ขอพูดคุยอะไรกับเธอก่อนครู่หนึ่ง ผมขอร้อง ได้โปรดให้ผมได้คุยกับเธอ
ก่อนนะครับ”

ตารวจชั้นผู้น้อยหันหน้าไปทางผู้ที่มียศมากกว่า ด้วยแววตา
เหมือนต้องการให้ตัดสินใจว่าจะยอมทาตามคาขอหรือไม่

“ได้ ผมอนุญาต ผมจะให้เวลาพวกคุณห้านาที” นายตารวจซึ่งเป็น


สามีของเหมย ตอบคาถามด้วยน้าเสียงไร้ความรู้สึก แล้วหมุนตัวเดินออก
ห่างไป เพื่อให้ทั้งสองมีพื้นที่ส่วนตัว

หลังจากเห็นพวกตารวจออกห่างไปมากพอ อเล็กซ์ยิงคาถามใส่
สาวฝรั่งทันที “คุณทาร้ายเธอจริงๆ ใช่ไหม ?”

น้าเสียงของเขาไม่มีความนิ่มนวลหลงเหลืออยู่อีก เหมือนตั้งใจสื่อ
ให้รับรู้ว่าตอนนี้เขาโกรธกับเรื่องที่เธอทาอย่างมาก
ลาล่าคงไม่รู้ว่าจะตอบยังไง สุดท้ายพยักหน้าช้าๆแทน พร้อมทา
ใบหน้าเหมือนยอมรับผิด แต่อเล็กซ์ไม่รู้ว่าเธอยอมรับผิดจริงหรือไม่

“คุณทาร้ายเธอทาไม ในเมื่อผมบอกไปหลายครั้ง เธอไม่เกี่ยวกับ


เรื่องที่ผมไม่ขอคืนดีกับคุณ เป็นตัวผมเองต่างหากที่ไม่อยากคืนดี”
อเล็กซ์เห็นตารวจหลายนายกาลังสั่งกลุ่มวัยรุ่นที่มีรอยสักไปขึ้นท้ายรถ
แต่เขามองแค่แวบเดียว

ลาล่าสะอื้น “เรื่องในอดีตของเรา คุณไม่จดจาบ้างเลยหรือ ? ฉัน


แค่ทาผิดไปครั้งเดียว คุณให้อภัยฉันไม่ได้เลยใช่ไหม ? ฉันไม่ได้ขอ
อะไรมากมายจากคุณ ฉันขอแค่ให้อภัยฉันและให้โอกาสฉันแก้ตัวบ้าง
เท่านั้น”

อเล็กซ์ถอนใจเบาบางเพราะเบื่อกับเรื่องนี้ ต่อให้พยายามอธิบาย
พูดดีเพียงใด เธอก็ไม่สนใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อให้รับรู้แม้แต่น้อย

“ฉันอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล ทนอยู่ที่นี่ตั้งหลายเดือน ตามหาคุณ


เพื่อขอร้องให้เรื่องของเรากลับมาเหมือนเดิม มันยังไม่มากพอใช่ไหมที่
ฉันแสดงให้เห็นว่ายังรักคุณ” ลาล่าปาดน้าตา “ฉันยังจาวันที่คุณบอกรัก
ฉันได้อยู่ แล้วคุณจาวันนั้นได้ไหม ? ทาไมคุณกลับคาพูดง่ายดายอย่าง
นี้”

“ผมรักคุณในฐานะเพื่อนได้เท่านั้น เกินกว่านั้นผมเกรงว่าไม่
สามารถทาได้ ไม่สิ” อเล็กซ์ส่ายหน้าเพราะพูดผิดความหมาย “เรื่อง
ระหว่างเราไม่มีวันเป็นไปได้อีกต่อไป เรื่องของเรามันจบแล้ว คุณเข้าใจ
ใช่ไหม ผมไม่สามารถรักคุณเหมือนเมื่อก่อนที่เราเป็นได้ ได้โปรด ผม
ขอร้อง คุณอย่าทาให้ผมเกลียดคุณ ให้ผมหลงเหลือความรู้สึกดีๆ กับ
คุณไว้บ้าง” ยิ่งเห็นลาล่าสะอื้นน้าตาไหลออกมาไม่หยุด ทาให้เขารู้สึก
เหมือนตัวเองเป็นคนเลว ชอบรังแกผู้หญิง แต่นี่เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะ
ทาให้เธอยอมตัดใจจากเขาไปได้ เขาจึงเอ่ยประโยคช่วงท้ายที่เหมือน
เป็นการทาร้ายจิตใจออกมา

อเล็กซ์หันไปตามเสียงตารวจ เห็นลูกน้องสาวฝรั่งพยายามจะเข้า
มาหาผู้เป็นนาย

“คุณตารวจครับ ปล่อยให้เขาเข้ามาเถิดครับ เขาไม่ได้จะหนีไป


ไหน เขาแค่ต้องการเข้ามาดูนายของเขาเท่านั้นครับ” หนุ่มลูกครึ่งแปล
คาพูดของบอดี้การ์ดให้ตารวจฟัง ตารวจจึงยอมปล่อยให้เข้ามา

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” แบรดถามด้วยน้าเสียงเป็นห่วงขณะ
ล้วงกระเป๋าเอากระดาษทิชชูมาให้

“อย่ามายุ่งกับฉัน !” ลาล่าปัดมือบอดี้การ์ดทิ้ง

อเล็กซ์สังเกตเห็นแววตาของแบรดที่บ่งบอกว่ารู้สึกสะเทือนจิตใจ
ทาให้เขานึกได้ นับตั้งแต่ที่เขาคบกับลาล่ามา ต้องเห็นนายฝรั่งคนนี้ตาม
ติดผู้เป็นนายมาตลอด ทุกครั้งที่ผู้เป็นนายใช้งาน นายคนนี้ไม่เคยบ่น มี
แต่ทาด้วยความเต็มใจ ทาให้ตอนแรกเขาคิดว่าบอดี้การ์ดคนนี้แค่ทา
ตามหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี แต่ทว่าดูไม่น่าใช่ เพราะตอนนี้เขาเพิ่ง
เห็นอย่างอื่นที่แอบแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้น ซึ่งดูท่ามันอาจแฝงมานานมาก
จนกระทั่งเผลอหลุดความรู้สึกนั้นออกมา

หนุ่มลูกครึ่งตวัดสายตากลับมามองสาวตรงหน้า “ที่คุณตามหาผม
ความจริงไม่ใช่ว่าคุณรักผม แต่คุณต้องการใครสักคน” อเล็กซ์พูดช้าๆ
ด้วยน้าเสียงอ่อนโยน “ลาล่าฟังผมนะครับ ถ้าคุณลองเปิดใจดู คุณอาจ
พบคนที่จะมาเติมเต็มในหัวใจ แล้วยังอาจดีกว่าตัวผม”
สาวฝรั่งปาดน้าตาอีกครั้ง “จริงหรือ ? แล้วใครจะมาเติมเต็ม
ภายในใจฉัน ถ้าคุณหมายถึงรอสเวลล์ ฉันขอบอกตรงนี้ เขามันไม่ใช่
ผู้ชาย เขามันเป็นไอ้สารเลว” ยิ่งลาล่าพูดถึงคนที่ทากับเธอ ทาให้เธอ
เกิดความโกรธขึ้นมา แต่พอรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงกิริยาไม่ดีออกไป เธอก็
หยุด “คุณจะไม่ให้อภัยฉันจริงๆ ใช่ไหม ?”

อเล็กซ์ส่ายหน้า “ไม่ใช่เขาแน่นอนครับ ส่วนคาถามข้อที่สอง


อย่างที่ผมเพิ่งบอกไปครับ ยังไงผมก็ขอยืนยันคาเดิมเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ของเรา”

คาพูดยืนยันของเขาคราวนี้ ทาลาล่าร่างโอนเอนไปมา ราวกับเธอ


จวนจะเป็นลมเพราะยอมรับไม่ได้ ใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความ
เจ็บช้า

“ผมอยากให้คุณลองเปิดใจดูใครคนอืน
่ ดูบ้างครับ อย่ายึดติดกับผม
เพราะมันจะยิ่งทาให้คุณรู้สึกเจ็บปวดเมื่อไม่ได้อย่างที่หวังไว้” เมื่ออ
เล็กซ์พูดออกมา ทาให้นึกถึงการเทศนาของผู้ทรงศีลท่านหนึ่งในยูทูบ
“ถ้าคุณปล่อยวางได้ จะทาให้คุณเห็นใครอีกคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณมาตลอด
ไม่แน่เขาคนนี้อาจเป็นคนที่รักคุณมากที่สุดก็ได้ครับ”

“ขอโทษครับที่เสียมารยาท”

อเล็กซ์มองไปทางด้านหลังของลาล่า มีนายตารวจชั้นผู้น้อยสาม
คนเดินมา

“ตอนนี้เลยเวลาไปมากครับ เราต้องเอาตัวเธอไปโรงพักแล้วครับ”

“ผมขอเวลาอีกครู่เดียวครับ” อเล็กซ์ขอร้อง
ยังไม่ทันตารวจชั้นผู้น้อยจะได้เอ่ยอะไรออกไป คนที่อยู่ด้านหลัง
พวกเขาไกลๆ ก็ตอบกลับมาแทน

“ผมให้เวลาอีกสามนาทีเท่านั้น จะไม่มีเพิ่มให้อีกแล้วนะครับ” สามี


ของเหมยเตือน

อเล็กซ์พยักหน้ารับรู้ทีหนึ่ง “ขอบคุณครับ” จากนั้นล้วงกระเป๋าเอา


กระดาษทิชชูยื่นให้ลาล่าเช็ดน้าตา แล้วถามด้วยน้าเสียงเรียบง่าย
เหมือนไม่ใช่เรื่องซับซ้อน “คุณรู้หรือเปล่าครับว่าใครเป็นคนนั้นที่ผมพูด
ถึง ?”

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 32

จอยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในห้องคนไข้เดี่ยวของโรงพยาบาลเอกชน
แห่งหนึ่ง เธอกวาดตาไปทั่วภายในห้องสีขาวสะอาด นาฬิกาบนผนัง
บอกว่าตอนนี้เวลาประมาณแปดโมงครึ่ง บนโต๊ะข้างหัวเตียงมีตะกร้า
ผลไม้ ซึ่งมีหลากหลายชนิด สีสันน่ารับประทาน ถัดมาเป็นเสาห้อยถุง
น้าเกลือ เธอเปลี่ยนมาสารวจตัวเอง ในตอนนี้เธอสวมชุดคนไข้อยู่ มี
ผ้าพันแผลตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เธอลองลูบใบหน้า ยังคงให้
ความรู้สึกแสบและมีรอยนูนของเล็บข่วน

มีเสียงประตูเปิดก่อนมีนายแพทย์และนางพยาบาลเดินเข้ามา

“อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าครับ” นายแพทย์แย้มยิ้มให้ ขณะเดียวกันนาง


พยาบาลค้นแฟ้มเอกสารในรถเข็นแล้วยื่นให้เขาเปิดอ่าน

“สวัสดีค่ะ” จอยยกมือไหว้ “ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ ?”

นายแพทย์ละสายตาจากแฟ้มเอกสาร “ผมไม่ทราบครับ แต่ไม่ต้อง


ห่วงครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งให้นางพยาบาลไปสอบถามรายละเอียดตรง
ส่วนนี้ให้แทนครับ ตอนนี้ขอผมตรวจร่างกายคุณก่อนนะครับ”

หลังจากนายแพทย์ออกไปไม่นาน ประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง แต่


คราวนี้ไม่ใช่แพทย์หรือนางพยาบาล กลับเป็นอเล็กซ์

“ตื่นแล้วหรือครับ ?” ชายหนุ่มเผยรอยยิ้ม แต่น้าเสียงของเขาฟัง


เหมือนไม่ได้คาดหวังคาตอบ ความจริงฟังเหมือนออกไปทางการทักทาย
ยามเช้ามากกว่า
“จอยตื่นแล้วหรือคะ ?” เสียงกิ่งพูดออกมาจากด้านหลังของชาย
หนุ่มลูกครึ่ง

“ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ” อเล็กซ์เดินเข้ามาภายในห้อง
หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักเดินตามเข้ามา ในจานวนนั้นจอยต้อง
รีบยกมือไหว้เพราะฐานะอาวุโสกว่า อย่างหมอป๊อป โดยเฉพาะคุณนาย
สายสมร ผู้เป็นแม่ของชายหนุ่มลูกครึ่งฝรั่ง จอยต้องนอบน้อมเป็นพิเศษ

จอยยังคงจดจาได้แม่นยา ถึงวันที่อเล็กซ์พาไปเปิดตัวกับพ่อแม่
ความจริงพวกท่านไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แต่ชายหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน
ก็สามารถนัดพวกท่านทั้งสองมาได้ในที่สุด

ครั้งแรกของการพบหน้าพ่อแม่ของชายหนุ่ม รับรู้ได้ทันที อเล็กซ์


ได้นิสัยอ่อนโยนมาจากใคร เขาถอดแบบเหมือนผู้เป็นพ่อมาไม่มี
ผิดเพี้ยน นายเอ็ดเวิร์ด ผู้เป็นท่านประธานบริษัท เขามีหน้าตาอมยิ้มใจดี
อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งคาพูดของเขายังอ่อนโยนนิ่มนวล เขาไม่ถือตัว
ไม่มีแสดงท่าทางหรือแววตาดูถูกจอยที่เป็นเพียงลูกจ้างบริษัท

แต่สาหรับแม่ของอเล็กซ์ ให้ความรู้สึกตรงข้าม เพราะทุกครั้งที่ได้


สบตากับคุณนายสายสมร แววตาของคุณนายให้ความรู้สึกเหมือนไม่
ชอบ แล้วยังมีการดูถูกเหยียดหยาม

จอยไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไรนัก เนื่องจากเธอดูละครหลังข่าวทุกวัน
ทาให้รู้ว่าคุณนายไม่ชอบเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่เธอเป็นเพียง
ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องไม่ไว้ใจ กลัวว่าเธอจะมาสูบเงินของ
ลูกชายแก เอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย
แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดและความรู้สึกเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าคุณนาย
คิดอย่างนั้นกับเธอจริงหรือไม่ หรือความจริงอาจเป็นเพราะรูปหน้าและ
ลักษณะแววตาของคุณนายที่แสดงออกให้คิดอย่างนั้นเอง ไม่ใช่ว่า
คุณนายจงใจสื่อสารเช่นนั้นให้รับรู้

“สวัสดีจ้ะหนูจอย เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วจ้ะ ฉันซื้อขนม


ช็อกโกแลตจากเมืองนอกมาฝากให้เธอด้วย เธอจะได้มีแรงกลับมา
แข็งแรงไวๆ” คุณนายสายสมรบอกจบก็หันไปทางลูกชาย “ลูกเอาไปให้
เธอสิ”

“ขอบคุณค่ะที่ซื้อของมาฝาก” จอยรีบยกมือไหว้ขอบพระคุณ

“ไม่เป็นอะไรจ้ะ” คุณนายพูดด้วยน้าเสียงเรียบง่าย หลังจากนั้น


หล่อนก็เดินไปนั่งโซฟาด้วยท่าทางคุณนายผู้สูงศักดิ์

“ขนมนี่ ผมจะเอาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงให้ คุณจะได้หยิบง่ายๆ”


จากนั้นอเล็กซ์เดินมาวางกล่องขนมตรงตาแหน่งที่บอก

“หล่อนนอนสบายเลยนะ” กิ่งมองด้วยแววตาขบขัน ไม่แตกต่าง


จากรอยยิ้มที่สื่อออกมา

“แกอยากจะมานอนบ้างไหมล่ะ ?” จอยเลิกคิ้วพลางยิ้มกวน
ประสาท

“โอ๊ยไม่เอาหรอก ฉันขอทางานสุดขาดใจดีกว่ามานอน
โรงพยาบาล แต่ถ้าไปนอนโรงแรมกับผู้ชายหล่อๆ ฉันจะรีบไปนอน
อย่างไว” กิ่งหัวเราะคิกคัก แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคุณนายสายสมร
เหมือนดุ จึงหยุดพูดอะไรที่ทาให้เสียภาพพจน์
“ผมกับก้อยก็เอาของมาฝากเช่นกันครับ” นายหมอแว่นหนาเดิน
เข้ามาวางตะกร้าผลไม้เพิ่มอีกใบ

“ขอบคุณค่ะ” จอยยกมือไหว้ก่อนพยายามลุกขึ้นนั่ง

“ไม่ต้องลุกครับ เดี๋ยวผมกดปุ่มปรับเตียงให้มันกระดกเอง คุณจอย


จะได้นั่งพิงได้สะดวก” อเล็กซ์หยิบเอารีโมตข้างเตียงมากดปุ่ม จากนั้น
ทางหัวเตียงเริ่มกระดกขึ้นมา

“ฉันไม่มีของกินมาฝาก ฉันไปช่วยคุณอเล็กซ์ดูเสื้อผ้าตัวใหม่ให้
หล่อนแทน” กิ่งวางถุงกระดาษใกล้ขาของจอย แล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา
โชว์ให้ดู “ชอบไหม ? ฉันคัดเฉพาะสีที่หล่อนชอบมาโดยเฉพาะ”

“เสื้อผ้าของฉัน...” จอยราพึงราพันเพราะนึกได้ ดวงตามองไปทาง


ชายหนุ่มลูกครึ่ง มือดึงผ้าห่มมาเสมอหน้าอก ยิ่งสบตาของเขา ทาเธอ
รู้สึกอับอายจนต้องหันไปมองทางอื่น เธอยังคงจดจาได้แม่นยา เขาเห็น
เรือนร่างทุกส่วนของเธอ

แต่ความรู้สึกอับอายนั้นมีไม่นาน มันก็สูญหายไปเหมือนไม่เคย
เกิดขึ้นภายในใจมาก่อน เพราะถ้าเอาเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับไอ้หน้า
หมาที่ทั้งเห็นและสัมผัสถึงน้าถึงเนื้อ ดูกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไป
ทันทีทันใด

จอยเผยรอยยิ้มแห้งๆ เพราะขบขันตัวเองก่อนหันไปสนใจกับเพื่อน
สาว “แกไม่ต้องเอามาโชว์ฉันก็ได้ ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันสวยทุกตัว”

“ถ้างั้นฉันเอาเก็บไว้ในลิ้นชักตรงนี้ให้นะ” กิ่งดึงลิ้นชักใต้โต๊ะหัว
เตียงออกมา พลางชี้ให้ดู
“ตามใจ เดี๋ยวฉันขอกินอะไรก่อน” จอยเลิกผ้าห่มออกไปกองข้าง
ตัวเพื่อจะลงจากเตียงนอน ดวงตาสารวจของกินบนโต๊ะอาหารผู้ป่วย

“ตื่นมาก็หิวเลยนะหล่อน แต่ไม่ต้องลุกมาหรอก เดี๋ยวฉันเอาไป


เสิร์ฟให้ถึงที่เลยค่ะคุณจอยขาาาาาาา~” กิ่งลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน
จากนั้นเดินไปเข็นโต๊ะอาหารผู้ป่วยเข้ามา “เอานี่ อาหารสาหรับท่าน
หญิง”

“ขอบใจจ้าาาาาา~” จอยย้อนกลับอย่างล้อเลียนก่อนเปิดฝาครอบ
อาหาร

แต่ไม่ทันจับช้อนเพื่อตักอาหารเข้าปาก เธอชะงักเพราะนึกถึงเรื่อง
ที่เกิดขึ้น ทาให้เผลอราพึงราพันออกมาอีกครั้ง

“เรื่องเมื่อวาน... ?”

เหมือนกิ่งจะรู้ว่าจอยนึกถึงเรื่องอะไรอยู่ จึงตอบอย่างปัดๆ ไป
“เรื่องลาล่ากับพวกวัยรุ่นนั่น หล่อนไม่ต้องเอามาคิดหรอก ปล่อยให้เป็น
เรื่องของตารวจไปเถิด”

จอยไม่เซ้าซี้อะไร เธอแค่พยักพเยิดช้าๆ แล้วมาสนใจกับการกิน


อาหารต่อ เธอคิดว่าเพื่อนคงไม่อยากรื้อฟื้น เพราะเกรงว่าเธอจะเกิด
ความหวาดกลัวกับเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้ จนส่งผลทาให้
สภาพร่างกายทรุดไปกว่าเดิม
__________
หลังจากทุกคนมาเยี่ยมและพูดคุยเรื่องษัพเภเหระกันต่ออีกพัก
ใหญ่ พวกเขาก็พากันกลับไป เหลือเพียงอเล็กซ์ที่ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ต่ออีก
เล็กน้อย

นอกจากเรื่องไร้สาระและเรื่องทั่วไปที่ทุกคนเอามาพูดคุยกัน ที่
จอยให้ความสนใจจริงๆ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับตัวเธอเองเมื่อคืนนี้

ทุกคนได้รับรู้ถึงต้นเหตุของการหายตัว เพราะมีภาพของกล้อง
วงจรปิดในโรงแรมเป็นหลักฐาน และสัญญาณของโทรศัพท์ที่
เคลื่อนไหวไปยังเขตนอกเมือง นายตารวจผู้เป็นสามีของเหมย จึงสั่ง
นายตารวจชั้นผู้น้อยให้ตามสัญญาณนั้นไป แต่ทว่าเมื่อสัญญาณหยุด
นิ่งที่โกดังร้าง ผ่านไปประมาณหนึ่งนาทีกว่าๆ มันก็ดับหายไป

งานนี้อเล็กซ์ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยตามคาพูดของตารวจที่บอกให้ใจ
เย็น เขาขับรถออกไปยังจุดสุดท้ายของสัญญาณโทรศัพท์ที่ส่งออกมา
กิ่งขอขึ้นไปด้วยคน เพราะต้องการจะช่วยมองหาอีกแรง ส่วนเจ้าบ่าวกับ
เจ้าสาวก็อยากตามไปด้วย แต่เนื่องจากถูกพ่อแม่ห้ามไว้ไม่ให้ไป จึงทา
ได้แค่ภาวนาให้จอยปลอดภัยเท่านั้น

กิ่งกระซิบบอกรายละเอียดที่ทุกคนตกหล่นไป ไม่มีใครเคยเห็นอ
เล็กซ์มีอาการร้อนใจขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเวลาผ่านไปนาน เขายิ่งแสดง
อารมณ์ร้ายออกมามากขึ้น หนึ่งในนั้นที่เขาแสดงออกมา เป็นตอนเขา
เปิดประตูรถลงมาตะโกนหาแถวโกดัง พอไม่มีใครตอบกลับมา เขาเตะ
ถังขยะกระเด็นกระดอน แล้วตอนปิดประตูรถยังทาใส่อารมณ์ ราวกับจะ
ทาให้ประตูพังอย่างไรอย่างนั้น

แต่เรื่องที่ทุกคนเล่า ไม่มีใครเล่าถึงลาล่าและเหล่าลูกน้องของ
หล่อน จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสาหรับจอย ราวกับทุกคนนัดแนะกันไว้
ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่พูดถึง
“คุณอเล็กซ์คะ ลาล่าเขา...” จอยเสียงแผ่วก่อนเงียบหายไป เธอไม่
รู้ว่าจะถามอย่างไร ในใจของเธอกลัวว่าสาวฝรั่งจะกลับมาเอาคืน เธอ
มั่นใจว่าการที่จะค้นหาบ้านที่เธออยู่อาศัยไม่ใช่เรื่องยากเย็นสาหรับ
นักสืบฝีมือดี ขนาดอเล็กซ์ยังหนีไม่พ้น ที่พักของเขายังถูกบุกไปถึงก็เคย
เกิดขึ้นมาแล้ว

“คุณกลัวว่าลาล่าจะกลับมาทาร้ายใช่ไหมครับ ?” อเล็กซ์ถาม
ขึ้นมา เหมือนกับเขารู้อยู่แล้วว่าจอยต้องการถามเรื่องอะไร

จอยทาเสียงอ้าอึ้งไม่นาน เธอก็พยักหน้าช้าๆ “ใช่ค่ะ ฉันกลัวว่าลา


ล่าจะกลับมาทาร้ายฉันอีก”

บุรุษดวงตาสีฟ้ามองภาพนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย “คุณไม่ต้อง
กลัวหรอกครับ เธอจะไม่มาทาร้ายคุณอีก รวมถึงไม่มาหาผม
เช่นเดียวกัน”

“ลาล่าติดคุกใช่ไหมคะ ?” จอยตีความหมายเอาเอง

อเล็กซ์ตวัดตากลับมา ส่ายหน้าแล้วตอบ “เธอไม่ได้ติดคุกหรอก


ครับ ผมขอร้องไม่ให้ตารวจเอาผิดเธอกับลูกน้อง ส่วนเรื่องผมกับเธอ ผม
อธิบายให้เธอฟัง จนเธอเข้าใจความรู้สึกของผมแล้ว ในตอนนี้ผมคิดว่า
เธอคงรอขึ้นเครื่องกลับไปอเมริกาอยู่ครับ”

จอยพยายามใช้สมองทาความเข้าใจในคาพูดของเขา แต่ไม่ว่าจะ
คิดยังไงก็มีแต่คาว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเท่าที่สังเกตลักษณะนิสัยของ
ลาล่า คนประเภทนี้จะไม่ยอมเข้าใจง่ายดาย ต้องเอาตัวเองเป็นจุด
ศูนย์กลางและให้ได้ดังใจเสมอ
“เหตุผลที่ลาล่ามาตามหาผม เพราะเธอต้องการใครสักคนมาเติม
เต็มหัวใจเท่านั้นครับ” อเล็กซ์ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง “คุณยังจาได้ใช่
ไหมครับ เรื่องที่ผมเคยเล่าให้ฟัง ผมไปเจอเธอตอนคบกับชายอื่น”

“จาได้ค่ะ” จอยนึกไปถึงตอนที่ชายหนุ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับแฟนเก่า
ให้ฟัง หลังจากคนที่ชื่อว่ารอสเวลล์ ซึ่งเป็นดาราในวงการภาพยนตร์ มี
เรื่องชกต่อยกับอเล็กซ์ เพียงไม่ทันข้ามวันก็เป็นข่าว จึงส่งผลกระทบต่อ
หน้าที่การงาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของลูกชายเจ้าของบริษัทอย่างอเล็กซ์
และดาราอย่างรอสเวลล์ แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นฝ่าย
ดารา เนื่องจากโดนบอกเลิกงานที่จะได้รับบทเป็นพระเอกไปถึงสองเรื่อง
นอกจากไม่ได้รับเงินจากหนัง ยังมาเสียเวลากับการตอบคาถามของ
พวกนักข่าวจอมขุดคุ้ย ทาให้เขาโกรธมาก จึงบอกเลิกราล่าไป หลังจาก
นั้นดาราน่ารังเกียจคนนี้ไปคบกับดาราสาวอีกคนที่กาลังเริ่มดัง หรือจะ
ให้ตีความหมายตามภาษาปาก ชายคนนั้นไปเกาะคนอื่นให้ตัวเองเป็น
กระแส จะได้กลับมาดังเหมือนเดิม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลาล่าอยากจะ
กลับมาคบกับอเล็กซ์อีกครั้ง ในเมื่อชายลูกครึ่งคนนี้มีครบทุกอย่างที่เป็น
องค์ประกอบของผู้ชายที่ควรเอามาเป็นสามีในอนาคต

“ผมบอกกับเธอให้ลองเปิดใจให้กว้าง แล้วมองรอบตัว ไม่แน่เธอ


อาจพบเจอคนที่ใช่สาหรับเธอ หรืออาจดีกว่าตัวผม” ความจริงอเล็กซ์รู้
ว่ามีใครอีกคนที่แอบรักลาล่า แต่เธอไม่เคยสังเกตเห็นชายคนนั้นแม้สัก
ครั้ง นอกจากเห็นเขาเป็นแค่ลูกจ้าง อเล็กซ์จึงพูดออกไปอย่างนั้นให้เธอ
ได้คิด

อเล็กซ์เหลือบตาไปดูนาฬิกาที่ผนังห้องแวบหนึ่ง “หมออนุญาตให้
คุณกลับบ้านได้ครับ จะเป็นวันพรุ่งนี้ หรือจะนอนต่ออีกสองสามวันก็ได้
หมอบอกว่าคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่อ่อนเพลียจากการใช้แรง
เยอะเท่านั้น แสดงว่าคุณวิ่งสู้ฟัดมากใช่ไหมครับ”

ชายหนุ่มลูกครึ่งกลั้วหัวเราะ แต่จอยไม่หัวเราะกับมุกตลกคลาย
เครียดของเขา เธอเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ

“ฉันขอกลับบ้านวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันค่ะ ฉันอยากกลับไปทางานต่อ”

จอยพูดออกไป สังเกตแววตาของอเล็กซ์ที่สื่อออกมาว่าไม่เห็นด้วย
เขาคงอยากให้เธอพักผ่อนต่อ แต่เธอไม่เอา ถ้าไม่จาเป็นจริงๆ เธอก็ไม่
อยากอยู่โรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากมันมี
ค่าใช้จ่ายสูงมาก

“นะคะ ฉันอยากกลับไปทางานต่อเร็วๆ” จอยใช้น้าเสียงขอร้อง ไม่


อยากให้เขาเสียเงินไปมากโดยไม่จาเป็น

อเล็กซ์นิ่งไปครู่ก่อนพยักหน้าครั้งหนึ่ง “ก็ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่ง


คุณที่บ้านเอง”

การแต่งตัวของอเล็กซ์วันนี้ดูเรียบง่าย ทาให้จอยเห็นความผิดปกติ
ตั้งแต่เขาเปิดประตูเข้ามา ตรงที่แขนซึ่งมีผ้ากอซพันแผล แต่เธอไม่มี
โอกาสได้ถาม จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ เธอจึงถามออกมาให้หายสงสัย

“แขนของคุณไปโดนอะไรมาคะ ?” เธอชี้แขนข้างหนึ่งของชาย
หนุ่ม

“คุณจาพวกหมาที่ไล่กัดคุณเมื่อคืนได้หรือเปล่าครับ นี่มันเป็น
ผลงานที่พวกมันทาเอาไว้” อเล็กซ์ชี้ที่แผลจุดหนึ่งของตัวเอง
จอยแสดงสีหน้าตกใจและรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิดที่ทาให้เขาเป็น
อย่างนี้

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมไม่ได้เจ็บอะไรมาก” อเล็กซ์บอกด้วย


น้าเสียงสบายๆ เหมือนกับว่าล่วงรู้ความคิดของจอย หรือไม่ก็จอยแสดงสี
หน้าชัดเจนมากเกินไป จนเขารู้ความคิดในใจ “ผมเจ็บยังไงก็ไม่เท่าที่
ผมเห็นคุณบาดเจ็บหรอกครับ ถ้าจะให้ผมเจ็บจริงๆ มันน่าจะอยู่ตรงต้อง
ฉีดยากันพิษสุนัขบ้ามากกว่า ผมเห็นเข็มฉีดยาแล้วแทบเป็นลม
โดยเฉพาะตอนที่พยาบาลแทงเข้า ถ้าผมหันมามองตรงๆ ต้องถึงขั้นเอา
ยาดมมาสูดแน่นอนครับ” เขาหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก “คุณไม่ต้อง
ห่วงหรือรู้สึกผิดหรอกครับ แผลแค่นี้มันทาอะไรสุภาพบุรุษอย่างผม
ไม่ได้หรอกครับ ผมว่าคุณนอนเอาแรงไปเถิดครับ เดี๋ยวเราต้องไปให้
ปากคาเพิ่มเติมที่สถานีตารวจอีก”

“ไปให้ปากคาตารวจหรือคะ ?” จอยได้ยินอย่างนั้น ทาให้นึกไปถึง


เพียงคนเดียวในความคิด จึงเกิดความไม่เข้าใจว่าจะไปสถานีตารวจ
ทาไม ในเมื่อลาล่าหลุดข้อหาไปแล้ว

ใบหน้าของอเล็กซ์ดูเหมือนกาลังชั่งใจอย่างหนัก ราวกับเรื่องนี้
เขาไม่อยากพูดถึงสักเท่าไรนัก จอยจึงพูดออกมาด้วยน้าเสียงสบายใจ
ไม่เคร่งเครียดกับเรื่องราว เพื่อให้เขาตัดสินใจพูดออกมาให้เธอฟัง

“พูดออกมาเถิดค่ะ ฉันรับได้หมด แล้วฉันจะได้เตรียมตัวถูกด้วยว่า


กาลังจะไปเจอกับคาถามประเภทไหน”

อเล็กซ์ถอนใจเบาบาง “ก็เรื่อง... วัยรุ่นห้าคนนั้น ตารวจไปเจอ


อุปกรณ์เสพยาในตึกร้าง รวมไปถึงเจอเสื้อผ้าของคุณอยู่ด้านหลังตึกอีก
ฝั่งหนึ่ง”
จากนั้นเสียงของหนุ่มลูกครึ่งเริ่มติดขัด ถึงแม้เรื่องที่พูดมาไม่มี
รายละเอียดเจาะลึก แต่จอยก็รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร เขาคงไม่อยากนึก
ถึงและพูดออกมาต่อจริงๆ นอกจากนี้ใบหน้าของเขายังมีทั้งความกระอัก
กระอ่วนและความโกรธ โดยเฉพาะความโกรธที่ดูเหมือนจะมากกว่า
สังเกตจากมือทั้งสองข้างของเขาที่กาแน่นจนเห็นเส้นเลือด

“อ๋อ... ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” จอยพูดตัดบทไป เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเกิด


อารมณ์มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของอเล็กซ์ยังคงดูโกรธอยู่ จอยจึงเปลี่ยนไป


เรื่องอื่น

“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉัน”

น้าเสียงขอบคุณด้วยความจริงใจและเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติ
ของจอย ทาใบหน้าของอเล็กซ์เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเขินอายแทน

“ไม่เป็นอะไรครับ มันเป็นเรื่องที่ผมควรทาอยู่แล้ว”

หลังจากนั้นไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างทั้งสองอีก มีแค่ดวงตาของทั้ง
สองที่สบตากันแทนคาพูด

ถึงแม้ใบหน้าของอเล็กซ์ไม่แสดงความโกรธออกมาให้เห็น
อย่างไรก็ตามภายในใจของเขายังคงมีความโกรธอยู่ เพราะเรื่อง
เลวร้ายที่จอยพบเจอมา อาจไม่มีวันหายไปจากความทรงจาของ
ลูกผู้หญิงง่ายดาย หลักฐานที่เห็นชัดเจนยังคงอยู่ตามเนื้อตัวของเธอ

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 33

จอยลูบต้นแขนตัวเองขณะเหลียวมองโรงพยาบาลด้านหลังอย่าง
เหม่อลอยไม่นาน มีเสื้อคลุมกันแดดยี่ห้อดังมาคลุมบ่าทั้งสองข้าง ดึงเธอ
ออกมาจากภวังค์

“ผมกลัวคุณแสบผิวครับ” อเล็กซ์ขยับเสื้อคลุมให้ปกปิดผิวกายของ
เธอมากที่สุด

“ขะ... ขอบคุณค่ะ”

“มาครับ เราขึ้นรถกันดีกว่า เดี๋ยวรถจะติดเสียก่อน” อเล็กซ์พูดจบก็


พาเดินไปที่รถยนต์

หลังจากรถจอดนิ่งตรงหน้าบ้าน จอยเปิดประตูก้าวลงมา หมุนตัว


กลับหลังแล้วยกมือไหว้ขอบคุณผู้ที่มาส่ง

“อย่าลืมนี่นะครับ” อเล็กซ์หยิบถุงอาหารแห้งที่แวะซื้อระหว่างทาง
ยื่นให้กับเธอ

“ขอบคุณค่ะ” พูดจบเธอก็ปิดประตู แต่ประตูไม่ทันปิดสนิท เธอนึก


ขึ้นได้อีกอย่าง จึงเปิดออกอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณลืมนี่ค่ะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ”

ยังไม่ทันที่จอยจะเอาเสื้อคลุมออก ชายหนุ่มลูกครึ่งโบกมือปฏิเสธ
เหมือนกับเขารู้ว่าเธอจะเอาอะไรให้กลับคืน
“ผมยกให้ เผื่อคุณจะใช้คลุมกันแดดตอนขับรถออกมาซื้อของ”

ได้ยินอย่างนั้น จอยจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม นอกจากขอบคุณเป็น


ครั้งสุดท้าย จากนั้นปิดประตูรถให้ แล้วเดินกลับเข้าบ้านไป

วันนี้เป็นวันที่อเล็กซ์ทาจอยรู้สึกเกรงใจสุดๆ ก็ว่าได้ เพราะว่าค่า


รักษาในโรงพยาบาลเอกชนมันแพงมากขนาดไหนจอยก็รู้ได้ดี แม้ไม่ได้
เห็นค่ารักษาที่ใบเสร็จ เธอจึงปฏิเสธชายหนุ่มที่จะพาไปกินข้าว ด้วย
เหตุผลที่บ้านยังมีกับข้าวแช่ตู้เย็นอยู่ ถ้าเธอไม่กินภายในวันนี้ เมื่อถึง
ตอนเช้ามันอาจบูด และนั่นต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

โดยที่จอยไม่รู้ตัว คาพูดของเธอที่บอกออกไปนั้น ทาให้อเล็กซ์


รู้สึกปลาบปลื้ม เพราะความจริงเขาไม่ชอบผู้หญิงที่หวังเอาแต่ได้และไม่
รู้จักการประหยัด

นอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบลองใจเธอ แต่ไม่ใช่ครั้งเดียว อเล็กซ์


ทดสอบเธอหลายครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่ ปลิงดูดเลือด อย่างที่แม่
ของเขาเตือนลับหลัง จนกระทั่งในตอนนี้เขาก็มั่นใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง
ประเภทนั้นจริงๆ ที่หวังเกาะผู้ชายเพราะเงิน ทาให้เขากล้าไปบอกกับผู้
เป็นแม่ได้เต็มทั้งถ้อยคา

อเล็กซ์นึกไปถึงตอนที่ขับรถพาเธอไปที่ร้านค้าสะดวกซื้อ เท่าที่เขา
สังเกต อาหารหลักๆ ที่เธอซื้อไปตุนภายในบ้าน ต้องหนีไม่พ้นบะหมี่กึ่ง
สาเร็จรูปและอาหารกระป๋องชนิดต่างๆ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอคงชอบกิน
ของพวกนี้ แต่ทว่าความจริงเปล่าเลย เธอแค่ขี้เกียจปั่นจักรยานออกไป
ซื้อของไกลๆ จึงต้องซื้อของตุนไว้ในบ้าน
อเล็กซ์ยังคงจดจาครั้งแรกที่ไปนั่งกินอาหารในบ้านของเธอได้
แม่นยา เธอมีความสามารถพิเศษทางด้านการทาอาหารประเภทยืดอายุ
ได้เป็นปีๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปลากระป๋องยา หอยลายยาผักดอง
แม้กระทั่งข้าวธรรมดา เธอก็ยังสามารถทาเป็นขนมกรอบอร่อย อย่าง
ข้าวตัง ส่วนเรื่องการใช้เครื่องครัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด เธอก็ทาได้ไม่
แพ้การทาอาหาร โดยเฉพาะการทาไข่ตุ๋น อเล็กซ์คิดมาเสมอว่าการทา
ไข่ตุ๋นต้องเอาไปนึ่งเสมอ แต่สาหรับจอย เธอบอกสั้นๆ ว่ามันยุ่งยาก เอา
ไปอบในไมโครเวฟดีกว่า มันง่ายและเร็วกว่ากันหลายเท่า

แน่นอนว่าระดับเศรษฐีอย่างอเล็กซ์ต้องไม่เคยได้กินอาหารที่เป็น
ระดับ ตานานแห่งชาติ เหล่านี้มาก่อน ทาให้เขาเหมือนได้เปิดหูเปิดตา
ใหม่ แล้วทาให้รู้ว่าการกินอาหารเหมือนคนธรรมดาหาเช้ากินค่า ความ
จริงไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไรเท่าไรนัก

อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ของอาหารพวกนี้ทาอเล็กซ์รู้สึกสงสาร
จอยไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจจะซื้อรถให้คันหนึ่ง ในยามที่เขาไม่ว่างมา
ส่งที่บ้าน เธอจะได้ขับรถออกไปซื้ออาหารสด ซึ่งมันดีต่อสุขภาพ
มากกว่า

ตอนแรกจะเลือกซื้อรถยนต์ให้ แต่จอยไม่เอา นอกจากเรื่อง


เกรงใจ เธอยังขับรถยนต์ไม่เป็น เธอกลัวว่าจะไปขับชนใครตายเข้าสัก
วัน แม้ความจริงเธอก็สามารถฝึกขับได้ก็ตาม อเล็กซ์จึงถามอีกครั้งว่าจะ
เอารถมอเตอร์ไซค์แทนหรือไม่ เนื่องจากเขาสังเกตท่าทางของเธอตอน
ปั่นจักรยานดูคล่องแคล่วมาก ถ้าจะซื้อให้ รถมอเตอร์ไซค์ดูน่าจะเป็น
ตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะรถมอเตอร์ไซค์นั้นมันมีลักษณะไม่แตกต่างจาก
จักรยานเท่าไรนัก
แต่คาตอบของจอยยังคงเหมือนเดิม เธอไม่ต้องการให้เขาซื้อให้
แต่ดูเหมือนว่าความคิดของอเล็กซ์คงทาให้เธอฉุกคิด เธอบอกว่าจะเอา
เงินที่ได้จากน้าพักน้าแรงของตัวเองไปซื้อแทน

ถึงแม้จอยยืนยันว่าจะใช้เงินของตัวเอง ไม่อยากดึงเอาเงินของเขา
มาใช้ แต่อเล็กซ์ก็เลือกช่วยเหลือเธอลับๆ ในตอนที่ไปช่วยดูรถ
มอเตอร์ไซค์ เขาแอบกระซิบกับเจ้าของร้านขายรถ บอกให้ช่วยลดราคา
ลงหน่อย แต่ความจริงไม่ได้ลดราคาอย่างที่คิด เพราะส่วนที่ลดลงไปนี้
เขาจะขอจ่ายแทนให้เองทั้งหมด

นอกจากเรื่องเกรงใจ ถ้าอเล็กซ์ดูไม่ผิด หลังจากที่จอยได้รถมา


ตอนใช้มือสัมผัสรถมอเตอร์ไซค์ แววตาของเธอเปล่งประกายด้วยความ
ภาคภูมิใจออกมาอย่างชัดเจน ทาให้เขาที่เห็นเข้าใจความหมายของ
ประโยคที่ว่า สิ่งใดก็ตามทีไ
่ ด้มาด้วยความยากลาบาก สิง่ นัน
้ จะ
กลายเป็นสิง่ ทีม
่ ค
ี ่าต่อจิตใจ

เป็นอย่างที่อเล็กซ์คิดเอาไว้จริงๆ จอยฝึกขับรถมอเตอร์ไซค์แค่
หนึ่งเดือนครึ่งเท่านั้น เธอก็สามารถขับได้คล่องแคล่วไม่แตกต่างจากปั่น
จักรยาน แล้วดูท่าจะคล่องแคล่วเอามากด้วย เขาเคยเห็นตอนที่เธอขับ
รถมาบริษัทเพราะลืมของ ท่าทางในการลัดเลาะและขับเข้าระหว่าง
ช่องว่างของรถยนต์ เก่งยิ่งกว่าวินมอเตอร์ไซค์แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
อีก ต่อให้ช่องจะแคบหรือหักมุมมากแค่ไหนก็ตาม เธอก็สามารถผ่านไป
ได้ราบรื่นเสมอ

เมื่อยามเย็นมาถึง จอยขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ขับออกไปซื้อของกินที่


ตลาด เนื่องจากอาหารที่อยู่ในตู้เย็นมันเกิดบูดไปก่อนเวลาอันควร แล้ว
เธอก็ไม่อยากกินอาหารประจาบ้าน อย่างเช่นบะหมี่กึ่งสาเร็จรูป
เนื่องจากเบื่อรสชาติของมัน
จอยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบิ๊ก ทาไมมันไม่ติดต่อกับเธอเหมือนทุก
ครั้ง ปกติแค่เธอเผลอนึกถึงมัน บิ๊กจะรีบส่งเสียงตอบโต้กลับมาภายในหัว
ของเธอ บางครั้งเป็นเสียงเห่า บางครั้งเป็นเสียงเหมือนอาการหอบ
เหนื่อย

“คุณครับ ก๋วยเตี๋ยวได้แล้วครับ”

จอยหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด ยื่นแบงก์ห้าสิบบาทให้พ่อค้า
“นี่ค่ะเงิน ไม่ต้องทอนนะคะ”

“ขอบคุณมากครับ” ใบหน้าของพ่อค้าปรากฏความดีอกดีใจขึ้นมา
ทันใด คงเป็นเพราะได้รับเงินเพิ่มจากปกติ ถึงทาให้เขาแสดงสีหน้า
อย่างนั้นออกมา

“ไม่เป็นอะไรค่ะ” จอยกล่าวจบ เดินไปที่รถด้วยท่าทางใจลอยต่อ


เธอยังคงครุ่นคิดไม่หาย เหตุใดคืนนั้นไม่สามารถติดต่อบิ๊กได้ แล้วเหตุ
ใดมันไม่ติดต่อมาหาเธอ

“คุณครับ เสื้อของคุณตกครับ”

จอยหยุดชะงักแล้วหันไปตามเสียง เห็นวินมอเตอร์ไซค์ผู้ชาย ซึ่งมี


ใบหน้าโหดน่ากลัว มีกล้ามเป็นมัดๆ เมื่อรวมกับเหงื่อที่ท่วมใบหน้า ยิ่ง
เพิ่มทวีความไม่น่าไว้วางใจ เขายื่นเสื้อคลุมกันแดดมาให้ เธอจึงมองที่
บ่าข้างซ้ายของตัวเอง ปรากฏว่าตอนนี้ไม่มีเสื้อพาดบ่าอยู่ ทาให้เธอเกิด
ความแปลกใจไม่น้อย ตรงที่มันไหลตกลงไปตั้งแต่ตอนไหน หรืออาจ
เป็นช่วงที่เธออยู่ในภวังค์ความคิด จึงไม่รู้สึกตัว
แต่จอยไม่แสดงกิริยาหวาดกลัวหรือแสดงความรังเกียจ เพราะเธอ
เข้าใจว่าคนทางานหนักกลางแดดอย่างนี้ต้องถูกแดดเผาใบหน้า ส่งผล
ทาให้ดูแก่กว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะคนเรามันไม่สามารถเลือกเกิด
ให้ตัวเองมีใบหน้าดูดี แต่กระนั้นภายในใจของเธออดหวาดกลัวไปตาม
ภาพที่เห็นไม่ได้

“ขอบคุณนะคะที่เก็บมาให้”

“ไม่เป็นอะไรครับ” ชายใบหน้าโหดฉีกยิ้ม คงต้องการทาให้


ใบหน้าดูดีที่สุด ขณะเดียวกันจอยก็ยิ้มตอบกลับ แต่ทว่ารอยยิ้มของเธอดู
หวั่นๆ

หลังจากรับผ้าคลุมของอเล็กซ์กลับคืนมา จอยหันตัวจ้าอ้าวขึ้นรถ
แล้วขับออกไปอย่างเร็ว

จอยนั่งอยู่ในห้องครัว มีถ้วยก๋วยเตี๋ยวใบใหญ่อยู่ตรงหน้า แต่เธอ


ยังไม่กิน เธอเอาแต่จ้องมองเสื้อคลุมของอเล็กซ์ อีกไม่กี่วันก็ใกล้ถึงวันที่
เขาจะกลับเมืองนอก ไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอกลับไปพร้อมกับเขาด้วย
หรือไม่ ? หรือว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ที่นี่ ปล่อยให้เรื่องระหว่างเธอกับเขา
เป็นเพียงเรื่องหนึ่งที่ผ่านไป

นับตั้งแต่ที่รู้จักกับอเล็กซ์มา ไม่เคยได้ยินคาว่า รัก จากปากของ


เขาแม้สักครั้งเดียว นอกจากการกระทาต่างๆ ที่แสดงออกว่ารักเธอ

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แสดงออกมาเป็นความหมายชัดเจนให้รับรู้

คิดมาถึงตรงนี้ จอยหัวคิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า ‘ไม่สิ มันจะ


ไปเรียกว่า คน ได้ยงั ไง มันต้องเรียกเป็น ตัว ต่างหากถึงจะถูกต้อง’
จอยจดจาได้ขึ้นใจ เนื่องจากบิ๊กชอบให้เธออ่านคาหนึ่งที่ปรากฏ

เสียงบานประตูกระแทกผนัง ทาจอยออกมาจากภวังค์ความคิด แต่


เธอไม่ตกใจมากมายหรือเกิดความหวาดระแวง เพราะเธอรู้อยู่แล้ว มี
เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ชอบทากับบานประตูของเธออย่างนี้

ไม่นานนัก มีกลิ่นแชมพู มาพร้อมลมหายใจร้อนผ่าวรดศีรษะ


ตามมาด้วยแขนซึ่งปกคลุมไปด้วยขน โอบกอดตัวเธอจากทางด้านหลัง

จอยชาเลืองตาไปทิศทางที่มีใบหน้าของผู้ที่กาลังโน้มตัวลงมา เธอ
ส่งสัญญาณเตือนทางดวงตาว่าอย่ามารบกวนตอนนี้ บิ๊กจึงยอมถอย
ออกไป แต่มีหมอกลอยอ้อยอิ่งมาตรงหน้าแทน ปรากฏเป็นข้อความให้
อ่าน

“บาดแผลน้องเต็มตัวอย่างนี้ดูไม่ดีเลยจ้ะ เดี๋ยวพี่รักษาให้นะจ๊ะ
วันนี้พี่พกยามาด้วย รับรองบาดแผลของน้องหายเป็นปลิดทิ้ง”

เมื่อรู้ว่ามันมียามารักษา จอยจึงหันตัวไปทางมัน ขณะเดียวกันบิ๊


กลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ก่อนล้วงกระเป๋าเอาขวดยาออกมาเพื่อจะทาแผล
ให้

ขณะมันกาลังบิดฝาขวดเพื่อเปิดออก พัดลมส่ายมาพอดี ซึ่งทิศทาง


ของมันพัดมาจากทางด้านหลังของจอย บิ๊กหยุดชะงักอยู่ในท่านั้น แล้ว
มองใบหน้าของเธออย่างข้องใจ

“มีอะไรติดหน้าฉันหรือไง ?”
แต่บิ๊กไม่สั่งให้หมอกรวมตัวเป็นประโยคคาใหม่ มันหรี่ตา จมูกสั่น
พร้อมมีเสียงสูดลมหายใจดังฟืดฟาด หลังจากนั้นมันโผเข้าหาเธอ

“แกจะทาอะไร ฉันเจ็บอยู่นะ แกไม่เห็นหรือไงยะ ?”

แต่ความตกใจมีเพียงแวบเดียว ก็เปลี่ยนเป็นความสงสัยแทน
เนื่องจากมันไม่เล่นกับเรือนร่างของเธอเหมือนทุกครั้ง ความจริงมัน
กาลังดมกลิ่นตามตัวของเธอ

ผ่านไปสักพักบิ๊กก็ผละตัวออกไป เปลี่ยนมามองสารวจสภาพ
ร่างกายของเธอ จนมาหยุดที่เสื้อคลุมกันแดด มันหยิบไปสูดดมอย่าง
รวดเร็ว

ยิ่งผ่านไปต่อกี่วินาทีต่อกี่วินาที ใบหน้าของบิ๊กเริ่มดูบิดเบี้ยว แวว


ตาของมันสาดประกายของความโหดเหี้ยม ปากเริ่มแยกเขี้ยวจนริม
ฝีปากสั่น มือเริ่มกาแน่นจนสั่นระรัว ไม่นานหลังจากนั้น มันลุกพรวด ดีด
เก้าอี้กระเด็นไปทางด้านหลังอย่างแรงจนล้ม มันวางกระแทกขวดยา
วิเศษลงบนโต๊ะด้วยความรุนแรง จนน้าก๋วยเตี๋ยวในถ้วยที่วางอยู่ใกล้ๆ
กระฉอก

“เป็นบ้าอะไรของแกขึ้นมายะ ?!” จอยรีบลุกถอยออกห่าง เพราะ


ในตอนนี้ร่างกายาตรงหน้าเริ่มทาเธอรู้สึกหวาดกลัว

“มันเป็นใคร”

ตัวอักษรที่บิดเบี้ยวจวนแทบไม่เป็นรูปร่าง เมื่อรวมกับเสียงคาราม
ของบิก
๊ จอยรู้ได้ทันทีว่ามันกาลังเกิดโทสะ

“แกหมายถึงอะไร ฉันไม่เข้าใจ ?”
ดูเหมือนคาถามของเธอจะยิ่งทาให้มันโกรธมากขึ้น บิ๊กทุบโต๊ะดัง
สนั่นจนถ้วยก๋วยเตี๋ยวกระเด้งตกไปแตกกระจาย รวมไปถึงสิ่งของอื่นๆ ที่
อยู่บนโต๊ะด้วย

“แกเป็นบ้าหรือไงยะ !” จอยถอยออกห่างไปอีกด้วยความตกใจ
เพราะเห็นบิ๊กปัดโต๊ะอย่างแรง จนมันไปกระแทกอ่างล้างจาน

“มันเป็นใคร น้องจงบอกมา น้องคบกับใครอีกนอกจากพี่”

บิ๊กชูเสื้อคลุมให้ดู ทาจอยมึนงงไปประมาณหนึ่งวินาทีก็ฉุกคิดได้
บิ๊กมีลักษณะเหมือนพวกสัตว์ตระกูลหมา แสดงว่ามันต้องมีประสาท
สัมผัสในการดมกลิ่นดีเยี่ยมไม่แตกต่างกัน ไม่แน่มันอาจได้กลิ่นกายขอ
งอเล็กซ์ที่ติดกับเสื้อคลุม

หลายวินาทีผ่านไป จอยได้แต่กระอึกกระอัก ไม่กล้าพูดเพราะกลัว


ถูกทาร้าย แต่ที่เธอไม่รู้ ยิ่งเธอปิดบัง จะส่งผลทาให้เรื่องมันเลวร้าย
กว่าเดิม

ทุกขณะที่ร่างกายาตรงหน้าก้าวเข้ามา พร้อมส่งเสียงคารามอย่าง
คุกคามและคาดคั้น ทาให้จอยหวาดผวามากขึ้น จนกระทั่งเธอก็ไม่อาจ
ถอยหนีไปไหนได้อีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้แผ่นหลังของเธอติดผนัง
ของห้องครัวแล้ว

บิ๊กแสดงความเกรี้ยวกราดอีกครั้ง มันกลางกรงเล็บข่วนตู้เก็บจาน
ข้างๆ จนแผ่นไม้เป็นรอยทางยาว ตอนนี้จอยหวาดกลัวมันจริงๆ และยัง
เป็นความหวาดกลัวมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต
“มันเป็นใคร จงบอกมา บอกมา บอกมา”

บิ๊กคารามเสียงดังลั่น ราวกับมันเตือนให้รับรู้ว่ามันจะไม่ทนอีก
ต่อไป ถ้าเธอยังไม่พูดออกมาอีก

“เออก็ได้ เขาเป็นแฟนฉันเอง แกได้ยินชัดไหม ไอ้หมาบ้า !” จอย


โพล่งออกไปอย่างควบคุมไม่ได้

แน่นอนว่าคาพูดนั้นจะต้องทาให้บิ๊กทวีความโกรธมากขึ้น จนมัน
เนื้อตัวสั่นดูราวกับจวนควบคุมสติไม่ได้ ต่างจากจอยในตอนนี้ เธอถูก
ความกลัวถาโถมกดดันเข้าใส่ ทาให้เธอเกิดความกล้าบ้าบิ่นและความ
โกรธจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก

“แกจะทาไมไอ้หมาบ้า ! ฉันจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนบ้างไม่เห็น
แปลกอะไร ในตอนที่ฉันต้องการแกให้มาช่วย แกก็ไม่มา แกรู้ไหมว่า
ฉันโดนอะไรมาบ้าง ฉันถูกทาร้าย และยังเกือบถูกข่มขืน เผลอๆ จะ
กลายเป็นศพในป่าละเมาะข้างทาง ผู้ชายที่ฉันคบหาด้วยเขาก็เป็นคนมา
ช่วยฉัน ไม่ใช่แก แกรู้ไหมว่าฉันร่าร้องเรียกหาแกอยู่ตั้งนาน แต่แกไม่
มา แกไปอยู่ไหนในตอนที่ฉันต้องการแกมากที่สุด” จอยปาดน้าตาที่
ทะลักออกมาไม่หยุด “ไอ้ตัวอย่างแกมาถึงก็จะทาเรื่องอย่างว่าเพียงอย่าง
เดียว ไม่มีตรงส่วนไหนที่แกบอกว่ารักฉัน ถ้าแกรักฉันจริง แกก็เปิดเผย
ตัวจริง แล้วมาขอฉันแต่งงาน ไม่ใช่มาแต่ร่างกึ่งหมาอย่างนี้ !”

คาพูดเก็บกดมานานของจอย ทาบิ๊กอ้าอึ้งเพราะตั้งตัวไม่ทัน พร้อม


กันนั้นความโกรธของมันสลายหายไปสิ้น

“ใช่สิ ฉันมันก็เหมือนหมาตัวเมีย ไอ้ตัวผู้อย่างแกเมื่อได้แล้วก็ทิ้ง


ไป ได้ยินไหมไอ้หมาบ้า !” จอยเสียงสั่นเครือจนแทบจับใจความไม่รู้
เรื่อง “ถ้าแกไม่รักฉันก็ไปให้พ้นจากบ้านของฉันเลย เพราะฉันจะไม่ยอม
เป็นอีนางตัวเมียให้แกปู้ยี่ปู้ยาอีก”

บิ๊กทาเสียงเหมือนหมาออดอ้อน ใบหูทั้งสองข้างล้มพับไปด้านหลัง

“ไม่ ! แกอย่ามาแตะต้องฉัน !”

ขณะบิ๊กจะโอบกอดเพื่อแสดงถึงความเสียใจและขอโทษ จอยปัด
มือของมันออกอย่างแรง

“ไอ้ตัวหนังสือบ้าๆ ที่มันลอยเป็นแมลงหวี่แมลงวันนี่ อย่ามาให้ฉัน


เห็น !” เธอปัดหมอกที่กาลังรวมตัวเป็นหนังสือตรงหน้า “แกออกไปจาก
บ้านของฉัน ออกไปเลยไอ้หมาบ้า !” เธอชี้ไปทางประตูหน้าบ้านด้วย
อาการมือสั่น “ฉันจะไม่องไม่อ่านหนังสืออะไรของแกอีก ออกไปจาก
บ้านของฉันเดี๋ยวนี้ !”

จอยเบิกตากว้าง รู้สึกหัวใจกระตุกวูบ เพราะเห็นบิ๊กหันตัวแล้วเดิน


ไปจากเธอจริงๆ

บิ๊กเดินไปจนกระทั่งถึงหน้าประตู มันกลับหยุดชะงัก หันมาสบตา


แต่เพียงครู่เดียว ก่อนเปลี่ยนมาวิ่งเป็นแบบสี่ขาออกไปจากบ้าน หายไป
ในความมืดของค่าคืน

ภาพนั้นทาจอยตัวสั่นเพราะเกิดอารมณ์สุดอดกลั้นเอาไว้ได้ไหว
“ไอ้หมาบ้า !” เธอจับสิ่งของที่อยู่ใกล้มือที่สุด เอามาปาไปทางประตู “แก
ไปเลยไอ้หมาบ้า ไปเลย อย่ากลับมาอีก ได้ยินไหมไอ้หมาบ้า ไปเลย ไป
เลย ไปเลยยยยยย !” เธอตะโกนสุดเสียง จนกระทั่งลมปอดหมดสิ้น เธอ
ขาอ่อนอย่างหมดเรี่ยวแรง ลงไปนั่งเหมือนท่าพับเพียบ มือปิดหน้าแล้ว
ปล่อยน้าตาให้มันไหลออกมาไม่หยุด เธอไม่คาดคิดว่ามันจะไปจริงๆ
อย่างนี้ เธอแค่อยากให้มันแสดงความรับผิดชอบเท่านั้น ไม่ใช่มาถึงก็จะ
พาขึ้นเตียงอย่างเดียว

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 34

หลังจากให้ปากคาเสร็จ อเล็กซ์สังเกตจอยดูเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อ
กับตัวมาตั้งแต่เช้า จนกระทั่งเขาอดสงสัยไม่ได้จึงถามขึ้นมา

“คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ?”

จอยหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด ส่ายหน้าให้กับคาถามของชาย
หนุ่ม “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดอะไรเพลิดเพลินไปแค่นั้น”

“บอกกับผมได้นะครับ ผมยินดีให้คาปรึกษาและช่วยเหลือเสมอ”
อเล็กซ์ไม่เชื่อในคาพูดที่ได้ยิน แค่สังเกตจากแววตาและน้าเสียงของเธอ
เขาก็รู้ว่าเธอต้องมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ แต่ไม่กล้าพูดออกมา เขาจึงเลือกพูด
ด้วยน้าเสียงเหมือนเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไปที่หยิบมาพูดคุยกัน เธอจะ
ไม่รู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับให้เล่า แต่ถ้าถามเจาะจงตรงๆ หรือใช้น้าเสียง
จริงจัง อาจยิ่งทาให้เธอไม่กล้าพูดออกมามากกว่าเดิม และอาจทาให้เธอ
รู้สึกกดดัน

จอยเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกาลังชั่งใจ จนกระทั่งเธอคงเลือก
คาตอบได้จึงพูดออกมา “ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ”

อเล็กซ์ทาเสียงอ้าอึ้งเหมือนกาลังคิดตามประสาฝรั่งก่อนพูด “เรา
ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันไหมครับ ? วันนี้ผมได้ยินมาว่ามีร้านเปิดใหม่ เขา
เป็นร้านที่มีพ่อครัวส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง รับรองคุณได้ลิ้ม
รสจากต้นตารับของแท้ ไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปถึงต่างประเทศแน่นอน
ครับ”
เหตุผลที่อเล็กซ์พูดไปเรื่องอื่น เพราะคิดว่าถ้าเธออยากจะเล่าก็คง
เล่าออกมาเอง ถ้าไปซักไซ้มากๆ เข้า จะกลายเป็นบุกรุกเรื่องส่วนตัว
อาจทาให้เธอไม่ชอบ
__________

หลายวันผ่านไป จอยยังคงมีอาการเหม่อลอยเกือบตลอดเวลา
บางครั้งเผลอใส่กาแฟไปเกือบเต็มถ้วยก็ยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งพนักงาน
อีกคนเข้ามาทัก ถึงจะรู้สึกตัวว่ากาลังทาอะไรอยู่

ไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้เป็นมาจากอะไร หรือความจริงเกิดจากบิ๊ก
เพราะนับตั้งแต่เห็นมันวิ่งจากไป จอยก็เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองอีก
หรือว่า... เธอหลงรักมันเข้าแล้ว !!!

ดังนั้นอาการนี้อาจเป็นได้เพียงอย่างเดียว เธออกหักเพราะมัน

หลังจากเลิกงานและกลับมาถึงบ้าน จอยไม่แตะต้องของกินใดๆ
เธอเดินขึ้นไปนอนแผ่แน่นิ่ง เอาแต่มองเพดานอย่างเหม่อลอยอยู่อย่าง
นั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงสองทุ่มกว่า เธอเริ่มมีการเคลื่อนไหว หยิบ
ซองเชิญไปงานแต่งงานของเพื่อน ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง เอามามองดู

ในซองมีกระดาษที่เขียนเอาไว้อย่างละเอียดว่าเป็นการแต่งงาน
ของใคร มีทั้งชื่อเล่นและเชื่อจริง เพื่อให้คนรู้จักรับรู้ เนื่องจากบางคน
รู้จักกันมาเนิ่นนานแต่ไม่เคยรู้จักชื่อจริงก็มี

เจ้าบ่าว นายแพทย์ ป๊อป ชื่อจริง นาย สมศักดิ์ นามสกุล...

เจ้าสาว ก้อย ชื่อจริง นางสาว จันทร์แสง นามสกุล...


จอยไล่อ่านชื่อและรายละเอียดต่างๆ วนซ้าอยู่อย่างนั้น แต่ภายใน
หัวของเธอไม่ได้มีภาพของเพื่อนหญิงและสามีของเพื่อน ความจริงเธอ
จินตนาการว่าตัวอักษรที่เห็นนั้นเป็นงานแต่งของตัวเอง เธอได้เป็น
เจ้าสาว สวมใส่ชุดสวยอยู่ท่ามกลางแสงสีของความรื่นเริง ส่วนใครเป็น
เจ้าบ่าว เธอยังไม่สามารถสร้างภาพออกมาในหัวได้ในตอนนี้

จอยไม่รู้ว่าอ่านวนเป็นครั้งที่เท่าไร มารู้สึกตัวอีกครั้งเพราะได้ยิน
เสียงลูกบิดประตูห้องนอน ทาเธอกระเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อม
หันไปมองทางประตู ภายในหัวเกิดความคิดแรกขึ้นมา มันต้องเป็นโจรที่
จะเข้ามาทามิดีมิร้าย

แต่ก่อนจะคิดอะไรเลยเถิดไปมากกว่านั้น ประตูถูกเปิดแง้มช้าๆ
เผยให้เห็นร่างกายา ซึ่งมีร่างกายปกคลุมไปด้วยขนสีดาสะท้อนแสงเป็น
เงา

ภาพของบิ๊กทาให้เกิดความตื่นเต้นดีใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็
ทาให้เกิดความโกรธ ใจของเธออยากจะโผเข้าหา แต่อีกใจก็ไม่อยากจะ
เข้าใกล้ อยากจะหนีไปให้ไกลจากตรงนี้แทน ความรู้สึกตรงข้ามทั้งสอง
อย่างนี้ผสมกันมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ยังไง แต่มันก็เป็นไปแล้ว

ขณะภายในหัวเกิดความลังเล เพิ่งสังเกตเห็นมันถืออะไรมาด้วย

เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ในตอนนี้จอยนั่งอยู่บนเก้าอี้
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดโต๊ะอาหารเรียบง่าย เหมือนตอนที่บิ๊กเรียกเอา
ออกมาตั้งอยู่กลางป่า แต่คราวนี้ชุดโต๊ะอาหารตั้งอยู่ในห้องนอน ตรง
หน้าจอยมีอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่เธอชื่นชอบ มองเลยขึ้นไปเล็กน้อยที่
กลางโต๊ะมีเชิงเทียน มอบแสงริบหรี่ให้กับภายในห้องมืดมิด ที่ฐานเชิง
เทียนมีช่อดอกไม้สวยงาม ส่วนผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของจอยเป็นบิ๊ก
เบื้องหน้าของมันมีจานสเต๊กกุ้งสับ ซึ่งเป็นอาหารที่มันชื่นชอบ

เหตุผลที่บิ๊กเอาอาหารออกมาตั้งในห้อง เนื่องจากมันเพิ่งเดินผ่าน
ห้องครัว จึงเห็นถุงกับข้าวที่กองอยู่บนโต๊ะ เมื่อมาถามจอย จึงได้รู้ว่าเธอ
ยังไม่ได้กินอะไรจริงๆ อย่างที่มันคิด

ตั้งแต่นั่งลงเก้าอี้ จอยไม่เคลื่อนไหวอะไรนอกจากมองดวงตาสี
เหลืองที่สะท้อนเป็นสีเขียวอ่อนเบื้องหน้า บางครั้งก็จ้องมองเปลวไฟ ไม่
ก็เป็นน้าตาเทียนที่กาลังไหลลงมาทีละนิดเหมือนการนับเวลาถอยหลัง
แต่บางครั้งก็มองที่อาหาร เกิดความเงียบอย่างนี้อยู่นาน ทาให้เกิดความ
อึดอัดขึ้นมาอย่างน่าแปลก

จอยมองช่อดอกไม้อีกครั้ง นึกไปถึงตอนที่มันเปิดเข้ามาพร้อมของ
สิ่งนี้ในมือ

ตอนนั้นที่มันเดินเข้ามาหา ทุกก้าวเท้าของมันดูเต็มไปด้วยความ
มั่นคง เช่นเดียวกับดวงตาของมันที่สื่อความแน่วแน่ออกมา

ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไร จนกระทั่งบิ๊กเดินมาถึง คุกเข่าลง


ตรงหน้าแล้วส่งช่อดอกไม้ให้ แต่ช่อดอกไม้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ดอกไม้
สวยงามอย่างเดียว มันยังมีแผ่นการ์ดใบเล็กเสียบอยู่ ซึ่งมีตัวหนังสือ
เขียนเอาไว้ว่า พี่ขอโทษ

คาง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ก็สามารถทาให้จอยมีรอยยิ้ม


เบาบางและใบหน้ายังเริ่มแดงระเรื่อด้วยความเขิน นอกจากนี้เธอยังคาด
ไม่ถึงว่ามันจะมีมุมอย่างนี้ให้เห็น เพราะปกติเธอมักจะเห็นมันในมุมขี้เล่น
มุมป่าเถื่อน และมุมไอ้ตัวหื่น
ช่อดอกไม้ที่มันเอามาให้ เป็นดอกลิลีสีขาว จากที่เคยอ่าน
ความหมายเกี่ยวกับดอกไม้ในวันสาคัญต่างๆ ถ้าจาไม่ผิด สาหรับดอกลิ
ลีสีขาวนี้ หมายถึงการ ขอโทษ

จอยและบิ๊กยังคงนั่งจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเปลวไฟที่
หัวเทียนมันเผาไหม้จวนจะหมดแท่ง จอยยังคงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับมัน
ส่วนเรื่องจะให้อภัยกับมันหรือไม่ เธอยังคงไม่ให้คาตอบ นอกจากตอบ
คาถามเรื่องที่มันถามว่า หิวหรือไม่ เท่านั้น แต่กระนั้นความโกรธที่มีอยู่
ภายในใจของเธอก็ลดลงไปมาก

บิ๊กใช้นิ้วเคาะโต๊ะเล่นเป็นจังหวะ หันหน้าไปมองดูดวงจันทร์ที่อยู่
นอกหน้าต่าง เหมือนกับว่ามันเองก็ไม่รู้จะสื่อสารอะไรกับเธอ
เช่นเดียวกัน

จอยจึงยื่นมือไปจับดอกไม้เล่นอย่างใจลอย เพื่อฆ่าเวลาตอนนี้ไป
รอคอยจนกว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างมาเปลี่ยนบรรยากาศเช่นนี้

ผ่านไปเกือบนาที มีมือใหญ่มาวางทาบบนหลังมืออย่างบางเบา ทา
ให้จอยรู้สึกตัว

ในดวงตาของบิ๊กและมือของมันที่จับมือของเธอ เหมือนต้องการ
สื่อสารบางอย่างให้รับรู้

แต่จอยชักมือกลับ ปล่อยให้มือของมันถูกทิ้งอยู่ตรงนั้น

บิ๊กถอนใจเบาบาง ลุกขึ้นเดินมาหาเธอ แล้วนั่งคุกเข่า


จอยเห็นมันล้วงกระเป๋าเอากล่องกามะหยี่สีแดงใบเล็กออกมา
ลักษณะของอย่างนั้นทาให้เธอนึกไปถึงของสิ่งหนึ่ง แต่กระนั้นเธอไม่
มั่นใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือไม่ จึงมองตัวอักษรที่กาลังก่อตัวจากหมอกให้
อ่านอย่างใจจดใจจ่อ

“พี่อาจแสดงความรักเหมือนคนธรรมดาไม่เก่งเท่าไร พี่อาจมี
อารมณ์ร้อนไปบ้าง แต่พี่อยากให้น้องรับรู้ว่าพี่รักน้อง พี่ยอมปรับปรุงตัว
พี่จะไม่ทาให้น้องต้องมีน้าตาอีกต่อไป น้องยอมรับในสิ่งที่พี่เป็นได้
หรือไม่ ?”

จอยรู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจเต้นรัว ไม่ว่าจะเกิดจากความหมาย
ตัวหนังสือที่อ่าน และเกิดจากเห็นกล่องที่ถูกเปิดฝา เผยให้เห็นแหวน
เพชรสีเหลืองครึ่งเสี้ยวเหมือนดวงจันทร์

ตอนนี้ภายในหัวเหมือนมีเรื่องราวหลายๆ เรื่องเข้ามาให้คิดจน
แทบปวดหัว ทั้งที่จริงมีคาตอบง่ายๆ ให้เลือกอยู่แค่สองทางเท่านั้น

ถ้าตอบรับความรักจากบิ๊ก จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอที่
เหลืออยู่ ? นี่เป็นคาถามที่เธอคิดเป็นภาพไม่ออก เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าจะ
มีอะไรรออยู่กับหนทางเบื้องหน้าของชีวิตคู่

แตกต่างจากอเล็กซ์ ถ้าเธอเลือกหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ เธอพอจะเดา


ออกว่าชีวิตที่เหลืออยู่ต้องออกมาเป็นรูปแบบไหน

การตัดสินใจนี้มันส่งผลต่อชีวิตของเธอในภายภาคหน้าอย่างมาก
จริงๆ จอยจึงครุ่นคิดกลับไปกลับมาไม่หยุด
เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาที จอยสังเกตแววตาสีเหลืองนั้นเริ่มดู
เหมือนการอ้อนวอน ใบหูของมันยังค่อยๆ ล้มพับไปด้านหลัง บ่งชี้อย่าง
ชัดเจนว่ามันเริ่มหวาดกลัว ถึงแม้มันไม่สามารถสื่อสารเป็นคาพูดเมื่อยาม
อยู่ในร่างนี้ แต่การแสดงออกเพียงแค่นี้จอยก็เข้าใจได้ทันที มันต้องกลัว
คาตอบที่ไม่ได้เป็นไปตามดังใจหวัง ไม่ว่าจะเป็นทางวาจา หรือท่าที
หรือว่าเป็นความรู้สึกที่แสดงออกทางใบหน้า หรือรวมไปถึงการปฏิเสธ
ด้วยความเงียบ ไร้คาตอบที่จะมอบให้กับมัน อย่างเช่นในตอนนี้

แต่ความจริงคิดหนักเพียงชั่วครู่เท่านั้น จอยรู้สึกดีที่ได้แกล้งมัน
บ้าง เธอเผยรอยยิ้มทีละเล็กทีละน้อย แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมา
ทาบิ๊กเบิกตาอย่างตะลึง ยิ่งเธอได้เห็นใบหน้าของมันอย่างนี้ ทาเธอ
หัวเราะไม่หยุดจนน้าตาไหล

“ฉันชอบตอนแกแสดงใบหน้าอย่างนี้จริงๆ” จอยปาดน้าตาออก แต่


ยังคงไม่หยุดหัวเราะ “ต้องได้อยู่แล้วสิ ไม่งั้นฉันจะยอมให้แกมาเล่นกิน
ตับบนเตียงทุกคืนได้ไง”

คาพูดของจอยพลอยทาให้บิ๊กอดหัวเราะตามไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะ
มันรู้สึกตลกกับมุกตลกของเธออย่างเดียว มันยังดีใจเพราะได้ยินคาพูด
ตอบรับความรักจากมัน มันดีใจจนเผลอตัวเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉาน
แสดงการกระดิกหางให้เห็นไม่หยุด

“สวมเร็วๆ สิ ฉันไม่ชอบรออะไรนานๆ แกก็รู้หนิ”

หลังจากยื่นมือออกไป บิ๊กสวมแหวนข้างนิ้วนางให้กับเธออย่าง
บรรจง แต่ทว่ามันหลวมเกินไปสาหรับนิ้วผู้หญิง กระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
แหวนมันหดตัวลงเรื่อยๆ จนกระทั่งอยู่ในขนาดพอเหมาะสาหรับนิ้วของ
เธอได้พอดิบพอดี ทาจอยแปลกใจไม่น้อยว่าแหวนมันสามารถทาอย่างนี้
ได้ด้วยหรือ ? แต่ครู่เดียวที่เธออยู่ในอาการตกตะลึง ถ้าจะเอาความ
มหัศจรรย์นี้ไปเปรียบเทียบกับหลายๆ เรื่องที่เธอได้พบเจอมา ดู
กลายเป็นเรื่องเศษเสี้ยวของความมหัศจรรย์ไปทันที

จอยโผเข้าหาบิ๊ก ในตอนนี้เธอไม่สนใจว่ามันจะเป็นตัวอะไร หรือ


ว่าเป็นใคร มีรูปร่างหน้าตาดีแค่ไหน เพราะในตอนนี้เธอรู้ในใจของ
ตัวเองดีแน่แล้ว เธออยู่กับมันแล้วสบายใจ มันทาให้เธอหัวเราะมี
ความสุขได้มากที่สุด และเธอก็รักมัน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีอาการไม่เป็น
ตัวของตัวเองอย่างนี้

“พี่สัญญา พี่ขอเวลาเพียงอีกห้าวัน พี่จะมาขอแต่งงาน พี่จะเปิดเผย


ตัวจริงให้น้องเห็น พี่จะไม่ปิดบังตัวตนอีกต่อไป พี่ให้สัญญา”

“สัญญาแล้วห้ามคืนคา เข้าใจไหมไอ้หมาบ้า ไม่งั้นฉันจะเอาแกไป


คลินิกตอนไข่ให้สูญพันธุ์แน่”

“ได้เลยจ้ะ พี่ให้สัญญา น้องเตรียมตัวรอเลี้ยงลูกหมาได้เลย พี่จะ


ทาเอาให้จนครบหนึ่งโหล”

จอยตลกกับความขี้เล่นของมัน แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะมีอยู่ไม่
นาน เธอหยุดชะงักแค่นั้น ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย เพราะเพิ่งรู้สึกตัว
ท่อนแขนทั้งสองข้างของมันในตอนนี้ไม่ได้โอบกอดเธอ แต่กลับล้วงเข้า
ไปใต้กางเกงในของเธอตั้งแต่ตอนไหนก็มิอาจทราบ ส่วนมืออีกข้าง
ในตอนนี้ต้องกาลังรูดซิปกางเกงของมันอยู่ เพราะเธอได้ยินเสียงรูดซิป
อย่างชัดเจนเต็มสองหู

จอยร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ บิ๊กลุกพรวดโดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัว
พร้อมจับตัวเธอโยนขึ้น ช่วงขณะที่ตัวเธอลอยอยู่กลางอากาศ มือของ
มันไวจนไม่น่าเชื่อ ฉีกกางเกงของเธอแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นรวบ
ตัวของเธอมากอดแน่น แล้ววิ่งไปจนแผ่นหลังของเธอชนผนังห้อง
จอยเบิกตาโตกว่าเดิม ส่งเสียงเฮือกออกมาจากปากที่อ้ากว้าง นิ้ว
มือจิกเข้าแผ่นหลังของมนุษย์หมาป่า เพราะทันทีที่หลังของเธอชนผนัง
ตัวของเธอถูกจับกดลงไปเจอบางสิ่งที่ใหญ่ยาว แล้วสิ่งนั้นยังบุกเข้าไป
ถึงภายในจุดที่ล้าลึกที่สุด

บิ๊กไม่ยอมให้เสียเวลาแม้เสี้ยววินาที ร่างกายท่อนร่างของมัน
เคลื่อนไหวกระแทกด้วยความหนักหน่วง จนตัวเธอถึงกับเด้งขึ้นๆ ลงๆ บิ๊
กขบฟันแน่นด้วยความเสียว แต่ดูเหมือนจะแยกเขี้ยวแทนมากกว่า
พร้อมส่งเสียงคารามอย่างดุดัน

“อย่าเพิ่งด่าพี่นะจ๊ะ พี่ต้องรีบ เดี๋ยวเราไม่ได้ลูกถึงหนึ่งโหล”

ข้อความที่ลอยอยู่ทางด้านหลังของบิ๊ก จอยแทบอยากจะด่าออกมา
ทันที ‘ไอ้หมากะล่อน !’

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 35

ในวันนี้ช่วงเย็นอเล็กซ์มีเวลาว่าง จึงพาจอยไปนั่งกินอาหาร
เหมือนตามเคย คราวนี้บรรยากาศดูโรแมนติกกว่าครั้งไหนๆ ทั้งหมด
เนื่องจากร้านอาหารแห่งนี้จัดเป็นสไตล์ธรรมชาติ มีพุ่มดอกไม้สวยงาม
ประดับอยู่จุดต่างๆ ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินเป็นอาหารตา แต่ละโต๊ะถูก
จัดแยกห่างกันค่อนข้างมาก เพื่อให้ลูกค้าผู้มีเกียรติมีพื้นที่ส่วนตัวจะได้
พูดคุยกัน

แม้มีอาหารตบแต่งสวยงามน่ารับประทานอยู่ตรงหน้า แต่จอยไม่
แตะต้อง เนื่องจากไม่มีอารมณ์อยากจะกิน เธอเอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งอาหารเย็นชืด เนื่องจากในวันนี้เธอมีคาพูดอยากสารภาพให้อ
เล็กซ์รับรู้ คาพูดนั้นอาจกลายเป็นเหมือนมีดทิ่มแทงหัวใจ เธอจึงเลือก
ยืดเวลานี้ออกไป เพราะอยากให้เขามีความสุขกับเธอจนถึงนาทีสุดท้าย

“คุณเป็นอะไรครับ” อเล็กซ์วางช้อนส้อมตักอาหารเพื่อหยุดคุย “ผม


สังเกตคุณมีอาการแปลกๆ อย่างนี้มาหลายวันแล้ว”

จอยกระอึกกระอักเพราะลังเล ไม่รู้ว่าจะตอบคาถามอย่างไร หรือ


ว่าจะเริ่มต้นอธิบายยังไง

“ถ้าคุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไร คุณเล่าให้ผมฟังก็ได้ครับ ผมยินดี


รับฟังหมด ถ้าช่วยทาให้คุณหายอึดอัดได้”

จอยยังคงไม่กล้าพูดออกมา นอกจากทาริมฝีปากเผยอเหมือน
อยากจะพูดอยู่อย่างนั้น
เหมือนอเล็กซ์จะเข้าใจ จึงเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ คง
ไม่อยากให้เธอรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับ “ผมจะเล่าอะไรให้คุณฟังเรื่อง
หนึ่ง คุณอยากจะฟังไหมครับ ?”

แม้จอยไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาเปลี่ยนเรื่องคุยฉับพลัน แต่เธอก็พยัก
หน้า “เล่ามาเลยค่ะ”

“ช่วงที่ผมเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นผมมีแฟนคนแรก ทาให้ผมรู้จักคาว่า


ความรัก แต่ขณะเดียวกันผมก็เพิ่งเข้าใจคาว่าผิดหวังเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์ตอนนั้นคล้ายกับเหตุการณ์ของลาล่า ผมไปเจอเธอคบชายอื่น
แต่ผมกับชายคนนั้นไม่ได้มีเรื่องชกต่อยกันนะครับ เราพูดคุยกัน จนได้
ข้อสรุป เราให้ทางเลือกกับผู้หญิง ปล่อยให้เธอตัดสินใจเอาเองว่าจะ
เลือกใคร สุดท้ายเธอไม่ได้เลือกผม เธอบอกเลิกกับผม เพราะเหตุผล
ง่ายๆ ตัวผมไม่ได้เหมาะกับเธอ ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองเตรียมใจได้ดี
แล้วถ้าเกิดไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง แต่ความจริงเปล่าเลย ผมยอมรับไม่ได้
ตอนนั้นผมรู้สึกได้ทันทีว่าชีวิตของตัวเองไร้ความหมาย แต่ผมไม่ได้จะ
คิดสั้นเหมือนในข่าวนะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะพลางโบกมือ คงกลัวว่า
จอยจะเข้าใจผิด “ในตอนแรกผมเจ็บปวดมากกับการอกหัก จนเมื่อผม
เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง เชื่อไหมครับ ความรู้สึกอกหักที่ผมได้สัมผัส
กลับหายไปอย่างน่าประหลาด ผมให้คุณลองทายดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับ
ผม”

จอยนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะกาลังทาความเข้าใจตรงประโยคท้าย ก่อน
ส่ายหน้าพร้อมยิ้มแหย “ขอโทษค่ะ ฉันทายไม่ถูกจริงๆ ค่ะ”

“ก็เพื่อนผมน่ะสิ มันหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก ความรู้สึกอกหักผมนี่


เปลี่ยนเป็นโมโหสุดขีด ผมไล่เตะมันไม่หยุด ตอนนั้นผมจาได้แม่น มัน
ล้อเลียนให้ผมไล่เตะมัน ผมนี่วิ่งไล่ตามเกือบทั่วโรงเรียน กว่าผมจะขา
อ่อนจนไม่มีแรงวิ่งไล่ เหงื่อนี่ท่วมตัวจะดูแทบไม่ได้ หลังจากนั้นมันเดิน
กลับมาพูดกับผม ผมถึงได้รู้ว่าเหตุผลที่มันยั่วอารมณ์ ความจริงมันอยาก
ให้ผมลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดไป มันก็ใช้ได้ผลดีจริงๆ ครับ ทาผมนี่ลืมไป
เลยว่ารู้สึกอกหักอยู่ แต่ความเหนื่อยไม่ลืมแน่นอนครับ” ชายหนุ่มลูกครึ่ง
กลั้วหัวเราะ

“แค่นั้นเองหรือคะ ? ที่ทาให้คุณหายอกหัก” จอยไม่อยากเชื่อว่า


เพียงแค่นี้จะทาให้ลืมไปได้

อเล็กซ์ส่ายหน้า “ไม่ครับ แค่ทาให้ผมลืมไปชั่วคราวเท่านั้น ยังไง


ผมก็ต้องขอบใจเพื่อนคนนี้ มันนิสัยดีมาก แต่มันไม่ค่อยสื่อสารออกมา
เป็นคาพูดเท่าไรนัก ส่วนใหญ่มักสื่อออกมาทางการกระทามากกว่า มัน
พยายามหากิจกรรมต่างๆ มาให้ผมทา ตอนแรกผมก็ราคาญมันที่ชอบ
นาแต่เรื่องมาให้เหนื่อย ภายหลังผมถึงเข้าใจว่ามันไม่อยากปล่อยให้ผม
มีเวลาว่าง ไม่งั้นผมก็คงเอามาแต่นั่งอมทุกข์ แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก
ครับที่ทาให้ผมยอมตัดใจ มากกว่าครึ่งเป็นเพราะเวลาครับที่ทาให้ผม
ยอมรับความจริงและก้าวเดินต่อไปได้” อเล็กซ์ยกแก้วน้าดื่มก่อนพูดต่อ
แต่คราวนี้ในแววตาของเขาเหมือนตั้งใจสื่อให้รับรู้ว่าต่อไปนี้เป็นเหตุผล
จริงๆ ของเรื่องที่เล่ามา “ถ้าคุณมีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็เล่ามาให้ผมฟังก็ได้
ครับ บางทีผมอาจมีกิจกรรมให้คุณทาเล่นๆ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ

การคิดหาคาพูด ในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป สาหรับจอยเหมือนนาน


มาก เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร เวลาพูดออกมาถึงจะไม่เป็นการทา
ร้ายจิตใจของเขามากเกิน

จนกระทั่งนึกถึงเรื่องที่เลขาเหมยเล่าและเรื่องที่อเล็กซ์เล่าให้ฟัง
จอยจึงเอามาเป็นเรื่องเปิดทาง
“คุณอเล็กซ์ยังจาเรื่องที่บอกฉันตอนที่อยู่โรงพยาบาลได้ไหมคะ ?
เรื่องที่คุณเล่าให้ฟัง ตัวคุณบอกกับลาล่าว่าให้เธอเปิดใจ แล้วจะเจอคนที่
เหมาะสมกับตัวเอง ฉันขอถามคุณกลับ ถ้าสมมุติคุณมีแฟน แต่แฟนคน
แรกนี้ต้องอยู่ห่างกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แถมยังไม่สามารถ
ติดต่อสื่อสารหากันได้ด้วย คุณไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาเมื่อใด หรือว่าจะมี
โอกาสได้พบเจอกันอีกหรือไม่ ในช่วงเวลาที่อยู่ห่างกันนี้ มีผู้หญิงอีกคน
เดินก้าวเข้ามาในชีวิตของคุณ ทาให้คุณเกิดหวั่นไหว จนกลายเป็น
ความรัก ในขณะที่ความรักของคุณกับแฟนใหม่ดาเนินไปได้ด้วยดี แต่
แฟนคนแรกย้อนกลับมาหาคุณอีกครั้ง คุณตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทายังไง
สุดท้ายเลือกคบผู้หญิงสองคนพร้อมกัน แต่เป็นการคบหากันแบบสลับ
ช่วงเวลา ผู้หญิงทั้งสองคนนี้จึงไม่เคยมาปะทะกันแม้ครั้งเดียว แต่ยังไง
มันก็มีแค่ทางเลือกเดียว ให้คุณเลือกคนที่จะมาเดินคู่เคียงไปกับชีวิตที่
เหลือ หลังจากคุณตกลงใจกับคนที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุดได้แล้ว คุณ
ไม่รู้ว่าจะบอกผู้หญิงอีกคนว่ายังไง แท้จริงแล้วตัวคุณเองมอบใจให้กับ
ใครอื่น ถ้าเป็นคุณ คุณจะทายังไงคะ ? หรือว่าคุณจะใช้คาพูดคล้ายๆ ที่
บอกกับลาล่า เอาไปบอกกับผู้หญิงอีกคนคะ ?”

อเล็กซ์เงียบไปนาน เหมือนกับว่าตัวอย่างของเรื่องนี้ทาให้ขบคิด
หนัก หรือไม่มันเป็นเรื่องยากมากต่อการหาคาตอบ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน ในทุกวินาทีที่ผ่านไปนั้น แววตาของอเล็กซ์


ที่เคยสื่อออกมาถึงความสุข เริ่มดูจางหายไปทีละเล็กละน้อย อาจเป็น
เพราะเขาสังเกตได้ว่าเรื่องสมมุตินี้มีส่วนจริงผสมผสานอย่างแนบเนียน
อยู่

“ขะ... คุณจอยครับ...” น้าเสียงของอเล็กซ์เริ่มฟังดูสั่น “คุณ


หมายถึงเรื่องของเรา ฉะ... ใช่ไหมครับ ?”
จอยแน่ใจว่าเขาต้องเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พูดออกมาอย่างนี้

ยิ่งสบตาของเขา ทาให้ภายในใจของเธอรู้สึกผิดอย่างมาก เธอจึง


ก้มหน้า มองมือทั้งสองข้างบนตักแทน อย่างน้อยไม่เห็นแววตาเจ็บปวด
ของเขา คงช่วยทาให้เธอมีความกล้ามากพอจะพูดออกมา

แต่ทว่ายังคงเหมือนเดิม เธอไม่สามารถผลักดันเสียงพูดออกมาให้
เขาได้ยิน ความรู้สึกละอายมันบีบคั้นลาคอของเธอเหลือเกิน สุดท้ายแค่
พยักหน้าอย่างเชื่องช้าแทนคาพูด

“ชายคนนั้น... ที่ไม่ได้ถูกเลือก... ขะ... คือผมใช่ไหมครับ... ?”


น้าเสียงของชายหนุ่มเริ่มสั่นเครือมากขึ้น เหมือนเขาใช้ความพยายาม
อย่างมากมายในการกล่าวออกมาแต่ละคา

จอยเริ่มรู้สึกเหมือนมีน้าเอ่ออยู่ขอบดวงตาทั้งสองข้าง เม้มปากราว
กับไม่อยากพูด มือทั้งสองข้างกาแน่นจนสั่น “ค่ะ... ใช่ค่ะ... ฉันขอโทษที่
ไม่เคยพูดความจริง...”

แม้สามารถรวบรวมความกล้าจนตอบออกไปสาเร็จ แต่ความกล้า
นั้นต้องแลกมาด้วยความอดกลั้นที่สูญสลายไป เธอรู้สึกได้ถึงน้าที่ไหลลง
ไปตามแก้มทั้งสองข้าง หยดลงสู่หลังมือ กลายเป็นเหมือนคายืนยันอีก
ครั้งว่านี่เป็นเรื่องจริงให้อเล็กซ์รับรู้

จอยไม่กล้าเงยหน้ามองใบหน้าของเขา เพราะกลัวว่าอาจยิ่งทาให้
เขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม ขนาดตัวเธอเองยังรู้สึกเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้
สาหรับเขาที่ได้ยินต้องรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเธอขนาดไหน ไม่แน่มันอาจ
เป็นทวีคูณหลายเท่า หรือว่ามากมายจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็น
คาพูด เพียงแค่คิด เธอแทบอยากหายตัวไปจากตรงนี้ หรือไม่ขอย้อน
เวลาได้จะดีกว่า เธอจะได้ย้อนกลับไปในวันแรกที่พบเขา ถ้าวันนั้นรับรู้
ว่าจะมาเจอเหตุการณ์ที่ทาร้ายหัวใจของผู้ชายดีๆ คนหนึ่ง เธอจะปฏิเสธ
คาพูดของเขาตั้งแต่วันนั้น มันจะไม่ต้องมีเหตุการณ์อย่างในวันนี้

แต่ละนาทีที่ผ่านไป ไม่มีเสียงพูดคุยของใครเอ่ยออกมา
บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบ ราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ในที่แห่งนี้แม้สักคน

จอยยังคงไม่กล้าเงยกลับขึ้นมาเผชิญหน้ากับบุรุษดวงตาสีฟ้า
นอกจากมองดูมือของตัวเอง

“เรากินอาหารให้มันเสร็จๆ ไปดีกว่าครับ”

ท่ามกลางความอึดอัดระหว่างเธอและเขา ในที่สุดก็มีเสียงของอ
เล็กซ์เอ่ยออกมา ถ้าตั้งใจฟังจะรับรู้ได้ว่าน้าเสียงของเขายังคงสั่นเครือ
เบาบาง ราวกับเขาพยายามกลั้นความเจ็บปวดรวดร้าวเอาไว้ แต่กระนั้น
เขายังคงไม่สามารถปิดกั้นมันได้ทั้งหมด

“ถ้าเรากินกันอิ่มแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณนะครับ”

จอยเงยหน้ากลับขึ้นมา เห็นเขากาลังใช้กระดาษทิชชูซับอะไร
บางอย่างตรงรอบขอบดวงตา หลังจากนั้นเขาแย้มยิ้มให้กับเธอเหมือน
ทุกครั้ง เหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้พูดคุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอ
และเขา

“กินเลยครับ ทิ้งไว้นานเกิน เดี๋ยวแมลงวันตอมไม่รู้ด้วยนะครับ”


อเล็กซ์หัวเราะเบาบางก่อนตักอาหารกินต่อ
แม้เขาทาเหมือนไม่เสียใจ แต่ดวงตาที่แดงก่าของเขา ยังคงเป็น
หลักฐานถึงบางสิ่งที่ไหลออกมาก่อนหน้านี้
__________

หลังจากรถจอดนิ่งที่หน้าประตู อเล็กซ์หรี่เสียงดนตรีภายในรถ หัน


ไปมองจอยที่เปิดประตูลงไปแล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณ “ไม่เป็นอะไร
ครับ ถ้าคุณมีเรื่องเดือดร้อนอะไร โทรหาผมได้เสมอ ผมยินดีรับฟังและ
ช่วยเหลือครับ”

“ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มาส่ง”

หลังจากประตูรถถูกปิด อเล็กซ์ยังคงไม่ขับรถออกไปไหน เขา


ยังคงมองเธอด้วยแววตาเหม่อลอย จนกระทั่งเธอหายเข้าไปภายในบ้าน
ทาให้เขาได้สติ ชายหนุ่มจึงหันหัวรถกลับแล้วขับออกไป

อเล็กว์ขับรถมาจอดอยู่ตรงหน้าปากทางเข้าซอย แม้มีจังหวะที่ว่าง
ให้รถของเขาเข้าแทรกสู่ท้องถนนหลายครั้ง แต่เขายังคงจอดรถอยู่ตรง
นั้น เนื่องจากภายในหัวของเขามีเรื่องหนึ่งที่รบกวนจิตใจ ทาให้ตกอยู่
ภายในภวังค์ความคิด

หลายนาทีผ่านไป ชายหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกง เอากล่องกามะหยี่


ใบเล็กออกมา มันเป็นกล่องใบเดียวกับที่สนามบิน เขาตั้งใจจะมอบ
ให้กับผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วย แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เขาจะเอาออกมามอบให้
เธอหลังจากกินอาหารเสร็จ

ฝากล่องถูกเปิดออก ปรากฏวัตถุแวววาว ซึ่งมีลักษณะเป็นห่วง


ขนาดเล็ก นอกจากนี้ภายในกล่องยังมีกระดาษแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ข้างๆ
อเล็กซ์จ้องตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนกระดาษ เขาเคยคิดอยากให้
ของสิ่งนี้กับจอยตั้งแต่ที่ฮ่องกง แต่ไม่มีความกล้ามากพอ จนกระทั่งมาถึง
วันนี้ เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะเอาออกมาให้เธอ แต่เหตุการณ์คาดไม่ถึงที่
เพิ่งผ่านมา ทาให้ความกล้าทั้งหมดของเขาสูญหายไปจนหมดสิ้น

อเล็กซ์โยนทิ้งไปทางด้านหลังรถ แรงกระแทกทาให้สิ่งที่อยู่
ภายในกลิ้งออกมา แม้เห็นภาพจากกระจกส่องด้านหลัง แต่เขาไม่สนใจ
หันไปเก็บ

ชายหนุ่มเปิดหน้าต่างรถ มองไปทางขอบฟ้าด้วยอาการเหม่อลอย
จนครู่ใหญ่ผ่านไป เขาหันกลับมาสนใจทางตรงหน้าเหมือนเดิม แล้วขับ
รถออกไป

หนุ่มลูกครึ่งยิ้มบางเบาราวกับมีความสุข แต่ทว่าน้าตาที่ไหล
ออกมาดูเป็นสิ่งตรงข้าม แต่เขาไม่เช็ดมันออก ราวกับว่าต้องการปล่อย
ให้มันไหลออกมาจนกว่าจะหมดสิ้นไปเอง

ดวงตาที่เอาแต่มองทางข้างหน้าอย่างเดียว ทาให้ไม่สังเกตเห็น
กระดาษแผ่นเล็กที่เคยอยู่ในกล่อง ตอนนี้มันถูกลมตีเข้ามาภายในรถจน
ปลิวขึ้นมา ไม่นานมันก็ถูกลมหอบเอาออกไปนอกหน้าต่าง

ข้อความบนกระดาษที่เขียนว่า ไปอยูก
่ บ
ั ผมที่อเมริกานะครับ
ความหมายที่ลึกซึ้งนี้ มันสูญหายไปในความวุ่นวายของท้องถนน

つづく
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนที่ 36

นับจากวันที่จอยพูดเชิงความหมายขอเลิกกับหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งไป
บิ๊กหายไปนับตั้งแต่วันนั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่าง
มาก เพราะยามปกติมันจะต้องมาหาเธอเกือบทุกค่าคืน

จอยพยายามไม่เอาความผิดปกติตรงส่วนนี้มาคิดมากจนไม่เป็นอัน
ทาอะไร เพราะบางทีมันอาจติดธุระเรื่องงานแต่งงาน จึงไม่สามารถแวะ
มาหาเธอได้ แต่ก็ยังคงอดคิดไม่ได้เหมือนเดิม มันไม่ว่างจนถึงขั้นไม่
สามารถส่งข้อความมาพูดคุยกับเธอ เพื่อบอกถึงความเป็นไปต่างๆ ได้
เลยหรือ ?

หลังจากที่อเล็กซ์กลับเมืองนอกไป มันเป็นวันเดียวกับที่บิ๊กนัด
เอาไว้ แต่ยังคงไม่มีวี่แววของใครว่าจะมาหาสักคนเดียว

จอยยังคงเฝ้ารอด้วยความหวัง ทว่าในแต่ละวันที่ผ่านไป เริ่มทาให้


ความหวังของเธอสั่นคลอน กระนั้นเธอยังคงพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง
มันอาจติดธุระจึงไม่สามารถมาหาเธอได้จริงๆ หรือไม่ก็เป็นแผนกลั่น
แกล้งเธอเล่น ตามนิสัยขี้เล่นของมัน หลังจากเห็นเธอใกล้หมดความหวัง
มันอาจมาขอแต่งงานด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ เพื่อให้เธอ
รู้สึกแปลกใจ เหมือนกับพวกฝรั่งที่ชอบทากัน

แต่ความจริงเปล่าเลย ไม่มีใครมาที่บ้านของเธอ พอเธอส่งข้อความ


ทางโทรศัพท์ไปเพื่อจะสอบถาม กลับไม่มีการตอบกลับใดๆ มาหา เธอจึง
เปลี่ยนไปใช้ทั้งการกดโทรหาและใช้ของวิเศษที่มังกรให้มา แต่ไม่ว่าจะ
ใช้วิธีไหนยังคงเงียบไร้การตอบกลับ จนกระทั่งเลยผ่านไปวันที่สาม
จอยเริ่มแน่ใจแล้ว เธอต้องถูกมันหลอก
ด้วยความเสียใจเพราะไปหลงเชื่อคาพูดของบิ๊ก และเมื่อรวมกับ
ความเสียใจที่บอกเลิกอเล็กซ์ไป ทาให้หัวใจของผู้หญิงแกร่งคนนี้ถึงกับ
สะเทือน จอยเอาแต่เก็บตัวเงียบภายในบ้าน งานก็ไม่ไปทา จะถูกไล่ออก
หรือไม่เธอก็ไม่สนใจ

ทุกวันจะตะโกนด่าบิ๊ก เพื่อระบายความรู้สึกเจ็บปวดออกมา จนกว่า


เธอจะหมดเรี่ยวแรง ปล่อยร่างกายทรุดไปที่โซฟา

นอกจากเอาเวลามาระบายความรู้สึกออกไป ในแต่ละวันจอยยัง
หมดเวลาไปกับการหาวิธีถอดแหวนหมั้นของบิ๊กออก ทั้งใช้สบู่ น้ายา
สระผม น้ายาล้างจาน น้ามันที่ใช้ทากับข้าว แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน มันก็
ไม่สามารถถอดออกได้ทั้งสิ้น

ยังมีเรื่องน่าแปลกเรื่องหนึ่งสาหรับแหวนวงนี้ แม้มันติดแน่นจนไม่
สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันราคาญ หรือว่า
มันทาให้ร้อนอบเหมือนสิ่งของทั่วไปที่แนบติดกับผิวเนื้อ ราวกับว่าแหวน
วงนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย นอกจากนึกได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมติด
แน่นอยู่ที่นิ้วเท่านั้น

เพื่อนที่ทางานโทรมาซักถามด้วยความเป็นห่วง จอยก็เอาแต่เล่า
ทั้งน้าตาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่เล่ารายละเอียดเจาะลึกมากนัก
เนื่องจากแท้จริงชายอีกคนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

แม้เพื่อนมาเยี่ยม พูดปลอบใจยังไง ยังคงไม่ทาให้จอยรู้สึกดีขึ้น


แม้แต่น้อย มีแต่ทาให้นึกถึงเรื่องที่เคยทากับอเล็กซ์ไว้ ทาให้เธอเข้าใจ
ถึงความรู้สึก อกหัก อย่างที่เขาโดนอย่างชัดเจน
ความจริงเธออยากจะโทรไปหาอเล็กซ์ เพื่อขอคืนดี แต่มันคง
เป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างจากสาวฝรั่งยังมีให้เห็น อเล็กซ์ไม่มีวันรักเธอได้
อีก นอกจากคาว่าเพื่อนเท่านั้นที่เขาจะมอบให้กับเธอ

ขณะที่จอยนอนเหม่อลอยอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก รู้สึกตัวเพราะ
ได้ยินเสียงดนตรีเข้ามาใกล้ แล้วยังมีมีเสียงโหร้องเหมือนงานแต่งแบบ
ไทยๆ สอดแทรกอยู่

ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงดนตรีจากซอยอื่นที่อยู่ห่างออกไป แต่ยิ่ง
เวลาผ่านไป จุดที่มีเสียงดนตรีนั้นเหมือนเข้ามาใกล้บ้านมากขึ้น ทาให้
จอยเกิดความประหลาดใจ ในเมื่อซอยแห่งนี้มันไม่มีใครอยู่อาศัยทั้งสิ้น
นอกจากบ้านของเธอเพียงหลังเดียวที่อยู่ท้ายสุด

จนกระทั่งฉุกคิด ต้องเป็นขบวนขันหมากจากเพียงผู้เดียวที่ให้
สัญญากับเธอไว้

จอยจึงรีบลุกไปเปิดประตูรั้ว ภาพที่เห็นไม่ผิดอย่างที่คาดเอาไว้
เป็นขบวนแห่จริงๆ แต่ทว่าขบวนแห่นี้ต้องทาให้เธอมองอย่างประหลาด
ใจ เพราะว่าเห็นเพื่อนสนิทสองคนที่กาลังเต้นอยู่หน้าขบวนตามจังหวะ
เสียงดนตรี รวมไปถึงคนรู้จักที่บริษัทอีกหลายคน

เมื่อขบวนขันหมากมาถึงตรงหน้าประตูรั้ว จอยยังคงยืนมึนงงอยู่
ตรงนั้น เนื่องจากบิ๊กไม่น่ารู้จักคนพวกนี้ จนกระทั่งเห็นเจ้าบ่าวเดิน
ออกมาจากกลุ่มผู้คนที่รายล้อม เธอเบิกตาอย่างไม่คาดคิด พร้อมอุทาน
ออกมาเสียงเบาๆ “อะ... อเล็กซ์ ?”
กว่าสติของจอยจะเข้าที่เข้าทาง เจ้าบ่าวผู้เป็นชายหนุ่มลูกครึ่งก็มา
ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของเธอแล้ว

“สวัสดีครับคุณจอย ผมขอโทษครับที่ล่าช้าไปมาก ผมติดธุระจริงๆ


คุณไม่ว่ากันนะครับ ผมมาตามสัญญาที่ให้กับคุณในค่าคืนวันนั้นแล้ว”

คาพูดตรงช่วงท้ายเหมือนกลายเป็นสายฟ้าฟาด ผ่าลงกลางศีรษะ
ของจอย เพราะความหมายของค่าคืนนั้น มันก็มีอยู่เพียงแค่ค่าคืนเดียว
ทาให้ทั้งความโกรธ ความเกลียด ความคิดถึง ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างตี
กันมั่วไปหมด ยิ่งกว่าตอนที่เห็นบิ๊กกลับมาง้อมากมายหลายเท่า
จนกระทั่งความรู้สึกเหล่านั้นรวมกันกลายเป็นน้าตาที่ทะลักออกมา แต่
มันไม่ได้มาแค่น้าตา ยังมาพร้อมกับความเก็บกดภายในใจทั้งหมดที่
ระเบิดออก จอยเหวี่ยงฝ่ามือตบใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง

ทุกคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มดีใจกับวันมงคล ต่างเบิกตากว้างด้วย
ความตกตะลึงไปตามๆ กัน เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าสาวจะตบหน้า
เจ้าบ่าวอย่างนี้

“เลวที่สุด !” จอยด่าก่อนวิ่งหายเข้าไปภายในบ้าน

จอยวิ่งขึ้นมาบนชั้นห้องนอน ปิดประตูแล้วล็อกกลอน เธอไม่อยาก


เห็นหน้าชายผู้นั้น เธอมานอนอยู่บนเตียง เอาหมอนปิดหน้าตัวเองแล้ว
ร้องกรี๊ดออกมา เธอรู้สึกเสียใจ เนื่องจากเรื่องที่เธอเคยกระทากับเขานั้น
ไม่เท่าที่เขากระทากับเธอตั้งแต่ต้น เธอถูกหลอกตั้งแต่นาทีแรกที่พบกัน
เขาหลอกให้เธอมีใจให้กับผู้ชายทั้งสอง จะตัดใจทิ้งใครไปก็เจ็บปวด นี่
ยังไม่รวมกับที่เขาอาจหลอก มีอะไรกับเธอ เกือบทุกค่าคืน
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอรับรู้แค่ว่าเกลียดอเล็กซ์
ขณะเดียวกันเธอก็รักและไม่อยากเสียเขาไป มันเป็นส่วนผสมที่อยู่
ภายในใจ เธอไม่อาจแยกมันออกจากกันได้

“คุณจอยครับ เปิดประตูให้ผมด้วยครับ ได้โปรด”

ต่อให้ชายหนุ่มจะอ้อนวอน หรือเคาะประตูเรียกดังแค่ไหน จอย


ยังคงไม่รับฟัง เธอเอาหมอนปิดหูทั้งสองข้าง แล้วแผดเสียง

“ไม่ ! ฉันไม่เปิด ฉันเกลียดหน้าแก แกมันเลว !”

“ได้โปรดเปิดมาฟังผมก่อนเถิดครับ ผมขอร้อง”

“ไม่ ฉันจะไม่ฟังคาพูดอะไรทั้งสิ้น ได้ยินไหม ฉันจะไม่ฟังอะไร


ทั้งสิ้นจากคนหลอกลวงอย่างแก !” จอยสะอื้นไม่หยุด จนเสียงแทบฟังไม่
รู้เรื่อง

หลังจากหยุดตอบโต้กลับไปไม่นาน จอยปล่อยหมอนที่ปิดหูออก
เล็กน้อยเพื่อเงี่ยหูฟัง เนื่องจากเสียงของชายหนุ่มที่เหมือนแว่วมาไกลๆ
หายไป แต่มีเสียงเหมือนมีใครกาลังหมุนลูกบิดเพื่อจะเข้ามาภายใน
แทนที่

หลังจากมั่นใจว่าเป็นเสียงลูกบิดจริงๆ ในจังหวะที่หันขวับไปมอง
ประตูถูกเปิดกระแทกผนังจนดังสนั่น ปรากฏภาพของมนุษย์หมาป่าขน
ดาที่สวมชุดคับแน่น

มันไม่รอช้า วิ่งตรงเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว
ภาพนั้นทาจอยเกิดความตกใจ เธอจึงรีบลุกหนี แต่ด้วยความเร่ง
รีบ ทาให้เธอเสียหลักเกือบล้ม แต่เป็นเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น

แต่ทว่าไม่มีเสียงไล่ตามหลังมา จึงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าตอนนี้


มนุษย์หมาป่าลงไปนอนชักดิ้นอยู่กับพื้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ อาการ
ของมันดูเหมือนคนเมายาบ้าจนคลุ้มคลั่ง ดวงตาเบิกโพลง น้าลาย
กระเซ็น ตวัดกรงเล็บไปทั่ว

ภาพของมันทาจอยเกิดความหวาดกลัว เธอจะหนีออกไปก็ไม่ได้
เนื่องจากมันนอนชักดิ้นอยู่ใกล้ประตู จึงไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะ
ไม่ทาร้ายตอนที่เธอกาลังเดินออกไป สุดท้ายเธอเลือกถอยไปติดมุมห้อง
พร้อมคว้าแจกันบนโต๊ะใกล้ๆ มาเพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัวชั่วคราว ดวงตา
จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของมันด้วยความระแวง

ไม่นานเส้นขนสีดาที่ปกคลุมร่างกายก็ค่อยๆ จมลงไปในร่างเกือบ
หมด โครงสร้างร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนจากอสูรร้ายน่ากลัวมาเป็นมนุษย์
ธรรมดา จนกระทั่งไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลือให้เห็นว่าชายผู้นี้คือสัตว์
น่ากลัวตัวเมื่อครู่นี้

อเล็กซ์เหงื่อแตกเต็มใบหน้า มือไม้สั่น เขาพยายามลุกขึ้นเดินมา


หาอย่างยากลาบาก “ขะ... คุณจอย... ดะ... ได้โปรดฟังผมหน่อยนะ
ครับ”

ในตอนนี้สภาพของเขาดูไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว จอยจึงรีบวิ่งหนี
ตรงไปที่หน้าประตูห้อง แต่ชายหนุ่มคว้ามือของเธอได้ทันก่อน แล้วดึง
เธอกลับมาสวมกอด แรงเหวี่ยงยังทาให้แจกันในมือของเธอร่วงแล้วกลิ้ง
ไปไกล

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คนหลอกลวง !”
“ได้โปรดฟังผมก่อนนะครับ”

“ฉันจะไม่ฟังคาพูดโกหกอีกแล้ว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ !” จอย


พยายามสลัดอเล็กซ์ออกไปไม่หยุด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยตัวเธอ
มิหนาซ้ายังกอดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

อเล็กซ์ยังคงกอดจอยอยู่อย่างนั้น แม้ถูกข่วน ถูกกัด ถูกเหยียบเท้า


ชายหนุ่มก็ไม่ส่งเสียงร้อง หรือแสดงอาการความเจ็บปวดออกมา
นอกจากยืนนิ่งเฉย ปล่อยให้เธอกระทาตามใจชอบ จนกระทั่งจอยหยุด
การอาละวาดและดูลักษณะใจเริ่มเย็นมากพอจะพร้อมรับฟังเหตุผล
อเล็กซ์ถึงพูดออกมาด้วยน้าเสียงนิ่มนวล

“ได้โปรดฟังก่อนนะครับ ผมขอร้อง ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกลวง


คุณ เหตุผลที่ผมทาลงไป เพราะผมกลัวว่าคุณจะยอมรับตัวผมไม่ได้
นอกจากตัวผมเป็นอสูรร้าย ผมยังป่วยเป็นโรคคล้ายๆ โรคหลายบุคลิก”

จอยเงยหน้ามองใบหน้าของชายหนุ่ม แววตาของเธอสื่อออกมา
อย่างชัดเจนว่าไม่เข้าใจ อเล็กซ์จึงเริ่มอธิบายให้เธอฟัง

“โรคหลายบุคลิกนี้เป็นโรคที่มีภาวะหลายตัวตนอยู่ในร่างเดียวกัน
เหมือนกับนักแสดงที่ขึ้นเวที แต่ละคนได้รับบทบาทแตกต่างกันออกไป
บางคนรับบทเป็นฆาตกร บางคนรับบทเป็นตัวตลก เมื่อถึงคิวที่ต้องแสดง
จะมีหนึ่งคนเดินมายืนอยู่บนเวทีนั้น แล้วเวทีนั้นก็คือตัวผมครับ แต่โรคที่
ผมเป็นนี้มันเป็นโรคที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์หมาป่าเท่านั้น มันมีชื่อเรียกว่า
โรคเหรียญสองด้าน อาการของโรคนี้มันมีลักษณะเหมือนมีอีกตัวตนอยู่
ในร่าง แต่ไม่ใช่มนุษย์หมาป่าทุกตนจะเป็นกันหมด มีเพียงสามในสิบที่
เกิดมาเท่านั้นที่จะเป็นโรคนี้ แต่สาหรับผมดูน่าจะหนักกว่า เนื่องจากผม
มีถึงสองตัวตนอยู่ในร่างกาย คุณได้เห็นตัวตนของผมอีกสองด้านไปแล้ว
คุณจาได้ใช่ไหมครับ ?”

จอยนิ่งไปครู่ อาจเพราะกาลังทาความเข้าใจกับเรื่องสุดพิลึกกึกกือ
นี้ ก่อนถามด้วยน้าเสียงไม่มั่นใจ “คุณหมายถึงบิ๊กใช่ไหมคะ ?”

“ใช่ครับ ส่วนอีกตัวตนของผม มันคือสัตว์ร้าย” สีหน้าของอเล็กดู


ละอายใจอย่างมากเมื่อพูดมาถึงตรงคาว่าสัตว์ร้าย “คุณจาได้ใช่ไหม
ครับ คืนแรกที่คุณพบเจอผมในร่างของมนุษย์หมาป่า”

อเล็กซ์มั่นใจว่าคาพูดของเขาคงส่งผลกระทบต่อเธอไม่น้อย ไม่งั้น
สีหน้าของจอยคงไม่พลันซีดไปอย่างนี้

“ตัวผมและตัวตนอีกด้านที่ชื่อว่าบิ๊ก แม้เราออกมาต่างช่วงเวลา แต่


เราทั้งสองก็ช่วยกันสะกดตัวตนสัตว์ร้ายนี้ ไม่ปล่อยให้มันออกมา
ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเรื่องเลวร้าย จนกระทั่งวันที่ผมมาเมืองไทย ช่วงนั้น
เป็นช่วงที่ผมเพิ่งเลิกกับลาล่าใหม่ๆ ทาให้เกิดผลกระทบภาวะทางจิตใจ
ทั้งตัวผมและบิ๊กรู้สึกเสียใจมาก จนกระทั่งผมไม่สามารถควบคุมตัวเอง
เอาไว้ได้ ผมจึงกลายร่างเป็นสัตว์ร้าย ผมเห็นภาพตัวเองทาลายข้าวของ
ในโรงแรม แต่ผมก็ไม่สามารถหยุดการกระทาของร่างกายตัวเอง อย่าง
มากที่ผมทาได้ดีสุด ผมชักจูงความคิดให้มันเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ
โรงแรม เพื่อให้ร่างสัตว์ร้ายนี้ระบายความเก็บกดออกไป” อเล็กซ์นึกไป
ถึงภาพค่าคืนนั้น เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะเข้าไปในป่า
ได้สาเร็จ เนื่องจากตัวตนที่ชื่อว่าบิ๊กถูกกลืนหายไปในท่ามกลางความ
เจ็บปวด ทาให้ตัวตนของเขาเพียงตัวตนเดียวไม่สามารถสะกดสัตว์ร้าย
ตนนี้ได้ “จนกระทั่งผมมาพบคุณ”
อเล็กซ์รู้สึกได้ถึงอาการตัวสั่นของจอย นอกจากนี้ดวงตาของเธอ
ยังขยายกว้างกว่าเดิม เหมือนกับว่าเธอเข้าใจคาพูดของเขาว่าจะเกิด
อะไรขึ้นในค่าคืนนั้นถ้าบิ๊กไม่ออกมา

“ผมพยายามหยุดไม่ให้มันทาร้ายคุณ แต่คราวนี้ผมไม่สามารถ
ควบคุมตัวเองเอาไว้ได้อีก ผมทาได้เพียงมองดูอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
จนกระทั่งวิดีโอที่คุณเปิดดูส่งเสียงออกมานอกเครื่องโทรศัพท์”

เมื่ออเล็กซ์พูดมาถึงตรงจุดนี้ สังเกตใบหน้าของจอยเริ่มแดงระเรื่อ
แล้วเธอก็หลบสายตา หันไปมองทางอื่น เขาแน่ใจว่าเธอต้องรู้สึกอับอาย

“ผมไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยังไง แต่มันก็เป็นไปแล้ว ตัวตนของบิ๊กมัน


เข้ามาแทนที่ มันทาตามสัญชาตญาณที่ร่าร้อง ผมขอสารภาพตามตรง
ครั้งแรกที่ผมมาคบกับคุณ ผมทาไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่
ตัวตนของอีกด้านกระทาลงไป ในช่วงนั้นตัวผมยังไม่สามารถควบคุมสติ
ของตัวเองได้ดีมากนัก แต่ไม่ใช่ตัวตนที่ชื่อว่าบิ๊ก มันเข้ายึดร่างผมทุก
คืน เพื่อไปหาผู้ที่เดียวที่มันต้องการ นั่นก็คือตัวคุณ แต่วันที่ล่วงเลยผ่าน
ไปในแต่ละวัน มันไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบ หัวใจของ
ผมมันบอกว่าคุณเป็นอะไรมากกว่านั้น จนกระทั่งผมเข้าใจความรู้สึก
ของตัวผม ความจริงผมต้องการตัวคุณ เพราะคุณคือคนที่ใช่สาหรับผม
และยังเป็นคนที่ใช่สาหรับสิ่งที่หลับใหลอยู่ภายในตัวผมด้วย
เช่นเดียวกัน ที่ผมไม่ยอมเปิดเผยความจริงให้คุณรับรู้ตั้งแต่ตอนแรก
คุณรู้ไหมครับว่าผมกลัวมาก ผมกลัวว่าคุณจะไม่ยอมรับเรื่องที่ผมกระทา
ลงไป ผมอยากจะเปิดเผยตัวจริงให้คุณรับรู้มานานมาก บางครั้งผมก็
อยากจะเดินเข้ามา แล้วบอกกับคุณตรงๆ ว่าผมคือสิ่งนั้นที่มาหาคุณทุก
คืน บางครั้งผมก็อยากจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าต่อหน้าคุณ ผม
อยากให้คุณได้เห็น ผมอยากจะบอกความจริง รวมไปถึงเรื่องที่คุณถาม
ผมตอนอยู่ในตัวตนของบิ๊กวันนั้น ทาไมผมไม่ไปช่วยคุณในตอนที่คุณ
เรียกหา ความจริงตอนนั้นผมเกิดภาวะทางจิตใจ ผมวิตกกังวลมาก ผม
กลัวว่าคุณจะได้รับอันตราย ผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายกับคุณไป
ต่างๆ นานา ทาให้ภายในหัวของผมไม่รับเรื่องอื่นเลย ความคิดด้านลบ
มากมายเหล่านั้น มันกลบประสาทในการรับรู้ภายในหัวของผมทั้งหมด
ผมจึงไม่ได้ยินที่คุณเรียกหา แล้วความเครียดนี้ยังเกือบทาให้ผมกลาย
ร่างทาลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าด้วยซ้า ผมขอโทษ คุณพอจะให้อภัยกับผม
ได้หรือไม่ครับ ?”

จอยนิ่งเงียบ เธอคงไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง อเล็กซ์จึงพูดต่อ

“ผมขอร้อง ได้โปรดให้อภัยกับผม ผมให้สัญญาว่าจะรักคุณเพียง


คนเดียวตลอดไป คุณอยากให้ผมทาอะไร ผมยินดีทาหมด ถ้าเรื่องนั้น
ทาให้คุณยอมให้อภัยผม”

จอยยังคงสะอื้นเบาบาง มอบเสียงให้กับภายในห้องแห่งนี้

คาพูดของอเล็กซ์ที่ได้ฟังมาทั้งหมด จอยยังไม่ให้คาตอบในทันที
เธอมองแหวนที่นิ้วนางของตัวเอง เธอพยายามทาความเข้าใจกับเรื่องที่
ชายหนุ่มผู้นี้เป็น ไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหน ภายในใจก็รักเขา อีกใจก็
เกลียด

จนเมื่อเห็นแขนที่มีรอยถูกหมากัดในค่าคืนนั้น หัวใจของเธอก็เกิด
ความหวั่นไหว เขาพยายามปกป้อง เขาพยายามออกตามหาเธอ ยอมทุก
อย่างเพื่อเธอเพียงคนเดียว การกระทาต่างๆ มากมายที่ชายผู้นี้
แสดงออก มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือ ? ที่ทาให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้รัก
ตัวเธอมากเพียงใด
“ผมรักคุณจริงๆ ครับ ได้โปรดอย่าทาให้ผมอยู่เดียวดาย ถ้าไม่มี
คุณ ชีวิตของผมคงจะไร้ความหมาย”

น้าเสียงของอเล็กซ์สื่อออกมาทั้งความมุ่งมั่น ความต้องการ ความ


เสียใจต่อเรื่องที่กระทาลงไป ยังมีความหวัง และความหวาดกลัว ทาให้
จอยรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาทั้งหมดในตอนนี้ เขาไม่ต้องการให้ผู้ที่เขา
รักเดินจากไป เหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่เขาพบเจอมา

“ถ้าฉันให้อภัยคุณ คุณสัญญากับฉันเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ ?” จอ
ยบอกโดยไม่เงยหน้าไปสบตาชายหนุ่ม

“ได้ครับ ผมให้สัญญากับคุณทุกอย่าง” อเล็กซ์ตอบทันควันด้วย


น้าเสียงมีความหวังและตื่นเต้น

จอยเผยรอยยิ้มบางเบา “คุณห้ามทิ้งฉัน ห้ามมีใครอื่น และสาคัญ


ที่สุด คุณต้องพาฉันไปเที่ยวโลกเวทมนตร์ที่ตัวคุณอยู่ ได้หรือไม่คะ ?”

“ได้อยู่แล้ว ได้อยู่แล้วครับ ผมจะทาตามทุกข้อที่คุณขอ โดยเฉพาะ


ข้อสุดท้ายผมจะรีบปฏิบัติทาตามแน่นอนครับ” อเล็กซ์พูดไปพร้อม
หัวเราะด้วยความดีใจจนหน้าอกกระเพื่อม เพราะการที่จอยพูดออกมา
อย่างนี้ ย่อมหมายถึงอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องการสื่อให้เขารับรู้

“คุณให้คาสัญญาหนักแน่นอย่างนี้ ฉันก็ต้องให้อภัยคุณอย่างไม่มี
ทางเลือกเสียแล้ว” จอยพูดยิ้มๆ

“โอ้ใช่ !” อเล็กซ์อุทาน คลายวงแขนออกแล้วล้วงกระเป๋า “ผม


เกือบลืมไปเลยว่าจะให้ของสิ่งนี้กับคุณ”
เมื่อชายหนุ่มเอาสิ่งของที่จะมอบให้ออกมาให้เห็น จอยเกิดความ
ไม่เข้าใจ เนื่องจากสิ่งของนั้นก็คือแหวนแต่งงานในกล่องกามะหยี่ใบ
เล็ก

“คุณให้แหวนแต่งงานกับฉันแล้วไม่ใช่หรือคะ ?” เธอเงยหน้าไป
สบตา

“คุณยังจาได้หรือไม่ว่าผมเพิ่งบอกเรื่องอะไรไป ?”

คาถามของชายหนุ่มที่ถามกลับมาแทนให้คาตอบ จอยนึกไม่ออก
จริงๆ ว่ามันมีอะไรเกี่ยวข้องกับแหวนวงนี้ เธอจึงสั่นหน้าแทนคาพูด

“คุณจาได้ไหมว่าผมเป็นมนุษย์หมาป่า ครึ่งชีวิตของผมจึงเป็นส่วน
หนึ่งของโลกอีกฟาก ดังนั้นสาหรับแหวนนี้” หนุ่มลูกครึ่งจับมือหญิงสาว
ขึ้นมา “คุณพอจะให้ผมสวมแหวนแต่งงานในฐานะผู้ชายธรรมดาคน
หนึ่งบนโลกมนุษย์นี้ได้ไหมครับ ?”

คาพูดของเขาทาจอยรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปตอนที่บิ๊กขอ
แต่งงาน ทาให้เธอมีน้าใสๆ เอ่อขอบดวงตาอีกครั้ง เธอเผยรอยยิ้มแล้ว
รีบพยักหน้ารัวๆ “ได้ค่ะ”

เมื่อจอยมองดูที่นิ้วที่เขาจะสวมแหวน ตอนแรกเธอเกือบพูดออกไป
แล้วว่านิ้วนี้มันมีแหวนของบิ๊กอยู่ จนกระทั่งเธอสังเกตลักษณะของแหวน
ที่เขากาลังสวม มันเหมือนกับของบิ๊กที่มอบให้กับเธออย่างมาก
จนกระทั่งแหวนทั้งสองวงนี้ประกบเข้าหากัน จอยถึงเข้าใจว่าความจริง
มันถูกสร้างมาเพื่อกันโดยเฉพาะ จึงฉุกคิดได้ว่าที่เขาทาต้องมีเหตุผล
ไม่ใช่คิดจะสวมอย่างเดียวโดยไม่สังเกตดูก่อน ทาเหมือนคนไร้
การศึกษาที่ไม่รู้จักคิด
นอกจากมันเข้ากันได้อย่างพอดิบพอดีเป๊ะ จอยเพิ่งสังเกตตัวแหวน
สองวง ตรงที่เป็นเพชรเหมือนรูปเสี้ยวดวงจันทร์ มันค่อยๆ หมุนวนรอบ
เข้าหากันจนกระทั่งมีเสียงกริ๊กเบาๆ เหมือนการล็อกประตู

จอยคิดว่านี่คงเป็นการขอแต่งงานในแบบฉบับของพวกสัตว์ใน
ตานานอย่างเขา โดยใช้แหวนสองวงมาขอหมั้น เนื่องจากสัตว์ใน
ตานานอย่างพวกเขามีชีวิตอยู่สองด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านที่เป็นสัตว์
ลึกลับและด้านที่เป็นมนุษย์ธรรมดา

จอยเงยหน้าไปสบตาอีกครั้งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “ฉันรักคุณ
ที่สุด” จากนั้นเธอก็โอบกอดตัวชายหนุ่ม แล้วซบหน้าเข้าหา
ขณะเดียวกันโดยที่เธอไม่ทันเห็น ใบหน้าของอเล็กซ์เปลี่ยนเป็นดูแข็ง
ทื่อ ก่อนบิดเบี้ยวราวกับเขารู้สึกเจ็บปวด แต่ความผิดปกติบนใบหน้า
ปรากฏเพียงครู่สั้นๆ เท่านั้น

“ผมสัญญาว่าจะทาให้ทุกวันของเราเป็นวันพิเศษ ผมจะไม่ทาให้
คุณผิดหวัง ผมสัญญาครับ ผมสัญญา”

น้าเสียงของชายหนุ่มฟังดูเรียบง่าย แต่จอยไม่สังเกตความผิดปกติ
ที่เปลี่ยนไปนี้ เนื่องจากเธอยังคงตกอยู่ภายใต้ความสุขของการถูกขอ
แต่งงาน

“ค่ะ ฉันเชื่อคุณค่ะ”

โดยที่จอยไม่รู้ ดวงตาของอเล็กซ์ไม่ใช่สีฟ้าเหมือนเดิม มัน


เปลี่ยนเป็นดวงตาสีเหลืองตั้งฉาก ซึ่งเป็นดวงตาของนักล่ายามค่าคืน

“มั่นใจได้เลยครับ ทุกค่าคืนจะกลายเป็นวันที่พิเศษสาหรับคุณ
แน่นอนครับ” ชายหนุ่มลูกครึ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วยังดูเหมือน
เขาอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาให้ลั่นอย่างสะใจ ‘ไอ้อเล็กซ์ แก
ไม่มีทางได้แอ้มน้องจอยของฉัน น้องจอยต้องเสร็จฉันเพียงผู้เดียว น้อง
จอยต้องกินแครอทของฉันได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนหนอนด้นของแก
อย่าได้หวัง !’

จบแล้วจ้า

____________________

Dissociative Identity Disorder หรือ DID เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่มีผล


ทาให้คนคนหนึ่งมีหลายบุคลิกหรือหลายอารมณ์ในตัวเอง โดยที่เขา
อาจไม่รู้ตัว ในการแสดงออกถึงอารมณ์ พฤติกรรม การกระทา ในช่วง
ขณะนั้นให้คนอื่นรับรู้ โดยที่ไม่สามารถแสดงออกในตอนที่เป็นภาวะ
ปกติได้ (บุคลิกจริง) จึงเปลี่ยนเป็นบุคลิกอีกคนหนึ่งที่เขาพอใจอยากจะ
เป็นและสร้างมันขึ้นมา ซึ่งการที่จะเกิดอาการ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
รอบตัวในตอนนั้นว่าเขาอยากแสดงออกแบบไหน โดยส่วนมากผู้ป่วยที่
เป็นโรคนี้ มักจะถูกทาร้ายทางจิตใจอย่างรุนแรงในวัยเด็ก จนจิตใจ
สร้าง “ตัวตน” อีกตัวตนหนึ่งขึ้นมาเพื่อรับมือกับความเสียหายทางจิต
อย่างไรก็ตาม กลไกของการสร้างบุคลิกภาพนั้นยังคงเป็นสิ่งที่มืดแปด
ด้านสาหรับวงการจิตวิทยา
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 1

คริสตินเปิดประตูออกมาเห็นนายหมอแว่นหนา แต่เธอไม่ได้
ประหลาดใจนักที่เห็นเพื่อนของเจ้านายมาถึงที่แห่งนี้ ที่เธอเกิดความ
ประหลาดใจจริงๆ น่าจะเป็นภรรยาที่ชื่อว่าก้อยซึ่งยืนอยู่ข้างๆ

แต่คริสตินแสดงความรู้สึกบนใบหน้าเพียงชั่วแวบเท่านั้น เธอก็
ถามด้วยน้าเสียงสุภาพ “พวกคุณมีเรื่องอะไรถึงมาที่นี่ ?”

“ผมมีเรื่องสาคัญจะพูดกับอเล็กซ์ ผมพยายามโทรศัพท์ไปหาหลาย
ครั้งแล้ว แต่เขาไม่ยอมรับ ผมจึงเดินทางมาด้วยตัวเองแทน” ป๊อปพูด
ภาษาอังกฤษตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นเจ้าของภาษา

คริสตินหันศีรษะมองไปทางด้านหลังเล็กน้อย ซึ่งเป็นทางเดินสีขาว
ดูสะอาดตา ยาวไปจนถึงประตูบานใหญ่ปริศนาที่อยู่ด้านในสุด เธอมอง
ประตูบานนั้นด้วยแววตาหวาดหวั่นก่อนหันกลับมาด้วยใบหน้าดูออก
ซีดๆ “ฉันเกรงว่าตอนนี้ไม่เหมาะเท่าไรนัก คุณกับภรรยาเชิญกลับไป
ก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องที่คุณป๊อปอยากจะบอก คุณฝากไปกับฉันก็ได้ ฉัน
จะนาไปบอกให้กับอเล็กซ์เอง”

ทั้งสองข้าวใหม่ปลามัน ได้ยินเสียงโครมครามดังก้องมาจากทาง
ด้านหลังของเลขาฝรั่ง หลังจากนั้นชั่วกะพริบตาเดียว มีเสียงร้องอย่าง
แตกตื่นและหวาดกลัวของคนเหมือนแว่วมาจากที่ไกลๆ โดยเฉพาะเสียง
คารามของหมาป่าที่ดังสอดแทรกมาเป็นระยะๆ ซึ่งเสียงสุดท้ายนี้เป็น
เสียงที่ก้อยจดจาได้แม่นยา ทาเธอแทบขวัญแตกกระเจิง เธอจึงรีบมายืน
แนบชิดสามี พร้อมกอดแขนของเขาเพื่อต้องการให้รู้สึกอุ่นใจ

“นั่นใช่เสียงอเล็กซ์หรือเปล่า ?” ป๊อปคิ้วขมวดเล็กน้อย ยกแขนชี้


เข้าไปภายในทางเดินด้านหลังของเลขา
แต่ทว่าคริสตินไม่ตอบ เธอเอาแต่ทากระอึกกระอัก ราวกับไม่รู้วา่
จะอธิบายยังไง

“เพื่อนผมมันคลุ้มคลั่งอีกแล้วใช่ไหม ? คุณบอกมาตามตรงเถิด”
น้าเสียงของนายแว่นหนาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ราวกับเจอ
เหตุการณ์นี้มาบ่อยจนนับไม่ถ้วน

คริสตินเม้มปากอย่างชั่งใจก่อนพยักหน้าช้าๆ แล้วตอบ “ประมาณ


นั้น”

ป๊อปถอนใจ งึมงาออกมา “เฮ้อ... ไอ้เพื่อนบ้าคนนี้นี่ มันจริงๆ เล้ย”


จากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาพูดด้วยน้าเสียงจริงจัง “คุณคริสตินพาผมเข้าไป
ดีกว่า ผมจะช่วยหยุดอาการคลุ้มคลั่งของมันเอง ไม่งั้นเดี๋ยวมันเผลอทา
ร้ายตัวเองจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วอีกอย่างผมจะได้เอาเรื่องสาคัญที่
ผมอยากพูดไปบอกมันด้วย”

คริสตินนิ่งไปครู่สั้นๆ ราวกับเกิดลังเล “เชิญเข้ามา” พูดจบเธอก็


ขยับออกไปเพื่อให้นายหมอแว่นหนาสามารถเดินเข้ามาได้

“เดี๋ยวพี่ป๊อป” ก้อยจับแขนของสามีให้เขาหันมาสนใจ แต่ไม่ใช่แค่


ผู้เป็นสามีคนเดียวที่หันกลับมา คริสตินยังหันมามองด้วยความสงสัยอีก
คน

“มีอะไรครับ ?”

ก้อยชาเลืองไปทางคริสตินแวบหนึ่งอย่างระแวง แล้วพูดเสียงเบา
“ฉันกลัว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะฉันไม่อยากอยู่ใกล้กับคนรู้จักขอ
งอเล็กซ์”
“ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกครับ คนที่ป่วยอย่างอเล็กซ์มีน้อย
โดยเฉพาะอาการดุร้ายที่แสดงออกมาอย่างอเล็กซ์มีน้อยมากจนนับด้วย
นิ้วได้เลยครับ”

ก้อยขยับมายืนแนบชิดนายหมอแว่นหนาอีกครั้ง ดวงตายังคงไม่
หยุดชาเลืองไปทางคริสตินด้วยความระแวงเป็นระยะๆ ปากพูดเสียงเบา
กว่าเดิม “แต่ฉันก็ยังกลัวและฉันก็ไม่ไว้ใจด้วย”

ป๊อปกลั้วหัวเราะ “คุณจะไปกลัวทาไม แค่คุณอ้าปากและสูดลม


หายใจ ไม่ว่าใครที่เห็นก็หนีไปถึงไหนต่อไหนแล้วครับ”

แม้ผู้เป็นสามีไม่พูดขยายความหมายให้ชัดเจน ก้อยก็ทาความ
เข้าใจได้ว่าหมายถึงอะไร เธอตีแขนสามีด้วยท่าทางโกรธหลอกๆ “คุณก็
พูดไปได้ ฉันจะไปทาอย่างงั้นได้ไง เดีย
๋ วฉันก็ติดคุกสิ” หลังจากนั้นเพิ่ง
รู้ตัวว่าพูดดังเกินไป จึงหันไปทางเลขาฝรั่ง ด้วยใบหน้าราวกับทาผิด
แล้วถูกจับได้

แต่คริสตินไม่มีแสดงความรู้สึกใดออกมาบนใบหน้า นอกจาก
รอยยิ้มเบาบางเท่านั้น ก้อยถึงนึกได้ว่าอีกฝ่ายฟังภาษาไทยไม่ออก

ป๊อปกระแอมเพื่อรวบรวมสติก่อนพูดออกมา “ก็ได้ครับ ถ้าคุณกลัว


ก็นั่งรอก่อน เดี๋ยวผมบอกให้คริสตินล็อกประตูนอกให้ รับรองจะไม่มีใคร
เข้ามาทาให้คุณหวาดกลัวแน่นอนครับ” อย่างไรก็ตามน้าเสียงของเขา
ยังคงฟังเหมือนอยากจะหัวเราะออกมาอีกรอบอยู่

“แล้วพี่หมอล่ะ” ก้อยส่งสายตาอ้อนวอนไม่อยากให้จากไป “ฉันเป็น


ห่วงพี่จริงๆ นะ”
ป๊อปหัวเราะเบาๆ ราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขัน “คุณไม่ต้องเป็นห่วง
ผมหรอก คุณลืมไปแล้วหรือว่าผมเป็นอะไร ? หมาตัวน้อยจะเอาชนะ
ไดโนเสาร์อย่างผมได้ยังไง จริงไหมครับ ?”

ก้อยตีแขนสามีเบาๆ อย่างโมโหแต่ไม่จริงจัง “มันใช่เรื่องเล่นไหม


พี่ ฉันเป็นห่วงจริงๆ รู้ไหม”

“ก็ได้ ก็ได้” ป๊อปยกมือห้ามให้หยุดตี “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผม


ทาหน้าที่สงบสติอย่างประเภทพวกอเล็กซ์มาเยอะแล้ว ผมรู้ว่าต้องทา
ยังไงครับ ผมว่าคุณไปนั่งรอตรงนั้นก่อน” เขาชี้ไปทางโซฟาที่อยู่
ภายใน “ผมใช้เวลาไม่นานครับ เดี๋ยวผมออกมา”

เบื้องหน้าเป็นบานประตูเหล็กหนาขนาดใหญ่ มีเสียงตึงตังแว่ว
ออกมา พร้อมเสียงคารามอย่างน่ากลัวและเสียงคนร้อง ชวนให้อกสั่น
ขวัญแขวนต่อผู้ได้ยิน แต่กลับไม่มีผลสาหรับทั้งสองคนที่ยืนอยู่นี้

ป๊อปและคริสตินมองหน้ากันครู่หนึ่ง นายแว่นหนาก็พยักหน้าส่ง
ความหมายให้อีกฝ่ายไปเปิดประตู

หลังจากคริสตินเดินไปตรงมุมของประตูเหล็กหนาบานใหญ่และ
กรอกรหัสผ่านเปิดประตู มีเสียงกริ๊กเบาๆ หลายครั้งติดๆ กัน บานประตู
ขนาดใหญ่ก็เริ่มแยกออก เผยให้เห็นความพินาศมากมายภายในห้อง
แต่มันไม่ควรเรียกว่า ห้อง ได้แม้แต่น้อย เนื่องจากภายในมันเป็น
สวนสาธารณะยามค่าคืน มีชิ้นส่วนอวัยวะที่ดูเหมือนไม่แตกต่างจากการ
ถูกฆ่าหั่นศพ กระจุยกระจายไปทั่วพื้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นอวัยวะส่วน
ไหนของใครบ้าง เลือดกระจายไปทั่วพื้นหญ้า ย้อมพื้นให้เป็นสีแดงฉาน
ราวกับนรก
ภาพทั้งหมดที่เห็นนี้ยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับร่างของอสูรร้ายที่ไล่
ฆ่ามนุษย์ ทุกการเคลื่อนไหวของมัน ไม่ว่าจะผ่านไปตรงไหนที่มีผู้มีชีวิต
ต้องมีความสยดสยองเกิดขึ้นต่อสายตา

“อเล็กซ์...” นายหมอแว่นหนาเรียกเสียงเบา

สัตว์ร้ายตัวนั้นหันขวับมาแยกเขี้ยวคารามลั่นอย่างเดือดดาล “คริ
สติน ! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าให้ใครเข้ามา !” จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งบีบ
หัวของชายคนหนึ่งแตกดังโพะ จนเลือดสาดกระเซ็นถูกใบหน้า แต่ชาย
หนุ่มลูกครึ่งในร่างของสัตว์ร้ายก็ไม่แยแส

“ช่วยด้วย !” ผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งเมื่อหันมาเห็นสองชายหญิงที่ยืน
อยู่ตรงหน้าประตู เธอก็รีบวิ่งมาหาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยทั้ง
ความหวังและหวาดกลัวสุดขีด ราวกับคนว่ายน้าหนีฉลาม บังเอิญเห็น
เรือลาหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาใกล้

แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว เธอสะดุดหกล้ม ยังไม่ทันจะได้ลุกหนี เธอถูก


กระทืบศีรษะจนแบะออกจากกัน ดูไม่แตกต่างจากแตงโมถูกช้างเหยียบ

มนุษย์อีกหลายคนที่เห็นประตูเปิดอ้าอยู่ ต่างวิ่งหนีมาทางประตู
ด้วยอาการตาลีตาเหลือกเพื่อจะออกไปจากนรกแห่งนี้ แต่คริสตินและป๊
อปไม่มีทีท่าสนใจว่าการยืนขวางทางอาจเป็นอันตราย พวกเขายังคงยืน
มองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมนุษย์คนแรกก้าวขาออกมานอกประตู
ร่างกายพลันแตกสลายหายไป แล้วหลังจากนั้นอีกหลายคนที่วิ่งหนีออก
นอกประตู ก็แตกสลายหายไปตามๆ กันจนหมด

“พวกคุณช่วยผมด้วย ช่วยด้วย !” ลุงคนหนึ่งที่ถูกอเล็กซ์จับหัว


ร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้าเสียงหวาดกลัวสุดขีด แต่ร้องได้ไม่กี่คา
เพราะถูกฝ่ามือชุ่มไปด้วยเลือดกระชากกรามล่างออก จนโลหิตของแก
สาดออกมา

มนุษย์หมาป่าอเล็กซ์ทิ้งชิ้นส่วนร่างกายนั้น เปลี่ยนกะซวกเข้าไป
ในท้อง ทาแกถึงกับตาเหลือกชักกระตุก แล้วดึงไส้ออกมาจนสุดมือ

“นายมีธุระอะไร ! ถ้าไม่มีเหตุผลดีมากเพียงพอ ฉันจะไม่ปล่อยนาย


ไว้ !” ใบหน้าของอเล็กซ์บิดเบี้ยวด้วยโทสะ มือบีบหัวผู้โชคร้ายแตก
ดังโพะไปอีกหนึ่งราย แรงที่ใช้ทาถึงกับลูกตาและมันสมองกระจายไปละ
ทิศละทาง ราวกับตั้งใจแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างว่าจะเจอเหตุการณ์อย่างนี้
ถ้าให้คาตอบไม่ถูกใจ

“เครื่องระบายอารมณ์นี่สมจริงดีจริง อย่างนี้ฉันต้องซื้อมาใช้บ้าง
แล้ว” ใบหน้าของป๊อปไม่มีแววของความหวั่นเกรงแม้แต่น้อย มิหนาซ้า
ยังฉีกยิ้มราวกับท้าทาย นิ้วมือจับกรอบแว่นขยับเล็กน้อย ก่อนหันไปทาง
เลขาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “คุณช่วยปิดการทางานของเครื่องระบายอารมณ์นี่
ด้วย”

หลังจากคริสตินปิดเครื่องจาลอง ทั้งภาพสยดสยองและสิ่งของ
ต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของฉากสวนสาธารณะแห่งนี้เริ่มเลือนราง ไม่
นานมันก็หายไปหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เลือดที่ติดตามขนร่างกายของ
มนุษย์หมาป่า ในตอนนี้ห้องโถงขนาดใหญ่มีเพียงความว่างเปล่าและ
ร่างของกึ่งสัตว์ในสภาพไร้เสื้อผ้าอยู่กลางห้อง

“ฉันมีเรื่องมาบอกนาย เกี่ยวกับจอย” หมอแว่นพูดเปิดประเด็นใน


การมาครั้งนี้

อเล็กซ์เบิกตากว้างเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกได้เพราะคาพูดของ
เพื่อน
“แก !” อสูรร้ายคารามดังลั่น เคลื่อนไหวมาเป็นวิ่งแบบสี่ขา ตรงเข้า
มาหานายหมอแว่น ด้วยแววตามุ่งร้ายชัดเจน “แกรู้ใช่ไหมว่าน้องจอย
คบคนอื่น แกรู้ใช่ไหม แกรู้ใช่ไหม !”

คาถามซ้าๆ ราวกับพวกคนเสียสติ ป๊อปได้ยินชัดเจนเต็มสองหู แต่


นายแว่นหนาไม่ตอบอะไร นอกจากยืนไขว้หลังนิ่งอยู่อย่างนั้น ดวงตา
มองดูการเคลื่อนไหวของร่างกายาที่ใกล้เข้ามา ตรงข้ามจากคริสตินที่
เริ่มตัวสั่นจวนจะอยู่ไม่สุข

จนกระทั่งป๊อปสังเกตการย่อตัวของอีกฝ่าย รับรู้ได้ทันทีว่าต้อง
กาลังเปลี่ยนเป็นกระโจน นายหมอใบหน้านิ่งเฉยก็เคลื่อนไหวฉับพลัน
สะบัดมือข้างที่สวมแหวนออกไป แล้วในชั่วกะพริบตานั้นปรากฏหมอกสี
ทองพุ่งชนหมาป่าอเล็กซ์จนกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร แต่คุณหมอ
ผู้เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันไม่มีปรากฏความกังวลบนใบหน้า ราวกับรู้อยู่
แล้วว่าแค่นี้ไม่สามารถทาให้เพื่อนในร่างสัตว์ร้ายได้รับบาดเจ็บแม้แต่
น้อยนิด

ป๊อปถอนลมหายใจออกมาพร้อมส่ายหน้าช้าๆ อย่างเอือมระอา
เดินเข้าไปในห้องโถงด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าเอา
ขวดยาซึ่งเป็นลักษณะของสเปรย์ออกมา “ตั้งสติหน่อยเพื่อน... ตั้งสติ
หน่อย”

ดูเหมือนว่าคาพูดจะไม่เข้าสู่ประสาทในการรับรู้ เพราะทันทีที่อ
เล็กซ์ลุกขึ้นได้ก็วิ่งเข้ามาหาอีกครั้ง พร้อมแยกเขี้ยวคาราม

ไม่ว่าจะเป็นทางการเคลื่อนไหวและแววตาของอเล็กซ์เริ่มดูไม่
แตกต่างจากสัตว์เดรัจฉานเข้าไปทุกขณะ ป๊อปสังเกตตรงจุดนี้ได้ ทาให้
สีหน้าของเขาเริ่มดูเคร่งเครียด เนื่องจากเขารู้ว่าในตอนนี้เพื่อนฝรั่ง
กาลังเข้าสู่ภาวะของสัตว์ร้าย แต่กระนั้นเขาไม่รู้สึกกังวลอะไรมากมาย
นัก เพราะว่าเขามีวิธีหยุดยั้งความคลุ้มคลั่ง

อสูรร่างขนสีดาวิ่งเข้ามาใกล้ประมาณหกเมตร ซึ่งเป็นระยะหวังผล
ของการกระโจน กลับชะงักอยู่ในท่าเคลื่อนไหวฉับพลัน ราวกับ
กลายเป็นรูปปั้น แต่ความจริงไม่ได้นิ่งจริงๆ อย่างที่เห็น ร่างของมนุษย์
หมาป่าสั่นเบาบางราวกับเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ดวงตากลอกไป
มาอย่างมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานแววตาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
อาจเพราะเพิ่งสังเกตว่ารอบตัวมีหมอกสีทองจางๆ ถ้าไม่ตั้งใจมองดีๆ จะ
ไม่มีวันเห็น หลังรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงขยับร่างกายไม่ได้ อเล็กซ์จึง
กลับมาจ้องมองด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยโทสะ แต่นายแพทย์ยังคงไม่มี
ความหวาดหวั่นแสดงออกมาให้เห็น

ทุกก้าวเท้าของป๊อปเริ่มเชื่องช้าลงเรื่อยๆ ราวกับถูกถ่วงด้วยหิน สี
หน้าเริ่มดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิม มือที่กาขวดยาเริ่มสั่น เนื่องจาก
ในตอนนี้สิ่งที่ใช้สะกดการเคลื่อนไหวเริ่มจะเอาไม่อยู่ จนกระทั่งหมา
ป่าอเล็กซ์คารามลั่น หมอกสีทองทั้งหมดพลันหายไป ป๊อปเบิกตาอย่าง
ตกใจ ร่างของเขาถูกผลข้างเคียงทาให้กระเด็นออกไปทางด้านหลัง
ราวกับถูกบางสิ่งพุ่งชน แว่นตากรอบสี่เหลี่ยมของเขายังกระเด็นตกไป
ไกล ในขณะเดียวกันมนุษย์หมาป่าอเล็กซ์ก็หายจากอาการประหลาด
หลังจากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อทันที

คริสตินที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นดูท่าไม่ค่อยดี จึงรีบวิ่งออกมาเพื่อ


หยุดยั้งความบ้าคลั่งของเจ้านาย ทุกก้าวเท้าของเธอ สภาพร่างกาย
เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อที่ขยายใหญ่มากขึ้น
หรือโครงสร้างทางร่างกาย หรือเส้นขนสีขาวมากมายที่งอกออกมาจน
ปกคลุมทั้งตัว ยกเว้นที่รอบดวงตาข้างหนึ่งที่เป็นขนสีดา
มนุษย์หมาป่าเพศเมียกระโจนเข้าหาอเล็กซ์ ซึ่งชายหนุ่มลูกครึ่ง
ไม่ได้สังเกตผู้ที่เข้ามาขัดขวาง กว่าจะรู้ตัวก็ถูกกระแทกล้มกลิ้งไป
ด้วยกัน หลังจากนั้นทั้งสองก็ปล้ากันไปมา แต่ผู้เป็นฝ่ายลาบากน่าจะ
เป็นคริสติน เนื่องจากเธอต้องระวังไม่ให้ถูกกัดและกรงเล็บข่วน

ในขณะเดียวกันป๊อปพยายามเคลื่อนไหวร่างกาย หันศีรษะเพื่อ
มองหาแว่นตาและขวดยา แต่เนื่องจากก้นกบกระแทกพื้น ทาให้เขาปวด
อย่างมาก จนแม้กระทั่งเสียงยังแทบไม่มีจะเปล่ง

ไม่นานนักคริสตินก็สามารถรวบตัวหนุ่มลูกครึ่งจากทางด้านหลัง
ได้สาเร็จ “อเล็กซ์ตั้งสติเอาไว้ นี่ฉันเอง คริสตินเลขาของคุณไง จาได้
ไหม ?”

เธอพูดออกไปเพราะหวังว่าเจ้านายจะได้สติ แต่ความจริงไม่ได้
ช่วยอะไรแม้แต่น้อย ดูได้จากอาการคลุ้มคลั่งที่ยังคงแสดงออกมาอยู่

“ปล่อยเดี๋ยวนี้ !” อเล็กซ์สลัดเลขาออกไปได้สาเร็จก็รีบลุกขึ้นมา
ทันที แต่ไม่ทันได้ก้าวขา คริสตินก็ลุกขึ้นแล้วตรงเข้ามาเพื่อจะรวบตัวอีก
ครั้ง “อย่ามายุ่ง !” หมาป่าหนุ่มไม่ยอมให้มาขัดขวาง เขาเหวี่ยงฝ่ามือตบ
หน้าจนร่างขนสีขาวกระเด็น จากนั้นหันไปทางมังกร ด้วยแววตา
โหดเหี้ยม “ไอ้ศักดิ์มึงตาย !”

จังหวะร่างกายาขนสีดากระโจน บุรุษซึ่งอยู่ในร่างของมนุษย์
ธรรมดาคนเดียวในที่แห่งนี้ ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวหนังปรากฏ
เป็นเกล็ดจาพวกสัตว์เลื้อยคลาน ร่างกายขยายใหญ่มากขึ้น โครงสร้าง
ทางร่างกายทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลทาให้เสื้อผ้าของ
เขาฉีกขาด แต่ในดวงตาของอเล็กซ์ไม่มีสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงนี้
แม้แต่น้อย
ทันทีที่ร่างของมังกรถูกมนุษย์หมาป่ากระแทก สองสัตว์ตานานก็
เริ่มกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างรุนแรง กลิ้งไปกลิ้งมา เกิดประกายแลบๆ
ทุกครั้งที่เกล็ดสีส้มถูกกรงเล็บมนุษย์หมาป่าข่วน บางส่วนถูกถากจน
เกล็ดหลุดออกไป ไม่แตกต่างจากเส้นขนสีดาของมนุษย์หมาป่า ถูกปาก
มังกรกัดดึงออกมาจนฟุ้งกระจาย แต่บางครั้งเกาะกันมาเป็นกระจุกก็มี

การต่อสู้ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ มังกรพลาดท่า ถูกจับหางเหวี่ยง


ออกไปไกล จนกระทั่งร่างตกกระแทกพื้นจนเสียงดังก้อง

อเล็กซ์ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไป เขาลุกขึ้นมาเพื่อจะตรงเข้าไปซ้า
แต่ไม่ทันได้ดังใจหวัง เนื่องจากคริสตินรอจังหวะนี้ พุ่งเข้ามารวบตัวจาก
ทางด้านหลังของเขาไว้แน่น

“อเล็กซ์ใจเย็น นั่นเพื่อนของคุณ !” คริสตินต้องใช้ความพยายาม


อย่างมากในการจับตัว เพื่อไม่ให้เจ้านายเผลอกระทาเรื่องเลวร้ายลงไป
แต่เรี่ยวแรงของหมาป่าหนุ่มค่อนข้างมีมากกว่า ทาให้เธอเริ่มจะไม่ไหว

ป๊อปถ่มน้าลายออกมาเป็นเลือด ดวงตาสะดุดเห็นขวดยา จึงใช้


พลังอานาจวิเศษทาให้มันลอยเข้ามาอยู่ในมือ จากนั้นหันไปมองอเล็กซ์
“ตั้งสติหน่อยเพื่อน” เขาพยายามลุกขึ้นยืนแล้วตรงไปหาเพื่อนชาย แต่
ความเจ็บที่ถูกกระแทกทาให้เคลื่อนไหวรวดเร็วไม่ได้มากนัก

“แก แก แก !” อเล็กซ์ยังคงไม่หยุดความเกรี้ยวกราด ยิ่งเห็นป๊อป


เดินเข้ามาใกล้ ทาให้เขายิ่งแสดงความคลุ้มคลั่งมากขึ้น
จนกระทั่งป๊อปก็เดินมาถึง เปิดฝาขวดออก เล็งหัวสเปรย์ไปที่
ใบหน้าแล้วกดพ่นยา อเล็กซ์ร้องลั่นและคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ
ส่ายหน้าไปมาไม่หยุด ราวกับต้องการหนีไปจากสิ่งนี้

ป๊อปหรี่ตา อาการของเพื่อนต่างสายพันธุ์ยังคงไม่มีว่าจะหยุด
สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกใช้วิธีขั้นพื้นฐานในการเรียกสติ โดยการเงื้อ
มือตบใบหน้าของอเล็กซ์ดังสนั่น “หยุดบ้าได้แล้ว ! ฉันรู้ว่าตอนนี้นายยัง
เป็นตัวของตัวเองอยู่ อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไม่งั้นไอ้ตัว
นั้นมันจะควบคุมร่างกายของนายแทนรู้ไหม”

อเล็กซ์หันขวับมาด้วยแววตาเดือดดาล แยกเขี้ยวคารามลั่น
ลักษณะอย่างนี้ป๊อปรับรู้ได้ทันทีว่าสติจวนหายไปเกือบหมดแล้ว

“นายไม่อยากฟังความจริงของจอยแล้วใช่ไหม ? ฉันเอาเรื่องนี้มา
บอกกับนายให้รู้ ความจริงจอยไม่ได้มีใครอื่นทั้งสิ้น ได้ยินไหมอเล็กซ์
จอยไม่ได้มีใครอื่น ได้ยินไหม !” ป๊อปตัดสินใจพูดประเด็นของการมา
ครั้งนี้ออกไป ด้วยความหวังว่าอีกฝ่ายสติจะกลับคืนมาไม่มากก็น้อย

ดูเหมือนว่าจะได้ผล เพราะหลังจากสิ้นเสียง อาการคลุ้มคลั่งของอ


เล็กซ์พลันหายไป แต่มีความแปลกใจมาแทนที่อยู่ในแววตา ป๊อปจึงเริ่ม
อธิบายหลังมั่นใจว่าเพื่อนชายพร้อมจะรับฟัง

“เรื่องจอยไปมีใครอื่น ฉันไม่รู้ว่านายไปเอาความคิดนี้มาจากไหน
แต่ความจริงที่ฉันได้รับรู้มา จอยไม่มีใครอื่นทั้งสิ้น นอกจากนายเพียงผู้
เดียวเท่านั้น”

คาพูดนั้นเหมือนจะส่งผลต่อจิตใจของอเล็กซ์ไม่น้อย หนุ่มลูกครึ่ง
ค่อยๆ กลายร่างเป็นมนุษย์ธรรมดา ขณะเดียวกันคริสตินยอมปล่อยตัว
หลังจากมั่นใจว่าเจ้านายได้สติกลับคืนมาแล้ว
“น่ะ... นายพูดจริงใช่ไหม ?” อเล็กซ์ถามอย่างหอบเหนื่อย

“ฉันจะไปโกหกนายได้ไง” ป๊อปกลั้วหัวเราะ “เดี๋ยวก็โดนนายซ้อม


สิ ฉันไม่อยากถูกขูดเกล็ดเหมือนปลานะเว้ย ฉันยังอยากจะเป็นมังกรมี
เกล็ดครบอยู”่

“ก็เรื่องที่นายบอกวันนั้น...” อเล็กซ์อ้าอึ้งก่อนเสียงแผ่วหายไป
ใบหน้ายังดูเหมือนเขินอาย ราวกับไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงให้ดูดี

“เรื่องวันนั้น ?” ป๊อปทวนคาอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่อถึง
เรื่องใดอยู่ แต่ครู่เดียวเท่านั้นที่เกิดความไม่เข้าใจ เพราะด้วยความ
ฉลาดที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด จึงเข้าใจแล้วว่าหมายถึงวันไหน หลังจากนั้น
เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะ “นายหมายถึงวันที่จอยไปรักษาตัวที่
โรงพยาบาลใช่ไหม ?” แม้มั่นใจว่าต้องใช่เรื่องนี้ แต่เขาก็เลือกถามให้
แน่ใจก่อน

อเล็กซ์ชาเลืองไปทางเลขาคริสตินแวบหนึ่งก่อนตอบด้วยน้าเสียง
เขินอาย “ฉะ... ใช่...”

เห็นท่าทางของเพื่อนฝรั่ง ป๊อปแทบอยากจะหยอกล้อทันที เขา


ยังคงจาได้แม่นยา วันนั้นที่อเล็กซ์โทรศัพท์มาหา พูดขอร้องให้ช่วยใช้
เส้นสายในโรงพยาบาล ในการแอบตรวจภายในของจอย เพื่อตรวจดูว่า
เธอถูกข่มขืนหรือไม่ น้าเสียงของอเล็กซ์เต็มไปด้วยทั้งโทสะและความ
กังวลชัดเจน ป๊อปคิดว่าเพื่อนคงไม่กล้าถามกับแฟนตรงๆ จึงต้องขอให้
ทาเรื่องผิดจรรยาบรรณของแพทย์อย่างนี้

ผลการตรวจออกมาว่าเป็นความจริง จอยมีร่องรอยของการมี
เพศสัมพันธ์ ป๊อปบอกได้แค่นั้น ได้ยินเสียงอเล็กซ์คารามออกมาเป็น
เสียงสัตว์ป่าดังลั่น หลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์ขาดหายไป แต่ไม่ใช่เป็น
การตัดสายทิ้ง ถ้าจะให้เดา เพื่อนฝรั่งลูกครึ่งคนนี้ต้องกลายร่างเป็นสัตว์
ร้าย แล้วทาลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า รวมไปถึงโทรศัพท์ที่อาจถูก
บีบแตกคามือ

แม้ป๊อปพูดอย่างนั้นจริง แต่ความเป็นจริงเขายังพูดไม่ทันหมด
ประโยค เนื่องจากต้องตรวจสอบรายละเอียดเจาะลึกกว่านี้ก่อน ป๊อปจา
ได้ว่าอเล็กซ์เคยเล่าให้ฟังว่าตัวตนอีกด้านไปมีเพศสัมพันธ์กับจอย

“ก็ตอนนั้นนายไม่ฟังคาพูดของฉันให้จบก่อน ดันคิดไปไกลถึงนู่น”
แม้คาพูดของป๊อปเหมือนสั่งสอน แต่น้าเสียงของเขาฟังเหมือนตลก
ขบขันแทน

“ก็ได้ ก็ได้ ฉันขอโทษที่คิดไปเอง นายช่วยเล่าใหม่อีกครั้งได้ไหม


ว่าความจริงเป็นยังไง ?” อเล็กซ์ถามเข้าเรื่อง น้าเสียงเหมือนต้องการรู้
อยากเร็วที่สุด

“หลังจากที่ฉันขอให้เพื่อนที่โลกอีกฟากช่วยตรวจให้ละเอียด
ปรากฏว่าน้าเชื้อทั้งหมดที่ตรวจหาเจอไม่ใช่ของมนุษย์ แต่มันเป็นของ
อย่างอื่น นายคงไม่ต้องให้ฉันอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมนะว่ามันเป็น
ของอะไร”

ป๊อปยังคงยึดแนวทางแกล้งพูดให้เพื่อนเกิดความเขินอาย แต่ทว่า
คราวนี้ดูจะไม่เป็นอย่างที่หวัง ใบหน้าของอเล็กซ์ไม่มีแดงระเรื่อให้เห็น
เหมือนทุกที ตอนนี้หนุ่มลูกครึ่งดูเหมือนถูกสาปให้ตัวแข็ง ดวงตาเบิก
กว้างเล็กน้อย เนื่องจากกาลังนึกไปถึงตอนนั้นที่ได้กลิ่นชายอื่นที่ติดเสื้อ
คลุม รวมกับคาพูดที่ได้ยินของป๊อป ทาให้คิดไปทางด้านลบว่าจอยมี
ความสัมพันธ์กับใครอื่น แต่เขายังคงไม่ปักใจเชื่อ จนกว่าจะได้สอบถาม
จากปากของเธอก่อน จนกระทั่งมาถึงเย็นวันนั้นที่พาไปกินอาหาร คาพูด
ของจอยที่ปฏิเสธความรัก ทาให้คิดโยงใยเรื่องราวทั้งหมดไปในทิศทาง
เดียวกัน เขารู้สึกทั้งเสียใจและโกรธที่ถูกหลอกอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงมา
ระบายอารมณ์อยู่ที่แห่งนี้

“นายรู้ไหมว่าจอยพูดระบายว่าไง ?” ป๊อปเปลี่ยนมาเป็นจริงจัง
“เธอเสียใจที่ถูกผู้ชายที่ชื่อว่าบิ๊กหลอกขอแต่งงาน เธอไม่มาทางานที่
บริษัทหลายวันแล้ว เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านอย่างเดียว”

“โอ้ ! ฉะ ฉัน ฉันจะทายังไงดี ?” อเล็กซ์เนื้อตัวสั่นก่อนถามกลับ


ด้วยน้าเสียงโกรธ “ทาไมนายไม่โทรบอก ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องสาคัญ
ขนาดนี้”

“ยังมีหน้ามาถามอีก ฉันทั้งใช้โทรศัพท์ทั้งของฝั่งมนุษย์และของฝั่ง
โลกอีกฟาก นายก็ไม่รับ แล้วอย่างนี้จะให้ฉันไปโทรหาใคร พอไปหาที่
คอนโดก็ไม่เจอตัว” ป๊อปถอนใจอย่างตาหนิ มือที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ด
สะบัดไปทางแว่นตา หมอกสีทองลอยเข้าไปปกคลุม ของชิ้นนั้นก็ลอยมา
อยู่ในมือเจ้าของ “จิตแพทย์อย่างฉันนอกจากมารักษานายแล้ว ต้องมา
แนะนานายไปหมดทุกอย่างหรือไง ? มัวแต่ทาท่าลนลานอยู่ได้ รีบไปทา
ตามคาพูดที่ให้สัญญากับเธอไว้สิ”

“ใช่ๆ ไปทาตามสัญญา !” อเล็กซ์ราพึงราพัน กลอกตาซ้ายขวา


ทาท่าทางดูลนลาน ก่อนวิ่งไปเอาเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆ ที่มุมห้อง รวบ
เก็บอย่างลวกๆ แล้ววิ่งตรงไปที่ประตู

แต่ไม่ทันได้ก้าวขาออกไป ชายหนุ่มในร่างเปลือยกายชะงักฝีเท้า
หันหน้ามาทางมนุษย์หมาป่าเพศเมียเพียงตัวเดียวในที่แห่งนี้ ด้วยแวว
ตาเหมือนเพิ่งนึกได้
“คริสติน เรื่องเมื่อครู่นี้ที่ผมทาร้ายคุณ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้
ตั้งใจ”

“ไม่เป็นอะไร ฉันไม่ถือ” ร่างของหมาป่าขนสีขาวเริ่มเปลี่ยนแปลง


มาเป็นมนุษย์ธรรมดา ทาให้ปรากฏหลักฐานของการถูกทาร้ายชัดเจน
อยู่ตรงที่มุมปากของเธอ มันมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย

“เดี๋ยวผมกลับมาจะเพิ่มเงินเดือนให้กับคุณ แล้วรวมถึงโบนัสท้ายปี
ด้วย แทนคาขอโทษจากผม !” อเล็กซ์ตะโกนบอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิดก่อน
วิ่งออกไปนอกห้อง แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว เขาหกล้มอย่างดูไม่ได้ อาจเป็น
เพราะความเร่งรีบจึงขาขัดกันเอง กระนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งไปต่อ

“นี่ยา คุณเอาไปดื่ม มันจะช่วยลดอาการบวมช้าที่ใบหน้าของคุณ


ได้” ป๊อปเอาขวดยาออกมาจากหมอก ยื่นให้คริสตินโดยไม่หันไปมอง
นอกจากมองท่าทางของเพื่อนชายต่างเผ่าพันธุ์ พร้อมส่ายหน้าช้าๆ
อย่างเอือมๆ
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 2

ณ ห้องสอบสวนซึ่งถูกออกแบบมาเป็นห้องเก็บเสียง แต่ความจริง
มันก็ไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้ทั้งหมด ภายในนี้ไม่มีสิ่งของใดนอกจากชุด
โต๊ะนั่ง และคนอีกเก้าคน

สามคนที่ยืนอยู่ตรงผนังฝั่งประตูทางเข้าของห้องนี้ มีทั้งอเล็กซ์ ป๊
อป และคริสติน

ถัดมาที่เบื้องหน้าของทั้งสามคน มีชุดโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของห้อง มีนายตารวจ ซึ่งเป็นสามีของเลขาที่ชื่อว่า
เหมย นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ กาลังอ่านเนื้อหาในแฟ้มประวัติของผู้กระทา
ความผิด

และผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เป็นพวกวัยรุ่นทั้งหมดห้าคน

วัยรุ่นสองคนแรก มีประวัติฆ่าคนตายโดยเจตนา

วัยรุ่นอีกสามคน มีประวัติข่มขืนกระทาชาเราผู้หญิง

ส่วนที่เหลือของประวัติในการกระทาความผิด มีเหมือนกันหมด จะ
ว่าเป็นรสนิยมเดียวกันก็ย่อมได้ ไม่ว่าจะเป็นก่อเหตุทะเลาะวิวาท ชิง
ทรัพย์ในยามกลางคืน ทาร้ายร่างกาย แข่งรถรบกวนชาวบ้าน ทั้งเสพ
ยาและขายยา

นายตารวจวางแฟ้มประวัติในการกระทาความผิดลงบนโต๊ะ ถอน
ใจอย่างเบื่อหน่าย เงยหน้ามองวัยรุ่นทั้งห้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“พี่ตารวจจะสอบปากคาอะไรพวกผมอีกล่ะ ?” ไอ้หัวเกรียนยกมือ
ไพล่หลังรองท้ายทอย เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ “พวกผมยังอายุไม่
ถึงสิบแปดด้วยซ้า ถ้าพี่ตารวจทรมานหรือทาร้ายร่างกายพวกผม รับรอง
พ่อแม่พวกผมเอาเรื่องแน่นอน และพวกผมจะฟ้องมูลนิธิด้วยนะค
ร้าบบบบบบ~” มันทาใบหน้าทะเล้น ลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน

“ใช่แล้วพี่ตารวจ จะส่งพวกผมไปที่กรมพินิจที่ไหนก็รีบๆ ไปเรียก


รถมาดีกว่า พวกผมจะได้เจอเพื่อนเก่าเสียที” วัยรุ่นที่มีหนวดเครารก
รุงรัง มองเรือนร่างสาวฝรั่งที่ยืนอยู่ด้านหลังตารวจ โดยเฉพาะตรงหน้า
อกของเธอ มันจะใช้ดวงตาหื่นจ้องนานเป็นพิเศษ “ผมคิดอีกที พี่ตารวจ
ไม่ต้องส่งพวกผมเข้าไปหรอก เดี๋ยวไม่กี่เดือนพวกเขาก็ปล่อยพวกผม
ออกมาเหมือนเดิม”

“ใช่ๆ พี่ตารวจ” วัยรุ่นอีกคนที่เจาะรูจมูกทั้งสองข้างเสริม “เสียเวลา


ไปส่งพวกผมเปล่าๆ ที่สาคัญมันก็เปลืองน้ามันรถ และยังเปลืองภาษีของ
ประชาชนที่ต้องเอามาซื้อข้าวเลี้ยงพวกผมด้วย ผมว่าพี่ตารวจปล่อย
พวกผมไปดีกว่า นี่ผมกาลังช่วยชาติประหยัดงบประมาณเลยนะพี่”

ยิ่งอเล็กซ์ได้ฟังคาพูดของพวกวัยรุ่นนานมากเท่าไร หน้าของเขาก็
เริ่มแดงมากขึ้นตาม มือก็กาหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนด้วยความ
โกรธ

นายตารวจส่ายหน้าช้าๆ อย่างเอือมระอาสุดจะทน เขาเก็บแฟ้ม


เอกสาร ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู แต่มือชะงักอยู่ตรงลูกบิด หันหน้ามาทาง
คนรู้จักที่ยืนอยู่ตรงผนังห้องทั้งสามคน “อย่าเอาถึงตายนะครับ ไม่งั้นผม
จะเดือดร้อน”

“แน่นอนครับคุณพี่” หมอแว่นหนาพูดด้วยรอยยิ้ม
นายตารวจชาเลืองตาไปทางกลุ่มวัยรุ่น แต่ปากยังคงพูดกับคน
รู้จัก “ยังไงก็เก็บเสียงหน่อยนะครับ ห้องนี้มันไม่สามารถเก็บเสียงดังได้
ทั้งหมด ถ้ามีคนเดินผ่านมาใกล้ประตูก็ยังคงได้ยินเสียงเหมือนเดิม”

“แน่นอนครับ จะไม่มีเสียงสักแอะลอดออกไปให้ระคายหูแน่นอน
ครับ” ป๊อปยังคงไม่หยุดยิ้มขณะหันมาทางกลุ่มวัยรุ่น แต่ทว่าคราวนี้
รอยยิ้มของเขาดูน่าสะพรึงกลัว ทาให้วัยรุ่นทั้งห้าคนเริ่มรู้สึกใจคอไม่
ค่อยดี

“ผมให้เวลาถึงช่วงเย็นเท่านั้น” นายตารวจมองดูนาฬิกาข้อมือ
ก่อนหันไปทางวัยรุ่นห้าคนอีกรอบ “หวังว่าบทเรียนคราวนี้จะทาให้พวก
เอ็งรู้ผิดถูกได้ จงเตรียมตัวให้ดี” กล่าวจบเขาก็ปิดประตูเดินออกไป
ขณะเดียวกันกลุ่มวัยรุ่นหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก เนื่องจากคาพูดนี้เหมือน
เกริ่นให้ทราบว่าพวกเขากาลังเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่เป็นอันตราย

ไอ้หัวเกรียนเบิกตาอย่างตื่นตกใจเล็กน้อย มันเห็นป๊อปล้วงกระเป๋า
สะพาย จึงเกิดความคิดไปทางด้านลบ “เฮ้ยมึงจะทาอะไร ! มึงจะทรมาน
พวกกูเรอะ ? บอกไว้ก่อนนะโว้ย กูจะออกสื่อให้ประณามพวกมึง แล้วกู
จะให้พ่อแม่เอาเรื่องพวกมึงแน่ !”

“อยากจะทาอะไรก็ตามสบายเลยไอ้หนู” ป๊อปหัวเราะอย่างท้าทาย

ทันทีที่ของภายในกระเป๋าถูกนาออกมา วัยรุ่นห้าคนเกิดความมึน
งงไปครู่หนึ่ง เนื่องจากตอนแรกพวกมันคิดว่าต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไว้
สาหรับทรมานร่างกาย แต่ความจริงไม่ใช่อย่างที่คิดไปไกล เพราะสิ่งที่ป๊
อปเอาออกมาเป็นลูกแก้วสีทอง
“ได้เวลาปิดประตูตีแมวแล้ว” ป๊อปยื่นลูกแก้วออกไป ทันใดนั้นมี
หมอกจางๆ สีทองกระจายออกไปทั่วภายในห้องด้วยความรวดเร็ว เสียง
ทุกอย่างที่เคยแว่วเข้ามาถึงภายในห้องแห่งนี้ บัดนี้เงียบหายไป ราวกับ
ถูกปิดกั้นไม่ให้เข้ามา

“เฮ้ย ! นั่นมันอะไรวะ ? มึงเอาเครื่องพ่นยาฆ่ายุงมารมควันพวกกู


หรือไงวะ ?” ไอ้หัวเกรียนลุกพรวดหนีไปหลังชนผนังห้องเพราะตกใจ
กับสิ่งที่ไม่เคยเห็น เพื่อนของมันเช่นเดียวกันที่รีบลุกหนีตามกันไปติดๆ

“ศักดิ์เอายารักษามาไหม ?” อเล็กซ์ถามเป็นภาษาอังกฤษด้วย
น้าเสียงเหมือนพยายามอดกลั้นอารมณ์ ดวงตาของเขายังคงจ้องกลุ่ม
วัยรุ่นอย่างเยือกเย็น

“แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องสนุกแบบนี้ฉันจะลืมไปได้ไง บ้าเอ๊ย !” ป๊อป


อุทานเพราะแหวกกระเป๋าสะพายอีกรอบแล้วไม่เจอของอีกอย่าง “ฉันลืม
เอายาปลูกสร้างอวัยวะมา เราไม่สามารถกินตับไตไส้พุงได้แล้ว” นาย
แว่นหนาทาใบหน้าเซ็ง หันหน้าไปทางคนรู้จักทั้งสอง “เราทาได้เพียง
แค่ควักอวัยวะภายในออกมารับลมเล่นเท่านั้น ไม่ว่ากันนะ ?”

“ไม่เป็นอะไร” อเล็กซ์ตอบสั้นๆ

ขณะเดียวกันกลุ่มวัยรุ่นเกเรทั้งห้าคนยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง
เนื่องจากไม่เคยสนใจการเรียน ภาษาอังกฤษที่นายหมอป๊อปและอเล็กซ์
ใช้พูดสื่อสารกันนั้น ทั้งห้าคนจึงไม่เข้าใจความหมาย แม้ฟังไม่ออก แต่
พวกมันก็รับรู้ได้อย่างหนึ่ง ตรงที่ใบหน้าและแววตาของคนทั้งสาม บ่งชี้
ว่าไม่เป็นมิตร

“เฮ้ย ! นั่นมึงจะทาอะไร มึงถอดทาไมวะ ?” ไอ้หัวเกรียนชี้หน้าอ


เล็กซ์ด้วยความตกใจจนมือไม้สั่น เช่นเดียวกับเพื่อนของมันอีกสี่คน
เพราะเห็นอเล็กซ์ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น โดยเฉพาะในตอนที่หนุ่ม
ลูกครึ่งรูดซิปกางเกง ทาให้จินตนาการพวกมันเตลิดไปถึงไหนต่อไหน

ไม่นานนักชายหนุ่มเชื้อสายต่างชาติก็อยู่ในสภาพล่อนจ้อน ให้
เห็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรือนร่าง ไม่เว้นแม้แต่ หนอนยักษ์ ที่หัวห้อยอยู่
ตรงระหว่างขา

ไอ้หัวเกรียนเบิกตา ทาปากขยะแขยงราวกับอยากร้องหยี มือทั้ง


สองข้างรีบปิดตูดด้วยความหวาดระแวง ‘แม่งเอ๊ย ! มันอัดถั่วดากูแน่ !’

“อยากจะรู้ใช่ไหม... ว่าถอดทาไม... ?” น้าเสียงของอเล็กซ์ฟังดูสั่น


ทุกถ้อยคายังชวนน่าขนลุก เมื่อรวมกับภาพของกล้ามเนื้อสั่นกระตุก ราว
กับมีหนอนตัวอวบใหญ่กาลังคืบคลานอยู่ใต้ผิวหนัง ทาให้เขาดูน่ากลัว
ขึ้นมา “กูจะทาให้รู้เองว่าการที่พวกมึง... มึง... มาทาร้ายเมียของกู มัน
จะต้องเป็นยังไง !” เสียงของเขาเปลี่ยนแปลงมาเป็นเหมือนการคาราม
ของสัตว์ป่า รูปหน้าเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสิ่งที่ดูไม่น่าใช่มนุษย์

ไอ้หัวเกรียนเบิกตากว้างกว่าเดิมเป็นทวีคูณ บัดนี้ไม่มีร่างของชาย
ชาวต่างชาติให้เห็นอีกต่อไป มีแต่สัตว์รูปร่างคล้ายหมาป่าขนาดใหญ่
ภาพนั้นทาปากของมันเกิดสั่นระรัว “มะ... มัน... มันเป็น... มนุษย์...”

“มนุษย์หมาป่าไงเด็กน้อยเอ๋ย” ป๊อปพูดออกมาตอกย้าความคิดให้
แทน

ทันทีที่สัตว์ร้ายร่างขนดาแยกเขี้ยวคารามอย่างอามหิต มัน
กระโจนเข้าหากลุ่มวัยรุ่นทั้งห้าคนที่ต่างร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 3

ณ ห้องที่เงียบสงบบนคอนโดหรูแห่งหนึ่ง

ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มลูกครึ่ง มองดูหนังสือพิมพ์ภาษาไทย
อย่างเพลิดเพลินใจ แม้มีบางจุดที่ต้องใช้การเดาแทน เนื่องจากพื้นฐาน
ของภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรง ทาให้ไม่สามารถตีความหมายได้ทั้งหมด
กระนั้นเขายังคงเลือกอ่านต่อไป มือจับแก้วกาแฟยกดื่ม ปล่อยให้น้าสี
น้าตาลอุ่นๆ ไหลลงไปตามลาคอ ก่อนวางถ้วยคืนที่เดิม เปลี่ยนมาพลิก
หน้าหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ไปยังหน้าต่อไป

ทันทีที่เปิดมาเป็นหน้าใหม่ ชายหนุ่มเกิดอาการตัวสั่นเกร็งฉับพลัน
ดวงตาเบิกกว้าง จ้องภาพหนึ่งที่ช่องของโฆษณาหนังสือพิมพ์

มือของเขาสั่นระรัวมากขึ้น ไม่นานเขาลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟา
ปัดสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ใกล้ล้มระเนระนาด

ชายหนุ่มลูกครึ่งแหงนหน้าขึ้นฟ้า ตาเหลือก ปากอ้าสั่นระรัว ไม่


นานนักเขาทรุดไปชักดิ้นอยู่กับพื้น เสื้อผ้าเลอะไปด้วยน้ากาแฟ

ครู่หนึ่งผ่านไป เจ้าของร่างที่เคยดิ้นอย่างทุกข์ทรมาน ลุกขึ้นมา


ด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเมื่อสักครู่นี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขาหยิบ
หนังสือพิมพ์มาเปิดไปหน้าเดิมอย่างเชื่องช้าด้วยความใจเย็น จนกระทั่ง
เปิดมาถึงหน้านั้น เขาวางลงบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ๆ ตัวมา
เปิดไปที่หมวดกล้อง ถ่ายรูปภาพโฆษณานั้น แล้วกดส่งออกไปทางอีเมล
ให้เลขาส่วนตัว จากนั้นเขาเปลี่ยนมาเป็นกดโทรออกตามไปติดๆ
รอคอยไม่นานนัก ปลายสายก็รับสายโทรศัพท์ เสียงแหบพร่าของ
บุรุษเพศก็กล่าวออกไปให้ที่อีกฟากรับคาสั่ง

“คริสติน... คุณช่วยไปซื้อชุดเหมือนตัวอย่างที่ผมส่งไปทางอีเมล
มาให้หนึ่งโหล...” เจ้าของดวงตาสีเหลืองฉีกยิ้ม หางส่ายไปมาไม่หยุด
“คิดอีกที... ผมเปลี่ยนใจไม่เอาโหลเดียวแล้ว ผมเพิ่มเอาเป็นหนึ่งร้อย
โหลไปเลย” ที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มกึ่งสัตว์เดรัจฉาน เริ่มนูนสูงขึ้นมา
มือหยาบหนาลูบตรงนั้นอย่างเชื่องช้า ‘น้องจอยจ๋า... พี่จะทะลวงเอาให้
ตับไตไส้พุงของน้องกระเด็นกระดอนไปเลยจ้ะ !’

ภาพโฆษณาในช่องสี่เหลี่ยมของหนังสือพิมพ์ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า
มันเป็นภาพของสาวนางแบบสุดเซ็กซี่ สวมชุดกระต่ายน้อยพริตตี้สีดา
นอนอยู่ในท่าตะแคง แขนข้างหนึ่งตั้งศอก มือรองศีรษะ ขาไขว่ห้าง
แล้วตกท้ายด้วยทาปากส่งจูบอย่างเชื้อเชิญ
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 4

จอยลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเจ้าของแขนกายาที่โอบกอดและขาที่
ก่ายอยู่ มันเคลื่อนไหวร่างกาย ทาให้สะเทือนมาถึงตัวเธอ แม้อยู่ใน
อาการสะลึมสะลือ เธอยังคงรู้สึกตัวได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รดต้นคอ
ทาให้เกิดความรู้สึกขนลุกเกรียว แต่ไม่นาน เจ้าของวงแขนนั้นลุกขึ้น
จากไป แต่มน
ั ไม่ได้ลุกไปเพียงแค่ตัวเปล่า มันยังเอาสิ่งที่เสียบคาในช่อง
ลับของเธอมายาวนานตั้งแต่หัวค่าออกตามไปด้วย ทาให้น้ามากมายที่
ฉีดอัดเข้าไปพรวดออกมา ไหลไปตามร่องขา ยิ่งทาให้เธอรู้สึกขนลุกยิ่ง
กว่าเดิม จนหูตาแทบสว่าง

จอยเปลี่ยนจากนอนตะแคงมาลุกนั่ง หันไปมองตามร่างกายา
ของบิ๊ก เธอมองอย่างเหม่อลอย ตั้งแต่มันเดินเข้าห้องน้าจนกระทั่ง
ออกมา ตรงบริเวณที่แสดงความเป็นชายของมัน ดูเปียกราวกับเพิ่งล้าง
มาเสร็จเรียบร้อย

จอยทาปากเบ้ ‘เจ้าสาอางจริงนะแก’

บิ๊กคงสังเกตเธอมองสารวจดูร่างกายาของมัน มันเผยรอยยิ้มให้
อย่างขี้เล่น แต่ทว่าดูออกไปทางน่าขนลุกมากกว่า มันลูบอวัยวะตรงส่วน
นั้นโชว์ให้เธอดู จอยหันไปมองทางอื่นแทบไม่ทันกับความลามกที่มัน
แสดง เธอได้ยินเสียงมันหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ จึงรู้ตัวว่าถูกมัน
แกล้ง เธอหันไปอีกรอบเห็นมันเดินไปเปิดทีวี แล้วนั่งโซฟาเพื่อดูรายการ
ต่างๆ ที่อยากจะดู แม้มันทะลึ่ง แต่อย่างน้อยมันยังพอมีมารยาทอยู่บ้าง
มันกดเบาเสียงทีวีจนกลายเป็นเลขศูนย์ อาจเพราะคิดว่าเธอจะกลับไป
นอนต่อ

แน่นอนว่าความสุขที่มันมอบให้นั้นทาให้เธอลืมไม่ลงจริงๆ
โดยเฉพาะแต่ละกระบวนท่าที่มันจัดให้ ยิ่งนึกถึงก็ทาให้ความรู้สึกอย่าง
นั้นเหมือนย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่ความคิดที่ย้อนกลับมาอย่าง
เดียว ยังมีหลักฐานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เธอรู้สึกตัวอยู่ อย่างเช่น
ในตอนนี้ เธอยังคงรู้สึกปวดเมื่อยเพราะการฟัดกันบนเตียง และเนื้อตัว
ยังคงเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ ถ้าได้ล้างตัวสักหน่อยคงจะดี เธอจึงลุก
จากเตียงแล้วเดินไปเข้าห้องน้า

อาการเพิ่งตื่นนอนยังคงตกค้างอยู่ จอยจึงไม่ได้สังเกตอะไรมาก
นัก เธอมานั่งชักโครก ทาธุระส่วนตัวจนกระทั่งเสร็จ ระหว่างเปิดสายฉีด
ก้นเพื่อล้างทาความสะอาด ดวงตามองลงไป ปรากฏว่าในชักโครกมีแต่
ขนสีดาเต็มไปหมด เธอเบิกตา ลุกพรวดขึ้นมา หันไปมองอีกรอบ ภาพ
นั้นยังคงเด่นชัดว่าเป็นความจริง เธอสะดุดเห็นเงาตัวเองในกระจก เมื่อ
หันไปมองอย่างเต็มตา ปรากฏว่าตามเนื้อตามตัวของเธอเช่นเดียวกันที่มี
ขนสีดาติดตามร่างกาย

นึกได้ทันใด นับตั้งแต่มีไอ้ตัว ขนดก มาอยู่ภายในบ้านของเธอ ทา


ตัวราวกับเป็นบ้านของมันเอง เธอต้องปัดกวาดมากกว่าเดิมหลายเท่า
เพราะขนของมันปลิวว่อนไปทั่วที่มันก้าวเดินไป โดยเฉพาะบนเตียงนอน
ของเธอ

พอหันมามองขนในชักโครกอีกครั้ง ใบหน้าของจอยแสดงความ
ขยะแขยงออกมาทันใด ‘นี่ต้องหยิบออกอีกใช่ไหมเนี่ย ?’

หลังจากจอยอาบน้าและแต่งตัวใหม่เสร็จเรียบร้อย เธอเดินออกมา
ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จนกระทั่งเดินมาถึงตรงที่บิ๊กนั่งอยู่ แต่เธอไม่สามารถ
นั่งด้วยคนได้ เนื่องจากมันเป็นโซฟานั่งเดี่ยว แม้เธอยืนจ้องหน้ามัน
อย่างนี้ แต่บิ๊กยังคงไม่ละสายตาจากทีวีมาสนใจ เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูด
ยังไง สุดท้ายไปลากเก้าอี้ตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์มานั่งข้างๆ มันแทน
รายการที่บิ๊กเปิดดูเป็นรายการตลก ทาให้มันหัวเราะด้วยความ
ตลกขบขัน แล้วยังคงไม่มีทีท่าสนใจผู้ที่มานั่งอยู่ข้างๆ เหมือนเดิม จอย
ตัดสินใจวางมือลงบนหลังมือของมัน บิ๊กจึงหันมามองด้วยใบหน้าราวกับ
อยากถามว่า มีอะไร ? แต่แสดงให้เห็นแวบเดียวเท่านั้น ตรงบริเวณที่
น่าจะเป็นหัวคิ้วของมันขมวดเข้าหากัน ราวกับมันเพิ่งรับรู้ว่าตอนนี้จอย
แสดงอารมณ์บนใบหน้ายังไงอยู่

“นี่แก รู้ไหมว่าขนของแกมันกระจายไปทั่วมากแค่ไหน ฉันต้อง


เสียเวลาทาความสะอาดบ่อยมาก รู้ไหมว่ามันเหนื่อย ถ้าเป็นไปได้แก
ช่วยฉันทาความสะอาดบ้างจะเป็นเรื่องดีมาก เข้าใจไหมยะ ? ไม่ใช่
มาถึงก็จิ้มฉันอย่างเดียว”

บิ๊กไม่มีแสดงท่าทางไม่ชอบใจออกมา ตรงข้าม มันหัวเราะราวกับ


ถูกใจกับสีหน้าของเธอ จนกระทั่งจอยแสดงสีหน้าไม่ชอบใจมากขึ้นจน
เห็นได้ชัด มันจึงหยุดหัวเราะ พยักพเยิดให้ราวกับว่าเข้าใจแล้ว จากนั้น
ลุกขึ้นเดินไปตรงเตียง

จอยมองตามจนกระทั่งมันเดินไปถึงตรงที่มีกางเกงของมันอยู่ มัน
หยิบขึ้นมาแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋า

ของที่มันเอาออกมาไม่รู้ว่าคืออะไร รู้แต่ว่าเป็นซองรูปสี่เหลี่ยม
จัตุรัสสีเงิน จนกระทั่งมันฉีกซองออกมา ทาให้เธอนึกถึงของสิ่งหนึ่ง
เพราะลักษณะของมันเหมือนกับ... ถุงยางอนามัย !!!

บิ๊กดึงความยาวของมันออกมาจนสุดก็ปล่อยมือ จอยสังเกตความ
ผิดปกติภายในห้องของตัวเอง ขนสีดามากมายที่กระจายอยู่ตามจุด
ต่างๆ เริ่มลอยขึ้นมา เข้าไปในถุงยางอนามัยอย่างมหัศจรรย์ ดูไม่ต่าง
จากถูกเครื่องดูดฝุ่นดูดเข้าไป
ทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป ถุงยางอนามัยที่ห่อเหี่ยวก็ขยายใหญ่มาก
ขึ้น ราวกับเป็นต้นไม้ใกล้ตายที่ได้น้า ถูกวิดีโออัดภาพแล้วเอามาเปิดเร่ง
ความเร็วสูงให้เห็นความเป็นไป จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง ปลายยอดของมันก็
เริ่ม บวมเป่ง ราวกับถูกอัดแน่นจวนระเบิด

จนกระทั่งไม่มีเส้นขนลอยผ่านหน้ามาให้เห็นอีก บิ๊กก็มัดปาก
ถุงยางแล้วโยนลงกระโถนอ้วก จากนั้นเดินมานั่งดูทีวีต่อด้วยท่าทาง
สบายๆ แถมมีการหันมาเป่าลมใส่หูจอยเบาๆ ราวกับจะบอกว่า พี่ทา
ความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วจ้ะ

การกระทาของมันทาจอยอ้าปากค้างอ้าอึ้ง เพราะไม่คาดคิดว่ามัน
จะใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา

เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ทาให้จอยนอนไม่หลับ แล้วเนื่องด้วยวันนี้เป็น


วันหยุดของบริษัท จึงไม่กังวลว่าจะตื่นมาตอนเช้าแล้วเกิดเวียนหัว เธอ
ตัดสินใจนั่งดูทีวีไปพร้อมกับบิ๊ก จนกว่าจะรู้สึกง่วง ถึงค่อยกลับไปนอน
ต่อ

รายการที่ดูอยู่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสารคดีเกี่ยวกับหมาป่า ทั้งตัว
คนในฉากที่พาไปดูสัตว์และคนพากย์เสียงเป็นภาษาไทย มีการเล่นมุก
ตลกสอดแทรกเข้าไปเป็นช่วงๆ ทาให้สารคดีเรื่องนี้ดูไม่แตกต่างจาก
หนังตลกเรื่องหนึ่ง เนื้อหาของสารคดีเรื่องนี้ทาให้จอยนึกได้ เธอชาเลือง
ไปทางมนุษย์หมาป่า แล้วเลื่อนต่าลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหอก
แหลมที่ชี้โด่ราวกับเป็นต้นเสา

เท่าที่เคยเห็นของลับหมาตัวผู้มา ช่วงที่มันนั่งในท่าใช้ขาหน้า
เหยียดยันร่าง หอกแหลมสีแดงของมันมักจะโผล่ออกมาตากลมเสมอ
โดยเฉพาะตอนที่มันนั่งท่าสวัสดีโดยการยกขาหน้า สาหรับมนุษย์หมา
ป่านี่ก็ไม่แตกต่างกัน

จอยมองต่าลงมาอีกนิด ลูกตุ้มมหากาฬสองลูกซึ่งมีขนาดใหญ่โต
มโหฬารที่นอนสงบนิ่งอยู่นั้น ทาให้เธอเริ่มหน้าแดง เพราะมันทาให้เธอ
นึกถึงในตอนที่มันแกว่งลอดผ่านระหว่างขาของเธอ จนมากระทบผิว
เนื้อของเธอดังสนั่น

จอยมองไปที่นาฬิกาแขวน นับจากที่เธอกับบิ๊กกอดรัดฟัดเหวี่ยง
กัน ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงกว่า พอเธอตวัดตากลับมามองที่
หอกด้ามนั้นอีกครั้ง คราวนี้หัวใจของเธอเกิดสั่นขึ้นมา เลือดสูบฉีดไปทั่ว
ร่างกาย เพราะตอนนี้ทาให้เธอนึกถึงตอนที่เนื้อท่อนนั้นเคลื่อนเข้าออก
อยู่ภายในตัว ส่งผลทาให้มีน้าไหลออกมาจากช่องลับจนรู้สึกเปียกแฉะ

จอยคิดว่าอาจเป็นเพราะมองมันหลายครั้งเกินไป ทาให้นึกถึงเรื่อง
บนเตียงขึ้นมาโดยไม่อาจหยุดยั้ง แน่นอนว่าทาให้เธอรู้สึกไม่สบายเนื้อ
สบายตัวเท่าไรนัก ในเวลาเดียวกันก็ทาให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น
ผู้หญิงร่าน

พอมองใบหน้าของบิ๊ก เธอแทบอดใจไม่ไหวจริงๆ เธออยากต่อกับ


มันอีกสักยก แต่ไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงให้มันรับรู้ เพราะอย่างไรเธอ
เองก็เป็นผู้หญิง ซึ่งทาให้เธอรู้สึกกระดากปากไม่น้อย

จอยถอนใจออกมา สุดท้ายเธอก็พูดไม่ออก

ขณะที่กาลังจะลุกเข้าห้องน้าไปล้างตรงจุดซ่อนเร้นอีกรอบ บิ๊กหัน
ขวับมาด้วยแววตาเปล่งประกายราวกับเด็กน้อยพบเจอร้านขายไอศกรีม
มันรีบจับข้อมือของเธอเพื่อสื่อว่าอย่าเพิ่งลุกไปไหน จากนั้นมันยื่นหน้า
เข้ามาใกล้แล้วหายใจฟืดฟาดเสียงดัง

ตอนแรกจอยไม่เข้าใจกับการกระทาของมัน จนกระทั่งเสียงคน
บรรยายวิถีการดารงชีวิตของสัตว์ในสารคดี ทาให้เธอนึกได้ว่ามันต้อง
ได้กลิ่นน้าหวานจากดอกไม้ของตัวเธอ ซึ่งเป็นกลิ่นที่หอมหวานสาหรับ
มัน เนื่องจากในสารคดีบอกว่าพวกสัตว์ตระกูลหมาส่วนใหญ่จะจมูกดี
เอามากๆ ในเรื่องการรับกลิ่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูผสมพันธุ์ที่ตัวเมียจะ
ส่งกลิ่นยั่วยวนออกมาดึงดูดตัวผู้ ต่อให้ตัวเมียจะอยู่ไกลแค่ไหน ตัวผู้
ยังคงพยายามตามหาจนกว่าจะเจอ แม้เส้นทางจะลาบากยากเย็นมากแค่
ไหนก็ตาม นอกจากนี้จอยเคยได้ยินเพื่อนที่ทางานเล่าให้ฟังว่าเขาเอา
หมาตัวเมียที่เลี้ยงเข้าไปนอนภายในห้องด้วย เมื่อถึงในช่วงฤดูเป็นสัตว์
ไม่ว่าเจ้าของหมาตัวเมียเดินผ่านไปทางไหนที่มีหมาตัวผู้อยู่ ต้องถูกตัวผู้
ทุกตัวที่ได้กลิ่นกระโดดเกาะขี่ขาทันที โดยไม่สนว่าเจ้าของหมาตัวเมีย
นั้นจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือไม่ แม้กระทั่งเจ้าของเป็นเพศชาย หมา
ตัวผู้ก็ไม่สน

แต่ไม่ทันบิ๊กจะลุกขึ้นมาจับเธอกินตับอีกรอบ จอยชิงตัดหน้าลุก
ขึ้นมาแตะหน้าอกให้มันกลับนั่งลงไปเหมือนเดิมก่อน ตอนนี้เธอไม่รู้สึก
กระดากอายอีกต่อไป ในเมื่อมันให้ความร่วมมือในเรื่องที่เธอต้องการพอ
ดิบพอดีอย่างนี้

จอยเชิดหน้า ‘ทีนี้แหละไอ้หน้าเอ๋ง ถึงคราวฝ่ายฉันคุมเกมบ้างล่ะ


จะขย่มให้ของแกหักไปเลย !’ เธอยกขาขึ้นมาพาดกับพนักแขนละด้าน
มือเอื้อมไปจับหัวโซฟา ไม่นานเธอก็อยู่ในท่าคร่อมเหนือร่างของมัน
ขณะเดียวกันบิ๊กหายใจถี่รัวด้วยความตื่นเต้น จะว่านี่เป็นกระบวนท่า
ใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อนก็ย่อมได้
จอยก้มมองหัวยานอวกาศลาสีแดงที่เริ่มยืดยาวออกมาราวกับมี
ชีวิต ลักษณะของมันเหมือนกับว่าอดใจจะพุ่งสู่อวกาศไม่ไหวแล้ว เธอทิ้ง
ตัวลงไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งปากทางเข้าสู่อุโมงค์มิติหลุมดาของเธอ
แตะหัวยานอวกาศ เธอกลับหยุดชะงักแค่นั้น จากนั้นเริ่มส่ายสะโพกไป
มา ยานอวกาศจึงโยกไปโยกมาตาม ราวกับแมวหยอกหนูเล่น

การกระทานี้ของจอยทาให้บิ๊กหายใจฟืดฟาด ราวกับอากาศไม่
พอจะหายใจสาหรับมัน จอยหัวเราะออกมาไม่หยุด ใช่เลย ! นี่มันเป็น
แผนกลั่นแกล้งมันด้วยความจงใจ

ครู่หนึ่งผ่านไป หลุมดานั้นยังคงไม่ยอมดูดกลืนยานอวกาศเข้าไป
เสียที ตรงข้ามกับยานอวกาศ มันอยากปล่อยไอพ่นแล้วพุ่งเข้าไปใน
ความลึกลับนั้น เพื่อไขความลี้ลับที่เป็นปริศนามายาวนานนี้ให้กระจ่าง
แจ้ง

บิ๊กทาตาเหลือกจวนจะขาดใจ ทาให้จอยรู้สึกสะใจไม่น้อยกับการ
ยั่วยุมันอย่างนี้ เธอไม่ต้องการปล่อยให้มันเข้าไปง่ายๆ ไม่เช่นนั้นยาน
อวกาศนี้อาจไม่เห็นคุณค่าของประตูมิติที่จะนาไปสู่สวรรค์

จอยเปลี่ยนมากาลายานอวกาศหลวมๆ แล้วเริ่มรูดขึ้นลงช้าๆ สลับ


กับบีบแรงๆ... เดี๋ยวคลาย... เดี๋ยวบีบใหม่... ยิ่งเธอทาอย่างนั้นนานมาก
ขึ้น ขนาดของยานอวกาศก็ยิ่งพองตัวใหญ่ขึ้นตาม จนกระทั่งขนาดของ
มันเทียบเท่าขวดซุปไก่สกัดเข้าไปแล้ว

ความจริงจอยอยากจะแกล้งมันนานต่ออีกหน่อย แต่เมื่อเห็น
ใบหน้าของบิ๊กนอกจากบิดเบี้ยว ใบหูแหลมของมันยังล้มพับไปข้างหลัง
แล้วดวงตายังทากลมโตเหมือนหมาน้อยน่าสงสาร สุดท้ายก็ทาให้เธอ
ยอมใจอ่อนกับมัน เธอจับยอดปลายของยานอวกาศให้มาจ่อตรงประตู
มิติ จากนั้นเริ่มทิ้งตัวลงไปด้วยความเชื่องช้า ขณะเดียวกันใบหน้า
ของบิ๊กพลันเปลี่ยนมาเป็นตื่นเต้นดีใจ อ้าปากลิ้นออกมาตวัดอากาศระรัว
ราวกับว่ามันเป็นหมาที่เห็นเจ้านายกลับมาถึงบ้าน

เมื่อแน่ใจว่ายานอวกาศไม่ต้องมีการชี้นาทางอีกต่อไป จอยก็
ปล่อยมือแล้วเปลี่ยนไปจับพนักพิงเบื้องหน้าแทน

ทุกขณะของการทิ้งน้าหนักตัวลงไป ถ้ามีใครมาเห็นทางด้านหลัง
ของหญิงสาว จะเห็นเปลือกนอกของยานอวกาศซึ่งปกคลุมไปด้วยขนสี
ดาย่นลงมาเป็นชั้นๆ ดูไม่แตกต่างจากการถลกแขนเสื้อ พร้อมกันนั้นสิ่ง
ที่ซ่อนเร้นภายในก็เข้าไปสู่ประตูมิติสุดน่าพิศวงลึกมากขึ้น

จอยตัวสั่นด้วยความเสียวซ่าน สะท้านไปพร้อมๆ กับเจ้าของยาน


อวกาศ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายที่เกิดความเสียวมากกว่าน่าจะเป็นบิ๊ก เพราะ
อาการหายใจถี่รัวของมัน บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามันรู้สึกหวาดเสียว จน
ไม่แตกต่างจากดูหนังลุ้นระทึก

ในที่สุด ช่องพิศวงของจอยก็กลืนกินท่อนแห่งความเป็นชายเข้าไป
ได้เกือบทั้งหมด มีเหลือเพียงแค่ก้อนเนื้อขนาดใหญ่ตรงโคนเท่านั้น จอย
รู้ว่ามันทั้งแข็งและใหญ่มากเพียงใด เพราะเธอเคยสัมผัสมาแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่เธอต้องเดินขาถ่างเมื่อถึงรุ่งเช้า เธอจาได้แม่นยาไม่
เคยลืม แต่เธอไม่ดันทุรังเอามันเข้าไป แม้ก้อนเนื้อใหญ่ยักษ์จะสามารถ
เข้าไปในตัวของเธอได้ แต่มันไม่ได้ช่วยทาให้เธอหวาดเสียวเพิ่มขึ้น
หรือว่าช่วยทาให้มันล็อกกับร่างกายของเธอเหมือนหมาตัวเมีย
เนื่องจากสรีระของเธอไม่ใช่หมา มันมีแต่ทาให้เธอจุกแน่นกับความใหญ่
ของมันอย่างเดียว
จอยสบตาสีเหลืองที่จ้องตอบกลับอย่างท้าทาย แม้เคยมีอะไรกับมัน
มาหลายรอบแล้ว กระนั้นมันก็ไม่เคยทาให้เธอผิดหวังในความแข็งแกร่ง
ที่อึดสุด

จอยเริ่มยกตัวตัวเองขึ้นลงอย่างเชื่องช้า เพื่อให้เกิดการเสียดสีกับ
แท่งเหล็กกล้านั้น ทุกวินาทีที่ผ่านไป ความเร็วของเธอเริ่มเพิ่มมากขึ้น
ตามอันดับ จนเกิดเสียงซวบๆ และเสียงเนื้อกระทบกันดังตับๆ ผสมผสาน
กันอย่างลงตัว ขณะเดียวกันดูเหมือนส่งผลกระทบต่อบิ๊กด้วย มันส่งเสียง
หอบเหนื่อยดังแฮะๆ มากขึ้นตามจังหวะความเร็ว

บิ๊กวางมือลงบนต้นขาทั้งสองข้างของจอยแล้วบีบเหมือนกับการ
นวด มือของมันค่อนข้างสั่น ไม่ต่างจากที่นิ้วเท้าของมันที่เกิดอาการสั่น
จนกระดิกไม่หยุด บ่งบอกได้ว่ามันรู้สึกเสียวมากเพียงใด

ระหว่างที่จอยกาลังรูดแท่งเหล็กกล้า ความเสียวบังคับให้เธอคราง
ออกมาประสานกับเสียงของบิ๊ก และเสริมด้วยเสียงทางร่างกาย ทาให้บท
เพลงราคะนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัวจนไม่อาจหาฟังได้จากที่
ไหน

จอยทาได้ไม่นานนัก เธอทิ้งร่างซบหน้าอกสุดกายา เนื่องจากการ


ทาอย่างนี้ติดต่อกันเป็นระยะนานๆ ทาให้เธอรู้สึกเหนื่อยและเมื่อย บิ๊
กไม่ว่าอะไรที่เธอหยุดเคลื่อนไหว มันลูบหัวของเธอให้แทนคาปลอบโยน
ว่า เธอทาได้ดีที่สุดแล้ว

ครู่ใหญ่ผ่านไป จอยก็เหยียดแขนทั้งสองข้างออก มองบิ๊กที่อยู่ใน


วงแขนของเธอ ทาให้เธอเข้าใจแล้วว่าทาไมมันชอบปิดเธออยู่ในวงล้อม
ของแขน เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนตัวเธออยู่เหนือกว่าทุกด้านอย่าง
นี้นี่เอง
ไม่ทันเธอจะเริ่มเคลื่อนไหวต่อ บิ๊กแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้น
มันกระแทกขึ้น แรงมหาศาลของมันทาเอาตัวเธอกระเด้งลอยสูงขึ้นจน
เกือบถึงปลายยอด เธอหวีดร้องด้วยความตกใจ จากนั้นเพียงชั่วกะพริบ
ตาเดียว ร่างของเธอตกลงมา กลืนก้อนเนื้อขนาดใหญ่ตรงโคนเข้าไป
น้าหนักที่ตกลงมายังทาให้เกิดเสียงดังซวบ นอกจากนี้ยังมีน้าหล่อลื่น
แตกทะลักออกมา กระจายไปรอบบริเวณที่มีจุดเชื่อมต่อระหว่างทั้งสอง

จอยรู้สึกทั้งจุกและคับแน่น บิ๊กเหมือนจะรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรอยู่
มันจึงทาการกระแทกขึ้นอีกครั้ง แรงของมันคราวนี้มากกว่าเดิมเป็นสอง
เท่าตัว ส่งผลทาให้ก้อนเนื้อที่ฝังอยู่ด้านในปากทางเข้าหลุมดาของจอย
หลุดพรวดออกมา

หลังจากจอยถูกช่วยให้เป็นอิสระ เธอรีบเหยียดแขนจับหัวโซฟา
แน่นจนมือเกร็ง จนกระทั่งตัวเธอตกลงมาอีกครั้ง เธอรีบเกร็งขาทั้งสอง
ข้าง บังคับไม่ให้ตัวตกลงไปเจอก้อนเนื้อนั้นอีก

บิ๊กส่งเสียงหัวเราะในลาคอเบาๆ จากนั้นเริ่มกระแทกขึ้นเข้าหาเธอ
มันทาอย่างนั้นด้วยความเร็วต่อเนื่อง โดยไม่มีแสดงทีท่าว่าเหน็ดเหนื่อย
และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อให้เห็น

ครู่ใหญ่ผ่านไป การสังวาสกันด้วยท่วงท่าขี่ม้าพยศก็หยุด จอยรับรู้


ได้ทันทีว่าบิ๊กกาลังจะเปลี่ยนท่าใหม่ ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บิ๊กยก
ตัวเธอสูงขึ้น จนท่อนเนื้อของมันหลุดออกมา จากนั้นมันลุกขึ้นแล้วอ้อม
ไปหลังโซฟา จับตัวเธอพาดกับพนักพิง จอยก็รีบจับหัวโซฟาไว้อย่าง
เหนียวแน่น เพราะรู้ว่ามันต้องเล่นท่าฉลามบุก
บิ๊กมองดูท่อนเนื้อของตัวเองที่จับอยู่ แต่ทว่าตรงปลายยอดมัน
ไม่ได้อยู่ในตาแหน่งพอดี มันจึงหาทางเลือกใหม่ โดยการแยกขาออก
เพื่อลดความสูงของตัวเองลงมา ให้ท่อนเนื้ออยู่ตรงกับตาแหน่งที่จะบุก
เข้าไป

หลังจากเป้าหมายเล็งเรียบร้อย บิ๊กไม่รอช้า มันบุกเข้าไปจนเกือบ


มิดด้าม จนร่างเล็กถึงกับโยกไปข้างหน้า จอยเบิกตา พร้อมส่งเสียงเฮือก
ออกมาสั้นๆ เพราะเธอไม่ได้ตั้งตัวกับการจู่โจมนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นผู้
ริเริ่มคาว่า เป้าหมายมีไว้ให้พงุ่ ชน แต่ความจริงมันน่าจะเปลี่ยนใหม่
เปลี่ยนมาเป็นว่า เป้าหมายมีไว้ให้เสียบ แทนน่าจะดีกว่า

บิ๊กเปลี่ยนมาจับสะโพกของเธอ แล้วเริ่มดึงเข้า สลับดันออก ทา


ด้วยความเร็วสูงจนโซฟาที่จอยจับอยู่ถึงกับเอียงไปเอียงมา

บิ๊กทาด้วยท่วงท่านั้นไม่นาน มันโน้มตัวลงมาจนหน้าอกแนบกับ
แผ่นหลังของผู้ที่อยู่ใต้ร่าง

จอยรู้สึกได้ถึงลมหายใจรดต้นคอเนียนนุ่ม ยิ่งเพิ่มความเสียวสยิว
ให้กับเธอมากขึ้น นอกจากนี้มันยังขบกัดซอกคอของเธอเบาๆ หยอกให้
เธอสะดุ้งตกใจเล่น ช่วยสร้างความหวาดเสียวแปลกใหม่ได้ดีแท้

โซฟายังคงเอียงหน้าเอียงหลังตามจังหวะเร่าร้อน จนกระทั่งมัน
ส่งผลทาให้รีโมตที่วางอยู่ไหลตกไป บังเอิญมันยังหันตรงจุดส่งสัญญาณ
ไปทางทีวี แล้วปุ่มยังกระแทกพื้นอย่างเหมาะเจาะ รายการทีวีจึงเปลี่ยน
ช่อง มาเป็นรายการใหม่ แต่ยังคงเป็นรายการเกี่ยวกับสารคดีหมาป่า
เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเปลี่ยนคนอธิบายและคนพากย์เสียง
(โอ้ดูนั่นสิ ! ตอนนี้หมาป่ากาลังผสมพันธุ์กัน ตัวผู้มันเคลื่อนไหว
ด้วยความเร็วสูงมาก คุณต้องไม่เชื่อแน่นอนว่าภายในหนึ่งนาทีมัน
สามารถทาได้เกินกว่าหนึ่งร้อยครั้ง โอ้แม่สาวน้อย... ช่างน่าสงสารจริงๆ
ดูมันสิ แม่สาวน้อยร้องเสียงแหบพร่า แสดงว่ามันต้องเสียวเอามาก)

บิ๊กจ้องหมาป่าสองตัวนั้นในรายการทีวี เมื่อรวมกับเสียงคนอธิบาย
ด้วยน้าเสียงสั่นเครือและหอบเหนื่อย ดวงตาของบิ๊กเบิกโตอย่างถูกอก
ถูกใจ ราวกับได้รับแรงบันดาลใจใหม่ในการสร้างสรรค์

แรงกระแทกคราวนี้นอกจากเหมือนเคลื่อนไหวเร็วตามจังหวะหมา
ป่าตัวผู้ในจอ ยังหนักหน่วงมากกว่าเดิม ทาเอาจอยรู้สึกเหมือนกาลัง
กลายเป็นกระสือ เพราะทุกครั้งที่มันกระแทกเข้ามา ตับไตไส้พุงของเธอ
เหมือนจะกระเด็นออกไปพร้อมกับหัว พุ่งออกไปด้วยความเร็ว ชนกับทีวี
จนหน้าจอแตกกระจาย

“อู๊ว ! อ๊ะ... อ๊ะ...” จอยครางออกมาไม่เป็นภาษา ในตอนนี้ขาของ


เธอถูกยกขึ้นแล้วแยกออกเป็นตัววี แรงกระแทกที่บุกเข้ามาทาให้เธอ
รู้สึกเหมือนกาลังถูกค้อนทุบให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ

แต่อยู่ในท่านั้นไม่นาน บิ๊กยกตัวเธอลงมาจากโซฟา มาอยู่ในท่า


คลานสี่ขากับพื้นห้อง จากนั้นบิ๊กก็เริ่มกระแทกต่อทันที ทาเธอโยกหน้า
โยกหลังด้วยท่ามาตรฐานที่ตระกูลพวกหมาชื่นชอบ

(โอ้แม่สาวน้อย... ไม่ต้องกลัว... ไม่ต้องกลัว...)

จอยเงยหน้าไปมองจอทีวีอีกครั้ง คราวนี้เปลี่ยนฉากใหม่
ผู้เชี่ยวชาญกาลังเดินเข้าไปใกล้หมาป่าขนสีดาตัวหนึ่งที่ติดกับดัก
ขณะเดียวกันหมาป่าตัวนั้นแยกเขี้ยวคารามไม่ให้มนุษย์เข้ามาใกล้ แต่ดู
ไม่เป็นผล ชายคนนั้นหันมาอธิบายกับหน้ากล้องต่อด้วยใบหน้าเหมือน
อดอยากมานาน

(ผมเคยได้ยินมาว่าทางฝั่งทวีปเอเชียมีชนชาติจานวนหนึ่งชอบกิน
เนื้อหมา โดยเฉพาะเนื้อหมาดา เขาบอกว่ามันเป็นยาชูกาลัง เดี๋ยวผมจะ
ลองพิสูจน์สักหน่อยว่าจริงไหม โอ้แม่สาวน้อย... เธอช่างดูน่า...)

จากนั้นชายในทีวีผู้เป็นทหารเก่าก็หันขวับไปจ้องหมาป่า ถ้าจอย
สังเกตไม่ผิด เหมือนเขาเลียริมฝีปากด้วย พริบตาเดียว เขากระโจนเข้า
ไปปล้ากับหมาป่าอย่างไม่มีทีท่าหวั่นเกรงอันตราย จอยรับรู้ได้ทันทีว่า
ไอ้หมอนี่ต้องแดกหมาแน่ เธอจึงพยายามคลานไปหยิบรีโมตเพื่อปิดทีวี
เธอไม่อยากเห็นภาพสุดสยองที่จะเกิดขึ้น แต่ไอ้ตัวที่ถ่วงความเจริญอยู่
ด้านหลัง ทาให้การที่จะไปถึงจุดหมายเป็นไปได้ช้า สภาพของเธอ
ในตอนนี้ดูเหมือนแม่ลิงที่มีลูกน้อยตัวโตผิดปกติเกาะติดอยู่ตรงบั้นท้าย
แถมดูท่าเป็นลูกลิงเอาแต่ใจด้วย มันดึงตัวแม่เข้าออกไม่หยุด ทาราวกับ
เด็กร้องเอาของเล่น

แม้เคลื่อนที่ไปได้ช้า แต่จอยยังคงพยายามต่อไป ในขณะเดียวกัน


ทุกการเคลื่อนไหว มนุษย์หมาป่ายังคงก้าวตามเกาะติดแน่น ไม่ยอมให้
หลุดการเชื่อมต่อที่จะทาให้สูญเสียจังหวะ

จนกระทั่งความพยายามของจอยก็เป็นผลสาเร็จ เธอสามารถหยิบ
รีโมตมาปิดทีวีได้แล้ว จากนั้นเธอคลานไปต่อเพื่อจะวางรีโมตที่ชั้น แต่
ไม่ทันจะเอื้อมมือไปวาง บิ๊กช้อนตัวเธอขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว

“แกจะทาอะไร !” จอยตกใจจนทารีโมตร่วงจากมือ
บิ๊กวางตัวเธอนอนพาดกับโซฟาตรงทางด้านหน้า จากนั้นจับ
สะโพก แล้วกระแทกเข้าไปด้วยความรุนแรง ซึ่งความรุนแรงของมัน
คราวนี้ทาเอาโซฟาหงายหลัง จอยหวีดร้องด้วยความตกใจ บิ๊กแยก
เขี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์ มันยกตัวเธอไปพาดอีกครั้ง แล้วเริ่มกระแทก
ต่อ แต่คราวนี้มันไม่ทารุนแรงอีก มันเปลี่ยนมาเป็นเคลื่อนไหวเข้าออกถี่
รัวแทน ทาให้โซฟาเคลื่อนไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ ในขณะเดียวกัน ทุก
การเคลื่อนเข้าออก บั้นท้ายเนียนใสของจอยจะต้องถึงกับกระดก ทาเธอ
ทาตาเหลือก อ้าปากหายใจถี่รัว ราวกับชะนีจะร้องเรียกหาผัวแต่ไม่ยอม
ร้องสักที

ไม่นานนักโซฟาก็มาสิ้นสุดที่ปลายเตียงนอน

บิ๊กพ่นลมหายใจยาวราวกับไอกาน้าร้อน มันช้อนตัวเธอแล้วก้าว
ขึ้นเตียง แต่มันไม่เล่นท่ามาตรฐานของมนุษย์ มันเอาตัวเธอมาวางอยู่
ตรงกึ่งกลางเตียง จัดท่าให้คลานเหมือนหมา

“น้องพับแขนให้เหมือนหมอบคลานหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะเล่นท่า
ดิ่งทะลุสะดือโลก”

หลังจากจอยอ่านข้อความที่หมอกประกอบเป็นตัวอักษรจบ เธอถูก
จับขาทั้งสองข้างยกขึ้น เธอจึงรีบพับแขนลงเพื่อเป็นฐานรองน้าหนัก
ของตัวเอง พร้อมเงยหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหน้ามืด ขณะเดียวกันบิ๊ก
ก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ราวกับกลัวว่าจุดที่เชื่อมต่อจะหลุดออกจากกัน

ไม่นานจอยก็ถูกจับอยู่ในมุมประมาณสี่สิบห้าองศา โดยให้ขาชี้ขึ้น
บิ๊กก็เริ่มดึงตัวเธอเข้าออกทันที
ด้วยความเสียวแบบใหม่ล่าสุด ทาให้บิ๊กอดแยกเขี้ยวคารามและ
หายใจทางปากเสียงดังไม่ได้ โดยเฉพาะสาหรับในท่านี้ทาให้มันเห็น
การเข้าออกของหอกแหลมของมันชัดเจน

ความเร็วของการชักเย่อกับแรงโน้มถ่วงโลกเพิ่มมากขึ้นฉับพลัน
ในตอนนี้บิ๊กทาเหมือนตัวจอยเป็นเครื่องเจาะพื้นคอนกรีต

‘ภูเขาปะทุแล้วโว้ย !’ บิ๊กเบิกตากว้าง แหงนหน้าแล้วหอนจนเสียง


ดังก้องภายในห้อง ลาวาเดือดที่ระเบิดอยู่ภายในตัวหญิงสาว บางส่วนยัง
ทะลักออกมาในระหว่างการเสียดสีของท่อนเนื้อที่เข้าออก ไหลหยดลง
ไปสู่เตียงนอนเป็นดวงๆ

ไม่นานความเร็วของบิ๊กก็ลดลง มันลดตัวลงมาเปลี่ยนเป็นคุกเข่า
ขณะเดียวกันจอยก็เปลี่ยนมาอยู่ในท่าโก้งโค้ง แต่เมื่อบิ๊กเปลี่ยนมาเป็น
ท่าคุกเข่าแล้ว ยังคงไม่ยอมถอดท่อนเนื้อนั้นออกไป มันโน้มตัวลงไป
แนบแผ่นหลังของหญิงสาว พร้อมกอดเธอแน่นอยู่อย่างนั้น

จอยรู้สึกได้ถึงลมหายใจอย่างหอบเหนื่อยของผู้ที่อยู่ข้างหลัง
แสดงว่ามันต้องใช้พลังงานไปมากกับการฉีดเอาน้าออกจากกาย

หลายนาทีผ่านไป บิ๊กก็ยอมปล่อยตัว ขณะที่มันทิ้งร่างขนาดใหญ่


ลงไปทางด้านข้าง ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ของมันก็หลุดพรวดออกมา ลาวา
เดือดยังยืดออกเป็นสายไปตามท่อนเนื้อ ดูไม่แตกต่างจากน้าลายเหนียว
ยืด

จอยไม่สนใจกับความเลอะเทอะตรงซอกขา เธอทิ้งร่างลงนอนไป
อีกฝั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง เช่นเดียวกับบิ๊กที่นอนแผ่ แต่เสาธงสีแดงของ
มันยังคงโด่ให้เห็น ราวกับว่าอวัยวะตรงส่วนนั้นทางานเป็นเอกเทศ ต่อ
ให้ฟ้าจะถล่มน้าจะท่วม มันยังคงแข็งแกร่ง ไม่มีวันอ่อนปวกเปียก

แต่บิ๊กนอนอย่างหมดสภาพไม่นานนัก มันลุกมาหาเธอ นิ้วปาดผม


ยาวที่มาปิดบังใบหน้าเธอบางส่วนออก จอยมองสบตากับมัน เธอรู้สึกได้
ถึงความรักมากล้นอยู่ในแววตาสีเหลืองคู่นั้น แล้วไม่ใช่แค่เรื่องนั้นอย่าง
เดียว เธอยังรู้สึกได้ถึงความต้องการที่อยากจะทาต่อกับเรือนร่างของเธอ

บิ๊กถอนใจออกมาอย่างจายอม มันจับเธอมานอนตะแคงแนบชิด
โดยหันหลังเธอมาชนแผ่นหน้าอกของมัน แล้วกลางแขนโอบกอดเธอ
อย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวเธอจะบุบสลาย

จอยคิดว่ามันคงสังเกตใบหน้าของเธอที่แสดงความอ่อนเพลีย
ออกมาชัดเจน มันจึงไม่อยากทาต่อให้เธออ่อนเพลียเพิ่มไปกว่าเดิม

บิ๊กซุกไซ้ตรงซอกคอ ส่งเสียงราวกับออดอ้อน พร้อมยกขาข้าง


หนึ่งมาก่ายขาของเธอ ทาราวกับตัวของเธอเป็นหมอนข้าง ไม่นานจอย
ก็เข้าใจว่ามันทาอย่างนั้นทาไม ตอนนี้มีบางสิ่งที่เป็นแท่งยาวและอุ่น
สอดเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของเธออย่างเชื่องช้า ทาให้เธอสะดุ้งเบา
บาง

จอยไม่พูดห้ามมัน เพราะหลังจากจบสงครามรักอันเร่าร้อน ตอนนี้


เธอรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด ความจริงน่าจะ
เรียกว่ากิจวัตรประจาค่าคืนมากกว่า มันทาอย่างนี้เป็นประจา จนเธอเกิด
ความเคยชินกับการมีท่อนเนื้อฝังอยู่ในร่าง มันเคยอธิบายว่าเป็นเรื่อง
ยากเย็นสาหรับมันมากต่อการสะกดความอยาก จึงขอเสียบท่อนเนื้อนี้ไว้
ในร่างของเธอทุกคืนแทน เธอคิดว่าเป็นนิสัยความชอบส่วนตัวของมัน
อย่างหนึ่ง
บิ๊กเอื้อมหยิบผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวมันและครอบคลุมไปถึงตัวเธอ
จากนั้นมันก็หลับตา ไม่ทาอะไรต่อกับเรือนร่างของเธออีก จอยจึงนอน
หลับตามมันไปอีกคน
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 5

วันนี้จอยตื่นเช้าโดยไม่มีอาการเวียนหัวจากการนอนดึก เพราะเมื่อ
คืนไม่มีตัวอะไรมาใช้บริการเรือนร่างของเธอ จึงมีเวลาพักผ่อนมากกว่า
ปกติ

ภายในห้องน้าบนชั้นสองของบ้าน...

จอยเชิดหน้าพร้อมหลับตา มือหมุนหัวก๊อกจนกระทั่งน้าจากหัว
ฝักบัวพุ่งออกมาปะทะใบหน้า ไหลลงไปตามร่างกาย แม้น้ายามเช้า
ค่อนข้างหนาว แต่ก็ให้ความรู้สึกสดชื่น

ขณะใช้สบู่ถูจุดที่มีขนรกรุงรังมากที่สุดสาหรับผู้หญิง มีเสียงเปิด
ประตูกระแทกผนังดังปัง ทาเธอลืมตาพรึบพร้อมสะดุ้งโหยง “ว้ายแม่มึง
!” เธอหันขวับไปตามทิศทางเสียงอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าแตกตื่นตกใจ
สุดขีด

เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ทาให้เกิดเสียง ลมหายใจอย่างโล่งอกก็พ่น
ออกมาจากปาก “แกเลิกทาแบบนี้ได้ไหมยะ ? ฉันจะหัวใจวายตาย
เพราะแกสักวันนี่แหละ” แต่เมื่อเห็นที่มือของผู้ที่ชอบพังประตูบ้านมี
ลูกบิดพังติดคามืออยู่ ใบหน้ารู้สึกโล่งอกโล่งใจของเธอพลันเปลี่ยนมาบึ้ง
ตึง “นี่แก ตกลงแกเกิดมาเพื่อทาลายล้างบ้านของฉันใช่ไหมยะ ?”

บิ๊กเดินเข้ามาด้วยแววตาไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับว่ามันไม่ได้กระทา
ความผิดใดๆ แต่เป็นตัวเธอเองต่างหากเป็นฝ่ายผิดที่ไปล็อกประตูเอาไว้
มันจึงต้องใช้ความรุนแรงอย่างนี้แทนเพื่อแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ท่วงท่าการเดินของมันยังเหมือนตั้งใจแสดงให้เห็น
ความผ่าเผยของสรีระซึ่งอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่ทว่าความเป็น
จริงดูไม่ใช่อย่างนั้นในความคิดจอย มันดูเหมือนไอ้โรคจิตที่แก้ผ้า
ล่อนจ้อนวิ่งไปทั่วเมืองมากกว่า เนื่องจากคราวนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของมันไม่
มีอะไรสวมใส่อยู่สักชิ้น จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นกางเกงถูกถอดทิ้งอยู่
ตรงหน้าห้อง นี่แสดงว่าตอนแรกมันสวมกางเกงอยู่ แต่คงได้ยินเสียงใน
ห้องน้า จึงเปลี่ยนใจเดินมาทางนี้แทน ความตั้งใจของมันต้องการจับเธอ
รูดเสาของมันแน่ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ถอดกางเกงทิ้งไว้ข้างนอก

“ตอนนี้ฉันมัวมาทาอะไรกับแกไม่ได้หรอกนะยะ ฉันต้องรีบอาบน้า
เพื่อไปรอขึ้นรถทางาน”

จอยพูดออกไปเพราะคิดว่ามันจะเข้าใจ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่
ยอมรับฟัง เหตุใดจอยเชื่ออย่างนั้น เพราะเธอได้ยินเสียงสูดลมหายใจ
ดังฟืดฟาด บ่งบอกว่ามันต้องไม่พอใจที่ได้ยินคาพูดของเธอ นอกจากนี้
ดวงตาของมันที่มองดูเรือนร่างของเธอเต็มไปด้วยความหื่นอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะดวงตาของมันจ้องตรงจุดหนึ่งเป็นพิเศษ เมื่อเธอมองลงมา
ตามสายตาของมัน เธอก็นึกได้ว่าเพิ่งเอาสบู่มาถูตรงส่วนไหนของ
ร่างกาย ตอนนี้มันมีฟองมากมายที่กาลังระเบิด ในสายตาของมันคงต้อง
เป็นภาพที่ยั่วยุตัณหา เธอจึงรีบปิดบังเพื่อไม่ให้มันเกิดคึกคัก

แต่ดูเหมือนว่ามือของเธอช้าเกินไปในการปิดไม่ให้เห็น บิ๊กเบิก
ตาโตพร้อมสูดลมหายใจดังฟืดราวกับอดกลั้นต่อไปไม่ไหว มันพุ่งเข้ามา
หาด้วยความเร็วสูงจนน่าตกใจ

“ไอ้หมาบ้าอย่าเข้ามานะ !” จอยถอยจนหลังไปติดผนังห้องน้า

คาพูดสั่งห้ามเหมือนเป็นแค่ลมที่พัดผ่านไป บิ๊กกลางแขนปิดทาง
ยื่นจมูกมาถูไถซอกคอครู่หนึ่งก่อนถอยออก จากนั้นมันทาเรื่องที่ทาให้
เธอต้องร้องยี้ด้วยความขยะแขยง มันจับปลายท่อนเนื้อเล็งมาที่ขาข้าง
หนึ่ง น้าสีเหลืองอร่ามก็พลันพุ่งออกมาปะทะ
“อะ ไอ้ ไอ้ ไอ้หมาบ้า กะ แก แก !” จอยปากสั่นเพราะสมองคิดไม่
ออกว่าจะด่าอะไรออกไป ตอนนี้เรื่องที่เธออยากทามากสุดคือการเอา
ฝักบัวมาล้างขา โดยเฉพาะอยากเอามาฟาดหัวไอ้ตัวที่อยู่ข้างหน้าจนชัก
ดิ้น

ความจริงที่บิ๊กทาอย่างนั้น เพราะต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ
มันจับกระบอกปืนส่ายไปมา เหมือนมันกลัวว่าจะมีกลิ่นของกระสุนติดไม่
ทั่วขาทั้งสองข้าง เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากยิงกระสุนหมดแมกาซีน มัน
ยังเคาะตรงด้านปลายเบาๆ เพื่อสลัดไล่กระสุนที่เหลือออกไป ซึ่งบางส่วน
นั้นยังกระเด็นมาโดนคางของจอยด้วย ทาเธอแทบอยากร้องกรี๊ดให้ลั่น
บ้าน

จากนั้นบิ๊กเอื้อมมือไปจับฝักบัวหันมาทางมันกับเธอ เมื่อน้าถูกร่าง
ของมนุษย์หมาป่า เส้นขนสีดาบนร่างเริ่มแฟบลงไปจนแนบผิวกาย มัน
หยิบสบู่มาฟอกอวัยวะที่เหมือนกล้วยอย่างอ้อยอิ่ง แต่ไม่ใช่แค่ล้าง
ภายนอกอย่างเดียว มันยังจับเปลือกกล้วยของมันแล้วรูดลงไปจนสุด
โคน ปรากฏให้เห็นเนื้อผลไม้ แล้วเริ่มล้างภายในต่อ พร้อมส่งสายตาฉ่า
เยิ้มให้เธอ เหมือนกับว่ามันต้องการให้เธอเกิดอารมณ์ขึ้นมา จะได้เล่น
บทผัวเมียกับมันด้วยความเต็มใจ

แต่ทว่าจอยไม่รู้สึกไปตามทิศทางเดียวกับที่มันต้องการแม้แต่น้อย
ที่มันทาอยู่นี้เหมือนเป็นการแสดงหนังติดเรตของผู้ชายคนหนึ่งที่กาลัง
ช่วยเหลือตัวเอง พร้อมส่งเสียงอย่างเคลิบเคลิ้มในการรูดเสา จอยคิด
อย่างนั้นจริงๆ แล้วเธอยังรู้สึกขยะแขยงกับการกระทาก่อนหน้านี้ด้วย
หลังจากบิ๊กปล่อยให้น้าชาระล้างฟองออกไปจนหมด เนื้อท่อนนั้น
ก็ถูกห่อหุ้มเก็บเข้าไปดังเดิม กลับคืนสู่ความลึกลับภายใต้หนังซึ่งปกคลุม
ไปด้วยขนสีดา

บิ๊กเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาจ้องความรู้สึกที่ใบหน้าของจอยอย่าง
พิจารณา ครู่หนึ่งผ่านไปมันถอนใจออกมาเบาบาง เหมือนกับว่ารู้สึกเซ็ง
และผิดหวัง คงเป็นเพราะเรื่องความตั้งใจที่อยากให้เธอมีอารมณ์ร่วมไป
กับมัน แต่เธอยังคงไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นแสดงออกมาให้เห็นสักที จึง
คิดว่าเธอไม่ต้องการจริงๆ ในสาหรับเช้าวันนี้

“แกจะทาอะไร !” จอยตกใจเพราะถูกบิ๊กจับตัวเธอมากอด

ตอนแรกคิดว่ามันจะใช้กาลังปลุกปล้าเธอ แต่ความจริงมันไม่ได้ทา
อย่างนั้น แค่ต้องการช่วยอาบน้าให้เธอ มันใช้ตัวเองแทนฟองน้า ตรงจุด
ไหนของตัวเธอที่ถูกสบู่ถูแล้ว มันจะใช้แขนของมันถูเข้าไปซ้าให้เกิด
ฟอง มันถูทุกซอกทุกมุม และนั่นก็รวมไปถึงใต้ระหว่างขาของเธอด้วย

บิ๊กจับขาข้างหนึ่งของเธอยกขึ้น จอยจึงต้องจับบ่าที่กว้างใหญ่ของ
มันเพื่อยึดเป็นหลักเอาไว้ไม่ให้ล้ม จากนั้นมันเริ่มใช้สบู่ถูให้อย่าง
อ่อนโยน

จอยกลอกตาไปมาเพราะไม่กล้าสบตา ตอนนี้เธอรู้สึกเขิน เนื่อง


จากบิ๊กเน้นตรงช่องที่เคยทะลวงเข้าไปเป็นพิเศษ

ยิ่งมันทาอย่างนี้นานและเชื่องช้าเท่าไร ก็เริ่มทาให้เกิดความเสียว
จนขนลุกซู่ โดยเฉพาะตอนที่มือมีขนพวกนั้นลูบคลา ทาเหมือนเป็น
ตะเกียงวิเศษที่ต้องถูเพื่อให้ยักษ์โผล่ออกมาให้พร จอยแน่ใจว่าถ้ามันจะ
ขอพรวิเศษจริงๆ คงไม่พ้นเรื่องขอให้เธอเกิดความรู้สึกทางเพศเร็วๆ แน่
แท้
ดูเหมือนคาขอจะสมปรารถนา จอยส่งเสียงซี้ดเพราะอดห้ามไม่
ไหว น้าวิเศษจากช่องทางลับยังไหลออกมาตามการถูกกระตุ้น ขณะ
เดียวกันบิ๊กหายใจดังฟืดฟาด แม้ภายในห้องมีกลิ่นแชมพูตลบอบอวลไป
ทัว
่ มันยังคงได้กลิ่นสุดยั่วยวนนี้

จอยสังเกตท่าทางของอีกฝ่าย รู้ได้ทันทีว่าอาจทาให้มันอดใจไม่
ไหว เธอจึงรีบหุบปากแน่น พร้อมเกร็งกล้ามเนื้อเหมือนขมิบ เพื่อป้องกัน
ไม่ให้มีน้าไหลออกมาจากช่องลับ

แววตาของบิ๊กเหมือนไม่ยอมให้กลายเป็นแค่เรื่องหนึ่งที่ผ่านไป
สาหรับเช้านี้ มันแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทิ้งสบู่ในมือ แล้วใช้มือเปล่าๆ ถู
เพื่อล้างฟองสบู่ออก แต่คราวนี้มันทาด้วยความเร็วจี๋

การกระทาของบิ๊กยิ่งกระตุ้นจอยมากกว่าเดิม จนกระทั่งเธอก็ไม่อา
จอดกลั้นได้ไหว เธอทาใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างยั่วยุราคะ พร้อมส่งเสียงซี้
ดแหลมอย่างเซ็กซี่ออกมา อวัยวะเบื้องล่างก็ไม่อาจปิดกั้นน้าไม่ให้ไหล
ออกมาได้อีก

บิ๊กเบิกตากว้าง พ่นลมหายใจออกยาวดังฟืด ราวกับกระทิงตั้งท่า


พร้อมขวิด ‘ไม่ทงไม่ถูแล้วโว้ย !’

ขาของจอยถูกทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แล้วถูกจับหันกลับหลังอย่าง
รวดเร็ว กว่าเธอจะตระหนักได้กับการกระทาของบิ๊ก บางสิ่งบางอย่างที่
เป็นแท่งยาวและอุ่นร้อน เสยเข้ามาภายในช่องลับของเธอ ทั้งความเร็ว
และความรุนแรงที่บุกเข้ามา ทาให้เกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังตับและ
เสียงน้าตรงส่วนนั้นแตกกระจาย นอกจากนี้ยังทาเธอถึงกับก้นกระดกสูง
แล้วแรงกระแทกยังทาตัวเธอเกือบกระเด็นไปชนผนังห้อง
“หยุดนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ !” จอยรีบยันตัวเองออกจากผนังแล้วหัน
ตัว แต่บิ๊กไม่ยอมให้เธอทาได้สาเร็จ มันเดินเข้ามาดันจนตัวของเธอแทบ
ติดผนัง ยังจับแขนทั้งสองข้างของเธอแยกออก เพื่อตรึงร่างของเธอ
เอาไว้ แล้วเริ่มย่อตัวขึ้นๆ ลงๆ เพื่อให้เนื้อท่อนนั้นเกิดการเสียดสี

โดยที่เธอไม่รู้ตัว ยิ่งพยายามดันตัวออกห่างจากผนังและดิ้นมาก
เท่าไร บิ๊กก็ชอบใจมากขึ้น เพราะเหมือนเธอเล่นตอบสนองกลับ มันจึง
กระแทกเข้าไปไม่หยุดยั้ง

หลายวินาทีผ่านไป...

การเล้าโลมสุดป่าเถื่อนนี้เริ่มทาให้จอยอดกลั้นความรู้สึกแท้จริงไม่
ไหว เนื่องจากถูกโจมตีเข้าไปที่จุดสะท้านร่างตลอด จนกระทั่งร่างกายก็
คล้อยตามความเชี่ยวชาญของบิ๊ก เธอเลิกต่อต้านโดยสมบูรณ์ แล้วเธอ
ยังแอ่นบั้นท้ายให้ด้วยความเต็มใจ

บิ๊กถอยตัวออก ความเป็นชายของมันจึงหลุดออกมาตาม ฝ่ามือ


หยาบหนาจับร่างบอบบางหันกลับมาเผชิญหน้า แล้วโอบกอดเธออย่าง
แนบแน่น

ในแววตาสีเหลืองบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าต้องการมอบความรักให้กับ
เธอ บิ๊กโน้มมาเลียไล่ตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงติ่งหู ลิ้นสากๆ ของมันทาให้
จอยขนลุกซู่ ขณะเดียวกันมือที่เต็มไปด้วยขนรกรุงรังลูบคลาหาประตู
สวรรค์ พอพบเจอ ก็คลึงปลุกอารมณ์ของเธอให้เพิ่มขึ้นมา จากนั้นรุกล้า
เข้าไปต่อ จนกระทั่งควานเจอติ่งเนื้อน้อย มันขยี้อย่างไม่ปรานี ทาให้
จอยแทบสติกระเจิงหายไป
แต่นิ้วที่ชานาญการทาอย่างนั้นไม่นานก็ชักออกไป สติในการรับรู้
ของสาวไทยที่เลือนรางก็เริ่มกลับมา ตอนนี้เธอถูกยกตัวลอย เท่านี้ก็รู้ว่า
อีกฝ่ายต้องการให้ทาอะไร จึงรีบโอบรอบคอ พร้อมยกขาตวัดรัดรอบเอว
ของมัน

จอยสบตากับมันอย่างตื่นเต้น เธอรับรู้ได้ว่ามันจะทาอะไรต่อจากนี้
เพราะในตอนนี้รู้สึกได้ถึงปลายของท่อนเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับ
เหล็กกล้า แต่ในขณะเดียวกันมันก็อ่อนนุ่ม สิ่งนั้นมาจ่อตรงช่องทางลับ
เพื่อเกริ่นให้รับทราบล่วงหน้า

นิสัยของจอยไม่ชอบรอคอย เธอยิ้มอย่างหยอกเย้า มือข้างหนึ่ง


เอื้อมลงไปจับสิ่งนั้นแล้วกระตุกขึ้น ทาให้เจ้าของท่อนเนื้อนั้นสะดุ้งเบา
บาง อาจเพราะคาดไม่ถึงว่าเธอจะขี้เล่นมากขนาดนี้

บิ๊กเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แขนที่โอบกอดอยู่เริ่มปล่อยตัวเธอลง
มาอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งช่องทางลับก็กลืนกินท่อนแห่งความชาย
ชาตรีเข้าไปเกือบทั้งหมด จากนั้นมันเดินเข้าหาผนัง ให้แผ่นหลังของ
เธอพิงเพื่อลดน้าหนักร่างกาย แล้วเริ่มจังหวะสุดเร้าใจต่อ

เกือบสิบนาทีผ่านไป...

เมื่อบิ๊กย่อตัวลง พร้อมยกตัวจอยขึ้นเล็กน้อยก่อนถอดท่อนเนื้อที่ฝัง
อยู่ออกไป เธอรู้ได้ทันทีว่ามันต้องเปลี่ยนท่าใหม่ เธอจึงปล่อยขาลงกับ
พื้น ที่เหลือเธอไม่ต้องทาอะไรต่อ เพราะมันจะทาเอง ไม่นานนักเธอก็มา
อยู่ในท่าคลานสี่ขาเหมือนหมา
จอยหันไปมองทางด้านหลัง ร่างกายขนาดใหญ่โตของมัน เมื่อ
มองจากมุมนี้ ทาให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเธอเหมือนหมาชิวาวา กาลังถูก
ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์หาทางเอาท่อนเนื้อใหญ่ยักษ์เข้าไปภายในร่าง

ขณะบิ๊กจับส่วนปลายของท่อนเนื้อเพื่อหาเป้าหมายสอดใส่ จอยก
ระดกบั้นท้ายให้สูงขึ้น โดยขยับให้ตาแหน่งของช่องทางลี้ลับไปอยู่ใกล้
มันมากที่สุด เพื่อมันจะได้หาช่องทางเจอง่ายๆ

ทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่านไป เนื้ออ่อนตรงส่วนปลายยังคงเสียดสีไปตาม
ผิวเนื้อ ไม่เข้ามารวมเป็นหนึ่งกับจอยสักที ทาให้เธอเกิดความอยากแทบ
ขาดใจ คล้ายกับคนติดบุหรี่อย่างหนัก แต่สูบไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
นอกจากมองแผนบุหรี่

“โอ๊ยไอ้หมาบ้า เร็วๆ สิยะ ฉันจะลงแดงตายอยู่แล้วเนี่ย !” จอยทน


ไม่ไหวแล้วจึงพูดออกไปอย่างอารมณ์เสีย

บิ๊กยิ้มร่าก่อนหัวเราะออกมา ความจริงมันเจอช่องทางที่จะบุกเข้า
ไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมสอดใส่ มันจับปลายของท่อนเนื้อปาดขึ้น...
ปาดลง... ไปตามระหว่างร่อง ให้สะดุดประตูสวรรค์... สะดุดประตูบ่อ
เกรอะของแดนนรก... กลั่นแกล้งอยู่อย่างนั้น

“โอ๊ยนี่แกจะให้ฉันขาดใจตายเพราะความเสียวหรือไงยะ ? แก
รีบๆ เอาเข้ามาสักทีได้ไหม !”

บิ๊กหัวเราะอีกรอบ ฟังเหมือนกับว่ามันถูกอกถูกใจที่เธอพูดออกไป
อย่างนั้น ทาให้เธอเริ่มหน้าแดงเพราะความโกรธและความอับอาย
ก่อนจอยจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงร่านไปมากกว่านี้ สิ่งที่เคยทา
เหมือนเย้าแหย่ร่างกายเธอเล่น มันบุกเข้ามาจนเกือบมิดด้ามด้วยความ
รวดเร็ว ทาตัวเธอถึงกับโยกไปข้างหน้า ดวงตาของเธอเบิกกว้าง พร้อม
เปล่งเสียงเฮือกออกมา เหมือนทุกครั้งที่โดนจู่โจมโดยไม่ให้ตั้งหลัก

เนื่องจากพื้นที่ในห้องน้ามีจากัด ครั้งนี้บิ๊กจึงไม่จับสะโพกเพื่อใช้
ท่ามาตรฐานกับเธอ มันจับเธอหันไปทางประตูเล็กน้อยก่อนขยับออกมา
จากผนัง แล้วยกขาข้างหนึ่งยันผนังห้องเอาไว้ ตอนนี้จึงอยู่ในท่าเหมือน
หมาตัวผู้ยกขาฉี่

แม้ท่อนเนื้อแห่งความเป็นชายจะแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า แต่จอยก็
รู้สึกได้ว่ามันสามารถงอได้เล็กน้อย

บิ๊กก้มมองสบตากับเธอ ในแววตาของมันเหมือนอยากจะถามว่า
เป็นยังไงจ๊ะ ? ของพี่มหัศจรรย์ไหมเอ่ย

จอยรู้สึกว่าท่านี้มันต้องย่อตัวเพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกับเธอ อาจ
ทาให้มันเกิดความปวดเมื่อย จนส่งผลกระทบต่อความเร็วของมัน เธอจึง
ทาท่าโก้งโค้ง แอ่นบั้นท้ายให้สูงที่สุด เพื่อช่วยรองรับร่างขนาดใหญ่
ของมันและให้อยู่ในระดับพอดีตัว

บิ๊กส่งเสียงครืดๆ ในลาคอ พลางโน้มลงมาเลียแก้มของเธอ ราวกับ


ว่าขอบใจที่ช่วยทาให้ถนัดมากขึ้น จากนั้นก็เริ่มเล่นท่าตีโค้งกับเธอ แต่
คราวนี้ไม่เปิดตัวด้วยการทุ่มสุดตัวเหมือนทุกครั้ง มันเริ่มจากเชื่องช้า
อย่างทะนุถนอมและบรรจง ก่อนเริ่มเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นอันดับ ทา
ให้ลูกตุ้มสีดาปี๋ที่ห้อยอยู่ตรงระหว่างขาของมนุษย์หมาป่าแกว่งไปมาเร็ว
มากขึ้น ดูราวกับมันเป็นรถทุบตึกด้วยลูกตุ้มเหล็ก พร้อมจะทาลายล้าง
ตึกให้พินาศย่อยยับ ซึ่งตึกที่ว่านั้นก็คือแก้มก้นของจอย ทุกครั้งที่มัน
แกว่งมาปะทะ ต้องทาให้เกิดเสียงดังแปะๆ เมื่อรวมกับภาพของน้าแตก
กระจาย ช่วยเสริมทาให้ลูกตุ้มเหล็กมหากาฬดูน่าเกรงขามมากขึ้น
นอกจากนี้แรงปะทะของมันยังทาให้ผิวบอบบางของเธอเริ่มแดงระเรื่อ
ราวกับกองทัพทหารแสดงแสนยานุภาพให้รับรู้ถึงอาวุธร้ายกาจประจา
ชาติ

จอยรู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ยอมให้มันมีอะไรกับเธอในห้องน้าเช้านี้
ไม่งั้นเธอคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสทั้งกระบวนท่าแปลกใหม่และ
บรรยากาศของสถานที่ที่ช่วยเสริมอารมณ์

ความขยันของบิ๊กที่สรรหากระบวนท่าใหม่ๆ มามอบให้ ทาให้รู้สึก


ว่ามันใส่ใจกับความต้องการของเธอจริงๆ จอยจึงเผยรอยยิ้มด้วย
ความสุขโดยไม่รู้ตัว

การเคลื่อนไหวของบิ๊กหยุดอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะมันถึงจุดสุด
ยอดแล้ว เพราะถ้ามันถึงจุดนั้นจริง ความเร็วของมันต้องเพิ่มขึ้นฉับพลัน
จนต้องตกใจ แสดงว่านี่มันต้องเปลี่ยนท่าใหม่

เป็นอย่างนั้นจริงๆ บิ๊กวางขาลง จับจอยขยับมาอยู่ตรงกึ่งกลางห้อง


โดยหันหน้าออกไปทางประตูของห้องน้า คราวนี้มันเปลี่ยนกลับมาเป็น
ท่ามาตรฐานเฉพาะของเผ่าพันธุ์

บิ๊กคารามต่าๆ ราวกับต้องการประกาศว่า จะไม่มีคาว่าปรานีอีก


ต่อไปแล้วน้องจ๋า !

จอยรู้สึกได้ทันทีว่าคราวนี้ทั้งแรงกระแทกและความเร็วของมัน
เพิ่มขึ้น อาจเป็นเพราะว่านี่คือท่วงท่าที่มันถนัดมากที่สุด
สาวไทยเบิกตาโตเล็กน้อย ตอนนี้ตัวเองอยู่ในท่าเหมือนในคลิปสุด
อุบาทว์ไม่มีผิดเพี้ยน ทาให้เกิดความคิดแผลงๆ ขึ้นมา

จอยเอี้ยวคอไปทางด้านหลัง พร้อมทาใบหน้าเหมือนเศร้าผสมออด
อ้อน “พี่บิ๊กขา...”

เจ้าของร่างกายาหยุดชะงักในการขยายเผ่าพันธุ์ เลิกคิ้วข้างหนึ่ง
ราวกับอยากถามว่า มีอะไร ?

จอยเปลี่ยนมาฉีกยิ้มฉับพลัน “เร็วอีก เร็วอีก ซอยให้เร็วอีกเลย


พี่บิ๊กขาาาาาา~ !” เธอทาน้าเสียงตอแหลพร้อมส่ายก้นไปมา

บิ๊กได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้าง แล้วคารามราวกับตกลง จากนั้นมัน


เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ เคลื่อนอวัยวะนั้นเข้าออกไป
ทางซ้ายและสลับไปทางขวา เหมือนกับว่าต้องการให้ปีกเอ๊นเจิลทั้งสอง
ข้างภายในของเธอได้รับแรงกระแทกเท่าเทียมกัน

จอยหัวสั่นหัวคลอน ทาตาเล็กข้างใหญ่ข้าง ปากบิดเบี้ยวอย่าง


อัปลักษณ์ ‘ไม่น่าไปพูดเลย โอ๊ยแสบ !’

การเคลื่อนไหวของบิ๊กคราวนี้ทาให้จอยได้รับรู้ว่าความเร็วที่มัน
ใช้ประจาเป็นแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ไม่แน่มันอาจเพิ่มความเร็วได้
มากกว่านี้ก็เป็นไปได้ แต่เธอไม่ร้องขอให้มันเพิ่มความเร็วอีกแล้ว แค่นี้
เธอก็รู้สึกเหมือนช่องทางลับจวนจะลุกเป็นไฟเพราะการเสียดสี

จอยยังรู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนถูกทาโทษให้มาเต้นท่า ไก่ย่างถูก
เผา หน้าชั้นเรียน แต่เนื้อร้องต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
จอยถูกอึ๊บ จอยถูกอึ๊บ เธอกาลังโดนเสียบ เธอกาลังโดนเสียบ
เสียบไปทางตูดซ้าย เสียบไปทางตูดขวา โอ๊ยเสียวจริงๆ เสียวจริงๆ !!!

อุโมงค์มหัศจรรย์ของจอยเริ่มบีบรัดแน่นราวกับคีมหนีบ

นับตั้งแต่ปากทางเข้า ความเสียวสุดจะบรรยาย บัดนี้กระจายไปทั่ว


ร่าง ทาเธอตัวสั่นสะท้านจนขนลุกชัน

บิ๊กเหมือนรู้ว่าเธอใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง จึงเร่งจังหวะรัวและ
เร็วมากขึ้น ราวกับปืนกลสาดกระสุน ทาแขนขาของเธอเริ่มสั่นระรัว
จนกระทั่งช่องทางลับของเธอบีบรัดแน่นสุดแรง

“อะ... โอ๊ย... ไม่ไหวแล้ว...” จอยเสียงสั่นระรัว เธอรู้สึกได้ถึงน้า


มากมายที่พรวดออกมาระหว่างการเสียดสี แต่นี่ไม่ใช่น้าเผ่าพันธุ์ของ
มนุษย์หมาป่า ความจริงมันเป็นน้าจากตัวของเธอเอง ถูกปลดปล่อย
ออกมาเพราะความสุดยอดที่พุ่งเฉียบพลัน

บิ๊กพ่นลมหายใจดังฟืดอย่างอารมณ์เสีย แสดงว่าไม่พอใจเรื่องที่
เธอไปถึงสวรรค์ก่อน

“โอ๊ย... โอ๊ย... มัน... มาอีกแล้ว... ซี้ด...” จอยรู้สึกหายใจทางจมูก


ไม่ทั่วปอด จึงต้องใช้ปากช่วยหายใจอีกแรง เพราะตอนนี้ความเสียว
อุบัติอีกครั้ง เธอยังคงถูกความเร็วเหนือยอดมนุษย์หมาป่าโจมตีไม่
หยุดยั้ง

บิ๊กเริ่มแยกเขี้ยว หลังเริ่มโก่งมากขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งมันก็


คารามออกมาเสียงดังก้องกังวาน จอยสะดุ้งเฮือก แต่ไม่ใช่เป็นเพราะ
เสียงสัตว์ป่าที่ได้ยิน ความจริงเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน เธอรู้สึกได้ถึงแรง
ระเบิดทะลักทลายภายในตัว เหมือนกับว่ามันตั้งใจทาให้เธอระเบิด
ออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยปริมาณของสายพันธุ์ที่มากมายมหาศาล เธอยังรู้สึก
ได้ถึงบางส่วนที่ล้นออกมาจากระหว่างช่องทางของการเสียดสี ไหลย้อย
ลงมาตามขา จนกระทั่งไปถึงพื้น

น้าสายพันธุ์ที่ถูกฉีดเข้ามาสู่ภายใน เปรียบดั่งเป็นน้ามันลื่นๆ ทา
ให้ก้อนเนื้อใหญ่ยักษ์ที่อยู่ตรงโคนของท่อนเนื้อมนุษย์หมาป่าพรวดเข้า
ไป ทาจอยตาเหลือกเพราะรู้สึกอวัยวะภายในถูกถ่างออกไปอย่างมาก
ขณะเดียวกันบิ๊กส่งเสียงคารามแหบพร่าต่าๆ อย่างพึงพอใจ อาจเป็น
เพราะว่ามันรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่เต้นตุบๆ กาลังบีบรัดความเป็นชายของ
มัน แต่ไม่ใช่บีบรัดอย่างธรรมดา เธอเคยลองใช้นิ้วแหย่เข้าไป เพราะ
อยากจะรู้ว่ามันรู้สึกยังไงในเวลาที่สอดใส่ เธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อที่บี
บรัดแบบการนวดที่ชานาญการ แล้วยังเป็นการนวดแบบรีดเอาอีกด้วย

แต่ความใหญ่ของมันไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยสาหรับจอยเท่าไรนัก เธอ
พยายามส่ายสะโพกเพื่อให้มันหลุดออกไป แต่บิ๊กไม่ยอม มันขู่คาราม
มือสองข้างจับสะโพกของเธอไว้เหนียวแน่น เท่านั้นไม่พอมันยังใช้ต้น
ขาทั้งสองข้างหนีบเอาไว้อีกชั้น

แต่จอยไม่หวาดกลัวเสียงขู่ของมัน เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะ
ขู่จริงๆ มันแค่ใช้วิธีนี้เหมือนการออกคาสั่งไม่ให้เธอเคลื่อนไหวเท่านั้น
ตอนนี้เธอรู้สึกจุกแน่นมากกว่า แล้วเธอก็เพิ่งตระหนักได้ ถ้ายิ่ง
เคลื่อนไหวร่างกายมากเท่าไร ความรู้สึกจุกแน่นก็เพิ่มมากขึ้น สุดท้าย
ต้องยอมปล่อยให้มันฝังอยู่อย่างนั้น

เหตุผลที่มันทาอย่างนี้ จอยคิดว่ามันไม่อยากถอดออกไป ในเมื่อ


นานๆ ครั้งท่อนเนื้อของมันจะจมหายเข้าไปในตัวของเธอได้ทั้งหมดสัก
หนหนึ่ง หรือไม่ก็มันคงลืมตัวปล่อยให้สัญชาตญาณเข้าครอบงา คิดว่า
เธอเป็นมนุษย์หมาป่าตัวเมีย จึงต้องการให้เลือดเนื้อเชื้อไขของมันเข้าสู่
ภายในร่างกาย จนกว่ามั่นใจว่าน้าสายพันธุ์ของมันที่ผลิตออกมาจะถูก
ปล่อยออกไปหมดทุกหยด มันจึงไม่ยอมปล่อยให้หลุดออกจากการ
เชื่อมต่อ

หลังจากบิ๊กประสบความสาเร็จในการร่วมรัก มันยังคงคร่อมตัวเธอ
อยู่ พร้อมหายใจอย่างหอบเหนื่อยเสียงดัง จอยแน่ใจว่าวันนี้คงไป
ทางานสาย เพราะดูท่ามันไม่ยอมถอดออกไปง่ายๆ ในเร็วๆ นี้

ถึงแม้ถูกหักเงินถึงสามวัน แต่จอยก็ไม่รู้สึกหวั่นเท่าไรนัก ในเมื่อ


ไอ้ตัวที่คร่อมอยู่นี้ ให้เงินมาใช้จ่ายเป็นปึกแทบทุกครั้ง

ครู่ใหญ่ผ่านไป จอยรู้สึกได้ว่าอวัยวะที่ฝังอยู่ภายในเริ่มอ่อนตัว
เรื่อยๆ จึงส่ายสะโพกเพื่อทดสอบว่าจริงอย่างที่รู้สึกหรือไม่

เพียงแค่ขยับร่างกายเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมีน้าซึ่งเป็นส่วนเกินพุ่ง
ออกไปจากตรงจุดระหว่างการเชื่อมต่อ นี่แสดงว่าภายในตัวของเธอมีน้า
อัดแน่นจนเกินพิกัด ไม่แตกต่างจากน้าอัดลมที่ปิดฝาไม่สนิท ถูกเขย่าจน
ทาให้น้าพุ่งออกมาระหว่างตามช่องว่าง

ครั้งนี้บิ๊กไม่ส่งเสียงเหมือนสั่งห้าม มันแค่มองสบตา พร้อมกันนั้น


จอยเพิ่งสังเกต เสียงลมหายใจอย่างหอบเหนื่อยของมันเหมือนเบาลง

อีกประมาณห้านาทีผ่านไป เสียงการหายใจแรงก็ไม่มีให้ได้ยินอีก
บิ๊กขยับตัวเล็กน้อย พ่นลมหายใจออกมาเหมือนรู้สึกสบายเนื้อ
สบายตัว จากนั้นมันก็ลุกถอยออกไป ทาจอยสะดุ้งเล็กน้อย เนื่องจากสิ่ง
ที่เคยรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอมันหลุดพรวด แล้วยังรู้สึกถึงน้าพุ่งออก
ตามไปติดๆ บางส่วนก็ทะลักออกมา ไหลลงไปตามต้นขา

จอยทิ้งตัวนอนแผ่ มองบิ๊กเดินไปเก็บสบู่ขึ้นมา จากนั้นมันเอื้อมมือ


ไปหันฝักบัวมาตรงท่อนเนื้อแห่งความเป็นชาย แล้วเริ่มล้างทาความ
สะอาดอย่างประณีตบรรจง ทาราวกับสิ่งนั้นเป็นผลงานชิ้นเอกที่เหมาะ
ต่อการระมัดระวัง

เมื่อจอยลุกนั่ง บิ๊กหันมามองพร้อมเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอรู้ได้


ทันทีว่ามันมองตรงส่วนไหนอยู่ จึงยกมือมาปิดตรงส่วนพื้นที่ลับเฉพาะ
ของผู้หญิงอย่างเขินอาย

บิ๊กหัวเราะออกมา ท่าทางของเธอคงดูตลกไม่น้อย ไม่อย่างนั้นมัน


คงไม่หัวเราะ

ร่างกายาเดินเข้ามาหาแล้วอุ้มเธอขึ้นอย่างสบายๆ จอยกลอกตาไป
มา แต่มันไม่ได้อุ้มเธอออกไปนอกห้องน้า มันเดินไปตรงที่น้าฝักบัวโปรย
ปราย วางตัวเธอนั่งลงกับพื้น จากนั้นเริ่มใช้สบู่และมือลูบไล้ไปตาม
ร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน ทาให้จอยรู้สึกเหมือนมันกลายเป็นพ่อที่
ดูแลลูกน้อยไม่มีผิด นานๆ ครั้งเธอถึงจะเห็นมันในแง่มุมนี้ แน่นอนว่าเธอ
รู้สึกดีไม่น้อย

บิ๊กทาความสะอาดตัวให้จนกระทั่งเหลือเพียงจุดเดียว มันจับขา
ของเธอทั้งสองข้างตั้งชันแล้วแยกออก ทาให้เธอรู้สึกเขินอายกว่าเดิม
เนื่องจากตอนนี้เพชรอันมีค่าของเธอดูไม่ต่างจากถูกนามาจัดแสดงกลาง
งาน ตรงข้ามจากบิ๊ก มันทาแววตาเหมือนกับว่านี่เป็นเรื่องปกติที่ทาอยู่
ทุกวัน ไม่มีความเขินอายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่สาหรับจอย เธอจึงหันไป
มองทางอื่นเพื่อลดความเขินอาย เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่มันทาอย่างนี้
ให้กับเธอ

แต่คราวนี้ไม่ใช้สบู่ถูให้ บิ๊กใช้มือลูบไล้อย่างเดียว ราวกับกลัวว่า


จะทาให้เธอเกิดระคายเคืองเพราะฟองสบู่

จอยเบิกตาเล็กน้อย ปากหลุดเสียงเฮือกออกมา หันขวับไปจ้อง


หน้าบิ๊กที่ยังคงทาใบหน้าไม่มีแสดงความรู้สึก ตรงข้ามจากการกระทา
ของมันในตอนนี้ นิ้วของมันควานไปทั่วปากทางเข้าอุโมงค์มหัศจรรย์
บางขณะยังถูกจุดสะท้าน ซึ่งทาเธอขนลุกซู่

ไม่ทันจะอ้าปากเพื่อสั่งให้มันหยุด บิ๊กชักนิ้วออกไป เปลี่ยนมาจับ


หัวเข่าของเธอแยกกว้างมากกว่าเดิม จากนั้นยื่นหน้าเข้ามาแล้วตวัดลิ้น
เลียอย่างรวดเร็ว จอยถึงกับสะดุ้งเฮือก แต่ไม่ตวัดลิ้นเพียงแค่ครั้งเดียว
มันตวัดระรัวไม่หยุดยั้ง แล้วยังมีชอนไชลิ้นเข้าไป ทาเธอเกิดอาการเกร็ง
ด้วยความเสียวซ่าน โดยเฉพาะตอนที่ลิ้นสากๆ ของมันตวัดถูกติ่งเนื้อ
ทาให้เสียงพูดของเธอสูญหายไปโดยไม่อาจกู้กลับคืนมาได้ มีเพียงแค่
เสียงการหายใจถี่รัวทางปากที่อ้ากว้าง

เหมือนบิ๊กรู้ว่าตรงจุดไหนจะทาร่างของเธอเกิดอาการเหมือนไฟ
ดูด มันตวัดลิ้นโจมตีตรงจุดนั้นไม่หยุด ทาดวงตาของจอยถึงกับกลอก
ขึ้นอย่างเหม่อลอย มือรีบจับใบหูแหลมทั้งสองข้างของมันแล้วกาแน่น
ความรู้สึกวาบหวิวมีอยู่ประมาณห้านาทีก็พลันหายไปเนื่องจากบิ๊ก
เลิกทา ทาให้จอยกลับคืนมาสู่บนโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง แต่หัวใจ
ยังคงร่าร้องถึงโลกแห่งความเสียวอย่างนั้นอีก

“หยุดทาไมยะ ฉันกาลังเพลินอยู่เลยเนี่ย” จอยพ่นลมหายใจดังฟื


ดอย่างไม่พอใจ จนแทบอยากใช้ขาหนีบหัวมันเอาไว้

บิ๊กเลียริมฝีปากอย่างเอร็ดอร่อยก่อนลุกยืนเต็มความสูง มันเริ่มบีบ
นวดท่อนเนื้อของตัวเอง จนกระทั่งพองตัวขยายใหญ่และยาวมากขึ้น
มันรูดสิ่งที่ห่อหุ้มลงไปจนสุดโคน ปรากฏสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ให้เห็น
เต็มสองตา

ตอนแรกจอยคิดว่ามันจะต่อกับเธออีกสักยก แต่มันยังคงยืนมอง
เธออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมันยกมือมาอมนิ้วชี้ ดูดจนมีเสียงดังจ๊วบๆ
ก่อนเปลี่ยนมาเคาะที่ท่อนเนื้อของมันเบาๆ

ใบหน้าของจอยพลันซีดเมื่อรู้ถึงความต้องการ ขณะเดียวกันบิ๊ก
เดินเข้ามาใกล้แล้วอ้าขาออกกว้าง

เธอยังไม่อยากยอมรับความจริงว่าใช่อย่างที่คิด จึงช้อนตามอง
เจ้าของสิ่งนั้น ด้วยแววตาราวกับต้องการขอคายืนยัน

บิ๊กจับแท่งเนื้อนั้นชี้มาที่ปากเธอ พยักหน้าช้าๆ ให้ แล้วตกท้าย


ด้วยการขยิบตาให้ข้างหนึ่ง เหมือนต้องการบอกว่า ใช่เลยจ้ะ ไอศกรีม
หวานอร่อย อมและดูดได้เลยจ้า !!!

จอยรู้สึกใจเต้นรัวไม่เป็นปกติ แสดงว่าเมื่อสักครู่นี้ที่มันมาเลียทา
ความสะอาดให้ เพราะคงอยากให้เธอทาให้กับมันบ้าง
ถึงแม้ถูกท่อนเนื้อเบื้องหน้าบุกเข้ามาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่
ยังคงเป็นเรื่องทาใจยอมรับได้ยากยิ่งกับการเอาเข้าปาก เนื่องจาก
ลักษณะของมันไม่มีส่วนเหมือนกับของมนุษย์... ลักษณะของมันดู
เหมือนกับของ... หมา !!!

“เอ่อ... ฉันต้องรีบไปทางาน ฉันขอตัวก่อน” จอยยิ้มแหยๆ ก่อนเริ่ม


ถอยออกห่าง

บิ๊กแยกเขี้ยวขู่คาราม ทาจอยสะดุ้งโหยง การเคลื่อนไหวของเธอ


ยังชะงักนิ่ง จากนั้นบิ๊กเดินตามเข้ามาใกล้อีก จับท่อนเนื้อตวัดมาทาง
ปากของเธอ แล้วพยักหน้าหนึ่งครั้งด้วยแววตาจริงจัง

จอยกลืนน้าลายดังเฮือก ‘งานเข้าแล้วกู !’

ตอนนี้ไม่มีทางให้หนีไปไหน เธอรู้สึกทั้งกระอักกระอ่วนและ
ขยะแขยง แม้ท่อนเนื้อตรงหน้ามีกลิ่นหอมของสบู่ แต่ก็ไม่อาจลบล้าง
ภาพลักษณ์ที่เป็นความจริงนี้ไปได้เลย

จนเมื่อบิ๊กคารามอีกครั้งเหมือนการบีบบังคับ จอยต้องกัดฟัน ฝืน


ยกมือไปจับไอศกรีมแท่งนั้นด้วยอาการมือสั่นเทา แต่เธอยังคงไม่ยอมอ้า
ปาก เนื่องจากทาไม่ได้จริงๆ

ระหว่างในช่วงเวลาเหมือนความเป็นและความตายของปากอัน
บริสุทธิ์ ภายในหัวของเธอพยายามคิดหาทางออกเต็มไปหมดนับร้อยๆ
วิธี แต่ทว่ายังคงไม่มีทางไหนที่สามารถนาเธอออกไปจากตรงนี้ได้ นอก
เสียจาก...

จอยเงยหน้าด้วยความเชื่องช้า ทาคิ้วตกเหมือนคนเศร้า
กะพริบตาปริบๆ เหมือนอ้อนวอนว่าอย่าบังคับเธอเลย
แต่บิ๊กยังคงนิ่งเฉย มีเพียงแววตาที่สื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ได้
เด็ดขาด เธอต้องเอาของมันเข้าปากเท่านั้น ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอจะไม่มี
วันได้ออกไปจากห้องน้า

เห็นแววตาเผด็จการอย่างนั้น สุดท้ายก็ต้องทาตามที่มันบังคับจริงๆ
อย่างไม่มีทางเลือก

จอยกลืนน้าลายอีกครั้ง เริ่มอ้าปากที่สั่นระรัวอย่างเชื่องช้า ดวงตา


จ้องอย่างหวาดหวั่น ‘เอาไงเอากันวะ ! ขนาดในคลิปมันยังทาได้ แล้ว
ทาไมกูจะทาบ้างไม่ได้วะ’

สามนาทีผ่านไป...

แม้จอยรวบรวมความกล้าเอาไว้ได้มากแล้ว แต่เมื่อถึงจุดตัดสินใจ
ขั้นสุดท้าย ความกล้าทั้งหมดพลันทลายหายไปไม่มีเหลือ เธอทาได้แค่
อ้าปากค้าง หรือไม่ก็เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวอ้าปากใหม่ ทาเหมือนปลาทาปาก
พะงาบๆ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตที่เหลือ

จนกระทั่งบิ๊กพ่นลมหายใจดังฟืดยาว เหมือนกับว่ามันสุดจะทนกับ
ความลังเล จึงเคลื่อนไหวมือด้วยความรวดเร็ว จับหัวของเธอ แล้ว
เคลื่อนไหวร่างกายตรงส่วนที่มีอวัยวะนั้นเข้ามา

กว่าจอยจะหายจากความตกใจที่ถูกจับหัว เสียงดังซวบก็เกิด
ขึ้นกับปากของเธอ ทาเธอเบิกตาโตจนแทบถลนออกนอกเบ้า เพราะสิ่งที่
เคยเผชิญอยู่เบื้องหน้า บัดนี้มันมาอยู่ในปากให้เธอได้ลิ้มรสแล้ว !!!
Under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 6

เพียงแค่เรื่องงานแต่งเมื่อเช้าทาให้เหนื่อยแทบขาดใจแล้ว หลัง
เลิกงานแต่ง อเล็กซ์จึงกลับมาที่บ้านฝ่ายเจ้าสาวเพื่อพักผ่อนเอาแรงก่อน
ด้วยเหตุผลที่วา่ บ้านของฝ่ายเจ้าสาวอยู่ใกล้สุด นอกจากนี้เขากลัวว่าถ้า
ไปนอนต่างที่อาจทาให้คู่ชีวิตนอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นเคย

ขณะเจ้าสาวเดินไปทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียง อเล็กซ์เดินไปเปิดแอร์
ภายในห้องนอนแห่งนี้ ซึ่งเปรียบเป็นรังรักที่ใช้สังวาสกันเกือบทุกยาม
ค่าคืน

ระหว่างชายหนุ่มแกะกระดุมเสื้อ หันไปมองดูหญิงสาว ดวงตาของ


เธอมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย ปากของเธอยังมีรอยยิ้มประดับเบา
บาง เขาคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่เธอใฝ่ฝันมาเนิ่นนาน ทั้งเรื่องที่เธอได้สวม
ชุดเจ้าสาวสวยงาม... และเป็นวันที่เธอมีคนรักอย่างเขามาเป็นคู่ชีวิต...
ทาให้เธอยิ้มออกมาอย่างนั้น หรือไม่บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องเมื่อเช้า
แม้เป็นการแต่งงานปุบปับ จนไม่มีเวลาให้เธอแต่งหน้าเต็มยศ แต่เขา
สามารถพูดให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่สวยมากที่สุดในงานได้
คาพูดนั้นไม่มีอะไรมากมาย เขาแค่บอกว่า เธอสวยและดูดีสาหรับเขา
เสมอ ไม่จาเป็นต้องมีสิ่งใดมาเพิ่มเติมอีก ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็มีรอยยิ้ม
ตลอดเวลา จนกระทั่งมาถึงตอนนี้

ใบหน้าของอเล็กซ์เริ่มแดงระเรื่อ เพราะยิ่งมองเธอนานเท่าไร
ภายในหัวนึกถึงแต่เรื่องที่ตัวเขาในร่างของมนุษย์หมาป่ากระทา ไม่ว่า
จะเป็นบนเตียง... ใช้สิ่งของมาเป็นอุปกรณ์สร้างความหรรษา... และทุก
จุดของภายในบ้านหลังนี้ ตัวเขาในร่างมนุษย์หมาป่า เอาเธอไปเล่นชัก
เย่อ จนเกือบหมดทุกตารางนิ้วแล้ว
เมื่อจอยหันมา อเล็กซ์รีบหันไปทางอื่น เขาไม่เคยทาเรื่องอย่างว่า
กับเธอในตอนมีสติครบสักครั้งเดียว มีแต่ความหน้าหนาของอีกตัวตน
ทาให้เขารู้สึกเขินอายไม่น้อย จึงเดินไปเปิดวิทยุ อย่างน้อยถ้าได้ฟัง
เพลง อาจช่วยทาให้ลืมเรื่องบนเตียงไปได้บ้าง

“คุณอเล็กซ์คะ...”

ในขณะเร่งเสียงวิทยุ เสียงเรียกเบาบางและผสมความเซ็กซี่ของ
จอย ฟังเชิญชวนอย่างยิ่ง ยังทาให้เกิดใจสั่นระรัวได้ง่ายดาย

ชายหนุ่มกลืนน้าลาย หันตัวกลับช้าๆ แล้วถามด้วยน้าเสียงออกไป


ทางประหม่าเล็กน้อย “เรียกผมทาไมครับ ?”

จอยเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ตอนคุณกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า
คุณบอกว่าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทาได้แค่มองผ่านทางดวงตา
ของอีกตัวตนเท่านั้น ใช่ไหมคะ ?”

ภาพนิ้วเรียวสวยของเธอที่กาลังเอาสิ่งที่ปกปิดร่างกายออกไปด้วย
ความเชื่องช้าทีละชิ้น เริ่มทาให้อเล็กซ์รู้สึกเหมือนความดันเพิ่มขึ้น

“ฉะ... ใช่ครับ...” เขารู้สึกเหมือนเสียงในลาคอกาลังร่วงหล่น


หายไป

จอยเปิดเผยหน้าอกสุดตูมโดยไม่มีความเขินอายปรากฏให้เห็นบน
ใบหน้า “คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าคะ ? ถ้าเกิดคุณสามารถควบคุมตัวเอง
ได้ คุณจะเล่นฉันท่าไหนบ้าง... คุณจะให้ฉันอมน้องชายของคุณก่อน ?
หรือว่าคุณจะเล่นท่าแปลกใหม่ก่อน ? อย่างเช่นเอาน้องชายตัวน้อยของ
คุณมาตรงนี้” เธอใช้ปลายเล็บลูบไปมาระหว่างร่องภูเขา ก่อนรวบทั้ง
สองข้างมาประกบกัน “คุณสั่งให้ฉันบีบมันเอาไว้ ส่วนตัวคุณก็เคลื่อนขึ้น
... เคลื่อนลง... คุณทาจนกระทั่งเขื่อนของคุณแตกคาร่องของฉัน”

“ผะ... ผมไม่รู้ครับ...” ชายหนุ่มลูกครึ่งเสียงสั่น เขาไม่เคยคาดคิด


มาก่อนว่าเธอจะกล้าพูดและแสดงอย่างนั้นให้เห็น

“แน่ใจหรือคะว่าไม่รู้ ?” จอยเลิกคิ้ว มือไล่ตามร่างกายต่าลงไป


ด้วยความเชื่องช้า “เอ๊... หรือทางเลือกที่ฉันให้ไปมันน้อยเกิน ? หรือว่า
ท่ามันยากเกินไปคะ ? หรือว่าความจริงคุณชอบท่ามาตรฐานมากกว่า
คุณรุกล้าเข้าสู่ภายในตัวฉัน ? เสร็จแล้วคุณก็กระแทก... ไปทางซ้าย...
ไปทางขวา... หรือว่า... คุณชอบแบบเส้นทางตรง ไม่มีตีโค้งคะ ?”

อเล็กซ์หันไปมองทางอื่น ทาเป็นหาของ แต่ความจริงเขินจนไม่


กล้าสบตา “ขะ... คุณทาไมมาถามผมอย่างนี้ ?” ทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน
กลับรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ซึมออกมาเต็มฝ่ามือ นอกจากนี้ยังรู้สึกถึงเลือด
ภายในร่างกายหมุนเวียนเร็วมากจนผิดปกติ

“คุณอเล็กซ์คะ... ช่วยหันกลับมาหาฉันหน่อยสิคะ...”

แค่น้าเสียงออดอ้อนของเธอ อเล็กซ์รู้สึกได้ถึงอวัยวะเบื้องล่างเริ่ม
กระดกหัวขึ้นมาจากการหลับใหล ราวกับมันถูกเชิญชวนให้พร้อมรบ

เมื่อหันกลับไปมอง ดวงตาสีฟ้าของเขาเบิกกว้าง มือไม้สั่น


เนื่องจากเห็นจอยโยนชิ้นส่วนสุดท้ายที่ปกปิดร่างกายทิ้งไปที่พื้น
ข้างล่างเตียงนอน เธอเปลี่ยนท่ามาเป็นนอนตะแคง ตั้งศอกแล้วใช้มือ
รองศีรษะ ขาข้างหนึ่งไขว้กับอีกข้าง ซึ่งเป็นท่าที่เธอใช้เกือบทุกค่าคืน
เพื่อยั่วยุ
“คุณชอบให้ฉันอยู่ในท่าไหนมากกว่ากันคะ ? ระหว่างนอนเฉยๆ
อย่างท่านี้ หรือว่าเคลื่อนไหวแบบนี้...” นิ้วของเธอไล่ต่าลงไปตามผิว
กาย วนรอบสะดือหนึ่งรอบ จากนั้นไล่ต่าลงไปต่อ จนกระทั่งมาถึง
บริเวณขนอ่อนที่ปกปิดจุดซ่อนเร้น

อเล็กซ์ริมฝีปากสั่น ภาพการกระทาของเธอเริ่มทาให้เขาควบคุม
ตัวเองไม่อยู่ เพราะในตอนนี้ตัวตนที่ชื่อว่า บิ๊ก ต้องการจะออกมายึด
ครองร่าง เพื่อฟัดกับเธอให้หนาใจมันอยาก แต่คราวนี้เขาไม่ยอมให้เป็น
อย่างนั้น เขาพยายามต่อต้านสุดกาลัง

เหมือนบิ๊กรับรู้ว่าครั้งนี้ไม่ยินยอมอย่างง่ายดายเหมือนทุกครั้ง มัน
จึงเปลี่ยนมาเป็นยัดเยียดความคิดใส่ในหัวแทนเป็นฉากๆ ให้ทาตามที่
มันต้องการ

‘เอาเลยเพื่อน เลือกเอาเลยว่าจะเอาท่าไหน ฉันมีให้เป็นร้อยๆ


กระบวนท่าในการก้าวสู่เจ้าแห่งเซ็กซ์ครองปถพี นายจะไร้เทียมทาน จะ
ไม่มีไอ้ตัวผู้หน้าไหนเอาชนะนายได้ !’

เสียงหัวเราะอย่างกวนประสาทของบิ๊ก ก้องอยู่ภายในหัว ราวกับ


มันต้องการใช้วิธีนี้เพื่อสะกดจิตให้ทาตาม โดยเฉพาะท่า ยอดฮิต เฉพาะ
ของสัตว์ตระกูลหมา อเล็กซ์เหมือนเห็นชัดเจนอยู่ตรงหน้า ภาพของ
หญิงสาวถูกจับหันหลัง โดนกระแทกจนมีเสียงดังตับๆ

“อเล็กซ์คะ อย่านิ่งเงียบไปแบบนั้นสิคะ”

เสียงของจอยทาให้รู้สึกตัว หลุดออกมาจากภวังค์หนังโป๊วิปริต ให้


เห็นภาพเปลือยกายของเธออีกครั้งเบื้องหน้า
ความจริงนี่เป็นเรื่องที่คู่สามีภรรยาทั่วไปก็ทากันอยู่แล้ว จึงไม่ใช่
เรื่องแปลกหรือน่าอับอายอะไรเลย

คิดได้ดังนั้น อเล็กซ์สูดลมหายใจเพื่อตั้งสติให้มั่นคง แล้วเดินไปหา


ภรรยา

“คุณไม่หนาวหรือครับ ? เปิดเผยทั้งหมดอย่างนี้” ชายหนุ่มพูด


หยอกเย้าเพื่อกลบความเขินของตัวเอง แม้พยายามมองหน้าของสาว
ไทย แต่ดวงตายังคงไม่ยอมฟัง มันชาเลืองไปสารวจเรือนร่างของเธอ
ตลอด

“ไม่เห็นจะต้องถาม ฉันก็หนาวสิคะ ฉันหนาวมากเลย... หนาวมาก


จริงๆ...” จอยลูบไปตามเรือนร่างตัวเองอย่างเชื่องช้า “คุณพอจะมาช่วย
เพิ่มความร้อนให้กับฉันได้ไหมคะ ฉันอยากได้อะไรที่มันมาเสียดสีจน
เกิดความร้อน... ทาให้ฉันได้ไหมคะ ?”

น้าเสียงของเธอนอกจากอ่อนระโหยโรยแรง ยังเจือไปด้วยการ
ยั่วยวน จนชายหนุ่มทนไม่ไหว ต้องรีบเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ

“สาหรับคุณได้เสมอครับ ผมรับรองว่าจะเสียดสีให้คุณร้อนจนลุก
เป็นไฟ” อเล็กซ์เสียงสั่นแหบพร่า มือถอดเสื้อผ้าตัวเองออกทีละชิ้น

ไม่นานนัก ทั้งเนื้อทั้งตัวก็ไม่เหลือสิ่งที่ปิดบังร่างกาย จอยเบิกตา


กว้างอย่างตื่นตาตื่นใจ อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาอยู่ใน
สภาพเปลือยกาย ตอนนี้เขาไม่รู้สึกเขินเหมือนช่วงแรกแล้ว ต้องเป็น
เพราะแรงกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ทาให้เขาเกิดความต้องการสูงจนไม่
รู้สึกอย่างนั้นอีก
จอยลุกขึ้นมา “ฉันอยากให้คุณมอบความรักให้ฉัน ในตอนที่คุณ
อยู่ในร่างนี้มานานมาก” เธอกระเถิบมาเอียงคอซบที่บ่าของเขา มือลูบไล้
หน้าอกกายา “คุณพอจะทาได้ไหมคะ ?”

อเล็กซ์ไม่ตอบ เพราะเขาเลือกใช้การกระทาเป็นคาตอบแทน โดย


การโน้มตัวไปจูบปากอย่างดูดดื่ม ขณะเดียวกันจอยโอบรอบคอให้เขา
เข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น

อเล็กซ์ถอยหน้าออก ยกมือขอเวลานอก จากนั้นกระเถิบออกไปนั่ง


ห้อยขาที่ปลายเตียง หลับตา หายใจเข้าออกลึกๆ

“มีอะไรหรือคะ ?”

อเล็กซ์รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียง เมื่อลืมตากลับขึ้นมาก็
เห็นจอยกระเถิบมาโอบกอดทางด้านหลัง คางเกยบนบ่าของเขา ทาตาก
ลมโตบ้องแบ๊วเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยขี้สงสัย

“คุณเป็นอะไรคะ ? หรือว่า... มีตัวตนอื่นจะเข้ายึดครองร่างคะ ?”

อเล็กซ์ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปดีหรือไม่ เขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมมี
อะไรกับเขาในคืนนี้ เพราะยิ่งเขาแตะต้องเรือนร่างของเธอมากเท่าไร
ตัวตนอีกด้านมันก็ยิ่งมีอานาจเหนือเขามากขึ้น จนเกือบผลักดันตัวตน
ของเขาออกไปสาเร็จ

“พูดออกมาเถิดค่ะ ฉันรับได้หมดที่เป็นตัวคุณ”

อเล็กซ์ยังไม่ตอบออกมาทันที เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนยอมพูด “ใช่


ครับ ตัวตนอีกด้าน... บิ๊กมันพยายามจะออกมายึดร่างของผม ยิ่งผมเห็น
ตัวคุณทั้งเรือนร่างอย่างนี้ สติที่ผมใช้ประคองตัวตนของผมก็ยิ่งถูก
ผลักดันออกไป”

จอยทาเสียงอืมเหมือนรับรู้และขอเวลานอกเพื่อช่วยคิดอีกแรงครู่
หนึ่ง “ถ้างั้นเราปิดไฟดีไหมคะ ?”

“ปิดไฟหรือครับ ?” อเล็กซ์เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจว่าจะปิดไฟเพื่อเหตุผล


อะไร เพราะจากที่คิด ไม่น่าช่วยหยุดยั้งอาการของโรคที่เขาเป็นอยู่

จอยบีบจมูกของเขาเบาๆ “คุณลืมไปแล้วหรือคะ ? เมื่อครู่นี้คุณ


บอกฉันว่าอะไร ในเมื่อเห็นเรือนร่างของฉันจะทาให้บิ๊กออกมา เราก็แค่
ปิดไฟ เท่านี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว จริงไหมคะ ? บิ๊กที่อยู่ภายในตัวของคุณจะได้
มองไม่เห็น”

ยังไม่ทันอเล็กซ์จะเอ่ยชื่นชมอย่างหยอกเย้าว่าเธอฉลาด เหมือน
เวลาเกิดหยุดนิ่ง ภายในหัวของเขามีเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นมา ซึ่งมันเป็น
เสียงพูดกรอกหูเขามาตั้งแต่จาความได้

‘อย่าคิดฝืนฉันเลยเพื่อน ยอมให้ฉันออกมาดีกว่า รับรองฉันจะทา


ให้เธอหัวสั่นหัวคลอน จนขึ้นไปถึงสวรรค์’

ใบหน้าของอเล็กซ์พลันเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด ‘แกอย่ามายุ่ง
แกได้เธอไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว วันนี้ฉันจะไม่ยอมแกอีกเด็ดขาด แกอย่า
หวังว่าจะได้ยึดร่างฉัน !’

แม้ตอบโต้กลับไปภายในหัวด้วยน้าเสียงหนักแน่นและจริงจัง แต่
ภาพของกึ่งสัตว์เดรัจฉานที่อยู่ภายในหัว กลับทาเหมือนคาพูดของเขา
เป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง มันหัวเราะขบขันไม่หยุด
‘แกก็น่าจะรู้ตัว แกไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ ให้ฉันออกมาดีกว่า
แกเองก็เคยเห็นลีลาของฉันพาน้องจอยขึ้นสวรรค์มาแล้วไม่ใช่หรือไง ?
ฉันว่าอย่าเสี่ยงเลยเพื่อน เดี๋ยวแกทาให้น้องจอยผิดหวังได้น้า~’ บิ๊กลาก
เสียงยาวอย่างยั่วประสาท มือลูบท่อนแห่งความเป็นชาย ทาราวกับปืน
ขึ้นลากล้องเตรียมพร้อมใช้งาน

‘ไม่ ! ฉันบอกว่าไม่ ก็คือไม่ !’

บิ๊กหัวเราะพรืดครู่หนึ่งก่อนเปลี่ยนมายืนนิ่งอย่างเคร่งขรึม
เหมือนกับว่าต่อไปนี้เป็นจุดประสงค์แท้จริงของมันที่ต้องการสื่อให้รับรู้
‘แกคิดจริงหรือว่าจะต่อต้านฉันได้ตลอด ถ้าแกเผลอเมื่อใด ฉันจะ
กระโดดออกมาคร่อมน้องจอยให้หายอยากฉัน ส่วนแกจะทาได้เพียงแค่
มอง ถึงแม้ในตอนนี้แกสะกดฉันได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ตลอด ฉันจะกวน
แก แกจะไม่มีวันได้ลิ้มรสน้องจอยของฉันได้เป็นสุข’

ชายหนุ่มลูกครึ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เนื่องจากเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่
สามารถสะกดตัวตนของบิ๊กได้ตลอด เขาไม่รู้ว่าจะทายังไงถึงสามารถไล่
ตัวปัญหานี้ออกไป แต่ก็คิดไม่นาน ในเมื่อใช้การบังคับไม่ได้ ก็แค่
เปลี่ยนวิธีใหม่ มาเป็นการต่อรองอย่างนิ่มนวลแทน

‘เราก็รู้จักกันมานาน แกเคยช่วยฉัน และฉันก็เคยช่วยแก เรามา


ตกลงกันดีกว่าไหมบิ๊ก ? ถ้าแกให้ฉันได้นอนกับเธอในค่าคืนนี้ ในคืนวัน
พรุ่งนี้ ฉันจะปล่อยให้แกได้นอนกับจอยตลอดทั้งคืน เมื่อวันถัดไป ฉันจะ
ขอนอนกับเธอ เราจะสลับเปลี่ยนกันวันเว้นวัน แบบนี้ดีไหม ? เราทั้งสอง
ก็ต้องการเธอเหมือนกัน อีกอย่างในคืนนี้ เธอพูดจากปากของเธอเองว่า
ต้องการฉัน แกเองก็ได้ยิน แกอย่าทาให้เธอรู้สึกผิดหวังเลยนะ
นอกจากนี้ถ้าแกออกมาโดยที่เธอไม่ต้องการ วันหลังแกอาจถูกเธอ
เกลียดก็ได้’
แม้อเล็กซ์ใช้น้าเสียงขอร้องและพยายามพูดดีๆ กับมันด้วยความ
ใจเย็น แต่อาจไม่เป็นผล จึงต้องใช้การข่มขู่ตกท้ายไปด้วย เขารู้ว่า
ตัวตนนี้นอกจากหึงหวงจอยมาก มันยังมีความหวาดกลัว... กลัวว่าจะถูก
เธอเกลียด

ภาพของมนุษย์หมาป่าในความคิด ยังคงยืนแน่นิ่ง ดวงตาจ้องเขม็ง


มา เหมือนกับว่ามันกาลังชั่งใจอย่างหนัก

จนกระทั่งมันเผยรอยยิ้ม ‘ได้เพื่อนรัก... ฉันยอมทาตามข้อตกลง


ระหว่างเรา’

ถึงแม้ผ่านไปไม่กี่วินาที ในช่วงเวลาลุ้นระทึกนี้ก็ทาให้หัวใจของอ
เล็กซ์เต้นรัว เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าจะได้คาตอบไหน จนกระทั่งคาตอบที่
เขาคาดหวังไว้นั้นถูกพูดออกมา ทาให้เขายิ้มออกมาเพราะความดีใจ
โดยไม่รู้ตัว

‘อย่าลืมแบ่งสติออกมาในยามที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ ถ้าไอ้
ตัวนั่นมันกาลังออกมา แกกับฉันต้องร่วมมือกัน เตะก้นไล่มันกลับคืนป่า
ดงดิบไป เข้าใจหรือไม่ ? ฉันเพียงตัวลาพังไม่สามารถต้านมันเอาไว้ได้
ไหว’

อเล็กซ์เข้าใจทันทีว่าบิ๊กต้องการจะสื่อสารอะไร เพราะความจริง
ในร่างของเขามีทั้งหมดสามตัวตน ซึ่งหนึ่งในตัวตนนั้นมันเป็นสัตว์ร้าย
กระหายเลือด พร้อมจะฆ่าและทาลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ตัวตนนี้
เคยเกือบทาร้ายผู้เป็นภรรยาของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แน่นอนเขาจะไม่
ยอมให้มันออกมาเด็ดขาด

‘ตกลง ฉันจะช่วยแกไล่เตะมันแน่นอน ไม่ต้องห่วง’


สิ้นเสียงตอบกลับของอเล็กซ์ ภาพของมนุษย์หมาป่าร่างกายาเริ่ม
เลือนรางหายไป

“คุณอเล็กซ์คะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ?”

เสียงของจอยทาให้อเล็กซ์รู้สึกตัว “อะ อะไรนะครับ ?” เขาจา


ไม่ได้ว่าเมื่อครู่นี้เธอถามอะไร จึงต้องถามกลับไปให้เธอพูดอีกรอบ

“ฉันเรียกคุณถึงสามครั้งกว่าคุณจะพูดกับฉัน คุณเป็นอะไรหรือ
เปล่าคะ เห็นทาใบหน้าแปลกๆ ครู่หนึ่งแล้ว” ทั้งใบหน้าและน้าเสียงของ
จอย บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นกังวลมากแค่ไหน

อเล็กซ์ยิ้มเบาบางพลางส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่ทา


ข้อตกลงกับอีกตัวตนของผมเท่านั้น”

“บิ๊กหรือคะ ?” ใบหน้าของจอยเปลี่ยนเป็นไม่เข้าใจ

“ใช่ครับ แต่คุณไม่ต้องกังวล ผมรับรองว่าคืนนี้จะไม่มีตัวตนไหน


ออกมากวนคุณแน่นอน นอกจากผมเพียงผู้เดียวที่จะกวนคุณ”

อเล็กซ์กล่าวจบ โอบเอวบางของจอยเข้ามา โน้มลงไปประทับริม


ฝีปาก มือเปลี่ยนมาลูบไล้แผ่นหลังของเธออย่างเสน่หา

จอยเริ่มลูบไล้ตอบกลับ ตั้งแต่คางของเขา ไล่ต่าลงมาที่ไหล่กว้าง


ทั้งสองข้าง จนกระทั่งมือแสนซุกซนของเธอก็มาถึงท่อนเนื้อ จะว่าแข็งก็
ไม่ใช่ อ่อนนิ่มก็ไม่เชิง มันก้ากึ่งระหว่างสองอย่างนี้
การกระทานี้ของเธอ มากเพียงพอต่อการจุดไฟรักอันเร่าร้อนของ
ชายหนุ่มให้ลุกฮือ

‘หยุดก่อนไอ้โง่ ! นั่นแกจะทาอะไร’

ไม่ทันอเล็กซ์เริ่มการสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปรวมเป็นหนึ่ง
เดียวกับหญิงอันเป็นที่รัก มีเสียงห้ามคุ้นเคยก้องกังวานอยู่ในหัวของเขา
ก่อนปรากฏกายเป็นมนุษย์หมาป่าขนดาให้เห็น

‘แกมีอะไรอีก ไหนสัญญาแล้วว่าจะไม่มายุ่ง’ น้าเสียงของอเล็กซ์


สื่ออย่างชัดเจนว่าไม่พึงพอใจ

‘ดูตัวแกเองสิ ไม่ได้เรื่อง... ไม่ได้เรื่องจริงๆ... ไร้ลีลาจริงๆ... ทาไม


น้องจอยต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้จากแกด้วย โอ้พระเจ้า !’ บิ๊ก
ทาท่าคุกเข่า แหงนหน้า พร้อมยกแขนทั้งสองข้างสู่ฟากฟ้า ‘โธ่น้องจอย
จ๋า เหตุใดต้องมาเจอไอ้หนอนด้นจืดชืดนี่ด้วยหนอ’

แม้อีกตัวตนไม่ตอบคาถามตรงประเด็น แต่ท่าทางเหมือนอ้อนวอน
ต่อผู้เป็นพระเจ้าที่มันแสดงให้ดู ต้องเป็นการหลอกด่าและล้อเลียนแน่ๆ
ทาให้อเล็กซ์เกิดความโกรธขึ้นมา แต่เขาไม่เลือกด่ามันกลับ เพราะถึง
ยังไงตัวตนนี้มีอานาจเหนือกว่าเขาเล็กน้อย ถ้าไปพูดไม่ดีจนมันเกิดไม่
พอใจขึ้นมา มันอาจทุ่มสุดตัวเพื่อออกมาแทนที่ก็เป็นไปได้

‘แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ?’ ถึงแม้พยายามอดกลั้นอารมณ์
เอาไว้มากแล้ว แต่อเล็กซ์ยังคงไม่สามารถเก็บความโกรธได้ทั้งหมด
น้าเสียงของเขาจึงยังคงสื่ออารมณ์ในตอนนี้ได้อยู่
‘แกยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง ที่แกจะทาอยู่นี้ ไม่สามารถทาให้น้องจอย
ปลื้มได้ ฉันอุตส่าห์แสดงลีลาเด็ดให้แกดูเกือบทุกคืน แกไม่คิดจะจดจา
เอาไว้บ้างหรือไงวะ แกนี่เกิดมาให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของเพศชายจริงๆ’

อเล็กซ์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดคุยกับตัวตนนี้แต่
ละครั้ง เนื่องจากคาพูดและท่าทางของมันค่อนข้างกวนประสาท
อย่างเช่นในตอนนี้ คาพูดดูถูกของบิ๊ก ทาให้เขาโกรธจนแทบอยากเข้า
ไปต่อยปากของมัน แต่ความจริงก็คือความจริง เขาต้องอยู่ร่วมกับมันไป
ตลอดทั้งชีวิต ไม่สามารถสลัดมันออกไปไหนได้

‘เดี๋ยวฉันสอนเทคนิคเซียนขั้นเทพให้เอง’ บิ๊กเปลี่ยนมายืนกอดอก
เหมือนเป็นผู้เหนือกว่าทุกด้าน ‘แกคงไม่อยากทาให้น้องจอยรู้สึกผิดหวัง
เพราะกระบวนท่าใช่ไหม ดูใบหน้าของเธอสิ คาดหวังจากแกมากแค่
ไหน ถ้าแกทาให้เธอผิดหวังกับลีลาที่จืดชืดเหมือนต้มจืด รับรองคราว
หน้าเธอไม่เรียกใช้บริการแกแน่’

อเล็กซ์มองใบหน้าของภรรยา เพิ่งสังเกตแววตาของเธอ แสดง


ความคาดหวังออกมาอย่างชัดเจน เหมือนที่บิ๊กบอกจริงๆ

‘เห็นแล้วใช่ไหม ? ถ้าแกเห็นแล้วก็จงตัดสินใจทาตามที่ฉันบอก
รับรองเธอจะไม่มีวันลืมค่าคืนแรกของแก’

ทั้งคาพูดของบิ๊ก และด้วยความคาดหวังของภรรยา อเล็กซ์


ตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ยอมให้ครั้งแรกระหว่างของเขาและเธอ ลงเอย
เป็นเหมือนสายลมที่พัดผ่านไป แม้ฉุกคิดได้ว่านี่ต้องเป็นแผนของบิ๊กที่อ
ยากดูหนังสดไม่เซนเซอร์ แต่ถ้ามันไม่ออกมายึดร่าง เขายอมทาเป็นปิด
หูปิดตา ปล่อยให้ไอ้หมาหื่นนี่ดูไป

‘ตกลง ฉันจะทาตามที่แกบอก ขั้นแรกฉันต้องทายังไงบ้าง ?’


บิ๊กหัวเราะด้วยน้าเสียงเหมือนพวกตัวร้ายในหนังก่อนตอบคาถาม
‘ง่ายนิดเดียว แกก็แค่ดูดโรงงานผลิตนมสดของเธอก่อน’

อเล็กซ์จึงเลื่อนสายตาลงไปที่เป้าหมาย โน้มตัวลงไปพร้อมเผยอริม
ฝีปาก

‘หยุดก่อนไอ้โง่ !’

เสียงของบิ๊กทาอเล็กซ์ชะงัก

‘แกไม่ได้ฟังที่ฉันบอกหรือไงวะ ? ฉันบอกให้แกดูด ไม่ใช่อ้าปาก


อมเข้าไปทั้งหมด เธอไม่ใช่กับข้าวนะโว้ย ทาปากเป็นฝาชีครอบกับข้าว
ไปได้ แกต้องเริ่มจากทาปากจู๋ ดูดแบบสุญญากาศตรงหน้าอกส่วนบน
ของเธอก่อน อย่าลืมดูดให้มีเสียงดังจ๊วบๆ ด้วย เธอชื่นชอบมีเสียงเอฟ
เฟกต์ประกอบ’

อเล็กซ์ยังคงจาได้อย่างแม่นยา กับความสามารถพิเศษทางด้านนี้
ของบิ๊ก เขาเคยเห็นมันทาให้จอยร้องครางออกมาด้วยความสุขสม
หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีถึงความเชี่ยวชาญ
แม้ไม่รู้ว่ามันไปเรียนวิชาบนเตียง หรือจดจารับรู้มาจากไหน เขาก็ยินดี
ทาตามอย่างว่าง่าย

ทันทีที่เริ่มดูด จอยตัวเริ่มสั่นสะท้าน หายใจทางปากถี่รัว หลับตา


พริ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม

‘นั่นแหละ... ใช่เลยเพื่อน ดูดเอาให้ผิวเนื้อของเธอถึงกับติดปาก


ขึ้นมาเลย’ บิ๊กเสียงสั่นแหบพร่า
ทันทีที่อเล็กซ์ผละออก ผิวเนื้อเนียนนุ่มของจอยถูกดึงขึ้นมา
ฉับพลันตามริมฝีปาก ก่อนหลุดออกไป ทาหน้าอกของเธอถึงกับ
กระเพื่อม ดวงตาของชายหนุ่มเบิกโต กลืนน้าลายดังเฮือก ภาพที่เห็นมัน
ช่างดูเจริญตาเจริญใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอนที่ภูเขาของเธอไหวไป
ชนกับอีกลูกที่อยู่ข้างๆ

‘ดีมาก ต่อไปใช้ปากทาเหมือนเมื่อกี๊อีก แต่คราวนี้ทาวนไปตาม


รอบหัวลูกเกด ทา... ทั้งสองลูก... ทาวกกลับไปกลับมา...’

อเล็กซ์มั่นใจว่าได้ยินเสียงสูบน้าลายกลับเข้าปากของบิ๊ก ดังก้อง
อยู่ภายในหัว แต่เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาใช้ปากต่อไปกับจอย ไม่สนใจไอ้
ตัวโรคจิตที่อยู่ภายในร่าง

จอยกลอกตาขึ้นฟ้า ริมฝีปากสั่น หน้าอกสุดตูมของเธอเกิดแข็ง ไม่


ต่างจากก้อนไต ตอนนี้ผิวซึ่งเคยเนียนขาวอมชมพู แดงระเรื่อเพราะตรา
ประทับของความเสน่หาจากปากอเล็กซ์

‘พอๆ เดี๋ยวหน้าอกเธอด้านหมด ขั้นตอนต่อไป แกต้องดูดต่าลงไป


จนกว่าจะไปถึงสะดือของเธอ’

ทุกวินาทีที่ผ่านไป ริมฝีปากของเขาคงต้องส่งผลต่อเธอไม่น้อย ไม่


งั้นมือของเธอไม่แสดงอาการสั่นเกร็ง จนขยาผ้าห่มแน่นอย่างนั้น

อเล็กซ์จึงเพิ่มแรงดูดเข้าไปอีก ทาให้มีเสียงจ๊วบๆ ดังมากกว่าเดิม


เขาทาจนกระทั่งมาถึงจุดหมายปลายทาง

‘ขั้นตอนต่อไป แกต้องเป่าสะดือของเธอเล่นเบาๆ’
ทันทีที่ลมร้อนระอุถูกเป่าออกไปจากปาก ร่างของจอยสะดุ้งเบา
บาง แล้วยังมีอาการขนลุกตั้งชัน จนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

‘ดีมาก แกดูดต่าลงไปอีกนิด อย่างน้านเลยเพื่อน... อย่างน้าน... ดี


มาก...’

อเล็กซ์เหลือบตาขึ้น เห็นใบหน้าของจอยแสดงความเคลิบเคลิ้ม
ออกมาชัดเจน

‘เฮ้ย ! อย่ามองไปทางอื่น แกดูดอะไรอยู่เนี่ย ?’

กว่าอเล็กซ์จะรู้สึกตัว ใช้ปากมาถึงดงหญ้ารกแล้ว แถมต้นหญ้า


บางส่วนยังถูกดูดเข้าไป ชายหนุ่มจึงผละหน้าออกมา

แต่นั่นเป็นการกระทาที่ไม่สมควรทาอย่างยิ่ง เพราะต้นหญ้า
บางส่วนมันเข้าไปติดอยู่ในซอกฟัน การที่ออกมาฉับพลัน จึงไม่ต่างจาก
กระชาก ทาจอยสะดุ้ง ดวงตาเหลือกโปน ปากอ้ากว้าง แต่ไม่มีเสียงใด
ออกมานอกจากเสียงเฮือกสั้นๆ

‘ไอ้บ้า ! เห็นไหมแกเกือบทาน้องจอยของฉันร้องจ๊ากแล้ว ถกเข้า


ไปในปากได้ยังไงดงหญ้าตรงนั้น’

อเล็กซ์หันหน้าไปทางอื่นด้วยความอับอาย มือดึงเส้นขนที่ติดซอก
ฟันออก “ผะ... ผมขอโทษครับ พอดีผมเพลิน”

“ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันจะไปโกรธคุณได้ไง คุณทาต่อเถิดค่ะ” จอ


ยเสียงสั่นเบาบาง ยกมือปาดน้าตาที่ไหลเพราะความเจ็บออก ‘พ่อคุณ
เอ๋ย... ทาไมดูดได้น่าสะพรึงยิ่งนัก’
คราวนี้อเล็กซ์ไม่กล้าสบตา เนื่องจากรู้สึกอับอายมากจริงๆ “จะให้
ผมทาต่อจริงหรือครับ ? ผมเกรงว่า... เอ่อ...”

“ทาต่อได้เลยค่ะ ฉันอยากเห็นลีลาของคุณ”

“ก็... ก็ได้ครับ” อเล็กซ์หันกลับมาต่อ เขามั่นใจว่าใบหน้าของ


ตัวเองต้องแดงไปจนถึงติ่งหู ไม่เช่นนั้นจอยไม่ทาหน้าอมยิ้มเหมือน
พยายามกลั้นหัวเราะอย่างนั้น ทาให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูเป็นเด็กทารก
สาหรับเรื่องอย่างนี้จริงๆ

‘คราวหลังแกอย่าไปทาอย่างนั้นกับเธออีกนะเว้ย เดี๋ยวดงหญ้า
โปรดปรานของฉันหมดกันพอดี’

‘เออๆ ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่ทาอย่างนั้นอีก’ อเล็กซ์ตอบรับคาไปใน


หัว เขารู้ว่าบิ๊กโปรดปรานดงหญ้าตรงส่วนนี้มากแค่ไหน โดยเฉพาะตอน
ที่มันกระแทก มันชอบเห็นดงหญ้าสั่นไหว ‘คราวนี้ฉันต้องทายังไงต่อ จะ
ให้ฉันดูดอ้อมไปใช่ไหม ?’

‘ไม่ใช่ แกต้องจับขาของเธอแยกออกก่อน’

อเล็กซ์จึงเริ่มทาตามคาแนะนาต่ออีกครั้ง จนกระทั่งสิ่งที่ถูกปกปิดก็
เผยให้เห็นเต็มตา ทาอเล็กซ์ต้องกลืนน้าลายไปหลายอึก

‘ดีมาก...’ บิ๊กหายใจถี่รัว เสียงขาดๆ หายๆ ‘เห็นของดีจากเธอแล้ว


ใช่ไหม แกต้องใช้ลิ้นปาดดงหญ้าของเธอออก ปาดไปทางซ้าย... ปาด
ไปทางขวา... ทาสลับกัน แหวกให้มันเปิดทาง จนกว่าจะเห็นเด่นชัด
อย่างน้าน... ใช่เลย... ดีมาก... เสร็จแล้วใช้ลิ้นตวัดทักทายประตู
มหัศจรรย์ของเธอหน่อย’
เมื่อมาถึงขั้นตอนท้ายสุด อเล็กซ์เกิดลังเลว่าจะทาตามดีไหม

‘ทาสิวะ มัวรออะไรอยู่ ?’ บิ๊กถลึงตา ทาราวกับโมโหเพราะไม่ได้ดัง


ใจ

‘ฉันต้องเลียด้วยเหรอ’ หนุ่มลูกครึ่งเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วน
ขึ้นมา ถึงยังไงตรงจุดนี้ของจอยก็เป็นจุดเดียวกับที่ใช้ขับถ่ายน้าออก
จากร่างกาย ทาให้อดคิดเป็นฉากตอนเธอเข้าห้องน้าไม่ได้จริงๆ

‘เออสิวะ อย่ามาทาเป็นลูกผู้ดีไปหน่อยเลยแก ขนาดฉันยังทาให้


เธอได้ ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายตรงไหน รีบๆ ทาไปเร็วเข้า เดี๋ยวน้อง
จอยไม่ปลื้มนะเว้ย’

บิ๊กพูดเหมือนข่มขู่อย่างนั้น อเล็กซ์จึงตัดสินใจได้ทันที เพราะว่า


เขาไม่อยากทาให้ครั้งแรกเสียความประทับใจไปมากกว่านี้ เพียงแค่
เรื่องที่เขาไปดึงต้นหญ้าของเธอก็แย่มากพอแล้ว ขณะเดียวกันร่างของ
มนุษย์หมาป่าภายในความคิด ดวงตาของมันถลนจวนออกนอกเบ้า ปาก
อ้าลิ้นยาวออกมาตวัดอากาศระรัว ราวกับว่ามันได้ทาด้วยตัวเอง

‘ทาดีมาก... ตอนนี้พอแล้ว ขั้นตอนต่อไปแกต้องประกบปากดูด


ประตูมหัศจรรย์ของเธอ ฉันขอย้าว่า ดูด เท่านั้น แกห้ามเป่าลมเข้าไป
เด็ดขาด ไม่งั้นจะเป็นอันตรายต่อน้องจอยของฉัน’

น้าเสียงของบิ๊กช่วงท้ายจริงจังอย่างมาก อเล็กซ์มั่นใจว่าต้องเป็น
อันตรายต่อเธอจริงๆ ไม่งั้นมันไม่เน้นย้าอย่างนี้
เพียงแค่ใช้ปากดูดไม่ถึงสองวินาที รู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อของเธอที่
เต้นตุบๆ และแรงสั่นของต้นขา นี่แสดงว่าต้องทาให้เธอเกิดความเสียว
มากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า

‘ทาแค่นั้นพอ ถ้าทานานเกินเดี๋ยวเธอไม่รู้สึกถึงความแปลกใหม่
ต่อไปแกต้องแย้มกลีบดอกไม้ของเธอออก ทาช้าๆ และเบามือด้วย แก
เห็นหรือยังอัญมณีงดงามเม็ดนั้น ? เอาเลย ใช้ลิ้นตวัดโจมตีเธอ เอาให้
เธอตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าไปเลยเพื่อน’

เพียงแค่การตวัดลิ้นครั้งแรก ร่างของจอยสั่นสะท้านกว่าเดิมเป็น
ทวีคูณ เพราะจุดอ่อนไหวของเธอถูกกระตุ้น อเล็กซ์รู้สึกได้ทันทีว่ามัน
เริ่มแข็งตัว เหมือนกับว่ามีเลือดไหลไปเติมเต็มตรงส่วนนี้ ไม่ต่างจากของ
ลับของเพศชาย

‘อุ่นเครื่องพอแค่นั้น ที่เหลือก็เอาหนอนด้นของแกสอดเข้าไป
ตอนนี้เธอคงปล่อยน้าออกมามากพอให้หนอนด้นของแกจะแหวกว่ายได้
แล้ว’

“คุณจะเข้าแล้วใช่ไหมคะ ?” จอยกระดกศีรษะมา เธอคงสังเกตเขา


เปลี่ยนมาคร่อมแทน

“ใช่ครับ เตรียมตัวนะครับ”

จอยเผยรอยยิ้ม อ้าขากว้างมากกว่าเดิมอย่างเชื้อเชิญ “ฉันเตรียม


ตัวมานานแล้วค่ะ เอาเข้ามาได้เลย”

อเล็กซ์จึงไม่รอช้าในการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
ในช่วงความรู้สึกของเส้นประสาทจากปลายท่อนเนื้อถูกกระตุ้น
รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความหรรษา ขนตาม
ร่างกายของเขาลุกชู ขณะเดียวกันเหมือนได้ยินเสียงสูบน้าลายของบิ๊ก
แว่วมาจากที่ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากสนใจมันอีกต่อไปแล้ว ชาย
หนุ่มดันสัดส่วนแห่งบุรุษเพศให้รุกล้าเข้าไปภายในดินแดนมหัศจรรย์
มากขึ้น

ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไร เขาแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ เดี๋ยวนี้

‘เฮ้ย ! ไอ้หนอนด้น หยุดก่อน !’

หนุ่มลูกครึ่งหายใจถี่รัว มือสั่นระริก ‘มะ... มีอะไร ?’

‘มึงนี่อ่อนหัดจริงๆ กล้ามโตเป็นปูหรือเปล่า แค่นี้ก็จะแตกแล้ว’

‘มีอะไรก็ว่ามา’ ตอนนี้อเล็กซ์ไม่มีอารมณ์อยากพูดกับบิ๊กให้ยืดเยื้อ
จึงถามกลับไปด้วยน้าเสียงเบื่อหน่าย ให้มันพูดประเด็นจริงๆ ที่มาบอก
ให้หยุด

‘ตอนนี้แกรู้สึกยังไง ความรู้สึกใกล้ถึงจุดสุดยอดหายไปแล้วใช่
ไหม ?’

‘เออ’ หนุ่มลูกครึ่งตอบกลับไปห้วนๆ

‘แกเริ่มบุกเข้าไปต่อได้เลย แต่ถ้าเกิดความรู้สึกเหมือนเมื่อกี๊อีก แก
ต้องหยุดและคิดเรื่องอื่นภายในหัวก่อนครู่หนึ่ง อย่าเอาประสาทการรับรู้
ทั้งหมดมุ่งไปที่เรื่องบนเตียง หรือมุ่งเอาไปที่ตรงหนอนด้นของแกทั้งหมด
ไม่งั้นแกโอ่งแตกคาหน้าประตูเมืองของน้องจอยก่อนแน่ เข้าจั๊ย ?’
ถ้าบิ๊กไม่บอกเคล็ดลับตรงจุดนี้ อเล็กซ์คิดว่าตัวเองคงไปสู่สวรรค์
ก่อนคนรักนานแล้ว ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริง มีหวังตัวเขาต้องถูกมองเป็น
นกกระจอกไม่ทน
ั กินน้า แน่แท้

อเล็กซ์พยายามอดกลั้นความรู้สึก แต่ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไร ดู
เหมือนเป็นเรื่องยากมากขึ้น เหมือนกับการเล่นเกมไม่มีผิด เพราะยิ่งผ่าน
ด่านต่อไปก็ยิ่งยาก แต่เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด

ไม่นานความเป็นชายของเขาก็สามารถไปถึงจุดหมาย แต่กว่าจะ
ทาได้สาเร็จ ต้องหยุดพักหลายจุด ทาให้ช้ามากกว่าจะไปถึงที่หมายไว้

เมื่อก้มมองท่อนเนื้อที่ถูกกลืนกินหายไปเกือบทั้งหมด เลือดภายใน
ร่างก็สูบฉีดไหลเวียนไปเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ในเวลาเดียวกัน ได้ยินเสียง
สูดลมหายใจดังฟืดฟาดของบิ๊กอย่างชัดเจนอีกครั้ง ตอนนี้รู้สึกได้ทันที
ว่ามันจวนอดกลั้นไม่ไหว ไม่แน่มันอาจผิดคาสัญญา ออกมาเพื่อแย่งทุก
สิ่งทุกอย่างไป

ถ้าเป็นอย่างที่ระแวงจริง ครั้งนี้จะสู้สุดขาดใจ จะไม่มีวันยอม


เด็ดขาด วันนี้จอยต้องเป็นของเขาเท่านั้น เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน
ทั้งสิ้น แม้การกระทาของอีกตัวตนก็คือตัวของเขาเองก็ตาม

“คุณอเล็กซ์เป็นอะไรคะ ?”

อเล็กซ์เพิ่งรู้ตัว บางทีเขาคงแสดงความเคร่งเครียดออกมาทางสี
หน้ามากเกินไป ทาให้จอยสังเกตเห็นความผิดปกตินี้
“หรือว่าบิ๊กอดกลั้นไม่ไหว มันอยากจะออกมาคะ ?” จอยลูบท่อน
แขนของเขา ราวกับต้องการให้กาลังใจ “คุณจะปิดไฟก็ได้นะคะ บิ๊กจะ
ได้มองไม่เห็นผ่านทางดวงตาของคุณ”

อเล็กซ์ยิ้มแห้งๆ พลางปาดเหงื่อ “ก็ได้ครับ”

พูดจบ เขาก็เอี้ยวตัว เอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟบนหัวเตียง แม้บิ๊ก


สัญญาว่าจะไม่ออกมา ยังคงไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะเขาไม่ชอบมีดวงตา
อื่นที่ไม่ใช่จอย จับจ้องในขณะเขาร่วมรัก ในเวลาเดียวกันเสียงของบิ๊กก็
โวยวายดังลั่นภายในหัว

‘เฮ้ย ?! อะไรวะ ! แกอย่าปิดสิวะ ทาไมไม่ยืนยันบอกน้องจอยไปว่า


ฉันจะไม่ออกมา’

อเล็กซ์ฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่ว่ามันพูดอะไรออกมา หรือว่าอ้อน


วอนเหมือนหมาน้อยน่าสงสาร เขายังคงทาเป็นไม่ได้ยินเสียงของมัน

‘เออ ! ที่เหลือแกช่วยเหลือตัวเองก็แล้วกัน ฉันไม่บอกเคล็ดลับให้


แกแล้ว ไอ้หนอนด้น !’

อเล็กซ์ไม่สนใจว่ามันจะไปหรือว่าจะอยู่ ตอนนี้เขาต้องการทาตาม
สัญชาตญาณของตัวเอง มากกว่าไปทาตามใครอื่น เขาต้องการให้จอย
ได้รับความสุขจากตัวตนของเขาจริงๆ ไม่ใช่เป็นเงาของใครอีกตัวตน

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแขนที่ตวัดรอบคอและขาตวัดรอบเอวของเขา
แม้มองไม่เห็นความเป็นไปต่างๆ เขาก็รู้ว่าตอนนี้จอยอยู่ในท่วงท่าแบบ
ไหน
หนุ่มลูกครึ่งเริ่มจากเชื่องช้าก่อน เพราะต้องการให้เธอรับรู้ว่า
นอกจากความรู้สึกอ่อนโยนทางหัวใจที่มอบให้ ยังมีทางร่างกายของเขา
พร้อมให้เธออย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการทั้งหัวใจและ
ร่างกายของเธอมาเป็นของเขาทั้งหมด เขาจะไม่มีวันทาตัวเหมือนผู้ชาย
บางประเภทที่อยากครอบครองแค่เรือนร่างของผู้หญิงอย่างเดียว
__________

“คุณอเล็กซ์คะ เร็วกว่านี้ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเจ็บ ฉันมันอึด


อยู่แล้วค่ะ” จอยโอบกอดร่างกายาของหนุ่มลูกครึ่งแน่นกว่าเดิม

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ”

“เต็มที่เลยค่ะ หนักกว่านี้ฉันก็รับมือมาหมดแล้ว แค่นี้เรื่องจิ๊บๆ”

ในเวลานี้อเล็กซ์รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของเธอช่างไพเราะจริงๆ แต่
เธอส่งเสียงไพเราะไม่นาน มือของเธอจับท้ายทอยของเขาให้โน้มลงมา
เขารู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการอะไร เพราะตอนนี้ริมฝีปากทั้งของเขาและ
ของเธอมาประจบกันแล้ว เขาจึงทาตามความต้องการของเธอ แลกลิ้น
กันอย่างดูดดื่ม ตวัดพันกันจนยุ่งเหยิง

อเล็กซ์เกิดความแปลกใจกับความชานาญการของเธอ ไม่ว่าเป็น
ในการรับ... และการยั่วยวน... แต่ไม่นาน ฉุกคิดได้ว่าเหตุใดเธอทาด้วย
ความคล่องแคล่วมากขนาดนี้

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ได้เห็นการแสดงลีลาของบิ๊กมากมาย
จึงกลายเป็นเหมือนการสอนเธอไปในตัวพร้อมกัน นี่อาจเป็นความลับที่
อยู่เบื้องหลังก็เป็นไปได้
ถ้าไม่เห็นผ่านทางดวงตาของอีกตัวตน ต้องหลงคิดไปว่าเธออาจ
ไม่บริสุทธิ์ เพราะในความคิดของเขา ผู้หญิงปกติไม่น่าจะมีลีลาในการ
ยั่วยวนผู้ชายถึงขนาดนี้ ยกเว้นเป็นผู้หญิงรับบริการความสุขเท่านั้น ถึง
จะเข้าใจหัวอกของผู้ชายว่าต้องการอย่างไหน

แม้เธอเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกให้กับร่างอสูร แต่อเล็กซ์ไม่เอามา
เป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อการกระทานั้นก็คือร่างของเขาเอง นอกจากนี้ใน
ช่วงหนึ่งของการร่วมรัก เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกทางร่างกาย จึงเหมือน
เป็นตัวตนของเขาเองที่มีอะไรกับเธอด้วยเช่นเดียวกัน

ทุกนาทีที่ผ่านไป แม้ภายในห้องเปิดแอร์ให้เย็นสบาย แต่ไม่อาจ


ทาให้ทั้งสองรู้สึกได้ถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะกับ
ชายหนุ่ม ตอนนี้แผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อมากมาย

เสียงของเนื้อกระทบกัน เริ่มถี่มากขึ้น เช่นเดียวกับลมหายใจของ


ทั้งสอง ตอนนี้พวกเขากาลังจะใกล้ถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกัน

จอยมือสั่นเกร็ง จิกลงแผ่นหลังชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว จนมีเลือดไหล


แต่อเล็กซ์ไม่สนใจกับความเจ็บที่เกิดขึ้น เขายังคงกระแทกอย่างหนัก
หน่วงและเร็วมากขึ้น

ความสุขทางกายที่กาลังระเบิด ทาให้ประสาทสัมผัสในการรับรู้สิ่ง
ต่างๆ รอบตัวของทั้งสอง เริ่มเลือนรางหายไป ในเวลาเดียวกัน ภายใน
ห้องที่มืดมิด ปรากฏแสงสีแดงอ่อน ออกมาจากแหวนหมั้นที่นิ้วของจอย
ร่างกายของพวกเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง กล้ามเนื้อขยายใหญ่
มากขึ้น ปากยืดยาวออกมา เส้นขนงอกออกมาจากผิวหนังด้วยความเร็ว
สูง มีหางงอกออกมาส่ายชนกันด้วยความเสียวซ่าน

จังหวะของอเล็กซ์รวดเร็วมากขึ้น จนเกินปกติที่มนุษย์ธรรมดา
สามารถจะทาได้ แล้วไม่นานเขาก็ทะลักทลาย ระเบิดภายในตัวหญิง
สาว เช่นเดียวกับจอยที่รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสู่สวรรค์ ทั้งสองคารามออกมา
เป็นเสียงสัตว์ป่า ประสานเสียงกันจนดังก้อง

บัดนี้รูปร่างคล้ายเงาของมนุษย์ที่อยู่บนเตียง ถูกแทนที่ด้วยเงาร่าง
ของอสูรน่าสะพรึงกลัว กาลังสังวาสกันจนเตียงสั่นสะเทือนหวั่นไหว

หลังจากการเสพสุขทางกายจบลง เงาร่างกายาในสายตาของจอย
ทิ้งตัวไปนอนข้างๆ อย่างหมดเรี่ยวแรงจนเตียงสะเทือน ส่งเสียงหายใจ
หอบเหนื่อยเสียงดัง

สติในการรับรู้ของจอยกลับมา ทาให้เพิ่งรู้สึกตัว ร่างกายตัวเองมี


ความผิดปกติ โดยเฉพาะตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวเธอและตัวเขา เมื่อกี๊
ที่เขาทิ้งตัวลงไป ตรงส่วนนั้นถูกดึงไปตามร่าง เหมือนกับว่ามันเชื่อมต่อ
ติดเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์ จึงไม่อาจแยกออกจากกันได้ ตามปกติ
จะไม่รู้สึกเช่นนี้ นอกจากตอนร่างของเขาอยู่ในสภาพมนุษย์หมาป่า เอา
ก้อนเนื้อมโหฬารยัดเข้ามาภายในตัวของเธอ

จึงรีบลูบคลาตรงส่วนนั้นด้วยความข้องใจ เพราะตามปกติเธอต้อง
รู้สึกจุกแน่นกับขนาดของมันด้วย แต่คราวนี้ไม่รู้สึก
ยิ่งประสาทสัมผัสของมือชี้ไปทิศทางเดียวกัน บอกว่าทั้งตัวเธอและ
ชายหนุ่มมีความผิดปกติ จอยก็ยิ่งเกิดความสงสัยเป็นทวีคูณ จึงรีบเอื้อม
มือไปเปิดสวิตช์ไฟที่หัวเตียง เพื่อไขข้อสงสัยภายในหัวให้กระจ่างแจ้ง

ทันทีที่แสงไฟบนเพดานสว่างเจิดจ้า จอยเบิกตากว้าง เพราะเห็น


ร่างกายของชายหนุ่ม โดยเฉพาะเรื่องของตัวเธอเองที่น่าตกใจมากกว่า
เพราะว่าเธอไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ในตอนนี้เธอมีร่างกายเป็นมนุษย์หมา
ป่าขนสีขาว

“มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันนนนน~ !!!” จอยกรีดร้องอย่างสติแตก ใน


ขณะเดียวกัน อเล็กซ์ในร่างมนุษย์หมาป่าขนดารีบลุกมาด้วยแววตาเป็น
ห่วง แต่เธอไม่สนใจเขา เธอรีบลุกเพื่อจะไปดูตัวเองที่กระจก

แต่ขยับร่างกายลุกขึ้นได้เล็กน้อย เธอหน้าคะมาลงไปจนเตียง
สะเทือน

“คุณจะไปไหน ?”

ทันทีที่ถูกผู้ที่อยู่ข้างหลังดึงตัวกลับขึ้นมา จอยหันขวับไปทาง
ด้านหลัง “บะ... บิ๊ก ?! นี่แก”

ตอนนี้ตัวเธอนั่งอยู่ตรงระหว่างขาของมนุษย์หมาป่าขนดา แล้วยัง
ไม่ใช่การนั่งอย่างธรรมดา เธอยังรู้สึกถึงบางสิ่งที่เสียบคาอยู่ เธอจึงยก
ขาแล้วหมุนตัวกลับหลังมาเผชิญหน้าอีกฝ่าย แต่เธอไม่มองเขา เธอก้ม
มองตรงจุดเชื่อมต่อ จึงเข้าใจทันทีว่าเมื่อกี๊ทาไมตัวเธอเหมือนถูกกระตุก

ร่างกายาส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ ผมอเล็กซ์ ผมยังควบคุมสติตัวเอง


ได้อยู่ ดูเหมือนว่าตอนนี้เรา...” ดวงตาของชายหนุ่มในร่างสัตว์ร้าย มอง
ลงมาตรงจุดที่ยังคาติดระหว่างกัน
“ฉันกลายเป็น... เป็น... มนุษย์หมาป่า !” จอยยังคงไม่หายแตกตื่น
มองสารวจร่างกายตัวเองซึ่งปกคลุมไปด้วยขนมากมาย ‘นี่ฉันกลายเป็น
หมาติดเป้งแล้วเหรอเนี่ย !’ เธอบิดตัวซ้ายขวา มองเรือนร่างของตัวเอง
ด้วยความกังวลไม่หยุด

โดยที่เธอไม่รู้ตัว การกระทาของเธอทาชายหนุ่มในร่างมนุษย์หมา
ป่าขนรอบคอลุกซู่ เนื่องจากความเป็นหญิงของเธอหมุนท่อนเนื้อของ
เขาไปมา จนดูไม่ต่างจากบิดคันเร่งของมอเตอร์ไซค์

อเล็กซ์พยายามไม่สนใจความรู้สึกตรงส่วนที่กาลังถูกกระตุ้น เขา
จับใบหน้าภรรยาให้หันมาอย่างเชื่องช้า “คุณไม่ต้องตกใจไปครับ ไม่มี
อะไรผิดปกติ ผมแค่เปลี่ยนคุณให้กลายเป็นเหมือนกับผมเท่านั้น ผมรัก
คุณนะครับ” เขาโน้มไปจูบที่หน้าผากขนสีขาวอย่างอ่อนโยน

เมื่อถอยหน้าออกมา สบตากับคู่ชีวิต รับรู้ได้ทันทีว่าเธออยากจะ


ถามเรื่องใด เขาจึงอธิบายให้เธอหายกังวล

“คุณจอยสามารถกลับเป็นมนุษย์ดังเดิมได้ เพียงแค่จินตนาการว่า
ตัวเองดึงเอาอะไรสักอย่างกลับเข้าร่าง หรือไม่ก็คิดถึงรูปร่างของตัวเอง
ตอนที่เป็นมนุษย์แทนก็ได้ครับ”

หลังจากนั้นจอยรีบทาตามคาแนะนา ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยน


ร่างของเธอก็ส่งผลกระทบต่อชายหนุ่ม อเล็กซ์ปากสั่น เพราะอวัยวะท่อน
นั้นที่ยังเชื่อมต่ออยู่ รู้สึกยุบยิบเหมือนมีหนอนกระดืบอยู่รายล้อม เขา
รู้สึกเคลิบเคลิ้มกับความเสียวไม่น้อย แต่ความรู้สึกอย่างนั้นมีอยู่แค่สี่ลม
หายใจก็พลันหายไป เนื่องจากจอยสามารถกลับคืนเป็นมนุษย์ธรรมดา
ได้สาเร็จ ทาให้ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัว จึงรีบกลายร่างเป็นมนุษย์ธรรมดา
ตามเธอ ทาให้ตรงส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเธอและเขาหลุดออกมา

“ฉะ... ฉันจะถูกควบคุม เหมือนบิ๊กที่เข้ายึดร่างคุณหรือเปล่าคะ ?”


จอยยิงคาถามทันทีที่เขากลายเป็นมนุษย์สมบูรณ์

“ไม่หรอกครับ เพราะโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ที่เกิดมาเป็น
มนุษย์หมาป่าเท่านั้น แต่สาหรับคุณไม่ใช่” อเล็กซ์บีบจมูกคนรักด้วย
ความขี้เล่น “คุณสบายใจได้ครับ จะไม่มีใครเข้ามาเอาตัวตนของคุณไป
ไหนทั้งสิ้น”

จอยพยักพเยิดช้าๆ เล็กน้อย ก่อนใบหน้าของเธอเปลี่ยนฉับพลัน


หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างเอะใจ “เดี๋ยวก่อนนะคะ เมื่อกี้นี้ตอนที่ฉัน
กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ตัวฉันสามารถพูดได้ ตัวคุณก็เช่นกัน ทา
ไมบิ๊กถึงไม่...”

เธอพูดเพียงแค่นั้น ใบหน้าของเธอเริ่มดูถมึงทึง ดวงตาจ้องใบหน้า


ของเขาราวกับต้องการจับพิรุธ ทาเขารู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

“ผมคิดว่า... มันคงโกหกคุณ” อเล็กซ์เบนสายตาไปทางอื่นเล็กน้อย


เพราะไม่กล้าสบตาตรงๆ “ผมคิดว่าที่มันโกหกคุณ อาจจะมีเหตุผล”

“เหตุผลหรือคะ ?” จอยเผยรอยยิ้ม แต่น้าเสียงของเธอฟังดูเย็น


เยือกราวกับน้าแข็ง

อเล็กซ์ตะโกนเรียกหาอีกตัวตนในร่าง เพื่อให้มันออกมาอธิบาย
เหตุผลแทน แต่กลับเงียบสงัด ไร้การตอบกลับใดๆ ของมัน นี่แสดงว่ามัน
โกรธจริงๆ
ยิ่งถูกจอยจ้องราวกับบีบคั้นเอาคาตอบ ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกกดดัน
เขากลอกตาไปมา ตอนนี้อยากให้บิ๊กออกมาจริงๆ เขาจะไม่ต้องมาเจอ
ช่วงเวลาอย่างในตอนนี้ เขารู้ว่าตัวตนที่ชื่อว่า บิ๊ก นอกจากเชี่ยวชาญ
เรื่องบนเตียง มันยังเชี่ยวชาญในการง้อและเจรจากับผู้หญิง แตกต่าง
จากตัวเขา ไม่มีความถนัดทางด้านนี้แม้แต่น้อย

อเล็กซ์กระอึกกระอักครู่หนึ่งก่อนหัวเราะเหมือนแก้เขิน “เมื่อสักครู่
นี้ที่ผมกลายร่าง คุณก็ได้ยินไม่ใช่หรือครับ น้าเสียงยังคงเป็นของตัวผม
คนเดิม ผมคิดว่าเรื่องที่มันหลอกว่าพูดไม่ได้ มันคงกลัวว่าความลับแตก
เพราะคุณจาน้าเสียงได้”

จากที่พยายามคิดหาข้ออ้างภายในหัว เขาคิดว่าเหตุผลนี้มันพอ
เป็นไปได้มากสุด จึงเอาออกมาบอก

“แหม... แบบนี้ถ้าคราวหลังบิ๊กออกมาอีก ฉันคงต้องอบรมเสีย


หน่อยว่าการโกหกคนอื่นมันเป็นเรื่องไม่ดี”

อเล็กซ์จินตนาการออกได้ทันที เธอต้องวางแผนเอาคืนสาหรับ
เรื่องนี้ไว้แล้ว

“ถ้าฉันจะกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ฉันต้องทายังไงคะ ?” จอยพูด


เปลี่ยนเรื่อง ดวงตามองดูมือของตัวเองอย่างพิศวง

อเล็กซ์ทาเสียงอ้าอึ้งอย่างงงๆ ครู่หนึ่ง “เอ่อ... ไม่ยากครับ” ใบหน้า


ของเขาพลันเปลี่ยนมายิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนกับว่าดีใจที่เธอเปลี่ยนไป
คุยเรื่องอื่นแทน “คุณแค่จินตนาการว่าตัวเองสวมใส่เสื้อผ้าคับแน่นแล้ว
ถอดออก หรือไม่ก็จินตนาการว่าตัวเองรู้สึกโล่งสบาย ถ้ายากเกินไป
ลองนึกว่าเป็นภาพของตัวเองกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าก็ได้ครับ
หรือไม่ก็นึกภาพของร่างมนุษย์หมาป่าของผม เอามาเป็นตัวอย่าง แต่
เปลี่ยนจากขนสีดา มาเป็นขนสีขาวแทน”

จอยหลับตาแล้วจินตนาการตามคาแนะนา ไม่นานก็รู้สึกผิวหนัง
คันยุบยิบ เหมือนมีมดไต่ไปทั่วร่างกาย รู้สึกได้ถึงเลือดไหลเวียนอย่าง
รวดเร็วราวกับพบเจอเรื่องตกใจสุดขีด เธอลืมตากลับขึ้นมา มองดูการ
เปลี่ยนแปลงทางร่างกายของตัวเองด้วยความอัศจรรย์ใจ ตั้งแต่ต้น
จนกระทั่งร่างกายกลายร่างเป็นสัตว์ในตานานสมบูรณ์

จอยมองกลับไปที่เรือนร่างของชายหนุ่ม ตั้งแต่ตรงหน้าอกกายา
ต่าลงมาจนกระทั่งมาถึงตรงท่อนแห่งความเป็นชาย

เธอช้อนตากลับมามองใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง เอียงคอน้อยๆ
ยกมือขึ้นมาอย่างกรีดกราย นิ้วแตะริมฝีปากบางเบา แย้มยิ้มจนเห็น
เขี้ยว ลูบไปตามความแหลมคมแต่ละซี่ ถามด้วยน้าเสียงออดอ้อน “คุณ
พอจะต่อกันฉันอีกสักยกได้ไหมคะ ?”

“ได้อยู่แล้วครับ แต่ขอเวลาผมสักครู่หนึ่งก่อนนะครับ”

อเล็กซ์พูดจบก็เอี้ยวตัว เอื้อมมือไปหยิบกางเกง เอาผ้าวิเศษออกมา


มีหมอกสีดาลอยขึ้นมาจากผ้าผืนนั้น เขาควานเข้าไป เมื่อเอามือกลับ
ออกมา มีขวดคล้ายยาติดมือออกมาด้วย

หลังจากเขาเปิดขวดดื่มจนหมด ผ่านไปไม่ถึงสามวินาที ลูกตุ้มของ


เขาสั่นระรัว ราวกับเป็นโรงงานเร่งกาลังในการผลิต ส่วนท่อนแห่งความ
เป็นชายของเขากระเด้งขึ้นมา ราวกับมันบอกให้รับรู้ว่ามันพร้อมจะรบ
อีกครั้ง
“ผมขอตัวไปล้างก่อนครู่หนึ่ง ผมอยากให้มันดูสดใหม่สาหรับคุณ
ครับ”

คาพูดทะลึ่งของอเล็กซ์ ทาจอยหลุดหัวเราะออกมาเบาบาง

“คุณลักจามาจากบิ๊กหรือเปล่าเนี่ย ?” เธอตีหน้าอกชายหนุ่มเล่นๆ
แต่ดูเหมือนว่าแรงที่ปล่อยออกไปค่อนข้างมากเกิน ทาให้เขาถึงกับหงาย
หลัง

“ผมไม่ได้ลักจามาแน่นอนครับ” อเล็กซ์พยุงร่างขึ้นมา “เดี๋ยวผม


กลับมานะครับ”

“เดี๋ยวก่อนค่ะ” จอยนึกได้ว่าตัวเองมีของวิเศษอยู่ “คุณไม่ต้องไป


หรอกค่ะ เดี๋ยวฉันทาความสะอาดให้ รับรองสะอาดทุกซอกทุกมุม
แน่นอนค่ะ”

กล่าวจบ เธอใช้พลังอานาจวิเศษจากลูกแก้วที่คอ กาจัดคราบของ


การร่วมรัก ทั้งบนเตียง ตรงประตูทางเข้าอุโมงค์มหัศจรรย์ของตัวเธอ
เอง และท่อนเนื้อของชายหนุ่ม

“คุณฉลาดมากเลยครับ ถ้าเป็นผมคงลืมไปแล้วว่ามันทาอย่างนี้ได้
ด้วย” อเล็กซ์กลั้วหัวเราะ มือพับผ้าวิเศษเพื่อจะเก็บกลับเข้ากระเป๋า

“เดี๋ยวอย่าเพิ่งเก็บค่ะ ฉันอยากกินช็อกโกแลตค่ะ แต่ฉันขอหยิบเอง


ได้ไหมคะ ?”

“ได้ครับ เชิญตามสบาย”
ผ้าถูกแบแล้วมีหมอกลอยขึ้นมาอีกครั้ง จอยก็ยื่นมือเข้าไป หยิบ
ขวดช็อกโกแลตแบบเหลวออกมา

“คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันอยากกินอาหารพิสดาร” จอยเลื่อน


สายตาลงมาที่ท่อนเนื้อตรงระหว่างขาของคู่ชีวิต “ฉันอยากกินไส้กรอ
กราดช็อกโกแลต”

ใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด
แสดงว่าเขาเข้าใจความหมายว่าเธอต้องการสื่อถึงอะไร “ตามสบายเลย
ครับ ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

สิ้นคาพูด จอยดึงข้อเท้าชายหนุ่มฉับพลัน ทาให้เขาหงายหลัง


เพราะไม่ทันตั้งตัว

“ขอโทษค่ะ” จอยชะงักอย่างตกใจ พละกาลังของร่างมนุษย์หมาป่า


ที่มีมากเกินไป ทาให้เธอกะแรงไม่ถูกว่าควรใช้มากน้อยเท่าไร

อเล็กซ์กระดกศีรษะมา “ไม่เป็นอะไรครับ คุณทาต่อได้เลย”


น้าเสียงของเขาฟังเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เจอทุกวัน

แต่จอยไม่ตอบรับด้วยคาพูด เธอเริ่มแยกขาของเขาออก อาวุธ


ประจากายจึงโด่ให้เห็นสะดุดตา ทาเธอเกิดน้าลายสอทันใด จึงรีบยกขา
ของคู่ชีวิตมาพาดบ่าตัวเอง “ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าลิ้นของมนุษย์หมาป่าจะ
สากเหมือนกระดาษทรายแค่ไหน คุณช่วยบอกฉันได้ไหมคะ ?” เธอเปิด
ฝาขวดช็อกโกแลตออก เทน้าหวานสีดาลงไป ไล่ไปตามความยาวของ
ท่อนเนื้อเบื้องหน้า

“ผะ... ผมไม่รู้ครับ” อเล็กซ์เสียงสั่นอย่างตื่นเต้น


จอยโยนขวดช็อกโกแลตทิ้งลงไปจากเตียง “งั้นก็ช่วยบอกทีนะคะ
ว่าคุณรู้สึกยังไงอยู่...”

พูดจบ เธอจับตรงโคนท่อนเนื้อเพื่อให้อยู่นิ่งกับที่ จากนั้นเริ่มใช้


ปลายลิ้นปาดไล่ ตั้งแต่ส่วนหัวต่าลงไปจนสุดโคน

“เป็นไงคะ คุณชอบบ้างไหม หรือว่าจะชอบแบบนี้”

จอยเปลี่ยนมาเป็นเลียปลายยอด ตวัดลิ้นด้วยความเร็วสูง จนท่อน


เนื้อนั้นสั่นระรัว ทาน้าช็อกโกแลตบางส่วนกระเด็น

“หรือว่าคุณชอบแบบนี้มากกว่ากันคะ ?”

ถามจบก็เปลี่ยนมาอ้าปากแล้วอมเข้าไปจนถึงโคน แต่เนื่องด้วย
ปากของเธอมันยาวและยังมีเขี้ยว จึงไม่สามารถทาให้ริมฝีปากมาประกบ
กันได้สนิท

เนื่องด้วยยังคงอยู่ในร่างของมนุษย์หมาป่า จึงมีลิ้นค่อนข้างยาว
เป็นพิเศษ ไม่แตกต่างจากสัตว์ตระกูลพวกหมาส่วนใหญ่ เธอจึงใช้ลิ้นนี้
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการเลียไปรอบๆ ของท่อนเนื้อที่อยู่ในปาก
ยังมีการใช้เขี้ยวครูดสลับขบเบาๆ หยอกให้ชายหนุ่มสะดุ้งเล่น

ดูจากใบหน้าของเขา จอยคิดว่าคาถามทั้งหมดที่พูดออกไป เขาคง


ไม่สามารถทาความเข้าใจได้ในตอนนี้ เนื่องจากความเสียวซ่านกระจาย
ไปทั่วร่าง กลบประสาทการรับรู้อื่นหายไปทั้งหมด เธอจึงเลิกใช้ปาก
ปล่อยให้เวลาดึงเขากลับมาสู่ปัจจุบัน จนเวลาผ่านไปเกือบสามวินาที
ใบหน้าของชายหนุ่มก็ดูเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

“มะ... เมื่อกี๊คุณถามอะไรผมนะครับ ?”
ตอนแรกจอยจะถามคาถามเดิม แต่คิดอีกครั้ง เปลี่ยนมาถามรวมๆ
แทนน่าจะง่ายกว่า

“คุณชอบฉันในร่างนี้ไหมคะ ? ฉันจะได้ทาอย่างนี้ให้คุณบ่อยๆ”
เธอวางขาที่พาดอยู่บนบ่าลง

อเล็กซ์ยิ้มแหยๆ ทาเสียงเหมือนลังเล “เอ่อ... ชอบครับ... ผมชอบ


ทุกอย่างที่เป็นตัวคุณ ต่อให้คุณจะเป็นอะไรผมก็รักคุณครับ”

จอยทาเสียงในลาคอเหมือนหัวเราะคิกคักด้วยความถูกใจและเขิน
นิ้วมือขยับเพื่อเรียกใช้พลังอานาจวิเศษของลูกแก้ว สั่งให้กาจัดคราบ
ต่างๆ ที่เกาะติดท่อนของความเป็นชายออก “คุณคงไม่ว่ากันนะคะ” เธอ
หันหลังในท่าคลานสี่ขา ชูหางให้เห็นช่องทางพิศวาสที่เปลี่ยนไป หัน
ใบหน้ากลับแล้วขยิบตา “คุณทาให้ฉันในร่างนี้ได้ไหมคะ ? ฉันอยาก
เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างว่าจะเป็นยังไง” พูดจบ เธอส่ายสะโพก แล้วตก
ท้ายด้วยการตีบั้นท้ายตัวเองดังป้าบๆ อย่างเชิญชวน

อเล็กซ์ใบหน้าพลันซีดไปจนเห็นได้ชัด “ดะ... ได้ครับ”

ดูเหมือนว่าการที่เธออยู่ในร่างนี้จะทาเขากระอักกระอ่วนไม่น้อย
ถึงอย่างนั้นเขายังคงเลือกทาตามความปรารถนาที่เธอต้องการ

อันที่จริงนี่เป็นแผนเอาคืน ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่อ


เล็กซ์มาสารภาพรักและอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง เขายังอธิบายเพิ่มเติม
เกี่ยวกับโรคประหลาดที่เป็น ความจริงตัวตนที่แฝงอยู่ในร่าง มันสามารถ
ออกมาในรูปลักษณ์ของมนุษย์ธรรมดาได้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่ว่าจากัด
ในรูปลักษณ์ของมนุษย์หมาป่าอย่างเดียว ทาให้จอยนึกได้ว่าเหตุใด
บางครั้งในแววตาของเขาเหมือนมีแต่เรื่องลามก จนดูเหมือนมีบิ๊กมา
ประทับร่างอย่างไรอย่างนั้น

“เร็วๆ สิคะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว” จอยส่ายสะโพกอย่างเร่งเร้าไม่หยุด


พอนึกถึงภาพใบหน้าของอีกตัวตน ที่ทาเหมือนเคลิบเคลิ้มกับการร่วมรัก
วิปริต จอยก็ยิ่งอยากใช้ร่างนี้เอาคืน เพราะเธอรู้ว่าอีกตัวตนต้องมองอยู่
แน่นอน ในเมื่อทั้งสามตัวตนนี้เป็นร่างเดียวกัน ให้บิ๊กได้รู้สึกบ้างว่าเป็น
ยังไง คราวหลังตัวตนนี้จะไม่เอาร่างมนุษย์หมาป่ามาใช้งานอีก

อเล็กซ์มาคุกเข่าทางด้านหลังด้วยท่าทางฝืนๆ มือข้างหนึ่งจับเอว
ของเธอ ส่วนมืออีกข้างจับน้องชายของเขา “ผมจะ... จะเข้าแล้วนะครับ”

ขณะเขาเกริ่นให้รับทราบ จอยรู้สึกได้ถึงบางสิ่งมาจ่อตรงประตู
ทางเข้าช่องทางลับ

“เอาเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”

อเล็กซ์หลับตา สูบลมหายใจ เหมือนเขาทาเพื่อรวบรวมความกล้า


ที่แตกกระเจิงหายไปให้กลับคืนมาก่อน จอยเห็นภาพนั้นแทบอยาก
หัวเราะออกมา เขาคงต้องรู้สึกเสียใจที่เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นมนุษย์
หมาป่า แต่เขามาคิดได้ตอนนี้ก็สายเกินไป

ชายหนุ่มลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเผยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของ


เขาดูเหมือนออกไปทางให้กาลังใจตัวเองมากกว่า มือของเขาที่จับตัว
เธออยู่ยังสั่นเบาบางจนรู้สึกได้

ทุกขณะที่ความเป็นชายของเขาสอดใส่เข้ามา จอยรู้สึกได้ถึงความ
แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ความรู้สึกนี้มันไม่ทาให้เร้าใจได้
ดีเท่าที่ควร เนื่องจากเขาเชื่องช้ามากกับการเอาท่อนแกร่งเข้ามา
นอกจากนี้เธอยังรู้สึกว่ามันเล็กเกิน เหมือนกับว่าเขาใช้นิ้วเข้ามาแทน
หรือว่าอาจเป็นเพราะตัวเธอในร่างมนุษย์หมาป่ามีอุโมงค์มหัศจรรย์ใหญ่
เกินไป ทาให้รู้สึกว่าของเขาเล็ก

“คุณช้าจังเลย” จอยพ่นลมหายใจอย่างเสียอารมณ์ ก่อนโยกตัวไป


ข้างหลัง กลืนกินท่อนเนื้อของชายหนุ่มเข้าไปเกือบมิดด้ามฉับพลัน ทา
ให้รับรู้ความรู้สึกทั้งเจ็บและเสียวในเวลาเดียวกัน จนเผลอตัวร้องเสียง
แหลมออกมาดังลั่น เหมือนหมาตัวเมียถูกตัวผู้ทะลวงเข้าช่องพิศวาส

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ?” ใบหน้าของอเล็กซ์แสดงความ
ตกใจออกมาอย่างชัดเจน นอกจากเขาตกใจเรื่องที่เธอโยกตัวถอยมา
โดยไม่บอกล่วงหน้า ดูเหมือนยังตกใจเรื่องที่เธอร้องเหมือนได้รับ
บาดเจ็บด้วย

จอยรู้สึกได้ถึงสิ่งที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองกาลังออกไปจากร่าง
จึงหันขวับไปบอก “ไม่ๆ คุณอย่าเพิ่งเอาออกไปนะ” เธอรีบถอยหลังเข้า
ไปกลืนกินอีกครั้ง จนบั้นท้ายชนกับต้นขาหน้าของเขา แม้ท่อนเนื้อของ
เขาจะเล็กสาหรับร่างนี้ แต่ก็ทาให้เธอเกิดความสยิวได้อีกครั้ง ทาเอาร้อง
เสียงหลงแหลมออกมา ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว เหตุใดหมาสองตัวที่เห็นมัน
ผสมพันธุ์กัน ตัวเมียต้องร้องเสียงแหลมออกมาอย่างนั้น

ผ่านไปประมาณยี่สิบวินาที อเล็กซ์ยังคงอยู่ในท่าคุกเข่า ไม่รู้ว่าจะ


ทายังไงต่อไป ที่แน่ๆ การที่ปล่อยให้อยู่อย่างนี้ ทาเขารู้สึกเหมือนกาลัง
ถูกบีบลาคอ เพราะอวัยวะที่ไวต่อประสาทสัมผัส ถูกบีบนวดไม่หยุด จะ
กระแทกเธอก็ไม่กล้าทา เนื่องจากเธอยังไม่บอกว่าจะเอายังไงต่อไป เธอ
นิ่งอยู่ในท่าคลานสี่ขา เหมือนกับว่าเธอปล่อยให้เวลาเป็นผู้ช่วย ในการ
ปรับตัวรองรับท่อนเนื้อต่างเผ่าพันธุ์
ไม่นานจอยก็เริ่มเคลื่อนไหว เอี้ยวตัวมา คงเพื่อจะดูตรงจุดเชื่อมต่อ
แต่ร่างของเธอไม่ได้ตัวอ่อน จึงไม่สามารถมองเห็นได้ “ในร่างนี้ให้
ความรู้สึกไม่เหมือนในร่างมนุษย์เลยค่ะ แต่ก็เสียวแปลกๆ ดีนะคะ” เธอ
เหมือนราพึงราพันกับตัวเองมากกว่า โยกตัวไปข้างหน้าสลับโยกถอย
กลับมาช้าๆ ทาอเล็กซ์ขนลุกซู่ “ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกเจ็บเหมือนช่วงแรกแล้ว
คุณช่วยฉันทีนะคะ”

ถึงแม้เธอไม่บอก อเล็กซ์ก็แทบอยากจะฟัดเธอเดี๋ยวนี้ เพราะการ


กระทาของเธอทาให้เขาจวนจะคลั่ง เขาไม่สนใจว่าเธอจะอยู่ในร่างไหน
อีกต่อไปแล้ว เขาต้องการปลดปล่อยเข้าไปในตัวเธอให้ล้นเอ่อออกมา

“ผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” มือของชายหนุ่มเคลื่อนไหวไปเร็วกว่า
คาพูด เหมือนกับว่าบอกเปิดพิธีไปเท่านั้น

“เอาให้เต็มที่ค่ะ”

อเล็กซ์รู้สึกได้ทันทีว่าแขนขาของเธออ่อนตามจังหวะ แสดงว่าเธอ
ต้องอยากให้เขาปล่อยตัวสุดกาลัง ชายหนุ่มจึงบุกเข้าไปอย่างไม่ยั้ง ทา
ตัวเธอโยกหน้าโยกหลัง

หนุ่มลูกครึ่งเลิกจับสะโพกสาวหมาป่า เปลี่ยนมาโน้มตัวลงไปแนบ
แผ่นหลัง มือยื่นออกไปจับที่หัวไหล่ละข้างของเธอ กลิ่นสาบของคู่ชีวิต
ช่วยทาให้เกิดความคึกคักได้อย่างน่าแปลก บางขณะใช้มือข้างหนึ่งลูบ
ไล้ขนนุ่มนิ่มของเธอด้วยความลุ่มหลง ขณะเดียวกันจอยส่งเสียงแหลม
อย่างออดอ้อน แสดงว่าต้องทาให้เธอเกิดความเสียวซ่านจนเผลอตัวร้อง
ออกมา
“คุณช่วยลูบหลังให้ฉันหน่อยค่ะ” จอยเสียงสั่นแหบพร่า ตัวสั่น
สะท้าน ขนรอบคอลุกตั้ง “แบบนั้นแหละค่ะ... สูงหน่อยค่ะ... ขอตรงคอ
ด้วย... ลูบตรงเนินอกด้วยค่ะ...”

นอกจากตรงที่เธอขอร้องมา อเล็กซ์ยังลูบตรงส่วนอื่นด้วย
บางขณะใช้มือทั้งสองข้างช่วยกัน ทาให้ขนของเธอร่วงออกมามากมาย

ขณะมุ่งมั่นในการเคลื่อนเข้าออก จอยกลับคืนร่างมนุษย์ธรรมดา
ฉับพลัน พร้อมส่งเสียงโอ๊ยสั่นระรัว ฟังดูเซ็กซี่อย่างมาก แต่ครั้งนี้อเล็กซ์
ไม่ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าเธอต้องการรับรู้ความรู้สึกระหว่าง
ร่างกายเปลี่ยนแปลง แต่อาจเป็นเพราะด้วยความเสียว ทาให้เธอกลับคืน
ร่างมนุษย์ได้เร็วกว่าปกติ

จอยหันไปเห็นโซฟาเดี่ยวตรงทีวี ทาให้เกิดความคิดกระบวนท่า
ใหม่ขึ้นมา “คุณหยุดก่อนค่ะ คุณไปนั่งตรงโซฟาที่หน้าทีวีนั้นได้ไหมคะ
ฉันอยาก... เอ่อ... คือว่า...” เรื่องที่เธอต้องการ ทาให้รู้สึกเขินอายจนพูด
ไม่ออก จนเมื่อหันไปเห็นเหงื่อที่ไหลตามหน้าอกกายาของชายหนุ่ม
ตัณหาก็เข้าครอบงา “ฉันอยากเล่นท่าขี่ม้ากับคุณค่ะ ได้ไหมคะ ?”

อเล็กซ์ฉีกยิ้มด้วยความเต็มอกเต็มใจ “ได้อยู่แล้วครับ ผมยินดีเสมอ


คุณต้องการอะไร ผมจะทาตามหมด”

หลังจากเขาถอดสัดส่วนของความเป็นชายออกไป จอยเห็นของ
เขามีน้าเคลือบอยู่เป็นมันเงา ภาพนั้นทาเธอเกิดความต้องการจนเกือบ
ขาดสติ อยากวิ่งเข้าไปจับเขานอนหงายแล้วขย่ม
ทันทีที่ชายหนุ่มลงไปจากเตียง บั้นท้ายของเขานอกจากดูเนื้อแน่น
ยังคงดูเซ็กซี่ ไม่แพ้สิ่งที่อยู่อีกด้านแม้แต่น้อย จนเธอแทบอยากเข้าไปตี
เพื่อพิสูจน์ความแน่นของกล้ามเนื้อ

ช้อนตาไล่ขึ้นมา จอยเพิ่งสังเกตเห็นรอยขีดข่วน “อเล็กซ์คะ หลัง


ของคุณ” เธอเบิกตากว้าง ยกมือป้องปากอย่างตกใจ รู้ได้ทันทีว่าต้อง
เป็นเพราะเล็บของเธอเองแน่นอน เพราะลักษณะของรอยแผลยังดูสด
ใหม่ เหมือนเพิ่งถูกกระทามาไม่นานนี้ แต่เธอไปทาร้ายเขาตอนไหนล่ะ
? นี่ทาเธอนึกไม่ออกจริงๆ

หนุ่มลูกครึ่งหันมายิ้มอย่างปลอบโยน “คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก
ครับ แผลแค่นี้มันเล็กๆ เดี๋ยวผมทายาก็หายแล้ว”

ถึงแม้เขาพูดให้สบายใจ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เธอก็ไม่ควรทา


เหมือนเป็นเรื่องหนึ่งที่ผ่านไป ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นจากฝีมือของเธอเองที่
ทาเขาบาดเจ็บ

“ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ ฉันคงเผลอตัว” จอยพูดด้วยน้าเสียง


เสียใจ

“ช่างเถิดครับ” อเล็กซ์พูดจบก็เดินไปที่โซฟา จับมันหันมาทางเตียง


นอนแล้วนั่งลง

ภาพของสิ่งที่ตั้งโด่เด่นสง่า อยู่ตรงระหว่างขาของเขา ทาจอย


ใจเต้นรัว จึงรีบลุกเดินไปขึ้นคร่อม ซึ่งเป็นท่าที่เคยใช้กับบิ๊กมาแล้ว แต่
คราวนี้เธอไม่กลั่นแกล้งเหมือนที่ทากับบิ๊ก เธอทิ้งตัวลงไปอย่างเชื่องช้า
กลืนท่อนเนื้อของเขาหายเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง

“คุณรู้ไหมว่าฉันอยากขย่มของคุณมากแค่ไหน ?”
แต่จอยไม่รอเอาคาตอบ เธอก้มลงไปประทับริมฝีปากกับชายหนุ่ม
ดูดทั้งริมฝีปากล่างและริมฝีปากบน ทาสลับกันอย่างช่าชอง

อเล็กซ์แตะใต้คางเธอ เหมือนต้องการให้ถอยออกไปก่อน เธอจึง


ถอยออกมาสบตา

“คุณเก่งจังครับ คุณไปฝึกมาจากไหนเนี่ย ?”

จอยลูบหน้าอกกายาอย่างลุ่มหลง “แหม... ไม่เห็นจะต้องถามเลยนี่


คุณก็น่าจะรู้อยู่”

“ผมไม่รู้จริงๆ ครับ คุณช่วยไขความสงสัยให้ผมได้ไหม ?”

จอยเผยรอยยิ้มอย่างยั่วยวน โน้มเข้าไปใกล้หูของชายหนุ่ม แล้ว


เฉลยคาตอบ “ก็ตัวตนอีกด้านของคุณยังไงคะที่สอนฉัน” เธอเหยียดแขน
ถอยตัวออกมา แล้วเริ่มขย่มท่อนแห่งความเป็นชายช้าๆ

“แบบนี้ผมคงต้องจ่ายค่าเล่าเรียนในการสอนให้มันแล้ว มันสอนดี
มากจริงๆ” อเล็กซ์พูดยิ้มๆ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจ่ายให้กับมันไปเยอะมากแล้ว วันนี้ฉันจะเอา


วิชาที่เล่าเรียนมาสอนคุณต่อเองค่ะ คุณจะได้เก่งเหมือนกับฉัน คุณคิดว่า
ดีไหมคะ ?”

“อย่างนี้ผมก็ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนให้คุณแทนใช่ไหม ?” อเล็กซ์เลิก
คิ้ว
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเป็นผู้หญิงใจดี ฉันจะสอนให้คุณฟรีๆ ไม่คิด
ตังค์แม้สลึงเดียว”

จอยพูดจบ โน้มมาแลกลิ้นกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถอยตัว
ออกมา ฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงขณะยังคงขย่มอยู่
ทั้งความเร็วและความหนักหน่วงเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ จนโซฟาเหมือน
กลายเป็นตึกเจอแผ่นดินไหว ไม่กี่วินาทีต่อมา สาวหน้าอกใหญ่ก็
กลายเป็นมนุษย์หมาป่าสมบูรณ์

เมื่ออยู่ในร่างของมนุษย์หมาป่าเพศเมีย จอยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น
ยักษ์ที่กาลังข่มเหงมนุษย์ผู้ชายตัวเล็กๆ ไม่มีผิด เนื่องจากขนาดร่างกาย
ของเธอในตอนนี้มันใหญ่โตมาก ถึงขนาดจับหัวของเขาแล้วยกด้วยมือ
ข้างเดียวก็ยังได้

อเล็กซ์เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ที่เขาแสดงออกมาอย่างนี้ จอย


เชื่อว่าไม่ใช่เพราะการกลายร่าง มันต้องเป็นตรงที่กล่องนมมโหฬารทั้ง
สองกล่องของเธอ ซึ่งภาพของกล่องนมที่เหมือนถูกเขย่าขึ้นๆ ลงๆ ใน
ระยะเผาขน คงเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ สาหรับเขา ยิ่งในตอนนี้
ขนาดของมันดูใหญ่มากกว่าเดิม ทาให้มันดูเป็นเหมือนปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติสุดแสนอัศจรรย์

ยิ่งขย่มนานมากเท่าไร ทาให้จอยเริ่มรู้แจ้งเกี่ยวกับตัวตนที่ชื่อ
ว่าบิ๊ก นอกจากมันกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเพื่อปกปิดตัวตน มันต้อง
ชื่นชอบในการใช้พละกาลังของร่างสัตว์ เพราะนับตั้งแต่ที่เธอกลายร่าง
มา เธอยังไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อย แสดงว่าบิ๊กก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ
ความอึดสุดๆ ของมันที่เล่นกับเรือนร่างของเธอ เป็นหลักฐานได้ชั้นดี
สาวหมาป่าแยกเขี้ยวคารามด้วยความเสียว กรงเล็บจิกหัวพนักพิง
โดยไม่รู้ตัว แรงที่ขย่มก็เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เธอชักชื่นชอบร่างมนุษย์หมา
ป่าแล้ว เธอต้องการมากกว่านี้อีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความต้องการของ
ร่างกายนี้มันสั่ง หรือว่าเป็นเพราะความต้องการทางเพศของเธอเอง

เนื่องด้วยพละกาลังที่กระแทกลงไป มีทั้งความรุนแรงและความ
ต่อเนื่อง ทาให้ขาตั้งของบัลลังก์รักเริ่มมีรอยแตกร้าว

จนกระทั่งโซฟาก็ไม่สามารถรองรับการสังวาสได้ไหวอีกต่อไป ขา
ของมันแยกออกจากกันเป็นสี่ทิศ นาทั้งสองร่างร่วงไปตาม อเล็กซ์อุทาน
ด้วยความตกใจ แต่ไม่ใช่สาหรับจอย

สาวหมาป่ายังคงไม่ยอมหยุดการเสพสุข เธอใช้เรี่ยวแรงมหาศาล
ขย่มขึ้นๆ ลงๆ ต่อ

แต่ทาไม่นานนัก เนื่องจากโซฟาที่พังเสียหาย ทาให้เกิดความไม่


ถนัด

จอยลุกขึ้นยืนฉับพลันด้วยความไม่สบอารมณ์ ทาให้ท่อนเนื้อที่
รวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายหลุดพรวด มันโยกเยกไปมาเหมือนกับร่า
ร้องหาที่พึ่งจากช่องพิศวาสของเธออีกครั้ง แต่เธอก็ไม่สนใจรับฟัง
ตอนนี้เธอต้องการเล่นบทนางมารร้าย เธอจับตัวชายหนุ่มยกขึ้นมา
ง่ายดาย กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปโยนทิ้งที่เตียง ความแรงที่ตกไปทาร่างกายของ
เขาเด้งดึ๋ง

หญิงสาวกลางกรงเล็บ ทาท่าเหมือนเบ่งกล้าม ‘ได้เวลาตอกเสาเข็ม


แล้วคุณผัวขาาาาาา~ !’ เธอคารามก่อนกระโดดไปคร่อม มือหยาบหนา
ขนาดใหญ่ จับท่อนเนื้อของเขาให้ตรงกับช่องทางลับ แล้วทิ้งตัวลงไป
จนมิดด้าม เริ่มขย่มอีกครั้งจนเตียงสั่นสะเทือน
สาวหมาป่ากลอกตาสีเหลืองขึ้นมองเพดานด้วยความเสียวซ่าน ทั้ง
น้าหนักและแรงกระแทกลงไป ทาให้เกิดเสียงดังตับๆ ก้องภายในห้อง
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอมอบความป่าเถื่อนให้กับชายหนุ่มได้ลิ้มรสดูบ้าง

หมาป่าสาวโหยหวนออกมาเพราะความสุขสม บางขณะหางของ
เธอฟาดถูกลูกตุ้มของชายหนุ่ม ทาดวงตาของเขาเบิกโต จะว่าเขาจุกก็
ไม่ใช่ จะว่าเสียวก็ไม่เชิง

เนื่องจากพละกาลังที่มีมากเกิน ทาให้ขาเตียงรองรับไม่ไหว มัน


แตกฉับพลันก่อนทรุดลงไป มีสภาพไม่แตกต่างจากโซฟาที่เสียชีวิตไป
ก่อนหน้านี้ แต่จอยยังคงไม่หยุดการขย่มท่อนเนื้อของหนุ่มลูกครึ่ง

อาจด้วยความเสียวซ่านมากเกินทน หรือเป็นเพราะลืมตัว หรือไม่ก็


เป็นเพราะร่างกายตอบสนองเอง ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไหน อเล็กซ์
คารามเป็นเสียงสัตว์ป่า พร้อมกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าบึกบึนขนสีดา

เมื่อกลายเป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวกัน อวัยวะที่เคยเป็นเหมือนของ
แปลกปลอม บัดนี้ไม่มีอีกต่อไป การเชื่อมต่อของพวกเขา รวมเป็นหนึ่ง
เดียวกันอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

เมื่อพละกาลังที่มหาศาลของทั้งสองมาเจอกัน ไม่เพียงแค่ทาให้
วัตถุที่รองรับเกิดการสั่นสะเทือนอย่างเดียว ยังทาให้บ้านทั้งหลังเกิดการ
สั่นไหว แต่การสังวาสอย่างดุเดือดของอสูรทั้งสองตน ไม่ได้อยู่เพียงแค่
จุดนั้นเพียงจุดเดียว มันเคลื่อนย้ายไปจุดต่างๆ ของภายในห้อง ทาหนูที่
แอบอยู่ในห้องครัว แมลงที่ซุกซ่อนอยู่ หรือแม้กระทั่งนกฮูกที่เกาะอยู่บน
หลังคา แตกตื่นหนีกันชุลมุน
การจูบอย่างสุญญากาศ เป็นลีลาในการเอาปากประกบครอบดูดจุด
เสียวๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่ให้มีอากาศเล็ดลอดเข้ามาหรือออกไป ถ้าไป
ทาแบบนี้กับสาวๆ ตรงจุดไวต่อความรู้สึกต่างๆ จะทาให้พวกเธอรู้สึก
เสียวซ่าน - แหล่งข้อมูลนี้ตัวนักเขียน white cane ไม่ได้ไปคนหามาเอง
ตัวนักเขียนได้มาจากหนังสืออีบุ๊กที่ meb ของคุณ เดียมองต์ โดยมี
รายชื่อหนังสือดังนี้... Sex News รอบจักรวาล, 70 Short กามา
Stories (70 Short X Trivia), 69 เรื่องหวิวสยิวง่ามขา (69 Sexual
Documents )

สถาบันวิจัยทางเพศศาสตร์กับจิตศาสตร์แห่งฟลอริดา (ที่สหรัฐอเมริกา)
วิจัยถึงท่วงท่าการร่วมรักมากมาย จนกระทั่งก็สามารถระบุความ
เหมาะสมในแต่ละท่วงท่าออกมา โดยเฉพาะการร่วมรักอย่างด็อกกี้สไตล์
(ท่าเหมือนสุนัขผสมพันธุ์กัน) มีการวิพากษ์วิจารณ์กันยืดยาวในท่านี้ แต่
ที่พอจะสรุปได้ของท่าด็อกกี้สไตล์ คือยามใดที่เล่นท่วงท่านี้กัน สิ่งที่
สาคัญมากกว่าอื่นใดทั้งหมดที่จะทาให้หญิงสาวปลาบปลื้ม ก็คือฝ่ายชาย
ควรใช้ฝ่ามือลูบไล้ที่แผ่นหลังของเธอ จนกระทั่งไปถึงจุดหมาย
ปลายทาง ไม่ควรเล่นกระแทกเพียงอย่างเดียว เพราะจะทาให้หญิงสาว
รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงสิ่งที่ไว้บาเรอความสุขเท่านั้น ไม่ใช่มามีความสุข
ด้วยกัน - แหล่งข้อมูลนี้ตัวนักเขียน white cane ไม่ได้ไปคนหามาเอง
ตัวนักเขียนได้มาจากหนังสืออีบุ๊กที่ meb ของคุณ เดียมองต์ โดยมี
รายชื่อหนังสือดังนี้... Sex News รอบจักรวาล, 70 Short กามา
Stories (70 Short X Trivia), 69 เรื่องหวิวสยิวง่ามขา (69 Sexual
Documents )

การเป่าลมเข้าอวัยวะเพศหญิง อาจกลายเป็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็


ขึ้นอยู่กับแรงเป่านั้น ว่าประกบปากแนบกับอวัยวะเพศจนเป็นสุญญากาศ
พร้อมกับเป่าลมเข้าไปอย่างแรงหรือไม่ เนื่องจากลมจะสร้างฟองอากาศ
เข้าสู่เส้นเลือดฝอย มีโอกาสทาให้เนื้อส่วนนั้นตายได้ง่ายๆ นอกจากนี้ถ้า
ฟองอากาศวิ่งไปตามเลือด จนกระทั่งไปถึงหัวใจ หรือปอด อาจทาให้
ผู้หญิงเจ้าของอวัยวะเพศนั้นเสียชีวิต ดังนั้นไม่ควรเป่าลมเข้าไป -
แหล่งข้อมูลนี้ตัวนักเขียน white cane ไม่ได้ไปคนหามาเอง ตัวนักเขียน
ได้มาจากหนังสืออีบุ๊กที่ meb ของคุณ เดียมองต์ โดยมีรายชื่อหนังสือ
ดังนี้... Sex News รอบจักรวาล, 70 Short กามา Stories (70 Short X
Trivia), 69 เรื่องหวิวสยิวง่ามขา (69 Sexual Documents )

หน้าอกผู้หญิง มีเวลาเล้าโลมให้พวกเธอได้เสียวกัน มันมีเวลาเป็นช่วงๆ


เรื่องนี้ได้รักการยืนยันมาจากนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเวียนนาของ
ประเทศออสเตรีย หน้าอกสาวๆ นั้นมีช่วงเวลาที่ หวาดเสียวที่สุด ระบุไว้
ว่าต้องอยู่ในเวลา 9.00 - 15.00 นาฬิกา มีสัดส่วนที่สยิวมากที่สุดถึงน้อย
ที่สุดดังนี้ อกส่วนบนนั้นเสียวที่สุด ลาดับต่อมาก็คือขอบๆ หัวนม และ
สุดท้ายก็คือตาแหน่งหัวนม - แหล่งข้อมูลนี้ตัวนักเขียน white cane
ไม่ได้ไปคนหามาเอง ตัวนักเขียนได้มาจากหนังสืออีบุ๊กที่ meb ของคุณ
เดียมองต์ โดยมีรายชื่อหนังสือดังนี้... Sex News รอบจักรวาล, 70
Short กามา Stories (70 Short X Trivia), 69 เรื่องหวิวสยิวง่ามขา (69
Sexual Documents )
under the moon มนุษย์หมาป่าคลั่งรัก ตอนพิเศษที่ 7

จอยเหยียดแขนขาอย่างเกียจคร้านก่อนปล่อยตัวนั่งโซฟา
ตามปกติ มือหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดแอปที่ใช้เชื่อมต่อกับโทรทัศน์
อัจฉริยะ เธอใช้มันแทนรีโมต กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เพื่อหาช่องใดก็
ได้ที่มันดูไม่น่าเบื่อ

รายการโดยส่วนใหญ่ที่เปิดผ่านไป แทบไม่มีตัวละครเป็น มนุษย์


โผล่มาให้เห็น

อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากบ้านที่จอยอยู่นี้มันไม่ได้อยู่ที่
โลกมนุษย์ แต่มันเป็น โลกอีกฟาก ซึ่งมันเป็นดินแดนที่มีแต่พวกสัตว์ใน
ตานานอยู่อาศัย

ดังนั้นจึงมีแต่พวกสัตว์ตานานชนิดต่างๆ มาเป็นทั้งพิธีกร นักแสดง


ผู้อ่านข่าว และอื่นๆ โดยเฉพาะพวกสัตว์ในตานานตามท้องถิ่นประจา
ชาติ

แต่ต่อให้ดูอีกกี่ครั้ง ยังคงไม่ทาให้จอยรู้สึกเห็นเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากมันให้ความรู้สึกออกไปทางเหมือนเปิดดูสารคดีชีวิตสัตว์โลก
โดยเฉพาะพวกละคร ถ้าหน้าตาของนักแสดงเป็นพวกกึ่งมนุษย์ ยังพอดู
ออกว่าใครเป็นใคร แต่นี่มันมีแต่พวกหน้าตาเป็นสัตว์ทั้งนั้น มันเป็น
ปัญหาใหญ่อย่างมาก เพราะเธอแยกแยะไม่ออก

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสาหรับสัตว์ในตานานพวกนี้ พวกเขามีวิธี
แก้ปัญหาสุดน่าทึ่ง อย่างพวกมนุษย์หมาป่า มีโทรทัศน์ที่ขายให้สาหรับ
พวกเขาโดยเฉพาะ นอกจากโทรทัศน์มีทั้งเสียงและภาพ มันยังมีพัดลม
ตัวเล็กเพื่อเป่ากลิ่นออกมาด้วย เพื่อใช้สาหรับในการแยกแยะผู้อยู่หน้า
กล้อง แต่สาหรับจอย... เธอรู้สึกขยะแขยงที่สุด เพราะกลิ่นแต่ละอย่าง
ไม่ใช่เรื่องน่าสูดดม โดยเฉพาะถ้ามีผู้อยู่หน้ากล้องเป็นมนุษย์หมาป่า ทา
จอยแทบคลื่นไส้ ยิ่งมีฉากมนุษย์หมาป่าว่ายน้า ความเหม็นของมันจะ
ทรงอานาจมากขึ้น ภายหลังจอยถึงรับรู้ว่าความจริงที่ร่างมนุษย์หมาป่า
ของอเล็กซ์มีกลิ่นหอม เขาใช้แชมพูเพื่อเอาใจเธอเพียงผู้เดียว แต่ไม่ใช่
สาหรับมนุษย์หมาป่าตนอื่น กลิ่นตัวสาหรับพวกเขาเปรียบได้กับหน้าตา
ถ้าไปใช้แชมพูมีกลิ่นหอมมาอาบน้า จะไม่แตกต่างจากเอาอาหารบูดๆ
มาละเลงใบหน้า ดังนั้นมนุษย์หมาป่าส่วนใหญ่จึงไม่ใช้แชมพู

เพื่อรักษาอากาศภายในบ้านให้บริสุทธิ์ จอยต้องกดปิดระบบตรง
ส่วนนั้น พร้อมขอร้องอเล็กซ์ว่าอย่าเปิด เธอไม่ไหวจริงๆ กับกลิ่นสาบที่
โทรทัศน์ผลิตออกมา

ขณะนิ้วกดเปลี่ยนช่อง จอยมองไปที่รูปถ่ายวันแต่งงาน เธอยังคง


จาความรู้สึกครั้งอดีตได้แม่นยาไม่เคยลืม โดยเฉพาะครั้งแรกที่อเล็กซ์
พามาที่โลกอีกฟาก

ตอนนั้นเธอต้องอยู่ในสภาพมนุษย์หมาป่าตลอดเวลา เพราะ
ประชากรส่วนใหญ่ในเมืองจะอยู่ในร่างของสัตว์ในตานานมากกว่าอยู่
ในร่างของมนุษย์ ดังนั้นถ้ามีใครกลายร่างเป็นมนุษย์เดินเล่นอยู่ มันจะ
ไม่แตกต่างจากพวกเด็กแนว สวมกางเกงในตัวเดียวเดินโชว์ไปทั่วเมือง

ตลอดของการเดินทาง จอยรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะ


เป็นครั้งแรกในชีวิต ได้เห็นสัตว์ที่มีแต่ในเทพนิยาย ในระยะใกล้ชิด
อย่างนี้

วันแรกที่อเล็กซ์พาเข้าบ้านทางฝั่งโลกอีกฟาก ภายในบ้านของเขา
ค่อนข้างแปลก ตรงที่มันดูเหมือนเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างนรกและ
สวรรค์ เนื่องจากบ้านของเขาด้านหนึ่งดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต่าง
จากบ้านของผู้ดีมีชาติสกุลสูงส่ง แต่อีกด้านหนึ่งดูตรงข้าม นอกจากดูรก
เพราะเก็บของไม่เป็นระเบียบ ยังมีพวกโปสเตอร์ที่ดูเหมือนเป็นนักร้องขา
ร็อกและภาพของสาวนุ่งน้อยห่มน้อย แปะอยู่เต็มผนัง ดูไม่แตกต่างจาก
ห้องของวัยโจ๋

จนกระทั่งอเล็กซ์อธิบาย จอยถึงเข้าใจว่าเหตุใดสภาพบ้านของเขา
ถึงเป็นอย่างนี้ มันเป็นเพราะมาจากตัวชายหนุ่มลูกครึ่ง มีสองตัวตนที่
ออกมาใช้ชีวิตบ่อยมากที่สุด บ้านจึงต้องแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างที่
เห็น

ความจริงอเล็กซ์ไม่จาเป็นต้องอธิบายละเอียดว่าส่วนไหนเป็นของ
ใคร จอยพอจะเดาได้ด้วยตัวเอง ทางฝั่งที่ดูรกต้องเป็นของบิ๊กแน่นอน
เพราะเธอสังเกตเห็นถุงยางอนามัยหลายยี่ห้อในกล่องที่เปิดอ้าอยู่ แต่
เธอไม่มองมันนานเกินไป เดี๋ยวอเล็กซ์หันมาเห็น จะทาให้เขาเขินอาย
เปล่าๆ ส่วนอีกฝั่งต้องเป็นของเขาเอง จากที่สังเกตชายหนุ่มมาหลายครั้ง
เขาเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย ดังนั้นทางฝั่งที่ดูสะอาดตาต้องเป็นของ
เขา

จอยเดินตามคู่ชีวิตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงห้องนอน ซึ่งเป็นห้อง


สุดท้ายที่เขาบอกว่าห้องนี้ใช้ทาอะไร

ภายในห้องก็มีสภาพไม่แตกต่างจากข้างล่างมากนัก จอยหันไป
เห็นรูปหล่อของมนุษย์หมาป่าที่มุมหนึ่งของห้อง มันตั้งอยู่บนหิ้งขนาด
ใหญ่ แต่หิ้งที่วางนั้นทาให้เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่รูปหล่อธรรมดา เนื่องจาก
หิ้งวางมันมีทั้งดอกไม้สด หนังสือเล่มหนา และสิ่งของที่ดูเหมือนไว้ใช้
สาหรับทางพิธีกรรม ทาให้รูปหล่อตัวนั้นเหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

แต่เธอไม่คิดลึกซึ้งไปไกล เธอคิดแค่ว่ามันเป็นรูปหล่อของตัวอ
เล็กซ์เอง ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรทั้งนั้น จึงพูดหยอกเย้าเขาว่าหล่อมาก
แต่อเล็กซ์ปฏิเสธว่านั่นไม่ใช่รูปหล่อของเขา ความจริงรูปหล่อนั้นเป็น
พระเจ้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า ท่านมีชื่อว่า ไลเคน

แม้อเล็กซ์อธิบายด้วยน้าเสียงเรียบง่าย เหมือนไม่ได้คิดอะไร
มากมาย แต่ในแววตาของเขาเหมือนแสดงความโกรธออกมา จอยรู้ได้
ทันทีว่าเทพองค์นี้ต้องเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอามากๆ สาหรับเผ่าพันธุ์พวกเขา
เขาจึงเกิดความไม่พอใจที่เธอพูดเล่นอย่างนี้ เธอจึงรีบขอโทษ เพราะ
อย่างไรก็ตามเรื่องเกี่ยวข้องกับศาสนามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่าง
มาก บางศาสนาถึงกับฆ่าผู้ที่ดูหมิ่นพระเจ้าของพวกเขาก็มี

อเล็กซ์รีบโบกมือเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความจริงเธอจะเข้าใจผิด
ก็ไม่แปลก ในเมื่อเธอเพิ่งมาเป็นส่วนหนึ่งของโลกอีกฟาก จึงยังไม่รู้จัก
ศาสนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้

แม้เขาบอกด้วยน้าเสียงไม่คิดมากอะไร แต่แววตาของเขาคราวนี้
สื่อออกมาอย่างชัดเจน ไม่มีความโกรธหลงเหลืออยู่อีก พอเขาหันไป
มองรูปหล่อนั้น แววตาของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา

จอยมองสารวจภายในห้องต่อ จนมาเห็นหนังสือกองหนึ่งที่อยู่บน
เตียงนอน มันดูสะดุดตาเอามาก เนื่องจากหน้าปกมันเหมือนภาพของ
หมาสองตัวกาลังผสมพันธุ์กันอยู่ แต่เธอไม่มั่นใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือไม่
เนื่องจากเธอมองได้ไม่นาน อเล็กซ์รีบเดินเข้าไปเก็บอย่างลนลาน ราว
กับมันเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ด้วยความเร่งรีบของอเล็กซ์ ทา
ให้หนังสือเล่มหนึ่งหล่นจากมือ เขาจึงรีบคว้าขึ้นมา แต่อาจด้วยความ
ตกใจ กลายเป็นว่าเขาโยนหนังสือลอยมาทางเธอ จนมันมาตกตรงปลาย
เท้า
จอยเบิกตากว้าง ‘ท่าจ๊วบตับจ๊วบในตานาน !’

ตอนแรกคิดว่าหนังสือที่อยู่บนเตียงของอเล็กซ์เป็นหนังสือสอนวิธี
ขยายพันธุ์หมา ทาจัดจาหน่ายขึ้นมาเพื่อให้สาหรับผู้ที่อยากเป็นเจ้าของ
ฟาร์มสัตว์เลี้ยง จนกระทั่งภาพหน้าปกมาให้เห็นเต็มสองตา อยู่ในระยะ
ลมหายใจแทบรดต้นคอ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นหนังสืออย่างว่า มีให้สาหรับ
พวกผู้ชายเปล่าเปลี่ยวหัวใจ ใช้เพื่อสร้างจินตนาการ แต่ภาพหน้าปก
ที่ว่า... มันไม่ใช่มนุษย์ มันกลับเป็นภาพของมนุษย์หมาป่าสองตัว อยู่ใน
ท่ายอดฮิตของการขยายเผ่าพันธุ์

อเล็กซ์รีบมาเก็บอย่างไว ใบหน้าของเขายังแดงระเรื่อด้วยความ
อับอาย จอยมั่นใจว่าเขาแทบอยากจมหายลงไปในดิน แต่ก็เป็นไปไม่ได้
เขาทาได้แค่ชี้แจง ความจริงหนังสือพวกนี้เป็นของอีกตัวตนหนึ่ง แต่การ
พูดอย่างเร่งรีบของเขา กลายเป็นว่าฟังเหมือนข้ออ้างแก้ตัว

จอยรู้ว่าเขาไม่อยากให้มองใบหน้าเท่าไรนัก เพราะจะยิ่งทาให้
เขารู้สึกอายมากขึ้น เธอจึงเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมมองไปทางอื่นภายใน
ห้อง

แต่การหันศีรษะไปอีกด้านหนึ่งของห้อง เป็นเรื่องไม่ควรทาจริงๆ
เพราะเธอเห็นภาพของวัตถุอยู่ชิ้นหนึ่ง มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดขนาด
ใหญ่ ตั้งโดดเด่นอยู่บนหิ้ง

จอยมองด้วยดวงตาเบิกโตมากกว่าหนังสือที่เพิ่งเห็นมาเมื่อกี๊หลาย
เท่า ‘พระเจ้าปลัดขิก !’

ตอนนั้นเธอคิดอย่างนี้จริงๆ นอกจากสิ่งที่มีหน้าตาคล้ายกับของสิ่ง
หนึ่งในความคิดเธอแล้ว ยังเห็นทั้งหนังสือสอนกระบวนท่าเล่นบนเตียง
กับคู่ชีวิต ยังมีแผ่นซีดีเกี่ยวกับหนังอย่างว่า ยังมีถุงยางหลากหลายยี่ห้อ
ยังมียาชูกาลังและยาเสริมพลังแห่งความเป็นชายอีกมากมาย ถูกวางอยู่
บนหิ้ง ทาให้มันดูเหมือนเป็นของบูชาสาหรับดอกเห็ดนั้น

ถ้าจะให้ว่าตามจริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะว่านั่นมันเป็นหิ้งบูชาพระ
เจ้าที่บิ๊กศรัทธา

ตั้งแต่วันนั้น อเล็กซ์ไม่กล้าสบตาเธอไปเกือบครึ่งเดือน เนื่องจาก


เขาอายมากที่เธอไปเห็นอะไรอย่างนั้นเข้า จอยคิดว่าเขาคงไม่อยากให้
เกิดเรื่องอย่างนี้ตั้งแต่แรก แต่อาจด้วยเหตุผลลืมเก็บก่อนล่วงหน้านี้
หรือไม่ก็บิ๊กขัดขวางไม่ให้มีโอกาสได้เก็บ จนกระทั่งเขาก็ลืมเรื่องนี้ไป
สนิท

จอยนึกขึ้นได้ จึงเลิกมองรูปถ่าย เปลี่ยนไปมองที่นาฬิกาตรงผนัง


ตอนนี้เป็นเวลาที่จะมีข่าวพอดิบพอดี เธอจึงกดหมายเลขบนโทรศัพท์
เพื่อไปยังช่องที่ต้องการ

หลังจากเปิดมาเจอช่องข่าวของทวีปป่าหิมพานต์ ใบหน้าแรกที่
ปรากฏให้เห็น คือนักข่าวเสือสมิงสาว ซึ่งเป็นนักข่าวภาคสนามหลักของ
รายการนี้ หล่อนมีชื่อว่า เขี้ยวคม

ความจริงเกี่ยวกับพวกเสือสมิง จอยมารู้หลังจากที่มาอาศัยที่โลก
อีกฟาก พวกมันไม่มีลักษณะเหมือนเสือธรรมดา โครงสร้างทางร่างกาย
ของพวกมันค่อนข้างแปลกๆ เหมือนกับมนุษย์หมาป่า พวกมันทั้ง
สามารถเดินด้วยสองขาหลังได้ หรือจะเปลี่ยนมาเป็นเดินเหมือนสัตว์
เดรัจฉานก็ยังได้
ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง จอยยังคงอดขนลุกไม่ได้เหมือนเดิม กับ
นักข่าวเสือสมิงตนนี้ โดยเฉพาะตอนที่เจ้าหล่อนยิ้ม ต้องเห็นเขี้ยวแหลม
เกือบทั้งปาก

จอยถอนใจ พยายามคิดในแง่ดี ถึงแม้น่าหวาดหวั่นไปบ้าง อย่าง


น้อยมันก็พูดภาษาที่เธอฟังรู้เรื่อง

แต่ความจริงน่าจะเรียกว่าไม่มีทางเลือก เนื่องจากช่องนี้เป็นเพียง
ช่องเดียวที่ใช้ภาษาบ้านเกิด จึงต้องฝืนดูนักข่าวน่ากลัวนี่ ถ้าเธอ
ต้องการดูรายการอื่นๆ ต้องเปิดดูผ่านทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ส่วนใหญ่
จะเป็นรายการที่ออกอากาศไปนานแล้ว แต่จอยไม่ชอบ เธอชอบความ
สดใหม่ของข่าวมากกว่า

“วันนี้เรามาสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนทาง
เศรษฐกิจ คุณรู้สึกยังไงคะกับสภาวะเศรษฐกิจย่าแย่อย่างนี้ ?”

สาวนักข่าวยื่นไมโครโฟนไปให้เสือสมิงรุ่นป้า แววตาของป้าแกดู
อ่อนล้าอย่างมากและยังเคร่งเครียด

“มันแย่มากเลยค่ะ นอกจากขายของไม่ดี ฉันยังไม่สามารถไปยืม


เงินใครมาใช้ก่อนได้ ไม่มีใครให้ยืม ของก็ไม่มีอะไรไปจานาเพื่อ
เปลี่ยนเป็นเงิน ไปกู้ธนาคารก็ไม่ได้ เพราะฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา
ไม่มีใครมาเป็นผู้ค้าประกันให้ฉัน”

นักข่าวเขี้ยวคมเอาไมโครโฟนกลับมาพูดต่อ “เดี๋ยวก่อนนะคะ
คราวที่แล้วที่ฉันมาสัมภาษณ์คุณป้า คุณป้าไม่ได้ลาบากอย่างนี้นี่”
จากนั้นภาพหน้าจอโทรทัศน์ตัดมาเป็นวิดีโอที่บันทึกไว้เมื่อหลาย
เดือนก่อน มีภาพของคุณป้าเสือสมิงพูดใส่ไมโครโฟนด้วยใบหน้าเบิก
บานใจ

“นโยบายปราบปรามพวกปล่อยเงินนอกระบบมันดีมากจริงๆ ค่ะ
ทาให้ฉันลืมตาอ้าปากได้โดยไม่ต้องลาบากอีก”

“แสดงว่าคุณป้าเคยถูกขู่ทาร้ายมาก่อนใช่ไหมคะ ?” นักข่าวสาว
สมิงถามเพื่อให้ขยายความหมาย

“เปล่าค่ะ ทุกเจ้าที่ปล่อยเงินกู้ ไม่มีใครมาทาร้ายฉัน นอกจาก


โทรศัพท์มาทวงหนี้ หรือไม่ก็มายืนด่าที่หน้าบ้าน ฉันจึงไปแจ้งความจับ
ส่วนในหมู่บ้านที่ฉันอยู่ ฉันก็ไปยืมแล้วชักดาบมาจนหมดทุกหลัง ใครมา
ขู่หรือด่าฉัน ฉันไปร้องเรียนอย่างเดียว ทาให้ไม่มีใครกล้ามาทวงฉัน
ตอนนี้ฉันจึงรวยเละเลยค่ะ” คุณป้าเสือสมิงหัวเราะดังลั่น

จากนั้นภาพตัดกลับมาที่ปัจจุบัน แต่ตอนนี้ใบหน้าของคุณป้าไม่มี
ความเหน็ดเหนื่อย ไม่มีความท้อแท้ ไม่มีความสิ้นหวังให้เห็นอีก ใบหน้า
ของแกตอนนี้ดูเหมือนออกไปทางคนทาผิดแต่ถูกจับได้มากกว่า

“ที่คุณป้าบอกว่าไม่มีใครให้ยืมเงินในยามเดือดร้อน ไม่ใช่ว่าคุณ
ป้าไปแจ้งจับพวกเขาหมดแล้วเหรอคะ ? จึงไม่มีใครให้เงินคุณป้าอีก”
นักข่าวถามต่อ แต่คราวนี้เหมือนถามจี้ถูกจุด

“อุ๊ย !” ป้าเสือสมิงอุทานด้วยน้าเสียงตอแหลชัดเจน “ฉันลืมปิดไฟที่


เตาแก๊ส เดี๋ยวฉันขอตัวไปก่อนนะคะ”
แกพูดจบ ถลกผ้าถุงแล้ววิ่งหายเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
จากนั้นภาพหน้าจอโทรทัศน์ตัดมาเป็นฉากที่ห้องส่ง มีนักข่าวประจา
สถานีเป็นเสือสมิงสองตน นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะข่าว

“แหม น่าสงสารคุณป้าจริงๆ นะคะ ดูสิ คุณป้ารีบวิ่งจนผ้าถุงเกือบ


หลุดเลยค่ะ” นักข่าวสาวสมิงหัวเราะคิกคัก

“เราไปดูอีกข่าวหนึ่งกันต่อดีกว่าครับ ตอนนี้เราสามารถทาการ
เชื่อมต่อกับคุณเขี้ยวคมได้แล้ว เธอกาลังสัมภาษณ์ท่านประธานาธิบดีอยู่
พอดิบพอดี”

สิ้นเสียงเสือสมิงหนุ่ม ภาพหน้าจอพลันเปลี่ยนมาเป็นกลุ่มนักข่าวที่
รายล้อมผู้นาประเทศ ซึ่งอยู่ตรงจุดใกล้แม่น้าขนาดใหญ่ แต่ภาพนี้ไม่ใช่
วิดีโอที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก หากแท้จริงแล้วมันเป็นภาพถ่ายทอดสด

“ท่านประธานาธิบดีคะ ท่านมีความคิดเห็นยังไงกับนโยบายพัฒนา
คุณภาพชีวิตของผู้พิการ”

เขี้ยวคมที่เป็นผู้สอบถาม เธอยื่นไมโครโฟนไปให้ประธานาธิบดี
ซึ่งเป็นนาคเกล็ดสีส้ม หรือที่คนไทยรู้จักในนามของพญานาค หรือเรียก
อีกอย่างคืองูขนาดใหญ่ยักษ์

ลักษณะของพวกนาคนั้น ทุกตนต้องมีอัญมณีรูปวงรี อยู่ตรง


กึ่งกลางของหน้าผาก สีสันแตกต่างกันออกไป ตามแล้วแต่ดวงที่เกิดมา
ว่าจะได้สีอะไร แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงเหมือนเลือดหมู ดูๆ ไปก็
เหมือนกับเหรียญสีทองที่ติดอยู่กลางหน้าผากของตัวการ์ตูนแมวพูดได้ที่
ชื่อว่า เนียส หนึ่งในตัวละครของแก๊งร็อคเก็ต จากเรื่องโปเกม่อน นาค
ทุกตนต้องมีครีบเหมือนกับปลา อยู่ทั้งตรงเหนือหน้าผากขึ้นไปเล็กน้อย
และใต้คาง ซึ่งมันสามารถพับเก็บแนบไปกับตัวได้ เมื่อยามมันกลางออก
มันจะเหมือนสวมมงกุฎบนหัว แล้วใต้คางจะดูเหมือนกับหงอน

“นโยบายพัฒนาผู้พิการถือว่าลุล่วงไปด้วยดี ทาให้ผู้พิการได้มี
พื้นที่ยืนอยู่ในสังคมมากขึ้น ไม่ใช่เป็นภาระให้กับครอบครัวอย่างเดียว”

ขณะท่านประธานาธิบดีกล่าว เปลี่ยนภาพมาเป็นวิดีโอที่ศูนย์
พัฒนาชีวิต ซึ่งมีภาพของผู้พิการกาลังทางาน ฉายให้ผู้ชมทางบ้าน
ได้รับชม

“เราสนับสนุนให้คนพิการมีงานทา ไม่ว่าจะทางานเป็นเจ้าหน้าที่
รัฐ หรือทางานโรงงาน ผมจะไม่ทอดทิ้งผู้พิการแน่นอน” เสียง
ประธานาธิบดีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ท่านอยากฟังความรู้สึกดีๆ จากพวกเขาไหมคะ ? พวกเราได้ไป


ถ่ายมาด้วยค่ะ”

ทันทีที่มีเสียงของสาวสมิง ตัดภาพกลับมาเป็นฉากกลุ่มนักข่าวราย
ล้อมท่านประธานาธิบดีต่อ

“จริงหรือครับ ?” ประธานาธิบดีดวงตาฉายความแปลกใจ กลาง


ครีบออกก่อนพับเก็บดังเดิม “ดีๆ เปิดมาเลยครับ ผมอยากฟังเสียงพวก
เขา”

จากนั้นหน้าหน้าจอเปลี่ยนมาเป็นวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ เป็นภาพ
ของภายในห้องนวดแผนโบราณ มีพวกนาคไร้ซึ่งดวงตาในการมองเห็น
กาลังใช้ลาตัวโอบรัดแขกที่มารับบริการ แต่กล้องนั้นจับภาพของนักข่าว
เสือสมิงที่เป็นตัวหลักของรายการเพียงผู้เดียว
ขณะสาวนักข่าวเดินเข้าไปหานาคตนหนึ่ง ปากก็บรรยายหน้า
กล้องไปด้วย “ที่นี่คือห้องนวดของสานักงานนวดแผนโบราณ เราจะมา
ถามถึงความรู้สึกพวกเขากันค่ะ ว่ารู้สึกยังไงกับนโยบายช่วยเหลือผู้
พิการ” หล่อนยื่นไมโครโฟนไปใกล้ปากผู้ถูกสัมภาษณ์ “ไม่ทราบว่าคุณ
รู้สึกยังไงคะกับนโยบายของทางรัฐ ?”

“รู้สึกดีมากเลยค่ะ ฉันไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ ปกติผู้ที่จะบรรจุได้


ต้องมีเงินไปเรียนสูงๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่จาเป็นแล้ว มีวุฒิการศึกษาไหนก็
บรรจุได้หมด”

สาวนักข่าวเอาไมโครโฟนกลับมาที่ปากตัวเอง “หมายความว่าไง
คะ ? ช่วยอธิบายให้เพื่อนๆ แฟนข่าวเข้าใจหน่อยค่ะ” จากนั้นหล่อนก็
ยื่นไมโครโฟนกลับไปให้นาคตนนั้นพูดต่อ

“ผู้พิการส่วนใหญ่จะลาบากในเรื่องการเรียนอย่างมากค่ะ
โดยเฉพาะมองไม่เห็นตั้งแต่เกิดอย่างดิฉัน บางตนไม่ได้เล่าเรียนก็มีค่ะ
สุดท้ายก็ไม่สามารถทางานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องไปประกอบอาชีพ
ส่วนตัวเท่านั้นค่ะ ส่วนผู้ที่มีโอกาสได้เรียนสูงๆ จะได้ไปเป็นอาจารย์สอน
ตามโรงเรียน หรือไม่ก็ทางานอื่นๆ ที่ทางภาครัฐเปิดโอกาสให้บรรจุค่ะ
แต่ถ้าเรียนมาน้อยหรือไม่ได้เรียน อย่างตัวดิฉันก็ไม่มีหวัง อย่างมากสุด
ก็เป็นลูกจ้างชั่วคราว ได้แค่ค่าแรงขั้นต่า นี่ถ้าเป็นสมัยก่อน ฉันต้องไป
อยู่ที่บ้าน เปิดรับนวด วันไหนไม่มีลูกค้าก็ต้องรอคอยจนกว่าญาติพี่น้อง
ไปจับหนูมาให้กินค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ลาบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันได้
สิทธิเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่างกายสมประกอบหมดทุกอย่าง วันหยุดก็ยัง
ได้เงิน หรือไม่ก็เปิดรับนวดเพิ่มเติมที่บ้านตัวเองก็ยังได้เงินมาเพิ่ม หลัง
เกษียณก็ยังได้บานาญ ไม่สร้างภาระให้ลูกหลาน ต่อให้นอนติดเตียง
หายใจทาปากพะงาบๆ ก็ยังมีเงินมาให้ลูกหลานเอาไปช่วยค่าใช้จ่ายใน
การดูแลได้อยู่ค่ะ”
ขณะผู้ถูกสัมภาษณ์พูดด้วยน้าเสียงมีความสุข กล้องเปลี่ยน
เป้าหมายมาที่ใบหน้าของแขกต่างชาติ ซึ่งเป็นมนุษย์หมาป่าตัวใหญ่
ดวงตาดูเหมือนกาลังถลนออกมานอกเบ้า ลิ้นเริ่มจุกปาก แล้วยังมีเสียง
เหมือนกระดูกหักดังกรอบแกรบ

นักข่าวสมิงสาวหันขวับกลับมาที่หน้ากล้อง แต่ความจริงน่าจะหัน
กลับมาเพราะถูกตากล้องสะกิด จากนั้นหล่อนก็หันไปตามนิ้วชี้ของตา
กล้องที่อยู่เบื้องหลัง

“ดูเหมือนว่าเขากาลังแย่นะคะ” สาวสมิงยิ้มแหยๆ พูดด้วยน้าเสียง


ราวกับต้องการทาให้เป็นเรื่องตลก แต่ความจริงต้องการเตือนนาคตนนี้
ว่าแขกจะตายเพราะถูกรัด

“อุ๊ย ! ขอโทษจริงๆ ค่ะ” ผู้พิการทางสายตารีบคลายตัวออกอย่าง


ลนลาน

จากนั้นภาพหน้าจอพลันเปลี่ยนมาอีกที่หนึ่ง เป็นสถานที่อยู่
ตรงหน้าบันไดขึ้นตึกสานักงานของเจ้าหน้าที่รัฐ มีสาวสมิงและนาคหนุ่ม
ที่เป็นผู้พิการนั่งวีลแชร์ ทั้งสองอยู่ตรงทางขึ้น

“คุณรู้สึกยังไงคะกับนโยบายช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ?”

นักข่าวเขี้ยวคมถามจบก็ยื่นไมโครโฟนไปทางนาคหนุ่ม

“ดีมากเลยครับ แค่งานรับสายโทรศัพท์ก็บรรจุได้ นโยบายนี้


ช่วยเหลือผู้พิการได้จริงๆ ทาให้ผมมีงานทา สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้
ไม่เป็นภาระใครทั้งสิ้น ผมขอบคุณภาครัฐมากครับ”
สมิงสาวเอาไมโครโฟนกลับมา ทาใบหน้ายิ้มแย้มเล่นกับกล้อง พูด
ด้วยน้าเสียงตื่นเต้น “คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าเราอยากไปดูห้องทางาน
ของคุณด้วย” หล่อนพูดจบก็ยื่นหัวไมโครโฟนกลับไปอีกครั้ง

“ได้เลยครับ โอ้ะ !” นาคหนุ่มอุทานเหมือนเพิ่งนึกได้ “เมื่อกี๊ผมลืม


บอกไปว่าข้างบนก็มีผู้พิการตนอื่นอยู่ด้วย เดี๋ยวผมแนะนาให้รู้จักเพื่อน
ร่วมงานของผมเพิ่มด้วยครับ”

จากนั้นนาคหนุ่มเอียงคอซ้ายขวา งับโซ่ที่ผูกกับวีลแชร์มาพันกับ
ตัวเอง จนกระทั่งเสร็จ เขาก็งับคันโยก ทันใดนั้นตัวของนาคถูกดีด
ออกไป แต่ความแรงของมันไม่มากนัก แค่ส่งตัวของนาคตนนี้ออกไปจา
กวีลแชร์ ห่างออกไปประมาณหนึ่งเมตร ทานักข่าวเกิดตะลึงไปชั่วขณะ
ก่อนรีบเข้าไปช่วยด้วยความเป็นห่วง

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ?”

“ผมไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่จะขึ้นบันไดเท่านั้น” นาคพูดจบก็


เปลี่ยนมาเป็นตะแคง ขยับปากเพื่อใช้เขี้ยวลากร่างกายไปที่บันได ทา
ให้เกิดเสียงดังครืดทุกครั้งที่เขาลากร่างกายท่อนล่างและวีลแชร์

สาวสมิงตะลึงอีกรอบ “เอ่อ... นี่คือ ?”

นาคขึ้นไปถึงขั้นที่สามก็หันมาพูดด้วยน้าเสียงเริงร่า “ขึ้นไป
ทางานครับ ผมขึ้นอย่างนี้ประจาอยู่แล้วครับ”

“อย่างนี้ก็ลาบากแย่สิคะ แล้วทาไมไม่ใช้ลิฟต์แทนคะ ?” สาวสมิง


ถามด้วยน้าเสียงสงสัยอย่างมาก
“มันไม่มีให้ใช้ครับ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ได้ลาบากอะไร
มากมาย เป็นไงครับ ตัวผมเหมือนตานานสยองป๊อกๆ ครืดไหมเอ่ย ?”
นาคหัวเราะตกท้ายให้กับมุกตลกตัวเอง ก่อนกลับไปใช้เขี้ยวลาก
ร่างกายขึ้นบันไดต่อ

แต่ไม่ทันถึงขั้นที่สี่ เกิดมีเสียงเหมือนกระดูกท่อนเล็กๆ หักดังป๊อก


แววตาที่มีความสุขของนาคหนุ่มเปลี่ยนมาเป็นตกใจ

“อ๊าาาาา~ ! เขี้ยวผมหัก ช่วยพาผมไปโรงพยาบาลต่อเขี้ยวที”

เสียงร้องดังลั่นของนาคหนุ่มมีอยู่ไม่กี่วิก็ตัดภาพหายไป กลับมา
เป็นภาพของกลุ่มนักข่าวและประธานาธิบดีต่อ

“ผมได้ฟังแล้วรู้สึกชื่นใจจริงๆ” ประธานาธิบดีหัวเราะอย่างอารมณ์
ดี

“เราได้ยินมาว่าทางภาครัฐมีการช่วยเหลือทางด้านอื่นด้วย
อย่างเช่นอานวยความสะดวกทางสถานที่ การเดินทาง และอื่นๆ ที่ใช้ใน
ชีวิตประจาวัน จริงไหมคะ ?” นาคตนหนึ่งในกลุ่มนักข่าวถาม

“จริงครับ อย่างเช่นเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยน พวกคุณเอาเหรียญสิบ


ออกมาดูได้ ทางภาครัฐสั่งให้ของพวกนี้ออกแบบมามีอักษรเบรลล์”

จากนั้นกลุ่มนักข่าวรีบล้วงกระเป๋าเอาออกมาตามคาพูดของ
ประธานาธิบดี

“เห็นไหมครับ ทางภาครัฐเราใส่ใจผู้พิการมากแค่ไหน”
นักข่าวทุกตนต่างทาคิ้วขมวด หรี่ตาราวกับพยายามเพ่งอย่างหนัก
มือจับพลิกซ้ายพลิกขวาไปมา บางตนพยายามใช้ปลายนิ้วลูบหาอักษร
เบรลล์

จนกระทั่งนักข่าวเขี้ยวคมชูเหรียญสิบขึ้นมา “ท่านคะ ดิฉันไม่เห็น


อักษรเบรลล์เลยค่ะ นิ้วลูบก็ไม่เจอ”

“มันเป็นเหรียญรุ่นเก่าหรือเปล่า ? ถ้าเป็นรุ่นเก่ามันจะไม่มี
นโยบายนี้ทางรัฐเพิ่งสั่นให้มีไม่กี่ปี”

“ไม่นะคะ เหรียญนี้ดิฉันเพิ่งไปแลกมาจากธนาคารเมื่อวาน ส่วน


วันผลิต เขียนบอกว่าเพิ่งออกมาเมื่อสามเดือนที่แล้วค่ะ”

“อ้อ งั้นคุณก็ลองมองดูตรงขอบเหรียญ มันจะมีจุดเล็กๆ อยู่”

สิ้นเสียงประธานาธิบดี สัตว์ตานานทุกตนรีบมองดูใหม่ แต่ยังคง


เหมือนเดิม ไม่มีผู้ใดหาเจอ แม้กระทั่งใช้นิ้วลูบ ยังคงไม่รู้สึกถึงสิ่งที่มี
ลักษณะนูนๆ

จนกระทั่งมีเสียงแหลมๆ เหมือนหนูอุทานขึ้นมาอย่างดีใจ “เจอแล้ว


ฉันเจอแล้วค่ะ”

นักข่าวทุกตนหันขวับไปทางต้นเสียง ปรากฏว่าเจ้าของเสียง
เป็นพิกซี่ ที่อยู่บนมือของนักข่าวตนหนึ่ง

ลักษณะของพิกซี่ตนนี้เป็นเหมือนมนุษย์ตัวเล็ก มีความสูงประมาณ
สิบเซนติเมตร มีปีกคล้ายแมลงปออยู่ด้านหลัง สิ่งมีชีวิตลักษณะนี้เคยทา
ให้จอยเข้าใจผิดว่าเป็นนางฟ้ามาแล้ว แต่ตอนนั้นไม่มีเครื่องขยายเสียง
ทาให้จอยฟังไม่ออกว่าพิกซี่พูดอะไร
“นี่ไง เห็นกันไหมคะ ?”

นักข่าวทุกตนพยายามเพ่งอีกครั้ง แต่ยังคงไม่เห็นเหมือนเดิม
จนกระทั่งนักข่าวตนหนึ่งมีความคิดดีๆ ล้วงกระเป๋าเอาโทรศัพท์มา
ถ่ายรูปเหรียญ แล้วใช้แอปขยายภาพหนึ่งพันเท่า ถึงสามารถมองเห็น ที่
ปลายนิ้วชี้ของพิกซี่ มีอักษรเบรลล์จุดเล็กๆ อยู่จริงๆ

“คราวนี้เห็นหรือยังครับ ?”

พวกนักข่าวอ้าอึ้ง มองหน้ากัน จนกระทั่งสาวสมิงตนเดิมพูด


ออกมาแทนนักข่าวตนอื่นในกลุ่ม

“ดิฉันว่าขนาดของมันเล็กเกินไป ถ้าทาให้ใหญ่กว่านี้ได้จะดีกว่า
ไหมคะ ?”

“คุณลืมไปหรือเปล่าว่านาคอย่างผมสามารถขยายขนาดร่างกาย
ได้ แค่เราลดขนาดตัวลงมาเหลือความยาวยี่สิบเซนติเมตร ก็สามารถ
สัมผัสรับรู้ได้ว่าตรงไหนเป็นอักษรเบรลล์ มันเล็กเท่าปลายเข็มแค่นี้ก็
พอแล้ว”

“อย่างนี้เผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่สามารถลดหรือขยายร่างกายได้ก็ไม่รู้สึก
ถึงอักษรเบรลล์สิคะ ?” นักข่าวเขี้ยวคมชี้ให้เห็นถึงปัญหา

“เรื่องนั้นผมขอไม่รับรู้ ผมทาเพื่อประชาชนในประเทศเท่านั้น”

คาพูดของประธานาธิบดีทาสาวสมิงอ้าอึ้ง ดูเหมือนว่าหล่อนคงไม่
คาดคิดว่าจะได้รับคาตอบอย่างนี้กลับมา ไม่แตกต่างจากนักข่าวตนอื่น
แต่ไม่กี่วินาที นักข่าวทุกตนก็ทาใบหน้าเหมือนไม่ได้ยินคาพูดเมื่อครู่
อาจเป็นเพราะไฟของนักข่าวมันแรง สนใจอย่างเดียวคือทายังไงก็ได้ให้
ได้ข่าวมา ส่วนใครจะตอบอะไรยังไงไม่สน

“นอกจากเหรียญแล้ว ทางภาครัฐสั่นให้ทาแบงก์ยี่สิบมีอักษร
เบรลล์ด้วย พวกคุณหยิบมาดูได้”

เหล่านักข่าวจึงล้วงกระเป๋าอีกครั้งตามที่ประธานาธิบดีบอก

“อันนี้ก็เหมือนกับเหรียญสิบ ต้องเป็นแบงก์ใหม่เท่านั้นถึงจะเห็น”

สัตว์ในตานานหลายตนที่รู้ตัวว่าในมือเป็นแบงก์เก่า จึงหันไปมอง
ของเพื่อน แต่ก็ไม่มีใครมองเห็น เลยเปลี่ยนมาใช้ปลายนิ้วลูบแทน

“มันอยู่ตรงมุมฉากด้านใดด้านหนึ่งของแบงก์ พวกคุณลองลูบๆ ดู
เอา”

พวกนักข่าวจึงเลิกลูบตรงกลางของแบงก์ยี่สิบ เปลี่ยนมาลูบแถวมุม
ฉากทั้งสี่ทิศ ตามที่ประธานาธิบดีแนะนา

“เจอแล้ว ตรงนี้หรือคะ ?” เสือสมิงสาวเจ้าเดิมชี้มาที่มุมหนึ่งของ


แบงก์ ขณะเดียวกันกล้องซูมเข้าไปตรงจุดนั้น

“ถ้ารู้สึกถึงลักษณะพื้นผิวสากๆ นั่นแหละครับ” ประธานาธิบดีตอบ

“เอ๊ะ แบบนี้ใช้ไปนานๆ มันก็ยุบหมดสิคะ”

“จะไปยากอะไร พวกคุณก็ไปแลกแบงก์ใหม่ที่ธนาคารก็สิ้นเรื่อง”
“ถ้าตรงนี้ทางรัฐออกแบบให้มันมีรู มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอคะ พวก
พิการทางสายตาจะได้ใช้นานๆ ไม่ต้องลาบากไปธนาคาร”

“คุณอย่ามาพูดเป็นเรื่องง่ายๆ คุณรู้ไหมว่าจะทาให้มันนูนได้ขนาด
นั้นต้องใช้งบประมาณไปเท่าไร ยิ่งไปเจาะรูมันจะยิ่งใช้งบประมาณมาก
ขึ้น เหรียญนี่ก็เหมือนกัน” น้าเสียงของประธานาธิบดีเริ่มฟังเหมือนเกิด
ความราคาญ

“ไม่ทราบว่าอักษรเบรลล์นี้มีกับเหรียญอื่น หรือกับแบงก์อื่นด้วย
หรือเปล่าคะ ?” พิกซี่ถาม “เมื่อกี๊ฉันลองดูเหรียญกับแบงก์อื่น มันไม่มีเลย
ค่ะ”

“ไม่มี” ประธานาธิบดีตอบ “มีแค่เหรียญสิบกับแบงก์ยี่สิบเท่านั้น


อย่างที่ผมเพิ่งบอกไปว่ามันใช้งบประมาณมาก จึงทาได้แค่นี้”

“ไม่ทราบว่ายังมีอะไรอย่างอื่นอีกไหมคะ ? ที่เป็นการช่วยเหลือให้
ผู้พิการใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนประชาชนทั่วไป” สาวจิ้งจอกเก้าหาง
ตนหนึ่งถาม

“มีแน่นอน” ประธานาธิบดีเชิดหน้าเล็กน้อย ราวกับภูมิใจนาเสนอ


“แม้ผมเพิ่งบอกไปว่าใช้งบประมาณเยอะ แต่ทางรัฐก็แบ่งส่วนออกไป
ตรงจุดอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ขึ้นรถไฟ สาหรับผู้พิการที่นั่งวีลแชร์
หรือแม้กระทั่งรถโดยสารที่มีตัวยกวีลแชร์ของผู้พิการ หรือเบรลล์บล็อก
สาหรับผู้พิการทางสายตา เป็นต้นครับ”

“ท่านคะ ไม่ทราบว่าเบรลล์บล็อกมันคืออะไรคะ ?” สาวสมิงข้องใจ


แต่ไม่ใช่แค่หล่อนเพียงตนเดียวที่เกิดความสงสัย นักข่าวทุกตนต่าง
แสดงความสงสัยแสดงออกมาทางแววตาเช่นเดียวกัน
“มันคือ... เอ่อ...” ประธานาธิบดีทาเสียงเหมือนขอเวลาคิดครู่หนึ่ง
ก่อนเปลี่ยนถามกลับ “พวกคุณเคยไปตรงอนุสาวรีย์ผู้พิชิตไหม ?”

จากนั้นนักข่าวก็ตอบพร้อมกันว่า เคยไป

“พวกคุณเคยสังเกตไหมว่าบนทางเดินเท้ารอบๆ อนุสาวรีย์ผู้พิชิตมี
เส้นทางสีเหลืองอยู่ นั่นแหละครับเรียกว่าเบรลล์บล็อก”

“ท่านหมายถึงบล็อกสีเหลืองในวิดีโอนี้ใช่ไหมคะ ?” สาวสมิงรับ
เครื่องแท็บเล็ตมาจากเพื่อนด้านหลัง ก่อนหันทางหน้าจอให้
ประธานาธิบดีดู

จากนั้นภาพหน้าจอโทรทัศน์พลันเปลี่ยนมาเป็นภาพเดียวกับที่
แท็บเล็ตเครื่องนั้นเปิด เป็นภาพของสถานที่ดูคล้ายวงเวียนสาหรับตีรถ
กลับ มีประชาชนตระกูลเลื้อยคลานเต็มไปหมด ที่ใจกลางของวงเวียน
เป็นอนุสาวรีย์ผู้พิชิต ซึ่งเป็นรูปหล่อนาคตัวใหญ่ ชูคอสูง อ้าปากให้เห็น
เขี้ยวน่าเกรงขาม ดูราวกับเป็นอาวุธที่ใครเห็นต้องเกิดความหวาดกลัว
เบื้องล่างของลาตัวนาคตนนั้น กาลังรัดนกตัวใหญ่จนตาถลน ดูน่าจะ
เป็นเผ่าครุฑที่พลาดท่า

ภาพหน้าจอตรงจุดหนึ่งบนทางเท้า มีวงสีแดง กะพริบถี่ๆ เพื่อให้ผู้


ดูสังเกตเห็น

“นั่นแหละครับที่เรียกว่าเบรลล์บล็อก มันมีไว้ให้สาหรับผู้พิการใช้
เดินได้สะดวกมากขึ้น”

ขณะประธานาธิบดีกล่าว มีภาพของผู้พิการทางสายตา ซึ่งไม่


ทราบว่าเป็นนาคเพศหญิงหรือชาย กาลังใช้ไม้เท้าขาวที่คาบอยู่ แกว่ง
ซ้ายขวาเพื่อสารวจทาง พร้อมเลื้อยไปบนบล็อก แต่ไม่ใช่เลื้อยอย่าง
เชื่องช้าหรือเลื้อยธรรมดา นาคตนนั้นเลื้อยด้วยความเร็วสูงจนน่าตกใจ
เหมือนกับว่ามองเห็นอย่างไรอย่างนั้น

จะว่าตกอยู่ภายในภวังค์ หรือว่าเลื้อยเพลินจนลืมตัว หรือว่าเป็น


เพราะผู้รับเหมาวางเบรลล์บล็อกอย่างไม่คิด หรือเป็นความซวยของนาค
ตนนั้นก็ไม่ทราบ ตรงเส้นทางของเบรลล์บล็อกที่บังคับให้เลื้อยไป มันมี
ฝาท่อขนาดใหญ่ตัดทางเลื้อยของผู้พิการ วันนี้มันเปิดอ้าไว้ ไม่กี่วินาที
ต่อมา นาคตนนั้นก็หายไปจากหน้าจอโทรทัศน์ มีหลงเหลือแค่ไม้เท้า
ขาวตกอยู่ริมปากท่อ ในขณะเดียวกันประชาชนที่อยู่แถวนั้นหันขวับมา
มองตรงจุดที่ผู้พิการทางสายตาหายไป

“เห็นไหมครับ ทางรัฐมีนโยบายช่วยเหลือผู้พิการจริงๆ”

ภาพหน้าจอโทรทัศน์กลับมาเป็นภาพของกลุ่มนักข่าวและ
ประธานาธิบดีต่ออีกครั้ง

“ไม่ทราบว่าที่ช่วยอานวยความสะดวกผู้พิการเหล่านี้ มันมีมาก
น้อยแค่ไหนคะ ?” สาวสมิงถามต่อให้ขยายความเพิ่มเติม

“มีอย่างละหนึ่งครับ” ประธานาธิบดีตอบทันควันราวกับไม่ต้อง
เสียเวลาคิด

“อย่างล่ะหนึ่งเหรอคะ ?” น้าเสียงของสาวสมิงแปลกใจ “หมายถึง


ทั้งลิฟต์สาหรับผู้ที่นั่งวีลแชร์ รถโดยสารที่มีตัวยก ใช่ไหมคะ ?”

“เอ้ะคุณหนิ ถามอยู่ได้” น้าเสียงของประธานาธิบดีเริ่มฟังเหมือน


ฉุนอีกครั้ง “ก็นั่นแหละครับ ทั้งประเทศของเรามีอย่างละหนึ่ง ไอ้ทาง
เลื้อยสาหรับผู้พิการสายตานี่ก็เหมือนกัน มีเฉพาะตรงจุดสาคัญบางจุดก็
พอ อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกว่าใช้งบประมาณมหาศาล เอาอย่างนี้
ผมจะบอกให้รับรู้กันทั้งหมด เราต้องใช้งบประมาณไปเกือบสิบล้าน
สาหรับช่วยตรงจุดนี้ แต่ในปีหนึ่งประเทศเราไม่มีงบมากมายถึงขนาด
นั้น เราต้องแบ่งเอาไปสาหรับตรงจุดอื่นด้วย คราวนี้มีอะไรเกี่ยวกับผู้
พิการจะถามอีกไหม ? ผมจะได้ตอบทีเดียว”

พวกนักข่าวมองหน้ากันอย่างลังเลว่าจะถามต่อดีไหม เพราะ
ในตอนนี้ประธานาธิบดีเหมือนไม่อยากตอบคาถามอีกแล้ว

จนกระทั่งสาวสมิงที่เปรียบเป็นหัวหน้านักข่าวถามอีกครั้ง “ไม่
ทราบว่าท่านได้ไปพักที่บ้านพักบนเขามาหรือยังคะ ดิฉันได้ยินมาว่าเพิ่ง
สร้างเสร็จเมื่อเดือนที่แล้ว”

“คุณหมายถึงบ้านพักเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่บนเขาใกล้เขตอุทยานใช่
ไหม ?” น้าเสียงของประธานาธิบดีพลันเปลี่ยนมานุ่มนวลอีกครั้ง
เหมือนกับว่าพึงพอใจกับคาถามใหม่นี้

“ใช่ค่ะท่าน”

“ถ้าเป็นเรื่องนี้ ผมได้ไปมาแล้วครับ อากาศข้างบนมันดีจริงๆ ผมจึง


อนุมัติงบประมาณในการสร้างให้ไปแปดแสนล้านล้านล้านล้าน เพื่อให้
เจ้าหน้าที่ได้พักผ่อนหย่อนใจ เราจะสร้างไปจนติดเขตอุทยาน
เจ้าหน้าที่รัฐที่ไปพักจะได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ โอ้ใช่ นี่ถ้า
คุณไม่พูดถึงผมก็คงลืมไปอีกเรื่องหนึ่ง ทางรัฐจะยกเลิกเขตอุทยานนั่น
ออกไปในไม่ช้านี้ เราจะสร้างบ้านพักบุกเข้าไปลึกอีก เพื่อให้เจ้าหน้าที่
ของรัฐได้รับชมความสวยงามอย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม ปีหน้าผมจะ
อนุมัติงบประมาณเพิ่มอีกสามแสนล้านล้านล้านล้าน จะมีสระว่ายน้า จะมี
สนามกีฬา จะปูพื้นด้วยหินอ่อนทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ได้เลื้อยกันได้สบาย
และอื่นๆ ให้เจ้าหน้าที่รัฐได้พักผ่อนอย่างมีความสุข แล้วพวกคุณมีอะไร
จะถามอีกไหม ? ถ้าไม่มีผมจะได้ไปพักเที่ยง”
“มีเรื่องหนึ่งค่ะ” สาวจิ้งจอกเก้าหางตนเดิมพูด “ไม่ทราบว่าขึ้นสิบ
ห้าค่าเดือนสิบเอ็ดในปีนี้ จะมีการแสดงแสนยานุภาพทางกองทัพที่แม่น้า
โขงหรือเปล่าคะ ?”

“ต้องมีสิครับ จะไม่มีได้ไง นี่เป็นความภาคภูมิใจของเรา สาหรับใน


ปีนี้ ทางกองทัพจะยิงปืนใหญ่ขึ้นสู่ฟ้ามากเป็นพิเศษ มากถึงหนึ่งพันเจ็ด
ร้อยสิบสองลูก รับรองพวกครุฑต้องหวาดผวา พวกมนุษย์ต้องตื่นตาตื่น
ใจ พากันไปแทงหวยจนหมดเนื้อหมดตัว” ประธานาธิบดีหัวเราะ
ขณะเดียวกันพวกนักข่าวต่างหัวเราะตามมุกตลกของท่านผู้นา
“นอกจากนี้ทางกองทัพยังมีการแสดงแสนยานุภาพของตอร์ปิโด ถ้ามี
ครุฑตนไหนกล้ารุกล้าเข้ามาในเขตน่านน้า รับรองไม่รอด”

“เดี๋ยวก่อนนะคะ” สาวสมิงยกมือขัด “ตอร์ปิโดมันเคลื่อนที่ใต้น้า


ไม่ใช่เหรอคะ ? แต่ครุฑอยู่บนอากาศ นอกจากนี้ทางกองทัพของครุฑ
ไม่มีเรือรบ มีแต่เรือบินเท่านั้น อย่างนี้ตอร์ปิโดจะใช้ทาอะไรได้ล่ะคะ ?”

ประธานาธิบดีดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย เหมือนฉุกคิดได้เพราะ
คาพูดของสาวนักข่าว แต่แวบเดียวท่านก็กลับมาเคร่งขรึม

“คุณจะไปรู้อะไร นี่มันเป็นความลับของกองทัพ อาวุธบางอย่างเรา


ก็ต้องเก็บเอาไว้ จะเปิดเผยทั้งหมดได้ไง เอาแหละเลิกได้แล้ว ผมจะไป
พักเที่ยง”

ประธานาธิบดีพูดจบก็สะบัดหน้าเลื้อยไปทันที

“เดี๋ยวก่อนค่ะ ท่านประธานาธิบดีคะ”
“ปัดโธ่โว้ย ! พวกคุณพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ผมบอกว่าจะไม่พูดแล้ว
ผมหิว ผมจะไปหาอะไรกิน อย่ามายุ่งกับผม”

นั่นเป็นเสียงพูดสุดท้ายของประธานาธิบดี ก่อนท่านจะกลางครีบ
แล้วพุ่งตัวลงไปที่แม่น้า นักข่าวส่วนใหญ่จึงไม่สามารถตามไปด้วยได้
ยกเว้นพวกที่เป็นนาคเหมือนกัน

“เอ่อ...” นักข่าวเขี้ยวคมหันกลับมาที่หน้ากล้อง ยิ้มแหยๆ “ตอนนี้


ขอพักชมโฆษณาสักครู่ก่อนก็แล้วกันนะคะ”

จอยพ่นลมหายใจ หยิบโทรศัพท์มาลดเสียงโทรทัศน์ ระหว่างรอ


รายการข่าวกลับมา ดวงตาชาเลืองไปทางลูกชายฝาแฝดทั้งสองคน ที่
กาลังทาการบ้านอยู่

วันแรกที่ทุกคนได้เห็นหน้าลูกฝาแฝดของเธอ ต่างดีอกดีใจกัน
ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อแม่ของอเล็กซ์ พวกเขาซื้อของขวัญต้อนรับทายาท
ตัวน้อยมามากมายมหาศาล นอกจากให้หลาน พวกเขายังซื้อมามอบ
ให้กับเธอด้วย แต่ความจริงมันแทบไม่จาเป็น เพราะจอยไม่ได้รู้สึกอยาก
ได้แม้แต่น้อย เนื่องจากของทุกชิ้นอเล็กซ์ก็สามารถซื้อให้เธอได้
เช่นเดียวกัน

ถึงอย่างไรจอยก็ต้องทาใบหน้าดีอกดีใจ เพื่อไม่ให้พ่อแม่ของอ
เล็กซ์เสียความรู้สึก

ลูกชายคนโตตั้งชื่อว่า ลอเรน ซึ่งเป็นชื่อที่พ่อแม่ของอเล็กซ์ตั้งใจ


เลือกมาให้กับหลานโดยเฉพาะ
ส่วนคนน้องมีชื่อว่า ข้าวปั้น แต่ความจริงแฝดน้องไม่ได้มีชื่อ
ภาษาไทยตั้งแต่แรก เดิมทีพ่อแม่ของอเล็กซ์ตั้งชื่อภาษาอังกฤษเอาไว้ให้
แล้ว แต่อเล็กซ์ไม่ยอม เขาบอกว่าคนน้องต้องให้จอยเป็นคนตั้งเท่านั้น
เนื่องจากนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอต้องมี
สิทธิ์ในการตั้งชื่อด้วย

คาพูดนั้นคงทาให้พ่อแม่ของเขาเพิ่งนึกได้ ผู้ใหญ่ทั้งสองจึงปล่อย
ให้เธอได้มีโอกาสตั้งชื่อ

ตอนแรกจอยไม่รู้ว่าจะตั้งชื่ออะไร เนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะมีลูก
แฝดอย่างนี้

จนกระทั่งหันไปเห็นอาหารญี่ปุ่นที่อเล็กซ์ซื้อมาฝาก จึงคิดออก
ทันใดว่าจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดี

ปีนี้ลูกชายทั้งสองคนมีอายุแปดขวบ อีกสามเดือนก็จะเก้าขวบพอดี

ทั้งหน้าตาและน้าเสียงของทั้งสองคน ถ้าใช้เพียงการมองและฟังจะ
ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นแฝดพี่หรือแฝดน้อง เนื่องจาก
เหมือนกันมาก มีเพียงแค่ลักษณะการพูดและนิสัยเท่านั้น ถ้าสังเกตดีๆ
ตรงจุดนี้ถึงจะแยกแยะออก

หรือใช้อีกวิธีหนึ่งในการแยกแยะ จะว่าเป็นวิธีง่ายที่สุดก็ย่อมได้
เพียงแค่สั่งให้พวกเขากลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า จะเห็นความแตกต่าง
ชัดเจน อยู่ตรงที่สีของขน

แฝดพี่เมื่ออยู่ในร่างของมนุษย์หมาป่า จะมีขนสีส้ม ส่วนแฝดน้อง


จะมีขนสีเทา
นับตั้งแต่ลูกชายทั้งสองเริ่มรู้เรื่อง จอยก็ได้สัมผัสความเหนื่อยและ
ปวดประสาทที่สุดในชีวิต เนื่องจากเธอต้องเลี้ยงดูพวกเขาเองกับมือ ทา
ให้ช่วงแรกขอบดวงตาของเธอคล้า ผมก็ดูไม่เป็นทรง เนื่องจากไม่ได้
นอนหลับพักผ่อนมากเท่าที่ควร แล้วยังไม่มีเวลาแต่งหน้าให้ตัวเองดูดี

ความจริงจอยก็อยากเอาลูกไปฝากสถานที่รับเลี้ยงเด็ก หรือไม่ก็
ว่าจ้างพี่เลี้ยงมาดูแล แต่ไม่สามารถทาได้ ปัญหาไม่ใช่เพราะเรื่องเวลา
หรือเรื่องค่าใช้จ่าย ปัญหาก็คือตรงที่ตัวเด็กทั้งสอง

เคยเอาไปฝากที่สถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่ถึงครึ่งวัน สถานรับเลี้ยงโทร


มาเรียกให้รับลูกชายกลับไปทันที เนื่องจากเด็กทั้งสองกัดมือผู้ดูแลที่เป็น
เสือสมิง ก่อนไปหักเขาของผู้ดูแลที่เป็นมิโนทอร์ แล้วยังแสดงความดุ
ร้ายใส่สัตว์ในตานานทุกตนที่อยู่ใกล้

ครั้งแรกที่ได้ยิน ทั้งจอยและคนอื่นๆ แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


เนื่องจากตอนอยู่ที่บ้าน เด็กทั้งสองไม่มีแสดงความก้าวร้าวใดๆ ออกมา
ให้เห็น นอกจากความน่ารักแบบเด็กๆ ทั่วไป

แม้ไม่อยากเชื่อมากแค่ไหน สุดท้ายต้องรับกลับมาที่บ้าน

นับจากนั้นเป็นต้นมา การดูแลลูกชายทั้งสองก็ตกเป็นงานของจอย
ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่จาเป็นต้องตามติดอเล็กซ์ไปทางานก็ได้

งานเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่ลาบากมาก เพราะลูกของเธอซุกซน เผลอ


ตาแวบเดียว โซฟาต้องถูกเจ้าตัวแสบช่วยกันฉีกเล่น เผลอตาอีกแวบ
รองเท้าสุดแพงของเธอต้องเต็มไปด้วยรอยแทะ พอสั่งห้ามทาอย่างนี้ ก็
จะไปทาอีกอย่างแทน จึงกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัว โดยเฉพาะตอน
ออกไปนอกบ้าน เธอต้องใช้เชือกผูกรอบเอวของลูกไว้ ไม่งั้นเผลอ
เมื่อใด ต้องวิ่งออกไปทาพิเรนทร์ หรือไม่ก็ไปงับขาของผู้โชคร้ายที่เดิน
ผ่านมา ทาเธออดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าตกลงแล้วนี่เป็นลูกแท้ๆ ของเธอเอง
หรือว่าเธอได้ลูกหมาบางแก้วมาเลี้ยง

โตขึ้นมาอีก จนพูดคุยกันรู้เรื่อง คิดว่าลูกชายจะเอาไปฝากเลี้ยงได้


โดยไม่แสดงพฤติกรรมดุร้ายต่อใครอื่นอีก ที่ไหนได้ ยังคงเหมือนเดิมไม่
เคยเปลี่ยน

เมื่อถามเจ้าตัวแสบว่าไปทาอย่างนั้นทาไม ได้คาตอบมาว่า อยาก


อยู่บ้าน

จึงเอาเรื่องนี้มาปรึกษากันในครอบครัว จนได้ข้อสรุปว่าต้องจ้างพี่
เลี้ยงมาดูแลที่บ้านแทน

ตอนแรกคิดว่าปัญหาจะจบ ที่ไหนได้ เกิดเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม พี่


เลี้ยงได้รับบาดเจ็บ ฟ้องว่าถูกเจ้าตัวแสบสองตัวทาร้าย

แต่เรื่องใหญ่ที่ว่าไม่ใช่เป็นตรงที่พี่เลี้ยงถูกทาร้ายร่างกาย ความ
จริงมันอยู่ตรงที่เด็กๆ ทั้งสอง ตามเนื้อตามตัวมีรอยบาดแผลเลือดไหล
เหมือนกับว่าถูกทารุณกรรม

ระหว่างให้เลือกเชื่อพี่เลี้ยงหรือเชื่อที่ลูกพูด หัวอกของพ่อแม่เกือบ
ทุกคนก็ต้องเชื่อลูกมากกว่า ทางฝั่งครอบครัวของอเล็กซ์จึงแจ้งความ
เอาเรื่องพี่เลี้ยงตนแรก

จากนั้นก็จ้างพี่เลี้ยงตนใหม่มาดูแล แต่ยังคงเกิดเหตุการณ์เหมือน
พี่เลี้ยงตนแรกไม่มีผิดเพี้ยน สุดท้ายต้องไปว่าจ้างพี่เลี้ยงตนใหม่มาอีก
แต่ครั้งนี้จอยและครอบครัวฝั่งของอเล็กซ์วางแผนเอาไว้ โดยการแอบ
ติดกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้าน เนื่องจากเหตุการณ์มันแปลกเกินไป พี่
เลี้ยงที่ว่าจ้างมาก่อนหน้านี้ มีใบรับรองถึงความสามารถและความ
ไว้วางใจ ออกมาจากทางสภานานาชาติของโลกอีกฟาก จึงไม่น่าเป็นไป
ได้ที่พวกเขาจะทากับเด็กๆ ได้ลง เพราะถ้าพวกเขากระทาลงไป
นอกจากต้องเสียงเงิน ยังถูกยึดใบประกอบอาชีพและต้องไปติดคุกอีก

สาหรับพี่เลี้ยงตนที่สามนี้ เธอเป็นพวกนาค เธอมีเกล็ดสีเขียวอ่อน


มีความยาวตั้งแต่ส่วนหัวไปจรดปลายหางถึงสามสิบแปดเมตร อายุเก้า
สิบสองปี สาหรับพวกนาคถือว่าเป็นวัยรุ่นอยู่ เนื่องจากเผ่าพันธุ์ของพวก
เขามีอายุยืนยาวอย่างมาก ทั้งกิริยาท่าทางและคาพูดคาจาดูสุภาพ
เรียบร้อย มีจิตใจอ่อนโยนจนเด็กๆ ที่เคยไปดูแลมา ต้องติดเธอ ถ้าเธอ
ย้ายไปที่อื่น ต้องทาให้เด็กที่ถูกดูแลร้องไห้เพราะคิดถึงทุกราย

แค่วันแรกที่ดูแลเด็กๆ ก็เกิดเรื่อง หลังจากกลับมาจากธุระ สภาพ


ภายในห้องรับแขกเหมือนถูกพายุถล่ม พอถามเด็กๆ ได้คาตอบมาแค่ว่า
พี่เลี้ยงจะทาร้ายร่างกาย พวกเขาจึงต้องป้องกันตัว โดยการต่อสู้กับพี่
เลี้ยง ส่วนตัวของพี่เลี้ยงคงกลัวความผิด จึงเลื้อยหนีหายไป

แต่ทั้งจอยและอเล็กซ์ไม่เชื่อง่ายๆ ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
ก่อน จึงไปเปิดดูกล้องวงจรปิดย้อนหลัง

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเธอและสามีมองตาค้างด้วยความไม่
อยากเชื่อ

ในจอทีวี มีภาพของพี่น้องฝาแฝดไปกระซิบข้างหูพี่เลี้ยง ไม่รู้ว่า


บอกอะไร เนื่องจากอยู่ไกลเกินกล้องจะบันทึกเสียง ไม่นานนาคพี่เลี้ยงก็
ตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีความยาวเหลือแค่ประมาณสี่เมตร
จากที่จอยดู ลูกของเธอน่าจะขอให้พี่เลี้ยงในร่างนาคย่อส่วนลงมา
โดยใช้เหตุผลบางอย่าง

หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เจ้าตัวแสบสองตัวกลาย
ร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ลอเรนจับพี่เลี้ยงอ้าปาก ขณะเดียวกันข้าวปั้นเอา
ขวดยาที่แอบซ่อนไว้ออกมา แล้วกรอกลงคอของนาคไป ซึ่งการกระทา
ของทั้งสองทาด้วยความรวดเร็ว เหมือนกับว่าฝึกทาอย่างนี้มานานจน
ชานาญการ

เสร็จแล้วข้าวปั้นแยกไปจับส่วนหาง จากนั้นทั้งสองตัวแสบเริ่ม
แกว่งตัวของนาค พร้อมกระโดดแบบเขย่ง

“แม่งูเอ๋ย กินน้าบ่อไหน กินน้าบ่อไหน กินน้าในโถยาดอง แกว่งงู


ดองไป แกว่งงูดองมา”

เสียงหัวเราะอย่างเบิกบานของสองแฝด ฟังดูตรงข้ามกับนาคที่ร้อง
กรี๊ดดังลั่น

จอยรู้ได้ทันทีว่าลูกๆ ของเธอใช้นาคตนนั้นแทนเชือก แสดงว่ายา


ที่กรอกลงคอไป ต้องเป็นยาที่ทาให้นาคไม่สามารถกลับคืนสู่ขนาด
ร่างกายที่แท้จริงได้ ไม่อย่างนั้นพี่เลี้ยงตนนี้คงกลับคืนร่างเดิมไปนาน
แล้ว ไม่ปล่อยให้ถูกทารุณเล่นอย่างนี้

ฉากทาทารุณสุดท้าย ลูกชายคนโตจับนาคทาเป็นแซ่ ฟาดสิ่งของ


ทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคนน้องหัวเราะชอบใจ จังหวะผลัดเปลี่ยนกัน
เล่น นาคสะบัดตัวเป็นอิสระได้สาเร็จ แล้วรีบเลื้อยหนีหายไป
วันหลังนาคตนนั้นเดินทางมาขอลาออกจากการเป็นพี่เลี้ยง สภาพ
ของนาคดูยับเยิน เกล็ดเหมือนถูกขูดออกไปบางส่วน มีรอยขีดข่วนเต็ม
ไปหมดทั้งร่าง นอกจากตาปิดไปข้างหนึ่ง ยังบวมตุ่ยราวกับถูกของแข็ง
กระแทก อัญมณีที่อยู่กลางหน้าผาก ยังแตกเป็นรอยร้าว

นอกจากต้องยอมยกเลิกสัญญาดูแล ทางครอบครัวของจอยต้อง
ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย

ทันทีที่ดาเนินเรื่องในข้อตกลงเสร็จ นาคพี่เลี้ยงดวงตาเบิกโต ราว


กับตกใจสุดขีดเพราะเห็นบางสิ่งบางอย่างทางด้านหลังของจอยกับอ
เล็กซ์

ด้วยความสงสัย จอยจึงหันไปมองด้านหลัง ปรากฏว่าเป็นลูกชาย


ฝาแฝดของเธอ อยู่ในร่างมนุษย์หมาป่าทั้งสองตน แสยะยิ้ม มือข้างหนึ่ง
ยกมาอยู่ระดับใบหน้า แล้วกวักเรียก จอยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เพราะไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าลูกชายทั้งสองมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน

มีเสียงบางสิ่งบางอย่างเหมือนกระโดดลงน้าจนเกิดเสียงดังตูม จอ
ยจึงหันกลับไปมองตรงต้นกาเนิดเสียง เห็นปลายหางเหมือนของงูตรง
แม่น้า ลักษณะเหมือนเพิ่งพุ่งหลาวลงไป พอหันมามองนาคที่เคยอยู่
ตรงหน้า บัดนี้หายไปแล้ว แสดงว่าหางเมื่อกี๊ที่เห็นต้องเป็นของนาคพี่
เลี้ยง

จนกระทั่งทุกวันนี้ จอยยังคงอดสงสัยไม่ได้ว่า ทาไมสาวนาคตน


นั้นถึงรีบจากไป จะล่าลาสักคาหนึ่งก็ไม่มี

“แม่ๆ ผมทาการบ้านเสร็จแล้วครับ”
เสียงเรียกของลอเรน ทาจอยหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด มอง
ใบหน้าลูกชายทั้งสองคนที่รีบเข้ามาหา

“นายหยุดก่อน” ข้าวปั้นจับมือของแฝดอีกคน “นายเป็นพี่ก็ต้องรู้จัก


เสียสละให้น้อง รู้ไหม ?” จากนั้นคนน้องหันหน้ามายิ้ม “แม่ตรวจของผม
ก่อนครับ”

“อย่ามามั่ว” ลอเรนยึดสมุดการบ้านอีกฝ่ายไป “นายเป็นน้องก็ต้อง


รู้จักเกรงใจพี่ รู้ไหม ?” จากนั้นเด็กชายหันมาทางจอย ยื่นสมุดของ
ตัวเองให้อย่างเร่งเร้า “แม่ตรวจของผมก่อนครับ”

“เอาสมุดของฉันมานะ ! เอามา เอามา !”

ข้าวปั้นพยายามแย่งเอาสมุดคืน แต่ลอเรนก็พยายามเหยียดแขน
เพื่อให้สมุดการบ้านของอีกฝ่ายออกไปห่างจากตัวมากที่สุด ไม่ให้รับคืน
ไปง่ายๆ

“หยุดๆ !” จอยตะเบ็งเสียงดัง ทาทั้งสองตัวแสบชะงัก “ไม่ต้องแย่ง


กัน จะตรวจช้าหรือเร็ว แม่ก็ปล่อยไปพร้อมกันอยู่ดี”

จอยรู้เหตุผลที่ลูกทั้งสองแย่งกันให้ตรวจการบ้าน ย้อนกลับไปก่อน
หน้านี้ เธอให้คาสัญญาว่า จะปล่อยออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนข้างนอก สอง
ตัวแสบจึงต้องคิดว่าถ้าได้ตรวจก่อน ต้องได้ไปวิ่งเล่นก่อนอีกคน

“ถ้าแบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมเลยแม่” ลอเรนทาหน้าน้อยใจ

“ไม่ยุติธรรมตรงไหนลูก ?” จอยเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ถ้าน้องทาผิด ผมก็ต้องมารออีก มันไม่ยุติธรรมตรงนี้ไงแม่ ทั้งที่
ความจริง คนทาถูกและเสร็จเร็วก่อนต้องได้รางวัลก่อน จริงไหมแม่ ?”
ลอเรนตอบ

“นายอย่ามากล่าวหาว่าฉันทาผิด” ใบหน้าของข้าวปั้นแสดงความ
โกรธทันที นิ้วชี้หน้าพี่ชาย “ความจริงฉันอาจทาถูกทั้งหมด ส่วนนาย
อาจทาผิดทั้งหมดก็ได้”

ลอเรนหันขวับไปทางน้องชาย แววตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น ก่อน


เชิดหน้าราวกับเป็นผู้สูงศักดิ์ “นายไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ขนาด
แค่เรื่องท่องสูตรคูณ นายยังท่องไม่ถูกทั้งหมดด้วยซ้า แน่จริงมาแข่งกัน
ท่องไหมล่ะ กล้าหรือเปล่า ? โด่เอ๊ย” จบประโยคเขาก็แลบลิ้นใส่

ข้าวปั้นตัวสั่นด้วยความโกรธ อาจเพราะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ แต่แวบ


เดียว ใบหน้าพลันเปลี่ยนมาแสดงเป็นเหมือนผู้ที่อยู่เหนือกว่า “นายก็
เหมือนกันแหละ แน่จริงมาท่องการเปรียบเทียบความสูงความยาวแข่ง
กันไหมล่ะ ฉันท่องเปรียบเทียบได้ทั้งแบบไทยและอังกฤษ หรือจะเอา
เป็นชั่งน้าหนักก็ย่อมได้”

“หยุด !” จอยยกมือห้าม ตอนนี้เธอแทบอยากยกมือกุมขมับจริงๆ


“ไม่ต้องท้ากัน ถ้าใครทาผิด โดยมีอีกคนทาถูก แม่จะให้คนที่ทาถูกสอน
แต่ถ้าทาผิดทั้งสองคน แม่จะให้ไปทาการบ้านใหม่”

“ผมไม่เอา ผมไม่เอา แบบนี้ผมไม่เอา” ลอเรนทักท้วงด้วยน้าเสียง


เด็กเอาแต่ใจ

“ผมก็ไม่เอาเช่นเดียวกันแม่” ข้าวปั้นต่อท้ายเห็นด้วยอีกคน
“หยุด !” จอยทาตาดุ ทาสองตัวแสบพลันหุบปากสนิท “ถ้าไม่อยาก
ถูกแม่ตี อย่ามาต่อรองกับแม่ เข้าใจไหม ?”

“ก็ได้ครับแม่...” ทั้งสองตอบพร้อมกันเสียงอ่อย

“ลอเรนเอาสมุดการบ้านมาให้แม่ตรวจดูเล่มหนึ่ง จะเป็นของลูก
หรือเป็นของน้องก่อนก็ได้”

ใบหน้าของแฝดพี่ทาเหมือนไม่เต็มใจเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะรู้ว่า
ใครจะถูกหรือผิด สุดท้ายก็ต้องเสียเวลาช่วยอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่จอย
ไม่สน เพราะความจริงเธอตั้งใจฝึกให้ลูกรู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและ
กัน เธอไม่อยากให้ลูกรู้จักการแย่งชิงดีชิงเด่น หรือทอดทิ้งอีกคนไว้
เบื้องหลัง เธออยากให้พวกเขารักกันมากๆ ในอนาคตข้างหน้า เธอหวัง
ว่าที่สั่งสอนอ้อมๆ นี้จะทาให้พวกเขาเกิดความแน่นแฟ้นระหว่างพี่น้อง

เปิดหน้าแรกมาเป็นวิชาภาษาไทย ในหัวข้อการเขียนเติมคาใน
ช่องว่างของคาสุภาษิตให้ถูกต้อง หัวคิ้วของจอยขมวดเข้าหากัน

น้าขึ้นให้รีบ... หนี เพราะจระเข้หลุด

น้ามา... คนรอถุงยังชีพ น้าลด... คนเก็บกวาดบ้าน

สอนจระเข้... ให้ลอกคราบเหมือนงู จะได้ไม่ต้องถูกถลกหนังไปทา


เป็นกระเป๋า

ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะ... ผ่าตัดแปลงเพศและทาศัลยกรรม

หนูตกถังข้าว... ทอมก็กระโดดลงไปไล่จับเจอร์รี่ต่อ
เพียงแค่อ่านไปไม่กี่บรรทัด หางคิ้วของจอยกระตุกไม่หยุด นี่ถ้า
ไม่ได้รับมาจากมือของลูกโดยตรง เธอคิดว่าบิ๊กต้องเป็นผู้สอนให้

จอยรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรมาเกาะขาทั้งสองข้าง จึงพับสมุด มองลง


ไป ดวงตาของเธอพลันเบิกโตอย่างตกใจและผสมขยะแขยง “นี่พวกลูก
ทาอะไรเนี่ย ?”

ภาพเบื้องหน้าในตอนนี้ไม่มีเด็กชายให้เห็น มีแต่ภาพของมนุษย์
หมาป่าตัวเล็ก กาลังทาท่ายอดฮิตของพวกหมาที่ชอบขี่ขาเจ้านาย

“กระเด้าครับแม่” ลูกชายทั้งสองตอบพร้อมกัน

“พวกลูกหยุดเดี๋ยวนี้ !”

เสียงตวาดของจอยทาสองตัวแสบชะงักไปชั่วขณะ ก่อนรีบถอย
ออกห่างไปยืนสงบเสงี่ยม

“ใครสอนพวกลูกให้ทาอย่างนี้ รู้ไหมว่ามันเป็นการกระทาไม่ดี”
จอยยืนเท้าเอว ทาใบหน้าดุ

สองตัวแสบใบหูล้มพับไปข้างหลัง ก้มหน้าเล็กน้อย ยังมีอาการตัว


สั่นเบาบาง อาจเพราะกลัวถูกทาโทษ

แต่ไม่นาน ข้าวปั้นเงยหน้ามาเล็กน้อยแล้วตอบเสียงเบา “ผะ... พ่อ


สอนครับแม่ พ่อบอกว่าถ้าอยากขออะไรแม่ ให้ทาอย่างนี้กับขาของแม่
แม่จะอารมณ์ดี จากนั้นแม่จะยอมตามใจทุกอย่าง”
ตอนแรกจอยไม่ได้คาดหวัดคาตอบกับลูกๆ ทั้งสองแม้แต่น้อย เธอ
แค่พูดออกไปอย่างนั้นเอง ความจริงเธอคิดว่าลูกชายต้องไปดูพวกคลิป
ตลกร้ายๆ อย่างนี้มา หรือไม่ก็จดจามาจากหนังตลกร้ายสักเรื่องหนึ่ง จึง
เอามาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่ความจริงจากปากของลูกคนเล็ก ภายในหัวของ
เธอปรากฏภาพใบหน้าของมนุษย์หมาป่าขนดาที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รู้ได้
ทันทีว่าลูกชายพูดถึงพ่อตนไหน

“แม่ไม่โกรธพวกผมแล้วใช่ไหมครับ ?” ลอเรนเงยหน้ามาทาแวว
ตาอ้อนวอนและคาดหวัง

จอยเผยรอยยิ้มอย่างฝืดๆ “แน่นอนแม่ไม่โกรธพวกลูกแล้ว” แม้


ปากของเธอพูดออกมาอย่างนั้น แต่ภายในหัวตรงข้าม ‘ไอ้หมาดา แก
กลับมาเมื่อไรโดนแน่’

สองตัวแสบหันขวับไปทางหน้าต่าง ทาใบหูกระดิก การแสดง


ท่าทางอย่างนี้ทาให้จอยรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาต้องได้ยินเสียงบางสิ่ง
บางอย่าง เพราะเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์หมาป่า ประสาทสัมผัสทางการได้
ยินและการดมกลิ่นจะไวมากเป็นพิเศษ

เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงรถยนต์เข้ามาใกล้ มันเป็นเสียงคุ้นเคยทั้ง
สาหรับเธอและลูกๆ

“พ่อมา พ่อมา !” ข้าวปั้นอุทานด้วยความตื่นเต้น

จากนั้นทั้งสองพี่น้องฝาแฝดรีบวิ่งออกไปด้วยการเคลื่อนไหวสี่ขา
จอยส่ายหน้าช้าๆ ก่อนเดินตามออกไป
“ไม่เลียลูก ไม่เลีย” เสียงหัวเราะของอเล็กซ์ดังมาจากตรงหน้า
ประตู จอยรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องอุ้มลูกชายทั้งสองขึ้นมาหอมแก้ม

เดินออกไปก็เห็นเป็นไปตามที่เดาไว้จริงๆ “คุณหิวน้าไหมคะ ? ฉัน


จะได้ไปเอามาให้”

“ไม่ต้องครับ” อเล็กซ์วางลูกชายลง จากนั้นเดินเข้ามาเพื่อจะหอม


แก้มของเธอ

แต่จอยไม่ยอมให้เขาหอมแก้ม เธอบังคับให้เขามาจูบกับปาก
ตัวเองแทน

ขณะจอยจูบกับสามีอย่างดูดดื่ม มีเสียงเหมือนนาฬิกาปลุกดังขึ้น
ขัดจังหวะ

“การ์ตูนมาแล้ว การ์ตูนมาแล้ว !” ข้าวปั้นอุทานอย่างดีใจ ขณะกด


ปิดเสียงนาฬิกาข้อมือที่ตั้งไว้ รีบวิ่งเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ลอเรนก็รีบวิ่ง
ตามไปติดๆ

ไม่ต้องเห็นก็รู้ว่าสองตัวแสบไปดูเรื่องอะไร มันต้องเป็นเรื่อง ยากี้


หมีนอ
้ ยผจญภัย

ครั้งแรกที่จอยเห็นการ์ตูนเรื่องนี้ เธอหลงคิดว่ามันเป็นสารคดีชีวิต
รักสัตว์โลก เนื่องจากฉากเปิดเรื่องมันเป็นหมีสองตัวที่กาลังทาท่าขี่กัน
จนกระทั่งภายหลังเธอมองดูดีๆ ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่เห็นผ่านตา
แท้จริงนั้นพวกมันขี่ม้าอยู่
หมีตัวแรกเป็นหมีขนสีขาว ที่บนหัวมีโบสีชมพูติดอยู่ ยังมีขนตา
เป็นงอนขนาดใหญ่ เพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นตัวเมีย

ส่วนตัวที่สองที่นั่งอยู่ด้านหลังเป็นหมีขนสีน้าตาล มีขนาดร่างกาย
ตัวใหญ่กว่าตัวที่อยู่ข้างหน้า ตรงคอของมันผูกเนกไทสีดา

ฉากเปิดตัวของเรื่อง เป็นภาพของหมีสองตัวที่นั่งอยู่บนหลังของม้า
แต่ทว่ามันฉายเน้นภาพของหมีสองตัวนี้มากกว่า ส่วนพาหนะที่พวกมันขี่
เห็นแค่อานม้ากับลักษณะหลังม้านิดเดียวเท่านั้น

การเคลื่อนไหวของม้าที่วิ่งอยู่ ทาให้หมีสองตัวนั้นมันโยกหน้าโยก
หลัง แต่มันไม่ได้โยกอย่างปกติ มันโยกเฉพาะตรงส่วนที่น่าจะใช้แสดง
เพศของพวกมัน ส่วนตรงศีรษะอยู่นิ่งอยู่กับที่ ดูไปก็เหมือนกับการ
เคลื่อนไหวของลูกตุ้มนาฬิกาโบราณ ตรงจุดนี้เองทาให้จอยเข้าใจผิด
จนกระทั่งภาพมันฉายเป็นมุมกว้าง ถึงรู้ว่าที่พวกมันโยกหน้าโยกหลัง
เป็นเพราะม้าที่ขี่อยู่ แล้วมันยังมีเสียงดนตรีประกอบด้วย

เสียงดนตรีของมันดัง ดึง๋ ๆ ฟังคล้ายลูกบอลกระเด้งกระดอนถี่รัว


ทาให้การ์ตูนเรื่องนี้มันไม่เหมาะเป็นการ์ตูนสาหรับเด็ก มันดูน่าจะเป็น
พวกคลิปตลกๆ แอบถ่ายพวกสัตว์ผสมพันธุ์กันมากกว่า

“เย้ ! ได้เวลายากี้ยากี้แล้วพวกเรา !”

จอยยืดคอแอบมองห้องนั่งเล่น ตอนนี้ลูกชายทั้งสองคนนั่งดู
การ์ตูนอย่างใจจดใจจ่อ ขณะเดียวกันเสียงของหมีในโทรทัศน์ก็พูดเปิด
เรื่อง
หลังมั่นใจว่าจะไม่มีตัวเกะกะ เธอหันกลับมาทางสามี มือลูบหน้าอก
กายาของเขา “เป็นเดือนแล้วน้า~” เธอลากเสียงยาวอย่างเชิญชวน “คุณ
ทาให้ฉันได้ไหม”

จะว่านี่เป็นโค้ดลับระหว่างเธอกับสามีก็ย่อมได้ เป็นระยะเวลาเกือบ
เดือนที่จอยอยู่ห่างจากคู่ชีวิต เธอรู้สึกเปล่าเปลี่ยวช่องพิศวาสเหลือเกิน
แล้วในเมื่อตอนนี้เขามาอยู่ตรงหน้า มีหรือที่จะยอมให้เขาหลุดรอดไป
จากมือ

อเล็กซ์โน้มลงมาจูบปากอีกครั้งก่อนถอยหน้าออกห่าง ในแววตาที่
เคยดูแจ่มใส บัดนี้พลันเปลี่ยนมาเป็นเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน “ผมต้องขอ
โทษด้วยครับ เอาไว้วันพรุ่งนี้แทนนะครับ ผมรู้สึกเพลียกับการเดินทาง
มากจริงๆ ผมอยากพักผ่อน”

ได้ยินคาขอร้องของเขาอย่างนั้น รอยยิ้มยั่วยวนของจอยพลันแข็ง
ค้าง แต่แวบเดียวเธอก็กลับมาทาใบหน้าเป็นธรรมชาติ “เอ่อ... ก็ได้ค่ะ”

“เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้าก่อน สาหรับวันพรุ่งนี้ ผมจะชดเชยวันนี้


ให้ครับ รับรองผมจะทาให้คุณครางออกมาไม่เป็นภาษา” อเล็กซ์บีบจมูก
ของเธอเบาๆ

“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเปิดแอร์บนห้องให้นะคะ คุณอาบน้าเสร็จ


จะได้ขึ้นไปนอนได้ทันที”

“ขอบคุณครับ”

ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปที่ราวแขวนผ้าเช็ดตัว ขณะเดียวกันจอย
เดินขึ้นบันได เพื่อไปห้องนอนที่อยู่ชั้นสาม
แม้ไม่ได้ดังใจ แต่จอยไม่รู้สึกผิดหวังมากเท่าไรนัก เธอเข้าใจว่า
เขาเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ธรรมดา

ภาพนอกระเบียงเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่
เปรียบเป็นสิ่งแปลกปลอมมาบดบัง เนื่องจากบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านพัก
ตากอากาศส่วนตัวของอเล็กซ์ ซื้อเอาไว้ห่างไกลจากแหล่งชุมชน แต่ถ้า
เดินออกไปแล้วมองซ้ายขวา ต้องเห็นผู้อยู่อาศัยประจาท้องถิ่นแห่งนี้
และบ้านพักตากอากาศของพวกเศรษฐีรายอื่นที่ซื้อไว้

จอยเดินไปดึงกระจกเลื่อนปิด ตามด้วยบานพับทึบแสงปิดอีกชั้น
เพื่อป้องกันไม่ให้มีแสงส่องเข้ามาแยงตา สามีของเธอจะได้นอนหลับ
พักผ่อนได้เต็มอิ่ม

“ว้ายแม่มึง !” ยังไม่ทันจะหันตัว จอยเบิกตาโตด้วยความตกใจ


เพราะถูกช้อนตัวขึ้นมา

เมื่อเห็นเป็นบุรุษลูกครึ่งอเมริกันที่อุ้มตัวเธออยู่ ลมหายใจอย่างโล่
งอกก็พ่นออกมาจากปากของเธอ

“ถามหาแม่ใครจ๊ะ ?”

ตอนแรกจอยจะถามว่ามาเล่นอย่างนี้ทาไม จนเมื่อได้ยินน้าเสียง
และลักษณะการพูดของคู่ชีวิตเปลี่ยนไป เธอรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ตัวตน
ของเขาอีกแล้ว

“ไม่เห็นต้องทาใบหน้าประหลาดใจขนาดนี้ก็ได้จ้ะ พี่มามอบ
ความสุขให้กับน้อง แทนไอ้หนอนด้นไร้น้ายา น้องไม่ดีใจเหรอจ๊ะ ?”
จอยไม่รู้ว่าตัวเองลืมไปได้ยังไง เกี่ยวกับสามีผู้นี้ บางทีบิ๊กอาจได้
ยินคาพูดที่เธอบอกตอนอยู่ข้างล่าง มันจึงออกมาแทน เพื่อทาหน้าที่ของ
สามีที่ดี

“แกมาก็ดี” จอยฉีกยิ้ม เปลี่ยนการใช้น้าเสียงราวกับพลิกจากขาว


เป็นดา เธอชาเลืองไปทางประตู “ไปปิดก่อนได้ไหม ฉันไม่อยากให้ลูก
ได้ยินอะไรที่มันทาลายวัยสดใสของพวกเขา”

“ได้เลยจ้า” บิ๊กวางตัวเธอลง เดินไปปิดแล้วล็อกไว้อีกชั้น คงกลัวว่า


เด็กๆ จะเปิดเข้ามาเห็น โดยเฉพาะเปิดมาเห็นฉากที่ไม่เหมาะไม่ควร

จากนั้นหันมาด้วยใบหน้าที่ยังคงไม่หุบยิ้ม

“แกไปนั่งตรงนู้นได้ไหม” จอยชี้ไปทางโซฟานั่งเดี่ยว “ฉันมีของจะ


เซอร์ไพรส์ รับรองแกต้องขนลุกซู่ซ่า”

“ได้จ้ะ” ขณะเดินผ่าน บิ๊กง้างมือเสยตีก้นของเธอดังป้าบ

“โอ๊ยไอ้บ้า !” จอยสะดุ้งโหยง ใบหน้าของเธอพลันเปลี่ยนมาเป็น


โกรธ มือลูบบั้นท้าย “นี่แกเลิกตีตูดฉันได้ไหมยะ ตูดฉันจะด้านหมดก็
เพราะแกนี่แหละ”

“นี่มันตอนเก่า ดูแล้วนี่” ลอเรนพ่นลมหายใจดังฟืด

“ฉันเบื่อช่องการ์ตูนเรื่องนี้จริงๆ เอาแต่ตอนเก่าๆ มาฉายอยู่ได้”


ข้าวปั้นบ่น ก่อนหันไปมองด้านหลัง ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่สักคนเดียว
ขณะเดียวกันแฝดพี่หันมามองหาคนอื่นในห้องเช่นเดียวกัน
“พ่อกับแม่ไปไหนแล้วล่ะ ?” ลอเรนพูดออกมาเหมือนราพึงราพัน
มากกว่าอยากถามผู้ร่วมสายเลือดที่นั่งอยู่ข้างๆ

“สงสัยแม่เรียกพ่อไปทาการบ้านมั้ง” ข้าวปั้นมองไปทางบันได

“ไปทาการบ้านหรอ ?” ลอเรนน้าเสียงสื่อออกมาว่าไม่เข้าใจ

“นายจาไม่ได้หรือไงว่าแม่เคยบอกเอาไว้”

ลอเรนสั่นหน้าระรัว เขาจาไม่ได้จริงๆ ว่าผู้เป็นแม่เคยบอกไว้ตั้งแต่


ตอนไหน

“นายนี่ไม่ฉลาดเลย ก็วันนั้นไงที่แม่บอก ถ้าแม่เรียกพ่อขึ้นไป


ห้องนอนเมื่อใด แสดงว่าแม่จะสอนการบ้านให้พ่อ”

“ดีเลย” ลอเรนยิ้มร่า ดวงตาเปล่งประกาย “ระหว่างแม่สอนการบ้าน


ให้พ่อ เราไปวิ่งเล่นข้างนอกกันดีกว่า”

“เดี๋ยวก่อน” ข้าวปั้นเรียก “แม่ยังไม่บอกว่าตรวจการบ้านของเรา


เสร็จ ถ้าออกไป จะโดนทาโทษได้นะ”

ลอเรนนิ่งไปครู่เหมือนกาลังคิดก่อนพูดออกมาอย่างสบายๆ “เราไม่
ต้องไปกลัวหรอกน่า ถ้าแม่จะทาโทษ เราก็อ้างไปเลยว่าเราทาเสร็จแล้ว
แต่แม่ไม่ยอมตรวจให้ แม่ลาเอียงไปสอนการบ้านให้พ่อก่อน เราจึง
ออกไปวิ่งเล่นเพื่อรอแม่แทน”

“มันจะดีเหรอ ?” น้าเสียงของข้าวปั้นฟังออกไปทางลังเลกับตัวเอง
มากกว่าถามให้อีกฝ่ายไตร่ตรองอีกครั้ง
“นายก็รู้นี่ เวลาแม่ขึ้นไปสอนการบ้านให้พ่อใช้เวลานานมากแค่
ไหน แต่ถ้านายเลือกจะรอคอยอยู่ในห้องนี่ต่อไป ก็ตามใจนายก็ละกัน
ส่วนฉันไม่รอหรอก ออกไปวิ่งเล่นดีกว่า”

“เดี๋ยวๆ รอฉันด้วย” ข้าวปั้นรีบลุกออกไปตามติดๆ

จอยยกกล่องใส่สินค้าใบหนึ่งออกมาจากที่ลับ เดินมานั่งคร่อมบิ๊
กบนโซฟา

“พี่นึกว่าน้องจะเล่นยากี้ยากี้กับพี่เลยเสียอีก”

คาพูดของบิ๊ก ทาให้จอยนึกไปถึงการ์ตูนที่มีฉากเปิดเรื่องสุด
อุบาทว์นั่น

“มันยังไม่ถึงเวลายากี้ยากี้หรอกคุณพี่บิ๊กขา ตอนนี้มันต้องเป็นช่วง
ดึงฮูฮู้ก่อน เราจะข้ามขั้นตอนไม่ได้” จอยไม่อธิบายต่อว่าช่วง ดึงฮูฮู้ มัน
คืออะไร เธออยากให้เขาได้เซอร์ไพรส์

“นี่อะไรจ๊ะ ?” บิ๊กมองดูของที่อยู่ในมือเธอ

“ก็ของที่ฉันจะใช้สร้างความหรรษาให้กับบทรักของเราไง”

“อู๊ว อย่างนี้พี่ต้องรีบแกะดูแล้ว” บิ๊กทาใบหน้าตื่นเต้นราวกับจะได้


แกะของขวัญวันเกิด แต่ทว่าน้าเสียงไม่เป็นหนึ่งเดียวกับใบหน้าแม้แต่
น้อย ฟังค่อนข้างออกไปทางเหมือนพวกโรคจิตจะได้สูดกลิ่นของ
กางเกงในผู้หญิงมากกว่า
“หยุดก่อน” จอยตีมือของสามีเบาๆ ก่อนวางกล่องลง มองใบหน้า
ของบิ๊ก พร้อมเผยรอยยิ้มอย่างเย็นเยือก “พี่บิ๊กขา น้องเคยบอกไปแล้ว
ว่ามันเป็นช่วง ดึงฮูฮู้ ก่อนไงคะ เราจะข้ามขั้นตอนไม่ได้เด็ดขาด”

“ดึงฮูฮู้มันคืออะไรจ๊ะ ?” จนกระทั่งบิ๊กอดสงสัยไม่ได้จึงถาม

“ก็อย่างนี้ไงคะ” จอยจับหูทั้งสองข้างของเขาแล้วดึงออกอย่างแรง
“คุณพี่บิ๊กไปสอนอะไรให้ลูกคะ คุณพี่จาได้หรือเปล่า ?” เธอยังคงพูด
ด้วยน้าเสียงออดอ้อน ตรงข้ามจากการกระทา

“อะโอ๊ย ! น้องอย่าทา พี่เจ็บ”

ใบหน้าของบิ๊กที่แสดงความเจ็บปวดออกมา จอยเห็นแวบเดียวก็รู้
ได้ทันทีว่าเขาแสร้งทา โดยเฉพาะน้าเสียงฟังเหมือนออกไปทางหยอก
ล้อ ยิ่งทาให้เธอเกิดอารมณ์มากขึ้น

“ไอ้กะล่อน ฉันรู้ย่ะ ไม่ต้องมาทาใบหน้าเหมือนเจ็บบานตาย”


ใบหน้าของจอยพลันเปลี่ยนเป็นนางมารร้าย มือดึงแรงกว่าเดิม จนคราว
นี้ใบหน้าของบิ๊กบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของจริง พร้อมร้องเสียงหลง
“แกไปสอนเรื่องอุบาทว์ๆ ให้ลูกทาไม !”

สองพี่น้องฝาแฝดในร่างมนุษย์หมาป่า เมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนสิบกว่า
ตน ที่เป็นลูกเศรษฐีที่มาพักตากอากาศเหมือนกัน จึงรีบไปตรงจุดนั้น

ขณะใกล้ไปถึง สองแฝดรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าเพื่อนๆ กาลังเล่น


อะไรกัน เนื่องจากเพื่อนทุกตนมีดาบอยู่ในมือ นอกจากนี้ยังแยกออกเป็น
สองกลุ่ม กลุ่มแรกเหมือนมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าอกสองก้อน
ส่วนอีกกลุ่มเหมือนมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่อยู่ตรงพุง
“พวกนายกาลังเล่นอะไรกัน ? เราขอเล่นด้วย”

เพื่อนทุกตนหันมามองต้นเสียงของลอเรน แต่ไม่มีเด็กในร่างสัตว์
ตานานตนไหนตะโกนบอก จนกระทั่งทั้งสองฝาแฝดมาถึง เด็กชายใน
ร่างเสือจากัวร์ดา ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่มีหน้าอกใหญ่พูดขึ้นมา

“เราเล่นเป็นจอมยุทธ์กัน ถ้าพวกนายจะเล่น ต้องไปเข้าสานักพุง


ป่องฝั่งนั้นแทน” เด็กชายในร่างเสือจากัวร์ชี้ไปที่กลุ่มเพื่อนอีกฝั่ง

“เอานี่ลูกโป่ง” เด็กชายในร่างมนุษย์หมาป่าขนสีขาวยื่นลูกโป่งมา
ให้ “ไปเป่าแล้วเอาไว้ใต้เสื้อตรงท้อง นายจะได้เข้าสู่สานักพุงป่องของ
เรา จากนั้นจงไล่ฆ่าพวกสานักเต้าอวบซะ”

“เดี๋ยวก่อน” เด็กชายเผ่าเสือจากัวร์ยกมือห้าม ดวงตามองมาที่มือ


ว่างเปล่าของสองฝาแฝด “พวกนายไม่มีดาบ อย่างนี้พวกนายก็เล่นกับ
พวกเราไม่ได้”

“ใครว่าไม่ได้” เด็กชายมนุษย์หมาป่าขนสีขาวแย้ง “ใช้กิ่งไม้แทน


ได้ไม่เป็นอะไร” จากนั้นเขาก็หันกลับมาที่สองแฝด มือชี้ไปทางต้นไม้
“พวกนายรีบไปเก็บมาเร็วเข้า เราจะได้ถล่มสานักเต้าอวบ”

“ไปเก็บมาเลย” เด็กชายในร่างมนุษย์หมาป่าขนสีออกแดงที่ชื่อว่า
แม็ท ขยับลูกโป่งที่อยู่ตรงหน้าอกสองก้อนให้เข้าที่ จากนั้นก้าวออกมา
ด้วยท่าทางเหมือนผู้ยิ่งใหญ่ พร้อมหัวเราะด้วยน้าเสียงเหมือนพวกตัว
โกง “ฉันในนามของหัวหน้าสานักเต้าอวบ จะใช้ดาบเลเซอร์ฟันให้หัก
ฉันจะถล่มสานักพุงป่องของพวกนายให้สิ้น” จากนั้นก็แกว่งดาบ
ของเด็กเล่นไปมาข่มขวัญ
สองพี่น้องฝาแฝดมองดาบในมือของเพื่อนแต่ละตนอย่างอิจฉา
เนื่องจากดาบพวกนั้นมันเป็นของเล่นจากหนังสตาร์วอร์ส นอกจาก
เปล่งแสงได้เหมือนดาบเลเซอร์ในภาพยนตร์ ทุกครั้งที่มันถูกกวัดแกว่ง
ต้องมีเสียงหึ่งๆ ออกมา

“เอาไงดี เราไม่มีแบบมัน” ข้าวปั้นหันไปถามแฝดพี่

“จะไปยากอะไร เราก็แค่ไปซื้อมั่งแค่นั้น เรารวยกันอยู่แล้ว” ลอเรน


ควักบัตรเศรษฐีออกมา “เดือนนี้เรายังไม่ได้เอาไปรูดซื้ออะไรทั้งสิ้น เรา
ยังมีเงินเหลือตั้งห้าหมื่นในบัตร” เขาหัวเราะตกท้าย

บัตรเศรษฐีนี้ คือสิ่งที่ทางภาครัฐมอบให้สาหรับผู้มีอันจะกิน
เหลือเฟือ เอาไปใช้รูดซื้อของเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้มีอันจะกิน
ทั้งหลายแหล่จะได้รวยกันมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะไม่ต้องเสียเงินไปซื้อ
ข้าวของเครื่องใช้ หรืออาหารกินเพื่อประทังชีวิตให้เสียเงินของตัวเอง
โดยไม่จาเป็น

“เออใช่ ฉันลืมไปได้ไง” ข้าวปั้นล้วงกระเป๋าเอาบัตรเศรษฐีออกมา


จากนั้นหัวเราะตามพี่ชาย “ของฉันเหลือตั้งห้าหมื่น นี่ยังไม่ได้ใช้เลย
อย่างนี้ต้องไปเหมาของเล่นให้หมดทั้งแผง”

“แต่พวกนายจะไปซื้อได้ไง ที่นี่มันไม่มีห้าง ไม่มีร้านของเล่น มีแต่


ร้านขายของธรรมดาอยู่ร้านเดียว บัตรนั่นก็ใช้กับร้านนี้ไม่ได้ มันไม่มี
เครื่องรูดเหมือนในห้างหรู”

คาพูดของเด็กเสือจากัวร์ทาสองแฝดชะงักอยู่ในท่าหัวเราะ

“ใช่” มนุษย์หมาป่าขนสีน้าตาลอีกตนย้าคาพูด “บัตรเศรษฐีนั่น มัน


ใช้ได้เฉพาะในเมือง ที่นี่มันบ้านนอก นายใช้ไม่ได้หรอก ฉันว่านายไป
เก็บกิ่งไม้มาแทนดีกว่า สานักของฉันจะได้ถล่มสานักพุงป่องของนายให้
สิ้นซาก” พูดจบเขาก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย ชี้ปลายดาบสตาร์วอร์สมา

“แย่แล้ว ! ทาไงดี” ข้าวปั้นมองหน้าพี่ชาย ขณะเดียวกันลอเรนหัน


มาสบตาอย่างคิดไม่ตก ทั้งสองรู้ว่าถ้าจะเดินทางไปในเมืองต้องใช้รถ
หรือไม่ก็เลือกเดินเท้าเปล่าไป จากนั้นตามด้วยเรียกรถเพื่อไปลงที่
สนามบิน เท่านั้นยังไม่พอ ต้องนั่งเครื่องบินต่อไปอีกเพื่อจะลงในเมือง
หลวง สรุปแล้ว นอกจากเดินทางไกลจนไม่แตกต่างจากการเดินทางข้าม
ประเทศและลาบากแทบขาดใจ เงินในบัตรรวมกันแสนหนึ่งก็ยังไม่พอ
กับค่าเดินทาง

“ฉันนึกขึ้นได้ พรุ่งนี้เป็นวันที่หนึ่งของเดือนใหม่ พวกนายจะเสีย


สิทธิ์ของบัตรเศรษฐีถ้าไม่ได้ใช้บัตรนั้น”

คาพูดของเสือจากัวร์เหมือนจะยิ่งซ้าเติมให้สองแฝดเกิด
ความเครียด เนื่องจากเงินจานวนนี้มันไม่สามารถเก็บสะสมเพื่อไปใช้
จ่ายในคราวเดียวได้

แต่ไม่นานนัก ลอเรนก็นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านมีผ้าวิเศษสาหรับสั่งซื้อ
สินค้า จึงบอกแฝดน้อง “เราไปเปิดดูร้านค้าออนไลน์จากร้าน
อเนกประสงค์กันดีไหม ?”

“นายลืมไปแล้วหรอว่าเราทาขาดไปตั้งแต่เมื่อวาน” ข้าวปั้นยังคง
จดจาได้แม่นยา เนื่องจากทั้งตัวเขาและพี่ชายถูกแม่ตี ด้วยเหตุผลแย่ง
กันจะสั่งสินค้า จนมาสรุปแย่งกันดึงผ้าผืนนั้น ทาให้มันขาดออกเป็นสอง
ส่วน

“เออใช่” ลอเรนขนหลังลุกตั้ง มือลูบก้นตัวเองอย่างหวาดผวา


“เราขอยืมร้านค้าอเนกประสงค์จากพวกนายได้ไหม ?” ข้าวปั้นหัน
ไปทาแววตาอ้อนวอนกับเพื่อนๆ

“ให้ยืมไม่ได้หรอก” เด็กชายในร่างมนุษย์หมาป่าขนสีขาวตอบ
ปฏิเสธ “นั่นเป็นของพ่อแม่ ถ้าฉันไปเอามาให้พวกนาย ฉันก็โดนแม่ทา
โทษสิ แม่ฉันไม่ให้ใครยืมทั้งนั้น”

“ฉันก็เหมือนกัน พ่อฉันสั่งห้ามไว้” เด็กชายในร่างเสือจากัวร์บอก

หลังจากนั้นเพื่อนทุกตนก็ตอบมาทิศทางเดียวกันหมด เนื่องด้วยสิ่ง
ที่เรียกว่า ร้านค้าอเนกประสงค์ ความสามารถของมันไม่แตกต่างจาก
โทรศัพท์ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าและหักเงินออกจากธนาคารได้ทันที แม้
มันทาให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่าย ในขณะเดียวกันก็เป็นอันตรายต่อการ
ใช้จ่าย นี่จึงเป็นดาบสองคมอย่างหนึ่ง

“รีบๆ ไปเก็บเอาไม้มาเร็ว” แม็ทสะบัดมือไล่อย่างคุณนายไล่ขี้ข้า

“เดี๋ยวๆ เราขอเวลาครู่เดียว” ลอเรนนึกขึ้นได้ จากนั้นหันไปทาง


น้องชาย “เราไปเอาร้านค้าอเนกประสงค์จากพ่อแทนกันดีไหม ?”

ข้าวปั้นดวงตาเปล่งประกายด้วยความหวัง “ความคิดดีมาก เราไป


กันเร็วเข้า”

เมื่อสองฝาแฝดมาถึงห้องนอนของผู้ให้กาเนิด ได้ยินเสียงโอดโอย
ของผู้เป็นพ่อร้องออกมา พร้อมกับเสียงโหดเหี้ยมของผู้เป็นแม่ สองฝา
แฝดจินตนาการออกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันว่าเราอย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้จะดีกว่า” ลอเรนกระซิบด้วยเสียง
สั่นๆ

“ถ้าเราไม่ขอเอาร้านค้าอเนกประสงค์จากพ่อ เราก็เอาชนะพวกมัน
ไม่ได้” จากนั้นข้าวปั้นเงียบไปชั่วขณะก่อนอุทานอย่างดีใจ “เราไม่ต้อง
เสี่ยงเข้าไปแล้ว นายจาได้ไหมว่าเมื่อวานเราไปเจอดาบวิเศษ เอาดาบ
นั่นมาใช้แทนก็ได้”

“งั้นเรารีบไปเอามาเร็ว เดี๋ยวพวกนั้นไม่ให้เราไปเล่นด้วย”

จากนั้นสองฝาแฝดรีบวิ่งลงบันได ตรงไปที่กล่องเก็บของเล่น

“พวกเรามาแล้ว !” ลอเรนตะโกนบอกกลุ่มเพื่อนที่กาลังเล่นกันอยู่

“ไหนดาบเลเซอร์ของพวกนาย” แม็ทมองที่มือของสองแฝด แต่ก็


ไม่เห็นสิ่งที่มีหน้าตาเหมือนของเล่น นอกจากสิ่งที่มีหน้าตาคล้ายเทียน
ไข เป็นแท่งยาวประมาณสามสิบเซนติเมตร

“ก็นี่แหละดาบเลเซอร์ของพวกเรา” ลอเรนชูของในมืออย่าง
ภาคภูมิใจ “เห็นไหม นี่ยังมีเขียนยี่ห้อไว้ตัวเบ้อเริ่ม” เขาชี้ให้ดูตรงป้ายที่
ด้ามจับ มันเขียนเอาไว้อย่างสวยงามว่า Sex toy (เซ็กทอย)

“ฉันว่าชื่อยี่ห้อมันอ่านแปลกๆ นะ” เด็กชายเสือจากัวร์บอกให้ลอง


คิดตาม

“ไม่แปลกหรอกน่า ไม่เห็นหรือไงว่าคาสุดท้ายมันเขียนว่า Toy


ชัดเจนขนาดนี้ มันต้องเป็นของไว้สาหรับเล่นอยู่แล้ว” ลอเรนยืนยัน
ความคิดตน
“ทาไมดาบของพวกนายมันสั้นจัง ? ลักษณะของมันยังดูไม่เหมือน
ดาบเลเซอร์ด้วย” แม็ทยกดาบตัวเองมามองเปรียบเทียบ โดยเฉพาะกับ
ของข้าวปั้น ตรงปลายยอดนอกจากมันเหมือนหัวดอกเห็ด ยังตะปุ่มตะป่้า
ราวกับสิวหัวช้าง

“ก็ของพวกเรามันเจ๋งกว่าของพวกนายไง ไม่เชื่อดู” ลอเรนกดปุ่ม


ตรงด้านจับ จากนั้นเครื่องในมือเปล่งแสงออกมา

“เจ๋งกว่าตรงไหน ของพวกฉันก็ทาได้เหมือนกัน” แม็ทรีบกดปุ่มให้


ดาบเลเซอร์เปล่งแสง ความสว่างของมันมีมากกว่าที่ลอเรนแสดงให้ดู
มากหลายเท่า

“นั่นมันแค่พื้นๆ เท่านั้น ของนายทาอย่างนี้ได้เปล่า” ลอเรนกดอีก


ปุ่ม ทาให้ตัวเครื่องสั่น

“ของฉันยังหมุนได้ด้วย” ข้าวปั้นกดปุ่มเครื่องของตัวเองตาม ทาให้


มันหมุนเป็นเหมือนสว่านเจาะกาแพง

“ก็แค่สั่นกับหมุนได้ ของฉันเจ๋งกว่า ดูนี่ มีเสียงด้วยเห็นไหม” แม็


ทรีบกวัดแกว่งดาบเลเซอร์ ทาให้เกิดเสียงหึ่งๆ

“กระจอก ทาได้แค่เสียงหึ่งๆ ของฉันทาได้ยิ่งกว่านั้นอีก ไม่เชื่อดู”


จากนั้นลอเรนกดอีกปุ่มหนึ่ง ทาให้ตัวเครื่องเปล่งเสียงออกมา

(อู๊ว... อ้า... ซี้ด... โอ้เยส... โอ้เยส... เยส !)

ใบหน้าของเพื่อนแต่ละตนเริ่มแสดงความขยะแขยงออกมามากขึ้น
ทุกขณะ ราวกับวัตถุสิ่งนั้นเป็นอุจจาระส่งกลิ่นเหม็น
แม็ทร้องยี้ “ทาไมเสียงดาบเลเซอร์ของนายมันฟังแปลกๆ อย่างนั้น
?”

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าของเราเจ๋งกว่า จงดูให้ดี” ลอเรนชูอาวุธ “ท่าน


เทพเจ้ากระบี่ ได้โปรดมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับข้า !” จากนั้นเขากดปุ่ม
การสั่น เร่งความแรงไปสูงสุด “จงระเบิดไปซะ ย้าก !” เขาหมุนแขนไป
ข้างหลัง เสยไปที่ใต้ลูกโป่งลูกหนึ่ง ที่อยู่ตรงหน้าอกของแม็ท ทาให้มัน
เกิดการสั่นระรัว หนึ่งวินาทีหลังจากนั้น ลูกโป่งพลันแตก

แม็ทก้มมอง ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจ “อ๊าาาาาา~ นมฉัน


ระเบิด !”

“คราวหลังอย่าไปสอนให้ลูกทาอะไรอุบาทว์ๆ อย่างนั้นอีกเข้าใจ
ไหม ?” จอยดีดติ่งหูของสามีส่งท้าย

“โอย...” บิ๊กเสียงสั่นระรัว “ได้จ้ะ พี่จะไม่สอนอย่างนั้นอีกแล้ว”


ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนมาเบิกบาน “ว่าแต่น้องจะเซอร์ไพรส์อะไรพี่
จ๊ะ ?”

บิ๊กเปลี่ยนแปลงใบหน้าและน้าเสียงฉับพลันอย่างนี้ จอยรู้สึก
เหมือนเขาไม่ได้สนใจที่เธอสั่งเท่าไรนัก ทาให้เธอเริ่มโกรธอีกครั้ง แต่
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอยอมปล่อยวาง เพราะนึกได้ว่านี่เป็นลักษณะนิสัย
ของตัวตนนี้อยู่แล้ว ถ้าอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องตัวเธอไปมีความสัมผัสกับ
ชายอื่น บิ๊กจะให้เป็นเรื่องเล็กๆ เสมอเรื่อยไป ไม่เว้นแม้แต่ครั้งนี้

“แกอยากรู้ใช่ไหมว่าฉันจะเซอร์ไพรส์อะไร ?”
“ใช่จ้ะ” บิ๊กพยักหน้ารัวๆ

“ฉันสั่งซื้อนี่มา รับรอง เราได้สนุก” จอยเผยรอยยิ้ม มือเปิดฝาก


ล่องด้วยความเชื่องช้าเพื่อทาให้น่าตื่นเต้นมากขึ้น

“ไหนของที่น้องจะเอามาเซอร์ไพรส์พี่จ๊ะ พี่ไม่เห็นมีอะไรอยู่ใน
กล่องแม้สักชิ้น”

คาถามของบิ๊กทาให้จอยเกิดความสงสัย จึงเปิดฝากล่องกว้างมาก
กว่าเดิมแล้วหันมามองดู ดวงตาของเธอพลันขยายกว้างอย่างแปลกใจ

“หายไปไหนแล้วล่ะ ?” จอยหยิบถุงลมกันกระแทกออกมาจนหมด
แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดในกล่อง นอกจากใบเสร็จของการสั่นซื้อ

“น้องหาอะไรจ๊ะ ?”

“หาดิลโด วันนั้นที่สั่งมายังเห็นอยู่ในกล่อง แต่ตอนนี้มันหายไป


ไหนไม่รู้”

“น้องลองเอาไปใช้งานแล้วลืมเก็บหรือเปล่าจ๊ะ ?” บิ๊กฉีกยิ้ม มือลูบ


บั้นท้ายของเธอ

“เอาไปใช้บ้าแกสิ” จอยตีมือซุกซนของสามี “ฉันไม่ได้อดอยากจน


ถึงกับต้องไปพึ่งมัน ฉันว่าจะเอามาเล่นตอนเราเข้าด้ายเข้าเข็ม อย่างนี้
ท่าใหม่ที่ฉันตั้งใจคิดค้นคงเล่นไม่ได้แล้ว” เธอถอนใจอย่างสิ้นหวังก่อน
เปลี่ยนท่าทีฉับพลันเพราะฉุกคิดได้ “เดี๋ยวก่อนนะ ต้องใช่แน่ๆ”

“ใช่อะไรจ๊ะ ?” บิ๊กถามเพราะต้องการให้ขยายความหมาย
“ทั้งบ้านก็มีฉันกับลูกอยู่เท่านั้น ถ้าไม่ใช่ฉันก็ต้องเป็นลูกที่มาหยิบ
ไป ฉันว่าแอบซ่อนอย่างดีแล้วเชียวนะ”

“ช่างเถิดจ้ะ เอาไว้วันหลังน้องค่อยไปสอบถามก็ได้ ตอนนี้พี่


อยากจะ...” บิ๊กเลียฝีปาก มือลูบต้นขาทั้งสองข้างของเธอ

เพียงเท่านี้จอยรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการทาอะไร

“ก็ได้ แต่เรื่องที่ฉันจะเซอร์ไพรส์ไม่ได้มีแค่นี้ ฉันยังมีอีกอย่าง แต่


ก่อนอื่น” จอยมองต่าลงมาที่ตรงซิปกางเกงของเขา “ว่าแต่แกล้างมาหรือ
ยัง ?”

“แน่นอนอยู่แล้วจ้ะ น้องจะพิสูจน์ดมดูก็ได้นะจ๊ะ”

“ไอ้ลามก” จอยดีดติ่งหูของบิ๊กอีกรอบ ขณะเดียวกันเขาหัวเราะ


อย่างชอบอกชอบใจ จากนั้นเธอลุกเดินไปเอาอีกกล่องหนึ่ง แล้วมา
นั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของเขา “รู้ไหมคะว่าซูชิมันมีขั้นตอนในการทา
ยังไงบ้าง ?” จอยช้อนตา มือเปิดกล่องออกให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ซึ่งมี
วัตถุดิบใช้สาหรับทาอาหารญี่ปุ่นและอุปกรณ์บางส่วน

“ไม่รู้จ้ะ” บิ๊กส่ายหน้า

“วันนี้ฉันจะสอนวิธีการทาให้เอง พี่บิ๊กจะได้รู้ขั้นตอนของความ
อร่อย” จอยเผยรอยยิ้ม

“อู๊ว !” บิ๊กสะดุ้งเพราะถูกกาเป้า

“ไม่ต้องตกใจไปค่ะ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการสอนเท่านั้น” จอยรูด


ซิปกางเกงของเขาออก จากนั้นล้วงเข้าไปควักเอาบางสิ่งบางอย่างเป็น
แท่งออกมา “อุ๊ย วันนี้คุณพี่บิ๊กหุงข้าวญี่ปุ่นสวยจังเลย ดูสิยังร้อนๆ อยู่
ด้วย” เธอรูดแท่งนั้น ทาเอาบิ๊กหายใจถี่รัวอย่างตื่นเต้น “จากนั้นเราก็จะ
ใส่น้าน้าส้มสาหรับทาซูชิ” เธอเปิดขวดน้าส้มญี่ปุ่น เขย่าให้น้าออกมา
เหมือนขวดน้าปลาของประเทศไทย ไล่ไปตามความยาวของแท่งเนื้อ
เบื้องหน้า “แต่ว่าเราอย่าใส่ไปเยอะนะคะ เดี๋ยวมันแฉะ จากนั้นเราก็คลุก
ให้เข้ากัน แต่นี่เป็นสูตรใหม่ เราจะไม่คลุก เราจะเปลี่ยนมารูดแทน”

อะ... “อู๊ว !” บิ๊กดวงตาเบิกโตเพราะความเสียว ตอนนี้ท่อนเนื้อของ


เขาถูกรูดด้วยความเร็วสูงจนเกิดเสียงซวบๆ

“เสร็จแล้วเราก็จะตักมาวางบนสาหร่ายที่เตรียมไว้บนเสื่อไม้ไผ่นะ
คะ แต่เราจะเปลี่ยนขั้นตอนเล็กน้อย เราจะไม่ม้วนสาหร่าย เราจะเอา
สาหร่ายมาพันข้าวแทน” จอยพูดไปมือก็เคลื่อนไหวไปตามคาอธิบาย
“สาหรับสูตรอร่อยนี้ เราจะไม่หั่นเป็นท่อนๆ นะคะ เราจะเสิร์ฟทั้งอย่างนี้”
เธอจับท่อนเนื้อในมือชี้ขึ้นให้สามีดู “เป็นไงคะ น่าอร่อยไหม ?”

บิ๊กพยักหน้าระรัว “น่าอร่อยมากเลยน้องจ๋า”

“น่าอร่อยอย่างนี้ เดี๋ยวฉันต้องขอลองชิมสักหน่อยนะคะ ฉันอยากรู้


ว่าฝีมือตัวเองถึงขั้นระดับปรมาจารย์การทาซูชิแล้วหรือยัง”

“เชิญตามสบายเลยจ้ะ” บิ๊กเสียงสั่นแหบพร่า

จอยอมส่วนปลายเข้าไป ตวัดลิ้นสลับดูดจนมีเสียงดังจ๊วบๆ ทาบิ๊


กถึงกับขนลุกซู่ ปากอ้าสั่นระรัว

“อืม...” เธอถอยหน้าออกมา เลียริมฝีปาก “อร่อยจริงๆ ด้วยค่ะ เอ๊...


ถ้าจิ้มกับโชยุจะอร่อยขนาดไหนน้า~”
“ลองดูเลยจ้ะ ลองดูเลยคุณเมียจ๋า” บิ๊กเร่งเร้า

จอยเปิดขวดโชยุแล้วเทใส่ถ้วยใบน้อย ขณะยกมันขึ้นมา มืออีก


ข้างจับท่อนเนื้อที่พันด้วยสาหร่าย จนกระทั่งทั้งสองอย่างนี้มาอยู่ใกล้กัน
เธอเอาส่วนปลายของท่อนเนื้อจิ้ม แล้วอมเข้าไปก่อนเปลี่ยนเป็นดูด

ทุกขณะที่เธอกลืนกินความใหญ่ยาวเข้าไปในปากลึกมากขึ้น
สังเกตเห็นมือของบิ๊กสั่นระรัวไม่หยุด ไม่นานเขาก็ปล่อยร่างไปตามพนัก
พิง หน้าแหงนขึ้น ดวงตาดูเคลิบเคลิ้ม

แต่จอยทาให้เขาไม่นานนัก เพราะนึกขึ้นได้ว่าลืมสิ่งสาคัญ
สาหรับซูชิไป ดวงตาจึงชาเลืองมองไปในกล่อง มือหยิบถ้วยพลาสติกใบ
เล็กเท่าเหรียญสิบขึ้นมา ซึ่งบนฝาพลาสติกของถ้วยมันเขียนว่า วาซาบิ
สาเร็จรูปพร้อมรับประทาน

‘แซ่บแน่’ ดวงตาจอยเปล่งประกาย ปากฉีกยิ้มกว้าง

ทันทีที่บิ๊กรู้สึกเหมือนมีครีมมาแปะตรงปลายยอดของเนื้ออ่อน
ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง

จากนั้นก็มีเสียงของบุรุษเพศ ดังลั่นออกมาจากบ้านพักตากอากาศ
มันดังไปไกล จนสะท้อนไปมาระหว่างภูเขาที่อยู่รายล้อม

***

ตานานสยองขวัญของมหาวิทยาลัย เรื่อง ป๊อก... ป๊อก... ครืด... สถานที่


เกิดเหตุมาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หอหญิงที่ 7 ระยะเวลาที่เกิด
เหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด สมัยที่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง
เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง พวกเธอน่าจะอาศัยอยู่ที่ ชั้น 2 หรือ 3
ของหอหญิงที่ 7 ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาส่วนใหญ่มุ่งมั่นในการ
อ่านหนังสือกัน ตอนนั้นเป็นช่วงหัวค่า นักศึกษาหญิงคนที่หนึ่งไม่สบาย
เพื่อนร่วมห้องคนที่สองจึงชวนไปทานข้าว แต่เพราะคนที่หนึ่งเป็นไข้จึง
ไปไม่ไหว เพื่อนร่วมห้องคนที่สองจึงบอกว่าจะซื้อมาฝากให้เอง เวลา
ผ่านไปนานมากซึ่งไม่ทราบว่านานแค่ไหน นักศึกษาคนที่หนึ่งลืมตา
ขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือเพราะได้ยินเสียงมาจากตรงบันได ป๊อก...
ป๊อก... ครืด... เสียงของมันดังเป็นระยะๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่ามี
คนลากสิ่งของหนักๆ ขึ้นมา จนกระทั่งเสียงนั้นก็มาถึงหน้าประตู
หลังจากนั้นก็มีเสียงเคาะ ในใจนักศึกษาสาวคนที่หนึ่งคิดว่าเพื่อนกลับ
มาแล้ว แต่ทาไมเพื่อนยังไม่เข้ามา เธอจึงลุกเดินไปแง้มประตูดูแทนเปิด
ทันทีทันใด เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ตรงลูกบิดมีถุงอาหารที่ฝาก
เพื่อนไปซื้อ ที่พื้นมีน้าเปียก มีเศษดิน และใบไม้ใบหญ้า เป็นทางยาว แต่
ไร้ซึ่งภาพของเพื่อนหญิง เมื่อถึงรุ่งเช้า มีคนมาเคาะประตู บอกว่าเพื่อน
ตายแล้ว เพื่อนหญิงคนที่สองถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดกัน
ว่า ขณะเดินกลับหอพัก น่าจะถูกฉุดไป สภาพร่างกายของศพมีรอยช้า
แขนขาหัก เหมือนถูกทุบด้วยของแข็ง อาจเป็นเพราะถูกคนร้ายใช้ท่อน
ไม้ทุบเพื่อไม่ให้หนี สันนิษฐานกันว่าเพื่อนที่เสียชีวิตไป วิญญาณของ
เธอใช้ปากคาบถุงกับข้าวที่ถูกฝากซื้อ ใช้คางเกยบันไดแล้วขยับลาก
ร่างกายตัวเองขึ้นมาทีละขั้น จึงเกิดเสียง ป๊อก... ป๊อก... ครืด... ตอนแรก
ไม่มีใครเชื่อว่าจะมีผีอย่างนี้ จนกระทั่งมีคนที่อาศัยอยู่ในชั้นเดียวกัน
ยืนยันว่า ได้ยินเสียงเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเป็นเศษใบไม้ใบ
หญ้าและดิน ลักษณะเหมือนเอาสิ่งของไปคลุกกับพื้นที่เปียกแฉะลาก
ขึ้นมาเป็นทางยาว มีเรื่องเล่ากันมาว่า ในช่วงก่อนหมดลมหายใจสุดท้าย
จิตที่ยังคงโหยหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะนาทางดวงวิญญาณนั้นไป ไม่ว่า
จะเป็นความแค้น ความหวงต่อสมบัติ หรือแม้กระทั่งความรัก
ตัวอย่างเช่นแม่นากพระโขนง และดวงวิญญาณของนักศึกษาสาวนี้
เช่นเดียวกัน คาดกันว่า ในช่วงก่อนหมดลมหายใจสุดท้าย เธอคงเป็น
ห่วงเพื่อนร่วมห้องอย่างมาก ดวงวิญญาณจึงไปทาตามความปรารถนา
สุดท้าย จนกระทั่งทาสาเร็จ ดวงวิญญาณของเธอจึงหายไปหลังจาก
หมดห่วง ซึ่งตานานเรื่องนี้ถูกนาเอาไปสร้างเป็นหนังที่ชื่อว่า มหาลัย
สยองขวัญ (เรื่องนี้อาจเล่าแตกต่างกันออกไป เนื่องจากมันไม่สามารถ
ระบุแน่ชัดได้ ตัวนักเขียนจึงเขียนเพิ่มรายละเอียดให้มันสมจริงเข้าไป
นิดหน่อย)

ชักดาบ สุภาษิตนี้หมายถึง ไม่จ่าย ส่วนใหญ่ใช้กับคนที่ไปเอาสินค้าของ


ผู้อื่นมาแต่ไม่ยอมจ่ายเงินให้ อย่างเมื่อสมัยก่อน พวกคนที่มีอาวุธ เมื่อไป
นั่งกินอาหารที่ร้านจนอิ่มแล้ว ถ้าไม่ยอมจ่ายก็จะชักดาบออกมาขู่
จากนั้นจะลุกเดินออกจากร้านไป

น้าขึ้นให้รีบตัก สุภาษิตนี้หมายถึง เมื่อมีโอกาสดีๆ ผ่านเข้ามา ให้


รีบคว้า หรือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เอาไว้ก่อนที่มันจะไป เช่นเดียวกับใน
อดีต เมื่อน้าขึ้นให้รีบไปตักใส่ตุ่มให้เต็ม เพราะถ้ามันลดเมื่อไร จะทาให้
การไปตักยากลาบากมากขึ้น

น้ามา ปลากินมด น้าลด มดกินปลา สุภาษิตนี้หมายถึง โอกาสที


ใครทีมัน เช่นเดียวกับเมื่อน้ามา ปลาจะได้โอกาสกินมด แต่เมื่อน้าลด มด
จะได้โอกาสไปกินปลา

สอนจระเข้ว่ายน้า สุภาษิตนี้หมายถึง การไปสอนคนที่เขามีความรู้


ด้านนั้นๆ หรือเชี่ยวชาญมากอยู่แล้ว เหมือนกับสอนจระเข้ว่ายน้า ทั้งที่
ความจริงไม่จาเป็นต้องไปสอน ในเมื่อจระเข้มันชานาญในการว่ายน้า
อยู่แล้วนั่นเอง
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง สุภาษิตนี้หมายถึง การรู้จัก
แต่งตัว มนุษย์จะดูดีได้ ต้องรู้จักการแต่งตัว ด้วยเครื่องสาอาง เสื้อผ้า
เหมือนไก่ที่ไม่ได้สวยเพราะเนื้อหนัง แต่สวยด้วยขนของมัน

หนูตกถังข้าวสาร สุภาษิตนี้หมายถึง ผู้ที่มีฐานะยากจนได้แต่งงาน


กับคนรวย โดยส่วนใหญ่จะใช้กับผู้ชายที่ยากจนได้แต่งงานกับสาวที่
ร่ารวย เหมือนกับหนู ถ้ามันโชคดีตกลงไปในถังข้าวสาร มันก็จะได้กิน
อาหารโดยไม่มีอั้น ส่วนที่ตัวผู้แต่งเขียนว่า “ทอมก็กระโดดลงไปไล่จับ
เจอร์รี่” ตัวนักเขียนเอาตัวการ์ตูนโด่งดังในอดีต ที่เป็นแมวตัวสีเทากับ
หนูสีน้าตาล ชอบทะเลาะกัน เอามาเป็นมุกตลก (อันนี้อธิบายเพื่อให้
สาหรับบางคนที่ไม่เข้าใจ)

ดาบสองคม สุภาษิตนี้หมายถึง มอบให้คุณกับเราได้ ในขณะเดียวกันก็


มอบผลร้ายให้กับเราได้เช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับดาบ ในเมื่อมีด้านคม
อยู่สองด้าน แม้ทาให้สะดวกในการกวัดแกว่งต่อสู้ แต่ในขณะเดียวกัน
ถ้าไม่ระมัดระวังก็อาจถูกมันทาให้เกิดบาดแผล หรืออีกตัวอย่างง่ายๆ
ร้านทองมีปืนไว้ป้องกันผู้ร้ายถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ในขณะเดียวกันอาจ
เป็นอันตรายได้ถ้าเก็บไม่พ้นมือเด็ก

Sex toy อ่านว่า เซ็กทอย แปลเป็นความหมายตรงตัวตามภาษาไทยคือ


sex (เซ็ก) = เพศ และอีกคา toy (ทอย) = ของเล่น แต่ถ้าแปลให้เข้าใจ
ได้ง่ายคือ ของเล่นสาหรับผู้ใหญ่

ดิลโด คือ อวัยวะเพศปลอมของผู้ชาย ผู้หญิงที่เปล่าเปลี่ยวหัวใจมักชอบ


เอาไปใช้เพื่อสร้างความหรรษาให้ตัวเอง หรือบางครั้งคู่สามีภรรยาก็เอา
มาใช้เป็นผู้ช่วยเสริมความสุขอีกแรง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของ
ผู้ใช้งานมากขึ้น ปัจจุบันนี้มันจึงถูกออกแบบมาหลากหลายแบบ จนถึง
ขั้นสามารถสั่งควบคุมการสั่นของดิลโดด้วยมือถือ โดยผ่านทางตัวแอปที่
เชื่อมต่อบลูทูธ นอกจากนี้ยังมีเสียงประกอบเพื่อเพิ่มจินตนาการให้
สมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วย แต่ความสามารถของมันไม่ได้พัฒนาเพียงแค่นี้
แต่ละรุ่นยิ่งแพงก็ยิ่งมีความสามารถแปลกๆ เพิ่มมากขึ้น (ข้อควรระวัง
ก่อนไปหาซื้อ กรุณาตรวจสอบต้นทางให้ดีก่อน เพราะสิ่งนี้มันขับเคลื่อน
ด้วยพลังงานไฟฟ้า การจะเอามันเข้าไปในร่างกายจึงอาจเป็นอันตราย
ได้ถ้าไม่ได้มาตรฐาน ตัวนักเขียนขอเตือนด้วยความหวังดี ฮิๆ)

ตรงส่วนเนื้อหาที่มีเขียนบอกว่า “ผ้าวิเศษ” และ “ร้านค้าอเนกประสงค์


ออนไลน์” คือของวิเศษอย่างหนึ่งที่บิ๊กใช้สั่งซื้อสินค้า สามารถย้อนกลับ
ไปอ่านได้ตอนที่ 14 ซึ่งเป็นตอนที่มีการใช้ของวิเศษนี้

You might also like