You are on page 1of 79

8/9/2559 สภาวิ

ศวกร

สาขา : ไฟฟ้ าแขนงไฟฟ้ ากําลงั


วิ
ชา : High Voltage Engineering
เนื
อหาวิ
ชา : 62 : Generation and uses of high voltage

ขอที
้1:
เป็
นทีท
ราบดี
วา่
ไฟฟ้
าแรงสู
งมี
อน
ั ตรายมากยิ
ง
กว่
าไฟฟ้
าแรงตํ
าแต่
ทํ
าไมการไฟฟ้
าจึ
งตองใช ้ าแรงสู
้ ไฟฟ้ งในการส่
งจ่
าย
พลังงานไฟฟ้

1:
2 : เพื

ลดกําลังไฟฟ้าสู
ญเสียไดอิ
เล็กตริ
กในระบบส่งจ่
าย
3 : เพื

ป้
องกันผลของฟ้ าผ่
าไดง่
้าย เพราะมี
คา่BIL สู
งขึ

4 : เพื

ลดค่าเสิรจ
์อิ
มพีแด๊
นซ์ช่
วยใหส่้
งกําลังไฟฟ้
าธรรมชาติ
ไดสู
้งขึ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้2:
การส่
งจ่
ายไฟฟ้
าแรงสู
งมี ้
การใชระบบแรงดั
นหลายระดับ การเลื
อกระดับแรงดันจะพิ
จารณาจาก

1 : หมอแปลงไฟฟ้
้ ากําลังมี
ขนาดแรงดันป้อนเขา้และจ่
ายออกต่ างๆ กัน
2 : ขึ
นอยู

่บั ระยะทางและขนาดกํ าลังไฟฟ้าทีง่
ส จ่าย
3 : ขึ
นอยู

่บ ั ความหนาแน่ นของฟ้
าผ่าที
เ
กิดขึ
นในแถบนัน
4 : ขึ
นอยู

่บ ั การใชตั้
วนํ
าสายเดียว หรื
อตัวนํ
าสายควบ (bundle conductor) ต่
อเฟส
คํ
าตอบที ถ
กูตอง ้: 2

ขอที
้3:

1 : สายส่
งตัวนํ ามี
คา่
ความตานทานไม่
้ เท่
ากัน
2 : ขึ
นอยู

่บั ขนาดกระแสเสิ รจ
์ทรานเซี ยนต์
ทไี
หลผ่
าน
3 : ขึ
นอยู

่บ ั ค่าความเหนี

วนํ
า L และค่าเก็
บประจุ
C ของสายส่

4 : ขึ
นอยู

่บ ั ความยาวของสายส่งจ่
าย
คํ
าตอบที ถ
กูตอง ้: 3

ขอที
้4:
ในการส่
งกํ
าลังไฟฟ้
าระบบส่
งจ่
ายไฟฟ้
าแรงสู
ง การแปลงแรงดันใหสู
้งขึ
นหรื
อลดลงทํ
าไดอย่
้างไร

้ อแปลงไฟฟ้
1 : ใชหม ้ ากํ
าลัง
้ อแปลงแรงดั
2 : ใชหม ้ น (voltage transformer)
้อ
3 : ใชเครื
งกําเนิ
ดไฟฟ้า
้ โซแนนซ์
4 : ใชวงจรรี ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้5:

การใชงานของหมอแปลงทดสอบ
้ (test transformer) เพื

ใหอายุ ้
้ การใชงานไดยาวนาน
้ ควรปฏิ
บต
ั อ
ิย่
างไร


1 : ใชงานทดสอบที ไ
ม่เกิ
ดเบรกดาวน์หรื
อวาบไฟตามผิ วทีว

ั ดุ
ทดสอบ
้ แ
2 : ใชงานที รงดัน และกระแสไม่เกิ
น 85% ของพิกด
ั (rating)

3 : ใชงานทดสอบที โ
หลดกิ นกระแสประจุ
เท่
านัน
4 : ไม่
ทดสอบลู กถวยฉนวนเปรอะเปื
้ อน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้6:
ในโรงงานผลิ
ตเคเบิ
ลแรงสู
งขนาดใหญ่
การทดสอบประจํ
าเคเบิ
ลทังมวนชนิ
้ ดความคงทนต่
อแรงดันกระแสสลับความถี

ํ
า
จะนิ ้ นทดสอบสู
ยมใชแรงดั งที
ไ
ดจาก

1 : หมอแปลงทดสอบ
้ เพราะใชกํ้าลังไฟฟ้าทดสอบนอย้
2 : หมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลัง เพราะมีกํ
าลังไฟฟ้าสู

3 : วงจรรี
โซแนนซ์
้ เพราะใชกํ้าลังไฟฟ้าจ่
ายใหกั้
บวงจรทดสอบมี คา่
ตํา
เท่
ากับกํ
าลังไฟฟ้
าสู
ญเสี
ยในวงจรทดสอบ
4 : เครื

งกําเนิ
ดไฟฟ้าขับเคลือ
นดวยมอเตอร์
้ เพราะปรับความถี
ไ
ดง่้
าย
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้7:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 1/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
การก่
อสรางสถานี
้ ไฟฟ้าย่
อย GIS (gas insulated substation) จะมี
คา่ ้
ใชจ่
ายสู
งกว่
าแบบ AIS (Air insulated substation)
หลายเท่
า แต่
ในบางกรณีมค
ีวามจําเป็
นตองใช
้ แบบ ้ GIS เนื อ
งจาก

1 : เป็นย่
านทีม
ชีม
ุชนหนาแน่ น มี
พนที
ื ว า่
งจํ
ากัด และมี ความตองการใช
้ ้
กํ
าลังไฟฟ้
าปริ
มาณมาก
2 : เป็นย่
านทีม
ฟี้
าผ่
าหนาแน่น (high lightning density)
3 : เป็นย่
านทีม
มีลภาวะสู

4 : คําตอบ 1 และคําตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 4

ขอที
้8:
เปรี
ยบเที ยบการส่
งจ่
ายกํ
าลังไฟฟ้าดวยระบบสายขึ
้ งอากาศ OL (overhead line) กับแบบเคเบิ
ลใตดิ
้น (underground
cable) มี
ขอดี
้ ขอเสี
้ ยต่างกันอย่
างไร

1 : แบบ OL มี
คา่ ้
ใชจ่
ายประหยัดกว่
าค่
าแบบเคเบิ
ล แต่
แบบ OL ตองใช
้ ที ้ว
า่
งมากกว่
าแบบเคเบิ
ล มี
ผลกระทบต่
อสภาพแวดลอม

2 : แบบ OL มี
โอกาสถูกฟ้าผ่
าได ้
มี
ผลกระทบจากสภาพแวดลอม้ เช่
น ความเปรอะเปื
อน
3 : แบบเคเบิ
ลเดินใตดิ
้ ้นในทองทะเลได
นใชเดิ ้ ้
ไม่
มผ
ีลกระทบจากสภาพแวดลอม ้ ใหความปลอดภั
้ ยสู
งแก่ ง
คนและสิแวดลอม

4 : ถู
กทุ
กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้9:
การส่
งจ่
ายไฟฟ้
ากํ
าลังดวยระบบกระแสตรงมี
้ ขอดี
้ กว่
าการส่
งดวยระบบกระแสสลั
้ บ คื

1 : สายส่งแรงสู
งแบบ DC ไม่
มโีคโรนารบกวนระบบสืสาร และไม่
อ มก
ีํ
าลังไฟฟ้
าสูญเสี
ยจากความตานทานในสายตั
้ วนํา
2 : สายส่งแรงสู
งแบบ DC ไม่
มกีํ
าลังไฟฟ้าสู
ญเสี
ยไดอิเล็
กตริ

3 : สายส่งระยะทางไกลแบบ DC ไม่ ้ ตั้
ตองใช วรี
แอกเตอร์แบบเก็
บประจุ
เพือ
ชดเชยแกแฟกเตอร์
้ กําลัง โดยเฉพาะเคเบิ ลที เ
ดิ
นในทะเล
้ งระบบ DC สามารถปรับระดับแรงดันระบบไดง่
4 : การใชแรงสู ้ ้
าย โดยใชความต านทานแบ่
้ งแรงดัน (resistor voltage divider)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้10 :
การสรางแรงดั
้ นสู
งกระแสตรง โดยแปลง AC เป็
น DC ดวยวงจรเร็
้ กติ
ฟายเออร์
ตองการลด
้ แฟกเตอร์
ระลอก (ripple
factor) ใหน้
อยลงอี
้ กอาจทําไดโดย

1 : ลดความถีใ
หน้
อยลง

2 : เพิ

กระแสโหลด DC ใหสู ้งขึน
3 : เพิ

ค่
าเก็
บประจุกรอง (filter capacitor) ใหสู
้งขึ

4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 3 ถู กตอง้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้11 :
หมอแปลงทดสอบมี
้ ขนาดแรงดันและกระแสพอดี ทจ
ี ้
ะใชป้
อนทดสอบความคงทนอยู ไ่
ดต่้
อแรงดันกระแสสลับ 50 Hz ของ
หมอแปลงกระแส
้ (CT) ใชกั้
บระบบ 115 kV 50 Hz มี
ความจุ
ไฟฟ้ า 600 pF อยากทราบว่าถาจะนํ
้ าหมอแปลงทดสอบนี
้ ไป
ทดสอบเคเบิ
ล 115 kV 50 Hz ยาว 10 เมตร มี
ความจุ
ไฟฟ้
า 200 pF/m ไดหรื
้อไม่เพราะอะไร

1 : ได ้
เพราะทดสอบที แ ้ 115 kV เท่
รงดันระบบใชงาน ากัน
2 : ได ้
เพราะค่
าความจุไฟฟ้าของเคเบิ
ลนอยกว่
้ าหมอแปลงกระแส

3 : ไม่
ได ้
เพราะแรงดันทดสอบเคเบิลสูงกว่
า และกิ
นกระแสสูงกว่

4 : ไม่
ได ้
เพราะความจุไฟฟ้าของเคเบิ
ลสูงกว่
า จะกิ
นกระแสเกิ
นพิกด

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้12 :

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้13 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 2/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:

2:

3:
4 : แรงดันอิมพัลส์
ทสรางได
ี ้ ตามเกณฑ์
้ มาตรฐานกํ
าหนด
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้14 :

1 : ไม่
เปลีย
นแปลง เพราะปลอกฉนวนตัวนําทนแรงดันได ้
2 : เปลี

นแปลง คือ หนาคลื
้ นคงเดิ
มแต่หางคลื

ยาวขึน
3 : เปลี

นแปลง คือ หนาคลื
้ นยาวขึนแต่
หางคลื

อาจยาวขึ นเล็
กนอย

4 : เปลี

นแปลง คือ หนาคลื
้ นสันลงและหางคลื

ก็ ั
สนลงด วย

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้15 :
วัสดุ
ทดสอบ มี
คา่C = 3000 pF ทดสอบทีแ
รงดัน 1000 kV 50 Hz ตองใช
้ หม ้ อแปลงทดสอบที
้ ม
ีกํ
าลังอย่
างนอย
้ 1000
kVA ถานํ
้าหมอแปลงนี
้ ไปทดสอบที 
แรงดัน 100 kV จะสามารถทดสอบวัสดุที ้
ใชกํ
าลังไฟฟ้
าอย่
างมาก ไดเท่
้าไร

1 : 100 kVA
2 : 1000 kVA
3 : 500 kVA
4 : 50 kVA
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้16 :

1 : ไม่
ไดเพราะ
้ kJ ของเครื อ
ง < kJ ของเคเบิ

2 : ไม่
ไดเพราะ
้ ค่ าตัวเก็
บประจุของเครือ
งมากกว่าค่
า ตัวเก็
บประจุของเคเบิ

3 : ไดเพราะ
้ ค่ าตัวเก็บประจุของเครือ
งกํ
าเนิ
ดมากกว่าค่า ตัวเก็
บประจุ
ของเคเบิ
ล ไม่
นอยกว่
้ า 10 เท่
า และมี
พลังงานเพี
ยงพอ
4 : ไม่
ไดเพราะค่
้ าแรงดันของตัวเก็บประจุของเครื

ง 100 kV < 115 kV ของเคเบิ

คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 3

ขอที
้17 :
ไฟฟ้าแรงสู
งตามความหมายที
ร
ะบุ
ไวในมาตรฐานสากล
้ IEC Publ. No. 60 หมายถึ
งไฟฟ้
าที

แีรงดันตังแต่
กโี

วลต์
ขนไป

1 : 380 โวลต์
2 : 800 โวลต์
3 : 1000 โวลต์
4 : 4000 โวลต์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้18 :
โดยทัว
ไปการทดสอบทางไฟฟ้
าแรงสู
งแบ่
งออกเป็
น 2 ประเภทตามขอใด

1 : การทดสอบกับแรงดันตํ
าและแรงดันสูง
2 : การทดสอบกับแรงดันทรานเซี
ยนต์ (transient overvoltage) และแรงดันกระแสสลับ
3 : การทดสอบความทนทาน (endurance test) และการทดสอบความคงทนอยู ไ่
ดต่

อแรงดัน (withstand voltage test)

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 3/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
4 : การทดสอบแบบไม่
ทํ
าลาย (non­destructive test) และการทดสอบแบบทํ
าลาย (destructive test)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้19 :
หมอแปลงทดสอบออกแบบไว
้ สํ
้าหรับทดสอบประจําลู
กถวยฉนวน
้ (insulator) ในโรงงาน ถามว่
าจะนํ
าหมอแปลงทดสอบ

นี
ไปทดสอบประจํ
าสายเคเบิ
ลแรงสู
ง ในโรงงาน ที
ร
ะบบแรงดันเดี
ยวกันไดหรื
้อไม่ จงใหเหตุ
้ ผล

1 : ได ้
เนื

งจากแรงดันของระบบมีคา่
เท่
ากัน
2 : ได ้
เนื

งจากกระแสทีใ ้
ชในการทดสอบมี คา่
เท่
ากัน
3 : ไม่
ได ้
เนือ
งจากกระแสทีใ ้
ชในการทดสอบลู กถวยฉนวนมี
้ คา่
นอยกว่
้ า เมื

เที
ยบกับการทดสอบเคเบิ
ล ที

รงดันเดี
ยวกัน
4 : ไม่
ได ้
เนือ
งจากกระแสทีใ ้
ชในการทดสอบเคเบิ ลมีคา่
นอยกว่
้ า เมื

เที
ยบกับการทดสอบลูกถวยฉนวน
้ ที

รงดันเดี
ยวกัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้20 :
เคเบิลทดสอบมี
คา่
เก็
บประจุ
ขนอยู
ึ ก่บ
ั ความยาวของเคเบิ
ล การทดสอบดวยวงจรรี
้ โซแนนซ์
้ จะปรับวงจรอย่
างไร เพื

ให ้
ไดรี้
โซแนนซ์

1 : ปรับค่
ากระแสของหมอแปลงทดสอบ

2 : ปรับค่
าความเหนี ย
วนํ
าของรี
แอกเตอร์แรงสู

3 : ปรับค่
าช่องแกปแกนเหล็ กของรีแอกเตอร์
4 : คํ
าตอบ 2 และคําตอบ 3 ถูกตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้21 :
้ อแปลงเทสลาทดสอบลู
การใชหม ้ กถวยฉนวนพอร์
้ ซเลนที

ลิ
ตในโรงงาน มี
จด
ุประสงค์
เพื

อะไร มี
ขอดี
้ อย่
างไร


1 : ใชทดสอบหาค่าแรงดันคงทนอยูไ่ดของเนื
้ อพอร์ ซเลน เนื

งจากสามารถตรวจพบการวาบไฟตามผิ วไดโดยง่
้ าย

2 : ใชทดสอบหาค่ากํ
าลังไฟฟ้
าสู
ญเสี ยที
เ
กิ
ดจากเนือพอร์
ซเลน เนือ
งจากสามารถตรวจพบการวาบไฟตามผิ วไดโดยง่
้ าย

3 : ใชทดสอบหาความบกพร่ องในเนือพอร์ ง
ซเลน ซึหากบกพร่ องจะเกิ
ดการเจาะทะลุ
ลก
ูถวยฉนวน
้ และหากเป็
นลูกถวยที
้ ดจ
ีะสังเกตเห็
นประกาย
วาบไฟตามผิ วภายนอก

4 : ใชทดสอบหาความบกพร่ องในเนือพอร์ ง
ซเลน ซึหากบกพร่ องจะเกิ
ดการวาบไฟตามผิว และหากเป็
นลูกถวยที
้ ดจีะไม่
เกิ
ดการวาบไฟตามผิ ว
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้22 :
ขอใดคื
้ อรูปคลื

แรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
า ตามค่
าเวลาหนาคลื
้ นและหางคลื



1 : 1.2/50 ไมโครวิ
นาที
2 : 12/50 ไมโครวินาที
3 : 8/20 ไมโครวินาที
4 : 250/2500 ไมโครวินาที
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้23 :
ขอใดคื
้ อรูปคลื

แรงดันอิ
มพัลส์
สวิ งตามค่
ตชิ าเวลาหนาคลื
้ นและหางคลื



1 : 1.2/50 ไมโครวิ
นาที
2 : 12/50 ไมโครวินาที
3 : 8/20 ไมโครวินาที
4 : 250/2500 ไมโครวินาที
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้24 :
ขอใดคื
้ อรูปคลื

กระแสอิ
มพัลส์
มาตรฐาน ที
ใ ้
ชในการทดสอบกั
บดักฟ้
าผ่
าแรงสู

1 : 1.2/50 ไมโครวิ
นาที
2 : 12/50 ไมโครวินาที
3 : 8/20 ไมโครวินาที
4 : 250/2500 ไมโครวินาที
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้25 :
ขอใดเป็
้ นช่ วงเวลาหนาคลื
้ นของแรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
าตามเกณฑ์
ทม
าตรฐานกํ
ี าหนด

1 : 0.84 – 1.56 ไมโครวิ


นาที
2 : 0.96 – 1.44 ไมโครวิ
นาที
3 : 1.08 – 1.32 ไมโครวิ
นาที
4 : 40 – 60 ไมโครวินาที
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 4/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้26 :
ขอใดเป็
้ นช่ วงเวลาหางคลื

ของแรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
าตามเกณฑ์
ทม
าตรฐานกํ
ี าหนด

1 : 35 – 65 ไมโครวิ
นาที
2 : 40 – 60 ไมโครวิ
นาที
3 : 45 – 55 ไมโครวิ
นาที
4 : 8 – 20 ไมโครวิ
นาที
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้27 :
หมอแปลงทดสอบขนาด
้ ้
1,000 kV, 1,000 kVA, 50 Hz ใชทดสอบตั
วเก็
บประจุ
แรงสู
งขนาด 280 kVar พิ
กด
ั 72.5 kV จะ
ทดสอบไดหรื
้อไม่

1 : ทดสอบได ้เพราะหมอแปลงทดสอบมี
้ กํ
าลัง kVA พอ
2 : ทดสอบได ้เพราะหมอแปลงทดสอบมี
้ แรงดันพอ
3 : ทดสอบไม่ได ้
เพราะกระแสทดสอบเกิ
นพิ
กดั
4 : ทดสอบไม่ได ้
เพราะโหลดเป็
นกิ
โลวาร์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้28 :

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้29 :
รู
ปคลื

แรงดันอิ
มพัลส์
มาตรฐานที
 ้ จจุ
ใชในปั บน
ั คื
อรู
ปคลื

ใด

1:

2:
3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้30 :
ความยาวหนาคลื
้ นของแรงดันอิ
มพัลส์
รู
ปคลื

ฟ้
าผ่
าคื
อช่
วงเวลาระหว่
าง

1 : จุ
ดกําเนิ
ดรู
ปคลื

ไปจนถึ
งจุดสู
งสุดของรู
ปคลืน
คู ณดวย
้ 1.67
2 : จุ
ดกําเนิ
ดรู
ปคลื

ไปจนถึ
ง 90%ของจุ ดสู
งสุ
ดของรู ปคลื

คู ณดวย
้ 1.67
3 : จาก 10 % ของรู
ปคลื

ไปที
จุ
ดสูงสุดของรู
ปคลืน
คู ณดวย
้ 1.67
4 : จาก 30 % ของจุ
ดสู
งสุ
ดของรู
ปคลื น
ไปที
90%ของจุ ดสู
งสุดของรู
ปคลื น
คู
ณดวย
้ 1.67
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้31 :

ในการสรางแรงดั
้ นอิมพัลส์
ตามวงจรในรู ป เวลาหางคลื น
จะขึนอยู
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 ก
่บั องค์
ประกอบ 5/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
ในการสรางแรงดั
้ นอิ
มพัลส์
ตามวงจรในรู
ป เวลาหางคลื

จะขึ
นอยู

่บั องค์
ประกอบ

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้32 :
ถาตั
้วเก็บประจุ
อม
ิพัลส์
แต่
ละขันของเครื

งกํ
าเนิ
ดแรงดันอิ
มพัลส์
10 ขันมี
คา่0.1 ไมโครฟารัด ถามว่
าค่
าเก็
บประจุ
รวมของ
เครือ
งกํ
าเนิ
ดนี
จะมี
คา่
เท่
าใด

1 : 0.10 ไมโครฟารัด
2 : 0.01 ไมโครฟารัด
3 : 1.00 ไมโครฟารัด
4 : 10.0 ไมโครฟารัด
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้33 :
ทํ
าไมหมอแปลงทดสอบจึ
้ งตองมี
้ ขดลวด 3 ชุ
ด คื
อ primary winding, secondary winding และ coupling winding

1 : เพื

เพิม
กําลังไฟฟ้
าพิ
กด
ั ของหมอแปลงให
้ สู
้งขึ

2 : เพื

เพิม
พิกด
ั กระแสไฟฟ้าของหมอแปลงให
้ สู
้งขึน
3 : เพื

ลดค่ าอิ
มพี แด๊
นซ์
ของหมอแปลงลง

4 : เพื

สามารถใชต่ ้อแบบขันบันไดใหได
้พิ้กด
ั แรงดันสู

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้34 :
หมอแปลงทดสอบ
้ (testing transformer) ขนาดพิ
กด
ั 10 kVA, 50 Hz, 220 V / 100 kV พิ
กด
ั กระแสจ่
ายออกสู
งสุ
ดดานแรง

สู
งมีคา่
เท่
ากับขอใด

1:1A
2 : 0.1 A
3 : 10 mA
4 : 57.7 mA
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้35 :
หมอแปลงทดสอบ
้ (testing transformer) ขนาดพิ
กด
ั 10 kVA, 50 Hz, 220 V / 100 kV พิ
กด
ั กระแสขาเขาสู
้งสุดดานแรง

ตํ
ามี
คา่
เท่
ากับขอใด

1 : 45.45 mA
2 : 26.24 A
3 : 45.45 A
4 : 32.14 A
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้36 :
หมอแปลงทดสอบที
้ จ ้
ะใชต่
อแบบขันบันได (cascaded) จะตองมี
้ ขดลวดอะไรบาง

1 : มี
ขดลวด primary และขดลวด secondary
2 : มี
ขดลวด primary และขดลวดดาน ้ secondary มี
center tap
3 : มี
ขดลวด primary , ขดลวด secondary และขดลวดต่อควบ
4 : ผิ
ดทุ
กขอ้
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 6/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้37 :
หมอแปลงทดสอบแบบ
้ 3­winding ขนาดพิ
กด
ั 10 kVA, 50 Hz, 220 V / 100 kV / 220 V ถาป้
้อนแรงดันเขาทางด
้ าน

primary เท่
ากับ 220 V ถามว่าแรงดันจ่
ายออกดานแรงสู
้ งจะมี
คา่เป็
นเท่าใด เมือ
ทดสอบเคเบิ ลXLPE ที
โ
หลดเต็
มพิกด

1 : 100 kV
2 : นอยกว่
้ า 100 kV
3 : มากกว่า 100 kV
4 : ไม่
มขีอใดถู
้ ก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้38 :
หมอแปลงทดสอบแบบ
้ 3­winding จํ
านวน 3 ลู
ก มี
พกิด
ั แรงดัน 220 V / 100 kV / 220 และมี
พก ิด
ั กํ
าลังเป็น 10 kVA, 20
kVA, 30 kVA ตามลํ
าดับ ถานํ
้าหมอแปลงทั
้ ง 3 ลู
ก มาต่ ้
อใชงานแบบขั นบันได โดยใหลู ้กทีม
กีํ
าลังสู
งกว่ าอยูด
่านล่
้ าง ถาม
ว่
าจะไดแรงดั
้ นและกํ าลังไฟฟ้ าจ่
ายออกเป็นเท่าใด

1 : 300 kV, 30 kVA


2 : 200 kV, 20 kVA
3 : 100 kV, 30 kVA
4 : 300 kV, 10 kVA
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้39 :
ขอดี
้ ของการต่
อหมอแปลงทดสอบแบบขั
้ นบันได (cascaded transformers) คื

1 : ทํ
าใหสามารถสร
้ างแรงดั
้ นไดสู้งขึน
2 : ทํ
าใหสเตรย์
้ ฟลักซ์ (stray flux) มี
คา่
เพิม
สูงขึ

3 : ทํ
าใหค่
้าแรงดันลัดวงจรมี คา่เพิม
สู
งขึน
4 : ทํ
าใหสามารถจ่
้ ายกระแสทดสอบไดสู ้งขึน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้40 :
ตองการทดสอบความคงทนอยู
้ ไ่
ดของสายเคเบิ
้ ล (withstand voltage test) ที

นาดแรงดันทดสอบ 50 kV, 50 Hz ถา้
เคเบิ
ลยาว 20 เมตร มี
คา่
เก็
บประจุเป็
น 250 pF/m ใหคํ
้านวณหาขนาดพิ กด
ั กําลังของหมอแปลงทดสอบที
้ จ ้นตัวจ่
ะใชเป็ าย

แรงดันทดสอบ โดยใชแฟกเตอร์ ปลอดภัยเท่ากับ 1.25

1 : อย่
างนอยเท่
้ ากับ 4.0 kVA
2 : อย่
างนอยเท่
้ ากับ 10.0 kVA
3 : อย่
างนอยเท่
้ ากับ 5.0 kVA
4 : อย่
างนอยเท่
้ ากับ 15.0 kVA
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้41 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 7/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : Transformer #1 มี
พก
ิดั กํ าลังเป็
น 5 kVA และ Transformer #2 มี
พกิด
ั กํ าลังเป็
น 5 kVA
2 : Transformer #1 มี
พก
ิด ั กํ าลังเป็
น 5 kVA และ Transformer #2 มี
พกิดั กํ าลังเป็
น 2.5 kVA
3 : Transformer #1 มี
พก
ิด ั กําลังเป็
น 2.5 kVA และ Transformer #2 มี
พก ิด
ั กําลังเป็น 2.5 kVA
4 : Transformer #1 มี
พก
ิด ั กํ
าลังเป็
น 2.5 kVA และ Transformer #2 มี
พก ิดั กํ
าลังเป็น 5 kVA
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 2

ขอที
้42 :
แหล่งจ่
ายไฟแรงดันสูงกระแสสลับในหองปฏิ
้ บต ั ก
ิารไฟฟ้
าแรงสู
ง ออกแบบสรางโดยใช
้ ้ อแปลงทดสอบแบบ
หม ้ 3­
winding, 220V/100kV/220V, 50 Hz จํ
านวน 2 ลูกต่ ้ นแบบขันบันไดดังรู
อซอนกั ป ถา้ปรับแรงดันป้
อนเขาด
้าน้ input เป็

165 V จะไดแรงดั
้ นขาออกดาน ้ output เป็
นเท่าใด

1 : แรงดันดาน
้ output = 75 kV
2 : แรงดันดาน
้ output = 100 kV
3 : แรงดันดาน
้ output = 200 kV
4 : แรงดันดาน
้ output = 150 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 8/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้43 :
แหล่ งจ่
ายแรงดันสู
งกระแสสลับในหองปฏิ
้ บต ั ก
ิารไฟฟ้
าแรงสูง ออกแบบสรางโดยใช
้ ้ อแปลงทดสอบแบบ
หม ้ 3­winding,
220V/100kV/220V, 50 Hz จํานวน 2 ลู
กต่ ้ นแบบขันบันไดดังรู
อซอนกั ป ถาต
้องการควบคุ
้ มแรงดันดานจ่
้ ายออกใหได
้้ 200
kV, 15 kVA โดยปรับแรงดันป้อนเขา้ถามว่
าจะตองป้
้ อนกํ
าลังเขาเท่
้ าใด


1 : ใชกํ
าลังป้
อนเขาอย่
้ างนอย
้ 7.5 kVA

2 : ใชกํ
าลังป้
อนเขาอย่
้ างนอย
้ 10 kVA

3 : ใชกํ
าลังป้
อนเขาอย่
้ างนอย
้ 15 kVA

4 : ใชกํ
าลังป้
อนเขาอย่
้ างนอย
้ 20 kVA
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้44 :
วงจรสรางแรงดั
้ นสู งกระแสตรง (Cockcroft – Walton Type) แบบ multi­stage ดังรู
ป อยากทราบว่
าประกอบดวยจํ
้ านวนขัน
การต่
อ cascade ทังหมดกีข
นั

1 : 6 ขัน
2 : 5 ขัน
3 : 4 ขัน
4 : 3 ขัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้45 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 9/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : 200 kV
2 : 400 kV
3 : 282.8 kV
4 : 141.4 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้46 :
ค่
าแรงดันสู
งกระแสตรง (DC high­voltage) ตามนิ
ยามในมาตรฐาน IEC กํ
าหนดดวยคุ
้ ณสมบัตใิ

1 : ค่
ายอด(peak)
2 : ค่
าแฟกเตอร์ ระลอก(ripple factor)
3 : ค่
าเฉลี
ย(average)
4 : ถู
กทังคําตอบ 2 และคําตอบ 3
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้47 :
ค่
าแรงดันระลอก (ripple voltage) ในการสรางแรงดั
้ นสู
งกระแสตรง (DC high­voltage) ขึ
นอยู

่บั แฟกเตอร์
ใดบาง

1 : ค่
ากระแสจ่ายออก
2 : ความถีข
องแหล่งจ่
ายแรงดันกระแสสลับที
ใ ้
ชแปลงเป็
นแรงดันกระแสตรง
3 : ขนาดความจุ ไฟฟ้
าของตัวเก็
บประจุ
กรองที ช้
ใ
4 : ถู
กทุกคําตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้48 :
ถาต
้องการกลั
้ บขัวแรงดันสู
งกระแสตรง (DC high­voltage) จากขัวบวกเป็
นขัวลบ สามารถทํ
าดวยวิ
้ ธใี
ดไดบ้
าง

1 : กลับขัวไดโอด
2 : กลับขัวที

มอแปลงตั
้ วจ่าย
3 : กลับขัวของตัวเก็
บประจุ
กรอง
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้49 :

1 : 2 kV
2 : 3 kV
3 : 4 kV
4 : 5 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้50 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 10/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : 60 kV
2 : 84.85 kV
3 : 56 kV
4 : 54 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้51 :

1 : 0.7 %
2 : 1.2 %
3 : 1.7 %
4 : 2.2 %
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้52 :
ขนาดของแรงดันอิ
มพัลส์
(impulse voltage) ตามขอกํ
้าหนดในมาตรฐาน IEC กํ
าหนดดวยค่
้ าพารามิ
เตอร์
ใด

1 : แรงดันค่ายอด (peak)
2 : แรงดันค่า r.m.s
3 : ค่
าเฉลีย
(average)
4 : ค่
า 50% (critical)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง้: 1

ขอที
้53 :
ตามขอกํ
้าหนดในมาตรฐาน IEC แบ่
งประเภทของแรงดันอิ
มพัลส์
ออกเป็
นกี

ระเภท อะไรบาง

1 : 2 ประเภท คื
อ แรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
า และ แรงดันอิมพัลส์
หนาคลื
้ นชัน
2 : 2 ประเภท คื
อ แรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
า และ แรงดันอิมพัลส์
สวิ ง
ตชิ
3 : 3 ประเภท คื
อ แรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
า, แรงดันอิ
มพัลส์
สวิ งและ แรงดันอิ
ตชิ มพัลส์
หนาคลื
้ น
ชัน
4 : 3 ประเภท คื
อ แรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
า, แรงดันอิ
มพัลส์
สวิ งและ แรงดันอิ
ตชิ ชว่
มพัลส์ งคลื

สัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้54 :
ขอใดไม่
้ ใช่
รป
ูคลื

แรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่
ามาตรฐาน (standard lightning impulse) ตามขอกํ
้าหนดในมาตรฐาน IEC

1 : T1 / T2 = 1.2 / 40 ไมโครวิ
นาที
2 : T1 / T2 = 0.9 / 58 ไมโครวิ
นาที
3 : T1 / T2 = 1.5 / 42 ไมโครวิ
นาที
4 : T1 / T2 = 0.8 / 55 ไมโครวิ
นาที
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 11/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้55 :
ขอใดไม่
้ ใช่
รป
ูคลื

แรงดันอิ
มพัลส์
สวิ ง(switching impulse) มาตรฐาน ตามขอกํ
ตชิ ้าหนดมาตรฐาน IEC

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้56 :
เกณฑ์
ความคลาดเคลื

นของค่
ายอดแรงดันอิ
มพัลส์
ตามขอกํ
้าหนดในมาตรฐาน IEC กํ
าหนดไว ้

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้57 :

1 : 2.5 kJ
2 : 5.0 kJ
3 : 10.0 kJ
4 : 15.0 kJ
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 2

ขอที
้58 :

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้59 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 12/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้60 :
วงจรเครือ
งกํ
าเนิ
ดแรงดันสูงอิมพัลส์แบบมารกซ์ (Marx’s circuit) ดังรู
ป ถาสมมติ
้ วา่
ทังระบบมี
ประสิ
ทธิ
ภาพเป็
น 100%
เมื

ป้อนแรงดันอัดประจุกระแสตรงขนาด +100 kV เขาที
้ input ของเครื อ
ง ใหคํ
้านวณหาขนาดแรงดันทีไ
ดทางด
้ าน้
output เมื

เที
ยบกับ ground จะมี
คา่เท่
ากับขอใด

1 : 100 kV
2 : 400 kV
3 : ­400 kV
4 : ­300 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้61 :
วงจรเครื

งกํ
าเนิดแรงดันสู
งอิ
มพัลส์
แบบมารกซ์ (Marx’s circuit) ดังรู
ป ถาสมมติ
้ วา่
ทังระบบมี
ประสิ
ทธิ
ภาพเป็
น 100%
เมื

ป้อนแรงดันอัดประจุ
กระแสตรงขนาด ­100 kV เขาที
้ input ของเครื อ
ง ใหคํ
้านวณหาขนาดแรงดันทีไ
ดทางด
้ าน้ output

เมื

เที ยบกับ ground จะมี คา่เท่
ากับขอใด

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 13/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
เมื

เที
ยบกับ ground จะมี
คา่
เท่
ากับขอใด

1 : 400 kV
2 : 300 kV
3 : ­300 kV
4 : ­400 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้62 :
วงจรเครื

งกําเนิ
ดแรงดันสู
งอิมพัลส์
แบบมารกซ์(Marx’s circuit) ดังรู
ป ถาสมมติ
้ วา่ทังระบบมี
ประสิทธิภาพเป็
น 90% เมื


ตองการสร
้ างแรงดั
้ นสูงอิมพัลส์
รป
ูคลืน
มาตรฐานขนาด 540 kV เพื อ ้
ใชทดสอบอุ ปกรณ์ ในหองปฏิ
้ บต ั ก
ิาร จะตองป้
้ อนแรง
ดันกระแสตรงอัดประจุ
ใหกั้
บตัวเก็
บประจุ
อม
ิพัลส์
แต่
ละขันดวยขนาดแรงดั
้ นเท่
าใด จึ
งจะเหมาะสม

1 : ­135 kV
2 : 135 kV
3 : ­150 kV
4 : 150 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้63 :
วงจรเครื

งกํ าเนิ
ดแรงดันสู
งอิมพัลส์
แบบมารกซ์ (Marx’s circuit) ดังรู
ป ถาขนาดตั
้ วเก็
บประจุ
ตอ
่ขันเป็
น 1.0 ไมโครฟารัด
และมีพก
ิดั แรงดันอัดประจุ
ตอ
่ขันเป็
น 100 kV ถามว่
าพิ
กดั พลังงานของเครื องกํ
าเนิ
ดแรงดันอิ
มพัลส์
นมี
ีคา่เป็
นเท่าใด

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 14/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : 5 kJ
2 : 19 kJ
3 : 20 kJ
4 : 40 kJ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้64 :
ถาต
้องการออกแบบสร
้ างตั
้ วเก็
บประจุแรงดันสู
งขนาดพิ ั 100 nF / 30 kV โดยใชตั้
กด วเก็
บประจุ
ยอ
่ยขนาด 100 nF / 5 kV
ต่
ออันดับกัน มี
แฟกเตอร์
ปลอดภัยเท่
ากับ 150% ถามว่
าจะต่
อตัวเก็
บประจุ ยอ
่ยอย่างไร จึ
งจะไดค่
้าเก็
บประจุ
ตามทีต
องการ

้ ตั้
1 : ตองใช วเก็
บประจุ
ยอ
่ย 6 ตัวต่
ออนุ
กรมกัน และนํ
าทังหมดมาต่
อขนานกันอี
ก 6 แถว
้ ตั้
2 : ตองใช วเก็
บประจุ
ยอ
่ย 9 ตัวต่
ออนุ
กรมกัน และนํ
าทังหมดมาต่
อขนานกันอี
ก 9 แถว
้ ตั้
3 : ตองใช วเก็
บประจุ
ยอ
่ย 9 ตัวต่
ออนุ
กรมกัน
้ ตั้
4 : ตองใช วเก็
บประจุ
ยอ
่ย 6 ตัวต่
ออนุ
กรมกัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้65 :
ระบบไฟฟ้ าทีม
แ ้ (operating voltage) 500 kV ส่
ีรงดันใชงาน งจ่ายพลังงานผ่ านสายส่
งไฟฟ้
ากํ
าลังที

คีา่เสิ
รจ
์อิ
มพี
แด๊
นซ์
เท่
ากับ 250 โอห์ม จะสามารถส่
งจ่
ายกํ าลังไฟฟ้าธรรมชาติ (natural power) ไดเท่
้าใด

1 : 0.25 MW
2 : 0.5 MW
3 : 1000 MW
4 : 2000 MW
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้66 :
เสิ
รจ์อิ
มพี
แด๊
นซ์
ของสายส่
งสามารถหาไดโดยใช
้ ้
สู
ตรอะไร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้67 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 15/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : 400 โอห์ม
2 : 250 โอห์ม
3 : 500 โอห์ม
4 : 1000 โอห์ม
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้68 :
การทดสอบสายเคเบิ
ลกระแสสลับที

คีา่
เก็
บประจุ
มากๆ นัน บางกรณี
อาจทดสอบดวยแรงดั
้ นกระแสตรง เนื

งจากเหตุ
ผล
ในขอใด

1 : การทดสอบดวยแรงดั
้ นกระแสสลับตองใช ้
้ กระแสของหม อแปลงทดสอบสู
้ ง
2 : การทดสอบดวยแรงดั
้ ้
นกระแสตรงใชกระแสทดสอบตํ า
ไดโดยค่
้ อยๆเพิ ม
แรงดันขึ

3 : การทดสอบดวยแรงดั
้ นกระแสสลับมีความยุ
ง่
ยากในการจัดเตรี
ยมการทดสอบ
4 : เพื

ลดค่ากํ
าลังสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้69 :
หมอแปลงทดสอบพิ
้ กดั 100 kV, 10 kVA ถาต
้องการใช
้ ้
ทดสอบสายเคเบิ
ลที

คีา่
ความจุ
1000 pF/m ยาว 100 เมตร ที

ระดับแรงดันทดสอบ 26 kV 50 Hz จะสามารถทํ าการทดสอบไดหรื
้อไม่

1 : ทํ
าไดเพราะแรงดั
้ นที ใ ้
ชในการทดสอบเพี
ยงพอ
2 : ทํ
าไดเพราะกระแสของหม
้ อแปลงทดสอบที
้ ใ ้
ชในการทดสอบมี คา่
เพียงพอ
3 : ทํ
าไม่
ไดเพราะหม
้ อแปลงทดสอบไม่
้ สามารถจ่
ายกระแสทีใ ้
ชในการทดสอบได เพี
้ยงพอ
4 : ทํ
าไม่
ไดเพราะหม
้ อแปลงทดสอบไม่
้ สามารถจ่
ายแรงดันเพี
ยงพอทีจ
ะทําใหเกิ
้ดการเบรกดาวน์
ได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้70 :
ในการทดสอบสายเคเบิ ลที

คีา่
ความจุ 1000 pF/m สายมี
ความยาว 100 ม. ทดสอบที ะดับแรงดัน 26 kV 50 Hz โดยใช ้
ร
หมอแปลงทดสอบพิ
้ กด
ั 220 V/100 kV 50 kVA เพือ
ใหการทดสอบสามารถทํ
้ าไดจะต
้ องนํ
้ าตัวนําอินดักเตอร์
เขามาต่
้ อ
ทางดานแรงดั
้ นสู
งของหมอแปลง
้ จงคํานวณขนาดของตัวอิ นดักเตอร์
อย่
างนอยที
้ จ ะตองต่
้ อเขาไปเพื
้ อ ใหสามารถทดสอบ

สายเคเบิลดวยหม
้ อแปลงทดสอบตั
้ วนี

1 : 88 Henry
2 : 176 Henry
3 : 262 Henry
4 : 393 Henry
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้71 :

1:

2:
3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 16/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้72 :

1:
2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้73 :
ใชหม้ อแปลงทดสอบ
้ (test transformer) ทดสอบลู
กถวยแขวนที
้ ม
คีา่
เก็
บประจุ
ไม่
เกิ
น 50 pF กํ
าหนดใหทดสอบที
้ แ
รงดัน
100 kV 50 Hz จงคํ
านวณหากํ าลังไฟฟ้าทีป
้
อนใหกั้
บลู
กถวยทดสอบ

1 : 90 VA
2 : 100 VA
3 : 150 VA
4 : 157 VA
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้74 :

1:
2:

3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้75 :

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 17/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้76 :

1 : 75%
2 : 80%
3 : 91%
4 : 95%
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้77 :
หมอแปลงต่
้ อไปนี
หมอแปลงชนิ
้ ดใดที

วามถี

านจ่
้ ายไฟเขากั
้บจ่ายไฟออก มี
คา่
ไม่
เท่
ากัน

1 : หมอแปลงขดลวดแยก

2 : หมอแปลงเทสล่
้ า
3 : หมอแปลงแบบขดลวดร่
้ วม(autotransformer)
4 : หมอแปลงแรงดั
้ น
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้78 :
การส่
งจ่
ายกํ
าลังไฟฟ้
าดวยระบบแรงดั
้ นสู
ง HVDC มี
ขอดี
้ คอ

1 : สามารถส่ งกํ
าลังไฟฟ้าระยะไกลๆได ้
มต่
2 : เชื
อ อระบบที มค
ีวามถีต
า่งกันได ้
3 : ค่
ากําลังไฟฟ้าสูญเสี
ยไดอิ เล็
กตริกตํ
า
กว่

4 : ถู
กตองทุ
้ กคํ าตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้79 :
การส่งกํ
าลังไฟฟ้าดวยระบบไฟด
้ วยระบบแรงสู
้ ง 3 phase 50 Hz ถากํ
้าหนดให ้
เสิ
รจ
์อิ
มพีแด๊
นซ์
ของสายส่
งมี
คา่230
โอห์ม กรณีทสง่
ี ดวยแรงดั
้ น 230 kV จะสามารถส่งกําลังไฟฟ้าไดสู
้งสุ
ดกี

MW ต่อหนึ
ง
วงจร

1 : 420 MW
2 : 310 MW
3 : 230 MW
4 : 170 MW
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้80 :
ในการใชห้
องปฏิ
้ บตั ก
ิารไฟฟ้
าแรงสู
งท่
านมี
วธิ
ปีฏิ
บต
ั ต
ิวั อย่
างไร จึ
งจะเกิ
ดความปลอดภัยสู
งสุ
ดขณะทํ
าการทดลอง

1 : อยู

่า่งจากส่วนที

ไี
ฟฟ้าอย่
างนอย
้ 1 cm ต่ อ 1 kV
2 : กราวนด์อป
ุกรณ์ทก
ุชนิดก่
อนสัมผัสทุ
กครัง
3 : ในขณะทํ าการทดลองจะตองมี
้ ผร่

้วมปฏิบต
ั งิ
านอย่ างนอย
้ 1 คน
4 : ถู
กตองทุ
้ กคํ าตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้81 :
วิ
ธก
ีารลดโคโรนาในสายส่
ง(overhead line) ทํ
าไดโดย

1 : ทําสายส่ งใหโตขึ
้ นเพือ
ทําใหแฟกเตอร์
้ สนามไฟฟ้
าสู
งกว่
า 30%
2 : เปลีย
นชนิ ดของตัวนํ

3 : เลื
อกสายส่ งเป็
นแบบสายควบ (bundle)
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้ 82 :
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 18/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
ขอที
้82 :

1 : 57 cm
2 : 70 cm
3 : 85 cm
4 : ผิ
ดทุกคําตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้83 :
ระบบส่
งจ่
ายแรงดันสู
งสุ
ดของประเทศไทย ณ ปั จจุ
บน
ั มี
แรงดันอยู

่เี

ท่าใด

1 : 115 kV
2 : 230 kV
3 : 500 kV
4 : 750 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้84 :
หมอแปลงทดสอบ
้ (testing transformer) ที
ใ ้ องปฏิ
ชในห ้ บต ั ก
ิารไฟฟ้าแรงสู
ง เมื

นํ
ามาต่
อแบบคาสเคด (Cascade) กัน
ระหว่างลู
กที

1 และลูกที 
2 จะตองต่
้ อขดลวดชุ ดใดเพื

ควบคุมแรงดันสู ้
งในการใชงาน

1 : Primary winding
2 : Secondary winding
3 : Tertiary winding
4 : Coupling winding
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้85 :
้ อแปลงทดสอบสายเคเบิ
การใชหม ้ ลแรงดันสู
งที

คีา่
คาปาซิ
แตนซ์
สงู
มากๆ ขอใดเป็
้ นวิ ธก
ีารแกปั้
ญหาที
เ
หมาะสมและ
ประหยัดค่ ้
าใชจ่
ายมากที

ดุ

1 : การขนานหมอแปลงเพิ
้ ม
ขึ
นอีกหนึง
ลูก
2 : การออกแบบพิ กด
ั ของหมอแปลงทดสอบไว
้ ที
้พ
กิด
ั สู
งๆ

3 : การใชรีแอกเตอร์ตอ่อนุ
กรมเขากั
้บสายเคเบิ


4 : การใชรีแอกเตอร์ตอ่ขนานเขากั
้บสายเคเบิล
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้86 :
การทดสอบลู กถวยฉนวนไฟฟ้
้ าดวยแรงดั
้ นสู
งและความถี

งูที
ใ ้
ชในโรงงานอุ
ตสาหกรรมที

ลิ
ตลู
กถวยฉนวนพอร์
้ ซเลนมี
วัตถุ
ประสงค์
ทจะตองการตรวจสอบสภาพฉนวนต่
ี ้ างดังนี
ขอใดไม่
้ เกี

วของ

1 : การตรวจสอบเพือ
หาความบกพร่
องของเนื
อฉนวนเนื

งจากการวาบไฟตามผิว
2 : การตรวจสอบเพือ
หาความบกพร่
องของเนื
อฉนวนเนื

งจากการเกิ
ดความรอน

3 : การตรวจสอบเพือ
หาความบกพร่
องของเนื
อฉนวนเนื

งจากการเกิ
ดเจาะทะลุ
4 : การตรวจสอบเพือ
หาความบกพร่
องของเนื
อฉนวนเนื

งจากการฟ้าผ่
าตามธรรมชาติ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้87 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 19/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : Ripple factor
2 : Dissipation factor
3 : Power factor
4 : Quality factor
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้88 :

1 : สามารถสรางแรงดั
้ นสูงได ้
20­50 เท่
า ของแรงดันที ป
้อน
2 : กํ
าลังไฟฟ้าทีจ
า่
ยใหกั้
บวงจรทดสอบมี คา่ตําเท่ากับกําลังไฟฟ้ าสูญเสี
ยในวงจรทดสอบ
3 : ถาเกิ
้ ดวาบไฟตามผิ วหรือเกิ
ดเบรกดาวน์ ทวี
 ส
ั ดุ
ทดสอบแรงดันสู งจะยุ
บตัวทันที
แยกออกจากวงจรไป
4 : ทํ
าใหแรงดั
้ นตกคร่ อมอุปกรณ์ ทดสอบมี คา่เท่ ากับแรงดันที จ
า่
ยจากหมอแปลงทดสอบ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้89 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 20/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : อิ
มพัลส์รป
ูคลืน
เต็
ม (Full wave impulse)
2 : อิ
มพัลส์ครึ
ง
รู
ปคลืน
(Half wave impulse)
3 : อิ
มพลัสแ์บบตัดหางคลื น
(Chopped Wave Impulse Voltage)
4 : อิ
มพัลส์แบบหนาคลื
้ น ชัน (Steep front Impulse Voltage)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

เนื
อหาวิ
ชา : 63 : High­voltage measurement techniques

ขอที
้90 :
สนามไฟฟ้าระหว่
างทรงกลมที

นาดเท่
ากัน จะมี
ลก
ั ษณะเกื
อบสมํ
า
เสมอ ถาระยะช่
้ องแกปเป็
นเท่ ้ าน
าไรของขนาดเสนผ่
ศู
นย์กลางของทรงกลม (D)

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้91 :
การกํ
าหนดค่
าแรงดันอิ
มพัลส์
เป็
นการระบุ
คา่
เบรกดาวน์
กเี

ปอร์
เซ็
นต์

1 : 48%
2 : 50%
3 : 60%
4 : 80%
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้92 :
โวลเตจดิ
ไวเดอร์
ตองอยู
้ ห ่า่
งจากวัสดุ
ทดสอบหรื
อแรงดันสู
งที

องการวั
้ ด มี
ระยะเท่
าไร และเพื



1 : เท่
ากับสองเท่าของความสู
งของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
เพื

ลดการรบกวนของสนามแม่เหล็ก
2 : เท่
ากับครึ
ง
หนึง
ของความสู
งของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
เพื

ลดการรบกวนของสนามไฟฟ้ า
3 : อย่
างนอยเท่
้ ากับความสู งของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
เพื

ลดสนามไฟฟ้าที
ร
บกวนและ stray capacitance
4 : อย่
างนอยเท่
้ ากับความสู งของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
เพื

ความปลอดภัยของผู
ปฏิ
้ บต
ั งิ
าน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้93 :
ในการวัดแรงดันสู
งดวยแกปทรงกลม
้ เหตุ
ใดมาตรฐานจึ
งกํ
าหนดใหใช ้
้ระยะแกป d นอยกว่
้ าหรือเท่ าของเสน้
ากับ 0.5 เท่
ผ่
านศู
นย์ กลาง D

1 : เนื

งจากระยะแกปที

ากกว่
านี
จะไม่
ทํ
าใหเกิ
้ดการเบรกดาวน์ระหว่
างทรงกลมโลหะ
2 : เนื

งจากระยะแกปที

ากกว่
านี
จะทํ
าใหเกิ
้ดความไม่ สมํ
า
เสมอของสนามไฟฟ้ าระหว่
างทรงกลมโลหะ
3 : เนื

งจากระยะแกปที

ากกว่
านี
จะทํ
าใหกระแสที
้ เ
กิ
ดจากการเบรกดาวน์ มค
ีา่
นอยเกิ
้ นไป
4 : เนื

งจากระยะแกปที

ากกว่
านี
จะทํ
าใหเกิ
้ดการเบรกดาวน์ ทรี


ุแรง อาจเกิ
ดอันตรายได ้

คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 21/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้94 :
ค่
าความถู
กตองของการวั
้ ดแรงดันสู
งดวยอิ
้ มพีแด๊
นซ์
ตอ
่อันดับขึ
นอยู

่บั อะไร

1 : ความถู
กตองของแอมมิ
้ เตอร์
2 : ความถู
กตองของโวลต์
้ มเิตอร์
แรงสู

3 : ค่
าความคงตัวของอิ
มพีแด๊นซ์
ทไี
ม่
ขนกั
ึ บอุ
ณหภู
มิ
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้95 :
การวัดแรงดันดวยโวลเตจดิ
้ ไวเดอร์
มี
ขอดี
้ เมื

เที
ยบกับการวัดดวยอิ
้ มพีแด๊
นซ์
ตอ
่อนุ
กรม

1:

2:
3 : ค่
าการผิ
ดพลาดอันเนื

งมาจากอัตราส่
วนของอิ
มพี
แด๊
นซ์
อนุ
กรมและแอมมิ
เตอร์ ง
ซึ อาจเปลี

นแปลงไปเมื

ความถี
เ
ปลีย
น จะหมดไป
4 : ค่
าการผิ
ดพลาดอันเนื

งมาจากอัตราส่
วนของอิ
มพี
แด๊
นซ์
อนุ
กรมและโวลต์
มเิ
ตอร์ ง
ซึ อาจเปลี

นแปลงไปเมื

ความถี
เ
ปลีย
น จะหมดไป
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 1

ขอที
้96 :
การวัดกระแสอิ
มพัลส์
ดวยชั
้ นท์(shunt) มี
หลักการอย่
างไร

1 : โดยการปล่
อยใหกระแสที
้ ต
องการวั
้ ดนัน ไหลผ่
านความตานทานชั
้ นท์
ทม ค
ีีา่
สูง แลววั
้ดกระแสที ไหลผ่
านออกมายังแอมมิ เตอร์ทางดานแรงตํ
้ า
2 : โดยการปล่
อยใหกระแสที
้ ต
องการวั
้ ดนัน ไหลผ่
านความตานทานชั
้ นท์
ทม ค
ีีา่
ตําแลววั
้ดแรงดันที ต
กคร่
อมชันท์
นันดวยออสซิ
้ ลโลสโคป
3 : โดยการปล่
อยใหกระแสที
้ ต
องการวั
้ ดนัน ไหลผ่
านตัวตานทานชั
้ นท์
หรื
อตัวเก็ บประจุ ั
ชนท์ แลววั
้ดแรงดันที ต
กคร่ อมชันท์
นันดวยออสซิ
้ ลโล
สโคป
4 : โดยการปล่
อยใหกระแสที
้ ต
องการวั
้ ดนัน ไหลผ่
านเคเบิ
ลแรงดันสู
งที

ตีวั ตานทานสมคู
้ ก
่นั ต่
อแบบอนุ กรม แลววั
้ดแรงดันที ต
กคร่อมดวยออส

ซิลโลสโคป
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้97 :
การวัดแรงดันสู
งกระแสสลับความถี

ํ
า
ดวยวิ
้ ธข
ีอง Chubb & Fortescue เป็
นการวัดค่
าอะไร

1 : ค่
ายอด(peak value)
2 : ค่
าเฉลี
ย(average value)
3 : ค่
าประสิทธิผล(effective value)
4 : ค่
ายอดและค่ าเฉลีย

คํ
าตอบที ถกูตอง
้: 1

ขอที
้98 :

1 : 199.8 nF
2 : 190.8 nF
3 : 189.2 nF
4 : 180.2 nF
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้99 :
ในการต่
อ matching resistor R ที ต
นทางสายเคเบิ
้ ลเพือ
ใหสั้
ญญาณวัดของดิไวเดอร์
แบบเก็
บประจุ
มค
ีวามตานทานหน่
้ วง
(damped capacitive voltage divider) ไม่
ผด
ิเพี
ยนนันจะตองเลื
้ อกค่ า R มี
คา่
เท่
าไร

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 22/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:

2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้100 :
การวัดแรงดันสู
งกระแสตรงค่
าเฉลี

(average value) วิ
ธใี
นขอใดใช
้ วั้
ดไม่
ได ้

1 : วิ
ธคีวามตานทานต่
้ ออันดับ
2 : วิ
ธโีวลเตจดิไวเดอร์
แบบตัวความตานทาน

3 : วิ
ธโีวลเตจดิไวเดอร์
แบบตัวเก็
บประจุ
มค
ีวามตานทานหน่
้ วง
4 : วิ
ธโีวลต์มเิ
ตอร์
แบบไฟฟ้ าสถิ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้101 :
ในการวัดแรงดันสู
งดวยแกปทรงกลมเพื
้ อ
ที

ะรักษาใหสนามไฟฟ้
้ าระหว่
างทรงกลมมี
ลก
ั ษณะเกื
อบสมํ
า
เสมอ อัตราส่
วน
ระหว่าง ระยะช่
องแกปต่ ้ านศู
อเสนผ่ นย์
กลางของทรงกลมมีคา่
สูงสุ
ดไดเท่
้าใด

1 : ไม่
เกิ
น 0.3
2 : ไม่
เกิ
น 0.4
3 : ไม่
เกิ
น 0.5
4 : ไม่
เกิ
น 0.6
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้102 :
จากตารางมาตรฐานการวัดแรงดันสู
งดวยแกปทรงกลมของ
้ IEC ค่
าแรงดันที
ไ
ดแสดงดั
้ งในตารางดังกล่
าวเป็
นค่
าแรงดันที

สภาวะใด

1 : 20 องศาเซลเซี ยส 760 mmHg


2 : 25 องศาเซลเซี ยส 760 mmHg
3 : 273 เคลวิน 760 mmHg
4 : 300 เคลวิน 760 mmHg
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 1

ขอที
้103 :
โดยทัว
ไปนิ ้
ยมใชโวลเตจดิ
ไวเดอร์
ชนิ
ดใดวัดแรงดันสู
งแบบกระแสตรง

1 : แบบความตานทาน

2 : แบบตัวเก็
บประจุ
3 : แบบความตานทานรวมกั
้ บตัวเก็
บประจุ
4 : ถู
กตองทุ
้ กคํ าตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้104 :
เครื

งวัดแรงตํ
า
ทีค
วรจะนํ
ามาต่
อเขาตรงรอยต่
้ อระหว่
างภาคแรงสู
งกับแรงตํ
า
ของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
นันควรมี
คณ
ุลักษณะ
อย่
างใด

1 : อิ
มพี
แด๊ นซ์
ทางเขาสู
้งมากๆ

2 : ใชกํ
าลังไฟฟ้
าสู
งๆ
3 : อิ
มพี
แด๊ นซ์
ทางเขาตํ
้า
มากๆ
4 : คํ
าตอบ 2 และคํ
าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 23/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้105 :
ในการวัดกระแสอิ
มพัลส์
ดวยชั
้ นท์(shunt) ค่
าของความตานทานจะถู
้ กกํ ้ ง
าหนดดวยสิ
ใด

1 : ชนิ
ดของแรงดันอิมพัลส์
2 : การระบายความรอนที
้ เกิ
ดขึนเนื

งจากกระแสทีไ
หลผ่
านความตานทานของชั
้ นท์
3 : คุ
ณลักษณะของเครือ
งวัด เช่
นออสซิลโลสโคป
4 : คํ
าตอบ 2 และคํ
าตอบ 3 ถูกตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้106 :

1 : 10 โวลต์
2 : 100 โวลต์
3 : 1000 โวลต์
4 : 200 โวลต์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้107 :

1 : 10 โวลต์
2 : 100 โวลต์
3 : 1000 โวลต์
4 : 200 โวลต์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้108 :

การใชแกปทรงกลม(sphere­gap) ทํ
าการปรับเที
ยบ (calibration) โวลเตจดิ
ไวเดอร์
วด
ั แรงดันอิ
มพัลส์
เพื

การทดสอบ BIL
ค่
าแรงดันอิ
มพัลล์
ทแ
กปทรงกลมวัดไดเป็
ี ้นค่ าอะไรต่
อไปนี

1 : ค่
ายอดเบรกดาวน์
0%
2 : ค่
ายอดเบรกดาวน์
3%
3 : ค่
ายอดเบรกดาวน์
50%
4 : ค่
ายอดเบรกดาวน์
100%
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้109 :

1 : 315.5 kV
2 : 460 kV
3 : 446.2 kV
4 : 474.2 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้110 :

1:

2:

3:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 24/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้111 :
ถาต
้องการวั
้ ดแรงดันสู
งกระแสสลับ เราควรเลื ้
อกใชโวลเตจดิ
ไวเดอร์
แบบใด จึ
งจะเหมาะสม

1 : โวลเตจดิไวเดอร์
แบบความตานทาน

2 : โวลเตจดิไวเดอร์
แบบตัวเก็
บประจุ
3 : โวลเตจดิไวเดอร์
แบบตัวเก็
บประจุ
มค
ีวามตานทานหน่
้ วง
4 : โวลเตจดิไวเดอร์
แบบผสม R­C
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้112 :
แฟกเตอร์
ทต
องคํ
ี ้ านึ
งถึ
ง ในการพิ
จารณาเลื ้
อกใชงานโวลเตจดิ สํ
ไวเดอร์าหรับวัดแรงดันสู
งอิ
มพัลส์
มี
อะไรบาง

1 : ค่าอิ
มพี แด๊
นซ์ของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
จะตองไม่
้ สงู หรื
อตํ
า
จนเกิ
นไป
2 : ผลตอบสนองทางเวลาและย่ านความถี

อบสนองของโวลเตจดิไวเดอร์
3 : อัตราส่วนแรงดันของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
4 : ถู
กทุ กคําตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้113 :

1:
2:
3:
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้114 :

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้115 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 25/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้116 :
ระบบวัดแรงดันสู งอิ
มพัลส์ดวยโวลเตจดี
้ ไวเดอร์
แบบความตานทานขนาดพิ
้ กดั 1500 kV ประกอบดวยความต
้ านทานภาค

แรงสู งเป็นแบบ non­inductive ขนาด 20 กิ
โลโอห์ม ส่
วนภาคแรงตํ า
ทําจากความตานทานแบบฟิ
้ ลม
์โลหะขนาด 200
โอห์ ม, 2 Watt. จํ
านวน 10 ตัวต่
อขนานกัน ใหคํ
้านวณหาค่า scale factor ของระบบวัดดวยโวลเตจดี
้ ไวเดอร์
นี
มีคา่
เท่
ากับ
ขอใด

1 : 101 : 1
2 : 285.7 : 1
3 : 1001 : 1
4 : 1401 : 1
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้117 :
การวัดแรงดันสู
งกระแสสลับความถี ้ ค “Chubb and Fortescue method” ภาคแรงสู
50 Hz โดยใชเทคนิ งใชตั้
วเก็บประจุ
ขนาด 320 pF ทีแ
อมมิ
เตอร์ดานแรงตํ
้ า
อ่านค่ากระแสเฉลี

ได ้
4 mA ใหคํ
้านวณหาค่ าแรงดันสู
งกระแสสลับทีว

ั ไดมี
้คา่
เท่
ากับขอใด
้ โดยสมมติ วา่
แรงดันที
วด
ั เป็นรู
ปคลืน
ไซน์

1 : 125 kV
2 : 88.4 kV
3 : 176.8 kV
4 : 62.5 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้118 :

1:
2:
3:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 26/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้119 :
ในการวัดแรงดันสู
งกระแสสลับดวยอิ
้ เล็
กโตรสแตติ
กโวลต์
มเิ
ตอร์
(electrostatic voltmeter) นันค่
าแรงดันสู
งที

า่
นไดเป็
้น
ค่
าอะไร

1 : ค่
ายอด(peak)
2 : ค่
ายอดถึ งยอด(peak to peak)
3 : ค่
า r.m.s.
4 : ค่
า เฉลีย
(average)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้120 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้121 :
นอกจากแบนวิ ดท์แลว้สิ ง
ทีจะตองพิ
้ จารณาในการวัดแรงดันอิ
มพัลส์
ดวยโวลเตจดิ
้ ไวเดอร์
ชนิ
ดตัวตานทาน
้ คื
อ เวลาตอบ
สนองT (response time) ซึง
สามารถคํ
านวณไดอย่
้างไร

1:

2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้122 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้123 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 27/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้124 :

1 : 0.93 , 362 .0 kV
2 : 0.95 , 370.5 kV
3 : 1.05 , 409.5 kV
4 : 0.9, 351.0 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้125 :

1 : 5 ns
2 : 10 ns
3 : 15 ns
4 : 20 ns
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้126 :

1 : 4.6 MHz
2 : 10 MHz
3 : 12.2 MHz
4 : 14.6 MHz
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้127 :

1 : 9.99 V
2 : 19.9 V
3 : 99.90 V
4 : 199.90 V
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้128 :
อิ
มพัลส์
โวลเตจดิ
ไวเดอร์ชนิ
ดความตานทานพิ
้ กดั 600 kV และมี
สเกลแฟกเตอร์
แรงดัน (voltage ratio) เท่
ากับ 1000:1
เมื
อ ้
ใชโวลเตจดิ
ไวเดอร์
วด
ั แรงดันอิ
มพัลส์
450 kV โวลมิเตอร์
ดานแรงตํ
้ า
จะอ่
านไดเท่
้าไร

1 : 300 V
2 : 450 V
3 : 600 V
4 : 1200 V
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 28/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้129 :

1 : คื
อแรงดันอิ
มพัลส์ทป
้
ี อนแลวเกิ
้ ดเบรกดาวน์ครึ
ง
หนึ
ง
ของจํ านวนครังที

้อน
2 : คื ้
อการใชอิมพัลส์
ทแรงดัน 50% ของแรงดันทดสอบทังหมด

3 : คื
อการป้อนแรงดันอิ
มพัลส์ 50% แลวเกิ
้ ดเบรกดาวน์ทกุครัง
4 : ผิ
ดทุ
กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้130 :
การต่อตัวเก็
บประจุ
อน
ั ดับของวงจร Chubb Fortescue เป็
นการวัดค่
าของแรงดันชนิ
ดใด

1 : ค่ายอดของแรงดันกระแสตรง
2 : ค่ายอดของแรงดันกระแสสลับ
3 : วัดค่
า r.m.s. ของกระแสสลับ
4 : วัดค่
าแรงดันอิ มพัลส์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้131 :

1 : สู
งกว่าค่าที
ถก
ูตอง

2 : ตํ
า
กว่าค่าที
ถก
ูตอง

3 : ไม่
มผีลต่ อค่
าทีถ
กูตอง

4 : ไม่
สามารถระบุ ได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้132 :

1 : 2 ระดับ
2 : 3 ระดับ
3 : 4 ระดับ
4 : กี
ระดับก็ได ้
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 2

ขอที
้133 :

1 : เพิ

ขึน
2 : ลดลง
3 : เท่
าเดิ

4 : ไม่
เกิ
ดเบรกดาวน์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้134 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 29/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : 10 ครัง
2 : 20 ครัง
3 : 30 ครัง
4 : 40 ครัง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้135 :
โวลเตจดิ
ไวเดอร์ าหรับใชวั้
แบบความตานทานเหมาะสํ
้ ดแรงดันสู
งแบบใดมากที

ดุ?

1 : แรงดันสูงกระแสตรง
2 : แรงดันสูงกระแสสลับ
3 : แรงดันสูงอิ
มพัลส์
4 : แรงดันสูงความถีส
งู
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้136 :
ขอใดไม่
้ ใช่
ลก
ั ษณะสมบัตข
ิองช่
องว่
างทรงกลม (Gap) วัดแรงดันสู

1 : เป็
นการวัดแรงดันค่
ายอด (Peak Voltage)
2 : ใชวั้
ดค่
าแรงดันสู
ง AC และ DC ได ้

3:
4 : เป็
นอุ
ปกรณ์ทมต
ีีวั ชี
วัดบอกค่
าแรงดันเบรกดาวน์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้137 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้138 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 30/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : ตัวเก็
บประจุยอ่ยแรงสูง
2 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน
3 : ตัวเก็
บประจุคาบเกีย
ว
4 : ตัวเก็
บประจุสเตรย์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้139 :

1 : เพิ

ค่าคาปาซิแตนซ์
ใหโวลเตจดิ
้ ไวเดอร์
2 : ลดค่าคาปาซิแตนซ์
ใหโวลเตจดิ
้ ไวเดอร์
3 : ป้
องกันฝุ่
นละอองและกันฝนใหโวลเตจดิ
้ ไวเดอร์
4 : ลดความเครียดสนามไฟฟ้ าบริ
เวณหัวและจุดต่
อใหโวลเตจดิ
้ ไวเดอร์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้140 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 31/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : ตัวเก็
บประจุแบบโวลเตจดิ
ไวเดอร์
2 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน
3 : ตัวเก็
บประจุคาบเกี

ว
4 : ตัวเก็
บประจุสเตรย์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้141 :

1 : ตัวเก็
บประจุยอ่ยแรงสูง
2 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน
3 : ตัวเก็
บประจุคาบเกีย
ว
4 : ตัวเก็
บประจุสเตรย์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้142 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 32/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : เครื

งกําเนิดแรงดันอิ
มพัลส์
2 : โวลเตจดิ ไวเดอร์
3 : วัสดุ
ทดสอบ
4 : ออสซิโลสโคป
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้143 :

1 : สายนํ
าแรงดันสู

2 : อิ
มพี
แดนซ์ภาคแรงดันตํา
3 : สายโคแอกเชียลวัดสัญญาณ
4 : ออสซิโลสโคป
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้144 :
ในสถานี
ไฟฟ้
าย่ ้
อยระบบ 115/22 kV ใชอุ
ปกรณ์
ใด? ในการวัดค่
าแรงดันสู
งดานเข
้ า้

1 : Capacitance Voltage Divider


2 : Resistance Voltage Divider
3 : Current Transformer
4 : Voltage Transformer
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้145 :
ในการวัดกระแสอิ
มพัลส์
ทม
ค
ี ีา่
สูงๆ อุ
ปกรณ์
การวัดใดที
เ
หมาะสมที

ดุ

1 : ชันท์
กระแสแบบความตานทาน

2 : ชันท์ ้
กระแสแบบทรงกระบอกซอนแกนร่
วม
3 : หมอแปลงกระแส

4 : โรกอฟสกี คอยล์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้146 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 33/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
ขอใดไม่
้ ใช่
ขอกํ
้าหนดของหมอแปลงกระแสสํ
้ าหรับมิ
เตอร์
วด

1 : การเปลีย
นแปลงของค่ ากระแสตามค่
าเวลาในการวัด
2 : อัตราส่
วนของกระแส
3 : ค่าโหลดหรือเบอร์
เดน
4 : ระดับความแม่นยํ
าถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้147 :
การหาสเกลแฟกเตอร์
ของโวลเตจดิ
ไวเดอร์
สามารถหาไดหลายวิ
้ ธี
ขอใดต่
้ อไปนี
ไม่
เกี

วของ

1 : การวัดค่าแรงดันขาเขาและขาออกพร
้ อมกั
้ น

2 : การใชวงจรบริ ดจ์
3 : การคํานวณจากค่ าอิ
มพี
แด๊
นซ์ทวี


ั ได ้
4 : การวัดสัญญาณตอบสนองของฟั งชันยู นต
ิสเต็

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้148 :
ขอใดไม่
้ ใช่
ปัญหาในการออกแบบและสรางโวลเตจดิ
้ สํ
ไวเดอร์าหรับวัดแรงดันสู

1 : เทคนิ
คการฉนวนภายใน
2 : โครงสรางของฉนวนภายนอก

3 : สนามไฟฟ้ าทีเ
กิ
ดขึ
นรอบองค์
ประกอบ
4 : รู
ปแบบของการจัดวางและต่ มการวัด
อเชื

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้149 :
การวัดแรงดันสู
งและความถี

งูควรเลื
อกเทคนิ
คการวัดแบบใดที
เ
หมาะสม

1 : หมอแปลงแรงดั
้ น (VT)
2 : โวลเตจดิ ไวเดอร์
แบบความตานทาน

3 : ช่องว่
างทรงกลมวัดแรงดันสู

4 : วัดแรงดันตกคร่อมขดลวดอิมพี
แด๊
นซ์
ภาคแรงตํ
า
ทีอ
นุ
กรมกับขดลวดค่
าอิ
มพี
แด๊
นภาคแรงสู

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

เนื
อหาวิ
ชา : 64 : Electric field and insulation techniques

ขอที
้150 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้151 :
เคเบิลแรงสู
ง XLPE ตัวนํ
าในมี ้ านศู
ขนาดเสนผ่ นย์
กลาง 4 cm. ตัวนํ
านอกเป็
นชี
ลด์
มข ้ านศู
ีนาดเสนผ่ นย์กลาง 12 cm. มี
ฟองก๊ าซเล็
กๆ 2 จุ
ด จุ
ดที
1 อยู

่รี

ัศมี
2.5 cm. จุ
ดที
2 อยู

่รี
ัศมี
5 cm. ถาป้
้อนแรงดันเพิ

สู
งขึ
นถึงระดับหนึ
ง
จะเกิด PD ที

ฟองก๊ าซไหนก่อน

1 : เกิ
ดขึ
นที ฟ
องก๊
าซทังสองพรอมกั
้ น
2 : เกิ
ดที

องก๊ าซจุดที

1 ก่
อน
3 : เกิ
ดที

องก๊ าซจุดที

2 ก่
อน
4 : ไม่
เกิ
ด PD ทังสองจุ
ดจนกว่าจะเกิ
ดเบรกดาวน์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้152 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 34/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้153 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้154 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้155 :

การใชสายควบ (bundled conductor) ในการส่
งจ่
ายไฟฟ้
ากํ
าลังที
ร
ะดับแรงดันสู
งกว่
า 300 kV มี
ผลดี
อย่
างไร

1 : กํ
าลังไฟฟ้
าสู
ญเสี
ยเนื

งจากโคโรนาจะลดลง

2:
3 : แรงดันควบคุม (voltage regulation) และเสถี
ยรภาพ (stability) ของระบบดี
ขน

4 : ถู
กทุกคําตอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้156 :

1 : เคเบิ
ล 1 เก็
บพลังงานอัดประจุ
ไดมากกว่
้ าเคเบิ
ล2
2 : เคเบิ
ล 1 มี
กํ
าลังไฟฟ้าสู
ญเสียไดอิ
เล็
กตริ
กสู
งกว่
าเคเบิ
ล2
3:
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 35/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้157 :
ปลอกฉนวนตัวนํ า (bushing) แบบเก็
บประจุ
จะใส่
แผ่
นโลหะเปลวฝั งแทรกเป็ ้
นชันๆ ในลักษณะทรงกระบอกซอนแกนร่
วม
ตัวนําไวเพื
้ออะไร

1 : เพื

ใหปลอกฉนวนมี
้ ความจุ
ไฟฟ้าสูงขึ

2 : เพื

ใหปลอกฉนวนมี
้ ความคงทนต่ อแรงดันเจาะทะลุเนื
อฉนวนไดสู
้งขึน
3 : เพื

ควบคุมการกระจายแรงดันตามผิวฉนวนใหสมํ
้ า
เสมอ ป้
องกันมิ
ใหเกิ
้ด PD ตามผิ
วฉนวน
4 : เพื

ใหค่
้าวาบไฟตามผิวปลอกฉนวนมี คา่
สูงกว่
าค่
าแรงดันเจาะทะลุตามแนวรัศมี
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 3

ขอที
้158 :
ลู
กถวยฉนวนที
้ ใ ้
ชยึ
ดหรือรองรับตัวนํ
าสายส่
งจ่
ายแรงสู
ง จะไดรั้
บการออกแบบใหเกิ
้ดวาบไฟตามผิ
วง่
ายกว่
าการเกิ
ดเจาะ
ทะลุ เนื
อฉนวน เพราะอะไร

1 : เพราะช่
วยใหสั้
งเกตการเกิ
ดผิ
ดพร่
องบนลู
กถวยได
้ ง่ ้
าย
2:
3 : เพราะถาให
้ เกิ
้ดเจาะทะลุ
ผา่นเนื
อฉนวนลูกถวยแล
้ ว้ลูกถวยฉนวนจะเสี
้ ยสภาพการฉนวนอย่
างถาวร
4 : เพราะการเกิ
ดวาบไฟตามผิ ้ งงานนอยกว่
วจะใชพลั ้ า
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้159 :
พวงลูกถวยแขวนที
้ ใ ้
ชยึดหรื
อรองรับตัวนํ
าสายส่
งแรงสู
งระบบ 230 kV 50 Hz มี
จํ
านวนลู กถวยในพวง
้ 14 ลู
ก ยึ
ดอยู
ก่บ
ั แขน
เสาไฟฟ้าที

อ่ลงดิ
น พบว่
าแรงดันกระจายบนพวงลู กถวยไม่
้ เป็ นเชิ ้ าใหค่
งเสนทํ ้าแรงดันวาบไฟตามผิวของพวงตํา
กว่ าค่

พิกด
ั เป็
นผลจากอะไร ในทางปฏิบตั แ
ิกไขปั
้ ญหานี อย่
างไร

1 : เป็นผลจากค่าความจุไฟฟ้าของลูกถวยแต่
้ ละลู กไม่
เท่
ากัน แกโดยใช
้ ้
ลู
กถวยมี
้ ความจุ แต่ละลูกเท่ากัน
2 : เป็นผลจากค่าความจุไฟฟ้าสเตรย์
ของลูกถวยแต่
้ ละลู กกับเสาไฟฟ้ าและดิ
น แกโดยใส่
้ แหวนชี ลด์ (shielding ring) ที

วงลู
กถวยยึ
้ ดตัวนํ
าแรง
สู

3 : เป็นผลจากทีล
กูถวยแต่
้ ละลู กอยูห
่า่
งจากตัวนํ
าแรงสู
งไม่
เท่ากัน แกโดยใส่
้ เขาอาร์
ก (arcing horn) ที
พวงลูกถวยติ
้ ดกับแขนเสาไฟฟ้า
4 : คําตอบ 2 และคําตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้160 :
พวงลูกถวยแขวน
้ 14 ลู
ก ที
ใ ้
ชยึ
ดหรื
อรองรับตัวนํ
าสายส่งแรงสู
งระบบ 230 kV 50 Hz ยึ
ดอยูก
่บั แขนเสาไฟฟ้
าที

อ่ลงดิ

ถาเกิ
้ ดแรงดันเกิ
นเสิ
รจ์บนสายเฟสที

วงลูกถวยยึ
้ ดอยู่เกิ
ดวาบไฟตามผิ วบนพวงลู กถวย
้ ถามว่ าลู
กถวยแขวนลู
้ กใดเกิ

วาบไฟตามผิ วก่
อน

1 : ลู
กถวยแขวนลู
้ กที

ยู

่ดิกับแขนโครงเสาไฟฟ้ าเกิ
ดวาบไฟก่
อน
2 : ลู
กถวยแขวนกลางพวงเกิ
้ ดวาบไฟก่ อน
3 : ลู
กถวยแขวนลู
้ กที

ยู

่ดิกับตัวนํ
าแรงสู
งเกิ
ดวาบไฟก่อน
4 : ลู
กถวยทุ
้ กลู กในพวงเกิ
ดวาบไฟพรอมกั
้ น
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้161 :
ทรงกลมทีจ ้น ชี
ะใชเป็ ลด์
ป้
องกันไม่
ใหเกิ
้ด โคโรนา ที

ลายขัวของอุ
ปกรณ์แรงสู
ง 115 kV รัศมี
ของ ชี
ลด์
ทรงกลมจะเป็

เท่
าไรเป็
นอย่
างนอย
้ ถาสนามไฟฟ้
้ าเบรกดาวน์
คา่ยอดของอากาศ = 25 kV/cm

1 : มากกว่
าหรื
อเท่
ากับ 4.6 cm
2 : มากกว่
าหรื
อเท่
ากับ 6.5 cm
3 : มากกว่
าหรื
อเท่
ากับ 5.2 cm
4 : มากกว่
าหรื
อเท่
ากับ 7.1 cm
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้162 :

1:

2:

3:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 36/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้163 :

1 : 1/4 เท่า
2 : 4 เท่า
3 : 2 เท่า
4 : เท่ากัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้164 :
สนามไฟฟ้
าอาจแบ่ งเป็
นแบบสมํา
เสมอ แบบไม่
สมํ
า
เสมอเล็
กนอย
้ และแบบไม่
สมํ
า
เสมอสู
ง อะไรเป็
นตัวกํ
าหนดลักษณะ
สนามไฟฟ้
าทัง 3 แบบดังกล่
าว

1 : แรงดันที ต
กคร่
อมอิเล็
กโตรด
2 : กระแสที ไหลผ่านฉนวน
3 : ลักษณะของอิ เล็
กโตรด
4 : ชนิดของฉนวน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง้: 3

ขอที
้165 :
ระบบอิ
เล็
กโตรดที

อเหมาะเมื

ความเครี
ยดสนามไฟฟ้
าถึ
งค่
าวิ
กฤตจะเกิ
ดอะไรขึ

1 : จะเกิ
ดเบรกดาวน์ แบบโดยตรง
2 : จะเกิ
ดเบรกดาวน์ แบบโคโรนา
3 : จะเกิ
ดโคโรนาแต่ ไม่
เกิ
ดเบรกดาวน์
4 : ไม่
มคีํ
าตอบที ถ
กูตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้166 :
สายควบคื
ออะไร ทํ
าไมจึ
งตองใช ้
้ สายควบ

1 : สายตัวนําของแต่ละเฟสของสายส่
งแรงสู
งที

ระกอบดวยสายตั
้ าหลายเสน้เพี
วนํ อ
ใหส่
้ งกํ
าลังไฟฟ้าไดสู
้งขึ

2 : สายตัวนําของแต่ละเฟสของสายส่
งแรงสู
งที

ระกอบดวยสายตั
้ าหลายเสน้ใชสํ
วนํ ้ าหรับลดค่าความตานทาน

3 : สายตัวนําของแต่ละเฟสของสายส่
งแรงสู
งที

ระกอบดวยตั
้ วนําหลายเสน้ใชสํ
้าหรับลดการเกิ ดโคโรนาที

วิ
ตัวนํ

4 : คํ
าตอบ 1 และคําตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้167 :
ในสนามไฟฟ้
าหนึ
งที
ใ
ดความหนาแน่
นของฟลักซ์
ไฟฟ้
า D มากที

ดุที

ันคื

1 : ฉนวนทีน
ันมี
ความคงทนทางไฟฟ้ า(dielectric strength)สู งที

ดุ
2 : ฉนวนทีน
ันมี
ความเครี
ยดสนามไฟฟ้ า(electric field stress)สู
งที

ดุ
3 : ฉนวนทีน
ันมีั ย์
ศก ไฟฟ้
า(electric potential)สูงทีส
ดุ
4 : ฉนวนทีน
ันมี
แฟกเตอร์สนามไฟฟ้ า(field factor)สูงทีส
ดุ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้168 :

1 : 15.12 kV/cm
2 : 19.59 kV/cm
3 : 21.38 kV/cm
4 : 37.04 kV/cm
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้169 :
การลดการเกิ
ดโคโรนาที

วิ
ขัวไฟฟ้
าแรงสู
ง วิ
ธใี
ดเป็
นไปไดมากที
้ ส ด

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 37/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:
2 : ลดพืนทีผวิของขัวไฟฟ้
าใหได้มากที
้ ส ดุ
3 : เพิ

พืนที ผ
วิของขัวไฟฟ้าใหได
้มากที
้ ส ดุ
4 : เปลี

นชนิ ดของโลหะที ใ ้าขัวไฟฟ้
ชทํ า
คํ
าตอบที ถ
กูตอง้: 3

ขอที
้170 :
สนามไฟฟ้
าเฉลี

ของแกปคื
ออะไร

1 : อัตราส่วนระหว่
างความต่างศักย์
ไฟฟ้
าของแกปต่ อระยะห่างของแกป
2 : อัตราส่วนระหว่
างระยะห่
างของแกปต่อความต่างศักย์
ไฟฟ้ า
3 : ผลคูณระหว่ างระยะห่
างของแกปกับความต่างศักย์
ไฟฟ้า
4 : ไม่มข
ีอถู
้ก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้171 :
ขอใดต่
้ อไปนี
ถู
กตองเมื
้ อ ระยะแกปเท่
ากันและเกิ
ดเบรกดาวน์
โดยตรง

1 : สนามไฟฟ้าแบบสมํา
เสมอและแบบไม่สมํา
เสมอ ไม่มผ
ีลกับขนาดของแรงดันในการเกิ
ดเบรกดาวน์
2 : สนามไฟฟ้าแบบสมํา
เสมอตองการแรงดั
้ นสู งกว่
าในการเกิ
ดเบรกดาวน์
เมื

เที
ยบกับสนามไฟฟ้าแบบไม่
สมํ
า
เสมอ
3 : สนามไฟฟ้าแบบไม่สมํา
เสมอตองการแรงดั
้ นสูงกว่
าในการเกิ
ดเบรกดาวน์
เมื

เที
ยบกับสนามไฟฟ้าแบบสมํ
า
เสมอ
4 : ไม่
สามารถระบุ
ได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้172 :
ฉนวนในขอใดต่
้ อไปนี
เมื

เสี
ยสภาพการเป็
นฉนวนแลวจะเสี
้ ยสภาพอย่
างถาวร

1 : อากาศ
2 : PTFE
3 : นํ
ามัน
4 : SF6
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้173 :
นิ
ยามความสัมพันธ์
ระหว่
างความเครี
ยดสนามไฟฟ้
า (E) และความหนาแน่
นของฟลักซ์
ไฟฟ้
า (D) มี
ความสัมพันธ์
กน

อย่
างไร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้174 :
ในการออกแบบขัวหมอแปลงแรงสู
้ ง 200 kV 50 Hz ถาต
้องการใส่
้ ีด์
ชล ป้
องกันการเกิ
ดดิ
สชาร์จทีข
วแรงสู
ั ง จงคํานวณหา
้ านศู
ขนาดเสนผ่ นย์กลางของชี ลด์
ทรงกลม โดยกํ าหนดใหอากาศมี
้ คา่
ความคงทนต่ อแรงดันเบรกดาวน์(electric
breakdown strength) = 25 kV/cm

1 : 8.0 ซม.
2 : 11.3 ซม.
3 : 16.0 ซม.
4 : 22.6 ซม.
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้175 :
สายเคเบิ
ลแกนเดี

วขนาด 12 kV มี ้ านศู
เสนผ่ นย์
กลางของชี
ลด์
10 เซนติ
เมตร ใหคํ
้ ้ านศู
านวณหาเสนผ่ นย์
กลางของตัวนํ

ทองแดงเป็
นเซนติเมตร

1 : 10/e
2 : e/10
3 : 10 e
4 : 1e
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้ 176 :
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 38/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้176 :
สายเคเบิลใชกั้
บแรงดันพิ
กด
ั 12 kV มี ้ านศู
เสนผ่ นย์
กลาง 12 เซนติ
เมตร ถาเส ้
้ นลวดตั
วนํ
าทองแดงมี ้ านศู
เสนผ่ นย์
กลาง 4
เซนติเมตร ใหคํ
้านวณหาค่าสนามไฟฟ้ าสู
งสุ
ดของฉนวนเคเบิล

1 : 5.46 kV/m
2 : 6.59 kV/m
3 : 4.0 kV/m
4 : 12.0 kV/m
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้177 :
ลใชกั้
สายเคเบิ บแรงดันขนาด 12 kV มี ้ านศู
เสนผ่ นย์กลาง 12 เซนติ
เมตร ถาเส ้
้ นลวดตั
วนํ
าทองแดงมี ้ านศู
เสนผ่ นย์
กลาง 4
cm ใหคํ
้านวณหาค่ าสนามไฟฟ้ าตํ
า
สุดของฉนวนเคเบิ

1 : 1.82 kV/m
2 : 2.0 kV/m
3 : 1.33 kV/m
4 : 4.0 kV/m
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้178 :

1 : 776.5 kV
2 : 989.8 kV
3 : 1098 kV
4 : 1500 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้179 :

1 : แรงดันทีใกลถึ
้งจุ
ดเบรกดาวน์
2 : แรงดันทีทํ
าใหโคโรนาเริ
้ ม
เกิ

3 : แรงดันทีเ
ริม
เกิ
ดแสงสลัว
4 : แรงดันทีเ
ริม
เกิ
ดแสงและเสียงฮี ง
สซิ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง้: 2

ขอที
้180 :
off – set inception voltage หมายถึ

1 : แรงดันทีใ
กลถึ
้งจุ
ดเบรกดาวน์
2 : แรงดันทีโ
คโรนาเกิ
ดขึนแลวหายไปเมื
้ อ
ลดแรงดันถึ
งระดับหนึ
ง
3 : แรงดันทีเ
ริ

เกิ
ดแสงสลัว
4 : แรงดันทีเ
ริ

เกิ
ดเสี
ยงฮี
สซิง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้181 :
การออกแบบอิ
เล็
กโตรดที
ใ ้
ชก๊
าซอัดความดันเป็
นฉนวนเพื

มิ
ใหเกิ
้ดดีสชาร์
จบางส่
วน(PD)จะตองมี
้ เงื

นไขอย่
างไรไดบ้
าง

1 : ใหอิ
้เล็
กโตรดมี มติท
ิพอเหมาะ (optimum dimension)

2 : ใหความเครี
้ ยดสนามไฟฟ้ าสู
งสุ
ดทีเ
กิ
ดขึนตํ
า
กว่
าค่าวิ
กฤต
3 : ใหความดั
้ นก๊
าซสูงกว่า ความดันที
PD เริ

เกิ
ด(PC)
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้182 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 39/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:
2:
3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้183 :

1 : ไม่
ได ้
เพราะเกิดเบรกดาวน์โดยตรงก่
อน
2 : ไม่
ได ้
เพราะเกิดโคโรนาเบรกดาวน์กอ
่น
3 : ได ้
แต่
เกิดโคโรนาไม่เกิ
ดเบรกดาวน์
4 : ได ้
ไม่
เกิดอะไรขึนในแกป
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้184 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้185 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้186 :
จากการทดสอบค่
าสนามไฟฟ้
าพบว่
าทรงกลมกับแผ่
นระนาบนันจัดอยู
ในกลุ

่สนามไฟฟ้
าแบบใด

1 : สนามไฟฟ้
าสมํ
า
เสมอ
2 : สนามไฟฟ้
าสมํ
า
เสมอสูง
3 : สนามไฟฟ้
าไม่
สมําเสมอเล็
กนอย

4 : สนามไฟฟ้
าไม่
สมํา
เสมอสู

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 40/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
4 : สนามไฟฟ้าไม่
สมํ
า
เสมอสู

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้187 :
ในการทดสอบเปรี ยบเทียบกัน 2 กรณี คื
อ กรณี
ที
1 ปรับค่
าแรงดันกระแสสลับ 10 kV ทีระนาบอิ เล็
กโตรดห่
างกัน 1 cm
และกรณี ที

2 ปรับค่
าแรงดันกระแสสลับ 20 kV ที
ร
ะนาบอิ เล็
กโตรดแบบเดี ยวกัน ระยะห่าง 2 cm โดยกําหนดใหมี้ความ
สมํ
าเสอของอิ
เล็กโตรดเป็นแบบสมํ า
เสม อยากทราบว่ าค่
าสนามไฟฟ้ าทังสองกรณี เป็
นอย่ างไร

1 : กรณี
ที
1 มากกว่ากรณี
ที
2
2 : กรณี
ที
2 มากกว่ากรณี
ที
1
3 : กรณี
ที
1 เท่
ากับกรณี
ที
2
4 : ไม่
สามาคํานวณได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้188 :
ขอใดคื
้ อนิ ยามของ “ฉนวนก๊
าซ”

1 : ฉนวนเปลีย
นเป็
นสภาพนําไฟฟ้าและคงอยู

เสี
ยสภาพแบบไม่ ถาวร
2 : ฉนวนจะเสียสภาพการเป็
นฉนวนและกลับคื
นสู่ภาพฉนวน แต่
ส สงิ
อาจมี เจื
อปนอยู่
3 : ฉนวนจะเสียสภาพเมื

เกิ
ดการเบรกดาวน์
และไม่สามารถคื
นสภาพฉนวน เป็นการเสี
ยสภาพแบบถาวร
4 : ฉนวนจะเสียสภาพเมื

เกิ
ดการเบรกดาวน์
และคื
นสู่ภาพฉนวน และเกิ
ส ดสภาวะสุ
ญญากาศเปลีย
นแปลง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้189 :
ขอใดคื
้ อนิ ยามของ “ฉนวนแข็
ง”

1 : ฉนวนเปลีย
นเป็
นสภาพนําไฟฟ้าและคงอยู

เสี
ยสภาพแบบไม่ ถาวร
2 : ฉนวนจะเสียสภาพการเป็
นฉนวนและกลับคื
นสู่ภาพฉนวน แต่
ส สงิ
อาจมี เจื
อปนอยู่
3 : ฉนวนจะเสียสภาพเมื

เกิ
ดการเบรกดาวน์
และไม่สามารถคื
นสภาพฉนวน เป็นการเสี
ยสภาพแบบถาวร
4 : ฉนวนจะเสียสภาพเมื

เกิ
ดการเบรกดาวน์
และคื
นสู่ภาพฉนวน และเกิ
ส ดสภาวะสุ
ญญากาศเปลีย
นแปลง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้190 :
ขอใดคื
้ อนิ ยามของ “ฉนวนเหลว”

1 : ฉนวนเปลีย
นเป็
นสภาพนําไฟฟ้าและคงอยู

เสี
ยสภาพแบบไม่ ถาวร
2 : ฉนวนจะเสียสภาพการเป็
นฉนวนและกลับคื
นสู่ภาพฉนวน แต่
ส สงิ
อาจมี เจื
อปนอยู่
3 : ฉนวนจะเสียสภาพเมื

เกิ
ดการเบรกดาวน์
และไม่สามารถคื
นสภาพฉนวน เป็นการเสี
ยสภาพแบบถาวร
4 : ฉนวนจะเสียสภาพเมื

เกิ
ดการเบรกดาวน์
และคื
นสู่ภาพฉนวน และเกิ
ส ดสภาวะสุ
ญญากาศเปลีย
นแปลง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้191 :

1:

2:

3:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 41/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้192 :

1 : Glass
2 : Mica foil
3 : Mineral Oil
4 : Epoxy Casting Resin
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้193 :
เนื
อฉนวนแบบใดที
ใ ้าลู
ชทํ กถวยฉนวนไฟฟ้
้ าในประเทศไทยมากที

ดุ

1 : โพลิ
เมอร์
2 : ซิ
ลก
ิอน
3 : แกวเหนี
้ ยว
4 : พอร์
สเลน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้194 :
ปั จจุ
บน
ั สายใตดิ
้นที
ใ ้
ชในระบบจํ
าหน่
ายกํ
าลังไฟฟ้
าในประเทศไทย มักเลื
อกสายใตดิ
้นที

นวนดวยวั
้ สดุใด

1 : HDPE
2 : Polymer
3 : Oil Filled
4 : XLPE
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

เนื
อหาวิ
ชา : 65 : Breakdown of gas

ขอที
้195 :
ขบวนการอะไรต่
อไปนี
เป็
นกระบวนการ ที
เ
กิ
ดขึ
นที

วิ
คะโถด

1 : ขบวนการ Townsend ionization ขันตน้


2 : ขบวนการ Townsend ionization ขันสอง
3 : โฟโตไอออไนเซชัน
4 : เทอร์
มลั ไอออไนเซชัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้196 :
กฎของ Paschen’s law กล่
าวไวว่
้า

1 : แรงดัน เบรกดาวน์
จะมี
คา่
เพิ

ขึน เมื

ความดันเพิ

ขึ

2 : แรงดัน เบรกดาวน์
จะมี
คา่
ลดลง เมือ
ระยะห่
างลดลง
3 : แรงดัน เบรกดาวน์
จะมี
คา่
คงที
เมือ
ผลคูณของความดันและระยะห่
างคงที

4 : แรงดัน เบรกดาวน์
จะมี
คา่
คงที
เมือ
ผลคูณของอุณหภูมแ
ิละระยะห่
างคงที

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้197 :
กลไกเบรกดาวน์
ของ Townsend ไม่
สามารถอธิ
บายปรากฏการณ์
ฟ้
าผ่
าได ้
เพราะว่
ากลไกเบรกดาวน์
ของTownsend

1 : ใชกั้
บระยะแกปกวางมากๆ
้ ไม่
ได ้
2 : ใชกั้
บสนามไฟฟ้ าสมํ
า
เสมอเท่
านัน
3 : ใชกั้
บค่าความดันคงที
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้198 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 42/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้199 :
เมื

อุณหภู
มข
ิองก๊
าชสู
งขึ
นแรงดันเบรกดาวน์
มค
ีา่
ลดลงหรื
อเพิ

ขึ
นเพราะเหตุ
ใด

1 : ลดลง เพราะ ก๊าซมีพลังงานจลน์


เพิ

ขึน ทําใหโมเลกุ
้ ลของก๊ าซเคลือ
นที ช
นกันแลวมี
้โอกาสเกิ
ดไอออไนเซชันมากขึ

2 : ลดลง เพราะ ก๊าซมีพลังงานจลน์
ลดลงทํ าใหโมเลกุ
้ ลของก๊ าซเคลื

นที ช
นกันแลวมี
้โอกาสเกิ
ดไอออไนเซชันลดลง
3 : เพิ

ขึน เพราะ ก๊
าซมีพลังงานจลน์
เพิ

ขึน ทําใหโมเลกุ
้ ลของก๊ าซเคลือ
นที ช
นกันแลวมี
้โอกาสเกิ
ดไอออไนเซชันมากขึ

4 : ไม่
มผีลต่อแรงดันเบรกดาวน์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้200 :
เมื

ความดันของอากาศสู
งขึนกว่
าความดันบรรยากาศ(หรื
อมากกว่
าจุ
ดตํ
า
สุดของ Paschen) แรงดันเบรกดาวน์
ของก๊
าซมี
ค่
าเพิม
ขึ
นหรื
อลดลงเพราะเหตุ
ใด

1 : ลดลง เพราะก๊าซมี
ระยะทางอิ
สระเฉลี
ยเพิ

ขึน ความเร็
วในการชนกันของโมเลกุ
ลของก๊
าซกับอิ
เล็
กตรอนเพิ

ขึน มี
โอกาสเกิ
ดไอออไนเซชัน
ลดลง
2 : เพิ

ขึ
น เพราะก๊าซมี
ระยะทางอิ
สระเฉลีย
ลดลง ความเร็วในการชนกันของโมเลกุ
ลของก๊
าซกับอิ
เล็
กตรอนลดลง มีโอกาสเกิ
ดไอออไนเซชันลด
ลง
3 : เพิ

ขึ
น เพราะก๊าซมี
ระยะทางอิ
สระเฉลีย
เพิ

ขึน ความเร็
วในการชนกันของโมเลกุ
ลของก๊
าซกับอิ
เล็
กตรอนเพิ

ขึน มี
โอกาสเกิ
ดไอออไนเซชัน
เพิม
ขึน
4 : ผิ
ดทุกขอ้เพราะความดันอากาศไม่มผ
ีลต่อการเกิดเบรกดาวน์
ของอากาศ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้201 :

1 : ค่
าเฉลี
ยของการชนแลวเกิ
้ ดเมตาสเตเบิล
2 : ค่
าเฉลี
ยของการชนของอิ
เล็
กตรอน 1 ตัวกับโมเลกุลของก๊
าซแลวเกิ
้ ดไอออไนเซชันต่
อระยะทาง 1 ซม.
3 : ค่
าเฉลี
ยของการเกิ
ดไอออนบวกในแกป จากพลังงานควอนตัม (quantum)
4 : ค่
าเฉลี
ยของการชนของไอออนบวกกับโมเลกุ ลทีเ
ป็นกลาง แลวทํ
้ าใหเกิ
้ดไอออไนเซชันต่
อระยะทาง 1 ซม.
คํ
าตอบที ถกูตอง
้: 2

ขอที
้202 :
เพราะเหตุ
ใดทฤษฎี
ของทาวน์
เซนด์
ไม่
สามารถอธิ
บายปรากฎการณ์
เบรกดาวน์
ของรู
ปคลื

อิ
มพัลส์
ทรี

ะยะช่
องว่
างแบบ
กวางได
้ ้

1 : เวลาทีเกิ
ดการเบรกดาวน์นอยกว่
้ าเวลาทีอ
เิ
ล็
กตรอนวิง
จากคะโถดไปอะโนดโดยที ไ
ม่ชนโมเลกุ
ลของก๊
าซเลย
2 : เพราะทฤษฎี ทาวเซนด์ ้บายเฉพาะแรงดันกระแสตรงเท่
ใชอธิ านัน
3 : การชนของไอออนบวกที ค
ะโถดไม่
สามารถทําใหเกิ
้ดการปลดปล่ อยอิ
เล็
กตรอนออกมาได ้
4 : ถูกทังคําตอบ 1 และคํ
าตอบ 2
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้203 :
เบรกดาวน์
โดยตรง (direct breakdown) คื
ออะไร

1 : เบรกดาวน์โดยตรงเกิ
ดกับอิ
เล็
กโตรดทีใ
หสนามไฟฟ้
้ าทีม
คีวามสมํา
เสมอหรื
อไม่
สมํ
า
เสมอเล็
กนอย

2 : เบรกดาวน์โดยตรงคื
อเบรกดาวน์ทไี

ม่มโีคโรนา
3 : เบรกดาวน์โดยตรงคื
อเบรกดาวน์ของแรงดันกระแสตรง(DC)เท่านัน
4 : คํ
าตอบ 1 และคําตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 43/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้204 :
โคโรนาเบรกดาวน์
(corona breakdown) คื
ออะไร

1:
2 : โคโรนาเบรกดาวน์
เกิ
ดกับอิ
เล็
กโตรดที
ใ
หสนามไฟฟ้
้ าทีม
คีวามสมํ
า
เสมอหรื
อไม่สมํ
า
เสมอสู
ง จะมี
โคโรนาเกิ
ดก่
อนเบรกดาวน์
3 : โคโรนาเบรกดาวน์
คอ
ืเบรกดาวน์ของสนามไฟฟ้
าไม่
สมํ
า
เสมอในอากาศเท่านัน
4 : คํ
าตอบ 2 และคํ
าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้205 :
อนุ
ภาคประจุ
(charge carrier) คื

1 : อิ
เล็
กตรอนอิสระ
2 : ไอออนบวก หรือ ไอออนลบ
3 : นิ
วตรอน
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้206 :
กระบวนการหลักที

ํ
าใหเกิ
้ดอนุ
ภาคประจุ
นํ เ่
าไปสูบรกดาวน์
ในสุ
ญญากาศคื

1 : photo ionization
2 : collision ionization
3 : field emission
4 : thermal emission
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้207 :
เหตุใดก๊
าซไฟฟ้
าลบ(electro negative gas)จึ
งเป็
นฉนวนไฟฟ้
าที

ี

1 : โมเลกุลก๊าซไฟฟ้ าลบสามารถจับอิ
เล็
กตรอนอิสระไดกลายเป็
้ นไอออนลบยับยังการเกิดไอออไนเซชัน
2 : สัมประสิทธิ
การไอออไนเซชันประสิทธิ
ผล(effective value)ที

วามเขมสนามไฟฟ้
้ าตํา
ๆมีคา่
เป็
นลบ
3 : เป็นก๊
าซเฉือยที
 ไม่
มก
ีารไอออไนเซชันจึ
งไม่
มอีะวาลานช์ อเิ
ล็
กตรอน
4 : คําตอบ 1 และคํ าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 4

ขอที
้208 :
การเกิ
ดดี
สชาร์
จเบรกดาวน์
ในแกปก๊
าซที
เ
รี
ยกว่
าเบรกดาวน์
สมบู
รณ์
คื
ออะไร

1 : คื
อการเกิ
ดเบรกดาวน์
ตลอดแกปที เมโยงระหว่
ชื
อ างอิเล็กโตรด
2 : คื
อการเกิ
ดเบรกดาวน์
ทมก
ีีระแสประจุไหลผ่านแกปเป็ น ไมโครแอมแปร์
มี
แรงดันคร่
อมแกปเป็
นศู
นย์
3 : คื
อการเกิ
ดเบรกดาวน์
ในสนามไฟฟ้ าสมํา
เสมอเท่
านัน
4 : ถู
กทุ
กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้209 :
เบรกดาวน์
(BD) สมบู
รณ์
ทเี

ป็
นเบรกดาวน์
โดยตรงคื
ออะไร

1 : คื
อ BD ในแกปที ม
สีนามไฟฟ้าสมํ
า
เสมอหรือไม่สมํ
าเสมอเล็
กนอย้
2 : คื
อ BD ที
มโี
คโรนาเกิดขึ
นก่อนในสนามไฟฟ้ าไม่
สมํ
าเสมอสู

3 : คื
อ BD ที
เกิ
ดขึ
นในแกปใดๆเมื อ
ป้
อนแรงดัน AC 50 Hz หรือ DC
4 : คื
อ BD ที
เกิ
ดขึ
นในแกปที ม
ติพ
ิอเหมาะ (optimum dimension) เท่
านัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้210 :
เบรกดาวน์
(BD) แบบโคโรนา (corona breakdown) คื

1 : คื
อ BD สมบู รณ์โดยมี
โคโรนาเกิ
ดขึ
นก่
อน BD
2 : คื
อ BD ทีเกิ
ดในสนามไฟฟ้าไม่
สมํ
า
เสมอเล็
กนอย

3 : คื
อ BD ทีมโี
คโรนา
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้211 :
เบรกดาวน์
(BD) เพี
ยงบางส่
วน (partial breakdown) ที
เ
กิ
ดขึ
นในก๊
าซที

วามดันบรรยากาศ คื
ออะไร

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 44/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:
2 : คื
อ BD ที
ไม่ มโยงระหว่
เชื
อ างอิ
เล็
กโตรด
3 : คื
อ BD ที
เ
กิดขึ
นในสนามไฟฟ้ าทีม
มีต
ิอิเิ
ล็
กโตรดที

อเหมาะ
4 : คํ
าตอบ 1 และคําตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้212 :

1:
2:
3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้213 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้214 :
เงื

นไขเบรกดาวน์
แบบสตรี
มเมอร์
กํ
าหนดดวยช่
้ วงเปลี

นผ่
านจากอิ
เล็
กตรอนอะวาลานช์
เดี
ย ่ตรี
วไปสู
ส มเมอร์
คอ

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้215 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้216 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 45/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้217 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้218 :
ทํ
าไมแรงดันเบรกดาวน์
แบบโคโรนาในสนามไฟฟ้
าไม่
สมํ
า
เสมอสู
ง จึ
งมี
คา่
สูงกว่
าแรงดันโคโรนาเริ

เกิ

1 : เพราะว่าจะเกิดไอออไนเซชันเฉพาะบริเวณทีมค
ีวามเครียดสนามไฟฟ้
า E สู
ง เกิ
ดประจุ
คาง
้ (space charge) ทํ
าให ้
E ในแกปลดลง เบรกดาวน์
จึ
งเกิ ดขึ
นไดยาก

2 : เพราะว่าไอออนบวกเคลื อ
นทีไ า้มี
ดช้ พลังงานไม่พอทีจ
ะทําใหเกิ
้ดไอออไนเซชันในก๊าซได ้
3 : เพราะว่าอิเล็
กตรอนอิ
สระถูกจับโดยโมเลกุลหมด จึงไม่มอ
ีะวาลานช์
ทจ
ะทํ
ี าใหเกิ
้ดเบรกดาวน์ได ้
4 : ไม่มค
ีําตอบถู กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้219 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้220 :
เมื

ป้อนแรงดันอิ
มพัลส์ใหกั้
บวัสดุ
ทดสอบค่
าหนึ
งพบว่
าบางครังก็
เกิ
ดเบรกดาวน์
(BD) บางครังก็
ไม่
เกิ
ดBD ทังๆที

้
อน
แรงดันเท่
าเดิ
ม เพราะเหตุใด

1 : เนื

งจากเวลาล่ ้
าชากลไกเบรกดาวน์ ของแรงดันอิ
มพัลส์
ไม่เท่ากัน
2 : เนื

งจากมีจํ
านวนอิเล็
กตรอนเริ

ตนที
้ ว

ั ดุ
ทดสอบไม่ เท่
ากัน
3 : เนื

งจากเวลาทีใ ้
ชในการสร างอะวาลานช์
้ อเิ
ล็
กตรอนไม่เท่ากัน
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้221 :

ความคงทนต่ อแรงดันของฉนวนอาจพิ จารณาไดจากลั


้ กษณะเสนแรงดั
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3้ น­เวลา (v­t curve) ของฉนวนนันๆอยากทราบว่
า 46/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
ความคงทนต่ อแรงดันของฉนวนอาจพิ
จารณาไดจากลั ้
้ กษณะเสนแรงดั
น­เวลา (v­t curve) ของฉนวนนันๆอยากทราบว่

v­t curve คื
ออะไร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้222 :
รู ้
ปลักษณะของเสนแรงดั
น­เวลา (v­t curve) จะมี
ลก
ั ษณะแตกต่
างกัน ทังนี
ขึ
นอยู

่บั อะไร

1 : รู
ปคลืน
แรงดันที

้อน
2 : รู
ปลักษณะอิเล็
กโตรด (electrode configuration)
3 : ชนิ
ดของฉนวนระหว่ างอิ
เล็
กโตรด
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้223 :

ลักษณะเสนแรงดั
น­เวลา (v­t curve) มี
ประโยชน์
อะไร

1 : มี
ประโยชน์ตอ่การออกแบบการฉนวนระบบไฟฟ้ าแรงสูง
2 : มี
ประโยชน์ในการเลื
อกแกปป้องกันแรงดันเสิ
รจ
์แก่อปุกรณ์ แรงสูง
3 : มี
ประโยชน์ในการประสานสัมพันธ์
การฉนวน (insulation coordination)
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้224 :
ขอใดเป็
้ นกราฟแสดงผลของระยะช่
องว่
างระหว่
างอิ
เล็
กโตรด (d) ที

ตีอ
่คุ
ณลักษณะสมบัตข
ิองฉนวนก๊
าซไดอย่
้างถู
กตอง

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้225 :

1:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 47/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้226 :
การเกิ
ดดี
สชาร์
จบางส่
วน (PD)ในระบบสายส่
งขึ
งในอากาศ(overhead line) 230 kV 50 Hz การเกิ
ดดี
สชาร์
จเป็
น (PD) แบบ
ใด

1 : โคโรนาดีสชาร์

2 : ดี
สชาร์จตามผิว
3 : ดี
สชาร์จภายใน
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้227 :
สมการต่
อไปนี
สมการใดเป็
นสมการของการรวมตัวกัน

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้228 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้229 :
ไอออไนเซชันของอิ
เล็
กตรอนเกิ
ดขึ
นไดจากกรณี
้ ใดต่
อไปนี

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้230 :
secondary ionisation ในกลไกเบรกดาวน์
ของทาวเซนด์
เกิ
ดขึ
นเนื
อ ง
งจากสิใด

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้ 231 :
กลไกการเบรกดาวน์ แบบสตรี มเมอร์เกิ
ดขึนมีเงื

นไขเป็ นอย่ างไร
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 48/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
กลไกการเบรกดาวน์
แบบสตรี
มเมอร์
เกิ
ดขึ
นมี
เงื

นไขเป็
นอย่
างไร

1:

2:
3 : เกิ
ดเมื

สนามไฟฟ้าเพิ

ขึน ทํ
าใหอิ
้เล็
กตรอนที
เ
กาะโมเลกุ
ลเริ

หลุ
ดออก
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้232 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้233 :
แรงดันเบรกดาวน์
ในสุ
ญญากาศ ทํ
าไมจึ
งขึ
นอยู

่บั ชนิ
ดของโลหะที

ํ
าอิ
เล็
กโตรด

1 : เพราะเบรกดาวน์เกิ
ดจากอิ
เล็
กตรอนปล่อยออกจากคะโถดเนื

งจากสนามไฟฟ้
าที

เี
วอร์
ก ฟั งค์ั ต่
ชน างกัน
2 : เพราะโลหะอิเล็
กโตรดมีความหนาแน่นไม่
เท่
ากัน
3 : เพราะโลหะมีสภาพนําไฟฟ้าต่
างกัน
4 : เพราะโลหะอิเล็
กโตรดมีจด
ุหลอมละลายไม่เท่
ากัน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้234 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้235 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 49/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้236 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้237 :
ขอใดไม่
้ ใช่
ลก
ั ษณธของการเกิ
ดดี
สชาร์
บางส่
วน (PD)

1 : Corona discharge
2 : Surface discharge
3 : Internal discharge
4 : Arc discharge
คํ
าตอบที ถ
กูตอง้: 4

ขอที
้238 :
อะตอมหรื อโมเลกุ
ลของก๊าซเมือ
ไดรั้
บพลังงานเพี
ยงพอจะทํ
าใหอิ
้เล็
กตรอนหลุ
ดออกไป หนึ
ง
อิเล็
กตรอนหรื
ออะตอมนัน
จะมีประจุ
เป็
นบวก นี
เราเรี
ยกว่

1 : Discharge
2 : Breakdown
3 : Ionization
4 : Emission
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้239 :
จากทฤษฏี ของทาวน์เซนต์
(Townsend) ไดชี
้ใหเห็
้นว่
าจํ
านวนการชนเกิ ดไอออไนเซชันต่
อหนึ
ง
หน่
วยระยะที

นุ
ภาคประจุ
เคลือ
นที
ไ
ปนัน กํ
าหนดดวยแฟกเตอร์
้ หรือสัมประสิ
ทธิ

ัน เรี
ยกว่
าอะไร?

1 : ส.ป.ส. การเบรกดาวน์
2 : ส.ป.ส. การดิ
สชาร์

3 : ส.ป.ส. การไอออไนเซชัน
4 : ส.ป.ส การอาร์ก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้240 :

1 : ทาวน์เซนต์ (Townsend)
2 : สตรี
เมอร์ (Streamer)
3 : พาสเชน (Paschen’s)
4 : โบลทซ์ มน
ั (Boltzmann)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 50/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้241 :

1 : สัมประสิทธิ

องการแพร่
กระจายอะวาลานซ์
2 : อิ
เล็กตรอนในอะวาลานซ์วก
ิฤต
3 : ความยาวของอะวาลานซ์
4 : ความเร็
วในการเคลื
อนที

องอะวาลานซ์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้242 :

1 : Townsend law
2 : Paschen’s law
3 : Streamer law
4 : Similarity law
คํ
าตอบที ถก
ูตอง้: 2

ขอที
้243 :
ความสัมพันธ์
ของแรงดันเบรกดาวน์
ทม
อ
ี ียู
ใ่
นฟั งชันของผลคู
ณความดันก๊
าซและระยะแกปในสนามไฟฟ้
าไม่
สมํ
า
เสมอเป็

ความสัมพันธ์
ของทฤษฏี ใด?

1 : Townsend law
2 : Paschen’s law
3 : Streamer law
4 : Similarity law
คํ
าตอบที ถก
ูตอง้: 4

ขอที
้244 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 51/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : Townsend law
2 : Paschen’s law
3 : Streamer law
4 : Similarity law
คํ
าตอบที ถก
ูตอง้: 3

ขอที
้245 :
ขอใดไม่
้ ใช่
เงื

นไขการเกิ
ดเบรกดาวน์
ของก๊
าซไฟฟ้
าลบ

1 : อิ
เล็
กตรอนที แ
ยกตัวออกเป็นอิสระจากโมเลกุ ลดานการไอออไนเซชั
้ น
2 : มี
พลังงานทีพ
อเหมาะไปเกาะติ ดอยูก
่บั โมเลกุ
ลเป็
นกลางของก๊
าซ
3 : มี
ความคงทนต่ อแรงดันสู
งตํ
า
กว่าอากาศ
4 : ก๊
าซทีม
คีณ
ุสมบัตทิโี

มเลกุลจับอิเล็
กตรอนได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้246 :
ช่
วงระยะเวลานับตังแต่
ขนาดแรงดันอิ
มพัลส์
เท่
ากับแรงดันสถานะอยู

่วั แลวไปจนถึ
้ งเวลาเบรกดาวน์
เกิ
ดขึ
นจริ
งของแร
งดันอิ
มพัลส์
ทเี

รี
ยกเวลาทีเ
กิ
ดขึ
นนีว่
าเป็
นช่
วงเวลาใด?

1 : เวลาก่
อนหนาของการเกิ
้ ดเบรกดาวน์
2 : เวลาล่ ้
าชาของการเกิดเบรกดาวน์
3 : เวลาสะสมของการเกิดเบรกดาวน์
4 : เวลาประจุคางของการเกิ
้ ดเบรกดาวน์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้247 :
ขอใดคื
้ คา่ แรงดันพอดีททํ
ีาใหเกิ
้ดเบรกดาวน์
ทก ง
ุครัง ซึมีความสํ
าคัญในการกํ
าหนดมิ
ตข
ิองอุ
ปกรณ์
ป้
องกัน เช่
นกับดัก
ฟ้
าผ่ า แกปป้
องกัน ฯลฯ คื
อขอใด

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้248 :
ขอใดไม่
้ ใช่
ลก
ั ษณะสมบัตข
ิองการเกิ
ด “อาร์
กไฟฟ้
า”

1 : อุ
ณหภู มสิงู
และมีแสงจา้
2 : เกิ
ดการแตกตัวทางเทอร์ มล
ั ของก๊
าซ
3 : ความหนาแน่ ของกระแสคะโถดเพิม
สูง
4 : แรงดันตกคร่ อมอาร์
กมี
คา่
สูงมาก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

เนื
อหาวิ
ชา : 66 : Liquid and solid dielectrics

ขอที
้ 249 :
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 52/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้249 :
ขอใดคื
้ อกํ าลังสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
กในฉนวนแข็

1 : กํ
าลังสู
ญเสียจาก สภาพนําไฟฟ้า
2 : กํ
าลังสู
ญเสียจาก โพลาไรเซชัน
3 : กํ
าลังสู
ญเสียจาก ไอออไนเซชัน
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้250 :

1:

2:

3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้251 :
กํ
าลังสู
ญเสี
ยจาก โพลาไรเซชันเนื

งมาจากอะไร

1 : เนื

งจากเป็นแรงดันไฟฟ้
ากระแสตรง
2 : เนื

งจากเป็นแรงดันไฟฟ้
ากระแสสลับ
3 : เนื

งจากเกิดดี
สชาร์จบางส่
วน (PD)
4 : เนื

งจากเป็นแรงดันฟ้
าผ่

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้252 :
กํ
าลังสู
ญเสี
ยในไดอิ
เล็
กตริ
กที

ลี
กเลี

งไม่
ไดคื
้อ

1 : กํ
าลังสู
ญเสียจาก สภาพนําไฟฟ้า
2 : กํ
าลังสู
ญเสียจาก โพลาไรเซชัน
3 : กํ
าลังสู
ญเสียจาก ไอออไนเซชัน
4 : ไม่
มี
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้253 :

ในการใชงานฉนวนแข็
ง คุ
ณสมบัตข
ิอใดต่
้ อไปนี
บ่
งบอกถึ
งกํ
าลังสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
กที
เ
กิ
ดขึ

1 : ค่
าเปอมิ
ตติ
วต
ิี(permittivity)
2:
3 : ค่
าความตานทานจํ
้ าเพาะ
4 : ค่
าความคงทนต่อแรงดันไฟฟ้
าของ ไดอิ
เล็
กตริ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้254 :
วงจรสมมู
ลของฉนวนสามารถเขี
ยนแทนไดด้
วย

1 : วงจรขนาน RC
2 : วงจรขนาน RL
3 : วงจรขนาน RLC
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้255 :

ในการใชงานฉนวนแข็
ง คุ
ณสมบัตข
ิอใดต่
้ อไปนี
บ่
งบอกถึ
งค่
าตัวเก็
บประจุ
จะมี
มากหรื
อนอย

1 : ค่
าเปอมิ
ตติ
วต
ิี(permittivity)
2:
3 : ค่
าความตานทานจํ
้ าเพาะ
4 : ค่
าความคงทนต่อแรงดันไฟฟ้
าของ ไดอิ
เล็
กตริ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 53/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้256 :
PD หรื
อดิ
สชาร์
จบางส่
วนคื
ออะไรเกิ
ดขึ
นไดอย่
้างไร

1 : PD คื
อการวาบไฟตามผิวทีสมบูรณ์เกิ
ดขึนในระบบฉนวนที ม
ลีกั ษณะสนามไฟฟ้ าไม่สมําเสมอ
2 : PD คื
อการวาบไฟตามผิวทีไม่
สมบูรณ์เกิ
ดขึนในระบบฉนวนที ม
ล ีก
ั ษณะสนามไฟฟ้ าไม่สมํา
เสมอ
3 : PD คื
อการเบรกดาวน์
ทไี
ม่
สมบู รณ์เกิ
ดขึนในระบบฉนวนที ม
ลีก
ั ษณะสนามไฟฟ้ าไม่สมําเสมอสูง
4 : PD คื
อการเบรกดาวน์
ทสมบู
ี รณ์
ทเี
กิ
ดขึ
นเป็นครังคราว เกิ
ดขึนในระบบฉนวนที ม
ลีก
ั ษณะสนามไฟฟ้ าไม่
สมํ
า
เสมอสู

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้257 :
การดิสชาร์
จบางส่
วน(PD)มี
ผลสื
บเนื

งหลายรู
ปแบบ การตรวจจับ PD ในเชิ
งวิ
ศวกรรมไฟฟ้
าอาศัยผลรู
ปแบบใดเป็ 
นสื

ตรวจจับ

1 : ผลจากการเกิดโคโรนา
2 : ผลจากความรอน้
3 : ผลจากการเกิดปฏิ
กริ

ิาเคมี
4 : ผลจากกระแสพัลส์ไฟฟ้า
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้258 :
ลู
กถวยฉนวนประเภท
้ B ตามมาตรฐาน IEC หมายความว่
าอย่
างไร

1 : ลู
กถวยประเภท
้ B หมายถึ
งลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาของเนื
อฉนวนตามแนวตรงระหว่
างอิ
เล็
กโตรดมี
คา่
นอยกว่
้ าครึ ง
หนึง
ของระยะอาร์

2 : ลู
กถวยประเภท
้ B หมายถึ
งลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาของเนื
อฉนวนตามแนวตรงระหว่
างอิ
เล็
กโตรดมี
คา่
มากกว่
าครึ
งหนึ
งของระยะอาร์

3 : ลู
กถวยประเภท
้ B หมายถึ
งลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาของเนื
อฉนวนตามแนวตรงระหว่
างอิ
เล็
กโตรดมี
คา่
นอยกว่
้ าระยะอาร์ ก
4 : ลู
กถวยประเภท
้ B หมายถึ
งลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาของเนื
อฉนวนตามแนวตรงระหว่
างอิ
เล็
กโตรดมี
คา่
มากกว่
าระยะอาร์ก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้259 :
ก่
อนทําการวัดค่
าดิ
สชาร์
จบางส่
วน หรื
อ PD ทํ
าไมตองมี
้ การปรับเที
ยบ( calibration)วงจรวัดก่
อนเสมอ

1 : เนื

งจากสัญญาณ PD ที
เ
ขาเครื
้ องวัด จะแปรตามขนาดของหมอแปลงทดสอบและสายสั
้ ญญาณ
2 : เนื

งจากสัญญาณ PD ที
เ
ขาเครื
้ องวัด จะแปรตามขนาดของตัวกรองสัญญาณความถี ส
งู
และหมอ้แปลงทดสอบ
3 : เนื

งจากสัญญาณ PD ที
เ
ขาเครื
้ องวัด จะแปรตามขนาดของแรงดันและกระแสทีใ ้
ชทดสอบ
4 : เนื

งจากสัญญาณ PD ที
เ
ขาเครื
้ องวัด จะแปรตามขนาดของตัวเก็
บประจุ
คาบเกี

ว(coupling capacitor)และวัสดุ
ทดสอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้260 :
ขอใดต่
้ อไปนี
ถื
อเป็
นการดิ
สชาร์
จบางส่
วน(partial discharge)

1 : ดิ
สชาร์
จแบบโคโรนา
2 : ดิ
สชาร์
จตามผิว
3 : ดิ
สชาร์
จภายใน
4 : ถู
กทุ
กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้261 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้262 :
ฉนวนทีชกั้
ใ บไฟฟ้ าแรงสู
งอาจแบ่
งเป็
น 3 ชนิด คื
อฉนวนก๊าซ ฉนวนเหลว และฉนวนแข็
ง ทางปฏิ
บต
ั ท
ิํ
าไมตองใช ้
้ ฉนวน
ต่
างชนิ
ดร่
วมกัน เช่
นหมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลัง ขอใดต่
้ อไปนี เป็
นคําอธิ
บายที
มเี
หตุ
ผลถู
กตอง

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 54/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
1 : ตองใช ้
้ ฉนวนแข็ ้
งรับแรงกล ใชฉนวนก๊ าซหรื
อฉนวนเหลวเป็ นฉนวนแทรกซึ
มและระบายความรอน

2 : ฉนวนแข็งราคาแพง จึงตองใช ้
้ ฉนวนเหลวผสมเพื อประหยัด
3 : ฉนวนแข็งมี
กํ
าลังไฟฟ้ าสูญเสี
ยไดอิเล็
กตริ
กสู
ง จึ
งตองใช ้
้ ฉนวนอื นผสม

4 : ใชฉนวนต่างชนิ
ดร่ วมกันเพื

ลดนําหนักใหน้
อยลง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้263 :

1:

2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้264 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้265 :

1:

2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้266 :
ไดอิ เล็
กตริ
กใดๆ สามารถเขี
ยนแทนดวยวงจรสมมู
้ ล ประกอบดวยความต
้ านทาน
้ R และค่
าเก็
บประจุ
C องค์
ประกอบวงจร
R และ C คืออะไร คํ
าอธิ
บายขอใดถู
้ กตอง

1 : R แทนกํ าลังสู
ญเสียไดอิ
เล็กตริก C แทนคุณสมบัตท
ิไี
ดอิ
เล็
กตริกเก็
บประจุ
และพลังงานไฟฟ้
าได ้
2 : R คื
อ ค่าโอห์มของฉนวนที วด
ั ดวยโอห์
้ มมิ
เตอร์
และ C คื
อค่าเก็
บประจุ
ของฉนวน
3 : R คื
อค่าความตานทานเชิ
้ งผิวของฉนวน และ C คื
อค่าเก็
บประจุสเตรย์
4 : ไม่
มค
ีําตอบที ถ
กูตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้267 :

1:
2 : คื
อแฟกเตอร์ี งค่
ชบอกถึ ากําลังไฟฟ้
าสู
ญเสียที
เ
กิ
ดขึนในฉนวนมี
มากหรือนอย

3 : คื
อแฟกเตอร์
แสดงถึ
งกํ
าลังสู
ญเสียไดอิ
เล็
กตริ
กเนื

งจากโพลาไรเซชัน
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 55/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
3 : คื
อแฟกเตอร์แสดงถึ
งกําลังสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
กเนื

งจากโพลาไรเซชัน
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้268 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้269 :
ฉนวนเหลวจัดเป็
นฉนวนทีชกั้
ใ บไฟฟ้
าแรงสู
งไดดี
้คํ
ากล่
าวต่
อไปนี
ขอใดถู
้ กตอง้

1 : ฉนวนเหลวสามารถทําใหบริ
้สท
ุธิไ
ด้จึ
งมี
ความคงทนต่อแรงดันไดสู
้งกว่
าฉนวนแข็

2 : ฉนวนเหลวมักมี
อนุ
ภาคของแข็งผสมอยู่จะทํ
าใหฉนวนเหลวมี
้ ความคงทนต่อแรงดันไดสู
้งขึน
3 : ฉนวนเหลวระบายความรอนได
้ ดี้จะแทรกซึ มเขาไปในช่
้ องว่
างไดจะช่
้ วยใหฉนวนแข็
้ งที

คีวามพรุ
น ทนแรงดันไดสู
้งขึ

4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้270 :
ฉนวนทีใ ้
ชในระบบไฟฟ้
าแรงสู
ง อาจแบ่
งเป็
น 2 ประเภทคื
อ การฉนวนภายนอกและการฉนวนภายในฉนวนขอใดต่
้ อไปนี
มี
ทังฉนวนภายนอกและฉนวนภายใน

1 : ปลอกฉนวนตัวนํ า(bushing) หัวสายเคเบิ ลแรงสู ง


2 : เคเบิ
ลแรงสูงชนิ
ดกระดาษอัดนํ ามัน (oil­paper)
3 : เคเบิ
ลแรงสูง XLPE
4 : บัสบาร์
ในสถานีGIS ที ใ ้
ชฉนวนก๊ าซ SF6 อัดความดัน 4 บาร์ ้
และใชฉนวนอิ
พ็ าสท์
อกซี
ค เรซิ
นเป็
นตัวยึ
ดรองรับตัวนํ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้271 :
ฉนวนที
ใ ้
ชในระบบไฟฟ้าแรงสู
งอาจเป็
น ก๊
าซ ของเหลว หรื
อของแข็ ง หรื
อผสมกัน ฉนวนแรงสู
งขอใดต่
้ อไปนี
สามารถเพิ


ความคงทนต่
อแรงดันใหสู
้งขึ
นไดโดยไม่
้ เปลี

นแปลงมิติ(dimensions)

1 : ลู
กถวยฉนวนพอร์
้ ซเลนทีใ ้
ชยึ
ดสายตัวนํ าแรงสูงแบบสายขึ
งอากาศ
2 : เคเบิ
ลแรงสูงชนิ
ดกระดาษอัดนํ
ามัน (oil­paper)
3 : เคเบิ
ลแรงสูง XLPE
4 : บัสบาร์
ในสถานีGIS ที
ใ ้
ชฉนวนก๊ ้
าซ SF6 อัดความดัน และใชฉนวนอิ
พ็ าสท์
อกซี
ค เรซิ
นเป็
นตัวยึ
ดรองรับตัวนํ

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้272 :

1 : เคเบิ
ลแรงสู
งชนิ
ด PPLP­OF (polypropylene laminated paper oil filled)
2 : เคเบิ
ลแรงสู
งชนิ
ดกระดาษอัดนํามัน (oil­paper)
3 : เคเบิ
ลแรงสู
ง XLPE

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้273 :
เคเบิลแรงสู
งจะมี
ฉนวนคัน
ระหว่
างตัวนํ
าในกับตัวนํ
านอก จึ
งมี
คณ
ุสมบัตเิ
ป็
นตัวเก็
บประจุ ใชกั้
เมื
อ บแรงดัน AC 50 Hz
ทําใหเกิ
้ดกระแสอัดประจุ
และพลังงานอัดประจุได ้
เคเบิ
ลขอใดต่
้ อไปนี มี
กระแสและพลังงานอัดประจุ
นอยที
้ ส ด

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 56/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : เคเบิ
ลแรงสู
งชนิ
ด PPLP­OF (polypropylene laminated paper oil filled)
2 : เคเบิ
ลแรงสู
งชนิ
ดกระดาษอัดนํามัน (oil­paper)
3 : เคเบิ
ลแรงสู
ง XLPE
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้274 :
ความคงทนต่
อแรงดันไฟฟ้
าของฉนวนแข็
งและฉนวนเหลวต่
อแรงดัน DC จะสู
งกว่
าแรงดัน AC เพราะอะไร

1:
2 : ความตานทานฉนวนที
้ แ
รงดัน AC มี
คา่มากกว่
าแรงดัน DC
3 : แฟกเตอร์สนามไฟฟ้าที

รงดัน DC สู
งกว่าที

รงดัน AC
4 : ที

รงดัน DC ไม่
มก
ีระแสรั
ว ผ่
านฉนวน
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้275 :

1:
2:
3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้276 :
ฉนวนแข็งและฉนวนเหลวจะต่
างจากลักษณะสมบัตข
ิองก๊
าซอย่
างเด่
นชัดประการหนึ
ง
ก็คอ
ืความเก่
าแก่ ง
(ageing) ซึ
หมายถึ

1 : คุ
ณสมบัตก ิารฉนวนเสืมลง อายุ
อ ้ นลง
การใชงานสั
2 : ความคงทนต่ อแรงดันไฟฟ้
าไม่เป็นไปตามลักษณะเสน้v­t
3 : ความคงทนต่ อแรงดันไฟฟ้
าสูงขึน อายุ ้
การใชงานจะยาวนานขึ

4 : ขอ้1 และ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้277 :
ฉนวนเหลวและฉนวนแข็
งที

สีงิ

เจื
อปนหรื
อฟองก๊
าซ ความคงทนต่
อแรงดันจะตํ
า
ลง เพราะอะไร

ง
1 : สิเจื
อปนทํ
าใหความเครี
้ ยดสนามไฟฟ้
าสู
งขึ
นเฉพาะจุ
ด และนํ ่ารเกิ
าไปสู
ก ดเบรกดาวน์
2:
ง
3 : สิเจื
อปนมักเป็
นตนเหตุ
้ ของการเกิ
ดดี
สชาร์
จบางส่
วน (PD)
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้278 :

1:
2:
3:
4 : ขอ้1 และ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้279 :
ทํ ้
าไมการใชฉนวนเหลวจึ
งตองมี
้ แผ่นฉนวนแข็
งกันเป็
นช่
วง ๆ

1 : เพื

กันมิ
ใหของแข็
้ งเจื
อปนเรี
ยงตัวต่
อกันตามแนวสนามไฟฟ้

2 : เพื

ปรับแรงดันกระจายใหดี
้ขน

3 : เพื

ประหยัดปริมาณฉนวนเหลว
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 57/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
3 : เพื

ประหยัดปริ
มาณฉนวนเหลว
4 : เพื

ลดความเครียดสนามไฟฟ้

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้280 :
ฉนวนแข็
งสามารถเก็
บพลังงานไฟฟ้
าไดมากว่
้ าก๊ าซ เพราะฉนวนแข็

1:
2:
3 : มี
ความตานทานจํ
้ าเพราะสู
งกว่
าก๊
าซ
4 : ไม่
มก
ีระแสรั

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้281 :

1:
2:
3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้282 :

1:
2:
3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้283 :

1 : เบรกดาวน์ ขัน 1 ก่
อนแต่ขน
ั 2 ทบแรงดันได ้
2 : เบรกดาวน์ ขัน 2 ก่
อนแต่ขนั 1 ทนแรงดันได ้
3 : เบรกดาวน์ทงสองขั
ั นพรอมกั
้ น
4 : เบรกดาวน์ในขัน 1 ก่อน แลวจึ
้งเบรกดาวน์ในขัน 2
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้284 :
5.51 ฉนวนแข็งเช่นแกวหรื
้ อคาสท์ เรซิ
นเมื
อ ้
ใชแรงกลอัดจนกระทัง
แตกสลายจะไดค่
้าแรงอัดค่
าหนึ
งถาหากขณะฉนวนได
้ ้
รับแรงกลอัดนัน ฉนวนไดรั้
บแรงดันกระแสตรง DC ดวย
้ ถามว่
าฉนวนแข็งนัน จะทนแรงกลอัดเพิ

ขึนหรื
อลดลงอย่
างไร

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 58/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : ทนแรงอัดไดเพิ
้มขึ
น เพราะสนามไฟฟ้าทําใหเกิ
้ดแรงตานการอั
้ ด
2 : ทนแรงอัดไดน้ อยลง
้ เพราะสนามไฟฟ้ าทําใหเกิ
้ดแรงอัดเสริ

3 : ทนแรงอัดไดเท่
้าเดิ
ม เพราะสนามไฟฟ้ าไม่
กอ
่ใหเกิ
้ดแรงใด ๆ
4 : ระบุ
ไม่
ได ้เพราะขึ
นอยูก
่บั อุ
ณหภู
มห
ิอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้285 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้286 :
ขอใดไม่
้ ใช่
องค์
ประกอบของกํ
าลังสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ

1 : ionization loss
2 : polarization loss
3 : conduction loss
4 : corona loss
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้287 :
ขอใดไม่
้ ใช่
อท
ิธิ
พลของผลจากไอออนสภาพนํ
าของ Conduction loss

1 : อุ
ณหภูมิ
2 : ความชืน
3 : ค่
าความตานทานกระแสรั
้ 

4 : ความดันบรรยากาศ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้288 :
การเกิ
ดเบรกดาวน์
ในฉนวนแข็ ชว่
ง แบบใดมี งเวลาที
ส ั ส
นทีดุของแรงดันที

้
อนเพื

ทดสอบ

1 : เบรกดาวน์เนื

งจากผลทางเคมี
2 : เบรกดาวน์เนื

งจากผลทางดี
สชาร์ จภายใน
3 : เบรกดาวน์เนื

งจากผลทางเทอร์
มล

4 : เบรกดาวน์เนื

งจากผลทางกล
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้289 :
การทดสอบวัดค่
าดี
สชาร์
จบางส่
วน (Partial Discharge) ของอุ
ปกรณ์
ไฟฟ้
าแรงสู
งเป็
นการทดสอบแบบใด?

1 : การทดสอบความคงทนอยู ไ่
ดต่
้อแรงดัน (Withstand voltage test)
2 : การทดสอบแบบทํ าลาย ( Destructive test)
3 : การทดสอบความทนทาน (Endurance test)
4 : การทดสอบพิ เศษเฉพาะอุ ปกรณ์ (Special test)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้290 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 59/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : ตัวเก็
บประจุคาบเกีย
ว
2 : ตัวเก็
บประจุอมิพัลส์
3 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน
4 : ตัวเก็
บประจุทดสอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้291 :

1 : แรงดันตกคร่อมในโพรงอากาศ
2 : แรงดันตกคร่อมวัสดุ
ทดสอบ
3 : แรงดันเริ

ดิ
สชาร์จ
4 : แรงดันทดสอบจากแหล่ งจ่
าย
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้292 :

1 : ตัวเก็
บประจุคาบเกีย
ว
2 : ตัวเก็
บประจุอมิพัลส์
3 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน
4 : ตัวเก็
บประจุทดสอบ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 60/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้293 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

เนื
อหาวิ
ชา : 67 : Test of high­voltage material and equipment

ขอที
้294 :
แรงดันทดสอบอิ
มพัลส์
BIL กํ
าหนดไวว่
้าอย่
างไร

1:

2:

3:
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้295 :
การทดสอบไฟฟ้
าแรงสู
ง ส่
วนใหญ่
จะเป็
นการทดสอบแบบไม่
ทํ
าลาย ไดแก่
้การทดสอบดังนี

1 : การวัดแรงดันโคโรนาเริ

เกิ
ด การวัดดิ
สชาร์
จบางส่วน (PD) การวัดอุ
ณหภูมเิ
พิ
มขึ
น การวัดกํ
าลังไฟฟ้าสู
ญเสียไดอิ
เล็
กตริ

2 : การทดสอบความคงทนต่ อแรงดันกระแสสลับความถี
ตํ
า1 นาทีทดสอบความคงทนต่ อแรงดันอิ มพัลส์
(BIL หรื
อ BSL)
3 : การทดสอบวาบไฟตามผิ ว การทดสอบความคงทนต่ อการเจาะทะลุ ในอากาศดวยแรงดั
้ นอิมพัลส์หนาคลื
้ นชัน
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ าตอบ 2 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้296 :

1 : เนื

งจากแรงดันเสิ
รจ
์สวิ ง
ตชิจะมี
คา่
เพิ

ตามระดับแรงดันระบบ ค่
าแรงดันทดสอบ BIL อาจไม่
เพี
ยงพอ

2:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 61/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

3:
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 3 ถู
กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้297 :
หมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลังทํ
าไมตองมี
้ การทดสอบ BIL ก่
อนนํ
าไปติ ้
ดตังใชงาน

1 : เพราะว่
าหมอแปลงมี
้ โอกาสไดรั้
บแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์ฟ้
าผ่

2 : เพื

ทดสอบความคงทนของฉนวนรอบขดลวดรอบตน้ๆ (ดานขั ้ วแรงสู ง
ง) ซึ จะไดรั้
บความเครี
ยดสนามไฟฟ้าสู
งกว่
าส่
วนที

ยู

่า่
งขัวออกไป
เมือ
เกิ
ดแรงดันเสิรจ
์ฟ้
าผ่

3 : ฉนวนขดลวดรอบตน้ๆ จะเกิดเบรกดาวน์ หรื
อดีสชาร์
จบางส่
วน เมื

ไดรั้
บแรงดันเสิ
รจ์ฟ้
าผ่
า ถาออกแบบการฉนวนไม่
้ ดี
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้298 :

1 : R – L – C meter
2 : Wheatstone bridge
3 : Schering bridge
4 : insulation meter
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้299 :
ถาต
้องการหากํ
้ าลังไฟฟ้
าสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
ก (dielectric loss) ของเคเบิ
ลแรงสู ้ จะตองทราบค่
งขณะใชงาน ้ าอะไรบาง

1 : ตองทราบแรงดั
้ ้ และ power factor
น กระแสใชงาน

2:
3 : ตองทราบค่
้ าความตานทาน
้ ค่
าความจุ
ไฟฟ้ ้
า , และแรงดันใชงาน

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้300 :
วงจรทดสอบวัดค่
ากํ
าลังไฟฟ้
าสู ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
ก (dielectric loss) ของวัสดุ
ทดสอบประกอบดวย
้ ตัวจ่
ายแรงดัน AC
และวัสดุ
ทดสอบ และอุปกรณ์
ดงั ต่
อไปนี

1 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน และเชอริ งบริดจ์
2 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐาน และ wheatstone bridge
3 : ตัวเก็
บประจุคบั ปลิง และ PD meter
4 : ตัวเก็
บประจุคบ ั ปลิ
ง และ RLC meter
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้301 :
กํ
าลังไฟฟ้
าสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
กในอุ
ปกรณ์
ไฟฟ้
าหรื
อวัสดุ
ฉนวน อาจแบ่
งออกไดเป็
้น 3 ชนิ
ด คื

1 : ดี
สชาร์
จโคโรนา ดี
สชาร์
จตามผิ ว และดี
สชาร์
จภายใน
2 : สภาพนํ
าของฉนวน (conductive) โพลาไรเซชัน และดี
สชาร์
จบางส่
วน PD

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้302 :
ดี
สชาร์
จบางส่
วน (PD) คื
ออะไร

1:
2 : PD คื
อ ดี
สชาร์
จตามผิวฉนวนต่
อกับตัวนํ
า ทํ
าใหผิ

วฉนวนเสีย
3 : PD คื
อ ดี
สชาร์
จภายในเนื
อฉนวน เนื

งจากสิ ง
แปลกปลอม
4 : PD คื
อ ดี
สชาร์
จเบรกดาวน์
ทไี

ม่สมบู
รณ์ เป็
นดิสชาร์
จที
ไ
ม่ มโยงถึ
เชื
อ งกันระหว่
างอิ
เล็
กโตรด
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 62/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้303 :
ทํ
าไมมาตรฐานจึ
งกํ
าหนดใหมี
้การทดสอบตรวจจับดี
สชาร์
จบางส่
วน PD ในเคเบิ
ลแรงสู
งเพราะการเกิ
ด PD ทํ
าให ้

1 : เกิ
ดการรบกวนอุ ปกรณ์ สาร

สอ
2 : อายุ ้ นลง และอาจนํ
การใชงานสั ่ารเกิ
าไปสู
ก ดเบรกดาวน์
ได ้
3 : เกิ
ดการสูญเสียกํ
าลังไฟฟ้
า และเกิ
ดความรอน

4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้304 :
ค่
าดี สชาร์
จบางส่
วน (PD) ตามมาตรฐาน IEC กํ
าหนดหน่
วยของ PD ว่
าอะไร

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้305 :
วงจรพื
นฐานในการวัด PD ประกอบดวยตั
้ วจ่ายแรงดันทดสอบ AC วัสดุ
ทดสอบ และองค์
ประกอบอะไรบาง

1 : ตัวเก็
บประจุคบั ปลิง อิ
มพิแด๊นซ์เครื

งวัด PD
2 : ตัวเก็
บประจุคบ ั ปลิ
ง มิ
เตอร์
วด
ั กระแสรั

3 : ตัวเก็
บประจุมาตรฐานและเชอริ งบริ
ดจ์
4 : ตัวเก็
บประจุแรงสู ง และไมโครแอมมิ เตอร์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้306 :
การทดสอบ BIL ของวัสดุ
หรื
ออุ
ปกรณ์
ทดสอบจะป้
อนแรงดันทดสอบชนิ
ดใด

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้307 :
การทดสอบ BSL จะเป็
นการทดสอบความคงทนต่
อแรงดันอิ
มพัลส์
สวิ ง
ตชิแก่
วส
ั ดุ
และอุ
ปกรณ์ ชกั้
ทใี
 บระบบแรงดันสู
งสุ

ระดับใด

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้308 :
มาตรฐาน IEC กํ
าหนดใหมี
้การทดสอบความคงทนต่
อการเจาะทะลุ
ของลู
กถวยฉนวนดั
้ วยแรงดันอิ
มพัลส์
หนาคลื
้ นชันใน
อากาศ ทดสอบเฉพาะลูกถวยประเภทใด

1 : เฉพาะประเภท B คื
อลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาเนื
อฉนวนมากกว่
าครึ
ง หนึ
ง ของระยะอาร์

2 : เฉพาะประเภท B คื
อลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาเนื
อฉนวนนอยกว่
้ าครึ งหนึ งของระยะอาร์

3 : เฉพาะประเภท A คื
อลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาเนื
อฉนวนมากกว่
าครึง หนึง ของระยะอาร์

4 : เฉพาะประเภท A คื
อลู
กถวยที
้ มค
ีวามหนาเนื
อฉนวนนอยกว่
้ าครึ ง
หนึ ง
ของระยะอาร์

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้309 :
มาตรฐานกํ
าหนดใหมี
้การทดสอบความคงทนของลู
กถวยฉนวนเฉพาะประเภท
้ B ต่
อแรงดันอิ
มพัลส์
หนาคลื
้ นชันเพราะว่

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 63/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : ลู
กถวยอาจได
้ รั้
บแรงดันเสิ
รจ
์ฟ้
าผ่าที

คีวามชันสู
งจะทํ
าใหลู
้ กถวยเกิ
้ ดการ เจาะทะลุ ได ้
2 : การเกิดเจาะทะลุ ของลูกถวยฉนวน
้ ทํ
าใหระยะวาบไฟตามผิ
้ ว ( flashover ) สันลง
3 : แรงดันอิมพัลส์หนาคลื
้ น ชันจะทํ
าใหเกิ
้ดวาบไฟตามผิ วยอนกลั
้ บ ( backflashover ) ได ้
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้310 :
การทดสอบ BIL หมายถึ
งขอใด

1:
2 : การทดสอบแรงดันอิ
มพัลส์
รป
ูคลื

ฟ้าผ่
า เพื

ดูการเปลีย
นแปลงของฉนวนต่อแรงดัน
3 : การทดสอบความคงทนแรงดันอิมพัลส์
รป
ูคลืน
ฟ้าผ่
า ตามมาตรฐานกําหนด
4 : การทดสอบแรงดันอิ
มพัลส์
รป
ูคลื

ฟ้าผ่
า เพื

หาค่ากําลังไฟฟ้
าสู
ญเสี
ยไดเล็
กตริ
ก (dielectric loss)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้311 :
ขอใดเป็
้ นการเรี
ยงลํ
าดับแรงดันเบรกดาวน์
ของอากาศระหว่
างอิ
เล็
กโตรดแท่
ง­ระนาบจากนอยไปมาก

1 : switching > lightning > steep front


2 : switching < lightning < steep front
3 : steep front < switching < lightning
4 : switching < steep front < lightning
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้312 :
หมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลังทํ
าไมจึ
งตองมี
้ การทดสอบ BIL

1 : เพื

ทดสอบว่ าโครงสรางของหม
้ อแปลงนั
้ นๆจะทนต่
อแรงดันเกิ
นความถีไ
ฟฟ้ ากําลังไดหรื
้อไม่
2 : เพื

ทดสอบว่ าฉนวนรอบขดลวดของหมอแปลงนั
้ นๆจะทนต่อแรงดันเกิ
นความถี ไฟฟ้ากํ
าลังไดหรื
้อไม่
3 : เพื

ทดสอบว่ าโครงสรางของหม
้ อแปลงนั
้ นๆจะทนต่
อแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์สวิตชิง
ไดหรื
้อไม่
4 : เพื

ทดสอบว่ าฉนวนรอบขดลวดของหมอแปลงนั
้ นๆจะทนต่อแรงดันเกิ
นเสิรจ
์ฟ้าผ่าไดหรื
้อไม่
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้313 :
การทีล
กูถวยฉนวนมี
้ ครี
บและเนื
อผิ
วที
โ
คง้เพื

ประโยชน์
อะไร

1 : เพื

ใหแนวผิ
้ วของฉนวนโคงไปตามเส
้ ้ กย์
นศั ไฟฟ้ ง
า ซึทําใหความเครี
้ ยดสนามไฟฟ้
าตามผิ
วลู
กถวยมี
้ คา่มากที

ดุ
2 : เพื

ใหแนวผิ
้ วของฉนวนโคงไปตามเส
้ ้ กย์
นศั ไฟฟ้ ง
า ซึใหความเครี
้ ยดสนามไฟฟ้
าตามผิ
วลู
กถวยมี
้ คา่นอยที
้ สด

3 : เพื

ใหแนวผิ
้ วของฉนวนไม่เกิ
ดการรองรับนํ
าฝน
4 : เพื

ใหลู
้กถวยมี
้ ความคงทนต่อแรงกลไดสู้
งขึ

คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 2

ขอที
้314 :
วงจรหมอแปลงเทสลาปรั
้ บความถี
ได้
200kHz เมื

ทดสอบลู
กถวยแท่
้ ง (line post) พอเปลี

นลู
กถวยทดสอบเป็
้ นแบบ
แขวน ความถี

ะได ้
200kHz ตามทีม
าตรฐานกํ
าหนดไวหรื
้อไม่
เพราะอะไร และถาไม่
้ ไดจะปรั
้ บอย่างไรในทางปฏิ
บต
ั ิ

1 : ได ้
เพราะค่
าเก็บประจุ
ของลู
กถวยทดสอบไม่
้ มผ
ีลกระทบต่ อความถีข
องหมอแปลงเทสลา

2 : ได ้
เพราะค่
าเก็บประจุ
ของลู
กถวยทั
้ งสองแบบมีคา่
เท่ากัน
3 : ไม่
ได ้
เพราะค่าเก็
บประจุ
ของลู
กถวยต่
้ างแบบกันมี
คา่
ไม่เท่ากัน แกไขโดยการปรั
้ บค่
าความเหนี

วนํ
าของขดลวดดานแรงตํ
้ า
4 : ไม่
ได ้
เพราะค่าเก็
บประจุ
ของลู
กถวยต่
้ างแบบกันมี
คา่
ไม่เท่ากัน แกไขโดยการปรั
้ บค่
าความเหนี

วนํ
าของขดลวดดานแรงสู
้ ง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้315 :
ในการทดสอบ BIL สํ
าหรับหมอแปลง
้ 3 เฟสขนาดใหญ่ ง
ซึมีคา่
อิมพี
แด๊
นซ์
ตํ
าและตัวเก็
บประจุ
ของเครื

งกํ
าเนิ
ดแร
งดันอิ
มพัลส์
มข
ีนาดจํ
ากัด มักจะมี
ปัญหาในการปรับรู
ปคลื

อย่างไร

1 : รู
ปคลื

มักจะมี
คา่
ยอดตํ
าและช่วงหางคลื

ยาวเกินไป
2 : รู
ปคลื

มักจะมี
คา่
ยอดตํ
าและช่วงหางคลื

สันเกิ
นไป
3 : รู
ปคลื

มักจะมี
ออสซิ
ลเลชัน และช่
วงหางคลืน
สันเกิ
นไป
4 : รู
ปคลื

มักจะมี
ออสซิ
ลเลชัน และช่
วงหางคลืน
ยาวเกินไป
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้316 :
ในการทดสอบลู
กถวยแขวนและลู
้ กถวยก
้ านตรง
้ ดวยแรงดั
้ นอิ
มพัลส์
หนาคลื
้ นชัน จะป้
อนแรงดันที
ใ

1 : ป้
อนหัวครอบลู
กถวยแขวน
้ และกานของลู
้ กถวยก
้ านตรง

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 64/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
2 : ป้
อนกานลู
้ กถวยแขวน
้ และหัวลู
กถวยก
้ านตรง

3 : ป้
อนหัวครอบลู
กถวยแขวน
้ และหัวลู
กถวยก
้ านตรง

4 : ป้
อนกานลู
้ กถวยแขวน
้ และกานของลู
้ กถวยก
้ านตรง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้317 :
ตองการทดสอบความคงทนต่
้ อแรงดันเสิ
รจ
์ของอุ
ปกรณ์ ้ นทดสอบจากตัวจ่
GIS ระบบ 115 kV 50 Hz จะใชแรงดั ายอะไร

1 : หมอแปลงทดสอบ

2 : เครื

งกําเนิ
ดแรงดันสู
งกระแสตรง
3 : เครื

งกําเนิ
ดแรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่

4 : เครื

งกําเนิ
ดแรงดันอิ
มพัลส์
สวิ
ตชิง
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้318 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 1

ขอที
้319 :
ในขณะที
เ
กิ
ดดิ
สชาร์
จบางส่
วน(PD) บนสายส่
งแรงสู
งแบบขึ
งอากาศ จะเกิ
ดอะไรดังต่
อไปนี

1 : คลื

สนามแม่
เหล็
กไฟฟ้
า ในย่
านความถี
ส สาร
งูรบกวนระบบสื

2:
3 : เกิ
ดเสี
ยงฮิสซิง(hissing)
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้320 :
แรงดันชนิ ้
ดใดใชในการทดสอบความคงทนของลู
กถวยฉนวนต่
้ อการเจาะทะลุ
(puncture test) ในนํ
ามัน

1 : แรงดันกระแสสลับความถีต
ํา
2 : แรงดันกระแสสลับความถีส
งู
3 : แรงดันอิมพัลส์
หนาคลื
้ นชัน
4 : แรงดันอิมพัลส์
สวิ ง
ตชิ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้321 :
แรงดันชนิ ้
ดใดใชในการทดสอบความคงทนของลู
กถวยฉนวนต่
้ อการเจาะทะลุ
(puncture test) ในอากาศ

1 : แรงดันกระแสสลับความถีต
ํา
2 : แรงดันกระแสสลับความถีส
งู
3 : แรงดันอิมพัลส์
หนาคลื
้ นชัน
4 : แรงดันอิมพัลส์
สวิ ง
ตชิ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้322 :
Basic Impulse Insulation Level (BIL) คื
ออะไร

1 : ค่
าแรงดันทดสอบความคงทนต่
อแรงดันอิ
มพัลส์
ฟ้
าผ่า (lightning impulse)
2 : ค่
าแรงดันทดสอบความคงทนต่
อแรงดันอิ
มพัลส์
สวิ ง
ตชิ (switching impulse)
3 : ค่
าแรงดันทดสอบความคงทนต่
อแรงดันกระแสสลับความถี ตํ
า
4 : ค่
าแรงดันทดสอบความคงทนต่
อแรงดันกระแสสลับความถี สงู
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้323 :
ระดับสู
งสุดของสนามไฟฟ้ าที
ประชาชนสามารถรับไดอย่ ้างปลอดภัยในที าธารณะตลอด 24 ชัว
ส โมง ที

ํ
าหนดโดยองค์
กร
The International Radiation Protection Association (IRPA) มี
คา่
เท่
าใด
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 65/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : 1 kV/m
2 : 5 kV/m
3 : 10 kV/m
4 : 15 kV/m
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้324 :

1 : 450 kV
2 : 550 kV
3 : 650 kV
4 : 750 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้325 :
หมอแปลงเทสลาที
้ ท
ดสอบประจํ
าลู
กถวยฉนวนตรวจสอบความบกพร่
้ องของเนื
อฉนวนพอร์
ซเลนในโรงงาน ความถี
ท ช้
ใี

ทดสอบกันโดยทัว
ไปจะมี
ความถี


1 : 1.2 – 5 kHz
2 : 10 – 30 kHz
3 : 100 – 250 kHz
4 : 1000 – 2000 kHz
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้326 :
การทดสอบกับลู
กถวยฉนวนไฟฟ้
้ าแรงสู
งทุ
กลูกในโรงงาน เพื

ดู
วา่
มีความบกพร่ องจากการผลิ ตหรื
อไม่
โดยใหเกิ
้ดการ
วาบไฟตามผิ
วดวยแรงดั
้ นความถี

งู
ประมาณ 200 kHz ทดสอบทีค
วามถี50 Hz เป็
นเวลา 3­5 วิ
นาที
การทดสอบแบบนี
เรี
ยกว่

1 : การทดสอบความคงทนต่ อแรงดัน (withstand voltage test)


2 : การทดสอบความทนทาน(endurance test)
3 : การทดสอบเฉพาะ(type test)
4 : การทดสอบประจํา(routine test)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้327 :
การทดสอบโดยการเพิ ม
แรงดันทดสอบจนทํ
าให ้
ไดอิ
เล็
กตริ
กเสี
ยสภาพการเป็
นฉนวนอันเนื

งจากความเครี
ยดของสนาม
ไฟฟ้ าทีเ
กิ
ดจากแรงดันทีป
้
อน ทดสอบจนเกิ
ดดิ
สชาร์
จแตกสลายจนทําใหแรงดั
้ นระหว่ าง อิ
เล็
กโตรดลดลงตําการทดสอบ
ดังกล่าวเรี
ยกว่

1 : การทดสอบความคงทนต่ อแรงดัน (withstand voltage test)


2 : การทดสอบความทนทาน (endurance test)
3 : การทดสอบประจํา (routine test)
4 : การทดสอบแบบทํ าลาย(destructive test)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้328 :
ในการทดสอบดวยแรงดั
้ นทดสอบทีส
ภาวะกํ
าหนด หลังจากทดสอบตัวอย่
างทดสอบนัน ๆ จะตองไม่
้ เกิดร่
องรอยการแตก
สลายใด ๆ ทังสิ
น เราเรี
ยกการทดสอบแบบนีว่

1 : การทดสอบความคงทนต่ อแรงดัน (withstand voltage test)


2 : การทดสอบความทนทาน (endurance test)
3 : การทดสอบประจํ า (routine test)
4 : ผิ
ดทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้329 :
การทดสอบลู
กถวยฉนวนพอร์
้ ซเลนดวยแรงดั
้ นอิ
มพัลส์
หนาคลื
้ นชันในอากาศตามมาตรฐาน IEC กํ
าหนดเรี
ยกว่
าการ
ทดสอบ

1 : ความคงทนต่
อการเจาะทะลุ
ในอากาศ
2 : ความทนทาน
3 : แบบประจํ

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 66/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
4 : แบบทํ
าลาย
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้330 :
การทดสอบ BIL สํ
าหรับหมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลัง การสรางรู
้ ปคลื

ตัด (Chopped wave) จะตองอาศั
้ ยอุ
ปกรณ์
ใดในการสราง

รู
ปคลืน


1 : สปราค์แกป
2 : วงจร RC
3 : ชุ
กทริกสัญญาณ
4 : แกปขนานที เ
อาท์
พท

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้331 :
การทดสอบหมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลังในระบบจํ
าหน่
ายแรงดันสู
งพิ
กด
ั 22 kV หัวขอใดไม่
้ ตองทํ
้ าการทดสอบ

1 : BIL
2 : BSL
3 : Temperature rise test
4 : Dielectric loss
คํ
าตอบที ถก
ูตอง ้: 2

ขอที
้332 :
ลู
กถวยฉนวนไฟฟ้
้ าในระบบจํ
าหน่
ายไฟฟ้
ากํ
าลัง พิ
กด
ั 115 kV ไม่
จํ
าเป็
นตองผ่
้ านการทดสอบหัวขอใด

1 : Impulse voltage test


2 : Puncture test
3 : Induced overvoltage test
4 : Temperature rise test
คํ
าตอบที ถ
กูตอง้: 4

ขอที
้333 :
การทดสอบที

ระทํ
าต่
ออุ
ปกรณ์
ทก
ุยู
นต
ิที

ลิ
ตออกมา ความหมายคื
อขอใด?

1 : Type test
2 : Special test
3 : Routine test
4 : Aging test
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้334 :
ขอใดไม่
้ เกี

วของกั
้ บการจัดเตี
รยมแรงดันสู
งกระแสสลับเพื

การทดสอบ

1 : ไม่ สว่
ควรมี นประกอบของ AC ทีจ
ะทําใหเกิ
้ด Ripple Factor เกิ
น 3%
2 : ตองเป็
้ นสัญญาณ Sine ความถีอ
ยูใ่
นช่วง 45­60 Hz

3:
4 : สํ
าหรับการทดสอบมลภาวะอาจตองใช ้
้ กระแสสู
งกว่
า 15 A
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้335 :
การทดสอบวัดค่
าดี
สชาร์
บางส่
วนของสายเคเบิ
ลแรงดันสู
ง ในการวัดตามมาตรฐานมี
หน่
วยที
เ
รี
ยกว่
าอะไร?

1 : ไมโครฟารัด
2 : พิ
โคฟารัด
3 : ไมโครคู
ลอมส์
4 : พิ
โคคู
ลอมส์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้336 :
ค่
ากําลังงานสู
ญเสี
ยไดอิ
เล็
กตริ
กในวัสดุ
ฉนวนหรื
อฉนวนในอุ
ปกรณ์
อป
ุกรณ์
ไฟฟ้
าแรงสู
งหาไดจากสมการใด?

1:

2:

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 67/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 4

ขอที
้337 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้338 :
ขดใดไม่
้ เกี

วของกั
้ บการกํ
าหนดคุ
ณสมบัตข
ิองโวลเตจดิ
ไวเดอร์ ชวั้
ทใี
 ดแรงดันทดสอบอิ
มพัลส์


1 : ใชในการปรั บค่
าของเวลาหนาคลื
้ นและหางคลืน
ได ้
2 : เวลาตอบสนอง T ตองน
้ อยกว่
้ า 0.2 ไมรโครวิ
นาที

3:
4 : ไม่
เป็
นโหลดใหกั้บเครื

งกํ
าเนิ มพลัส ์
ดอิ
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้339 :
ขอกํ
้าหนดคุ
ณลักษณะใด? ไม่
เกี

วของกั
้ บการออกแบบระบบวัด Partial Discharge อางอิ
้ งตามมาตรฐานใหม่
ของ IEC ที

ระบุ
ไว ้

1 : อิมพี
แดนซ์ ถา่ยโอน Z (f)
2 : ความถี จ
ํ
ากัดล่
างและบน
3 : วงจรรักษาความถี ข
องระบบไม่ ใหเปลี
้ ย นแปลง
4 : เวลาแยกชัดพัลส์ (pulse resolution time)
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 3

ขอที
้340 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 68/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : Lightning Discharge Gap


2 : Lightning Surge Arrester
3 : Lightning Rod
4 : Lightning Counter
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้341 :

1 : ระยะรั

2 : ระยะรั
วป้องกัน
3 : ระยะอาร์ กแหง้
4 : ระยะอาร์ กเบี
ยก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้342 :

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 69/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1 : ลู
กถวยประเภท
้ A
2 : ลู
กถวยประเภท
้ B
3 : ลู
กถวยประเภท
้ Post Insulator
4 : ลู
กถวยประเภท
้ Pin Insulator
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้343 :

1 : ลู
กถวยประเภท
้ A
2 : ลู
กถวยประเภท
้ B
3 : ลู
กถวยประเภท
้ Post Insulator
4 : ลู
กถวยประเภท
้ Pin Insulator
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้344 :

1 : การทดสอบหาค่
าดิ
สชาร์
บางส่
วน (PD)

2:
3 : การทดสอบฉนวนดวยแรงดั
้ นสู
งอิ
มพัลส์
(BIL)

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 70/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
4 : การทดสอบกระแสลัดวงจรสํ
าหรับขดลวด (Short circuit test)
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

เนื
อหาวิ
ชา : 68 : Lightning and switching overvoltages

ขอที
้345 :

1 : 1100 kV ไม่
เกิ
ดวาบไฟยอนกลั
้ บ เพราะค่าเสิรจ
์ยังตํา
กว่
า BIL
2 : 1100 kV เกิ
ดวาบไฟยอนกลั
้ บ เพราะค่าเสิ
รจ
์สูงกว่า BIL
3 : 850 kV เกิ
ดวาบไฟยอนกลั
้ บ เพราะค่
าเสิ
รจ
์สูงกว่า BIL
4 : 550 kV ไม่
เกิ
ดวาบไฟยอนกลั
้ บ เพราะค่าเสิรจ
์เท่ากับ BIL
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้346 :

1 : นอยกว่
้ า 600 kV
2 : เท่
ากับ 600 kV
3 : มากกว่า 600 kV แต่
นอยกว่
้ า 1200 kV
4 : เท่
ากับ 1000 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้347 :

1 : เท่
ากับ 300 kV
2 : เท่
ากับ 1200 kV
3 : เท่
ากับ 200 kV
4 : เท่
ากับ 600 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้348 :
ถาเกิ
้ ดฟ้าผ่
าลงใกลเคี
้ยงสายส่ งแรงสู
ง อาจทําใหเกิ
้ดแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์บนสายส่
งแรงสู
งถึ
ง 300 kV จะเกิ
ดผลกระทบต่

การฉนวนของระบบทีใ ้ นตํ
ชแรงดั า
กว่
า 69 kV หรื
อไม่
เพราะอะไร

1 : ไม่
เกิ
ดเพราะว่าระบบ 69 kV มี
คา่BIL = 325 kV
2 : เกิ
ดผลกระทบเพราะการฉนวนระบบมี คา่BIL ตํ
า
กว่าแรงดันเสิ
รจ์
3 : เกิ
ดผลกระทบเพราะการฉนวนระบบทนต่ อแรงดันเกิ
น AC ไดตํ้า
กว่า 140 kV
4 : ไม่
เกิ
ดผลกระทบเพราะแรงดันเกิ นเสิ
รจ
์เกิดจากการเหนีย
วนํามีพลังงานตํ า
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้349 :

1 : ค่
า BIL จะมี
คา่
นอยเมื
้ อเที
ยบกับแรงดันเสิ
รจ
์สวิ ง
ตชิทีเ
กิ
ดขึ
นจะมี
คา่
เพิ

ตามระดับแรงดันระบบ

2:
3 : พลังงานของเสิ
รจ
์สวิ ง
ตชิจะมี
คา่
สูงกว่าพลังงานจากเสิรจ
์ฟ้
าผ่

4 : ไม่
สามารถป้องกันการเกิ
ดอาร์
กซํ
า (restriking)ได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้350 :
เมื

เซอร์
กต
ิเบรเกอร์
ตด
ั วงจรหมอแปลงขณะไม่
้ มโี
หลด ทํ
าไมจึ
งเกิ
ดออสซิ
ลเลชันความถี

งู
กว่
าความถี

ลังงาน

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 71/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

1:
2 : เพราะว่
าขดลวดหมอแปลงมี
้ คา่L และ C ทํ
าใหเกิ
้ดการถ่
ายทอดพลังงานระหว่าง L กับ C จึ
งเกิ
ดเป็
นออสซิ
ลเลชัน
3 : เพราะว่
าหมอแปลงมี
้ กระแสสรางสนามแม่
้ เหล็
กตลอดเวลาที

้อนแรงดันแมจะไม่
้ มโี หลด
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้351 :
เซอร์กต
ิเบรเกอร์
ตด
ั กระแสสรางสนามแม่
้ เหล็
กของหมอแปลงไฟฟ้
้ ากํ
าลัง 3 เฟส 24 kV 50 Hz มี
คา่
เก็
บประจุ2500 pF
และความเหนี ย
วนํ
า L = 14.7 H ถากระแสถู
้ กตัดขณะไม่
มโี
หลดเท่
ากับ 3 A จงหาแรงดันตกคร่ อมหนาสั
้มผัส

1 : 68 kV
2 : 48 kV
3 : 230 kV
4 : 136 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้352 :
เซอร์กต
ิเบรเกอร์
ตดั ตัวเก็
บประจุcapacitor bank ระบบ 3 เฟส 24 kV 50 Hz นิ
วตรัลต่
อลงดิ
น คํ
านวณหาแรงดันเกิ
นคร่
อม
หนาสั
้มผัสเซอร์กติเบรเกอร์ จะไดอย่
้างนอย้

1:

2:

3:
4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 2

ขอที
้353 :
เซอร์กต
ิเบรเกอร์
( CB ) ตัดวงจรเก็
บประจุcapacitor bank ที
ใ ้
ชชดเชยแฟกเตอร์
กํ
าลัง อาจเกิ
ดแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์สวิ ง
ตชิ
คร่
อมหนาสั
้มผัส CB ไดถึ้ง 3 เท่ ้
าของแรงดันใชงานปกติ นันเกิ
ดขึ
นไดอย่
้างไร

1 : เกิ
ดขึ
นไดถ้ามี
้การอาร์ กซํา ( restriking ) เมื

CB ตัดวงจร
2 : เกิ
ดขึ
นเมื

โหลดแบบเหนี ย
วนํ าถูกตัดออกหมดทันที
3 : เกิ
ดขึ
นเมื

นิวตรัลของระบบที ต
อ่ลงดิ นโดยตรงเกิดขาด
4 : เกิ
ดขึ
นเมื

สายเฟสหนึ ง
เกิ
ดขาด
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้354 :
ระบบส่งจ่
ายแรงสู
ง 3 เฟส 50 Hz นิ
วตรัลต่ อลงดินโดยตรง ถาเกิ
้ ดเฟสหนึ
ง
ผิดพร่
องลงดิ
นโดยตรง จะทํ
าใหเกิ
้ดแรงดันเกิ

ทีเ
ฟสใด เป็
นแบบใดถาเซอร์
้ กต ิเบรเกอร์ยงั ไม่
ตด
ั วงจรเฟสที

ดิพร่
อง

1 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเฟสที
ผด
ิพร่องลงดิน เนือ
งจากกระแสผิ ดพร่
องมีคา่สู

2 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเฟสที
ไม่
ผด
ิพร่องมีคา่เป็
น 2 เท่าของค่
ายอดเฟส
3 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเฟสที
ไม่
ผด
ิพร่อง จะมีคา่ไม่
เกิน 80% ของแรงดัน เฟส­เฟส
4 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเฟสที
ไม่
ผด
ิพร่องเท่ากับแรงดัน เฟส­เฟส
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้355 :
ระบบส่งจ่ายแรงสู
ง 3 เฟส 50 Hz นิ
วตรัลต่
อลงดิ
นโดยตรง ถาเกิ
้ ดเฟสหนึ
งผิ
ดพร่
องลงดิ
นโดยตรง ทํ
าใหเซอร์
้ กต ิเบรเกอร์
ทํางานตัดวงจรผิ
ดพร่ อง จะเกิ
ดแรงดันเกิ
นที
เ
ฟสใดสู
งสุ
ด และเป็
นแบบใด

1 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์แบบสวิ ตชิงมี
คา่สู
ง 2 เท่าของค่ายอดเฟส หรื อมากกว่
าถาเกิ
้ ดอาร์
กซํ
าที

นาสั
้มผัสเซอร์
กต
ิเบรเกอร์
2 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์แบบสวิ ตชิงมี
คา่เท่
ากับแรงดันเฟส­เฟส ที เ
ฟสผิดพร่
อง
3 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นแบบสวิ ง
ตชิ มีคา่ไม่
เกิ
น 80% ของแรงดัน เฟส­เฟส บนเฟสผิ ดพร่
อง
4 : เกิ
ดแรงดันเกิ
นเสิ
รจ
์สวิ
ตชิง
เท่ากันทุกเฟสมี คา่เท่
ากับ 2 เท่
าค่
ายอดเฟส
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้356 :
ปรากฎการณ์
back flashover คื
ออะไร

1 : ปรากฎการณ์
ของฟ้าผ่
าชนิดหนึง
2 : ฟ้
าผ่
าโดยตรงเขาที
้สายส่งแรงสูง
3 : ฟ้
าผ่
าจากพื
นโลกขึนไปทีช
นั บรรยากาศ
4 : ฟ้
าผ่
าที

งสายดินแลวทํ
้ าใหแรงดั
้ นเกินเสิ
รจ
์วาบไฟยอนกลั
้ บเขาที
้ส
ายส่

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 72/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
4 : ฟ้
าผ่
าทีล
งสายดิ
นแลวทํ
้ าใหแรงดั
้ นเกินเสิ
รจ
์วาบไฟยอนกลั
้ บเขาที
้ส
ายส่

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้357 :
Ferranti effect คื
ออะไร

นชัว
1 : แรงดันเกิ ครูแ
่บบรีโซแนนซ์
2 : การเกิดผิ
ดพร่ องลงดิ
นแบบไม่ สมดุ

3 : การสับสวิ
ตช์ บนสายส่ งระยะไกลที

ลายทางไม่มโีหลดทํ
าใหเกิ
้ดแรงดันเกิ
นที

ลายทาง
4 : การปลดโหลดเต็ มทีแ
บบเหนีย
วนํ
าออกไป แลวเพิ
้ม โหลดแบบเก็
บประจุ
เขาไปทั
้ นทีทนั ใด
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้358 :
เบรเกอร์
ตด
ั กระแสทีส
รางสนามแม่
้ เหล็
ก ของหมอแปลงสามเฟส
้ 24 kV, 50 Hz พิ
กด
ั ขนาด 2,000 kVA ที

2.5 A มี
คา่เก็

ประจุC= 2000 pF จะเกิ
ดแรงดันตกคร่
อมหนาสั
้มผัส ของเบรเกอร์
เท่าไร

1 : 170 kV
2 : 235 kV
3 : 228 kV
4 : 198 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้359 :
อุ
ปกรณ์
ไฟฟ้ าที

ะนํ ้
าไปใชในระบบ 3 เฟส 230 kV, 50 Hz จะตองทํ ง
้ าการทดสอบ BIL ตามมาตราฐาน IEC ซึกําหนดไว ้
หลายค่
า ทังนี
ขึ
นอยู

่บั การต่
อนิ
วตรัลลงดิ
นโดยตรง จงกํ าหนดแรงดันทดสอบ BIL

1 : 650 kV
2 : 750 kV
3 : 850 kV
4 : 1050 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้360 :

1 : SiC
2 : ZnO
3 : MgO
4 : Ar
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้361 :
ขอใดต่
้ อไปนี
ที

ํ
าเป็
นตองรู
้ สํ
้าหรับการเลื
อกระดับแรงดันป้
องกันของกับดัก

1 : ค่
าแรงดันBILของระบบ
2 : ค่
าแรงดันสปาร์กหางคลื

ที

งู
สุดของรูปคลื

1.2/50 ไมโครวิ
นาที
3 : ค่
าแรงดันทีเ
หลื
อคางสู
้ งสุ
ดคร่
อมกับดักที

ระแสกํ
าหนดกับดักคือ 5 kA หรื
อ 10 kA
4 : ถู
กทุ
กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้362 :
เมื

คลื

จร(travelling wave) ที

ขีนาด 100 kV เคลื

นที
ใ
นสายส่
งไปทางดานที
้ มป
ีลายเปิ
ด ที

ลายเปิ
ดนี
จะมี
คา่
แรงดัน
เป็
นเท่
าใด

1 : 50 kV
2 : 100 kV
3 : 150 kV
4 : 200 kV
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้363 :
ผลของเฟอร์
รันตี
(Ferranti effect) ที
เ
กิ
ดขึ
นในสายส่
งขึ
นอยู

่บั อะไร

1 : กระแสที
ไ
หลผ่
านชันท์
แบบเก็
บประจุ
ของสายส่

2 : กระแสที
ไ
หลผ่
านความเหนี

วนํ
าของสายส่

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 73/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
2 : กระแสที ไ
หลผ่
านความเหนี

วนํ
าของสายส่

3 : ความยาวของสายส่ง
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้364 :
ขอใดไม่
้ ใช่
ผลกระทบจากฟ้
าผ่
า (Lightning Effect)

1 : ผลทางความรอน

2 : ผลทางความดันบรรยายกาศ
3 : ผลทางไฟฟ้า
4 : ผลทางกล
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้365 :
ขอใดคื
้ อคุ ณสมบัตข
ิองฉนวนแข็

1 : ระบายความรอนได
้ ดี้
2 : ฉนวนมีความแทรกซึ มไดดี

3 : กลับคื
นสู่ภาพความเป็
ส นฉนวนไม่
ไดเมื
้อ มสภาพ
เสื

4 : ปรับค่
าความเป็นฉนวนเพิ

ขึ
นได ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้366 :
ขอใดไม่
้ สว่
ใช่ นประกอบภายในกับดักฟ้
าผ่

1 : Linear Resistors
2 : Non­linear Resistors
3 : Sic
4 : ZnO
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้367 :
ขอใดไม่
้ ใช่
คณ
ุสมบัตข
ิองกับดักฟ้
าผ่
าแบบ ZnO

1 : ไม่มแ
ีกปขางใน

2 : รับพลังงานเพิม
ไดโดยการต่
้ อกับดักฟ้าผ่
าแบบขนาน
3 : ความเปรอะเปื อนไม่
มผ
ีลต่อการต่ อการทํางาน
4 : มีกระแสไหลตาม (follow current) เมื

แรงดันเสิ
รจ
์ผ่
านไป
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้368 :
ขอใดไม่
้ ใช่
ลก นชัว
ั ษณะของแรงดันเกิ ครู

(Temporary Overvoltage : TOV)

1 : ความถีอ
าจสูงกว่
าหรื อตํ
า
กว่
าความถีพ
ลังงาน
2 : เป็
นแรงดันเกิ
นทีม
ลีก
ั ษณะของออสซิ ลเลชัน
3 : ความถีข
องออสซิ ลเลชันจะเท่ากับความถีพ
ลังงาน
4 : ความถีจ
ะมี
ออสซิ ลเลชันสู ้
งซอนความถี ร
ะบบ
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 4

เนื
อหาวิ
ชา : 69 : Lightning protection

ขอที
้369 :
ในระบบป้
องกันฟ้
าผ่
าการติ
ดตังตัวนํ
าลงดิ
นจะตองมิ
้ ใหเกิ
้ดวาบไฟดานข
้ าง้ (side flash) ท่
านเขาใจหลั
้ กการนี
อย่
างไร

1 : ตัวนํ
าลงดินจะตองมี
้ คา่
อิมพี
แด๊
นซ์ตํ
าและมีคา่
เหนีย
วนํ
านอย

2 : หากอาคารมี ความกวางยาวมาก
้ ้ ตั้
ตองใช วนํ
าลงดิ ้
นหลายๆเสนขนานกั น
3 : หากอาคารมี ความสู
งมากๆ ตองมี
้ การเชือมโยงตัวนํ
าลงดิ
นทีข
นานกันในช่
วงกลางของความสู

4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้370 :
ตัวนําล่
อฟ้
าของระบบป้
องกันที

คีวามตานทานดิ
้ นต่
างกัน จะใหประสิ
้ ทธิ ผลการล่
อฟ้
าต่
างกันอย่
างไร

1 : เสาล่
อฟ้
าที

คีวามตานทานดิ
้ นสู
งจะสรางสตรี
้ มเมอร์
ไดยาวกว่
้ า ทํ าใหมี
้บริ
เวณป้
องกันมากยิ
ง
ขึน
2 : เสาล่
อฟ้
าที

คีวามตานทานดิ
้ นสู
งจะสรางสตรี
้ มเมอร์
ไดยาวกว่
้ า ทํ าใหมี
้บริ
เวณป้
องกันนอยลง

3 : เสาล่
อฟ้
าที

คีวามตานทานดิ
้ นตํ
า
จะสรางสตรี
้ มเมอร์
ไดยาวกว่
้ า ทํ าใหมี
้บริ
เวณป้
องกันมากยิ
ง
ขึน
4 : เสาล่
อฟ้
าที

คีวามตานทานดิ
้ นตํ
า
จะสรางสตรี
้ มเมอร์
ไดยาวกว่
้ า ทํ าใหมี
้บริ
เวณป้
องกันนอยลง

คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3
http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 74/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้371 :
รากสายดิ
นแบบแท่ ้ านศู
งกลมยาว 3 เมตร และเสนผ่ นย์
กลาง 5 เซนติ
เมตร ฝั งดิ
ง
ลงไปในดิ
นที

คีวามตานทานจํ
้ าเพาะ
200 โอห์
ม­เมตร จงคํ
านวณหาความตานทานดิ
้ น

1 : 38 โอห์ม
2 : 48 โอห์ม
3 : 58 โอห์ม
4 : 68 โอห์ม
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้372 :
รากสายดิ นเป็ ้
นเสนทองแดงแบนหนา 3.5 มิ
ลลิ
เมตร กวาง
้ 35 มิ
ลลิ
เมตร ยาว 100 เมตร ความตานทานจํ
้ าเพาะของดิ
นมี
คา่
เท่
ากับ 200 โอห์
ม­เมตร จงคํ
านวณหาความตานทานดิ
้ น

1 : 3.7 โอห์ม
2 : 4.7 โอห์ม
3 : 5.7 โอห์ม
4 : 6.7 โอห์ม
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้373 :
โดยทัว
ไปฟ้าผ่
าจะเริ

ตนในก
้ อนเมฆที
้ ม
ปีระจุ
สะสม ซึง
มีการกระจายของประจุโดยทีฐ
านของกอนเมฆมี
้ ประจุ
เป็
นลบ ส่
วน
บนของกอนเมฆมี
้ ประจุเป็
นบวก อยากทราบว่าจุ
ดเริ

ตนของการเกิ
้ ดฟ้
าผ่
ามักจะเกิ
ดขึ
นจากจุ
ดใดเป็
นส่
วนใหญ่

1 : เกิ
ดทีฐ
านของกอนเมฆที
้ ม
ปีระจุ
ลบ
2 : เกิ
ดจากส่วนบนของกอนเมฆที
้ ม
ปีระจุ
บวก
3 : เกิ
ดจากตรงรอยต่อระหว่
างประจุบวกกับลบในกอนเมฆ

4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้374 :
ระยะฟ้
าผ่ ง
าซึเป็
นระยะช่
วงสุ
ดทายของหั
้ วนํ
าร่
องที

ะวิ
ง
เขาหาวั
้ ตถุ ทอ
ยู
ี ใ่
กลที
้ส
ดุจะมี
คา่
โดยเฉลี

ประมาณเท่
าใด

1 : 10 เมตร
2 : 50 เมตร
3 : 100 เมตร
4 : 150 เมตร
คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 2

ขอที
้375 :
การเกิ
ดฟ้
าผ่
ามักก่
อใหเกิ
้ดความเสี
ยหายทังทางตรงและทางออม
้ จึ
งตองมี
้ การป้
องกัน ใครเป็
นผู
แนะนํ
้ าใหใช ้ อฟ้
้เสาล่ า
เป็
นคนแรกของโลก

1 : D’Alibard
2 : J. Priestley
3 : B. Franklin
4 : A. Spencer
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้376 :
การติดตังเสาล่อฟ้
าดวยวิ
้ ธท
ีรงกลมกลิ
ง (rolling sphere) คื ้
อการใชทรงกลมกลิงบนหรื
อรอบบริ ง
เวณสิทีจ
ะป้
องกันจน
สัมผัสพื นดิ ง
นและสิอยู
เ่
หนื
อดิ
นถาสั
้มผัสจุดใดจุ ดนันตองติ
้ ดตังตัวนํ
าล่
อฟ้า ตามขอกํ
้าหนดของมาตรฐาน IEC ทรงกลม
กลิงมีรัศมี
เท่
าใด

1 : รัศมี
เท่ากับความสู งของสิ งทีจ
ะป้องกันทีส
งู สุ

2 : รัศมี
เท่ากับครึง
หนึง
ของความสู งของสิ ง
ที จ
ะป้
องกันที

งู
สุด
3 : รัศมี
เท่ากับระยะฟ้าผ่า (striking distance)
4 : รัศมี
เท่ากับ 100 เมตร
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้377 :
การติดตังตัวนํ
าล่
อฟ้
าดวยวิ
้ ธทีรงกลมกลิ
ง (rolling sphere) ตามขอกํ
้าหนดมาตรฐาน IEC เกี

วของกั
้ บขอใด

1 : ขนาดกระแสฟ้ าผ่าและระดับป้ องกัน


2 : ระยะฟ้
าผ่
า (striking distance)

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 75/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
3 : บริ
เวณป้ องกัน (protective space)
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้378 :
ตัวนําล่
อฟ้
า คื
ออะไร คํ
าอธิ
บายขอใดถู
้ กตอง้

1 : คื
อตัวนํ
าอาจเป็นแท่งหรื
อสายตัวนํ
า ที

ําหนาที
้ รับฟ้
าผ่
าหรือล่อใหฟ้
้าผ่
าที

วั นํ
าล่อฟ้
าถาหากจะมี
้ ฟ้
าผ่
าขึ
นในบริ
เวณนัน
2 : คื
อตัวนํ
าทีก
อ่ใหเกิ
้ดปรากฏการณ์ ฟ้าผ่
าขึน
3 : คื
อตัวนํ
าทีม
คีวามตานทานสู
้ งเพื

จํ
ากัดกระแสฟ้าผ่าใหมี
้คา่
นอยลง

4 : คื
อตัวนํ
าทีม
ปีลายแหลมติดตังบนเสาฉนวนเพือ
ใหมี้ความเครียดสนามไฟฟ้
าสู ง เป็
นการเพิ

ประสิ
ทธิ
ภาพการล่
อฟ้าใหดี
้ขน

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้379 :
ประสิทธิ
ผลของเสาล่
อฟ้
าขึ
นอยู

่บั อะไร ขอใดเป็
้ นคํ าตอบที

กูตอง

1 : ขึ
นอยู

่บั ระดับมลภาวะของอากาศ
2 : ขึ
นอยู

่บ ั ความสว่ าง เวลากลางวันหรื
อกลางคื น
3 : ขึ
นอยู

่บ ั จํานวนวันเกิดฟ้
าคะนองในรอบปี (thunderstorm day)
4 : ขึ
นอยู

่บ ั ค่
าความตานทานของดิ
้ นของตัวนําล่
อฟ้า ทีม
ผีลต่
อการสรางสตรี
้ มเมอร์
คํ
าตอบที ถ
กูตอง ้: 4

ขอที
้380 :
บริ
เวณป้
องกันฟ้
าผ่
าโดยตรง (protective space) หาไดอย่
้างไร


1 : โดยใชมุม 45 องศากับตัวนํ
าล่
อฟ้ าในแนวดิ ง
และแนวระดับ

2 : โดยใชความสู งของตัวนํ
าล่อฟ้าเป็นรัศมีของวงกลมหมุ นรอบจุดยอดสูงสุดของตัวนํ
าล่
อฟ้

้ กการทรงกลมกลิ
3 : โดยใชหลั ง (rolling sphere) ที

รี
ัศมี
เท่
ากับระยะฟ้
าผ่า
4 : ถู
กทุ
กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้381 :
ระบบป้
องกันฟ้
าผ่ สงิ
าแก่ 
ปลู
กสรางประกอบด
้ วย
้ ตัวนํ
าล่
อฟ้
า ตัวนํ
าลงดิ
น และระบบรากสายดิ
น อยากทราบว่
าตัวนํ
าลงดิ

คื
ออะไร

1 : คื
อตัวนํ
าทีตอ
่ระหว่
างตัวนํ
าล่
อฟ้ากับรากสายดิน ทํ
าหนาที
้ ใ
หกระแสฟ้
้ าผ่ ่น
าไหลลงสู
ด ิในแนวที
ส ั ส
นทีดุ
2 : คื
อตัวนํ
าทีเ มต่
ชื
อ อตัวนํ
าล่อฟ้
าทังหลายใหต่้
อถึงกันทางไฟฟ้า
3 : คื
อตัวนํ
าทีเ มต่
ชื
อ อตัวนํ
าแท่งรากสายดินทังหลายใหประสานถึ
้ งกัน
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้382 :
รากสายดิ
นทํ
าหนาที
้กระจายกระแสฟ้
าผ่
าลงไปในดิ
นไดสะดวกและรวดเร็
้ วลักษณะระบบสายดิ
นที

คีอ
ือะไร

1 : ไม่
กอ
่ใหเกิ
้ดอันตรายแก่คนและสัตว์
เนื

งจากแรงดันช่วงกาว้
2 : ความตานทานดิ
้ นตําไม่
กอ
่ใหเกิ
้ดวาบไฟดานข
้ าง
้ (side flash)
3 : ไม่
กอ
่ใหเกิ
้ดการรบกวนแก่ อป
ุกรณ์ทมค
ีีวามไวต่
อการรบกวน
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้383 :

1 : ทํ
าความตานทานจํ
้ าเพาะของดิ นใหตํ
้า

2 : ใชความยาวของรากสายดิ นสัน
3 : จํ
านวนแท่ งมากๆ โดยวางติดกัน
4 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ ก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้384 :

1 : เพิ

ความยาวของแท่
งรากสายดิ
น แต่
ตองไม่
้ เกินความยาววิ
กฤต
2 : เพิ
ม ้ านศู
ขนาดเสนผ่ นย์
กลางของแท่
งรากสายดิ
นเป็
น 10 เท่

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 76/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร
2 : เพิ
ม ้ านศู
ขนาดเสนผ่ นย์
กลางของแท่ งรากสายดิ
นเป็
น 10 เท่

3 : ลดจํานวนแท่ งรากสายดิ
นฝั งดิ
ง
ใหน้
อยลง

4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้385 :

1 : ที

โี
อห์ มสู
ง ล่
อฟ้าดี
กว่
าโอห์มตํา
2 : ที

โี
อห์ มตํ
าล่
อฟ้าดี
กว่
า โอห์มสูง
3 : ที

โี
อห์ มสู
งและโอห์มตํา
ล่อฟ้
าไดดี้
เท่
ากัน
4 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ ก
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้386 :

1:

2:

3:

4:
คํ
าตอบที

กูตอง
้: 3

ขอที
้387 :
การต่อประสานรากสายดิ
น (grounding bonding) มี
วต
ั ถุ
ประสงค์
เพื

อะไร

1 : เพื

ลดความต่างศักย์
ระหว่างตัวนํ
า 2 จุ
ดหรื
อ 2 ระบบ เนื

งจากกระแสฟ้
าผ่า
2 : เพื

ป้
องกันการเกิ
ดสปาร์ก ทีอ
าจทํ าใหเกิ
้ดเพลิ งไหมได
้้เกิ
ดระเบิ
ดและอันตรายต่
อชี
วต

3 : เพื

ใหกระแสฟ้
้ าผ่
าไหลลงสู ่น
ด ิได ้
4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถูกตอง

คํ
าตอบที ถก
ูตอง
้: 4

ขอที
้388 :

1 : ไม่
เกิ
ดเบรกดาวน์ เพราะตัวนํามีระยะห่ างมากกว่าระยะเบรกดาวน์
2 : เกิ
ดเบรกดาวน์เพราะกระแสฟ้ าผ่าตํา
กว่า ไดระยะ
้ S นอยกว่
้ า 2 เมตร
3 : ไม่
เกิ
ดเบรกดาวน์เพราะตัวนํามีระยะห่ างนอยกว่
้ าระยะเบรกดาวน์
4 : คํ
าตอบ 1 และคําตอบ 2 ถูกตอง้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้389 :
แมจะได
้ มี้
การติ
ดตังระบบป้
องกันฟ้
าผ่
าแก่
อาคาร แต่
อปุกรณ์
ไฟฟ้ าและอุปกรณ์
อเิ
ล็
กทรอนิ
กส์
ภายในอาคารอาจไดรั้
บการ
รบกวนหรื
อเกิ
ดความเสียหายจากผลของฟ้าผ่
าได ้
การรบกวนดังกล่าวเขาไปถึ
้ งอุ ปกรณ์
อเิ
ล็
กทรอนิ
กส์
ไดอย่
้างไร

1 : โดยทางตัวนํ
า (conduction galvanic) ทางสายป้
อนกําลัง หรื
อทางสายดิ

2 : โดยการเหนีย
วนํา (induction) ผ่
านทางสนามไฟฟ้า สนามแม่ เหล็

3 : โดยทางแสงจากลํ าฟ้าผ่า
4 : คํ
าตอบ 1 และคําตอบ 2 ถู กตอง

คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 77/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้390 :
ผลของฟ้าผ่
าอาจทําใหเกิ
้ดแรงดันเสิรจ
์เขาทางสายป้
้ อนกํ
าลังแรงตํ
า
ไดจึ
้งทํ
าใหเกิ
้ดความเสี
ยหายแก่
อป
ุกรณ์
อิ
เล็
กทรอนิกส์
จงึ
ตองมี
้ การป้
องกันซึงอาจทํ
าไดหลายวิ
้ ธี
วิ
ธใี
นขอใดถู
้ กตอง้

1 : ใชกั้
บดักเสิ
รจ
์(surge suppressor) ป้
องกันทีส
ายป้
อนกํ
าลัง
้ องกันดวยกล่
2 : ใชการป้ ้ องชี ลด์(shielding box)
้ อนกํ
3 : ใชสายป้ าลังที

นแรงดันไดสู้ งขึ

4 : ถู
กทุ กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 1

ขอที
้391 :
วิ
ธก
ีารออกแบบจัดวางตํ
าแหน่
งตัวนํ
าล่
อฟ้
าวิ
ธใี
ดที

าตรฐานการป้
องกันฟ้
าผ่
าสํ ง
าหรับสิปลู
กสราง
้ ของ ว.ส.ท. แนะนํ
าให ้
ใช ้

1 : วิ
ธทีรงกลมกลิ ง (rolling sphere method)
2 : วิ
ธโีครงตาข่าย (mesh method)
3 : วิ
ธมีม
ุป้องกัน (protective angle method)
4 : ถู
กทุ กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้392 :
การวัดความตานทานจํ
้ าเพาะของดิ
น (soil resistivity) สามารถวัดดวยวิ
้ ธใี

1 : วิ
ธวี

ั ดวยโอห์
้ มมิเตอร์(ohm­meter)
2 : วิ
ธวี
ดั ดวยเครื
้ อ ง insulation tester
3 : วิ
ธวี
ด ั ดวยเครื
้ อ งวัดความตานทานดิ
้ น
4 : ถู
กทุ กขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้393 :
เงื

นไขในการพิ
จารณาค่
าความตานทานของดิ
้ นสํ
าหรับระบบป้
องกันฟ้
าผ่
า คื
อขอใด

1 : มี
ความตานทานตํ
้ าโดยไม่ทําใหเกิ
้ดอันตรายจากแรงดันช่
วงกาว

2 : มี
ความตานทานตํ
้ าโดยไม่ทําใหเกิ
้ดวาบไฟดานข
้ าง้
3 : มี
คา่
ความตานทานตํ
้ า
กว่
า 0.1 โอห์

4 : คํ
าตอบ 1 และคํ
าตอบ 2 ถูกตอง้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้394 :
“step voltage” หมายถึ
งขอใด

1 : ลักษณะการเพิ ม
ขนาดของแรงดันเป็
นลําดับขันจากผลของกระแสฟ้ าฝ่ากระจายลงดิ

2 : แรงดันระหว่างช่
วงกาวของคนหรื
้ อสัตว์
ทท
ํ
ี าใหเกิ
้ดจากผลของกระแสฟ้ าผ่
ากระจายลงดิ

3 : แรงดันช่วงกาวที
้ เ
กิ
ดจากผลความตานทานดิ
้ นที ไ
ม่เท่
ากันของระบบต่อลงดิน
4 : ถู
กทุกขอ้
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้395 :
ค่
าความตานทานจํ
้ าเพาะของดิ
นมี
หน่
วยวัดอย่
างไร

1 : โอห์
มต่อตารางเมตร
2 : โอห์
มต่อลู
กบาศก์เมตร
3 : โอห์
ม­เมตร
4 : โอห์
มต่อเมตร
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

ขอที
้396 :
การวัดค่
าความตานทานจํ
้ าเพาะของดิน โดยวิ
ธีfour­point method ถาสมมุ
้ ตริ ะยะ "a" ระหว่
างแท่
งตัวนํ
า (rod) แต่
ละแท่

มี
ความห่างเท่
ากันเป็
น 20 เมตร และที

เิ
ตอร์
อา่
นค่ าความตานทานได
้ ้
2 โอห์
ม ค่
าความตานทานจํ
้ าเพาะของดิ นมี
คา่
เท่
ากับขอใด

1 : 25.1 โอห์ม­เมตร
2 : 51 โอห์ ม­เมตร
3 : 101 โอห์ ม­เมตร
4 : 251 โอห์ ม­เมตร
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 78/79
8/9/2559 สภาวิ
ศวกร

ขอที
้397 :
การวัดค่
าความตานทานจํ
้ าเพาะของดิน โดยวิธี
four­point method ถาสมมุ
้ ตริ ะยะ "a" ระหว่
างแท่
ง rod มี
ความห่
างเท่
ากัน
เป็
น 10 เมตร ระยะความลึ
ก "b" ของแท่
งอิเล็
กโตรดช่ วย ควรมีคา่
ไม่เกิ
นขอใด

1 : 20 cm
2 : 30 cm
3 : 40 cm
4 : 50 cm
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้398 :
ขอใดคื
้ อนิ ยามดังกล่
าวนี“ความสามารถของอุ ปกรณ์ หรื
อระบบที

ะทํางานในสามารถของอุปกรณ์หรื
อระบบที

ะทํางาน
ในสภาวะแวดลอมที
้ ม ก
ีารรบกวนแม่เหล็ กไฟฟ้าไดตามอั
้ กษรโดยไม่ เสื
อมคุ
ณภาพหรือทําใหเกิ
้ดความเสียหาย ทํ
างานไม่
ผิ
ดพลาดและก่อใหเกิ
้ดการรบกวนแก่ตวั เองและต่อสภาพแวดลอมหรื
้ ออุ ปกรณ์
อนหรื
ื อระบบอืน
ดวย”

1 : Electromagnetic Interference
2 : Electromagnetic Compatibility
3 : Electromagnetic Discharge
4 : Lightning Electromagnetic Pulse
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 2

ขอที
้399 :
ถาขนาดอาคารมี
้ พนที
ืทเี

กิ
นกว่
า 100 ตารางเมตร หรื ้
อเสนรอบอาคารมากกว่
า 35 เมตร จะตองเพิ
้ ม สายนํ
าลงดิ
นอี
กทุ
กๆ กี

เมตร

1 : 5 เมตร
2 : 10 เมตร
3 : 15 เมตร
4 : 20 เมตร
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 4

ขอที
้400 :
ในกรณี
ทอาคารสู
ี งกว่
า 50 เมตร ค่
าความเหนีย
วนํ
า L ของตัวนํ
าแต่ ้ คา่
ละเสนมี สูง อาจทําใหเกิ
้ดสปาร์กดานข
้ างได
้ ้ ควรลด
ค่
าความเหนี

วนําใหน้อยลง
้ โดยการต่ มโยงทางไฟฟ้
อเชื
อ าของตัวนํ
าเหล่
านีเขาด
้วยกั
้ นทุ กๆ ระยะความสู
งเท่
าใด?

1 : 10­15 เมตร
2 : 15­20 เมตร
3 : 20­25 เมตร
4 : 25­30 เมตร
คํ
าตอบที ถ
กูตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe­2/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=15&aMajid=3 79/79

You might also like