Professional Documents
Culture Documents
จริต 6 ศาสตร์ในการอ่านใจคน
จริต 6 ศาสตร์ในการอ่านใจคน
จริต 6 ศาสตร์ในการอ่านใจคน
1.ราคะจริต
? ลักษณะ • บุคลิกดี มีมาด
• น้ำเสียงนุ่มนวล ไพเราะ
• ติดในความสวย ความงาม ความหอม ความไพเราะ ความอร่อย
• ไม่ชอบคิด แต่ช่างจินตนาการ
? จุดอ่อน
• ไม่มีสมาธิ ทำงานใหญ่ได้ยาก
• ไม่มีเป้ าหมายในชีวิต
• ไม่มีความเป็นผู้นำ
• ขี้เกรงใจ
• ขาดหลักการ
• มุ่งแต่บำรุงบำเรอผัสสะทั้ง 5 ของตัวเอง คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
• ชอบคำพูดหวานหู แต่อาจไม่ใช่ความจริง
• อารมณ์รุนแรง ช่างอิจฉาริษยา ชอบปรุงแต่ง
? วิธีแก้ไข • พิจารณาโทษของจิตที่ขาดสมาธิ
• ฝึกพลังจิตให้มีสมาธิเข้มแข็ง
• หาเป้ าหมายที่แน่ชัดในชีวิต
• พิจารณาสิ่งปฏิกูลต่างๆ ของร่างกายมนุษย์เพื่อลดการติดใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
2. โทสจริต
? ลักษณะ
• จิตขุ่นเคือง โกรธง่าย
• คาดหวังว่าโลกต้องเป็นอย่างที่ตัวเองคิด
• พูดตรงไปตรงมา
• ชอบชี้ถูกชี้ผิด เจ้าระเบียบ เคร่งกฎเกณฑ์
• แต่งตัวประณีต
• เดินเร็ว ตัวตรงแน่ว
? จุดแข็ง • อุทิศตัวทุ่มเทให้กับการงาน
• มีระเบียบวินัยสูง ตรงเวลา
• วิเคราะห์เก่ง มองอะไรตรงไปตรงมา
• พูดคำไหนคำนั้น
• มีความจริงใจต่อผู้อื่น สามารถพึ่งพาได้
• ไม่ค่อยโลภ
? จุดอ่อน
• จิตขุ่นมัว ร้อนรุ่ม
• ไม่มีความเมตตา
• ไม่เป็นที่น่าคบค้าสมาคมของคนอื่น ไม่มีบารมี
• ไม่มีความคิดสร้างสรรค์
• สร้างวจีกรรมเป็นประจำ
• มีโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย
? วิธีแก้ไข • สังเกตดูอารมณ์ตัวเองเป็นประจำ
• เจริญเมตตาให้มากๆ
• คิดนานๆ ก่อนพูด และพูดทีละคำ ฟังทีละเสียง
• อย่างไปจริงจังกับโลกมากนัก
• เปิ ดใจกว้างรับความคิดใหม่ๆ
• พิจารณาโทษของความโกรธต่อความเสื่อมโทรมของร่างกาย
3. โมหจริต
? ลักษณะ • ง่วงๆ ซึมๆ เบื่อๆ เซ็งๆ
• ดวงตาดูเศร้าๆ ซึ้งๆ
• พูดจาเบาๆ นุ่มนวลอ่อนโยน
• ยิ้มง่าย อารมณ์ไม่ค่อยเสีย ไม่ค่อยโกรธใคร
• ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น
• เดินแบบลอยๆ ขาดจุดหมาย ไร้ความมุ่งมั่น
? จุดแข็ง
• ไม่ฟุ้ งซ่าน เข้าใจอะไรง่ายและชัดเจน
• มักตัดสินใจอะไรด้วยความรู้สึกได้ถูกต้อง
• ทำงานเก่ง โดยเฉพาะงานประจำ
• ไม่ค่อยทุกข์หรือเครียดมากนัก
• เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่น่าคบ ไม่ทำร้ายคน
? จุดอ่อน
• ไม่มีความมั่นใจ มองตัวเองต่ำกว่าความจริง โทษตัวเองเสมอ
• หมกมุ่นแต่เรื่องตัวเอง ไม่สนใจคนอื่น
• ไม่จัดระบบความคิด ทำเหมือนไม่มีความรู้
• ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่ชอบเป็นจุดเด่น
• สมาธิอ่อนและสั้น เบื่อง่าย
• อารมณ์อ่อนไหวง่าย ใจน้อย
? วิธีแก้ไข
• ตั้งเป้ าหมายชีวิตให้ชัดเจน
• ฝึกสมาธิสร้างพลังจิตให้เข้มแข็ง
• ให้จิตออกจากอารมณ์ โดยจัดให้ร่างกายเคลื่อนไหว หรือเล่นกีฬา
• แสวงหาความรู้และต้องจัดระบบความรู้ความคิด
• สร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิต อย่าทำอะไรซ้ำซาก
4. วิตกจริต
? ลักษณะ
• พูดน้ำไหลไฟดับ
• ความคิดพวยพุ่ง ฟุ้ งซ่าน ไม่อยู่ในโลกความจริง
• มองโลกในแง่ร้ายว่าคนอื่นจะเอาเปรียบ กลั่นแกล้งเรา
• หน้าบึ้ง ไม่ค่อยยิ้ม
• เจ้ากี้เจ้าการ อัตตาสูง คิดว่าตัวเองเก่ง
• อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง
• ผัดวันประกันพรุ่ง
? จุดแข็ง
• เป็นนักคิดชั้นยอด มองอะไรทะลุปรุโปร่ง
• เป็นนักพูดที่จูงใจคนเก่ง เป็นผู้นำไนหลายวงการ
• ละเอียดรอบคอบ เจาะลึกในรายละเอียด
• เห็นความผิดเล็กน้อยที่คนอื่นมองไม่เห็น
? จุดอ่อน
• มองจุดเล็ก ลืมมองภาพใหญ่
• เปลี่ยนแปลงความคิดตลอดเวลา ไม่รักษาคำมั่นสัญญา
• มีแต่ความคิด ไม่มีความรู้สึก ไม่มีวิญญาณ ลังเล มักตัดสินใจผิดพลาด
• มักทะเลาะวิวาท เอารัดเอาเปรียบ ทำร้ายจิตใจผู้อื่น
• มีความทุกข์ เพราะเห็นแต่ปัญหา แต่หาทางแก้ไม่ได้
? วิธีแก้ไข
• เลือกที่จะคิด อย่าให้ความคิดลากไป
• ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติเพื่อสงบสติอารมณ์
• เลิกคิดอกุศลจิต คลายจากความฟุ้ งซ่าน
• สร้างวินัย ต้องสร้างกรอบเวลา
• ฝึกมองภาพรวม คิดให้ครบวงจร
• หัดมองโลกในแง่ดี
• พัฒนาสมองซีกขวา
5. ศรัทธาจริต
? ลักษณะ • ยึดมั่นอย่างแรงกล้าในบุคคล หลักการ หรือความเชื่อ
• ย้ำคิดย้ำพูดในสิ่งที่ตนเองเชื่อถือและศรัทธา
• คิดว่าตัวเองเป็นคนดี น่าศรัทธา ประเสริฐกว่าคนอื่น
• เป็นคนจริงจัง พูดมีหลักการ
? จุดแข็ง • มีพลังจิตสูงและเข้มแข็ง
• พร้อมจะเสียสละเพื่อผู้อื่น
• ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคมไปสู่สภาพที่ดีกว่าเดิม
• มีพลังขับเคลื่อนมหาศาล
• มีความเป็นผู้นำ
6. พุทธิจริต
? ลักษณะ
• คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล
• พร้อมรับความคิดที่แตกต่างไปจากของตนเอง
• มองเรื่องต่างๆ ตามสภาพความเป็นจริง ไม่ปรุงแต่ง
• ช่างสังเกต
• มีความเมตตา ไม่เอาเปรียบคน
• หน้าตาผ่องใส ตาเป็นประกาย ไม่ทุกข์
? จุดแข็ง
• เห็นเหตุผลชัดเจน และรู้วิธีการแห้ไขปัญหาต่างๆ อย่างถูกต้อง
• อัตตาต่ำ เปิ ดใจรับข้อเท็จจริง
• จิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่จมปลักกับอดีต และไม่กังวลกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคต
• พัฒนาและปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ
• เป็นกัลยาณมิตร
? จุดอ่อน
• มีความเฉื่อยชา ไม่ต้องการพัฒนาจิตวิญญาณ
• ชีวิตราบรื่นมาตลอด หากต้องเผชิญพลังด้านลบอาจเอาตัวไม่รอด
• ไม่มีความเป็นผู้นำ จิตไม่มีพลังพอที่จะดึงดูดคนให้คล้อยตาม
? วิธีแก้ไข
• ถามตัวเองว่าพอใจแล้วหรือกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน
• เพิ่มพลังสติ สมาธิ พัฒนาจิตใจให้มีพลังขับเคลื่อนแรงขึ้น
• เพิ่มความเมตตา พยายามทำประโยชน์ให้สังคมมากขึ้น
จริต 6
ลักษณะของผู้ที่หนักในราคจริต
๑. มายา เจ้าเล่ห์
๒. โอ้อวด
๓. ถือตัว
๔. ทำตัวลวงโลก หลอกลวง เสแสร้ง
๕. ปรารถนามาก มีความอยากใหญ่
๖. ไม่สันโดษ
๗. แง่งอน
๘. ขี้โอ่
นิสัยของคนมีราคะจริต - เรียบร้อย นุ่มนวล ไม่รีบร้อน งานสะอาด สวยงาม เป็นระเบียบ
ลักษณะของผู้ที่หนักในโทสจริต
๑. โกรธง่าย โมโหง่าย
๒. ผูกโกรธ แค้นฝังใจ
๓. ลบหลู่คุณท่าน (คนที่ดี คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า)
๔. ชอบตีตนเสมอท่าน
๕. ขี้อิจฉา
๖. ขี้เหนียว ชอบหึง ชอบหวง
สิ่งที่ชอบดู - ชอบดูชกต่อย
ลักษณะของผู้ที่หนักในโมหจริต
๑. หดหู่ ซึมเซา
๒. คลิบเคลิ้ม
๓. ฟุ้ งซ่าน
๔. ขี้รำคาญ
๕. เคลือบแคลง ขี้สงสัย ในธรรมะ
๖. ถืองมงาย
๗. ละ ความเชื่อโง่ ๆ เดิม ๆ ได้ยาก
รสชาติอาหารที่ชื่นชอบ - ไม่เลือกอาหารอย่างไหนก็เอา
หมด มูมมามด้วย
กรรมฐานที่เหมาะ - อานาปาณสติ
ลักษณะของผู้ที่หนักในวิตกจริต
สิ่งที่ชื่นชอบและให้ความสนใจ - เห็นตามหมู่มาก
กรรมฐานที่เหมาะสม - อานาปาณสติ
ลักษณะของผู้ที่หนักในสัทธาจริต
กรรมฐานที่เหมาะสม - อนุสติ ๖
ประโยชน์ของการรู้อารมณ์จริต
นักปฏิบัติควรรู้อาการของจริตที่จิตของตนคบหาสมาคมอยู่ เพราะการรู้อารมณ์จิตเป็นผลกำไรในการปฏิบัติ
เพื่อการละด้วยการเจริญสมาธิก็ตาม พิจารณาวิปัสสนาญาณก็ตาม ความสำคัญอยู่ที่การควบคุมความรู้สึกของ
อารมณ์ ถ้าขณะที่กำลังตั้งใจกำหนดจิตเพื่อเป็นสมาธิ หรือพิจารณาวิปััสสนาญาณอารมณ์จิตเกิดฟุ้ งซ่าน ก็จะได้
น้อมนำเอาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มาประคับประคองใจให้เหมาะสมเพื่อผลในสมาธิ หรือหักล้าง
ด้วยอารมณ์วิปัสสนาญาณเพื่อให้ได้ฌานสมาบัติ หรือมรรคผลนิพพาน พระธรรมเพื่อผลของสมาบัติ ท่านเรียกว่า
"สมถกรรมฐาน" มีทั้งหมด 40 อย่าง
อสุภกรรมฐาน 10
อนุสสติกรรมฐาน 10
กสิณ 10
อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1
จตุธาตุววัฏฐาน 1
พรหมวิหาร 4
อรูป 4
แบ่งกรรมฐาน 40 ให้เหมาะแก่จริต
1. ราคจริต
ราคจริตนี้ กรรมฐานที่เหมาะคือ อสุภกรรมฐาน 10 กับกายคตนานุสสติ 1 เมื่ออารมณ์รักสวยรักงามเกิด
ขึ้นแก่อารมณ์จิต จิตข้องอยู่ในกามารมณ์เป็นปกติ ก็เอากรรมฐานนี้พิจารณาเป็นปกติ จนกว่าอารมณ์จะสงัดจาก
กามารมณ์ เห็นคนและสัตว์และสรรพวัตถุที่ชมชอบว่าสวยงดงาม กลายเป็นของน่าเกลียดโสโครกโดยกฎของ
ธรรมดา จนจิตใจไม่มั่วสุมกับความงามแล้ว ก็พิจารณาวิปัสสนาญาณโดยยกเอาขันธ์ 5 เป็นอารมณ์ ว่าไม่ใช่เรา
ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา
2. โทสจริต
คนมักโกรธ หรือขณะนั้นมีอารมณ์โกรธพยาบาทเกิดขึ้น ท่านให้เอากรรมฐาน 8 อย่าง คือ พรหมวิหาร 4
วัณณกสิณ 4 (วัณณกสิณ 4 ได้แก่ นีลกสิณ เพ่งสีเขียว โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง ปี ตกสิณ เพ่งสีเหลือง โอทาตก
สิณ เพ่งสีขาว) ทั้ง 8 อย่างนี้เป็นกรรมฐานระงับดับโทสะ เลือกที่เหมาะสมมาเพ่งและใคร่ครวญพิจารณา
อารมณ์โทสะจะค่อย ๆ คลายตัวระงับไป
4. สัทธาจริต
ท่านที่เกิดสัทธาความเชื่อ ท่านให้เจริญกรรมฐาน 6 อย่าง คือ อนุสสติ 6 ประการ คือ
พุทธานุสสติกรรมฐาน
ธัมมานุสสติกรรมฐาน
สังฆานุสสติกรรมฐาน
สีลานุสสติกรรมฐาน
จาคานุสสติกรรมฐาน
เทวตานุสสติกรรมฐาน
ทั้ง 6 อย่างนี้จะทำให้จิตใจของท่านที่ดำรงสัทธาผ่องใส
5. พุทธิจริต
คนเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันเหตุการณ์ มีปฏิภาณไหวพริบดี ท่านให้เจริญกรรมฐาน 4 อย่าง
มรณานุสสติกรรมฐาน
อุปมานุสสติกรรมฐาน
อาหาเรปฏิกูลสัญญา
จตุธาตุววัฏฐาน
กรรมฐานที่เหมาะแก่จริตทั้ง 6 ท่านจัดไว้เป็น 5 หมวด รวมกรรมฐานที่เหมาะแก่จริต โดยเฉพาะจริตนั้น
ๆ รวม 30 อย่าง หรือ 30 กอง ที่เหลืออีก 10 กอง คือ อรูป 4 ภูตกสิณ 4(ปฐวีกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ
อาโปกสิณ) และอาโลกกสิณ 1 อากาสกสิณ 1 รวมเป็น 10 อย่าง ซึ่งเป็นกรรมฐานเหมาะแก่จริตทุกอย่าง แต่
สำหรับอรูปนั้น ถ้าใครต้องการเจริญ ท่านให้เจริญฌานในกสิณให้ได้ ฌาน 4 เสียก่อน แล้วจึงเจริญในอรูปได้ มิ
ฉะนั้นแล้วจะไม่เป็นผลสำหรับผู้ฝึกสมาธิใหม่เพราะอรูปละเอียดเกินไป
3.โมหะจริต หรือจิตที่มักอยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนหรือซึมเศร้าเป็นอาจิณ
5.ศรัทธาจริต คือสภาวะจิตที่มีปรัชญาหรือหลักการของตัวเองและพยายามผลักดันให้ตัวเองและผู้อื่นบรรลุถึงจุด
หมายนั้น
[แก้ไข] ราคะจริต
ลักษณะ บุคลิกดี มีมาด น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ ติดในความสวย ความงาม ความหอมความไพเราะ ความอร่อย
ไม่ชอบคิด แต่ช่างจินตนาการเพ้อฝัน จุดแข็ง มีความประณีตอ่อนไหว และละเอียดอ่อน ช่างสังเกตุเก็บข้อมูลเก่ง
มีบุคลิกหน้าตาเป็นที่ชอบและชื่นชมของทุกคนที่เห็น วาจาไพเราะ เข้าได้กับทุกคน เก่งในการประสานงาน การ
ประชาสัมพันธ์และงานที่ต้องใช้บุคลิกภาพ
[แก้ไข] โทสะจริต
ลักษณะ จิตขุ่นเคือง โกรธง่าย คาดหวังว่าโลกต้องเป็นอย่างที่ตัวเองคิด พูดตรงไปตรงมา ชอบชี้ถูกชี้ผิด เจ้า
ระเบียบ เคร่งกฎเกณฑ์ แต่งตัวประณีต สะอาดสะอ้าน เดินเร็ว ตรงแน่ว
[แก้ไข] โมหะจริต
ลักษณะ ง่วงๆ ซึมๆ เบื่อๆ เซ็งๆ ดวงตาดูเศร้าๆ ซึ้งๆ พูดจาเบาๆ นุ่มนวลอ่อนโยน ยิ้มง่าย อารมณ์ ไม่ค่อยเสีย
ไม่ค่อยโกรธใคร ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น เดินแบบขาดจุดมุ้งหมาย ไร้ความมั่นคง
[แก้ไข] วิตกจริต
ลักษณะ พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ความคิดพวยพุ่ง ฟุ้ งซ่านอยู่ในโลกความคิด ไม่ใช่โลกความจริง มองโลกในแง่
ร้ายว่าคนอื่นจะเอาเปรียบกลั่นแกล้งเรา หน้าจะบึ้ง ไม่ค่อยยิ้ม เจ้ากี้เจ้าการ อัตตาสูงคิดว่าตัวเองเก่ง อยากรู้อยาก
เห็นไปทุกเรื่อง ผัดวันประกันพรุ่ง
[แก้ไข] ศรัทธาจริต
ลักษณะ ยึดมั่นอย่างแรงกล้าในบุคคล หลักการหรือความเชื่อถือและความศรัทธา คิดว่าตัวเองเป็นคนดี น่า
ศรัทธา ประเสริฐ กว่าคนอื่น เป็นคนจริงจัง พูดมีหลักการ
[แก้ไข] พุทธิจริต
ลักษณะ คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล มองเรื่องต่างๆ ตามสภาพความเป็นจริงไม่ปรุงแต่ง พร้อมรับความคิดที่แตกต่าง
ไปจากของตนเอง ใฝ่ เรียนรู้ ช่างสังเกตุ มีความเมตตาไม่เอาเปรียบคน หน้าตาผ่องใส ตาเป็นประกาย ไม่ทุกข์
หมวดกสิน ๑๐
เป็ นการทำสมาธิด้วยวิธีการเพ่ง
๑. ปฐวีกสิน เพ่งธาตุดิน
๒. อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ
๓. เตโชกสิณ เพ่งไฟ
๔. วาโยกสิน เพ่งลม
๕. นีลกสิน เพ่งสีเขียว
๖. ปี ตกสิน เพ่งสีเหลือง
๗. โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
๘. โอฑาตกสิณ เพ่งสีขาว
๙. อาโลกกสิณ เพ่งแสงสว่าง
๑๐. อากาศกสิณ เพ่งอากาศ
หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐
เป็ นการตั้งอารมณ์ไว้ให้เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยงดงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก น่าเกลียด
อนุสสติกรรมฐาน ๑๐
อนุสสติ แปลว่า ตามระลึกถึง เมื่อเลือกปฏิบัติให้พอเหมาะแก่จริต จะได้ผลเป็ นสมาธิมีอารมณ์ ตั้งมั่น
ได้รวดเร็ว
๑. พุทธานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็ นอารมณ์
๒. ธัมมานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็ นอารมณ์
๓. สังฆานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็ นอารมณ์
๔. สีลานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณศีลเป็ นอารมณ์
๕. จาคานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็ นอารมณ์
๖. เทวตานุสสติเป็ นกรรมฐาน ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็ นอารมณ์
๗. มรณานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงความตายเป็ นอารมณ์
๘. กายคตานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
๙. อานาปานานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
๑๐. อุปสมานุสสติกรรมฐาน ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็ นอารมณ์
หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา
หมวดจตุธาตุววัฏฐาน
หมวดพรหมวิหาร ๔
พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมเป็ นที่อยู่ของพรหม พรหมแปลว่าประเสริฐ
พรหมวิหาร ๔ จึงแปลว่า คุณธรรม ๔ ประการ ที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเป็ นผู้ประเสริฐ ได้แก่
หมวดอรูปฌาณ ๔
เป็ นการปล่อยอารมณ์ ไม่ยึดถืออะไร มีผลทำให้จิตว่าง มีอารมณ์เป็ นสุขประณีต ในฌานที่ได้ ผู้จะเจริญอรูปฌาณ
๔ ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ ๔ เสียก่อน แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็ นอุเบกขารมณ์
1. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการได้ยินได้ฟังตามกันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการตื่นข่าวลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการอ้างตำรา
5. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยตรรกหรือเหตุผล
6. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการคาดคะเน
7. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการคิดตรองอาการที่ปรากฎ
8. อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะเข้ากับความเห็นของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะผู้พูดมีรูปลักษณะน่าเชื่อถือ
10.อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะเห็นว่าสมณะนี้หรือผู้นี้ เป็นครูของเรา