You are on page 1of 29

LI102004 Review Sheet

7A Vocabulary

+Priority (n): something that is more important for you (ลำดับความสำคัญ)

+Rate (n): say how good or bad something is (จัดลำดับ)

+Reputation (n): the opinion that people have about how good or bad something is (ชื่อเสียง)

+Check out (v): look carefully at something to find out if it is satisfactory (ตรวจสอบ)

+Consult (v): ask for advice from someone who knows more than you (ปรึกษา)

+Option (n): something that you can choose (ตัวเลือก)

+Factors (n): things that affect or cause something else (ปัจจัย)

+Consider (v): think carefully about something before making a decision (พิจารณา)

Grammar (Adjective order)

Superlative (the…est/the most…) + O-SASH-COMP+ Noun

ตารางข้างบนนี้ คือ ลำดับการวางของคำคุณศัพท์ หรือเรียกว่า adjective order โดยจะต้องจำให้ได้

ว่าคำไหนวางก่อน คำไหนวางถัดมา ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดไวยากรณ์

(โดยอาจจะข้ามคำคุณศัพท์บางตัวไปได้ ไม่ต้องเอามาทั้งหมด แต่ต้องแน่ใจว่า ไม่มีการนำ age (อายุ)

ขึ้นมาวางหน้า opinion (ทัศนคติ หรือ ความเห็น) เพราะตามหลัก opinion ต้องขึ้นก่อน age นั่นเอง

โดย ความหมายของตัวย่อข้างบน พร้อมตัวอย่าง มีดังต่อไปนี้:

Superlative ขั้นสูงสุด
O- opinion ทัศนคติ ความเห็นของเรา ต่อสิ่งนัน
้ ๆ (เช่น ugly, beautiful, fascinating, interesting...)
S - size ขนาด หรือความสูง (wide, short, tall, tiny, enormous, huge..)

A- age อายุ ความเก่า ความใหม่ ยุคสมัย (old, new, baby, antique, ancient, modern, medieval)

Sh- shape รูปร่าง น้ำหนัก หรือความยาว (round, circle, long, fat)

C - color สี (red, yellow, blue..)

O - origin (nationality) ต้นกำเนิด หรือ สัญชาติ (American, Italian, Thai, Vietnamese, Japanese…)

M - materials ทำมาจากอะไร (wooden, metal, silver, gold..)

P - purpose เพื่อวัตถุประสงค์อะไร (for wedding, funeral, transport, research, shopping, sports…)

Noun คำนาม

ตัวอย่างจากแบบฝึกหัด 9a หน้า 63

+Fascinating historical monuments อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ทน


ี่ ่าหลงใหล (หรือ ชวนมอง)

Opinion Age Noun

+enormous, ultra-modern research facilities


สิ่งอำนวยความสะดวกทางการวิจัยทีม
่ ีขนาดใหญ่และล้ำสมัย

Size Age Purpose Noun

+an impressive long list เป็นรายการชื่อที่ยาวและน่าประทับใจ

Opinion Shape Noun

+breathtaking medieval architecture สถาปัตยกรรมยุคกลางที่น่าทึ่ง

Opinion Age Noun

+picturesque green courtyard ลานสีเขียวทีง่ ดงาม

Opinion Color Noun

+an efficient, large public transport network เครือข่ายการขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ทม


ี่ ีประสิทธิภาพ

Opinion Size Purpose Noun

+the most well-known American or British universities


มหาวิทยาลัยอเมริกันหรืออังกฤษที่มีชื่อเสียงที่สุด

Superlative Opinion Origin (Nationality) Noun


Reading (Top Tips for prospective international students) P.62-63

เคล็ดลับที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่หวังอยากเป็นนักเรียนในต่างแดน....กำลังมองหาคอร์สภาษาอังกฤษในต่างแดนใ

ช่หรือไม่

1.ชื่อเสียงและหลักสูตรต่างๆ

ม. MIT และ ฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยสองอันดับแรกของโลก โดยอยู่ใน แคมบริดจ์ แมสซาชูเซส USA

เมืองที่เต็มไปด้วยสถานทีท
่ ี่เจ๋งๆ และ อนุสรณ์สถานที่น่าหลงใหลทางประวัติ ศาสตร์ทม
ี่ ีมากมาย

ด้วยความทีม
่ ีสิ่งอำนวยความสะดวกในการวิจัย ที่มากมาย และ ทันสมัยสุดๆ

(รวมถึงมีรีแอคเตอร์นิวเคลียร์ด้วย) และมีลิสต์รายชื่อผู้ชนะรางวัลโนเบลที่ยาวเหยียด

เลยทำให้ทงั้ สองแห่งนีม
้ ีชื่อเสียงมาก แต่เราต้องจ่ายปีละ 65,000 ดอลล่าห์เลยนะเพื่อให้ได้ เรียนทีน
่ ี่

การเรียนที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ที่ประเทศอังกฤษ อยู่ในเมืองที่เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามมากที่สุดในโลก

พร้อมสถาปัตยกรรมยุคกลางที่เลิศสุด และ สนามหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่ จะราคาถูกกว่า แต่ก็ไม่มาก

มหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤาในการสื่อสารมั กจะแพงมาก

ดังนั้นต้องลองตรวจสอบตัวเลือกไว้ดีๆ ตัวอย่างเช่น สวิตเซอร์แลนด์

ก็มีมหาวิทยลัยสองแห่งที่ติดอันดับดีสุดในโลก ในซูริค โลซาน

แถมถูกกว่ามหาวิทยาลัยในอเมริกาตั้งสามเท่า

2. เลือกตามที่ตงั้ ใจไว้

บางทีสิ่งที่สำคัญมากกว่าชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยก็คือ ชื่อเสียงของหลักสูตรที่เราอยากเรียน

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดบางแห่งที่เด่นทางด้านวิศวกรรม เช่น มหาวิทยาลัยในจีน (ม.ปักกิ่ง และ

ม.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง) และราคาถูกกว่า
ม.ติดอันดับต้นๆของโลกในอเมริกาหรืออังกฤษอีกด้วย

ให้เราแน่ในว่าได้ทำการปรึกษาเรื่องตารางอันดับมหาวิทยาลัยนานาชาติ (international league table)

ดูเพื่อดูรายวิชาที่ต้องการเรียน และเพื่อประกอบการตัดสินใจ

3. มิตรภาพ และ นักศึกษาากนานาประเทศ

ชีวิตของการเป็นนักศึกษาในต่างแดนนั้นไม่ง่ายเลย บางทีก็ช็อตเงิน เหนื่อย แถมเหงาอีก

ดังนั้นลองพิจาร่ณาที่ๆมีคนแบบเราอีกมากมายดูดีไหม กรุงเบอลิน เยอรมณี


มีมหาวิทยาลัยสามอันดับต้นๆของโลก ทีม
่ ีหลักสูตรการเรียนเป็นภาษาอังกฤษ แถมไม่เก็บค่าเรียนด้วย
มีนักศึกษาราว 160,000 คนจากทั่วโลกเรียนที่นั่น ทำให้หาเพื่อนได้ง่าย แถมที่กรุงเบอลิน

มีเครือข่ายขนส่งสาธารณะที่ใหญ่และมีประสิทธิภาพ และหาที่พักไม่ยากด้วย

แถมยังมีชีวิตยามค่ำคืนทีใ่ ห้เราได้ตน
ื่ เต้น แถมราคายังเป็นมิตร (affordable) อีกด้วย

จึงเป็นอีกที่หนึ่งที่เราจะไปใช้ชีวิตอย่างสนุกได้นั่นเอง

4. จงอยู่กับความเป็นจริง

คนหลายล้านคนฝันอยากเข้ามหาลัยชื่อดังในอเมริกาหรืออังกฤษ แต่โ อกาสเข้าเรียนได้มีน้อยเหลือเกิน เช่น

ที่ แสตนฟอร์ด พรินส์ตน


ั หรือ เยลล์ (ม.ไอวี่ลีค) เพราะมีโอกาสเพียง 1 ใน 14 เท่านั้น โดย โอสโลว์ ปาราส
แม็คซิโกซิตี้ และ มุมไบ เมืองเหล่านีม
้ ีมหาลัยติดอันดับ 200 มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก

แถมราคายังถูกกว่าประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเสียอีก

Relative clauses (7B) - ต้องมีใน short movie แต่ไม่ออกสอบ p.65

Defining relative clauses


- คำนามทั่วไป + who/which/that+ clauses

(who - วางไว้หลังคำนามที่เป็นคน) ส่วน (which - วางไว้หลังคำนามที่พูดถึงสัตว์ หรือ สิ่งของ)

(that ใช้วางไว้หลังคำนามทั้ง คน สัตว์ สิ่งของได้ แต่ไม่นิยมใช้กับคน)

คำนามทั่วไป คือ a boy, a girl, a university, a school (คำนามทีไ่ ม่ได้ชี้เฉพาะ หรือ

เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าผู้พูดต้องการสื่อถึงอะไร มีเพียงแค่พูดว่า ชายคนหนึง่ หญิงคนหนึ่ง นักเรียนคนหนึ่ง

เด็กคนหนึ่ง)

โดย หลังคำนามทั่วไป ไม่ตอ


้ งมี “comma (,)” เพราะถือว่าประโยคขยายนั้นไม่สามารถตัดทิ้งไปได้

เนื่องจากรายละเอียดจะไม่ชัดเจน

นอกจาก who, which, that ยังมี whose, whom, where ที่นำมาขยายได้

- โดย whose = วางไว้หลังคำนามที่เป็นเจ้าของสิ่งของทีว่ างต่อจาก whose เช่น It was the Alien


whose egg is taken to the ship.
- Whom ใช้แทน who ได้ เปรียบเป็นคำสุภาพ

- Where ใช้วางไว้หลัง “สถานที”่ เท่านั้น โดยประโยคหลังจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ณ สถานที่นั้นๆ

เช่น I love a woman. (ฉันชอบผู้หญิงคนหนึ่ง)


I love a woman who is wearing a red shirt. (ฉันชอบผู้หญิ่งคนที่ใส่เสื้อสีแดง)
The university which is located in the Northeastern area is Khon Kaen University.
The actor whom I admire is Brad Pitt.
The park where good snacks are sold there is Bueng Kaen Nakhon Park.
The woman whose bag is on the yellow bench is my friend.

Non-defining relative clauses

Non-defining relative clauses คือ who,which,that,where,whom,whose จะนำมาขยายคำนาม “เฉพาะ”

หรือ specific noun ซึ่งประโยคที่มีคำนามแบบนี้ มีความหมายชัดเจนในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมี relative

clauses มาขยาย แปลว่า เราสามารถตัดประโยคขยายความออกได้ โดยไม่ทำให้เสียความหมาย

ดังนั้นประโยคแบบนี้ หลังคำนามเฉพาะ จึงต้องมี “คอมมา (,)” มาเพื่อบอกว่า

ประโยคหลังจากนี้เพียงนำมาขยายความเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้

เช่น

I love Mandy, who is wearing a red shirt. (ฉันชอบผู้หญิ่งคนที่ใส่เสื้อสีแดง)


Khon Kaen University, which is located in the Northeastern area, is a good place to study.
Brad Pitt, whom I admire, is the best actor.
I like to go to Bueng Kaen Nakhon Park where good snacks are sold there.
It was George, whose bag was on the yellow bench.

** where ขยายสถานที่ แตกต่างกับที่ which ขยายสถานที่ ตรงที่ว่า ประโยคหลัง where

บอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
The crew explores the area where the distress call comes from.
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ มี ประธาน กริยา กรรม ครบ

(ประโยคสมบูรณ์)
I live in London which has very beautiful parks.
สิ่งที่มีในที่นน
ั้ และ จะเป็นวลีเฉยๆ คือ ไม่ต้องมีประธาน

*** that เมื่อใช้ relative clause ตัวนี้ ไม่จำเป็นต้องมี (,) หลังคำนาม ไม่ว่าจะเป็น defining หรือ non-

defining noun ก็ตาม

Short movie หนังสัน


Project จะมีทงั้ หมด 3 phases

+Phase 1 (พรีเซ้นต์พล็อตเรื่อง) -5% ใช้เวลาไม่เกิน 7-10 นาทีต่อกลุ่ม


+Phase 2 (รีวิวงานเพื่อน) – 5% **ในหนังต้องมีปัญหาที่เกิดขึ้น และมีวิธีการแก้ไข เพื่อให้ปัญหาคลีค
่ ลาย

+Phase 3 (พรีเซ้นต์หนังสั้น) – 10% ใช้เวลาแสดงไม่ต่ำกว่า 10 นาที (เกินได้ แต่ห้ามต่ำ)

โดย ห้าม นักศึกษา ก็อปงานคนอืน


่ มาพรีเซ้นต์เด็ดขาด ต้องคิดเองนะคะ หากพบว่าเป็นงานก็อปมา
จะได้เกรด 0 ทันที

Theme หนังสัน
้ (open topic)

+Campus life (ชีวิตในรั้วมหาลัย)

+Learning commitment/learning-related issues (ปัญหาในด้านการเรียน)

+Stress/anger management (การจัดการความเครียด/อารมณ์)

+Interpersonal conflict - ปัญหาระหว่างบุคคล

+Classroom based issues - ปัญหาในชั้นเรียน

เนือ
้ หาในการพรีเซ้นต์ phase 1 (พรีเซ้นต์ชว่ งสัปดาห์ท ี่ 2 หลังปีใหม่) - ทำสไลด์มาพูด

•นักศึกษาสามารถคิดพล็อตเรื่องได้โดยอิสระ แต่ต้องมีการอ้างอิง (citation) จากคำพูดของนักวิชาการ หรือ


จากงานวิจัยสัก 1 ประโยค

+โดยจะต้องประกอบไปด้วยส่วนต่างๆเหล่านี้

•ชื่อหนังและเรื่องย่อ

•ใครคือตัวละครหลัก? อธิบายแต่ละอย่างรวมถึงบุคลิกหรือลักษณะของตัวละครแต่ละคน

•ในกลุ่มมีสมาชิกร่วมแสดงกี่คน และแต่ละคนรับบทอะไรบ้าง?

•หนังจะถ่ายทำที่ไหน? (หมายเหตุ นักศึกษาอาจต้องทำงานร่วมกันนอกสถานที่เมื่อถ่ายทำหนังสือ ดังนัน



ขอให้ทำตามมาตรการป้องกันโควิด 19 ด้วยนะคะ)

•ปัญหาที่เราพบระหว่างการถ่ายทำคืออะไร และ จะแก้ปัญหาอย่างไร

•และคำพูดที่นำมาอ้างอิง (citation) โดยนำมาจากคำพูดของนักวิชาการ หรือ จากงานวิจัยสัก 1 ประโยค


ซึ่งเป็นคำพูดที่เราคิดว่า ให้ขอ
้ คิดกับผู้ฟงั ได้
Phase 2 - Peer review (วิพากษ์งานเพื่อน) 5% แลกบทกันดูแล้วให้คะแนน

คะแนนที่เราให้เพื่อนไม่มผ
ี ลต่อคะแนนของเพื่อน แต่ขอให้มาวิพากษ์ มิฉะนั้นจะเสีย 5% ไป

Phase 3 - คะแนน 10% จะได้มาจากการใช้คำศัพท์ ไวยากรณ์ และ ความคล่อง ความครีเอทีฟของงาน

โดยอนุญาตให้ใส่เพลงได้ แต่ต้องไม่ดังกลบเสียงพูด และ ความยาวของเพลงเริม


่ เรื่อง (เช่น title หนัง)
ขออย่าเกิน 5-10 วินาที

8A- Anger Management (การจัดการกับความโกรธ)

Vocabulary Meaning Sample sentences

Lose one’s temper ฟิวส์ขาด She loses her temper.

furious โกรธ He got furious.

Fly off the handle โกรธแบบไร้เหตุผล Don’t fly off the handle.

annoy ขุ่นเคือง I got annoyed.

enrage เกรี้ยวกราด She feels enraged.

Blow one’s top หัวร้อน Don’t blow my top!

ความหมายของ Anger management (reading page 70)

การรับมือกับความเครียด 101

ลดความเครียดของตน เข้ากับผูอ
้ น
ื่ ได้ดข
ี น
ึ้

และรูส
้ ึกดีหลังจากเข้าคอร์สออนไลน์เรือ
่ งการรับมือกับความเครียดเป็นเวลาสองสัปดาห์

+ไฮไลท์ของคอร์ส (จุดเด่นของหลักสูตร)

+ในคอร์สนี้ เราจะได้

•เรียนรู้ว่าความโกรธคืออะไร และทำไมผู้คนต้องโกรธ
•ลองค้นหาดูว่าความโกรธของเราจัดอยู่ในประเภทใด

•ค้นพบต้นกำเนิดของความโกรธ

•ควบคุมความโกรธของคุณ 1. ก่อนทีม
่ ันจะมาคุมเรา (หรืออยู่เหนือเรา)

คำอธิบาย

+ความโกรธอาจเป็นพลังทำลายล้าง ซึ่งสามารถทำลายความสัมพันธ์และวางยามิตรภาพอันดี
และอาจก่อให้เกิดความเครียดและความเจ็บป่วยได้ คนส่วนใหญ่ไม่อยากอารมณ์เสียตลอดเวลา
ปัญหาคือคนเรามักจะโกรธแล้วไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเวลาโกรธ
คุณต้องคิดต่างเพื่อแสดงท่าทีให้แตกต่างออกไปได้
หลักสูตรสองสัปดาห์นี้นำเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับความโกรธ
เราจะมองหาว่าประเภทของความโกรธแบบไหนถึงดี และแบบไหนถึงไม่ดี
การทำความเข้าใจว่าทำไมเราถึงได้โกรธขึ้นมาแบบไม่มป
ี ไี่ ม่มข
ี ลุ่ยจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งใน
ชีวิต การจัดการกับความโกรธในเชิงบวก จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์อน
ั ดี และ เพิ่มการรับรู้คุณค่าของตั วเอง
2.และยังปรับปรุงพัฒนาสุขภาพจิตเราได้ด้วย

เทคนิคต่างๆ

+เริ่มที่ประมาณ 10 นาทีต่อวัน และ ค่อยเพิม


่ เป็น 30 นาทีตอ
่ วัน
คอร์สนี้จะสอนเทคนิคให้คุณจัดการกับความโกรธได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิดีโอออนไลน์สั้นๆของเรา
และแบบฝึกหัดที่มีการฝึกโต้ตอบจะช่วยให้คุณสร้างความมัน
่ ใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกเ
คืองและเกรี้ยวกราด (โมโหมาก)

+คุณจะต้อง

•ทำตามแผนการฝึกเพื่อเลี่ยงไม่ให้โกรธ

•ใช้เทคนิคการควบคุมลมหายใจแบบพิเศษ

•วิเคราะห์เหตุที่ก่อให้เกิดความโกรธเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ

3. เรียนรู้ว่าจะสร้างสถานะการผ่อนคลายในระดับลึกได้ยังไง

ทำไมต้องร่วมคอร์สนี้
หากคุณ

-กังวลเรื่องที่คุณฟิวส์ขาดบ่อยมากไป

-เคร่งเครียดเกี่ยวกับการเรียนรู้ตัวเอง

-มองหาการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น

-ยินดีที่จะรับผิดชอบต่ออารมณ์ของตัวเอง

4. หากเป็นเช่นนั้น คอร์สนี้แหล่ะเหมาะกับคุณ

+ผูบ
้ รรยาย

+เจมส์ คอนเวย์ จบ ป. โท จาก ม.พรินซ์ตัน และได้เขียนบทความมากมายเกี่ยวกับการรับมือกับตนเอง


การจัดการกับความเครียดและสุขภาพจิต เขามีประสบการณ์กว่า 20 ปีเป็นนักบำบัด และ ครูฝึก 5.
โดยคติของเขาก็คือ “ความสุขของคุณ คือเป้าหมายของผม”

+หมายเหตุ ต้องอายุ 18 ปีขน


ึ้ ไปถึงจะเข้าเรียนในคอร์สนีไ้ ด้

Grammar page 71 (Linkers of Purposes)


Linkers ประโยคตามหลัง Sample sentences

In order to (เพือ
่ ทีจ
่ ะ..) คำกริยาช่องที่ 1 I study hard in order to pass
the exam.

In order that/ so/ so that Clause (มีประธาน I study hard in order that I
(เพือ
่ ทีเ่ ขาจะ…) can pass the exam
กริยา กรรม ครบ
รูปไหนก็ได้)

รูปปฏิเสธ

In order not to (เพือ


่ ทีจ
่ ะไม่..) คำกริยาช่องที่ 1 He didn’t read a book in order
not to pass the exam.

In order that/ so/ so that Negative form of He didn’t read a book for his
clause (มีประธาน exams in order that he won’t
(ไม่มรี ป
ู ปฏิเสธในคำเชือ
่ ม แต่จะไปอยูใ่ น pass the exam to the major
กริยา กรรม ครบ that he doesn’t like.
clauses แทน)
รูปปฏิเสธ)
Vocabulary page 71 (เติม self หน้าคำแสดงอารมณ์)

Employed = ได้รับการจ้างงาน -> self-employed = เป็นนายจ้างตนเอง

Defence (protect)= ป้องกัน -> self-defence = การป้องกันตนเอง

Confidence = ความมั่นใจ -> self-confidence = ความมั่นใจในตนเอง

Doubt = สับสน งง สงสัย -> self-doubt = การไม่แน่ใจในความสามารถของตน



Control = ควบคุม -> self-control = ควบคุมตนเองได้

Taught = สอน -> self-taught = เรียนรู้ได้เอง

Conscious = มีสติ -> self-conscious = ประหม่าv

Language Studio page 128


1.Self-confidence (n): ความมั่นใจในตนเอง

2.Self-confident (adj): ที่มค


ี วามมั่นใจในตนเอง

3.Self-conscious: ประหม่า
4.Self-control: คุมตนเองได้

5.Self-defence: ป้องกันตัว

6.Self-doubt: ความไม่มน
ั่ ใจในความสามารถของตน

7.Self-employed: เป็นนายตนเอง

8.Self-esteem: คุณค่าของตนเอง

9.Self-taught: เรียนรู้ด้วยตนเอง

10.Self-help : ช่วยเหลือตนเองได้
9A A home of your own (page 80)

Vocabulary

1.Estate agent – นายหน้าค้าบ้าน (รับหาคนเช่า หรือ ขายบ้าน)

2.Lease – สัญญาเช่า

3.Deposit – เงินมัดจำ

4.Tenant – ผูเ้ ช่า

5.Landlord – ผูใ้ ห้เช่า หรือ เจ้าของที่ หรือ เจ้าบ้าน

6.Utilities –สาธารณูปโภค (น้ำ ค่าไฟ ฯลฯ)

7.Charges – ค่าบริการต่างๆ

8.Mortgage – การกูเ้ งิน/จำนอง (ในต่างประเทศ จะมี “mortgage loan” คือ


การทีเ่ ราเอาทีด
่ น
ิ หรืออสังหาริมทรัพย์ไปค้ำประกันเพือ
่ ให้ได้เงินกูม
้ าก้อนหนึง่

ความหมายภาษาอังกฤษ

1.Lease - A contract to rent a property (สัญญาเช่า)

2.Tenant - A person who pays money to rent a property (ผูเ้ ช่า)

3.Estate agent- A person whose job is to help other people to buy or sell or rent a property
(นายหน้าหาคนเช่า หรือ ซือ
้ )

4.Landlord - An owner of a property that is rented out (เจ้าของบ้าน)

5.Mortgage - Money that you borrow to buy a home (เงินกูส


้ ำหรับซือ
้ บ้าน)

6.Charges - Money that you pay for services (ค่าบริการ)

7.Deposit - Money that you pay when you first rent a property and that is paid back to you when
you leave it (เงินมัดจำ)

8.Utilities - Water, gas and electricity (สาธารณูปโภค)


Reading (page 81) - คำแปล

มีการบันทึกไว้วา่ มีคนหนุม
่ สาว (ทีบ
่ รรลุนต
ิ ภ
ิ าวะ) ยังคงอยูก
่ บ
ั พ่อแม่อก
ี มากมาย

A.จากวิจย
ั ล่าสุด มีคนหนุม
่ สาวชาวอเมริกน
ั ทีอ
่ ยูก
่ บ
ั พ่อแม่เพิม
่ มากขึน
้ คนทีอ
่ ายุตำ่ กว่า 25
เกินครึง่ ทีย
่ งั หาบ้านอยูเ่ องไม่ได้ และอีกหนึง่ ในสามคือยังอยูก
่ บ
ั พ่อแม่จนอายุ 30 1ทีอ
่ น
ื่ ๆก็เป็นเหมือนกัน เช่น
ในประเทศอังกฤษ ผูใ้ หญ่อายุตำ่ กว่า 35 จำนวนหนึง่ ในสี่ ยังอยูก
่ บ
ั พ่อแม่
โดยมีอต
ั ราเพิม
่ มากกว่านัน
้ ในประเทศอิตาลี และในฮ่องกง ทีค
่ า่ เช่านัน
้ แสนแพง
สัดส่วนในการยังอยูบ
่ า้ นพ่อแม่จงึ มีถงึ กว่า 75% ทีน
่ า่ สนใจคือ ในแทบทุกประเทศ
ชายหนุม
่ อยูบ
่ า้ นพ่อแม่นานทีส
่ ด

B.แต่วา่ สิง่ หนึง่ ทีว่ จ


ิ ย
ั นีไ้ ม่ได้แสดงให้เห็นคือ จำนวนหนุม
่ สาวทีอ
่ าศัยอยูอ
่ ย่างอดๆอยากๆ
มีหนุม
่ สาวหลายคนทีอ
่ อกจากบ้านแต่ไม่สามารถจ่ายค่าเช่า หรือ จ่ายเงินกู(้ จำนอง) ไหว ดังนัน

จึงไม่ยากเลยทีจ
่ ะเข้าใจว่าทำไมหลายคนยังอยูก
่ บ
ั พ่อแม่อยู่ – เพราะพวกเขามีทางเลือกไม่มากนัน
่ เอง
2เด็กหนุม
่ สาวสมัยนีเ้ รียนกันนานขึน
้ และยิง่ เรียนมากขึน
้ เท่าไร เขาก็ยงิ่ มีหนีส
้ น
ิ มากขึน
้ โดยเฉลีย
่ แล้ว
บัณฑิตชาวอเมริกน
ั มีหนีส
้ น
ิ ถึง 37,000 ดอลล่าห์ แม้จะหลังเรียนจบไปแล้วสองปีกต
็ าม
สิง่ ทีท
่ ำให้ยากขึน
้ ไปอีกก็คอ
ื ค่าเช่าขึน
้ เร็วมาก จึงทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ แล้วยังเข้าถึงเงินกูไ้ ด้ยากด้วย
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเราถึงรอเวลาเพือ
่ จะแต่งงานหรือมีครอบครัวให้ลว่ งเลยไปนานขึน
้ กว่าเดิม

C.ในสหรัฐอเมริกา และบางประเทศ มีทศ


ั นคติเชิงลบมากๆเกีย
่ วกับปรากฎการณ์นี้ คนทีย
่ งั อยูบ
่ า้ น ถูกเรียกว่า
คนไม่มท
ี ไี่ ป หรือ ลูกแหง่ ในภาษาอิตาเลีย
่ น และ จิงโจ้ ในเกาหลี 3ทีอ
่ น
ื่ ๆก็เป็นเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
ไมเคิล
้ จอร์แดน ดาราฮอลลิวด
ู้ ถูกทางโซเชียลมีเดียแซวแรง เมือ
่ เขาเปิดเผยการจัดการชีวต
ิ ของเขา
อย่างไรก็ตาม จอร์แดนได้บอกว่า การที่อยูบ
่ า้ นพ่อแม่ ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการให้พอ
่ แม่เลีย
้ ง
แต่พอ
่ แม่เขาต่างหากทีต
่ อ
้ งการให้เขาดูแล สถานการณ์แบบนีไ้ ม่แปลก ยิง่ ลูกทีอ
่ ยูบ
่ า้ นพ่อแม่อายุมากเท่าไร
พ่อแม่กอ
็ ายุมากขึน
้ เท่านัน
้ ดังนัน
้ บางทีพอ
่ แม่ทเี่ ริม
่ แก่เฒ่านีล
่ ะ่ ทีต
่ อ
้ งการการดูแล และไม่ได้ ตอ
้ งการสิง่ อืน
่ ใด

D.4 มีสญ
ั ญาณบอกว่าทัศนคติเชิงลบ (stigma) นี้ กำลังเริม
่ หายไปจาก US คนอเมริกน
ั ถึง 60
ล้านคนอาศัยอยูใ่ นบ้านทีม
่ ค
ี นหลากหลายรุน
่ อยูด
่ ว้ ยกัน โดยการจัดการนีเ้ ริม
่ ค่อยๆมาเป็นทีย
่ อมรับมากขึน

ในบางครัง้
เราจะเห็นถึงภาพอดีตเมือ
่ เริม
่ เห็นว่าคนหนุม
่ สาวยังอาศัยอยูก
่ บ
ั คนรุน
่ สูงวัยแม้แต่กระทัง่ หลังพวกเขาแต่งงาน
แล้ว สิง่ ทีค
่ รอบครัวหลายครอบครัวได้เห็นสิง่ ทีค
่ นอืน
่ มักไม่คอ
่ ยเข้าใจบ่อยๆก็คอ
ื เรือ
่ งทีว่ า่ ทำไมคนหนุม
่ สาว
อยากออกไปจากบ้านของครอบครัว หากไม่ได้ดถ
ู งึ การเปลีย
่ นแปลงทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
เทรนด์นด
ี้ เู หมือนจะเมีตอ
่ ไปเรือ
่ ยๆ

Grammar: cleft sentences page 81

Cleft Sentences Structure Sample Meaning

It-cleft It + is/was + (N) + It was Micheal who (มัน) เป็นไมเคิ้ล ที่ช่วยฉัน


who/that + (verb/verb helped me.
to be)+

Wh-cleft (What/ One What/One thing that/ What I need the (สิ่งที๋)ฉันต้องการมากที่สุด
thing that/ The fact most is a gift from
that…) The fact that + my mother. คือของขวัญจากแม่
(clause
ประโยคสมบูรณ์
เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นต้นเหตุ
หรือ ที่ต้องการ) +
is/was + (N)

Other sample sentences:

It is my brother who wants to eat snacks.


It is my teacher who broke the glass.
It was my mother who picked me up yesterday.

What she wants is a shopping bag.


One thing that people need the most is a peaceful life.
What makes things even more difficult for them is the fact that rents are rising faster.
The thing I would really like is having a surprise birthday party.

** ดังนั้น Wh-cleft ไม่ว่าจะเป็น what, one ting, the thing, something หรือคำอื่นใด

ที่เป็นวลีขน
ึ้ ต้นที่ไม่ใช่ It จะมีความหมายเดียวกันทั้งหมด คือหมายถึง สิ่งที่…..

Unit 8B - vocabulary เปลี่ยน adjective เป็นคำนาม (noun) โดยมีคำนามลงท้ายด้วย -ness/ -ty ดังนั้น

ความสุข - happiness (happy)

ความโศกเศร้า -sadness (sad)

โรคภัยไข้เจ็บ-sickness (sick)
ความเหนื่อย-tiredness (tired)

ความอ่อนแอ-weakness (weak)

ความสุขสมบูรณ์ -wellness (good-well)

การตระหนักรู้ - awareness (aware)

ความมืด-darkness (dark)

ความเหงา-loneliness (lonely)

ความห่างไกล-remoteness (remote)

ความแปลกประหลาด-strangeness (strange)

ความวิตกกังวล- anxiety (angry)

ความคิดสร้างสรรค์-creativity (creative)

ความเป็นจริง-reality (real)

ความปลอดภัย-safety (safe)

ความเรียบง่าย-simplicity (simple)

ความโง่เขลา-stupidity (stupid)

ความงาม-beauty (beautiful)

ความไม่สิ้นสุด-infinity (infinite)

ความเข้ม-intensity (intense)

ความนิยม-popularity (popular)

ทัศนวิสัย-visibility (visible)

Grammar - คำนามนับได้ (countable หรือ plural nouns) และคำนามนับไม่ได้ (uncountable nouns)

คำนาม คือ คำทีบ


่ อกถึง คน สัตว์ สิง่ ของ โดยมีอยูส
่ อง ประเภท คือ

1.คำนามนับได้

2.คำนามนับไม่ได้

การแยกแยะให้ได้ว่า คำนามใดคือคำนามนับได้และคำนามใดคือคำนามที่นับไม่ได้
ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในภาษาอังกฤษ เนื่องจากคำนามทั้ง 2
กลุ่มนี้มีหลักการใช้คำนำหน้าและคำกิริยาที่แตกต่างกัน
ดูตวั อย่างได้จากตารางข้างล่างนี้

คำนามพหูพจน์ (plural nouns) คำนามนับไม่ได้ (uncountable nouns)


Countable Nouns คือ คำนามนับได้ Uncountable Nouns ( นามนับไม่ได้ )

คำนามที่เราสามารถนับเป็นจำนวน 1, 2, 3, 4, ____ ได้ เป็นนามที่นับไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งนัน
้ จะเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ เนื่องจากภาษาอังกฤษมองสิ่งนั้นในภาพรวมและคิ

หรือจับต้องไม่ได้ หากว่าเราสามารถนับได้ ดว่าไม่สามารถจะแยกเป็นส่วนได้

คำนามนั้นก็จะถือเป็น countable nouns เช่น รวมทั้งความคิด การกระทำต่างๆที่เป็นรูปธรรม

สิ่งที่จับต้องได้ เช่น glass (แก้ว), table (โต๊ะ), chair และ นามธรรม ด้วย เช่น

(เก้าอี้), book (หนังสือ), dog (หมา), cat (แมว), clock รูปธรรม: เช่น water, milk, butter, furniture,

(นาฬิกา), ring (แหวน), banana (กล้วย), orange (ส้ม) luggage, iron,equipment,clothing,garbage,

etc. junk

สิ่งที่จับต้องไม่ได้(แต่เรายังสามารถนับได้) เช่น sound นามธรรม : เช่น anger, courage,

(เสียงเพลง เสียงลม) song (เพลง), day (วัน), month satisfaction,happiness,knowledge

(เดือน), year (ปี), hour (ชั่วโมง), minute (นาที), age ชื่อภาษา: เช่น English,German,Spain

(อายุ), hobby (งานอดิเรก), activity (กิจกรรม), กีฬาต่างๆ :เช่น hockey, football, tennis

assignment (งานที่ได้รับมอบหมาย), job (งาน), country ชื่อวิชาต่างๆ: เช่น sociology, medicine,

(ประเทศ) etc. anthropology

เป็นนามที่สามารถแยกนับจำนวนหนึง่ สอง สาม... ได้ กิจกรรมต่างๆ: swimming, eating

ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีรูปร่างก็ได้ เสียงรบกวน: noise

มีรูปร่าง (สามารถสัมผัสได้ ) – เช่น dog, chair , tree,

school, country, student, biscuit

ไม่มีรูปร่าง ( ไม่สามารถสัมผัสได้ ) - เช่น day , month,

year, weekend, journey กิจกรรม : job, assignment


กิจกรรม : job, assignment มีทงั้ รูปเอกพจน์และพหูพจน์

เอกพจน์: เช่น dog,country,day,year

พหูพจน์: เช่น dogs,countries,days,years


การใช้ many more, far more, far fewer/ much more, much less, a bit more, a bit less, a little

more, a little less, a lot more, a lot less, slightly more……

จะมีการนำมาใช้แตกต่างกันโดยขึ้นกับคำนามว่า นับได้ หรือ นับไม่ได

เช่น

คำนามพหูพจน์ (plural nouns) คำนามนับไม่ได้ (uncountable nouns)

สำหรับความแตกต่างมาก ปริมาณมาก สำหรับความแตกต่างมาก ปริมาณมาก

Many/ many more (แตกต่างกันเยอะมาก) Much/ much more (แตกต่างกันเยอะมาก)

Far fewer (แตกต่างกันน้อยมาก) Less/ much less (แตกต่างกันน้อยมาก)

สำหรับความแตกต่างน้อย สำหรับความแตกต่างน้อย
A few more A little more
A bit more
A little less
A bit less

ใช้ได้ทั้งกับคำนามพหูพจน์ และ คำนามนับไม่ได้ ใช้ได้ทั้งกับคำนามพหูพจน์ และ คำนามนับไม่ได้

A lot more/ a lot less (แตกต่างมาก/แตกต่างน้อย) A lot more/ a lot less (แตกต่างมาก/แตกต่างน้อย)

Far more/ far fewer (แตกต่างมาก แตกต่างน้อย) Far more/ far fewer (แตกต่างมาก แตกต่างน้อย)

Slightly more (แตกต่างน้อย) Slightly more (แตกต่างน้อย)

คำนามนับได้ เช่น
More tourists visited the desert this year than last year.
There are fewer places that are really quiet.
There were far more birds than we expected.
We needed a few more days.
They took as many photos as the last time we came.

คำนามนับไม่ได้ เช่น
We would like a bit more information.
There is not as much noise at night as in the daytime.
He needs much more time to complete his tasks.

Unit 10A Walk page88

Vocab Meaning

Step ก้าวเดิน

Stride เดินเร็วๆ

Stroll เดินเล่น ทอดน่อง เดินชิลในสวนสาธารณะ

tiptoe เดินเขย่งนิ้ว

trip (v) สะดุดล้ม

trip (n) การท่องเที่ยว

hike เดินป่า เดินเขา

limp บาดเจ็บ

march เดินสวนสนาม

parade เดินพาเหรดงานเทศกาล

Reading Stepping into VR (ก้าวเข้ามาใน วีอาร์)

ก้ าวเข้ าสู่ วีอาร์

B. วีอาร์ ให้ ประสบการณ์เสมือนจริง (immersive) กับเรา ให้ เราได้ เห็นทุกมุมโลกทีอยู่ไกล หรือ

โลกแฟนตาซีทีเปรียบเหมือน (as if) เราได้ เข้ าไปเดินเล่นในนันจริงๆ


โดยวีอาร์ แบบสวมหัวล่าสุดนีได้ แสดงให้ ตาเราเห็นหน้ าจอเล็กๆ มีภาพทีคมชัด แบบ 360 องศา และเสียงแบบสเตอริโอ
นําหนักก็เพียงไม่กีร้ อยกรัมเท่านัน ซึงทําให้ เราลืมเลยว่าสวมใส่มนั อยู่ ตอนนีเราก็สามารถเดินเล่นไปกับช้ างในโอคาวังโก้
เดลต้ า ทีแอฟริ ก้าใต้ เดินทัพไปกับกองทัพนโปเลียนใน Battle of Waterloo (ชือการต่อสู้)
หรือเดินทางสันๆในร่างกายมนุษย์ และเหมือนกับเราได้ ไปอยู่ในนันจริงๆ

A. เกือบแหล่ะ แต่ก็ยงั ไม่สมจริงเสียทีเดียว ยังคงมีปัญหาใหญ่ๆสําหรับวีอาร์ ประการแรกคือ หลายคนพบกับการปวดหัว และ

มึนงง (dizziness) ซึงมาจากการส่งสัญญาผสมจากสมองไปยังตา และหูชนใน


ั (ทีช่วยในเรืองการทรงตัว)
ทําให้ ร้ ูสึกเหมือนเราเมารถอยู่ โดยหนทางแก้ ไขก็มี แต่ก็ไม่ 100%

F. ปั ญหาประการทีสอง จะเชือมโยงกับประการแรก และรู้จกั กันในชือของ “ปั ญหาการเดิน” โดยการเดินไม่กีก้ าวในพืนทีจํากัด

(confined space) และก้ มๆเงยๆ ให้ สม


ั ผัสทีต่างจากการเดินทางไกลในโอคาวังโก้ เดลต้ า แบบสมจริง
เราจะสัมผัสประสบการณ์นนได้
ั ผ่านการเดินเท่านัน และการเดินไม่กีเมตร พร้ อมมีทีครอบหัว ครอบตา ครอบหูอยู่
จะทําให้ เราสะดุดล้ ม (trip over) และบาดเจ็บก่อนทีเราจะเดินไปไกลได้

E. การแก้ ไขปั ญหาบางส่วน คือ การผสมวีอาร์ เข้ ากับลู่วิง (treadmill) ซึงคนเราสามารถเดินทางไกลในงาน Appalachian

Trail ผ่านรัฐทัง 14 ของอเมริกา หรือ ไปท่องพิรามิดกิซาได้ โดยมีหนทางให้ เลือกเป็ นโหลเลย

ก็สนุกนะกับการออกกําลังกายประจําวันแบบนี แต่เราจะออกจากเส้ นทางนันทันทีไม่ได้ การเปลียนเส้ นทาง การเพิม หรือ


ลดความเร็ว เป็ นเพียงทางเลือกของเราเท่านัน (ทําได้ เท่านี จะออกเลยทันที ไปทีอืนไม่ได้ )

D. และมีล่วู ิงทีสุดลํา (sophisticated) กว่าตัวอืนๆ คือ ลู่วิงวีอาร์ ทีหมุนได้ รอบ ทําให้ ผ้ เู ล่นสามารถเดิน วิง หรือ กระโดด

ได้ ทุกทาง มีระบบทีตรวจจับการเคลือนไหวของผู้เล่น จะค่อยๆ (เพือไม่ให้ เวียนหัว) เลือนให้ กลับมาอยู่กลางลู่วิง


เป็ นเทคโนโลยีทีฉลาด แต่มนั ใหญ่ (เส้ นผ่านศูนย์กลางสามเมตร) และหนัก และแพงมากด้ วย แถมยังยากทีจะเอาออกจากยิม
หรือ ร้ านเกม และนําเข้ าไปวางในบ้ านได้ เร็วๆนีอีกด้ วย

C. เรามาไกลหรือยังกับการทําให้ วีอาร์ สมจริง มีการคาดการณ์ไว้ แบบไม่ดีนักกับเทคโนโลยี แต่ในกรณีนี

ก็ยงั ไม่มีทางทีจะแก้ ไขปั ญหาการเดินของวีอาร์ ในราคาทีไม่แพง (affordable way) ได้ เลย

Grammar// participle clauses

Vocabulary
Grammar

ประโยคแบบ Active voice (บอกเล่าทั่วไป) = เปลี่ยนให้คำกริยาตามท้าย who, which, that กลายเป็น

V.ing หรือเรียกในอีกชื่อว่า Present participle

ประโยค passive voice (ถูกกระทำ) = เปลี่ยนคำกริยาตามท้าย who, which, that เป็นกริยาช่องที่ 3 (V

เติม –ed หรือ กริยาช่อง 3 ในรูปแบบอื่นๆ) เรียกในอีกชื่อว่า Past participle

Participle clauses คือการลดรูปของ relative clauses ซึง่ เราจะตัด whi, which, that ออกไป
จะไม่มป
ี รากฎในประโยคเลย เช่น
The latest VR headsets that show a small screen in front of the eyes, have high-definition
photography. (Active voice)
สามารถลดรูป ให้เป็น The latest VR headsets, showing a small screen in front of the eyes, have
high-definition photography
หรือ The second problem, which is connected to the first and which is known as the talking
problems, is that taking a few steps around a small room is a very different feeling from going
for a hike. (Passive voice)
> The second problem, connected to the first and known as the talking problems, is that taking a
few steps around a small room is a very different feeling from going for a hike.
Unit 11A Uncanny Valley (ความกลัวเมือ
่ เห็นสิง่ ของ หรือ หุน
่ ยนต์ทห
ี่ น้าตาเหมือนมนุษย

เคลือ
่ นไหวได้เหมือนมนุษย์)

Vocabulary

คำนามพร้อมคำบุพบท

An attitude to/towards (ทัศนคติ ต่อ...)

An awareness of (การตระหนักรูข
้ อง...)

Contact with (การติดต่อกับ...)

A grasp of (ความเข้าใจถึง...)

Prejudice against (การมีอคติต่อ...)

Proficiency in (ความชำนาญในด้าน...)

Respect for (เคารพใน....)

Sympathy for (เห็นอกเห็นใจต่อ...)

Reading Uncanny Valley

ความกลัวต่ อหุ่นยนต์ ทเหมื


ี อนมนุษย์ (The Uncanny Valley)

หุ่นยนต์ถูกนํามาใช้ มากขึนในสังคมสมัยใหม่เพือทํางานแทนมนุษย์ เราตอนนีมีของเล่นหุ่นยนต์ทีลําสมัยให้ เราสนุกได้


มีหุ่นยนต์ครู และ หุ่นยนต์ “ดูแล” เด็ก และหุ่นยนต์ทีดูเหมือนเด็กด้ วย

หุ่นยนต์ไม่เป็ นทีน่าสนใจสําหรับมนุษย์เท่าไหร่ เรามักรู้สึกไม่โอเคกับสิงทีเคลือนไหวได้ เอง ทีดูเป็ นสีเงินๆ และเป็ นเอเลียน


และดูไม่เหมือนอะไรทีเราเคยเห็นมาเลย เลยทําให้ เกิดปั ญหาเมือมนุษย์ต้องทํางานกับหุ่นยนต์
เมือเราอยากเห็นทังสองรู้สึกดีต่อกันได้ การแก้ ปัญหาคือทําให้ หุ่นยนต์ดูเหมือน (resemble) มนุษย์
ให้ เรารู้สึกว่าเขาเหมือนเราและเราไว้ ใจเขาได้

ก๊ ดีในทางทฤษฎีนะ แต่ในความเป็ นจริงล่ะ หากมีหุ่นยนต์ทีเราจะนําไปบ้ าน เราจะโอเคกับหุ่นยนต์แบบไหนมากกว่าล่ะ ?


หากเราเหมือนกันคนอืนๆ ก็จะเลือกหุ่นยนต์ A, C หรือ E แต่ไม่ใช่ B ทําไมหุ่นยนต์พยาบาลของญีปุ่นนีทําให้ เรารู้สึกอึดอัด
หรือ ไม่โอเคล่ะ ทางวิทยาศาสตร์ มีคําอธิบาย เขาเรียกว่า “uncanny valley
(ความกลัวต่อสิงทีเคลือนไหวเองได้ เหมือนมนุษย์)”
ทฤษฎีนพัี ฒนาโดยวิศวกรชาวญีปุ่น ชือ มะซะฮิโระ โมริ ในปี 1970 โดย หุ่นยนต์ทีดูเหมือนมนุษย์น้อยทีสุด เป็ นทียอมรับ
ลองคิดถึงหุ่นน่ารักๆดู แต่หากมาถึงจุดทีมันหน้ าตาเหมือนมนุษย์ เราจะรู้สึกขนลุก (creepy)
คนเรารู้สึกเหมือนกับว่ามันไร้ อารมณ์ (นีแง่ดีสดุ แล้ ว) และ ไม่เป็ นมิตร (ในแง่ทีแย่สดุ ) เมือหุ่นยนต์มีปฏิกิริยาตอบกลับแบบนี
ทําให้ โมริเรียกว่า “uncanny valley”

นักวิทยาศาสตร์ ได้ ทดลองทฤษฎีนบางครั


ี ง
นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์ เนียได้ ทําการทดลองโดยการเอาภาพแสดงให้ กลุ่มเป้าหมายดู
โดยเป็ นรูปหุ่นยนต์ทีต่างกันไป รวมถึงแบบทีเป็ นมือจับ ไปจนถึงหุ่นยนต์เหมือนคนจริงๆเลย และดูเหมือนมีชีวิตด้ วย
เป็ นผู้หญิง คนเราจะถูกถามว่าหุ่นนันดูเหมือนเครืองจักร หรือ เหมือนคน และเขาอยากจะปฏิสมั พันธ์กับมันมากน้ อยแค่ไหน
หากต้ องเจอทุกวัน โดยนักวิจัยพบว่า ยิงหุ่นดูเหมือนมนุษย์เท่าไร ความเป็ นมิตรก็ลดลงเร็วเท่านัน

การเข้ าใจความกลัวหุ่นยนต์ทีดูเหมือนคนแบบนี เป็ นสิงทีดีกับนักออกแบบ เมือพูดถึงหุ่นยนต์ จะต้ องเป็ นแนวตุ๊กตา แนวหมี


หนังสามมิติ และ วิดีโอเกมส์ หากเขาอยากให้ คนดูตอบรับเป็ นอย่างดี ก็ต้องหลีกเลียงการออกแบบให้ คนกลัว
แต่หากจะสร้ างสิงทีทําให้ คนกลัว (เช่นหนังสยองขวัญ) ก็เอาไอเดียนีมาใช้ ได้

ในโลกทีสิงทีเคลือนไหวแบบอัตโนมัติเริมมีมากขึน และเป็ นธรรมดาขึน


นักวิทยาศาสตร์ ได้ บอกว่าเราอาจจะชินกับเรืองความกลัวหุ่นยนต์นได้
ี (ไม่กลัวอีกต่อไป) เมือเวลาผ่านไป
หุ่นยนต์เหมือนคนเหล่านีจะเริมเป็ นเรืองธรรมดา และเราก็จะปฏิบตั ิกับมันเหมือนกับหุ่นยนต์อืนๆ แต่วนั นันยังมาไม่ถึง และ
สําหรับหลายๆคนแล้ วนัน เครืองจักรเหล่านียังเป็ นต้ นกําเนิดของความกลัวของพวกเขาอยู่ดี

Grammar
ความหมายของ Like (เหมือน)
เราใช้ LIKEในการเปรียบเทียบสิ่งของที่คล้ายกับอีกสิ่งหนึง่ (like + noun/noun phrase)

โดย like มักจะวางตามหลังคำว่า look (ดูเหมือน), seem (ดูเหมือนว่า...), feel (ให้สัมผัส..), appear

(ปรากฏว่า....) หรือ sound (ฟังดูเหมือน...)

เช่น The robot’s hair feels like real hair. ผมของหุ่นยนต์ให้สัมผัสเหมือนกับผมจริงๆเลย

Unlike ใช้เหมือน like คือ ตามด้วย noun/ noun phrase แต่ความหมายแปลว่า “ไม่เหมือน”

เช่น

The animated character looks unlike the president ตัวการ์ตูนดูไม่เหมือนกับประธานาธิบดี


“กรณีนี้หากข้างหน้า unlike เป็นคำนาม ไม่ใช่ look (ดูเหมือน), seem (ดูเหมือนว่า...), feel (ให้สัมผัส..),

appear (ปรากฏว่า....) หรือ sound (ฟังดูเหมือน...) ให้เราวาง comma (,)

ไว้หลังคำนามเพือ
่ แบ่งประโยคด้วย”

เช่น This project was a success, unlike the last one. โครงการนี้สำเร็จ ไม่เหมือนกับอันก่อน

As if/As though : ราวกับว่า หรือ เหมือนกับว่า (ตามหลังด้วยประโยครูปอดีตทีม


่ ี “were”)
(as if/as though + sentence with “were”)
โดยจะวางตามหลังคำว่า look (ดูเหมือน), seem (ดูเหมือนว่า...), feel (ให้สัมผัส..), appear (ปรากฏว่า....)

หรือ sound (ฟังดูเหมือน...) เหมือนกับ like แล้วตามด้วย clause (ประโยคที่มีประธาน) เช่น

It sounds as if it were angry ฟังดูเหมือนว่ามันจะโกรธนะ

It looks as though it were going to bite. ดูเหมือนมันจะกัดนะ

โดย as if จะใช้โดยทั่วไป ส่วน as though เป็นภาษาเขียนซะมากกว่า

** ใช้ were เพราะถือเป็นเรื่องสมมติ

แต่ในบางที จะใช้กับประโยคบอกเล่าปกติ ตามไวยากรณ์ปกติปัจจุบัน ได้ กรณีที่เป็นการแปลว่า

“ดูเหมือนว่า” ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

Unit 12A

Vocabulary
Intercultural competence (n)

ความสามารถในการเข้าใจและสื่อสารกับคนจากต่างวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

Merger (n) การควบรวมกิจการ


Norm (n) บรรทัดฐาน

A marriage made in heaven: Very good and successful (ประสบความสำเร็จ)

Never see to eye : agree (ไม่เห็นด้วย)

Devil is in the detail: Very complicated problem even it is seemed very simple

(ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่)

Learn to the cost: the thing learned never come easily because you have unpleasant
experience about it (ได้บทเรียนอย่างใหญ่หลวง)
Make a deal (agree to each other), break a deal (break an agreement) (ตกลงได้ หรือ ไม่ได้)

Minefield: a situation or subject that is very complicated and full of hidden problems and

dangers (ปัญหาที่ซ่อนอยู)่

Golden rules: basic principles that should always be followed to ensure success in general or

in a particular activity. (กฎเหล็ก)

That’s all very well in theory: You use in theory to say that although something is supposed to

be true or to happen in the way stated, it may not in fact be true or happen in that way.

(เป็นไปได้ในทางทฤษฎีเท่านัน
้ )

Reading Culture Hack! กระเทาะเปลือกวัฒนธรรม

อาจจะดูเหมือนฝัน หรือ ดีมากๆ (marriage made in heaven) เมือบริษัท ไครซเลอร์ กับ เดมเลอร์ เบนซ์
บริษัทรถยนต์ยกั ษ์ ใหญ่สญ
ั ชาติอเมริกัน และ เยอรมณี ทังสอง ได้ มารวมอํานาจกัน เป็ นการควบรวมกิจการ (merger)
ระหว่างชาติทีใหญ่ทีสุดเท่าทีเคยมีมาเลย แต่ไม่ถึงสิบปี บริษัทเดมเลอร์ ไครซเลอร์
ก็ได้ บทเรียนของการทําให้ องค์กรณ์ระหว่างชาติยุ่งเหยิง (mess up) นันเป็ นอย่างไร และทําให้ ความเป็ นหุ้นส่วนมาถึงจุดจบ

แม้ ดูเหมือนว่า (supposed) จะเป็ น “การควบรวมทีเท่าเทียมกัน” แต่เห็นได้ ชดั ว่า


ทัศนคติของผู้ควบรวมนันต่างกันอย่างเห็นได้ ชดั ทางเยอรมันไม่ได้ มองว่าตัวเองเท่าเทียมเขา ในความคิดเขา ทางเดมเลอร์
เบนซ์ จะต้ องเป็ นผู้ตดั สินสิงทีสําคัญเสมอ (ตัวเองต้ องใหญ่กว่า) ยิงไปกว่านัน วิธีการสือสารยังแตกต่างกันมากเลยด้ วย
ทางอเมริกันเองจะง่ายๆ สบายๆ และกระตืนรือร้ น แต่ทางเยอรมันมองว่าพวกเขาไม่จริงจังกับงาน (superficial)
ในทางตรงกันข้ าม ทางเยอรมันเองมองตัวเองว่าเป็ นทางการ ซีเรียสกับงาน และโฟกัสกับรายละเอียดเล็กๆ
แต่โดนมองว่าน่าเบือ ทังสองบริษัทไม่เคยลงรอยกันเลย (never saw eye to eye) และยังไม่ชอบกัน
แถมไม่ทําความเข้ าใจซึงกันและกันด้ วงย

เมือเปรียบเทียบกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมต่างๆ ช่องว่างระหว่างวัฒนธรรมเยอรมันกับอเมริกันก็ไม่มากนัก แต่


เรืองเล็กกลับเป็ นเรืองใหญ่ (devil is in the detail) ทําให้ ฝ่ายบริหารของเดมเลอร์ ไครซเลอร์ ได้ รับบทเรียนอย่างใหญ่หลวง
(earnt to the cost) ความรู้ว่าจะจับมือกันยังไงในการทักทาย หรื อแลกนามบัตร

ทําให้ อีกฝ่ ายเปลียนใจได้ เลยว่าจะตกลงกับเราหรือไม่ (make or break a deal) จะพูดดังระดับไหนดี ยืนใกล้ แค่ไหน
ทําท่าทางอย่างไรถึงจะได้ รับการยอมรับ การมอบของกํานัลให้ นนดี
ั ไหม และเขาจะมองเราอย่างไรหากเรายิมมากไป
นอกจากการยอมรับบรรทัดฐานในการพบปะกันแบบต่างวัฒนธรรมแล้ ว ยังคงมีปัญหาทีซ่อนอยู่ (minefield)
กับผู้ทีเราจะไปเจอนอกสถานทีอีก เมือเราไปดินเนอร์ กับเจ้ าภาพ เราอาจทําให้ เกิดเรืองน่าอายขึนได้ ตงแต่
ั เวลาทีเราไปถึงเลย
รวมถึงการสังอาหาร การใช้ ส้อมและมีด ตะเกียบ หรือ มือหยิบ และ การพูดเมือทานอาหารเสร็จ

จะเห็นได้ ว่าความเข้ าใจผิดนันดูไม่มีทีสินสุด แต่มีกฎเหล็ก (golden rules)


ทีจะทําให้ เกิดความเข้ าใจวัฒนธรรมทีแตกต่างกันได้ อยู่

เรียนรู้วฒ
ั นธรรมของทีๆเราจะไปให้ มาก ก่อนทีเราจะไป รวมถึงดูว่า คนในประเทศเขามองตัวเองเป็ นอย่างไร
อย่ารอจนเกิดเรือง

ให้ เรียนรู้ให้ มาก ว่าคนประเทศนัน มองวัฒนธรรมของเราอย่างไร เราอาจเข้ าใจกันและกันได้ ดีขนึ


แต่ก็คงไม่ถึงทีสุดหากไม่ทําการค้ นคว้ า

แต่...ทําได้ ในทางทฤษฎี แต่หากปฏิบตั ิล่ะ หนังสือเรือง “Culture Hack” นีมีคําตอบทีคุณต้ องการ

ตอนนีมีวางจําหน่ายแล้ ว 18 แห่ง

คลิกเพือดูข้อมูลเพิมเติม

** An ounce of prevention is worth a pound of cure กันไว้ ดีกว่าแก้

(You better plan before you do something in order not to solve problems later)

Grammar

Reflexive pronoun
Reflexive Pronoun คือ คำสรรพนามทีใ่ ช้เมื่อประธานและกรรม เป็นคนเดียวกัน หรือสิ่งเดียวกัน ได้แก่

myself, yourself, himself, herself, itself, ourselves, ... เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรม หรือส่วนเสริมประธาน

จะเรียกว่า reflexive pronoun เช่น She cut herself when cooking.


Each other
เราใช้คำว่า each other เมื่อคนหนึ่งทำสิ่งเดียวกันกับที่อีกคนหนึ่งทำ (2 คนทำสิ่งเดียวกัน)

Do you ever talk to yourself? หากเราใช้ yourself ที่เป็น reflexive pronoun จะแปลว่า

“เคยคุยกับตัวเองไหม” เป็นการถามถึงการกระทำของคนๆเดียว

แต่หากถามว่า Do you ever talk to each other? จะหมายถึง ทั้ง 2 เคยคุยกันหรือไม่

** สามารถใช้ one another แทน each other ได้ แต่จะไม่ค่อยนำมาใช้เท่าไร ไม่เป็นที่นิยม

Unit 12B Food Fight


Vocabulary
Origins ดั้งเดิม ถิ่นกำเนิด

Naples เมืองเนเปิ้ลส์

Crispy กรอบ

Chicago ชิคาโก้

Anchovies ปลาเค็มแองโชวี่

Chocolate ช็อคโกแลต

Fork ส้อม
Folded พับ

Rectangular สี่เหลี่ยม

Ubiquitous แพร่หลาย

Controversial เป็นที่ถกเถียง

Unappeal ไม่นา่ ดึงดูด

Rivalry การแก้แค้น

Snob หัวสูง หยิ่ง

Purist คนที่เคร่งตามกฎ พวกพิถีพิถันกับทุกอย่าง

Reading Food Fight

การโต้วาทีเกี่ยวกับพิซซ่าครั้งใหญ่
หากจะพูดถึงอาหารที่ทุกคนไม่เคยปฏิเสธเลย คงต้องเป็นพิซซ่า

เพราะเราไม่เคยได้ยน
ิ ว่ามีใครเคยบอกว่าเกลียดพิซซ่า จริงไหม เพราะพิซซ่าเป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย

และไม่ยุ่งยากที่สุดในโลกแล้ว แต่แปลกที่ว่า พิซซ่าที่ดูไม่มอ


ี ะไรเนี่ย

กลับมาเป็นการจุดชนวนให้มีการโต้เถียงกัน

1. ใครคิดค้นพิซซ่าขึน
้ มา

ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดว่าพิซซ่าคืออะไร ในประวัติศาสตร์นั้น ขนมปังแบนๆ

อบด้วยเตาอบมีมาตัง้ แต่สมัยโบราณในตะวันออกกลาง และที่เรารู้มาอีกก็คือ กรีกโบราณ และโรมัน


ก็อบขนมปังแบนๆโดยการใช้น้ำมันทาและวางท็อปปิง้ โรยหน้า แต่พิซซ่ายุคใหม่นี้
หากพูดถึงก็คงจะนึกถึงทางฝั่งอิตาลี และเมืองเนเปิ้ลเอง ก็ได้มีความภาคภูมใิ จ

ที่เคลมตนเองว่าเป็นถิ่นกำเนิดของพิซซ่า โดยเร็วๆนี้

นักประวัติศาสตร์ชาวอิตาเลียนได้ออกมาบอกว่าจริงๆแล้วพิซซ่านั้นอาจมีถิ่นกำเนิดไปทางตอนเหนือของเนเ

ปิ้ล ซึ่งห่างออกไปราวๆ 100 กม. เลยทีเดียว จึงทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างมากมายขึ้นในประเทศนั้น

2.พิซซ่าแบบไหนดีกว่า แบบนิวยอร์ค หรือ แบบ ชิคาโก้

ชาวอเมริกันชอบพิซซ่ามาก แต่จะบอกว่าชอบแบบไหน เราจะแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม

แบบที่ชอบสไตล์นิวยอร์ค พวกแป้งขอบบางกรอบ และคลาสสิกเหมือนกับพิซซ่าอิตาเลี่ยน ส่วนอีกแบบคือ

แบบพิซซ่าชิคาโก้ คือแป้งหนานุ่ม (จานลึก) โดยสองเมืองนีก


้ ็ทำการแข่งขันกันเรื่องพิซซ่าอย่างดุเดือด

หากคุณเป็นคนที่ทานพิซซ่าเป็นประจำ คุณจะผูกพันกับ (ชอบ) พิซซ่าแบบไหนแบบหนึง่ มากกว่ากันอยู่แล้ว

3. การถกเถียงกันเรื่องหน้าพิซซ่า (ท็อปปิง้ โรยหน้า) Controversial แปลว่า ทีเ่ ป็นทีถ


่ กเถียงกัน

หากเราเคยไปกับกลุ่มทีม
่ ักคิดว่าสั่งพิซซ่าหน้าอะไรดี เรามักจะมีการถกเถียงกันว่าจะเอาหน้าไหน

เอาแน่ๆคือ ซอสมะเขือเทศ และ ชีสก็ไม่ได้มีการนำมาเป็นข้อถกเถียงอะไรมาก แต่แล้วหน้าปลาแองโชวี่ล่ะ

หรือ สัปปะรดดีนะ จะมีหน้าพิซซ่าแปลกๆมาด้วย เช่น หน้าชีสเบอร์เกอร์ หรือ เนื้อจิงโจ้

และตอนนี้บางทียงั สั่งเป็นหน้าของหวานได้ เช่น หน้าช็อคโกแลต หรือ มาร์ชเมลโล่ว ด้วย

4. จริงๆแล้วเรากินพิซซ่าแบบไหนกันแน่

ลองจินตนาการว่า ข้างหน้าเรามีพิซซ่าแสนอร่อยอยู่ เราจะใช้มือหยิบกิน หรือมีดกับส้อมดีนะ

ผู้เชี่ยวชาญแนะว่า หากเป็นแบบแป้งบางกรอบ ให้ใช้มือได้ โดยพับครึ่งแล้วกิน

ส่วนการใช้มีดกับส้อมไม่ควรนำมาใช้เป็นอย่างยิ่ง โดยมีนักการเมืองชาวอเมริกั นบางท่าน

ได้ทำผิดมหันต์ตอนระหว่างทานพิซซ่าในช่วงหาเสียงไปด้วย แล้วโดนวิจารณ์ว่าหัวสูงไปด้วย

5. แบบไหนจะเรียกได้ว่าเป็นพิซซ่า

พิซซ่าจะไม่ใช่พิซซ่าหากไม่กลม บางคนคิดแบบนั้น
ส่วนพิซซ่าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้านัน
้ ถือว่าเป็นพิซซ่าไม่แท้ และยังไม่น่าดึงดูดอีกด้วย

จริงหรือ?? พิซซ่าดั้งเดิมจากเมือง ซิซิลี ในทางตอนใต้ของอิตาลี่นั้นเสิร์ฟมาในรูปทรงสี่เหลี่ยม

แล้วพิซซ่าแช่แข็งล่ะ? คนทีพ
่ ิถีพิถันเรื่องพิซซ่ามักจะโต้แย้งว่า พิซซ่าทีอ
่ บสดๆใหม่ๆเท่านัน

ถึงจะเป็นพิซซ่าแท้ ส่วนพิซซ่าแช่แข็งรสชาติจะเปลี่ยนไป แต่ดันเป็นที่นิยมไปทั่วโลกซะด้วย ท้ายสุด

มีคำถามเกี่ยวกับขอบพิซซ่าโดยทางทฤษฎีแล้ว พิซซ่าจะมีขอบอยู่แล้ว ซึ่งเป็นขอบธรรมดา

แต่การนำส่วนผสมอืน
่ ๆมาผสมกับขอบแป้งพิซซ่า (เช่น ชีส) กลับกลายเป็นเรื่องต้องห้าม แต่ดันอร่อยซะนี่!
Grammar - Comment Adverbs (ให้จำเป็นคูค
่ ำ)

**basically สามารถนำมาใช้กับเชิงทฤษฎีได้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีความหมายว่า “โดยทั่วไป”

You might also like