Professional Documents
Culture Documents
ชื่อ-สกุล
รายละเอียดการสอบ
คะแนนที่ได้
แบบทดสอบปรนัย 5 ตัวเลือก จํานวน 40 ข้ อ ข้ อละ 2 คะแนน รวม 80 คะแนน เวลาการทดสอบ 90 นาที
1.ในปี 1980 นักวิทยาศาสตร์ สงั เกตกลุม่ สิง< มีชีวิต (Community) ในพื Jนที<เกาะแห่งหนึง< โดยได้ ทําการจดบันทึกข้ อมูลของเกาะแห่งนี Jไว้ วา่
เกาะสวยงาม นามว่า หนองผักชี เกาะแห่งนี 4 มี นานา สรรพสิ8 ง
อันได้แก่ หญ้าน้อย และฝูงลิ ง เหล่าตัวมิ งค์ สิ งโต เจ้าป่ าเอย
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
3.จากภาพด้ านล่าง คือข้ อมูลของไบโอม 2 แห่ง คือไบโอม A และ B โดยแสดงผลออกมาเป็ นกราฟเส้ นคืออุณหภูมิเฉลีย< รายเดือน
และกราฟแท่งแสดงปริ มาณนํ Jาฝนเฉลีย< รายเดือนของทังJ 2 สถานที<
ไบโอม A ไบโอม B
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ไม่พบไบโอมทังสองแหล่
J ง ในประเทศไทย
B. ไบโอม B เหมาะกับการทําเกษตรกรรมและปศุสตั ว์
C. พืชหลักในไบโอม A คือพืชจําพวกสน
D. พบพืชในกลุม่ Crassulacean Acid Metabolism (CAM) ในไบโอม B
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
4.จากกราฟแสดงอัตราการเติบโตของประชากรเม่นทะเล และขนาดประชากรเม่นทะเลในพื Jนที<เกาะแห่งหนึง< ณ.ช่วงเวลาหนึง<
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. จากกราฟแสดงการเจริ ญเติบโตของประชากรเม่นทะเลแบบเอกซ์โพเนนเชียล
B. หากขนาดประชากรเม่นทะเล 90 ตัว จะมีอตั ราการตายมากกว่าอัตราการเกิด
C. หากนําเม่นทะเลมาปล่อยในพื Jนที<บริ เวณนี Jอีก 20 ตัว จะทําให้ แครี อิงคาพาซิตีสงู ขึ Jน
D. หากประชากรเม่นทะเลมีขนาดประมาณ 40 ตัวพบว่าเป็ นช่วงที<มีอตั ราการเติบโตของประชากรเม่นทะเลสูงสุด
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
5.พิจารณาการเจริ ญเติบโตขันทุ
J ตยิ ภูมิของพืชดอก ดังนี J
A. Periderm คือชันของเนื
J Jอเยื<อทุตยิ ภูมิที<เกิดขึ Jนแทนเนื Jอเยื<อผิว (Epidermis) ประกอบด้ วย Cork, Cork cambium และ
Phelloderm
B. Bark คือกลุม่ เนื Jอเยื<อทุกชนิดที<อยูด่ ้ านนอก Vascular cambium ของพืชที<มีเนื Jอไม้
C. Annual ring เกิดจากการเจริ ญที<ไม่เท่ากันของ Secondary xylem ในฤดูแล้ งกับฤดูฝนของแต่ละปี
D. Sap wood คือเนื Jอไม้ สว่ นแข็งและสีคอ่ นข้ างคลํ Jา อยูบ่ ริ เวณแกนกลางของไม้ ต้นบางชนิด เนื Jอไม้ สว่ นนี Jหยุดทําหน้ าที<ลาํ เลียงนํ Jา
และแร่ธาตุ
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ภายในลําต้ นของพืชชนิดนี Jสามารถเกิดการแบ่งเซลล์ของ Vascular cambium ได้
B. ภายในเนื Jอเยื<อชันJ b พบเนื Jอเยื<อถาวรหลายชนิด เช่น Parenchyma ซึง< เป็ นเซลล์ที<มีชีวิต ผนังเซลล์หนาบางไม่สมํ<าเสมอ
พบการสะสมของสารเพกทิน
C. เนื Jอเยื<อในชันJ e พบเฉพาะในรากเท่านันJ ดังนันชัJ นเนื
J Jอเยื<อชนิดนี Jจึงเป็ นตําแหน่งในการจําแนกราก และลําต้ นของพืช
D. ทุกเซลล์ที<เป็ นองค์ประกอบในชันเนื J Jอเยื<อ c และ d ประกอบด้ วยเซลล์ที<มีผนังเซลล์ขนปฐมภู
ัJ มิ (Primary cell wall)
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
7.นักวิทยาศาสตร์ ต้องการศึกษากลไกการคายนํ Jาของพืชชนิดหนึง< โดยใช้ กระดาษทดสอบความชื Jน (Moisture indicators) ซึง< จะเปลีย< น
จากสีขาวเป็ นสีนํ Jาเงินเมื<อได้ รับความชื Jน จากนันนํ
J าพืชชนิดนี Jไปเก็บไว้ ในห้ องสีเ< หลีย< มทึบ ติดตังเครื
J < องเป่ าลม เครื< องปรับอุณหภูมิ และ
แหล่งกําเนิดแสง ต่อมานักวิทยาศาสตร์ ได้ มีการจัดชุดการทดลองจํานวน 3 ชุด (ชุดการทดลองที< 1 - 3) แล้ วนําแต่ละชุดการทดลองไปวาง
ไว้ ในสภาพแวดล้ อมที<แตกต่างกันตามปั จจัยที<ต้องการศึกษา แต่ละชุดการทดลองประกอบด้ วย กลุม่ ควบคุมกับกลุม่ ทดลอง
ภาพที< 1 แสดงรูปแบบการออกแบบการทดลอง
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
8.จากภาพแสดงกระบวนการพัฒนาของถุงเอ็มบริ โอ (Embryo sac) ซึง< จัดเป็ นแกมีโทไฟต์เพศเมีย (Female gametophyte)
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. จํานวนชุดโครโมโซมของเซลล์ B เทียบได้ กบั Antipodal cell
B. กระบวนการแบ่งเซลล์ในขันตอน
J D เทียบได้ กบั การแบ่งเซลล์จาก Spermatogonia เป็ น Primary spermatocyte
C. กระบวนการ C เป็ นการแบ่งเซลล์ที<ทําให้ ชดุ โครโมโซมไม่ลดลง
D. พบเซลล์ A ได้ ในสนหางสิงห์
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
9.นักวิจยั ต้ องการศึกษากระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง และการลําเลียงอาหารของข้ าวโพด และข้ าวเจ้ า โดยได้ มีการทดลองให้ 16CO2
กับพืชทังสองชนิ
J ด จากนันได้
J มีการติดตามกัมมันตรังสีในส่วนต่าง ๆ ของพืช
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ภายในข้ าวโพดจะตรวจพบ16C ที< Bundle sheath cell ในขณะที<ไม่พบในข้ าวเจ้ า
B. ชนิดของสารที<ตรวจพบ 16C เป็ นลําดับแรกของข้ าวโพด และข้ าวเจ้ า ไม่ใช่สารชนิดเดียวกัน
C. เมื<อมีการสร้ างสารอินทรี ย์ขึ Jนในพืชทังสองชนิ
J ด เราสามารถตรวจพบ 16C ได้ ใน Sieve tube member
D. สารชนิดแรกที<ตรวจพบ 16C ภายในข้ าวเจ้ า คือ PGAL
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
10.นักเรี ยนศึกษาข้ อมูลของฮอร์ โมนพืช 4 ชนิด ที<มีคณุ สมบัตแิ ละหน้ าที<แตกต่างกัน ดังนี J
ฮอร์ โมน A ควบคุมการขยายขนาดของผลองุน่ ให้ มีขนาดใหญ่ขึ Jน
ฮอร์ โมน B เร่งการแตกตาข้ างของพืช นิยมนํามาใช้ ในการตัดแต่งกิ<ง เพื<อควบคุมทรงพุม่ ของไม้ ดอก ไม้ ประดับ
ฮอร์ โมน C ยับยังการเจริ
J ญของตาข้ าง มีแหล่งสร้ างหลักคือปลายยอด
ฮอร์ โมน D เกี<ยวข้ องกับการกระตุ้นการพักตัวของเมล็ด ตอบสนองต่อภาวะเครี ยดของพืช เช่นในพืชที<ขาดนํ Jา
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ผลจากการทํางานของฮอร์ โมน D คือทําให้ โพแทสเซียมไอออนสะสมในเซลล์คมุ เพิ<มขึ Jน
B. ฮอร์ โมน C ทํางานร่วมกับฮอร์ โมน B เพื<อกระตุ้นการแบ่งเซลล์ของแคมเบียม
C. ฮอร์ โมน A กระตุ้นการสร้ างเอนไซม์สาํ หรับย่อยแป้ง เพื<อใช้ เป็ นพลังงานในการงอกของเมล็ด
D. ฮอร์ โมน B ที<มีระดับที<สงู ขึ Jนสามารถยับยังฮอร์
J โมนที<เร่งการสุกของผลไม้ ได้
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
11.นักเรี ยนศึกษาการเบนเข้ าหาแสงของยอดโคลีออพไทล์ (Coleoptile) ของหญ้ าคานารี (Phalaris canariensi) โดยมีรูปแบบการทดลอง
ดังนี J
รายการวัสดอุอปุ กรณ์
1. ต้ นหญ้ าคานารี อายุ 3 วัน ความสูง 3 cm. จํานวน 4 ต้ น
2. วาสลีน
3. วาสลีนผสมสารสังเคราะห์ที<มีสว่ นผสมของออกซินความเข้ มข้ น —.1 %
4. อะลูมิเนียมฟอยล์
การออกแบบการทดลอง
ต้ นที< รูปแบบการทดลอง
1 ต้ นหญ้ าคานารี ปกติ
2 ตัดปลายโคลีออพไทล์ออกประมาณ 3 mm. และทาวาสลีนที<รอยตัด
3 ตัดปลายโคลีออพไทล์ออกประมาณ 3 mm. และทาวาสลีนผสมสารสังเคราะห์ที<มีสว่ นผสมของออกซินความ
เข้ มข้ น —.1 %
4 ใช้ อะลูมิเนียมฟอยล์ห้ มุ ส่วนปลายของโคลีออพไทล์
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. จากข้ อมูลดังกล่าวพบว่ามีต้นที<เบนเข้ าหาแสง 2 ต้ น
B. จากข้ อมูลดังกล่าวพบว่ามีต้นที<ไม่เบนเข้ าหาแสง 2 ต้ น
C. จากข้ อมูลดังกล่าวพบว่าต้ นที< 2 เบนเข้ าหาแสง
D. จากข้ อมูลดังกล่าวพบว่าต้ นที< 3 เบนเข้ าหาแสง
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
12.จากการศึกษาหมูเ่ ลือด และการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมของครอบครัวหนึง< พบว่าสามีภรรยาคูห่ นึง< มีหมูเ่ ลือด B และสายตาปกติ
ทังคู
J ่ ลูกชายคนแรกของพ่อแม่คนู่ ี Jมีหมูเ่ ลือด O และตาบอดสี
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. โอกาสที<ลกู คนถัดไปของพ่อแม่คนู่ ี J จะเป็ นโรคตาบอดสีคือ 25%
B. โอกาสที<ลกู คนถัดไปของพ่อแม่คนู่ ี J จะเป็ นเพศหญิงและเป็ นโรคตาบอดสีคือ 25%
C. โอกาสที<ลกู คนถัดไปของพ่อแม่คนู่ ี J จะเป็ นเพศชายและมีหมูเ่ ลือด B คือ 3/4
D. โอกาสที<ลกู คนถัดไปของพ่อแม่คนู่ ี J จะมีหมูเ่ ลือด B คือ 3/4
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ตัวอย่างโรคทางพันธุกรรมที<มีการถ่ายทอดแบบดังภาพคือ โรค Thalassemia และ โรค Hemophilia
B. การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมดังภาพ พบว่า เพศชายและเพศหญิงมีโอกาสในการเกิดโรคเท่ากัน
C. การที<คนที< III-2 เป็ นโรค พบว่าแอลลีลที<ก่อโรค ได้ รับมาจากคนที< II-1 และ II-2
D. คนที< III-5 และ III-6 ไม่เป็ นพาหะของโรค
และจากการทดสอบคุณสมบัตทิ างโมเลกุลพบว่า
Heavy chain เป็ น Polypeptide ที<ประกอบด้ วยกรดอะมิโน 120 ลําดับ
Light chain เป็ น Polypeptide ที<ประกอบด้ วยกรดอะมิโน 130 ลําดับ
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. Antibody มีจํานวน codon ทังหมดเท่
J ากับ 500
B. Antibody มีจํานวน Peptide bond ทังหมดเท่
J ากับ 496 พันธะ
C. จํานวน DNA แม่แบบที<สงั เคราะห์ Antibody มีจํานวน 1,512 เบสเป็ นอย่างน้ อย
จากข้ อความดังกล่าวข้ อใดผิด
1) A เท่านันJ
2) B เท่านันJ
3) C เท่านันJ
4) A และ B
5) A และ C
15.จากภาพแสดงเอนไซม์และองค์ประกอบที<เกี<ยวข้ องการจําลองดีเอ็นเอ (DNA replication)
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. เอนไซม์ A ทําหน้ าที<สลายพันธะไฮโรเจนระหว่างคูเ่ บส ทําให้ พอลินิวคลีไทด์ 2 สายแยกออกจากกัน
B. หน้ าที<ของเอนไซม์ D คือการสร้ างพันธะ Phosphodiester เพื<อเชื<อม 5’ phosphate ของสายสันหนึ
J ง< กับ 3’ OH ของอีกสายสันJ
C. ในกระบวนการจําลองดีเอ็นเอในหลอดทดลอง สามารถใช้ เอนไซม์ C ที<ใช้ ในกระบวนการ DNA replication ได้
D. ทิศทางการสร้ าง DNA โมเลกุล B คือทิศทางเดียวกับทิศทางการคลายเกลียวของ DNA โมเลกุลเดิม
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
16.กําหนดให้ รหัสพันธุกรรม เป็ นดังนี J
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. หากเบสในตําแหน่งที< 3 ถูกแทนที<ด้วยเบส C จะทําให้ สายพอลิเพปไทด์ที<ได้ มีขนาดสันลงJ
B. หากเบสในตําแหน่งที< 2 ถูกแทนที<ด้วยเบส T จะทําให้ ได้ รหัสหยุด ส่งผลให้ สายพอลิเพปไทด์สนลง
ัJ
C. หากไม่เกิดมิวเทชัน จะได้ สายพอลิเพปไทด์ที<ประกอบด้ วยพันธะเพปไทด์ 5 พันธะ
D. หากเพิ<ม 1 นิวคลีโอไทด์หลังตําแหน่ง 1 จะทําให้ เกิดเฟรมชิฟท์มิวเทชัน และได้ พอลิเพปไทด์ที<ประกอบด้ วยกรดอะมิโน
5 หน่วย
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
17.นักวิทยาศาสตร์ สร้ างสิง< มีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม โดยได้ มีการเชื<อมยีน X ที<สามารถสร้ างสารทําให้ แบคทีเรี ยเรื องแสงในที<มืด
มีความยาว 300 คูเ่ บส เข้ าไปในพลาสมิด pBR322 ซึง< มีความยาว 4,360 คูเ่ บส โดยโครงสร้ างพลาสมิดเป็ นดังภาพ
นักวิทยาศาสตร์ ได้ ทดลองใส่ยีน X เข้ าไปในพลาสมิดที<มีตําแหน่งตัดจําเพาะของเอนไซม์ PstI หลังจากนันJ ได้ มีการถ่ายพลาสมิดเข้ าสู่
เซลล์แบคทีเรี ยแล้ วนําไปเลี Jยงบนอาหารวุ้น 2 จาน คือจานที<มียาปฏิชีวนะ Ampicillin และจานที<มียาปฏิชีวนะ Tetracycline
ต่อมาพบแบคทีเรี ยที<เจริ ญบนอาหารดังกล่าว จึงนําไปสกัดพลาสมิด พบพลาสมิดที<แตกต่างกัน 2 แบบ แล้ วนํามาตรวจสอบด้ วยวิธี
เจลอิเล็กโทรฟอรี ซสิ ได้ ผลดังภาพ
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. Plasmid ที<มีการแทรกยีน X คือ Plasmid 2
B. Plasmid 1 ไม่สามารถต้ านยาปฏิชีวนะ Ampicillin ได้
C. Plasmid 2 มีตําแหน่งตัดจําเพาะของเอนไซม์ EcoRI 1 ตําแหน่ง
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อใดถูก
1) A เท่านันJ
2) B เท่านันJ
3) C เท่านันJ
4) A และ B
5) B และ C
18.จากการสํารวจลักษณะสีของต้ นไม้ ในบริ เวณพื Jนที<เกาะแห่งหนึง< พบว่ามีจํานวนต้ นไม้ ทงหมดัJ 10,000 ต้ น ซึง< เป็ นต้ นไม้ สเี หลือง
8,800 ต้ น และมีต้นสีเขียว 1,200 ต้ น โดยประชากรต้ นไม้ แห่งนี Jพบว่ามีความถี<จีโนไทป์ ที<ควบคุมลักษณะสีต้นไม้ แบบเฮเทอโรไซกัสเท่ากับ
0.36
กําหนดให้ แอลลีล A ควบคุมลักษณะต้ นไม้ สเี หลือง ซึง< เป็ นลักษณะเด่นที<เป็ นการควบคุมแบบเด่นสมบูรณ์ตอ่ ลักษณะด้ อย
แอลลีล a ควบคุมลักษณะต้ นไม้ สเี ขียว ซึง< เป็ นลักษณะด้ อย
ประชากรต้ นไม้ ในเกาะแห่งนี J มีการผสมพันธุ์แบบสุม่ ไม่มีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ความถี<ของแอลลีลเด่น เท่ากับ 0.7
B. จํานวนประชากรต้ นไม้ สีเหลืองพันธุ์แท้ เท่ากับ 3,600 ต้ น
C. ในอีก 100 ปี ถดั มา หากประชากรต้ นไม้ ในพื Jนที<เกาะแห่งนี Jอยูภ่ ายใต้ สมดุลฮาร์ ดี-ไวน์เบิร์ก มีจํานวนประชากรต้ นไม้ ทงหมด
ัJ
50,000 ต้ น พบว่าจะมีจํานวนต้ นไม้ ที<มีลกั ษณะด้ อย เท่ากับ 4,500 ต้ น
ภาพแสดงแผนภูมิวิวฒ
ั นาการชาติพนั ธุ์ที<แสดงการจัดกลุม่ ชนิดของพืช โดยสิง< มีชีวิตสปี ชีส์ B แสดงดังภาพ
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. สิง< มีชีวิตสปี ชีส์ C อยูใ่ นคลาส Mammalia
B. สิง< มีชีวิตสปี ชีส์ A C และ D อยูใ่ นแฟมิลเี ดียวกัน
C. สิง< มีชีวิตสปี ชีส์ B ไม่พบไซเล็มและโฟลเอ็ม
D. ตัวอย่างสิง< มีชีวิตสปี ชีส์ E เช่น สามร้ อยยอด สร้ อยนางกรอง ช้ องนางคลี<
A. หนอนตัวกลม มีชนิดของทางเดินอาหารแบบเดียวกับหนอนตัวแบน
B. หอยมีชนิดของระบบหมุนเวียนเลือดแบบเดียวกับปู ในขณะที<หอยงวงช้ างมีชนิดของระบบหมุนเวียนเลือดแตกต่างจากกุ้ง
C. วิวฒ
ั นาการโครงสร้ างระบบประสาทของพยาธิตวั ตืดตํ<าที<สดุ เมื<อเปรี ยบเทียบกับระบบประสาทของสิง< มีชีวิตชนิดอื<นใน
อาณาจักรสัตว์
D. ดาวทะเล หอย และไส้ เดือนดิน เคลือ< นที<โดยไม่อาศัยการทํางานแบบ Antagonism
E. การขับถ่ายของเสียจากแมลง พบว่าของเสียที<เกิดขึ Jนจะถูกขับออกผ่านทาง Malpighian tubule ได้ โดยตรง
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ถูกทุกข้ อ
22.นักวิทยาศาสตร์ ได้ มีการศึกษาเชื Jอก่อโรค (Infectious agent) 4 ชนิด คือ เชื Jอ A B C และ D โดยการนํามาทําให้ บริ สทุ ธิ¦ (Pure culture)
และตรวจวิเคราะห์คณ ุ สมบัตทิ งทางกายภาพ
ัJ และคุณสมบัตทิ างโมเลกุลอย่างละเอียด เพื<อนําข้ อมูลที<ได้ มาพัฒนายาในการใช้ รักษา
ผู้ป่วยที<ได้ รับเชื Jอเหล่านี J ซึง< สรุปข้ อมูลของเชื Jอก่อโรคทังJ 4 ชนิด ได้ ทงหมด
ัJ 10 ข้ อดังนี J
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. เชื Jอ A มีชนิดของสารพันธุกรรมเช่นเดียวกับเชื Jอ B ดังนันสามารถสรุ
J ปได้ วา่ เชื Jอทังสองชนิ
J ดจัดอยูใ่ นกลุม่ โพรทิสต์
B. เชื Jอ C เป็ นไวรัส เนื<องจากไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ด้วยกล้ องจุลทรรศน์แบบใช้ แสง และไม่สามารถเพิ<มจํานวนได้ ด้วยตนเอง
C. เชื Jอ D เป็ นเซลล์โปรคาริ โอตในกลุม่ เดียวกับสาหร่ายสีเขียวแกมนํ Jาเงิน และสาหร่ายไฟ
D. เชื Jอ B เป็ นเซลล์ยคู าริ โอต เนื<องจากมีสารพันธุกรรมบรรจุอยูใ่ นนิวเคลียส และไม่จําเป็ นต้ องใช้ เซลล์เจ้ าบ้ านในการเพิ<มจํานวน
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ชนิดของ Cytoskeleton ที<ทําหน้ าที<เป็ นองค์ประกอบของ Cilia และ Centriole เป็ นชนิดเดียวกัน
B. ชนิดของ Cytoskeleton ที<ทําหน้ าที<ในการไหลเวียนของไซโทพลาสซึมภายในเซลล์พืช และเกี<ยวกับการหดตัวของกล้ ามเนื Jอเป็ น
ชนิดเดียวกัน
C. ชนิดของ Cytoskeleton ที<ทําหน้ าที<ในการลําเลียง Vesicle ภายในเซลล์และการเคลือ< นที<ของอะมีบาเป็ นชนิดเดียวกัน
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. รูปแบบการลําเลียงสาร A ไม่จําเป็ นต้ องใช้ พลังงาน
B. การลําเลียงสาร A จัดเป็ นการลําเลียงแบบ Active transport
C. การลําเลียงสาร A จัดเป็ นการลําเลียงแบบ Facilitated diffusion
D. สาร A มีรูปแบบการลําเลียงเช่นเดียวกับการแลกเปลีย< นแก๊ สออกซิเจนบริ เวณถุงลมปอด
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) ไม่มีข้อถูก
2) 1 ข้ อ
3) 2 ข้ อ
4) 3 ข้ อ
5) 4 ข้ อ
25.นักวิทยาศาสตร์ ต้องการศึกษากลไกการย่อยอาหารของมนุษย์ โดยทดลองผสมสารต่าง ๆ และจําลองหลอดทดลองให้ สอดคล้ องกับ
ตําแหน่งของต่าง ๆ ร่างกาย ได้ แก่ ช่องปาก กระเพาะอาหาร และลําไส้ เล็ก จากนันนํ
J าสารในหลอดมาทดสอบด้ วยสารละลาย Benedict’s
หลอดทดลองใดจะเกิดตะกอนสีแดงอิฐ
1) หลอดที< 1 และ 2 เท่านันJ
2) หลอดที< 2 และ 5 เท่านันJ
3) หลอดที< 1 และ 3 เท่านันJ
4) หลอดที< 3 และ 5 เท่านันJ
5) หลอดที< 4 และ 5 เท่านันJ
26.กําหนดให้ A – G เป็ นระยะต่าง ๆ ที<เกิดขึ Jนในกระบวนการแบ่งเซลล์
A. มีการแยกของฮอมอโลกัสโครโมโซมออกจากกัน
B. เส้ นใยสปิ นเดิลยึดเกาะกับไคนีโทคอร์ บนโครโมโซม
C. โครมาทินขดตัวสันลงและหนาขึ
J Jน เกิดการไขว้ กนั ของนอนซิสเตอร์ โครมาทิด
D. เกิดการแยกกันของซิสเตอร์ โครมาทิด
E. เส้ นใยสปิ นเดิลยึดเกาะกับไคนีโทคอร์ บนฮอมอโลกัสโครโมโซม ทําให้ โครโมโซมเรี ยงกันเป็ นคู่ ๆ ตามแนวกลาง
F. เยื<อหุ้มเซลล์คอดเข้ าหากัน เกิดจากการทํางานของ Cytoskeleton ทําให้ ได้ เซลล์ลกู ทังหมด
J 4 เซลล์
G. มีการนําเวสิเคิลที<สร้ างจากกอลจิบอดี มาคัน< กลางเซลล์จากนันมีJ การสร้ างสารเซลซูโลสสะสมที<แผ่นกันเซลล์
J ได้ เซลล์ลกู ทังหมด
J
4 เซลล์
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
1. จํานวนชุดโครโมโซมในระยะ B และ E เป็ น 2n (เซลล์ดพิ ลอยด์)
2. โครมาทินในระยะ D มีการขดตัวสันลงและหนาขึ
J Jน เมื<อเทียบกับ โครมาทินในระยะ F
3. หากศึกษาการแบ่งเซลล์ของเซลล์อสุจิของสุนขั พบว่าสามารถเรี ยงลําดับระยะในการแบ่งเซลล์ได้ ดงั นี J
CàBàAàEàDàF
4. ชนิดของ Cytoskeleton ในระยะ F ของการแบ่งเซลล์ เป็ นชนิดเดียวกันกับ Cytoskeleton ที<เป็ นโครงสร้ างของเส้ นใยสปิ นเดิล
จากข้ อความดังกล่าว ข้ อใดถูก
1) 1 เท่านันJ
2) 2 เท่านันJ
3) 1 และ 2
4) 2 และ 3
5) 3 และ 4
27.จากภาพแสดงโครงสร้ างของเซลล์ยีสต์ในสารละลายกลูโคส
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ในภาวะที<เซลล์เกิดกระบวนการหมักจะพบการสร้ างกรดแลกติกที<บริ เวณ ข.
B. ในภาวะที<มีออกซิเจนไม่เพียงพอ จะเกิดการสลายสารอาหารบริ เวณ ข.
C. บริ เวณ จ. พบโปรตีนประเภทต่าง ๆ ที<ทําหน้ าที<เป็ นตัวรับและส่งอิเล็กตรอนในการสร้ าง ATP
D. บริ เวณ ฉ. พบการสะสมโปรตอน (H+) มากขณะที<มีการหายใจแบบใช้ ออกซิเจน
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
28.Protein X จัดเป็ นนวัตกรรมทางอาหารที<สาํ คัญในปั จจุบนั เนื<องจากโครงสร้ างทางโมเลกุลของสารตัวนี J จัดเป็ นโปรตีนทังหมด
J
(Pure protein) ซึง< ประกอบจากกรดอะมิโนทังหมด
J 1,000 ตัว ช่วยเสริ มสร้ างการทํางานของร่างกายได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. หากต้ องการนําอากาศให้ เข้ าไปในกล่อง 80 หน่วย จะต้ องทําให้ ปริ มาตรในกล่องเพิ<มขึ Jนด้ วยการทําให้ โครงสร้ างกะบังลมหดตัว
และกล้ ามเนื Jอยึดกระดูกซี<โครงแถบนอกคลายตัว
B. หากต้ องการนําอากาศให้ เข้ าไปในกล่อง 160 หน่วย จะต้ องทําให้ ปริ มาตรในกล่องเพิ<มขึ Jนด้ วยการทําให้ โครงสร้ าง 2 ชนิดหดตัว
คือกะบังลม และกล้ ามเนื Jอยึดกระดูกซึโ< ครงแถบนอก
C. เดิมมีอากาศภายในกล่อง 70 หน่วย หากต้ องการนําอากาศออก จะต้ องใช้ กระแสไฟฟ้าช่วย
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. หลอดเลือดหมายเลข 2 มีความดันสูงกว่าหลอดเลือดหมายเลข 4
B. เมื<อหัวใจห้ องล่างบีบตัว เลือดที<มี CO2 ตํ<า จะถูกส่งไปยังปอดเพื<อแลกเปลีย< นแก๊ สผ่านทางหลอดเลือดหมายเลข 1
C. เมื<อหัวใจห้ องล่างบีบตัว เลือดที<มี O2 สูง จะถูกส่งไปทัว< ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดหมายเลข 2
D. เลือดที<มี O2 สูงจากปอดจะถูกส่งเข้ ามายังหัวใจห้ อง Left atrium ผ่านทางหลอดเลือดหมายเลข 4
จากข้ อความดังกล่าว มีข้อถูกกี<ข้อ
1) ไม่มีข้อถูก
2) 1 ข้ อ
3) 2 ข้ อ
4) 3 ข้ อ
5) 4 ข้ อ
32.Flow cytometry เป็ นเทคโนโลยีที<ใช้ วดั และวิเคราะห์ลกั ษณะทางกายภาพของเซลล์ เช่น ขนาดของเซลล์ ความซับซ้ อนของ
องค์ประกอบภายในเซลล์ ตรวจสอบโปรตีนหรื อสารต่างๆที<อยูภ่ ายในเซลล์หรื อบนผิวเซลล์ โดยอาศัยหลักการกระเจิงของแสงเลเซอร์ และ
การเปล่งแสงของโมเลกุลที<เกิดจากการกระตุ้นของแสงเลเซอร์ หลังจากกระทบกับเซลล์หรื ออนุภาคหนึง< ๆ ที<แขวนลอยอยูใ่ นระบบของเหลว
โดยผลการทดลองที<ได้ จะบันทึกออกมาเป็ น 2 ค่า คือ FSC (Forward scatter) ซึง< แปรผันตรงกับขนาดของเซลล์ และ SSC (Side scatter)
ซึง< แปรผันตรงกับความซับซ้ อนภายในเซลล์
นักเรี ยนได้ ทําการศึกษารูปร่าง ขนาด และองค์ประกอบภายในเซลล์ 3 ชนิด ที<เกี<ยวข้ องกับระบบภูมิค้ มุ กัน โดยบันทึกข้ อมูลไว้ ดงั แสดง
ในตาราง
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. เซลล์ A มีคา่ FSC และ SSC มากที<สดุ เมื<อเปรี ยบเทียบกับเซลล์ B และ C
B. เซลล์ C มีคา่ SSC มากกว่าเซลล์ B แต่น้อยกว่าเซลล์ A
C. เซลล์ B มีคา่ SSC น้ อยกว่าเซลล์ A แต่มากกว่าเซลล์ C
D. เซลล์ C มีคา่ FSC เท่ากับเซลล์ A แต่น้อยกว่าเซลล์ B
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. หากเปรี ยบเทียบองค์ประกอบของสารในตําแหน่ง c (ภาพ 2) และ E (ภาพ 1) พบว่าปริ มาณของเสียในตําแหน่ง E มากกว่า c
B. หากตรวจสอบของเหลวของชายสุขภาพดี ไม่มีประวัตโิ รคประจําตัว พบว่าปริ มาณกลูโคสในตําแหน่ง B (ภาพ 1) มากกว่า b
(ภาพ 2)
C. ของเหลวที<ผา่ นการกรอง พบว่ากลูโคสมีความเข้ มข้ นสูงสุดที<ตําแหน่ง B (ภาพ 1)
D. หากตรวจสอบของเหลวคนที<ไม่มีประวัตโิ รคประจําตัว ไม่ควรพบกรดอะมิโนที<ตําแหน่ง c (ภาพ 2)
กลุ่มทดลอง ค่ าศักย์ ไฟฟ้ าเยืEอหุ้มเซลล์ (membrane potential) ของ ปริมาณอาหารทีEกนิ (กรั มต่ อวัน)
เซลล์ ประสาทของศูนย์ หวิ (AgRP+ neuron) (mV)
Group A - 40.8 3.51
Group B - 40.7 2.01
Group C - 45.5 2.56
Group D - 40.2 3.52
จงพิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. หากเลือกโปรตีนได้ หนึง< ชนิด Protein X มีประสิทธิภาพมากกว่า Protein Y ในการใช้ กบั ผู้ป่วยเบื<ออาหาร
B. Protein X มีกลไกการทํางานใกล้ เคียงกับสารสือ< ประสาท GABA
C. Protein Y มีกลไกการทํางานใกล้ เคียงกับสารสือ< ประสาท Acetylcholine
D. การได้ รับ Protein Y เพียงชนิดเดียว มีโอกาสทําให้ เซลล์ประสาทเกิด Repolarization มากกว่าการได้ รับ Protein X เพียงชนิด
เดียว
จากข้ อความดังกล่าวมีข้อถูกกี<ข้อ
1) 1 ข้ อ
2) 2 ข้ อ
3) 3 ข้ อ
4) 4 ข้ อ
5) ไม่มีข้อถูก
35.Autonomic nervous system หรื อ ระบบประสาทอัตโนมัติ คือระบบประสาทที<ไม่ถกู ควบคุมภายใต้ จิตใจมีหน้ าที<ในการรักษาสมดุล
ของสภาวะภายในร่างกาย ซึง< มีผลต่อหลายอวัยวะและเนื Jอเยื<อ เช่น อวัยวะภายใน กล้ ามเนื Jอเรี ยบ ต่อมต่าง ๆ ในร่างกาย โดยแบ่ง
ออกเป็ นสองระบบย่อย คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก และระบบประสาทพาราซิมพาเทติก จากภาพแสดงวงจรประสาทส่วนหนึง< ของ
ระบบประสาททังสองระบบ
J
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ผลจากการทํางานของระบบประสาท B คือทําให้ นํ Jาลายมีการหลัง< เอนไซม์มาก
B. ผลจากการทํางานของประบบประสาท A คือทําให้ เกิดการกระตุ้นการสังเคราะห์ไกลโคเจน
C. ปมประสาทอัตโนวัติ (Autonomic ganglion) ของระบบประสาท B อยูใ่ กล้ กบั ระบบประสาทส่วนกลางมากกว่า
ปมประสาทอัตโนวัตขิ องระบบประสาท A
D. ผลจากการทํางานของระบบประสาท A คือช่วยกระตุ้นการขับเหงื<อ ลดการสร้ างเอนไซม์ ลดการเคลือ< นไหวแบบเพอริ สตัลซิส
และทําให้ เกิดการคลายตัวของกล้ ามเนื Jอยึดเลนส์ตาเมื<อมองวัตถุระยะใกล้
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. ตําแหน่ง A พบเซลล์รับแสงหลัก 2 ชนิดคือเซลล์รูปแท่ง ซึง< ไวต่อแสง และเซลล์รูปกรวย ซึง< ไม่ไวต่อแสง
B. เมื<อมองภาพใกล้ ตําแหน่ง C จะตึง
C. เมื<อมองภาพไกล ตําแหน่ง B จะมีรูปร่างแบนบาง
D. เมื<อมองภาพใกล้ ตําแหน่ง D จะคลายตัว
37.จากสถานการณ์ตอ่ ไปนี J
นาย A อดอาหาร 12 ชัว< โมง ก่อนไปวิ<งกลางแจ้ งในวันถัดมา ขณะวิ<งนาย A เสียเหงื<อมาก ต้ องดื<มนํ Jาเป็ นระยะ
หากแพทย์ทา่ นหนึง< ได้ ทําการตรวจคนไข้ เพศชาย 5 คน คือนาย A B C D และ E ตามลําดับ โดยได้ มีการเก็บ Semen มาแยกส่วนประกอบ
ตามตําแหน่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย และทําการเจาะเลือดเพื<อวัดระดับฮอร์ โมนที<เกี<ยวข้ องกับเพศชาย ได้ แก่ฮอร์ โมน LH (Luteinizing
hormone) FSH (Follicle stimulating hormone) และ Testosterone ได้ ข้อมูลดังตารางที< 1 และ 2
ตารางที< 2 แสดงข้ อมูลจากการเจาะเลือดเพื<อวัดระดับฮอร์ โมนที<เกี<ยวข้ องกับระบบสืบพันธุ์เพศชาย ซึง< แสดงหน้ าที<ของฮอร์ โมน 3 ชนิด
หมายเหตุ
กําหนดให้ Positive คือตรวจพบองค์ประกอบชนิดนันJ
Negative คือไม่สามารถตรวจพบองค์ประกอบชนิดนันJ
Epididymis คือ องค์ประกอบที<ตรวจพบได้ จากนํ Jาอสุจิที<สามารถพบได้ ที< Epididymis
Seminiferous tubule คือ องค์ประกอบที<ตรวจพบได้ จากนํ Jาอสุจิที<สามารถพบได้ ที< Seminiferous tubule
Prostate gland คือ องค์ประกอบที<ตรวจพบได้ จากนํ Jาอสุจิที<มีแหล่งสร้ างจาก Prostate gland
Cowper’s gland คือ องค์ประกอบที<ตรวจพบได้ จากนํ Jาอสุจิที<มีแหล่งสร้ างจาก Cowper’s gland
Seminal vesicle คือ องค์ประกอบที<ตรวจพบได้ จากนํ Jาอสุจิที<มีแหล่งสร้ างจาก Seminal vesicle
จากข้ อมูลการตรวจระดับองค์ประกอบของสารในนํ Jาอสุจิ และระดับฮอร์ โมนที<เกี<ยวข้ องกับระบบสืบพันธุ์เพศชาย แพทย์สามารถสรุป
เบื Jองต้ นได้ วา่ จากคนไข้ ทงั J 5 คน (นาย A - E) มีบคุ คลที<มีประวัตกิ ารทําหมันชาย
พิจารณาข้ อความต่อไปนี J
A. โครงสร้ างดังกล่าวสามารถพบได้ ใน เต่า ห่าน ค้ างคาว และซาลาแมนเดอร์
B. โครงสร้ าง D ทําหน้ าที<เก็บของเสีย (N-waste) ประเภทเดียวกันกับที<พบใน นก แมลง และสัตว์เลื Jอยคลาน
C. สิง< มีชีวิตที<มีโครงสร้ าง B ทุกชนิดจะมีหวั ใจ 4 ห้ องสมบูรณ์ ยกเว้ นสัตว์เลื Jอยคลานทังหมด
J
แสดงผลการทดลองดังตาราง
ครังJ ที< 1 ครังJ ที< 2 ครังJ ที< 3 ครังJ ที< 4 ครังJ ที< 5 ครังJ ที< 6 ครังJ ที< 7 ครังJ ที< 8 ครังJ ที< 9 ครังJ ที< 10
สุนขั A N/A N/A 57 N/A N/A 59 N/A N/A N/A N/A
สุนขั B 5 6 4 9 12 18 27 30 42 N/A
หมายเหตุ
กําหนดให้ หน่วยระยะเวลาที<จดบันทึกเป็ นหน่วย วินาที
N/A หมายถึงไม่สามารถบันทึกได้ เนื<องจากไม่มีพฤติกรรมตอบสนองที<แน่ชดั หรื อใช้ เวลาในการวิ<งมายังมุมซ้ ายมากกว่า 1 นาที
ข้ อ เฉลย ข้ อ เฉลย
1 2 21 1
2 2 22 3
3 2 23 3
4 2 24 2
5 3 25 4
6 3 26 2
7 2 27 2
8 2 28 3
9 3 29 5
10 2 30 2
11 3 31 4
12 4 32 2
13 2 33 3
14 1 34 3
15 2 35 3
16 1 36 2
17 5 37 1
18 4 38 2
19 4 39 5
20 4 40 2