Professional Documents
Culture Documents
คู่มือการควบคุมและบำรุงรักษาระบบ่อปรับเ
คู่มือการควบคุมและบำรุงรักษาระบบ่อปรับเ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ a
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
b ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
ที่ปรึกษา
นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ ผู้อ�ำนวยการกองบริหารการสาธารณสุข
ผศ.ดร. สมพงษ์ หิรัญมาศสุวรรณ นักวิชาการอิสระ (ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม)
ผู้จัดพิมพ์และเรียบเรียง
1) นางสาววิระวรรณ เมืองประทับ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ
2)นางสาวศุภษร วิกล วิศวกรสิ่งแวดล้อม
จัดพิมพ์และแผยแพร่โดย
กองบริหารการสาธารณสุข ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ ต�ำบลตลาดขวัญ อ�ำเภอเมือง
จังหวัดนนทบุรี 11000
สถานที่พิมพ์
บริษัท บอร์ท ทู บี พับลิชชิ่ง จ�ำกัด
53/1 หมู่ 7 ถนนสวนหลวงร่วมใจ ต�ำบลสวนหลวง
อ�ำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร 74110
โทรศัพท์ 0 2813 7378 โทรสาร 0 2813 7378
บทน�ำ
โรงพยาบาลถือว่าเป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนด้านการส่งเสริม ป้องกันและรักษา
สุขภาพ ในกระบวนการและกิจกรรมการรักษาส่งผลให้เกิดของเสียภายในโรงพยาบาล เช่น
น�้ำเสีย มูลฝอยรวมถึงการใช้เคมีในการรักษาซึ่งเกิดจากกิจกรรมการรักษาพยาบาลและกิจกรรม
สนับสนุนการให้บริการ โดยของเสียที่เกิดขึ้นล้วนก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
โดยรอบ ดังนั้นจึงมีความจ�ำเป็นต้องได้รับการบ�ำบัดและก�ำจัดอย่างถูกวิธีตามหลักมาตรฐาน
โดยน�้ ำ เสี ย ที่ เ กิ ด ขึ้ น ทางโรงพยาบาลได้ จั ด ให้ มี ร ะบบบ� ำ บั ด น�้ ำ เสี ย เพื่ อ ท� ำ การบ� ำ บั ด น�้ ำ ทิ้ ง
ก่อนระบายออกสู่สาธารณะ
ระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียในโรงพยาบาลมีความแตกต่างกันตามความเหมาะสมกับบริบท โดยอาจจะ
ขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้น�้ำและกิจกรรมของโรงพยาบาล ขนาดของพื้นที่ สถานที่ตั้งและพื้นที่
โดยรอบ เป็นต้น จากการศึกษาชนิดของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาลในสังกัดส�ำนักงาน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขปีงบประมาณ 2565 จ�ำนวน 901 แห่ง พบว่าระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
ส่วนใหญ่เป็นระบบเอเอสแบบสมบูรณ์จ�ำนวน 256 แห่ง (ร้อยละ 28.41) รองลงมาระบบบ�ำบัด
น�้ำเสียชนิดส�ำเร็จรูป (แบบถังไร้อากาศและแบบเติมอากาศ) จ�ำนวน 157 แห่ง (ร้อยละ 17.46)
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบเอสบีอาร์ จ�ำนวน 150 แห่ง (ร้อยละ 16.65) ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
คลองวนเวียนจ�ำนวน 122 แห่ง (ร้อยละ 13.54) ระบบบึงประดิษฐ์ จ�ำนวน 140 แห่ง (ร้อยละ 11.54)
ระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียสระเติมอากาศ จ�ำนวน 72 แห่ง (ร้อยละ 7.99) และระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียบ่อปรับเสถียร
จ�ำนวน 40 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4.44 ตามล�ำดับ จะพบว่าโรงพยาบาลในสังกัดส�ำนักงาน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีการบ�ำบัดน�ำ้ เสียด้วยระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียบ่อปรับเสถียร สระเติมอากาศ
และบึงประดิษฐ์จ�ำนวน 176 แห่งคิดเป็นร้อยละ 17 ของระบบทั้งหมด โดยระบบดังกล่าว
มีความเหมาะสมในการบ�ำบัดน�ำ้ เสียทีเ่ กิดขึน้ การด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษาเหมาะสมกับศักยภาพ
ของบุคลากร ดังนัน้ เพือ่ ให้การบ�ำบัดน�ำ้ เสียได้ตามมาตรฐานของทางราชการทีก่ ำ� หนดไว้ กองบริหาร
การสาธารณสุข ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจึงได้รว่ มกับ ผศ.ดร. สมพงษ์ หิรญ ั มาศสุวรรณ
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม จัดท�ำคู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
โรงพยาบาล ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศและระบบบึงประดิษฐ์ขนึ้ เพือ่ เป็นแนวทาง
ส�ำหรับโรงพยาบาลในการควบคุมดูแลและบ�ำรุงรักษาทุกองค์ประกอบของระบบอย่างถูกต้อง
รวมถึงการตรวจประเมินประสิทธิภาพของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียดังกล่าวในโรงพยาบาล
กองบริหารการสาธารณสุข
ส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ข ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
สารบัญ
หน้า
บทน�ำ
บทที่ 1 น�้ำเสียในโรงพยาบาล 1
1.1 แหล่งก�ำเนิดน�้ำเสียในโรงพยาบาล 1
1.2 ลักษณะของน�้ำเสียและมาตรฐานน�้ำทิ้ง 2
บทที่ 2 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียในโรงพยาบาล 11
2.1 ระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย 11
2.2 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย 20
2.3 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่หนึ่ง 21
2.4 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่สอง 27
2.5 ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์ 29
2.6 บ่อปรับเสถียร (Waste Stabilization Pond) 31
2.7 สระเติมอากาศ (Aerated Lagoon) 47
2.8 ระบบบึงประดิษฐ์ (Constructed Wetland) 55
บทที่ 3 การควบคุมและดูแลระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย 69
3.1 ระบบรวบรวมน�้ำเสีย 69
3.2 การดูแลรักษาบ่อสูบ/เครื่องสูบน�้ำ 72
3.3 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย 75
3.4 บ่อปรับเสถียร 83
3.5 สระเติมอากาศ 88
3.6 ระบบบึงประดิษฐ์ 93
บทที่ 4 การบ�ำรุงรักษาและการติดตามผล 99
4.1 การบ�ำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์และระบบไฟฟ้า 99
ของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
4.2 การติดตามผลการด�ำเนินงานของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย 109
4.3 เอกสาร การบันทึกผลและการรายงานผลของการควบคุม 121
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ ค
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
ภาคผนวก 161
ประกาศกระทรวงฯ เรื่อง ก�ำหนดมาตรฐานควบคุม การระบายน�้ำทิ้ง 163
จากอาคารบางประเภทและบางขนาด ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องก�ำหนดปริมาณไข่หนอนพยาธิ 170
และแบคทีเรียอีโคไล (Escherichia Coli) และวิธีการเก็บตัวอย่าง
และการตรวจหาไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรียอีโคไล (Escherichia Coli)
ในน�้ำทิ้งและกากตะกอนที่ผ่านระบบก�ำจัดสิ่งปฏิกูลแล้ว พ.ศ. 2561
บรรณานุกรม 182
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ง ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
สารบัญรูป (ต่อ)
หน้า
รูปที่ 1-1 ค่า BOD ที่เพิ่มขึ้นตามเวลา 6
รูปที่ 2-1 ขนาดท่อน�้ำทิ้งของอาคารและท่อรวบรวมน�้ำเสียจากอาคาร [9] 13
รูปที่ 2-2 ท่อรวบรวมน�้ำเสียและบ่อสูบน�้ำเสีย 14
รูปที่ 2-3 รูปแบบการต่อเชื่อมท่อในบ่อตรวจ 15
รูปที่ 2-4 บ่อตรวจส�ำหรับท่อรวบรวมน�้ำเสียขนาดเล็ก [10] 15
รูปที่ 2-5 ฝาบ่อตรวจแบบต่าง ๆ 16
รูปที่ 2-6 อุปกรณ์เปิดฝาบ่อตรวจแบบต่าง ๆ 16
รูปที่ 2-7 บ่อตรวจลดระดับ 17
รูปที่ 2-8 บ่อตรวจลดระดับ (ก) ก่อนติดตั้งท่อตรง (ข)หลังติดตั้งท่อตรง 17
รูปที่ 2-9 ตัวอย่างแบบแปลนแสดงเส้นระดับความสูงของพื้นที่โรงพยาบาล 18
รูปที่ 2-10 รูปตัดของการวางท่อ : แผนที่แนวท่อและระดับความลาดเอียงของพื้นดิน 19
และระดับความลึกของการวางท่อตามแนวท่อ
รูปที่ 2-11 ขั้นตอนการบ�ำบัดน�้ำเสีย 21
รูปที่ 2-12 ถังดักไขมันติดตั้งใต้ที่ล้างจาน 22
รูปที่ 2-13 รูปตัดถังดักไขมันนอกอาคารและไขมันและน�้ำมันที่ดักไว้ 23
รูปที่ 2-14 ตะแกรงดักขยะแบบหยาบ (ก) ตะแกรงแบบตะกร้าสแตนเลส (ข) 24
และ (ค) ตะแกรงหยาบ
รูปที่ 2-15 ตะแกรงดักขยะแบบละเอียด (ก) และ (ข) แบบ Static screen 24
(ค) แบบ Drum screen
รูปที่ 2-16 รูปแบบของบ่อสูบและอุปกรณ์ติดตั้งส�ำหรับเครื่องสูบน�้ำแบบจมน�้ำ 25
รูปที่ 2-17 ถังปรับเสมอและระบบเติมอากาศแบบหัวฟู่และแบบเจ็ท 27
รูปที่ 2-18 แผนภูมิระบบเอเอส 30
รูปที่ 2-19 รูปแบบการวางผังระบบบ่อปรับเสถียรแบบต่าง ๆ 32
รูปที่ 2-20 บ่อแอนแอโรบิก (ก) น�้ำภายในบ่อมีสีด�ำ และ (ข) ผิวน�้ำของบ่อมีสีแดง [14] 33
รูปที่ 2-21 บ่อแฟคัลเททีฟ 33
รูปที่ 2-22 กลไกการก�ำจัดสารอินทรีย์และปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ่อแฟคัลเททีฟ [14] 34
รูปที่ 2-23 การเปลีย่ นแปลงค่า DO และ pH ของน�ำ้ ในบ่อแฟคัลเททีฟในช่วงเวลาหนึง่ วัน [14] 36
รูปที่ 2-24 ความหนาของชั้นแอโรบิกในบ่อปรับเสถียรที่แปรผันตามอัตราภาระสารอินทรีย์ 37
รูปที่ 2-25 การติดตั้งท่อน�้ำเสียเข้าและท่อน�้ำทิ้งออกจากบ่อแฟคัลเททีฟแบบเยื้องกัน 45
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ จ
สารบัญรูป (ต่อ)
หน้า
รูปที่ 2-26 บึงประดิษฐ์ที่นิยมใช้ส�ำหรับบ�ำบัดน�้ำเสีย (ก) ประเภทน�้ำไหลบนผิวชั้นกรอง 57
อย่างอิสระ (ข) ประเภทน�้ำไหลผ่านชั้นกรองในแนวนอน และ (ค) ประเภท
น�้ำไหลผ่านชั้นกรองในแนวดิ่ง
รูปที่ 2-27 สภาพแอโรบิกและแอนแอโรบิกที่เกิดขึ้นในแต่ละความลึกของน�้ำในบึงประดิษฐ์ 58
รูปที่ 2-28 ระยะเหนือน�้ำ (free board) ส�ำหรับบึงประดิษฐ์แบบ FW 62
รูปที่ 2-29 รูปแบบการปลูกต้นไม้และการกระจายน�้ำเสียเข้า-ออกเพื่อไม่ให้เกิดการไหล 63
ลัดวงจรและให้ได้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดสูงสุด [15]
รูปที่ 2-30 รากของพืชลอยน�้ำ (ก) รากผักตบที่เจริญเติบโตในบ่ออย่างหนาแน่น 65
(ข) รากผักตบชวาที่เจริญเติบโตในบ่ออย่างหลวม ๆ [14]
รูปที่ 3-1 การตรวจสอบไหลของน�้ำเสียในท่อรวบรวมน�้ำเสีย (ก) น�้ำเสียไหลแบบปกติ 70
(ข) น�้ำขังในบ่อตรวจเนื่องจากท่อเกิดการอุดตัน
รูปที่ 3-2 ขอบบ่อตรวจ (ก) ขอบบ่อตรวจยกสูงเหนือพื้นดิน (ข) ขอบบ่อตรวจระดับเดียวกับ 72
พื้นดิน
รูปที่ 3-3 ระดับน�้ำในบ่อสูบน�้ำเสีย (ก) ระดับน�้ำอยู่ต�่ำกว่าตะแกรง ไม่มีน�้ำขังในบ่อตรวจ 73
(ข) ระดับน�้ำท่วมท่อน�้ำเสียและด้านล่างของตะแกรงมีน�้ำเสียขังในบ่อตรวจ
รูปที่ 3-4 การวัดอัตราการไหลของเครื่องสูบน�้ำ (ก) การใช้ขวดน�้ำ 2 ขวดในบ่อสูบ 78
(ข) รูปจริงในบ่อสูบ
รูปที่ 3-5 เวียร์รูปตัว V ที่มีมุมเท่ากับ และมีระดับน�้ำสูง H 79
รูปที่ 3-6 เวียร์สันคมวัดอัตราการไหลของน�้ำ (ก) เวียร์สี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยม (ข) ระยะวัด 80
ระดับน�้ำ (ค) ถัง V-notch ที่มีแผ่นขวางการไหลและต�ำแหน่งติดตั้งไม้บรรทัด
รูปที่ 3-7 เวียร์สันคมวัดอัตราการไหลของน�้ำ (ก) เวียร์สามเหลี่ยมที่มีองศาต่าง ๆ 81
(ข) ถัง V-notch แบบเวียร์สี่เหลี่ยมและแบบสามเหลี่ยมที่มีมุมน้อยกว่า 60 องศา
รูปที่ 3-8 อุปกรณ์วัดชั่วโมงท�ำงานของเครื่องสูบ (Counter meter) 82
รูปที่ 3-9 การสะสมของสลัดจ์ที่ก้นบ่อปรับเสถียรบริเวณใกล้ท่อน�้ำเสียเข้า 87
รูปที่ 3-10 การก�ำจัดสลัดจ์ด้วยการใช้แพและเครื่องสูบน�้ำแบบจุ่มน�้ำ 87
รูปที่ 3-11 พืชขึ้นอย่างหนาแน่นเกินไปท�ำให้เกิดการไหลลัดวงจร 96
รูปที่ 3-12 แหนในบึงประดิษฐ์ 96
รูปที่ 4-1 การบ�ำรุงรักษาเครื่องเป่าอากาศ เติมน�้ำมันหล่อลื่นประจ�ำเดือน 102
รูปที่ 4-2 ไส้กรองอากาศของเครื่องเป่าอากาศสกปรก 102
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ฉ ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
สารบัญรูป (ต่อ)
หน้า
รูปที่ 4-3 การบ�ำรุงรักษาเครื่องเติมอากาศแบบเจ็ท อัดจารบีลูกปืนสัปดาห์ละครั้ง 103
รูปที่ 5-1 ฝาบ่อตรวจอยู่ระดับเดียวกับพื้นถนน 132
รูปที่ 5-2 บ่อตรวจแตกช�ำรุดจาก (ก) รากของต้นไม้ (ข) และ (ค) ถูกเจาะเพื่อระบาย 132
น�้ำล้างถังขยะ
รูปที่ 5-3 ฝาบ่อตรวจแตกหักเสียหาย 133
รูปที่ 5-4 ผนังบ่อตรวจแตกช�ำรุดจากการก่อสร้างและการเชื่อมท่อน�้ำเสียเข้าบ่อตรวจ 133
รูปที่ 5-5 ขอบบ่อตรวจยกระดับสูงกว่าพื้นถนน 134
รูปที่ 5-6 น�้ำเสียไหลในท่อรวบรวม (ก) น�้ำเสียไหลแบบปกติ (ข) น�้ำเสียจากท่อด้านบน 134
ไหลช้าจากการมีตะกอนสะสม (ค) ตะกอนสะสมในท่อน�้ำเสียไหลได้ช้าและเกิด
การสะสมของตะกอนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
รูปที่ 5-7 ลักษณะท่ออุดตัน (ก) และ (ข) น�้ำเสียล้นฝาบ่อตรวจ (ค) ตะกอนสะสมในบ่อตรวจ 134
รูปที่ 5-8 ท่ออุดตันจาก (ก) ทราย และ (ข) ท่อพีวซี หี ลังจากการก่อสร้าง (ค) ท่ออุดตันจากขยะ 135
รูปที่ 5-9 ก่อสร้างท่อรวบรวมน�ำ้ เสียไม่ถกู ต้อง (ก) ก่อสร้างเป็นหลุมรับน�ำ้ (ข) ระดับท้องท่อเข้า 136
และออกจากบ่อตรวจอยูส่ งู กว่าพืน้ ก้นบ่อตรวจ (ค) ถึง (ฉ) ใช้ทอ่ ทีม่ ขี นาดเล็กเกินไป
สร้างบ่อตรวจไม่ถกู ต้อง ออกแบบไม่ถกู ต้องและความลาดชันของท่อไม่ถกู ต้องตามเกณฑ์
ออกแบบ
รูปที่ 5-10 บ่อตรวจและท่อรวบรวมน�้ำเสียอยู่ใต้อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 137
รูปที่ 5-11 ท่อน�้ำทิ้งจากอาคารต่อเข้ารางระบายน�้ำฝน 138
รูปที่ 5-12 มีน�้ำขังอยู่ในรางระบายน�้ำฝนของโรงพยาบาล 138
รูปที่ 5-13 ระดับน�้ำในบ่อสูบน�้ำเสียท่วมด้านล่างของตะแกรงดักขยะ 139
รูปที่ 5-14 พืชลอยน�้ำปกคลุมผิวน�้ำของบ่อ 143
รูปที่ 5-15 ก�ำจัดพืชลอยน�้ำปกคลุมผิวน�้ำของบ่อออก 143
รูปที่ 5-16 ติดตั้งเครื่องเติมอากาศเสริมค่า DO และช่วยก�ำจัดพืชลอยน�้ำ 143
รูปที่ 5-17 พบปลาตายในบ่อปรับเสถียร 145
รูปที่ 5-18 สาหร่ายสีน�้ำเงินแกมเขียวขึ้นในบ่อปรับเสถียร 146
รูปที่ 5-19 ติดตั้งเครื่องเติมอากาศในบ่อปรับเสถียรท�ำให้น�้ำขุ่นลดความเข้มข้นของสาหร่าย 148
รูปที่ 5-20 ติดตั้งอุปกรณ์บังแสงแดดเพื่อลดความเข้มข้นของสาหร่ายในบ่อปรับเสถียร 149
รูปที่ 5-21 เครื่องเติมอากาศแบบเจ็ทที่ติดตั้งด้านปลายไปทางเดียวกัน 151
รูปที่ 5-22 ภายในสระเติมอากาศมีสิ่งกีดขวางการผสมของน�้ำ 151
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ ช
สารบัญรูป (ต่อ)
หน้า
รูปที่ 5-23 เกิดสภาพไร้อากาศในบึงประดิษฐ์ 155
รูปที่ 5-24 คลอรีนอิสระที่เหลืออยู่ต�่ำเกินกว่า 0.5 มิลลิกรัม/ลิตร หลังจากท�ำปฏิกิริยา 30 นาที 158
รูปที่ 5-25 น�้ำทิ้งในถังสัมผัสคลอรีนไม่ใส 158
รูปที่ 5-26 เวลาสัมผัสคลอรีนไม่เพียงพอ (ก) ระดับน�้ำในถังต�่ำท�ำให้ปริมาตรถังเก็บกักน�้ำ 159
ได้น้อยกว่า 30 นาที (ข) ระดับน�้ำในท่อทางออกอยู่ท�ำให้น�้ำล้นแผ่นกั้น
(ค) ถังสัมผัสไม่มีแผ่นกั้นน�้ำไหลลัดวงจร
รูปที่ 5-27 ถังเตรียมสารละลายคลอรีนสกปรก มีตะกอนสนิมเหล็กตกค้าง 159
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ซ ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1-1 สัดส่วนของเสียทีเ่ กิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงพยาบาลและมลพิษหลักทีพ่ บ [1] 2
ตารางที่ 1-2 ลักษณะน�้ำเสียของโรงพยาบาล มาตรฐานน�้ำทิ้งและข้อก�ำหนดน�้ำทิ้งของโรง 3
พยาบาลขนาด 30 เตียงขึ้นไป
ตารางที่ 2-1 ประเภทของท่อรวบรวมน�้ำเสีย 12
ตารางที่ 2-2 ชนิดของวัสดุท่อและลักษณะการใช้งานท่อในระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย 14
ตารางที่ 2-3 การเปรียบเทียบระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบชีวภาพแบบต่าง ๆ 29
ตารางที่ 2-4 ผลกระทบของกระบวนการสังเคราะห์แสงในเวลากลางวันและกระบวนการ 38
หายใจในเวลากลางคืนที่มีต่อค่า pH ของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟ
ตารางที่ 2-5 ผลของสภาพแวดล้อมในบ่อปรับเสถียรที่มีต่อประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสีย 38
ตารางที่ 2-6 อุณหภูมิเฉลี่ยของน�้ำในบ่อที่แปรผันกับอุณหภูมิของบรรยากาศ [15] 39
ตารางที่ 2-7 ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของการใช้ระบบบ่อปรับเสถียร 40
ตารางที่ 2-8 เกณฑ์การออกแบบบ่อปรับเสถียรประเภทต่าง ๆ (อุณหภูมิเฉลี่ย 20OC) 41
ตารางที่ 2-9 ค่าก�ำหนดออกแบบบ่อแฟคัลเททีฟส�ำหรับน�้ำเสียชุมชนของประเทศไทย 41
ตารางที่ 2-10 ตัวอย่างประสิทธิภาพการก�ำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียโคลิฟอร์มในระบบบ่อปรับ 47
เสถียรที่ใช้บ่อแฟคัลเททีฟอย่างเดียวและบ่อแฟคัลเททีฟร่วมกับบ่อบ่ม
ตารางที่ 2-11 ลักษณะของสระเติมอากาศเปรียบเทียบกับระบบเอเอส 49
ตารางที่ 2-12 คุณลักษณะของตัวกลางส�ำหรับระบบบึงประดิษฐ์แบบ SF 56
ตารางที่ 2-13 เกณฑ์การออกแบบบึงประดิษฐ์ 61
ตารางที่ 2-14 องค์ประกอบของผักตบชวาที่เจริญเติบโตในบ่อบ�ำบัดน�้ำเสีย 65
ตารางที่ 2-15 เกณฑ์ออกแบบระบบบ่อผักตบชวาส�ำหรับบ�ำบัดน�้ำเสีย 67
ตารางที่ 3-1 สีของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มและสภาวะที่เกิดขึ้น 84
ตารางที่ 3-2 วิธีการตรวจวัด ความถี่และพารามิเตอร์ที่ส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ 86
ตารางที่ 3-3 สีและกลิ่นที่แสดงสภาพของระบบสระเติมอากาศ 90
ตารางที่ 3-4 วิธีการตรวจวัด ความถี่และพารามิเตอร์ที่ส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ 92
ตารางที่ 3-5 ตารางเวลาการด�ำเนินงานและตรวจสอบระบบบึงประดิษฐ์ 98
ตารางที่ 4-1 การตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียเบื้องต้น 105
ตารางที่ 4-2 ตัวอย่างแบบรายการตรวจสอบการด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษา ส�ำหรับระบบ 107
บ่อปรับเสถียร สระเติมอากาศและบึงประดิษฐ์
ตารางที่ 4-3 ค่ามาตรฐานควบคุมการระบายน�้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด 111
ตารางที่ 4-4 เกณฑ์ปริมาณไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรียอีโคไล (Escherichia Coli) 111
ตารางที่ 4-5 วิธีการเก็บรักษาตัวอย่างน�้ำเพื่อน�ำส่งห้องปฏิบัติการ 113
ตารางที่ 4-6 สภาวะของบ่อปรับเสถียรจากการสังเกตสีและแนวทางการแก้ไข 114
ตารางที่ 4-7 สภาวะของบ่อปรับเสถียรจากการตรวจสอบกลิ่นและแนวทางการแก้ไข 114
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ ฌ
สารบัญตาราง (ต่อ)
หน้า
ตารางที่ 4-8 สภาวะของบ่อปรับเสถียรจากการสังเกตตะกอน ต้นพืชในบ่อและแนวทาง 115
การแก้ไข
ตารางที่ 4-9 สีและกลิ่นที่แสดงสภาพของระบบสระเติมอากาศและบ่อบ่ม และแนวทางแก้ไข 117
ตารางที่ 4-10 สภาวะของระบบสระเติมอากาศจากการสังเกตตะกอน ต้นพืชในบ่อและ 117
แนวทางการแก้ไข
ตารางที่ 4-11 สภาวะของระบบสระเติมอากาศจากการตรวจสอบค่า pH และ DO และ 118
แนวทางการแก้ไข
ตารางที่ 4-12 สภาวะของบึงประดิษฐ์จากการสังเกตระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์และแนวทาง 119
การแก้ไข
ตารางที่ 4-13 สาเหตุของการไหลไม่สม�่ำเสมอและแนวทางแก้ไขการไหลไม่สม�่ำเสมอ 120
ในบึงประดิษฐ์
ตารางที่ 4-14 สาเหตุของการเกิดกลิ่นเหม็นในบึงประดิษฐ์และแนวทางแก้ไข 120
ตารางที่ 4-15 สาเหตุของการเกิดยุงในบึงประดิษฐ์จ�ำนวนมากและแนวทางแก้ไข 121
ตารางที่ 4-16 ตัวอย่างตารางบันทึกข้อมูลการเดินระบบประจ�ำวันของระบบบ่อปรับเสถียร 124
ตารางที่ 4-17 ตัวอย่างตารางบันทึกข้อมูลการเดินระบบประจ�ำวันของระบบสระเติมอากาศ 125
ตารางที่ 4-18 ตัวอย่างตารางบันทึกข้อมูลการเดินระบบประจ�ำวันของระบบบึงประดิษฐ์ 126
ตารางที่ 4-19 ตัวอย่างแบบฟอร์มบันทึกประจ�ำวันของเวลาสูบน�้ำและอัตราการไหลของน�้ำเสีย 128
ตารางที่ 4-20 ตัวอย่างแบบฟอร์มบันทึกประจ�ำวันการตรวจวัดคุณภาพน�้ำ 129
ตารางที่ 4-21 ผลการวิเคราะห์คุณภาพน�้ำทิ้งจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลประจ�ำปี 130
ตารางที่ 5-1 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาท่อแตกหักช�ำรุด 131
ตารางที่ 5-2 สาเหตุและแนวทางแก้ไขไม่มีข้อมูลระบบท่อรวบรวมน�้ำเสียและท่อระบายน�้ำฝน 132
ตารางที่ 5-3 สาเหตุและแนวทางแก้ไขน�้ำฝนไหลเข้าบ่อตรวจ 133
ตารางที่ 5-4 สาเหตุและแนวทางแก้ไขท่ออุดตัน น�้ำเสียไหลไม่สะดวก ค้างในท่อ 135
และเกิดมีกลิ่นเหม็น
ตารางที่ 5-5 สาเหตุและแนวทางแก้ไขการก่อสร้างระบบท่อรวบรวมที่ไม่ถูกตามหลักวิชาการ 136
ตารางที่ 5-6 สาเหตุและแนวทางแก้ไขท่อรวบรวมน�้ำเสียและบ่อตรวจอยู่ใต้อาคารหรือ 137
สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
ตารางที่ 5-7 สาเหตุและแนวทางแก้ไขท่อน�้ำทิ้งจากอาคารไหลลงสู่ท่อระบายน�้ำฝน 138
ตารางที่ 5-8 สาเหตุและแนวทางแก้ไขรางระบายน�้ำฝนมีน�้ำขังอยู่ตลอดเวลา 139
ตารางที่ 5-9 สาเหตุและแนวทางแก้ไขขยะหลุดลอดออกจากตะกร้าดักขยะในบ่อสูบ 139
ตารางที่ 5-10 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขเครื่องสูบน�้ำช�ำรุด 140
ตารางที่ 5-11 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขระบบท่อและวาล์วช�ำรุด 140
ตารางที่ 5-12 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขระบบไฟฟ้าควบคุมช�ำรุด 141
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ญ ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
สารบัญตาราง (ต่อ)
หน้า
ตารางที่ 5-13 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาตะกอนและวัสดุลอยน�้ำในบ่อปรับเสถียร 142
ตารางที่ 5-14 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า DO ในบ่อปรับเสถียรมีแนวโน้ม 142
ต�ำ่ กว่า 3 มิลลิกรัม/ลิตร
ตารางที่ 5-15 สาเหตุและการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นในบ่อปรับเสถียร 144
ตารางที่ 5-16 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาปลาตายในบ่อปรับเสถียร 145
ตารางที่ 5-17 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า pH ในบ่อปรับเสถียรมีแนวโน้มลดต�่ำลง 146
ตารางที่ 5-18 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาสาหร่ายสีน�้ำเงินแกมเขียวในบ่อปรับเสถียร 146
ตารางที่ 5-19 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาต้นไม้โผล่พ้นน�้ำโตขึ้นในบ่อปรับเสถียร 147
ตารางที่ 5-20 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาแมลงเพิ่มจ�ำนวนอย่างรวดเร็วในบ่อปรับเสถียร 147
ตารางที่ 5-21 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาปัญหาน�้ำทิ้งมีความเข้มข้นของสาหร่ายสูงเกิน 148
มาตรฐาน
ตารางที่ 5-22 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า BOD5 ของน�้ำทิ้งเกินค่ามาตรฐาน 149
ตารางที่ 5-23 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า DO มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 150
ตารางที่ 5-24 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า DO มีแนวโน้มลดลงอย่างรวดเร็ว 150
ตารางที่ 5-25 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาเกิดจุดบอด (Dead zone) ของการผสมภายสระ 151
เติมอากาศ
ตารางที่ 5-26 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาปัญหาน�้ำทิ้งมีความเข้มข้นของสาหร่ายสูงเกิน 152
มาตรฐาน
ตารางที่ 5-27 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขเครื่องเติมอากาศผิวน�้ำช�ำรุด 153
ตารางที่ 5-28 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขเครื่องเติมเป่าอากาศ (Air Blower) ช�ำรุด 153
ตารางที่ 5-29 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า DO ในบึงประดิษฐ์มีแนวโน้ม 154
ต�่ำกว่า 1 มิลลิกรัม/ลิตร
ตารางที่ 5-30 สาเหตุและการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นในบึงประดิษฐ์ 155
ตารางที่ 5-31 สาเหตุและการแก้ไขปัญหาค่า BOD5 ของน�้ำทิ้งเกินค่ามาตรฐาน 156
ตารางที่ 5-32 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขค่าฟีคัลโคลิฟอร์ม > 1,000 MPN/100 มิลลิลิตร 157
ตารางที่ 5-33 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขค่า TDS > 500 มิลลิกรัม/ลิตร จากน�้ำประปา 160
ตารางที่ 5-34 สาเหตุและแนวทางการแก้ไขค่าซัลไฟด์ (SO22-) > 1 มิลลิกรัม/ลิตร 160
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 1
บทที่
1 น�้ำเสียในโรงพยาบาล
1.1 แหล่งก�ำเนิดน�้ำเสียในโรงพยาบาล
1.2 ลักษณะของน�้ำเสียและมาตรฐานน�้ำทิ้ง
น�้ำเสียโรงพยาบาลประกอบด้วยน�้ำเสียจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีมลพิษหลักแตกต่างกันตาม
กิจกรรมที่ใช้น�้ำตารางที่ 1-1 แสดงสัดส่วนของน�้ำเสียที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงพยาบาล
(ไม่มีรวมน�้ำหล่อเย็นของระบบปรับอากาศของโรงพยาบาลขนาดใหญ่) และมลพิษหลักที่พบ
เนือ่ งจากมลพิษทีเ่ กิดขึน้ มีความแตกต่างกันตามกิจกรรม จึงควรพิจารณาติดตัง้ ระบบบ�ำบัดขัน้ ต้น
เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมลพิษเหล่านี้ เช่น การติดตั้งถังดักไขมันที่โรงครัว เป็นต้น
น�้ำเสียจากกิจกรรมต่าง ๆ จะไหลเข้าท่อรวบรวมและมารวมกันที่ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
ตารางที่ 1-2 แสดงการเปรียบเทียบลักษณะของน�ำ้ เสียทีม่ กี ารส�ำรวจในหลายประเทศในระยะเวลา
มากกว่า 20 ปี เปรียบเทียบกับมาตรฐานน�ำ้ ทิง้ อาคารประเภท ก ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดล้อมและข้อก�ำหนดน�ำ้ ทิง้ ของกรมอนามัย น�ำ้ เสียของโรงพยาบาลจะต้องถูกบ�ำบัดให้ได้
ตามมาตรฐานน�ำ้ ทิง้ ของกรมควบคุมมลพิษและข้อก�ำหนดของกรมอนามัยก่อนระบายออกสูแ่ หล่งน�ำ้
สาธารณะ
ซึง่ อัตราการไหลต่อชัว่ โมงสูงสุดนีอ้ าจมีคา่ ระหว่าง 1.5 – 2.5 เท่าของอัตราการไหลเฉลีย่ ซึง่ ค�ำนวณ
จากอัตราการไหลต่อวันหารด้วย 24 ชั่วโมง
ถ้าสารอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ในน�้ำเสียมีปริมาณมากเกินไปจะท�ำให้ปริมาณ
ออกซิเจนในแหล่งน�้ำถูกจุลินทรีย์ใช้ไปจนหมด แหล่งน�้ำนั้นจะเข้าสู่สภาวะไร้อากาศ (Anaerobic
condition) จากนั้นจุลินทรีย์กลุ่มที่สอง ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจนจะเริ่มย่อยสลายสาร
อินทรียท์ ยี่ อ่ ยสลายได้และเปลีย่ นให้เป็นกรดอินทรีย์ แอลกอฮอล์ ก๊าซมีเทนและก๊าซไข่เน่า เป็นต้น
ดังสมการที่ 1-2 ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็น แหล่งน�้ำมีสีด�ำที่เกิดจาก FeS และมีสภาพน่ารังเกียจ
ในระบบเอเอสถ้าปล่อยให้สลัดจ์ค้างอยู่ในถังตกตะกอนเป็นเวลานานจนท�ำให้เกิดสภาวะ
ไร้อากาศ ทั้ง NO3- - N และ NO2- - N จะถูกรีดิวซ์และเปลี่ยนให้เป็นก๊าซไนโตรเจน (N2) โดย
แบคทีเรียในถังตกตะกอน เรียกกระบวนการนีว้ า่ ดิไนตริฟเิ คชัน (Denitrification) ถ้าในถังตกตะกอน
มีความเข้มข้น NO3- - N เพียงพอและมีค่า DO ต�่ำจะท�ำให้เกิดก๊าซ N2 ซึ่งฟองก๊าซจะไปจับกับ
สลัดจ์แล้วลอยขึ้นผิวน�้ำถังตกตะกอน ซึ่งสังเกตได้จากก้อนสลัดจ์ที่ลอยบนผิวน�้ำถังตกตะกอน
มีสีน�้ำตาลและอาจมีฟองก๊าซติดอยู่ภายใน ในกรณีที่สลัดจ์ขาดออกซิเจนจนตายนั้นก้อนสลัดจ์
ที่ลอยขึ้นผิวน�้ำจะมีสีด�ำ
2.4) ฟอสฟอรัส เป็นธาตุอาหารที่จ�ำเป็นส�ำหรับกระบวนการเมตาบอลิซึมของ
จุลินทรีย์ในการสร้างเซลล์ใหม่ ในน�้ำเสียจะพบฟอสฟอรัสในรูปของฟอสเฟต การปล่อยน�้ำทิ้งที่มี
ฟอสเฟตสูงจะท�ำให้สาหร่ายบางชนิดเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจะเกิดเป็นปรากฏการณ์ยโู ทรฟิเคชัน
(Eutrophication) ท�ำให้เกิดน�ำ้ เน่าเสียได้ ปกติในน�ำ้ เสียของโรงพยาบาลมีฟอสเฟตในความเข้มข้น
ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์อยู่แล้ว
2.5) ก�ำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) ในน�้ำเสียจะพบสารประกอบของซัลเฟอร์
ในรูปของซัลเฟต (SO42-) ในสภาวะไร้อากาศซัลเฟตจะถูกรีดวิ ซ์ให้เป็นซัลไฟด์ (SO42-) โดยแบคทีเรีย
ดังสมการ 1-5 ซัลไฟด์จะจับตัวกับไฮโดรเจนไอออนเป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ ดังสมการที่ 1-6
ซึ่งท�ำให้เกิดกลิ่นเหม็น
1.2.3 ลักษณะน�้ำเสียทางชีวภาพ
1 แบคทีเรีย (Bacteria) แบคทีเรียเป็นจุลนิ ทรียท์ มี่ คี วามส�ำคัญทีส่ ดุ ในระบบบ�ำบัด
น�้ำเสีย ท�ำหน้าที่ย่อยสลายสารอินทรีย์และท�ำให้เกิดการรวมตัวเป็นฟล็อก คุณลักษณะของสาร
อินทรียท์ มี่ ใี นน�ำ้ เสียจะเป็นตัวก�ำหนดชนิดของแบคทีเรียทีม่ คี วามเด่นเหนือชนิดอืน่ น�ำ้ เสียประเภท
โปรตีนจะพบ Alcaligenes, Flavobacteriam และ Bacillus ส่วนน�ำ้ เสียประเภทคาร์โบไฮเดรตหรือ
ไฮโดรคาร์บอนจะพบ Pseudomonas เป็นส่วนใหญ่ เป็นต้น
เชือ้ โรคหลายชนิดแพร่กระจายทางน�ำ้ จุลนิ ทรียท์ เี่ ป็นเชือ้ โรคไม่สามารถเจริญเติบโต
และขยายพันธุ์ได้ในน�้ำเสียหรือน�้ำสะอาดแต่สามารถอยู่รอดได้หลายวัน เซลล์ที่มีชีวิตจะตาย
อย่างรวดเร็ว แต่สปอร์และ cyst สามารถคงทนอยูไ่ ด้นาน แบคทีเรียทีเ่ ป็นเชือ้ โรคทีพ่ บในน�ำ้ ได้แก่
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
10 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
บทที่
2 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
ในโรงพยาบาล
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลมีหน้าที่ในการป้องกันปัญหาสุขอนามัยและสภาพ
แวดล้อมของชุมชนที่จะเกิดขึ้นจากน�้ำเสียของโรงพยาบาล เนื่องจากน�้ำเสียจากโรงพยาบาลมี
ปริมาณมากและในน�ำ้ เสียยังประกอบด้วยสารอินทรีย์ ยาปฏิชวี นะและเชือ้ โรค น�ำ้ เสียทีเ่ กิดขึน้ จาก
แหล่งก�ำเนิดต่าง ๆ ในโรงพยาบาลจะไหลลงสูท่ อ่ รวบรวมน�ำ้ เสียและถูกส่งเข้าสูร่ ะบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
ของโรงพยาบาลเพื่อบ�ำบัดให้ได้ตามมาตรฐานน�้ำทิ้งของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และน�้ำทิ้งจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคเพื่อให้ได้คุณภาพตามข้อก�ำหนดของกรมอนามัยก่อนระบาย
ออกสู่แหล่งน�้ำสาธารณะ องค์ประกอบระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลประกอบด้วยระบบ
ท่อรวบรวมน�้ำเสียและระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
2.1 ระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย
2.1.1 ท่อรวบรวมน�้ำเสีย
1 ประเภทของระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย
ระบบท่อรวบรวมน�้ำเสียแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังนี้
1.1) ระบบท่อรวม (Combines sewer system) เป็นระบบท่อเดียวที่รวบรวม
ทั้งน�้ำฝนและน�้ำเสียภายในท่อเดียวกัน ในช่วงที่ไม่มีฝนระบบท่อจะรวบรวมน�้ำเสียทั้งหมดไปยัง
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย ส่วนในช่วงที่ฝนตกทั้งน�้ำฝนและน�้ำเสียจะถูกรวบรวมและส่งเข้าระบบบ�ำบัด
น�้ำเสีย เมื่อมีน�้ำฝนเข้าระบบท่อจ�ำนวนมากเกินไปส่วนหนึ่งของน�้ำฝนที่มีน�้ำเสียเจือปนจะล้นออก
จากระบบท่อผ่านบ่อผันน�้ำเสียลงสู่แหล่งน�้ำสาธารณะ ระบบท่อรวมเป็นระบบท่อที่ใช้ในเขตพื้นที่
เทศบาลในประเทศไทยและไม่ใช้ในโรงพยาบาล
1.2) ระบบท่อแยก (Separated sewer system) เป็นระบบท่อที่ประกอบด้วย
ท่อ 2 ชนิด ได้แก่ท่อรวบรวมน�้ำเสียและท่อระบายน�้ำฝน ระบบท่อระบายน�้ำฝนท�ำหน้าที่ระบาย
น�้ำฝนออกจากพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาล อาจใช้เป็นรางระบายน�้ำร่วมกับท่อระบายน�้ำ ส่วนระบบ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
12 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
รูปทีรู่ ป2-4
ที่ 2-4บ่อบ่ตรวจส�
อตรวจส ำหรัาหรับท่บอท่รวบรวมน�
อรวบรวมน ้ำเสีาเสี ยขนาดเล็
ยขนาดเล็ ก ก[10][10]
3) ขนาดของบ่อตรวจ ในประเทศสหรัฐอเมริกานิยมใช้บ่อตรวจทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่
1.2 ม. สาหรับท่อรวบรวมน้3 ขนาดของบ่ าเสียขนาดเล็ อตรวจกและก้ นบ่อมีขนาดเท่
ในประเทศสหรั าเส้นกผ่านิ
ฐอเมริ านศูยนมใช้
ย์กบลาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถลงไป
่อตรวจทรงกลมขนาด
ตรวจสอบและบ
เส้นผ่านศูนย์ารุกงลางตั
รั ก ษาที
้งแต่่ ก้น1.2
บ่ อได้ และในหลายประเทศอาจใช้
เมตร ส�ำหรับท่อรวบรวมน�้ำเสียขขนาดเล็ นาดเส้ นกผ่และก้
านศู นย์บ่กอลาง 1.0 ม.า เส้ นผ่ า น
มีขนาดเท่
ศู น ย์เส้
นผ่านศูนย์กา กัลาง
ก ลางอาจเท่ เพือ่ ให้เ้ งจ้บ่าหน้
น ตลอดทั าทีส่ ามารถลงไปตรวจสอบและบ�
อ ตรวจหรื อ อาจเรี ย วขึ้ น ด้ า นบนดัำงรุแสดงในรู งรักษาทีก่ ปน้ ทีบ่่ อ2-4
ได้ และในหลาย
[10] ในบางพื้ น ที่ ข อง
ประเทศอาจใช้
โรงพยาบาลที ขนาดเส้นนสูผ่งอาจพบบ่
่มีความลาดชั านศูนย์กอลาง ตรวจตื 1.0 ้นเมตร เส้นผ่กานศู
ที่มีความลึ ต่ากว่นย์าก1.5ลางอาจเท่ ากันตลอดทั
ม.ซึ่งคนงานไม่ ง้ บ่อตรวจ
สามารถเข้ าไปทางานได้
หรื อ อาจเรี ย วขึ น
้ ด้ า นบนดั ง แสดงในรู ป ที ่ 2-4 [10] ในบางพื น
้ ที
ในกรณีควรใช้ฝาปิดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ประมาณ 0.75 – 0.9 ม. เพื่อช่วยให้สามารถทางานได้ ข
่ องโรงพยาบาลที ม
่ ค
ี วามลาดชั น สูง สะดวก
อาจพบบ่อตรวจตื้นที่มีความลึกต�่ำกว่า 1.5 เมตร ซึ่งคนงานไม่สามารถเข้าไปท�ำงานได้ ในกรณี
ถ้าเป็นไปได้ควรให้ทาการบารุงรักษาจากด้านบน
4) บันไดในบ่อตรวจ ภายในบ่อตรวจควรติดตั้งบันได ให้ติดกับผนังด้านใดด้านหนึ่งซึ่ งตรงกับฝาปิดบ่อ
ตรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถลงไปทางานได้สะดวก บันไดควรทาจากเหล็กไร้สนิมหรือวัสดุทนการกัดกร่อน ขนาด
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
16 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
รูรูปปทีทีรูป่่ 2-5
รูปทีที2-5 ่ทีรูรู่ 2-5
่ปป2-5
รูรูทีทีฝาบ่
2-5 ฝาบ่ปป่่ 2-5
ทีทีฝาบ่
ฝาบ่
2-5 ่่ ออ2-5
ฝาบ่
ตรวจแบบต่
ฝาบ่
ออตรวจแบบต่
2-5 ตรวจแบบต่
ฝาบ่
ออตรวจแบบต่
ตรวจแบบต่
ฝาบ่อฝาบ่
ออตรวจแบบต่
าางง าๆๆง ๆาางง าาๆๆงง ๆๆ
ตรวจแบบต่
ตรวจแบบต่
ตรวจแบบต่ าง ๆาง ๆ
รูปรูทีป่ 2-7
ที่ 2-7
รูปทีรูป่ รู2-7
บ่อบ่ตรวจลดระดั
อตรวจลดระดั
บบ
ทีป่ ที2-7
่ บ่2-7
อตรวจลดระดั
บ่อบ่ตรวจลดระดั
อตรวจลดระดั
บ บบ
ก ข
(ก) (ก) บ
รูปที่ 2-8 บ่อตรวจลดระดั (ข) (ข)ข หลังติดตั้งท่อตรง
ก่อนติดตั้งท่อตรง
รูปที่ รู2-8
(ก)(ก)
ปที่ บ่2-8
อตรวจลดระดั
บ่อตรวจลดระดั
บ (ก)บก่(ก)
อนติก่ดอตันติ
ก
งท่ดอตัตรง
งท่อ(ข)หลั
ตรง (ข)หลั
(ข)(ข)
งติดตังงท่
ติดอตัตรง
งท่อตรง
รูป2.1.4
รูทีป่ 2-8
ทีการวางผั
่ 2-8
บ่อบ่ตรวจลดระดั
อตรวจลดระดั
งระบบท่อบ (ก)
บ (ก) ก่อก่นติอนติ
ดตัดงท่ตัองท่ตรง
อตรง
(ข)หลั
(ข)หลั
งติดงติตัดงท่ตัองท่ตรง
อตรง
ในการวางแผนก่อสร้างท่อรวบรวมน�ำ้ เสียใหม่ของโรงพยาบาล มีขอ้ พิจารณาดังต่อไปนี้
1 โรงพยาบาลควรมีแบบ Master plan ที่ก�ำหนดต�ำแหน่งของอาคาร สิ่งปลูกสร้าง
และถนนทั้งหมดที่โรงพยาบาลจะก่อสร้างในอนาคต ในกรณีที่โรงพยาบาลยังไม่ได้จัดท�ำ Master
plan อาจจัดท�ำแบบแปลนของโรงพยาบาลที่มีต�ำแหน่งของอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ รวมทั้ง
ถนนหลักและก�ำหนดพืน้ ทีก่ อ่ สร้างอาคารในอนาคตไว้ในแบบนี้ เพือ่ ใช้เป็นแนวทางในการก�ำหนด
เส้นทางการวางแนวท่อหลักและแนวท่อรอง และหลีกเลีย่ งการสร้างสิง่ ปลูกสร้างทับแนวท่อรวบรวม
น�้ำเสียในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการถ่ายเทน�้ำเสียเข้าระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
2 จัดท�ำแบบแปลนส�ำรวจทางภูมิศาสตร์ที่แสดงต�ำแหน่งของอาคาร สิ่งปลูกสร้าง
และถนนที่มีอยู่ในเขตพื้นที่โรงพยาบาล และแสดงระบบสาธารณูปโภคที่มีอยู่ เช่น ท่อจากอาคาร
ท่อระบายน�้ำฝน ท่อรวบรวมน�้ำเสีย และท่อประปา เป็นต้น
3 แบบแปลนแสดงเส้นระดับความสูง (Contour) ของพืน ้ ที่ (รูปที่ 2-9) แบบแปลน
ควรมีมาตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถวางแนวท่อแม่นย�ำ เส้นความสูงควรมีระยะห่างกัน
ไม่เกิน 0.5 เมตร
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
18 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
2.1.5 การตรวจรับงานระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย
วัตถุประสงค์ของการด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษาระบบท่อรวบรวมน�้ำเสียคือท�ำให้
น�้ำเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลทั้งจากอาคารรักษาผู้ป่วยและจากที่พักอาศัยของบุคลากร
ทางการแพทย์ ถู ก รวบรวมเข้ า ระบบท่ อ รวบรวมน�้ ำ เสี ย และไหลไปยั ง ระบบบ� ำ บั ด น�้ ำ เสี ย ได้
อย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดปัญหาท่ออุดตันและไม่มีน�้ำฝนไหลเข้าระบบท่อรวบรวม ภายในบ่อตรวจ
จะต้องไม่มีน�้ำเสียตกค้างในท่อเพราะอาจส่งกลิ่นเหม็นและท�ำให้ท่ออุดตันได้ในภายหลัง ดังนั้น
ส�ำหรับการตรวจรับงานระบบท่อรวบรวมน�ำ้ เสียทีก่ อ่ สร้างใหม่ จะต้องท�ำการตรวจสอบเพือ่ ยืนยัน
ความสมบูรณ์และถูกต้องของการก่อสร้างดังต่อไปนี้
1 ผู ้ รั บ จ้ า งจะต้ อ งส่ ง มอบแบบแปลนก่ อ สร้ า งจริ ง (As-built drawing) ให้ กั บ
โรงพยาบาล ในแบบจะต้องระบุต�ำแหน่งของบ่อตรวจ ขนาดและวัสดุก่อสร้างของบ่อตรวจและ
ฝาบ่อ แสดงต�ำแหน่งแนวท่อรวบรวมน�้ำเสียหลัก แนวท่อรวบรวมน�้ำเสียรองและจุดเชื่อมต่อ
ท่ อ น�้ ำ เสี ย จากอาคารทั้ ง หมดเข้ า ระบบท่ อ รวบรวมน�้ ำ เสี ย รวมทั้ ง รู ป ตั ด แสดงความลึ ก และ
ความลาดเอียงของแนวท่อทั้งหมด
2 ตรวจสอบจ�ำนวน ต�ำแหน่งและความสมบูรณ์ของบ่อตรวจจะต้องตรงตามแบบ
จะต้องเปิดฝาบ่อตรวจด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาให้ ตรวจสอบการก่อสร้าง
ภายในบ่อตรวจทุกบ่อและจะต้องไม่มีจุดแตกหักรั่วไหล ตรวจสอบขนาดและความหนาบ่อตรวจ
รวมทัง้ ความลึกของท่อรูปตัวยูทกี่ น้ บ่อตรวจในแนวท่อรวบรวมน�ำ้ เสีย ซึง่ ความลึกของก้นบ่อตรวจ
หลายบ่อในแนวท่อรวบรวมจะแสดงความลาดเอียงของการวางท่อ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
20 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
3 ตรวจสอบต�ำแหน่งและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อรวบรวมน�้ำเสียหลัก
ท่อรวบรวมน�้ำเสียรอง ท่อจากอาคาร แนวท่อรวบรวมน�้ำเสียหลัก แนวท่อรวบรวมน�้ำเสียรอง
จุดเชื่อมต่อท่อน�้ำเสียจากอาคารทั้งหมด รวมทั้งสถานีสูบ (ถ้ามี) จะต้องก่อสร้างได้สมบูรณ์
ตรงตามแบบ
4 ท่อรวบรวมน�ำ้ เสียทัง้ หมดจะต้องปราศจากขยะ ดิน กรวดทรายหรือเศษหิน หรือ
วัสดุอนื่ ใดทีจ่ ะขัดขวางการไหลของน�ำ้ เสีย ควรทดสอบการไหลของน�ำ้ ด้วยน�ำ้ และสังเกตการณ์ไหล
ของน�้ำที่บ่อตรวจ
5 น�้ ำ เสี ย จากโรงครั ว และร้ า นอาหารภายในโรงพยาบาลจะต้ อ งผ่ า นถั ง หรื อ
บ่อดักไขมันก่อนระบายน�้ำเสียเข้าสู่ท่อรวบรวมน�้ำเสีย และจะต้องก�ำจัดน�้ำมันและไขมันออกจาก
ถังดักไขมันอย่างสม�่ำเสมอ
6 ส�ำหรับโรงพยาบาลที่ก่อสร้างระบบท่อรวบรวมน�้ำเสียใหม่ และโรงพยาบาล
มีระบบบ�ำบัดน�้ำเสียส่วนกลางแล้ว ควรยกเลิกการใช้ถังบ�ำบัดน�้ำเสียส�ำเร็จรูปทั้งหมด และ
ต่อท่อน�้ำเสียจากอาคารเข้าระบบท่อรวบรวมน�้ำเสียโดยตรง
7 ติดตั้งท่อคลีนเอ้าท์ (Cleanout) อย่างน้อย 1 ท่อในช่วงความยาวของน�้ำเสีย
จากอาคารที่ต่อเข้าระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย ติดตั้งท่อคลีนเอ้าท์ด้วยข้อต่อสามทางที่ยกปลายท่อ
ขึ้นเหนือพื้นดินและปิดด้วยฝาเกลียวโลหะ เช่น ทองเหลือง ที่สามารถเปิดเพื่อท�ำความสะอาด
ได้ในอนาคตเมือ่ ท่อเกิดการอุดตัน ควรติดตัง้ ในต�ำแหน่งทีเ่ ข้าถึงได้สะดวกและไม่ขดั ขวางการสัญจร
2.2 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
1. ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่หนึ่ง เป็นขั้นตอนการเตรียมคุณภาพน�้ำเสียให้เหมาะส�ำหรับ
การบ�ำบัดทางชีวภาพ น�้ำมันและไขมันจะต้องถูกก�ำจัดตั้งแต่ต้นทางด้วยถังดักไขมัน ของแข็ง
ขนาดใหญ่จะต้องถูกก�ำจัดด้วยตะแกรง อาจมีการใช้ถังปรับเสมอเพื่อช่วยในการปรับอัตราไหล
และความเข้มข้นของน�้ำเสียที่ไหลเข้าระบบบ�ำบัดน�้ำเสียในแต่ละชั่วโมงให้มีค่าใกล้เคียงกัน
2. ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่สอง เป็นขั้นตอนของการเปลี่ยนสารอินทรีย์ทั้งที่อยู่ในรูป
ของสารละลายและสารแขวนลอยให้อยูใ่ นรูปของมวลชีวภาพทีส่ ามารถก�ำจัดได้ดว้ ยการตกตะกอน
และต้องสามารถลดความเข้มข้นของ BOD5 ในน�ำ้ เสียจาก 50 - 250 มิลลิกรัม/ลิตร หรือมากกว่า
ให้เหลือค่า BOD5 ในน�ำ้ ทิง้ เพียง 5 - 15 มิลลิกรัม/ลิตร ระบบบ�ำบัดขัน้ ทีส่ องส่วนใหญ่ประกอบด้วย
ระบบบ�ำบัดทางชีวภาพ ถังตกตะกอน และระบบบ�ำบัดสลัดจ์
3. ระบบบ�ำบัดขัน้ ทีส่ าม โดยปกติแล้วระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียขัน้ ทีส่ องพอเพียงทีจ่ ะท�ำให้นำ้� ทิง้
ผ่านมาตรฐาน น�้ำทิ้งของทางราชการทางด้านสารอินทรีย์และสารแขวนลอยแล้ว แต่ส�ำหรับน�้ำทิ้ง
ของโรงพยาบาลยังมีข้อก�ำหนดของแบคทีเรียอีโคไลและไข่พยาธิ จึงต้องมีการติดตั้งระบบ
การฆ่าเชือ้ โรค หรือในกรณีทตี่ อ้ งการน�ำน�ำ้ กลับมาใช้ใหม่อาจต้องติดตัง้ ระบบก�ำจัดสารแขวนลอย
ด้วยการกรองเพิ่มเติม เป็นต้น
2.3 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่หนึ่ง
ปกติน�้ำมันและไขมันอิสระ (ไม่ใช่น�้ำมัน
ทีผ่ สมน�ำ้ ยาล้างจานแล้ว) มีความถ่วงจ�ำเพาะน้อย
กว่าน�้ำจึงลอยขึ้นผิวน�้ำ ควรตักน�้ำมันและไขมัน
ออกและล้างถังดักไขมันเป็นประจ�ำ ส�ำหรับถังดัก
ไขมันทีอ่ ยูใ่ นอาคารมีตะกร้าดักเศษอาหารเพือ่ ดัก
เศษอาหารก่อนตกลงในถังดักไขมัน ควรท�ำความ
สะอาดตักไขมันและเศษอาหารทิง้ ทุกวันเพือ่ ไม่ให้
เกิดการบูดเน่าของเศษอาหาร ส่วนบ่อดักไขมัน
ทีต่ ดิ ตัง้ นอกอาคารควรท�ำความสะอาดอย่างน้อย
อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ดังแสดงในรูปที่ 2-13 เป็นบ่อ
ทีม่ ปี ริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตรขึน้ ไป ติดตัง้ ตะแกรง
ดักขยะในช่องแรก น�ำ้ มันและไขมันจะลอยสะสม
อยู่ในช่องแรกและช่องที่สอง ถ้าพบไขมันลอยอยู่
ในช่องที่สามแสดงว่ามีน�้ำมันและไขมันสะสม
เป็นจ�ำนวนมากในช่องที่สอง ควรปรับความถี่
ในการตักไขมันออก และควรใช้ฝาปิดบ่อดักไขมัน
ที่มีน�้ำหนักเบาและสามารถเปิดออกได้สะดวก
2) ตะแกรง ใช้สาหรับดักเศษขยะที่ลอยมากับน้าเส
ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องสูบน้าและการอ
ที่ใช้เป็ น อัน ดับ แรกในระบบบ าบั ดน้ าเสี ย แบ่ งตะแกรงอ
ละเอียด ปกติตะแกรงหยาบทาจากแท่งโลหะเรียงในแนวต
รูปที่ 2-13ขวางช่ รูปอตังทางที
ดถังดั่ใกห้ไขมั น้าเสีนยนอกอาคาร
ไหลผ่าน ตะแกรงจะถูกจัดวางในช่อ
และไขมันขนาดใหญ่ และน�้ำมัจะถู นทีกดั่ดกักอยู
ไว้่ระหว่างช่องว่างของตะแกรง การกาจ
รูปที่ 2-13 รูปตัดถังดักไขมันนอกอาคาร และ ไขมันและนามันที่ดักไว้
ทีรูป่ 2-13
ที่ 2-13 รูปตัรูดปถัตังดดัถักงไขมั
ดักไขมันนอกอาคาร
นนอกอาคาร และและ ไขมัไขมั นและน นและน ามันามัที่ดนักทีไว้ ่ดักไว้ เครื่องจักรกลช่วยทาความสะอาดแบบอัตโนมัติ
2) ตะแกรง ที่บก่อสูเป็บนน้ต้าเสี
น เพืย่อของโรงพยาบาลหลายแห่งใช้ตะแก
ใช้าหรั สาหรั
บดักบเศษขยะที
ดักเศษขยะที ่ลอยมากั
่ลอยมากับใช้น้2.
สาเสี
บาหรัย บเช่ยดันกเช่เศษขยะที
น้ตะแกรง
าเสี เศษไม้
น เศษไม้ ใช้่ลเศษกระดาษ
สอยมากั
เศษกระดาษ � ำ หรับบน้เศษพลาสติ
ดัาเสีกเศษพลาสติ
ย เช่นกเศษไม้
เศษขยะที เป็กนเป็ต้น่ ลเศษกระดาษ
น่อเพื่อ บเศษพลาสติ
อยมากั
ต้เพื น� ้ ำ เสี ย เช่ น เศษไม้ เศษกระดาษ
ครอบปลายท่
ว ตะแกรงจึงอเป็รวบรวมน้ นอุปกรณ์ าเสียที่บ่อสูบเพื่อดักขยะไม่ให้ไหล
าจเกิ
ที่อาจเกิ ดขึป้้นดอกัขึงกั กันบความเสี
บ้นเครื เครื น้ยาและการอุ
บหายที
่องสู่อบงสูเศษพลาสติ ่อาจเกิ
น้าและการอุ ดตักดนดขึภายในระบบท่
้นนกัภายในระบบท่
ตัเป็ บเครื่องสูบอน้และวาล์ าและการอุ
อ และวาล์ว ดตัตะแกรงจึ
ตะแกรงจึ
ว นภายในระบบท่
นต้น เพือ่ ป้องกันความเสียหายทีอ่ าจเกิดต้ขึอน้ งติกับดตัเครื ง เป็งน เป็
อุ ป
น กรณ์
อุ ป อกรณ์ และวาล์
อ่ งสูบน�ำ้ ่รและการอุ ดครอบท่
ตันภายใน
ะบบบ
นระบบบ ที ่ ใ ช้
าบัดาบัน้าเสี เ ป็ น อั
ดน้าเสี น ดั
ย แบ่ บ แรกในระบบบ
ย ระบบท่
งแบ่ตะแกรงออกได้
งตะแกรงออกได้ าบั ด น้ าเสี
เป็ นเวป็2นตะแกรงจึย แบ่
ประเภทคื
2 ประเภทคื ง ตะแกรงออกได้
องตะแกรงหยาบและตะแกรง
อตะแกรงหยาบและตะแกรง เ ป็ น 2 ประเภทคื อ ้
ตะแกรงหยาบและตะแกรงง ตะแกรงที ะดั บ ต่ าเพื ่ อ อ เนื่องจากตะแกร
ละเอี ยดงโลหะเรี
ปกติ ตะแกรงหยาบท อ และวาล์ าจากแท่ เป็ น อุ ป กรณ์ ท ใ
่ ี ช้ เ ป็ น อั น ดั บ แรกในระบบบ� ำ บั ด น� ำ
้ เสี ย แบ่ ง ตะแกรง
ยาบท
งหยาบท าจากแท่ าจากแท่ งโลหะเรี ยงในแนวตั
ยงในแนวตั ้งระยะห่
้งระยะห่ างระหว่างงระหว่
โลหะเรี ายงเหล็
างเหล็ งในแนวตั
กประมาณ
กประมาณ ้งระยะห่
20 20 ถึง าถึ75
งระหว่
ง 75 างเหล็
ม.ม.ม.ม. ตั้ง ตั้งกประมาณ ไม่ให้ท่ว20มตะแกรงเพราะขยะอาจลอยหลุ
ถึง 75 ม.ม. ตั้ง ดลอดออกจากต
ออกได้ เ ป็น 2 ประเภทคื อ ตะแกรงหยาบและตะแกรงละเอี ย ด ปกติ ต ะแกรงหยาบท� ำจากแท่ งโลหะ
สีหลผ่ านขวางช่
ยไหลผ่ าตะแกรงจะถูองทางทีก่ใจัห้ดนกวางในช่
น ตะแกรงจะถู จั้าเสี ยไหลผ่
ดวางในช่ องสีอา่ เงสี
นหลีตะแกรงจะถู
่ เ่ยหลีมและติ
่ยมและติ ดตั้งกดให้
จัตัด้งเให้
อีวางในช่ ง อ30-90
ยเงอีย30-90 งสีองศา
่ เหลีองศา
่ยมและติ
ของแข็ ของแข็งดทีตั่ม้งงีให้
ที่มเี อียออกไปก
ง 30-90 าจั องศา
ดวันของแข็
ละ 1งครั ที่ม้งี ดังแสดงในรูปที่ 2-14 (ก) ส่วนรูป
างช่าขนาดใหญ่
เรี
จะถูกดักอยูย งในแนวตั
่รการก
ะหว่ ง
้
าจัดาาจัขยะส่
งช่ดอขยะส่ ระยะห่
งว่วานนี า
งของตะแกรง งระหว่ า งเหล็
การก ก ประมาณ
ยาจัแรงงานคนหรื
ดยขยะส่ วนนี้ออาจท 20 ถึ ง
าได้โดยอาศั 75 มิ ล ลิ เ มตร ตั ง
้ ออาจใช้ งอเติงทางที
ขวางช่ ่ให้น�้ำเสีย
ยูหว่
่ระหว่ องช่งว่อางว่ งของตะแกรง
างของตะแกรง การก ว้อนนีาจท
้อาจท
าได้าได้โดยอาศั โดยอาศั แรงงานคนหรื อาจใช้
ออาจใช้ ไว้ดยักแรงงานคนหรื
ขยะก่อนไหลลงในถั มอากาศ
มสะอาดแบบอัเครื่องจักตโนมั
วามสะอาดแบบอั รกลช่
ตโนมัตไหลผ่
ิ วยท าน ตะแกรงจะถูตโนมั
ติ าความสะอาดแบบอั กจัตดิ วางในช่องสีเ่ หลีย่ มและติดตัง้ ให้เอียง 30-90 องศา ของแข็งทีม่ ขี นาดใหญ่
สีองโรงพยาบาลหลายแห่
ยของโรงพยาบาลหลายแห่ ที่บ่อสูจะถู ใช้กงตใช้
บน้งาเสี ยดัะแกรงหยาบแบบตะกร้
กตะแกรงหยาบแบบตะกร้
อยู่ระหว่างช่องว่าทีา่ทางงของตะแกรง
ของโรงพยาบาลหลายแห่ ใช้่ทตาจากแผ่
ทีาจากแผ่ ะแกรงหยาบแบบตะกร้
นสแตนเลสเจาะรู
นสแตนเลสเจาะรู การก�ปำิดาจัทีปด่ทิดขยะส่าจากแผ่วนนี ้อาจท�ำได้โปดยอาศั
นสแตนเลสเจาะรู ิด ยแรงงานคน
าเสี ยทีครอบปลายท่
มน้าเสี ่บย่อทีสู่บบ่อเพื ดัหรื
สูบ่อเพืดัก่ออขยะไม่ ออาจใช้
รวบรวมน้
กขยะไม่
ให้ไใหลลงสูห้าเสี เยครื
ไหลลงสู ที่บ่บ่อ่อ่อสู่บงจั
สูบ่อบสูกในบางพื
เพืบรกลช่
่อในบางพื ้นวทียท�
ดักขยะไม่ ใำ่ปห้ความสะอาดแบบอั
่ป้นทีลายท่ ไหลลงสู
ลายท่
ออยูอ่รอยู ่บ่ร่อบะดั
ะดั สูต่บามากท
บต่ในบางพื
ามากท าให้ต้นาให้
โนมั ติ ออยู่ระดับต่ามากทาให้
ที่ปลายท่
บต่
ะดัาเพื ต้่อครอบท่
บต่าเพื องติ ดตั้งอตะแกรงที
่อครอบท่ ่ระดับต่บ่
เนือ่อเนืงจากตะแกรงปิ
่องจากตะแกรงปิ าเพือด่อปากท่สูครอบท่
ดบปากท่ ออสไม่
น�อ้ ำไม่เสี เนื
นิยทส่อของโรงพยาบาลหลายแห่
จึนิงจากตะแกรงปิ
งทจะต้
จึงจะต้ ดปากท่
องรัอกงรัษาระดั
กษาระดั บอน้ไม่าในบ่
บน้าในบ่ สอนิสูทบอจึสูงบจะต้
ง ใช้อตงรัะแกรงหยาบแบบตะกร้
กษาระดับน้าในบ่อสูบ า ที่ ท� ำ จาก
ไม่
ะขยะอาจลอยหลุ
ราะขยะอาจลอยหลุ ใ ห้ ท ่ ว มตะแกรงเพราะขยะอาจลอยหลุ
ดแผ่ นสแตนเลสเจาะรู
ดลอดออกจากตะแกรงได้
ลอดออกจากตะแกรงได้ ควรดึ ด ลอดออกจากตะแกรงได้
ปิดงตะแกรงดั
ควรดึ ครอบปลายท่
งตะแกรงดั กขยะขึ
กขยะขึ ้นอมาเพืรวบรวมน�
้น มาเพื ควรดึ
่อเอาขยะ ง
่อเอาขยะ ตะแกรงดั ก ขยะขึ ้ น มาเพื ่ อ เอาขยะ
้ำเสียที่บ่อสูบเพื่อดักขยะไม่ให้ไหลลงสู่บ่อสูบ
ออกไปก
งครัดั้ง แสดงในรู
ดังแสดงในรู าจั
ปที่ป2-14ด วั น
ที่ 2-14 ละ 1
(ก) (ก)
ในบางพื ครั
ส่วนรู ้ ง
ส่้น ดั
วปนรู ง แสดงในรู
ทีที่ป่ป2-14
ทีลายท่
่ 2-14 (ข) อ(ข) ป ที
และ ่ 2-14
อยูและ (ค)
่ระดั(ค) (ก) ส่
แสดงตะแกรงดัว นรู
บแสดงตะแกรงดั ป ที ่ 2-14
ต�่ำมากท�กำขยะแบบหยาบ (ข)
ต้องติดตั้งแสดงตะแกรงดั
และ
ให้กขยะแบบหยาบ (ค) ตะแกรงที่รกะดัขยะแบบหยาบ
บต�่ำเพื่อครอบท่อ เนื่องจาก
งเติ ไว้
นถังมเติอากาศ
มอากาศดักขยะก่อนไหลลงในถั ง เติ ม อากาศ
ตะแกรงปิดปากท่อไม่สนิทจึงจะต้องรักษาระดับน�้ำในบ่อสูบไม่ให้ท่วมตะแกรงเพราะขยะอาจลอย
หลุดลอดออกจากตะแกรงได้ ควรดึงตะแกรงดักขยะขึ้นมาเพื่อเอาขยะออกไปก�ำจัดวันละ 1 ครั้ง
ดังแสดงในรูปที่ 2-14 แสดงตะแกรงดักขยะแบบหยาบไว้ดักขยะก่อนไหลลงในถังเติมอากาศ
บททีบทที
่ 2 ระบบบ
่บทที
2 ระบบบ
่ 2าบัระบบบ
ดาบั
นาเสี
ดนาบั
ยาเสี
ในโรงพยาบาล
ดนยในโรงพยาบาล
าเสียในโรงพยาบาล
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
24 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
บทที่ 2 ระบบบาบัดนาเสียในโรงพยาบาล
บทที
บทที่ 2่ ระบบบ
2 ระบบบ
าบัาบั
ดนดาเสี
นาเสี
ยในโรงพยาบาล
ยในโรงพยาบาล
ก ข ค
(ก) (ก) (ก) รูปที่ 2-14 (ข) ตะแกรงดั (ข) (ข)กขยะแบบหยาบ (ค) (ค) (ค)
(ก) กขยะแบบหยาบ (ข)ตะแกรงแบบตะกร้ (ค)
ที่ รู2-14
ปที่ 2-14 รูตะแกรงดั
ปที่ ตะแกรงดั 2-14กขยะแบบหยาบ ตะแกรงดั (ก)(ก)ก ตะแกรงแบบตะกร้
กขยะแบบหยาบ (ก) ตะแกรงแบบตะกร้
(ก) ตะแกรงแบบตะกร้ า(ก)
สแตนเลส(ข)(ข) าขสแตนเลส และ าสแตนเลส ค าตะแกรงหยาบ
(ข)
สแตนเลส และ(ข) (ค) และ
(ค)(ค)
(ข)ตะแกรงหยาบ
(ค) และตะแกรงหยาบ (ค) ตะแกรงหยาบ
รูปที่ 2-14 ตะแกรงดักขยะแบบหยาบ (ก) ตะแกรงแบบตะกร้าสแตนเลส (ข) และ (ค) ตะแกรงหยาบ
ในระบบบ ในระบบบ าบั
รูปในระบบบ
ทีดรูป่ น้2-14
าบั
ทีาเสี ดยน้ตะแกรงดั
่ 2-14 ของโรงพยาบาลหลายแห่
าเสี
าบั ดยน้ของโรงพยาบาลหลายแห่
ตะแกรงดั าเสี บักยดขยะแบบหยาบ
กขยะแบบหยาบ ของโรงพยาบาลหลายแห่ (ก)(ก) งตะแกรงแบบตะกร้
ติดตะแกรงแบบตะกร้
ตัง้งติตะแกรงแบบละเอี
ดตั้งงตะแกรงแบบละเอี
ติดตัาสแตนเลส ้งงตะแกรงแบบละเอี
ดตั้งยตะแกรงแบบละเอี
าติสแตนเลส ดที(ข)
(ข) ่ทและ
ยาจากแผ่
ดที
และ ่ทาจากแผ่
(ค) ย(ค)ตะแกรงหยาบ
ดทีนตะแกรงหยาบ
โลหะเจาะรู
่ทยาจากแผ่
นโลหะเจาะรู นโลหะเจาะรู
หรือ หรือ หรือ
ในระบบบในระบบบ� าบัดน้าเสียำของโรงพยาบาลหลายแห่ น�้ำเสียของโรงพยาบาลหลายแห่ งติดตั้งตะแกรงแบบละเอี ยดที่ทาจากแผ่นโลหะเจาะรู ดที ่ท�ำจาก หรือ
าจากลวดที
ลวดทีท่าจากลวดที
ทถาจากลวดที
ักกันแผ่ ่ถเป็ ักกันนในระบบบ ่ถในระบบบ
นโลหะเจาะรู
ตารางขนาดเล็
่ถเป็ นเป็าบั
เป็นดาบั
ักักกันกันตารางขนาดเล็ นน้ตารางขนาดเล็
ดาเสี
หรืน้าเสี
กยอของโรงพยาบาลหลายแห่
ตารางขนาดเล็ ทีท�ย่ตำของโรงพยาบาลหลายแห่
ั้จากลวดที
งกเอีทีก่ยตทีงให้
ั้ง่ตเอีั้งกเอีทียนย่ตถงให้
้าเสี งตินดยงตัตินตารางขนาดเล็
ั้งกเอีกันยนนย้าเสี
งให้ ้ไหลผ่
าเสี
งให้
เป็ ยไหลผ่ า้ดง้าเสี
ไหลผ่ ตะแกรงแบบละเอี
นตั้งาตะแกรงแบบละเอี
ตะแกรงละเอี
ยนาไหลผ่ นตะแกรงละเอี
ตะแกรงละเอีานกตะแกรงละเอีทียดที่ ตยยยั้ งดมี
ดที
่ทเอีาจากแผ่
ดมี ชช่ทย่อ่าจากแผ่
งเปิชนดน่อดยโลหะเจาะรู
องให้
ดมี
งเปิ
นดมี
งเปิโลหะเจาะรู
เสี2.3
�้ ำ2.3 ยชถึดไหลผ่
ง่อถึงเปิ 2.3
6.4ง หรื 6.4ดาถึอนหรืง2.3
มม.
อ6.4ถึมม.
มม. ง 6.4 มม
ยะถู
ดักไว้กขยะถูกน้ทไว้าาจากลวดที
ดัหขยะถู กทหกตะแกรงละเอี
ดัาจากลวดที
ตะแกรงและปล่
ดัน้กกาไว้
ไว้ตะแกรงและปล่
่ถัก่ถกัักนยกัเป็ดมี
หหน้น้าาตะแกรงและปล่
นนเป็ตารางขนาดเล็
ตะแกรงและปล่ ชน่อตารางขนาดเล็
อยให้ งเปิ
อขยให้ ดอยให้
ยะไหลลงรางรั ข2.3 กทีถึก่ตงทีั้งเอี
อยะไหลลงรางรั
ขยให้
ยะไหลลงรางรั
่ต6.4ั้งยเอีงให้
ขยะไหลลงรางรั บยขยะเป็
มิงให้ นล้าเสี
ลิบบนเขยะเป็
้าเสี
ยไหลผ่
มตร
ขยะเป็ นยแบบที ไหลผ่าน าตะแกรงละเอี
บนขยะถู
ขยะเป็
นแบบที
แบบที
นกตะแกรงละเอี
่เรีย่เดัรีนกว่กยแบบที
ไว้รีายหากว่
่เกว่ าย่เาตะแกรงและปล่
น้Static
Static ดมียดมี ช่อชงเปิ
รียStatic กว่ า่องเปิ
screen
screen
ด 2.3
Static ด 2.3
screen หรืหรื
ถึองยให้ ถึ6.4
อscreen
ออาจใช้ อาจใช้ง 6.4
หรื ขมม. ยะนมม.
เอป็อาจใช้
เหรื
ป็นออาจใช้
เป็น เป็น
ขยะถู ขยะถู กดักดัไว้กหไว้น้หาบตะแกรงและปล่
ไหลลงรางรั น้ขยะเป็
าตะแกรงและปล่ นแบบที อยให้ ่เอรียให้
ยขกว่ ยะไหลลงรางรั
ขยะไหลลงรางรั
า Static screen บขยะเป็บขยะเป็ นหรื แบบที นอแบบที ่เรีย่เกว่
อาจใช้ รียเาป็กว่นStatic าตะแกรงที Static screenscreen ่ท�ำหรืความสะอาด
อหรือาจใช้ ออาจใช้ เป็นเป็น
ะแกรงที
งที่ทาความสะอาดแบบอั
ตะแกรงที
่ทตะแกรงที
ตะแกรงทีาความสะอาดแบบอั
ตะแกรงที าความสะอาดแบบอั
่ทาความสะอาดแบบอั
แบบอั่ทตาความสะอาดแบบอั ่ทาความสะอาดแบบอั
โนมั
ตโนมัตตโนมั
ติ เช่นตะแกรงแบบดรั
ิ เช่ตโนมั
ตนตโนมั ตตะแกรงแบบดรั
ิตโนมั
เช่
ตโนมัตนิ เช่ตตะแกรงแบบดรั
ิ เช่นติ นตะแกรงแบบดรั
ิ เช่มเช่ นตะแกรงแบบดรั
ตะแกรงแบบดรั
น(Drum ตะแกรงแบบดรั มscreen)(drum มมม(drum ม(drum
(drum(drum screen)
มscreen)
มีช่อscreen)
(drum
screen)
งเปิ screen) มีมีมีชscreen)
ดขนาด
ชช่อ่อมี่องเปิมีงเปิ
งเปิ ่อชงเปิ
ช0.15
ด่อดขนาด
ขนาด
งเปิ
ขนาดดมีถึขนาด
ชดง ่อขนาด
0.15
0.15งเปิ
0.15ถึดถึมิงงขนาด
2.50.15
0.15
ถึ2.5
ลถึ2.5
ง มตร
ลิง เ2.5
2.5มม.
มม. ถึ0.15
งมม.
มม. 2.5ถึมม.
ง 2.5 มม
ามารถดั สามารถดั
ถดักกากตะกอนน้
สามารถดั
กสามารถดั
กากตะกอนน้ กกกากตะกอนน้
กากตะกอนน้
าเสี าเสียาเสี ยกาเสี
ขนาดเล็ กเช่กเช่นเช่กนกกากอาหาร
นเช่กากอาหาร เส้เส้
เส้นนนเส้ ใยผ้ าเส้
า่อเยื นา่อเยื กระดาษและเศษขยะที ่ม่ม่มาจากน้
าจากน้ าเสี ยยของ ของ
สามารถดั
สามารถดั กกากตะกอนน้ กยกากตะกอนน�
กกากตะกอนน้ ขนาดเล็ ขนาดเล็
าเสี
าเสี ยยขนาดเล็
เช่ยขนาดเล็
นกเสีกากอาหาร
้ำขนาดเล็ ยขนาดเล็ เช่กากอาหาร
นนกกากอาหาร กากอาหาร
เส้
เช่นนใยผ้ กากอาหาร าใยผ้
ใยผ้
นเยืใยผ้ าเยืกระดาษและเศษขยะที
่อใยผ้
เยื่อ่อกระดาษและเศษขยะที
นาใยผ้
กระดาษและเศษขยะที
เส้ เยื่อากระดาษและเศษขยะที
กระดาษและเศษขยะที เยื่อกระดาษและเศษขยะ ่มาจากน้
าจากน้ ่มาเสี าจากน้ าเสี
าเสี ย่มยของ
าจากน้
ของ
าเสียของ าเสียของ
าบาล
งพยาบาล น้โรงพยาบาล
โรงพยาบาล
าเสี น้ยทีจะไหลผ่
โรงพยาบาล าเสี
ม่ าจากน�
โรงพยาบาล ยน้น้จะไหลผ่
าเสี ำ้ าน้ยเสี
น้าเสี
าเสี นด้ ยจะไหลผ่
าเสี นด้าานด้
ยยจะไหลผ่
าของโรงพยาบาล
ยานหน้
จะไหลผ่
จะไหลผ่ าานหน้
นด้ าานหน้
าและดรั
นด้ นด้
านหน้ าและดรั
าาและดรั
นหน้
นหน้มาน�และดรั
จะหมุำ้าาและดรั มยมจะหมุ
เสีและดรั จะหมุ
นจะหมุและดั
มจะไหลผ่
มจะหมุ มนนจะหมุ
นและดั
และดั
กานนด้
และดั เศษขยะต่
และดั กากเศษขยะต่
นกนหน้
และดั
เศษขยะต่
เศษขยะต่
กเศษขยะต่ าางง ๆาๆงมโดยจะมี
ากงเศษขยะต่
าและดรั ๆ าโดยจะมี งโดยจะมี
ๆๆโดยจะมี
จะหมุ างนใใใและดั
โดยจะมี บปาดด้
ๆบปาดด้
บปาดด้โดยจะมี
ใบปาดด้ าาเศษขยะต่
ใกบปาดด้ นหน้
าานหน้
นหน้ ใาาบปาดด้
นหน้ ค่ค่าอาาอนหน้
ค่ยปาด
าอองยปาด
ค่ยปาด ยปาด
ๆาค่นหน้
อยปาด
าค่อยปาด
ขยะออกจากตะแกรง โดยจะมี น้ าเสี ย จะไหลผ่ า นลอดช่ อ งตะแกรงเพื อ
่ น าไปบ าบั ด ในขั น
้ ตอนต่ อ ไปดั ง แสดงในรู ป ที ่ 2-15
ยะออกจากตะแกรง
กจากตะแกรง ขยะออกจากตะแกรง
ขยะออกจากตะแกรง น้าเสีใบปาดด้
ขยะออกจากตะแกรง ยน้จะไหลผ่ านหน้
าเสียน้น้จะไหลผ่
าเสี
น้าาเสี
าเสี าจะไหลผ่
ยนลอดช่ ยค่จะไหลผ่
ยจะไหลผ่ อายปาดขยะออกจากตะแกรง
นลอดช่ อานลอดช่
าานลอดช่
งตะแกรงเพื
นลอดช่ องตะแกรงเพื
องตะแกรงเพื องตะแกรงเพื
องตะแกรงเพื
่อนาไปบ ่อ่อนน่อาไปบ นน�าไปบ
าไปบ
าบั ำ้ ด่อาบั
เสีในขั
นาบั ยดาบั
จะไหลผ่
ในขั
าไปบ ด้นดในขั
ในขั้นาบั
ตอนต่ ตอนต่ ดาตอนต่
้น้นตอนต่ นลอดช่
ออไปดั
ในขั ไปดัอ้นไปดั อแสดงในรู
องตอนต่งงตะแกรงเพื
งแสดงในรู
ไปดั แสดงในรู
งอแสดงในรูปทีปป่ ง2-15
ไปดั อ่ ่ 2-15
น�2-15
ทีทีแสดงในรู ปำไป ที่ 2-15 ปที่ 2-15
บ�ำบัดในขั้นตอนต่อไปดังแสดงในรูปที่ 2-15
ก ข ค
อุปกรณ์ที่ใช้ส�ำหรับควบคุมการเดินหรือตัดการท�ำงานของเครื่องสูบเป็นแบบอัตโนมัติ
โดยใช้ระดับน�้ำในบ่อสูบผ่านอุปกรณ์ควบคุมคือสวิทซ์ลูกลอย ควรติดตั้งห่างจากต�ำแหน่งน�้ำเข้า
และอาจติดตั้งยึดกับท่อแนวดิ่งเพื่อป้องกันสายเคเบิลลูกลอยแกว่ง เศษขยะอาจติดลูกลอยหรือ
สายเคเบิลท�ำให้เครื่องสูบท�ำงานผิดพลาด และควรท�ำความสะอาดลูกลอยเมื่อเกิดติดขัดหรือ
มีน�้ำมันหรือขยะเกาะติดลูกลอย ถ้าเป็นไปได้ควรปรับระดับลูกลอยให้เครื่องสูบน�้ำท�ำงานเฉลี่ย
10 – 15 นาทีต่อครั้งและหยุดประมาณ 20 – 30 นาที และปรับให้ระดับน�้ำไม่ท่วมตะแกรง
แบบตะกร้าเพื่อไม่ให้ขยะหลุดลอยออกจากตะแกรง และระดับน�้ำในบ่อต้องไม่สูงกว่าปลายท่อ
เพื่อให้น�้ำเสียไหลได้สะดวก
รูปทีรู่ 2-17
ปที่ 2-17
ถังปรัถับงปรั
เสมอและระบบเติ
บเสมอและระบบเติ
มอากาศแบบหั
มอากาศแบบหั
วฟู่แวละแบบเจ๊
ฟู่และแบบเจ๊
ท ท
รูปที่ 2-17 ถังปรับเสมอและระบบเติมอากาศแบบหัวฟู่และแบบเจ็ท
5. อัตราการไหลของน�้ำเสีย การวัดอัตราการไหลของน�้ำเสียเข้าสู่ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
เป็นสิ่งที่จ�ำเป็น ส�ำหรับน�ำไปค�ำนวณเพื่อควบคุมการด�ำเนินงานระบบบ�ำบัดน�้ำเสียได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ เช่น อัตราการเติมอากาศ อัตราการทิง้ สลัดจ์และอัตราการเติมคลอรีน เป็นต้น ปกติ
หน่วยบ�ำบัดต่าง ๆ ในระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียจะใช้คา่ อัตราไหลเฉลีย่ ต่อชัว่ โมงในการออกแบบ โดยคิดจาก
ปริมาณน�้ำเสียที่เกิดขึ้นต่อวันแล้วหารด้วย 24 ชั่วโมง น�ำไปค�ำนวณหาปริมาตรถังเติมอากาศ
และขนาดพืน้ ทีห่ น้าตัดของถังตกตะกอนของระบบแอ็กติเวเต็ดสลัดจ์ และปริมาตรถังสัมผัสคลอรีน
ของระบบฆ่าเชือ้ โรคในน�ำ้ เสีย ดังนัน้ จะต้องควบคุมอัตราการไหลของน�ำ้ เสียเข้าระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
ให้มีค่าใกล้เคียงกับอัตราไหลเฉลี่ยที่ออกแบบไว้
2.4 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่สอง
น�้ำเสียหลังจากผ่านกระบวนการบ�ำบัดขั้นต้นแล้วจะไหลเข้าสู่ขั้นตอนการบ�ำบัดต่อเนื่อง
ต่อไปคือระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขั้นที่สอง ซึ่งเป็นขั้นตอนการก�ำจัดสารอินทรีย์ด้วยกระบวนการทาง
ชีวภาพ ในกระบวนการนี้จุลินทรีย์จะใช้สารอินทรีย์เป็นแหล่งพลังงานและแปรเปลี่ยนสารอินทรีย์
นั้นให้เป็นเซลล์จุลินทรีย์ใหม่หรือเรียกว่ามวลชีวภาพ (Biomass) และเนื่องจากในน�้ำเสียมีสาร
อินทรีย์ปนเปื้อนอยู่หลายชนิดจึงต้องการจุลินทรีย์หลายชนิด และแต่ละชนิดจะใช้แหล่งอาหาร
ที่เหมาะสมกับกระบวนการเมตาบอลิซึมของตัวเอง ในกลุ่มจุลินทรีย์ยังประกอบด้วยผู้ล่าซึ่งอาศัย
จุลินทรีย์ชนิดอื่นเป็นอาหารปะปนอยู่ด้วย มวลชีวภาพที่เกิดขึ้นในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียจะต้อง
ถูกก�ำจัดออกจากน�้ำทิ้งด้วยการตกตะกอนจึงจะท�ำให้การบ�ำบัดน�้ำเสียสมบูรณ์
จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับระบบบ�ำบัดน�้ำเสียเป็นชนิดเดียวกันกับจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายสาร
อินทรีย์ในแหล่งน�้ำธรรมชาติ ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียจะควบคุมการท�ำงานของจุลินทรีย์ให้เกิดขึ้น
ในถังปฏิกรณ์ (เช่น บ่อเติมอากาศ) เพื่อให้ได้อัตราการย่อยสลายสารอินทรีย์ที่เร็วที่สุดและเกิด
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
28 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
ปฏิกิริยาสมบูรณ์ที่สุด การก�ำจัดสารอินทรีย์ในแหล่งน�้ำธรรมชาติต้องใช้เวลาหลายวันเนื่องจาก
มีความเข้มข้นของมวลชีวภาพต�ำ่ แต่ในระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียใช้เวลาเพียงไม่กชี่ วั่ โมงเท่านัน้ เนือ่ งจาก
ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียมีมวลชีวภาพที่มีความเข้มข้นสูง
ตัวแปรสภาพแวดล้อมที่มีผลต่ออัตราการเจริญเติบโตและอัตราการย่อยสลายสารอินทรีย์
ได้แก่ อุณหภูมิ pH และสารพิษต่าง ๆ อัตราการเจริญเติบโตและอัตราการใช้สารอินทรีย์ของ
จุลินทรีย์ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียจะเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิ โดยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุก ๆ 10 องศา
เซลเซียสทีเ่ พิม่ ขึน้ จนถึงค่าอุณหภูมสิ งู สุดประมาณ 37 องศาเซลเซียส ความร้อนจะท�ำลายเอนไซม์
และท�ำลายเซลล์จลุ นิ ทรีย์ ค่า pH ของน�ำ้ ทีอ่ ยูร่ อบ ๆ เซลล์จลุ นิ ทรียม์ ผี ลต่อการท�ำงานของเอนไซม์
ซึ่งเอนไซม์ท�ำงานได้ดีในช่วงค่า pH แคบ ๆ และจุลินทรีย์ย่อยสลายสารอินทรีย์และเจริญเติบโต
ได้ดีที่สุดในช่วงค่า pH เป็นกลางระหว่าง 6 ถึง 8
ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้แก่ สารพิษต่าง ๆ ความเข้มข้นของ
TDS และสารออกซิไดซ์ ซึง่ ความเข้มข้นของ TDS จะมีผลต่อความดันออสโมซิสของน�ำ้ รอบจุลนิ ทรีย์
จุลนิ ทรียบ์ างชนิดไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะทีค่ า่ ความเข้มข้นของ TDS สูง สารออกซิไดซ์
มีผลในการท�ำลายเอนไซม์และส่วนประกอบของเซลล์ จุลินทรีย์มีความสามารถในการปรับตัว
ให้เข้ากับตัวแปรต่าง ๆ ในสภาวะแวดล้อมได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ในกรณีของการ
เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่น ค่า pH ของน�้ำเสียลดต�่ำลงอย่างรวดเร็วหรือมีความเข้มข้น
ของ TDS สูงไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วจะมีผลท�ำให้จุลินทรีย์หยุดการเจริญเติบโต
ในระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียแบบชีวภาพอาจใช้ถงั ปฏิกรณ์ทมี่ กี ารไหลของน�ำ้ เสียเข้าถังแบบแบทช์
(Batch) หรือการไหลแบบต่อเนื่อง (Continuous) จุลินทรีย์อาจอยู่ในสภาพที่แขวนลอยอยู่ใน
น�้ำ (Suspended growth) หรือเจริญเติบโตอยู่บนตัวกลางที่อยู่กับที่ (Attached growth หรือ
fixed film)
โรงพยาบาลมีการเลือกใช้ระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียทีแ่ ตกต่างกันตามความเหมาะสมกับสภาพของ
พื้นที่ โดยอาจจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้น�้ำและกิจกรรมของโรงพยาบาล ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิอากาศ ขนาดพื้นที่ของโรงพยาบาล สถานที่ตั้งและชุมชนโดยรอบ เป็นต้น จากการส�ำรวจ
ข้อมูลสถานการณ์ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียในโรงพยาบาลของส�ำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ปี พ.ศ. 2559-2562 พบว่าโรงพยาบาลมีการใช้ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียที่แตกต่างกันตามบริบท
ของพื้นที่ ประเภทของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียที่ใช้ในโรงพยาบาลในประเทศไทยได้แก่ (1) ระบบ
แอกทิเวเต็ดสลัดจ์หรือระบบเอเอสประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ระบบเอเอสแบบคลองวนเวียน (Oxidation
Ditch) ระบบเอเอสแบบผสมสมบูรณ์ (Completely Mixed Activated Sludge) และระบบเอเอส
แบบเอสบีอาร์ (SBR : Sequence Batch Reactor) (2) ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบส�ำเร็จรูป
มี 2 แบบคือ แบบถังไร้อากาศและแบบเติมอากาศ (3) ระบบสระเติมอากาศ (Aerated Lagoon)
(4) ระบบบ่อปรับเสถียร (Waste Stabilization Pond) และ (5) ระบบบึงประดิษฐ์ (Constructed
Wetland)
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 29
แนวทางในการพิจารณาเลือกประเภทของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียส�ำหรับโรงพยาบาลได้แก่
(1) ประสิทธิภาพการบ�ำบัดได้ตามมาตรฐานน�้ำทิ้ง และสามารถรองรับน�้ำเสียทั้งในด้านปริมาณ
และคุณภาพทัง้ ในปัจจุบนั และในอนาคต (2) ค่าใช้จา่ ยในการก่อสร้าง ด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษาไม่สงู
(3) สภาพความเหมาะสมของพืน้ ทีแ่ ละขนาดของพืน้ ทีส่ ำ� หรับการก่อสร้าง และ (4) ความยากง่าย
ในการด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษา และตัวแปรอืน่ เช่น เสียง กลิน่ และทัศนียภาพ เป็นต้น ตารางที่ 2-3
แสดงการเปรียบเทียบเกณฑ์การพิจารณาในด้านความยืดหยุน่ การเดินระบบ ขนาดพืน้ ทีแ่ ละอืน่ ๆ
ของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบชีวภาพประเภทต่าง ๆ
ตารางที่ 2-3 การเปรียบเทียบระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบชีวภาพแบบต่าง ๆ
2.5 ระบบแอกทิเวเต็ดสลัดจ์
สลัดจ์เวียนกลับ
สลัดจ์ส่งก�ำจัด
1) บ่อปรับเสถียรประเภทต่าง ๆ
บ่อปรับเสถียรที่นิยมใช้ส�ำหรับบ�ำบัดน�้ำเสียชุมชนในประเทศไทยมี 3 ประเภทได้แก่
1.1) บ่อแอนแอโรบิก (Anaerobic Pond) เป็นบ่อทีม่ คี วามลึก 2.5 – 5.0 เมตร รองรับ
อัตราภาระสารอินทรีย์สูงท�ำให้เกิดสภาพไร้อากาศทั่วทั้งบ่อตลอดความลึก บ่อมีระยะเวลากักน�้ำ
20 – 30 วัน
1.2) บ่อแฟคัลเททีฟ (Facultative Pond) เป็นบ่อน�ำ้ ความลึก 1.2 – 2.5 เมตร ด้านบน
ของบ่อเป็นชั้นน�้ำที่มีออกซิเจนละลายน�้ำอยู่ตลอดเวลาซึ่งได้จากการสังเคราะห์แสงของสาหร่าย
ในเวลากลางวันและจากการแพร่กระจายของออกซิเจนจากอากาศลงสู่ผิวน�้ำ ชั้นน�้ำช่วงตรงกลาง
บ่อจะมีออกซิเจนละลายน�ำ้ เฉพาะช่วงเวลากลางวันเท่านัน้ ในช่วงเวลากลางคืนอาจไม่มอี อกซิเจน
ละลายน�้ำจึงเรียกว่าชั้นนี้ว่าชั้นแฟคัลเททีฟ บ่อมีระยะเวลากักน�้ำ 5 – 30 วัน
1.3) บ่อบ่ม (Maturation Pond) เป็นบ่อที่ใช้ในการท�ำให้น�้ำเสียที่ผ่านการบ�ำบัดจาก
กระบวนการบ�ำบัดทางชีวภาพแล้วมีความสะอาดยิ่งขึ้น ออกซิเจนละลายน�้ำจะมีอยู่ทั่วบ่อตลอด
ความลึกซึ่งได้จากกระบวนการสังเคราะห์แสงและได้จากการถ่ายเทออกซิเจนจากอากาศ
ปัจจุบันไม่นิยมใช้บ่อแอนแอโรบิกส�ำหรับบ�ำบัดน�้ำเสียชุมชนในประเทศไทย เนื่องจาก
น�้ำในบ่อมีสีด�ำและเกิดกลิ่นเหม็นของก๊าซไข่เน่ารบกวนชุมชนใกล้เคียง ระบบบ่อปรับเสถียรที่ใช้
ส�ำหรับโรงพยาบาลจึงใช้เพียงบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มเท่านั้น
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
32 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
2) รูปแบบการวางผังส�ำหรับระบบบ่อปรับเสถียร
ระบบบ่อปรับเสถียรส�ำหรับบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลจะจัดวางผังระบบโดยใช้
บ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มต่อเนือ่ งกัน อาจมีการใช้บอ่ แฟคัลเททีฟ 1 บ่อหรือ 2 บ่อแล้วตามด้วยบ่อบ่ม
และติดตั้งถังสัมผัสคลอรีนส�ำหรับฆ่าเชื้อโรคที่เหลืออยู่ในขั้นตอนสุดท้ายดังแสดงในรูปที่ 2-19
D
น�้ำเสีย
F M C
D
น�้ำเสีย
F F M C
กลไกการบ�ำบัดน�้ำเสีย
1
กลไกการก�ำจัดสารอินทรียใ์ นบ่อแฟคัลเททีฟประกอบด้วย 2 กลไกหลักดังแสดง
ในรูปที่ 2-22 ได้แก่
แบคทีเรียจะถูกสาหร่ายน�ำไปใช้ในการเจริญเติบโต โดยแบคทีเรียและสาหร่ายมีความสัมพันธ์
แบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สาหร่ายใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการสังเคราะห์แสงและ
ผลิตออกซิเจนให้แอโรบิกแบคทีเรีย ดังนั้นในสภาวะปกติที่มีแสงแดดกระบวนการเมตาบอลิซึม
ของจุลินทรีย์ทั้งสองกลุ่มจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน เนื่องจากความต้องการแสงแดดจึงพบว่า
สาหร่ายส่วนใหญ่จะอยูใ่ กล้ ๆ ผิวน�ำ้ (ประมาณ 0.5 – 1.0 เมตร) ซึง่ เป็นบริเวณทีม่ กี ารผลิตปริมาณ
ออกซิเจนสูงทีส่ ดุ และความเข้มของแสงจะลดลงตามความลึกของน�ำ้ ท�ำให้ความเข้มข้นของสาหร่าย
ลดลงตามความลึกของน�้ำ
ชั้นน�้ำด้านบนของบ่อเป็นชั้นแอโรบิกซึ่งอยู่ในสภาวะที่มีออกซิเจนตลอดเวลา ออกซิเจน
ส่วนใหญ่มาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายในเวลากลางวัน กระแสลมทีพ่ ดั ผ่านผิวน�ำ้
มีความส�ำคัญมากท�ำให้เกิดคลืน่ และเกิดการผสมของน�ำ้ ภายในบ่อ และท�ำให้การถ่ายเทออกซิเจน
จากอากาศลงสู่ผิวน�้ำเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลากลางคืน
ช่วงรอยต่อระหว่างชัน้ แอโรบิกและชัน้ แอนแอโรบิกมีการเปลีย่ นแปลงขยับขึน้ ลงไม่อยูก่ บั ที่
เมือ่ มีการผสมจากลมและแสงแดดทีแ่ รงพอส่องทะลุลงมาอาจท�ำให้ชนั้ แอโรบิกเคลือ่ นตัวลงด้านล่าง
ในทางกลับกันในสภาพที่ไม่มีลมและแสงแดดอ่อนอาจท�ำให้ชั้นแอนแอโรบิกเคลื่อนตัวขึ้นด้านบน
สภาพการเปลี่ยนแปลงของแสงแดดในหนึ่งวันจะท�ำให้ชั้นรอยต่อนี้มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เช่นกัน ชัน้ น�ำ้ ในส่วนทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลงความเข้มข้นออกซิเจนละลายน�ำ้ แตกต่างกันอย่างมากนี้
เรียกว่าชั้นแฟคัลเททีฟ
2 การเจริญเติบโตของสาหร่ายในบ่อปรับเสถียร
สาหร่ายมีความส�ำคัญมากในบ่อแฟคัลเททีฟและมีความเข้มข้นมากกว่าแบคทีเรีย
ซึง่ สังเกตได้จากน�ำ้ ในบ่อทีม่ สี เี ขียว ปกติมคี วามเข้มข้นของสาหร่ายจะมีคา่ ต�ำ่ กว่า 200 มิลลิกรัม/ลิตร
ขึ้นกับอัตราภาระสารอินทรีย์ สาหร่ายที่พบในบ่อปรับเสถียรแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มได้แก่
(1) สาหร่ายสีเขียว (Green algae) เป็นสาหร่ายขนาดเล็กประมาณ 20 ไมโครเมตร
เนื่องจากมีขนาดเล็กและความหนาแน่นต�่ำจึงอยู่ในสภาพแขวนลอยตลอดเวลา เป็นสาหร่าย
ที่พบมากที่สุดและท�ำให้น�้ำในบ่อมีสีเขียว (2) สาหร่ายสีเขียวแกมน�้ำเงิน (Blue green algae)
มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจนจากอากาศ จึงไม่ตอ้ งการแอมโมเนียหรือไนโตรเจนในน�ำ้ เสีย
ส�ำหรับสังเคราะห์เซลล์ใหม่ จึงพบในบ่อน�้ำที่อยู่ในสภาวะที่มีธาตุอาหารต�่ำและค่า pH ต�่ำ ซึ่งเป็น
สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมส�ำหรับสาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีน�้ำเงินแกมเขียวสามารถเคลื่อนที่
ได้เล็กน้อยและรวมตัวกันเป็นแพไปขัดขวางแสงแดดที่จะส่องลงไปในความลึกของน�้ำ ท�ำให้การ
สังเคราะห์แสงลดลงและเกิดสภาพไร้อากาศด้านล่างของบ่อและอาจเกิดกลิ่นเหม็นเขียวขึ้นได้
การรวมตัวกันของสาหร่ายอาจมีความยาวถึง 200 ถึง 700 ไมโครเมตร (3) ไดอะตอม (Diatom)
พบเป็นจ�ำนวนน้อย มีขนาดใหญ่และเคลื่อนที่ไม่ได้ (4) ยูกลีนา (Euglena) และคลาไมโดโมแนส
(Chlamydomonas) เป็นสาหร่ายที่มีเม็ดสี (pigment) ที่มีแฟลเจลลา (flagella) เคลื่อนที่ได้
มีขนาด 15 - 30 ไมโครเมตร
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
36 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบ่อภายใน 1 วัน
3
3.1) DO : ออกซิเจนที่ได้จากกระบวนสังเคราะห์แสงจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วง
กลางวันที่มีแสงสว่างเท่านั้น ส่วนในช่วงกลางคืนสาหร่ายจะแย่งชิงทั้งออกซิเจนและสารอินทรีย์
กับแบคทีเรีย ท�ำให้ปริมาณออกซิเจนของน�้ำในบ่อลดน้อยลง ดังนั้นความเข้มข้นของออกซิเจน
ละลายน�้ำ (DO) ที่มีอยู่ในบ่อจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในช่วงเวลาหนึ่งวันดังแสดงในรูปที่ 2-23
ในเวลากลางวันที่มีแสงแดดจัด ๆ ค่า DO อาจสูงมากกว่าการใช้ออกซิเจนของแบคทีเรีย และ
มีคา่ สูงกว่าความเข้มข้นอิม่ ตัวของออกซิเจนในน�ำ้ (เรียกว่า Super saturation) เช่น ค่า DO สูงถึง
13 มิลลิกรัม/ลิตร ส่วนในเวลากลางคืนค่า DO ในน�้ำจะลดต�่ำลงหรืออาจมีค่าเป็นศูนย์ถ้าน�้ำในบ่อ
มีปริมาณสาหร่ายอยู่เป็นจ�ำนวนมากจนเกินไป
สาหร่ายส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ผิวน�้ำเพื่อได้รับพลังงานสูงสุด จึงท�ำให้น�้ำในบ่อใกล้
ผิวน�ำ้ มีความเข้มข้นของออกซิเจนละลายน�ำ้ สูงสุด และแสงแดดจะส่องลงในน�ำ้ ได้นอ้ ยลงตามความ
ลึกของน�้ำ ท�ำให้มีความเข้มข้นของสาหร่ายลดลง เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร
ทีแ่ สงแดดมีความเข้มสูงท�ำให้ความลึกน�ำ้ ทีแ่ สงแดดส่องถึงส�ำหรับการสังเคราะห์แสงของสาหร่าย
(Photic zone) ได้เกือบ 1 เมตร ของความลึกน�ำ้ ดังนัน้ น�ำ้ ทีอ่ ยูเ่ หนือความลึกดังกล่าวจะอยูใ่ นสภาพ
แอโรบิก ส่วนน�้ำที่ความลึกต�่ำลงไปจะอยู่ในสภาพแอนแอโรบิก ในช่วงเวลากลางคืนความลึกน�้ำ
ที่อยู่ในสภาวะแอโรบิกจะลดลง
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 37
ความหนาของชั้นแอโรบิกจะเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา 1 วันและจะเปลี่ยนแปลง
ตามอัตราภาระสารอินทรีย์ของน�้ำเสียที่เข้าบ่อ บ่อปรับเสถียรที่มีอัตราภาระสารอินทรีย์สูงจะมี
ความหนาของชั้นแอโรบิกจะลดลงและมีชั้นแอนแอโรบิกสูง รูปที่ 2-24 แสดงผลของอัตราภาระ
สารอินทรีย์ที่มีต่อความหนาของชั้นแอโรบิกในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
แขวนลอยอยู่ในชั้นที่มีแสงแดดและไม่ตกตะกอนลงก้นบ่อ ในกรณีที่ไม่กระแสลมจะท�ำให้ไม่เกิด
การผสม สาหร่ายเกาะกันหนาในช่วงกลางวันและป้องกันแสงแดดไม่ให้ส่องลงในน�้ำด้านล่าง
ส่งผลให้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�ำ้ เสียลดลง ดังนัน้ จึงไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่รอบ ๆ บ่อแฟคัลเททีฟ
นอกจากจะบังกระแสลมที่พัดผ่านผิวน�้ำของบ่อแล้ว ยังอาจบังแสงแดดที่มีความส�ำคัญส�ำหรับ
การสังเคราะห์แสง
4.3) อุณหภูมิ : อุณหภูมิของน�้ำในบ่อที่สูงขึ้นจะช่วยเร่งอัตราการสังเคราะห์
แสงของสาหร่ายและอัตราการย่อยสลายสารอินทรีย์ของแบคทีเรีย อุณหภูมิของน�้ำในบ่อที่น�ำมา
พิจารณาในการออกแบบเป็นอุณหภูมเิ ฉลีย่ ของน�ำ้ ทีต่ ำ�่ ทีส่ ดุ ในช่วงฤดูหนาว และพบว่าอุณหภูมขิ อง
บรรยากาศและอุณหภูมขิ องน�ำ้ ในบ่อจะแตกต่างกันเล็กน้อย ในฤดูหนาวเมือ่ บรรยากาศมีอณ ุ หภูมิ
อยู่ในช่วง 15 – 25oC อุณหภูมิของน�้ำในบ่อจะมีค่าสูงกว่าอุณหภูมิของบรรยากาศ แต่ในฤดูร้อน
อุณหภูมนิ ำ�้ จะเป็นตรงข้ามคือมีคา่ ต�ำ่ กว่าอุณหภูมขิ องบรรยากาศดังแสดงในตารางที่ 2-6 และพบว่า
อุณหภูมิของผิวน�้ำจะมีค่าสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของน�้ำในบ่อประมาณ 1 – 5oC โดยในช่วงฤดูร้อน
จะมีค่าต่างกันสูงสุด ดังนั้นในช่วงฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยในหนึ่งวันต�่ำกว่า 15oC เป็นเวลานาน
อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสีย ซึ่งแตกต่างจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบ
แอกติเวเต็ดสลัดจ์ ซึ่งอุณหภูมิของบรรยากาศที่ลดต�่ำลงไม่มีผลกระทบประสิทธิภาพการบ�ำบัด
น�้ำเสียของระบบเนื่องจากในถังเติมอากาศมีความเข้มข้นของจุลินทรีย์สูงมาก [14]
ตารางที่ 2-6 อุณหภูมิเฉลี่ยของน�้ำในบ่อที่แปรผันกับอุณหภูมิของบรรยากาศ [15]
อุณหภูมิของบรรยากาศ (oC) อุณหภูมิเฉลี่ยของน�้ำในบ่อ (oC)
15 20.8
20 23.5
25 26.2
30 28.9
35 31.6
ที่มา : [15]
2.6.4 ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ
ตารางที่ 2-7 แสดงข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของการใช้ระบบบ่อปรับเสถียร
เมื่อเทียบกับการใช้ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียประเภทอื่น
ตารางที่ 2-7 ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของการใช้ระบบบ่อปรับเสถียร
ข้อได้เปรียบ ข้อเสียเปรียบ
- ค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้างและบ�ำรุงรักษาต�่ำกว่า - ต้องการพื้นที่ก่อสร้างระบบ
และไม่ต้องใช้พลังงานนอกจากแสงแดด ขนาดใหญ่กว่าระบบบ�ำบัด
- การบ�ำรุงรักษาง่าย ไม่ต้องการบุคลากรที่มีความรู้สูง น�้ำเสียประเภทอื่น
- มีประสิทธิภาพในการก�ำจัดโคลิฟอร์มแบคทีเรียได้สูงถึง - น�้ำทิ้งจากบ่อบ่มอาจมีสาหร่าย
99.99% และก�ำจัดซีสต์โปรโตซัวและไข่พยาธิได้ 100% ปนอยู่จ�ำนวนมาก และอาจ
- ระบบมีขนาดใหญ่สามารถรองรับการเพิม่ ขึน้ อย่างกะทันหัน ท�ำให้ค่าของแข็งแขวนลอย
ของปริมาณน�้ำเสียและสารอินทรีย์ได้ เกินมาตรฐานน�้ำทิ้ง
- เมือ่ ปริมาณน�ำ้ เสียสูงเกินค่าทีอ่ อกแบบ สามารถปรับระบบ
ให้เป็นสระเติมอากาศได้ทนั ทีดว้ ยการเพิม่ เครือ่ งเติมอากาศ
- ง่ายต่อการน�ำทีด่ นิ กลับมาใช้ในอนาคต ด้วยการปรับระบบ
บ�ำบัดน�ำ้ เสียให้เป็นแบบสระเติมอากาศและระบบแอกติเวเต็ด
สลัดจ์
2.6.5 การพิจารณาออกแบบ
ตัวแปรหลักทีใ่ ช้ในการออกแบบระบบบ่อแฟคัลเททีฟ ได้แก่ อัตราภาระสารอินทรีย์
(BOD5) ต่อพื้นที่ผิวน�้ำ ความลึกน�้ำ ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ โครงสร้างและรูปทรงของบ่อ
1 อัตราภาระสารอินทรีย์ต่อพื้นที่ผิวน�้ำ
อั ต ราภาระสารอิ น ทรี ย ์ ต ่ อพื้ น ที่ผิว น�้ำเป็นตัว แปรหลักที่ใช้ส�ำหรับ ออกแบบ
บ่อแฟคัลเททีฟ ซึง่ อยูบ่ นพืน้ ฐานของขนาดพืน้ ทีข่ องบ่อทีร่ บั แสงแดดส�ำหรับกระบวนการสังเคราะห์แสง
ของสาหร่าย และขนาดพืน้ ทีผ่ วิ น�ำ้ ของบ่อต้องใหญ่เพียงพอเพือ่ ใช้ผลิตปริมาณออกซิเจนให้มากพอ
ส�ำหรับความต้องการใช้ออกซิเจนของแบคทีเรียในการย่อยสลายสารอินทรีย์ (BOD5) ดังนัน้ อัตรา
ภาระสารอินทรีย์ต่อพื้นที่จึงเป็นตัวแปรออกแบบที่ตอบสนองกับความต้องการออกซิเจนส�ำหรับ
การย่อยสลายสารอินทรีย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของสาหร่ายและความสมดุลระหว่างการผลิต
ออกซิเจนและการใช้ออกซิเจน สมการค�ำนวณแสดงดังต่อไปนี้
Ls = (QS0)
A
เมื่อ Ls = อัตราภาระสารอินทรีย์ (BOD5) ต่อพื้นที่ผิวน�้ำ (กรัมบีโอดี/
ตารางเมตร- วัน)
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 41
Q = อัตราการไหลของน�้ำเสีย (ลูกบาศก์เมตร/วัน)
S0 = ค่าบีโอดี (BOD5) ของน�้ำเสีย (มิลลิกรัม/ลิตร)
A = พื้นที่บ่อที่จุดครึ่งหนึ่งของความลึกน�้ำ (ตารางเมตร)
ค่าอัตราภาระสารอินทรีย์ต่อพื้นที่ (Ls) จะแปรผันกับอุณหภูมิ ความเข้มของ
แสงแดด (ละติจดู ) จ�ำนวนวันทีม่ แี สงแดด โดยจะต้องพิจารณาอุณหภูมเิ ฉลีย่ ในหนึง่ วันทีต่ ำ�่ ทีส่ ดุ ของปี
เกณฑ์ออกแบบบ่อปรับเสถียรประเภทต่าง ๆ ที่อุณหภูมิเฉลี่ย 20oC แสดงในตารางที่ 2-8
สถานทีก่ อ่ สร้างระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียแบบบ่อปรับเสถียรทีม่ คี า่ Ls สูงกว่าจะใช้ขนาดของพืน้ ทีก่ อ่ สร้าง
บ่อแฟคัลเททีฟต�่ำกว่า
2 ความลึกน�้ำ
จากรูปที่ 2-22 ชัน้ แอโรบิกของบ่อแฟคัลเททีฟจะอยูด่ า้ นบนและความหนาของชัน้ นี้
จะขึ้นกับความลึกของแสงแดดที่ส่องลงไปในบ่อท�ำให้เกิดปฏิกิริยาสังเคราะห์แสง ความเข้มของ
แสงจะลดลงตามความลึกของน�้ำโดยเฉพาะน�้ำที่มีสีเข้มและมีความขุ่นสูง ดังนั้นจะไม่พบสาหร่าย
เจริญเติบโตที่ระดับความลึกค่าหนึ่งของบ่อน�้ำ
ความลึกน�้ำของบ่อ (D) ที่ต้องการจะแปรผันกับปริมาตรน�้ำของบ่อและพื้นที่
ผิวของน�ำ้ (D = V/A) ความลึกน�ำ้ ทีเ่ หมาะสมส�ำหรับบ่อแฟคัลเททีฟควรอยูใ่ นช่วง 1.5 – 2.5 เมตร
แม้วา่ บ่อทีม่ คี วามลึกประมาณ 1.0 เมตร จะมีสภาพเป็นบ่อแอโรบิกทัว่ ทัง้ บ่อ แต่การก่อสร้างจะต้องใช้
พื้นที่ผิวน�้ำขนาดใหญ่ และจะต้องลอกตะกอนสะสมที่ก้นบ่อถี่ขึ้น เพราะเมื่อความลึกน�้ำของบ่อ
ลดต�่ำลงจนมีค่าน้อยกว่า 0.6 เมตร พืชโผล่พ้นน�้ำที่มีรากอยู่ที่ดินก้นบ่อ เช่น ธูปฤาษี เป็นต้น
จะเจริญเติบโตได้ดี และความลึกน�ำ้ ของบ่อไม่ควรมีคา่ มากเกินไปเพือ่ หลีกเลีย่ งปัญหากลิน่ ทีอ่ าจจะ
เกิดขึ้นจากการย่อยสลายแบบไร้อากาศของตะกอนสะสมที่ก้นบ่อ
3 ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ
ระยะเวลาเก็บกักน�ำ้ ของบ่อแฟคัลเททัฟจะขึน้ กับปริมาตรน�ำ้ ในบ่อและอัตราไหล
ของน�้ำเสีย ดังสมการต่อไปนี้
t = V
Q
เมื่อ t = ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ (วัน)
V = ปริมาตรน�้ำของบ่อ (ลูกบาศก์เมตร)
Q = อัตราไหลน�้ำเสีย (ลูกบาศก์เมตร/วัน)
ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ (t) ที่ต้องการส�ำหรับการย่อยสลายสารอินทรีย์จะแปรผัน
ตามสภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะอุณหภูมขิ องน�ำ้ ในบ่อ ค่า t จะมีคา่ ลดลงเมือ่ อุณหภูมขิ องน�ำ้ สูงขึน้
ท�ำให้ปริมาตรน�้ำของบ่อบ�ำบัดลดลง ค่า t ของบ่อแฟคัลเททีฟในประเทศไทยควรมีค่าอยู่ในช่วง
5 – 30 วัน ขึ้นกับอัตราภาระสารอินทรีย์
4 รูปทรงของบ่อ
ปกติบ่อแฟคัลเททีฟมีรูปทรงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีอัตราส่วนของความยาว
ต่อความกว้าง (L/B) อยู่ในช่วง 2:1 – 4:1 ค่าอัตราส่วนนี้มีผลต่อการผสมของน�้ำภายในบ่อ
ซึง่ กระแสลมจะช่วยให้เกิดการผสมภายในบ่อทีด่ ขี นึ้ การออกแบบบ่ออาจพิจารณาสภาพของพืน้ ที่
และปรับค่าอัตราส่วน L/B ให้มากขึ้นซึ่งจะท�ำให้เกิดสภาพการไหลแบบตามกัน นอกจากนี้
บ่อแฟคัลเททีฟอาจถูกปรับให้โค้งตามสภาพของพื้นที่ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นแบบสี่เหลี่ยม และเพื่อให้
เกิดการผสมจากลมที่ดีอาจพิจารณาออกแบบให้ด้านยาวของบ่ออยู่ในแนวเดียวกับทิศทางลม
การค�ำนวณหาขนาดของพืน้ ทีผ่ วิ น�ำ้ ของบ่อปรับเสถียรจะใช้ความกว้างและความ
ยาวที่จุดกึ่งกลางความลึกของบ่อเนื่องจากผนังบ่อมีความลาดเอียง ในแบบก่อสร้างจะต้องระบุ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 43
เมื่อ L = ความกว้างหรือความยาวที่จุดกึ่งกลางบ่อ
D = ความลึกน�้ำของบ่อ
n = ความชันของคันดิน
ปริมาตรของบ่อ = พื้นที่จุดกึ่งกลางบ่อ x ความลึกน�้ำ
= L1 x L2 x D
ความยาวหรือความกว้างขอบบ่อ = L + nD + 2n (free board)
A = W x 2W = 600 ตารางเมตร
W = 600 = 17.3 18 เมตร
2
L = 2 x 18 = 36 เมตร
ปริมาตรน�้ำของบ่อ = 18 x 36 x 1.5 = 972 ลูกบาศก์เมตร
ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ (t) = V = 972 = 16.2 วัน
Q 60
(1.3) ค�ำนวณหาขนาดขอบบ่อ
ก�ำหนดระยะจากระดับน�้ำถึงขอบบ่อ (Free board) = 0.5 เมตร
(2) บ่อบ่ม
(2.1) ค�ำนวณหาปริมาตรบ่อ (V)
ก�ำหนดระยะเวลาเก็บกักน�ำ้ (t) = 5 วัน
V = Qt = 60 x 5 = 300 ลูกบาศก์เมตร
(2.2) ค�ำนวณหาพื้นที่ผิว ขนาดบ่อ และปริมาตร
ก�ำหนดความลาดชันของผนังบ่อ n = 1 : 1.5 และความลึกน�้ำ D = 1.5 เมตร
พื้นที่กึ่งกลางบ่อ (A) = V = 300 = 200 ตารางเมตร
D 1.5
ก�ำหนด กว้าง (W) : ยาว (L) = 1 : 2
A = W x 2W = 200 ตารางเมตร
W = 200 = 10 เมตร
2
L = 2 x 10 = 20 เมตร
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 45
5 การพิจารณาด้านธรณีวิทยา
วัตถุประสงค์ของการพิจารณาด้านธรณีวิทยาเพื่อให้มั่นใจว่าออกแบบคันดินได้
อย่างถูกต้อง และต้องตรวจสอบการซึมน�้ำของดินเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของน�้ำใต้ดินด้วยการ
ปูแผ่นพลาสติก (lining) และควรตรวจสอบคุณสมบัติของดินจนถึงระดับต�่ำกว่าก้นบ่อ 1 เมตร
และระดับน�้ำใต้ดินสูงสุด เพื่อใช้เป็นข้อมูลส�ำหรับออกแบบคันดินที่มีเสถียรภาพ
การก่อสร้างคันดินของบ่อปรับเสถียรควรใช้ดินที่ขุดจากพื้นที่และปรับให้สมดุล
ระหว่างดินทีใ่ ช้สร้างคันดินและดินทีข่ ดุ ขึน้ มา ในการก่อสร้างคันดินจะต้องบดอัดดินทีล่ ะชัน้ ๆ ละ
15 - 25 เซนติเมตรที่ความหนาแน่น 90% proctor และดินที่บดอัดจะต้องมีค่าการซึมน�้ำต�่ำกว่า
10 - 7 เซนติเมตร/วินาที และความชันของคันดินอาจมีค่า 1 : 1.5 ถึง 1 : 3 ขึ้นกับคุณสมบัติ
ของดินทีใ่ ช้กอ่ สร้าง ควรคลุมผิวคันดินด้านในด้วยซีเมนต์หรือปูแผ่นพลาสติก และเพือ่ เพิม่ ความมัน่ คง
ของคันดินควรมีมาตรการป้องกันด้านนอกของคันดินจากการกัดเซาะของน�้ำฝนและน�้ำท่วม
และมีการป้องกันการกัดเซาะด้านในของคันดินจากคลื่น วิธีการป้องกันอาจใช้แผ่นคอนกรีต
หรือใช้หินทิ้ง (riprap) ปูทับผิวด้านในของคันดินตามแนวความชัน
6 ทางเข้าและทางออก และการกระจายน�้ำเสีย
ควรติดตั้งท่อเข้าและท่อออกของน�้ำจากบ่อปรับเสถียรให้เหมาะสมเพื่อป้องกัน
การกัดเซาะคันดินและการไหลลัดวงจร และจะต้องท�ำให้น�้ำเสียกระจายตัวและผสมกันได้
โดยติดตั้งท่อเข้าและท่อออกอยู่ที่มุมด้านยาวของบ่อเยื้องกันดังรูปที่ 2-25
การก�ำจัดเชื้อโรค
7
การก�ำจัดเชือ้ โรคเป็นวัตถุประสงค์ทสี่ ำ� คัญของระบบบ่อปรับเสถียร จุลนิ ทรียท์ กี่ อ่
ให้เกิดโรคในน�้ำเสียที่ถูกก�ำจัด ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัวและไข่พยาธิ เชื้อโรคจะถูกก�ำจัด
ในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มได้ระดับหนึ่ง และเชื้อโรคส่วนใหญ่จะถูกก�ำจัดในบ่อบ่มซึ่งเป็นหน้าที่
หลักของบ่อบ่ม เมื่อใช้บ่อแฟคัลเททีฟร่วมกับบ่อบ่มจะสามารถก�ำจัดได้มากกว่า 99.99% [13]
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมส�ำหรับการอยู่รอดของเชื้อโรคคือภายในล�ำไส้ของ
มนุษย์ และเมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียหรือในแหล่งน�้ำธรรมชาติซึ่งมีสภาพแวดล้อมไม่
เหมาะสมเชื้อโรคจะเริ่มตาย ตัวแปรที่มีผลต่อการก�ำจัดแบคทีเรียและไวรัส ได้แก่ (1) อุณหภูมิ
อัตราการตายของเชือ้ โรคและโคลิฟอร์มแบคทีเรียจะสูงขึน้ เมือ่ อุณหภูมขิ องน�ำ้ สูงขึน้ (2) แสงแดด
ความลึกน�้ำของบ่อบ่มไม่ควรมากกว่า 1.5 เมตร เพื่อให้แสงแดดและแสงอัลตราไวโอเลตสามารถ
ส่องลงในบ่อเกือบตลอดความลึกได้ และความลึกน�ำ้ ควรมีคา่ มากว่า 1 เมตร เพือ่ ป้องกันการเจริญเติบโต
ของพืชโผล่พ้นน�้ำ เช่น ธูปฤาษี เป็นต้น (3) pH อัตราการตายของแบคทีเรียและไวรัสจะสูงขึ้น
เมื่อค่า pH ของน�้ำสูงขึ้น ซึ่งปกติค่า pH ของน�้ำในบ่อบ่มจะมีค่ามากกว่า 8.5 เนื่องจากปฏิกิริยา
สังเคราะห์แสงของสาหร่าย (4) ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ บ่อบ่มที่มีระยะเวลาเก็บกักน�้ำยาวนาน
จะท�ำให้อัตราการตายของเชื้อโรคสูงขึ้น (5) การขาดอาหารและผู้ล่า เนื่องจากสารอินทรีย์ในน�้ำ
ส่วนใหญ่ถกู ก�ำจัดออกไปทีบ่ อ่ แฟคัลเททีฟ ท�ำให้นำ�้ ภายในบ่อบ่มมีความเข้มข้นของสารอินทรียต์ ำ�่
แบคทีเรียส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาวะขาดอาหารและมีผู้ล่าตามธรรมชาติ เช่น โปรโตซัว ช่วยลด
ปริมาณแบคทีเรียในบ่อบ่ม และเมื่ออัตราภาระของสารอินทรีย์เข้าบ่อบ่มสูงขึ้นจะท�ำให้อัตรา
การก�ำจัดโคลิฟอร์มแบคทีเรียลดลง (6) DO ค่า DO ของน�้ำในบ่อบ่มจะมีค่าสูงมากโดยเฉพาะ
ในเวลากลางวัน ซึง่ เป็นสภาวะทีเ่ หมาะส�ำหรับแอโรบิกแบคทีเรีย ในการก�ำจัดโคลิฟอร์มแบคทีเรีย
ได้สูงขึ้น บ่อบ่มถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์ของกลไกการก�ำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ โดยเฉพาะการ
ก�ำจัดแบคทีเรียและไวรัสซึ่งใช้โคลิฟอร์มแบคทีเรียเป็นตัวชี้วัด ปกติความสามารถในการก�ำจัด
โคลิฟอร์มแบคทีเรียของบ่อบ่มจะสูงกว่า 99.99%
จึงท�ำให้ระบบบ่อปรับเสถียรมีความสามารถในการฆ่าเชือ้ โรคสูงกว่าระบบบ�ำบัด
น�้ำเสียประเภทอื่น ส่วนการก�ำจัดสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่ไม่สามารถใช้โคลิฟอร์มแบคทีเรียเป็นตัวชี้วัด
ได้แก่ ซีสต์ของโปรโตซัวและไข่พยาธินั้นจะถูกก�ำจัดออกได้ 100% ในบ่อบ่มด้วยกลไกของการ
ตกตะกอน [13] จึงกล่าวได้ว่าระบบบ่อปรับเสถียรมีความสามารถในการฆ่าเชื้อโรคสูงกว่าระบบ
บ�ำบัดน�ำ้ เสียประเภทอืน่ และเพือ่ ความมัน่ ใจจะต้องฆ่าเชือ้ โรคด้วยคลอรีนก่อนระบายน�ำ้ ทิง้ ออกสู่
สิ่งแวดล้อม
การก�ำจัดไข่พยาธิ
8
ไข่พยาธิจะถูกก�ำจัดด้วยกระบวนการตกตะกอนและส่วนใหญ่จะถูกก�ำจัดใน
บ่อแฟคัลเททีฟ ถ้ามีไข่พยาธิหลงเหลือจะถูกก�ำจัดอย่างต่อเนือ่ งในบ่อบ่ม และในน�ำ้ ทิง้ ของโรงพยาบาล
จะต้องมีไข่พยาธิไม่เกิน 1 ใบต่อลิตร ส�ำหรับระบบบ่อปรับเสถียรที่มีระยะเวลาเก็บกักน�้ำยาวนาน
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 47
สระเติมอากาศเป็นระบบบ�ำบัดน�้ำเสียที่ใช้บ่อน�้ำขนาดใหญ่เช่นเดียวกับบ่อแฟคัลเททีฟ
แต่ปริมาณออกซิเจนทีใ่ ช้ในการย่อยสลายสารอินทรียม์ าจากเครือ่ งเติมอากาศ และเครือ่ งเติมอากาศ
ยังช่วยให้เกิดการผสมของสารอินทรียแ์ ละแบคทีเรียได้ดี ท�ำให้ได้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดทีร่ วดเร็ว
ขึ้น จึงท�ำให้ปริมาตรของบ่อสระเติมอากาศมีขนาดเล็กกว่าบ่อแฟคัลเททีฟ
การใช้เครื่องเติมอากาศท�ำให้ระบบสระเติมอากาศสามารถรองรับอัตราภาระสารอินทรีย์
ทีส่ งู กว่าระบบบ่อปรับเสถียร และระยะเวลาเก็บกักน�ำ้ ทีต่ อ้ งการส�ำหรับการย่อยสลายสารอินทรีย์
ลดลง ท�ำให้ต้องการพื้นที่ก่อสร้างที่เล็กกว่าระบบบ่อปรับเสถียร น�้ำในบ่อจะปั่นป่วนและมีความ
ขุ่นตลอดเวลา แสงแดดไม่สามารถส่องผ่านในน�้ำได้ท�ำให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้น้อยหรือไม่ได้
เลย แต่การใช้เครื่องเติมอากาศจะท�ำให้ระบบมีความซับซ้อนมากขึ้นและต้องใช้พลังงานส�ำหรับ
เครื่องเติมอากาศ
ระบบสระเติมอากาศต้องการพืน้ ทีใ่ นการก่อสร้างมากกว่าระบบเอเอส นิยมใช้สำ� หรับพืน้ ที่
ทีม่ รี าคาทีด่ นิ ไม่สงู มาก ระบบสระเติมอากาศเป็นระบบทีส่ ามารถดัดแปลงจากระบบบ่อปรับเสถียร
ได้ง่ายโดยติดตั้งเครื่องเติมอากาศเพิ่มเติมเมื่ออัตราภาระบีโอดีสูงเกินกว่าที่ระบบบ่อปรับเสถียร
จะสามารถรองรับได้ นอกจากนี้ยังสามารถดัดแปลงระบบสระเติมอากาศให้เป็นระบบเอเอสได้
โดยติดตั้งถังตกตะกอนเพิ่มเติมพร้อมกับระบบสูบสลัดจ์กลับ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
48 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
2.7.1 ประเภทของสระเติมอากาศ
สระเติมอากาศแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามระดับของการผสม ได้แก่
1.1) สระเติมอากาศแบบผสมสมบูรณ์ (Complete-mixed aerobic lagoon)
ออกแบบให้ใช้เครื่องเติมอากาศที่ระดับพลังงานต่อปริมาตรน�้ำสูงเพียงพอส�ำหรับการผสมอย่าง
สมบูรณ์ ของแข็งแขวนลอยทัง้ หมดในบ่อเติมอากาศจะอยูใ่ นสภาพแขวนลอยจึงไม่มกี ารสะสมของ
ตะกอนทีก่ น้ บ่อ ท�ำให้เกิดการผสมของสารอินทรียแ์ ละแบคทีเรียทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ดังนัน้ ระยะเวลา
กักน�้ำที่ต้องการส�ำหรับสระเติมอากาศแบบผสมสมบูรณ์ในการก�ำจัดบีโอดีจะมีค่าต�่ำกว่าสระเติม
อากาศแบบผสมบางส่วน แต่พลังงานของเครื่องเติมอากาศที่ต้องใช้ส�ำหรับการผสมสมบูรณ์อาจ
มีค่ามากกว่าพลังงานที่ใช้ส�ำหรับแบบผสมบางส่วน นอกจากนี้ของแข็งแขวนลอยที่ปนไปกับน�้ำทิ้ง
จากสระเติมอากาศแบบผสมสมบูรณ์จะมีค่าสูงกว่าน�้ำทิ้งจากสระเติมอากาศแบบผสมบางส่วน
1.2) สระเติมอากาศแบบผสมบางส่วน (Partial-mix aerated lagoon) ใช้เมื่อ
ต้องการระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบใช้อากาศที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าระบบบ่อปรับเสถียรหรือใช้เมื่อ
อัตราภาระสารอินทรียส์ งู เกินความสามารถในการบ�ำบัดของบ่อแฟคัลเททีฟ ด้วยการติดตัง้ เครื่อง
เติมอากาศทีม่ รี ะดับพลังงานเพียงพอส�ำหรับให้ปริมาณออกซิเจนทีเ่ พียงพอส�ำหรับการก�ำจัดบีโอดี
เท่านั้น และท�ำให้ออกซิเจนกระจายไปทั่วทั้งบ่อแต่ระดับพลังงานต่อปริมาตรน�้ำไม่มากพอที่จะให้
เกิดการผสมอย่างสมบูรณ์ ท�ำให้ของแข็งแขวนลอยตกตะกอนและสะสมที่ก้นบ่อ สารอินทรีย์ใน
ตะกอนจะถูกย่อยสลายแบบไร้อากาศ ผลผลิตจากการย่อยสลายแบบไร้อากาศ เช่น กรดอินทรีย์
สารประกอบไนโตรเจนและฟอสฟอรัสจะถูกแบคทีเรียทีใ่ ช้อากาศน�ำไปใช้ในการเจริญเติบโตต่อไป
ตะกอนทีย่ อ่ ยสลายไม่ได้จะค้างสะสมอยูท่ กี่ น้ บ่อ ดังนัน้ อาจต้องลอกตะกอนออกจากบ่อเติมอากาศ
2-3 ปีต่อครั้ง โดยทั่วไปนิยมใช้สระเติมอากาศแบบผสมบางส่วนมากกว่าสระเติมอากาศแบบ
ผสมสมบูรณ์ เนื่องจากสามารถบ�ำบัดน�้ำเสียจนได้น�้ำทิ้งที่มีคุณภาพดีเช่นเดียวกันแต่ใช้พลังงาน
น้อยกว่า และเมือ่ พลังงานของเครือ่ งเติมอากาศทีใ่ ช้นอ้ ยกว่าจึงท�ำให้เกิดการตกตะกอนของของแข็ง
แขวนลอยภายในบ่อพร้อม ๆ กับการก�ำจัดบีโอดี ข้อเสียเปรียบของระบบนี้คือต้องใช้เวลากักน�้ำ
ที่นานกว่าระบบสระเติมอากาศแบบผสมสมบูรณ์ จึงต้องใช้พื้นที่ก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่กว่า
ในการใช้ระบบสระเติมอากาศทัง้ สองแบบจะต้องออกแบบให้มรี ะบบตกตะกอนเสมอ
หรืออาจใช้ระบบบ่อปรับเสถียร เช่น บ่อบ่ม เพือ่ ตกตะกอนของแข็งแขวนลอยของจุลนิ ทรียท์ เี่ กิดขึน้
ลักษณะที่แตกต่างกันของระบบสระเติมอากาศทั้ง 2 แบบเปรียบเทียบกับระบบเอเอสแสดง
ในตารางที่ 2-11 และเนื่องจากระยะเวลาเก็บกักน�้ำของสระเติมอากาศทั้ง 2 แบบไม่นานมากพอ
จึงไม่เกิดปฏิกิริยาไนตริฟิเคชัน
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 49
2.7.2 ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบ
ข้อได้เปรียบของระบบสระเติมอากาศต่อระบบเอเอสคือ (1) การด�ำเนินงานและ
บ�ำรุงรักษาง่าย (2) ไม่ต้องการผู้ควบคุมระบบที่มีความรู้และความช�ำนาญ (3) บ่อมีขนาดใหญ่
เป็นเสมือนถังปรับสภาพจึงไม่ตอ้ งมีระบบบ�ำบัดขัน้ ต้น (4) ไม่มรี ะบบก�ำจัดสลัดจ์และไม่ตอ้ งทิง้ สลัดจ์
ออกจากระบบเป็นประจ�ำ (5) ความสามารถในการกระจายความร้อนออกได้ดี ส�ำหรับข้อเสียเปรียบ
ได้แก่ (1) ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ บ่อเติมอากาศมีขนาดใหญ่ต้องเก็บกักน�้ำเป็นเวลานาน (2) น�้ำทิ้ง
ทีผ่ า่ นการบ�ำบัดแล้วมีของแข็งแขวนลอยสูงจึงต้องมีระบบตกตะกอน (3) ประสิทธิภาพการบ�ำบัด
เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ
2.7.3 การพิจารณาออกแบบ
สมการออกแบบ
1
วิธีออกแบบระบบสระเติมอากาศคือการสมมติให้ประสิทธิภาพการก�ำจัดบีโอดี
อยู่ในรูปของฟังก์ชันของปฏิกิริยาอันดับที่ 1 ประสิทธิภาพการก�ำจัดบีโอดีวัดจากค่า BOD5 ของ
น�้ำเสียเข้าและออกจากสระเติมอากาศ สมการที่ใช้ออกแบบคือ
Se = 1
S0 1+Kt
เมื่อ Se = ค่า BOD5 รวมของน�้ำทิ้งที่ออกจากสระเติมอากาศ (มิลลิกรัม/ลิตร)
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
50 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4 การพิจารณาด้านธรณีวิทยาและรูปทรงของบ่อ
ระบบสระเติ ม อากาศส่ ว นใหญ่ จ ะติ ด ตั้ ง เครื่ อ งเติ ม อากาศผิ ว น�้ ำ ท� ำ หน้ า ที่
เติมออกซิเจนลงสู่น�้ำและท�ำให้น�้ำเกิดความปั่นป่วน ซึ่งความปั่นป่วนที่มีความรุนแรงนี้อาจท�ำให้
พื้นก้นบ่อที่เป็นดินธรรมดาถูกกัดเซาะ ดังนั้นพื้นก้นบ่อควรปูด้วยแผ่นพลาสติกหรือดาดด้วย
คอนกรีต นอกจากช่วยป้องกันดินก้นบ่อจากการกัดกร่อนของเครื่องเติมอากาศและยังช่วยเพื่อ
ป้องกันน�ำ้ เสียไม่ให้รวั่ ซึมลงสูช่ นั้ น�ำ้ ใต้ดนิ ขอบบ่อสร้างเป็นคันดินทีม่ คี วามลาดชันทีเ่ หมาะสมตาม
คุณลักษณะของดินเพื่อให้คันดินมีความแข็งแรง และทนต่อการกัดเซาะจากฝนและน�้ำไหลนอง
นิยมก่อสร้างสระเติมอากาศเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีอัตราส่วนความยาวต่อ
ความกว้าง 3:1 ถึง 4:1 ซึ่งท�ำให้เกิดประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสียที่ดี เนื่องจากการไหลของ
น�ำ้ ในสระเติมอากาศจะเป็นในลักษณะแบบไหลตามกัน และติดตัง้ ท่อน�ำ้ เสียเข้าและออกตรงมุมบ่อ
ให้เยือ้ งกันมากทีส่ ดุ เพือ่ ป้องกันการไหลลัดวงจร ความลึกของน�ำ้ ในสระเติมอากาศอาจมีคา่ เท่ากับ
3 – 4 เมตร โดยพิจารณาจากข้อก�ำหนดของเครื่องเติมอากาศจากผู้ผลิต
2) ออกแบบสระเติมอากาศแบบผสมสมบูรณ์
2.1) ค�ำนวณหาค่า K ที่ 25 OC: K20 = 1.5 วัน-1
K25 = K20 T-2 = (1.5)(1.06)5 = 2.0 วัน-1
2.2) ค�ำนวณหาปริมาตรของบ่อเติมอากาศ
t = Se - S0 = 150 - 20 = 3.25 วัน
KSe (2.0)(20)
ปริมาตรของบ่อเติมอากาศ (V) = Qt = (60)(3.25) = 195 ลูกบาศก์เมตร
พื้นที่กึ่งกลางบ่อเติมอากาศ (A) = V/D = 195/2.5 = 78 ตารางเมตร
2.3) ก�ำหนดขนาดของบ่อต่าง ๆ ก�ำหนดความลาดชันของผนังบ่อ = 1 : 2
2.3.1) สระเติมอากาศพื้นที่กึ่งกลางบ่อต่อบ่อ 78 ตารางเมตร
ก�ำหนด กว้าง (W): ยาว (L) = 1 : 2
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
54 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
A = W x 2W = 78 ตารางเมตร
W= 78 = 6.25 เมตร
2
L = 2 x 6.25 = 12.5 เมตร
ก�ำหนดความลึกน�้ำ D = 2.5 เมตร
ระยะขอบบ่อเหนือน�้ำ = 0.5 เมตร
ความยาวขอบบ่อ = L+nD+2n(free board)
= 12.5 + (2 x 2) + 2(2 x 0.5) = 24 เมตร
ความกว้างของบ่อ = 9.5 + (2 x 2) + 2(2 x 0.5) = 14.5 เมตร
2.4) ค�ำนวณหาปริมาณออกซิเจนที่ต้องการ ก�ำหนดค่า = 1.5
= 1.5Q (S0 – Se) x 10-3
= 1.5(60)(150 - 20)x10-3 = 7.8 กิโลกรัมO2/วัน
2.5) ค�ำนวณหาขนาดเครือ่ งเติมอากาศผิวน�ำ้ ส�ำหรับปริมาณออกซิเจน ก�ำหนดใช้เครือ่ งเติม
อากาศแบบเจ็ททีม่ ปี ระสิทธิภาพถ่ายเทออกซิเจนในสภาวะใช้งานจริงเท่ากับ 0.5 กิโลกรัมO2/กิโลวัตต์
พลังงานเครื่องเติมอากาศ = 7.8/0.5 x 1/24 = 0.65 กิโลวัตต์
2.6) ค�ำนวณหาขนาดเครือ่ งเติมอากาศส�ำหรับการผสมสมบูรณ์ ก�ำหนดพลังงานต่อปริมาตร
ส�ำหรับการผสมสมบูรณ์เท่ากับ 6 วัตต์/ลูกบาศก์เมตร
พลังงานเครื่องเติมอากาศ = 8 x 195 x10-3 = 1.56 กิโลวัตต์
พลังงานของเครื่องเติมอากาศส�ำหรับการผสมสมบูรณ์สูงกว่า เลือกใช้เครื่องเติม
อากาศที่ 1.56 กิโลวัตต์
ติดตั้งเครื่องเติมอากาศแบบเจ็ทขนาด 1.5 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง เดินเครื่องตลอดเวลา
3) ค�ำนวณหาปริมาตรของบ่อตกตะกอน
ปริมาตรบ่อตกตะกอน (V) = Qt = 60 x 2 = 120 ลูกบาศก์เมตร
ก�ำหนดความลึกน�้ำ = 1.5 เมตร
พื้นที่กึ่งกลางบ่อตกตะกอน (A) = V/D = 120/1.5 = 80 ตารางเมตร
3.1) ขนาดบ่อตกตะกอน พื้นที่กึ่งกลางบ่อ 80 ตารางเมตร
W= 80 = 6.3 6.5 เมตร
2
L = 2 x 6.5 = 13 เมตร
ความยาวขอบบ่อ = 13 + (2 x 1.5) + 2(2 x 0.5) = 18 เมตร
ความกว้างของบ่อ = 6.5 + (2 x 1.5) + 2(2 x 0.5) = 11.5 เมตร
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 55
2.8.1 ประเภทของบึงประดิษฐ์
โดยปกตินิยมใช้บึงประดิษฐ์ในการปรับปรุงคุณภาพน�้ำทิ้งที่ผ่านการบ�ำบัดแล้ว
หรือใช้บ�ำบัดน�้ำเสียที่มีค่าบีโอดีไม่สูงมาก เช่น น�้ำเสียชุมชน เป็นต้น บึงประดิษฐ์แบ่งออกเป็น
3 ประเภทตามลักษณะการไหล (รูปที่ 2-24) ได้แก่
1 ระบบน�้ำไหลบนผิวชั้นดินอย่างอิสระ (Free water surface system, FW)
ประกอบด้วยบ่อน�้ำที่พื้นบ่อเป็นชั้นดินเพื่อให้รากพืชยึดเกาะอยู่ได้ และอาจ
ปูชนั้ กันซึม เช่น ชัน้ ดินเหนียวหรือแผ่นพลาสติกใต้ชนั้ ดินส�ำหรับปลูกพืชเพือ่ ป้องกันการปนเปือ้ น
น�ำ้ ใต้ดนิ บ่อควรมีโครงสร้างทางเข้าและออกของน�ำ้ ทีเ่ หมาะสมเพือ่ ให้สามารถปรับระดับน�ำ้ ในบึงได้
ระดับน�ำ้ อาจถูกรักษาให้อยูท่ รี่ ะดับไม่กเี่ ซนติเมตรจนถึง 0.8 เมตรหรือมากกว่า ขึน้ กับวัตถุประสงค์
ของบึงประดิษฐ์และชนิดของพืชที่ใช้ ระดับน�้ำปกติที่ใช้คือ 0.3 เมตร น�้ำจะไหลอยู่เหนือผิวดิน
อย่างช้า ๆ ตามความยาวของบ่อผ่านใบไม้และต้นพืชที่เจริญเติบโตอยู่ ถ้าการกระจายของน�้ำ
เป็นไปอย่างสม�่ำเสมอจะท�ำให้การไหลเป็นแบบไหลตามกัน
2 ระบบน�้ำไหลใต้ชั้นกรอง (Subsurface flow system, SF)
เป็นบ่อขุดที่บรรจุด้วยตัวกลางที่น�้ำไหลซึมผ่านได้ดี (ตารางที่ 2-12) เช่น หินบด
และกรวด ซึ่งใช้เป็นฐานให้พืชยึดเกาะและเจริญเติบโต อาจใช้พืชชนิดเดียวกันกับบึงประดิษฐ์
แบบ FW แต่ปลูกในส่วนด้านบนของชัน้ กรอง อาจปูวสั ดุกนั ซึมใต้ชนั้ กรองเพือ่ ป้องกันชัน้ น�ำ้ ใต้ดนิ
ปกติชนั้ ตัวกลางมีความหนา 0.3 – 0.6 เมตร น�ำ้ ทีไ่ หลเข้าบึงประดิษฐ์จะถูกรักษาระดับให้อยูต่ ำ�่ กว่า
ผิวหน้าของชัน้ ตัวกลางตลอดเวลา น�ำ้ เสียจะไหลเข้าบึงด้านหนึง่ และไหลออกอีกด้านหนึง่ ซึง่ น�ำ้ เสีย
จะสัมผัสกับโซนทีอ่ ยูใ่ นสภาวะแอโรบิก แอนนอกซิกและแอนแอโรบิก บริเวณทีม่ ี DO จะอยูร่ อบ ๆ
รากของพืช ออกซิเจนจะถูกส่งจากใบลงสู่รากและลงสู่น้�ำ แอโรบิกแบคทีเรียจะอาศัยอยู่รอบ ๆ
รากพืชและได้ออกซิเจนส�ำหรับย่อยสลายสารอินทรีย์ บึงประดิษฐ์ประเภทนีไ้ ม่สามารถออกซิไดซ์
แอมโมเนียได้ดีเนื่องจากการถ่ายเทออกซิเจนไม่เพียงพอ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
56 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
2.8.2 ระบบบึงประดิษฐ์แบบ FW
บึงประดิษฐ์แบบ FW เป็นระบบบ�ำบัดน�้ำเสียที่สร้างเลียนแบบพื้นที่ชุ่มน�้ำธรรมชาติ
น�ำ้ เสียจะไหลเข้าบึงประดิษฐ์ดา้ นหนึง่ แล้วไหลอย่างช้า ๆ ผ่านต้นไม้โผล่พน้ น�ำ้ ไปยังทางออกทีอ่ ยู่
อีกด้านหนึง่ ของบึง น�ำ้ เสียจะไหลเหนือรากพืชทีเ่ ติบขึน้ จากดิน พืชทีป่ ลูกอยูใ่ นบึงประดิษฐ์จะต้อง
ทนทานต่อดินทีอ่ มิ่ ตัวด้วยน�ำ้ และอยูใ่ นสภาวะไร้อากาศได้ดี ค่า DO ของน�ำ้ ในแต่ละระดับความสูง
ของน�้ำในบึงจะแตกต่างกันดังแสดงในรูปที่ 2-27 บริเวณใกล้ผิวน�้ำที่สัมผัสกับอากาศจะมีค่า DO
สูงที่สุดและจะมีค่าลดลงตามความลึกของน�้ำ น�้ำที่ก้นบึงจะมีค่า DO ต�่ำมาก และลึกลงในชั้นดิน
ไม่กี่มิลลิเมตรจะมีค่า DO เป็นศูนย์ นอกจากนี้น�้ำในบริเวณพื้นที่ใกล้ท่อน�้ำเสียเข้าจะมีค่า DO
ต�่ำเนื่องจากความต้องการออกซิเจนในการย่อยสลายสารอินทรีย์จากน�้ำเสีย ซึ่งสภาวะ DO ต�่ำนี้
เหมาะส�ำหรับการเจริญเติบโตของลูกน�้ำ รายละเอียดของบึงประดิษฐ์แบบ FW มีดังต่อไปนี้
1 การถ่ายเทออกซิเจน
ออกซิเจนทีแ่ บคทีเรียใช้ในการย่อยสลายสารอินทรียม์ าจาก (1) การแพร่จากอากาศ
(2) การสังเคราะห์แสงของสาหร่าย (3) การสังเคราะห์แสงของพืชใต้นำ�้ และ (4) จากฝนทีต่ กลงมา
ท�ำให้บึงประดิษฐ์แบบ FW มีอัตราการถ่ายเทออกซิเจนลงสู่น�้ำที่ไม่สูง จึงต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่
ที่สุดส�ำหรับการก่อสร้างเมื่อเปรียบเทียบกับบึงประดิษฐ์ประเภทอื่น อัตราการถ่ายเทออกซิเจน
ลงสูน่ ำ�้ ทัง้ หมดมีคา่ เท่ากับ 5 – 10 กรัม/ตารางเมตร พืน้ ทีช่ มุ น�ำ้ /วัน [20] ซึง่ ต�ำ่ กว่าอัตราการถ่ายเท
ออกซิเจนของบ่อแฟคัลเททีฟ ออกซิเจนที่ต้นพืชผลิตขึ้นจะถูกส่งไปที่รากและถ่ายเทลงสู่ดิน และ
น�้ำเสียจะไหลอยู่เหนือระดับดินจึงไม่มีการสัมผัสกันระหว่างน�้ำเสียกับรากพืชโดยตรง ดังนั้น
ออกซิเจนที่ผลิตจากต้นพืชไม่ได้ใช้ในการบ�ำบัดน�้ำเสีย และเมื่อต้นพืชเติบโตขยายจ�ำนวนมากขึ้น
จะท�ำให้พื้นที่ผิวของฟิล์มแบคทีเรียเพิ่มขึ้น แต่จะท�ำให้สาหร่ายเจริญเติบโตน้อยลงและไปลด
ปริมาณออกซิเจนที่ผลิตจากสาหร่าย
2 การก�ำจัดบีโอดี
ส่วนล�ำต้นของพืชและเศษซากพืชที่เน่าสลายสะสมในบึงประดิษฐ์แบบ FW
จะถูกใช้เป็นพืน้ ทีผ่ วิ ส�ำหรับแบคทีเรียทีเ่ จริญเติบโตแบบเกาะติด (Attached-growth) ซึง่ เป็นกลุม่
แบคทีเรียหลักทีย่ อ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นน�ำ้ เสียในบึงประดิษฐ์ และเนือ่ งจากในบึงประดิษฐ์มพี นื้ ทีผ่ วิ
จ�ำนวนมากให้แบคทีเรียเกาะติด จึงท�ำให้สามารถย่อยสลายสารอินทรีย์ได้อย่างรวดเร็ว ในส่วน
ของพื้นที่โล่งที่สัมผัสกับแสงแดด แบคทีเรียและสาหร่ายจะท�ำงานร่วมกันในการย่อยสลาย
สารอินทรีย์ สารอินทรียใ์ นรูปแข็งแขวนลอยจะตกตะกอนอย่างรวดเร็วเนือ่ งจากน�ำ้ ในบ่ออยูใ่ นสภาพนิง่
สารอินทรีย์จะถูกก�ำจัดทั้งในสภาพแอโรบิกและแอนแอโรบิกที่มีอยู่ในบึงประดิษฐ์
3 การก�ำจัดของแข็งแขวนลอย
ต้นพืชโผล่พ้นน�้ำที่ขึ้นอยู่ในบึงประดิษฐ์แบบ FW นอกจากจะให้พื้นที่ผิวส�ำหรับ
แบคทีเรียเจริญเติบโตแล้ว ยังช่วยก�ำจัดของแข็งแขวนลอย ได้แก่ (1) ลดความปัน่ ป่วนท�ำให้นำ�้ ในบึง
อยูใ่ นสภาพนิง่ ช่วยเพิม่ ประสิทธิภาพการตกตะกอน (2) ใบของพืชช่วยบังแสงแดดลดการเจริญเติบโต
ของสาหร่าย และ (3) ท�ำให้เกิดการรวมตัวของคอลลอยด์ขนาดเล็กเป็นตะกอนขนาดใหญ่ทตี่ กตะกอน
ได้ง่าย
4 การก�ำจัดไนโตรเจน
ไนโตรเจนถูกก�ำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยปฏิกิริยาชีวภาพในบึงประดิษฐ์
แม้ว่าพืชดูดซึมไนโตรเจนเพื่อการเจริญเติบโต แต่พบว่าไนโตรเจนที่ถูกก�ำจัดด้วยการดูดซึมของ
พืชนี้เป็นสัดส่วนที่น้อย พบว่าพืชสามารถก�ำจัดไนโตรเจนได้เพียงร้อยละ 10 ของไนโตรเจนที่
ถูกก�ำจัดทัง้ หมดเท่านัน้ [19] ความสามารถในการก�ำจัดไนโตรเจนของบึงประดิษฐ์อาจต้องใช้เวลา
พัฒนาเป็นปี ระบบอาจเข้าสู่สมดุลหลังจากการเจริญเติบโตของพืชผ่านไป 2 ถึง 3 รุ่นส�ำหรับ
ระบบราก ดิน และตะกอนก้นบ่อ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
60 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
หาขนาดพื้นที่ผิวน�้ำของบึงประดิษฐ์นิยมใช้อัตราภาระสารอินทรีย์ต่อพื้นที่เช่นเดียวกันกับระบบ
บ่อปรับเสถียร โดยใช้อัตราภาระบีโอดีต่อพื้นที่หน้าตัดและระยะเวลากักน�้ำในช่วงค่าดังแสดง
ในตารางที่ 2-13 สมการค�ำนวณแสดงดังต่อไปนี้
Ls = QS0
A
เมื่อ Ls = อัตราภาระบีโอดีตอ่ พืน้ ทีผ่ วิ น�ำ้ (กรัมบีโอดี/ตารางเมตร-วัน)
Q = อัตราไหลน�้ำเสีย (ลูกบาศก์เมตร/วัน)
S0 = ค่าบีโอดี (BOD5) ของน�้ำเสีย (มิลลิกรัม/ลิตร)
A = พื้นที่ผิวน�้ำของบึงประดิษฐ์ (ตารางเมตร)
ตารางที่ 2-13 เกณฑ์การออกแบบบึงประดิษฐ์
บึงประดิษฐ์แบบ FW บึงประดิษฐ์แบบ SF
รายการ
ช่วงค่า ค่าทั่วไป ช่วงค่า ค่าทั่วไป
ขนาดพื้นที่ที่ต้องการขั้นต�่ำ (ตร.ม./ ลบ.ม./วัน) 0.2 – 0.7 0.4 – 0.6 0.12 – 0.17 80 – 95
ความลึกสูงสุดของระดับน�้ำ (ม.) - 0.5 - -
ความสูงของชั้นตัวกลาง - 0.3 – 0.9 -
สัดส่วนขั้นต�่ำความยาวต่อความกว้าง - 2:1 - -
ระยะเวลากักน�้ำ (วัน) 4 – 15 - 5 – 10 -
อัตราภาระชลศาสตร์ (ซม./วัน) 1.5 – 5.0 - 6–8 -
อัตราภาระบีโอดี (ก. บีโอดี/ตร.ม./วัน) < 10 8 – 12 -
อัตราภาระไนโตรเจน (ก./ตร.ม/วัน) - 6 - 6
ที่มา : [16]
6.3) ความลึกน�้ำ
ความลึกน�ำ้ ปกติของบึงประดิษฐ์แบบ FW เท่ากับ 0.3 – 0.6 เมตร พืชโผล่พน้ น�ำ้
ในบึงประดิษฐ์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ทรี่ ะดับน�ำ้ สูงกว่า 0.6 เมตร ดังนัน้ จึงต้องควบคุมระดับความลึก
ของน�้ำในบึงไม่สูงเกินค่าดังกล่าว
6.4) ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ
ระยะเวลาเก็บกักน�ำ้ ของบึงประดิษฐ์จะขึน้ กับปริมาตรน�ำ้ ในบึงประดิษฐ์และ
อัตราไหลของน�้ำเสีย ดังสมการต่อไปนี้
t = V
Q
เมื่อ t = ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ (วัน)
V = ปริมาตรน�้ำของบ่อ (ลูกบาศก์เมตร)
Q = อัตราไหลน�้ำเสีย (ลูกบาศก์เมตร/วัน)
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
62 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
free board
6.7) การจัดการต้นพืชและองค์ประกอบภายในบึงประดิษฐ์
การจัดการองค์ประกอบภายในบึงประดิษฐ์ให้เหมาะสมจะมีผลต่อประสิทธิภาพ
การบ�ำบัด ในทางทฤษฎีถา้ สามารถควบคุมความหนาแน่นของต้นพืชทีข่ นึ้ ในบึงประดิษฐ์ให้มคี า่ สูง
เหมาะสมจะท�ำให้ตน้ พืชทัง้ หมดได้สมั ผัสกับน�ำ้ เสีย ท�ำให้การกระจายน�ำ้ เสียสม�ำ่ เสมอไม่ไหลลัดวงจร
และท�ำให้ระบบมีประสิทธิภาพการบ�ำบัดสูงสุด ดังนั้นในช่วงของการออกแบบควรพิจารณาการ
จัดการต้นพืชและองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น ท่อกระจายน�้ำเสียเข้าและออก เป็นต้น เพื่อหลีกเลี่ยง
ไม่ให้เกิดการไหลลัดวงจร
รูปที่ 2-29 แสดงรูปแบบการปลูกต้นไม้และการกระจายน�้ำเสียเข้าและ
ออกเพื่อไม่ให้เกิดการไหลลัดวงจรและให้ได้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดสูงสุด ควรต้องปลูกต้นไม้
ให้เป็นแถวและแนวที่มีระยะห่างระหว่างต้นใกล้เคียงกันขวางการไหลของน�้ำ เพื่อช่วยกระจาย
น�้ำเสียและให้น�้ำเสียไหลผ่านต้นไม้ทุกต้นที่ขึ้นอยู่ในบึง ไม่ให้เกิดการไหลลัดวงจร นอกจากนี้
บึงประดิษฐ์ที่มีพื้นที่เปิดซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างต้นไม้จะให้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสียที่ดีกว่า
บึงประดิษฐ์ที่มีต้นไม้ขึ้นเต็มพื้นที่ [15]
6.8) โครงสร้างควบคุมระดับน�้ำภายในบึงประดิษฐ์แบบ FW
ระดับน�ำ้ ภายในบึงประดิษฐ์มผี ลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
ดังที่กล่าวไปแล้ว การควบคุมระดับน�้ำท�ำได้ด้วยโครงสร้างทางออกด้านปลายน�้ำ ประกอบด้วย
เวียร์(Weir) น�้ำล้นและประตูน�้ำ หรือระบบท่อน�้ำล้นที่สามารถปรับขึ้นลงได้เพื่อให้สามารถ
ควบคุมระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์ได้ทั้งในช่วงอัตราการไหลสูงสุดในหนึ่งวันและในช่วงฝนตกหนัก
6.9) การป้องกันน�้ำใต้ดิน
การป้ อ งกั น การปนเปื ้ อ นของน�้ ำ ใต้ ดิ น จากระบบบ� ำ บั ด น�้ ำ เสี ย แบบ
บึงประดิษฐ์สามารถท�ำได้ด้วยการก่อสร้างบึงประดิษฐ์แบบ FW เหนือชั้นดินเหนียวบดอัด
ที่มีค่าการซึมน�้ำต�่ำ < 10 - 7 เซนติเมตร/วินาที หรือใช้วิธีการปูด้วยแผ่นพลาสติก เช่น HDPE
หนา 1 มิลลิเมตร หรือ PVC หนา 0.8 มิลลิเมตร แล้วเททับด้วยดินหนาส�ำหรับปลูกพืช
6.9) คันดิน
คันดินของบึงประดิษฐ์แบบ FW จะต้องมีความมั่นคงและทนทานต่อการ
กัดเซาะของน�้ำฝน ดินที่ใช้ท�ำคันดินควรเป็นดินเหนียวบดอัดมีค่าการซึมน�้ำต�่ำ และความชันของ
คันดินอาจมีค่า 1 : 1.5 ถึง 1 : 3 ขึ้นกับคุณสมบัติของดินที่ใช้ก่อสร้าง ควรคลุมผิวคันดินด้านใน
ด้วยซีเมนต์หรือปูแผ่นพลาสติก หรือปลูกหญ้าส�ำหรับคันดินทีเ่ ป็นดินเพือ่ เพิม่ ความมัน่ คงของคันดิน
ควรป้องกันผนังด้านนอกของคันดินจากการกัดเซาะของน�้ำฝนและน�้ำท่วม
6.10) ดินส�ำหรับปลูกพืช
พืชที่ปลูกในบึงประดิษฐ์แบบ FW จะเติบโตและเพิ่มจ�ำนวนขึ้น ดินที่ใช้
ต้องเหมาะส�ำหรับพืชที่จะอยู่รอดและให้รากพืชขยายออก ดินเหนียวบดอัดและแผ่นพลาสติก
ไม่เหมาะสมส�ำหรับการปลูกพืช จึงควรหาดินที่เหมาะสมเททับเหนือชั้นกันซึม ดินที่ใช้ควรเป็น
ดินร่วนปนทรายความหนา 15 - 30 เซนติเมตร
2.9 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียด้วยผักตบชวา
ผักตบชวาเป็นพืชลอยน�้ำที่เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยจะแตกหน่อกระจายทั่วพื้นที่
ผิวน�้ำก่อนจากนั้นจึงเจริญเติบโตในแนวตั้งท�ำให้ล�ำต้นสูงขึ้น ผักตบชวาที่เจริญเติบโตในบ่อน�้ำที่มี
ธาตุอาหารสมบูรณ์และมีการเก็บเกีย่ วอย่างสม�ำ่ เสมอและไม่หนาแน่นจนเกินไปอาจมีรากยาวได้ถงึ
10 เซนติเมตร (รูปที่ 2-30 ข) ในกรณีทไี่ ม่มกี ารเก็บเกีย่ วและปล่อยให้ผกั ตบชวาอยูก่ นั อย่างหนาแน่น
ผักตบชวาจะทิ้งรากท�ำให้รากผักตบชวาสั้น (รูปที่ 2-30 ก) และถ้าความลึกน�้ำไม่มากพอรากของ
ผักตบชวาอาจยาวจนถึงพืน้ บ่อ เมือ่ เจริญเติบโตในน�ำ้ เสียความสูงของล�ำต้นตัง้ แต่ดอกจรดรากอาจ
มีค่าในช่วง 50 ถึง 120 เซนติเมตร ดอกของผักตบชวานั้นผลิตเมล็ดเช่นเดียวกับพืชชนิดอื่น
แต่ผกั ตบชวาขยายพันธุด์ ว้ ยการแตกหน่อ อัตราการผลิตมวลชีวภาพเมือ่ เจริญเติบโตในบ่อบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
เกีเกี่ยเกี่ยวและปล่
วและปล่
่ยวและปล่ ออยให้ ยให้
อยให้
ผผักักผตบชวาอยู
ตบชวาอยู
ักตบชวาอยู ่ก่กันัน่กอย่
ันอย่อย่
าางหนาแน่
งหนาแน่
างหนาแน่นนผันผักกผัตบชวาจะทิ
ตบชวาจะทิ
กตบชวาจะทิ ้ง้งรากท
รากท
้งรากท าให้
าให้ าให้
รรากผั
ากผั
รากผั กกตบชวาสัตบชวาสั
กตบชวาสั ้น้น(รู้น(รูป(รูปทีปที่ ที่2-27 2-27
่ 2-27ก)ก)ก)และ และ และ
ถ้ถ้าาถ้ความลึ
ความลึ
าความลึ กกน้น้กาไม่ น้าไม่
าไม่
มมากพอรากของผั
ากพอรากของผั
มากพอรากของผั กกตบชวาอาจยาวจนถึ
ตบชวาอาจยาวจนถึ
กตบชวาอาจยาวจนถึ งงพืพืง้นพื้นบ่้นบ่อบ่อเมื
อเมื่อเมื่อเจริ
เจริ
่อเจริญญเติญเติบเติบโตในน้
บโตในน้
โตในน้ าเสี
าเสีาเสี
ยยความสู
ความสู
ยความสู งงของล ของล
งของล าต้าต้าต้
นนตันตั้ง้งตัแต่
แต่
้งแต่
ดอกจรดรากอาจมี
ดอกจรดรากอาจมี
ดอกจรดรากอาจมี คค่า่าคในช่
ในช่
่าในช่
ววงงว50
ง5050ถึถึงงถึ120 ง120120ซม.ดอกของผั
ซม.ดอกของผั
ซม.ดอกของผั กกตบชวานั
ตบชวานั
กตบชวานั ้น้นผลิ
คู่มือการควบคุ ้นผลิผลิ
ตตเมล็เมล็
ตมเมล็ ดดเช่เช่
และบ�ดนเช่
ำนรุเดีน
งเดีรัยเดี
กยวกั
วกั
ยวกับบพืบพืชพืชชนิ
ษาระบบบ� ชนิ
ชำบัชนิ
ดดดอืน�อืด้ำ่นเสี่นอืแต่
่นยแต่แต่
ผผักักผตบชวา
โรงพยาบาล ตบชวา
ักตบชวา
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 65
ขยายพั
ขยายพั
ขยายพั นนธุนธุ์ด์ดธุ้ว้ว์ดยการแตกหน่
ยการแตกหน่
้วยการแตกหน่ อออัออัตตอัราการผลิ
ราการผลิ
ตราการผลิ ตตมวลชี
มวลชี
ตมวลชี
ววภาพเมื
ภาพเมื
วภาพเมื ่อ่อเจริ
เจริ
่อเจริ ญญเติญเติบเติบโตในบ่
บโตในบ่
โตในบ่ ออบบอาบั
บาบัาบั
ดดน้น้ดาเสีน้าเสี
าเสี
ยยมีมียคคมี่า่าคประมาณ
ประมาณ
่าประมาณ222222ถึถึงงถึ60 ง6060
ก.น้
ก.น้ ก.น้
าหนั าหนั
าหนักกแห้ แห้
กแห้ งง/ตร.ม./ปี
/ตร.ม./ปี
ง/ตร.ม./ปีตารางที
ตารางที
ตารางที ่ 2-14
่ 2-14
่ 2-14แสดงองค์ แสดงองค์
แสดงองค์ ปประกอบของน้
ประกอบของน้
ระกอบของน้ าหนั
าหนั าหนั กกแห้แห้
กแห้งงของผั ของผั
งของผั กกตบชวาที
ตบชวาที
กตบชวาที ่เจริ
่เจริ่เจริ
ญญเติญเติบเติบโตในบ่ บโตในบ่
โตในบ่ ออบบอาบั บาบัาบัดดด
มีค่าประมาณ 22 ถึง 60 กรัม น�้ำหนักแห้ง/ตารางเมตร/ปี ตารางที่ 2-14 แสดงองค์ประกอบ
น้น้าเสี
น้าเสี าเสี
ยยซึยซึ่ง่งซึแสดงว่
แสดงว่
่งแสดงว่ าาสามารถน
สามารถน
าสามารถน ามาใช้
ามาใช้
ามาใช้ เป็เป็นเป็นอาหารสั
นอาหารสั
อาหารสั
ตตว์ตว์หหว์รืหรืออรืททอาปุทาปุาปุ
๋ย๋ยหมั๋หมั
ยหมั กกได้ได้
กดได้ดี ผัีดผักี กผัตบชวาสดมี
ตบชวาสดมี
กตบชวาสดมี นน้าเป็
น้าเป็้าเป็
นนองค์ นองค์
องค์ ปประกอบสู ประกอบสู
ระกอบสู งงถึถึงงถึง
ของน�
ร้ร้ออร้ยละ
ยละ
้ ำ หนั
อยละ959595ของน้
ก
ของน้
แห้
ของน้
ง
าหนั
ของผั
าหนั
าหนั กกก
ก ตบชวาที ่ เ จริ ญ เติ บ โตในบ่ อ บ� ำ บั ด น� ้ ำ เสี ย ซึ ่ ง แสดงว่ า สามารถน� ำ มาใช้ เป็น
อาหารสัตว์หรือท�ำปุ๋ยหมักได้ดี ผักตบชวาสดมีน�้ำเป็นองค์ประกอบสูงถึงร้อยละ 95 ของน�้ำหนัก
ก ข ค
บ่อน�้ำที่มีผักตบชวาลอยอยู่เต็มผิวน�้ำจะมีสภาพแวดล้อมแตกต่างจากบ่อน�้ำที่ผิวน�้ำเปิดโล่ง
ใบผักตบชวาทีข่ นึ้ อย่างหนาแน่นจะกันแสงแดดท�ำให้สาหร่ายเจริญเติบโตไม่ได้ ค่า pH ของน�ำ้ ในบ่อ
อยูใ่ นช่วงเป็นกลางตลอดเวลา และใบผักตบป้องกันลมท�ำให้ไม่เกิดการผสมของน�ำ้ ในบ่อจึงเป็นการ
ลดการแพร่กระจายออกซิเจนจากอากาศลงสูน่ ำ�้ นอกจากนีย้ งั ป้องกันการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมขิ องน�ำ้
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
66 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
บทที่
3 การควบคุมและดูแล
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
3.1 ระบบรวบรวมน�้ำเสีย
3.1.1 ความปลอดภัย
สิ่งแรกที่ต้องค�ำนึงถึงคือความปลอดภัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน เพราะอาจเกิด
อุบตั เิ หตุทที่ ำ� ให้สญู เสียชีวติ และทรัพย์สนิ เนือ่ งจากระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียและระบบท่อรวบรวมน�ำ้ เสีย
จัดเป็นพืน้ ทีอ่ บั อากาศ ควรมีขอ้ แนะน�ำด้านความปลอดภัยแจ้งเตือนผูป้ ฏิบตั งิ านให้เข้าใจตลอดเวลา
โรงพยาบาลควรมีนโยบายด้านความปลอดภัย และมีคณะกรรมการความปลอดภัยในการจัดการ
ประชุม จัดเตรียมอุปกรณ์ทจี่ ำ� เป็นและฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กบั ผูป้ ฏิบตั งิ าน โดยเฉพาะ
การปฏิบัติงานในพื้นที่อับอากาศ
3.1.2 กลิ่น
ปกติทอ่ รวบรวมน�ำ้ เสียถูกออกแบบให้นำ�้ เสียไหลในท่อด้วยความเร็วสูงกว่า 0.6 เมตร/
วินาที ด้วยการวางท่อให้มีความลาดชันเพื่อป้องกันตะกอนสารอินทรีย์ขนาดเล็กสะสมในท่อ
ในช่วงเวลาทีม่ นี ำ�้ เสียไหลน้อยอาจมีตะกอนสารอินทรียต์ กค้างสะสมอยู่ แต่ในช่วงกลางวันทีม่ นี ำ�้ เสีย
ปริมาณมากตะกอนเหล่านี้จะถูกชะเข้าสู่ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย กลิ่นที่เกิดขึ้นจากท่อระบายน�้ำเสีย
ส่วนใหญ่เป็นกลิ่นที่เกิดจากการย่อยสลายแบบไร้อากาศของสารอินทรีย์ ซึ่งอาจเกิดจากมีน�้ำเสีย
ท่วมขังอยูภ่ ายในท่อตลอดเวลา หรือเกิดจากการเน่าสลายของตะกอนสารอินทรียท์ สี่ ะสมอยูใ่ นท่อ
ดังนั้นเมื่อได้รับรายงานหรือข้อร้องเรียนเรื่องของกลิ่นที่ออกจากท่อรวบรวมน�้ำเสีย ผู้ปฏิบัติงาน
ควรเปิดฝาท่อบ่อตรวจหาสาเหตุและรีบหาทางแก้ไข อาจพิจารณาล้างท่อด้วยน�้ำจ�ำนวนมากก่อน
ก�ำหนด ในท่อที่มีน�้ำท่วมขังเป็นประจ�ำอาจใช้เครื่องสูบจมน�้ำถ่ายเทน�้ำเสียเข้าท่อรวบรวมน�้ำเสีย
ที่ใช้งานได้ปกติ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
70 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
บททีบทที
3.1.3 การควบคุมดูแลท่อรวบรวมน� ้ำ่ เสี3ยการควบคุ
่ 3 การควบคุ
มและดู
มและดู
แลระบบบ
แลระบบบ
าบัดาบั
นาเสี
ดนยาเสีย
ควรจัดเตรียมแผนงานและตารางเวลาส�ำหรับการตรวจสอบท่อรวบรวมน�้ำเสีย
1
(2) การตรวจสอบสภาพภายในท่
(2)หลัการตรวจสอบสภาพภายในท่
กทุกปี ตรวจสอบบ่อตรวจอการตั รวบรวมน้
อรวบรวมน้
ดรากไม้าเสีและการลอกตะกอน
ยาเสี
อาจท ยอาจท
าได้ยาได้ ากเนื ยากเนื
่อการด�
งจากการขาดแคลนอุ
่องจากการขาดแคลนอุ
ำเนินงานอาจท�ำโดย ปกรณ์ปกรณ์ เช่น เช่น
งตรวจสอบท่ ผู้ปฏิอบจากระยะไกล
กล้องตรวจสอบท่ ัติงอานภายในโรงพยาบาลหรื
จากระยะไกล ทาให้ทไาให้ ไม่ออาจจ้
ม่สามารถประเมิ างหน่วนยงานภายนอกเข้
สามารถประเมิ สภาพด้
น สภาพด้านในของท่าานในของท่
ด�ำเนิอนงานแทน
ซึ่งอท่อซึรวบรวมอาจอยู
่งท่อรวบรวมอาจอยู ่ในสภาพ ่ในสภาพ
2 การตรวจสอบสภาพภายในท่ อ รวบรวมน�้ ำ เสี ย อาจท� ำ ได้ ย ากเนื่ อ งจากการ
หายหรื
เสียหายหรื
อแตกหั อ แตกหั
ก หรื กอ ท่
หรือ รวบรวมอาจอยู
อท่อรวบรวมอาจอยู ่ในสภาพที
่ในสภาพที
่ต้องซ่่ตอ้อมแซมหรื
งซ่อมแซมหรื
ขาดแคลนอุปกรณ์ เช่น กล้องตรวจสอบท่อจากระยะไกล ท�ำให้ไม่สามารถประเมินสภาพด้าน
อมีรากไม้อมีรากไม้ไชทะลุ ไชทะลุจึงทาได้ จึงทแาได้
ต่เพีแยต่งเปิ
เพียดงเปิ
บ่อดบ่อ
จและตรวจสภาพของการไหลของน้
ตรวจและตรวจสภาพของการไหลของน้
ในของท่อ ซึ่งท่อรวบรวมอาจอยู าเสีย่ใาเสี
ดังแสดงในรู
ยดังแสดงในรู
นสภาพเสี ปที่ 3-1
ยหายหรื ปอแตกหั
ที่ ซึ3-1
่งวิกธซึีกหรื
่งารตรวจสอบพื
วิอธท่ีกอารตรวจสอบพื
รวบรวมอาจอยู ้นฐานท ้น่ในสภาพ
ฐานท
าโดยเปิ
าโดยเปิ
ดฝาบ่ดอฝาบ่อ
จตลอดแนวของเส้
ตรวจตลอดแนวของเส้
ทีต่ อ้ งซ่อนมแซมหรื
ท่อนและตรวจสอบการไหลของน้
ท่ออและตรวจสอบการไหลของน้
มีรากไม้ไชทะลุ จึงท�ำได้แาเสี ต่เพียยาเสี
ควรท
งเปิ ยดบ่ควรท
าการตรวจในช่
าการตรวจในช่
อตรวจและตรวจสภาพของการไหลของวงที่มวีนงที้าเสี่มีนย้าเสี
ไหลในปริ
ยไหลในปริ
มาณมาก มาณมาก
อาจเทน้ น�ำ้ าลงในบ่
หรืออาจเทน้
าลงในบ่เสียอดัตรวจต้
งแสดงในรู
อตรวจต้ ปทีน่ ทางและควรท
3-1 ซึง่ วิธกี าการตรวจสอบที
นทางและควรท ารตรวจสอบพื น้ ฐานท�
าการตรวจสอบที ำโดยเปิ
ละแนวท่ละแนวท่ อดฝาบ่ อ อตรวจตลอดแนวของเส้นท่อ
และตรวจสอบการไหลของน�้ำเสีย ควรท�ำการตรวจในช่วงที่มีน�้ำเสียไหลในปริมาณมากหรืออาจ
เทน�้ำลงในบ่อตรวจต้นทางและควรท�ำการตรวจสอบทีละแนวท่อ
ก ข
ก ข
ก
(ก)
(ก) (ก)
(ก)
ข
(ข)
(ข)
รูปที่ 3-3 ระดับน�้ำในบ่อสูบน�้ำเสีย ก ระดับน�้ำอยู(ข) ่ต�่ำกว่าตะแกรง ไม่มีน�้ำขังในบ่อตรวจ
รูรูปปทีที่ ่ 3-3
3-3 ระดั
ระดับบนนขาในบ่
าในบ่ อ สู บ น าเสี
ระดัอบสูน�บ้ำนท่าเสี ย (ก) ระดั
ย อ(ก)น�้ำระดั บ น
เสียบและด้ าอยู ต
่
นาอยูา่ตนล่ากว่
่
่ากว่ า ตะแกรง
าตะแกรง ไม่มีนนาขั�้ำงเสี
งในบ่
ในบ่
ยขัองอในบ่
ตรวจอตรวจ
(ข) ระดั
ระดับบนนาท่
าท่ววมท่
มท่ออ
วมท่ (ข)ไม่มมีีนาขั
างของตะแกรง ตรวจ (ข)
นนรูาเสี
ปทียย่และด้
าเสี 3-3 าระดั
และด้ นล่าบางของตะแกรง
านล่ นาในบ่อสูบนมีมีาเสี
งของตะแกรง าเสียยย(ก)
นนาเสี ระดัออตรวจ
ขัขังงในบ่
ในบ่ บตรวจ
นาอยู่ต่ากว่าตะแกรง ไม่มีนาขังในบ่อตรวจ (ข) ระดับนาท
นาเสี
รูปทีย่ และด้ านล่
3-3 3ระดั บานงของตะแกรง
ในกรณี าในบ่ เสีมียนยขัาเสี
เครือ่ องสูสูบบน�นำ้ าเสี ข้อยงเป็
ด(ก) ขัระดั
งนในบ่
บนอาอยู
ตรวจ
เวลานาน ่ตๆ่ากว่
จะท�าำตะแกรง ไม่มอีนสูาขั
ให้นำ�้ เสียในบ่ งในบ่ออพัตรวจ
บและบ่ กต่าง ๆ(ข) ระดับน
นาเสี
สูงยขึและด้ านล่า่งงของตะแกรง
้น จนกระทั ล้นบ่อสูบและบ่มีอนพัาเสี ก ยจ�ำขัเป็
งในบ่
นต้อองรีตรวจ
บแก้โดยเปิดวาล์วใช้ท่อระบายน�้ำฉุกเฉิน
ที่สามารถระบายน�้ำเสียจากบ่อสูบผ่านไปยังถังสัมผัสคลอรีน ให้เพิ่มอัตราการเติมคลอรีนเพื่อ
ฆ่าเชื้อโรคแล้วระบายลงสู่แหล่งน�้ำสาธารณะ ในกรณีที่ไม่มีท่อระบายฉุกเฉินจ�ำเป็นต้องจัดให้มี
เครื่องสูบน�้ำส�ำรองไว้ที่โรงบ�ำบัดน�้ำเสีย เพื่อท�ำการสูบแทนจนกว่าจะซ่อมเครื่องสูบน�้ำในบ่อสูบ
แล้วเสร็จ
4 กรณีฝนตกหนักและมีน�้ำฝนไหลเข้าสู่ท่อรวบรวมน�้ำเสียจ�ำนวนมากจนเครื่องสูบน�้ำ
ที่ติดตั้งไม่สามารถสูบน�้ำได้ทัน เพื่อป้องกันไม่ได้เกิดอันตรายแก่เครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบ
ให้เปิดวาล์วใช้ท่อระบายฉุกเฉินที่สามารถระบายน�ำ้ เสียจากบ่อสูบไปยังถังสัมผัสคลอรีน ให้เพิ่ม
อัตราการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคแล้วระบายลงแหล่งน�้ำสาธารณะ ในกรณีที่ไม่มีท่อระบาย
ฉุกเฉินให้จัดหาเครื่องสูบน�้ำเพิ่มเติมส�ำหรับสูบน�้ำจากบ่อสูบไปยังถังสัมผัสคลอรีนเพื่อท�ำการ
ฆ่าเชื้อโรคแล้วระบายลงสู่แหล่งน�้ำสาธารณะ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
74 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
5 ในกรณีที่มีโรคระบาดห้ามมิให้สูบน�้ำเสียลงแหล่งน�้ำสาธารณะ ควรจัดเตรียมบ่อพัก
ส�ำหรับเก็บกักน�้ำไว้ชั่วคราวเพื่อท�ำการฆ่าเชื้อโรคด้วยคลอรีนก่อนระบายลงสู่แหล่งน�้ำสาธารณะ
6 ให้ทำ� การตัดไฟฟ้าทุกวงจรทีเ่ ดินเข้าไปในบ่อสูบก่อนทุกครัง้ ทีจ่ ะลงไปท�ำงานเพือ
่ ซ่อมแซม
อุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ่อสูบ หรือเพื่อจุดประสงค์อื่นใดก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายซึ่งเกิดจากกระแส
ไฟฟ้ารั่วในน�้ำ
7 ส�ำหรับบ่อสูบทีม ่ ฝี าแบบปิดทึบก่อนลงไปในบ่อสูบน�ำ้ ทิง้ ควรเปิดฝาบ่อสูบน�ำ้ ไว้ประมาณ
ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ก๊าซที่เป็นอันตรายระเหยออกไปก่อน ควรพึงระวังก๊าซในนั้นอาจยังหลงเหลือ
อยู่ในส่วนลึกของถังได้ และห้ามสูบบุหรี่ไปในบ่อสูบน�้ำเสียเพราะก๊าซบางชนิดไวไฟ
8 ก่อนลงไปในบ่อสูบจะต้องมีผู้ร่วมงานอยู่ด้านบนอย่างน้อยหนึ่งคน เตรียมพร้อมที่จะ
สาวเชือกทีผ่ กู ติดตัวลงไปในบ่อสูบ เพือ่ ลากผูน้ นั้ กลับขึน้ มาจากบ่อโดยไม่จำ� เป็นต้องให้ผชู้ ว่ ยเหลือ
ลงไปในบ่อสูบน�้ำเสีย
9 ส�ำรวจบันไดลงบ่อสูบว่าเกิดการผุกร่อนหรือไม่ เป็นประจ�ำทุก 1 เดือน และทาสีกน ั สนิม
บันไดลงบ่อสูบน�้ำเสีย และฝาตะแกรงเหล็กของบ่อสูบใหม่ ทุก 6 เดือน [16]
10 การตรวจสอบประจ�ำเดือน ท�ำการตรวจสอบและด�ำเนินการทดสอบดังนี้
ทดสอบการท�ำงานของเครือ่ งสูบน�ำ้ เข้าระบบแต่ละตัว โดยใช้ระบบ Manual เพือ่ ตรวจสอบ
การท�ำงานผิดปกติหรือไม่ อาทิเช่น การไหลสม�่ำเสมอ เสียงของเครื่องสูบน�้ำ การสั่นสะเทือน
เป็นประจ�ำทุกวันและตรวจสอบตะแกรงดักขยะน�้ำเสียควรไหลผ่านสะดวก ไม่อุดตัน
ชุดแกนบังคับเครื่องสูบและชุดยก ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีรอยผุกร่อนของสนิม
พวงมาลัยหมุนไม่ติดขัด
ตะกร้าดักขยะ รางบังคับและชุดยก ต้องอยูใ่ นสภาพสมบูรณ์ไม่มรี อยผุกร่อนของสนิม
พวงมาลัยหมุนไม่ติดขัด
ชุดโซ่และอุปกรณ์ยึดเครื่องสูบ ต้องอยู่ในสภาพไม่มีรอยผุกร่อนของสนิม
ท�ำความสะอาดของบ่อสูบน�้ำเสียไม่ให้มีเศษใบไม้ พลาสติก หรือสิ่งสกปรก ซึ่งอาจ
ท�ำให้เกิดความเสียหาย ท�ำให้เกิดการอุดตันแก่เครือ่ งสูบน�ำ้ ได้ โดยควรท�ำความสะอาดเดือนละครัง้
ท�ำความสะอาดลูกลอยและสายปรับระดับ ควรท�ำความสะอาดเดือนละครัง้ หรือท�ำการ
เปลี่ยนหรือซ่อมแซมชิ้นส่วนที่ช�ำรุดตามค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการควบคุมด้วยลูกลอย
11 ตรวจสอบประจ�ำปี ท�ำการตรวจสอบการสึกหรอของประเก็นกันน�ำ้ (รอยต่อ) และตรวจสอบ
มอเตอร์ไฟฟ้าและเติมน�้ำมันหล่อลื่น ทุก 6 เดือน และตรวจสอบการสึกหรอของตลับลูกปืน
ปอกเพลาและใบพัด เป็นประจ�ำปี
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 75
3.3 ระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
3.3.1 การตรวจสอบเอกสาร
ผูค้ วบคุมควรตรวจสอบเอกสารการออกแบบ แบบแปลนต่าง ๆ ของระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
และรายการค�ำนวณออกแบบระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย เพื่อศึกษาข้อมูลและตัวแปรที่ใช้ออกแบบ ได้แก่
(1) อัตราการไหลของน�้ำเสีย (2) คุณลักษณะของน�้ำเสียได้แก่ค่า BOD5 และ TKN เป็นต้น
(3) ขั้นตอนและกระบวนการบ�ำบัดน�้ำเสีย (4) เกณฑ์การออกแบบหน่วยบ�ำบัดต่าง ๆ และ
(5) การค�ำนวณออกแบบระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย เพื่อให้สามารถน�ำข้อมูลที่เดินระบบจริงมาค�ำนวณ
เปรียบทียบกับค่าทีใ่ ช้ออกแบบ และสามารถปรับหรือควบคุมการเดินระบบให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
เอกสารแบบแปลนของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียประกอบด้วย (1) ที่ตั้งของระบบบ�ำบัด
น�้ำเสีย (2) ขั้นตอนการบ�ำบัดน�้ำเสีย (3) ผังบริเวณระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย (4) ผังบริเวณระบบท่อ
(5) หน้าตัดชลศาสตร์ (6) แปลนหน่วยบ�ำบัด และ (7) รูปตัดแสดงรายละเอียดของหน่วยบ�ำบัด
นอกจากนีย้ งั มีเอกสารทีเ่ กีย่ วข้องได้แก่ (1) เอกสารประกอบแบบ (2) รายละเอียด
ในการก่อสร้างและรายการค�ำนวณ (3) รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องจักร และ (4) คู่มือ
การเดินระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย เอกสารทั้งหมดควรมีไว้ในโรงพยาบาลหรือเก็บไว้ที่โรงบ�ำบัดน�้ำเสีย
3.3.2 การส�ำรวจภาคสนาม
แบบก่อสร้างจริง (As-build Drawing) เป็นแบบทีไ่ ด้ทำ� การปรับรายละเอียดทุกอย่าง
ให้ตรงกับการก่อสร้างจริง ผูค้ วบคุมควรส�ำรวจระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียเปรียบเทียบกับแบบก่อสร้างจริง
และรายการค�ำนวณเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ดังต่อไปนี้
1 ส�ำรวจขนาดและปริมาตรของหน่วยบ�ำบัดต่าง ๆ
ตรวจสอบความถูกต้องของขนาดและปริมาตรเก็บกักน�้ำของหน่วยบ�ำบัดต่าง ๆ
เทียบกับแบบก่อสร้างจริง จากนั้นน�ำข้อมูลอัตราไหลและลักษณะของน�้ำเสียในปัจจุบันของ
โรงพยาบาลและข้อมูลที่ได้จากการส�ำรวจภาคสนามมาค�ำนวณตามเกณฑ์ที่ใช้ออกแบบ เพื่อใช้
เป็นข้อมูลส�ำหรับการควบคุมระบบ ได้แก่
1.1) บ่อปรับเสถียร ได้แก่ บ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่ม ส�ำรวจความกว้างยาวขอบบ่อ
ขนาดพื้นที่หน้าตัดและความลึกน�้ำ แล้วค�ำนวณหาปริมาตรน�้ำของบ่อ และค�ำนวณหาระยะเวลา
เก็บกักน�้ำ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
76 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
3.3.3 อัตราการไหลของน�้ำเสีย
ปกติระบบบ�ำบัดน�้ำเสียทุกประเภทจะออกแบบที่ค่าอัตราไหลน�้ำเสียเฉลี่ยต่อวัน
ซึง่ มีคา่ เท่ากับอัตราไหลของน�ำ้ เสียต่อวันหารด้วย 24 ชัว่ โมง ดังนัน้ ระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียจะออกแบบ
ให้เครือ่ งสูบน�ำ้ ส่งน�ำ้ เสียเข้าระบบทีอ่ ตั ราไหลเฉลีย่ ต่อชัว่ โมง ปกติเครือ่ งสูบน�ำ้ ทีต่ ดิ ตัง้ มีความสามารถ
จ่ายน�้ำได้มากกว่าค่าที่ออกแบบ ดังนั้นผู้ควบคุมจะต้องสามารถควบคุมอัตราไหลของน�้ำเสีย
ต่อชั่วโมง ที่เข้าถังเติมอากาศให้มีค่าใกล้เคียงกับค่าออกแบบมากที่สุด วิธีควบคุมที่ท�ำได้ได้แก่
การปรับอัตราไหลด้วยวาล์ว และการควบคุมเวลาเดินเครื่องสูบน�้ำในหนึ่งชั่วโมง
ดังนั้นผู้ควบคุมต้องรู้ว่าในแต่ละชั่วโมงและในแต่ละวันมีน�้ำเสียไหลเข้าระบบเท่าใด
น�ำไปค�ำนวณส�ำหรับควบคุมระบบบ�ำบัดน�้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระยะเวลาเก็บกักน�้ำ
ของบ่อปรับเสถียร บ่อเติมอากาศ บึงประดิษฐ์และอัตราการเติมคลอรีน เป็นต้น
การวัดอัตราการไหลของเครื่องสูบน�้ำสามารถท�ำได้ดังต่อไปนี้
1 ใช้เครื่องวัดอัตราการไหล เครื่องวัดอัตราการไหลต่อชั่วโมงที่ใช้ต้องเป็นชนิด
ที่ใช้ได้กับน�้ำเสีย เช่น เครื่องวัดอัตราไหลแม่เหล็ก (Magnetic flow meter) เครื่องวัดประเภทนี้
มีราคาแพงและควรตั้งอยู่ในร่ม เครื่องวัดอัตราการไหลส�ำหรับน�้ำประปาและมิเตอร์น�้ำไม่เหมาะ
ส�ำหรับน�ำมาใช้กับน�้ำเสีย เนื่องจากในน�้ำเสียมีของแข็งแขวนลอยจ�ำนวนมากที่จะไปอุดตัน
เครื่องวัดได้
2 ใช้ถงั รองน�ำ้ จากปลายท่อของระบบสูบ อาจใช้ทอ ่ อ่อนต่อจากปลายท่อของระบบ
สูบลงในถังรองน�้ำ และเพื่อให้ค่าที่ได้มีความถูกต้องควรใช้ถังขนาดใหญ่รองน�้ำ แล้วจับเวลา
ที่น�้ำไหลเต็มถังและเวลาที่ใช้ควรไม่น้อยกว่า 1 นาที หรือวัดปริมาตรของน�้ำเสียที่ไหลเข้าถัง
ในระยะเวลาหนึ่งควรท�ำหลาย ๆ ครั้ง และค�ำนวณได้ดังต่อไปนี้
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
78 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
Q = 60 V
T
เมื่อ Q = อัตราไหลของน�้ำ (ลิตร/ชั่วโมง)
V = ความจุน�้ำเต็มถัง (ลิตร)
T = เวลาที่น�้ำเสียไหลเต็มถัง (นาที)
60 = ปรับเวลาจากนาทีให้เป็นชั่วโมง
ใช้วธิ คี ำ� นวณปริมาตรน�ำ้ ทีล่ ดลงในถังพักน�ำ้ เสียขนาดใหญ่ โดยไม่มนี ำ�้ เสียเข้าถัง
3
เช่น บ่อสูบ บ่อพักน�้ำเสีย ถังบ�ำบัดน�้ำเสียหรือถังปรับเสมอ
ตัวอย่าง ถ้าถังรองรับน�ำ้ เสียมีขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร เครือ่ งสูบน�ำ้ เดินเครือ่ งเป็นเวลา
5 นาที ท�ำให้ระดับน�้ำลดลง 15 เซนติเมตร โดยไม่มีน�้ำเสียเข้าถัง
อัตราการสูบน�้ำเสียของเครื่องสูบ Q = 60 (2)(2)(0.15) = 7.2 ลูกบาศก์เมตร/ชัว่ โมง
5
วิธนี อี้ าจเป็นวิธที งี่ า่ ยทีส่ ดุ ส�ำหรับระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียของโรงพยาบาล โดยวัดระดับน�ำ้ ทีล่ ดลง
ในบ่อสูบ อาจท�ำเครื่องหมายหรือติดไม้วัดบริเวณผนังบ่อสูบ หรือใช้เชือกผูกกับขวดบรรจุน�้ำ
2 ขวดห้อยลงในบ่อสูบทีร่ ะยะห่างกัน 10 ถึง 20 เซนติเมตร (รูปที่ 3-4) ควรทดสอบในช่วงทีม่ นี ำ�้ เสีย
เข้าบ่อสูบน�้ำน้อยที่สุดหรือหาทางปิดกั้นน�ำ้ เสียไม่ให้เข้าบ่อสูบเป็นการชั่วคราว ปิดระบบควบคุม
การเดินเครื่องสูบน�้ำแบบอัตโนมัติ ปล่อยให้น�้ำท่วมขวดน�้ำทั้ง 2 ขวด จากนั้นเดินเครื่องสูบน�้ำ
และจับเวลาที่ระดับน�้ำลดลงจากขวดที่หนึ่งไปถึงระดับขวดที่สอง ค�ำนวณอัตราการสูบของเครื่อง
ตามสมการ เครือ่ งสูบน�ำ้ เสียแต่ละเครือ่ งจะให้อตั ราการสูบทีไ่ ม่เท่ากัน ขึน้ กับสภาพของเครือ่ งสูบ
จึงต้องทดสอบทั้ง 2 เครื่อง (ถ้ามี)
ก ข
4(4) การวั
การวัดดอัอัตตราการไหลของน้
ราการไหลของน� ้ำด้วยยเวี
าด้วยเวี ร์ เวียยร์ร์เป็เวีนโครงสร้
ยร์เป็นาโครงสร้
งน้าล้นสัานงน� ้ำล้่ขนวางการไหลของน้
คมที สันคมที่ขวาง าในรางเปิด
การไหลของน�
สร้างได้ง้ำ่าในรางเปิ
ยและสามารถวั ด สร้ดาอังได้ ง่ายและสามารถวั
ตราการไหลได้ อย่างถูกต้ดออังเมื ตราการไหลได้
่อติดตั้งได้ถูกต้อองย่าสิงถู กต้ญอคืงเมื
่งสาคั ่อติบดน้ตัาด้้ง านหลังเวียร์
อระดั
ได้ถูกต้จะต้
อง อสิงต่ ่งส�ากว่
ำคัญาสัคืนอเวีระดั
ยร์เบพื่น�อให้
้ำด้นา้าตกลงได้
นหลังเวียอร์ย่จางอิ
ะต้สอระงต�สั่ำนกว่เวีายสัร์นอาจเป็
เวียร์นเพืสี่เ่อหลี
ให้่ยนมผื
�้ำตกลงได้
นผ้าหรืออรูปย่ตัางอิ
ว Vสระที่มีมุมเท่ากับ
สันเวียร์ดัองรูาจเป็ นสี่เหลี
ปที่ 3-5 ซึ่งอั่ยตมผื นผ้าหรือรูปตัาจะเป็
ราการไหลของน้ ว V ทีน่มสัีมดสุ่มวเท่นกัาบกัความสู
บ ดังงรูของน้ปที่ 3-5
าเหนืซึอ่งสัอันตเวีราการไหลของน�
ยร์ H และองศาของเวี ้ำ ยร์ ดัง
จะเป็นสัสมการต่
ดส่วนกัอไปนี
บความสู
้ งของน�้ำเหนือสันเวียร์ H และองศาของเวียร์ ดังสมการต่อไปนี้
H
2HmaxL L 2Hmax2Hmax
2Hmax
2Hmax Hmax 2Hmax
2Hmax
Hmax
(3Hmax) HmaxHmax
(3Hmax) HmaxHmax
L 2Hmax 2Hmax
L L 2Hmax 2Hmax 2Hmax
2Hmax
(3Hmax)
(3Hmax)
(3Hmax) (ก) (ก)
ก
(ก) (ก) (ก)
(ข)ข (ข)
(ข) (ข) (ข)
ถัง ถัV-notch
ถัง V-notch ง V-notch
เป็นถัเป็งทีนเป็
่นถัิยนงมใช้
ทีถั่นงทีิยเป็่นมใช้
นิยมใช้ นเป็อุนปอุวกรณ์
อุเปป็กรณ์ ัดปอักรณ์
ัดอัวตัดราการไหลของน้
อัตราการไหลของน้
ตวราการไหลของน้ าเสี
าเสียาเสี
ในระบบบ ยในระบบบ
าบัดน้าบัาเสีดาบัน้ยดาเสี
ยในระบบบ น้าเสี
ขนาดเล็ ยขนาดเล็
ยขนาดเล็ ก โดย
ก โดยก โดย
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 81
ตัวอย่างที่ 3-1 จงค�ำนวณหาอัตราไหลของน�ำ้ เสียทีว่ ดั ด้วยถัง V-notch ทีใ่ ช้เวียร์รปู ตัว V ทีม่ มี มุ
เท่ากับ 60 องศา เมื่อวัดระดับความสูงของน�้ำ H ได้เท่ากับ 4 เซนติเมตร
วิธีท�ำ
Q = 0.85H2.5
H = 4 เซนติเมตร = 0.04 เมตร
Q = 0.85 (0.04)2.5 = 0.000272 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
= 0.00027 ลูกบาศก์เมตร x 3,600 วินาที = 0.98 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
วินาที ชั่วโมง
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
82 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
3.4 บ่อปรับเสถียร
3.4.2 การด�ำเนินงาน
การปฏิบัติงานรายวัน
1
การด� ำ เนิ น งานและบ� ำ รุ ง รั ก ษาระบบบ่อ แฟคั ล เทที ฟ และบ่อ บ่ม ไม่ยุ่ง ยาก
ไม่จ�ำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ แต่ต้องท�ำเป็นประจ�ำอย่างสม�่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่อง
กลิ่น แมลงและยุงรบกวน งานประจ�ำที่ผู้ปฏิบัติงานต้องท�ำได้แก่
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
84 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
(1) การก�ำจัดขยะออกจากตะแกรงที่บ่อสูบทุกวัน
(2) ตัดหญ้าที่ขึ้นบนคันดินและก�ำจัดวัชพืชออกจากขอบบ่อ ป้องกันไม่ให้เป็น
แหล่งเพาะพันธุ์ของยุง
(3) ก�ำจัดตะกอนลอยน�้ำและพืชลอยน�้ำ เช่น แหน ผ�ำหรือผักตบชวา ออกจาก
ผิวน�้ำของบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่ม เพื่อให้สาหร่ายสังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท�ำให้
เกิดการแพร่กระจายของออกซิเจนจากผิวน�้ำได้ดีขึ้น ท�ำให้เกิดการผสมของน�้ำในบ่อที่ดีขึ้นและ
ป้องกันการวางไข่ของแมลงวัน
(4) ก�ำจัดของแข็งและตะกอนที่สะสมบริเวณท่อน�้ำเสียเข้าและบริเวณท่อน�้ำทิ้ง
ออกจากบ่อ
(5) ซ่อมแซมคันดินเมื่อเกิดความเสียหาย
(6) บ�ำรุงรักษาเครื่องจักรกลที่มีทั้งหมด ได้แก่ เครื่องสูบน�้ำ และเครื่องสูบ
สารละลายคลอรีน ให้ซ่อมบ�ำรุงตามคู่มือการบ�ำรุงรักษาของผู้ผลิต
(7) ตรวจสอบการรั่วซึมของวาล์วทุก ๆ 6 เดือน ตรวจสอบการท�ำงานของวาล์ว
ที่มีในระบบทุกตัวด้วยการหมุนวาล์วเปิด-ปิดวาล์วจนสนิท เป็นประจ�ำอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน
เพื่อให้วาล์วท�ำงานได้อย่างสม�่ำเสมอ
ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับมอบหมายงานให้ท�ำตามก�ำหนดระยะเวลาของงานแต่ละ
ประเภท และจะต้องได้รบั การตรวจสอบผลของการปฏิบตั งิ านอย่างสม�ำ่ เสมอ นอกจากนีผ้ ปู้ ฏิบตั งิ าน
ยังต้องท�ำการตรวจวัดพารามิเตอร์และเก็บตัวอย่างน�้ำส่งวิเคราะห์หาคุณภาพน�้ำ
2 การตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบ
2.1) การสังเกต สี กลิ่น ผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์สามารถประเมินสภาวะ
ของระบบบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มได้จากการสังเกตสีของน�้ำ กลิ่น ตะกอนลอยและพืชน�้ำที่ลอย
บนผิวน�้ำ ควรท�ำการสังเกตร่วมกับการวัดค่า DO ของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มจะให้ข้อมูล
ที่ชัดเจนในการประเมินสภาวะของระบบทั้งหมด
สี ข องน�้ ำ ในบ่อ แฟคั ล เทที ฟ และบ่อ บ่ม สามารถใช้ เ ป็ น ตั ว ชี้ วั ด ว่ า ระบบอยู ่ ใ น
สภาวะทีเ่ หมาะสมหรือไม่ดงั แสดงในตารางที่ 3-1 ซึง่ เป็นข้อมูลในเบือ้ งต้น ดังนัน้ เพือ่ หาสาเหตุทแี่ ท้
จริงของสีที่เกิดขึ้นผู้ปฏิบัติงานจะต้องตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น เช่น ค่า DO และ pH
ตารางที่ 3-1 สีของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มและสภาวะที่เกิดขึ้น
สีของน�้ำในบ่อ สภาวะที่เกิดขึ้น
เขียวเข้ม สภาพปกติของบ่อแฟคัลเททีฟ
เขียวอ่อน สภาพปกติของบ่อบ่ม ซึ่งแสดงว่าอัตราภาระสารอินทรีย์มีค่าต�่ำ
เขียวเข้มอมด�ำ เกิดสาหร่ายสีน�้ำเงินแกมเขียวจ�ำนวนมาก
เทาหรือด�ำ อัตราภาระสารอินทรีย์มากเกินไป เข้าสู่สภาวะไร้อากาศ
ที่มา [21]
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 85
ปกติระบบบ่อแฟคัลเททีฟที่รองรับน�้ำเสียในอัตราภาระสารอินทรีย์ที่อยู่ในช่วง
ค่าที่ออกแบบจะไม่มีกลิ่นหรืออาจมีกลิ่นอับจาง ๆ อาจได้กลิ่นเหม็นเขียวของสาหร่ายสีน�้ำเงิน
แกมเขียวเมื่ออัตราภาระสารอินทรีย์เข้าบ่อมากขึ้น และถ้าอัตราภาระสารอินทรีย์สูงเกินไปอาจได้
กลิ่นเหม็นของก๊าซไข่เน่า และอาจจะได้กลิ่นก๊าซไข่เน่าในกรณีที่มีตะกอนสะสมก้นบ่อมากเกินไป
และพบตะกอนเน่าสลายลอยขึ้นผิวน�้ำ
ผู้ปฏิบัติงานจะต้องควบคุมการเจริญเติบโตของพืชโผล่น�้ำ เช่น ธูปฤาษี เป็นต้น
เนื่องจากท�ำให้เกิดปัญหาในการเดินระบบ ได้แก่ การไหลลัดวงจร พืชโผล่พ้นน�้ำจะป้องกันการ
ผสมของน�้ำในบ่อท�ำให้การกระจายน�้ำเสียไม่ทั่วทั้งบ่อ และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลง นอกจากนี้
รากของพืชจะท�ำให้เกิดความเสียหายกับวัสดุป้องกันการซึมน�้ำ
ปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น จากพื ช ลอยน�้ ำ ที่ ข้ึ น อย่ า งหนาแน่ น คื อ การลดความเข้ ม ของ
แสงแดดที่ส่องลงน�้ำในบ่อ ท�ำให้ปฏิกิริยาสังเคราะห์แสงของสาหร่ายลดลง ซึ่งส่งผลต่อปริมาณ
ออกซิเจนที่ผลิตให้กับแอโรบิกแบคทีเรีย นอกจากนี้พืชลอยน�้ำยังป้องกันลมที่พัดบนผิวน�้ำ
มีผลท�ำให้การผสมของน�้ำในบ่อลดลง ลดการกระจายตัวของน�้ำเสีย และลดการแพร่กระจายของ
ออกซิเจนจากอากาศ
2.2) ค่า DO และ pH ผูป้ ฏิบตั งิ านควรใช้เครือ่ งวัดค่า DO ท�ำการตรวจวัดค่า DO
ของน�ำ้ ในบ่อในหลากหลายต�ำแหน่งทุกวัน บ่อน�ำ้ ทีม่ สี ภาพแอโรบิกจะมีคา่ DO > 1 – 2 มิลลิกรัม/ลิตร
ตลอดเวลา ในช่วงกลางวันจะต้องมีคา่ DO > 5 มิลลิกรัม/ลิตร หรือในช่วงบ่าย ๆ ทีม่ แี ดดจัดค่า DO
จะสูงเกินกว่าความเข้มข้นอิ่มตัวของออกซิเจนในน�้ำ (Supersaturated concentration) เช่น
13 มิลลิกรัม/ลิตร หรือมากกว่า เมือ่ ผูป้ ฏิบตั งิ านพบสีนำ�้ ในบ่อเปลีย่ นแปลง มีกลิน่ เกิดพืชลอยน�ำ้
หรือมีวัชพืชควรวัดค่า DO ของน�้ำในบ่อเพื่อตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และควรวัดค่า DO
ในน�้ำทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้นหรือปัญหาเพิ่งเริ่มจะเกิดขึ้น
ผู้ปฏิบัติงานควรใช้เครื่องวัดค่า pH ตรวจสอบค่า pH ของน�้ำในบ่อทุกวัน น�้ำใน
บ่อควรมีค่า pH > 7.5 เนื่องมาจากปฏิกิริยาการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายจะผลิตด่างขึ้นท�ำให้
ค่า pH ของน�้ำอยู่ในช่วงเป็นด่าง และอาจมีค่า pH > 9.5 เมื่อน�้ำในบ่อมีสีเขียวเข้ม ถ้าค่า pH
สูงกว่า 10 อาจก่อให้เกิดปัญหากับสัตว์น�้ำในบ่อ
2.3) การเก็บตัวอย่างน�้ำ นอกจากการตรวจสอบประสิทธิภาพระบบบ่อปรับ
เสถียรเป็นประจ�ำทุกวันด้วยการสังเกตสีของน�้ำและวัดค่า pH และ DO แล้ว ผู้ปฏิบัติงานจะต้อง
เก็บตัวอย่างน�ำ้ เสียก่อนบ�ำบัดและน�ำ้ ทิง้ ทีผ่ า่ นการบ�ำบัด ส่งไปวิเคราะห์หาคุณภาพน�ำ้ ทุก ๆ 3 เดือน
ตามข้อก�ำหนดของกรมอนามัย แม้ว่าจะมีแต่ข้อก�ำหนดให้ตรวจสอบเฉพาะคุณภาพของน�้ำทิ้ง
เท่านั้น แต่การเก็บตัวอย่างน�้ำเสียก่อนการบ�ำบัดด้วยทุกครั้งที่เก็บตัวอย่างน�้ำทิ้งจะท�ำให้ได้ข้อมูล
ของคุณภาพน�ำ้ เสียของโรงพยาบาลเพือ่ น�ำไปเปรียบเทียบประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�ำ้ เสียของระบบ
ตารางที่ 3-2 แสดงวิธีการตรวจวัด ความถี่และพารามิเตอร์ที่ส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
86 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
3การก�ำจัดสลัดจ์
ระบบบ่อปรับเสถียรเป็นกระบวนการบ�ำบัดน�้ำเสียที่ไม่มีระบบรีดน�้ำสลัดจ์
สลัดจ์ที่อยู่ภายในบ่อมาจากของแข็งแขวนลอยที่มีในน�้ำเสียและอีกส่วนหนึ่งมาจากมวลชีวภาพ
ที่เจริญเติบโตขึ้นจากการย่อยสลายสารอินทรีย์ สลัดจ์จะจมตัวสะสมที่ก้นบ่อซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ
ของระบบบ่อปรับเสถียรที่ไม่ต้องก�ำจัดสลัดจ์เป็นประจ�ำเหมือนระบบเอเอส เมื่อสลัดจ์สะสม
ทีก่ น้ บ่อเป็นจ�ำนวนมากจะท�ำให้ปริมาตรน�ำ้ ของบ่อลดลงและมีผลท�ำให้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดลดลง
จึงจ�ำเป็นต้องก�ำจัดสลัดจ์ออกจากบ่อเป็นครั้งคราว
สลัดจ์ที่ก้นบ่อจะอัดตัวกันแน่นท�ำให้มีความเข้มข้นของของแข็งสูงขึ้นและเกิด
การย่อยสลายแบบไร้อากาศ ในช่วงปีแรกความเข้มข้นของของแข็งจะมีค่าประมาณ 4 – 6%
สลัดจ์ที่สะสมและถูกย่อยสลายเป็ นเวลานานจะมีความเข้มข้นของของแข็งสูงถึง 15% และ
มีอัตราส่วนของของแข็งระเหยน้อยกว่า 50% สลัดจ์อาจประกอบด้วย TKN 2%, TP 0.2% และ
K 0.04% ของของแข็งทั้งหมด [13]
ปกติในสลัดจ์มีโคลิฟอร์มแบคทีเรียอยู่ในช่วง 102 – 104 FC/กรัมของของแข็ง
ทั้งหมด [15] และโคลิฟอร์มแบคทีเรียจะตายไปตามเวลาที่สะสมอยู่ที่ก้นบ่อ นอกจากนี้จะพบ
ไข่พยาธิจำ� นวนมากในสลัดจ์ เนือ่ งจากกระบวนการก�ำจัดไข่พยาธิในบ่อปรับเสถียรคือการตกตะกอน
ในสลัดจ์ท่ีก้นบ่อปรับเสถียรที่ใช้บ�ำบัดน�้ำเสียชุมชนจะพบไข่พยาธิอยู่ในช่วง 30 – 800 ใบ/กรัม
ของของแข็งทั้งหมด จ�ำนวนไข่พยาธิที่มีชีวิตจะลดลงตามเวลาที่สลัดจ์ถูกย่อยสลายที่ก้นบ่อ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 87
เนื่องจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลไม่สามารถหยุดการเดินระบบได้
อาจต้องก�ำจัดสลัดออกจากบ่อในขณะทีร่ ะบบยังคงท�ำงานอยู่ สามารถสูบสลัดจ์ออกจากก้นบ่อด้วย
การใช้เครื่องสูบน�้ำแบบจมน�้ำและให้คนงานจับท่ออยู่บนแพดังรูปที่ 3-10 อาจใช้ร่วมกับอุปกรณ์
กวาดสลัดจ์ทก่ี น้ บ่อ สลัดจ์ทสี่ บู ออกมาจะต้องขนออกไปทิง้ นอกบ่อปรับเสถียรหรือน�ำไปรีดน�ำ้ ออก
3.5 สระเติมอากาศ
ตัวอย่าง จงค�ำนวณปริมาตรหัวเชื้อสลัดจ์จากถังตกตะกอนของระบบเอเอสที่มีความเข้มข้น
6,000 มิลลิกรัม/ลิตร ส�ำหรับระบบสระเติมอากาศแบบผสมบางส่วนที่มีปริมาตรน�้ำเท่ากับ
500 ลูกบาศก์เมตร ต้องการความเข้มข้นของแข็งในบ่อเติมอากาศเท่ากับ 100 มิลลิกรัม/ลิตร
(ตารางที่ 2-11) เพื่อให้ระบบสระเติมอากาศสามารถเดินระบบได้ทันที
(V1+V2) C1 = V2 C2
เมื่อ V1 = ปริมาตรน�้ำในบ่อเติมอากาศ (ลูกบาศก์เมตร)
V2 = ปริมาตรน�้ำของหัวเชื้อ (ลูกบาศก์เมตร)
C1 = ความเข้มข้นของแข็งในบ่อเติมอากาศ (มิลลิกรัม/ลิตร)
C2 = ความเข้มข้นของแข็งในหัวเชื้อ (มิลลิกรัม/ลิตร)
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 89
แทนค่าตัวแปรในสมการ
(500 + V2)(100 มิลลิกรัม/ลิตร) = V2 (6,000 มิลลิกรัม/ลิตร)
500 + V2 = 60 V2
V2 = 8.4 ลูกบาศก์เมตร
3.5.2 การด�ำเนินงาน
1 การปฏิบัติงานประจ�ำ
การด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษาระบบสระเติมอากาศมีความคล้ายคลึงกับระบบ
บ่อปรับเสถียร เนือ่ งจากระบบสระเติมอากาศใช้บอ่ น�ำ้ ขนาดใหญ่เช่นเดียวกันและใช้บอ่ บ่มเป็นบ่อ
ตกตะกอน ข้อแตกต่างกันที่ผู้ปฏิบัติงานของระบบสระเติมอากาศต้องมีความสามารถในการ
บ�ำรุงรักษาเครื่องเติมอากาศ และเครื่องสูบน�้ำเสีย การวางแผนซ่อมบ�ำรุงตามรอบของการใช้งาน
ของเครื่องจักรจะช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
90 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
การดูแลรักษาบ่อน�้ำของระบบสระเติมอากาศจะคล้ายคลึงกับการดูแลรักษา
บ่อน�้ำของระบบบ่อปรับเสถียร งานประจ�ำที่ผู้ปฏิบัติงานต้องท�ำได้แก่
(1) การก�ำจัดขยะออกจากตะแกรงที่บ่อสูบ เมื่อขยะหลุดเข้าสระเติมอากาศ
อาจท�ำให้เครื่องเติมอากาศขัดข้องได้
(2) ตัดหญ้าที่ขึ้นบนคันดิน และก�ำจัดวัชพืชออกจากขอบบ่อ เพื่อป้องกันไม่ให้
เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
(3)ก�ำจัดตะกอนลอยน�ำ้ และพืชน�ำ้ เนือ่ งจากลดประสิทธิภาพการถ่ายเทออกซิเจน
และท�ำให้เกิดกลิ่น
(4)ส�ำหรับสระเติมอากาศแบบผสมบางส่วน การผสมของน�ำ้ ภายในสระไม่สงู มาก
ท�ำให้มตี ะกอนสะสมในพืน้ ทีใ่ กล้เคียงท่อน�ำ้ เสียเข้าและบริเวณท่อน�ำ้ ทิง้ ออกจากบ่อเป็นจ�ำนวนมาก
และให้ก�ำจัดตะกอนทิ้ง
(5)ตรวจสอบคันดินอย่างสม�ำ่ เสมอ และซ่อมแซมคันดินทีอ่ าจเกิดความเสียหาย
ทั้งจากสัตว์และสาเหตุอื่น ๆ ที่จะท�ำให้ความแข็งแรงของคันดินลดลง
(6) บ�ำรุงรักษาเครื่องจักรกลที่มีทั้งหมด ได้แก่ เครื่องสูบน�้ำ เครื่องเติมอากาศ
และเครื่องสูบสารละลายคลอรีน ตามคู่มือการบ�ำรุงรักษาของผู้ผลิต
(7) ตรวจสอบการรั่วซึมของวาล์วทุก ๆ 6 เดือน ตรวจสอบการท�ำการของวาล์ว
ที่มีในระบบทุกตัวด้วยการหมุนวาล์วเปิด-ปิดวาล์วจนสนิทเป็นประจ�ำอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน
เพื่อให้วาล์วท�ำงานได้อย่างสม�่ำเสมอ
(8) ตรวจสอบเครื่องเติมอากาศ การลอยตัว สายไฟ ระดับน�้ำมันเครื่อง ตัวยึด
เครื่อง มอเตอร์ และมั่นใจว่าใบพัดไม่อุดตัน
การตรวจสอบทางกายภาพ
2
2.1)การสังเกต สี กลิน่ การสังเกตสีและกลิน่ ของน�ำ้ ในสระเติมอากาศและบ่อบ่ม
เป็นขั้นตอนส�ำคัญที่จะน�ำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น สีและกลิ่นของน�้ำในสระเติมอากาศ
และบ่อบ่มเป็นตัวชีว้ ดั ว่าระบบอยูใ่ นสภาวะเหมาะสมทีส่ ามารถบ�ำบัดน�ำ้ ทิง้ ได้ตามมาตรฐานน�ำ้ ทิง้
หรือไม่ ตารางที่ 3-3 แสดงสีและกลิ่นของน�้ำในบ่อที่เป็นตัวชี้วัดสภาพของระบบสระเติมอากาศ
ตารางที่ 3-3 สีและกลิ่นที่แสดงสภาพของระบบสระเติมอากาศ
สี กลิ่น สภาพของระบบ
ใส ไม่มี ไม่มีปัญหา
น�้ำตาล กลิ่นดิน ไม่มีปัญหา ระบบอยู่ในสภาวะปกติ
เขียวเข้ม กลิ่นดินหรือเหม็นเขียว สภาวะปกติของบ่อบ่ม จะพบเห็นเมื่อค่า pH และ DO สูง
เทาด�ำ เหม็นก๊าซไข่เน่า เกิดสภาะไร้อากาศ ค่า DO เป็นศูนย์
ที่มา [21]
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 91
3 การก�ำจัดสลัดจ์
ระบบสระเติ ม อากาศที่ ใ ช้ ใ นโรงพยาบาลเกื อ บทั้ ง หมดเป็ น สระเติ ม อากาศ
แบบผสมไม่สมบูรณ์ ท�ำให้มีตะกอนหรือสลัดจ์สะสมอยู่ที่ก้นสระเติมอากาศ สลัดจ์จะสะสม
เพิ่มขึ้นและมีความหนามากขึ้นตามปีที่ใช้งาน เมื่อชั้นสลัดจ์มากเกินไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ
การบ�ำบัดน�้ำเสียของระบบ เนื่องจากปริมาตรน�้ำภายในสระเติมอากาศลดลงส่งผลให้ระยะเวลา
เก็บกักน�ำ้ ลดลง ซึง่ เป็นตัวแปรทีส่ ำ� คัญส�ำหรับระบบสระเติมอากาศ ดังนัน้ ควรพิจารณาก�ำจัดสลัดจ์
ออกจากบ่อเมื่อมีชั้นสลัดจ์สะสมสูงถึง 1/3 ของความลึกน�้ำ
ความหนาของสลัดจ์ที่สะสมอยู่ในบ่อจะขึ้นกับรูปร่างและต�ำแหน่งของท่อน�้ำเสีย
เข้าและออกเช่นเดียวกับบ่อปรับเสถียร จะพบสลัดจ์สว่ นใหญ่สะสมบริเวณใกล้ทอ่ น�ำ้ เสียเข้าท�ำให้
ระดับน�้ำบริเวณนี้ลดลง สลัดจ์ที่เน่าสลายลอยตัวขึ้นผิวน�้ำและก่อให้เกิดกลิ่น ดังนั้นจึงต้องตรวจ
สอบการสะสมของสลัดจ์ทุก ๆ 3 – 5 ปี และก�ำจัดออกเป็นครั้งคราวขึ้นกับปริมาณตะกอน
ทีส่ ะสม หรือก�ำจัดสลัดจ์เมือ่ ชัน้ สลัดจ์สงู เท่ากับ 30% ของความลึกน�ำ้ การตรวจสอบความสูงของ
ชัน้ สลัดจ์อาจท�ำได้ดว้ ยการใช้ไม้ทมี่ คี วามยาวเหมาะสม พันด้วยผ้าสีออ่ นและมัดด้วยเชือกให้แน่น
จากนั้นน�ำไปจุ่มลงในน�้ำถึงก้นบ่อ ถือค้างไว้ 10 – 15 นาที ค่อยดึงขึ้นอย่างช้า ๆ จะเห็นความลึก
ของชัน้ สลัดจ์สดี ำ� บนผ้าอย่างชัดเจน และความลึกของน�ำ้ ในบ่อจากความสูงของรอยเปียกน�ำ้ บนไม้
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 93
เนื่องจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลไม่สามารถหยุดการเดินระบบได้
ดังนัน้ จึงต้องก�ำจัดสลัดออกจากบ่อในขณะทีร่ ะบบยังคงท�ำงานอยู่ สามารถสูบสลัดจ์ออกจากก้นบ่อ
ด้วยการใช้เครือ่ งสูบน�ำ้ แบบจมน�ำ้ และให้คนงานจับท่ออยูบ่ นแพ (รูปที่ 3-10) อาจใช้รว่ มกับอุปกรณ์
กวาดสลัดจ์ทก่ี น้ บ่อ สลัดจ์ทสี่ บู ออกมาจะต้องขนออกไปทิง้ นอกบ่อปรับเสถียรหรือน�ำไปรีดน�ำ้ ออก
3.6 ระบบบึงประดิษฐ์
3.6.2 การเดินระบบ
ตัวแปรควบคุมในการเดินระบบบึงประดิษฐ์จะเหมือนกับการเดินระบบบ่อปรับเสถียร
สิง่ ทีต่ อ้ งท�ำจะเกีย่ วข้องกับการสังเกตด้วยตาและแก้ไขปัญหาทีเ่ กิดขึน้ ระบบบึงประดิษฐ์ตอบสนอง
ต่ อ การเปลี่ ย นแปลงได้ ช ้ า กว่ า ระบบบ� ำ บั ด น�้ ำ เสี ย ประเภทอื่ น ตั ว อย่ า งเช่ น เมื่ อ เกิ ด ปั ญ หา
การเดิ น ระบบที่ ท� ำ ให้ ต ้ น ไม้ ภ ายในบึ ง ประดิ ษ ฐ์ ต ายทั้ ง หมดการฟื ้ น สภาพระบบบึ ง ประดิ ษ ฐ์
จนสามารถบ�ำบัดน�ำ้ เสียอย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้เวลาในการปลูกพืชเป็นเวลาหลายเดือน ดังนัน้
การด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษาทีเ่ หมาะสมสามารถยืดอายุการใช้งานและท�ำให้บงึ ประดิษฐ์สามารถ
บ�ำบัดน�้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ปฏิบัติงานจะต้องด�ำเนินงานในข้อหัวส�ำคัญต่อไปนี้
1 การปฏิบัติงานประจ�ำ
การด�ำเนินงานและบ�ำรุงรักษาระบบบึงประดิษฐ์มีความคล้ายคลึงกับระบบ
บ่อปรับเสถียร เนื่องจากใช้บ่อน�้ำขนาดใหญ่และไม่ต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้สูง งานประจ�ำ
ที่ผู้ปฏิบัติงานต้องท�ำได้แก่
(1) การก�ำจัดขยะออกจากตะแกรงที่บ่อสูบทุกวัน
(2) ตัดหญ้าที่ขึ้นบนคันดินและก�ำจัดวัชพืชออกจากขอบบ่อ ป้องกันไม่ให้เป็น
แหล่งเพาะพันธุ์ของยุง
(3) ก�ำจัดตะกอนลอยน�้ำและพืชลอยน�้ำ เช่น แหน ผ�ำหรือผักตบชวา ออกจาก
ผิวน�้ำของบึงประดิษฐ์เพื่อท�ำให้เกิดการแพร่กระจายของออกซิเจนจากผิวน�้ำได้ดีขึ้น และป้องกัน
การวางไข่ของแมลงวัน
(4) ก�ำจัดของแข็งและตะกอนที่สะสมบริเวณท่อน�้ำเสียเข้าและบริเวณท่อน�้ำทิ้ง
ออกจากบ่อ
(5) ซ่อมแซมคันดินที่เกิดความเสียหายทั้งจากสัตว์และสาเหตุอื่น ๆ
(6) บ�ำรุงรักษาเครื่องสูบน�้ำ และเครื่องสูบสารละลายคลอรีนตามคู่มือการบ�ำรุง
รักษาของผู้ผลิต
(7) ตรวจสอบการรั่วซึมของวาล์วทุก ๆ 6 เดือน ตรวจสอบการท�ำการของวาล์ว
ที่มีในระบบทุกตัวด้วยการหมุนวาล์วเปิด-ปิดวาล์วจนสนิท เป็นประจ�ำอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน
เพื่อให้วาล์วท�ำงานได้อย่างสม�่ำเสมอ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 95
ผู้ปฏิบัติงานควรได้รับมอบหมายงานให้ท�ำตามก�ำหนดระยะเวลาของงานแต่ละ
ประเภท และจะต้องได้รบั การตรวจสอบผลของการปฏิบตั งิ านอย่างสม�ำ่ เสมอ นอกจากนีผ้ ปู้ ฏิบตั งิ าน
ยังต้องท�ำการตรวจวัดพารามิเตอร์ที่ใช้ควบคุม เช่น pH และ DO และต้องเก็บตัวอย่างน�้ำทิ้ง
ส่งไปวิเคราะห์หาคุณภาพน�้ำ
2 การปรับระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์
การจัดการระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์เป็นสิ่งส�ำคัญในการรักษาพืชในบึงประดิษฐ์
พืชแต่ละชนิดทนต่อระดับน�้ำที่ความสูงไม่เท่ากันและทนต่อน�้ำท่วมได้ในระยะเวลาไม่เท่ากัน
นอกจากนีก้ ารเปลีย่ นแปลงของระดับน�ำ้ จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการถ่ายเทออกซิเจนจาก
อากาศลงสู่น�้ำและต้นพืช และระดับน�้ำที่เปลี่ยนแปลงยังมีผลต่อระยะเวลาเก็บกักน�้ำในบึง ดังนั้น
เมื่อพบว่าระดับน�้ำในบึงเปลี่ยนแปลงจะต้องรีบตรวจสอบหาสาเหตุ เช่นอาจเกิดจากบ่อรั่วหรือ
เกิดจากการอุดตันของท่อ เป็นต้น การควบคุมระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์แบบ FW อาจใช้ประตูน�้ำ
หรืออุปกรณ์ปรับระดับน�้ำที่ปลายทางน�้ำออก
3 สภาพการไหลในบึงแบบสม�่ำเสมอ
การท�ำให้เกิดสภาพการไหลทีส่ ม�ำ่ เสมอด้วยการปรับทางเข้าและออกของน�ำ้ เสีย
เป็นตัวแปรทีส่ ำ� คัญส�ำหรับการบ�ำบัดน�ำ้ เสียทีม่ ปี ระสิทธิภาพของบึงประดิษฐ์ ควรตรวจสอบระบบ
ท่อเข้าและท่อออกเป็นประจ�ำท�ำความสะอาดและก�ำจัดสิ่งอุดตันออก น�้ำเสียจะไหลผ่านต้นพืช
และถูกแบคทีเรียที่เกาะตามต้นพืชย่อยสลายสารอินทรีย์ น�้ำเสียจะต้องกระจายทั่วทั้งบึงและ
ไหลผ่านทุกส่วนในบึงประดิษฐ์ การไหลลัดวงจรอาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดการสะสมของชิ้นส่วนของ
พืชที่เน่าสลายจ�ำนวนมากเกินไป หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ทำ� ให้การไหลของน�้ำไม่สม�่ำเสมอ
ควรตรวจสอบการไหลของน�ำ้ ในบึงเป็นประจ�ำเพือ่ ให้มนั่ ในว่าน�ำ้ จะไหลผ่านทุกส่วนอย่างสม�ำ่ เสมอ
และไม่เกิดพื้นที่ที่เป็นจุดบอดของการไหล ก�ำจัดเศษพืชที่เน่าสลายที่สะสมในบึง ก�ำจัดเมือก
แบคทีเรียและเมือกสาหร่ายออกจากประตูน�้ำและตะแกรง ถ้าปลายท่อน�้ำเข้าและออกอยู่ต�่ำกว่า
ระดับผิวน�้ำควรล้างท่อด้วยน�้ำจ�ำนวนมากเป็นครั้งคราว จะต้องตรวจสอบการเติบโตของพืชที่อยู่
ในบึงไม่ให้ไปขวางการไหลของน�้ำและอาจท�ำให้เกิดการไหลลัดวงจร และตรวจสอบอัตราการไหล
ของน�้ำเสียเข้าบึงและระดับน�้ำในบึงอย่างสม�่ำเสมอ
4 การจัดการต้นไม้ในบึงประดิษฐ์
ต้นไม้ภายในบึงประดิษฐ์ไม่ตอ้ งการการดูแลเป็นประจ�ำ ต้นไม้สามารถเจริญเติบโต
ตาย เกิดขึ้นใหม่ทุกปีและเพิ่มจ�ำนวนขยายตัวออก ผู้ปฏิบัติงานควรจัดการให้ภายในบึงประดิษฐ์
มีชนิดและจ�ำนวนของพืชที่เหมาะสม ด้วยการควบคุมระดับน�้ำและการจัดพืชที่ไม่ต้องการออก
เช่น วัชพืช โดยตรวจสอบพืชในบึงอย่างสม�่ำเสมอ ควรตัดพืชออกเมื่อพืชขยายตัวหนาแน่น
จนเกินไป (รูปที่ 3-11) หรือขยายจ�ำนวนออกนอกพื้นที่ที่กำ� หนดด้วยการตัดออก และถ้าพืชที่มี
ในบึงประดิษฐ์ไม่เพียงพอจะต้องท�ำการปลูกเพิ่มเติม
96 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์บทที
บทที่ 3่ 3การควบคุ มและดู
การควบคุ แลระบบบ
มและดู าบัาบั
แลระบบบ ดนดาเสี
ยย
นาเสี
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
) การควบคุมกลิ่น
นที่ภายในบึงประดิษฐ์แบบ FW บางช่วงอาจอยู่ในสภาวะไร้อากาศและเกิดก๊าซไข่เน่าที่ทาให้เก
รูปที่ 3-11 พืชขึ้นอย่างหนาแน่นเกินไปท�ำให้เกิดการไหลลัดวงจร
รลดระดับน้าในบึงประดิ รูปรูทีป่ ษ3-11
ทีฐ์่ 3-11
จะช่ พืชพืขึวชนอย่
ยเพิ
ขึนอย่ ่มางหนาแน่
างหนาแน่ประสินเกิทนนเกิธิไปท นภไปทาพการถ่
าให้าให้ ายเทออกซิ
เกิดเกิการไหลลั
ดการไหลลั ดวงจร เจนและอาจช่วยลดปัญหาก
ดวงจร
5 การควบคุมกลิ่น
อากาศ นอกจากนี 5) 5) การควบคุ ้ความปั นน่นป่วนที่เกิดจากน้าเสียไหลเข้าและน้าทิ้งไหลออกอาจทาให้เกิดกลิ่น ค
การควบคุ พืม้นกลิทีมกลิ ่น งประดิษฐ์แบบ FW บางช่วงอาจอยู่ในสภาวะไร้อากาศและเกิด
่ภายในบึ
วนของการไหลบริ
ก๊าซไข่พืเน่้นาพืทีที้น่ภเท่ ทีายในบึ
วณท่
ำ� ่ภให้ เกิงอดประดิ
ายในบึ เข้
งประดิ
กลิ น่าษและท่
ฐ์ษแฐ์บบ
เหม็ นแบบ อออกอาจลดปั
FW FW
การลดระดั บางช่ บางช่ วบงอาจอยู
วน�งอาจอยู งญ
ำ้ ในบึ่ในสภาวะไร้ หากลิษฐ์อจ่นากาศและเกิ
่ในสภาวะไร้
ประดิ ะช่อได้ากาศและเกิ
วยเพิม่ ประสิ ดก๊ดาซไข่
ก๊ทาธิซไข่เภน่าพการถ่
าเน่ทีา่ททีาให้
่ทาให้ เากิยเท
ดเกิกลิดกลิ
่น ่น
เหม็ น การลดระดั
ออกซิ
เหม็ เจนและอาจช่
นสาหร่
การลดระดั บน้บาในบึ น้วาในบึงประดิ
ยลดปั ญลอยน
งชประดิ ษหาการเกิ
ฐ์ษจะช่ วยเพิ
ฐ์จาะช่ ่มประสิ
วดยเพิ
สภาวะไร้่มประสิ ทธิอทภากาศ
ธิาพการถ่
ภาพการถ่ ายเทออกซิ
นอกจากนี ายเทออกซิ ค้ เวามปั
จนและอาจช่ น่ ป่วนทีวยลดปั
เจนและอาจช่ เ่ กิวดยลดปั
จากน� ญหาการเกิ เสีย ด ด
ญำ้หาการเกิ
) การควบคุ ม
สภาวะไร้
า ยและพื
ไหลเข้
สภาวะไร้าอและน�
ากาศ
อากาศ ้ำนอกจากนี
ทิ้งนอกจากนี
ไหลออกอาจท� ้ความปั ้ความปั นนำป่นให้
นวป่นที ่เดกิกลิ
เวกินที ด่เกิจากน้
ด่นจากน้ าเสีาเสี
ควรลดความปัยไหลเข้ ยไหลเข้าและน้ ป่วาทินของการไหลบริ
า่นและน้ ้งไหลออกอาจท
าทิ ้งไหลออกอาจท าให้
เวณท่ เกิดเกิกลิ
าให้ ่นาควรลด
อดเข้กลิ และ
่น ควรลด
ายในบึงความปั
ประดิ นนษ
ท่ความปั ป่นนวฐ์ป่นของการไหลบริ
อออกอาจลดปั วแนของการไหลบริ
บบญFW หากลิอาจเกิ เ่นวณท่
ได้
เวณท่ อเข้อาดเข้และท่
สาหร่
าและท่ อาออกอาจลดปั
อออกอาจลดปัยที่เป็นญสายหรื หากลิ
ญหากลิ่นได้่นอได้มีพืชลอยน้าเจริญเติบโต (รูปที่ 3-12)
6) 6) การควบคุ มสาหร่ ายและพื ชลอยน า า ชลอยน�้ำ
แพร่กระจายของออกซิ ภายในบึ
การควบคุ เ
6 การควบคุ
งประดิ
จนจากอากาศ
มสาหร่
ษฐ์ษแฐ์บบ
ามยและพื
สาหร่ าชยและพื
ลอยน และบดบั งนแสงแดดส าหรัาเจริ บพืญชเติทีบ่โตกาลั งทีโผล่ ขึ้นซึ่งเหนื อน้า ควร
ภายในบึ งภายในบึ
ประดิ บบFWFW
แงประดิ อาจเกิ
อาจเกิ ด สาหร่
ด า
สาหร่ ยที า ่ เ
ยที ป็ ่ เ สายหรื
ป็ น อ
สายหรื มี
ษฐ์แบบ FW อาจเกิดสาหร่ายทีเ่ ป็นสายหรือมีพชื ลอยน�ำ้ เจริญเติบโต พ
อ ื
มีชพลอยน้
ื ช ลอยน้ าเจริ ญ เติ บ (รู
โต ป
(รู ่
ป 3-12)
ที ่ 3-12) จะ
ซึ ่ ง จะ
ารตักออกไปลดการแพร่
(รูไปลดการแพร่ ก ระจายของออกซิ
ปที่ 3-12) กซึระจายของออกซิ ่งจะไปลดการแพร่ เ จนจากอากาศ
เจนจากอากาศ
กระจายของออกซิ และบดบั
และบดบั งแสงแดดสงเจนจากอากาศ
แสงแดดส าหรัาหรั
บพืบชพืทีและบดบั
ช่กทีาลั่กงาลัโผล่ ขงึ้นแสงแดดส�
งโผล่ ขเหนื ึ้นเหนือน้อาน้ควรก ำาหรั
ควรกบาจัดาจัด
ออกด้
ชทีว่กยการตั
พืออกด้ กออก
�ำวลัยการตั
งโผล่ กขออก
ึ้นเหนือน�้ำ ควรก�ำจัดออกด้วยการตักออก
7) 7)
การจัการจั ดการแหล่
ดการแหล่ งเพาะพั
งเพาะพั นรูธุนป์ยธุุงที์ย่ ุง3-12 แหนในบึงประดิษฐ์
ปกติปกติ
บึงประดิ
บึง7ประดิ ษฐ์ษแบบ
การจั FWรูFW
ฐ์ดแการแหล่
บบ ปเป็ทีนเป็แหล่
ง่ นเพาะพั
3-12
แหล่ นแหนในบึ
งเพาะพั ธุน์ยธุุงน์ยุงธุ์ยและเป็
งเพาะพั งนประดิ
ุง และเป็ ไปไม่นไปไม่ ได้ษ ด้ฐ์เลยที
เไลยที ่จะขั่จดะขัขวางการวางไข่
ดขวางการวางไข่ ของยุ ง วิงธีใวินธีใน
ของยุ
การควบคุ
การควบคุ มทีม่ดทีีท่ดี่สีทุดี่สคืปกติ
ุดอคืการสร้
อการสร้ างสภาพแวดล้
บึงประดิ ษฐ์แบบอมของบึ
างสภาพแวดล้ FW
อมของบึ งประดิ
เป็ นงประดิ
แหล่ ษฐ์งษทเพาะพั
ฐ์ี่ไม่ทเี่ไหมาะสมกั
นธุ์ยุง บและเป็
ม่เหมาะสมกั การวางไข่
บการวางไข่ นไปไม่ ของยุ ไงด้ปกติ
ของยุ ยุง่จชอบ
เงลยที
ปกติ ยะุงชอบ
ขัวางไข่
ดขวางการวางไข่
วางไข่ ในแหล่
ในแหล่งน้งานิน้านิ ่ง จึข่งงองยุ
ควรท ง าให้
จึงควรท วิธาให้
มีในการควบคุ
ีนม้าไหลผ่
ีน้าไหลผ่ กมพืทีก้น่ดพืทีีท้น่ใี่สนบึ
านทุานทุ ทีุด่ในบึ
งคืและไม่
องการสร้
และไม่ มีจมุดาีจบอด
งสภาพแวดล้
ุดบอดโดยก โดยก าจัดาจัอวัดสมของบึ งอประดิ
วัดุสหดุรืหอรืเศษพื ชเน่ชษาเน่ฐ์เสีายเสีย
เศษพื
) การจัดการแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
กติบึงประดิษฐ์แบบ FW เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขัดขวางการวางไข่ของยุง
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 97
บทที่
4 การบ�ำรุงรักษา
และการติดตามผล
4.1 การบ�ำรุงรักษาเครือ่ งจักรอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าของระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
เครื่องจักรอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียถือว่าเป็นหัวใจส�ำคัญของการ
เดินระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย ผู้ปฏิบัติงานควรจัดให้มีการดูแลและบ�ำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ให้อยู่
ในสภาพพร้อมใช้งานเพื่อท�ำให้ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียท�ำงานได้อย่างประสิทธิภาพ การบ�ำรุงรักษา
เครื่องจักรอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ในกรณีที่ใช้เครื่องสูบน�้ำแบบจุ่มใต้น�้ำ ทั้งมอเตอร์และเครื่องสูบน�้ำจะจมอยู่ใต้น�้ำ
ตลอดเวลา เครื่องสูบน�้ำแบบนี้จึงมีการป้องกันพิเศษไม่ให้น�้ำซึมเข้าไปในห้องขับเคลื่อนได้ ในการ
ติดตั้งเครื่องสูบน�้ำแบบจุ่มใต้น�้ำจึงต้องระมัดระวัง มีรายละเอียดต่อไปนี้
1 ระหว่างการติดตั้งต้องระวังไม่ให้สายไฟด้านที่ต่อเข้าตู้ควบคุมเปียกน�้ำ เพราะ
น�้ำจะซึมเข้าไปในช่องว่างระหว่างสายไฟมอเตอร์
2 ระหว่างการติดตัง้ ให้ใช้เชือกผูกกับหูหวิ้ ของเครือ
่ งสูบน�ำ้ เพือ่ ใช้ในการเคลือ่ นย้าย
ยกขึน้ ลง ห้ามดึงสายไฟทีต่ อ่ จากเครือ่ งสูบน�ำ้ โดยเด็ดขาด เพราะจะท�ำให้สายไฟหลุดหรือลัดวงจรได้
3 ควรตรวจสอบทุกอย่างให้พร้อมก่อนเริ่มเดินเครื่องสูบน�้ำ หรือเริ่มเดินเครื่องสูบ
เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน สิ่งจ�ำเป็นที่ต้องด�ำเนินการ คือ
(3.1) ท�ำความสะอาดบ่อสูบและภายในท่อ หากมีวัสดุหรือเศษขยะอยู่ในท่อจะ
ท�ำความเสียหายอย่างมากให้กบั ซีลของเครือ่ งสูบ และอาจท�ำให้เกิดการอุดตันในเครือ่ งสูบน�ำ้ หรือ
ในเส้นท่อได้
(3.2) ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ตรวจสอบขนาดของกระแสที่ตัดวงจร (Overload
Relay) กับค่าทีต่ งั้ ไว้ ขนาดของสายไฟทีใ่ ช้เหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ ตรวจความต้านทานของ
ฉนวนเพือ่ ให้มนั่ ใจว่ามีความต้านทานเพียงพอ ส�ำหรับเครือ่ งสูบน�ำ้ ทีไ่ ม่ได้ใช้งานนาน ต้องท�ำความ
สะอาดหน้าสัมผัสของตัวคอนแทคเตอร์
(3.2) ตรวจสอบเพลาของเครือ่ งสูบน�ำ้ โดยหมุนด้วยมือ หากปกติเพลาของเครือ่ ง
สูบน�้ำจะหมุนได้คล่อง
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
100 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4.1.2 ระบบเติมอากาศ
ระบบเติมอากาศใช้ส�ำหรับการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับจุลินทรีย์และท�ำให้เกิด
การผสมของน�ำ้ เสียและจุลนิ ทรียใ์ นสระเติมอากาศ ระบบเติมอากาศทีใ่ ช้ในระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียของ
โรงพยาบาลแบ่งได้ 2 กลุม่ ใหญ่คอื (1) เครือ่ งเติมอากาศแบบหัวฟู่ (Diffused Aerator) ซึง่ ประกอบ
ด้วยหัวฟู่และเครื่องเป่าอากาศ และ (2) เครื่องเติมอากาศทางกล ได้แก่ เครื่องเติมอากาศแบบ
ผิวน�้ำ (Surface Aerator) แบบต่าง ๆ และเครื่องเติมอากาศแบบดูด เช่น เครื่องเติมอากาศแบบ
เจ็ทแบบลอยน�ำ้ (Jet Aerator) การตรวจสอบและบ�ำรุงรักษาระบบเติมอากาศ มีรายละเอียดดังนี้
1 เครื่องเติมอากาศแบบหัวฟู่
1.1) หัวฟู่แบบละเอียด (Fine Diffuser) หัวฟู่ที่ใช้ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของ
โรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นหัวฟู่แบบละเอียดที่ให้ฟองอากาศขนาดเล็กซึ่งให้อัตราการถ่ายเท
ออกซิเจนสูง ส�ำหรับระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขนาดเล็กอาจเลือกหัวฟู่แบบหยาบซึ่งให้อัตราการถ่ายเท
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 101
ออกซิเจนที่ต�่ำกว่า และในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบถังส�ำเร็จรูปอาจใช้หัวกระจายอากาศแบบ
ท่อพลาสติกเจาะรู ที่มีอัตราการถ่ายเทออกซิเจนต�่ำที่สุด แต่การบ�ำรุงรักษาง่ายกว่า
หั ว ฟู ่ แ บบละเอี ย ดอาจเกิ ด การอุ ด ตั น อย่ า งรวดเร็ ว เมื่ อ ในน�้ ำ เสี ย มี ข องแข็ ง
แขวนลอย สนิมเหล็ก และน�้ำเสียที่มีความกระด้างสูง การอุดตันยังเกิดจากทรายละเอียดที่มี
ในน�้ำเสีย หรือเกิดการอุดตันจากอากาศที่สกปรก ซึ่งอาจเป็นมลพิษทางอากาศจากพื้นที่ใกล้กับ
โรงบ�ำบัดน�ำ้ เสีย เช่น ฝุน่ ละออง ควันไฟและความชืน้ ในกรณีนปี้ อ้ งกันได้ดว้ ยการติดตัง้ แผ่นกรอง
ที่ด้านดูดอากาศของเครื่องเป่าอากาศ และด�ำเนินการตรวจสอบเป็นประจ�ำดังนี้
(1) สังเกตฟองอากาศที่ได้จากหัวฟู่ข้ึนสู่ผิวน�้ำของถังเติมอากาศ ถ้าพบว่า
ฟองน้อยกว่าปกติหรือไม่มีฟองเลยแสดงว่าหัวฟู่อุดตัน ท�ำความสะอาดได้โดยสูบน�้ำออกจาก
ถังเติมอากาศ แล้วใช้น�้ำที่มีแรงดันสูงฉีดท�ำความสะอาด ถ้าไม่ออกให้ใช้สารซักฟอกและอาจแช่
ในกรดเกลือในช่วงเวลาหนึง่ แล้วล้างด้วยน�ำ้ สะอาด ตรวจสอบโดยเติมน�ำ้ ให้ทว่ มหัวฟูแ่ ล้วเปิดเครือ่ ง
เป่าอากาศ สังเกตฟองที่ออกจากหัวฟู่
(2) ท�ำความสะอาดหัวฟู่ทุก 6 เดือน ด้วยน�้ำแรงดันสูงฉีดล้างทุกหัว
(3) กรณี หั ว ฟู ่ ฉี ก ขาด สั ง เกตได้ จ ากผิ ว น�้ ำ เกิ ด ความปั ่ น ป่ว นอย่ า งแรงจาก
ฟองอากาศขนาดใหญ่ที่พุ่งออกจากหัวฟู่ที่เสียหาย ให้เปลี่ยนหัวฟู่ใหม่
(4) ตรวจสอบรอยรัว่ ตามท่ออากาศหลัก หรือสังเกตได้จากเกจวัดความดัน (ถ้ามี)
(5) หมั่นท�ำการตรวจสอบตะกอนที่สะสมอยู่บริเวณก้นถัง เพราะอาจจะท�ำให้
หัวฟู่อากาศเกิดการอุดตันได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีการหยุดเดินระบบเติมอากาศเป็นช่วงเวลา
เพื่อประหยัดไฟฟ้า
หัวฟูแ่ บบฟองหยาบและท่อพลาสติกเจาะรูจะต้องการอากาศปริมาณมากเพือ่ ให้
ได้อตั ราการถ่ายเทออกซิเจนเท่ากับหัวฟูแ่ บบละเอียด แม้วา่ หัวฟูแ่ บบฟองหยาบแทบจะไม่ตอ้ งการ
การบ�ำรุงรักษา แต่อาจต้องท�ำความสะอาดเมือ่ เกิดการอุดตัน การอุดตันอาจเกิดจากเมือก ตะกอน
และขยะ ในถังเติมอากาศอาจมีขยะและวัสดุที่เกาะติดหัวฟู่และท�ำให้เกิดการอุดตัน จึงควร
ตรวจสอบหัวฟู่และท่ออากาศที่อยู่ใต้น�้ำปีละ 1 ครั้ง
1.2) เครือ่ งเป่าอากาศ (Air Blower) ระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียแบบส�ำเร็จรูปขนาดเล็ก
จะใช้เครือ่ งเป่าอากาศแบบทีม่ แี ผ่นไดอะแฟรม 2 แผ่นติดกับแกนแม่เหล็กไฟฟ้า เมือ่ ถูกเหนีย่ วน�ำ
ท�ำให้สามารถเป่าลมออกมาได้อย่างต่อเนื่องและควรท�ำความสะอาดแผ่นกรองลมทุก ๆ 3 เดือน
การอุดตันจะท�ำให้เครือ่ งเป่าอากาศร้อนและเสียงดัง ถ้าสกปรกมากให้ใช้นำ�้ ผสมผงซักฟอกอ่อน ๆ
ล้ า งท� ำ ความสะอาดแผ่ น กรอง และปล่ อยให้แห้งก่อนใช้งาน ส�ำหรับ ระบบสระเติมอากาศ
ของโรงพยาบาลที่ใช้เครื่องเป่าอากาศแบบ positive displacement ชนิด Root type rotary
แบบ Three lobes ที่ ขั บ ด้ ว ยมอเตอร์ ผ ่ า นมู เ ลย์ แ ละสายพานที่ ติ ด ตั้ ง บนแท่ น ฐานเดี ย วกั น
มีตัวกรองอากาศและ Suction silencer ช่วยลดเสียง จะต้องเปลี่ยนน�้ำมันหล่อลื่นเป็นครั้งคราว
ลมที่เครื่องดูดเข้าอาจมีฝุ่นละอองที่จะไปสะสมอยู่ในเครื่องเป่าอากาศ และท�ำให้เกิดการสึกหรอ
และควรด�ำเนินการตรวจสอบเป็นประจ�ำดังนี้
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
102 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4.1.4 ระบบไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าของระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียมีความส�ำคัญในการควบคุมการท�ำงานของระบบ
บ�ำบัดน�้ำเสีย ซึ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ต้องอาศัยพลังงานจากกระแสไฟฟ้าแทบทั้งสิ้น ดังนั้น
ผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ควบคุมระบบจะต้องท�ำความรู้จักกับระบบไฟฟ้าและหลักการท�ำงานของ
เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียเพื่อให้สามารถควบคุมการท�ำงานของระบบที่มี
ประสิทธิภาพ อุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ในควบคุมระบบไฟฟ้ามีดังต่อไปนี้
1 เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit breaker) ท�ำหน้าที่ป้องกันการใช้กระแสไฟฟ้า
เกินพิกัดและการลัดวงจรไฟฟ้า ต่างจากฟิวส์ตรงที่สามารถรีเซ็ตได้ท�ำให้สะดวกต่อการใช้งาน
หลักการท�ำงานคือเมือ่ มีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรสูงกว่าทีก่ ำ� หนดไว้จะเกิดการตัดวงจร โดยคันโยก
จะเลื่อนไปยังต�ำแหน่งตัดวงจร (Trip) แต่ต้องแก้ไขสาเหตุที่เกิดขึ้นก่อนท�ำการรีเซ็ตเบรกเกอร์
ให้ท�ำงานใหม่โดยเลื่อนไปยังต�ำแหน่ง On
2 ฟิวส์ (Fuse) ท�ำหน้าที่ป้องกันการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดและการลัดวงจร
ไฟฟ้าเช่นเดียวกับเซอร์กติ เบรกเกอร์ โดยเมือ่ มีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรสูงกว่าทีก่ ำ� หนดไว้จะเกิด
การหลอมละลายและตัดกระแสไฟฟ้าออกจากวงจรเพือ่ ป้องกันอุปกรณ์เสียหาย แต่จะต้องท�ำการ
เปลี่ยนฟิวส์ใหม่ต่างจากเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่สามารถใช้งานต่อได้ทันที
3 แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic contactor) คือสวิตช์ทท ี่ ำ� งานโดยอาศัย
อ�ำนาจแม่เหล็กช่วยให้เกิดการตัดต่อในวงจรก�ำลังใช้กระแสไฟฟ้าสูง เพือ่ เพิม่ ความปลอดภัยให้แก่
ผู้ควบคุม โดยมีหน้าที่ตัดและต่อวงจรไฟฟ้าในการควบคุมมอเตอร์หรือการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า
อื่น ๆ
4 โอเวอร์ โ หลดรี เ ลย์ (Overload relay) เป็ น ตั ว ป้ อ งกั น มอเตอร์ เ สี ย หาย
เนื่องมาจากการท�ำงานเกินก�ำลัง เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลมากเกิดพิกัดที่ตั้งไว้จะตัดวงจร ซึ่งมักใช้
คู่กับแมกเนติกคอนแทคเตอร์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 105
4.1.5 การตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียเบื้องต้น
ควรจัดให้มีตารางการซ่อมบ�ำรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียเบื้องต้น
เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ เช่น ทุก ๆ ครึ่งปี อาจให้พนักงานในโรงพยาบาลเป็นผู้ตรวจซ่อม
หรือจัดจ้างบุคคลภายนอก การตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแสดงในดังตารางที่ 4-1
4.1.5 การวางแผนบ�ำรุงรักษาเชิงป้องกันของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
(Preventive Maintenance: PM)
การซ่อมแซมและบ�ำรุงรักษาเป็นส่วนประกอบส�ำคัญอย่างหนึ่งของกระบวนการ
บ�ำบัดน�้ำเสีย เนื่องจากเป็นงานที่ช่วยให้ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียท�ำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
การบ�ำรุงรักษาเชิงป้องกันมีจุดประสงค์เพื่อให้เครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถท�ำงานได้อย่างเต็ม
ประสิทธิภาพทีส่ ดุ ซึง่ เป็นการบ�ำรุงรักษาก่อนทีจ่ ะมีอปุ กรณ์ชำ� รุดเสียหาย เช่น การเปลีย่ นอะไหล่
หรือมอเตอร์เมือ่ ครบอายุการใช้งานตามทีผ่ ผู้ ลิตก�ำหนดไว้ในคูม่ อื ของผูผ้ ลิต แม้วา่ ในความเป็นจริง
อาจจะใช้ได้นานกว่านัน้ การเปลีย่ นมอเตอร์เพือ่ ป้องกันไม่ให้มอเตอร์เสียจนท�ำให้ระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
ต้องหยุดท�ำงาน
การบ�ำรุงรักษาเชิงป้องกันเป็นการดูแลรักษาตามก�ำหนดเวลาของทุกองค์ประกอบ
ของระบบ ดังนั้นจะต้องมีการวางแผนและงบประมาณส�ำหรับการบ�ำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง
มีการตรวจติดตามการด�ำเนินงานสม�ำ่ เสมอ และบันทึกการท�ำงานของอุปกรณ์ตา่ ง ๆ เพือ่ ป้องกัน
การช�ำรุดและความเสียหายต่อการบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาล ตัวอย่างแผนการบ�ำรุงรักษา
เชิงป้องกันของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย ดังตารางที่ 4-2
ความถี่ในการตรวจบ�ำรุง ค่า
การเดินระบบและบ�ำรุงรักษา
เชิงป้องกัน ราย ราย ราย ราย เมื่อ ใช้จ่าย
รายวัน รายปี
สัปดาห์ เดือน ไตรมาส ครึ่งปี จ�ำเป็น (บาท)
บันทึกจ�ำนวนชั่วโมงท�ำงานของ ×
เครื่องสูบน�้ำ
ท�ำความสะอาดอุปกรณ์ควบคุม ×
เครื่องเติมอากาศ
ตรวจสอบน�ำ้ มันหล่อลืน่ เครือ่ งสูบน�ำ้ ×
เปลี่ยนน�้ำมันหล่อลื่นเครื่องสูบน�้ำ ×
ถอดใบพัดออกมาตรวจสอบ ×
การสึกกร่อน
ท�ำความสะอาดลูกลอย ×
4. เครื่องเติมคลอรีน
เช็คระดับสารละลายคลอรีนในถัง ×
ท�ำความสะอาดถังเตรียม ×
สารละลายคลอรีน
ท�ำความสะอาดวาล์วและสปริง ×
ของเครื่องสูบ
ตรวจวัดอัตราการจ่ายสารละลาย ×
คลอรีน
5. บ่อปรับเสถียร สระเติมอากาศและบึงประดิษฐ์
ตรวจสอบตะกอนลอยบนผิวน�้ำ ×
ของบ่อทุกบ่อ และจุดปล่อยน�้ำทิ้ง
ตรวจสอบพืชลอยน�้ำบนผิวน�้ำ ×
ของบ่อทุกบ่อ
ตรวจสอบพืชโผล่พ้นน�้ำในบ่อทุกบ่อ ×
การสังเกต กลิ่นและสีของน�้ำในบ่อ ×
ทุกบ่อ
ตรวจสอบว่าเกิดการไหลลัดวงจร ×
และมีจุดบอดของการผสมของบ่อ
ทุกบ่อ
ตรวจสอบค่า DO และ pH ×
ตรวจสอบการสั่นและเสียง ×
ที่ผิดปกติของระบบเติมอากาศ
บันทึกจ�ำนวนชั่วโมงท�ำงาน ×
ของเครื่องเติมอากาศ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 109
ความถี่ในการตรวจบ�ำรุง ค่า
การเดินระบบและบ�ำรุงรักษา
เชิงป้องกัน ราย ราย ราย ราย เมื่อ ใช้จ่าย
รายวัน รายปี
สัปดาห์ เดือน ไตรมาส ครึ่งปี จ�ำเป็น (บาท)
จดเวลาเปิดปิดเครื่องเติมอากาศ ×
เช็คกระแสไฟเครื่องเติมอากาศ ×
6. ถังสัมผัสคลอรีน
ก�ำจัดตะกอนที่ลอยอยู่บนผิวน�้ำ ×
ถังสัมผัส
ก�ำจัดตะกอนในถังสัมผัสคลอรีน ×
เมื่อจ�ำเป็น
ตรวจวัดระยะเวลาสัมผัสคลอรีน ×
ว่าเพียงพอหรือไม่ (ไม่น้อยกว่า
30 นาที)
7. ระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย
ท�ำความสะอาดแนวท่อรวบรวมน�ำ้ เสีย ×
ตรวจสอบสภาพของท่อรวบรวม ×
น�้ำเสีย บ่อตรวจ
4.2 การติดตามผลการด�ำเนินงานของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลจะต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา เครื่องจักร
และอุปกรณ์ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียจะต้องได้รับการบ�ำรุงรักษาอย่างสม�่ำเสมอ ในโรงพยาบาลจะ
ต้องมีผู้ควบคุมและผู้ปฏิบัติงานที่ท�ำหน้าที่ควบคุมการเดินระบบได้อย่างถูกต้อง และตรวจสอบ
คุณภาพของน�้ำทิ้งที่ผ่านการบ�ำบัดก่อนระบายออกสู่แหล่งน�้ำสาธารณะให้ได้ตามมาตรฐานของ
ทางราชการ ได้แก่ มาตรฐานควบคุมการระบายน�ำ้ ทิง้ จากอาคารของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดล้อม และประกาศกระทรวงก�ำหนดปริมาณไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรียอีโคไลในน�ำ้ ทิง้
และกากตะกอนทีบ่ ำ� บัดแล้วของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนีโ้ รงพยาบาลจะต้องจัดท�ำรายงาน
สรุปผลการท�ำงานของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียในแต่ละเดือนส่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุกเดือน
เนื่องจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลมีขนาดเล็ก และขาดแคลนบุคลากรที่มีความ
ช�ำนาญในการควบคุมระบบ ดังนั้นการติดตามตรวจสอบการท�ำงานของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียควร
เป็นวิธีการที่สะดวก ง่ายและผู้ปฏิบัติงานสามารถน�ำไปปฏิบัติได้ ได้แก่ การสังเกตด้วยสายตา
และการตรวจวัดตัวแปรบางชนิดด้วยเครื่องมือ เป็นต้น และต้องตรวจสอบคุณภาพน�้ำทิ้งทางเคมี
จุลชีววิทยาและทางกายภาพ การตรวจสอบคุณภาพของน�้ำทิ้งทางเคมีและจุลชีววิทยาส�ำหรับ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
110 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4.2.1 การตรวจสอบทางเคมีและจุลชีววิทยา
การติดตามตรวจสอบการท�ำงานของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียทางเคมีเป็นการตรวจสอบ
คุณภาพน�้ำทิ้งด้วยการวิเคราะห์ทางเคมี ซึ่งในโรงพยาบาลไม่สามารถด�ำเนินการได้เองเนื่องจาก
ไม่มีห้องปฏิบัติการและบุคลากร จึงต้องเก็บตัวอย่างน�้ำทิ้งที่ผ่านการบ�ำบัดแล้วส่งไปวิเคราะห์
ในห้ อ งปฏิ บั ติ ก ารของทางราชการหรื อ อาจใช้ ห ้ อ งปฏิ บั ติ ก ารของเอกชนที่ ขึ้ น ทะเบี ย นกั บ
กระทรวงอุตสาหกรรม ปกติจะส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ทุก ๆ 3 เดือน พารามิเตอร์ที่ต้องวิเคราะห์
ได้แก่ ค่าความเป็นกรดด่าง บีโอดี ของแข็งแขวนลอย ตะกอนหนัก สารที่ละลายได้ทั้งหมด
ซัลไฟด์ ทีเคเอ็น น�้ำมันและไขมัน ซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่ระบุไว้ในข้อประกาศของกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ออกประกาศกระทรวงฯ เรื่อง
ก�ำหนดมาตรฐานควบคุม การระบายน�้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด ลงวันที่ 7
พฤศจิกายน 2548 ในประกาศได้ก�ำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน�้ำทิ้งจากอาคารทั้งหมด
5 ประเภทตามประเภทของอาคารดังแสดงในตารางที่ 4-3 ซึ่งโรงพยาบาลของทางราชการ
รัฐวิสาหกิจหรือสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลทีม่ เี ตียงส�ำหรับผูป้ ว่ ยไว้คา้ งคืน
รวมกันทุกชั้นของอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ 30 เตียงขึ้นไปเป็นอาคารประเภท ก. และ
กลุ่มของอาคารตั้งแต่ 10 เตียง แต่ไม่ถึง 30 เตียง เป็นอาคารประเภท ข.
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องก�ำหนดปริมาณไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรีย
อีโคไล (Escherichia Coli) และวิธกี ารเก็บตัวอย่าง และการตรวจหาไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรีย
อีโคไล (Escherichia Coli) ในน�้ำทิ้งและกากตะกอนที่ผ่านระบบก�ำจัดสิ่งปฏิกูลแล้ว พ.ศ. 2561
ในประกาศก�ำหนดเกณฑ์มาตรฐานในการระบายน�ำ้ ทิง้ และกากตะกอนทีผ่ า่ นระบบก�ำจัดสิง่ ปฏิกลู แล้ว
น�้ำทิ้งและกากตะกอนต้องมีปริมาณไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรียอีโคไล (Escherichia Coli)
ต�่ำกว่าค่าที่ก�ำหนดดังแสดงตารางที่ 4-4
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 111
1การเก็บตัวอย่างน�้ำเสีย
ตัวอย่างน�้ำเสียคือส่วนหนึ่งของน�้ำเสียที่น�ำออกมาจากน�้ำเสียส่วนใหญ่และเป็น
ตัวแทนของน�้ำเสียทั้งหมด การเป็นตัวแทนของน�้ำเสียทั้งหมดนั้นมีความส�ำคัญ ดังนั้นการเก็บ
ตัวอย่างน�้ำเสียจะต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องและมั่นใจว่าได้ตัวอย่างที่ได้เป็นตัวแทนที่แท้จริง และจะ
ต้องเก็บรักษาสภาพตัวอย่างไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จนกระทั่งถูกน�ำไปวิเคราะห์ในห้อง
ปฏิบัติการ
วิธีการเก็บตัวอย่างมี 2 วิธีได้แก่ (1) การเก็บแบบจ้วง (Grab Sample) คือการ
เก็บตัวอย่างแบบจ้วงเก็บและแยกกันวิเคราะห์แต่ละตัวอย่าง โดยปกติการเก็บตัวอย่างน�้ำเสีย
ในโรงพยาบาลจะใช้วิธีนี้ ตัวอย่างน�้ำเสียที่เก็บจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันตามเวลาที่เก็บจึงท�ำให้
ต้องพิจารณาถึงความถีใ่ นการเก็บทีจ่ ะท�ำให้ได้ขอ้ มูลทีถ่ กู ต้อง (2) การเก็บแบบรวม (Composite
Samples) คือการเก็บตัวอย่างตามช่วงระยะเวลาที่เท่า ๆกัน เช่น ทุก ๆ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วน�ำ
ตัวอย่างทัง้ หมดมาผสมกันเป็นตัวอย่างเดียวใน 24 ชัว่ โมง การเก็บตัวอย่างวิธนี นี้ ยิ มใช้เครือ่ งเก็บ
ตัวอย่างแบบอัตโนมัติ และใช้เก็บตัวอย่างน�้ำทิ้งจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียขนาดใหญ่
2 ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างน�้ำทิ้งจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาล
(1) ความถี่ในการเก็บตัวอย่างทุก ๆ 3 เดือน
(2)ตัวอย่างน�ำ้ ต้องมีปริมาตรเพียงพอส�ำหรับการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบตั กิ าร
(3)ตัวอย่างน�ำ้ ต้องเป็นตัวแทนทีด่ ขี องน�ำ้ ทิง้ จากระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียของโรงพยาบาล
(4) เก็บรักษาตัวอย่างน�้ำทิ้งและน�้ำเสียให้เหมาะสม แยกตามประเภทของการ
ตรวจวิเคราะห์ เก็บรักษาคุณภาพน�้ำให้เหมือนเดิม บางพารามิเตอร์ต้องวิเคราะห์ทันทีที่ระบบ
บ�ำบัดน�้ำเสีย ได้แก่ pH และ DO
(5) ต้องระบุรายละเอียดของตัวอย่างน�้ำ เช่น ตัวอย่างน�้ำทิ้งหรือตัวอย่างน�้ำเสีย
วันที่ ผู้ท�ำการเก็บตัวอย่าง เป็นต้น โดยเขียนบนฉลากแล้วปิดไว้ที่ข้างขวด และต้องเขียน
ด้วยปากกาหมึกที่ไม่ละลายน�้ำ
3 ลักษณะของภาชนะบรรจุ
(1) ภาชนะตัวอย่างบรรจุน�้ำส�ำหรับตรวจวิเคราะห์คุณภาพน�้ำทางกายภาพและ
เคมี ควรใช้ขวดพลาสติกอย่างดี เช่น โพลีเอททิลินและโพลีโพรพิลิน ฝาเกลียวท�ำด้วยวัสดุ
เดียวกันและปิดได้สนิท ภาชนะชนิดนี้ท�ำให้สะดวกในการขนส่ง และไม่ท�ำให้เกิดปฏิกิริยากับน�้ำ
หรือสิ่งเจือปนต่าง ๆ ในน�้ำ ขนาดของภาชนะเป็นขวดพลาสติก 4 ลิตร และ 1 ลิตร (ขึ้นอยู่กับ
จ�ำนวนข้อมูลที่จะท�ำการตรวจวิเคราะห์ว่ามากน้อยเพียงใด)
(2)หากต้องการตรวจวิเคราะห์ไนโตรเจนหรือโลหะหนัก ใช้ภาชนะพลาสติกพวก
โพลีเอททิลิน หรือโพลีโพรพิลิน มีฝาเกลียวท�ำด้วยวัสดุชนิดเดียวกัน ขนาด 1 ลิตร
(3) หากต้องการตรวจโคลิฟอร์มและฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ต้องใช้ภาชนะ
บรรจุตัวอย่างน�้ำที่เป็นขวดแก้ว ขนาดความจุประมาณ 125 มิลลิลิตร ให้ท�ำความสะอาดและ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 113
4.2.2 การติดตามผลการด�ำเนินงานของระบบบ่อปรับเสถียร
การสังเกต สี-กลิ่น-ตะกอนลอยในบ่อปรับเสถียร
1
1.1) สี ผู้ควบคุมควรสังเกตสีที่เกิดขึ้นในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่ม ซึ่งจะบอก
ถึงสภาวะของบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่ม ตารางที่ 4-6 แสดงสภาวะของบ่อปรับเสถียรจากการ
สังเกตสีและแนวทางการแก้ไข
สภาวะของบ่อแฟคัลเททีฟ
การสังเกต แนวทางแก้ไข
และบ่อบ่ม
(4) กลิ่นเหม็น มีตะกอนสะสมก้นบ่อมากเกินไป ลอกตะกอนออก ปรับระบบให้เป็น
ก๊าซไข่เน่า และตะกอนเน่าสลายลอยขึ้นผิวน�้ำ สระเติมอากาศด้วยการติดเครื่อง
อัตราภาระสารอินทรีย์มากเกินไป เติมอากาศที่มีขนาดเหมาะสม
เข้าสู่สภาวะไร้อากาศ
การตรวจสอบค่า pH และ DO
2
ผู้ปฏิบัติงานจะต้องตรวจสอบค่า pH ของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มทุกบ่อ
วันละครั้ง โดยเฉพาะในเวลากลางวัน ค่า pH ควรมีค่าอยู่ในช่วง 7.5 ถึง 9.5 ซึ่งแสดงถึงการผลิต
ด่างจากปฏิกิริยาสังเคราะห์แสงของสาหร่าย อาจพบปลาตายถ้าน�้ำในบ่อมีค่า pH > 10 เนื่องจาก
แอมโมเนียมไอออน (NH4+) จะเปลีย่ นไปเป็นแอมโมเนียอิสระ (NH3) ซึง่ เป็นพิษต่อปลาทีค่ วามเข้มข้นต�ำ่
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
116 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
นอกจากนี้ผู้ปฏิบัติงานควรตรวจสอบค่า DO ในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มทุกบ่ออย่างน้อยวันละ
1 ครั้ง ควรตรวจสอบในช่วงที่มีปริมาณน�้ำเสียเข้าระบบสูงสุด เช่น ช่วงก่อนเที่ยง ภายในบ่อปรับ
เสถียรควรมีค่า DO > 5 มิลลิกรัม/ลิตร และควรตรวจสอบค่า DO ในหลายต�ำแหน่งของ
บ่อปรับเสถียร และตามระดับความลึกเป็นครัง้ คราว ควรใช้เครือ่ งวัดค่า DO และจะต้องตรวจสอบ
ค่า DO ในน�้ำทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้นหรือปัญหาเพิ่งเริ่มจะเกิดขึ้นเพื่อหาสาเหตุ
3 การก�ำจัดสลัดจ์
สลัดจ์ที่ก้นบ่อจะอัดตัวกันท�ำให้มีความเข้มข้นของแข็งสูงขึ้นและเกิดการย่อย
สลายแบบไร้อากาศ สลัดจ์จะสะสมเพิ่มขึ้นและมีความหนามากขึ้นตามปีที่ใช้งาน เมื่อชั้นสลัดจ์
มากเกินไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสียของระบบ ท�ำให้ปริมาตรน�้ำภายในบ่อปรับ
เสถียรลดลงส่งผลให้ระยะเวลาเก็บกักน�้ำลดลง ซึ่งเป็นตัวแปรที่ส�ำคัญต่อประสิทธิภาพการบ�ำบัด
น�้ำเสียของระบบบ่อปรับเสถียร ดังนั้นควรพิจารณาก�ำจัดสลัดจ์ออกจากบ่อเมื่อมีชั้นสลัดจ์สะสม
สูงถึง 1/3 ของความลึกน�้ำ ผู้ปฏิบัติงานควรตรวจสอบความสูงของชั้นตะกอนทุกปี โดยใช้แท่งไม้
ที่มีความยาวเพียงพอ แล้วหุ้มปลายไม้ด้วยผ้าขนหนูสีขาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวแท่งไม้
มัดให้แน่น จุม่ ปลายแท่งไม้ลงในบ่อในแนวตัง้ จนถึงก้นบ่อเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที ยกไม้ขนึ้
อย่างช้า ๆ จะเห็นความสูงของชั้นตะกอนจากสีด�ำที่ติดอยู่ที่ผ้าอย่างชัดเจนเนื่องจากตะกอน
บางส่วนเกาะติดกับผ้า ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจสอบความลึกของชั้นตะกอนอย่างน้อย 5 จุดที่ห่าง
จากผนังบ่อ แล้วน�ำมาค�ำนวณหาค่าเฉลี่ย
เนื่องจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลไม่สามารถหยุดการเดินระบบได้
ดังนัน้ จึงต้องก�ำจัดสลัดออกจากบ่อในขณะทีร่ ะบบยังคงท�ำงานอยู่ สามารถสูบสลัดจ์ออกจากก้นบ่อ
ด้วยการใช้เครือ่ งสูบน�ำ้ แบบจมน�ำ้ และให้คนงานจับท่ออยูบ่ นแพ อาจใช้รว่ มกับอุปกรณ์กวาดสลัดจ์
ที่ก้นบ่อ สลัดจ์ที่สูบออกมาจะต้องขนออกไปทิ้งนอกบ่อปรับเสถียรหรือน�ำไปรีดน�้ำออก
4.2.3 การติดตามผลการด�ำเนินงานของสระเติมอากาศ
การสังเกต สี-กลิ่น-ตะกอนลอยในสระเติมอากาศและบ่อบ่ม
1
1.1) สีและกลิ่น สีและกลิ่นของน�้ำในสระเติมอากาศและบ่อบ่มเป็นตัวชี้วัดว่า
ระบบอยู่ในสภาวะเหมาะสมที่สามารถบ�ำบัดน�้ำทิ้งได้ตามมาตรฐานน�้ำทิ้งหรือไม่ ตารางที่ 4-9
แสดงสีและกลิ่นของน�้ำในบ่อที่เป็นตัวชี้วัดสภาพของระบบสระเติมอากาศและแนวทางแก้ไข
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 117
การตรวจสอบค่า pH และ DO
2
ผูป้ ฏิบตั งิ านท�ำการตรวจวัดค่า DO ทุกวัน ค่า DO จะลดต�ำ่ ลงในช่วงเช้าทีม่ นี ำ�้ เสีย
เข้าระบบจ�ำนวนมาก ค่า DO ของน�้ำในบ่อควรมีค่าไม่น้อยกว่า 2 มิลลิกรัม/ลิตร เพื่อให้ได้
การบ�ำบัดน�้ำเสียที่มีประสิทธิภาพสูง ควรตรวจสอบค่า DO ของน�้ำในบริเวณที่คิดว่าเป็นจุดบอด
และปรับทิศทางของเครื่องเติมอากาศให้เกิดการผสมที่ดีภายในสระเติมอากาศเพื่อแก้ไขปัญหา
ไม่ให้เกิดจุดบอด ภายในบ่อเติมอากาศควรติดตั้งเครื่องเติมอากาศอย่างน้อย 2 เครื่อง และ
เดินเครื่องเติมอากาศทั้ง 2 เครื่องเมื่อพบว่าค่า DO ในบ่อลดต�่ำลง และสลับเดินทีละเครื่อง
เมื่อค่า DO อยู่ในระดับสูง
ค่า pH ของน�้ำในสระเติมอากาศควรอยู่ในช่วง 6.5 ถึง 8.5 และบ่อบ่มค่า pH
ควรมีค่าอยู่ในช่วง 7.5 ถึง 9.5 ผู้ปฏิบัติงานควรตรวจวัดค่า pH ของน�้ำในบ่ออย่างน้อยวันละครั้ง
ถ้าพบว่าค่า pH ของน�้ำเปลี่ยนแปลงไปควรรีบท�ำการตรวจสอบหาสาเหตุและแก้ไข สภาวะของ
ระบบสระเติมอากาศจากการตรวจสอบค่า pH และ DO และแนวทางแก้ไขแสดงในตารางที่ 4-11
ตารางที่ 4-11 สภาวะของระบบสระเติมอากาศจากการตรวจสอบค่า pH และ DO และแนวทาง
การแก้ไข
การตรวจสอบ สภาวะของระบบ แนวทางแก้ไข
สระเติมอากาศ
(1) pH 6.5 – 8.5 สภาวะปกติของสระเติมอากาศ -
(2) pH < 6.5 มีน�้ำเสียที่มีสภาพเป็นกรดไหล ปรับค่า pH ให้เป็นกลางด้วยปูนขาว
เข้าระบบ หาแหล่งของน�ำ้ เสียทีเ่ ป็นกรดและแยกออก
(3) pH > 8.5 มีน�้ำเสียที่มีสภาพเป็นด่างไหล หาแหล่งของน�้ำเสียที่เป็นด่างและ
เข้าระบบ หรือเครื่องเติมอากาศ แยกออก เดินจ�ำนวนเครื่องเติมอากาศ
มีขนาดเล็กไปหรือไม่เปิดเครื่องใน เพิ่ม เพิ่มจ�ำนวนเครื่องเติมอากาศ
เวลากลางวัน ท�ำให้สาหร่ายเติบโต
(4) DO > 2 สภาวะปกติของสระเติมอากาศ
(5) DO < 2 ออกซิเจนจากเครื่องเติมอากาศ ติดตั้งเครื่องเติมอากาศที่ใหญ่ขึ้น
ไม่เพียงพอ หรือไม่เปิดเครื่อง เพิ่มเวลาเดินเครื่องเติมอากาศ
เติมอากาศตลอดเวลา เกิดจุดบอด ปรับต�ำแหน่งเครื่องเติมอากาศ
ของการไหลของน�้ำ ให้ได้การผสมที่ดี
บ่อบ่ม
(1) pH 7.5 – 9.5 สภาวะปกติของบ่อบ่ม -
(3) pH > 9.5 สาหร่ายเติบโตจ�ำนวนมากเกินไป ติดตั้งเครื่องเติมอากาศขนาดเล็ก
และเดินเครื่องเฉพาะเวลากลางวัน
(4) DO > 5 สภาวะปกติของบ่อบ่ม -
(4) DO < 5 อัตราภาระสารอินทรีย์สูง ตรวจสอบประสิทธิภาพของ
ตะกอนสะสมก้นบ่อสูงเกิน สระเติมอากาศ ลอกตะกอนก้นบ่อ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 119
3 การก�ำจัดสลัดจ์
เมื่อชั้นสลัดจ์มากเกินไปจะส่งผลต่อปริมาตรน�้ำในสระเติมอากาศลดลง ท�ำให้
ระยะเวลาเก็บกักน�้ำของสระเติมอากาศลดลง และมีผลท�ำให้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสียของ
ระบบสระเติมอากาศลดลง ควรพิจารณาก�ำจัดสลัดจ์ออกจากบ่อเมื่อมีชั้นสลัดจ์สะสมสูงถึง 1/3
ของความลึกน�ำ้ ผูป้ ฏิบตั งิ านควรตรวจสอบความสูงของชัน้ ตะกอนทุกปี โดยใช้แท่งไม้ทมี่ คี วามยาว
เพียงพอ แล้วหุม้ ปลายไม้ดว้ ยผ้าขนหนูสขี าวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวแท่งไม้ จุม่ ปลายแท่งไม้
ลงในบ่อในแนวตั้งจนถึงก้นบ่อ ยกไม้ขึ้นอย่างช้า ๆ จะเห็นความสูงของชั้นตะกอนจากสีด�ำที่ติด
อยูท่ ผี่ า้ อย่างชัดเจนเนือ่ งจากตะกอนบางส่วนจะเกาะติดกับผ้า ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจสอบความลึก
ของชั้นตะกอนอย่างน้อย 5 จุดที่ห่างจากผนังบ่อ แล้วน�ำมาค�ำนวณหาค่าเฉลี่ย
เนื่องจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลไม่สามารถหยุดการเดินระบบได้
ดังนัน้ จึงต้องก�ำจัดสลัดออกจากบ่อในขณะทีร่ ะบบยังคงท�ำงานอยู่ สามารถสูบสลัดจ์ออกจากก้นบ่อ
ด้วยการใช้เครือ่ งสูบน�ำ้ แบบจมน�ำ้ และให้คนงานจับท่ออยูบ่ นแพ อาจใช้รว่ มกับอุปกรณ์กวาดสลัดจ์
ที่ก้นบ่อ สลัดจ์ที่สูบออกมาจะต้องขนออกไปทิ้งนอกบ่อปรับเสถียรหรือน�ำไปรีดน�้ำออก
4.2.4 การติดตามผลการด�ำเนินงานของบึงประดิษฐ์
1 การไหลของน�้ำภายในบึงประดิษฐ์
1.1) ตรวจสอบระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์ ผู้ปฏิบัติงานต้องตรวจสอบระดับน�้ำ
ในบึงประดิษฐ์ดว้ ยการสังเกตเป็นประจ�ำทุกวัน และใช้ไม้วดั ความลึกน�ำ้ ทุกอาทิตย์ เมือ่ พบว่าระดับน�ำ้
ในบ่อเปลีย่ นแปลงอย่างกะทันหันจะต้องรีบตรวจสอบหาสาเหตุ เช่นอาจเกิดจากบ่อรัว่ หรือเกิดจาก
ท่ออุดตัน เป็นต้น การควบคุมระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์แบบ FW โดยใช้โครงสร้างที่ท่อน�้ำออกด้วย
การยกประตูน�้ำขึ้นหรือต่อท่อน�้ำล้นให้สูงขึ้น อาจใช้น�้ำสะอาด เช่น น�้ำจากบ่อน�้ำธรรมชาติ
เติมลงในบ่อในกรณีทรี่ ะดับน�ำ้ ต�ำ่ เกินไปทัง้ ในช่วงเริม่ เดินระบบและช่วงเดินระบบปกติ สภาวะของ
บึงประดิษฐ์จากการสังเกตระดับน�้ำในบึงประดิษฐ์และแนวทางการแก้ไขแสดงในตารางที่ 4-12
3การจัดการแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ผู้ปฏิบัติจะต้องหาทางควบคุมยุงที่เกิดขึ้นจาก
บึงประดิษฐ์ ปกติบึงประดิษฐ์แบบ FW เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขัดขวาง
การวางไข่ของยุง สาเหตุของการเกิดยุงจ�ำนวนมากและแนวทางการแก้ไขแสดงในตารางที่ 4-15
น�้ำทิ้งที่ผ่านการบ�ำบัดแล้วจากระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลจะต้องได้คุณภาพตาม
มาตรฐานน�ำ้ ทิง้ ของทางราชการทีก่ ำ� หนดไว้ ผูค้ วบคุมระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียจะต้องเฝ้าระวังและติดตาม
คุณภาพของน�้ำทิ้ง และควบคุมระบบบ�ำบัดน�้ำเสียให้อยู่ในสภาวะที่ท�ำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจดบันทึกและการรายงานผลการควบคุมระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลมีความส�ำคัญ
ต่อผูร้ บั ผิดชอบในโรงพยาบาล และหน่วยงานราชการทีเ่ กีย่ วข้อง ผูค้ วบคุมจะต้องใช้ขอ้ มูลทีบ่ นั ทึก
ไว้ในการควบคุม ปรับปรุงการด�ำเนินงานและแก้ไขระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย นอกจากนี้บันทึกเหล่านี้
เป็นข้อมูลทีม่ ปี ระโยชน์สำ� หรับฝ่ายบริหารใช้ในการของบประมาณส�ำหรับปรับปรุงหรือขยายระบบ
บ�ำบัดน�้ำเสียเมื่ออัตราภาระสารอินทรีย์ในอนาคตมีค่าสูงเกินกว่าที่ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียที่มีอยู่จะ
รองรับได้ในอนาคต เอกสารที่ควรเก็บรักษาไว้ที่ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
ได้แก่ (1) เอกสารของออกแบบระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย เช่น แบบแปลน รายการเครือ่ งมือและอุปกรณ์
เป็นต้น และ (2) บันทึกการด�ำเนินงานของระบบ
4.3.1 เอกสารของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
ในโรงพยาบาลจะต้องเก็บรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและก่อสร้าง
ระบบบ�ำบัดน�้ำเสียที่ด�ำเนินงานอยู่ เพื่อให้ผู้ควบคุมและปฏิบัติงานสามารถน�ำไปใช้ในการศึกษา
ตรวจสอบ ควบคุมและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบบ�ำบัดน�้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
122 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4.3.2 การบันทึกข้อมูลการด�ำเนินงาน
ข้อมูลการเดินระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลมีความส�ำคัญต่อการควบคุม
ของการด�ำเนินงานของระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย การบันทึกข้อมูลทีด่ จี ะท�ำให้ผคู้ วบคุมสามารถย้อนประวัติ
ของการด�ำเนินงานของระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย ดูแนวโน้มการเพิม่ ขึน้ ของอัตราไหลของน�ำ้ เสียและอัตรา
ภาระสารอินทรีย์ ตรวจสอบประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�ำ้ เสียและคุณภาพน�ำ้ ทิง้ ในอดีต ปัญหาทีเ่ กิด
ขึ้นในการด�ำเนินงานจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงในอดีต รวมทั้งปัญหาที่ท�ำให้คุณภาพน�้ำทิ้ง
ไม่ได้ตามมาตรฐาน ท�ำให้สามารถน�ำข้อมูลมาศึกษาเพื่อหลีกเลี่ยงได้ในอนาคต ข้อมูลที่บันทึก
ยั ง ใช้ เ ป็ น แนวทางในการด� ำ เนิ น งานส� ำ หรั บ ผู ้ ค วบคุ ม ที่ ม ารั บ งานใหม่ ใ ช้ ใ นการศึ ก ษาจาก
ประสบการณ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังใช้เป็นเอกสารอ้างอิงส�ำหรับการพัฒนาระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
ในอนาคต การบันทึกข้อมูลการด�ำเนินงานในระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลมีดังต่อไปนี้
1 บันทึกข้อมูลการด�ำเนินงานประจ�ำวัน
1.1) ระบบบ่อปรับเสถียร
ข้อมูลทีต่ อ้ งบันทึกทุกวันส�ำหรับระบบบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่ม ได้แก่ สีของน�ำ้
กลิ่น ตะกอนลอยและพืชน�้ำที่ลอยบนผิวน�้ำ วัดค่า pH และ DO ของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟ
และบ่อบ่มทุกบ่อที่มี ดังตัวอย่างตารางบันทึกข้อมูลแสดงในตารางที่ 4-16
1.2) ระบบสระเติมอากาศ
ข้อมูลทีต่ อ้ งบันทึกประจ�ำวันของระบบสระเติมอากาศมีความคล้ายคลึงกับระบบ
บ่อปรับเสถียรเนื่องจากระบบสระเติมอากาศมีการใช้บ่อบ่มเป็นบ่อตกตะกอน และเพิ่มเติมหัวข้อ
สภาพการท�ำงานของเครื่องเติมอากาศ ตัวอย่างตารางบันทึกข้อมูลการเดินระบบประจ�ำวันของ
ระบบสระเติมอากาศแสดงในตารางที่ 4-17
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
124 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
วัน/เดือน/ปี …………………………………………
สภาพอากาศ …………………………….............… อุณหภูมิ ………………………………
1. สถานีสูบน�้ำเสีย
ชั่วโมงการท�ำงาน เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ………..……ชม./วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………ชม./วัน
อัตราการสูบน�้ำเสีย เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ………..……ลบ.ม./วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………ลบ.ม./วัน
พลังงานที่ใช้ เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ……..………kW/วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………kW/วัน
2. ตะแกรงดักขยะ
น�้ำหนักขยะที่น�ำออกจากตะแกรง ……………………………………กก./วัน
3. ระบบบ่อปรับเสถียร
ข้อมูล บ่อแฟคัลเททีฟ บ่อบ่ม หมายเหตุ
สีของน�้ำในบ่อ (เขียว, เขียวเข้ม, เขียวอมด�ำ, เทา, แดง)
กลิ่น
ตะกอนลอย และพืชลอยน�้ำ
สภาพของคันดิน (วัชพืชขึ้น, สึกกร่อน, เสียหาย)
ท่อเข้าและท่อออก (อุดตัน, เสียหาย)
ระดับน�้ำ (สูง, ปกติ, ต�่ำ)
การวัดค่า pH
การวัดค่า DO
4. ระบบฆ่าเชื้อโรค
ความเข้มข้นคลอรีนที่หลงเหลือในน�้ำทิ้ง …………………………. มก./ล.
ปริมาณคลอรีน 10% ที่ใช้ต่อวัน ………………………. ลิตร
5. สิ่งที่พบเห็นอื่น ๆ ...............................................................................................................................................
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 125
วัน/เดือน/ปี …………………………………………
สภาพอากาศ …………………………….............… อุณหภูมิ ………………………………
1. สถานีสูบน�้ำเสีย
ชั่วโมงการท�ำงาน เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ………..……ชม./วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………ชม./วัน
อัตราการสูบน�้ำเสีย เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ………..……ลบ.ม./วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………ลบ.ม./วัน
พลังงานที่ใช้ เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ……..………kW/วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………kW/วัน
2. ตะแกรงดักขยะ
น�้ำหนักขยะที่น�ำออกจากตะแกรง ……………………………………กก./วัน
3. ระบบสระเติมอากาศ
ข้อมูล สระเติมอากาศ บ่อบ่ม หมายเหตุ
สีของน�้ำในบ่อ (น�้ำตาล, เขียว, เขียวเข้ม, เทาด�ำ)
กลิ่น
ตะกอนลอย และพืชลอยน�้ำ
สภาพของคันดิน (วัชพืชขึ้น, สึกกร่อน, เสียหาย)
ท่อเข้าและท่อออก (อุดตัน, เสียหาย)
เครื่องเติมอากาศ (ท�ำงานปกติ, หยุดท�ำงาน)
การวัดค่า pH
การวัดค่า DO
4. ระบบเติมอากาศ
พลังงานที่ใช้…………………………. kW/วัน
5. ระบบฆ่าเชื้อโรค
ความเข้มข้นคลอรีนที่หลงเหลือในน�้ำทิ้ง …………………………. มก./ล.
ปริมาณคลอรีน 10% ที่ใช้ต่อวัน ………………………. ลิตร
6. สิ่งที่พบเห็นอื่น ๆ ...............................................................................................................................................
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
126 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
1.3) ระบบบึงประดิษฐ์
ข้อมูลประจ�ำวันที่ต้องบันทึกของระบบบึงประดิษฐ์จะคล้ายคลึงกับระบบ
บ่อปรับเสถียร และเพิม่ เติมข้อมูลทีส่ ำ� คัญทีม่ ผี ลต่อประสิทธิภาพของบึงประดิษฐ์คอื ระดับน�ำ้ ในบึง
และสภาพการไหลของน�้ำในบึงประดิษฐ์ ระดับน�้ำจะต้องสูงประมาณ 30 เซนติเมตร และ
สภาพการไหลของน�ำ้ ต้องสม�ำ่ เสมอไหลลัดวงจร ตัวอย่างตารางบันทึกข้อมูลการเดินระบบประจ�ำวัน
ของระบบบึงประดิษฐ์แสดงในตารางที่ 4-18
วัน/เดือน/ปี …………………………………………
สภาพอากาศ …………………………….............… อุณหภูมิ ………………………………
1. สถานีสูบน�้ำเสีย
ชั่วโมงการท�ำงาน เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ………..……ชม./วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………ชม./วัน
อัตราการสูบน�้ำเสีย เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ………..……ลบ.ม./วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………ลบ.ม./วัน
พลังงานที่ใช้ เครื่องสูบน�้ำเสีย 1 ……..………kW/วัน เครื่องสูบน�้ำเสีย 2 ………………kW/วัน
2. ตะแกรงดักขยะ
น�้ำหนักขยะที่น�ำออกจากตะแกรง ……………………………………กก./วัน
3. ระบบบึงประดิษฐ์
ข้อมูล บึงประดิษฐ์ 1 บึงประดิษฐ์ 2 หมายเหตุ
กลิ่น
ตะกอนลอย และพืชลอยน�้ำ
สภาพของคันดิน (วัชพืชขึ้น, สึกกร่อน, เสียหาย)
ท่อเข้าและท่อออก (อุดตัน, เสียหาย)
ระดับน�้ำ 30 ซม. (สูง, ปกติ, ต�่ำ)
สภาพการไหลของน�้ำในบึง (สม�่ำเสมอ, ลัดวงจร)
การวัดค่า pH
การวัดค่า DO
4. ระบบฆ่าเชื้อโรค
ความเข้มข้นคลอรีนที่หลงเหลือในน�้ำทิ้ง …………………………. มก./ล.
ปริมาณคลอรีน 10% ที่ใช้ต่อวัน ………………………. ลิตร
5. สิ่งที่พบเห็นอื่น ๆ ...............................................................................................................................................
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 127
2 บันทึกข้อมูลการด�ำเนินงานประจ�ำเดือน และผลวิเคราะห์น�้ำทิ้งประจ�ำปี
ในบันทึกการบ�ำบัดน�้ำเสียประจ�ำเดือนประกอบด้วย
2.1) บันทึกข้อมูลการด�ำเนินงานประจ�ำเดือน น�ำข้อมูลประจ�ำวันตลอดทัง้ เดือน
มารวมกันในตารางเดียว ท�ำให้เห็นแนวโน้มของอัตราไหลของน�้ำเสีย และการเปลี่ยนแปลงของ
ค่าควบคุมทีผ่ ปู้ ฏิบตั งิ านตรวจสอบ ซึง่ ท�ำให้สามารถประเมินสภาวะการด�ำเนินงานของระบบบ�ำบัด
น�ำ้ เสียได้ และสามารถใช้ขอ้ มูลมาประเมินและวิเคราะห์ปญ ั หาของการเดินระบบทีเ่ กิดขึน้ รายงาน
ประจ�ำเดือนของระบบบ่อปรับเสียร ระบบสระเติมอากาศและระบบบึงประดิษฐ์ควรประกอบ
(1) อัตราการไหลของน�้ำเสียเข้าระบบต่อวัน
(2) ข้อมูลทั่วไป ได้แก่ ลักษณะทั่วไปของระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย เช่น สีและกลิ่น
(3) ค่า pH และ DO ของน�้ำในบ่อต่าง ๆ
(4) ปริมาณการใช้คลอรีน และปริมาณการใช้ไฟฟ้า
ตัวอย่างแบบรายงานหรือแนวทางการบันทึกข้อมูลประจ�ำเดือนของระบบปรับ
เสถียร ระบบสระเติมอากาศและระบบบึงประดิษฐ์แสดงดังตารางที่ 4-19 ถึงตารางที่ 4-20
2.2) ผลวิเคราะห์น�้ำทิ้งประจ�ำปี ควรน�ำข้อมูลผลการวิเคราะห์คุณภาพน�้ำทิ้ง
ทางเคมีและชีวภาพที่ทางโรงพยาบาลส่งตรวจทุก 3 เดือนมารวมกันในหนึ่งตาราง เพื่อดูแนวโน้ม
ของประสิทธิภาพของระบบบ�ำบัดน�้ำเสียตลอดทั้งปีท่ีผ่านมา พารามิเตอร์ที่ต้องรายงานในน�้ำทิ้ง
ที่ผ่านการบ�ำบัด เช่น บีโอดี ซีโอดี ตะกอนหนัก ของแข็งแขวนลอย TKN ความเป็นกรด-ด่าง
ซัลไฟด์ ไข่พยาธิ โคลิฟอร์มและฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ดังแสดงในตารางที่ 4-21
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
128 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
บทที่
5 ปัญหาต่าง ๆ
และวิธีการแก้ไขระบบ
ในบทนี้อธิบายปัญหาต่าง ๆ และวิธีการแก้ไขระบบบ�ำบัดน�้ำเสียแบบบ่อปรับเสถียร
สระเติมอากาศและบึงประดิษฐ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ในส่วนที่ 1 อธิบายปัญหาและวิธีแก้ไข
ระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย ส�ำหรับส่วนที่ 2 อธิบายแยกปัญหาและวิธีแก้ไขระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของ
แต่ละระบบซึง่ แตกต่างกัน และส่วนที่ 3 เป็นปัญหาและวิธกี ารแก้ไขระบบฆ่าเชือ้ โรค ซึง่ จะเหมือน
กันส�ำหรับระบบบ�ำบัดน�้ำเสียทั้ง 3 แบบ
ปัญหาที่ 1 : ท่อแตกหักช�ำรุด
โรงพยาบาลชุมชนหลายแห่งก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี บางแห่งมากกว่า 30 ปี ระบบ
ท่อรวบรวมน�้ำเสียที่ใช้ในปัจจุบันก่อสร้างมาพร้อมกับโรงพยาบาล วัสดุที่ใช้ท�ำท่อในอดีตอาจไม่
แข็งแรงเพียงพอส�ำหรับการใช้งานในระยะยาวขนาดนี้ อีกทั้งโรงพยาบาลหลายแห่งมีการทรุดตัว
ของดิน และมีการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมเหนือแนวท่อ ท�ำให้ท่อรวบรวมน�้ำเสียเกิดความเสียหาย
ท่อช�ำรุดท�ำให้น�้ำเสียไหลออกจากท่อรวบรวม และมีน้�ำฝนไหลเข้าท่อรวบรวมในช่วงฝนตกหนัก
เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ควบคุมจะต้องหาจุดที่น�้ำฝนไหลเข้าปริมาณมาก อาจท�ำโดยการเปิด
ฝาท่อเป็นช่วงของแต่ละแนวท่อ ตรวจสอบการไหลของน�้ำภายในท่อในช่วงฝนตก ถ้ามีน�้ำไหล
ในปริมาณมากและเป็นน�ำ้ ใสสะอาดแสดงว่ามีนำ�้ ฝนไหลเข้าให้รบี หาจุดทีน่ ำ�้ ฝนเข้าและหาทางแก้ไข
สาเหตุและแนวทางแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-1
ปัญหาที่ 2 : ไม่มีข้อมูลระบบท่อน�้ำเสียและระบบท่อน�้ำฝน
จากการลงพื้นที่ส�ำรวจระบบบ�ำบัดน�้ำเสียของโรงพยาบาลในช่วงปีพ.ศ. 2562 – 2564
พบว่าโรงพยาบาลหลายแห่งไม่มีรายละเอียดของระบบท่อรวบรวมน�้ำเสียและระบบระบายน�้ำฝน
ไม่มแี บบแสดงแนวก่อสร้างระบบท่อรวบรวมน�ำ้ เสียและท่อระบายน�ำ้ ฝน สาเหตุและแนวทางแก้ไข
แสดงในตารางที่ 5-2
บทที ่ 5่ ่่ 555ปั่ ปั5ญปัปัญญ
บทที
บทที
บทที
บทที
หาต่
ญ
ปั
หาต่
ญ
าางๆ
หาต่
หาต่
หาต่า
า งๆ
งๆ
งๆ
า
และวิ
งๆและวิ
และวิ
และวิ
ธธธีกีกธีกธารแก้
และวิ ก
ี
ารแก้
ารแก้
ก
ี
ไไขระบบ
ารแก้
ารแก้
ไ
ขระบบ
ไไขระบบ
ขระบบ
ขระบบ
ตารางที่ 5-2 สาเหตุและแนวทางแก้ไขไม่มขี อ้ มูลระบบท่อรวบรวมน�ำ้ เสียและท่อระบายน� ำ้ ฝน
บทที่ 5 ปัญหาต่างๆ และวิธีการแก้ไขระบบ
ตารางที ่ ตารางที
ตารางที5-2่ 5-2
ตารางที
ตารางที
สาเหตุ
่ ่ 5-2
5-2
่ 5-2
แสาเหตุ
ละแนวทางแก้
สาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ
ไขไม่ไไขไม่
แสาเหตุ
แและแนวทางแก้
และแนวทางแก้
ละแนวทางแก้
ละแนวทางแก้
มขไม่
ีขม้อมมูีขีขมล้อ้อีขมูระบบท่
ไขไม่
ไขไม่
อรวบรวมน
มู้อลลมูระบบท่
ระบบท่
ลระบบท่
าเสีาเสี
ออรวบรวมน
รวบรวมน
อรวบรวมน
ยและท่
าเสีาเสี
อการแก้
และท่
ยยและท่
และท่
ยและท่
ระบายน
อออระบายนไขาฝน
ระบายน
ระบายน
อระบายน าฝน
าฝน
าฝน
าฝน
ตารางที
(1) ไม่่ 5-2 สาเหตุบสาเหตุ
มีการเก็ แแบบรายละเอี
ละแนวทางแก้
สาเหตุ ไยขไม่
สาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ มีข้อมูลระบบท่
ดระบบท่ อ อ(1) รวบรวมน าเสียและท่การแก้
ส�ำรวจระบบท่ ออการแก้ ไไขไขขไยขไและน�
น�ระบายน
้ำเสี
การแก้
การแก้การแก้ ขาฝน ้ำฝน ข้อมูล
สาเหตุ การแก้ไข
(1) ไม่(1)ม(1)(1) มไม่รวบรวมน�
ีกไม่ารเก็
(1)
ไม่ ีกมมไม่บีกีการเก็
ารเก็ แบบรายละเอี
ีกบารเก็
มารเก็ บแบบรายละเอี
บแบบรายละเอี
แบบรายละเอี้ำเสียยดระบบท่
บแบบรายละเอี และแบบท่
ยยดระบบท่ ยดระบบท่
ดระบบท่ อรวบรวมน้
ยดระบบท่ ออออรวบรวมน้ ระบายน�
รวบรวมน้
รวบรวมน้
อรวบรวมน้าเสีาเสี
ยาเสี้ำาเสี
และยฝนยและ และ
ยและ (1)(1)
(1)
(1) ทีสารวจระบบท่
ต่ อ้ งการได้
สารวจระบบท่
สสารวจระบบท่
(1)ารวจระบบท่ อน้อออน้าเสี
น้น้าเสี
อาเสี แาเสี
น้ยก่าเสี ขนาดท่
ยและน้
ยยและน้ าฝน
และน้
และน้
ยและน้
าฝน
าฝน าฝน าฝน อข้ข้ข้ออวัข้อมูมูสข้อมูลลอมูดุลทีทีมูลทีแ่ต่ตลที่ตละสภาพท่
้อที้อ้่ตองการได้
่ตงการได้
้งการได้ แแแก่ก่ก่แแอก่ก่
อ้องการได้
งการได้
แบบท่ แบบท่อแบบท่
(1)
แบบท่ ไม่อตัมระบายน้
ระบายน้
แบบท่ อีก้งอระบายน้
แต่
ารเก็
ระบายน้ กบ่อแบบรายละเอี
าฝนตั
อ ระบายน้ สร้
าฝนตัาฝนตั าาฝนตั
้าฝนตั
ง แต่ งแล้
้ งก้ งแต่ ้ งกวกแต่
้ ง่ อแต่
สร้
แต่ ย่ เสร็
อก่าดระบบท่
องแล้
อ่สร้ ่ อจาาสร้
สร้
กสร้ างแล้
งแล้ หรื
วงแล้เสร็
าองแล้ วอวเสร็
วรวบรวมน้ จเสร็มีวหรื
กเสร็
เสร็จจาร
อหรื
มีาเสี
จหรืกอหรื
อาร กมีารารกขนาดท่
มียมีอกและ าร(1) อระดั
อวัอสวัดุวัอสบ
สารวจระบบท่
ขนาดท่
ขนาดท่
ขนาดท่
ขนาดท่ ท้แสและสภาพท่
ดุอละสภาพท่
แองท่
สแดุวัดุละสภาพท่ น้าเสี
ละสภาพท่
ละสภาพท่ อ ยทิอและน้ อศ ทางการไหลของน�
อระดั
อระดั
ระดับบบท้ท้บท้อบอท้ข้องท่
าฝน
อระดั
ระดั งท่ มูอองท่
ท้อองท่องท่ อลอทิทิทีทิอศ่ศตทิศ้ทิทางการไหล
อทางการไหล
งการได้
ศทางการไหล ้ำและ
ศทางการไหล แก่
ทางการไหล
เปลี่ยเปลี
นแปลงผู
แบบท่
เปลี
เปลี เปลี เปลี
่ย่ยนแปลงผู
่ยนแปลงผู นแปลงผู ับย่ ผิ้รดนแปลงผู
อ่ย้รนแปลงผู
ระบายน้ ับชอบ ับดไม่
้ร้รับผิับดผิ้รผิาฝนตั
ดชอบ ชอบ
ผิชอบ ู้สรไม่
ดรชอบ บั แต่
้ งถานที
ไม่ รผิรู้สรไม่
ไม่ ดู้สถานที
ู้สกถานที ่จชอบ
่ อรถานที ัดถานที
ู้สสร้ เก็่จา่จบัดงแล้ ไม่
เก็่จเก็บัดบวรบเก็เสร็
่จัดัดเก็ สู้ บถานที
จ หรื อจ่ มีดั กเก็ารบของน้ ขนาดท่
ของน้
ของน้ บ่ออาและบ่
าและบ่
ของน้
ของน้ าและบ่
าและบ่วัอตรวจ
สตรวจ อดุอตรวจ
แตรวจ จัจัดจัจัดจัทดดทท�
อละสภาพท่
ตรวจ ตรวจ ดำาแบบให้
าแบบให้ทอแบบให้
จัททาแบบให้ระดัถถูกบถูกถูกต้ท้ต้ถูกถ
าแบบให้
าแบบให้ ูกงต้องอต้งองอทิงศทางการไหล
ต้ออูกต้องงท่
เปลี่ยนแปลงผู้รับผิดชอบ ไม่รู้สถานที่จัดเก็บ ของน้าและบ่อตรวจ จัดทาแบบให้ถูกต้อง
ปัญหาที ่ ปั3หาที
ปัญปัปัญหาที
ญ ญ:่หาที
หาที มี3ปั่ ่ น33:ญ ่ :มี3: มีนหาที
าฝนไหลปริ น่ าฝนไหลปริ
มี:นาฝนไหลปริ 3 :มาณมากเข้
นมีาฝนไหลปริ
าฝนไหลปริ มีนมม�้ำาณมากเข้
มาณมากเข้ มฝนไหลปริ
าณมากเข้
าณมากเข้ มตรวจของระบบท่
าบ่อาาาบ่ตรวจของระบบท่ อาณมากเข้
บ่บ่อาออบ่ตรวจของระบบท่
ตรวจของระบบท่
ตรวจของระบบท่ อารวบรวมน
บ่ออรวบรวมน
อรวบรวมน
อตรวจของระบบท่
อรวบรวมน รวบรวมน าเสี าเสี
าเสียาเสี
าเสี ยยย ย อรวบรวมน�้ำเสีย
ปัญปัหาที ปั่ 3ญญาฝนจ หาน�
ปั:หาน้มีนหาน้ ้ำฝนจ�
าฝนไหลปริ ำานวนมากไหลเข้
นวนมากไหลเข้
มาณมากเข้ าระบบท่ อารวบรวมน้
บ่าอระบบท่ ระบบท่
ตรวจของระบบท่ อาเสีรวบรวมน�ยอส่าเสี
ยรวบรวมน ว้ำนใหญ่ เสีจะเกิ จยาเสี ส่ะเกิ
จดวยะเกิ
ดนใหญ่ จเวณฝาบ่
ะเกิ ดขึออ้ตรวจที
นตรวจทีบริ เวณฝาบ่ ่ใ่ในน่ใ่ใอนน
ญหาน้ปัปัญปัญหาน้ หาน้
ญ าฝนจาฝนจ
าฝนจาฝนจ านวนมากไหลเข้
านวนมากไหลเข้ านวนมากไหลเข้
านวนมากไหลเข้ าาาระบบท่
าระบบท่ ระบบท่ อออรวบรวมน้
รวบรวมน้
อรวบรวมน้
รวบรวมน้ าเสี
าเสี
าเสี ยยวส่ส่ส่นใหญ่
ยวววนใหญ่
ส่นใหญ่
นใหญ่ จจะเกิ
ะเกิ ขึดดขึ้นขึขึด้น้บริ
น้นขึบริ
บริ
้นบริ
เบริ
เวณฝาบ่
วณฝาบ่
เวณฝาบ่
เวณฝาบ่ ออตรวจที
ตรวจที ่ต่ตั้งั้ง่ตอยู
่ตอยู
ั้งั้งอยู
อยู
ตรวจที ปั่ตญั้งีน่ม้าท่
มขัหาน้
อยู ่ใวสาเหตุ
นบริ
าฝนจ เงานวนมากไหลเข้
วณที ่มีนนืงจากบ่ �้ำ่อท่งจากบ่
วมขั งอตรวจอยู
าตรวจอยู
ระบบท่ สาเหตุ รเบะดั
่ระดัอ่่รร่รรวบรวมน้
นืเดี่อวกั
งจากบ่
ยาเสี บส่อถนน
ยถนน วตรวจอยู
นใหญ่ ป่ จ่ 5-1) ่ ่ร5-1)
ะเกิ ะดั้อนบบ่ตรวจช
บ่ดบ่อบ่ขึบ่อตรวจช
เดี
บริ เยวณฝาบ่
วกั บดแตกเสี
ถนนดอแตกเสี
ตรวจที ยย(รู ่ป
ตหายั้งทีอยู ่(รูป5-1)
่ใป(รูนทีทีป่ ่ ที่
บริบริ
บริเวณที บริ
เวณที ่มเบริ
เวณที
วณที
ีนเ้าท่
วณที
่มีน่มว่มีน้าท่ ้าท่
ีนวงมขั
ว้าท่ มขั
มขั
วงมขั
งงสาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ เนืสาเหตุ นืเเนืนื่อ่อเ่องจากบ่
่อเงจากบ่ งจากบ่ อออตรวจอยู
อตรวจอยู ตรวจอยู บะดั
ะดั
่เดี
ะดั บบยเดี
เดีบยยเดี
ยวกัวกั
บวกั บวกั
บบถนน
ถนน ถนน (รู (รูป(รู(รูทีปปป(รูที่ ทีที5-1)่ ที5-1)
5-1) อตรวจช อตรวจช
ตรวจช ารุารุารุ
ารุ ดดารุ
แตกเสี
ดแตกเสี
แตกเสี ยหาย
หาย
ยยหาย
หาย (รู(รู (รูปทีป่ที่
บ่5-2)
บริ5-2)อ เ ตรวจช�
วณที
5-2) ่ ม น
ี ้ ำ
าท่ รุ ว ด แตกเสี
มขั ง สาเหตุ ย หาย
เ นื ่ อ งจากบ่ (รู ป ที
อ ่ 5-2)
ตรวจอยู ่ ฝาบ่
ร ะดั บ อ ตรวจแตกหั
เดี ย วกั บ ถนน (รู ก
ป ที (รู
่ 5-1) ป ที ่
บ่ อ 5-3) ตรวจช และผนั
ารุ ด แตกเสี ง บ่ย อ ตรวจแตก
หาย (รู ป
นนนที้า้า้านน่ ้า้า
5-2)5-2)
ฝาบ่ อฝาบ่
ฝาบ่ ฝาบ่ อฝาบ่
ตรวจแตกหั ออตรวจแตกหั
ตรวจแตกหัตรวจแตกหั
อตรวจแตกหั ก (รูกปกก(รูที(รูก(รู่ ป5-3) ปปที(รูทีที่ ป่ 5-3)
่ 5-3)
ที5-3)
และผนั่ 5-3)และผนั
และผนั
และผนั
และผนั งบ่องงงบ่ตรวจแตกช
บ่บ่อองอบ่ตรวจแตกช
ตรวจแตกช
ตรวจแตกช
อตรวจแตกช ารุารุ ารุทัดารุ
ดารุ ดด้งทัทัทัจากการก่
ด้ง้ง้งจากการก่
ทัจากการก่
้งจากการก่
จากการก่ ออสร้ ออสร้
สร้
อาาสร้
สร้ างและจากการเชื
างและจากการเชื
งและจากการเชื างและจากการเชื
งและจากการเชื ่่ออ่อมท่
่อมท่
มท่่อมท่
มท่
อออทททออาให้ ทาให้
ทาให้
าให้ าให้
ช�ำดใต้
5-2) รุดฝาบ่ ทัินมมซึเข้้งเข้อมจากการก่
ตรวจแตกหั อกปสร้ (รู่ าป่ 5-4)
งและจากการเชื
ที่ ่5-4) 5-3) และผนั งบ่อ่อตรวจแตกช มท่อท�ไไขแสดงในตารางที
ำไให้ ารุนด�้ำทัใต้ ดินซึ่ม่ 5-3
้งจากการก่ เข้่ อ5-3
าบ่าองและจากการเชื
สร้ ตรวจ (รูปที่อมท่ 5-4) อทาให้ สาเหตุ น้า
ใต้ดินใต้ซึใต้ดใต้
มินเข้ดซึินินามดซึซึบ่เข้
อาตรวจ บ่าาเข้บ่อบ่อตรวจ
าอบ่ตรวจตรวจ
(รูอตรวจ
ปที(รู(รู่ (รูป5-4)
ทีป(รูที่ทีป5-4)
ที5-4)
สาเหตุ สาเหตุ
สาเหตุ สาเหตุ
แสาเหตุ
แแและแนวทางแก้
ละแนวทางแก้
ละแนวทางแก้
และแนวทางแก้
ละแนวทางแก้ ขแสดงในตารางที
ไขแสดงในตารางทีขแสดงในตารางที
ไขแสดงในตารางที ่ 5-3 ่ 5-3
5-3
และแนวทางแก้
ใต้ ดินซึมเข้าบ่อตรวจไขแสดงในตารางที ่ 5-3
(รูปที่ 5-4) สาเหตุและแนวทางแก้ ไขแสดงในตารางที่ 5-3
รูรูปปทีรูทีรูรูป่รูปป5-1
่ ปทีรูทีที5-1
ทีป่ ่ 5-1ที5-1
่ ่ 5-1
่ 5-1
ฝาบ่
ฝาบ่
ฝาบ่ฝาบ่
ฝาบ่อออตรวจอยู
อ
ตรวจอยู
อตรวจอยู
ตรวจอยู
ตรวจอยู
ฝาบ่อตรวจอยู่ระดัระดั
5-1
่ร่ระดั
ร
่ ร
่ ะดั่รบะดั
ะดั
ะดั บ
บเดีเดีบยเดี
บเดีบเดี บ
เดี
ยวกั
ยวกั
เดี
ย
วกั
ยวกั
ย
วกั
บบพืพืบนถนน
ยวกับพืวกั
บ พื
บพืนถนน
นถนน
บพืนถนน
พื้นถนน
นถนน
นถนน
ก ข ค
รูรูปปรูทีทีป่ ่ 5-2
ที5-2
่ 5-2
บ่บ่ออบ่ตรวจแตกช
ตรวจแตกช
อตรวจแตกช
ารุารุดารุ
ดจาก
จาก
ดจาก
(ก)
(ก)(ก)
รากของต้
รากของต้
รากของต้
นนไม้ไม้
นไม้ (ข)
(ข)(ข)
และ
และ
และ
(ค)
(ค)(ค)
ถูถูกกถูเจาะเพื
เจาะเพื
กเจาะเพื
่อ่อระบายน
ระบายน
่อระบายน
าล้
าล้าาล้
างถั
งถัางงถั
งขยะ
ขยะงขยะ
รูปรูทีปที่ 5-2
่ 5-2บ่บ่ออตรวจแตกช
รูปทีรากของต้
รูปที่ 5-2 บ่อตรวจแตกชารุดจาก (ก) ตรวจแตกชารุารุดดจาก
่ 5-2 บ่นอไม้
ตรวจแตกช� จาก (ก) รากของต้นนไม้
ำรุดถูจาก
(ข) และ (ค) ไม้ (ข)
กเจาะเพื่อระบายนาล้างถังขยะ (ข) และ
และ(ค)
(ค)ถูถูกกเจาะเพื
เจาะเพื่อ่อระบายน
ระบายนาล้าล้
างถั
างถังขยะ
งขยะ
ก รากของต้นไม้ ข และ ค ถูกเจาะเพื่อระบายน�้ำล้างถังขยะ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 133
รูปรูทีป่ ที5-2
่ 5-2บ่อบ่ตรวจแตกช
ตรวจแตกชารุารุ
ออตรวจแตกช ารุดดดจาก
จาก(ก)
จาก (ก)รากของต้
(ก) รากของต้นนนไม้
รากของต้ ไม้ (ข)และ
ไม้(ข) และ(ค) เจาะเพื
(ค)ถูถูกกเจาะเพื
เจาะเพื ่อระบายน
ระบายน
่อ่อระบายน าล้าล้าล้
าางถังงถั
างถั งขยะ
งขยะ
ขยะ
รูรูปปทีที่ ่ 5-3
รูปรูปทีที่ ่ 5-3
5-3ฝาบ่
5-3 ฝาบ่ บทที
บทที่ ก5่ เสี5ปักยปัเสี
ฝาบ่ออตรวจแตกหั ญ ญยหาต่
ตรวจแตกหักกเสีเสียยหาย
บทที
ฝาบ่ออตรวจแตกหั
ตรวจแตกหั หาย หายาางๆ
หาย
หาต่ งๆ และวิ
และวิธธธีกีกีการแก้
ารแก้
ารแก้ไไขระบบ
ขระบบ
4-130
4-130
4-130
รูปรูทีรูปป่ ที5-4
ที่ 5-4
่ 5-4
ผนัผนั
ผนั
งบ่งงบ่อบ่อตรวจแตกช
อตรวจแตกช
ตรวจแตกช
ารุารุารุ
ดดจากการก่
ดจากการก่
จากการก่ออสร้
อสร้สร้าางและการเชื
างและการเชื
งและการเชื่อ่อมท่
มท่ออนนาเสี
าเสียยเข้
เข้เข้าาาบ่บ่บ่อออตรวจ
ตรวจ
ตรวจ
รูปที่ 5-4 ผนังบ่อตรวจแตกช�ำรุดจากการก่อสร้างและการเชื่อมท่อน�้ำเสียเข้าบ่อตรวจ
ตารางที
ตารางที
ตารางที ่ 5-3
่ 5-3่ 5-3สาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ แและแนวทางแก้
ละแนวทางแก้
และแนวทางแก้ ไขนไขน
ไขนาฝนไหลเข้
าฝนไหลเข้าาบ่าบ่อบ่อตรวจ
าฝนไหลเข้ อตรวจ
ตรวจ
ตารางที่ 5-3 สาเหตุสาเหตุ
แสาเหตุ
ละแนวทางแก้ไขน�้ำฝนไหลเข้าบ่อตรวจ การแก้
การแก้ไไขไขข
สาเหตุ การแก้
สาเหตุ การแก้ไข
(1)(1)ฝาบ่
(1)ฝาบ่
ฝาบ่ออตรวจอยู
ตรวจอยู
อตรวจอยู ่ ร่ ระดับะดัต่บบาเท่
่ ระดั ต่ต่าเท่
าเท่
าพืาาพื้ นพื้ นถนน้ นถนน
ถนนและอยู
และอยู
และอยู
่ ใ่นแนวทาง
ในแนวทาง
่ ในแนวทาง (1)
(1)(1)หาทางยกขอบฝาท่
หาทางยกขอบฝาท่
หาทางยกขอบฝาท่อออรวบรวมน้ รวบรวมน้าเสี
รวบรวมน้ าเสียยยให้
าเสี ให้ให้สสสูงูงกว่
ูงกว่
กว่าาพืาพืพื้น้น้นถนน
ถนนหรืหรื
ถนน หรือออ
(1)
ระบายน้ ฝาบ่
ระบายน้ าฝน อ
าฝน ตรวจอยู
น้น้าฝนไหลเข้
าฝนไหลเข้ ร
่ ะดั บ ต� ำ
่ เท่ า พื น
้ ถนน และ (1) หาทางยกขอบฝาท่ อ รวบรวมน� ำ
้ เสี ย ให้ ส ูง
ระบายน้ าฝน น้าฝนไหลเข้ าท่าอท่าท่ได้
ออได้งได้่างย่างย่าย ป้ป้อป้องกั
องกังกันนน้นน้าฝนไหลเข้
น้าฝนไหลเข้
าฝนไหลเข้าาท่ท่าท่อออ(รู(รู(รูปปปทีทีที่ ่ 5-5)
่ 5-5)
5-5)
อยู่ในแนวทางระบายน�้ำฝน น�้ำฝนไหล กว่าพื้นถนน หรือป้องกันน�้ำฝนไหลเข้าท่อ
(2)(2)การระบายน้
(2)การระบายน้
การระบายน้ าฝนออกจากบางพื
าฝนออกจากบางพื
เข้าท่อาฝนออกจากบางพื
ได้ง่าย ้น้นที้นที่ไทีม่่ไม่่ไดม่ดี ทดี ที าให้
ทาให้
าให้
นน้าฝนไหล
น้าฝนไหล
้าฝนไหล (2)(2)แก้แก้ไขการระบายน้
(2) แก้(รู ไขการระบายน้าาาและแก้
และแก้ไขฝาบ่
ไขฝาบ่ออตรวจ
ตรวจยกขอบฝาท่
ยกขอบฝาท่ออ
ปที่ 5-5) และแก้ไขฝาบ่อตรวจ ยกขอบฝาท่อ
ไขการระบายน้
เข้เข้าท่าท่ออรวบรวมบริ
รวบรวมบริเวณฝาบ่
เวณฝาบ่ออตรวจ
ตรวจ
เข้า(2)
ท่อรวบรวมบริ เวณฝาบ่้ำอฝนออกจากบางพื
การระบายน� ตรวจ ้นที่ไม่ดี (2) แก้ไขการระบายน�้ำ และแก้ไขฝาบ่อตรวจ
(3)(3)บ่บ่อท�อตรวจแตกหั
ตรวจแตกหั
ำให้น�้ำกฝนไหลเข้กกเสีเสียยหายจากรากต้
หายจากรากต้
าท่อรวบรวมบริ นนไม้ไม้และบ่
และบ่อวณ อตรวจถู
ตรวจถูกก (3)(3)ซ่ซ่อยกขอบฝาท่
อมบ่มบ่ออตรวจที
ตรวจที่แ่แตกหั ตกหัอ กกกและอุ
และอุดดรูรรูั่วรทีั่วที่ถ่ถูกูกเจาะ
เจาะ
(3) บ่อตรวจแตกหั เสียหายจากรากต้ นไม้ และบ่อเตรวจถู ก (3) ซ่อมบ่อตรวจที่แตกหั และอุดรูรั่วที่ถูกเจาะ
เจาะเพื
เจาะเพื่อ่อระบายน้
ระบายน้าในบางพื
าในบางพื้น้นทีที่ ่
เจาะเพื่อฝาบ่ ระบายน้ อตรวจาในบางพื้นที่
(3)
(4)
(4)ฝาบ่
ฝาบ่บ่ออตรวจแตกหั
(4) ฝาบ่อตรวจแตกหัก
ตรวจแตกหั
ตรวจแตกหั กก กเสียหายจากรากต้นไม้ (3)
(4)
(4)เปลี ซ่่ยอ่ยนฝาบ่
เปลี มบ่ออตรวจที
นฝาบ่
(4) เปลี่ยนฝาบ่อตรวจที่แตกหัก
ตรวจที
ตรวจที่แ่แตกหั ่แตกหั
ตกหั
กก ก และอุดรูรั่ว
(5)(5)บ่บ่อและบ่
ตรวจมีรออยแตก
อตรวจมี รตรวจถู
อยแตกหรืหรื กอเจาะเพื
อมีมีกการเชื ่อมท่
ารเชื่อ่อมท่ระบายน� ้ำในบาง
ออเข้เข้าบ่าบ่ออตรวจแล้
ตรวจแล้ วปิวปิดด (5)(5)ซ่ซ่อทีอมแซมรอยแตกของบ่
่ถูกเจาะ
มแซมรอยแตกของบ่ ออตรวจ
ตรวจปรัปรับบพืพื้น้นดิดินนรอบ รอบๆๆให้ให้เรีเยรียบบ
(5) บ่อตรวจมี พื น
้ รอยแตก
ที ่ หรือมีการเชื่อมท่อเข้าบ่อตรวจแล้วปิด (5) ซ่อมแซมรอยแตกของบ่อตรวจ ปรับพื้นดินรอบ ๆ ให้เรียบ
งานไม่
งานไม่เรีเยรียบร้บร้ออยยพืพื้น้นดิดินนรอบบ่
รอบบ่ออตรวจเป็
ตรวจเป็นนหลุหลุมมททาให้ าให้มมีนีน้าฝนขั
้าฝนขัง ง สูสูงกว่
งกว่าพืาพื้น้นทีที่เดิ่เดิมม(รู(รูปปทีที่ 5-5)
่ 5-5)
งานไม่
เข้(4)
เ รี ย บร้ อ ย พื
ฝาบ่อตรวจแตกหั
เข้าตามรอยแตก
าตามรอยแตก
้ น ดิ น
ททาให้
รอบบ่ อ ตรวจเป็
าให้นน้าฝนไหลเข้ ก าปริ
้าฝนไหลเข้
น หลุ ม
าปริมมาณมาก
ท
าณมาก
าให้ ม น
ี ้ าฝนขั ง สู งกว่ า พื น
้ ที เ
่ ดิ ม
(4) เปลี่ยนฝาบ่อตรวจที่แตกหัก (รู ป ที ่ 5-5)
เข้าตามรอยแตก ทาให้น้าฝนไหลเข้าปริมาณมาก
(5) บ่อตรวจมีรอยแตก หรือมีการเชือ่ มท่อเข้า (5) ซ่อมแซมรอยแตกของบ่อตรวจ ปรับพืน้ ดิน
บ่อตรวจแล้วปิดงานไม่เรียบร้อย พื้นดิน รอบ ๆ ให้เรียบสูงกว่าพืน้ ทีเ่ ดิม (รูปที่ 5-5)
รอบบ่อตรวจเป็นหลุมท�ำให้มีน�้ำฝนขังเข้า
ตามรอยแตก ท�ำให้นำ�้ ฝนไหลเข้าปริมาณมาก
รูรูปปทีที่ 5-5
่ 5-5ขอบบ่
ขอบบ่ออตรวจยกระดั
ตรวจยกระดับบสูสูงงกว่กว่าาพืพืนถนน
นถนน
(5) (5)
บ่อตรวจมี
บ่(5)อตรวจมี รอยแตก
บ่อตรวจมี รอยแตกรอยแตก หรืหรือมีอหรื
กมีารเชื
มีก่อารเชื
กอารเชื ่อมท่
มท่อ่ออเข้
เข้าาอบ่บ่เข้ออตรวจแล้
มท่ าตรวจแล้
บ่อตรวจแล้ ววปิปิดดวปิด(5)
(5) ซ่(5)
ซ่ออมแซมรอยแตกของบ่
ซ่มแซมรอยแตกของบ่
อมแซมรอยแตกของบ่ อตรวจ
อตรวจ ปรัปรั
อตรวจ พืบ้นบพืดิพืน้น้นรอบ
บปรั ดิดินนรอบ
ๆ ให้ๆๆเรีให้
รอบ ให้ยบเเรีรียยบบ
งานไม่ เงานไม่
รียเบร้
งานไม่ รียบร้อเรียยอบร้
พืย้นอพืดิย้นนดิพืรอบบ่
น้นรอบบ่ อตรวจเป็
ดินรอบบ่อตรวจเป็ นนหลุ
อตรวจเป็ หลุนมมหลุ
ททาให้ มทมาให้
าให้ มีนีน้าฝนขั
้าฝนขั
มีน้าฝนขังง งสูสูงงกว่
กว่
สูงาากว่
พืพื้นา้นทีพืที่เ้นดิ่เดิทีมม่เดิ(รูม(รูปทีป(รู่ทีป5-5)
่ ที5-5)
่ 5-5)
เข้า134
ตามรอยแตก คู
เข้าตามรอยแตก ม
่ อ
ื
เข้าตามรอยแตก ท
การควบคุ าให้ น
ม
ทาให้ทนาให้ าฝนไหลเข้
้
และบ� ำ รุ ง
้าฝนไหลเข้รั ก
น้าฝนไหลเข้ า ปริ ม
ษาระบบบ�าณมาก
าปริามปริ ำ บั
าณมาก ด
มาณมาก น� ำ
้ เสี ย โรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
รูรูรูปปปทีทีทีรู่ ่ ป่5-5
5-5
ที่ 5-5
ขอบบ่
5-5ขอบบ่
ขอบบ่
ออตรวจยกระดั
ขอบบ่
ตรวจยกระดั
อตรวจยกระดั
อตรวจยกระดั
บบสูสูงบงกว่
สูงากว่พืพืนถนน
านถนน
บกว่สูงากว่
พืนถนน
าพื้นถนน
ก ข ค
(ก)
(ก)(ก)(ก)
(ก) (ข)(ข)(ข)
(ข)(ข) (ค)(ค)(ค) (ค)
(ค)
(ก) รู ป ที ่ 5-6 น� ำ
้ เสี ย (ข) อรวบรวม
ไหลในท่ (ค)
รูรูปปทีทีรู่่ ป5-6
รู
5-6 ป ที
น ่ าเสี
น่ าเสี
ทีรูป่ 5-6 5-6
าเสีย ไหลในท่
น าเสี ย
ยยนไหลในท่
นาเสี ไหลในท่ ไหลในท่
อ
ยไหลในท่ รวบรวม
อ
ออรวบรวมรวบรวม
รวบรวม
อรวบรวม(ก)
(ก) น าเสี
(ก)(ก) (ก) ย
นาเสี
น(ก) ไหลแบบปกติ
น
นาเสี
าเสี าเสี ย ไหลแบบปกติ
ยยไหลแบบปกติ
ไหลแบบปกติ
ยนไหลแบบปกติ (ข) น าเสี
(ข)(ข)(ข)
น(ข)ย จากท่
น าเสี
นนาเสี
าเสี ย
อ จากท่
ด้
จากท่า นบนไหลช้
อ ด้ า นบนไหลช้
อด้อาออด้นบนไหลช้
ยยจากท่
ยาเสี
จากท่ า จากการมี
ด้ด้าาานบนไหลช้
นบนไหลช้ าจากการมีาาาจากการมี
าจากการมี
จากการมี
ที 5-6 าเสี ย ไหลในท่ อ รวบรวม าเสี ย ไหลแบบปกติ จากท่ นบนไหลช้ จากการมี
ตะกอนสะสม ก น� ำ
้ เสี
ตะกอนสะสม
ตะกอนสะสม
ย ไหลแบบปกติ
(ค) ตะกอนสะสมในท่
(ค) ข
ตะกอนสะสมในท่ น�
อ นอาเสี ำ
้ เสี ย
อนาเสี จากท่
ยไหลได้
นาเสี อ ด้
ยชไหลได้
้าและเกิา นบนไหลช้
ช้า้าชชและเกิ
้าดและเกิ า จากการมี
กการสะสมของตะกอนเพิ
ดกการสะสมของตะกอนเพิ ต ะกอนสะสม
่มขึนเรื่ม่อม่มขึยขึขึนเรื
นเรื
ๆ ่อ่อย่อยยๆๆๆ
ตะกอนสะสม
ตะกอนสะสม ตะกอนสะสม (ค)(ค)
(ค) ตะกอนสะสมในท่
ตะกอนสะสมในท่
ตะกอนสะสมในท่
(ค) ตะกอนสะสมในท่ อ นอนาเสีอ าเสี ยยไหลได้
ไหลได้
ยนไหลได้
าเสี ช้าชและเกิ
ยไหลได้ และเกิ กการสะสมของตะกอนเพิ
ดกการสะสมของตะกอนเพิ
ดกการสะสมของตะกอนเพิ
้าและเกิ ดกการสะสมของตะกอนเพิ ่มขึนเรื่มขึนเรื ่อนเรื
ย ่อๆย ๆ
ค ตะกอนสะสมในท่อ น�้ำเสียไหลได้ช้าและเกิดการสะสมของตะกอนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ก ข ค
(ก) (ก) (ข) (ข) (ค) (ค)
(ก) (ก) (ข)(ข) (ค)(ค)
(ค)
รูปที่ 5-7
รูปทีลั่ 5-7 กรู(ก)
ษณะท่
(ก)ปทีลัก่ 5-7 อ
ลักอุอษณะท่
ษณะท่ ดอุตัดตันนออุ(ก)
กดตัและ
และ
น (ก)(ข)และ (ข)
น� ำ
้ ยเสี
(ข)(ข)
ข นาเสี ย
ล้นนาเสีล้
ฝาบ่ยนล้อนฝาบ่
ฝาบ่ออ(ค)
ตรวจ ตรวจ
ตรวจ ตะกอนสะสมในบ่
ตะกอนสะสมในบ่ อตรวจอตรวจอตรวจ
(ค)
(ค)ค ตะกอนสะสมในบ่
ทีรูป่ 5-7
รูรูปปทีทีรู่ ่ป5-7 ทีลั่ ก5-7
ลักลัษณะท่
ษณะท่ กษณะท่
อ อุ อตัอุอนดอุตั(ก)
ด ดนตัน(ก)
(ก)และ
และ และ(ข)
(ข) น(ข)
าเสี นยาเสี
นาเสีล้ ยนล้ฝาบ่
ยล้ฝาบ่
น นอฝาบ่ อตรวจ
อตรวจ
ตรวจ (ค)
(ค)
(ค) ตะกอนสะสมในบ่
ตะกอนสะสมในบ่
ตะกอนสะสมในบ่ ออตรวจ
อตรวจตรวจ
5-7 ลักษณะท่ออุดตัน (ก) และ (ข) นาเสียล้นฝาบ่อตรวจ (ค) ตะกอนสะสมในบ่ อตรวจ
(ก) (ข) (ค)
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
รูปที่ 5-7 ลั(ก)
ก(ก)ษณะท่ออุดตัน (ก) และ (ข)(ข)
นาเสีอยปรัล้บนเสถีฝาบ่
(ข)
ระบบบ่ อตรวจ ม(ค)
ยร ระบบสระเติ อากาศ (ค) งประดิษฐ์ อ135
ตะกอนสะสมในบ่
(ค)
และระบบบึ ตรวจ
รูปที่ 5-7
5-7 ลัลักกษณะท่
ษณะท่อออุอุดดตัตันน (ก)
(ก) และ
และ(ข)
(ข)นนาเสี
าเสียยล้ล้นนฝาบ่
ฝาบ่ออตรวจ
ตรวจ(ค)
(ค)ตะกอนสะสมในบ่
ตะกอนสะสมในบ่ออตรวจ
ตรวจ
ก ข ค
(ก)
(ก) (ข)
(ข) (ค) (ค)
(ก)
รูรูปปทีที่ ่ 5-8 รู ป ที ่ 5-8 ท่ อ อุ ด
(ข) ตั น จาก (ค)
5-8 ท่ท่อออุอุดดตัตันนจาก
จาก (ก)
(ก) ทราย
ทราย และและ(ข)
(ข)ท่ท่ออพีพีววีซีซีหีหลัลังงจากการก่
จากการก่ออสร้สร้าางง(ค)
(ค)ท่ท่อออุอุดดตัตันนจากขยะ
จากขยะ
ก ทราย
รูปที่ 5-8 ท่ออุดและ ท่อพีทราย
ตันจากข (ก) วีซีหลัและ
งจากการก่
ท่ออพีสร้
(ข)4-132 วีซาีหง ลัคงจากการก่
ท่ออุดตันอสร้
จากขยะ
าง (ค) ท่ออุดตันจากขยะ
4-132
บทที
บทที่ ่ 55 ปัปัญญหาต่
หาต่าางๆ
งๆ และวิ
และวิธธีกีการแก้
ารแก้ไไขระบบ
ขระบบ
บทที่ 5 ปัญหาต่างๆ และวิธีการแก้ไขระบบ
ข
ก ค
(ก)
(ก)
(ก) (ข)
(ข)
(ข) (ค)
(ค)
(ค)
(ก) (ข) (ค)
(ก) (ง) (จ) (ฉ)
รูปที่ 5-9 ก่อสร้างท่อรวบรวมนาเสียไม่ถูกต้อง (ก) ก่อสร้างเป็นหลุมรับนา (ข) ระดับท้องท่อ
(ข)
บ่อตรวจอยู่สูงกว่าพืนก้นบ่อตรวจ (ค) ถึง (ฉ) ใช้ท่อที่มีขนาดเล็กเกินไป สร้างบ่อตรวจไม่ถูก
ถูกต้องและความลาดชันของท่อไม่ถูกต้องตามเกณฑ์ออกแบบ
ง จ ฉ
ปัญหาที่ 6 : การบารุงรักษาท่อรวบรวมนาเสียทาไม่ได้เนื่องจากท่อรวบรวมนาเสียและบ่อต
(ง)
(ง)
(ง) (จ)(จ)
(จ) (ฉ)
(ฉ)(ฉ)
(ง) รู ป ที ่ 5-9 หรือก่สิ่งอปลู สร้ กาสร้
งท่าองอื(จ)รวบรวมน�
่น ๆ ำ
้ เสี ย ไม่ ถ ก
ู ต้ อ ง (ฉ)
รูรูรูปปปทีทีที่ ่ 5-9
่ 5-9
5-9ก่ก่ก่อออสร้
สร้
สร้าาางท่
งท่
งท่อออรวบรวมน
รวบรวมน
รวบรวมนาเสี าเสี
าเสียยยไม่ ไม่
ไม่ถถถูกูกูกต้ต้ต้ออองงง(ก)
(ก)
(ก)ก่ก่ก่อออสร้ สร้
สร้าาางเป็ งเป็
งเป็นนนหลุ
หลุ
หลุมมมรัรัรับบบนนนาาา(ข)(ข)
(ข)ระดั
ระดั
ระดับบบท้ท้ท้ออองท่
งท่
งท่อออเข้เข้
เข้าาาและออกจาก
และออกจาก
และออกจาก
รูปทีก่ 5-9ก่อก่สร้ อสร้างเป็ างท่นอรวบรวมน หลุ ม รั บ าเสี
น� ำ
้ ยไม่ถูกต้โรงพยาบาลหลายแห่
อง (ก) ก่อสร้างเป็นหลุ งไม่มมรัี บmaster
นา (ข)plan ระดับของการใช้
ท้องท่อเข้พาื้นและออกจาก ที่ในโรงพยาบาล ทาให้มีการก
บ่บ่บ่อออตรวจอยู
ตรวจอยู
ตรวจอยู่ส่ส่สูงูงูงกว่ กว่
กว่าาาพืพืพืนก้
นก้
นก้นนนบ่บ่บ่อออตรวจตรวจ
ตรวจ(ค) (ค)
(ค)ถึถึถึงงง(ฉ) (ฉ)
(ฉ)ใช้ ใช้
ใช้ททท่อ่อ่อทีทีที่ม่ม่มีขีขีขนาดเล็
นาดเล็
นาดเล็กกกเกิเกิเกินนนไปไป ไปสร้ สร้
สร้าาางบ่
งบ่
งบ่อออตรวจไม่
ตรวจไม่
ตรวจไม่ถถถูกูกูกต้ต้ต้ออองงงออกแบบไม่
ออกแบบไม่
ออกแบบไม่
บ่อตรวจอยู ข ส
่ ู ง
ระดับท้องท่อนเข้กว่ า พื นก้ น บ่ อ ตรวจ
าและออกจากบ่ (ค)
สิ ง
่ ปลู ถึ ง
ก (ฉ)
สร้ า ใช้
งทั
อตรวจอยูบ ท อ
่
แนวท่ ที ม
่ ี ข
อ นาดเล็
รวบรวมน้ ก เกิ
่สูงกว่าพื้นก้นบ่อตรวจ น
าเสีไป ย สร้
เก่ า า งบ่ อ ตรวจไม่
พบระบบท่ อ ถ ก
ู ต้
รวบรวมน้ อ ง ออกแบบไม่
าเสียและบ่อตรวจอยู่ใต้อาคา
ถูถูถูกกกต้ต้ต้ออองและความลาดชั
งและความลาดชั
งและความลาดชั นนของท่ของท่
ของท่ อออไม่
ไม่
ไม่ถถถูกูกูกต้ต้ต้ออองตามเกณฑ์
งตามเกณฑ์
งตามเกณฑ์ ออออกแบบ
อกแบบ
อกแบบ
ถูกต้คองและความลาดชั ถึง ฉ ใช้ท่อนทีของท่ อไม่ถทัูกบกต้บ่เกิ
่มีขนาดเล็ อองตามเกณฑ์
นตรวจไป สร้ ทาให้ าองบ่ อกแบบ
ไม่อสตรวจไม่ ามารถเข้าถไปบ ูกต้ารุ องงรัออกแบบไม่
กษาและไม่สามารถท ถูกต้องและ าความสะอาดท่อได้ สาเหตุแ
ปัปัปัญญญหาทีความลาดชั
หาที
หาที่ ่ 6่ 66:::การบ การบ
การบ นารุารุ
ของท่ อษาท่
ารุงงงรัรัรักกกษาท่
ษาท่ ูกต้แสดงในตารางที
ไม่ออถอรวบรวมน
รวบรวมน
รวบรวมน องตามเกณฑ์ าเสี
าเสี
าเสียยยทททาไม่
าไม่
่ 5-6
าไม่อไได้ไอกแบบ
ด้ด้เเนืเนืนื่อ่อ่องจากท่
งจากท่
งจากท่อออรวบรวมน
รวบรวมน
รวบรวมนาเสี าเสี
าเสียยยและบ่
และบ่
และบ่อออตรวจอยู ตรวจอยู
ตรวจอยู่ใ่ใ่ใต้ต้ต้อออาคาร
าคาร
าคาร
ปัญหาที่ 6 : การบารุงรักษาท่อรวบรวมนาเสียทาไม่ได้เนื่องจากท่อรวบรวมนาเสียและบ่อตรวจอยู่ใต้อาคาร
หรื
หรื
หรือออสิสิสิ่ง่ง่งปลูปลู
ปลูกกกสร้
สร้สร้าาางอื
งอื
งอื่น่น่นๆๆๆ
หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
โรงพยาบาลหลายแห่
โรงพยาบาลหลายแห่
โรงพยาบาลหลายแห่งงงไม่ไม่ ไม่มมมี ี master
ี master
masterplan plan
planของการใช้
ของการใช้
ของการใช้พพพื้นื้นื้นทีทีที่ใ่ในโรงพยาบาล
่ในโรงพยาบาล
นโรงพยาบาลทททาให้ าให้
าให้มมมีกีกีการก่
ารก่
ารก่อออสร้
สร้สร้าาางอาคารและ
งอาคารและ
งอาคารและ
โรงพยาบาลหลายแห่งไม่มี master plan ของการใช้พื้นที่ในโรงพยาบาล ทาให้มีการก่อสร้างอาคารและ
สิสิสิ่ง่ง่งปลู
ปลู
ปลูกกกสร้ สร้
สร้าาางทั
งทั
งทับบบแนวท่
แนวท่
แนวท่อออรวบรวมน้รวบรวมน้
รวบรวมน้าเสี าเสี
าเสียยยเก่เก่เก่าาาพบระบบท่
พบระบบท่
พบระบบท่อออรวบรวมน้ รวบรวมน้
รวบรวมน้าเสี าเสี
าเสียยยและบ่
และบ่
และบ่อออตรวจอยู ตรวจอยู
ตรวจอยู่ใ่ใต้่ใต้ต้อออาคาร
าคาร
าคารหรื หรื
หรือออก่ก่ก่อออสร้
สร้
สร้าาางปิ
งปิ
งปิดดด
(ฉ)
โรงพยาบาลหลายแห่
หลุมรับนา (ข) ระดับท้องท่อเข้าและออกจาก
ง ไม่ ม ี master plan ของการใช้ พ ้ ื น ที ่ ใ นโรงพย
ปัญหาที่ 6 : การบารุงรักษาท่อรวบรวมนาเสียทาไม่ได้เนื่องจากท่อรวบรวมนาเสียและบ่อตรวจอยู่ใต
สร้
ล็กเกิานงทั
ไป บ
สร้แนวท่
างบ่อตรวจไม่อรวบรวมน้
ถูกต้อง ออกแบบไม่
หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
าเสียเก่า พบระบบท่อรวบรวมน้าเสียและบ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 137
รวจ ทาให้ ไ ม่ ส
ปัญ
ามารถเข้
โรงพยาบาลหลายแห่ า
สิ่งปลูกสร้างทับแนวท่น�อ้ำรวบรวมน้
ไปบ
หาที่ 6 : การบ�ำรุงงไม่ รักมษาท่
เสียและบ่าเสี ารุ ง รั
อรวบรวมน�
ี master
อตรวจอยู ก
plan ษาและไม่
้ำเสียท�ำไม่
ของการใช้
่ใต้อาคารหรื
ยเก่า พบระบบท่
ส ามารถท
พื้นได้ทีเ่ในืนโรงพยาบาล
อสิ่งปลูาเสีกสร้
อรวบรวมน้
่องจากท่อรวบรวม
างอือ่นตรวจอยู
ยและบ่
ทาให้าความสะอ
มีการก่อสร้างอา
ๆ ่ใต้อาคาร หรือก่อส
โรงพยาบาลหลายแห่ ่ใต้องไม่ มีผังบริเวณ (Master plan) ของการใช้พื้นที่ในโรงพยาบาล
ตารางที
กท่ อรวบรวมน ่ 5-6
ทัาเสี
บบ่อยตรวจ
และบ่ทอาให้
ตรวจอยู
ไม่สามารถเข้ าคาร าไปบารุงรักษาและไม่สามารถทาความสะอาดท่อได้ สาเหตุและแนวท
ท�ำให้มีการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างทับแนวท่อรวบรวมน�้ำเสียเก่า พบระบบท่อรวบรวม
แสดงในตารางที ่ 5-6 ่ใต้อาคาร หรือก่อสร้างปิดทับบ่อตรวจ ท�ำให้ไม่สามารถเข้าไปบ�ำรุงรักษา
น�้ำเสียและบ่อตรวจอยู
ที่ในโรงพยาบาลและไม่
ทาให้สามารถท�
มีการก่ำอความสะอาดท่
สร้างอาคารและ
อได้ สาเหตุและแนวทางแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-6 และรูปที่ 5-10
าเสียและบ่อตรวจอยู่ใต้อาคาร หรือก่อสร้างปิด
าความสะอาดท่อได้ สาเหตุและแนวทางแก้ไข
4-134
รูปทีรูป่ ที5-10
ยู่ใต้อาคารและสิ่งปลูกสร้าง
่ 5-10 บ่อบ่ อตรวจและท่
ตรวจและท่ อรวบรวมน�้ำเสียออยูรวบรวมน าเสี
่ใต้อาคารและสิ่งปลู กสร้ย
างอยู่ใต้อาคาร
ตารางที่ 5-6 สาเหตุและแนวทางแก้ไขท่อรวบรวมน�้ำเสียและบ่อตรวจอยู่ใต้อาคาร
หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
สาเหตุ การแก้ไข
(1) ไม่มีผังบริเวณ (Master plan) ก�ำหนด (1) จัดท�ำผังบริเวณ (Master plan) หรือ
การใช้พื้นที่ของโรงพยาบาล จัดท�ำแบบแปลนการใช้ที่ดินในอนาคต
4-134
ก�ำหนดถนนหลักที่จะใช้ในโรงพยาบาล
ส�ำหรับวางท่อตามแนวถนนไปยังระบบ
บ�ำบัดน�้ำเสีย
(2) ต้องการใช้พื้นที่ส�ำหรับก่อสร้างอาคาร (2) ท�ำการย้ายแนวท่อรวบรวมน�้ำเสีย ต้อง
และสิ่งปลูกสร้างซึ่งทับแนวท่อ มัน่ ใจว่าแนวท่อใหม่ทสี่ ร้างขึน้ ได้ตามเกณฑ์
ทั้งแนวท่อ ขนาดท่อ ความลาดชันและ
บ่อตรวจ
(3) แนวท่ออยู่ใต้อาคาร หรือบ่อตรวจ (3) อาจพิจารณาก่อสร้างระบบท่อรวบรวม
ถูกสิ่งปลูกสร้างทับไปแล้ว น�้ำเสียใหม่แทนท่อที่อยู่ใต้อาคาร
ทับทัแนวท่
บแนวท่
ทับอแนวท่
อ อ ใหม่ใหม่
ที่สทใหม่ร้ี่สาร้งขึาทงขึ้นี่สร้ได้
้นาได้งขึ
ตามเกณฑ์
ต้นามเกณฑ์
ได้ตามเกณฑ์
ทั้งทแนวท่
ั้งแนวท่
ทั้งอแนวท่
อขนาดท่
ขนาดท่
อ ขนาดท่
อ อความลาดชั
ความลาดชั
อ ความลาดชั
นน น
และบ่
และบ่ อและบ่
ตรวจ อตรวจ อตรวจ
(3)(3)แนวท่
แนวท่
(3)คูอ่มแนวท่
อยู
ืออการควบคุ
อยู
่ใต้อ่ใอต้อยู
าคาร
อาคาร
่ใมต้และบ�
อหรื
าคาร
หรื
อำรุบ่องอรัหรื
บ่กตรวจถู
อษาระบบบ�
อตรวจถู
บ่อตรวจถู
กสิกำ่งบัสิปลู
ด่ งน�ปลู
กก้ำสิเสีสร้
่กงยปลู
สร้
าโรงพยาบาล
งทั
ากงทั
สร้
บไปบางทั
ไป บ(3)
ไป(3)อาจพิ อาจพิ
(3)จอาจพิ ารณาก่
จารณาก่ จารณาก่
อสร้อสร้
างระบบท่
าองระบบท่
สร้างระบบท่
อรวบรวมน้
อรวบรวมน้
อรวบรวมน้
าเสีาเสี
ยใหม่
ยาเสี
ใหม่
แยทนท่
แใหม่
ทนท่
อแทนท่
อ อ
138 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
แล้แล้
ว ว แล้ว ที่อทียู่อ่ใยูต้ที่ใอต้่อาคาร
อยูาคาร
่ใต้อาคาร
ปัญปัญหาที
หาที ่ 7: นปั:่ าเสี
ปัญ่ 7หาที นญ :หาที
7าเสี
ยนบางส่
ยาเสี ่ ย7วบางส่
บางส่ :วนไหลเข้
น�้ำวเสี
นไหลเข้ ายรางระบายน
นไหลเข้ าบางส่
รางระบายน วนไหลเข้
ารางระบายน าฝน าฝนทาฝน ทาาให้
รางระบายน�
าให้ นทาเสี
าให้
นาเสียนเข้
ยาเสี
เข้าระบบน้ เข้้ำฝน
ายระบบน้ าระบบน้ ท�อยกว่
อยกว่ ำให้ านปกติ
อาปกติ
ยกว่ �้ำาเสีปกติ
ยเข้าระบบ
พบในพื
พบในพื พบในพื
้นที้น่โทีรงพยาบาลที
่โ้นรงพยาบาลที น้อ่มยกว่
ที่โรงพยาบาลที ีก่มารปรั่มาีกปกติ
ีการปรั บารปรัปรุ
บปรุง บงเช่ปรุ
เช่นงนก่เช่
อก่สร้
อนสร้าก่งห้
อางห้
สร้องน้
าองห้
งน้าเพิ
อาเพิ
งน้
่มเติ ่มาเพิ
เติมในอาคาร
ม่ ในอาคาร
เติมในอาคาร ห้อห้งปฏิองปฏิ
ห้อบงปฏิ
ัตบิกัตาร
ิกบารัตรวมทั
ิกรวมทั
าร ้งรวมทั
ห้้งอห้งอ้งห้อง
รับรัประทานอาหาร
บประทานอาหาร พบในพืไม่น้ ไม่ตที่อตโ่ ท่ไม่
รับประทานอาหาร ่อรงพยาบาลที
อท่ตน้อ่อาทิ
น้ท่าทิ
อ้งใหม่ ใหม่เ้งข้ม่ ใหม่
น้้งาทิ เาข้กี ระบบท่
าารปรั
ระบบท่ บอปรุ
เข้าระบบท่ ง อเช่รวบรวมน้
รวบรวมน้
อรวบรวมน้ น ก่าเสี อาเสี
สร้ย ยาาเสี
งห้แต่ตยอ่อตงน�
แต่ ท่่ออท่ำ้ ตน้อเพิ
แต่ น้ท่ม่ าทิ
่อาทิ อ้งเติเข้
น้้งมาทิ
เข้าในอาคาร
รางระบายน้
า้งรางระบายน้
เข้ารางระบายน้ห้อาฝนแทน
งปฏิ บตั กิ ดัาร
าฝนแทน
าฝนแทน งดัง ดัง
รวมทั
แสดงในรู
แสดงในรู ปทีป้ง่ ที5-11
แสดงในรู ห้่ ป5-11
อทีงรั่ สาเหตุ
บสาเหตุ
5-11 ประทานอาหาร
สาเหตุ
และแนวทางแก้
และแนวทางแก้
และแนวทางแก้ ไม่ ต่อไท่ขแสดงในตารางที
ไขแสดงในตารางที อน�้ำทิ้งใหม่
ไขแสดงในตารางที ่ 5-7 เข้่า5-7
่ 5-7 ระบบท่อรวบรวมน�้ำเสีย แต่ต่อท่อน�้ำทิ้ง
เข้ารางระบายน�้ำฝนแทน ดังแสดงในรูปที่ 5-11 สาเหตุและแนวทางแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-7
รูปรูทีป่ ที5-11
รู่ ป5-11
ที่ 5-11
ท่อท่นอาทิ
นท่าทิ
องจากอาคารต่
นงจากอาคารต่
าทิงจากอาคารต่
อเข้
อเข้ารางระบายน
าอรางระบายน
เข้ารางระบายน
าฝน
าฝนาฝน
รูปที่ 5-11 ท่อน�้ำทิ้งจากอาคารต่อเข้ารางระบายน�้ำฝน
ตารางที
ตารางที
ตารางที
่ 5-7
่ 5-7สาเหตุ
่ 5-7
สาเหตุ
สาเหตุ
และแนวทางแก้
และแนวทางแก้
และแนวทางแก้
ไขท่
ไขท่อนไอขท่
าทิ
นาทิองจากอาคารไหลลงสู
นงจากอาคารไหลลงสู
าทิงจากอาคารไหลลงสู
่ท่อทระบายน
่อระบายน
่ท่อระบายน
าฝน
าฝนาฝน
ตารางที่ 5-7 สาเหตุและแนวทางแก้ไขท่อน�้ำทิ้งจากอาคารไหลลงสู่ท่อระบายน�้ำฝน
สาเหตุ
สาเหตุ สาเหตุ การแก้
การแก้ การแก้
ไขไข ไข
(1)(1)ผู้รผูับ(1)
้รเหมาก่
ับเหมาก่
ผู้รับอเหมาก่สร้
อสร้
างต่าองต่
อสร้ท่อาอท่งต่
น้อาทิ สาเหตุ
อน้ท่าทิ
้งอจากอาคารลงรางระบาย
้งน้จากอาคารลงรางระบาย
าทิ้งจากอาคารลงรางระบาย(1)(1)กาหนดรายละเอี
ก(1)าหนดรายละเอี
กาหนดรายละเอี ยดการก่
ยดการก่ อการแก้
ยดการก่
สร้
อสร้ างให้
าองให้ สร้คไรอบคลุ
ขาคงให้
รอบคลุ
ครอบคลุ
ม มการระบายน้
การระบายน้
ม การระบายน้ าา า
น้าฝน(1)
น้าฝน น้าฝนผู้รับเหมาก่อสร้างต่อท่อน�้ำทิ้งจากอาคารเสีเสี ย(1)
ยลงท่ลงท่ ก�รวบรวมน้
ำอหนดรายละเอี
เสีอยรวบรวมน้
อลงท่ รวบรวมน้
าเสีาเสีย ยาเสีย ยดการก่อสร้างให้
(2)(2)มีทมี(2) มีน้ลงรางระบายน�
่อทน้่อาทิทาทิ
้ง่อจากอาคารต่
้งน้จากอาคารต่
าทิ้งจากอาคารต่ า้ำรางระบายน้
อเข้อเข้ าฝน
อรางระบายน้
เข้ารางระบายน้
าฝน
าฝน าฝน (2)(2)แก้แก้
ไ(2)
ขไขปรั ครอบคลุ
แก้
ปรับไขปรุ
บปรุ
ปรั ท่อมอท่งน้ต่อาทิ
งต่งบอต่ปรุ การระบายน�
อน้ท่าทิ
้งอให้้งน้ให้
เาทิ
ข้เาข้้งระบบท่
ให้ เข้า้ำระบบท่
าระบบท่ อเสีรวบรวมน้
อยรวบรวมน้
ลงท่ อาเสีาเสีย ยาเสีย
อรวบรวมน้
รวบรวมน�้ำเสีย
ปัญ
ปัญหาที
หาที
ปั(2)
ญ่ 8หาที
่ 8:มีรางระบายน
:ท่ รางระบายน
8่อน�: รางระบายน าฝนมี
าฝนมี
้ำทิ้งจากอาคารต่ าฝนมี
นาขั
นาขังออยู
นงเข้
าขั
อยู่ตาลอดเวลา
ง่ตรางระบาย
อยู
ลอดเวลา
่ตลอดเวลา
เป็เป็นแหล่
นเป็
แหล่นงแหล่
(2) เพาะพั
งเพาะพั
แก้งเพาะพั ไนขธุน์ยปรั
ธุุง์ยนบุงธุปรุ
์ยุงงต่อท่อน�้ำทิ้งให้เข้าระบบ
มีนมีน�้าขั
น้ำาขั
มีงฝน
อยู
นง้าขั
อยู่ภงายในรางระบายน้
่ภอยู
ายในรางระบายน้
่ภายในรางระบายน้ าฝนของโรงพยาบาล
าฝนของโรงพยาบาล
าฝนของโรงพยาบาล (รู(รูปทีปท่่ ที(รู
อ5-12)
่ รวบรวมน�
ป5-12)
ที่ 5-12)บางแห่
บางแห่
้ำบางแห่
เสีงพบน้
งยพบน้
งาเสี
พบน้
าเสียไหลเข้
ยาเสี
ไหลเข้
ยไหลเข้
าท่าอท่ระบาย
อาระบาย
ท่อระบาย
น้าฝนท
น้าฝนท
น้าฝนท
าให้าให้เกิเาให้
ดกิกลิ
ดกลิ
เกิ่นดน่่นกลิ
าน่รัาง่นรัเกีน่งเกียารัจยงจเกี
และเป็
และเป็
ยจ และเป็
นแหล่
นแหล่นงเพาะพั
แหล่
งเพาะพั
งเพาะพั
นธุน์ยธุุง์ยนุงสาเหตุ
ธุสาเหตุ
์ยุง สาเหตุ
และแนวทางแก้
และแนวทางแก้
และแนวทางแก้
ไขแสดงในตารางที
ไขแสดงในตารางที
ไขแสดงในตารางที
่ 5-8
่ 5-8่ 5-8
ปัญหาที่ 8 : รางระบายน�้ำฝนมีน�้ำขังอยู่ตลอดเวลา เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
มีน�้ำขังอยู่ภายในรางระบายน�้ำฝนของโรงพยาบาล (รูปที่ 5-12) บางแห่งพบน�้ำเสียไหลเข้า
4-135
4-1354-135
ท่อระบายน�้ำฝนท�ำให้เกิดกลิ่นน่ารังเกียจ และเป็บทที
นแหล่
บทที่ ่55ง่ เพาะพั นธุาา์ยงๆ
ปั5ปัญญปัหาต่
หาต่ ุง สาเหตุธแธีกละแนวทางแก้ ไข
บทที ญ หาต่งๆ และวิ
างๆและวิ
และวิ ีกธารแก้
ารแก้ไไขระบบ
ีการแก้ ขระบบ
ไขระบบ
แสดงในตารางที่ 5-8
รูรูปปทีรูที่ ป5-12
่ ที5-12 มีมีนนาขั
่ 5-12 มีาขั
นงาขั
งอยู
อยูง่ใอยู
่ในรางระบายน
นรางระบายน าฝนของโรงพยาบาล
าฝนของโรงพยาบาล
่ในรางระบายน าฝนของโรงพยาบาล
รูปที่ 5-12 มีน�้ำขังอยู่ในรางระบายน�้ำฝนของโรงพยาบาล
ตารางที
ตารางที่ 5-8
ตารางที่ 5-8 สาเหตุ
สาเหตุ
่ 5-8 แและแนวทางแก้
สาเหตุ ละแนวทางแก้ไขรางระบายน
ไขรางระบายน
และแนวทางแก้ าฝนมี
าฝนมี
ไขรางระบายน นนาขัาขั
าฝนมี นงาขั งอยู
อยูง่ตอยู
่ตลอดเวลา
ลอดเวลา
่ตลอดเวลา
สาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ การแก้
การแก้ไขไข ไข
การแก้
รูปที่ รู5-12
ปที่ 5-12
มีนรูปาขัทีมีง่ นอยู
5-12
าขั่ในรางระบายน
งอยู
มีน่ในรางระบายน
าขังอยู่ในรางระบายน
าฝนของโรงพยาบาล
าฝนของโรงพยาบาล
าฝนของโรงพยาบาล
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 139
ารางที
ตารางที
่ 5-8 ตารางที
่ สาเหตุ
5-8ตารางที
สาเหตุ
แ่ ละแนวทางแก้
5-8่ แ5-8
สาเหตุ
ละแนวทางแก้
และแนวทางแก้
ไขรางระบายน
ไขรางระบายน
ไขรางระบายน
าฝนมีาฝนมี
นาขังนอยูาขั
าฝนมี
่ตงลอดเวลา
อยูน่ตาขั
ลอดเวลา
งอยู่ตลอดเวลา
สาเหตุและแนวทางแก้ไขรางระบายน�้ำฝนมีน�้ำขังอยู่ตลอดเวลา
สาเหตุสาเหตุ สาเหตุ การแก้การแก้ ไข ไขการแก้ไข
สาเหตุ การแก้ไข
(1) ความลาดชั
(1) ความลาดชั น(1)ของรางระบายน้
ความลาดชั
นของรางระบายน้
นของรางระบายน้
าฝนไม่าฝนไม่ ถูกต้องถูกทาฝนไม่
ต้าให้
องนท้าฝน ถาให้
ูกต้นอ้าฝน
ง ท(1)
าให้แก้
น้าฝน
(1)
ไขแนวรางระบายน้
แก้ไขแนวรางระบายน้
(1) แก้ไขแนวรางระบายน้
าฝนให้าฝนให้ สามารถระบายน้
สามารถระบายน้
าฝนให้สาฝนออกไป
ามารถระบายน้ าฝนออกไป าฝนอ
(1) ความลาดชันของรางระบายน�ำ้ ฝนไม่ถกู ต้อง (1) แก้ไขแนวรางระบายน�้ำฝนให้สามารถ
ระบายออกไปได้
ระบายออกไปได้ ระบายออกไปได้
ไม่หมดไม่หมด ไม่หมด ได้ทั้งหมด
ได้ทั้งหมดได้ทั้งหมด
ท�ำให้น�้ำฝนระบายออกไปได้ไม่หมด ระบายน�้ำฝนออกไปได้ทั้งหมด
(2) รางระบายน้
(2) รางระบายน้ (2)
าฝนอุรางระบายน้
ดาฝนอุ
ตัน ทดาให้
ตันาฝนอุ
มทีนาให้
้าขัดงตัมนี ้าขัทาให้
ง มีน้าขัง (2) ตรวจสอบการอุ
(2) ตรวจสอบการอุ (2) ตรวจสอบการอุ
ดตันของรางระบายน้
ดตันของรางระบายน้ ดตันของรางระบายน้
าฝน าฝน าฝน
(2) รางระบายน�้ำฝนอุดตัน ท�ำให้มีน�้ำขัง (2) ตรวจสอบการอุ ดตันของรางระบายน� ้ำฝน
(3) ระดั(3)บพืระดั
้นดิบน(3)
พืของโรงพยาบาลอยู
้นระดั
ดิ(3)
นของโรงพยาบาลอยู
บระดั
พื้นดิบนพืของโรงพยาบาลอยู
่ ต ่ ากว่ า่ ตระดั
่ ากว่
บ า ถนน
ระดั
่ ต ่ ากว่
บ ท
ถนน
าให้
า ระดัท าให้
บ(3)
ถนนปรั (3)
บ
ท ระดั
าให้
ปรั
้นดินของโรงพยาบาลอยู่ต�่ำกว่า (3) ปรับระดับพื้นบ่อสูบน�้ำฝนให้ต�่ำกว่าระดับ พื
ระดั
(3)
้ น บ่
บ
ปรั
อพื
สู
บ้ น
บระดั
บ่
น้ อ
าฝนให้
สู
บ บ พื
น้ ้ น
าฝนให้
ตบ่
่ ากว่
อ สู บา ตน้
ระดั
่ ากว่
าฝนให้
บ
า ท้
ระดั
อ
ต งท่
่ ากว่
บ อท้ระบาย
อาบงท่
ระดัอบระบาย
ท้องท่อร
ต้องติดต้ตัอ้งงติ
ระบบสู
ดตั้งต้ระบบสู
อบงติ
น้าฝนออกนอกโรงพยาบาล
ดตับระดั
้งน้ระบบสู
าฝนออกนอกโรงพยาบาล
บถนน บน้าฝนออกนอกโรงพยาบาล
ท�ำให้ตอ้ งติดตัง้ ระบบสูบน�น้ำ้ ฝน าฝน น้เพืาฝน
่อให้ท้เพื
สอามารถสู
่อน้ให้
งท่ าฝน
อสระบายน�
ามารถสู
เพืบน้่อให้
าฝนออกได้
ส้ำบฝน
ามารถสู
น้าฝนออกได้
เพืท่อบั้งให้น้หมด
าฝนออกได้
สทามารถสู
ั้งหมด บทั้งหมด
ออกนอกโรงพยาบาล น�้ำฝนออกได้ทั้งหมด
ญหาทีปัญ่ หาที
9 : มีปั่ 9ขญยะหลุ:หาที
มีขยะหลุ
่ ด9ลอดออกจากตะกร้
: มีดขลอดออกจากตะกร้
ยะหลุดลอดออกจากตะกร้ าดักขยะในบ่าดักขยะในบ่ อาสูดับกขยะในบ่
จอานวนมาก
สูบจานวนมาก อสูบจานวนมาก
ตะกร้ตะกร้ าดักขยะถู กปัขยะถู
าดัตะกร้ กญติหาที ่ ด9ตั:้งมีครอบปลายท่
ดาดัตักก้งติครอบปลายท่
ขยะถู กขติยะหลุ อดรวบรวมน้
ดตั้งครอบปลายท่ลอดออกจากตะกร้
อรวบรวมน้ าเสี่อยดัาเพื
าเสีอรวบรวมน้
ยเพื กดัขยะที
่อกาเสี
ดัขยะในบ่่มเพืากั่อดับอ่มกน้สูากั
กยขยะที บบจ�น้ำยนวนมาก
ขยะที
าเสี าเสี
่มและจะถู
ากัยบและจะถู น้าเสีกดึยงขึและจะถู
ก้นดึกงาจั
ขึ้นดกกาจั
ดึงดขึ้น
ยะออกโดยใช้
ขยะออกโดยใช้ ขยะออกโดยใช้
โซ่ดึงตะกร้ โซ่ดตะกร้ าขึ้นโาซ่ดัมาตามรางเหล็
ึงตะกร้ ดากขึึงขยะถู
ตะกร้ กาติขึด้นตัมาตามรางเหล็
้นมาตามรางเหล็ ง้ กครอบปลายท่
ทาให้ ีช่องว่อมกรวบรวมน�
ก ทมาให้ ีชาทงระหว่
่อาให้
งว่ามงระหว่าีชำ้ งตะกร้
่อเสีงว่ยาเพืงตะกร้
าอ่ กัดับกผนั
งระหว่ ขยะที
ากังตะกร้ ม่ อากั
งบบ่ผนั สูงบาบ่บกัน�อถ้บสูำ้าผนั
เสี
บ ยงถ้บ่าบและจะถู
ระดั อระดั บบถ้น้กาาในบ่
น้สูาในบ่ อระดั
สูบบอน้สูาใน
บ
งจนท่ สูงวจนท่
มด้าวนล่สูมด้
งจนท่ าาดึงของตะกร้
งขึว้นามด้
นล่ ก�งของตะกร้
ำจัาดนล่ขยะออกโดยใช้
าาจะท งของตะกร้
าาให้
จะทขยะที
าให้ าโซ่จะท
ขด่มยะที
ึงากั
ตะกร้
าให้ าขึยะที
บ่มน้ากั บ้นยน้มาตามรางเหล็
ขาเสี สามารถหลุ
าเสี
่มากัยบสามารถหลุ กสามารถหลุ
ท�ดำให้
น้าเสีดยลอยออกจากตะกร้ มีช่อดงว่ลอยออกจากตะกร้
ลอยออกจากตะกร้ างระหว่ าไปได้ างตะกร้ าไปได้ ากัดับางผนั
ดังแสดงในรู ง ปดัทีง่ แสดงใ
ไปได้
แสดงในรู ปที่
บ่อสูบ ถ้าระดับน�้ำในบ่อสูบสูงจนท่วมด้านล่างของตะกร้า จะท�ำให้ขยะที่มากับน�้ำเสียสามารถ
-13 5-13
และถ้และถ้ าระดั
5-13าบหลุ ระดั
น้และถ้
ดาเสี บยน้าสูาเสี
ระดั
ลอยออกจากตะกร้งท่ยวบสูมปลายท่
น้งท่าเสี
วมปลายท่
ยสูาองไปได้
ท่จะท
วมปลายท่
อดัาให้
จะท นาให้
้าเสีอจะท
งแสดงในรู ยนค้้าเสี
ปาทีงอยู
าให้
ย่ 5-13
ค้น่าเต็งอยู
้าเสี
มและถ้
ท่ย่เอต็ค้มความเร็
าาท่งอยู
อ ความเร็
ระดั ่เบต็น�วม้ำของการไหลจะช้
ท่เสีอยวสูความเร็
ของการไหลจะช้
งท่วมปลายท่ วของการไหลจะช้
าลงอจะท� ทาาให้
ลง
ำให้ทมาให้
ีน้าลงมีนท้าาใ
สียขังเสีอยูยขั่ในบ่
งอยูอเสี่ใตรวจใบสุ
นบ่
ยน�ขังำ้ออยู
ตรวจใบสุ
เสี ย่ใค้นบ่
ดาท้งอยู
อาตรวจใบสุ
ยดเ่ ต็และเกิ
ท้มาท่ยอและเกิ
ดการสะสมของตะกอนในท่
ท้ายดวการสะสมของตะกอนในท่
ความเร็ และเกิ ดการสะสมของตะกอนในท่
ของการไหลจะช้ าลง อท�รวบรวมน้
ำให้อมรวบรวมน้
นี ำ�้ เสีาเสียขัองยรวบรวมน้
อยูาเสี
สาเหตุ ย อสาเหตุ
ใ่ นบ่ แาเสี
ตรวจบ่ละแนวทางแก้
ยแอละแนวทางแก้
สาเหตุ
สุดท้ายและแนวทางแก้
ไขแสดง
และ ไขแสดง ไข
นตารางที
ในตารางที ่ 5-9ในตารางที
่ 5-9 ่ 5-9
เกิดการสะสมของตะกอนในท่ อรวบรวมน�้ำเสีย สาเหตุและแนวทางแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-9
รูปที่ รู5-13
ปที่ 5-13
ระดั
รูปบทีระดั
น่ 5-13
าในบ่
บนาในบ่
อระดั
สูบบนอนาเสี
สูาในบ่
บยนท่าเสี
วอมด้
สูยบท่านวนล่
าเสี
มด้าายงของตะแกรงดั
นล่
ท่วามด้
งของตะแกรงดั
านล่างของตะแกรงดั
กขยะกขยะ กขยะ
รูปที่ 5-13 ระดับน�้ำในบ่อสูบน�้ำเสียท่วมด้านล่างของตะแกรงดักขยะ
ารางที
ตารางที
่ 5-9 ตารางที
่ สาเหตุ
5-9 สาเหตุ
แ่ ละแนวทางแก้
5-9แสาเหตุ
ละแนวทางแก้
และแนวทางแก้
ไขขยะหลุ
ไขขยะหลุ
ดลอดออกจากตะกร้
ไขขยะหลุ
ดลอดออกจากตะกร้
ดลอดออกจากตะกร้
าดักขยะในบ่
าดักขยะในบ่
อาสูดับกขยะในบ่
อสูบ อสูบ
ตารางทีสาเหตุ ่ 5-9สาเหตุ สาเหตุแสาเหตุ ละแนวทางแก้ไขขยะหลุดลอดออกจากตะกร้ การแก้
าดัการแก้
ไกขขยะในบ่ไขการแก้ อสูบไข
(1) ระดั(1)บน้ระดั
าเสีบย(1)
น้ในบ่
าเสีระดั
อยสูในบ่
บสูน้งอาเสี
ท่สูวบยมด้
สูในบ่
งาท่นล่
วอมด้
สูาบงของตะกร้
าสูนล่
งท่าวงของตะกร้
มด้าานล่ดักาขยะ
งของตะกร้
าดักขยะ
(1)าปรั
ดัก(1)
บขยะ
ลูกปรัลอยให้
บลู(1)
กลอยให้
รปรั
ะดับลูน้รกะดั
าเสี
ลอยให้
บยน้ในบ่
าเสีรอะดั
ยสูในบ่
บอยู
น้อาเสี
่ตสู่ากว่
บยอยู
ในบ่
า่ตตะกร้
่ากว่
อสูบาาอยู
ตะกร้
ดัก่ตขยะ
่ากว่
าดัากตะกร้
ขยะ าด
สาเหตุ การแก้ไข
(2) มีข(2)
ยะและตะกอนตกค้
มีขยะและตะกอนตกค้
(2) มี(1)ขยะและตะกอนตกค้
างอยู
ระดั บน�่ใ้ำานบ่
งอยู
เสีอยสู่ใในบ่
นบ่
บจาานวนมาก
อองอยู
สูสูบบจ่ใสูานวนมาก
นบ่งท่อวสูมด้
บจาานวนมาก
นล่า(2)
งของทาความสะอาดเอาขยะออก
(2)(1)ทาความสะอาดเอาขยะออก
ปรั(2)บลูทกาความสะอาดเอาขยะออก
ลอยให้ระดัและสู บน�้ำบและสู
เสีตะกอนออกไปก
ยในบ่ บตะกอนออกไปก
อและสู
สูบอยูบตะกอนออกไปก
่ าจัด าจัด า
ตะกร้าดักขยะ ต�่ำกว่าตะกร้าดักขยะ
(2) มีขยะและตะกอนตกค้างอยู่ในบ่อ4-136
สูบ 4-136(2)4-136
ท�ำความสะอาดเอาขยะออก และ
จ�ำนวนมาก สูบตะกอนออกไปก�ำจัด
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
140 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
ปัญหาที่ 10 : เครื่องสูบน�้ำช�ำรุด
เครื่องสูบน�้ำที่ใช้ในระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย ได้แก่ เครื่องสูบน�้ำจากบ่อพักน�้ำหรือถังปรับเสมอ
เข้าบ่อบ�ำบัดน�้ำเสีย และเครื่องสูบน�้ำทิ้ง (ถ้ามี) ถ้าเครื่องสูบน�้ำเข้าระบบบ�ำบัดน�้ำเสียช�ำรุดอาจ
ท�ำให้เกิดน�ำ้ เสียท่วมขังบริเวณโรงบ�ำบัดน�ำ้ เสีย สาเหตุและแนวทางการแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-10
ปัญหาที่ 11 : ระบบท่อและวาล์วช�ำรุด
ระบบท่อและวาล์วเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการไหลของน�้ำเสียภายในระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย
หากมีการช�ำรุดจะส่งผลให้ไม่สามารถเดินระบบได้ตามทีต่ อ้ งการและอาจส่งผลให้เครือ่ งสูบน�ำ้ ช�ำรุดได้
สาเหตุและแนวทางการแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-11
ปัญหาที่ 12 : ระบบไฟฟ้าควบคุมช�ำรุด
ระบบไฟฟ้าควบคุม (Control Panel) เป็นศูนย์ควบคุมการท�ำงานของอุปกรณ์เครื่องจักร
กลในระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย หากเกิดการช�ำรุดจะส่งผลให้อปุ กรณ์เครือ่ งจักรกลในระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย
ไม่ทำ� งานหรืออาจท�ำให้ระบบเสียหาย ในการควบคุมการท�ำงานระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียต้องใช้อปุ กรณ์
ไฟฟ้าหลายชนิด ได้แก่ (1) ลูกลอยใช้ควบคุมการท�ำงานของเครื่องสูบน�้ำเสียเข้าถังเติมอากาศ
เครื่องสูบน�้ำจะท�ำงานเมื่อระดับน�้ำในบ่อพักสูงถึงค่าที่ก�ำหนด และจะหยุดเมื่อระดับน�้ำลดต�่ำลง
ถึงค่าทีก่ ำ� หนด ถ้าลูกลอยช�ำรุดจะท�ำให้เครือ่ งสูบน�ำ้ ไม่ทำ� งานและส่งผลให้นำ�้ เสียท่วมขังในระบบได้
(2) อุปกรณ์ตั้งเวลา (Timer) ส�ำหรับควบคุมเวลาในการเดินและหยุดเครื่องสูบน�้ำเสียและ
เครื่องเติมอากาศ สาเหตุและแนวทางการแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-12
5.2 ปัญหาในการเดินระบบบ�ำบัดน�้ำเสียและแนวทางแก้ไข
5.2.1 ปัญหาในการเดินระบบบ่อปรับเสถียรและแนวทางแก้ไข
ปัญหาที่ 1 : พบตะกอนหรือวัสดุลอยบนผิวน�้ำของบ่อปรับเสถียร
ตะกอนและวั ส ดุ ล อยน�้ ำ ท� ำ ให้ เ กิ ด สภาพน่ า รั ง เกี ย จ บดบั ง แสงแดดที่ จ� ำ เป็ น ส� ำ หรั บ
การสังเคราะห์แสงของสาหร่าย และอาจท�ำให้เกิดกลิ่นเหม็นจากการเน่าสลายของสารอินทรีย์
สาเหตุและการแก้ไขปัญหาตะกอนและวัสดุลอยน�้ำในบ่อปรับเสถียรแสดงในตารางที่ 5-13
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
142 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4-139
4-139
รูปรูปทีที่ 5-15
่ 5-15กกาจัาจัดดพืพืชชลอยน
ลอยนาปกคลุ
าปกคลุมมผิผิววนนาของบ่
าของบ่ออออก
ออก
รูปทีรู่ปรู5-15
ปทีที่ 5-15ก�ำกจักาจัดาจัดพืดพืชพืชลอยน�
่ 5-15 ชลอยน ้ำาปกคลุ
ปกคลุมมผิมผิวผิวนวนาของบ่
ลอยนาปกคลุ น�าของบ่
้ำของบ่ อออก
ออออก
ออก
รูปรูปทีที่ 5-16
่ 5-16ติติดดตัตังเครื
งเครื่อ่องเติ
งเติมมอากาศเสริ
อากาศเสริมมค่ค่าาDO
DOและช่
และช่ววยกยกาจัาจัดดพืพืชชลอยน
ลอยนาา
รูปรูปทีที่ 5-16
่ 5-16ติติดดตัตังเครื
งเครื่อ่องเติ
งเติมมอากาศเสริ
อากาศเสริมมค่ค่าาDO
DOและช่
และช่ววยกยกาจัาจัดดพืพืชชลอยน
ลอยนาา
รูปที่ 5-16 ติดตั้งเครื่องเติมอากาศเสริมค่า DO และช่วยก�ำจัดพืชลอยน�้ำ
ปัปัญญหาหา33: :มีมีกกลิลิ่น่นเหม็ เหม็นนในบ่ ในบ่ออปรัปรับบเสถี
เสถียยรร
ปัปัญญหาหา3กลิ
3กลิ
: :มี่นมี่นกทีกทีลิ่เกิลิ่น่เกิด่นเหม็
เหม็ น น
ในบ่
ดขึขึ้น้นในบ่ในบ่อ อ
ปรั
ปรั บเสถีเสถี
บ
เสถี
ในบ่ออปรัปรับบเสถี ยรอาจเกิ
ยรร ดดจากตะกอนสะสมที
ยยรอาจเกิ จากตะกอนสะสมที่ก่ก้อ้อนบ่ นบ่ออมีมีจจานวนมากเกิ
านวนมากเกินนไปไปจึจึงผลิ
งผลิตตก๊ก๊าซไข่
าซไข่เน่เน่าา
ในปริ กลิ
กลิ่ น
ในปริมมาณมากจากการย่่ น
ที ที่ เ กิ
่ เ
าณมากจากการย่ออยสลายแบบไร้ กิ
ด ดขึ
ขึ้ น้ น
ในบ่
ในบ่
อ อ
ปรั
ปรั
บ บ
เสถี
เสถีย
ยสลายแบบไร้ออากาศย
รอาจเกิ
รอาจเกิ ดดจากตะกอนสะสมที
จากตะกอนสะสมที
ากาศหรืหรือออาจเกิ ่ ก่ ก
้
อาจเกิดดจากสภาพไร้ อ้ อ
นบ่
นบ่
อ อมี
จากสภาพไร้ออากาศของน้มีจ จานวนมากเกิ
านวนมากเกิน
ากาศของน้าในบ่นไปไปจึ
จึง ่งสาเหตุแาและการ
ผลิ
ง ผลิ
าในบ่ออซึซึ่งสาเหตุต ต
ก๊ก๊
า ซไข่
ซไข่เน่เน่าา
ละการ
ในปริ
แก้ในปริ
แก้ไขปัมมญาณมากจากการย่
ไขปั ญาณมากจากการย่
หากลิ
หากลิ่น่นเหม็ เหม็นนในบ่ ออยสลายแบบไร้
อยสลายแบบไร้
ในบ่ อปรัปรับบเสถี ออากาศ
ากาศหรืหรือออาจเกิ
เสถียยรแสดงในตารางที
รแสดงในตารางที อาจเกิ
่ 5-15ดดจากสภาพไร้
่ 5-15 จากสภาพไร้ออากาศของน้ ากาศของน้าในบ่
าในบ่ออซึซึ่งสาเหตุ
่งสาเหตุแและการ
ละการ
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
144 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
ปัญหาที่ 3 : มีกลิ่นเหม็นในบ่อปรับเสถียร
กลิ่นที่เกิดขึ้นในบ่อปรับเสถียรอาจเกิดจากตะกอนสะสมที่ก้อนบ่อมีจ�ำนวนมากเกินไป
จึงผลิตก๊าซไข่เน่าในปริมาณมากจากการย่อยสลายแบบไร้อากาศ หรืออาจเกิดจากสภาพไร้อากาศ
ของน�้ำในบ่อ ซึ่งสาเหตุและการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นในบ่อปรับเสถียรแสดงในตารางที่ 5-15
ปัญหาที่ 4 : มีปลาตายในบ่อปรับเสถียร
ในบ่อปรับเสถียรส่วนใหญ่จะมีปลาอาศัยอยู่ ซึง่ สามารถใช้เป็นสิง่ ชีว้ ดั ประสิทธิภาพการบ�ำบัด
น�้ำเสียของบ่อปรับเสถียรได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อพบเห็นปลาจ�ำนวนมากขึ้นมาหายใจบริเวณ
ผิวน�้ำ แสดงว่าค่า DO ในบ่อปรับเสถียรมีค่าต�่ำจนปลาไม่สามารถอาศัยอยู่ที่ระดับน�้ำกลางบ่อได้
เนือ่ งจากทีผ่ วิ น�ำ้ มีออกซิเจนละลายน�ำ้ สูงสุด และอาจพบปลาตาย (รูปที่ 5-17) สาเหตุและการแก้ไข
ปัญหาปลาตายในบ่อปรับเสถียรแสดงในตารางที่ 5-16
ปัญหาที่ 7 : พบต้นไม้โผล่พ้นน�้ำโตขึ้นในบ่อปรับเสถียร
ปกติความลึกของน�้ำในบ่อแฟคัลเททีฟและบ่อบ่มมีค่าสูงพอที่จะท�ำให้พืชโผล่พ้นน�้ำโตขึ้น
ไม่ได้ ถ้าพบพืชโผล่พ้นน�้ำขึ้นในบ่ออาจท�ำให้ประสิทธิภาพการบ�ำบัดน�้ำเสียลดลง และเกิด
การไหลลัดวงจร สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาต้นไม้โผล่พ้นน�้ำโตขึ้นในบ่อปรับเสถียรแสดง
ในตารางที่ 5-19
ปัญหาที่ 8 : แมลงเพิ่มจ�ำนวนอย่างรวดเร็วในบ่อปรับเสถียร
บ่อปรับเสถียรเป็นพื้นที่ที่ยุงชอบมาวางไข่ ท�ำให้พบยุงจ�ำนวนมากในโรงพยาบาลหลายแห่ง
สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาแมลงเพิ่มจ�ำนวนอย่างรวดเร็วในบ่อปรับเสถียรแสดงในตาราง
ที่ 5-20
ปัญหาที่ 9 : น�้ำทิ้งมีความเข้มข้นของสาหร่ายสูงเกินมาตรฐาน
ในระบบบ่อแฟคัลเททีฟของโรงพยาบาลสาหร่ายท�ำหน้าทีผ่ ลิตออกซิเจนให้แบคทีเรียก�ำจัด
สารอินทรีย์ จึงท�ำให้บ่อแฟคัลเททีฟมีความเข้มข้นของสาหร่ายสูง ส่วนบ่อบ่มจะรองรับน�้ำที่บ�ำบัด
แล้วจากบ่อแฟคัลเททีฟ ซึ่งมีความเข้มข้นของสารอินทรีย์ต�่ำท�ำให้ภายในบ่อบ่มมีความเข้มข้น
ของสาหร่ายไม่สูงมาก สาเหตุและแนวทางแก้ไขปับทที ญหาน� ่ 5้ำทิปั้ง่ มีญ5คหาต่
บทที วามเข้
ปัญหาต่ างๆ มข้นาและวิ
ของสาหร่
งๆ และวิ ธีกาารแก้ ยสู
ธีกงเกิ ไนขระบบ
ารแก้ ไขระบบ
มาตรฐานแสดงในตารางที่ 5-21
ปัญหาปัญ9 หา : นาทิ9 :งมีนาทิความเข้
งมีความเข้ มข้นของแข็มข้นของแข็
งแขวนลอยสู
งแขวนลอยสู งเกินมาตรฐาน
งเกินมาตรฐาน
ตารางที
ในระบบบ่ ่ 5-21
ในระบบบ่ อแฟคั สาเหตุ
อลแฟคัเททีแฟลเทที ละการแก้ ไขปัญหาปัายท
ของโรงพยาบาลสาหร่
ฟของโรงพยาบาลสาหร่ ญหาน�
าหน้ายทา้ำาหน้
ทีทิ่ผ้งลิมีาตคทีออกซิ
วามเข้
่ผลิตออกซิ
เจนให้มข้เนจนให้ แของสาหร่
บคทีแเบคที รียกาจั เารียสู งเกิดนสารอิ
ดยกสารอิ
าจั นทรียน์ จึทรีง ย์ จึง
มาตรฐาน
ทาให้ทบ่าให้
อแฟคั บ่อลแฟคั
เททีลฟเททีมีความเข้ฟมีความเข้ มข้นของสาหร่
มข้นของสาหร่ายสูง าส่ยสู
วนบ่
ง ส่อวบ่นบ่
มจะรองรั
อบ่มจะรองรั บน้าทีบ่บน้าบั าทีด่บแล้าบัวดจากบ่ แล้วจากบ่ อแฟคัอลแฟคั เททีลฟเทที ซึ่งมีฟซึ่งมี
ความเข้
ความเข้
มข้นของสารอิ
มข้นของสารอิ นทรียสาเหตุ น์ตทรี
่าทยาให้
์ต่าทภายในบ่
าให้ภายในบ่
อบ่มมีอคบ่วามเข้
มมีความเข้
มข้นของสาหร่
มข้นของสาหร่ การแก้
ายไม่ ไขสูงสาเหตุ
สาูงยไม่
มาก มาก สาเหตุ และแนวทางแก้
และแนวทางแก้ ไข ไข
ปัญหาน้(1)
ปัญาทิหาน้ ในบ่ อ บ่
้งมีคาทิวามเข้ม อยู
้งมีความเข้ ใ
่ นสภาวะเหมาะสมส�
มข้นของสาหร่ มข้นของสาหร่ ายสูงเกิายสู ำ หรั บ (1.1)
นมาตรฐานแสดงในตารางที ติ
งเกินมาตรฐานแสดงในตารางที ด ตั ง
้ เครื อ
่ งเติ
่ 5-21่ 5-21 ม อากาศที ร
่ ะดั บ พลั ง งาน
สาหร่ายในการเจริญเติบโต ท�ำให้น�้ำทิ้ง 1-2 วัตต์/ลูกบาศก์เมตร เพื่อท�ำให้น�้ำขุ่น
ตารางที
ตารางที
่ 5-21่ 5-21 สาเหตุสาเหตุ
และการแก้ และการแก้ ไขปัญไหาปั
ขปัญญหาปั หานญาทิหานงมีาทิ
ความเข้
งมีความเข้มข้นของสาหร่ มข้นของสาหร่ ายสูงเกิ ายสู นมาตรฐาน
งเกินมาตรฐาน
มีเซลล์สาหร่ายจ�ำนวนมาก ลดสาหร่าย (รูปที่ 5-19)
สาเหตุสาเหตุ การแก้การแก้ ไข ไข
(1.2) ต่อปลายท่อน�้ำทิ้งจากบ่อให้อยู่ต�่ำกว่า
(1) ในบ่(1)อบ่ในบ่
ม อยู
อบ่่ใมนสภาวะเหมาะสมส
อยู่ในสภาวะเหมาะสมส าหรับสาหร่
าหรับาสาหร่
ยใน ายใน(1.1) ติ(1.1)
ดตั้งเครื
ติด่ตัอ้งเติ
งเครืม่ออากาศที งเติมอากาศที ่ระดับพลั ่ระดังงาน บพลั1-2 งงานวัต1-2 ต์/ลบ.ม.
วัตต์/ลบ.ม.
เพื่อ เพื่อ
ผิวน�้ำ เพราะมีความเข้มข้นสาหร่าย
การเจริการเจริ
ญเติบโต ญเติทบาให้โตนท้าทิาให้้งมีนเซลล์
้าทิ้งมีสเาหร่
ซลล์าสยจาหร่
านวนมาก
ายจานวนมาก ทาให้นท้าขุาให้
่นลดสาหร่
น้าขุ่นลดสาหร่ าย (รูปาทีย่ 5-19)(รูปที่ 5-19)
(1.2) ต่(1.2)
ต�
อปลายท่
ำ
่ กว่
ต่อปลายท่
า
อ น้าทิ้องจากบ่ น้าทิ้งอจากบ่ ให้อ ยูอ่ตให้่ากว่ อ ยูา่ตผิ่ากว่
ว น้า ผิเพราะมี
ว น้า เพราะมีค วาม ค วาม
(1.3)
เข้มข้นเข้สาหร่
ติ ด
มข้นาสาหร่
ตั ง
้
ยต่ากว่ายต่
อุ ป กรณ์
า ากว่า
บ ง
ั แดดบางส่ ว นของพื น
้ ที ่
(1.3) ติ(1.3) ผิ ว น�
ดตั้งอุติปดกรณ์ ำ
้ บ่
ตั้งอุปบกรณ์ อ ใช้บแังผ่แดดบางส่
ังแดดบางส่ นพลาสติวนของพื ้นกทีลอยเหนื
วนของพื ที่ผอิวอน้น�าบ่้ำอ
่ผิวน้้นาบ่
แผ่แต่
ใช้แผ่นใช้พลาสตินพลาสติตกลอยเหนื
้องมัก่นลอยเหนื ตรวจสอบค่
อน้า แต่ า ่นตDO
อน้ตา้องมั
แต่ ้องมัเพราะ
ตรวจสอบค่
่นตรวจสอบค่ า DO าเพราะ DO เพราะ
แผ่
แผ่นกันแผ่แดดจะป้
นกันแดดจะป้น กั น แดดจะป้
องกันการละลายของ องกันการละลายของอ งกั น การละลาย
O2 จากอากาศ O2 จากอากาศ (รูปที่ 5-20)
(รูปที่ 5-20)
ของออกซิ
หรือ ใช้หรืโครงหลั
อ ใช้ โครงหลั
งคาบังงแดดเหนื เคาบั
จน (O 2อ)บ่จากอากาศ
งแดดเหนื อ อบ่อ (รูปที่ 5-20)
หรือใช้โครงหลังคาบังแดดเหนือบ่อ
รูปที่ 5-19
รูปที่ 5-19
ติดตังเครื
ติดตั่องเครื
งเติม่ออากาศในบ่
งเติมอากาศในบ่
อปรับอเสถี
ปรัยบรท
เสถีาให้
ยรทนาให้
าขุ่นนลดความเข้
าขุ่นลดความเข้
มข้นของสาหร่
มข้นของสาหร่
าย าย
รูปที่ 5-19 ติดตั้งเครื่องเติมอากาศในบ่อปรับเสถียรท�ำให้น�้ำขุ่นลดความเข้มข้นของสาหร่าย
รูปรูทีป่ ที5-19
่ 5-19ติดติตัดงเครื ่องเติ
ตังเครื มอากาศในบ่
่องเติ อปรัอปรั
มอากาศในบ่ บเสถี ยรท
บเสถี
คูย่มือาให้
รท นาขุนม่นาขุ
าให้
การควบคุ ลดความเข้
่นำลดความเข้
และบ� มข้นมำบัข้ของสาหร่
รุงรักษาระบบบ� ดน�น้ำของสาหร่าย าย 149
เสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
รูปรูทีป่ ที5-20
่ 5-20ติติดติดตัดตังอุตั้งงอุ
ปกรณ์ บังบแสงแดดเพื ่อลดความเข้ มข้มนข้ของสาหร่ ายในบ่อปรัอบปรัเสถี ยร ยร
รูปที่ 5-20 อุปปกรณ์
กรณ์บังังแสงแดดเพื
แสงแดดเพื ่อ่อลดความเข้
ลดความเข้ มข้นนของสาหร่
ของสาหร่าายในบ่
ยในบ่อปรับบเสถี เสถียร
4-144
4-144
ปัญหาที่ 10 : น�้ำทิ้งมีค่า BOD5 เกินค่ามาตรฐาน (> 20 มิลลิกรัม/ลิตร)
ค่า BOD5 ของน�ำ้ ทิง้ จะต้องมีคา่ ไม่เกิน 20 มิลลิกรัม/ลิตร ตามมาตรฐานน�ำ้ ทิง้ ของทางราชการ
ซึ่งค่านี้เป็นผลรวมของ BOD5 ที่ละลายน�้ำและ BOD5 ที่ไม่ละลายน�้ำ ตารางที่ 5-22 แสดงสาเหตุ
และการแก้ไขปัญหาค่า BOD5 ของน�้ำทิ้งเกินค่ามาตรฐาน
5.2.2 ปัญหาในการเดินระบบสระเติมอากาศและแนวทางแก้ไข
ปัญหาที่ 1 : ค่า DO มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระบบสระเติมอากาศได้ออกซิเจนส�ำหรับแอโรบิกแบคทีเรียใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์
จากเครื่องเติมอากาศ ซึ่งการเดินเครื่องเติมอากาศจะให้ออกซิเจนละลายลงน�้ำในอัตราที่ค่อนข้าง
คงที่ ในกรณีที่พบว่าค่า DO เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแสดงว่าอัตราการใช้ออกซิเจนในสระเติมอากาศ
มากกว่าอัตราการใช้ออกซิเจน ซึ่งอาจเกิดจากมีปริมาณน�้ำเสียเข้าสระเติมอากาศลดลงอย่างมาก
หรือแบคทีเรียที่มีอยู่ไม่ย่อยสลายสารอินทรีย์ในน�้ำเสีย สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาค่า DO
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแสดงในตารางที่ 5-23
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
150 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
ปัญหาที่ 4 : น�้ำทิ้งมีความเข้มข้นของของแข็งแขวนลอยสูงเกินมาตรฐาน
บ่อบ่มเป็นบ่อทีร่ องรับน�ำ้ ทีบ่ ำ� บัดแล้วจากสระเติมอากาศ ซึง่ เป็นน�ำ้ ทีม่ คี วามเข้มข้นของสาร
อินทรีย์ต�่ำท�ำให้ภายในบ่อบ่มมีความเข้มข้นของสาหร่ายไม่สูงมาก แต่ในบางกรณีพบว่าบ่อบ่มอยู่
สภาพที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสาหร่าย ท�ำให้ในน�้ำทิ้งมีความเข้มข้นของสาหร่ายสูง
ส่งผลให้ความเข้มข้นของของแข็งแขวนลอยเกินค่ามาตรฐานน�ำ้ ทิง้ สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา
น�้ำทิ้งมีความเข้มข้นของของแข็งแขวนลอยสูงเกินมาตรฐานแสดงในตารางที่ 5-26
5.2.3 ปัญหาในการเดินระบบบึงประดิษฐ์และแนวทางแก้ไข
รูปรูทีป่ ที5-23
่ 5-23เกิดเกิสภาพไร้
ดสภาพไร้
อากาศในบึ
อากาศในบึ
งประดิ
งประดิ
ษฐ์ษฐ์
รูปที่ 5-23 เกิดสภาพไร้อากาศในบึงประดิษฐ์
ปัญปัหา
ญหา3 :3ค่:าค่BOD
า BOD5 ของน
5 ของน าทิาทิ
งเกิงเกิ
นค่นาค่มาตรฐาน
ามาตรฐาน(>(>2020มก./ล.) มก./ล.)
ค่าค่BOD
า BOD 5 ของน้
5 ของน้
าทิาทิ
้งจะต้
้งจะต้
องมีองมี
ค่าคไม่่าไม่
เกินเกิน2020มก./ล.มก./ล.ตามมาตรฐานน้
ตามมาตรฐานน้
าทิาทิ
้งของทางราชการ
้งของทางราชการตารางที
ตารางที
่ 5-31
่ 5-31
แสดงสาเหตุ
แสดงสาเหตุและการแก้
และการแก้ ไขปัไขปั
ญหาค่
ญหาค่
า BOD
า BODของน้ ของน้าทิาทิ
้งเกิ้งนเกิค่นาค่มาตรฐาน
ามาตรฐาน
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
156 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
4-151
4-151
4-151
4-151
บทที่ 5 ปัญหาต่าง
บทที่ 5 ปัญหาต่างๆ แล
นไม่ใส
รูป่ รู5-27
ทีป่ ที5-27
่ 5-27 ถัเตรี
งถัเตรี
งเตรี
ยมสารละลายคลอรี
ยมสารละลายคลอรี
นนนสกปรก
สกปรก
นสกปรกมีตมีะกอนสนิ
ตะกอนสนิ
มมเหล็
เหล็
มเหล็
กกตกค้
ตกค้
กตกค้
าางงางาง
รูปรูทีป่ ที5-27 ถัถังงเตรี ยยมสารละลายคลอรี
มสารละลายคลอรี สกปรกมีตมีะกอนสนิ
ตะกอนสนิ มเหล็ กตกค้
4-152
4-152
ปัญปัหาญปัญหา
19หา19 : ค่19 : ค่: าค่าTDS
ปัาญTDS หาที>่ 19
TDS500> >500 500มก./ล.
: มก./ล.
มก./ล.จากน
ค่า TDSจากน
จากน
> 500
าประปา
าประปาาประปา
มิลลิกรัม/ลิตร จากน�้ำประปา
พบน้พบน� พบน้
พบน้ าทิ าทิ
้ ง มี
าทิ้งมี้ำคทิวามเข้้ ง คมี
วามเข้
ค วามเข้ ม
มข้น มTDSข้
ม นข้ น TDSTDSสู ง
สูกว่
ง กว่
า ค่
า า
ค่มาตรฐานน้
ามาตรฐานน้ าทิาทิ้งาทิ
้งซึ้งซึ่งมากกว่
่งซึมากกว่
่งมากกว่ า 500
า500 500 มก./ล. มก./ล.บวกกั บวกกั บค่บาค่าTDS TDSของ ของ
้งมีความเข้ ข้น สูTDS
งกว่าสูค่งากว่มาตรฐานน้
าค่ามาตรฐานน� ้ำทิ้ง ซึ่งามากกว่ มก./ล.
า 500 บวกกั มิลลิกบรัค่มา/ลิTDS ตร ของ
น้าประปา
น้าประปาน้าประปา ปกติปกติ ในน้ ในน้ าเสี
ยาเสี ยของโรงพยาบาลจะมี
ยของโรงพยาบาลจะมี ่าค่ายTDS
ค่าTDS TDS
สูงสูกว่
งสูกว่งากว่
น้าน้าประปาเล็
าาประปาเล็
น้าประปาเล็ กน้น้กออน้ยยอซึยซึ่ง่งซึมาจากจากสิ
มาจากจากสิ
่งมาจากจากสิ ่งขั่งบขัถ่บาถ่ยของ
ายของ
บวกกัปกติ บค่าในน้ TDS าเสี ของน� ของโรงพยาบาลจะมี
ำ้ ประปา ปกติในน�ำค้ เสี ของโรงพยาบาลจะมี คา่ กTDS สูงกว่าน�ำ้ ประปาเล็่งขักบน้ถ่อายยของ
มนุษมนุ
ย์มนุ
แษซึละการใช้
ย์ษแย์ละการใช้
และการใช้
่งมาจากสิสารเคมี
สารเคมี
สารเคมี
่งขับถ่ตา่ายของมนุ งต่าๆตง่าในหน่
ๆง ๆในหน่ในหน่วยรั
ษวย์ยรั กวษาพยาบาลโรงพยาบาล
ยรั
กษาพยาบาลโรงพยาบาล
และการใช้
กษาพยาบาลโรงพยาบาล
สารเคมีต่าง ๆ แหล่
แหล่
ในหน่
แหล่
งงของน้
ของน้
งของน้
วยรัาเสี
าเสีาเสี
ยยทีทีย่ม่มทีี ี TDS
กษาพยาบาลโรงพยาบาล
่มTDS
ี TDSสูสูงงสูคืคืงออคืน้น้อาจากหน่
าจากหน่
น้าจากหน่ ววยยวย
ล้าล้งไต
างไตได้ได้ แก่แก่น้าเกลื
น้าเกลื อยจากการฟื
ทีอจากการฟื ้นสภาพเรซิ
้นสูสภาพเรซิ
งคือนน�้ำนน้จากหน่
นน้าทิ
น้าทิ้งจากระบบ
้งวจากระบบ ROROและน้ แและน้
ก่าทิาทิ
น�ง้าทิ
ำ้งจากกระบวนการล้
จากกระบวนการล้
้งจากกระบวนการล้
อจากการฟื้นาาสภาพเรซิ งไตางไตนอกจากนี นอกจากนี
น ้ค้ค่า่า้ค่า
ล้างไต แหล่
ได้แก่งของน� น้าเกลื้ำอเสีจากการฟื ่มี TDS ้นสภาพเรซิ าทิ้งจากระบบ ยล้างไต RO ได้ และน้ เกลื งไต นอกจากนี
TDS TDSที่เทีพิ่เมพิขึ่ม้นขึยั้นงยัมาจากการใช้
งมาจากการใช้ สารละลายคลอรี
้ำสทิารละลายคลอรี น นสาเหตุสาเหตุ แาละแนวทางการแก้
และแนวทางการแก้ ไ่าขแสดงในตารางที
ไTDS
ขแสดงในตารางที
ที่เพิ่มขึ้นยั่ ่ 5-33 5-33
ง่ มาจากการ
5-33
TDS ทีน�่เพิ้ำ่มทิขึ้ง้นจากระบบ
ยังมาจากการใช้ RO และน� สารละลายคลอรี ้งจากกระบวนการล้
น สาเหตุและแนวทางการแก้งไต นอกจากนี้คไขแสดงในตารางที
ใช้สารละลายคลอรีน สาเหตุและแนวทางการแก้ไขแสดงในตารางที่ 5-33
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
160 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
ภาคผนวก
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 163
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
164 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 165
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
166 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 167
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
168 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 169
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
170 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 171
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
172 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 173
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
174 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 175
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
176 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 177
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
178 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 179
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
180 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 181
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
182 ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์
บรรณานุกรม
[1] Verlicchi P., Galletti A., Petrovic M., Barcelo D., 2010, Hospital effkuents as a source
of emerging pollutants: an overview of micropollutants and sustainable
treatment options, J Hydrology, vol. 389, 416-428
[2] คู่มือระบบบ�ำบัดน�้ำเสียชุมชน, กรมควบคุมมลพิษ. 2560. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม.
[3] ประกาศกระทรวงทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก�ำหนดมาตรฐานควบคุม
การระบายน�ำ้ ทิง้ จากอาคารบางประเภทและบางขนาด ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 122 ตอนที่ 125ง
[4] ประกาศกระทรวง เรือ่ ง ก�ำหนดปริมาณไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรียอิโคไล (Escherichia coli)
และวิธกี ารเก็บตัวอย่างและการตรวจหาไข่หนอนพยาธิและแบคทีเรียอิโคไล (Escherichia
coli) ในน�้ำทิ้งและกากตะกอนที่ผ่านระบบก�ำจัดสิ่งปฏิกูลแล้ว พ.ศ. 2561
[5] Oliveira T.O., Aukidy M. A., and Verlicchi P., 2018, Occurrence of Common Pollutants
and Pharmaceuticals in Hospital Effluents, Hospital Wastewaters: Characteristics,
Management, Treatment and Environmental Risks, Springer International
[6] Rozman U., Duh D, Cimerman M, Sostar S, 2020, Turk Hospital wastewater effluent:
hot spot for antibiotic resistant bacteria Journal of Water, Sanitation and
Hygiene for Development, 10 (2): 171–178.
[7] Le T, Ng C, Chen H, Yi X.Z., Koh T.H., Barkham T.M.S., Zhou Z., Gin K.Y., 2016,
Occurrences and Characterization of Antibiotic-Resistant Bacteria and
Genetic Determinants of Hospital Wastewater in a Tropical Country,
Antimicrobial Agents and Chemotherapy, Volume 60 Number 12, 7449 – 7456
[8] กรมควบคุมมลพิษ และ สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย. 2546. รายละเอียด
สนับสนุนเกณฑ์แนะน�ำการออกแบบระบบรวบรวมน�ำ้ เสียและโรงปรับปรุงคุณภาพน�ำ้
ของชุมชน เล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร.
[9] Long Beach Water, 2020, The Sanitary Sewer System, Available Source: https://
lbwater.org/customer-services/sewer/, May 10, 2020
[10] Bizier, P, 2007, Gravity Sanitary Sewer Design and Construction: Manual of Practice
60 (ASCE MANUAL AND REPORTS ON ENGINEERING PRACTICE) second
edition
คู่มือการควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�้ำเสียโรงพยาบาล
ระบบบ่อปรับเสถียร ระบบสระเติมอากาศ และระบบบึงประดิษฐ์ 183
บรรณานุกรม (ต่อ)
[11] Metcalf & Eddy Inc., 2014, Wastewater Engineering: Treatment Disposal and Reuse,
5th ed, McGraw-Hill series in civil and environmental engineering
[12] Ministry of Construction (Japan), 1990, Technical Guideline for Drainage and
Wastewater Disposal Projects in Developing Countries.
[13] Mara, D.D. and H.W. Pearson, 1987, Waste Stabilization Ponds, Design Manual for
Mediterranean Europe, World Health Organization.
[14] สมพงษ์ หิรัญมาศสุวรรณ. 2552. กระบวนการบ�ำบัดน�้ำเสียทางชีวภาพ. ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด
สยามสเตชันซัพพลายส์, กรุงเทพฯ.
[15] Wallace, S.D. and R.L. Knight, 2006, Small Scale Constructed Wetland Treatment
Systems Feasibility, Design Criteria and O&M Requirements-WERF, Water
Environment Research Foundation, IWA Publishing.
[16] สมาคมวิศวกรรมสิง่ แวดล้อมแห่งประเทศไทย. 2540. ค่าก�ำหนดออกแบบระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสีย.
พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้วการพิมพ์.
[17] สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย, “รายละเอียดสนับสนุนเกณฑ์แนะน�ำการ
ออกแบบระบบรวบรวมน�้ำเสียและโรงปรับปรุงคุณภาพน�้ำของชุมชน เล่ม 2,”
พิมพ์ครั้งที่ 1, กรมควบคุมมลพิษ, กรุงเทพ มหานคร, พ.ศ. 2546
[18] Arceivala, S.J. (1998) “Wastewater Treatment for Pollution Control,” 2nd ed., Tata,
McGraw-Hill Publishing Company Limited, New Delhi.
[19] Reed, S.C., W.C. Ronald, and E.J. Middlebrooks ,1995, Natural Systems for Waste
Management and Treatment, 2nd ed., McGraw-Hill, Inc.
[20] UN-HABITAT, 2008, Constructed Wetlands Manual, UN-HABITAT Water for Asian
Cities Programme Nepal, Kathmandu.
[21] Zickefoose, C. and R.B. Joe Hayes,1977, Operations Manual Stabilization Pond, U.S.
Environmental Protection Agency, EPA-430/9-77-012
[22] ส�ำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. 2551. คู่มือการควบคุมดูแล
และบ�ำรุงรักษาระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียโรงพยาบาลชนิดคลองวนเวียน (Oxidation Ditch: OD)