Professional Documents
Culture Documents
คลื่นคืออะไร
คลื่นคือการรบกวนซ้ำๆหรื อการเคลื่นที่แล้วก่อให้เกิด
การถ่ายเทพลังงานผ่านตัวกล่งหรื อไม่ผา่ นตัวกลาง
(through matter or space)
คลื่นที่ถ่ายเทพลังงานผ่านตัวกลางเรี ยกว่าคลื่นกล
คลื่นที่ถ่ายเทพลังงานโดยไม่ตอ้ งอาศัยตัวกลางคือ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า
2
คลื่นเป็ นการเคลื่อนย้ายถ่ายเทพลังงาน
เท่านั้น ไม่ได้ถ่ายเทสสาร ตัวกลางได้แก่
น้ำ ลวดสปริ ง เชือก และอากาศ มีการ
เคลื่อนที่อยูเ่ ฉพาะที่ ไม่ได้เคลื่อนที่ตามคลื่น
ไปด้วย
3
คลืน่
คลืน่ หมายถึง ลักษณะของการถูกรบกวน ที่มีการแผ่
กระจาย เคลื่อนที่ออกไป ในลักษณะของการกวัดแกว่ง
หรื อกระเพื่อม
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า (Electromagnetic
waves)
ไม่ตอ้ งมีตวั กลาง
เช่น แสง คลื่นวิทยุ x-rays
5
ลักษณะของคลืน่
ลักษณะของคลืน่ จะระบุจาก สันคลื่น หรื อ ยอดคลื่น
(ส่ วนที่มีค่าสูงขึ้น) และ ท้องคลื่น (ส่ วนที่มีค่าต่ำลง)
ในลักษณะ ตั้งฉากกับทิศทางเดินคลื่น เรี ยก "คลื่นตาม
ขวาง" (transverse wave) หรื อ ขนานกับทิศทางเดิน
คลื่น เรี ยก "คลื่นตามยาว" (longitudinal wave)
22
คลื่นตามยาว (Longitudinal Wave
or
Compression Waves)
23
คลื่นตามยาว (Longitudinal Wave)
24
Complex Waves
คลื่นบางแบบแสดงลักษณะของทั้งคลื่นตามขวางและคลื่นตาม
ยาว(combination of transverse and
longitudinal waves)
เช่น คลื่นผิวน้ำ
25
คลื่นแผ่นดินไหว
คลื่นแผ่ดินไหวเป็ นทั้งคลื่นตามขวางและคลื่นตามยาว มีท้ งั เคลื่อนเข้าไปในโลก
และเคลื่อนบนผิวโลก
P waves
“P” stands for primary
ความเร็ ว 7 – 8 km / s
เป็ นคลื่นตามยาว
S waves
“S” stands for secondary
ช้ากว่า คือประมาณ 4 – 5 km/s
เป็ นคลื่นตามขวาง
Seismograph เป็ นเครื่ องมือบันทึกคลื่น 26
ภาพรวมของคลื่น
28
คุณลักษณะเชิงปริ มาณของคลื่น
ความยาวคลื่น (Wavelength)
แอมพิจูด(Amplitude)
ความถี่ (Frequency)
คาบ(Period)
อัตราเร็ วของคลื่น (Wave speed)
29
ความยาวคลื่น (Wavelength) :
30
แอมพิจูด(Amplitude) : A
คือค่าการกระจัดสูงสุ ดของตัวกลางเมื่อวัดจากตำแหน่ง
ปกติ
A
31
ความถี่ (Frequency) : f
32
คาบ(Period) : T
คือช่วงเวลาระหว่างจุดสองจุดที่เหมือนกันทุกประการ
ที่คลื่นที่อยูถ่ ุดไปใช้ในการเคลื่อนที่ผา่ น
1 1
frequency f
period T
33
อัตราเร็ วของคลื่น (Wave speed) : v
คือระยะทางที่คลื่นแพร่ ไปได้ในตัวกลางต่อหน่วยเวลา
v = f
34
Wave Function
คือพิกดั ของจุดใดๆ ในตัวกลาง ณ เวลาหนึ่ง
ฟังก์ชนั่ คลื่น y(x,t) เป็ นฟังก์ชนั่ ที่แสดงพิกดั บนแกน Y
ของตัวกลางที่พิกดั x ณ เวลา t ใดๆ
35
การเคลื่อนที่ของคลื่นดล (Pulse)
รู ปร่ างของคลื่นดล ณ เวลา t
= 0 เป็ นดังภาพด้านข้างนี้
พิกดั ของจุดใดๆบนคลื่น
อธิบายได้ดว้ ยสมการ
y (x,0) = f (x)
สมการนี้ อธิ บายระยะ
ทางในแนวดิ่ง y ของ
อนุภาคของเชือกที่ตำแหน่ง
x ใดๆ ณ เวลา t = 0
36
เมื่อเวลาผ่านไป t
คลื่นแพร่ ไปด้วยความเร็ ว v
ณ เวลา t คลื่นดลลูกนีเ้ คลื่อนที่
ไปเป็ นระยะทาง vt
รู ปร่ างของคลื่นดลไม่เปลี่ยนแปลง
พิกดั ของจุดใดๆ บนเส้นเชือก
อธิบายด้วยสมการ
y = f (x – vt)
37
การเคลื่อนที่ของคลื่นดล
คลื่นดลหนึ่งลูกเคลื่อนที่ไปทางขวา
y (x, t) = f (x – vt)
คลื่นดลหนึ่ งลูกเคลื่อนที่ไปทางซ้าย
y (x, t) = f (x + vt)
40
คลื่นรู ปไซน์(Sinusoidal
(Sinusoidal Waves)
จากรู ปจะเห็นว่าคลื่นเคลื่อนที่ไปทางขวา
สี น ้ำตาลแสดงรู ปคลื่น ณ เวลาเริ่ มต้น
เมื่อเวลาผ่านไป t คลื่นเคลื่อนที่ไปทางขวา ไปอยู่
ในตำแหน่งดังรู ปสี ฟ้า
แต่ละอนุ ภาคของตัวกลางจะเคลื่อนที่ข้ ึนลงแบบฮาร์ มอ
นิกส์อย่างง่าย ( simple harmonic
motion )
ต้องแยกให้ออกระหว่างการเคลื่อนที่ของคลื่นกับการ
เคลื่อนที่ของอนุภาคของตัวกลาง
41
ฟังก์ชนั คลื่นของคลื่นรู ปไซน์ ที่เคลื่อนที่ดว้ ย
อัตราเร็ ว v
คลื่นเคลื่อนที่ไปทางขวา
2
y ( x, t ) A sin x vt
คลื่นเคลื่อนที่ไปทางซ้าย
2
y ( x, t ) A sin x vt
42
คลื่นรู ปไซน์บนเส้นเชือก
เพื่อที่จะสร้างคลื่นดลต่อเนื่อง ด้าน
หนึ่งของเส้นเชือกจะต้องติดกับกลไก
ที่มีการสัน่
คลื่นที่ได้เป็ นคลื่นรู ปไซน์
จุด P ใดๆในเส้นเชือกจะเคลื่อนที่ข้ ึน
ลงแบบฮาร์มอนิก อย่างง่าย
(SHM) โดยมีความถี่ของการสัน่
เท่ากับความถี่ของกลไกที่ติดอยูก่ บั
ปลายเชือก
43
อัตราเร็ วของคลื่นบนเส้นเชือก
44
คุณสมบัติของความเป็ นคลื่น
การสะท้อน ( Reflection)
การหักเห (Refraction)
การแทรกสอด (Interference)
การเลี้ยวเบน (Diffraction)
45
การสะท้อนของคลื่นในเส้นเชือกที่ตรึ งไว้ดา้ นเดียว
เมื่อคลื่นดลถึงด้านที่ตรึ งไว้ จะ
สะท้อนถอยหลังกลับไป
โดยคลื่นดลที่สะท้อนจะกลับทาง
( inverted)
46
การสะท้อนของคลื่นในเส้นเชือกที่ไม่ได้ตรึ งไว้
เมื่อไม่ได้ตรึ งเส้นเชือกไว้
เชือกก็สามารถเคลื่อนที่ข้ ึน
ไปได้ ทำให้คลื่นที่สะท้อน
กลับไม่กลับทาง
47
การสะท้อนของคลื่นในเส้นเชือก
48
การสะท้อนของคลื่น (Relfection)
หมายถึง การที่คลื่นเคลื่อนที่จากตัวกลางหนึ่งแล้วกระทบกับตัวกลางที่มีความ
หนาแน่นมากกว่าจะสะท้อนกลับสู่ ตวั เดิม โดยการสะท้อนจะเป็ นไปตามกฎการ
สะท้อน
คลื่นตกกระทบ เป็ นคลื่นที่เคลื่อนที่เข้าสู่ แผ่นกั้น
คลื่นสะท้อน เป็ นการเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศกลับจากแผ่นกั้น
มุมตกกระทบ (ө1 ) เป็ นมุมที่ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นตกกระทบทำกับเส้น
แนวฉาก
มุมสะท้อน (ө2 ) เป็ นมุมที่ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นสะท้อนทำกับเส้นแนว
ฉาก
เส้นแนวฉาก เป็ นเส้นที่ลากตั้งฉากกับแผ่นกั้น
49
กฎการสะท้อน
มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน
ทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นตกกระทบ (รังสี ตกกระทบ)
เส้นแนวฉากหรื อเส้นปกติ และทิศการเคลื่อนที่ของ
คลื่นสะท้อน (รังสี สะท้อน) อยูใ่ นระนาบเดียวกัน
50
การสะท้อนของคลื่น
51
คลื่นเส้นตรงเคลื่อนที่กระทบแผ่นสะท้อนรู ป
พาราโบลา
คลื่นสะท้อนจะมีทิศพุง่ สู่ จุดโฟกัส ทำให้คลื่นสะท้อน
เป็ นวงกลม
52
คลื่นวงกลมอยูท่ ี่จุดโฟกัส และตกกระทบแผ่น
พาราโบลา
ก็จะได้คลื่นสะท้อนเป็ นเส้นตรง
53
การหักเห (Refraction)
เมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากตัวกลางหนึ่งไปสู่ อีกตัวกลางหนึ่ง
จะเกิดการหักเห
สำหรับคลื่นน้ำถือว่าน้ำตื้นและน้ำลึกเป็ นคนละ
ตัวกลางกัน การหักเหของคลื่นน้ำเมื่อคลื่นเคลื่อนที่
จากบริ เวณน้ำลึกไปน้ำตื้น
ความยาวคลื่นของคลื่นน้ำจะเปลี่ยนไป โดย
ความยาวคลื่นในน้ำลึกจะยาวกว่าในน้ำตื้น เพราะคลื่น
น้ำเคลื่อนที่ในน้ำลึกได้เร็ วกว่าในน้ำตื้น
54
การหักเหลักษณะนี้ แนวการเคลื่อนที่
ของคลื่นไม่เปลี่ยนแต่ความเร็ วของ
คลื่น ความยาวคลื่นเปลี่ยนไปโดย
ความถี่มีค่าคงเดิม
f1 = f2
v1 v2
1 2
v1 1
v2 2 55
การหักเหกรณี หน้าคลื่นตกกระทบไม่ต้ งั ฉากกับรอยต่อ
การหักเหลักษณะนี้ จะทำให้แนวการ
เคลื่อนที่ของคลื่นเปลี่ยนไป
เกิดมุมตกกระทบ(ө1) และมุม
หักเห (ө2)
อัตราส่ วนของค่าไซน์ของมุมตกกระ
ทบ( sinө1 )ต่อค่าไซน์ของมุม
หักเห( sinө2 ) ของตัวกลางน้ำ
ลึกน้ำตื้นคู่หนึ่งๆจะเท่ากับอัตราส่ วน sin 1 1 v1
ของความยาวคลื่นและอัตราส่ วนของ
ความเร็ วของคลื่น sin 2 2 v2 56
Reference
57