Professional Documents
Culture Documents
23หลักฐานบิกแบงและกาแล็กซี
23หลักฐานบิกแบงและกาแล็กซี
หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบ๊ ก
ิ แบง
1. การขยายตัวของเอกภพ
รับชมวีดิโอ
หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบ๊ ก ิ
แบง
1. การขยายตัว
ของเอกภพ
เอ็ ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble) นัก
ดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้สังเกตการ
เคลื่อนที่ของกาแล็กซีต่าง ๆ และวัดระยะ
ห่างจากผู้สังเกต(โลก)กับกาแล็กซี
เมื่อนำข้อมูลมาเขียนกราฟความสัมพันธ์
ระหว่างระยะห่างกับความเร็วในการ
เคลื่อนที่ของกาแล็กซีออกจากผู้สังเกต พบ
1 pc = 3.26
ว่า กราฟที่ได้มีลักษณะเป็ นเส้นตรง
ปี แสง
1 ปี แสง = km
C m/s
C km/s
o จากกราฟ แสดงว่าความเร็วในการ
เคลื่อนที่ของกาแล็กซีออกจากผู้สังเกต
หรือ ความเร็วถอยห่าง (Recessional
velocity) แปรผันตรงกับระยะห่าง
ระหว่างกาแล็กซี
สามารถนำความสั กับ
มพั นผู
ธ์้ส
นังว
ี ้ เกต
่า
กฎฮับเบิล-เลอร์แมท (Hubble
Lemaite’s Law)
V คือ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของกาแล็กซีออก
จากผู้สังเกต
หรือความเร็วถอยห่าง (kms-1)
D คือ ระยะห่างระหว่างกาเล็กซีกับผู้สังเกต
(Mpc)
H0 คือ ค่าคงตัวของฮับเบิล (Hubble constant
เ หน
็ วา
่ กรา ฟทไ
่ ี ด้มี
จะ
ลักษณะคล้ายกัน
2. ไมโครเวฟพื้นหลังจาก
นักวิทยาศาสตร์ ได้ตงั ้ สมมติอวกาศ
ฐานว่า ถ้าเอกภพเริ่มต้นจากบิ๊กแบงเมื่อ
ประมาณ 13,800 ล้านปี มาแล้ว เอกภพควรมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าที่เกิดใน
ช่วงวิวัฒนาการของเอกภพค้างอยู่ในอวกาศ ถ้าเอกภพมีการขยายตัว
อุณหภูมิพ้นื หลังหรืออุณหภูมิเฉลี่ยของอวกาศควรลดลง และมีค่า
สอดคล้องกับอุณหภูมิของการแผ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าที่เหลืออยู่
รัลฟ์ อัลเฟอร์ (Ralph Alpher) และ โรเบิร์ต เฮอร์แมน (Robert
Herman)ในปี พ.ศ. 2491 ได้พยายามคำนวณหาอุณหภูมิพ้น ื หลังของ
เอกภพ ซึ่งได้ค่าประมาณ 5 เคลวิน
ในปี พ.ศ. 2508 อาร์โน เพนเซียส (Arno A.
Penzias)และ โรเบิร์ต วิลสัน (Robert W. Wilson)
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันจากห้องปฏิบัติการโทร
ศัพท์เบล ขณะทดสอบระบบเครื่องรับสัญญาณที่ติด
อยู่กับกล้องโทรทรรศน์วิทยุ และพบสัญญาณรบกวน
ในช่วงคลื่นไมโครเวฟตลอดเวลา แม้มีการปรับ
เปลี่ยนทิศทางของเสาอากาศแล้วก็ตาม ยังพบ
สัญญาณรบกวนอยู่ในทุกทิศทาง
เมื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับผลจากแบบจำลอง
o ในปี พ.ศ. 2532 NASAตามทฤษฎี บ๊ ก
ิ แบงของ
ได้ส่งดาวเที ยมสำรวจอวกาศโคบี (Cosmic โร
Background Explorerเบิร์ต : ดิCOBE)ขึ
ก (Robert น Dicke) และคณะ
้ ไปในอวกาศ ซึ่งกำลัง
เพื่อตรวจสอบและ
ศึกษาอุ
ยืนยันการพบไมโครเวฟพื ้นณหลัหภู มิพ้น
ื หลังของเอกภพ ทำให้ได้ข้อสรุปว่า
งจากอวกาศ
คลื
o คลื่นไมโครเวฟพื้นหลั ่ นที่พบดังกล่ก
งจากอวกาศมี าวเป็ นไมโครเวฟพื
ารกระจาบยตั วอย่้นาหลั งจากอวกาศ
งสม่ำเสมอ
ในทุกทิศทางจากอวกาศ และมีความสอดคล้องกับการแผ่รังสีของวัตถุ
บทที่ 1 เอกภพ
กาแล็กซีและกาแล็กซีทางช้างเผือก
กาแล็กซี
ช่วงเวลาประมาณ 300,000 ปี – 1,000 ล้านปี หลังบิ๊กแบง อะตอม
ของไฮโดรเจนและฮีเลียมรวมตัวกันเกิดเป็ นเนบิวลา เนบิวลายุบตัวเกิด
เป็ นดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์อยู่รวมกันเป็ นกาแล็กซี หรือดาราจักร
กาแล็กซีประกอบด้วยดาวฤกษ์หลายล้านดวงที่อยู่รวมกันเป็ นระบบ
เนบิวลา และสสารระหว่างดวงดาว (Interstellar medium) โดยองค์
ประกอบทัง้ หมดของกาแล็กซีอยู่รวมกันด้วยแรงโน้มถ่วง
จากการสังเกตกาแล็กซีบนท้องฟ้ าด้วยกล้องโทรทัศน์ พบว่า กาแล็กซีมี
รูปร่างแตกต่างกัน เช่น กาแล็กซีรี กาแล็กซีเลนส์ กาแล็กซีกังหัน
กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน และนอกจากนีย ้ ังมีกาแล็กซีอีกจำนวนมากที่
ไม่มีรูปร่าง เรียกว่า กาแล็กซีไร้รูปแบบ
ประเภทของกาแล็กซี
ดุม
กาแล็กซี
ระบบ
สุริยะ
จาน
นิวเคลียส
ฮาโล
คำถามตอน
ที่ 2
2. นำคำที่กำหนดให้ข้างต้นเติมในช่องว่างหน้าข้อความให้
ฮาโล
สอดคล้ องกับคำอธิบาย
ก.นิ…………………….บริ
วเคลียส เวณที่อยู่รอบนอกสุดของกาแล็กซีทางช้าง
เผือกจาน
ข. …………………….บริเวณที่มีจำนวนดาวฤกษ์รวมตัวกันอย่างหนา
แน่น
ค. ………………….บริเวณที่มองเห็นเป็ นเกลียวคล้ายกังหันและเป็ น
ตำแหน่งที่อยู่ของระบบสุริยะ
คำถามท้ายกิจกรรม
แนวคำตอบ กาแล็กซีทางช้างเผือกมีรูปร่างเป็ น
กาแล็กซีกันหันมีคาน โครงสร้างประกอบด้วย
นิวเคลียส จาน และฮาโล
แนวคำตอบ ระบบสุริยะอยู่ที่โครงสร้างส่วนที่เป็ น
จาน โดยอยู่ห่างจากศูนย์กลางของกาแล็กซี
ประมาณ 30,000 ปี แสง
สรุป
กาแล็กซีทางช้างเผือก มีโครงสร้างหลัก คือ
นิวเคลียส จาน และ ฮาโล โดยนิวเคีลยสอยู่ในส่วน
ที่เรียกว่า ดุมกาแล็กซี และตำแหน่งของระบบ
สุริยะอยู่ในบริเวณจานของกาแล็กซี