Professional Documents
Culture Documents
3.acute - Appendicitis (Kittima 10.8.54) PDF
3.acute - Appendicitis (Kittima 10.8.54) PDF
Acute appendicitis
1
Anatomy and Function
ไส้ติงเริ มพบได้ตงแต่
ั อายุ 8 สัปดาห์ บริ เวณส่วนต้นของลําไส้ใหญ่ โดยขณะทีเจริ ญเติบโตนันอัตราการจริ ญ
เติบโตของลําไส้ใหญ่ส่วนต้นนันรวดเร็ วกว่าไส้ติงทําให้ถูกเบียดไปด้านในทาง IC valve โดยฐานของไส้ติงจะอยูค่ งที
สัมพันธ์กบั ตําแหน่ง inferomedial ของลําไส้ใหญ่ส่วนต้น แต่ปลายนันอาจอยูไ่ ด้หลายตําแหน่ง (retrocecal, pelvic,
subcecal, preileal, or right pericolic position) บริ เวณที taeniae coli ทังสามเส้นมาพบกันนันเป็ นตําแหน่งของไส้ติง
และเป็ นจุดสังเกตทีสําคัญในการระบุตาํ แหน่งของไส้ติง ความยาวของไส้ติงพบได้ตงแต่
ั 1-30 ซม. ส่วนใหญ่ความยาว
ประมาณ 6-9 ซม.
Historical Background
Incidence
2
เทียบกับชาย (22.2% เทียบกับ 9.3%), negative appendectomy rate ในหญิงวัยเจริ ญพันธุ์ 23.2% (สูงสุดในช่วงอายุ
40-49 ปี ), negative appendectomy rate สูงสุดในช่วงอายุมากกว่า 80 ปี
3
Bacteroides Fragilis group8,9 การขาดเลือดอย่างต่อเนืองเป็ นผลให้ผนังไส้ติงตายและทะลุในทีสุด (มักพบบริ เวณด้าน
antimesentery ใกล้จุดทีอุดตัน) อย่างไรก็ตามมีหลายการศึกษารายงานเกียวกับไส้ติงอักเสบเฉี ยบพลันทังทีมีและไม่มี
ภาวะแทรกซ้อน และมีผปู ้ ่ วยไส้ติงเฉี ยบพลันหลายกรณี ทีอาการดีขึนได้เอง9
Bacteriology
Clinical Manifestations
Symptoms
4
ยาวและมีการอักเสบบริ เวณปลายทีชีไปยังท้องน้อยด้านซ้ายก็ทาํ ให้ปวดบริ เวณนีได้ ในกรณี retrocecal type อาจทําให้เกิด
อาการปวดบริ เวณสี ขา้ งหรื อหลัง pelvic type มักปวดบริ เวณเหนือหัวหน่าวและ retroileal type อาจมีอาการปวดลูก
อัณฑะได้จากการะระคายเคืองบริ เวณ spermatic artery และท่อไต ในกรณี ทีมี intestinal malrotation ก็จะมีอาการปวดที
เปลียนไปจากนี โดยใน visceral pain จะปวดตําแหน่งเดิม แต่ใน somatic pain ตําแหน่งทีมีอาการปวดขึนกับตําแหน่ง
ของลําไส้ใหญ่ส่วนต้นทีเปลียนไป
Signs
ตรวจร่างกายใช้เพือดูว่าไส้ตงอั
ิ กเสบนันได้มกี ารแตกทะลุแล้วหรือไม่ โดยสัญญาณชีพมักจะมีการ
เปลียนแปลงน้อยในกรณีไส้ตงอัิ กเสบทียังไม่มภี าวะแทรกซ้อน ภาวะอุณหภูมกิ ายทีเพิมขึนมากกว่า 1 องศาเซลเซียส
นันพบได้น้อย ชีพจรมักอยู่ในระดับปกติหรือเพิมขึนได้เล็กน้อย การเปลียนแปลงทีกล่าวมาทังหมดอาจมีเพิมมากขึนได้
ในกรณีทเกิ
ี ดภาวะแทรกซ้อนของไส้ตงอั ิ กเสบแล้วหรือการวินิจฉัยเป็ นอย่างอืน
การตรวจร่ างกายทีมักพบในผูป้ ่ วยไส้ติงอักเสบเฉี ยบพลัน คือ กดเจ็บมากทีสุดบริ เวณ McBurney point, directed
rebound tenderness positive, indirect rebound tenderness positive ซึงมักจะปวดไปบริ เวณท้องน้อยด้านขวาบ่งบอก
ถึงการระคายเคืองของเยือบุช่องท้องเฉพาะที, Rovsing sign คืออาการปวดท้องน้อยด้านขวาเมือกดท้องน้อยด้านซ้าย ซึง
บ่งชีถึงการมีการระคายเคืองเยือบุช่องท้องเช่นกัน, cutaneous hyperesthesia ในบริ เวณทีเลียงด้วย spinal nerves (right
T10-12) เป็ นอาการทีมักพบร่ วมกับภาวะไส้ติงอักเสบ ในผูป้ ่ วยทีมีอาการชัดเจนนัน อาการแสดงนีอาจไม่จาํ เป็ น แต่ใน
early case นัน อาการแสดงนีอาจเป็ นอาการแสดงแรกทีพบได้ โดยใช้เข็มหรื อการหยิบผิวหนังเบาๆ
5
การทีตําแหน่งของไส้ติงอักเสบนันมีความหลากหลายนําไปสู่การตรวจร่ างกายได้ต่างๆกัน โดยใน retroceacal
appendix นันการตรวจหน้าท้องอาจไม่ชดั เจน และกดเจ็บมากทีสุดอาจเป็ นบริ เวณสี ขา้ งแทน เมือไส้ติงห้อยไปอยูบ่ ริ เวณ
อุง้ เชิงกรานนันการตรวจหน้าท้องอาจไม่พบความผิดปกติเลยก็ได้ ทําให้การวินิจฉัยผิดพลาดได้หากไม่ได้มีการตรวจทวาร
ร่ วมด้วยซึงจะเจ็บบริ เวณเหนือหัวเหน่าเมือกดตรวจบริ เวณ cul-de-sac อาการแสดงของการระคายเคืองกล้ามเนืออาจตรวจ
พบได้เช่น psoas sign นันเป็ นข้อบ่งชีว่ามีการระคายเคืองบริ เวณกล้ามเนือนี โดยการตรวจทําได้โดยให้ผปู ้ ่ วยนอนตะแคง
ด้านซ้ายค่อยๆ extent ขาขวาเป็ นการยืดกล้ามเนือ iliopsoas แล้วผูป้ ่ วยมีอาการเจ็บ คล้ายกับ obturator sign of
hypogastric จะเจ็บเมือมีการยืดกล้ามเนือ obturator internus ซึงบ่งบอกว่ามีการระคายเคืองในอุง้ เชิงกราน ทําได้โดย
internal rotation ของขาขวา (flexed hip and knee ) ในท่านอนหงาย
Laboratory Findings
Imaging Studies
ส่วน radiography อืนๆเช่น barium enema, radioactively labeled leukocyte scans ถ้าพบว่ามี barium fill
ในไส้ติงนันสามารถแยกโรคได้ แต่ในกรณี ทีไม่พบนันไม่สามารถแยกได้
6
ทํา graded compression technique คือการที apply steady, gradual pressure บริ เวณท้องน้อยด้านขวาล่างโดย
พยายามทําให้ลาํ ไส้ทีปกตินนแฟบลด
ั gas ในลําไส้เพือให้มองเห็นไส้ติงได้ดีขึน12
Ultrasound ในผูป้ ่ วยตังครรภ์ มี variable sensitivity ตังแต่ 66-100% แต่ specificity ดีมาก 95-96%12
ถึงแม้วา่ ultrasound จะสามารถ indentified abscessed ในผูป้ ่ วยทีมี perforation ได้แต่ก็ยงั มีขอ้ จํากัดทีผูท้ าํ
ultrasound (user dependent) สามารถพบ false positive ได้ในกรณี ทีมีการอักเสบรอบๆไส้ติง การบวมของท่อนําไข่ก็
อาจทําให้เข้าใจผิดว่าเป็ นไส้ติงอักเสบได้ อุจจาระในลําไส้ก็อาจทําให้เข้าใจว่าเป็ น appendicolith ก็ได้ ผูป้ ่ วยทีอ้วนอาจไม่
สามารถ compress ไส้ติงได้จากการทีมี fat มาก false negative พบได้ในกรณี ทีไส้ติงอักเสบเกิดบริ เวณปลายไส้ติง ส่วน
ไส้ติงทีวางอยูห่ ลัง cecum และมีขนาดใหญ่มากก็อาจเข้าใจผิดว่าเป็ นลําไส้เล็กได้ หรื อการทีไส้ติงมีการอักเสบจนทะลุแล้ว
นันก็ทาํ ให้ compress ได้เช่นกัน
High resolution helical CT จะเห็น inflamed appendix และมีผนังหนา โดยดูจาก การทีมี dirty fat, thick
mesoappendix, phlegmon สามารถเห็น fecalith ได้ง่ายจากการทํา CT แต่ก็ไม่ได้เป็ น pathognomonic ของภาวะไส้ติง
อักเสบ แต่ความผิดปกติทีสําคัญทีเกิดจากการหนาตัวของ cecum และมี contrast บริ เวณ orifice ของไส้ติงทีมีการอักเสบ
(arrowhead sign) CT scan เป็ นเทคนิคทีดีใช้ในการแยก inflammatory process อืนๆทีมาด้วยอาการคล้ายไส้ติงอักเสบ
7
วินิจฉัยว่าเป็ นไส้ติงอักเสบเมือ ขนาดหรื อเส้นผ่าศูนย์กลางของไส้ติงมากกว่า 6 มม.ขึนไป ความหนาของผนังไส้
ติงมากกว่า 1 มม.และมี abnormal enhancement ซึงการวัดความหนาอาจทําได้ยาก การพบ appendicolith ร่ วมกับ
secondary sign ในไส้ติงอักเสบเช่น periappendiceal fat stranding หรื อการพบ cecal wall ทีหนาบวมช่วยสนับสนุน
การวินิจฉัยว่ามีไส้ติงอักเสบ แม้จะไม่เห็นตัวไส้ติงโดยตรง การตรวจด้วย CT ถ้าไม่พบไส้ติงหรื อไม่พบลักษณะของการ
อักเสบของไส้ติงโอกาสเป็ นไส้ติงอักเสบจะเป็ นไปได้นอ้ ย13
ในผูป้ ่ วยทีมี perforated appendicitis การตรวจพบใน CT scan ได้แก่ การพบ phlegmon, abscess,
extraluminal gas, extraluminal appendicolith และ focal defect หรื อรู ทะลุทีผนังของไส้ติงทีดูได้จาก enhancement14
CT scan ; sensitivity 90-100%, specificity 91-99%, positive predictive value 92-98%, and negative
predictive value 95-100%15 มีหลายการศึกษาทีใช้ CT scan เพือ workup ในรายทีสงสัยภาวะไส้ติงอักเสบพบว่า
improve diagnostic accuracy ลด negative appendectomy 19-22%16 และ incidence ของ negative appendectomy
ในผูป้ ่ วยหญิง ลดลงจาก 24% เป็ น 5% แต่ขอ้ เสี ยของการทํา CT scan คือราคาแพง ผูป้ ่ วยต้อง expose ต่อรังสี และไม่
สามารถทําได้ในผูป้ ่ วยทีตังครรภ์
มีรายงานว่าการตรวจ non-enhanced helical CT โดยไม่กินหรื อสวนสารทึบแสงในผูป้ ่ วยทีสงสัยไส้ติงอักเสบ
เฉี ยบพลันก็มีความถูกต้องเช่นกัน โดยเฉพาะในกรณี ทีต้องการหลีกเลียงอันตรายจากสารทึบแสง Hershko และคณะ ได้
แนะนําให้ทาํ CT โดยสวนสารทึบแสงทางทวารหนัก พบว่ามีความถูกต้องแม่นยําร้อยละ 94 เมือเทียบกับการกลืนสารทึบ
แสงทางปากร่ วมกับการฉี ดสารทึบแสงทางหลอดเลือดดํา18
8
การใช้ specific manifestation ผูป้ ่ วยทีได้ score 9-10 มักจะเป็ น ไส้ติงอักเสบ และได้รับประโยชน์นอ้ ยจากการตรวจ
เพิมเติมควรนําไปผ่าตัดเลย score 7-8 มีความน่าจะเป็ นไส้ติงอักเสบค่อนข้างมาก ส่วน score 5-6 นันอาการเข้ากันได้กบั
ไส้ติงอักเสบ แต่ยงั ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ในกลุ่มนีนันเหมาะทีจะทํา CT scan และอาจทําในกลุ่ม score 7-8 ถ้าสามารถ
ทําได้ ส่วนใน score 0-4 นันยากทีจะตัดสิ นว่าคุม้ ค่ากับการ expose รังสี และค่าใช้จ่ายทีจะเกิดขึนหรื อไม่เนืองจากความ
น่าจะเป็ นไส้ติงอักเสบนันน้อยมาก
Specificity 92.5% ในผูป้ ่ วยชาย และ 76.6% ในผูป้ ่ วยหญิง negative appendectomy 7.4% ในผูป้ ่ วยชาย และ
23.3% ในผูป้ ่ วยหญิง19
9
Appendiceal rupture
Appendiceal rupture มักเกิดบริ เวณทีอยู่ distal ต่อจุดทีมี obstruction ตามขอบฝัง antimesenteric ต้องสงสัย
ภาวะนีเมือผูป้ ่ วยมีไข้สูงกว่า 39°C มี WBC มากกว่า 18,000 cell/mm3 และส่วนใหญ่มีมี localized rebound tenderness
แต่ถา้ ผูป้ ่ วยมี walling-off process ทีไม่ดีก็อาจมี generalized peritonitis ได้
10
Treatment
PREOPERATIVE PREPARATION
เตรี ยมผูป้ ่ วยเพือการผ่าตัด โดยการให้ hydration แก้ไขภาวะสมดุลเกลือแร่ ทีผิดปกติ ในผูป้ ่ วยทีมีภาวะ severe
dehydration ควรใส่สายสวนปั สสาวะเพือประเมินปริ มาณปั สสาวะ จากการศึกษา meta analysis ขนาดใหญ่พบว่าการให้
preoperative antibiotic นันได้ประโยชน์ ช่วยลด infectious complication แต่ไม่มี ประโยชน์ในกรณี ทีให้เกิน 24 ชม.
ในกรณี ทีพบว่าเป็ น perforated หรื อ gangrenous จะให้ต่อเนืองไปจนกว่าจะไม่มีไข้ และ white blood cell count ปกติ
โดย surgical infection society แนะนําให้เป็ น single agent therapy ใน mild to moderate severity intra-
abodominal infection เป็ น cefoxitin, cefotetan หรื อ ticarcillin-clavulanic acid ส่วนในกรณี severe infections
แนะนําให้ single therapy เป็ น carbapenems หรื อ combination therapy เป็ น third-generation cephalosporin,
monobactam, หรื อ aminoglycoside ร่ วมกับ anaerobic coverage เช่น clindamycin หรื อ metronidazole20
Open Appendectomy
Incision :
มีหลายเทคนิคในการ locate ตําแหน่งของไส้ติง ส่วนใหญ่มกั เห็น cecum บริ เวณทีเปิ ดแผล การติดตาม taeniae
สามารถตามไปจนถึงฐานของไส้ติงได้ หรื ออาจทําโดยการกวาดลําไส้จากด้าน lateral ไปยังด้าน medial สามารถทําให้
ปลายของไส้ติงออกมาบริ เวณผ่าตัดได้ บางครังอาจต้อง mobilization cecum เพือทําให้การมองเห็นดีขึน และเมือพบไส้ติง
แล้วก็สามารถแยกออกจาก mesoappendix และ ligate appendiceal artery ได้
การ manage appendiceal stump อาจทําเป็ น simple ligation หรื อ ligation + inversion โดยวิธี purse-string
หรื อ Z-stitch ก็ได้ โดยที base ของ cecum ไม่มี inflammation สามารถ ligate ได้อย่างปลอดภัยด้วย non absorbable
suture และมักต้อง oblitered mucosa เพือหลีกเลียงการเกิด mucocele ถ้ามีการแตกของไส้ติง หรื อเป็ น gangrene ใน
ผูใ้ หญ่ ให้เปิ ดแผลไว้ 4-5 วันจึง delay suture
11
ถ้าไม่พบว่าเป็ นไส้ติงอักเสบ ควรมองหาความผิดปกติอืนๆในช่องท้อง ตังแต่ cecum และ mesentery และ
small bowel เริ มตังแต่ ileocecal valve ไปจนอย่างน้อย 2 ฟุต ในผูป้ ่ วยหญิง ควรมองหาความผิดปกติใน pelvic organ
รวมถึง upper abdominal content ด้วย peritoneal fluid ควรส่งตรวจ gram stain และ เพาะเชือ ด้วย ถ้าเป็ น purulent
fluid ควรจะต้องมองหา source ให้ได้ อาจต้อง extent incision ไปด้าน medial (Fowler-Weir) รวมถึง devide anterior
และ posterior sheath ด้วยเพือประเมินอวัยวะใน lower abdomen ถ้าพบว่ามี pathology บริ เวณ upper abdomen ควร
ปิ ดแผลบริ เวณ right lower quadrant และเปิ ดแผลบริ เวณ upper midline
Laparoscopic Appendectomy
12
ระยะเวลาการอยูร่ พ.ขึนกับว่าไส้ติงแตกหรื อไม่เป็ นสําคัญ ในการศึกษาเกือบทังหมดพบว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องนันทํา
ให้ระยะเวลาทีกลับมาทํากิจกรรมได้อย่างปกติ รวมถึงการไปทํางานและเล่นกีฬาได้นนสั
ั นกว่า
พบว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องในภาวะไส้ติงอักเสบนันได้ประโยชน์มากกว่าการผ่าตัดแบบเปิ ดเพียงเล็กน้อยใน
ผูป้ ่ วยชาย 15-45 ปี ทีรู ปร่ างผอมและได้รับการวินิจฉัยทีชัดเจน แต่อาจได้ประโยชน์ในผูป้ ่ วยทีอ้วน ซึงการผ่าตัดแบบเปิ ด
อาจทําได้ยากกว่า มีการศึกษาแบบย้อนหลังในผูป้ ่ วย 116 คนทีมี BMI 35 มีระยะเวลาการนอนรพ.หลังผ่าตัดสันกว่าอย่าง
ชัดเจนในกลุ่มทีผ่าตัดแบบส่องกล้อง และสามารถเย็บปิ ดแผลได้เลยทังหมด เมือเทียบกับกลุ่มทีผ่าตัดแบบเปิ ดเย็บได้เพียง
58% แต่ไม่มีความแตกต่างกันในแง่ของการเกิดแผลติดเชือ และไม่มีรายงานเกียวกับ intra-abdominal infection
SURGICAL OUTCOMES
การผ่าตัดไส้ติงนันทําได้ทงเปิ
ั ดช่องท้องและส่องกล้อง โดยประมาณ 58% ในการผ่าตัดไส้ติงทังหมดใน United
states ทําแบบส่องกล้อง โดยการเลือกทํานันขึนกับการวินิจฉัยผูป้ ่ วย ประวัติการผ่าตัดมาก่อน อายุ เพศ รู ปร่ าง และ
ศัลยแพทย์ผทู ้ าํ การผ่าตัดด้วย
13
significantly worse outcomes เมือทําแบบส่องกล้อง : อัตราการ intra-abdominal abscess เพิมขึน (OR
1.77, CI 1.14-2.76), ระยะเวลาการผ่าตัดนานขึน (10 minutes, CI 6-15 minutes), ค่าใช้จ่ายในรพ.และการผ่าตัด
สูงขึน เมือเทียบกับผ่าตัดแบบเปิ ด21
14
สามารถรักษาได้ดว้ ยการให้ยาฆ่าเชือเพียงอย่างเดียว ดังนันการผ่าตัดก็ยงั คงเป็ น gold standard ในการรักษาผูป้ ่ วยไส้ติง
อักเสบอยู่
Interval Appendectomy
15
Reference
1. Flum DR, Koepsell T: The clinical and economic correlates of misdiagnosed appendicitis: Nationwide
analysis. Arch Surg 137:799, 2002.
2. Fischer JE, Bland KI, Callery MP. Appendicitis and Appendiceal Abcess. Mastery of Surgery. 5th
Edition. Philidelphia: Wolters Kluwer/Lippincott Williams & Wilkins, 2007:1430–1434.
3. Sauerland S, Lefering R, Neugebauer EAM. Laparoscopic versus open surgery for suspected
appendicitis. Cochrane Database of Systematic Reviews 2004, 4.
4. Nakhamiyayev V, Galldin L, Chiarello M, Lumba A, Gorecki PJ.Laparoscopic appendectomy is the
preferred approach for appendicitis: a retrospective review of two practice patterns. Surg Endosc
Published online 03 September 2009.
5. Guller U, Hervey S, Purves H, Muhlbaier LH, Peterson ED,Eubanks S, Pietrobon R. Laparoscopic
Versus Open Appendectomy: Outcomes Comparison Based on a Large Administrative Database.
Annals of Surgery January 2004;239(1):43–52.
6. Addiss DG, Shaffer N, Fowler BS, Tauxe RV. The epidemiology of appendicitis and appendectomy in
the United States. American Journal of Epidemiology April 1990;132(5):910–925.
7. Birnbaum BA, Wilson SR. Appendicitis at the Millennium.Radiology May 2000;215:337–348.Rautio M,
Saxén H, Siitonen A, Nikku R, Jousimies-Somer H.Bacteriology of histopathologically defined
appendicitis in hildren. The Pediatric Infectious Disease Journal November 2000;19(11): 1078–1083.
8. Bennion RS, Baron EJ, Thompson JE, Downes J, Summanen P, Talan DA, Finegold SM. The
Bacteriology of Gangrenous and Perforated Appendicitis- Revisited. Ann. Surg February
1990;211(2):165–171.
9. Rautio M, Saxén H, Siitonen A, Nikku R, Jousimies-Somer H. Bacteriology of histopathologically
defined appendicitis in hildren. The Pediatric Infectious Disease Journal November 2000;19(11): 1078–
1083.
10. Soffer D, Zait S, Klausner J, et al: Peritoneal cultures and antibiotic treatment in patients with
perforated appendicitis. Eur J Surg 167:214, 2001.
11. Bower RJ, Bell MJ, Ternberg JL: Diagnostic value of the white blood count and neutrophil percentage
in the evaluation of abdominal pain in children. Surg Gynecol Obstet 152:424, 1981.
12. Nancy A. Parks, Thomas J. Update on Imaging for Acute Appendicitis. Surg Clin N Am 91 (2011) 141–
154
13. Rybkin AV, Thoeni RF. Current concepts in imaging of appendicitis. Radiol Clin N Am 2007; 45: 411-
422.
14. Horrow MM, White DS, Horrow JC. Differentiation of perforated from nonperforated appendicitis at CT
radiology 2003; 227: 46-51.
15. Birnbaum BA, Wilson SR. Appendicitis at the millennium. Radiology 2000;215: 337–48.
16. Weyant MJ, Eachempati SR, Maluccio MA, et al: Interpretation of computed tomography does not
correlate with laboratory or pathologic findings in surgically confirmed acute appendicitis. Surgery
128:145, 2000.
16
17. Hof KH, Lankeren WV, Krestin GP, Bonjer HJ, et al. Surgical validation of unenhanced helical
computed tomography in acute appendicitis. Br J Surg 2004; 91:1641-1645
18. Hershiko DD, Awad N, Fischer D, et al. Focused helical CT using rectal contrast material only as the
preferred technique for the diagnosis of suspected acute appendicitis: A prospective, randomized,
controlled study comparing three different techniques. Dis colon Rectum 2007: 50; 1223-1229.
19. Suboti AM, Sijacki AD, Dugali VD, Anti AA, et al. Evaluation of the Alvarado score in the diagnosis of
acute appendicitis. Acta Chir Iugosl. 2008;55 :55-61.
20. Mazuski JE, Sawyer RG, Nathens AB, et al: The Surgical Infection Society guidelines on
antimicrobial therapy for intra-abdominal infections: An executive summary. Surg Infect 3:161, 2002.
21. Sauerland S, Jaschinski T, Neugebauer EA. Laparoscopic versus open surgery for suspected
appendicitis.Cochrane Database Syst Rev. 2010;
22. Styrud J, Eriksson S, Nilsson I, et al: Appendectomy versus antibiotic treatment in acute appendicitis:
A prospective multicenter randomized controlled trial. World J Surg 30:1033, 2006.
23. Marudanayagam R, Williams GT, Rees BI: Review of the pathological results of 2660
appendicectomy specimens. J Gastroenterol 41:745, 2006.
24. Lai HW, Loong CC, Chiu JH, et al. Interval appendectomy after conservative treatment of an
appendiceal mass. World J Surg 2006; 30: 351-357
25. Andersson RE, Petzold MG. Nonsurgical treatment of appendiceal abscess or phlegmon: a
systematic review and meta-analysis. Ann Surg. 2007 ;246:741-8.
26. Cornfiel L. interval appendectomy after appendiceal mass or abscess in adults What is best practice?
Surg Today 2007; 37:1-4.
17